โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพหุปัญญา สาหรับเด็กระดับมัธยมศึกษา

96 ผลการประเมนิ ความรู้ และความพึงพอใจผู้เขา้ อบรมเชิงปฏิบตั ิการ หวั ข้อ การประเมินและสง่ เสรมิ ความสามารถทางพหุปัญญา สาหรับครูมธั ยมศึกษาตอนตน้ วันที่ 17-18 ตุลาคม 2563 สว่ นท่ี 1 ขอ้ มูลทั่วไป (N = 39 คน) จานวน (ร้อยละ) เพศ 10 (25.64) ชาย 29 (74.36) หญงิ อายุ 15 (38.46) 21-30 ปี 9 (23.08) 31-40 ปี 15 (38.46) 41-50 ปี 0 (0.00) 51-60 ปี อายุการทางาน 19 (48.72) 1-5 ปี 7 (17.95) 6-10 ปี 7 (17.95) 11-15 ปี 4 (10.26) 16-20 ปี 2 (5.12) 21-25 ปี 0 (0.00) 25 ปขี ึน้ ไป กลุม่ สาระการเรียนรู้ 8 (20.51) กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 4 (10.26) กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์

97 กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ จานวน (ร้อยละ) กลุม่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม 6 (15.38) 5 (12.82) กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา 1 (2.56) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ 3 (7.69) 3 (7.69) กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี 5 (12.82) กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ 4 (10.27) อืน่ ๆ คือ นกั เรยี นทมี่ คี วามตอ้ งการพิเศษ จานวน (รอ้ ยละ) สว่ นท่ี 2 ประเมินความรเู้ รอ่ื ง “พหุปัญญา” จากการอบรม 0 (0.00) คะแนน 39 (100.00) 0-5 คะแนน 7 คะแนน 6-10 คะแนน คะแนนเฉลี่ย

98 สว่ นที่ 3 ประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้เข้าอบรม จานวน (ร้อยละ) ดา้ นเนอ้ื หา มากท่สี ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยที่สุด ก่อนการอบรมทา่ นมีความรมู้ ากน้อยเพยี งใด 8 (20.51) 9 (23.08) 14 (35.90) 7 (17.95) 1 (2.56) หลังการอบรมท่านมคี วามรมู้ ากน้อยเพยี งใด 9 (23.08) 29 (74.36) 1 (2.56) 0 (0.00) 0 (0.00) เนือ้ หาตรงกบั วัตถปุ ระสงค์ของการอบรม 20 (51.28) 19 (48.72) 0 (0.00) 0 (0.00) 0 (0.00) ความเหมาะสมของเวลาการจัดอบรม 10 (25.65) 20 (51.28) 8 (20.51) 1 (2.56) 0 (0.00) ความเหมาะสมของรูปแบบการจัดอบรม 15 (38.47) 20 (51.28) 3 (7.69) 1 (2.56) 0 (0.00) ดา้ นผลสัมฤทธ์ิ มากทส่ี ดุ มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีส่ ดุ ผลของการอบรมนส้ี ามารถนาไปใช้ประโยชน์ 16 (41.03) 20 (51.28) 3 (7.69) 0 (0.00) 0 (0.00) กับงาน หรอื ในชวี ติ ประจาวนั ได้ ด้านวทิ ยากร มากทีส่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทีส่ ดุ ความชดั เจนของการถ่ายทอดเน้อื หา 19 (48.72) 18 (46.15) 2 (5.13) 0 (0.00) 0 (0.00) การต้ังคาถามเพ่อื ใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยน 15 (38.46) 18 (46.15) 6 (15.39) 0 (0.00) 0 (0.00) เรยี นรู้ ตอบคาถามอย่างกระชับและตรงประเดน็ 14 (35.90) 23 (58.97) 2 (5.13) 0 (0.00) 0 (0.00) ใหข้ ้อเสนอแนะทสี่ อดคลอ้ งกบั การอบรม 14 (35.90) 23 (58.97) 2 (5.13) 0 (0.00) 0 (0.00) เปดิ โอกาสในการซักถาม 18 (46.15) 17 (43.59) 4 (10.26) 0 (0.00) 0 (0.00) ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม อยากให้มกี ารอบรมอกี ค่ะ ไดป้ ระโยชน์มากครบั ควรปรับปรุงระบบเสียงในการไลฟ์สด การไลฟ์ควรมกี ารจัดระบบท้งั เสยี งและภาพให้เสถยี รมากกว่านี้

99 เกณฑใ์ นการออกแบบกจิ กรรมบรู ณาการความสามารถพิเศษตามทฤษฎีพหุปัญญา ปร ะเดน็ ความเห็นผู้เชย่ี วชาญ หมายเหตุ 1) ปรบั เนื้อหา และกิจกรรมให้เหมาะสมกับระดับ ความสามารถ โดยมรี ะดบั ความยาก และมคี วามทา้ ทาย การคดิ มากกวา่ หลกั สตู รปกติ 2) มีการเชือ่ มโยงและบรู ณาการกนั ระหว่างสาขาวชิ า 3) เปิดโอกาสให้ผ้เู รียนมีสว่ นร่วมในการเลือกหัวข้อท่ี ตนเองสนใจ ซง่ึ อาจเช่อื มโยงกับเนื้อหาในหลกั สตู ร หรือ นอกเหนือจากหวั ข้อท่ีกาหนดไว้ในหลักสตู ร 4) ฝึกทกั ษะการคดิ ระดับสูง เช่น ความคิดสรา้ งสรรค์ ความคดิ วิจารณญาณ เปน็ ต้น 5) จดั บรรยากาศ สิง่ แวดลอ้ ม และส่ือการเรยี นท่เี อ้ือ ต่อการเรยี นรู้ ทัง้ ในห้องเรยี นและนอกหอ้ งเรียน 6) สง่ เสริมให้มกี ารทากิจกรรมกลุม่ เพือ่ สง่ เสริมทกั ษะ สงั คมและการเรยี นรู้อยา่ งมสี ว่ นรว่ ม 7) มกี ารกาหนดเกณฑ์ในการพิจารณาผลงานหรือผล การเรยี นร้ขู องผเู้ รยี นอยา่ งชดั เจน 8) ใหค้ วามสาคัญกับการพัฒนาทางด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม หรอื ใหผ้ เู้ รยี นใชค้ วามรู้ความสามารถของตน กอ่ ให้เกดิ ประโยชนต์ ่อสังคม

100 ตัวอยา่ งกจิ กรรมส่งเสรมิ ความสามารถตามแ นวคิดพหปุ ญั ญา โดยผเู้ ข้าอบรม 1. ดา้ นเหตผุ ลและคณิตศาสตร์ กจิ กรรม จาแนกหนหู นอ่ ย วัตถปุ ระสงค์ 1) นกั เรยี นสามารถจาแนก อธิบายลกั ษณะ พร้อมท้ังระบุหรือยกตัวอย่าง รูปเรขาคณิต และ สามมิตไิ ด้ 2) นักเรยี นสามารถให้เหตุผล การสื่อสาร การสอื่ ความหมาย และการทางานเป็นทมี ได้ อุปกร ณ์ 1) รปู เรขาคณิตในหอ้ งเรียน 2) กระดาษ flip chart 3) ปากกา 4) สี ข้ันดาเนนิ กจิ กรรม ขนั้ นา 1) ให้นกั เรียนจบั กลุ่ม กลมุ่ ละ 5-6 คน 2) ใหน้ ักเรียนสารวจรปู เรขาคณิตทีม่ ีในห้องเรียน จากนั้นเลอื กหยบิ ส่ิงของมาคนละ 1 ชิ้น ขั้นกิจกร ร ม 1) ให้นักเรยี นภายในกล่มุ อธบิ ายแลกเปล่ยี นสิ่งของทต่ี นเองหยบิ วา่ มลี กั ษณะอยา่ งไร 2) ใหน้ กั เรียนจาแนกรูปเรขาคณิตสองมติ ิ และสามมิติ 3) ใหน้ ักเรยี นทกุ คนในห้องนารปู เรขาคณิตประเภทเดยี วกนั มาจัดกลุ่มใหม่ ขน้ั สรุป 1) ให้นักเรยี นในกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายถงึ ลักษณะของรูปเรขาคณิตในกลุ่มของตนเอง 2) ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชัน้ เรยี น 3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายถงึ ส่งิ ทไี่ ดเ้ รียนรู้จากการทากจิ กรรม

101 การวัดและประเมนิ ผล ร ายการ ปร ะเมนิ 3 2 1 1. การจ าแน กอธิบา ย นักเรยี นสามารถจาแนก นกั เรียนสามารถจาแนก นกั เรยี นสามารถจาแนก ลักษณะ รูปเร ขา คณิ ต อธบิ ายลักษณะ พร้อมทั้ง อธิบายลักษณะพร้อมทั้ง อธิบายลกั ษณะ พร้อมท้ัง สองมิติ และสามมติ ิ ยกตัวอย่างรูปเรขาคณิต ยกตวั อยา่ งรูปเรขาคณิต ยกตัวอยา่ งรูปเรขาคณิต ได้อย่างถกู ตอ้ งครบถ้วน ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง ได้บางอย่าง 2. การให้เหตุผล กา ร นัก เ รี ยน ส า มา ร ถ ใ ห้ นัก เ รี ยน ส า มา ร ถ ใ ห้ นัก เ รี ยน ส า มา ร ถ ใ ห้ สอ่ื สาร และการทางาน เ ห ตุ ผ ล สื่ อ ส า ร ส่ื อ เ ห ตุ ผ ล สื่ อ ส า ร ส่ื อ เ ห ตุ ผ ล สื่ อ ส า ร สื่ อ เป็นทมี ความหมาย และทางาน ความหมาย และทางาน ความหมายได้ไมค่ รบถ้วน ร่วมกับผอู้ นื่ ได้ โดยมีการ ร่วมกับผูอ้ ่นื ได้ และการทา งานร่วมกับ แบ่งหน้าที่การ ทางา น ผู้อื่นมีการแบ่งหน้าที่ไม่ อย่างชดั เจน ชดั เจน

102 2. ด้านภาษา กิจกรรม จะเลา่ ไดไ้ หม เล่าไดห้ รอื เปลา่ วตั ถปุ ระสงค์ 1) นกั เรยี นสามารถเล่าเรือ่ งและสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสม 2) นกั เรยี นสามารถตีความ วเิ คราะห์ และประเมนิ ค่าเรอ่ื งราวท่ฟี งั ได้ อุปกรณ์ 1) สลาก 2) กล่อง 3) ปากกา ขั้นดาเนินกจิ กรรม ขนั้ นา 1) แจ้งจดุ ประสงค์ 2) ครูนาเข้าสู่บทเรียนโดยเล่า นิทานเรื่อง “ กระต่า ยกับเต่า” เพ่ือให้นักเรียนได้ทรา บ องค์ประกอบของนทิ าน ขั้นกจิ กรรม 1) ให้นักเรียนเขียนคาอะไรก็ไดท้ ช่ี อบ 1 คา ลงในกระดาษสลาก และนาไปใสไ่ วใ้ นกล่อง 2) ให้นกั เรียนจับสลากคาข้ึนมาหนึง่ คา และใหเ้ ล่านทิ านภายใน 30 วินาที เล่าตอ่ ๆ กัน โดยให้มี คานัน้ ปรากฏอย่ใู นเนอ้ื เรอ่ื งท่ีเล่า 3) ครอู าจกาหนดแกน่ เรอ่ื งข้นึ มา เพ่อื ใหน้ ักเรียนได้สรา้ งเรื่องราวตามแกน่ เร่ืองน้นั ขนั้ สรุป 1) ให้นกั เรียนสรุปเรอ่ื งท่ีไดเ้ ลา่ (ปากเปล่าหรือการเขยี น) 2) ใหน้ ักเรยี นอภิปรายถึงขอ้ คดิ ที่ไดจ้ ากเรื่อง และการนาขอ้ คิดน้ีไปใช้ในชีวิตประจาวัน (ปาก เปลา่ หรอื การเขยี น) การวัดและการปร ะเมนิ ผล ใช้การสงั เกตพฤตกิ รรม มีการประเมนิ ผลแบบ scoring rubric หรือแบบรายบคุ คล 2. ดา้ นภาษา

103 3. ด้านร่างกายและการเคลือ่ นไหว กจิ กรรม ใบ้ใหท้ า่ ว ัตถ ุปร ะสงค ์ เพื่อทราบอาชพี ในฝันของสมาชกิ ผา่ นทา่ ทาง ขั้นดาเนินกจิ กรรม ข้นั นา 1) แบ่งกลุ่มนกั เรยี น 6-8 คน 2) ให้แต่ละคนคิดอาชีพในฝันของตนเอง ขัน้ กจิ กรรม 1) ให้นกั เรียนแสดงท่าทางอาชีพของตนเอง ใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ ทาย 2) ครูกาหนดเวลาทากจิ กรรม 10-15 นาที 3) กลุ่มใดทายอาชพี ครบทุกคนให้น่งั ลง 4) กล่มุ ใดเสรจ็ กอ่ นเป็นผูช้ นะ ข้นั สรปุ 1) สมาชกิ ในกลุ่มรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับสิ่งที่ได้เรยี นรูใ้ นกจิ กรรมนี้ 2) ตัวแทนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอ 3) ครูสรุปเพ่ิมเตมิ

104 4. ดา้ นดนตรี กจิ กรรม Music of Life ว ัตถ ุปร ะสงค ์ 1) นกั เรียนเข้าใจและอธบิ ายความหมายของคา 2) นักเรยี นไดแ้ สดงออกอยา่ งสรา้ งสรรค์ อุปกรณ์ 1) เครอื่ งดนตรี 2) เคร่อื งแต่งกาย ขัน้ ดาเนินกิจกรรม ขั้นนา 1) ใหฟ้ ังเพลงตัวอยา่ งทห่ี ลากหลาย 2) รว่ มอภปิ รายความรู้สกึ ที่เกดิ ขึน้ จากเพลง 3) ครแุ บ่งกลมุ่ ให้ตามความสนใจ ขน้ั กจิ กรรม 1) ครูกาหนดคาให้นกั เรียนนาไปแตง่ เนื้อเพลง ตามแนวเพลงท่ีตนเองชอบ พร้อมออกแบบท่า ประกอบ 2) นาเสนอเพลงพรอ้ มท่าประกอบ และอธิบายความรู้สกึ ในการทากิจกรรม ขนั้ สรปุ ให้นกั เรยี นอธิบายถึงเพลงที่แต่ง เช่น แรงบันดาล ความหมาย การวดั และการประเมนิ ผล ใชก้ ารสังเกตพฤตกิ รรม และประเมนิ ทผ่ี ลงาน

105 5. ด้านธรรมชาติ กจิ กรรม ใครเปน็ ใครในระบบนเิ วศ วัตถปุ ระสงค์ 1) นักเรียนเขา้ ใจถงึ ความสมั พนั ธท์ างระบบนิเวศ 2) นกั เรียนสามารถจาแนกและระบุบทบาทของสง่ิ มีชวี ติ อุปกรณ์ 1) โทรศพั ท์มอื ถือ 2) รูปภาพธรรมชาติ 3) ใบงานกลมุ่ 4) RC ขนั้ ดาเนนิ กจิ กรรม ขน้ั นา 1) ครนู าเสนอภาพธรรมชาติ ใหน้ ักเรยี นชมภาพและต้ังคาถามวา่ เหน็ อะไรในภาพน้ี (สิ่งมีชีวิต และไมม่ ชี วี ติ ) 2) ครเู ชอื่ มโยงเขา้ สู่บทเรียน ขน้ั กิจกรรม 1) ครูแบง่ นกั เรียนออกเปน็ 5 กลุ่ม 2) ให้แตล่ ะกลุ่มเลือก หวั หนา้ รองหวั หน้า และเลขานกุ าร 3) กาหนดบทบาทหน้าท่ขี องสมาชกิ ทกุ คนในกลมุ่ 4) ครแู จก RC ใหก้ ลุ่มละ 1 ข้อความ เพือ่ นาไปส่พู นื้ ทเี่ ปูาหมายท่ีกาหนดไว้ 5) มอบหมายภาระงาน “เมอ่ื นักเรียนไปถงึ จดุ หมายแลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันค้นหา ส่ิงที่พบใน บริเวณนน้ั ใหม้ ากท่สี ุด ภายในเวลา 20 นาที พร้อมใชโ้ ทรศัพท์มือถอื บันทกึ ภาพ” 6) ให้แต่ละกลมุ่ นาเสนอภาพถา่ ยหนา้ ช้นั เรยี น 7) ครูอธบิ ายบทบาทของระบบนเิ วศแตล่ ะประเภท ผผู้ ลติ ผู้บรโิ ภค ผู้ยอ่ ยสลาย 8) ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ จดั หมวดหมูจ่ ากข้อมลู ทไ่ี ด้จากการสารวจ และนาเสนอหนา้ ชั้นเรียน ข้นั สรุป 1) นกั เรียนนาเสนอสงิ่ ท่ไี ด้เรียนรู้ ปัญหา และขอ้ เสนอแนะทไี่ ดจ้ ากการทากจิ กรรม 2) ครแู ละนกั เรยี นสรปุ บทเรยี นด้วยกนั การวัดและการประเมนิ ผล 1) ด้านความรู้ – สังเกตการณ์ทากิจกรรมกลุ่ม, การนาเสนอผลงาน 2) ด้านมนษุ ยสัมพนั ธ์ – สังเกตความรว่ มมือ, การส่อื สาร, ความรบั ผดิ ชอบ, บทบาทหนา้ ที่ 3) ด้านตนเอง – สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรใู้ นช้ัน

106

107 6. ดา้ นมิติสมั พันธ์ กิจกรรม เรขาคณติ พชิ ติ ปญั หา ว ัตถ ุปร ะสงค ์ 1) นักเรียนสามารถสรา้ งสิ่งประดษิ ฐ์จากรูปเรขา 3 มิติได้ 2) นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของส่งิ ประดิษฐ์ สาหรบั เหตกุ ารณท์ ีค่ รูกาหนดใหไ้ ด้ อุปกรณ์ 1) รปู เรขาคณติ 3 มติ ิ คนละ 5 ชนิ้ เช่น กรวย ปริ ามิด ทรงกระบอก ทรงกลม 2) กาว 3) ปากกาเคมี ขน้ั ดาเนินกจิ กรรม ขั้นนา 1) ครูทบทวนความรู้เร่ืองรปู เรขาคณิต 3 มิติ 2) ครนู าตัวอยา่ งคฑาเซเลอรม์ ูนนาเสนอ พร้อมกบั บอกประโยชน์วา่ เป็นคฑาทใ่ี ชแ้ กป้ ญั หาได้ 3) ให้นกั เรยี นจินตนาการวา่ จะสามารถสรา้ งคฑาน้จี ากรูปเรขาคณติ สามมิติไดอ้ ย่างไร ขนั้ กจิ กรรม 1) ครกู าหนดสถานการณ์ และใหน้ กั เรียนเลือกเขา้ กล่มุ ตามสถานการณ์ท่ีตนสนใจ 2) นักเรยี นแบ่งหนา้ ท่ภี ายในกลุ่มและร่วมกนั วางแผนการสรา้ งสิ่งประดิษฐ์เพ่ือแก้ไขปัญหาใน สถานการณเ์ หลา่ นี้ 3) นักเรียนนาเสนอผลงาน ขั้นสร ปุ ครูและนกั เรียนรว่ มสรุปและอภปิ รายเกย่ี วกับแนวทางการแกไ้ ขของสงิ่ ประดษิ ฐ์จากนักเรียน การวัดและการประเมนิ ผล ร ายการ ปร ะเมิน วิธกี ารวดั เคร่อื งมือ เกณฑท์ ป่ี ระเมิน 1. นักเรยี นสามารถสร้าง สัง เ กต สิ่ งป ร ะ ดิ ษ ฐ์ ท่ี แบบสังเกต 1. จานวนรูปเรขาคณติ ทใ่ี ช้ สง่ิ ประดิษฐ์จากรูปเรขา นักเรียนสร้าง 2. การวางแผนการทางาน 3 มติ ิได้ 3. กระบวนการกลุม่ 2. นกั เรียนสามารถบอก สงั เกตการพูดนาเสนอ แบบสังเกต ความสัมพนั ธ์ระหว่างเหตุผลและ ประโยชน์ของสง่ิ ประดิษฐ์ สถานการณ์ท่ีกาหนด สา หรับเห ตุการ ณ์ท่ีครู กาหนดใหไ้ ด้

