Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กำหนดการเรสอนสังคมฯ 13 ม.ค.65 เรื่อง ลักษณะของเมืองฯ ป.3

กำหนดการเรสอนสังคมฯ 13 ม.ค.65 เรื่อง ลักษณะของเมืองฯ ป.3

Published by panee suwansri, 2022-01-08 16:47:25

Description: กำหนดการเรสอนสังคมฯ 13 ม.ค.65 เรื่อง ลักษณะของเมืองฯ ป.3

Search

Read the Text Version

ชุมชนของนักเรียน ชุมชนของนักเรียนมสี ภาพแวดล้อม เป็ นอย่างไร ชุมชนของหนูมีลกั ษณะพ้ืนที่เป็นท่ีราบกวา้ งใหญ่ มีอากาศร้อนมากในช่วงฤดูร้อน แตใ่ นฤดูหนาว มีอากาศอบอุ่น มีฝนตกชุกมาก ทาใหด้ ินและน้า อุดมสมบูรณ์ คนในชุมชนของหนูจึงนิยม ประกอบอาชีพทานาและเล้ียงสัตวช์ นิดต่าง ๆ 1

กล่มุ คนทอ่ี าศัยอย่บู ริเวณเดยี วกนั ซ่ึงในแต่ละชุมชนมลี กั ษณะแตกต่างกนั ไป ตามลกั ษณะทางกายภาพของพืน้ ทีบ่ ริเวณน้ัน ลกั ษณะทางกายภาพทแ่ี ตกต่างกนั นีเ้ องเป็ น ปัจจยั สาคัญท่ีทาให้การดาเนินชีวิตของคน ในชุมชนมคี วามแตกต่างกนั ไปในแต่ละชุมชน 2

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.1 องค์ประกอบของลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน คือ ลกั ษณะของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ทม่ี อี ยู่ในชุมชน มอี งค์ประกอบทสี่ าคญั คือ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ 3

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.1 องค์ประกอบของลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ สภาพพืน้ ผวิ โลกตามธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ลกั ษณะสูงต่าของแผน่ ดิน เช่น ท่ีราบ ท่ีราบสูง เนินเขา ภูเขา ในแต่ละชุมชนมีลกั ษณะภูมิประเทศท่ีแตกตา่ งกนั ไป ตวั อยา่ งเช่น ภูเมขพีาชสุมืน้ ูงชทแนเ่ีลปภะ็ นทาทคร่ี เรี่าหบานบเชืบอิงนเขา มีพืน้ ชทุม่ีเปช็ นทภรี่าาคบกล่มุางแม่นา้ มพีชชุมืน้ าชยทฝน่ีเปั่งภ็ ทนาะคทเใร่ีลตา้บ 4

กจิ กรรม ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของชุมชน ชุมชนน้ีมลี กั ษณะ ภูมปิ ระเทศเป็ นทรี่ าบ ชายฝั่งทะเล มีพน้ื ที่ติดกบั ทะเล ชุมชนนี้มลี กั ษณะ ชุมชนนี้มีลกั ษณะภูมปิ ระเทศเป็ นทรี่ าบสูง ภูมิประเทศเป็ นทรี่ าบ บนภูเขาหรือภูเขาสูง ล่มุ แม่น้า มีแม่น้าสายใหญ่ ไหลผ่าน 5

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.1 องค์ประกอบของลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน ภูมอิ ากาศ สภาพอากาศเฉล่ียของพ้ืนท่ีใดพ้นื ท่ีหน่ึงติดต่อกนั เป็นเวลานาน ชุมชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะมีอากาศร้อน ช่วงทมี่ อี ากาศร้อนทส่ี ุด คือ เดือนเมษายน ส่วนช่วงทมี่ ีอากาศหนาวทสี่ ุด คือ เดือนธันวาคมและมกราคม แต่ละชุมชนมีอากาศท่ีแตกต่างกนั ตวั อยา่ งเช่น ฤดู ชุมชนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ หนาว มีอากาศหนาวกว่าชุมชนในภาคกลางและภาคใต้ 6

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.1 องค์ประกอบของลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งท่ีเกิดข้ึนหรือมีอยตู่ ามธรรมชาติและสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ในการดาเนินชีวิตได้ เช่น ดนิ นา้ ป่ าไม้ แร่ ทุ่งหญ้า สัตว์ป่ า ในแตล่ ะชุมชนจะมีทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกนั ตวั อยา่ งเช่น ชุมชนในภาคกลาง ชุมชนในภาคเหนือ มดี นิ และนา้ มปี ่ าไม้อดุ มสมบูรณ์ อดุ มสมบูรณ์ 7

กจิ กรรม ทรัพยากรธรรมชาตใิ นแต่ละภาค ภาคกลาง มดี นิ และน้าอดุ มสมบูรณ์ มีดนิ ตะกอนทมี่ ธี าตุอาหารสูง และมีทางน้าไหลผ่านหลายสาย ภาคเหนือ มปี ่ าไม้อดุ มสมบูรณ์ ต้ังแต่ป่ าดบิ ชนิดต่าง ๆ จนถงึ ป่ าโปร่ง สลบั ท่งุ หญ้า และมีแร่หลายชนิด ภาคใต้ มีดนิ ร่วนปนทรายทด่ี ี และมนี ้ามาก เพราะฝนตกชุก รวมถงึ มสี ัตว์ทะเลเป็ นจานวนมาก 8

สรุปความรู้  ชุมชน คือ กลุ่มคนที่อาศยั อยบู่ ริเวณเดียวกนั ในแต่ละชุมชนมีลกั ษณะ ทางกายภาพที่แตกต่างกนั ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ลกั ษณะ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ  ลกั ษณะภูมิประเทศ สภาพพ้นื ผวิ โลกตามธรรมชาติ ที่สาคญั ไดแ้ ก่ ท่ีราบ ที่ราบสูง เนินเขา และภูเขา  ภูมิอากาศ คือ สภาพอากาศเฉล่ียของพ้นื ท่ีใดพ้ืนที่หน่ึงท่ีเกิดข้ึนติดต่อกนั เป็นเวลานาน ชุมชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะมีอากาศร้อน โดยจะร้อน ท่ีสุดในเดือนเมษายน และมีอากาศหนาวท่ีสุดในเดือนธนั วาคมหรือมกราคม  ทรัพยากรธรรมชาติ คือ ส่ิงที่เกิดข้ึนหรือมีอยเู่ องตามธรรมชาติ และสามารถ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนินชีวิตของมนุษยไ์ ด้ 9

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.2 ความสัมพนั ธ์ของลกั ษณะทางกายภาพกบั การดาเนินชีวติ ของคนในชุมชน ลกั ษณะทางกายภาพเป็ นตัวกาหนด ให้คนในชุมชนเลือกทากจิ กรรม ให้เหมาะสมต่อสภาพน้ัน ๆ ตัวอย่างเช่น 10

1. ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 1.2 ความสัมพนั ธ์ของลกั ษณะทางกายภาพกบั การดาเนินชีวติ ของคนในชุมชน ภูมอิ ากาศกส็ ่งผลต่อคนในชุมชนเช่นกนั เช่น คนในภาคเหนือของประเทศไทยต้องใส่ เสื้อแขนยาว เพ่ือป้องกนั อากาศทีห่ นาวเยน็ นอกจากนีย้ งั นิยมเลือกปลูกพืช เมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี แอปเปิ ล ผกั เมืองหนาวต่าง ๆ 11

กจิ กรรม ลกั ษณะทางกายภาพกบั การดาเนินชีวติ ทรี่ าบลุ่มแม่นา้ เพาะปลูกข้าว ใส่ เสื้ อหลายช้ัน กนิ อาหารทะเล ทร่ี าบสูงบนภูเขา  ใส่เสื้อแขนยาว ทาป่ าไม้ กนิ อาหารทะเล อากาศหนาวเยน็ เพาะปลูกพืชไร่ บ้านมใี ต้ถุนสูง ใส่ เสื้ อหลายช้ัน ชายฝ่ังทะเล ทาประมงทะเล ทาป่ าไม้ กนิ อาหารทะเล มฝี นตกชุก 12

คาถามทบทวน ลกั ษณะทางกายภาพทีเ่ ป็ นทร่ี าบมผี ลอย่างไรต่อวถิ ชี ีวติ ของผู้คน ลกั ษณะพ้นื ท่ีแบบที่ราบทาใหค้ นสามารถต้งั ถ่ินฐานไดส้ ะดวก สามารถ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมไดด้ ี ท้งั การเพาะปลูกพชื และการเล้ียงสตั ว์ นอกจากน้ียงั พฒั นาเสน้ ทางไดง้ ่าย ทาใหใ้ ชเ้ ดินทางไปยงั พ้ืนท่ีอื่น ๆ ได้ สะดวก 13

คาถามทบทวน ทรัพยากรธรรมชาตมิ ีอทิ ธิพลต่อการดาเนินชีวติ อย่างไร ทรัพยากรธรรมชาติมีประโยชน์ต่อการดาเนินชีวติ ของคนเรา เช่น เราตอ้ งใชน้ ้าในการอุปโภคบริโภค ใชด้ ินในการปลูกผกั ปลูกตน้ ไม้ ใชไ้ มใ้ นการสร้างท่ีอยอู่ าศยั และเคร่ืองใชต้ ่าง ๆ 14

สรุปความรู้  การดาเนินชีวติ ของคนในชุมชนน้นั มีความสมั พนั ธ์กบั ลกั ษณะทาง กายภาพ ซ่ึงคอยกาหนดใหค้ นในชุมชนเลือกทากิจกรรมให้ เหมาะสมต่อสภาพน้นั ๆ  ตวั อยา่ งเช่น ในชุมชนที่อยใู่ นเขตท่ีราบลุ่มแม่น้า มีดินและน้าอดุ ม สมบูรณ์ คนกจ็ ะนิยมเพาะปลูกขา้ วเป็นหลกั และจะนาขา้ วที่ไดม้ า รับประทานเป็นอาหาร ส่วนในชุมชนท่ีอยใู่ นเขตท่ีมีดินและน้าไม่ คอ่ ยอดุ มสมบูรณ์ คนกม็ กั จะเพาะปลูกพชื ที่ทนแลง้ ไดด้ ี เช่น ขา้ วโพด มนั สาปะหลงั หรือเล้ียงสตั วช์ นิดต่าง ๆ เช่น แพะ แกะ โค 15

บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง เน่ืองจากมีพ้ืนท่ีทางการเกษตรเพียงร้อยละ 20 เท่าน้นั ชาวฟิ ลิปปิ นจึงทาการดดั แปลงพ้ืนท่ีภูเขา สูงชนั ใหก้ ลายเป็นนาข้นั บนั ได เช่น ท่ีเมืองบานาอวย เมืองบาตดั และส่งต่อความรู้การทานา ข้นั บนั ไดจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นประเพณีสืบต่อกนั มาจนถึงปัจจุบนั และยงั สามารถทาให้ ดารงชีวติ อยไู่ ดใ้ นสังคมและเศรษฐกิจที่เจริญกา้ วหนา้ อยา่ งกา้ วกระโดดในโลกปจั จุบนั ถือได้ว่าเป็ นแนวทางการดาเนินชีวติ ทใี่ กล้เคยี งกบั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 16

สรุปความรู้  ชุมชนแต่ละชุมชนมีลกั ษณะทางกายภาพท้งั ลกั ษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติที่แตกต่างกนั ซ่ึงเป็นอิทธิพล ท่ีทาใหก้ ารดาเนินชีวติ ของคนในแต่ละชุมชนมีความแตกต่างกนั ตามไปดว้ ย 17

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง วีดทิ ศั น์ สภาพแวดล้อม ในกรุงเทพมหานคร 18

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง เมืองมลี กั ษณะอย่างไร 19

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง มีประชากรหนาแน่น 20

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง มปี ระชากรหนาแน่น มีส่ิงอานวยความสะดวกมาก 21

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง มปี ระชากรหนาแน่น มสี ่ิงอานวยความสะดวกมาก เป็ นศูนย์กลางระบบต่าง ๆ ทุกด้าน 22

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง มีประชากรหนาแน่น มีส่ิงอานวยความสะดวกมาก เป็ นศูนย์กลางระบบต่าง ๆ ทุกด้าน ประกอบอาชีพหลากหลาย ส่วนใหญ่ทาง ธุรกจิ การค้า การบริการ และอุตสาหกรรม 23

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.1 เมือง มปี ระชากรหนาแน่น มสี ่ิงอานวยความสะดวกมาก เป็ นศูนย์กลางระบบต่าง ๆ ทุกด้าน ประกอบอาชีพหลากหลาย ส่วนใหญ่ทาง ธุรกจิ การค้า การบริการ และอตุ สาหกรรม ครอบครัวเดย่ี ว อยู่อาศัยในอาคารหลายแบบ 24

เรื่องน่ารู้: คอนโดมเิ นียม 25 คอนโดมเิ นียม หรือ “อาคารชุด” (ตามศัพท์บัญญัติของ คณะกรรมการบญั ญัติศัพท์สถาปัตยกรรมศาสตร์) เป็ นรูปแบบของทอ่ี ย่อู าศัยทเี่ จ้าของห้องชุด ในอาคารจะต้องกระจายความเป็ นเจ้าของพืน้ ท่ี ส่วนกลาง เช่น ทางเดนิ สระว่ายนา้ ลฟิ ต์ ให้แก่เจ้าของห้องชุดอื่น ๆ ในอาคารเดยี วกนั มีพืน้ ฐานมาจากคาท่นี ิยมใช้เรียกการถือครอง กรรมสิทธ์ิร่วมกนั ในอาคารขนาดใหญ่ทแี่ บ่งซอย เป็ นส่วน ๆ เพื่อให้คนต่างครอบครัวพกั อาศัย อยู่ร่วมกนั ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

กจิ กรรม ลกั ษณะของเมือง  มีระบบสาธารณูปโภคเพยี งพอ ท้งั ไฟฟ้าและประปา  การเดินทางมีท้งั การใช้รถไฟฟ้า รถประจาทาง และรถยนต์ส่วนบุคคล ทาเกษตรกรรมเป็ นหลกั พืชทส่ี าคญั เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสาปะหลงั อยู่อาศัยร่วมกนั ในบ้านหลงั เดียวท้งั พ่อ แม่ ลกู ป่ ู ย่า ตา ยาย  มีทอ่ี ยู่อาศัยหลากหลายรูปแบบ ท้งั บ้านเดีย่ ว อาคารชุด ตึกแถว ประชากรในชุมชนมไี ม่มากนัก บ้านแต่ละหลงั ต้ังอยู่ห่างกนั 26

สรุปความรู้  เมืองเป็นชุมชนที่มีประชากรอาศยั อยหู่ นาแน่น มีส่ิงอานวยความ สะดวกมาก เป็นศูนยก์ ลางระบบต่าง ๆ ทุกดา้ น เช่น การปกครอง การศึกษา สาธารณสุข มีสิ่งอานวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ถนน สถานบริการสาธารณสุข  คนในเมืองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางธุรกิจ การคา้ บริการ และ อุตสาหกรรม ลกั ษณะท่ีอยอู่ าศยั มีหลากหลายรูปแบบ เช่น บา้ น เด่ียว ตึกแถว อาคารสูง 27

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท ชนบทมลี กั ษณะอย่างไร 28

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท มปี ระชากรเบาบาง 29

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท มีประชากรเบาบาง พืน้ ทเี่ ป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นา 30

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท มีประชากรเบาบาง พืน้ ทเี่ ป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม 31

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท มีประชากรเบาบาง พืน้ ทเ่ี ป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บ้านเรือนแตกต่างไปตาม ภูมศิ าสตร์และวฒั นธรรม 32

2. ลกั ษณะของเมืองและชนบท 2.2 ชนบท มปี ระชากรเบาบาง พืน้ ทเี่ ป็ นอุปสรรคต่อการพฒั นา ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บ้านเรือนแตกต่างไปตาม ภูมศิ าสตร์และวฒั นธรรม มีส่ิงอานวยความสะดวกและ สาธารณูปโภคไม่มากนัก 33

กจิ กรรม ชนบท 34

สรุปความรู้  ชุมชนชนบทเป็นชุมชนท่ีมีประชากรอาศยั อยเู่ บาบาง คนในชุมชน มีความผกู พนั กบั ธรรมชาติมากกวา่ คนในชุมชนเมือง  คนในชุมชนชนบทมกั ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาสวน เล้ียงสตั ว์ ลกั ษณะท่ีอยอู่ าศยั ส่วนใหญ่เป็นบา้ นเดี่ยว มีพ้นื ที่ รอบ ๆ บา้ นกวา้ งขวาง อยรู่ วมกนั เป็นครอบครัวใหญ่  ในปัจจุบนั คนในชุมชนชนบทอยอู่ าศยั กนั เป็นครอบครัวเดี่ยว มากข้ึนกวา่ ในอดีต 35

ซักถามความรู้ ลกั ษณะเมืองและชนบท มคี วามแตกต่างกนั อย่างไร เมืองจะมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าชนบท มีลกั ษณะทอ่ี ยู่อาศัยทห่ี ลากหลายกว่า มีสิ่งอานวยความ สะดวกและระบบสาธารณูปโภคทเ่ี พยี งพอมากกว่า 36

คาถามทบทวน เมืองและชนบทมลี กั ษณะแตกต่างกนั อย่างไร เมืองจะมีประชากรอาศยั อยหู่ นาแน่น ลกั ษณะท่ีอยอู่ าศยั มีหลากหลาย รูปแบบ มีส่ิงอานวยความสะดวกและระบบสาธารณูปโภคเพยี งพอ ส่วนชนบทมีประชากรอาศยั อยเู่ บาบาง มกั ต้งั บา้ นเรือนอยหู่ ่างกนั หรือ รวมกนั เป็นหมู่บา้ นเลก็ ๆ และแตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะภูมิศาสตร์และ วฒั นธรรม 37

คาถามทบทวน ชุมชนทนี่ ักเรียนอาศัยอยู่เป็ นเมืองหรือชนบท เพราะเหตุใด เมือง เพราะมีอาคารสูงมากมาย มีบา้ นเรือนอยหู่ นาแน่น มีระบบไฟฟ้า และประปาท่ีเพียงพอ และมีคนอาศยั อยเู่ ป็นจานวนมาก 38

สรุปความรู้  เมืองมีลกั ษณะที่แตกต่างจากชนบทท้งั ดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ และ การดาเนินชีวิตของคนในชุมชน  เมืองเป็นชุมชนท่ีมีประชากรอาศยั อยหู่ นาแน่น มีส่ิงอานวยความ สะดวกมาก เป็นศูนยก์ ลางระบบต่าง ๆ ทุกดา้ น ส่วนชนบทเป็น ชุมชนที่มีประชากรอาศยั อยเู่ บาบาง มีส่ิงอานวยความสะดวกและ สาธารณูปโภคไม่มากนกั  คนในชุมชนเมืองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางธุรกิจ การคา้ บริการ และอตุ สาหกรรม ส่วนคนในชุมชนชนบทมกั ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม 39

แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 ชุมชนของเรา 40

เลือกคาตอบทถี่ ูกต้องทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว 1. ข้อใดกล่าวถงึ ความหมายของชุมชนได้ถูกต้องทส่ี ุด ก กลุ่มคนท่ีอาศยั อยดู่ ว้ ยกนั ข กลุ่มคนที่มีอาชีพเหมือนกนั ค กลุ่มคนที่ชอบภูมิลกั ษณ์เดียวกนั ง กลุ่มคนที่ยา้ ยมาจากชนบทพร้อมกนั คาอธิบาย: ก ถูกตอ้ ง เพราะชุมชนหมายถึงกลุ่มคนท่ีอาศยั อยใู่ นบริเวณเดียวกนั อาศยั อยรู่ ่วมกนั 41

