สงู อายุ
ความเสื่อมต่างๆและปัญหาทางสุขภาพ 1. การเปล่ยี นแปลงทางรา งกาย ผูสูงอายุเปน ผทู ี่มโี ครงสรา งและการทาํ หนา ทีต่ างๆ ของรา งกายเส่อื มลง เชน - ศนู ยก ระตนุ ความอยากอาหารทาํ งานลดลง การมีเหงือกรน การยึดตดิ ของฟน กับกระดูกเหงอื กไมแนน เหงอื กอกั เสบ เกิดฟน คลอนขณะเค้ยี วหรือกดั อาหาร มฟี น ผุ หรอื ฟนรวงหลุด สงผลใหก ารบดเคี้ยวอาหาร ลาํ บาก ไมล ะเอยี ด ตองรบั ประทานนมิ่ ๆ ชนดิ เดมิ ซําๆ - การเคลอ่ื นไหวของหลอดอาหาร การยอยอาหาร การดูดซมึ ของกระเพาะอาหารและลาํ ไสลดลง การเผา ผลาญอาหารลดลง การขบั ถายอุจจาระลดลง - มปี รมิ าณน้าํ ลายลดลงสง ผลใหขาดเอนไซมในการยอยแปง ปากและลิ้นแหง การรับรสลดลง -- การหลง่ั อินสลุ นิ จากตับออนลดลงและการดอื้ ตอ การออกฤทธ์ขิ องอินสลุ ิน สง ผลให การนาํ นําตาลเขาเซลลล ดลง - มวลกลา มเนอ้ื ของผูสงู อายเุ ห่ยี วลบี ลง สง ผลใหกําลงั การหดของกลา มเน้อื ลดลง ทําใหความสามารถในการเคลื่อนไหวรางกายของผูส ูงอายลุ ดลง มีโอกาสเกิดการหกลม ไดบ อย จงึ ทําใหผ ูส งู อายุไมกลา ทจ่ี ะไปในสถานทที่ ีไ่ มคุนเคย ยา กลําบากในการออกไปซื้ออาหารหรอื การออกไปกบั เพ่อื นฝูงเพอื่ รับประทานอาหารรว มกันลดลง สิง่ เหลาน้ี ทาํ ใหผ สู ูงอายมุ โี อกาสเกิดภาวะขาดอาหารจากการรบั ประทานอาหารไมเ พียงพอกบั ความตอ งการของรา งก าย
ความเส่อื มตา่ งๆและปัญหาทางสขุ ภาพ 2. ภาวะจิตสงั คม ผูส งู อายุทเ่ี คยทํางานประจาํ เมอ่ื ถึงวยั ที่เปน วัยเกษียณอายไุ มไดทํางานประจําแลว มกี ารเปลยี่ นแปลง สถานภาพ บทบาททางสังคม ขาดเพ่ือนทเ่ี คยมกี จิ กรรม วติ กกงั วล ขาดความม่นั ใจ เศรา โศก เก็บกด ซง่ึ ผสู ูงอายทุ ข่ี าด เพื่อนหรอื สงั คมมกั มปี ญ หาทางจิตสงั คมสูงกวาผสู งู อายทุ ี่มีครอบครัว ทาํ ใหผ สู งู อายขุ าดแรงกระตุนในการรบั ประทานอาหาร ทาํ ใหร ับประทานอาหารจํานวน นอ ยลง รับประทานอาหารไม ครบ 3 มื้อ ทาํ ใหม คี วามเส่ียงในการเกิดภาวะทพุ โภชนาการ 3. ภาวะเศรษฐกจิ ผสู ูงอา-ยุที่อPยPูในTวัยปเกรษะียกณอแบลกะไามรสสามอานรถขทอํางงานอไ.ดด ร.รจนา วริ ิยะสมบตั ิ ทาํ ใหม รี ายไดคงเดิมหรือลดลงแตรายจายสวนใหญเพิ่มข้ึน-โดยเฉพาะคา รกั ษาพยาบาลจากการทม่ี ีปญ หาทาง เศรษฐกจิ ทําใหผ ูสงู อายุไมสามารถหาซอ้ื อาหารท่ีตนเองตองการรับประทานได ตองรับประทานอาหารประเภทแปง และ ไขมนั เพราะรับประทานงา ยและราคาถูกกวา อาหารโปรตีน ทําใหเ กดิ ความไมสมดุลของภาวะโภชนาการ 4. การมีโรคประจําตัวของผูสูงอายุ ผสู ูงอายสุ ว นใหญมโี รคประจําตวั อยางนอ ย 1 โรค เชน โรคความดนั โลหิตสูง/ไขมนั ในเลอื ดสงู /คลอเลสเตอรอลในเลือด/โรคเบาหวาน/ โรคเกาท/โรครูมาตอยด/ปวดเขา หลงั และคอ /โรคหัวใจ ผสู ูงอายุ จึงแสวงหายาทั้งจากแพทยแพทยทางเลือก ซือ้ ยารบั ประทาน เอง ยาสมุนไพร ทําใหผ ูส ูงอายุมีการใชยาเพ่ิมมากขน้ึ ยา เหลานีม้ ีปฏกิ ิริยาตอยาดว ยกนั เองตอ รางกายและมผี ลตออาหารทไ่ี ดรบั เกดิ การขัดขวางการยอ ย การดูดซมึ การเผา ผลาญ และการขับออก ทาํ ใหผ ูสูงอายุเบือ่ อาหารหรือเพ่มิ การสูญเสียสารอาหารทําใหเ กดิ ภาวะทพุ โภชนาการ
ปจจยั เสยี่ งตอภาวะทุพโภชนาการในผูส ูงอายุ ● การเคย้ี ว และกลืนอาหารลําบาก ● รับประทานอาหารไดน อ ยกวา 2 ม้ือ ใน 1 วนั ● ทพุ พลภาพ ไมส ามารถรบั ประทานอาหารไดด ว ยตนเอง ● ไมส ามารถเตรียม และปรุงอาหารไดเอง ● ปญ หาสุขภาพในชอ งปาก ● ตดิ สรุ า ● เจบ็ ปว ยตา งๆ / ขาดการรับรใู นรสชาติ และกลิน่ อาหาร ● การใชยาหลายขนานรว มกนั ● ความผดิ ปกติของระบบประสาท ● โรคจิต หรือซมึ เศรา ● ถกู สังคมทอดทง้ิ / อยคู นเดยี ว
วธิ ีปอ งกันไมใ หเ กิดภาวะทุพโภชนาการในผสู งู อายุ • จัดเตรียมอาหารใหเลือกรบั ประทานหลากหลาย และสามารถหยบิ รบั ประทานไดงาย ควรเพิ่มมื้อของวาง ในชวงกลางวันระหวางอาหารม้อื หลัก เพอ่ื ใหไดรบั สารอาหารและพลังงานเพมิ่ ขึน้ • เพ่ิมคณุ คาของอาหารในแตล ะมือ้ ทร่ี บั ประทาน เชน เพ่มิ สดั สวนของไขมันดี โดยการเติมน้ํามนั มะกอกลง ในเครอ่ื งปรงุ รส ผกั สด ธญั พชื และรบั ประทานอาหารท่ีใหพ ลังงานสูง • หลกี เลย่ี งอาหารและเครอ่ื งดืม่ ท่ีไมมคี ุณคา ทางโภชนาการ เชน ชา กาแฟ นา้ํ อัดลม เพราะจะทําใหไมรสู ึก อยากรบั ประทานอาหารตอ • รับประทานอาหารเสริมเพื่อชว ยใหร างกายไดร ับสารอาหารชนิดตางๆ ในปรมิ าณท่ีเพยี งพอ เชน วติ ามนิ และเกลือแร เปน ตน • หมนั่ ดแู ลรักษาฟนและเงือก รักษาความสะอาด ปากและฟน กอน-หลังอาหาร จัดใหไ ดพกั กอนม้อื อาหาร จดั สง่ิ แวดลอมใหสะอาด ผอนคลายและสดชนื่ อยางไรก็ตาม ควรรบั ประทานอาหารพรอมหนากบั คนในครอบครวั หรือเชิญเพื่อนวยั เดียวกันมา รบั ประทานอาหาร อยา ปลอยใหผสู ูงอายรุ ับประทานอาหารคนเดียว และผูด ูแลตอ งประเมินภาวะโภชนาการ ในผูส ูงอายุอยางสม่ําเสมอ สําหรบั ผูส ูงอายุท่มี ปี ญ หาสุขภาพใดๆ ทอี่ าจทําใหเสี่ยงตอ การเกิดภาวะ ทุพโภชนาการ ควรรบี ปรกึ ษาแพทยห รือผูเชี่ยวชาญดานสุขภาพทันที
การใหคําแนะนาํ ดานโภชนาการแกผสู งู อายุ ญาติ และผูดูแล 1. อธบิ ายใหเ หน็ ถึงความจําเปน ทีต่ องรบั ประทานอาหารคารโ บไฮเดรต ไขมัน โปรตนี วิตามนิ เกลือแร และนํ้า รวม ถงึ ดูแลใหรบั ประทานอาหารครบ 5 หมู โดยหมนุ เวียนอาหารชนิดตา งๆ ไมรับประทานอาหารซาๆ 2. รบั ประทานขาวเปน หลกั สลับอาหารประเภทแปง เปนบางม้ือ ควรบรโิ ภคขาวซอ มมอื เพอ่ื ใหไ ดวติ ามินแรธาตุ ตลอด จนใยอาหารควบคไู ปกบั คารโ บไฮเดรต 3. หลกี เล่ยี งอาหารท่ีรสจัดเพราะจะสามารถเปลีย่ นพลังงานสว นเกินไปเผาผลาญไขมันสะสมได สว นอาหารเคม็ มาก หากรบั ประทานอาจทาํ ใหเ กิดภาวะความดนั โลหติ สงู ได 4. เลือกรับประทานอาหารโดยเนน ปลาและผลิตภัณฑถ่ัวเหลอื ง ไขข าว 5. จัดเตรยี มอาหารทมี่ ีพลังงานและโปรตนี สูงใหผ ูสงู อายุรบั ประทาน 6. ดแู ลจดั ใหรบั ประทานอาหารในเวลาที่รูสึกอยากรับประทานอาหารมากที่สดุ 7. รับประทานอาหาร พชื ผัก ใหม าก และผลไมเ ปน ประจาํ 8. รับประทานอาหารปราศจากสารปนเปอ น โดยเลือกใชอาหารสด สะอาด เก็บอาหาร ที่ปรงุ สกุ แลวใหม ิดชิด 9. เลอื กอาหารท่ีปรงุ สกุ ใหม หลกี เลย่ี งอาหารเตมิ สี อาหารสุกๆ ดิบๆ 10. ควรดม่ื นมวนั ละ 1 แกว เพ่อื เพ่ิมแคลเซยี ม หรอื อาจด่มื นมพรองมันเนย เพือ่ ปองกันการเกิดไขมนั เกินความ จําเปน ของรางกาย นอกจากดา นโภชนาการ ควรปฏิบตั ิตัวดานตางๆ เก่ยี วกับการออกกําลงั กาย การพกั ผอนใหเ พยี งพอ การ มองโลกในแงด ี การพบปะสงั สรรคกับเพ่ือน ควรฉดี วัคซีนปอ งกนั โรคติดเชื้อในผูสูงอายุ เชน วคั ซีนไขหวดั ใหญ วัคซีนปองกันตดิ เชอื้ นิวโมค็อกคสั วัคซนี ปอ งกันงสู วัด เปนตน ระวงั ไมให เกิดการบาดเจ็บหรือหกลม รวมถึงการใช ยาอยา งถูกตอ งเหมาะสม
สาํ นักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ไดแ นะนาํ ปรมิ าณอาหารท่ผี ูสงู อายุควรไดร บั ดังน้ี
การสงเสรมิ โภชนาการเพอื่ ทาํ ให ผสู ูงอายุไดร บั อาหารทีเ่ พียงพอกบั ความตอ งการในแตละวัน 1.ผูสงู อายทุ ่มี ีปญ หาการเคี้ยว (chewing problems) ควรไดรับการดแู ลสขุ ภาพชองปาก รับประทานอาหารทไี่ ดรับการ ดัดแปลงเน้อื สัมผัสใหม ี ความน่มิ และเคย้ี วงา ย (texture modified diet) เชน ดว ยวธิ ีตม ตุน นึง่ โดยใชเวลา นานกวา ปกติ ผักกค็ วรไดรบั การปรุงใหน านขน้ึ 2. ผูสูงอายทุ ีม่ ีปญหาการกลนื (swallowing problems or dysphagia) ควรไดร บั การประเมินการ กลืน และฝก การ กลนื จากผูเช่ยี วชาญ โดยการบริหาร กลามเนื้อทชี่ ว ยในการกลืน รวมถึงรบั ประทานอาหารที่ไดร บั การดดั แปลงเนือ้ สมั ผัส (texture modified diet) ซ่งึ แบง เปน 4 ระดบั (1) ระดับที่ 1 อาหารขน (pureed diet) คือ คอื อาหารทมี่ ลี กั ษณะปนเปน เนอ้ื เดียวกนั ลกั ษณะคลา ยพุดดงิ้ ไม มกี อนแข็งหรือหยาบ ไมเ หนยี วหนดื ไมจําเปนตอ งเค้ียวกอ นกลนื สามารถคงรูปรา งบนชอ นหรือภาชนะไดแ ตต องไมเหลว จนใชห ลอดดดู ดูดได เหมาะสาํ หรับผทู ่มี กี ารกลืนผิดปกติทยี่ ังสามารถกลนื ไดแ ตไมสามารถเคี้ยวได มีอาการเจบ็ ขณะกลืน และมกี ารควบคุมลน้ิ ลดลงอยางมาก (2) ระดบั ที่ 2 อาหารสบั ละเอียดและชุม ชืน้ (minced and moist diet) คือ อาหารเนือ้ สมั ผัส นมิ่ และสับ ละเอยี ดใหเ หลือขนาดเล็กความกวา งของช้นิ อาหารตองไมเกนิ 4 มลิ ลเิ มตร ความยาวตองไมเ กนิ 15 มิลลเิ มตร โดยชน้ิ อาหารตองสามารถรับประทานดวยสอมได เหมาะสาํ หรบั ผทู ่ีมีภาวะกลนื ลาํ บากท่ีเคีย้ วไดเลก็ นอย (3) ระดบั ที่ 3 อาหารออ นและพอดคี ํา (soft and bite-sized diet) คือ อาหารเน้อื สมั ผัสนมิ่ และสับเปน ชิน้ พอดีคํา ขนาดความกวา งและความยาว ของชิน้ อาหารตองไมเกิน 15 มิลลเิ มตร โดยช้ินอาหารตองสามารถใชตะเกียบคบี ได และอาหารตอ งมคี วามชุมชื้นเหมาะสาํ หรบั ผทู ีม่ ภี าวะกลนื ลาํ บากที่เค้ยี วได แตมอี าการเจ็บขณะเคี้ยวหรอื กลา มเนอ้ื ที่ ชว ยในการเค้ียว ออนแรง ผทู ี่ลิ้นมแี รงและสามารถควบคุมล้ินเพ่อื คลกุ (4) ระดับที่ 4 อาหารเค้ียวงา ย (easy to chew diet) คือ คลายอาหารท่วั ไป แตจ ะตองมคี วาม นิม่ เคย้ี วงาย ทดสอบโดยใชสอ มหรอื ชอนโลหะตดั แบง ไดอยางงายดาย ใชสอ มหรือชอนโลหะกดลงบนอาหาร โดยออกแรงกด ปานกลางอาหารตอ งแตกออกจากกันและไมคืนสูร ูปทรงเดมิ และอาหารตองมีความชมุ ชื้น เหมาะสาํ หรบั ผูสูงอายุท่วั ไป
3 ผูสูงอายทุ ่ีมีขอจํากัดในการเคลอ่ื นไหว ผูสูงอายกุ ลมุ นี้ควรไดร บั การชว ยเหลอื ในการรบั ประทานอาหารตามความ เหมาะสม เชน การตกั อาหารให การปอ นอาหาร การตดั อาหารใหเ ปนช้นิ พอดีคาํ าแลว ใหผ ูส งู อายหุ ยิบเขา ปากเอง (finger foods) การจดั อาหารวา งระหวางมื้อ การจัดหาอุปกรณช วยในการรบั ประทานอาหาร รวมถึงการชว ยเหลือผสู ูงอายใุ นการ ซื้ออาหาร และประกอบอาหาร (shopping or cooking aid) 4 ผสู งู อายทุ ี่มีความบกพรอ งดา นสตปิ ญญาและการรบั รู (cognitive impairment) ผูส งู อายกุ ลมุ นี้จะมคี วามบกพรอง ในความจาํ อาจหลงลมื มื้ออาหาร จึงควรกระตุนเตอื นดวยวาจา (verbal prompting) ชว ยเหลือผสู งู อายใุ นการซื้ออาหาร ประกอบอาหารและรับประทานอาหารวมถึงการใหผ ูสูงอายุไดร ับประทานอาหารพรอมหนา กบั ครอบครัว หากเปนผสู ูงอายุ ทอี่ าศยั ในสถานสงเคราะหคนชราหรอื เปน ผูปว ยสงู อายุในโรงพยาบาล พยาบาลหรือผดู แู ลควรจัดสภาพแวดลอ ม บรรยากาศ เฟอรน เิ จอร ขนาดม้ืออาหาร และจดั จานให เหมอื นกับรบั ประทานท่บี า นมากที่สดุ (family style meals) 5 ผสู ูงอายทุ มี่ ภี าวะซมึ เศรา (depression) โดดเด่ียว (loneliness) หรือแยกจากสังคม (social isolation) ควรดูแล ใหผ ูส งู อายุรับประทานอาหารรวมกับผอู ืน่ มปี ฏสิ ัมพนั ธก บั ผูอ ่นื ขณะรับประทานอาหาร รวมถงึ จัดสภาพแวดลอม เชน สถาน ท่ี แสง เสียง และ อุณหภูมิ ใหเ อ้อื กับการรับประทานอาหาร
การจดั อาหารของผสู้ ูงอายใุ นภาวะทุพโภชนาการ เมอ่ื สูงอายขุ ้ึน การรบั กลนิ่ และรสจะเปลีย่ นไป จนเกิดอาการเบือ่ อาหาร กนิ นอ ย หรอื บางคนเลือกกิน ทําให กินไมหลากหลาย พอนานวนั เขา สารอาหารทีไ่ ดรบั จะไมครบถว น สงผลใหขาดสารอาหารบางอยาง ไมร าเริง ออ นเพลีย เหน่อื ยงา ย ในระยะยาวจะสะสมจนทาํ ให สมองทาํ งานไมเ ตม็ ที่ ผวิ พรรณไมด ี แผลหายชาลง เคลื่อนไหวลําบากไมเ หมือนท่เี คย และคุณภาพชีวติ โดยรวมยา่ํ แย และมกั จะสง ผลใหน า้ํ หนกั ตวั นอ ยกวา ปกติ กลา มเนอื้ คอ ย ๆ ลีบลง ซ่งึ หากไดรบั โภชนาการทด่ี แี ลว บางรายอาจฟน ตัวและกลบั มามกี ําลงั ไดอ กี คร้ัง การ ดแู ลใหผูสูงอายไุ ดรบั สารอาหารใหค รบ 5 หมจู งึ สาํ คญั ในการดแู ลและการจดั อาหารใหผ สู งู อายุ 1. สารอาหารทคี่ รบถว นและสมดลุ สําคญั ตอการดูแลภาวะขาดสารอาหาร ส่งิ ทส่ี ําคญั ทีม่ กั ละเลยคือ “สารอาหารหลัก” เชน โปรตนี ไขมันชนิดดี คารโบไฮเดรต เพ่อื ใหไ ดพ ลังงานที่ เพียงพอ เราจงึ แนะนําใหรบั ประทานอาหารครบถว น 5 หมู ท่ใี หโ ปรตนี ไขมนั คารโบไฮเดรต วติ ามิน และ เกลอื แรในปรมิ าณทพี่ อเหมาะและครบถว นเพียงพอตอความตองการของรางกาย
2. เวยโปรตนี เหมาะกับผูสงู อายุ เวยโปรตนี คือโปรตีนทเี่ หมาะกบั คนหนุม สาวท่เี ลนกลา มเทา นัน้ จรงิ ๆแลวผสู ูงอายุนีแ่ หละท่ตี องการอยาง มาก เพราะเวยโ ปรตีน เปน โปรตีนทส่ี รา งกลามเน้อื ไดด ี ดงั ตารางดา นลา งท่งี านวิจยั พบวา รา งกายคนเรา สามารถดูดซึม เวยโปรตีน ไปสรางกลา มเนื้อไดดกี วา ไข นม หรอื เนอื้ สัตว ดังนั้นย่ิงผูสงู อายุทีท่ านขา วไดน อย ก็ยิง่ ควรเลอื กกนิ เวยโ ปรตีน เพราะไมเ ชนน้ันจะทําใหไ ดรับโปรตนี นอ ย กลา มเน้อื จะย่ิงลบี ลงเร็ว สงผลเสยี ตอ การเคลอ่ื นไหว
3. การดูแลดว ย โพรไบโอตกิ ส (จุลนิ ทรยี ส ขุ ภาพ) และ ใยอาหาร พรไบโอตกิ ส คอื จลุ นิ ทรียส ขุ ภาพท่ีดี ทจี่ ะชวยยบั ยงั้ การเจรญิ เติบโตของจลุ นิ ทรียทไ่ี มดใี นลําไสของคนเรา สามารถชว ยใหส ขุ ภาพของลาํ ไสดีขึน้ และปรบั สมดลุ การขับถาย 4 โดยเฉพาะอยา งยิ่งกลมุ ผูสงู อายุท่มี ักจะมี ปญหาระบบขับถาย นอกจากน้ี การไดรบั อาหารเสรมิ ที่มีเสนใยอาหารยงั อาจชว ยลดอาการทอ งผูก ใยอาหาร บางชนิดยงั สามารถดดู ซบั ของเสียแลวถา ยออกมาไดอ ีกดว ย เชน ดูดซับไขมันหรือนํ้าตาลสว นเกนิ ไมใ หด ดู ซมึ เขารา งกาย แลวขับออกมา ผูสูงอายุจึงควรไดร ับใยอาหารในปรมิ าณที่เหมาะสม
4. วติ ามินอี ชวยเพ่ิมภูมิคมุ กนั การไดรับวิตามนิ อี ทพ่ี อเหมาะในปริมาณท่สี ูง สามารถเพมิ่ ภมู คิ ุมกันไดห ากทานติดตอ กันเปนเวลา 4 เดอื น ซง่ึ สําคญั ในผสู งู อายุเนอื่ งจากเปน วัยทีม่ กี ารติดเช้อื งาย การเพม่ิ ภูมคิ ุมกนั ดว ยวิตามนิ อี จึง เปนเกราะปอ งกนั ทดี่ ี ท่จี ะชว ยใหผ ูส ูงอายุมีความสขุ 5. ไขมันชนดิ ดี MUFA ขมันไมใ ชผ รู ายเสมอไป การกินไขมนั ทีด่ ี จะชว ยใหผ สู ูงอายุมีสขุ ภาพทดี่ ขี น้ึ สารอาหารโภชนาการแนวใหม 1. ดูแลใหไ ดรบั พลังงานและโปรตีนเพยี งพอตอวนั เพ่ือซอ มแซมรางกาย 2. ดแู ลใหไดรับแคลเซยี มและวติ ามินดีสูง เพ่อื ดแู ลกระดูกและการเคลอ่ื นไหว 3. ดูแลใหไดรับใยอาหาร และจลุ นิ ทรียช นิดดี เพอื่ สรา งสมดุลระบบขบั ถาย 4. ดูแลใหไดร ับวิตามินอีสูง เพื่อเสริมสรา งภูมคิ ุมกัน 5. ดแู ลใหไดรบั ไขมนั ชนดิ ดี ทเ่ี รียกวา MUFA เพ่ือดแู ลไขมนั ในเลือด 6. ดแู ลระบบประสาทสมอง ดวยโคลีน และวติ ามินบี 12
หลกั การเตรยี มอาหารสําหรับผูสูงอายุ ผูดูแลหรอื ใกลช ิดผูสงู อายุ ควรดแู ลเรอ่ื งอาหารเพื่อใหไดอ าหารท่มี คี ณุ คา ครบถว น ปฏบิ ตั ดิ งั นี้ 1.ลดปริมาณอาหารในแตละมือ้ และเพม่ิ มื้ออาหารไดมากขึน้ เชน จากวันละ3มื้อ เปนวนั ละ5 มื้อ โดยแตละม้ือใหบ รโิ ภคจาํ นวนนอยลง 2.บรโิ ภคอาหารใหค รบ 5 หมู และควรด่มื นมทุกวนั วนั ละ1-2 แกว 3.การประกอบอาหารควรดัดแปลงใหม ีลักษณะท่ีสามารถเค้ียวไดง าย โดยเฉพาะพวก เนือ้ สัตว ควรสับใหละเอียดหรอื ตมสุกใหเ น้อื เปอ ย 4.ปรงุ รสชาติของอาหารตามความชอบของแตละคน เชน หวานเล็กนอ ยหรอื จืด
5.จัดแตงอาหารโดยใชพ ืชผักทมี่ ีสีสนั สวยงาม และเสิรฟ อาหาร ทีเ่ พิ่งทาํ มาใหมๆรอ นๆ 6.บริโภคอาหารมอื้ หนกั ตอนกลางวันหรือบา ย แทนการบรโิ ภคอาหาร หนกั มอ้ื เยน็ เพราะจะชว ยใหห ลับไดส บายข้ึน 7.หลกี เล่ียงการบริโภคเครือ่ งดื่มประเภทชา กาแฟ เพราะจะทําใหน อนไมห ลับตอน กลางคืน สําหรับผสู ูงอายทุ ่ชี อบกินของหวาน ควรจัดขนมหวานใหบ า งนาน ๆครง้ั และควรเปน ขนมท่ีมปี ระโยชนตอ รา งกาย เชน เตา สวน ผลไม ลอยแกว หรอื กลว ยบวชชี เปน ตน และอาหารท่คี วรจัดใหผ ูสูงอายุกนิ มากๆ คือ ผกั สดและผลไมรสไมห วานจดั แตถาผสู งู อายุมปี ญ หาเร่ือง ทอ งอืด แนน ทอ ง กจ็ ดั ผักตม หรือผักน่งึ แทนกไ็ ด นอกจากจะใหแรธ าตุ และวติ ามนิ แลวยงั ชวยเร่ืองระบบขับถา ย
คาํ นวณอาหาร
ข้นั ท่ี1
ขน้ั ที่ 2 คํานวณปรมิ าณสารอาหารท่รี างกายตอ งการตอ วนั วิธีการ : นําคาพลังงานจากขนั้ ตอนท่ี 1/คา พลงั งานทีส่ ารอาหารนั้นใหต อสารอาหาร 1 กรัม (คารโ บไฮเดรต,โปรตนี 4 kcal : 1 กรัม, ไขมัน 9 kcal : 1 กรัม) 1. ปรมิ าณสารอาหารคารโบไฮเดรต = 972/4 = 243 กรมั 2. ปรมิ าณสารอาหารไขมัน = 324/9 = 36 กรมั 3. ปรมิ าณสารอาหารโปรตนี = 324/4 = 81 กรมั
ข้นั ที่ 3 การคํานวณกาํ หนดสว นอาหารสําหรบั พลังงาน 1,620 Kcal
ขนั้ ที่ 5 กาํ หนดรายการอาหารท่คี ํานวณได้ รายการอาหาร พลังงาน 1650 กิโลแคลอรี คารโ์ บไฮเดรต 240 กรมั โปรตนี 84 กรมั ไขมนั 37 กรมั และเส้นใยไม่น้ อยกวา่ 30 กรมั มอื้ เชา้ ม้ือกลางวัน มื้อเท่ยี ง ขา้ วสวย สปาเกตตผี้ ดั กงุ้ สลดั กงุ้ ผดั เปรย้ี วหวานลกู ชน้ิ ปลา ฝรงั่ สตรอเบอรี มงั คุด รวมเส้นใยอาหารทงั้ หมด 40.65 กรมั
ผ้ปู ่วยท่ตี ิดเชอ้ื เอชไอวี
ผู้ป่วยท่ตี ดิ เชื้อ เอชไอวี เอชไอวี (HIV) คอื โรคจากการที่รางกายไดรับเช้ือไวรัสเอชไอวี ซ่ึงเปน สาเหตขุ องโรคเอดส สามารถแบง ออกเปน 2 ชนิดตามลักษณะทางพนั ธกุ รรม ไดแ ก เอชไอวี-1 (HIV-1) และเอชไอวี-2 (HIV-2) ทง้ั สองชนดิ สามารถ ทําใหเ กิดการตดิ เช้อื ในมนษุ ยได โดยเอชไอวี-1 พบมากกวา และจะพบในผูป วยในทวีปยโุ รป สหรัฐอเมริกา และสว นกลางของทวีปแอฟรกิ า ในขณะที่ เอชไอวี-2 จะพบในผูปวยของ ประเทศอินเดยี และแอฟริกาตะวันตกเปน สวนใหญ อาการ และการ ดาํ เนนิ โรคของเช้ือทงั้ สองชนดิ คลา ยคลึงกนั
รูปรางของไวรัส HIV รปู รา งของไวรสั เอชไอวี เปน รปู รา งกลม แกนกลางเปน รูปกรวยลอม รอบดวยชั้นไขมันบางๆ ภายในแกนกลางของเชื้อมีโปรตนี ชือ่ p2ซง่ึ เปน โปรตีนชนดิ ที่กระตนุ ใหร ะบบภูมิคุมกนั ของมนุษยส รางภมู คิ ุมกันตา นทาน หรือ แอนติบอดี(Antibody) ตอไวรสั น้ี ซ่ึง แอนตบิ อดตี ัวน้ี แพทยใ ชใ นการ ตรวจวนิ ิจฉัยผูปวยวาตดิ เชื้อนี้หรอื ไม นอกจากน้ัน ยังประกอบดว ยเอน็ ไซ มอ กี 3 ชนดิ ท่ีใชใ นการเจริญเตบิ โตของไวรัสน้ี คอื โปรตีเอส (Pro-tease) รเี วิสทรานสคริปเตส (Reverse transcription) และอินตเี กรส (Integrate) เปลอื กนอกสุดของไวรสั เปนโมเลกุลของโปรตนี กบั คารโ บไฮเดรตรวมกัน (Glycoprotein) ช่อื gp120 และ gp41 ซง่ึ ใชในการเขา ไปในเซลลทเี่ ปน เปาหมายของไวรสั ชนดิ นี้ เซลลที่เปน เปาหมายหลักของไวรสั เอชไอวี คอื เมด็ เลอื ดขาวลิมโฟซยั ท (Lymphocyte) ชนดิ ทเี ซลล (T-cell) ทม่ี ี ซีดี 4 เปน บวกท่บี รเิ วณผวิ นอกของเซลล (CD 4 positive T-cell, สารเกย่ี วของ กบั ภูมคิ มุ กนั ตา นทานโรค) ซ่งึ เซลลนีม้ ีบทบาทสําคญั มากในการทาํ งานของ ระบบภมู คิ ุมกันตา นทานโรค
ระยะติดตอของไวรัส HIV ระยะติดตอ 3 ระยะ ระยะต้งั ตน ระยะตดิ เชอ้ื เรอื้ รงั ระยะทเี่ ปน โรคเอดส อาการผดิ ปกติของผปู ว ยในระยะ การตดิ เช้อื ฉวยโอกาสอยาง ทอ งเสยี ถายอุจจาระเหลวเปนป แรกจะมีนอ ย และสามารถหาย รนุ แรง ผูติดเช้ืออาจจะมี ระจาํ ปริมาณของ CD 4 ไปเองไดในเวลา 2-4 สัปดาห เช้ือราทล่ี นิ้ หรอื มวี ัณโรค positive T-cell จะตาํ ่มากสว น ไดแ ก เจบ็ คอปวดกลามเนอื้ มีไข ปอดกําเรบิ หรือโรคงูสวัด ใหญ ตาํ ก่ วา200 เซลลตอ ตํา่ๆออนเพลยี นําห้ นักลด เกิดขึ้นได แตอาการมกั ไม ไมโครลติ ร และจะมีการตดิ เช้ือ เลก็ นอย ถา ยอุจจาระเหลว ซึง่ รุนแรง และมกั จะรกั ษาโรค ฉวยโอกาสในอวยั วะ มีความคลา ยคลึงกบั อาการของ เหลา ไดผ ล สําคัญอยา งรุนแรง เชน ปอด มี โรคไขหวดั ใหญ ทาํ ใหวินจิ ฉยั อาการทางสมอง และมีมะเรง็ ถกู ตอ งไดยาก ชนิดตา งๆเกิดขึ้นได ที่พบบอ ย คอื โรคมะเรง็ คาโปซซิ ารโ คมา และโรคมะเรง็ ตอมนําเหลอื ง
การปฏิบตั ิตวั การปฏบิ ตั ติ นเม่ือติดเช้อื ไวรสั เอชไอวแี ลว ทีส่ าํ คัญ ไดแก 1.หาความรเู ก่ยี วกบั โรคใหมากท่สี ุด 2.ศกึ ษาวธิ ปี องกันการแพรเ ชอ้ื ไปสูค นอน่ื 3.รับยาตานไวรสั (Antiretroviral therapy) เปนประจาํ อยา ใหขาดยา 4.รกั ษาสขุ ภาพทั่วไปใหแขง็ แรง ผทู ่ีติดเชอื้ แลวจะยงั ไมเกดิ อาการรนุ แรง หรือไมมีอาการอยเู ปน เวลานาน บางคนไมมอี าการผิดปกติเปนเวลาหลายๆป ในชว งเวลาเหลา น้ีควรออกกําลงั กาย ทานอาหารที่มี ประโยชน (อาหารมปี ระโยชนหาหมู ในปริมาณทไ่ี มทาํ ใหเกดิ โรคอวน และนํ้าหนกั ตวั เกนิ ) พักผอนให เพยี งพอ เลกิ ดื่มเหลา และสบู บหุ ร่ี เลกิ พฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มเหมาะสม 5.หาวธิ ลี ดความเครงเครียดทางจติ ใจดวยวิธีการตา งๆ
ยาตานไวรสั ลองหาดูคะ ในเนต็ มแี ลว จะเขาใจโควดิ มากข้นึ คะ แลว จะเขาดว ยวา ทาํ ไมหลายครั้งที่คนไขมาเปลีย่ นยา
เอดสไมตดิ ตอโดย -อยูบานเดียวกันหรือทาํ งานใน ท่เี ดยี วกนั -รับประทานอาหารดวยกนั -พูดคุย สัมผัสหรอื โอบกอด -ใชหองน้าํ หอ งสวมเดียวกนั -วา ยนํ้าในสระเดียวกนั -ถูกยงุ หรือแมลงกดั ด
โภชนาการสาํ หรบั ผตู ิดเชอื้ เอชไอวีและผูป ว ยเอดส อาหารทใี่ ชบําบัด ● เนอ้ื สัตวไมต ิดมนั ปลา ไก ถวั เมล็ด และ โปรตนี พรอ งไขมนั อืน่ ๆ ผปู วยเอชไอวตี องการโปรตนี มากข้นึ เพ่อื ตอสเู ชอื้ ไวรสั การเพ่มิ ปริมาณโปรตีน ไมค วรเลอื กจาก โปรตีน ทีม่ ีไขมนั สูง เพราะไขมันอิม่ ตวั จะยง่ิ เพิม่ ความเสย่ี งตอ โรคหัวใจ ยาตา นไวรสั HAART ซํา้ ยัง กระตนุ ใหเกิดการอักเสบทวั่ รา งกาย ซงึ่ อาการอกั เสบเร้อื รงั เปนสาเหตุของผลขางเคยี งระยะยาวอน่ื ๆ ในผูปว ยเอชไอวี เชน โรคกระดูกพรุนและเบาหวานชนดิ ทส่ี อง นอกจากน้ี ไขมันอ่มิ ตวั ยงั ชว ยเพ่ิม การสรา งสารไซโตคายน (cytokines) สารตัวนก้ี ระตุนการแบงตัวของเช้อื ไวรสั จึงควรเลือก ใขโ ปรตีนจากแหลง ที่ ไมม ีไขมัน ● อาหารทม่ี เี สน ใยสูง การกนิ สารเสนใยสูงชวยใหรางกายดูดซบั สารอาหารไดเพมิ่ ขน้ึ ลดอาการทอ งรวงซึ่งอาการ ทอ งรวงพบมากในผูปวยเอชไอวแี ละยังชวยควบคมุ ผลขา งเคยี งจากการใชย าตานไวรสั (HAART) เชน ภาวะดอื้ ยาอนิ ซลู นิ และการสะสมไขมนั บรเิ วณหนาทอง
อาหารทแี่ นะนํา ธญั ญาพืช จะรบั ประทาน 3 สวนบริโภค เชน แซนวิชจากขนมปงโฮลวีต 2 แผน ขาวกลอ ง 1/2 ถวย หรือไดเ พม่ิ เติมจาก ถ่วั ฝก ถัว่ เลนทลิ ถั่วเปลอื กแข็ง และซเี รียลท่มี สี ารเสน ใยสงู ● ผกั และผลไม และอาหารอื่นทมี่ สี ารตานอนมุ ลู อิสระสงู ไวรัสเอชไอวีทาํ ใหเ กดิ ความเสียหายกบั เซลลท ั่วรา งกายวธิ ีปกปองเซลลของระบบภมู ิคุมกันท่ดี ี ที่สดุ คือ การเพ่มิ สารตา นอนุมลู อิสระใหรา งกายมากชนิดท่ีสุด ผักและผลไมเปน แหลงของสารตา น อนมุ ูลอิสระมากมาย รวมท้ังวิตามินและแรธ าตุตางๆ ท่ีผปู วยเอชไอวมี ักขาด ภาวะขาดวิตามินจะพบ ไดแ มใ นระยะแรกๆและเปน ปจจัยหน่งึ ที่ทาํ ใหเ กิดโรคเอดสไ ดเร็วขึ้น ดงั นน้ั ควรเลอื กผกั และผลไมใ ห หลากหลายไมก ินซ้ําซากเพียงบางชนิด และควรเลือกอาหารที่มีสีสนั จดั ปริมาณอาหารท่แี นะนาํ : กนิ ผกั ผลไมวันละ7-10สว นบริโภค
ภาวะโภชนาการ คอื การไดร ับสารอาหารครบถวนเพียงพอตอความ ตองการของรา งกาย มีความสัมพันธโ ดยตรงตอผปู วยที่มกี าร ตดิ เช้อื HIV และผูปว ยท่มี ีอาการของโรคเอดสแ ลวดังแสดง ในแผนภมู ขิ า งตน หากผปู วยไมสามารถไดร บั อาหารทีม่ ี ประโยชนเพียงพอและไมส ามารถรักษาน้าํ หนกั ตัวไวไ ด กจ็ ะ ทาํ ใหร างกายออนแอและการควบคุมอาการของโรคเปนไป ไดยากขนึ้
ตัวอยา งการคาํ นวณการจัดอาหารจัดโซเดยี ม แพทยกําหนดใหผปู วยชายคนหนึ่งไดรับอาหารธรรมดาลดโซเดียมพลังงานวนั ละ 1900 กิโลแคลอรตี อ วนั คารโบไฮเดรต โปรตนี ไขมนั รอ ยละ 60 : 15 : 25 ของพลงั งานท้งั หมดและใหไดรับโซเดยี มไมเกิน 80 มลิ ลิอคิ ววิ า เลนตต อวนั กาํ หนดสัดสวนอาหารที่ควรไดร ับโดยใชตารางแลกเปล่ียน ขนั้ ท่ี 1 แปลงหนว ยโสของโซเดยี มจากมิลลิอิคววิ าเลนต 80 mEq. ใหเปน มิลลิกรมั น้าํ หนกั ( mg.) ของโซเดียม = มลิ ลิอคิ ววิ าเลนต( mEq.) โซเดยี ม ×23 = 80 × 23 = 1840 มิลลิกรมั หรือ 1.84 กรัมตอ วนั
ขนั้ ท่ี 2 การกระจายสัดสว นพลงั งานท่คี วรไดร ับโจทยก ําหนดใหคารไ ฮเดรต 60% โปรตนี 15 % และไขมัน 25% ของจาํ นวนแคลอร่ีทง้ั หมดตอวนั 1) พลงั งานจากคารโบไฮเดรต รอ ยละ 60ของพลงั งานทัง้ หมด 2) พลงั งานจากโปรตีน รอ ยละ25 ของพลงั งานทั้งหมด 3) พลงั งานจากโปตนี รอยละ15 ของพลงั งานทง้ั หมด
ขัน้ ท่3ี การคํานวณหาปรมิ าณสารอาหารท่รี างกายตองการตอวนั 1) ปริมาณสารอาหารคารโบไฮเดรต 2) ปริมาณสารอาหารไขมัน 3) ปริมาณสารอาหารโปรตนี
ข้นั ที่ 4 การกําหนดปรมิ าณอาหารทค่ี าํ นวณ ได โดยใชรายการอาหารแลกเปลย่ี น โดยกาํ หนดสว นอาหารสาํ หรบั พลงั งาน 1900 Kcal คารโบไฮเดรต วนั ละ 285 g โปรตีน วนั ละ 71 g ไขมนั วลั ะ 53 g
ข้ันท่ี 5 กาํ หนดรายการอาหารท่ีคาํ นวณได โดยสัดสวนและปริมาณอาหารในรายการอาหาร พลังงาน 1922.5 Kcal คารโ บไฮเดรต 283.5 g โปรตนี 71.5 g ไขมัน 50 g และโซเดยี มตอ วนั นอ ยกวา 80 mEq.
ผปู ว ยวกิ ฤติ
โภชนาการและอาหารสาํ หรบั ผูป้ ว่ ยวกิ ฤติ เช่น ผปู้ ่วย ICU อาหารและโภชนาการของผูท้ ี่เข้ารกั ษาตัวในห้องไอซียู (ICU) เป็น ปจั จัยสาํ คัญปจั จัยหนึ่งท่อี าจช่วยรกั ษาชวี ติ คนทีค่ ุณรกั ได้ ซึง่ แพทย์และนัก โภชนาการในโรงพยาบาล จะเปน็ ผู้ทีใ่ ห้คําปรกึ ษากับคุณได้ดีทีส่ ดุ การ เข้าใจถึงความสําคัญของสารอาหารท่ีจําเปน็ จะช่วยให้คณุ ดแู ลคนท่ีคณุ รกั ได้เหมาะสมย่ิงขึ้น เพื่อพักฟ้ นื รา่ งกายในระยะยาว
ปจั จัยที่มอี ิทธพิ ลก่อให้เกิดภาวะทุพโภชนาการใน ผู้ป่วยวกิ ฤตประกอบด้วย 1) ปัจจัยด้านตัวผูป้ ว่ ย ประกอบด้วย ชนิดของอวยั วะที่บาดเจ็บและระดับ ความรุนแรงของการ บาดเจ็บ (การเจ็บปว่ ยประเภท ต่าง ๆ เช่น กระดกู หัก ภาวะแทรกซ้อนหลังผา่ ตัด เชน่ ไตวายเฉียบพลัน และการติดเชือ้ ในกระแสเลือด และภาวะแทรกซอ้ นทสี่ ่งผลต่อการดดู ซึมอาหาร เชน่ ตับอ่อนอักเสบ ลําไสอ้ ุดตัน หรอื ลําไส้ไม่ เคลื่อนไหว 2) ปจั จัยด้านการดูแล ท่ีส่งผลต่อภาวะทุพโภชนาการ ได้แก่ การได้รบั ยา ทมี่ ผี ลต่อการทํางานของ ลําไส้และกระเพาะอาหาร เช่น กล่มุ ยาลดปวด opioids และยาคลายกล้ามเนื้อ การทที่ ีมรกั ษาขาด ความสนใจ ไม่ตระหนักในการให้โภชนาการและสัง่ ให้อาหารไม่เพยี งพอ การให้งดนางดอาหารเพอ่ื การรกั ษา การผ่าตัดใหญ่ การใช้เครอื่ งชว่ ยหายใจเปน็ ระยะเวลานาน และการทส่ี ายยางให้อาหาร หลดุ บ่อยหรอื เล่ือน ล้วนสง่ ผลให้มคี วามต้องการพลังงานของรา่ งกายเพิ่มมากข้นึ
การจัดการอาหารผูป้ ว่ ยวิกฤต ผปู้ ว่ ยวกิ ฤติ เช่น ผปู้ ่วย ICU รา่ งกายจะตอบสนองโดยการกระตุ้นของ \"กลไกความเครยี ด\" (stress mechanisms) ในการจัดส่งพลังงานไปยงั อวยั วะสําคัญของรา่ ยกาย รา่ งกายของคนเราจะนําพลังงานท่ีสะสมไว้ ในรา่ งกายมาใชแ้ ละสรา้ งสารต่าง ๆ ทช่ี ว่ ยรกั ษาอาการบาดเจ็บ1 กลไกดังกล่าวสง่ ผลหลายประการ เช่น ทาํ ให้ รา่ งกายต้องการใชพ้ ลังงานมากขน้ึ นาตาลในเลือดสงู และสญู เสยี มวลกล้ามเนื้อ โปรตีนคณุ ภาพสงู ความต้องการด้านโภชนาการของผ้ปู ่วยวกิ ฤติมคี วามซบั ซอ้ น1 พลังงานท่ีรา่ งกายได้รบั ควร จะสอดคล้องกับพลังงานทผ่ี ปู้ ่วยต้องการ ผปู้ ว่ ยควรจะได้รบั โปรตีนในปรมิ าณที่เพยี งพอต่อการซอ่ มแซมและ เสรมิ สรา้ งเน้ือเย่ือและป้องกันไม่ให้รา่ งกายขาดแคลนกรดอะมิโนท่ีจําเปน็ ต่อการตอบสนองต่อความเครยี ด เวยโ์ ปรตีนเป็นโปรตีนคุณภาพ ทเี่ ปน็ แหล่งกรดอะมิโนจําเป็นทัง้ หมดทร่ี า่ งกายไม่สามารถสรา้ งข้นึ มาด้วยตัวเอง ได้ ความต้องการคารโ์ บไฮเดรท ส่วนประกอบของคารโ์ บไฮเดรท เปน็ ไปได้ต้ังแต่ อาหารจําพวกแป้ง จนถึงนาตาล โมเลกุลเด่ียว คารโ์ บไฮเดรทจําพวกนาตาลหลายโมเลกุล (polysaccharide) เป็นคารโ์ บไฮเดรททหี่ าง่ายท่ีสุด นาตาลโมเลกลุ คู่ เปน็ นาตาลท่ีต้องการ hydrolysis จากนายอ่ ยในลําไสเ้ ล็กเพื่อให้ขนาดโมเลกุลเล็กลงให้เป็นนา ตาล โมเลกลเด่ียว่ี (monosaccharide) เพอื่ ใชใ้ นการดูดซมึ และนําไปใช้ เปน็ พลังงานต่อไป หากให้คารโ์ บไฮเรต มากเกินไปจะมผี ลเสียสรา้ งคารบ์ อนไดออกไซด์ทีเ่ กิดจากการเผาพลาญทําให้ต้องใชแ้ รงในการหายใจมากข้ึน
อาหารสําหรบั ผ้ปู ่วยวิกฤต อาหารสตู รครบถ้วนสาํ หรบั ผปู้ ว่ ยวิกฤต ทีท่ ําจากเวยโ์ ปรตีน ผสมด้วยวิตามินและ เกลือแรท่ ่เี พียงพอต่อความต้องการของรา่ งกาย มีทั้งสูตรย่อยโปรตีนจนเป็นเปป็ ไทด์ สาํ หรบั ผทู้ ี่มปี ัญหาการยอ่ ยการดดู ซมึ และสตู รที่ เพม่ิ แอล-อารจ์ ินีน กรดไขมนั โอเมก้า 3 และไรโบนิวคลีโอไทด์ ผูป้ ว่ ยวิกฤตจะได้รบั สารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของรา่ งกาย
การจัดการอาหารผูป้ ว่ ยวิกฤติ หากผ้ปู ว่ ยสามารถรบั ประทานอาหารทางปากได้เอง ก็ให้ปรมิ าณอาหารตามความ ต้องการในแต่ละวนั แต่หากวา่ ผู้ป่วยน้ันไมส่ ามารถรบั ประทานอาหารได้เอง แต่ยังมี การทํางานของกระเพาะอาหาร และลําไส้ปกติก็สามารถทจ่ี ะให้อาหารผ่านทาง สาย ยางให้อาหารลงส่กู ระเพาะ (nasogastric tube) หรอื ลงส่ลู ําไสเล็กโดยตรง (postpyloric tube) ก็ได้ การให้อาหารทางลําไสจ้ ําเป็นที่จะต้องคํานึงถึง osmolarity ปรมิ าณของพลังงานท่ีจะได้รบ้ อัตราส่วนของไขมัน และคารโ์ บไฮเดรทที่เหมาะสม และ ปรมิ าณ ของโปรตีนที่ได้ในแต่ละวันรว่ มด้วย
ความต้องการอาหารสําหรบั ผูป้ ว่ ยวกิ ฤต ผ้ปู ่วยวกิ ฤตควรได้รบั พลังงาน 25 - 30 กิโลแคลอร/ี กก./วัน หรอื ประมาณรอ้ ยละ 80-90 ของพลังงานที่ผปู้ ่วยต้องการในแต่ละวัน ซึง่ โดยทว่ั ไปจะใช้ความต้องการโปรตีนเป็นหลักใน การ พจิ ารณาลําดับแรก โปรตีนผู้ป่วยระยะแรกควรได้รบั รอ้ ยละ 80-90 ของปรมิ าณพลังงานทงั้ หมดที่คํานวณได้ หรอื ปรมิ าณโปรตีน 1.2-2 กรมั ต่อวัน คารโ์ บไฮเดรต ผู้ป่วยวกิ ฤตควรได้รบั ประมาณรอ้ ยละ 40-60 ของพลังงานทไี่ ด้ซง่ึ อยูใ่ นรูป แปง้ หรอื นาตาลชนิดต่างๆ
การปรบั อาหารใหผ้ ปู้ ว่ ยวกิ ฤต เช่น ผู้ป่วยทตี่ ิดเชือ้ โควดิ -19 จากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย กําลังเรมิ่ หนักขึ้นตามลําดับ และที่ผา่ นมาผปู้ ว่ ยวกิ ฤตใน ประเทศไทยมีจํานวนมากเม่อื เทียบกับหลายๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรกั ษาผู้ ติดเช้ือ COVID-19 ถือเป็นขอ้ มลู ทแ่ี พทยแ์ ละบุคคลากรท่ีเก่ียวขอ้ งควรตระหนัก เพ่อื เตรยี มความ พรอ้ มในกรณีทีจ่ ําเป็นต้องดแู ลผู้ป่วยเหล่านี้ ● ผ้ปู ว่ ยภาวะช็อกเหตุพษิ ติดเชอื้ (Septic Shock) ผู้ป่วยทีม่ ี ค่าความดันเลือดแดงเฉล่ีย ตากว่า 65 มิลลิเมตรปรอท (MAP ≤ 65 mmHG) และ/หรอื ค่าแลกเตทในซีรมั มากกวา่ 2 มลิ ลิโมลต่อลิตร (Lactate ≥ 2 mmol/ L) ซงึ่ ในระยะน้ีไม่ ต้องให้อาหารแก่ผูป้ ่วย ● ผปู้ ว่ ยภาวะพษิ เหตตุ ิดเชื้อ (Sepsis) ผูป้ ว่ ยที่มีระดับค่าคะแนน The Sequential Organ Failure Assessment Score (SOFA) ตง้ั แต่ 2 คะแนนข้ึนไป สามารถให้อาหารแก่ผู้ปว่ ยได้ โดยจะต้องคอ่ ยๆ เพ่มิ ปรมิ าณการใหพ้ ลงั งาน และโปรตีนอยา่ งเหมาะสม โดยการไลร่ ะดบั ขึน้ ใหไ้ ดต้ ามทีก่ าํ หนดไว้ ของการใหโ้ ภชนบาํ บัด ตามเปา้ หมายดงั นี้ ● พลงั งาน : ผปู้ ว่ ยในระยะน้ีควรได้รบั พลงั งาน 100% ของความตอ้ งการพลงั งานขณะพกั (REE) ซึ่งวัดได้ด้วยวธิ ี Indirect calorimetry ● โปรตีน : ผูป้ ว่ ยในระยะนี้ควรไดร้ บั โปรตนี ที่ 1.3 g/kg/day ● วติ ามนิ และแรธ่ าตุ : ผูป้ ว่ ยในระยะน้ีควรไดร้ บั วติ ามิน และแรธ่ าตุในปรมิ าณทรี่ า่ งกายต้องการเทา่ น้ัน
การปรบั อาหารใหผ้ ้ปู ่วยวกิ ฤต เช่น ทอ้ งผูก 50% ของผู้ที่มีอาการท้องผกู สามารถกลับมาขับถ่ายได้เปน็ ปกติ เพยี งแค่ปรบั เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งได้แก่ ● รบั ประทานอาหารทมี่ กี ากใยหรอื ไฟเบอรม์ ากขน้ึ เพื่อเพ่ิมปรมิ าณอุจจาระและกระตุ้นการเคล่ือน ตัวภายในลําไส้ใหญใ่ ห้เรว็ ขน้ึ ● รบั ประทานอาหารเช้าทุกวัน เพราะอาหารเชา้ ชว่ ยให้กระเพาะอาหารขยายตัวแล้วไปกระต้นุ ให้ ลําไส้ใหญท่ าํ งานเกิดเปน็ ความรูส้ ึกอยากถ่าย โดยควรเผือ่ เวลาสําหรบั การเขา้ ห้องนาหลังอาหาร เช้าและการเดินหลังอาหารประมาณครงึ่ ชัว่ โมงไวด้ ้วย เพราะความรูส้ ึกอยากถ่ายน้ันเกิดข้นึ เพยี ง ประมาณ 2 นาทเี ท่าน้ัน หากไมม่ ีการถ่าย ความรูส้ ึกอยากถ่ายจะหายไปและอุจจาระก็จะแขง็ ขนึ้ ทําให้เกิดปญั หาทอ้ งผกู ตามมา ● ดื่มนาให้มากพอเพื่อให้อุจจาระอ่อนนุ่มถ่ายงา่ ย ● ออกกําลังกายและเคล่ือนไหวรา่ งกายอยูเ่ สมอ เพื่อให้ลําไส้เคลื่อนไหวได้ดีขน้ึ
การปรบั อาหารให้ผู้ปว่ ยวิกฤต เช่นโรคไตเรอื้ รงั 1.ผ้ปู ว่ ยระยะแรก การควบคุมอาหารจะช่วยชะลอความเสือ่ มของไตอยา่ งได้ผลดียิง่ กว่าในระยะท่โี รครุนแรง โดย รบั ประทานอาหารทีม่ โี ปรตีนตา ซ่ึงจะมผี ลให้ของเสยี (เชน่ ยูเรยี ) มีปรมิ าณน้อยลงไตส่วนที่เหลือก็จะได้ทํางานเบาลงคนท่ีอายุตากว่า 60 ปี ควรได้รบั พลังงาน 35 กิโลแคลอรตี่ ่อกิโลกรมั นาหนักที่เหมาะสมต่อวนั ส่วนผู้ปว่ ยที่อายุสงู กวา่ 60 ปี ควรได้รบั พลังงาน 30 กิโลแคลอรต่ี ่อกิโลกรมั นาหนักท่ีเหมาะสมต่อวัน 2.ผู้ป่วยท่มี ไี ตเส่ือมระยะท่ี 3 – 5 หรอื ระดับฟอสฟอรสั ในเลือดสงู ควรหลีกเลี่ยงอาหารทม่ี ีฟอสฟอรสั สูง ได้แก่ นม นมเปรยี้ ว โยเกิรต์ เนย คุกก้ี ขนมปัง ไอศกรมี กาแฟผง ถ่ัวลิสง ถ่ัวเขยี ว ถั่วแดง ถ่ัวต่างๆ เต้าหู้ นมถ่ัวเหลือง โอวัลติน ไมโล โกโก้ โคลา เป็นต้น
อาหารทางสายและการเพิ่มโปรตีน ผปู ว ยวกิ ฤติทีม่ ีโรคอว น Q1 ผปู วยวิกฤตทิ ม่ี ีโรคอว น ทไี่ มสามารถรบั อาหารทางปากไดเ พียงพอ ควรไดร บั อาหารทางสายให อาหารภายใน 24-48 ช่วั โมงแรกของการเขา รบั การรกั ษาตัวใน ICU [Expert consensus] Q2 การประเมินภาวะโภชนาการของผูป วยวกิ ฤตทิ ี่มีโรคอว น ควรประเมินตัวชีว้ ัดของโรคอวน ความ รนุ แรงของโรครวม ระดบั ของการอกั เสบ รว มกับตัวช้ีวดั อน่ื ๆ ทว่ั ไปดวย [Expert consensus] Q3 การประเมนิ ภาวะโภชนาการของผปู วยวิกฤตทิ ม่ี โี รคอวน ควรคาํ นงึ ถงึ ระดับไขมันในชอ งทอ ง โรค อว นลงพงุ (metabolic syndrome) ภาวะกลามเนื้อฝอ ลบี (sarcopenia) และดชั นีมวลกาย (BMI) > 40, SIRS และโรครว มอ่ืนๆ ท่ีสัมพันธก บั อัตราการเกดิ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด รวมถงึ อัตราการเสีย ชวี ิตท่เี ก่ียวของกับโรคอว นดว ย [Expert consensus] Q4 ควรใหอ าหารโปรตนี สงู แคลอรตี ํ่า (high protein hypocaloric feeding) เพือ่ ชวยคงสภาวะกลา ม เนื้อ สง เสรมิ การใชไขมันสะสม และลดความเส่ยี งในการเกดิ ภาวะแทรกซอนอ่นื ๆ ของการใหอาหาร มากเกินไป (overfeeding) [Expert consensus]
Q5 การใหอาหารทางสายใหอ าหาร ไมควรเกนิ 65-70% ของระดับพลังงานทีป่ ระเมนิ จาก indirect calorimetry (IC) หากไมส ามารถใช IC ใหค าํ นวณที่ 11-14 กิโลแคลอรี/กโิ ลกรัมนํ้าหนักตัวปจ จุบัน/ วนั สําหรบั ผูปว ยทมี่ ี BMI 30-50 และ 22-25 กโิ ลแคลอรี/กโิ ลกรมั นํ้าหนกั ตวั ในอดุ มคติ/วัน สําหรบั ผู ปว ยท่ีมี BMI > 50 โปรตนี ควรอยทู ่ี 2 กรัม/กิโลกรัมน้ําหนกั ตวั ในอุดมคติ/วนั สาํ หรบั ผปู ว ยท่ีมี BMI 30-40 และ 2.5 กรมั /กโิ ลกรัมนาํ้ หนกั ตวั ในอดุ มคติ/วนั สาํ หรบั ผปู ว ยที่มี BMI ตัง้ แต 40 เปน ตนไป [Expert consensus] Q6 แนะนาํ สูตรอาหารท่มี ีความเขมขน ของสารอาหารต่าํ (low caloric density) และอตั ราสว นระหวาง แคลอรจี ากสารอาหารทไ่ี มใชโปรตีนตอ กรมั ไนโตรเจน (Non-protein calorie:nitrogen ratio) ตา่ํ ใน ผูปวยวิกฤติท่ีมีโรคอวน ถึงแมวา ผูปว ยโรคอว นอาจไดประโยชนจากสูตรอาหารทมี่ ี immunonutrition เนือ่ งจากการตอบสนองตอ การอักเสบท่ีเพิม่ ขน้ึ แตขอมูลงานวิจัยทร่ี องรบั ยังมจี ํากดั [Expert consensus] Q7 ควรติดตามและประเมนิ ระดบั น้ําตาลในเลอื ด ระดบั ไขมนั ในเลือด ระดบั คารบอนไดออกไซดใน เลือด สมดุลนํา้ และภาวะไขมันพอกตบั ในผปู ว ยวิกฤตทิ ่ไี ดร บั อาหารทางสายใหอ าหาร [Expert consensus] Q8 ผปู ว ยวกิ ฤตทิ เี่ คยผาตัดลดน้าํ หนกั (bariatric surgery) ควรไดรบั การเสรมิ ไทอะมีน (Vitamin B1) กอนการใหโภชนบําบดั หรอื แมแ ตการใหน้ําเกลอื ที่มสี ารละลาย dextrose อยู และควรประเมนิ ภาวะการขาดวิตามนิ และแรธาตุตา งๆ เชน แคลเซียม ไทอะมีน วิตามิน B12 วติ ามนิ ท่ลี ะลายในไขมนั (A, D, E, K) และโฟเลต รวมถงึ แรธาตตุ างๆ คือ เหล็ก ซลิ ิเนียม สงั กะสี และทองแดง [Expert consensus]
ตัวอย่างการคํานวณอาหารผปู้ ว่ ยวกิ ฤติโรคอ้วน ขนั้ ตอนที่ 1 ข้ันตอนที่ 1 คํานวณหานาหนักตัวท่ปี ราถนา IBW เพศหญงิ = สว่ นสูงเปน็ ซม.-100 0.1*ส่วนสูง-100 = 167-100-0.1*167-100 = 67-6.7 = 60.3กิโลกรมั ปัดเปน็ 60 ดังนั้น นาหนักทคี่ วรจะเป็นของผหู้ ญงิ คนนี้ 60 กิโลกรมั แต่นาหนักจรงิ คือ 75
Search