หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณท์ ี่ทำใหเ้ กิดแสง แบบท่ี 1 ตอ่ หลอดไฟฟ้าจำนวน 1 หลอด ร่างแบบการต่อวงจรแบบขนาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดท่ีเสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานได้จำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานได้จำนวน 2 1 หลอด หลอด รูปแบบการตอ่ วงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบขนาน แบบที่ 1 ผลการทดลอง แบบที่ 2 แบบท่ี 3 มติของกลมุ่ สำหรบั การเลือกการต่อวงจรไฟฟา้ ภายในหอ้ งหรืออาคารตามเงือ่ นไขท่กี ำหนดให้ การตอ่ วงจรแบบอนุกรม เพราะ ............................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะ .................................................................................................................. ................................................................................................................. ............................................................. เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 90
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี เฉลย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณท์ ่ีทำให้เกิดแสง ใบงานท่ี 2.4.1 เรอื่ ง ชา่ งไฟฟ้า คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นออกแบบวงจรไฟฟ้าสำหรบั หลอดไฟฟ้าในห้อง 2 หอ้ ง โดยมีเงือ่ นไข ดังนี้ เงอ่ื นไข : หลอดไฟฟ้าทง้ั สองหลอดตอ้ งมีความสว่างเท่ากัน และหากหลอดไฟฟ้าห้องใดห้องหน่ึงเสยี หลอดไฟฟ้าของอีกหอ้ งจะยงั คงใช้ได้อยู่ อปุ กรณ์ที่ใช้ : 1. หลอดไฟฟ้าสำหรับทดสอบจำนวน 4 หลอด เป็นหลอดท่ีใช้งานได้ 3 หลอด และหลอดเสีย 1 หลอด 2. รางถ่านไฟฉายคู่ 1 ราง 3. ถ่านไฟฉาย 2 ก้อน 4. สายไฟสแี ดง 2 เสน้ สายไฟสีดำ 2 เสน้ แบบที่ 1 ตอ่ หลอดไฟฟ้าจำนวน 1 หลอด รา่ งแบบการต่อวงจรแบบอนุกรม แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่เสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าที่ใช้งานได้จำนวน แบบที่ 2 ต่อหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รปู แบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบอนกุ รม แบบท่ี 1 ผลการทดลอง แบบที่ 2 แบบที่ 3 หลอดไฟฟ้าสว่าง หลอดไฟฟา้ สวา่ งนอ้ ยลง หลอดไฟฟา้ ดี ไม่สว่าง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 91
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 วัสดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ีทำใหเ้ กิดแสง แบบที่ 1 ตอ่ หลอดไฟฟ้าจำนวน 1 หลอด รา่ งแบบการตอ่ วงจรแบบขนาน แบบที่ 3 ต่อหลอดไฟฟ้าหลอดที่เสียจำนวน 1 หลอด และหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานได้จำนวน แบบท่ี 2 ต่อหลอดไฟฟ้าท่ีใช้งานไดจ้ ำนวน 2 1 หลอด หลอด รูปแบบการต่อวงจร ผลการทดลองการต่อวงจรแบบขนาน แบบที่ 1 ผลการทดลอง แบบท่ี 2 แบบที่ 3 หลอดไฟฟา้ สวา่ ง หลอดไฟฟา้ สวา่ งเท่ากัน หลอดไฟฟา้ อีกดวงยงั คงสวา่ งอยู่ มติของกลุ่มสำหรบั การเลอื กการตอ่ วงจรไฟฟ้าภายในห้องหรืออาคารตามเง่ือนไขท่กี ำหนดให้ การตอ่ วงจรแบบอนุกรม เพราะ ............................................................................................................... .................................................................................................... .......................................................................... การตอ่ วงจรแบบขนาน เพราะการตอ่ ดังกลา่ วเมื่อมหี ลอดไฟฟ้าทีเ่ พ่ิมมาในระบบมากขน้ึ หลอดไฟฟ้า ยังคงใหค้ วามสว่างเท่าเดิม และหากมหี ลอดไฟฟา้ เสยี อกี หลอดยงั คงใชไ้ ด้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 92
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอปุ กรณท์ ที่ ำให้เกดิ แสง ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรือ่ ง การสร้างชน้ิ งานโดยใชว้ สั ดุ-อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนสรา้ งช้ินงานโดยใชค้ วามรู้และทกั ษะเกี่ยวกับวสั ดุ-อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี เครือ่ งมือ กลไกตา่ ง ๆ อุปกรณ์ที่ทำให้เกดิ เสยี ง และอุปกรณ์ท่ีทำให้เกิดแสง เพอื่ แกป้ ัญหาทีพ่ บใน ชีวิตประจำวนั ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 93
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ทีท่ ำใหเ้ กดิ แสง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื 3 การทำงานตามหนา้ ที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ้ำใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 94
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วัสดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ทีท่ ำให้เกดิ แสง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน การมี ลำดับท่ี ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนกั เรียน ความ ฟังคนอนื่ ตามท่ีไดร้ บั น้ำใจ การ 15 คิดเหน็ มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลุม่ 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 13 2 1 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../............... ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 95
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ท่ที ำใหเ้ กดิ แสง แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 96
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 วสั ดุ อุปกรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 ไฟฟา้ และอปุ กรณ์ทท่ี ำใหเ้ กดิ แสง แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คำชีแ้ จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพึงประสงคด์ ้าน 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบตั ิตามหลักศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษัตริยต์ ามทโ่ี รงเรียนจดั ขน้ึ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทีถ่ กู ต้องและเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบตั ใิ นสิ่งท่ีถูกตอ้ ง 3. มวี นิ ยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจำวัน 4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รูจ้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ 4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม 4.3 เช่อื ฟงั คำส่ังสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 4.4 ตง้ั ใจเรียน 5. อย่อู ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเก็บออมเงิน 6. มุ่งม่ันในการทำงาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือใหง้ านสำเรจ็ 7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน 8.2 รูจ้ ักการดูแลรกั ษาทรพั ยส์ มบัติและส่ิงแวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและ โรงเรียน ลงชอ่ื ..................................................ผู้ประเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 51–60 ดีมาก พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน 41–50 ดี 30–40 พอใช้ พฤตกิ รรมท่ีปฏิบัตบิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน ตำ่ กวา่ 30 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 97
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 วสั ดุ อปุ กรณท์ างเทคโนโลยี แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ไฟฟ้าและอุปกรณท์ ีท่ ำใหเ้ กิดแสง แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การสร้างชนิ้ งานโดยใชว้ ัสดุ-อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี ว 4.1 ม.2/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะเกีย่ วกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เพื่อแกป้ ัญหาหรือพฒั นางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รายการ เกณฑก์ ารประเมนิ (ระดบั คุณภาพ) ระดบั ประเมนิ คณุ ภาพ 1. 1. การเลือกใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) ดมี าก เคร่อื งมือ กลไก ในการ เลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ ไมส่ ามารถเลอื กใช้วัสดุ สร้างช้นิ งาน เครือ่ งมือ กลไก ในการ เลือกใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ เลอื กใช้วสั ดุ อุปกรณ์ อปุ กรณเ์ ครอื่ งมอื ดี สร้างชนิ้ งานได้อย่าง กลไก ในการ 2. การประยกุ ต์ใช้อุปกรณ์ ถกู ต้องเหมาะสมดมี าก เครื่องมือ กลไก ในการ เครื่องมอื กลไก ในการ สร้างชน้ิ งานได้ พอใช้ ท่ที ำให้เกิดเสยี ง ประยกุ ตใ์ ช้อุปกรณ์ที่ ไมส่ ามารถประยกุ ตใ์ ช้ ทำให้เกิดเสยี งกับ สรา้ งช้ินงานได้อย่าง สร้างชิ้นงานไดค้ อ่ นข้าง อปุ กรณ์ที่ทำใหเ้ กิด ปรับปรงุ 3. การประยุกตใ์ ช้อปุ กรณ์ ชิ้นงานท่สี รา้ งขน้ึ ได้ เสยี งกับชิ้นงานท่สี ร้าง ท่ีทำใหเ้ กิดแสง อยา่ งถูกต้องเหมาะสม ถกู ตอ้ งเหมาะสมดี ดี ขึน้ ได้ ดีมาก 4. ความสมบรู ณ์ของผลงาน ประยุกต์ใช้อปุ กรณ์ที่ ประยกุ ตใ์ ชอ้ ุปกรณท์ ี่ ประยกุ ตใ์ ช้อปุ กรณ์ท่ี ไมส่ ามารถประยุกตใ์ ช้ ทำใหเ้ กิดแสงกบั อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดแสง ชิ้นงานทีส่ ร้างขึ้นได้ ทำใหเ้ กดิ เสยี งกบั ทำใหเ้ กดิ เสยี งกบั กับช้ินงานท่ีสร้างข้ึนได้ อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม ดมี าก ช้นิ งานทีส่ รา้ งข้ึนได้ ชิ้นงานที่สร้างขึ้นได้ ผลงานมคี วามครบถ้วน ผลงานมคี วามครบถ้วน สมบูรณน์ ้อย สมบูรณด์ มี าก อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม ค่อนข้างดี ดี ประยุกต์ใชอ้ ปุ กรณท์ ี่ ประยกุ ต์ใช้อุปกรณท์ ี่ ทำใหเ้ กิดแสงกบั ทำให้เกิดแสงกับ ชิน้ งานทส่ี รา้ งขน้ึ ได้ ชน้ิ งานทีส่ ร้างข้ึนได้ อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม คอ่ นข้างดี ดี ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถ้วน สมบูรณ์ค่อนข้างดี สมบูรณด์ เี ป็นบางส่วน 5. ส่งงานตรงเวลา ส่งภาระงานภายใน สง่ ภาระงานช้ากวา่ สง่ ภาระงานชา้ กวา่ สง่ ภาระงานชา้ กว่า เวลาทีก่ ำหนด กำหนด 1 วัน กำหนด 2 วนั กำหนดเกิน 3 วันข้ึนไป เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 16 - 20 ดีมาก 11 - 15 ดี 7 - 10 พอใช้ 1 - 6 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 98
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 วสั ดุ อปุ กรณ์ทางเทคโนโลยี แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 ไฟฟา้ และอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดแสง 9. ความเห็นของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมาย ................................. ................................ ) ข้อเสนอแนะ ....... ลงชอ่ื ( ตำแหนง่ 10. บันทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคำนวณ) ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี)) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแกไ้ ข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 99
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เวลา 6 ช่ัวโมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวิตในสงั คมทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใชค้ วามร้แู ละทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรอื พัฒนางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชน หรอื ท้องถิน่ สรุปกรอบของ ปัญหารวบรวม วิเคราะห์ ขอ้ มูลและแนวคิดทเี่ กี่ยวข้องกับปญั หา ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดยวเิ คราะห์เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจ เลอื กข้อมลู ทีจ่ ำเปน็ ภายใต้เงื่อนไขและทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ นำเสนอ แนวทางการแก้ปัญหาใหผ้ ู้อนื่ เขา้ ใจ วางแผนขน้ั ตอนการทำงานและ ดำเนินการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอน ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปญั หาหรือข้อบกพร่องทเ่ี กิดข้นึ ภายใตก้ รอบเงอื่ นไข พรอ้ มท้ังหาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอ ผลการแก้ปญั หา 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง 1) ปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรอื ท้องถ่ินมีหลายอย่าง ขึ้นกับบรบิ ทหรือสถานการณ์ ทป่ี ระสบ เช่น ดา้ นพลังงาน สิ่งแวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร 2) การระบปุ ญั หาจำเปน็ ตอ้ งมกี ารวเิ คราะห์สถานการณ์ของปัญหาเพื่อสรปุ กรอบของปญั หาแล้ว ดำเนนิ การสืบคน้ รวบรวมข้อมลู ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง เพ่ือนำไปส่กู ารออกแบบ แนวทางการแกป้ ัญหา 3) การวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตดั สินใจเลือกข้อมลู ท่ีจำเป็น โดยคำนึงถึงเงื่อนไขและทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วัสดุ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ ช่วยใหไ้ ด้แนวทาง การแก้ปัญหาท่เี หมาะสม 4) การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำไดห้ ลากหลายวธิ ี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี นแผนภาพ การเขยี นผังงาน 5) การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนนิ การแก้ปญั หาจะชว่ ยใหก้ ารทำงานสำเร็จได้ ตามเป้าหมายและลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจเกดิ ข้ึน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 100
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 6) การทดสอบและประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบชนิ้ งาน หรอื วธิ ีการว่าสามารถแก้ปญั หาได้ตาม วตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้กรอบของปญั หา เพื่อหาขอ้ บกพรอ่ ง และดำเนนิ การปรบั ปรุงให้สามารถแก้ไข ปัญหาได้ 7) การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิด เพื่อให้ผู้อนื่ เข้าใจเก่ยี วกับกระบวนการทำงานและ ช้นิ งานหรอื วิธีการทีไ่ ด้ ซึ่งสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เชน่ การเขยี นรายงาน การทำแผ่นนำเสนอ ผลงาน การจดั นทิ รรศการ 2.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถน่ิ (พิจารณาตามหลกั สตู รสถานศึกษา) 3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เป็นกระบวนการทสี่ ามารถนำมาแกป้ ัญหาหรือสรา้ งสรรค์ ส่ิงใหม่ ๆ ซึง่ กระบวนการออกแบบวศิ วกรรมจะเริ่มจากการระบปุ ัญหาหรอื สิง่ ที่ต้องการท่ีจะสรา้ งขน้ึ จากนนั้ รวบรวม องค์ความรู้ ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา วางแผนดำเนินการ ประเมนิ ผล และนำเสนอ การแก้ปัญหาหรือผลงานของช้นิ งาน ซง่ึ กระบวนการเหล่านเี้ รยี กวา่ STEM ทเ่ี ป็นการรวบรวมศาสตร์ต่าง ๆ ได้แก่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ มาประยุกต์ใชค้ วามรู้ในการแก้ปัญหา หรือสร้างสรรค์สิง่ ใหม่ ๆ 4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวินัย รับผดิ ชอบ - ทักษะการสื่อสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มูล เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 101
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - 6. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ วี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน รายการวดั - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 6.1 การประเมินก่อนเรยี น กอ่ นเรยี น - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ใบงานท่ี 3.1.1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 เรือ่ ง กระบวนการออกแบบ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ เชิงวิศวกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 6.2 ประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ การทำงานกลุ่ม - แบบประเมนิ การ ระดับคุณภาพ 2 1) กระบวนการ - ประเมินการนำเสนอ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ทางวิทยาศาสตร์ ผลงาน - แบบประเมินชิ้นงาน ระดับคุณภาพ 2 2) พฤติกรรมการทำงาน - ตรวจช้นิ งาน ผา่ นเกณฑ์ รายบคุ คล - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 3) พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - สังเกตความมวี นิ ยั คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ความรับผดิ ชอบ อนั พึงประสงค์ 4) การนำเสนอผลงาน ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั ประเมินตามสภาพจรงิ ในการทำงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น 5) การสรา้ งชิ้นงาน การออกแบบเชงิ วศิ วกรรม - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน 6) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 6.3 การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง กระบวนการ ออกแบบเชิงวศิ วกรรม 7. กจิ กรรมการเรียนรู้ นักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 102
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เรือ่ งท่ี 1 : ความสัมพันธข์ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์ เวลา 2 ช่วั โมง วิธีการสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ข้นั นำ ขัน้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement)ฃ 1. นกั เรยี นศกึ ษาความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทาง วศิ วกรรมศาสตร์จากหนังสือเรียนหรือสืบค้นความหมายเพ่ิมเตมิ จากอินเทอรเ์ น็ต 2. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคิดให้นักเรยี นแสดงความคิดเห็นโดยใช้คำถามสำคัญประจำหัวข้อ วา่ “นกั เรยี นคิดวา่ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มีความสัมพันธก์ ับกระบวนการทาง วศิ วกรรมศาสตรอ์ ย่างไร” ขนั้ สอน ข้ันท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 1. นักเรยี นรว่ มกันยกตวั อย่างผลิตภัณฑแ์ ละร่วมกันอภปิ รายว่าในผลิตภัณฑน์ ้ันสิง่ ใดเปน็ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และส่ิงใดเปน็ กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ 2. นกั เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ เกี่ยวกับ ผลติ ภัณฑ์ทน่ี กั เรยี นได้ยกตัวอย่างว่าแต่ละชนิ้ ผ่านกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตร์อยา่ งไร และศึกษาความเช่อื มโยงเกีย่ วกบั ความสัมพนั ธ์ ของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์ จากแหล่งการเรยี นรู้ เชน่ หอ้ งสมดุ อินเทอรเ์ น็ต และสรุปเปน็ ผงั มโนทัศน์ (Mind Mapping) ลงในกระดาษ A4 ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 3. ครสู ่มุ นักเรยี น 5-6 คน หรือตามความเหมาะสม ออกมานำเสนอผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) จากทน่ี กั เรียนได้ทำการศึกษาค้นควา้ มาแลว้ จากน้นั ครูสรปุ ความรู้ตามทน่ี ักเรยี นออกมา นำเสนอ 4. ครยู กตัวอย่างแนวคิดกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ องเซอร์ ไอแซก นิวตัน เก่ยี วกับการแยก แสงสีทข่ี าว จากนนั้ ให้นักเรียนสแกนควิ อาร์โค้ด เร่ือง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรก์ บั การ ทดลองการหักเหของแสง จากหนงั สือเรยี น เพื่อขยายความเข้าใจมากยง่ิ ข้ึน 5. ครเู ขยี นผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) บนกระดาน เกีย่ วกบั การใชก้ ระบวนการทาง วิทยาศาสตร์กับการทดลองของนิวตนั เพ่ือใหน้ ักเรียนไดเ้ ข้าใจมากขนึ้ ถึงการประยุกตใ์ ช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 103
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 6. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน ตามความเหมาะสมเพื่อทำใบงานท่ี 3.1.1 เร่อื ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เมอื่ เสรจ็ แล้วใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมา นำเสนอหน้าชั้นเรยี น ขนั้ สรุป ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินการนำเสนอของนักเรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากใบงานท่ี 3.1.1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ครูถามคำถามเพ่ือตรวจสอบความรขู้ องนักเรยี นวา่ “นกั เรียนไดค้ วามรจู้ ากการเรยี นรู้เกีย่ วกบั ความสมั พนั ธ์ทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตรอ์ ยา่ งไรบ้าง” นกั เรียนร่วมกันแสดงความ คิดเหน็ 3. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรเู้ ก่ยี วกับความสัมพนั ธ์ของวิทยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 104
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เรอ่ื งท่ี 2 : กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เวลา 2 ชั่วโมง วิธีการสอนโดยเน้นการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (problem - based learning) ข้นั นำ 1. ครทู บทวนความรเู้ ดิมเก่ยี วกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ครูเปดิ วีดิทัศน์เก่ยี วกับการผลติ รถยนต์ ให้นกั เรียนดูพรอ้ มถามคำถามกระตุน้ ความสนใจของ นักเรยี นว่า“ในการผลติ รถยนต์นักเรยี นสังเกตเหน็ ขนั้ ตอนการผลิตอะไรบ้าง และสงั เกตเหน็ การทำงานเชงิ วศิ วกรรมศาสตรบ์ ้างหรอื ไม่และปรากฏอยู่ในข้นั ตอนใด” นกั เรยี นร่วมกนั แสดง ความคิดเหน็ ภายในห้องเรยี น พร้อมเชื่อมโยงเขา้ สู่บทเรยี นโดยใชค้ ำถามสำคัญประจำหัวขอ้ ว่า “กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมมีความสำคัญในการสรา้ งเทคโนโลยอี ยา่ งไร” ข้ันสอน ขัน้ ที่ 1 กำหนดปัญหา 1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม ตามสถานการณ์ทีค่ รูกำหนด จากนัน้ ครูชแ้ี จงรายละเอียด เก่ียวกับสถานการณ์ปญั หา ขั้นที่ 2 ทำความเข้าใจปัญหา 2. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเกี่ยวกบั กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม และ การเรยี นรู้รูปแบบ STEM และให้นักเรียนศึกษาข้ันตอนหลกั 6 ขัน้ ตอนของกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ขน้ั ที่ 3 ดำเนินการศึกษาคน้ คว้า 3. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มอภิปรายร่วมกนั เพื่อแก้ปัญหาสถานการณต์ ามทีก่ ลุ่มตนเอง ได้รบั มอบหมาย โดยให้นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ศึกษาและสงั เกตตวั อย่างการออกแบบเชงิ วิศวกรรม จากหนงั สอื เรียน ขั้นท่ี 4 สังเคราะหค์ วามรู้ 4. นกั เรยี นแตล่ ะคนแลกเปล่ยี นความรู้ร่วมกันเกย่ี วกับการออกแบบเชิงวิศวกรรม 13 ขัน้ ตอน พร้อมตรวจสอบข้อมลู ท่ีได้ศึกษาและสืบคน้ มาตอบสถานการณ์ปญั หาของกลุ่มตนเอง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 105
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ขนั้ ที่ 5 สรุปและประเมินคา่ ของคำตอบ 5. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษา กระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรม 13 ข้ันตอน จากนั้นนำสถานการณป์ ญั หาของกลุ่มตนเองมาสรา้ งเปน็ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ขั้นท่ี 6 นำเสนอและประเมินผลงาน 6. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นำเสนอผลงานเกีย่ วกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมจากสถานการณ์ ท่ไี ด้รบั ในรูปแบบของ PowerPoint จากน้นั ครูผู้สอนประเมินผลงานการนำเสนอของแตล่ ะ กลุ่ม 7. จากนน้ั ให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 3 คน เพ่ือรว่ มกนั ทำกิจกรรมท่ีสอดคล้องกบั เนื้อหา โดยให้ผู้เรียนฝกึ ปฏิบตั ิเพือ่ พัฒนาความร้แู ละทักษะ (Design Activity) ขั้นสรปุ 1. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรูเ้ กยี่ วกับ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 2. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หัดทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทักษะการคดิ ของผู้อื่น (Unit Activity) 3. นักเรียนตรวจสอบระดับความสามารถของตนเอง (Self-check) โดยพิจารณาข้อความว่า ถูกหรอื ผิด หากนักเรยี นพจิ ารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นกั เรยี นกลับไปทบทวนเนือ้ หา ตามหวั ข้อทีก่ ำหนดให้ 4. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เพอ่ื วัดความรทู้ ่ีนักเรียนได้รบั หลังจากผา่ นการเรยี นรู้ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 106
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 2) ใบงานท่ี 3.1.1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3) วดิ ิทศั น์เกีย่ วกับการผลติ รถยนต์ 4) เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 5) ปากกาเคมี 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) ห้องสมุด 3) อินเทอร์เน็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 107
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดเป็นความสัมพนั ธข์ องกระบวนการทาง 5. ข้นั ตอนสุดทา้ ยของกระบวนการการออกแบบเชงิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์ วิศวกรรมคอื ขอ้ ใด ก. วศิ วกรรมศาสตร์สร้างเทคโนโลยใี ห้กบั ก. นำนวัตกรรมออกไปจำหน่ายแก่ผบู้ ริโภค วิทยาศาสตร์ ข. สรปุ การทดสอบเครอ่ื งตน้ แบบ ข. วทิ ยาศาสตร์สร้างเทคโนโลยีให้กบั ค. นำผลิตภณั ฑไ์ ปใชง้ านจริง วศิ วกรรมศาสตร์ ง. ทำการผลิตนวัตกรรมจากการออกแบบ ค. วิศวกรรมศาสตรส์ ร้างองค์ความรู้ 6. รปู แบบใดเป็นรปู แบบการแก้ปัญหาของระบบ ให้กบั วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ง. วทิ ยาศาสตรส์ ร้างองคค์ วามรู้ใหก้ บั ก. การย่อยปัญหา วศิ วกรรมศาสตร์ ข. การออกแบบข้นั ตอน 2. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เก่ยี วข้องกับ ค. อลั กอริทึม ขั้นตอนใดของกระบวนการออกแบบ ง. ระบบวงจร เชิงวศิ วกรรม 7. ระบบเทคโนโลยเี ปน็ ข้นั ตอนใดในกระบวนการ ก. ออกแบบข้นั ตอน ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ข. ประเมินผล ก. การออกแบบละเอียด ค. รวบรวมองคค์ วามรู้ ข. การสรา้ งเคร่ืองตน้ แบบ ง. ออกแบบการผลิต ค. การออกแบบการผลิต 3. ข้อใดเป็นการออกแบบทางวิศวกรรม ง. การจำลองสถานการณ์ ก. กระบวนการแกป้ ญั หา 8. การเรยี นรใู้ นรปู แบบ STEM เป็นการรวมศาสตรใ์ ด ข. กระบวนการคิดเชิงคำนวณ เข้ามาเกย่ี วข้องบ้าง ค. กระบวนการประดิษฐ์ ก. วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ง. กระบวนการวางแผน ภาษาศาสตร์ 4. การจำลองสถานการณข์ องกระบวนการ ข. วิศวกรรมศาสตร์ นิเทศศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ออกแบบเชงิ วิศวกรรม หมายถึงข้อใด คณิตศาสตร์ ก. นำตน้ แบบมาจำลองการใชง้ าน ค. วศิ วกรรมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ข. สร้างเครื่องต้นแบบจากการออกแบบ เทคโนโลยี ค. สร้างสถานการณเ์ พื่อทดสอบ ง. เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ มนษุ ยศ์ าสตร์ ง. การจำลองรปู แบบการทำงาน คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 108
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 10. ขอ้ ใดคือความหมายของสะเตม็ ศกึ ษา ก. เนน้ การนำความรู้ไปใชแ้ กป้ ัญหาในชีวิตจริง 9. เม่ือตรวจพบข้อผดิ พลาดในกระบวนการ หรอื ผลิตสิ่งใหม่ ๆ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ควรทำส่งิ ใด ข. เน้นการสรา้ งสรรค์สงิ่ ใหม่ ๆ ใหม้ คี วาม ก. แกไ้ ขตามสถานการณ์ หลากหลายมากขนึ้ ข. ประเมนิ ข้อผิดพลาด ค. เนน้ กระบวนการทำงานท่ีเปน็ ขั้นตอน ค. วิเคราะหก์ ารออกแบบ ง. เนน้ การออกแบบเชิงวศิ วกรรม ง. ยอ้ นกลบั ไปปรับปรุง เฉลย 1. ง 2. ค 3. ข 4. ก 5. ก 6. ค 7. ก 8. ค 9. ง 10. ก เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 109
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แบบทดสอบหลังเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 คำชแ้ี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ปัญญาประดษิ ฐ์ (AI) เกดิ จากการนำองค์ความรู้ 5. อลั กอรทิ ึม มีรปู แบบการทำงานอย่างไร ทางดา้ นใดนำมาสร้าง ก. การย่อยปญั หา ก. Technology ข. การแกป้ ัญหา ข. STEM ค. การออกแบบขั้นตอน ค. Engineering ง. การวางระบบวงจร ง. Science 6. ขัน้ ตอนใดของการออกแบบเชิงวศิ วกรรมเป็น 2. การยอ้ นกลับไปปรับปรุงของกระบวนการ ขั้นตอนท่ีระบุปัญหาท่จี ะทำการสรา้ งช้นิ งานหรือ ออกแบบเชิงวิศวกรรม จะทำการปฏิบัติเมื่อใด ผลงาน ก. พบข้อผดิ พลาด ก. รวบรวมข้อมลู ข. ขั้นตอนการออกแบบ ข. ระบคุ ณุ ลักษณะ ค. วเิ คราะหก์ ารออกแบบ ค. ศกึ ษาความเป็นไปได้ ง. ประเมินการทำงาน ง. ระบุความต้องการ 3. ขอ้ ใดคือความหมายของสะเต็มศึกษา 7. ขน้ั ตอนการ Research ของกระบวนการ ก. เนน้ การนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ จริง ออกแบบเชิงวศิ วกรรมคือข้ันตอนใด หรอื ผลิตส่งิ ใหม่ ๆ ก. รวบรวมข้อมูล ข. เนน้ การสร้างสรรคส์ งิ่ ใหม่ ๆ ใหม้ คี วาม ข. ศกึ ษาความเป็นไปได้ หลากหลายมากขึ้น ค. จำลองสถานการณ์ ค. เนน้ กระบวนการทำงานทีเ่ ป็นขนั้ ตอน ง. ออกแบบละเอยี ด ง. เนน้ การออกแบบเชิงวิศวกรรม 8. ข้อใดเก่ยี วข้องกบั กระบวนการออกแบบเชงิ 4. ข้อใดเปน็ ขน้ั ตอนของการออกแบบละเอยี ดของ วศิ วกรรม กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม ก. กระบวนการ ก. วางแผนการแกป้ ัญหา ข. กระบวนการทดลอง ข. สร้างสถานการณ์จำลอง ค. กระบวนการประเมินผล ค. ระบบเทคโนโลยี ง. กระบวนการคิดเชงิ คำนวณ ง. ระบบสารสนเทศ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 110
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 9. ข้อใดเป็นการใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 10. ข้อใดกล่าวถงึ ความสัมพันธข์ องกระบวนการทาง ก. พที าโกรัสคิดสตู รการคำนวณรูปสามเหล่ยี ม วิทยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตรไ์ ด้ถกู ตอ้ ง มุมฉาก ก. วทิ ยาศาสตร์สร้างเทคโนโลยใี ห้กบั ข. มารก์ ซักเคอร์เบิร์กคิดคน้ แอปพลเิ คชนั วิศวกรรมศาสตร์ เฟซบ๊กุ ข. วิศวกรรมศาสตร์สร้างองค์ความรู้ ค. นวิ ตนั ทำการแยกแสงสีขาวออกจากดวง ให้กบั วิทยาศาสตร์ อาทิตย์โดยใช้ปริซึม ค. วทิ ยาศาสตรส์ รา้ งองค์ความรู้ใหก้ บั ง. ชาวจีนประดิษฐ์จ่อื หนานเจนิ เป็นชาตแิ รก วิศวกรรมศาสตร์ ง. วิศวกรรมศาสตร์สรา้ งเทคโนโลยี ใหก้ บั วทิ ยาศาสตร์ เฉลย 1. ข 2. ก 3. ก 4. ค 5. ข 6. ง 7. ข 8. ง 9. ค 10. ค เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 111
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชั่วโมง 1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด 1.1 ตัวชี้วัด ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการในชมุ ชนหรอื ท้องถิน่ สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคดิ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับปัญหา 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตรไ์ ด้ถูกต้อง (K) 2. บอกความสมั พันธ์ของกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ได้ถกู ต้อง (K) 3. เขียนข้นั ตอนการแก้ปญั หาโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตรไ์ ด้ (P) 4. เลง็ เหน็ ถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสตร์ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ - ปัญหาหรอื ความต้องการในชมุ ชนหรือท้องถน่ิ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา มหี ลายอยา่ ง ขึน้ กับบรบิ ทหรือสถานการณ์ ทีป่ ระสบ เช่น ดา้ นพลงั งาน ส่ิงแวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร - การระบปุ ัญหาจำเปน็ ต้องมีการวิเคราะห์ สถานการณ์ของปญั หาเพื่อสรปุ กรอบของปัญหา แลว้ ดำเนินการสืบคน้ รวบรวมขอ้ มลู ความร้จู าก ศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง เพื่อนำไปสู่การ ออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 111
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ในปัจจบุ ันววิ ัฒนาการของมนุษยพ์ ัฒนาไปอย่างรวดเรว็ มนุษย์จึงไดน้ ำกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ เข้ามาชว่ ยแกป้ ัญหา แต่มนษุ ยก์ ไ็ ม่หยดุ ท่ีจะเรียนรูส้ ่ิงใหม่ ๆ และยงั คงมกี ารพฒั นาเทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างต่อเน่ือง โดยมนุษย์จงึ คิดคน้ หลักการของกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรม์ า เพ่ือตอบสนองความ ตอ้ งการของมนุษย์ทจี่ ะคดิ คน้ และประดิษฐส์ ิง่ ต่าง ๆ มาทำใหม้ นษุ ย์ได้ใช้ชวี ติ อย่างสะดวกสบายมากขนึ้ 5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบคน้ ขอ้ มูล 6. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธกี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี 1 ข้นั นำ ขัน้ ท่ี 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement)ฃ 1. นักเรยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 2. นักเรียนศกึ ษาความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทาง วศิ วกรรมศาสตร์จากหนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 112
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม หรือสืบคน้ ความหมายเพิ่มเตมิ จากอินเทอร์เน็ตท่ีเครอื่ งคอมพิวเตอร์ของตนเอง 3. ครถู ามคำถามกระตุ้นความคิดใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นโดยใชค้ ำถามสำคัญประจำหัวขอ้ ว่า “นักเรยี นคดิ ว่ากระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์มีความสมั พันธก์ ับกระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์ อย่างไร” (แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความคดิ เห็นของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยูก่ บั ดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน เชน่ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มคี วามสมั พันธ์กบั กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ตรงที่ กระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์จะต้องนำองคค์ วามรู้และทฤษฎีตา่ ง ๆ จากกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์มาสรา้ งสรรค์เปน็ ชนิ้ งานหรอื ผลงานขน้ึ ) ขัน้ สอน ข้ันท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรยี นสงั เกตผงั แสดงกระบวนการคิดและการทำงานทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวศิ วกรรมศาสตร์ เพอ่ื เปรียบเทยี บลกั ษณะการทำงานของแตล่ ะกระบวนการ 2. ครนู ำปากกาเคมีแสดงใหน้ ักเรยี นได้สงั เกตดูและถามคำถามว่า“นกั เรียนคิดว่าการสรา้ งปากกาเคมี ต้องการผา่ นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรอื กระบวนการทางวิศวกรรมศาสตรห์ รือไม่อยา่ งไร” (แนวตอบ : ผา่ นทง้ั 2 กระบวนการ โดยสว่ นดา้ นในของปากกาเคมตี ้องมีการเรียนรู้เก่ียวกบั สารเคมสี ีสามารถเขียนกบั วตั ถุชิ้นใดถงึ จะสามารถลบออกได้ สว่ นบรรจุภณั ฑ์จะเป็นกระบวนการ ทางวิศวกรรมศาสตร์ เพราะต้องออกแบบผลติ ภัณฑ์ไมใ่ หส้ ารเคมดี ้านในเกิดการระเหยหรือทำให้ สารเคมีมีอายกุ ารใช้งานนานทส่ี ุด) 3. นักเรยี นรว่ มกันยกตวั อยา่ งผลิตภณั ฑแ์ ละร่วมกันอภปิ รายว่าในผลิตภณั ฑ์น้ันสิง่ ใดเปน็ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์และสิ่งใดเป็นกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ 4. นักเรียนศกึ ษาคน้ ควา้ เกย่ี วกับ ผลิตภัณฑท์ ีน่ กั เรียนไดย้ กตัวอย่างว่าแตล่ ะช้ินผ่านกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสตร์อย่างไร และศึกษาความเชื่อมโยงเกยี่ วกบั ความสมั พันธ์ของ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จากแหลง่ การเรียนรู้ เช่น หอ้ งสมุด อินเทอรเ์ นต็ และสรปุ เปน็ ผงั มโนทศั น์ (Mind Mapping) ลงในกระดาษ A4 ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 5. ครสู ่มุ นักเรียน 5-6 คน หรือตามความเหมาะสม ออกมานำเสนอผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) จากทนี่ ักเรียนไดท้ ำการศึกษาคน้ คว้ามาแล้ว จากนั้นครูสรุปความรู้ตามทนี่ ักเรยี นออกมานำเสนอ วา่ “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เปน็ การนำความรู้ทีม่ อี ยู่นำมาหาข้อพสิ ูจน์ โดยการตงั้ สมมติฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 113
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ออกแบบการทดลอง จากน้ันวิเคราะหเ์ ป็นนโยบาย เพื่อตรวจสอบข้อสมมตฐิ านและสงิ่ ที่เรา ต้องการพสิ ูจน์ เม่ือเราได้ขอ้ สรปุ จากกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์แลว้ เราจึงนำไปประยุกต์ใชแ้ ละ พัฒนาใหเ้ กิดเทคโนโลยีหรือนวตั กรรมต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์” ชั่วโมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 6. ครอู ธบิ ายเกย่ี วกับความหมายของกระบวนการทางวิทยาศาสตรว์ า่ “กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เป็นกระบวนการทผ่ี ้คู นสว่ นใหญย่ อมรับกัน เพราะเป็นกระบวนการท่ีจะสามารถหาคำตอบ แกป้ ญั หาและพสิ ูจน์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ข้นึ ตามธรรมชาตไิ ด้ อีกทงั้ ยังคำนวณปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติได้ลว่ งหนา้ และยังสามารถสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนษุ ย์ได้ อีกด้วย” 7. ครยู กตัวอยา่ งแนวคดิ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเซอร์ ไอแซก นิวตนั เกีย่ วกบั การแยกแสง สีทข่ี าวว่า“นวิ ตนั สามารถแยกแสงสขี าวออกมาเป็นแถบแสง 7 สี จากดวงอาทิตย์ได้สำเร็จ โดยทำ การทดลองกบั ปรซิ ึม ทำให้มนษุ ยส์ ามารถอธิบายปรากฏการณร์ ุ้งกนิ น้ำได้ และยังนำความรไู้ ปสร้าง ส่ิงอำนวยความสะดวกใหก้ ับมนษุ ย์ เชน่ แวน่ สายตา กระจกเงา โคมไฟคริสตัล เปน็ ตน้ โดยผ่าน กระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร”์ 8. จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นสแกนคิวอาร์โค้ด เรือ่ ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์กับการทดลองการหักเห ของแสง จากหนงั สอื เรียน เพื่อขยายความเขา้ ใจมากย่ิงขน้ึ 9. ครเู ขยี นผังมโนทัศน์ (Mind Mapping) บนกระดาน เกยี่ วกบั การใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กบั การทดลองของนวิ ตนั เพื่อให้นักเรยี นไดเ้ ข้าใจมากข้ึนถึงการประยุกตใ์ ช้กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ โดยมหี ัวข้อดังนี้ 1) ความร้เู ดมิ (Existing Knowledge) 2) ความอยากรูท้ างวิทยาศาสตร์ (Scientific Curiosity) 3) ตั้งสมมตฐิ าน (Hypothesis) 4) ออกแบบการทดลอง (Experiment) 5) สรุปวิเคราะห์ (Analysis) 6) นำข้อสรปุ ไปพิสูจน์ (Proof) เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 114
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 10. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ตามความเหมาะสมเพื่อทำใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ โดยให้นกั เรยี นอธิบายวธิ ีการทำโคมไฟคริสตัล โดยใชก้ ระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ เม่ือเสร็จแล้วใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรียน Note วัตถุประสงคข์ องกจิ กรรมเพ่อื ให้นักเรียน - มที ักษะการทำงานรว่ มกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำกจิ กรรมเพ่ือให้ เกดิ การสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกนั ภายในกลมุ่ - มที ักษะการสืบคน้ ข้อมูล โดยให้นกั เรียนแตล่ ะคนสืบค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต เพ่อื สืบเสาะหาความรู้ตามหวั ขอ้ ท่ีได้รบั มอบหมาย - มที กั ษะการสงั เกต โดยใหน้ ักเรยี นสงั เกตผงั แสดงกระบวนการคดิ และกระบวนการทำงาน ทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ จากหนงั สือเรยี น เพื่อนำไปปรบั ใชใ้ นการเรยี นได้ อยา่ งเหมาะสม - มีทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เชน่ หนงั สอื เรยี น อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ข้ันสรปุ ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมนิ การนำเสนอของนักเรยี นและตรวจสอบความถูกต้องจากใบงานที่ 3.1.1 เร่ือง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ครถู ามคำถามเพื่อตรวจสอบความรขู้ องนักเรยี นว่า“นกั เรยี นได้ความร้จู ากการเรียนรู้เกีย่ วกบั ความสัมพนั ธ์ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละวิศวกรรมศาสตร์อยา่ งไรบ้าง” นกั เรียนรว่ มกันแสดงความ คดิ เห็น 3. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้เกยี่ วกบั ความสัมพันธข์ องวิทยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตรว์ ่า “การเรยี นร้กู ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์เป็นประโยชน์ต่อมนษุ ยเ์ ป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยทำให้ เกดิ วิทยาการ และสร้างกระบวนการใหม่ ๆ โดยเฉพาะกระบวนการทางวศิ วกรรมศาสตร์ ซงึ่ เป็น ศาสตรห์ นึ่งทีจ่ ะสรา้ งนวัตกรรม เทคโนโลยี หรอื สิ่งอำนวยความสะดวกให้กับมนษุ ย์อีกได้มากมาย” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 115
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 7. การวัดและประเมินผล วธิ ีวัด เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมนิ ตามสภาพจรงิ 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน กอ่ นเรียน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ใบงานที่ 3.1.1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 เร่ือง กระบวนการ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ ออกแบบเชิงวศิ วกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 7.2 การประเมินระหว่างการ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ จัดกจิ กรรม การทำงานกลุ่ม - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 1) กระบวนการ - ประเมินการนำเสนอ การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ ทางวิทยาศาสตร์ ผลงาน - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 2) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตความมีวนิ ยั คุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล ความรับผิดชอบ อันพึงประสงค์ 3) พฤติกรรมการทำงาน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ กลมุ่ ในการทำงาน 4) การนำเสนอผลงาน 5) คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 116
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 2) ใบงานที่ 3.1.1 เรอ่ื ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 3) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 4) ปากกาเคมี 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) หอ้ งสมุด 3) อนิ เทอร์เน็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 117
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ใบงานที่ 3.1.1 เร่อื ง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนอธบิ ายวธิ ีการทำโคมไฟคริสตลั โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. ความรเู้ ดมิ 2. ความอยากรทู้ างวิทยาศาสตร์ 3. ต้ังสมมติฐาน 4. ออกแบบการทดลอง 5. สรปุ วเิ คราะห์ 6. นำข้อสรุปไปพสิ ูจน์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 118
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เฉลย แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใบงานที่ 3.1.1 เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนอธิบายวิธีการทำโคมไฟคริสตลั โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. ความร้เู ดิม - แสงสามารถหักเหได้ และเดินทางผ่านตวั กลางได้ - เมื่อแสงเดนิ ทางผ่านปรซิ มึ จะปรากฎแสงสีขาว 2. ความอยากรู้ทางวิทยาศาสตร์ - คริสตัลมลี กั ษณะเปน็ ปริซึมแสงสามารถเดนิ ทางผ่านและเปลี่ยนสไี ดห้ รือไม่ 3. ตั้งสมมติฐาน - นำครสิ ตลั ทแี่ สงสามารถเดินทางผ่านได้มาทำเปน็ ของตกแต่งห้องใหเ้ กดิ ความ สวยงาม 4. ออกแบบการทดลอง - ออกแบบโคมไฟครสิ ตลั ให้เป็นทรงกลมและโคมไฟแขวนตดิ เพดาน - จากน้ันนำโคมไฟครสิ ตลั ไปวางตรงแสงแดด แสงไฟ และสังเกตถงึ การเปลี่ยนแปลง 5. สรปุ วเิ คราะห์ - แสงจากโคมไฟกระจายออกจากครสิ ตัลทำให้เกดิ แสงทม่ี ีความสวยงาม 6. นำขอ้ สรปุ ไปพสิ จู น์ - นำโคมไฟพร้อมวัสดุครอบโคมไฟมาติดด้วยคริสตัลตามรูปแบบและข้ันตอน ท่ีกำหนด - ทดสอบและปรบั ปรุงช้ินงาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 119
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 9 ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย ................................ ................................ ) ขอ้ เสนอแนะ ....... ลงชือ่ ( ตำแหน่ง 10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ดา้ นความรู้ ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นความสามารถทางเทคโนยี (วิทยาการคำนวณ) ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมท่ีมปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้าม)ี ) ปญั หา/อปุ สรรค แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 120
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เวลา 4 ชว่ั โมง 1. มาตรฐาน/ตัวชวี้ ัด 1.1 ตัวชีว้ ดั ว 4.1 ม.2/2 ระบปุ ญั หาหรอื ความต้องการในชมุ ชน หรือท้องถนิ่ สรุปกรอบของปญั หา รวบรวม วเิ คราะห์ ขอ้ มูลและแนวคิดทเ่ี กย่ี วข้องกบั ปญั หา ม.2/3 ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลือก ขอ้ มลู ที่จำเปน็ ภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรท่ีมีอยู่ นำเสนอแนวทาง การแกป้ ัญหาให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจ วางแผนขนั้ ตอนการทำงานและดำเนนิ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธิบายปญั หาหรือข้อบกพร่องท่เี กิดขนึ้ ภายใต้ กรอบเงื่อนไข พร้อมทัง้ หาแนวทางปรบั ปรุงแก้ไข และนำเสนอผลการ แก้ปัญหา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายขัน้ ตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (K) 2. ออกแบบผลติ ภัณฑ์โดยใชห้ ลกั การออกแบบเชงิ วิศวกรรมได้ (P) 3. เห็นประโยชน์ของกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา สาระการเรียนรแู้ กนกลาง - ปญั หาหรอื ความต้องการในชุมชนหรือทอ้ งถ่นิ มีหลายอย่าง ข้นึ กบั บรบิ ทหรือสถานกาณ์ที่ ประสบ เช่น ด้านพลังงาน ส่งิ แวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร - การระบุปัญหาจำเปน็ ต้องมีการวิเคราะห์ สถานการณ์ของปญั หาเพอื่ สรุปกรอบของ ปญั หาแลว้ ดำเนนิ การสบื ค้น รวบรวมขอ้ มลู ความรจู้ ากศาสตรต์ า่ ง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งเพือ่ นำไปสู่การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 121
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม สาระการเรียนรูท้ อ้ งถ่ิน แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 2 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง - การวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือก ขอ้ มูล ท่จี ำเปน็ โดยคำนงึ ถึงเง่อื นไขและ ทรัพยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ข้อมูล และ สารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ ช่วยให้ ได้แนวทางการแก้ปัญหาทีเ่ หมาะสม - การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำได้ หลากหลายวธิ ี เชน่ การร่างภาพ การเขยี น แผนภาพ การเขียนผังงาน - การกำหนดข้ันตอนระยะเวลาในการทำงาน กอ่ นดำเนินการแกป้ ัญหาจะชว่ ยใหก้ ารทำงาน สำเร็จได้ ตามเปา้ หมาย และลดขอ้ ผดิ พลาด ของการทำงานท่ีอาจเกดิ ข้ึน - การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบ ชนิ้ งาน หรอื วิธีการวา่ สามารถแกป้ ญั หาไดต้ าม วตั ถุประสงคภ์ ายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหา ขอ้ บกพร่อง และดำเนินการปรบั ปรงุ ให้ สามารถ แก้ไขปัญหาได้ - การนำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด เพือ่ ใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจเกยี่ วกับกระบวนการทำงาน และช้ินงานหรอื วิธกี ารที่ได้ ซึ่งสามารถทำได้ หลายวธิ ี เชน่ การเขียนรายงาน การทำแผ่น นำเสนอผลงาน การจดั นิทรรศการ 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด เม่ือเรามองไปรอบ ๆ ตัวของเราก็จะพบเห็นส่ิงปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะช่วยให้ มนุษย์ดำเนินชวี ิตได้สะดวกสบาย ส่ิงเหล่านเ้ี กิดจากการท่ีมนุษย์คดิ คน้ และทำการทดลองทฤษฎีต่าง ๆ จน ได้ขอ้ สรุปแนวคดิ ที่แน่ชัด มนุษย์จึงเริ่มคิดค้นและประดิษฐ์ส่ิงต่าง ๆ โดยจะผ่านการวางแผน รวบรวมองค์ ความรู้การออกแบบ ทดสอบ ประเมนิ ผล และนำเสนอ ซึง่ กระบวนการท้ังหมดเหล่าน้ีเรียกว่า กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 122
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินยั รับผดิ ชอบ 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทกั ษะการส่ือสาร 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน - ทกั ษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - ทักษะการทำงานร่วมกัน 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสบื คน้ ขอ้ มลู 6. กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (problem - based learning) ชว่ั โมงท่ี 1 ขน้ั นำ 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมเกย่ี วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ครเู ปิดวดี ิทัศน์เกย่ี วกับการผลิตรถยนต์ ให้นักเรียนดูพร้อมถามคำถามกระตุน้ ความสนใจของ นักเรยี นวา่ “ในการผลติ รถยนตน์ ักเรียนสังเกตเห็นข้ันตอนการผลิตอะไรบา้ ง และสงั เกตเห็น การทำงานเชิงวิศวกรรมศาสตรบ์ า้ งหรอื ไม่และปรากฏอยู่ในขัน้ ตอนใด” นักเรียนรว่ มกันแสดง ความคดิ เหน็ ภายในห้องเรียน 3. ครูอธบิ ายกับนักเรยี นเพื่อเชือ่ มโยงเข้าสู่บทเรยี นว่า“กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมเพื่อ ใหไ้ ดผ้ ลงานโดยทัว่ ไปมีอยู่ 2 แบบ คอื การออกแบบเชิงวศิ วกรรมโดยใช้วทิ ยาศาสตร์และ คณติ ศาสตร์ และการออกแบบเชิงวศิ วกรรมโดยใช้ประสบการณ์ ซ่งึ 2 แบบนี้แตกต่างกัน ที่ความน่าเช่ือถอื ความปลอดภัย และการทำซ้ำ เป็นต้น” 4. ครถู ามคำถามกระตนุ้ ความคดิ ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ โดยใช้คำถามสำคัญประจำหัวข้อวา่ “กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมมีความสำคญั ในการสร้างเทคโนโลยีอยา่ งไร” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 123
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม (แนวตอบ : นกั เรยี นตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อยู่กบั ดุลยพินจิ ของ ครผู ู้สอน เช่น กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นกระบวนการสำคัญท่ีทำงานอย่างเป็น ระบบจะทำให้สรา้ งเทคโนโลยมี ปี ระสทิ ธิภาพผา่ น 6 ขั้นตอนหลักและสามารถจำแนก รายละเอียดไดเ้ ป็น 13 ขนั้ ตอน เป็นตน้ ) ขัน้ สอน ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหา 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ 4 กลุ่ม ตามสถานการณ์ทคี่ รูกำหนด จากนัน้ ครชู แี้ จงรายละเอียด เกยี่ วกบั สถานการณ์ปัญหาว่า “จากการทีค่ รูได้ทำการสำรวจปญั หาภายในชุมชน ทำใหพ้ บ ปญั หาทัง้ หมด 4 ปญั หา ดังน้ี 1) ไฟฟา้ ไมเ่ พียงพอต่อจำนวนครวั เรอื น จงึ ต้องการเครอื่ งป่ันไฟทสี่ ามารถผลติ ไฟฟา้ ไดเ้ อง 2) ส่งิ แวดล้อมในบริเวณชมุ ชนปรากฏขยะมลู ฝอยเป็นจำนวนมาก จงึ ต้องการ เคร่อื งกำจดั ขยะทส่ี ามารถย่อยสลายขยะได้งา่ ย 3) ชาวบา้ นตอ้ งการหมักปุ๋ยจำนวนมาก แตไ่ มม่ แี รงงานในการทำงานทเี่ พยี งพอ จงึ ต้องการเครื่องหมักปยุ๋ อัตโนมัติ 4) ชาวบ้านต้องการแปรรปู เนอ้ื สัตว์ดว้ ยวธิ ีการรมควัน จึงตอ้ งการเครื่องอบรมควนั ที่สามารถใช้ไดใ้ นครวั เรือน” ขนั้ ท่ี 2 ทำความเข้าใจปญั หา 2. ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นเข้าใจเก่ียวกับกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมว่า“การออกแบบ เชงิ วศิ วกรรมเป็นคำท่ีใชอ้ ธบิ ายกระบวนการสร้างเทคโนโลยี นวตั กรรม หรือส่ิงประดิษฐ์ ซง่ึ มขี ั้นตอนการดำเนนิ งานที่มีความน่าเช่อื ถือ ความปลอดภัย และเกดิ การทำซ้ำ โดยกระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่อาศยั หลักการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ เขา้ มาพัฒนา แตก่ ็มกี ระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมที่ไม่ได้ใชห้ ลักการทางวทิ ยาศาสตร์และ คณิตศาสตร์เข้ามาเกย่ี วข้อง คือ กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรมโดยใชป้ ระสบการณ์ กระบวนการนเี้ กิดจากการคิดค้นและประดษิ ฐ์จากภูมิปัญญาชาวบา้ น เช่น เคยี วเกี่ยวข้าว เรอื ไม้ พาย เป็นตน้ ” 3. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมเกยี่ วกับ การเรียนรรู้ ูปแบบ STEM วา่ “ปจั จบุ ันเทคโนโลยี และ นวตั กรรม ได้พัฒนาไปอย่างรวดเรว็ จึงทำให้มีผูค้ ดิ ค้นการเรียนรรู้ ูปแบบ STEM คือ การผนวกแนวคิด การออกแบบเชิงวศิ วกรรมเข้ากบั การเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และ เทคโนโลยี เพอื่ ให้เกิดการออกแบบวธิ กี ารหรือกระบวนการ เพ่ือตอบสนองความต้องการที่ จะสรา้ งสรรค์ผลงานหรือแกป้ ัญหาทเ่ี กย่ี วข้องกับชีวติ ประจำวัน” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 124
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรือ่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 4. นกั เรียนศึกษาขัน้ ตอนหลัก 6 ข้ันตอนของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมจากหนงั สือ เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เพ่อื ทำความเขา้ ใจถงึ รายละเอยี ดต่าง ๆ อยา่ งละเอียด โดยเปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นสบื ค้นขอ้ มูลเพ่ิมเติมจากทางอินเทอร์เนต็ ท่ีเครื่องคอมพิวเตอร์ ของตนเอง ชว่ั โมงที่ 2 ขน้ั ที่ 3 ดำเนินการศึกษาค้นคว้า 5. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ อภปิ รายร่วมกันจากศึกษาค้นควา้ หาความรู้ เรื่อง กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม 6 ขัน้ ตอน เพื่อนำมาแกป้ ญั หาสถานการณต์ ามทก่ี ลุ่มตนเองไดร้ ับ มอบหมาย 6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาและสังเกตตวั อยา่ ง เร่ือง กระบวนการพฒั นาเตาอบพลังงาน แสงอาทิตย์ด้วยกระบวนการเชงิ วศิ วกรรมศาสตรท์ ้ัง 6 ข้นั ตอน จากหนงั สือเรยี น ดงั น้ี ขน้ั ตอนที่ 1 ระบุปัญหา ขนั้ ตอนท่ี 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ที่เกย่ี วข้องกบั ปัญหา ขั้นตอนท่ี 3 ออกแบบวธิ ีการปัญหา ขน้ั ตอนท่ี 4 วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ัญหา ข้นั ตอนที่ 5 ทดสอบ ประเมินผลและปรับปรุงวิธีการแก้ปัญหาหรอื ชิน้ งาน ข้ันตอนที่ 6 นำเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา ผลการแกป้ ัญหาหรือช้ินงาน 7. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นำกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมท่ีเป็นขน้ั ตอนหลักทง้ั 6 ข้นั ตอน มาปรับใช้ในการแก้ปัญหาสถานการณ์ตามที่กลุ่มของตนเองไดร้ บั มอบหมาย ชัว่ โมงท่ี 3 ขน้ั ที่ 3 ดำเนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ 8. นกั เรยี นสงั เกตผังแสดงกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมจากหนังสือเรียนที่จะทำให้เห็น ถงึ ขนั้ ตอนหลกั ของกระบวนการท้ัง 6 ขน้ั ตอน ถกู จำแนกรายละเอียดออกเปน็ 13 ข้ันตอน ซ่งึ เปน็ การทำงานที่มีความละเอยี ดมากขนึ้ โดยใชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ บนฐานความคิดเดียวกบั กระบวนการออกแบบการแกป้ ัญหา ซ่ึงกระบวนการออกแบบ เชงิ วิศวกรรมท้ัง 13 ขน้ั ตอน มีดังน้ี 1) ระบคุ วามต้องการ (Recognition of need and definition of problem) เปน็ การระบุสิง่ ทีต่ ้องการผลติ หรือสรา้ งสรรค์ผลงาน 2) ระบุคณุ ลักษณะที่ต้องการ (Specification) เป็นการระบุส่ิงต้องการแกป้ ัญหา เบือ้ งต้นหรือรูปแบบลกั ษณะของผลติ ภณั ฑ์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 125
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 3) การรวบรวมขอ้ มูล (Gathering of information) เป็นการหาขอ้ มลู เกีย่ วกบั รายละเอยี ดของรูปแบบ ลักษณะของผลติ ภัณฑ์ หรือระบบของทำงานของ ผลิตภัณฑ์ 4) ศึกษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) เปน็ การนำข้อมูลทไี่ ด้มาวเิ คราะห์ เพอ่ื นำไปใชแ้ ก้ปญั หา และเพ่ือให้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาได้ตรงตาม ความตอ้ งการมากที่สุด 5) สังเคราะห์หาหลกั การสร้างสรรค์ (Creative Design Synthesis) เป็นการหา หลักการหรอื แนวทางแก้ปัญหาและการสรา้ งสรรค์ช้ินงาน 6) ออกแบบสร้างขนั้ ตอน (Preliminary Design) เป็นขั้นตอนทีว่ ศิ วกรนำหลักการ มาออกแบบรูปร่าง โดยมีเงื่อนไขจากการสงั เคราะหท์ ี่เสรจ็ แล้ว 7) จำลองสภาพสถานการณ์ (Simulation) เปน็ การนำต้นแบบมาจำลอง การใช้งานหรอื วศิ วกรอาจจะนำเทคโนโลยที างคอมพวิ เตอร์มาจำลอง เป็นสถานการณ์เบอ้ื งต้น 8) ออกแบบละเอียด (Detailed Design) เปน็ การออกแบบรายละเอียดของ ทุกระบบ เพ่ือให้เกิดกระบวนการทำงานของนวัตกรรม โดยต้องให้ทุกสว่ น ทำงานสัมพนั ธก์ ัน 9) สร้างและทดสอบเครื่องต้นแบบ (Prototype build and test) เป็นขน้ั ตอน ทรี่ วบรวมขอ้ มูลท้ังหมดแล้วทำการสร้างเคร่ืองตน้ แบบขึ้นมาจริง 10) ประเมนิ ผล (Evaluation) ข้นั ตอนน้จี ะเป็นการตรวจสอบผลการทำงาน ของเครื่องต้นแบบ และจดปัญหาหรือข้อบกพรอ่ งของการทำงาน 11) ประชมุ สรุปผล (Design Conclusion) เป็นการตัดสินใจว่าผลติ ภณั ฑ์ จะสามารถนำไปใช้ได้หรือไม่ เพราะถา้ ไมผ่ า่ นต้องกลับไปแกไ้ ขใหมต่ ง้ั แต่ ขน้ั การออกแบบ 12) ออกแบบการผลิต (Design for production) เป็นขนั้ ตอนที่ผ้อู อกแบบ ต้องสื่อสาร กับผผู้ ลติ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถผลิตออกมาได้ตรงตามการออกแบบ 13) จำหน่ายผลติ ภณั ฑ์ (Product Release) ขนั้ ตอนนเ้ี ป็นหน้าทข่ี องฝ่ายขาย ทจี่ ะต้องนำสินคา้ ไปจำหนา่ ย ขัน้ ที่ 4 สังเคราะห์ความรู้ 9. นักเรียนแต่ละคนแลกเปล่ยี นความรู้โดยนำเสนอร่วมกนั ภายในกลมุ่ เกีย่ วกับการ ออกแบบเชิง วศิ วกรรม 13 ขั้นตอน พร้อมตรวจสอบข้อมลู ท่ไี ด้ศกึ ษาและสืบค้นมาตอบสถานการณ์ปัญหา ของกลมุ่ ตนเองได้ครบถว้ น และให้สมาชิกในกล่มุ ลงมติวา่ พึงพอใจกับคำตอบหรือไม่ ถา้ มติของ กลุ่มยงั ไม่เป็นท่ีพอใจให้ทบทวนและหาความรู้เพิ่มเตมิ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 126
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ข้นั ที่ 5 สรุปและประเมนิ ค่าของคำตอบ 10. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรุปองค์ความรทู้ ่ีได้จากการศึกษา กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 13 ขน้ั ตอน จากน้ันนำสถานการณ์ปัญหาของกลมุ่ ตนเองมาสร้างเปน็ กระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ชั่วโมงที่ 4 ขัน้ ท่ี 6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน 11. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานเกยี่ วกับกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมจากสถานการณ์ ทีไ่ ด้รับในรูปแบบของ PowerPoint จากนน้ั ครูผู้สอนประเมินผลงานการนำเสนอของแตล่ ะ กลุ่ม 12. จากนัน้ ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 3 คน เพ่ือรว่ มกนั ทำกิจกรรมทส่ี อดคลอ้ งกบั เน้ือหา โดยใหผ้ เู้ รียนฝกึ ปฏบิ ตั เิ พือ่ พัฒนาความรู้และทกั ษะ (Design Activity) Note วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพื่อให้นกั เรยี น - มที ักษะการทำงานร่วมกนั โดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ กิจกรรมเพอื่ ให้เกดิ การสอ่ื สารและแลกเปลีย่ นข้อมูลร่วมกันภายในกลุม่ - มที กั ษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยให้นักเรยี นแต่ละคนสบื คน้ ข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ เพื่อสืบเสาะหาความร้ตู ามหวั ขอ้ ที่ไดร้ ับมอบหมาย - มที กั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสืบค้นหรือศึกษา ข้อมลู จากแหลง่ ข้อมูลตา่ ง ๆ เช่น หนังสือเรยี น อนิ เทอร์เน็ต เป็นต้น - มีทักษะการสงั เกต โดยให้นักเรียนสังเกตตวั อยา่ ง เร่ือง กระบวนการพัฒนาเตาอบ พลงั งานแสงอาทติ ย์ดว้ ยกระบวนการเชงิ วิศวกรรมศาสตร์ เพอ่ื นำไปปรบั ใชใ้ นการเรียนได้ อย่างเหมาะสม ขั้นสรุป 1. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมวา่ “กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เปน็ รปู แบบการทำงานของการผลติ สิง่ ประดิษฐ์ เทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ในรูปแบบของการแกป้ ัญหาโดยใช้แนวคิดเชงิ การคำนวณ การแตกย่อยปญั หา การมองหารูปแบบ การกำหนดหลักการ และการออกแบบข้ันตอน การทำงาน โดยจะมกี ารตรวจสอบผลตามขั้นต่าง ๆ เพ่ือเป็นการปรับปรุงแก้ไขปัญหาและ ข้อบกพร่องของผลติ ภัณฑ์” เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 127
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม 2. นักเรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หัดทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพฒั นาทกั ษะการคิดของผอู้ ื่น (Unit Activity) 3. นกั เรียนตรวจสอบระดบั ความสามารถของตนเอง (Self-check) โดยพจิ ารณาขอ้ ความว่า ถูกหรอื ผดิ หากนกั เรยี นพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้นกั เรียนกลบั ไปทบทวนเนื้อหา ตามหวั ขอ้ ทีก่ ำหนดให้ 4. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เพอ่ื วัดความรทู้ ีน่ กั เรียนได้รับ หลงั จากผา่ นการเรียนรู้ 7. การวัดและประเมนิ ผล รายการวัด วิธวี ัด เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน 7.1 ประเมินระหว่างการจดั กิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ การเรียนรู้ - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 1) พฤตกิ รรมการทำงาน ทำงานรายบุคคล การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 รายบคุ คล การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน 3) พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ - สงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม 4) การสรา้ งชนิ้ งาน - ตรวจช้ินงาน - แบบประเมินชิน้ งาน ระดับคุณภาพ 2 การออกแบบเชิงวิศวกรรม ผ่านเกณฑ์ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 5) คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ความรับผดิ ชอบ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่น อันพงึ ประสงค์ 7.2 การประเมนิ หลังเรียน ในการทำงาน ประเมินตามสภาพจรงิ - แบบทดสอบหลงั เรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 - ตรวจแบบทดสอบ เร่อื ง กระบวนการออกแบบ ก่อนเรยี น เชิงวศิ วกรรม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 128
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรียนรู้ 1) หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม 2) วดิ ิทศั นเ์ กยี่ วกับการผลิตรถยนต์ 3) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอรเ์ น็ต เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 129
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิงวแศิ วบกรบรมประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 3 วิธีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 130
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล คำชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อนื่ 3 การทำงานตามหนา้ ท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ำ้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 131
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดบั คะแนน การมี ลำดับที่ ชอื่ –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ของนักเรยี น ความ ฟังคนอื่น ตามท่ไี ด้รับ นำ้ ใจ การ 15 คิดเห็น มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../............... ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 132
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพึงประสงค์ดา้ น 32 1 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ กษตั รยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมทีส่ ร้างความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี กยี่ วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรียนจัดขน้ึ 2. ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทีถ่ กู ตอ้ งและเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิง่ ท่ีถกู ตอ้ ง 3. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครวั มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ 4.2 ร้จู ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟงั คำสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ต้งั ใจเรียน 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสง่ิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยัด 5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 6. มุ่งม่นั ในการทำงาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อปุ สรรคเพอ่ื ใหง้ านสำเรจ็ 7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รูจ้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 รจู้ กั การดูแลรักษาทรัพย์สมบัตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและ โรงเรยี น ลงช่ือ .................................................. ผปู้ ระเมนิ ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ พฤติกรรมทปี่ ฏิบัติชดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตชิ ดั เจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี พฤติกรรมทปี่ ฏิบัตบิ างคร้ัง 30–40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 133
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม แบบประเมนิ ช้นิ งาน คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานของนักเรียน แลว้ ขีด ✓ลงในช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 3 ความแข็งแรงของช้นิ งาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 ส่งงานตรงเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมิน ............/................./................... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 134
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม . แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ) ....... 9. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ( ตำแหน่ง 10. บันทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านความสามารถทางเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมท่มี ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี)) ปญั หา/อุปสรรค แนวทางการแก้ไข เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 135
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 การคิดเชิงออกแบบ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 การคิดเชงิ ออกแบบ เวลา 4 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่อื การดำรงชวี ติ ในสังคมท่มี กี ารเปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพื่อแก้ปญั หาหรือ พฒั นางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ว 4.1 ม.2/2 ระบุปญั หาหรือความต้องการในชุมชน หรอื ท้องถน่ิ สรปุ กรอบของ ปญั หา รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมลู และแนวคิดท่ีเกย่ี วข้องกับปัญหา ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจ เลือกข้อมูลทจี่ ำเป็นภายใตเ้ งื่อนไขและทรพั ยากรที่มีอยู่ นำเสนอ แนวทางการแก้ปญั หาใหผ้ ูอ้ ่นื เข้าใจ วางแผนข้ันตอนการทำงานและ ดำเนนิ การแก้ปญั หาอย่างเป็นข้ันตอน ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปญั หาหรอื ข้อบกพร่องทเ่ี กิดข้ึน ภายใตก้ รอบเงื่อนไข พร้อมท้ังหาแนวทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข และนำเสนอ ผลการแกป้ ัญหา 2. สาระการเรียนรู้ 2.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1) ปัญหาหรือความตอ้ งการในชุมชนหรอื ทอ้ งถิน่ มีหลายอยา่ ง ข้ึนกับบริบทหรือสถานการณ์ท่ีประสบ เช่น ดา้ นพลงั งาน สง่ิ แวดลอ้ ม การเกษตร การอาหาร 2) การระบุปัญหาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ของปัญหาเพ่ือสรุปกรอบของปญั หาแล้ว ดำเนินการสืบคน้ รวบรวมข้อมลู ความรู้จากศาสตร์ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง เพื่อนำไปสูก่ ารออกแบบ แนวทางการแก้ปญั หา 3) การวิเคราะห์ เปรยี บเทียบ และตัดสินใจเลอื กข้อมูลท่ีจำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เง่ือนไขและทรัพยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ข้อมูล และสารสนเทศ วสั ดุ เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์ ชว่ ยให้ไดแ้ นวทาง การแกป้ ัญหาที่เหมาะสม 4) การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำไดห้ ลากหลายวธิ ี เช่น การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน 5) การกำหนดขั้นตอนระยะเวลาในการทำงานก่อนดำเนินการแกป้ ญั หาจะช่วยใหก้ ารทำงานสำเร็จได้ ตามเปา้ หมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจเกิดข้นึ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี 136
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 การคดิ เชงิ ออกแบบ 6) การทดสอบและประเมินผลเปน็ การตรวจสอบชิ้นงาน หรือวิธีการวา่ สามารถแก้ปัญหาได้ตาม วตั ถปุ ระสงค์ภายใต้กรอบของปญั หา เพื่อหาข้อบกพร่อง และดำเนนิ การปรบั ปรุงให้สามารถแก้ไข ปญั หาได้ 7) การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพ่ือใหผ้ ู้อน่ื เขา้ ใจเกี่ยวกบั กระบวนการทำงาน และ ช้ืนงานหรอื วธิ กี ารทไ่ี ด้ ซ่ึงสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเขยี นรายงาน การทำแผ่นนำเสนอ ผลงาน การจดั นทิ รรศการ 2.2 สาระการเรียนรู้ท้องถ่นิ (พจิ ารณาตามหลักสตู รสถานศึกษา) 3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การคดิ เชงิ ออกแบบเปน็ แนวคิดทใ่ี ชใ้ นการแก้ปัญหา โดยยึดเอาคนหรือประสบการณ์ผใู้ ช้เปน็ ศูนยก์ ลาง และรว่ มกันค้นคดิ วิธีการแก้ปัญหารว่ มกันของทีมงานอยา่ งสรา้ งสรรค์ ทำใหต้ ้นแบบที่ผลิตข้ึนมา เป็นเทคโนโลยที ม่ี คี วามทม่ี ขี ้อผิดพลาดน้อย และเทคโนโลยีน้ันมมี ลู ค่าที่สูงขึ้น ซงึ่ จะเป็นการแก้ปัญหาด้วย การเนน้ ทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แทนท่ีวิธีการแบบเดิมที่มักเรม่ิ ตน้ จาก “ปญั หา” 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. ซ่ือสัตย์ สจุ ริต - ทกั ษะการสื่อสาร 2. มวี ินยั รบั ผิดชอบ - ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทกั ษะการสงั เกต 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ - ทักษะการทำงานรว่ มกัน 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทักษะการสืบคน้ ขอ้ มลู 5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) - เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 137
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 การคดิ เชงิ ออกแบบ 6. การวดั และการประเมินผล วิธวี ดั เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ รายการวัด - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจรงิ 6.1 การประเมินก่อนการเรยี น ก่อนเรยี น - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 - แบบทดสอบก่อนเรยี น - สังเกตพฤติกรรมการ การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ทำงานรายบคุ คล - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 เรอ่ื ง การคดิ เชงิ ออกแบบ - ประเมินการนำเสนอ การนำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์ 6.2 ประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม ผลงาน - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 การเรียนรู้ - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุม่ ผ่านเกณฑ์ 1) พฤตกิ รรมการทำงาน การทำงานกล่มุ รายบุคคล 2) การนำเสนอผลงาน 3) พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 4) คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตความซ่ือสัตย์ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 สจุ ริต ความมีวนิ ยั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์ 6.3 การประเมนิ หลังเรียน ความรบั ผดิ ชอบ อันพึงประสงค์ - แบบทดสอบหลังเรยี น ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ ประเมนิ ตามสภาพจรงิ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 ในการทำงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง การคดิ เชิงออกแบบ - ตรวจแบบทดสอบ กอ่ นเรียน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) 138
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179