2. ข้อใดไม่ใช่ ลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน ก ภูมิอากาศ ข ลกั ษณะภูมิประเทศ ค ทรัพยากรธรรมชาติ ง รูปแบบการเมืองการปกครอง คาอธิบาย: ง ถูกตอ้ ง เพราะรูปแบบการเมืองการปกครองไม่ไดเ้ ป็นหน่ึงในลกั ษณะทางกายภาพ ของชุมชน ซ่ึงประกอบดว้ ยลกั ษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศหรือสภาพอากาศ และทรัพยากร ธรรมชาติ แตเ่ ป็นวธิ ีการควบคุมดูแลและปกครองคนที่อยรู่ ่วมกนั ในสังคมของชุมชน ซ่ึงมีลกั ษณะท่ีไดร้ ับอิทธิพลส่วนหน่ึงมาจากลกั ษณะทางกายภาพของชุมชน 42

3. ข้อความใดแสดงถงึ ความแตกต่างกนั ของลกั ษณะทางกายภาพ ของชุมชนในภาคต่าง ๆ ก ชุมชนในภาคใตน้ ิยมทาประมงทะเล ข ชุมชนในภาคเหนือมีอากาศหนาวเยน็ ค ชุมชนในภาคกลางมีดินท่ีดีกวา่ ชุมชนในภาคใต้ ง ชุมชนในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือต้งั อยบู่ นที่ราบสูง คาอธิบาย: ค ถูกตอ้ ง เพราะขอ้ ความน้ีแสดงใหเ้ ห็นวา่ ดินของชุมชนในภาคกลางและชุมชน ในภาคใตม้ ีความแตกต่างกนั โดยดินของชุมชนในภาคกลางมีความอุดมสมบูรณ์มากกวา่ ดิน ของชุมชนในภาคใต้ 43

4. ชุมชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมสี ภาพอากาศอย่างไร ก ร้อน ข หนาวเยน็ ค ฝนตกหนกั ง อบอุ่นและแหง้ แลง้ คาอธิบาย: ก ถูกตอ้ ง เพราะประเทศไทยต้งั อยใู่ นเขตร้อนช้ืน ทาใหช้ ุมชนส่วนใหญ่ในประเทศ ไทยจะมีสภาพอากาศร้อนโดยทวั่ ไป แต่จะมีฝนตก หรืออากาศหนาวเยน็ แตกต่างกนั ไป ในแต่ละฤดู 44

5. ชุมชนในภาคกลางมดี นิ และนา้ อุดมสมบูรณ์ ทาให้คนในชุมชนนิยมประกอบอาชีพใดมากทสี่ ุด ก ทาเหมืองแร่ ข เพาะปลูกขา้ ว ค ทาประมงทะเล ง เพาะปลูกมนั สาปะหลงั คาอธิบาย: ข ถูกตอ้ ง เพราะการเพาะปลูกขา้ วจาเป็นตอ้ งใชด้ ินท่ีมีธาตุอาหารท่ีเหมาะสม อุม้ น้า ไดด้ ี และมีน้ามาก ซ่ึงชุมชนในภาคกลางมีดินและน้าที่มีคุณสมบตั ิดงั กล่าว ทาใหค้ นในชุมชน ภาคกลางนิยมประกอบอาชีพทานา คือ เพาะปลูกขา้ ว 45

6. ชุมชนในภาคใดทคี่ นในชุมชนส่วนใหญ่ต้องแต่งกาย ต่างจากคนในชุมชนในภาคอื่น ๆ ก ภาคใต้ ข ภาคกลาง ค ภาคเหนือ ง ภาคตะวนั ออก คาอธิบาย: ค ถูกตอ้ ง เพราะจากตวั เลือกท้งั หมด คนในชุมชนที่ตอ้ งแต่งกายแตกต่างจากภาคอื่น มากท่ีสุด คือ ภาคเหนือ เน่ืองจากภาคเหนือมีสภาพอากาศหนาวเยน็ ยาวนานกวา่ ภาคอื่น เพราะไดร้ ับอิทธิพลลมหนาวจากทางตอนเหนือของประเทศในช่วงฤดูหนาวอยา่ งเตม็ ท่ีมากกวา่ ภาคอื่น ทาใหค้ นในชุมชนภาคเหนือตอ้ งใส่เส้ือผา้ หนา ๆ หรือหลายช้นั เพื่อป้องกนั ความหนาว เยน็ ในฤดูหนาว 46

7. ข้าวโพดเป็ นพืชทป่ี ลูกกนั มากในชุมชนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เพราะปัจจยั สาคญั เรื่องใด ก ภูมิอากาศ ข ภูมิประเทศ ค ทรัพยากรธรรมชาติ ง รูปแบบการเมืองการปกครอง คาอธิบาย: ก ถูกตอ้ ง เพราะภูมิอากาศท่ีค่อนขา้ งแหง้ แลง้ มีฝนตกนอ้ ยมากของภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ทาใหค้ นในชุมชนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอ้ งปลูกพืชที่ทนแลง้ ไดด้ ี จึงนิยมปลูกพชื เช่น ขา้ วโพด ออ้ ย มนั สาปะหลงั 47

8. ข้อใดเป็ นลกั ษณะของเมือง ก นิยมอาศยั อยใู่ นคอนโดมิเนียม ข อยดู่ ว้ ยกนั เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ค ประกอบอาชีพเกี่ยวกบั เกษตรกรรมเป็นหลกั ง มีความหนาแน่นของประชากรในชุมชนนอ้ ยมาก คาอธิบาย: ก ถูกตอ้ ง เพราะในเมืองมีพ้นื ท่ีไม่มากนกั พ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นอาคาร บา้ นเรือน และ เส้นทางคมนาคมขนส่ง และยงั มีประชากรอาศยั อยอู่ ยา่ งหนาแน่น ทาใหค้ นในชุมชนนิยมอาศยั อยรู่ วมกนั ในอาคารเดียวกนั ท่ีเรียกวา่ อาคารชุด หรือคอนโดมิเนียม เนื่องจากพ้ืนที่ไม่เพียงพอ ต่อการอยอู่ าศยั 48

9. ข้อใดเป็ นลกั ษณะของชนบท ก ครอบครัวเดี่ยว ข นิยมทานา ทาไร่ ทาสวน ค ประกอบอาชีพภายในอาคาร ง มีส่ิงอานวยความสะดวกครบถว้ น คาอธิบาย: ข ถูกตอ้ ง เพราะความนิยมประกอบอาชีพทานา ทาไร่ ทาสวนเป็นลกั ษณะของคน ในชนบท เน่ืองจากมีพ้ืนที่ตามธรรมชาติมากกวา่ พ้นื ท่ีในเมือง คนในชุมชนจึงสามารถนาพ้ืนที่ มาใชท้ าการเกษตรไดห้ ลายประเภท 49

10. ลกั ษณะทางกายภาพทาให้คนในเมืองนิยมประกอบ อาชีพอะไร ก รับจา้ ง ข ทาประมงทะเล ค เพาะเล้ียงสตั วน์ ้าจืด ง เพาะปลูกขา้ วโพดและมนั สาปะหลงั คาอธิบาย: ก ถูกตอ้ ง เพราะในเมืองส่วนใหญ่มีพ้นื ท่ีเป็นอาคารและบา้ นเรือนต่าง ๆ อยเู่ ป็น จานวนมาก ทาใหม้ ีบริษทั หา้ งร้าน และสานกั งานต่าง ๆ ทาใหค้ นในเมืองจึงนิยมประกอบ อาชีพรับจา้ งในบริษทั หา้ งร้าน และสานกั งานที่อยใู่ นอาคารต่าง ๆ เหลา่ น้นั 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook