Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือโครงงานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ2564NEW

คู่มือโครงงานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ2564NEW

Published by nirut jorncharoen, 2021-07-16 16:50:20

Description: คู่มือโครงงานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ2564NEW

Keywords: โครงงานม

Search

Read the Text Version

ค่มู ือการเขยี นรายงาน โครงงานคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ รายวิชา โครงงานคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ หลักสตู รบริหารธรุ กจิ บณั ฑิต สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2564)

คำนำ คู่มือการเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564 เรียบเรียงขึ้นโดย คณาจารย์สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชา โครงงาน คอมพิวเตอร์ธรุ กิจ ไดศ้ กึ ษาแนวทางและรปู แบบต่าง ๆ ในการเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ธรุ กจิ ในเล่ม คู่มอื ประกอบดว้ ยทัง้ หมด 6 ส่วน ดงั น้ี ส่วนที่ 1 สว่ นประกอบของโครงงาน ส่วนที่ 2 รายละเอียดส่วนต้น สว่ นท่ี 3 รายละเอียดสว่ นเนื้อหา ส่วนที่ 4 รายละเอียดส่วนท้าย ส่วนที่ 5 รูปแบบการพิมพ์โครงงาน ส่วนที่ 6 การเขียนอ้างอิง และตัวอย่างเอกสารต่าง ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง สดุ ทา้ ยน้หี วังเป็นอย่างยง่ิ ว่านักศกึ ษาจะไดร้ ับประโยชน์จากการศกึ ษาคู่มือการเขยี นรายงานได้อย่างดี ยิง่ หากมีข้อผดิ พลาดประการใดคณาจารยส์ าขาวิชาคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ ต้องขออภยั ไว้ ณ ทีน่ ี้ ยนิ ดีนอ้ มรับและ นำไปปรับปรงุ ในฉบับตอ่ ไป อาจารยน์ ิรตุ ต์ จรเจรญิ

สารบญั หนา้ ส่วนที่ 1 ส่วนประกอบของโครงงาน 1 ส่วนตน้ 1 สว่ นเนอ้ื หา 1 สว่ นท้าย 2 3 ส่วนที่ 2 รายละเอียดสว่ นต้น 5 สว่ นที่ 3 รายละเอยี ดสว่ นเนื้อหา 5 7 บทที่ 1 บทนำ 10 บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ียวข้อง 21 บทที่ 3 วิธกี ารดำเนินงาน (กรณพี ัฒนาฐานข้อมลู ) 30 บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนนิ งาน (กรณีพัฒนาระบบมลั ตมิ ีเดยี ปฏสิ มั พันธ)์ 33 บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนินงาน (กรณพี ฒั นาเวบ็ ไซต)์ 34 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน 36 บทท่ี 5 สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ 38 สว่ นที่ 4 รายละเอยี ดส่วนท้าย 40 ส่วนที่ 5 รปู แบบการพิมพ์โครงงาน 42 ส่วนท่ี 6 การเขียนอา้ งองิ บรรณานุกรม ตัวอยา่ งเอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง

ลำดบั ขั้นตอนการดำเนนิ โครงงานคอมพวิ เตอร์ธรุ กิจ (สำหรับนกั ศกึ ษา) เร่ิม นกั ศกึ ษาเขา้ ฟงั อธบิ ายรายวิชา และอาจารย์ ช้แี จงขัน้ ตอนการดำเนนิ การสอบ พร้อมเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา นกั ศึกษาสง่ แบบฟอรม์ หวั ข้อโครงงาน เขยี นโครงร่างโครงงานฯ ไม่ผ่าน นำเสนอโครงรา่ ง ผา่ น ลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ ไม่ผ่าน สอบโครงงาน 3 บท ผา่ น สรุปผลการดำเนินโครงงาน 5 บท นำเสนอผลงานพร้อมรูปเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์ จบ

กำหนดกำรวิชำโครงงำนคอมพิวเตอร์ธุรกจิ ชว่ งระยะเวลำ กำหนดกำร แบบฟอร์มท่ตี อ้ งใช้ รว่ ม หมำยเหตุ สัปดาหท์ ี่ 1 พบอาจารย์ประจาวิชา และคัดเลอื กอาจารยท์ ีป่ รกึ ษาโครงงาน ---- สัปดาหท์ ี่ 2 ส่งหวั ข้อเรือ่ งโครงงานคอมพิวเตอร์ธุรกจิ โดยผา่ นการเหน็ ชอบของอาจารย์ ท่ีปรกึ ษาโครงงาน ส่งช่อื ทางเมล์ [email protected] สัปดาหท์ ี่ 3-4 นาเสนอโครงรา่ งโครงงานคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ กับอาจารย์ทีป่ รกึ ษาพรอ้ ม แกไ้ ขใหส้ มบรู ณ์ และเซน็ อนุมัตโิ ครงงาน แบบเสนอโครงรา่ งโครงงานคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ สปั ดาห์ท่ี 5-9 นักศกึ ษาพฒั นาโปรแกรม และพบอาจารยท์ ่ีปรกึ ษาเป็นระยะ ๆ แบบการพบอาจารย์ทีป่ รกึ ษา (ใช้ทุกสปั ดาห์) สัปดาหท์ ี่ 10 นกั ศึกษาดาเนนิ การยืน่ เรอ่ื งขอสอบความก้าวหน้าโครงงานฯ (3 บท) โดย แบบรายงานความก้าวหนา้ รายงานเดอื นละ 1 ครง้ั มอี าจารยก์ รรมการอยา่ งน้อย 3 คน ควบคมุ การสอบ แบบขอสอบความกา้ วหน้าโครงงาน 3 บท สัปดาหท์ ี่ 11 สอบความกา้ วหนา้ โครงงานคอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ (สง่ แบบฟอร์มดงั กลา่ วก่อนสอบจรงิ ) เตรยี มเอกสารบทท่1ี และบทที่ 3 (สาเนาให้คณะกรรมการทกุ ท่าน) สปั ดาหท์ ่ี 12-14 ดาเนนิ การแกไ้ ขโปรแกรมและทดสอบกับอาจารยท์ ่ปี รกึ ษาโครงงานพร้อม ไฟลง์ านนาเสนอ และตัวอย่างชิ้นงานทมี่ ากกว่า 50 % ขอคาแนะนาตอ่ ไป แบบการพบอาจารยท์ ่ปี รกึ ษา (ใช้ทุกสปั ดาห์) สัปดาห์ 15-16 ส่งบทท่ี 4-5 แบบรายงานความกา้ วหนา้ สปั ดาห์ 17 สอบการพัฒนาโปรแกรม(สมบรู ณต์ ามขอบเขต) แบบขอสอบความกา้ วหน้าโครงงาน 5 บท (ส่งแบบฟอร์มดงั กลา่ วกอ่ นสอบจริง) สปั ดาห์ 18 สง่ รายงานรูปเลม่ ฉบับสมบรู ณ์ (ยงั ไมเ่ ขา้ เลม่ ) ต่ออาจารยป์ ระจาวชิ า ไฟลน์ าเสนอชน้ิ งาน 100 % (นาเสนอความสามารถของงานและผลการประเมนิ การใช้งาน) สปั ดาห์ 19 สง่ เล่มโครงงานฉบบั สมบูรณต์ อ่ อาจารย์ประจาวชิ า พร้อมบนั ทึกข้อความ ส่งใบรับรองโครงงานเพ่ือให้คณะกรรมการลงนาม ประธานกรรมการสอบ ลงนามคนสดุ ทา้ ย สง่ เลม่ โครงงาน (จัดสง่ ใหผ้ สู้ อน) บันทกึ ข้อความส่งเลม่ โครงงาน ** หมำยเหตุ กำหนดกำรอำจมกี ำรเปลย่ี นแปลงได้ตำมควำมเหมำะสม

1 สว่ นท่ี 1 สว่ นประกอบของโครงงาน การพิมพแ์ ละรูปแบบของรูปเล่มโครงงานประกอบดว้ ย 3 สว่ นดังน้ี 1. ส่วนตน้ 2. สว่ นเนอื้ หา 3. สว่ นท้าย 1.1 สว่ นต้น ส่วนตน้ ของรูปเล่มโครงงานมีส่วนประกอบ ดงั น้ี - ปกนอก - กระดาษเปลา่ รองปกนอก 1 แผน่ - ปกใน - ใบรับรองโครงงาน - บทคัดยอ่ - กิตตกิ รรมประกาศ - สารบญั เน้ือหา - สารบญั ตาราง - สารบญั ภาพ 1.2 สว่ นเน้อื หา ส่วนเน้อื หาของรปู เล่มโครงงาน ประกอบด้วย 5 บทดังนี้ - บทท่ี 1 บทนำ - บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง - บทที่ 3 วธิ กี ารดำเนินงาน - บทท่ี 4 ผลการดำเนินงาน - บทที่ 5 สรุปผลและขอ้ เสนอแนะ

2 1.3 ส่วนทา้ ย ส่วนทา้ ยของรูปเล่มโครงงาน มีส่วนประกอบ ดังนี้ - บรรณานุกรม - ภาคผนวก - คำส่งั แต่งตง้ั คณะกรรมการประเมินโครงงาน - แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ - บนั ทึกข้อความการส่งรายงานความก้าวหนา้ - บันทึกการพบอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน - หนังสือขออนุญาตดำเนินกิจกรรมโครงงานคอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ - รายนามผปู้ ระเมินโครงงาน - ตวั อย่างแบบประเมนิ ผลโครงงาน - คู่มือการใชง้ าน - ประวัตผิ ้จู ัดทำโครงงาน - กระดาษเปล่ารองปกหลงั 1 แผน่ - ปกหลัง (ตดิ ซองใส่ ซดี ี) โดยรายละเอยี ดของสว่ นประกอบในแตล่ ะส่วนจะกล่าวอย่างละเอยี ดในสว่ นตอ่ ไป

3 ส่วนท่ี 2 รายละเอยี ดสว่ นตน้ สว่ นต้นของรปู เล่มโครงงาน ประกอบไปดว้ ย 9 สว่ น มรี ายละเอียดของแตล่ ะสว่ น ดังตอ่ ไปนี้ 1. ปกนอก กำหนดให้ใช้กระดาษปกแข็งสีพื้น มีตราวิทยาลัยอยู่ตรงกึ่งกลางกระดาษ และ ตัวอักษรใหใ้ ชแ้ บบ TH SarabunPSK ขนาดอักษร ตามตวั อยา่ ง 2. กระดาษเปล่ารองปกนอก อยู่ถัดจากปกแข็งด้านหน้าและก่อนปกแข็งด้านหลัง ให้มี กระดาษสขี าวดา้ นละ 1 แผน่ 3. ปกใน อย่ถู ดั จากกระดาษเปล่า ตามด้วยปกในภาษาไทย พมิ พข์ ้อความเหมือนปกนอก ใช้ ขนาดอักษร 20 ฟอนต์ตวั หน้า 4. ใบรับรองโครงงาน คือหนังสือใบรับรองโครงงานซึ่งอาจารย์ท่ีปรึกษาและคณะกรรมการ สอบโครงงานได้อนุมัตแิ ละลงนามรับรอง ใหใ้ ชต้ ามแบบฟอรม์ ของสาขาคอมพิวเตอรธ์ ุรกจิ 5. บทคัดย่อ กล่าวถึงเนื้อหาโครงงานอย่างย่อ ๆ ความยาวไม่เกิน 2 หน้า เนื้อหาของ บทคัดย่อ ประกอบด้วย - ความเปน็ มาและวัตถปุ ระสงค์ของเรอ่ื งทศ่ี ึกษา - วธิ ีการดำเนินการค้นคว้าโดยยอ่ - ผลสรุปของการศึกษาค้นคว้า - ขอ้ เสนอแนะ 6. กิตติกรรมประกาศ เป็นส่วนที่ผู้เขียนประสงค์ทีจ่ ะแสดงถึงความเป็นมาและความสำเร็จ ของการทำโครงงาน ซึ่งอาจจะเป็นคำขอบคุณคณาจารย์ที่ปรึกษา หน่วยงานหรือองค์กรที่สนับสนุน ด้านทนุ การศึกษาหรอื สนบั สนุนขอ้ มลู ขา่ วสารและการอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการทำโครงงาน หรอื บคุ คลอนื่ ๆ คามความประสงคข์ องผู้จดั ทำโครงงาน 7. สารบัญ แสดงชื่อหัวข้อ และเลขหน้าของรายการทั้งหมดในรูปเล่มโครงงาน เรียง ตามลำดบั หนา้ และเรยี งตามลำดบั หมายเลขของหัวข้อต่าง ๆ ทป่ี รากฏอยู่ในโครงงาน โดยแสดงหัวข้อ 2 ระดับ (บทที่ และหัวข้อย่อยในบท) กรณีที่สารบัญมีมากกว่า 1 หน้าขึ้นไปให้พิมพ์คำว่า “สารบัญ (ต่อ)” ในหน้าถัดไปการลำดับเลขหน้าในสารบัญให้เริ่มลำดับจากรายการที่ 5 ของส่วนต้นรูปเล่ม โครงงาน คือ บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ สารบัญตาราง และสารบัญภาพ ตามลำดับ โดยรายการ

4 ท้งั หมดในสว่ นตน้ น้ีให้ใช้เลขหน้าเปน็ ตัวอักษรภาษาไทย เช่น ค.ง.จ... ตามลำดับ หมายเลขหนา้ เลข 1 จะเริม่ ใชต้ ้งั แต่หนา้ แรกของส่วนเน้ือ คอื บทท่ี 1 เปน็ ตน้ ไป 8. สารบัญตาราง แสดงหมายเลข ชื่อ และหน้าของตารางทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในโครงงาน การกำหนดเลขที่ตารางให้ใช้เลขท่ีของบท แล้วคั่นด้วยเครือ่ งหมายมหัพภาค “.” และตามด้วยลำดับ เลขที่ของตารางในบทน้ันๆ เช่น บทที่ 1 ให้กำหนดหมายเลขตารางและชื่อเป็น “ตารางที่ 1.1 ตาราง แสดง...” “ ตารางที่ 1.2 ตารางแสดง...”. … และบทที่ 2 ให้กำหนดหมายเลขตารางและชื่อเป็น “ตารางที่ 1.2 ตารางแสดง..”. …เปน็ ตน้ 9. สารบัญภาพ แสดงหมายเลข ชื่อ และหน้าของภาพทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ในโครงงาน การ กำหนดเลขที่ของภาพให้ใช้เลขที่ของบท แล้วคั่นด้วยเครื่องหมายมหัพภาค “.” และตามด้วยลำดับ เลขที่ของภาพในบทนั้นๆเช่น บทที่ 1 ให้กำหนดหมายเลขภาพและชื่อเป็น “ภาพท่ี1.1 แผนภาพ...” “ภาพที่ 1.2 แผนภมู ิ...”…และบทที่ 2 ให้กำหนดหมายเลขภาพและชือ่ เปน็ “ภาพที่ 2.1 ...”… เป็นตน้

5 สว่ นท่ี 3 รายละเอียดสว่ นเน้อื หา ในส่วนของเนื้อหานัน้ ประกอบดว้ ย 5 บท ดงั นี้ 3.1 บทท่ี 1 บทนำ หัวข้อย่อยในบทที่ 1 ประกอบด้วย 8 หัวข้อย่อยโดยกำหนดให้ใชล้ ำดับชองหัวข้อย่อยในบท ตามท่ีแสดงในรายละเอียด ดงั นี้ 1.1. ความเปน็ มาและความสำคญั อธบิ ายถึงความเปน็ มาหรือชี้ให้เห็นถึงความสำคญั ของประเดน็ ของโครงงาน โดยอ้างอิงข้อมูล ของสถานการณ์ของประเด็นหรือปัญหา หรือศักยภาพของประเด็นโครงงานที่จะดำเนินการทำ ว่ามี ความสำคัญเพียงใด หากไม่ได้รับการแก้ไข จะเกิดปัญหาและผลกระทบใดเพียงใด หรือหากเป็น ศักยภาพถ้าดำเนินการโครงการในประเด็นนั้นๆ แล้วจะเกิดผลอย่างไร รวมทั้งก่อให้เกิดผลกระทบ ในทางที่ดอี ย่างไรบา้ ง โครงสร้างการเขยี นประกอบด้วย ยอ่ หนา้ ท่ี 1 ภาพรวมของระบบงานทจี่ ะพฒั นาในปัจจุบนั ว่ามีการทำงานอะไรอยา่ งไรบ้าง ยัง ไมก่ ล่าวถงึ ปัญหา โดยอาจจะกล่าวถึงเฉพาะเจาะจงระบบการทำงานของหน่วยงานท่ีศึกษาไปพร้อมๆ กัน ย่อหน้าที่ 2 กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบงาน ข้อมูลของสถานการณ์ของประเด็นหรือ ปญั หาศักยภาพ หรอื โอกาสในการนำระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้ มาใช้ ย่อหน้าที่ 3 สรุปความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าวต่อการแก้ปัญหาในระบบงานปัจจุบัน หรือต่อโอกาสที่พัฒนาขึ้นของระบบงานปัจจุบัน ผลกระทบหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข และ ผลกระทบในทางทีด่ ีต่อระบบการทำงานของหนว่ ยงาน 1.2 วัตถุประสงค์ ระบุเป็นข้อ ๆ ที่มีความชัดเจน กระชับ เฉพาะเจาะจง สมจริงและสามารถวัดได้ว่าโครงงาน มงุ่ ทจ่ี ะศกึ ษาอะไร จะกอ่ ให้เกิดผลงานอะไร ที่จะนำไปแกป้ ัญหาหรือตอบปัญหาหรือสง่ เสริมศักยภาพ

6 อะไร และสอดคล้องกับประเด็นปัญหา/โอกาสทีก่ ล่าวถึงใน ย่อหน้าที่ 2 ของหัวข้อ 1.1 ความเป็นมา และความสำคญั 1.3 เปา้ หมายของโครงงาน ระบุว่า โครงงานนี้จะก่อให้เกดิ ผลลัพธ์ (Outcome) หรือผลกระทบ (Impact) อะไรบ้างจาก โครงงานนี้ โดยเป้าหมายจะต้องเป็นรูปธรรมและผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการพัฒนาระบบ เช่น ระบบ แฟ้มสะสมงานอิเล็กทรอนิกส์ของอาจารย์ คณะxxxx ที่สามารถ [คุณสมบัติของระบบ] โดยผ่าน เครือขา่ ยอนิ เตอร์เนต็ 1.4 ขอบเขตของโครงงาน ระบวุ า่ โครงงานนีจ้ ะดำเนินการโยมีขอบเขตเทา่ ใด มขี อ้ จำกดั ใดหรือไม่ หรอื มีนยิ ามเฉพาะใน หารทำโครงงานอย่างไร โดยครอบคลุม สิ่งที่ระบบท่ีพัฒนาขึ้นสามารถทำได้ ถ้าระบบมีความซับซ้อน ให้แยกเป็นระบบย่อยๆ และควรเขียนเรียงลำดับตามการทำงานของระบบ หรือเขียนความสามารถ ของช้นิ งานว่าทำอะไรไดบ้ ้าง 1.5 เทคโนโลยีทใี่ ช้ รายการเทคโนโลยีที่โครงงานนี้นำมาใช้ หรือภาษาคอมพิวเตอร์ที่โครงงานนี้นำมาใช้ ดำเนินการพัฒนาระบบ ประกอบด้วย Hardware, Software 1.6 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ ับ ระบุวา่ ผลของโครงงานน้ี จะก่อให้เกดิ ผลอะไรบา้ ง หรือก่อให้เกดผลกระทบใด และใครบ้างท่ี จะเปน็ ผู้รบั ประโยชนจ์ ากผลของโครงงานโดยจะไดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร ผลที่คาดว่าจะได้รับสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ผลที่วัดค่าเป็นตัวเลขได้และผลที่วัดค่า ไม่ได้ ตัวอย่างผลประโยชน์ที่วัดค่าได้ เช่น ลดต้นการผลิต เพิ่มผลผลิต ลดชั่วโมงการทำงานลง ให้บริการได้รวดเร็วขึ้น ประหยัดค่าล่วงเวลาได้ เป็นต้น ตัวอย่าง ผลประโยชน์ที่ไม่สามารถวัดค่าได้ เช่น ช่วยสนบั สนนุ การตดั สินใจให้แม่นยำและทันต่อเหตกุ ารณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในหารทำงาน สร้าง ภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร สร้างความพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการ เป็นต้น ทั้งนี้ควรเขียนให้ สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 1.7 นิยามศพั ทเ์ ชงิ ปฏบิ ตั กิ าร อธิบายถึงคำศัพท์สำคัญที่เกี่ยวข้อง คำศัพท์ที่มีความหมายเฉพาะในหน่วยงานหรือใน โครงงาน หรือ ตัวย่อตา่ งๆ ทใี่ ช้เฉพาะ ซึ่งปรากฏอยู่ในโครงงานทงั้ หมด

7 1.8 แผนการดำเนินงาน แสดงถงึ กิจกรรม ชว่ งเวลาและผู้รบั ผิดชอบในรปู ของตาราง ตามตัวอยา่ ง ทงั้ น้ีต้องสอดคล้อง กบั วตั ถุประสงคข์ องโครงงานด้วย ตารางท่ี 1.X ..................................... (ตวั อยา่ ง) ระยะเวลา มกราคม ระยะเวลาดำเนินงาน 2561 เมษายน ผูร้ ับผดิ ชอบ กจิ กรรม 1 234 กมุ ภาพันธ์ มีนาคม 1234 12341234 นางสาวพชั ราภา ขั้นเตรียมการ ไชยเชอ้ื ขัน้ ดำเนนิ การ นางสาวพชั ราภา ข้ันสรปุ ผล ไชยเช้อื ประเมนิ ผล นางสาวพชั ราภา ไชยเชื้อ 3.2 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง หวั ข้อยอ่ ยในบทที่ 2 ประกอบด้วย 3 หัวขอ้ ย่อยโดยกำหนดใหใ้ ชล้ ำดับเลขของข้อย่อยในบท ตามทีแ่ สดงในรายละเอยี ด ดงั น้ี ตวั อยา่ งเนื้อหาการพิมพเ์ อกสารบทท่ี 2 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ ก่ียวข้อง โครงงานเรื่อง.......................................................ได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าเอกสารและ งานวจิ ัยทเี่ ก่ียวข้องเพ่อื ใช้เปน็ แนวทางในการพฒั นาโครงงาน ซ่งึ มรี ายละเอยี ดหัวข้อดงั น้ี 2.1 เทคโนโลยีท่เี ก่ียวขอ้ ง 2.1.1 ....................................... 2.2 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง 2.2.1.........................................

8 2.3 งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ยี วข้อง 2.3.1......................................... 2.1 เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวขอ้ ง อธิบายถึงเทคโนโลยีที่ได้กล่าวไว้ในบทที่ 1 หัวข้อ 1.5 มาอธิบายอย่างเจาะลึกถึงเหตุผล สาเหตุที่ เลือกเทคโนโลยีที่โครงงานนี้นำมาใช้หรือภาษาคอมพิวเตอร์ที่โครงงานนี้นำมาดำเนินการพัฒนาระบบ เคร่อื งมือ หรืออุปกรณ์ ความตอ้ งการของระบบทางด้านซอฟตแ์ วร์ ฮารด์ แวร์ แต่ละเทคโนโลยีหรือภาษาที่ใช้ในหัวข้อย่อย 2.1.1,2.1.2..... โดยระบุชื่อเทคโนโลยีที่ใช้ตามหลัง หวั ข้อย่อยเชน่ 2.1.1 ระบบฐานขอ้ มลู 2.1.2 โปรแกรม Visual Basic เป็นต้น โดยเขียนเป็นความเรียง เนื้อหาของแต่ละเทคโนโลยีหรือภาษาที่ใช้ครอบคลุมถึงประเด็นต่อไปน้ี ลักษณะข้อมูลโดยทั่วไปของเทคโนโลยีนั้นในภาพกว้างๆ และคุณลักษณะเฉพาะเทคโนโลยี ประโยชน์ใน ภาพรวมของเทคโนโลยี และเหตุผลและการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใชใ้ นการพัฒนาโครงงานนี้ 2.2 เอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง อธิบายถึงเอกสารท่ีเก่ยี วข้องกับสาระสำคญั ทฤษฎี หรือแนวคิดในโครงงานท่จี ะพัฒนา เชน่ การบริหาร จัดการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ แนวคดิ เรอ่ื งการสหกรณ์ออมทรัพย์ การบริหารสนิ เช่ือโครงการธนาคารชุมชน ฯลฯ โดยสรุปเฉพาะประเดน็ สำคัญ ๆ และประโยชนข์ องประเด็นสำคัญน้ันท่ีมตี ่อการพัฒนาระบบ รวมถึงรายละเอียดของเอกสารของระบบการทำงาน เช่น เอกสาร สัญญา แบบฟอร์ม รายงานต่างๆ ที่ใช้ในระบบงานปัจจุบัน โดยเขียนเป็นความเรียงอธิบายรายละเอียดและความสำคัญของเอกสารที่เกี่ยวข้อง แต่ละเอกสาร และแนบตวั อยา่ งเอกสาร แบบฟอร์ม รายงานต่างๆ ที่ใช้ในระบบงานปจั จบุ นั ในภาคผนวก แตล่ ะแนวคดิ หรือทฤษฎี ใหใ้ ช้ลำดับหวั ขอ้ ย่อย 2.2.1,2.2.2.... โดยระบุช่ือแนวคดิ ทฤษฎีท่ีทบทวน ตามหลังหัวข้อย่อย เช่น 2.2.1 แนวคิด การจัดการสหกรณ์ออมทรัพย์และหัวข้อ “เอกสารของระบบการ ทำงาน”ให้เป็นหวั ข้อย่อยสดุ ท้าย เชน่ 2.2.5 เอกสารของระบบการทำงาน โดยรายช่ือเอกสารและรายละเอียด ให้ใชล้ ำดบั หัวขอ้ 1). 2).... ตามลำดบั ตามตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้ 2.2.1 แนวคดิ การจดั การสหกรณ์ออมทรัพย์ นิรตุ ต์ จรเจริญ (2561, หนา้ 1-10) กลา่ วถึงแนวคดิ การจดั การสหกรณอ์ อมทรัพย์วา่ ................... (เนือ้ หาสรปุ ของแนวคดิ )..................................................................................................................................................................................... 2.2.2 ทฤษฎกี ารคำนวณดอกเบย้ี เงนิ กู้ ……………………………………………(เนอ้ื หาสรุปของทฤษฎี).........................................(นริ ุตต์ จรเจรญิ ,2561 หนา้ 11-15) 2.2.3 เอกสารของระบบการทำงาน 1) แบบฟอร์มสมัครสมาชิก........................(รายละเอยี ดเอกสาร)......................... 2) สัญญาเงนิ ก.ู้ .......................(รายละเอยี ดเอกสาร).........................