108 บร ร ณานุกร ม เฉลิมขวญั อัศวชยั (2553). การเปรยี บเทยี บความสามารถทางพหุปญั ญา ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 กล่มุ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ท่ีได้รบั การจัดการเรยี นรู้ แบบกลมุ่ สมั พนั ธ์กับ การ จดั การเรยี นรู้แบบโครงงาน ตามกรอบแนวคดิ พหปุ ัญญา (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหา บณั ฑติ การจัดการการเรียนร้)ู มหาวิทยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา ทิศนา แขมณี. (2545). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีป ระสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: สานักพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ธนลาวัณย์ เพียรค้า. (2561). การจัดหลักสูตรกา รศึกษาบนฐานทฤษฎีพหุปัญญาของโรงเรียนสาธิต มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝาุ ยมธั ยม). วารสารเกษมบัณฑิต ปีที่ 19ฉบับท่ี 2 กรกฎาคม–ธนั วาคม. บีเชเนอร์ ลินเน. (2550). เกมและกิจกรรมเพ่ือพฒั นาพหปุ ญั ญา และลักษณะนิสัยทดี่ .ี เบรนเนท็ , กรุงทพฯ. ปิยวทิ ย์ ประชาศิลป.์ (2557). การพฒั นากจิ กรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาในรายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมเพอ่ื ส่งเสรมิ คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องพลเมอื งอาเซียนสาหรับนักเรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรียนวัดบางเตย สานกั งานเขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต). มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ เพญ็ พร สิงห์ไธสง. (2549). ปจั จัยทเี่ กย่ี วขอ้ งกับพหปุ ัญญาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ในเขตเทศบาล นคร ขอน แก่น จังห วัดขอน แก่น (วิทยา นิพน ธ์ปริญญา ศึกษา ศา สตร มหา บัณฑิต) มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ . เยาวภา เดชะคุปต์. (2553). การพฒั นารูปแบบพหุปญั ญาเพ่ือการเรียนรู้สาหรบั การจัดการศกึ ษาในบริบทของ สงั คมไทย ฉบับพเิ ศษ. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร)์ . ปีท่ี 1 มกราคม. สุรางค์ วรี ประเสรฐิ สขุ . (2552). ผลการจัดการเรียนรู้ทีส่ ่งเสริมพหุปัญญา ต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนสาธิต มหา วิทยา ลัยศรีน คริน ทร วิโร ฒ (วิทย า นิพน ธ์ปริญญา ศึกษา ศา สตร มหา บัณฑิต ) มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2550). การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสู่พหุ ปัญญา. กรุงเทพฯ: กลมุ่ สง่ เสรมิ นวตั กรรมการเรียนรู้ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา

109 อษุ ณีย์ อนรุ ทุ ธ์วงศ.์ (2555). การเสาะหา/คดั เลอื กผมู้ ีความสามารถพิเศษ. กรงุ เทพฯ: อนิ ทร์ณน. Anne Guignon. (2010). Howard Gardner's Multiple Intelligences: A Theory for Everyone [ออนไลน์] ได้จาก : https://www.educationworld.com/a_curr/c8hog,nurr054.shtml [สืบค้นเมือ่ 20 กรกฎาคม 2563]. Ceci, Stephen J. (20 08 ). On Intelligence: A Bioecological Treatise on Intelligence Development. Expanded . Cambridge, MA: Harvard University Press. Davis, Gary A.; Rimm, Sylvia B.; & Siegle, Del. (2010). Education of the Gifted and Talented. 6th ed. Boston, MA: Pearson. Gardner, H. (1983). Frames of Mind: The Theory of Multiple Intelligences. New York : Basic Books. Gardner, H. (1999). Intelligence Reframed: Multiple Intelligences for the 21st Century. New York: Basic Books. Gardner, H. (2011). Frames of Mind: The Theory of Multiple Intelligences. 3rd ed. New York: Basic Books. Pfeiffer, Steven I. (2013). Serving the gifted: Evidence-based Clinical and Psychoeducational Practice. New York: Routledge. Sternberg, Robert J.; Jarvin, Linda; & Grigorenko, Elena L. (2011). Explorations in Giftedness. New York: Cambridge University Press. Sternberg, Robert J.; & O’Hara, Linda A. (1999). Creativity and Intelligence. In Handbook of Creativity. Sternberg, R. J., editor. pp. 251-265. New York: Cambridge University Press. Stoeger, Heidrum. (2009). The History of Giftedness Research. In International Handbook on Giftedness. Larisa V. Shavinina, editor. pp. 17-38. Quebec, Canana: Springer. Von Károlyi, C.; Ramos-Ford, V.; & Gardner, H. (2003). Multiple Intelligences: A Perspective on Giftedness. In Handbook of Gifted Education. N. Colangelo and G. Davis, editors. pp. 100-112. 3rd ed. Boston: Allyn and Bacon.

110 ภาคผนวก

111 คณะทางานรว่ มในการจัดทาสอื่ ความรเู้ รอ่ื งพหปุ ญั ญา ในวันที่ 10 และ 17 กันยายน 2563 ณ สานักงาน บรหิ ารและพฒั นาองคค์ วามรู้(องคก์ ารมหาชน), วันที่ 18 กันยายน 2563 ณ วิทยาลยั วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยกี ารกฬี า มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล และ 21 กันยายน 2563 ณ ศูนย์พฒั นาการศกึ ษาพิเศษ คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ 10 กนั ยายน 2563 ณ สานักงานบรหิ ารและพัฒนาองค์ความรู้ (องคก์ ารมหาชน)

112 17 กนั ยายน 2563 ณ สานกั งานบรหิ ารและพัฒนาองคค์ วามรู้ (องค์การมหาชน

113 วนั ที่ 18 กนั ยายน 2563 ณ วิทยาลยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยกี ารกฬี า มหาวิทยาลัยมหดิ ล 21 กนั ยายน 2563 ณ ศูนย์พฒั นาการศกึ ษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ

114 รว่ มในการจดั กจิ กรรมส่งเสรมิ พหปุ ัญญา สาหรบั เด็กมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ เพื่อเป็นสว่ นหนง่ึ ของการจัดทา สอ่ื ความรูเ้ ร่อื งพหปุ ญั ญา ในวันที่ 12 กันยายน 2563 ณ โรงเรียนมธั ยมประชานเิ วศน์

115 คณะทางานได้จดั การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิการ หัวข้อ “การประเมนิ และสง่ เสริมความสามารถทางพหุปญั ญา สาหรับครมู ธั ยมศกึ ษาตอนต้น” ในวนั ท่ี 17-18 ตลุ าคม 2563 ณ สถาบันแห่งชาตเิ พอื่ การพฒั นาเด็กและ ครอบครวั มหาวิทยาลัยมหดิ ล (การถา่ ยทอดสด) และโรงแรมแกรนด์ เมอรเ์ คยี ว ฟอรจ์ ูน (เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร)

116

การดาเนนิ การประชมุ ทผี่ ่านมา 117 ลาดบั วนั ท่ี วาร ะการ ปร ะช มุ ผเู้ ขา้ รว่ ม สถานที่ คณะทางาน มหาวทิ ยาลัยศรีนคริทรวโิ รฒ ครั้งที่ 1 4 ก.พ. 2563 แนะนาคณะทางาน คณะทางาน มหาวิทยาลยั ศรนี คริทรวโิ รฒ คณะทางาน ผ่าน Microsoft Team ครั้งท่ี 2 3 มี.ค. 2563 ประมวลเน้อื หาพหปุ ญั ญา คณะทางาน ผา่ น Microsoft Team คณะทางาน ผา่ น Webex ครง้ั ที่ 3 16 เม.ย. 2563 วางแผนงานร่วมกนั คณะทางาน มหาวิทยาลยั ศรนี คริทรวิโรฒ คณะทางาน มหาวิทยาลยั ศรนี คริทรวโิ รฒ ครงั้ ที่ 4 30 เม.ย. 2563 วางแผนงานร่วมกนั คณะทางาน ผา่ น Webex คณะทางาน มหาวิทยาลยั ศรนี คริทรวโิ รฒ ครั้งที่ 5 14 พ.ค. 2563 การจัดทาแบบทดสอบ คณะทางาน มหาวิทยาลัยมหิดล คณะทางาน ผา่ น Webex ครง้ั ท่ี 6 3 ก.ค. 2563 นาเสนอแบบทดสอบ ครั้งที่ 7 24 ก.ค. 2563 นาเสนอแบบทดสอบ ครง้ั ท่ี 9 1 ส.ค. 2563 นดั หมายการถ่ายทาสือ่ ครั้งที่ 10 29 ก.ย. 2563 การอบรมครู และค่ายเดก็ ครงั้ ท่ี 11 9 ต.ค. 2563 การถ่ายทอดสดการอบรมครู ครง้ั ที่ 12 14 ต.ค. 2563 เตรียมงานการอบรมครู