9 2.3 งานวิจัยท่ีเก่ียวขอ้ ง ทบทวนเอกสารด้านงานวิจัยโครงงานหรือระบบสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงงานที่พัฒนา ว่ามเี อกสารหรือมงี านวิจัยที่มผี ใู้ ดบ้างท่ีเคยทำมาก่อนหน้าน้ี โดยจะต้องมคี วามเกี่ยวข้องและเช่ือมโยง กับประเด็นท่ีจะดำเนนิ การในโครงงานนี้ เอกสารวิจัยโครงงาน หรือระบบสารสนเทศในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับระบบที่พัฒนานั้น ครอบคลมุ ถึงงานท้ังทีเ่ กยี่ วขอ้ งโดยตรงและใกลเ้ คียง ซ่ึงมีรายละเอียดเพ่ิมเติม ดงั น้ี - โครงงานระบบสารสนเททศและงานวิจัยที่เหมาะสมที่สุดคือ งานที่เกี่ยวกับระบบ สารสนเทศที่ใกล้เคียงกับระบบที่กำลังจะพัฒนาและบริบทเดียวกัน เช่น ต้องการพัฒนาระบบ สารสนเทศโรงเรียนตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเช่น “วุฒิวงศ์ เอียดศรีชาย (2552) การพัฒนาระบบ สารสนเทศผลการเรียนโดยอาจจะเป็นงานวิจัยสำรวจความต้องการของระบบหรืองานวิจัยสำรวจ ความพึงพอใจของผใู้ ชร้ ะบบหรอื อื่น ๆ ทีใ่ กล้เคียง - เอกสารที่เหมาะสมรองลงมาคือ งานท่เี กย่ี วกับแนวคดิ การบริหารจัดการระบบทีจ่ ะทำแต่ไม่ เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ เช่น ต้องการพัฒนาระบบสารสนเทศโรงเรียน ตัวอย่างงานวิจัยที่ใช้ได้ คือ “รางงานผลการวิจัย ประสิทธิผลการจัดระบบและการใชข้ ้อมูลสารสนเทศในการบริหารโรงเรยี น สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์” ซึ่งแม้จะไม่ได้เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนา ระบบสารสนเทศโดยตรง แต่เกีย่ วขอ้ งดา้ นการบริหารจัดการข้อมูลและสารสนเทศในโรงเรยี น - เอกสารทเี่ หมาะสมรองลงมาอีกประเภทคือ งานทเี่ กี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศท่ีมีลักษณะ การทำงานคลา้ ยกันแต่ต่างในบริบท เช่น ต้องการพัฒนาระบบจัดการเอกสารของโรงเรยี น... ตัวอย่าง งานวิจัยที่ใช้ได้ คือ “ศักดา ทองดีเพ็ง (2550). รูปแบบการพัฒนาระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการใน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดนครสวรรค์.” นั่นคือ เป็นลักษณะการพัฒนาระบบ สารสนเทศทใ่ี กลเ้ คยี งกนั แต่ต่างกันจากระบบโรงเรยี นเปน็ ระบบสำนักงานป้องกนั และควบคมุ โรค แนวทางการสรุปในหัวข้อนี้ ให้เขียนเป็นความเรียง สรุปสิ่งที่งานวิจัย/โครงงานนั้นๆทำ เช่น อะไร ด้วยวิธีไหน ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไร จุดแข็ง/จุดอ่อนของงานนั้นๆและประโยชน์ต่อโครงงาน โดยใช้วธิ อี ้างองิ ตามวธิ ีแบบ นามปี (ตามคมู่ อื ) และทำรายการเอกสารอ้างอิง แนบท้ายเอกสาร ตวั อย่างโครงร่างการเขยี นสรุป ชื่อ นามสกลุ (ปี พ.ศ.) พัฒนาระบบ/งานวิจัยอะไร......................................ของหน่วยงานไหน................. ใช้ วิธีการดำเนินงาน (วิธีวิจัย/วิธีการและเทคโนโลยีในการพัฒนาระบบ) อย่างไร..................ผลที่ได้เป็นอย่างไร ...................................(ผลการวิจัย/ผลการพัฒนาระบบ)..........................มจี ดุ แข็งจุดอ่อนจากผลการวิจัย/พัฒนาระบบ อย่างไร.........................ซึง่ เป็นประโยชนต์ ่อโครงงานทำกำลงั พฒั นาอยา่ งไรบา้ ง (บทคัดย่อ)

10 ในส่วนท้ายของบทท่ี 2 ควรมีการสรุปประเด็นสำคัญ ๆในเนื้อหาบทนีอ้ ย่างน้อยหนึ่งย่อหนา้ กลา่ วถึง การใช้เทคโนโลยีทีเ่ กี่ยวขอ้ งในการพฒั นาระบบ เอกสารต่างๆ ท่เี ก่ยี วขอ้ งกับประเด็นสำคัญท่ี ได้รบั จากการทบทวนเอกสารงานวจิ ัย โครงงาน หรือระบบสารสนเทศท่ีเกีย่ วข้องทมี่ าใช้ในการพัฒนา ระบบ 3.3 บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ งาน หวั ข้อย่อยในบทท่ี 3 ประกอบด้วย 5 หวั ขอ้ ยอ่ ย แตล่ ะหวั ขอ้ ยอ่ ยมีรายการย่อยตามท่ีกำหนด ผู้จัดทำโครงงานต้องทำตามหวั ข้อที่กำหนดทุกหวั ข้อซง่ึ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามระบบท่ีพัฒนาท้ังน้ี ขึ้นอยู่กับคำแนะนำและการตกลงร่วมกันกับอาจารย์ทีป่ รึกษา โดยกำหนดแนวทางการเขียนและการ ใชล้ ำดับเลขของหัวขอ้ ย่อยในบทตามทแ่ี สดงในรายละเอียด ดงั น้ี เน้อื หาการทำเอกสารบทท่ี 3 โครงงานที่เก่ยี วขอ้ งกับการพัฒนาระบบฐานข้อมลู บทท่ี 3 วธิ กี ารดำเนนิ งาน การทำโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบ......(ชื่อระบบ)......โดยมี วิธีการ ดำเนนิ งาน ดงั ต่อไปน้ี 3.1 การวิเคราะหร์ ะบบงานเดมิ 3.2 การวเิ คราะห์ความต้องการของผใู้ ช้ 3.3 การศกึ ษาความเป็นไปได้ 3.4 การออกแบบระบบงานใหม่ 3.1. การวิเคราะห์ระบบงานเดมิ 3.1.1. ระบบงานปจั จบุ ัน ระบบ..........(ชอ่ื ระบบ)..................ในปจั จุบนั มขี ้นั ตอนการดำเนินงานและผ้ทู ม่ี ีสว่ นเกีย่ วขอ้ ง ดังนี้ 1) (บรรยายขั้นตอนการทำงานของระบบงานปัจจบุ ันเปน็ ข้อๆ ใคร ทำอะไร อยา่ งไร) 2) .........................................................................

11 จากการศึกษาดงั กล่าวสามารถสรุปเป็นขนั้ ตอนการดำเนนิ งานสำหรับกระบวนการ....(ชื่อการ ทำงานของระบบ ไมใ่ ชช่ อ่ื ระบบ เชน่ การะบวนการซือ้ ขายสนิ คา้ ).....ได้ ดงั ภาพท.ี่ ..(หมายเลขภาพ)... [แผนภาพผังงาน] ภาพที่...... แผนภาพกระแสงานขั้นตอนการ......(ชื่อการทำงานของระบบ เช่น แผนภาพกระแสงาน ขั้นตอนการซื้อขายสินค้า แผนภาพกระแสงาน หมายถึง System Flowchart) ..... ของระบบงาน ปัจจุบัน 3.1.2 ปัญหาของระบบงานปจั จบุ นั จากการศึกษาระบบ.......ชื่อระบบ...........ได้พบปัญหาในการ.........(ชื่อการทำงานของ ระบบ).............ดงั นี้ 1) (บรรยายปญั หาหรอื ขอ้ จำกัดท่พี บเปน็ ข้อๆ ประกอบด้วยปัญญาและสาเหตุของปัญหา) 2) ...................................................... จากการปัญหาดังกล่าวสามารถสรปุ ความสัมพันธ์ของสาเหตุของปัญหาและผลกระทบได้ ดัง ภาพท่.ี .......(หมายเหตภุ าพ)...... [แผนภูมิกา้ งปลา] ภาพท.่ี .....แผนภมู ิก้างปลาแสดงปญั หาของกระบวนการ......(ช่ือการทำงานของระบบ)............ 3.2 การวิเคราะห์ความตอ้ งการของผใู้ ช้ จากปญั หาของระบบ......ชื่อระบบ........ ปัจจบุ นั การรวบรวมความต้องการพัฒนาระบบและ การสอบถามจาก.....ผู้ใช้ระบบ เช่น ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการด้านการลงทะเบียนเรียนของ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สามารถสรุปความต้องการได้ ดังน้ี 1) บรรยายความต้องการของผใู้ ชเ้ ป็นขอ้ ๆ 2) ........................................................ (ผลการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ได้มาจากการสัมภาษณ์ สอบถามจากผู้ใช้ระบบทั้ง ผบู้ รหิ ารและผูใ้ ช้งานท่ีเก่ยี วข้องกบั ระบบ)

12 3.3 การศึกษาความเป็นไปได้ ผลการศกึ ษาและวเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปได้ของพฒั นาระบบ..........ชอ่ื ระบบ............ สามารถสรุปได้ ดงั นี้ 3.3.1 ความเปน็ ไปได้ทางเทคนคิ (Technical Feasibility) เปน็ การประเมินใน 2 ประเดน็ หลักคือ 1. ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคขององค์กร มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ในระบบใหม่ที่ จะพัฒนามากน้อยเพียงใด ควรพัฒนาทักษะความเช่ียวชาญของบุคลากรเดิมหรือดำเนินการโดย วิธีการอื่น เช่น การจ้างที่ปรึกษาทางเทคนิค หรือการรับพนักงานใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญใน เทคโนโลยดี ังกลา่ ว เปน็ ต้น 2. เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในระบบใหม่ที่จะพัฒนา องค์กรจำเป็นต้องจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมจากระบบที่มีอยู่เดิม หรอื ไม่ โดยพิจารณาจาก 1) ประสทิ ธภิ าพของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอปุ กรณต์ ่อพ่วงอ่ืน ๆ โดยพิจารณาจาก ข้อกำหนดที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาว่าจ้าง ถ้าทรัพยากรเดิมที่มีอยู่แล้วมีประสิทธิภาพ เพยี งพอก็ยังสามารถใช้งานทรัพยากรเดิมเหล่านั้นได้ และจัดหาเพ่ิมเติมเฉพาะบางส่วน ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดเท่านั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โครงการไปได้บางสว่ น 2) ความปลอดภัย เป็นการพิจารณาถึงระบบรักษาความปลอดภัยของระบบเดิมว่า เพียงพอและเหมาะสมกับการใช้งานระบบใหม่ที่จะพัฒนาหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่ระบบ เดิมและระบบใหม่มีสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่แตกต่างกัน ก็มักจะส่งผลให้ องค์กรต้องปรับปรุงในส่วนของการรักษาความปลอดภัยของระบบให้มีประสิทธิภาพ เพยี งพอสำหรับระบบใหม่ทีจ่ ะพัฒนา 3) ความเข้ากันของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ ของระบบที่มีอยู่ เดิมสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานร่วมกันในสภาพแวดล้อมของระบบใหม่ท่ีจะพัฒนาได้ หรอื ไม่ 4) การรองรับการขยายงานในอนาคต นักวิเคราะห์ระบบจะต้องประเมินถึงประเดน็ น้ใี ห้ รอบคอบ เน่อื งจากการพัฒนาระบบมีการลงทนุ ค่อนขา้ งสูง จึงควรออกแบบและพัฒนา ให้สามารถรองรบั การขยายตัวทางธรุ กจิ ขององคก์ รน้นั ๆ อยา่ งน้อย 3-5 ปี

13 3.3.2 ความเป็นไปไดใ้ นเชงิ เศรษฐศาสตร์ (Economic Feasibility) เป็นการประเมินว่าระบบใหม่ที่จะพัฒนาจำเป็นต้องลงทุนและได้รับผลตอบแทนจากการ ลงทุนมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะต้องครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยทั่วไปผู้บริหารของ องคก์ รมักต้องการทราบเก่ียวกับคา่ ใช้จ่ายของระบบเดมิ เปรียบเทยี บกับระบบใหม่ที่จะพัฒนา รวมไป ถึงการประมาณการว่าระบบใหม่ที่จะพัฒนาจะถึงจุดคุ้มทุน ซึ่งต้นทุนกับผลตอบแทนมีค่าเท่ากัน ณ เวลาใด น้ันหมายความว่า ถา้ ถงึ จดุ คมุ้ ทนุ เรว็ เทา่ ไร การพฒั นาระบบใหมก่ ็ย่ิงนา่ สนใจมากขึ้นเท่าน้นั ตน้ ทนุ ประกอบด้วย 1. ต้นทุนทีจ่ บั ตอ้ งได้ (Tangible Costs) วดั คา่ ในเชงิ ตวั เลขได้ แบง่ ได้เปน็ 5 กล่มุ หลัก 1.1 ต้นทุนเกยี่ วกบั การศึกษาระบบงานเดมิ และวิเคราะห์ระบบงานใหม่ 1.2 ต้นทุนเกี่ยวกับการจัดหาและบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือและเทคโนโลยสี ารสนเทศอ่ืน ๆ 1.3 ต้นทุนเกี่ยวกบั การจดั หาและบำรุงรกั ษาซอฟต์แวร์ทจี่ ำเป็นต้องใช้งาน 1.4 ตน้ ทุนเก่ยี วกบั บุคลากร เชน่ คา่ ตอบแทน และคา่ ฝึกอบรม เป็นต้น 1.5 ตน้ ทุนเก่ียวกับการปฏบิ ัติงาน เช่น ค่าไฟฟา้ และคา่ โทรศพั ท์ เปน็ ต้น 2. ต้นทุนท่จี ับต้องไม่ได้ (Intangible Costs) ตน้ ทุนท่ีไม่สามารถวัดค่าในเชงิ ตัวเลขได้ เช่น การทำงานทไ่ี มม่ ปี ระสิทธิภาพ และการขาดแรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน เป็นต้น ผลตอบแทน ประกอบด้วย 1. ผลตอบแทนที่จับต้องได้ (Tangible Benefits) ผลประโยชน์ที่สามารถวัดค่าในเชิง ตัวเลขได้ เช่น กำไรที่เพิ่มขึ้น ยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้น ค่าล่วงเวลาที่ลดลง และการลด จำนวนลกู หนี้ เป็นตน้ 2. ผลตอบแทนที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Benefits) ผลประโยชน์ที่ไม่สามารถวัดค่าใน เชิงตัวเลขได้ เช่น การเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่องค์กร การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงาน แก่พนกั งาน เป็นตน้

14 3.3.3 ความเป็นไปได้ในการปฏบิ ัตงิ าน (Operational Feasibility) เป็นการประเมินว่าระบบใหม่ที่จะพัฒนาสามารถใชง้ านไดจ้ ริงและเป็นที่ยอมรับของผูใ้ ช้งาน มากนอ้ ยเพียงใด รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของผู้ใช้องค์กรอย่างไร เช่น การจัดโครงสร้าง องคก์ ร ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงาน และทศั นคตใิ นการปฏิบัติงานในแง่ของความมีส่วนร่วมของพนักงานท่ี จะเกิดข้ึนจากการใช้ระบบใหม่ เปน็ ตน้ ประเดน็ ในการพจิ ารณา ประกอบดว้ ย 1. ผลการดำเนินงาน เพื่อประเมินว่าระบบใหม่มีความรวดเร็วในกาประมวลผลมากน้อย เพยี งใด 2. สารสนเทศ เพื่อประเมินว่าระบบใหม่สามารถประมวลผลสารสนเทศที่ถูกต้อง แม่นยำ และตรงกบั ความต้องการใช้งานมากน้อยเพียงใด 3. ประสิทธิภาพ เพื่อประเมินว่าระบบใหม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานมากน้อย เพยี งใด 4. การควบคุม เพอื่ ประเมินว่าระบบใหม่มีระบบป้องกันการทุจริตและรักษาความปลอดภัย ระบบมากนอ้ ยเพียงใด 5. การบริการ เพื่อประเมินว่าระบบใหม่มีความยืดหยุ่นในการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุ ฉุกเฉนิ ทเี่ กิดขึ้นกบั ระบบมากนอ้ ยเพยี งใด 3.4 การออกแบบระบบงานใหม่ จากปัญหาและความตอ้ งการของผู้ใชร้ ะบบ........ชือ่ ระบบ....... การพัฒนาระบบงานใหม่ จะมี การปรับข้ันตอนการดำเนินงานใหม่ ดงั น้ี 1) (บรรยายข้นั ตอนการทำงานของระบบใหม่เป็นข้อๆ ใคร-ทำอะไร-อยา่ งไร) 2) .................................................................. จากการออกแบบระบบงานใหม่ดังกล่าวสามารถสรุปเป็นขั้นตอนการดำเนินงานสำหรับ กระบวนการ.......ชอ่ื การทำงานของระบบ-ไมใ่ ชช่ อื่ ระบบ เชน่ กระบวนการชือ้ ขายสนิ ค้า.....ได้ ดงั ภาพ ที่....หมายเลขรูป [แผนภาพผังงาน] ภาพท่ี...... แผนภาพผงั งาน ขน้ั ตอนการทำงาน....ชอ่ื การทำงานของระบบ ......ของระบบงานใหม่

15 จากผลการวิเคราะห์ระบบงานเดิม ผลการวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ และผลการ ออกแบบขั้นตอนการทำงานของระบบใหม่ สามารถออกแบบกระบวนการทำงานระบบงานใหม่ของ ระบบ.....ชื่อระบบ..... โดย ใช้เครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบระบบงาน การออกแบบฐานข้อมูล การ แสดงรายละเอยี ดของตารางในฐานข้อมลู และความสัมพันธ์ของฐานข้อมูล ดังนี้ 3.4.1 แผนผงั บริบท (Context Diagram) แผนผังบริบทเป็นการออกแบบในระดับสูงสุดโดยแผนภาพ เพื่อแสดงให้เห็นภาพรวมของ ระบบขั้นตอนการทำงาน ความสัมพันธ์ระหว่างสวนต่างๆ ในระบบ กับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องรวมทัง้ เหตกุ ารณ์หรอื กระบวนการท่ีเกิดขนึ้ ในระบบ ดงั แสดงในภาพที่......หมายเลขรปู ....... [แผนผังบรบิ ท] จากภาพที่...แสดงถึงความเกี่ยวข้องระหว่างผู้ใช้กับระบบและสามารถแบ่งผู้ใช้ออกเป็น (จำนวนกลมุ่ )....................กลุ่ม โดยมีบทบาทหน้าทดี่ งั นี้ 1) ผู้บริหาร..(ใช้ข้อมูลรายงานที่ได้รับจากระบบเพื่อสนับสนุนการตัดสนิ ใจในการวางแผนกล ยทุ ธ์และนโยบายขององกร)...โดยมีหนา้ ที่ดงั นี้ - ...................................... - ...................................... 2) (รายงานผู้ใช้ระบบตามแผนผังบริบท โดยบรรยายประโยชน์ของการใช้ระบบของผู้ใช้น้ัน และหน้าที่ของตำแหน่งงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับระบบ ใครทำอะไร อยา่ งไร)โดยมหี น้าที่ ดงั น้ี - ...................................... - ...................................... 3) ................................................................................. 3.4.2 แผนภาพกระแสข้อมูลระบบ....................ระดบั ท่ี 1 แผนภาพกระแสข้อมูล เปน็ แผนภาพที่ใช้แสดงถงึ การไหลข้อมลู ในระบบระหว่างกระบวนการ ต่างๆ จากแผนผังบริบท โดยข้อมูลในแผนผังกระแสข้อมูลทำให้ทราบว่าต้นทางของข้อมูลมา ทิศทาง ของข้อมูล ปลายทางขอ้ มูล แฟ้มจดั เก็บข้อมูล และเหตุการณท์ เี่ กดิ กับข้อมูลในดังภาพท.่ี .....(หมายเลข ภาพ)

16 [แผนภาพกระแสข้อมูล] ภาพที่ 3.xx แผนภาพกระแสข้อมูลของระบบ...................(ชอื่ ระบบ)...................ระดบั ที่ 1 จากภาพที่......เป็นแผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 1 แสดงองค์ประกอบจากผังบริบทโดย สามารถแบง่ เปน็ กระบวนการหลักของขอ้ มลู ได้....(จำนวนกระบวนการ)...กระบวนการ ดังนี้ 1) กระบวนการท่ี 1.0 ...(อธบิ ายมา) 2) กระบวนการท่ี 1.0 ...(อธิบายมา) 3) ............................................................ 4) ........................................................... 3.4.3 แผนภาพกระแสขอ้ มูลระบบ..........................ระดบั ที่ 2 แผนภาพกระแสข้อมูลของระบบ.....(ชื่อระบบ)........ระดับที่ 2 ของแต่ละกระบวนการ มี ดงั ตอ่ ไปน้ี [แผนภาพกระแสข้อมูล] ภาพท่ี 3.xx แผนภาพกระแสขอ้ มูลของระบบ...................(ชื่อระบบ)...................ระดบั ที่ 2 จากภาพที่....แสดงการไหลของข้อมูลในกระบวนการ (หมายเลขกระบวนการ)..กระบวนการ สามารถอธิบายการทำงานของแตล่ ะกระบวนการได้ ดังน้ี 1) กระบวนการที่ 1.1 (ชอ่ื กระบวนการ.........).... 2) .................................................................. 3.4.4 แผนภาพกระแสข้อมูลระบบ.........ระดับที.่ .................... (ทำซ้ำไปจนครบถ้วนและครอบคลมุ ทกุ ระดับท่ีมแี ละทุกกระบวนการ) 3.4.5 ความสัมพันธ์ของข้อมลู E-R Diagram จากแผนผังบริบท แผนภาพกระแสข้อมูล และคำอธิบายกระบวนการ สามารถนำมาจัดทำ แผนภาพความสัมพนั ธข์ องข้อมูลของระบบ.............(ชอ่ื ระบบ) ดังแสดงในภาพท.่ี ............

17 [แผนภาพความสมั พนั ธข์ ้อมูล] ภาพท.่ี ...แผนภาพความสมั พันธ์ของขอ้ มูลของระบบ................ จากภาพท.ี่ ....สามารถอธิบายแผนภาพได้ ดังน้ี 1)................(อธิบายความสัมพนั ธ์ตามแผนภาพ) 2)............................................... 3.4.6 การแปลง ERD เป็น โครงสร้างตาราง เชน่ ข้อมลู ห้องพัก(รหัสห้องพกั , ประเภท, ราคา) ขอ้ มูลพนักงาน(รหสั พนกั งาน, ชอื่ สกุล, ทีอ่ ย,ู่ เบอร์โทร) ข้อมลู การจอง(รหัสการจอง, ชื่อสกลุ , รหัสหอ้ งพัก, รหัสพนักงาน) 3.4.7 พจนานกุ รมขอ้ มูล จากการอธิบายความสัมพันธ์ของข้อมูลด้วยแผนภาพความสัมพันธ์ของข้อมล สามารถแสดง รายช่ือตารางข้อมูลทั้งหมด และรายละเอยี ดโครงสรา้ งข้อมลู ของแต่ละตารางข้อมูลของระบบ........ดัง ตาราง.................. ตารางที่ ..... แสดง........................................ ตวั อยา่ ง Table Attribute Description Data Type Size/Format Null Key Reference Name Name แผนกวิชา รหัสแผนกวิชา - Text 10 N PK - ชอื่ แผนกวชิ า - Text 10 N - - ครู รหัสครู - Text 5 N PK - คำนำหน้า - Text 10 N - - ชื่อ - Text 255 N - - สกลุ - Text 255 N - - เบอรโ์ ทร - Text 12 N - - วชิ า รหัสวชิ า - Text 5 N PK - ชอ่ื วิชา - Text 50 N - - หนว่ ยกติ - Number - N- - การ รหัสใบเสรจ็ - Text 5 N PK - ลงทะเบีย วันท่ี - Date/time dd/mm/yy N - - น ภาคเรยี น - Text 1 N- - ปีการศึกษา - Text 4 N- - ยอดรวมทงั้ หมด - Currency Standard N - - นกั เรียน รหสั นักเรยี น - Text 10 N PK -

18 Table Attribute Description Data Type Size/Format Null Key Reference Name Name คำนำหนา้ - Text 10 N - - ช่ือ - Text 50 N - - สกุล - Text 50 N - - รหัสแผนกวิชา - Text 10 N FK แผนกวิชา รหัสครูทีป่ รกึ ษา - Text 5 N FK ครู รหัสวชิ าท่ีเรียน - Text 5 N FK วิชา รหัสใบเสร็จ - Text 5 N FK การ ลงทะเบยี น 3.4.8 การออกแบบสว่ นนำเขา้ ข้อมูล การออกแบบส่วนนำเข้าข้อมูลระบบ.......เป็นการออกแบบจอภาพ โดยมีแนวทางการ ออกแบบท่.ี ....รวมทั้งรายะเอียดต่างๆ ทีแ่ สดงออกมามีความถูกต้องสมบูรณ์ โดยออกแบบหน้าจอการ ทำงานออกเป็นสว่ นๆดังน้ี 1) หน้าจอหลัก 2) .........(รายการหนา้ จอทั้งหมด) - รายการหนา้ จอยอ่ ย - รายการหนา้ จอยอ่ ย 3.4.8.1 หนา้ จอ..................... หนา้ จอ..........เปน็ หน้าจอที่ใช้สำหรบั ....................................................... สามารถอธิบายการ ทำงานในแต่ละส่วนไดด้ ังน้ี 1 23 4 5 6 ภาพที่ 3.X…………………………………..

19 สว่ นท่ี 1 เปน็ ส่วนแสดงตราสัญลักษณแ์ ละชอ่ื หนว่ ยงาน(ตวั อย่าง) สว่ นที่ 2............................................ 3.4.8.2 หน้าจอ.................. (ทำซ้ำจนครบหนา้ จอทั้งหมดทอี่ อกแบบ) 3.4.9 การออกแบบส่วนนำเสนอขอ้ มูล การออกแบบส่วนนำเสนอข้อมูล......(ชื่อระบบ).......เป็นการออกแบบหน้าจอการแสดงผล และรายงานต่างๆ ของระบบรวมถึงรายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร โดยมีแนวทางการออกแบบที่..... (เน้นความสะดวกในการเข้าดูข้อมูล สะดวกในการเลือกใช้ ไม่ซับซ้อนและสามารถสื่อเข้าใจได้ง่าย) ประกอบดว้ ยหนา้ จอและรายงานทงั้ หมด ดงั น้ี 1) รายงาน.............. 2) รายงาน............... 3.4.9.1 รายงาน..................... รายงาน........... เป็นรายงานที่ใช้สำหรับรายงาน..............................มีส่วนประกอบหลักๆคือ ........ ดังภาพที่.......... รายงานการส่งรายงานสูร่ ะบบ GFMIS รหัสงบประมาณ................................................................... คำอธิบายรายการ จำนวนเงนิ โครงการ.............................................................................. หนว่ ยงาน............................................................................. วนั ท่ี ประเภทรายการ รวม ภาพที่ 3.X………………………………….. 3.4.10. การออกแบบการจัดการบริหารระบบ (Administration Management System Design) (ถา้ ม)ี

20 การออกแบบการจัดการบริหารระบบ มีการออกแบบความปลอดภัยและการกำหนดสิทธิการ เข้าถึงในส่วนต่างๆของระบบ โดยการอกกแบบการจัดการบรหิ ารระบบ นั้นเปน็ ไปตามบทบาทหน้าท่ี ของผใู้ ชง้ านระบบ ซงึ่ มรี ายละเอียด ดงั น้ี ภาพที่ 3.X………………………………….. 3.4.10.1 การเข้าสูร่ ะบบ การเข้าสู่ระบบ......ชื่อระบบ......ผู้ใช้งานระบบจะต้องดำเนนิ ทำการตรวจสอบสทิ ธิการเข้าใช้ งานจากบัญชีรายชื่อผู้ใช้....รายละเอียดอื่นๆตามที่ออกแบบไว้...... โดยภาพที่........ แสดงตัวอย่าง หนา้ จอท่ใี ช้ในการเขา้ ส่รู ะบบของผใู้ ช้ระบบ 3.4.10.2 การกำหนดสิทธิการใชง้ านระบบ การกำหนดสิทธิการใช้งานระบบ.........(ชื่อระบบ)........... เพื่อจำแนกผู้ใช้ระบบตามบาบาท หน้าที่จึงมีการแบง่ ระดบั ผู้ใช้งานและการกำหนดสิทธิส์ ำหรบั ผู้ใช้ โดยแบ่งระดับผูใ้ ชง้ าน ออกเป็น..... กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มผูด้ แู ลระบบ 2) กลุ่ม.................... 3) กลมุ่ .................... จากการบ่างระดับผู้ใช้งานระบบข้างต้น สามารถสรุปฟังก์ชั่นการทำงานและสิทธิการเข้าใช้ งานระบบผูใ้ ชง้ าน

21 ตารางที่ 3.X สรปุ ฟังก์ชันการทำงานและสิทธิการเข้าใขง้ านระบบ............(ชื่อระบบ).......... ฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ กลุ่มผู้มีสิทธ์ิเขา้ ใช้งานระบบ ผดู้ แู ลระบบ กลมุ่ ผใู้ ช้งาน 1.ระบบจดั การผใู้ ชง้ านระบบ (ตัวอย่าง) ✓ 2.ระบบ............................................. ✓✓ 2.1 (ฟงั กช์ ั่นการทำงานย่อย) ✓ 2.2 (ฟงั ก์ชั่นการทำงานย่อย) 3.4.11 การออกแบบ/ขน้ั ตอนการพฒั นาระบบอ่นื ๆ(ถา้ มี) ถ้าหากโครงงานมีการออกแบบสว่ นงานอ่ืนๆหรือขนั้ ตอนอืน่ ๆ นอกเหนือไปจากท่ีระบุในคู่มือ ผู้จัดทำโครงงานสามารถปรับเปลี่ยนและกำหนดหัวข้อเพิ่มเติมได้ตามระบบที่พัฒนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ คำแนะนำและการตกลงรว่ มกันกับอาจารย์ทป่ี รึกษา เนื้อหาการทำเอกสารบทที่ 3 โครงงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบมัลติมีเดียแบบ ปฏิสมั พันธ์ บทที่ 3 วธิ ีการดำเนนิ งาน การทำโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา........ชื่อโครงงาน................โดยมีผลการ วิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบดังกล่าว ตามลำดับหัวขอ้ ดังตอ่ ไปนี้ 3.1 การวเิ คราะหร์ ะบบงานเดิม 3.2 การวเิ คราะห์ความต้องการของผู้ใช้ 3.3 การศึกษาความเป็นไปได้ 3.4 การออกแบบระบบงานใหม่ [หัวขอ้ 3.1 – 3.3 ใชต้ ามรปู แบบในคู่มือโครงงาน]

22 3.4 การออกแบบระบบงานใหม่ ผลการออกแบบระบบงานใหม่ของระบบ.............ชื่อระบบ................ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน สำคัญ คือ การออกแบบเค้าโครงเรื่องและเนื้อหาการออกแบบส่วนรายละเอียดของงาน และสตอรี่ บอรด์ ตามรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปนี้ 3.4.1 การออกแบบเคา้ โครงเรือ่ งและเนือ้ หา การออกแบบเค้าโครงเรื่องและเนื้อหาเป็นการออกแบบเค้าโครงเรื่องเนื้อหาที่ต้องการ นำเสนอในระบบมัลติมีเดียแบบปฏิสัมพันธ์ของระบบ...............ชื่อระบบ.................โดยครอบคลมุ ถึง การกำหนดเนื้อหาแต่ละส่วนที่ต้องการนำเสนอ กลวิธีการนำเสนอเนื้อหาในแต่ละส่วนนั้น วิธีการ ปฏิสัมพันธ์ที่เลือกใช้เพื่อตอบสนองกลวิธีการนำเสนอที่กำหนดไว้ รวมถึงการออกแบบโครงสร้าง เนอื้ หาและเส้นทางควบคุม 3.4.1.1 การกำหนดเนือ้ หาและปฏสิ ัมพนั ธ์กับผู้ใช้ การออกแบบระบบ................ชื่อระบบ..............มีการกำหนดเนื้อหาการนำเสนอกลวิธีการ นำเสนอ และวิธีการปฏิสัมพนั ธก์ ับผใู้ ช้

23 3.4.1.2 โครงสรา้ งของเนือ้ หาและเสน้ ทางการควบคมุ จากการออกแบบเนื้อหา กลวิธีการนำเสนอและปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ในหัวข้อข้างต้นสามารถ นำมาออกแบบโครงสร้างเนื้อหาและเส้นทางการควบคุมของระบบ......ชื่อระบบ.........โดยระบบที่ ออกแบบประกอบด้วย....(บรรยายโครงสร้างรายละเอียดของหน้าจอต่างๆ และชนิดของลำดับการ นำเสนอดว้ ยภาษาเขียน)....... สรุปเปน็ แผนผงั โครงสรา้ งได้ตามภาพที่ ........ ตวั อยา่ ง จากการออกแบบเนื้อหา กลวิธีการนำเสนอและปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ของระบบเกมคำศัพท์ ภาษาอังกฤษในหัวข้อข้างต้น สามารถนำมาออกแบบโครงสร้างเนื้อหาและเส้นทางการควบคุมโดย ระบบที่ออกแบบประกอบดว้ ย เนื้อหาหน้าแรก ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นชื่อเกม ภาพประกอบโดยรวม ผู้จัดทำ เมื่อปิด หนา้ จอดังกล่าวจะนำสู่หน้าจอถัดไป เนื้อหาเมนู เป็นส่วนที่แสดงตัวเลือกหน้าจอการทำงานต่างๆ ของเกม ซึ่งสามารถเลือกได้ 3 หน้าจอ คอื บทเรียน แบบทดสอบ วธิ ีการใช้ โดยสามารถเลอื กเปดิ ไดท้ ีละ่ หนา้ จอ

24 เนื้อหาบทเรียน เป็นส่วนที่แสดงบทเรียนทั้งหมดที่มีในเกมภาอังกฤษ โดยผู้ใช้สามารถเลือก การเริ่มต้นเล่นเกมเลเวล 1 ได้ หรือเลือกกลับไปหนา้ บทเรยี น หรือเลอื กกับไปหน้าเมนู เนื้อหาเกมเลเวล 1 เปน็ สว่ นทีใ่ ช้เลน่ เกมฝึกทกั ษะคำศัพท์ภาอังกฤษ เม่อื เล่นผา่ นเกมเลเวล 1 แล้ว ระบบจะแสดงหน้าจอเลเวล 2 โดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเล่นเกมได้ต่อ หรือ หยุด ช่วั คราวหรือกลบั เกมเลเวล 1 หรอื กลับไปหน้าเมนูหลกั ได้ เนื้อหาเลเวล 2 เป็นส่วนทีใ่ ช้เล่นเกมฝึกทักษะคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เมื่อเล่นผ่านเกมเลเวล 2 แล้วระบบจะแสดงหน้าจอเลเวล 3 โดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเล่นเกมได้ต่อ หรือ หยุด ชัว่ คราวหรือกลบั เกมเลเวล 2 หรอื กลับไปหน้าเมนหู ลักได้ เนื้อหาเลเวล 3 เป็นส่วนที่ใช้เล่นเกมฝึกทักษะคำศัพท์ภาษาอังกฤษเมื่อเล่นผ่านเกมเลเวล 3 แล้วระบบจะแสดงหน้าคะแนนที่ได้รับโดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเลน่ เกมเลเวล 1 หรือเลือก กลบั ไปเมนหู ลกั ได้

25 3.4.2 การออกแบบสว่ นรายละเอียดของงาน การออกแบบส่วนรายละเอียดของงานของระบบ................ชื่อระบบ.................เป็นการ ออกแบบรายละเอียดเพิ่มเติมจากการออกแบบโครงสร้างของเนื้อหาและเส้นทางการควบคุม โดยนำ ผลการออกแบบจากส่วนดงั กล่าวมาออกแบบลำดับข้ันตอนกิจกรรมและราบละเอียดโครงร่างหน้าจอ ของแตล่ ะสว่ นงานในแผนผงั โครงสรา้ งระบบทง้ั หมด 3.4.2.1 แผนภาพกจิ กรรมของระบบ (Activity Diagram) แผนภาพกิจกรรมของระบบ........ชื่อระบบ...........เป็นแผนภาพที่แสดงลำดับขั้นตอนการ ทำงานของแต่ละการทำงานในแต่ละหน้าเนื้อหาทั้งหมดที่มีอยู่ในแผนผังโครงสร้าง ซึ่งสามารถแบ่ง ออกได้เป็นแผนภาพกิจกรรมย่อยได้จำนวน.........จำนวนแผนภาพกจิ กรรมยอ่ ยๆ......... แผนภาพและ คำอธบิ ายแผนภาพ ดังตอ่ ไปน้ี ตวั อยา่ ง แผนภาพกิจกรรมของระบบเกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็นแผนภาพทีแ่ สดงลำดับขั้นตอนการ ทำงานของแต่ละการทำงานในแต่ละหน้าเนื้อหาทั้งหมดที่มีอยู่ในแผนผังโครงสร้าง ซึ่งสามารถแบ่ง ออกได้เปน็ แผนภาพกิจกรรมยอ่ ยไดจ้ ำจวน 5 แผนภาพ และคำอธิบายแผนภาพ ดงั ต่อไปนี้ 1. แผนภาพกจิ กรรม “แบบทดสอบ” เมนูหลักเริ่มต้นจากการแสดงหน้าจอเมนูหลักของแบบทดสอบให้ผู้ใช้เลือกประเภทของ แบบทดสอบ - ถ้าหากผู้ใช้เลือกกิจกรรม “จับคู่” ให้แสดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 1 คำบนหน้าจอ และแสดง ตัวเลือกในรูปแบบของรูปภาพ ผู้ใช้คลิกเลือกคำตอบจากภาพ เมื่อได้รับคำตอบแล้วระบบจะ ตรวจสอบว่าถามคำถามครบทุกคำถามหรือยัง ถ้ายังไม่ครบระบบจะแสดงคำศัพท์คำใหม่ไปจนครบ ถา้ ครบแล้วระบบจะคำนวณและแสดงคะแนนที่ได้รบั ทงั้ หมด - ถ้าหากผู้ใช้เลือกกิจกรรม “เติมคำ” ให้แสดงภาพ 1 ภาพบนหน้าจอและแสดงกล่อง ข้อความให้ผู้ใช้พิมพ์คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายตรงกับภาพ เมื่อได้รับคำตอบแล้วระบบจะ ตรวจสอบว่าถามคำถามครบทุกคำถามหรือยัง ถ้ายังไม่ครบระบบจะแสดงคำศัพท์คำใหม่ไปจนครบ ถา้ ครบแล้วระบบจะคำนวณและแสดงคะแนนที่ได้รับทั้งหมด

26 - เมื่อตอบแบบสอบถามอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เลือกจนครบแล้ว ถือเป็นสิ้นสุดกิจกรรม “แบบทดสอบ” ภาพที่ 3.X ……………………………. 3.4.2.2 โครงรา่ งหนา้ จอ (Interactive Layout) การออกแบบโครงร่างหน้าจอของระบบ.........ชื่อระบบ.......เป็นการออกแบบส่วนประกอบ ของหน้าจอรวมถึงตำแหน่งการจัดวางเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดทำสตอรี่บอร์ด ซึ่งมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (คำแนะนำ โครงร่างหนา้ จอทีแ่ สดงในส่วนนค้ี วรสอดคล้องกับโครงสรา้ งเนอ้ื หาของงาน)

27 1. หน้าจอ ..... ชื่อหน้าจอ .......... เป็นหน้าจอเกี่ยวกับ..........(คำอธิบายเกี่ยวกับหน้าจอ ดังกลา่ ว) 2. หน้าจอ [ทำซ้ำไปจนครบทุกหน้าจอให้มีอักษรแบบเดียวกนั แต่ตา่ งแค่เน้ือหาสามารถสร้าง เป็นตัวอยา่ งแค่หนา้ จอเดยี วได้ โดยอธิบายประกอบว่าใชก้ บั หน้าจอใดบา้ ง] ตัวอย่าง การออกแบบโครงร่าหน้าจอของระบบเกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เป็นการออกแบบ ส่วนประกอบของหนา้ จอรวมถึงตำแหน่งการจดั วาง เพอื่ ใช้เป็นแนวทางในการจัดทำสตอรบ่ี อร์ด ภาพท่ี 3.X …………………………….

28 3.4.3 สตอรบ่ี อร์ด (Storyboard) จากการออกแบบโครงสร้างเนื้อหาและโครงร่างหน้าจอ........ชื่อระบบ........สามารถนำมา แสดงรายละเอียดแต่ละเฟรมต้ังแต่เฟรมแรกถึงเฟรมสุดท้าย เพื่อแสดงวธิ กี ารนำเสนอข้อมูลโดยแสดง ภาพหน้าจอพร้อมทั้งรายละเอียดของข้อความและลักษณะของภาพและเงื่อนไขต่างๆ โดยมี รายละเอยี ดออ็ บเจ็คต่างๆ

29

30 เนอื้ หาการทำเอกสารบทท่ี 3 โครงงานทเ่ี กี่ยวข้องกับการพัฒนาเวบ็ ไซต์ บทที่ 3 วธิ ีการดำเนินงาน การทำโครงงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์.............................โดยมีขั้นตอนการ ดำเนินงานดงั ต่อไปนี้ 3.1 การศึกษาและวิเคราะห์เว็บไซต์ 3.2 การวิเคราะห์โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของเวบ็ ไซต์ 3.3 การออกแบบแผนผังเวบ็ ไซต์ 3.4 การออกแบบ User Interface คำอธิบายดงั นี้ 3.1 การศกึ ษาและวเิ คราะห์เวบ็ ไซต์ 3.1.1 การทำงานปจั จบุ ันของเว็บไซต์ อธิบายถงึ การทำงานปจั จบุ ันของเวบ็ ไซตว์ ่าเปน็ อย่างไรหลังจากวเิ คราะหป์ ญั หาแลว้ ตวั อย่าง 3.1 การศึกษาและวเิ คราะหเ์ วบ็ ไซต์ 3.1.1 การทำงานของเว็บไซตจ์ ากการศกึ ษาและวิเคราะห์ ระบบการทำงานของเวบ็ ไซตโ์ ครงการพัฒนาสังคมแห่งการเรยี นรู้เทา่ เทยี มกนั ดว้ ย ICT นน้ั ใช้เคร่อื งมือ Visual Studio 2008 และใช้ ภาษา C# ในการพฒั นา ลกั ษณะการทำงานของการพัฒนาจะแบ่งออกเปน็ 2 ส่วน ได้แก่ สว่ นแสดงผลทต่ี ิดต่อกับผใู้ ชง้ าน (User Interface) และ ส่วน ท่ีเปน็ การดแู ลและออกแบบ (Administration) โดยการทำงานของระบบสามารถสรุปไดด้ งั ภาพท่ี 3.1 ภาพท่ี 3.1 Use Case Diagram (การทำงานปัจจุบนั ของเวบ็ ไซต์ที่ได้จากการวิเคราะห์) ระบบการทำงานของเว็บไซต์จะเห็นได้จากภาพที่ 3.2 แสดงให้เห็นถึงเครื่องมือในการพัฒนาในปัจจุบัน โดยได้แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Front-end และ Back-end ซ่ึงการทำงานสองส่วนนน้ั มีการแยกการทำงานออกอยา่ งชดั เจน โดยท่ี Front-end จะเปน็ ระบบการทำงานใน สว่ นหนา้ ของเวบ็ ไซต์ ซงึ่ มีไวส้ ำหรับผู้ใช้งานทั่วไป (User) และสว่ น Back-end เปน็ สว่ นทจ่ี ัดการทุกอยา่ งทเี่ กย่ี วกบั เว็บไซต์และการกำหนดสิทธ์ิการใช้ งาน การจดั การส่วนขอ้ มูลข่าวสารบนเว็บไซต์ ซง่ึ Back-end จะถกู ใชง้ านโดยผูด้ ูแลระบบ (Admin)

31 ภาพท่ี 4.2 องค์ประกอบการทำงานของเว็บไซต์ 3.1.2 ความต้องการในการพัฒนาเว็บไซต์ การพัฒนาเวบ็ ไซตต์ ามแนวทางการพัฒนาปรับปรงุ ใหต้ รงตามมาตรฐาน WCAG2.0 ในระดับ AA เป็นอย่างน้อย ผู้พัฒนาขอ สรุปเบื้องต้นว่า การพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ใช้เครื่องมือ Visual Studio 2008 และใช้ภาษา C# ในการพัฒนา ปรับให้เว็บไซต์เป็นไปตาม มาตรฐานดงั กล่าว ฉะนน้ั ในส่วนข้อมูลความต้องการที่ให้พฒั นาปรบั ปรงุ เว็บไซต์ ใหเ้ ปน็ เวบ็ ไซต์ท่ที ุกคนเขา้ ถึงได้ จึงสามารถสรุปไดด้ งั นี้ 1. เว็บไซต์ตอ้ งเปน็ เวบ็ ไซตท์ ท่ี ุกคนเขา้ ถงึ ได้ตามมาตรฐานแนวทาง มาตรฐาน WCAG2.0 ในระดบั AA เป็นอยา่ งน้อย 2. ใหม้ ีสว่ นข้อมลู ขา่ วสารทส่ี ามารถ Update ได้ ก 3. การ Login เพอ่ื จำแนกผู้ใชง้ านในแต่ละระดบั ทม่ี ีสทิ ธใ์ิ นการทำงานท่แี ตกตา่ งกนั 4. ให้มีโครงสร้างสำหรับผู้ดูแลระบบ Back-end เพื่อการปรับแต่งเว็บไซต์และ Update ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ โดย แยก Back-end และ Front-end ออกจากกันอยา่ งชัดเจน 3.2 การวเิ คราะห์โครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของเว็บไซต์ อธิบายเป็นตาราง ตามตัวอย่างว่าจะมีหน้าเวบ็ เพจชื่อว่าอะไรแต่ละหน้า แต่ละหน้าจะแสดง ขอ้ มูลอะไร ตารางท่ี 3.X โครงสร้างและองค์ประกอบของเว็บไซต์

32 3.3 การออกแบบแผนผงั เว็บไซต์ อธิบายเป็นแผนผังเว็บไซต์ว่ามีการทำงานอย่างไรเป็นความเรียง จากนั้นสรุปเป็นแผนผัง ตามตัวอย่าง 3.4 การออกแบบ User Interface อธิบายโครงสร้างหน้าจอแต่ละเว็บเพจ ตัวอยา่ ง ..........................................................ส้นิ สดุ เนื้อหาบทท่ี3..............................................................

33 บทท่ี 4 ผลการดำเนินงาน บทที่ 4 เป็นการนำเสนอผลการพัฒนาโครงงาน จัดทำในรปู แบบคู่มอื การใชร้ ะบบเพ่ืออธิบาย วิธีการใช้งาน และการทำงานแต่ละส่วนของระบบ ซึงไม่มีหัวข้อย่อยกำหนดตายตัว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ระบบท่ีพฒั นาขนึ้ และวธิ ีการอธิบายการใชร้ ะบบของแตล่ ะโครงงาน 4.1 ผลการดำเนนิ งาน โดยในการอธบิ ายการใช้งานและการทำงานของระบบ ต้องมีภาพประกอบจากระบบต้นแบบ จริงที่พัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว ประกอบด้วย ภาพเมนู ภาพหน้าจอ และภาพตัวอย่างรายงาน (รายงาน รูปแบบเต็มจากระบบทีพ่ ฒั นาต้องพมิ พแ์ นบท้ายในส่วนของภาคผนวก) การกำหนดลำดบั เลขหวั ข้อและหัวข้อย่อยตามระบบเดยี วกันบทก่อนหนา้ โดยลำดับเลขของ บททต่ี ามด้วยเครอ่ื งหมายมหัพภาค“,” และลำดบั หวั ขอ้ ในบท เชน่ 4.1 , 4.2 ,... 4.2.1, ....... 4.2 ผลการประเมิน 4.2.1 ผลการประเมินประสิทธิภาพ 4.2.2 ผลการประเมนิ ความพึงพอใจ อธบิ ายเป็นตารางและแผนภมู ิ ในลักษณะงานวจิ ัย ..........................................................สิน้ สุดเน้อื หาบทท่ี 4..............................................................

34 บทที่ 5 สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ บทที่ 5 เป็นการอภิปรายผลจากการพัฒนาโครงงาน หัวข้อย่อยในบทที่ 5 ประกอบด้วย 3 หวั ข้อย่อยโดยกำหนดใหใ้ ช้ลำดบั เลขของหวั ข้อย่อยในบทตามทแ่ี สดงในรายละเอยี ด ดงั นี้ 5.1 สรปุ และอภิปราย การสรุปให้สรุปคุณลักษณะสำคัญ ฟังก์ชั่นการทำงาน แบะรายงานของระบบที่พัฒนาขึ้นให้ เหน็ ภาพรวมของส่ิงทรี่ ะบบสามารถช่วยสนับสนุนในการดำเนินการได้ ตามที่เปา้ หมายกำหนด พร้อม ภาพประกอบ (การนำเสนอภาพประกอบให้จัดทำตามรูปแบบ ตัวอย่างที่กำหนดให้ในบทที่ 4 ข้างต้น โดย ใหล้ ำดบั ภาพเริ่มตน้ ที่ 5.1) อภิปรายว่าระบบที่พัฒนาข้ึนสามารถตอบสนองให้บรรลุวัตถุประสงค์ในหัวข้อ 1.2 บทที่ 1 ได้ อย่างไร โดยอภิปรายแยกทีละวัตถุประสงค์ นำผลการศึกษาที่ได้จากบทที่ 3 และ 4 เช่น คุณลักษณะฟังก์ชั่นการทำงาน โครงสร้างข้อมูล หรือรายงานระบบที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ดังกล่าวมาประกอบการอภิปราย พร้อมกับ และให้นำงานวจิ ัยหรอื ระบบงานทีเ่ กี่ยวขอ้ ง จากบทที่ 2 มาอภิปรายทำงานรว่ ม วา่ งานเรากบั ทอ่ี ่นื นัน้ มีการพัฒนางานทสี่ อดคล้องหรือแตกต่างกัน อยา่ งไร

35 5.2 ปัญหาและขอ้ จำกัด อภิปรายถึงการทำงานของระบบต้นแบบที่พัฒนาเสร็จสิ้นแล้วมีปัญหาและข้อจำกัดในการ ทำงานอย่างไรบ้าง หรือ ส่วนใดของระบบที่ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เช่น ข้อจำกัดของข้อมูลนำเข้า ข้อจำกัดในกระบวนการนำเข้าข้อมูล ขำจำกัดในการประมวลผลข้อมูล ข้อจำกัดเรื่องการตรวจสอบ ข้อมลู หรือข้อจำกัดในการจัดทำรายงานและสารสนเทศ เปน็ ตน้ โดยอภปิ รายรายละเอยี ดของสาเหตุ ของข้อจำกดั และผลกระทบ 5.3 ข้อเสนอแนะ เสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาหรือข้อจำกัด แนวทางการพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องกับ โครงงานน้ีในอนาคต แนวทางการพัฒนาตอ่ ยอดจากโครงงานที่พฒั นาขึ้น และแนวทางการนำระบบที่ พฒั นาไปใชใ้ ห้เกิดประโยชนก์ ารประสทิ ธภิ าพ

36 สว่ นที่ 4 รายละเอยี ดสว่ นท้าย ส่วนทา้ ยของรปู เล่มโครงงาน ประกอบไปดว้ ย 5 ส่วน รายละเอียดของแตล่ ะสว่ น ดังตอ่ ไปนี้ 1. บรรณานกุ รม แสดงรายชือ่ หนังสือ บทความจากวารสาร วานวิจัย โครงงาน โสตทัศนวัสดุหรือ สง่ิ พิมพ์อ่นื ๆ รวมถงึ แหล่งข้อมูลอิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละออนไลนท์ ใี่ ชส้ ำหรบั การศกึ ษาคน้ คว้าประกอบการเขียน โครงงานโดยไม่ไดน้ ำข้อมลู หรือเน้ือหาจากแหลง่ ขอ้ มลู ดงั กล่าวมาอ้างอิงในเนือ้ หาโดยตรง 2. ภาคผนวก เอกสาร ที่เพิ่มรายละเอียดของขอ้ มูลที่นอกเหนือจากที่ระบไุ วใ้ นผลการศึกษา เพื่อเสริมเนื้อหาให้สมบูรณ์มากขึ้น อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ตามความเหมาะสมและจำเป็น โดยแยก เอกสารอ้างอิงแต่ละชุด และลำดับภาคผนวกโดยกำหนดเป็นตัวอักษรภาษาไทยตามลำดับใน พจนานกุ รม และระบุช่อื เอกสารอา้ งอิง เช่น ภาคผนวก ก เอกสารของระบบการทำงาน ภาคผนวก ข ตัวอย่างรายงานจากระบบใหม่ เป็นต้น ถ้ามีภาคผนวกมากกว่ามีชุดให้มีหน้าบอกตอนเป็น กระดาษพมิ พ์คำวา่ “ภาคผนวก” กลางหนา้ กระดาษ คัน่ ก่อนเรมิ่ ภาคผนวก ประกอบดว้ ย - คำส่ังแต่งตงั้ คณะกรรมการประเมินโครงงาน - แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ - บันทกึ ขอ้ ความการสง่ รายงานความก้าวหนา้ - บนั ทกึ การพบอาจารย์ท่ีปรกึ ษาโครงงาน - หนังสือขออนญุ าตดำเนินกจิ กรรมโครงงานคอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ - รายนามผปู้ ระเมนิ โครงงาน - ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ผลโครงงาน - คู่มอื การใช้งาน - ประวตั ผิ จู้ ัดทำโครงงาน 3. ประวัติผู้จัดทำโครงงาน ประวัติของสมาชิกกลุ่มโครงงานแต่ละคนแยกคนละแผ่น ประกอบด้วย รายละเอียด เกี่ยวกับ ชื่อ – สกุล ประวัติการศึกษา ตำแหน่งและสถานที่ทำงาน (ถ้ามี) ประสบการณ์ ผลงาน รางวัลหรอื ทนุ การศึกษาเฉพาะที่สำคญั (ถา้ ม)ี อาจประกอบดว้ ย ตวั อยา่ งดงั นี้ - ชอ่ื -สกุล - รหัสประจำตัว

37 - วนั เดอื น ปี เกดิ - ทอี่ ยู่ - e-mail - เบอรโ์ ทรศพั ท์ - ปจั จุบนั กำลังศึกษาอยู่ที่ - คตปิ ระจำใจ 4. กระดาษเปล่ารองปกหลัง อยูก่ อ่ นหรอื ปกแขง่ ด้านหลงั ให้มีการดาษสขี าว 1 แผน่ 5. ปกหลัง (ติดซองใส่ ซีดี) ลักษณะเหมือนปกนอก ไม่ต้องพิมพ์ข้อความใดๆ ด้านในให้มี ช่อง 1 ช่อง ไว้สำหรับใส่ซีดีข้อมูล ซีดีข้อมูลประกอบด้วย ไฟล์ระบบที่พัฒนา ไฟล์เอกสารโครงงาน ฉบับสมบูรณ์ รูปแบบไฟล์ Adobe Acrobat (pdf.) และไฟล์บทคัดย่อรปู แบบไฟล์ Microsoft Word (docx.)

38 ส่วนที่ 5 รปู แบบการพิมพ์โครงงาน ส่วนประกอบของโครงงานแต่ละส่วนจะมีรูปแบบเฉพาะ ผู้เขียนจะต้องใช้รูปแบบมาตรฐาน ตามที่สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีกำหนดเท่านั้น โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี 1. กระดาษ กระดาษที่ใชพ้ ิมพโ์ ครงงาน ให้ใช้กระดาษไม่มเี สน้ บรรทัด พิมพ์หน้าเดียว กระดาษที่ใช้ต้องมี ความหนา 80 แกรม ขนาด A4 2. การตง้ั ขอบกระดาษ เว้นระยะหา่ งจากรมิ กระดาษ ดงั น้ี 2.1 ด้านบน เว้น 1.5 นิ้ว (3.81 เซนติเมตร) ยกเว้นหน้าที่ขึ้นบทใหม่ของแต่ละบทให้เว้น 2 น้วิ (5.08 เซนตเิ มตร ) 2.2 ขอบลา่ งและขวามอื ให้เว้น 1 นวิ้ (2.54 เซนติเมตร) 2.3 ขอบซา้ ยมือ ใหเ้ ว้น 1.5 นว้ิ (3.81 เซนตเิ มตร) 3. การลำดับหนา้ และเลขหนา้ 3.1 การลำดับหน้าในส่วนต้น ให้ใช้ตัวอักษรเรียงตามลำดับพยัญชนะในภาษาไทยเริ่มจาก พยัญชนะ ค, ง, จ...... ให้เริ่มพิมพ์จากหน้าที่บทคัดย่อภาษาไทยเป็นต้นไป โดยพิมพ์ลำดับหน้าไว้บน กระดาษดา้ นบนห่างจากขอบกระดาษ 1 น้วิ (2.54 เซนตเิ มตร) 3.2 การลำดับหน้าในส่วนเนื้อหาและส่วนท้าย ให้ใช้ตัวอักษรเลขอารบิค 1,2,3....... กำกับ หน้าเรียงลำดับตลอดทั้งเล่ม เริ่มใช้ตั้งแต่หน้าแรกของส่วนเนื้อหา คือ บทที่ 1 เป็นต้นไป โดยพิมพ์ ลำดับหน้าไว้บนหัวการดาษด้านบน ห่างจากขอบกระดาษ 1 นิ้ว (2.54 เซนติเมตร) ยกเว้นหน้าแรก ของบทที่ขึ้นบทใหม่หน้าบอกตอนของบรรณานุกรมและภาคผนวก ไม่ต้องใส่เลขหน้ากำกับ แต่ให้นบั รวมเลขหน้าด้วย 4. การพมิ พ์ 4.1 ขนาดและแบบตัวอักษร ให้ใช้อักษร TH SarabunPSK ขนาดตัวอักษร 16 pt สำหรับ พิมพเ์ น้อื หาตลอดทั้งเล่ม

39 4.2 การพิมพ์บทที่ เมื่อขึ้นบทใหม่ให้ขึ้นหน้าใหม่เสมอและมีเลขประจำบท โดยให้ใช้เลข อารบิคนั้น เช่น การพิมพ์บทที่ 1 ให้พิมพ์คำว่า “บทที่ 1” ไว้ตรงกลางตอนบนสุดของหน้ากระดาษ ช่อื บทใหพ้ มิ พ์ไว้ตรงกลางหน้ากระดาษในบรรทดั ถัดไปโดยไม่ต้องเวน้ วรรคบรรทัด การพิมพ์บทที่และ ชอื่ บทใหใ้ ช้ขนาดอักษร 20 ฟอนต์ตวั หนา สำหรบั บรรทดั ถัดไปใหเ้ ว้น 1 บรรทดั จากชอ่ื บท 4.3 หัวข้อสำคัญ ให้พิมพ์ชิดขอบกระดาษด้านซ้ายมือขนาดอักษร 16 ฟอนต์ตัวหนา การ พิมพบ์ รรทัดตอ่ ๆไปไมต่ ้องเวน้ บรรทัด 4.4 หัวข้อยอ่ ย ให้พมิ พห์ วั ขอ้ ย่อหนา้ โดยเว้นระยะใหต้ รงกบั อักษรตวั แรกของชื่อหัวข้อสำคัญ นน้ั ๆ และใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลขทั้งหมด 4.5 การพิมพย์ ่อหนา้ ใหเ้ ว้นระยะย่อหน้า 1.8 เซนติเมตร 5. การพมิ พ์ตารางและภาพประกอบ 5.1 ตาราง ใหพ้ ิมพค์ ำวา่ “ตารางที่ ......” ชดิ รมิ ขอบกระดาษด้านซ้ายมือ ตามด้วยเลขท่ีของ บททีแ่ ละคัน่ ดว้ ยเครือ่ งหมายมหพั ภาพ “,” ตามด้วยเลขทขี่ องตาราง กำกบั ไวด้ ้านบนของตาราง กรณี ท่ตี ารางมคี วามยาวมากกว่าหนงึ่ หน้ากระดาษ ใหพ้ มิ พส์ ว่ นทเี่ หลือในหน้าถัดไป โดยมีเลขที่ตารางและ คำว่า “ต่อ” ในวงเล็บ เช่น ตารางท่ี1.1 (ต่อ) ถ้ามีหมายเหตุ หรือที่มาท้ายตาราง ให้ตามด้วย เครอื่ งหมาย “:” จากนน้ั จึงดว้ ยข้อความหรือแหลง่ ทีม่ า 5.2 ภาพ ให้พิมพ์คำว่า “ภาพที่” เหมือนกับการพิมพ์ตารางแต่ให้กำกับชื่อภาพไว้ด่านล่าง ของภาพ ใหท้ ำภาพเปน็ ภาพอัดสำเนาบนกระดาษ ใหช้ ดั เจน ห้ามใชว้ ธิ กี ารติดภาพ 6. การพิมพห์ นา้ บอกตอน สำหรับบรรณานุกรม และภาคผนวก ให้ทำหน้าบอกตอนโดยพิมพ์คำว่า “บรรณานุกรม” และ “ภาคผนวก” ไว้ตรงกลางหน้ากระดาษเปล่า หน้าถัดไปจึงเป็นเนื้อหาของบรรณานุกรมและ ภาคผนวก 7. การพมิ พ์ประวัตผิ ู้จัดทำโครงงาน ใหพ้ มิ พ์คำวา่ “ประวัตผิ จู้ ดั ทำโครงงาน” ไวต้ รงกลางหน้ากระดาษบรรทดั แรก

40 ส่วนท่ี 6 การเขียนอ้างองิ การรวบรวมข้อมูลทางบรรณานุกรมของรายงานการอ้างอิงทั้งหมดที่ปรากฏในเนื้อหา โครงงาน จัดทำเป็นหน้า “เอกสารอ้างอิง”และ”บรรณานุกรม” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในส่วน ของโครงงาน 1. หนังสอื ชอ่ื /ช่ือสกุลผแู้ ต่ง.//(ปที ี่พมิ พ)์ .//ช่ือหนังสือ.//คร้งั ที่พมิ พ.์ //เมืองทีพ่ ิมพ/์ ://สำนักพมิ พ.์ ตวั อย่าง เรงิ ชัย หมนื่ ชนะ. (2538). จิตวทิ ยาธรุ กจิ .พิมพค์ ร้ังท่ี 2.กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์. 2.หนังสือแปล ชอ่ื ./ ชอื่ สกลุ ผแู้ ต่ง.//(ปที ่ีพิมพ)์ .//ชื่อหนงั สือ./แปลจากเรือ่ ง.. โดย.. ครงั้ ที่พิมพ์.//เมอื งที่ พิมพ์/ : / สำนกั พิมพ์. ตัวอย่าง เวลส์.ควอรชิ .(2519).การแกครองแบะการบรหิ ารของไทยสมยั โบราณ.แปลและเรียงเรียงโดย กาญจนี สมเกียรติกุบแบะยุพา ชุมจันทร์. กรุงเทพฯ : โครงการตำราสังคมศาสตร์ และมนษุ ยศาสตร์ สามคมสงั คมศาสตร์แห่งประเทศไทย

41 3. วิทยานิพนธ์ ช่ือ./ชอ่ื สกลุ ผูว้ ิจัย.//(ปที ่ีพิมพ์).//ช่อื เรื่อง.ระดับปรญิ ญานพิ นธ์.//สถาบันการศกึ ษา.//เมืองท่ี พิมพ์.//สำนกั พิมพ์.:หน้า. ตวั อยา่ ง แสงหลา้ พลนอก.(2543).ผลของการสรา้ งจติ ภาพตอ่ ความเจ็บปวดในผู้ป่วยแผลไหม้. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์ และฉุกเฉนิ บัณฑิตวิทยาลัย มหาลัยเชยี งใหม่. 4. ข้อมูลออนไลนห์ รือสารนเิ ทศบนอนิ เตอรเ์ น็ต ผแู้ ต่ง.//(ปที ีพ่ มิ พ์).//ชื่อเร่อื ง.//ค้นเมอื่ เดือน วนั , ปี, URL. ตวั อย่าง เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว. (2559). เมื่อ Thailand 4.0 ถกู ขบั เคลอ่ื นด้วย Education 2.0. ค้นเมื่อ กนั ยายน 12, 2559, จาก http://apps.qlf.or.th/member/UploadedFiles/prefix-16072559-042327-4g1SD1.pdf. 5. ข้อมลู บทความวิจยั จากวารสารและประชมุ วิชาการ 5.1 บทความวิจยั /บทความวชิ าการจากวารสาร ผแู้ ต่ง.//(ปีท่ีพิมพ)์ .//ช่อื เรื่อง.//ชอื่ วารสาร ปที ่ี ฉบับที่ : หมายเลขหนา้ แรกถงึ หน้าสดุ ท้ายของบทความ. ตัวอยา่ ง สำราญ มแี จ้ง และคณะ.(2558). การพฒั นาบทเรียนเลริ น์ น่งิ ออบเจค็ เพือ่ ส่งเสริมการอนุรกั ษ์ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ จงั หวัดชัยนาท สําหรบั นักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปี ท่ี 1.วารสารศกึ ษาศาสตร์ หาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช 8 (2): 161-173. 5.2 บทความวจิ ยั /บทความวิชาการจากงานประชุมวชิ าการ ผู้แต่ง.//(ปที ่ีพมิ พ)์ .//ช่ือเรอ่ื ง.//ช่อื งานประชุมวิชาการ ครัง้ ท่ี วันที่ สถานที่จัด. ตัวอยา่ ง นริ ตุ ต์ จรเจริญ และคณะ. (2559). การจดั การองคค์ วามรภู้ ูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ สชู่ ุมชนในท้องถนิ่ อำเภอทา่ มว่ ง จงั หวดั กาญจนบุร.ี งานประชมุ วิชาการระดับชาติ เครอื ขา่ ยวจิ ัยอุดมศึกษาทว่ั ประเทศ คร้งั ท่ี 11 วันที่ 19-20 ธนั วาคม 2559. นครราชสมี า. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี ุรนาร.ี

42 เอกสารอา้ งองิ ไฉน ผ่ึงผาย. (2553). การพัฒนาเว็บไซตท์ ่ีทุกคนสามารถเข้าถงึ ได้ กรณีศึกษา เว็บไซตโ์ ครงการ พัฒนาสงั คมแห่งความเทา่ เทยี มด้วย ICT กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร. งานค้นคว้าอิสระวทิ ยาศาสตร์มหาบณั ฑติ มหาวิทยาลัยธรุ กิจบัณฑิต. สาขาวชิ าคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธาน.ี (2555). คูม่ ือการทำโครงงาน คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ. คน้ เม่อื กรกฎาคม 1, 2559, จาก http://www.msudru.com/bc/wp-content/uploads/2012/06/guide-project- report-edit2555.pdf. หลักสูตรบริหารธรุ กจิ บัณฑติ สาขาวิชาคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ หลกั สตู รปรับปรงุ พ.ศ.2559 . (2559). ขอ้ กำหนดเก่ียวกับการทำโครงงาน. พิมพค์ รั้งที่ 1. มหาวิทยาลยั ราชภฏั กาญจนบรุ ี.

คำอธบิ ายการเขยี นโครงร่างโครงงานคอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจ ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2564 แบบเสนอโครงรา่ งโครงงานคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ 1. ช่ือโครงงาน ชื่อโครงงานเป็นสิ่งสำคัญประการแรก เพราะชอ่ื โครงงานจะช่วยโยงความคิดไปถึงวัตถุประสงค์ของการทำ โครงงานและควรกำหนดชอื่ โครงงานให้สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ดว้ ย การตงั้ ช่ือโครงงานนิยมต้ังช่ือใหม้ คี วามกะทัดรัดและดึงดดู ความสนใจจากผอู้ ่าน ผู้ฟัง แต่สิ่งท่ีควรคำนึงถึง คือ ผทู้ ำโครงงานตอ้ งเข้าใจปัญหาทีส่ นใจศึกษาอย่างแท้จริง อนั จะนำไปสู่การเขา้ ใจวัตถุประสงค์ของการศึกษาอย่าง แทจ้ ริงดว้ ย เชน่ อย่างไรก็ตามจะตั้งชื่อโครงการในแบบใด ๆ นั้น ต้องคำนึงถึงความสามารถที่จะ สอ่ื ความหมายถึงวตั ถุประสงคท์ ี่ตอ้ งการศึกษาได้ชัดเจน 2. ผจู้ ดั ทำโครงงาน การเขยี นชอื่ ผูร้ บั ผิดชอบโครงงานเป็นสง่ิ ดีเพอ่ื จะได้ทราบวา่ โครงงานนนั้ อย่ใู นความรับผดิ ชอบของใครและ สามารถติดตามได้ท่ีใด โดย ระบุ คำนำหน้าชอื่ นามสกลุ รหสั ประจำตวั เชน่ นางสาวประสบ อุบัตเิ หตุ 59224090301 3. อาจารยท์ ่ปี รกึ ษาโครงงาน การเขียนชื่อผู้ให้คำปรึกษาควรให้เกียรติยกย่องและเผยแพร่ รวมทั้งขอบคุณที่ได้ให้คำแนะนำการทำ โครงงานจนบรรลเุ ปา้ หมาย เชน่ อาจารย์อนิจจา อนัตตา 4. ความเปน็ มาและความสำคัญ อธิบายถึงความเป็นมาหรือชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของประเด็นของโครงงาน โดยอ้างอิงข้อมูลของ สถานการณ์ของประเด็นหรือปัญหา หรือศักยภาพของประเด็นโครงงานที่จะดำเนินการทำ ว่ามีความสำคัญเพียงใด หากไม่ได้รับการแก้ไข จะเกิดปัญหาและผลกระทบใดเพียงใด หรือหากเป็นศักยภาพถ้าดำเนินการโครงการใน ประเดน็ นั้นๆ แล้วจะเกดิ ผลอย่างไร รวมทัง้ ก่อใหเ้ กิดผลกระทบในทางท่ดี อี ย่างไรบา้ ง โครงสร้างการเขยี นประกอบด้วย ย่อหน้าที่ 1 ภาพรวมของระบบงานที่จะพัฒนาในปัจจุบันว่ามีการทำงานอะไรอย่างไรบ้าง ยังไม่กล่าวถึง ปัญหา โดยอาจจะกลา่ วถงึ เฉพาะเจาะจงระบบการทำงานของหน่วยงานที่ศึกษาไปพร้อมๆกนั ย่อหน้าที่ 2 กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึน้ ในระบบงาน ข้อมูลของสถานการณ์ของประเด็นหรือปัญหาศักยภาพ หรอื โอกาสในการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเขา้ มาใช้ ย่อหน้าที่ 3 สรปุ ความสำคัญของเทคโนโลยดี ังกลา่ วต่อการแกป้ ัญหาในระบบงานปจั จุบัน หรอื ต่อโอกาสที่ พัฒนาขึ้นของระบบงานปัจจุบัน ผลกระทบหากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข และผลกระทบในทางที่ดีต่อระบบการ ทำงานของหน่วยงาน

2 5. วตั ถปุ ระสงค์ ระบุเป็นข้อ ๆ ที่มีความชัดเจน กระชับ เฉพาะเจาะจง สมจริงและสามารถวัดได้ว่าโครงงานมุ่งที่จะศึกษา อะไร จะก่อให้เกิดผลงานอะไร ที่จะนำไปแก้ปัญหาหรือตอบปัญหาหรือส่งเสริมศักยภาพอะไร และสอดคล้องกับ ประเดน็ ปญั หา/โอกาสทีก่ ลา่ วถึงใน ย่อหนา้ ที่ 2 ของหัวขอ้ ความเป็นมาและความสำคญั 6. เปา้ หมายของโครงงาน ระบุว่า โครงงานนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ (Outcome) หรือผลกระทบ (Impact) อะไรบ้างจากโครงงานนี้ โดยเป้าหมายจะต้องเป็นรูปธรรมและผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการพัฒนาระบบ เช่น ระบบแฟ้มสะสมงาน อิเล็กทรอนิกส์ของอาจารย์ คณะxxxx ท่ีสามารถ [คุณสมบตั ขิ องระบบ] โดยผ่านเครอื ขา่ ยอนิ เตอรเ์ นต็ 7. ขอบเขตของการทำโครงงาน ระบุว่าโครงงานนี้จะดำเนินการโดยมีขอบเขตเท่าใด มีข้อจำกัดใดหรือไม่ หรือมีนิยามเฉพาะในการทำ โครงงานอย่างไร โดยครอบคลุม สิ่งที่จะพัฒนาขึ้นสามารถทำได้ ถ้าระบบมีความซับซ้อนให้แยกเป็นระบบย่อย ๆ และควรเขียนเรียงลำดับตามการทำงานของระบบ อาจเขียนแยกขอบเขตเป็น ขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบเขตด้าน ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ขอบเขด้านพน้ื ท่ี ขอบเขตด้านระยะเวลา 8. นยิ ามศพั ท์เชงิ ปฏิบตั ิการ อธิบายถึงคำศพั ทส์ ำคัญที่เกีย่ วข้อง คำศพั ทท์ ่มี ีความหมายเฉพาะในหน่วยงานหรอื ในโครงงาน หรือ ตัวย่อ ต่างๆ ทีใ่ ช้เฉพาะ ซึง่ ปรากฏอย่ใู นโครงงานทง้ั หมด 9. การทบทวนวรรณกรรม/สารสนเทศทเ่ี ก่ียวข้อง ศกึ ษาข้อมลู อะไรบา้ งท่เี กี่ยวข้องกบั โครงงานพร้อมท้ังระบุงานวิจัยทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 10. เครื่องมอื และอุปกรณ์ รายการเทคโนโลยีที่โครงงานนี้นำมาใช้ หรือภาษาคอมพิวเตอร์ที่โครงงานนี้นำมาใช้ดำเนินการพัฒนา ระบบ ประกอบด้วย Hardware, Software 11. วิธีการดำเนินงาน วธิ กี ารดำเนินงาน หมายถงึ วธิ ีการท่ีช่วยให้งานบรรลตุ ามวัตถปุ ระสงคข์ องการทำโครงงาน ตงั้ แต่เร่ิมเสนอ โครงงานกระทั่งสิ้นสุดโครงงาน ในการเขียนวิธีดำเนินการให้ระบุกิจกรรมที่ต้องทำให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง เรยี งลำดบั กจิ กรรมก่อนและหลังให้ชดั เจน เพือ่ สามารถนำโครงงานไปปฏบิ ัตอิ ย่างต่อเนอื่ งและถูกต้อง

3 12. ระยะเวลาในการดำเนนิ งาน การทำโครงงานต้องกำหนดตารางเวลาดำเนินการทุกขน้ั ตอน เพราะการทำตารางเวลาจะเป็นประโยชน์ให้ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผลการดำเนินงานแต่ละขั้นตอน จนสิ้นสุดการทำ โครงงานน้นั 13. ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะไดร้ ับ ระบุว่าผลของโครงงานนี้ จะก่อให้เกิดผลอะไรบา้ ง หรือก่อให้เกิดผลกระทบใด และใครบ้างที่จะเป็นผู้รบั ประโยชนจ์ ากผลของโครงงานโดยจะไดป้ ระโยชน์อยา่ งไร ผลที่คาดว่าจะได้รับสามารถแบง่ ได้เป็น 2 แบบ คือ ผลที่วัดค่าเป็นตัวเลขไดแ้ ละผลที่วดั ค่าไม่ได้ ตัวอย่าง ผลประโยชนท์ ี่วัดค่าได้ เชน่ ลดตน้ การผลิต เพมิ่ ผลผลติ ลดชั่วโมงการทำงานลง ใหบ้ ริการไดร้ วดเร็วขนึ้ ประหยัดค่า ล่วงเวลาได้ เปน็ ต้น ตวั อยา่ ง ผลประโยชน์ที่ไมส่ ามารถวัดค่าได้ เชน่ ชว่ ยสนับสนนุ การตดั สนิ ใจใหแ้ ม่นยำและทันต่อ เหตกุ ารณ์ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในหารทำงาน สร้างภาพลกั ษณ์ที่ดีให้กบั องคก์ ร สรา้ งความพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการ เปน็ ตน้ ทัง้ นี้ควรเขยี นให้สอดคล้องกบั วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 14. เอกสารอา้ งอิง เอกสารอ้างอิง คือ รายชื่อเอกสารที่นำมาอ้างอิงเพื่อประกอบการทำโครงงานตลอดจนการเขียนรายงาน การทำโครงงาน ควรเขียนตามหลกั การท่ีนิยมกัน เสนออาจารยท์ ปี่ รกึ ษาโครงงาน  อนุมตั ิ ............................................................................................................................. ............................................................ .........................................................................................................................................................................................  ไมอ่ นมุ ัติ เนื่องจาก..................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ (........................................) อาจารย์ท่ีปรึกษาโครงงาน ……...…../…..……./.....…….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook