Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570)

แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570)

Published by library dpe, 2023-05-08 04:18:58

Description: แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570)

Search

Read the Text Version

โดยภาพรวม รายได้ท้ ี่่�รั่่�วไหลมาจาก การนำำ�เข้า้ เนื้้�อสััตว์์ การใช้้บริิการสถาบันั การเงิิน การใช้บ้ ริกิ ารการค้้าส่่ง การใช้บ้ ริิการอื่่�น ๆ และการใช้้บริกิ ารการค้า้ ปลีกี เป็็นหลักั ซึ่่�งคิิดเป็็นรายได้ร้ั่�วไหลทางการท่อ่ งเที่่�ยว ของปีี พ.ศ. 2559 จะเท่่ากัับ 714,672.2 ล้้านบาท ผลการประเมินการร่ัวไหลทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวม พบว่าธุรกิจที่เก่ียวข้องกับการท่องเที่ยว มีส่วนร่วั ไหลทางการท่องเที่ยวร้อยละ 28.37 กล่าวคือ เมื่อเกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 100 บาท จะสูญเสียรายได้ จากการนำ�ำ เข้้าวััตถุุดิบิ จากต่า่ งประเทศ 28.37 บาท โดยภาพรวมรายได้ท้ ี่ร�่ั่�วไหลมาจากการนำ�ำ เข้า้ เนื้้�อสัตั ว์์ การใช้บ้ ริกิ าร สถาบันั การเงินิ การใช้บ้ ริกิ ารการค้า้ ส่ง่ การใช้บ้ ริกิ ารอื่น่� ๆ และการใช้บ้ ริกิ ารการค้า้ ปลีีกเป็น็ หลักั ซึ่ง�่ คิดิ เป็น็ รายได้ร้ั่ว� ไหล ทางการท่่องเที่�ย่ วของปีี พ.ศ. 2559 จะเท่า่ กัับ 714,672.2 ล้้านบาท โดยธุรุ กิจิ ที่่เ� กี่่�ยวข้อ้ งกัับการท่่องเที่่�ยวมีี 3 ประเภท ธุุรกิิจหลััก ได้้แก่่ 1) ธุุรกิิจที่่�พัักมีีรายได้้รั่�วไหลประมาณ 134,377.2 ล้้านบาท (ร้้อยละ 20.34) 2) ธุุรกิิจอาหารและ เครื่องดืม่ มีรายได้รว่ั ไหลประมาณ 184,803.3 ล้านบาท (รอ้ ยละ 35.88) และ 3) ธุรกจิ จ�ำหนา่ ยสนิ ค้าและใหบ้ ริการ มีรายได้รว่ั ไหลประมาณ 65,569.4 ล้านบาท (รอ้ ยละ 27.57) อย่่างไรก็็ตาม สััดส่่วนปริิมาณรายได้้รั่�วไหลของแต่่ละธุุรกิิจจะมีีความแตกต่่างกัันออกไปขึ้�นอยู่�่ กัับประเภท ของธุุรกิิจ ลัักษณะของแหล่่งท่่องเที่่�ยว สััดส่่วนการนำำ�เข้้าผลผลิิต โครงสร้้างการผลิิต และกลุ่�มนัักท่่องเที่่�ยวหลััก ดัังนั้้น� จึึงมีีความจำำ�เป็น็ อย่า่ งยิ่ง� ที่่�ต้อ้ งกำำ�หนดแนวทางต่่าง ๆ เพื่�อ่ ลดสัดั ส่่วนรั่ว� ไหลทางการท่่องเที่่�ยวให้้ลดลง โดยผ่่าน การจดั หว่ งโซ่อปุ ทาน (Supply Chain) ให้มีกระแสของการใช้วตั ถดุ บิ ในประเทศเปน็ ส�ำคัญหรือเปน็ สัดสว่ นที่เหมาะสม กับวัตถุดิบจากต่างประเทศ เช่น การสร้างอัตลักษณ์ของสินค้าและบริการในแต่ละแหล่งท่องเที่ยวไทย การสนับสนุน ใหใ้ ชป้ ระโยชนจ์ ากวตั ถดุ บิ ในประเทศไทยกจ็ ะสง่ ผลใหส้ ว่ นรัว่ ไหลของรายไดล้ ดลง และยงั ชว่ ยใหเ้ กดิ การกระจายรายได้ มาสคู่ นไทยมากยงิ่ ขึน้ 051

แผนพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) จ�ำนวนการจ้างงานในอุตสาหกรรมการทอ่ งเทย่ี ว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีบทบาทส�ำคัญในการสร้างอาชีพและเพิ่มโอกาสในการจ้างงานเช่นกัน อ้างอิงจากบัญชี ประชาชาตดิ า้ นการทอ่ งเที่ยว (Tourism Satellite Account : TSA) อัตราการจ้างงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมกี าร ปรับตวั สูงขึน้ อยา่ งต่อเนื่องต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2553 ในขณะที่ระหวา่ งปี พ.ศ. 2553 - 2562 การจา้ งงานท้ังหมดในประเทศไทย มีอตั ราการเตบิ โตที่ลดลงรอ้ ยละ 1.1 ของการจา้ งงานทงั้ หมดในประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2562 มกี ารจา้ งงานในอตุ สาหกรรม การทอ่ งเที่ยวทงั้ สนิ้ 4,372,304 คน คดิ เปน็ สดั สว่ นรอ้ ยละ 11.6 ของการจา้ งงานทง้ั หมดในประเทศไทย อยา่ งไรกต็ าม ประเทศไทย มีเพียง 54 สถาบันเท่าน้ันที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนหรือสาขาที่เก่ียวข้องกับการท่องเที่ยว คิดเป็นเพียงร้อยละ 34.8 จากมหาวิทยาลัยท้ังหมดของประเทศไทย และไม่มีสถาบันใดที่ติด 50 อันดับ มหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพด้านหลักสูตร การท่องเที่ยวและการโรงแรมของโลกโดยการจดั อนั ดับของ QS World University Ranking ดว้ ยเหตุนี้ การพัฒนาสถาบัน การศึกษาที่เนน้ เฉพาะเจาะจงดา้ นการท่องเที่ยวท้ังระบบอยา่ งครบวงจรจงึ มีความส�ำคัญเป็นอย่างมาก การจา งงานในอุตสาหกรรมการทอ งเทย่ี ว และสดั สว นตอการจางงานทงั้ หมดในประเทศ หนว ย : คน หนว ย : สดั สวนจา งงานทองเทีย่ วตอ ทัง้ ประเทศ (%) 50,000,000 11.5% 11.6% 11.6% 11.6% 12.0% 40,000,000 11.5% 30,000,000 11.3% 11.0% 20,000,000 10.5% 10,000,000 11.0% 10.7% 10.6% 10.7% 10.3% 10.2% 10.0% 9.5% 9.0% ป 2553 ป 2554 ป 2555 ป 2556 ป 2557 ป 2558 ป 2559 ป 2560 ป 2561 ป 2562 ป 2563 จำนวนการจา งงานในอุตสาหกรรมการทอ งเท่ยี ว การจางงานทง้ั หมด อัตราการจา งงานในอุตสาหกรรมการทอ งเท่ียว + ในป พ.ศ. 2563 มีการจา งงานในอุตสาหกรรมการทอ งเท่ยี ว 4,372,304 คน คิดเปน 11.6% ของการจางงานทง้ั หมด + ระหวา งป พ.ศ. 2553 - 2563 การจางงานในอุตสาหกรรมการทองเทยี่ วไทย มกี ารเติบโตอยางตอ เนือ่ งท่ี 1.31% ในขณะท่ีการจา งงาน ท้งั หมดในประเทศลดลง + ในขณะเดียวกนั ประเทศไทยไมม สี ถาบันทม่ี ุงเนนดา น + ผลักดนั การจดั ตั้งสถาบันพัฒนาบุคลากรการทองเที่ยว การทอ งเที่ยวอยางครบวงจร มีเพียง 54 สถาบนั เพอื่ รองรับการดาํ เนนิ งานตามวัตถุประสงค ทมี่ ีการสอนหลักสูตรทีเ่ ก่ียวขอ งกับการทองเทยี่ ว ขอ ตกลงการยอมรับมาตรฐานวิชาชีพอาเซยี น คิดเปนเพียง 34.8% จากมหาวิทยาลยั ท้ังหมด (Mutual Recognition Arrangement - MRA) ในประเทศไทย โดยเปนมหาวิทยาลัยราชภฏั ถึง 18.5% รูปที่ 2-12 : การจา้ งงานในอตุ สาหกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทย 052

จ�ำนวนที่พักหนาแนน่ ในพน้ื ทที่ ่องเทย่ี วส�ำคัญ การแข่งขันของธุรกิจโรงแรมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดการกดดันราคาห้องพักในบางพ้ืนที่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2557 - 2561 ธรุ กิจโรงแรมและที่พกั ระดับกลางและราคาประหยัด (Midscale Hotels และ Budget Hotels) มสี ัดสว่ น ของตลาดรวมกันมากกว่าร้อยละ 64 โดยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าร้อยละ 10 ในขณะที่โรงแรมระดับหรู (Luxury Hotels) มีอัตราการเติบโตเพยี งรอ้ ยละ 6 และมสี ัดส่วนของตลาดลดลงจากรอ้ ยละ 40 ในปี พ.ศ. 2557 เปน็ รอ้ ยละ 35 ในปี พ.ศ. 2561 อันเป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) การเพ่ิมขึ้นของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีงบประมาณในการเดินทาง ท่องเที่ยวน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เน้นท่องเที่ยวแบบประหยัด 2) การเปิดรับ เทคโนโลยแี ละแพลตฟอรม์ ดจิ ทิ ลั ดา้ นการทอ่ งเที่ยว ซงึ่ ชว่ ยใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวสามารถเขา้ ถึงโรงแรมและที่พกั ในแตล่ ะระดบั ราคา ได้ส้ ะดวกมากยิ่ง� ขึ้น� โดยเฉพาะกับั กลุ่�มนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วรุ่�นใหม่ท่ ี่ม่� ีีงบประมาณการท่อ่ งเที่ย่� วจำ�ำ กัดั นอกจากนี้้� ประเทศไทยยังั มีีที่พ�่ ักั ราคาประหยััดที่่�ไม่่ได้้จดทะเบีียนอย่่างถููกต้้องจำ�ำ นวนมาก นำ�ำ ไปสู่่�จำ�ำ นวนห้้องพัักที่�่สููงขึ้�นจนเกิิดภาวะอุุปทานห้้องพัักมากกว่่า ความสามารถในการรองรัับของพื้้�นที่่� (Oversupply) เนื่่�องจากเกิิดอุุปทานห้้องพัักที่่�ขยายตััวอย่่างรวดเร็็ว แต่่มีีอุุปสงค์์ของ นัักท่อ่ งเที่่�ยวที่�่ชะลอตััวลง อัตราการเขา พกั ขยายตัวชะลอลงในชวงป พ.ศ. 2559 - 2563 10.5% 2554 - 2558 2559 - 2563 2.3% 4.9% 4.7% + การขยายตัวของอัตราการเขา พกั เขา ใกลจ ดุ อิม่ ตวั ในชว งป พ.ศ. 2559 - 2563 จํานวนหองพักแรมขยายตัว เฉลยี่ 4.7% ตอป + เทยี บกบั ชว งป พ.ศ. 2554 - 2558 ทีอ่ ัตราการเขาพักแรม ของนักทอ งเที่ยวขยายตวั มากกวาจํานวนหอ งพกั แรม จำนวนหอ งพักแรม อตั ราการเขา พกั แรม การแขงขนั ดานราคาสูงข้ึน สง ผลใหร าคาหอ งพกั ถกู ปรับลดลง หนว ย : อัตราการขยายตวั (%) 25% รายรบั ของโรงแรม ราคาหองพกั เฉล่ีย 20% + ระดบั ราคาหอ งพักเฉลยี่ ของหองท่มี คี นเขาพัก (Average Daily Room Rate : ADR) ขยายตัวลดลงตอ เน่อื ง 15% จากป 2560 ที่ขยายตวั 22% เหลอื เพียง 1% ในป 2563 10% + รายรับของโรงแรม (Revenue Per Available Room : RevPAR) มีอัตราการขยายตัวลดลงจาก 25% เหลือเพยี ง 1% 5% ในชว งเวลาเดียวกนั 0% 2560 2561 2562 2563 รปู ที่ 2-13 : ภาวะอปุ ทานห้องพกั ล้นเกนิ 1 053

แผนพัฒนาการท่องเท่ยี วแห่งชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) อีกทั้งยังมีการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเมืองส�ำคัญด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ กรงุ เทพมหานคร จงั หวดั ภูเกต็ จงั หวดั ชลบรุ ี (พทั ยา) จงั หวดั กระบี่ จงั หวดั เชยี งใหม่ และจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี (เกาะสมยุ ) ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 มจี �ำนวนหอ้ งพักรวมกันเปน็ สดั ส่วนมากกวา่ ร้อยละ 51 ของจ�ำนวนห้องพกั แรมท้งั หมดในประเทศ โดยในพ้นื ที่ 6 จงั หวดั ดงั กลา่ ว สามารถสร้างรายไดจ้ ากนักท่องเที่ยวตา่ งชาตคิ ิดเปน็ สดั ส่วนสงู ถึงร้อยละ 91 ของรายได้ จากนกั ทอ่ งเที่ยวตา่ งชาตทิ ง้ั หมด และสามารถสรา้ งรายไดร้ วมจากการทอ่ งเที่ยวทง้ั หมดสงู ถึงรอ้ ยละ 77 ของรายไดร้ วม จากการทอ่ งเที่ยวท้ังหมดของประเทศ การกระจกุ ตัวของรายไดจ ากนักทอ งเทีย่ วตางชาติ 6 จังหวัดทองเที่ยวสาํ คัญ ไดแ ก กรงุ เทพฯ ภูเกต็ ชลบรุ ี กระบ่ี เชียงใหม และสุราษฎรธานี (เกาะสมุย) มีจาํ นวนหองพักแรมรวมกันกวา 51% ของจํานวนหอ งพักทัง้ ประเทศ ในป พ.ศ. 2563 รายไดรวมท้งั หมด (ทง้ั จากนักทองเที่ยวไทยและตางชาต)ิ เฉพาะใน 6 จังหวัดยอดนยิ ม คิดเปนรายรบั รวมถึง 77% ของรายไดจ ากการทองเทีย่ วรวมทง้ั ประเทศ 39% พ.ศ. 2563 ไทย ตา งชาติ รวม การกระจกุ ตัวของนกั ทองเทย่ี วตางชาติ โดยเฉพาะในภาคใต สง ผลใหม กี ารเรงลงทุน กรุงเทพฯ 36% 42% 39% ดา นโรงแรมท่พี ักอยา งมาก ภูเก็ต 5% 24% 16% จนเกิดปญหา Oversupply ในพื้นที่ ชลบรุ ี 5% 13% 10% ปญ หาหองพกั ลนเกิน กระบ่ี 4% 4% 4% สง ผลใหในป พ.ศ. 2563 ราคาหอ งพกั และ รายรับของธรุ กจิ โรงแรมในภาคใต เชียงใหม 6% 3% 4% หดตัวลง ครัง้ แรกในรอบหลายป สุราษฎรธานี (เกาะสมุย) 2% 5% 3% 0% สัดสว นของรายไดรวม (%) 57% 91% 77% รปู ที่ 2-14 : ภาวะอุปทานหอ้ งพกั ลน้ เกนิ 2 ต้นทุนดา้ นสงิ่ แวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาตใิ นภาคการทอ่ งเทย่ี ว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ที่ประมาณ 226,833 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.89 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศด้านการท่องเที่ยว (Tourism Gross Domestic Product : TGDP) โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปนี้ • การใช้ทรัพยากรทางน�้ำในอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยว อยู่ที่ 745 ลา้ นลกู บาศก์เมตร คิดเปน็ ร้อยละ 4.59 ของภาครวม การใชน้ �้ำภายในประเทศ หรือคิดเป็นมลู คา่ 6,693.82 ลา้ นบาท • การใช้พลังงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อยู่ที่ 520 ล้านเมกะจูล คิดเป็นร้อยละ 14.67 ของการใช้พลังงาน ในภาคอตุ สาหกรรมในประเทศ หรือคิดเป็นมลู คา่ 211,127.15 ล้านบาท • การปล่อยกา๊ ซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อยูท่ ี่ 30.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซดเ์ ทียบเท่า คิดเปน็ ร้อยละ 11.76 ของภาครวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ หรือคดิ เปน็ มลู คา่ 635.55 ลา้ นบาท • การสรา้ งขยะหรือของเสียในอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยว อยทู่ ี่ 807,313 ตัน คิดเป็นรอ้ ยละ 2.77 ของภาครวมการสร้าง ขยะในประเทศ หรือคิดเป็นมูลค่า 1,325.68 ล้านบาท โดยสาขาการผลิตที่มีสัดส่วนการสร้างขยะมากที่สุด 5 อันดับ ในอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยว ไดแ้ ก่ 1) ภัตตาคารและรา้ นอาหาร 2) โรงแรม รีสอร์ท เกสตเ์ ฮาส์ ที่พัก 3) การขนส่ง ผู้โดยสารทางรถยนต์ 4) การขนส่งผโู้ ดยสารทางอากาศ 5) การขายสินคา้ เพื่อการทอ่ งเที่ยว 054

ภาคการทองเที่ยวไทยมีตน ทนุ ทาง การใชน ํ้าในภาคการทองเท่ยี ว การใชพลังงานในภาคการ ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ มอยูที่ 745 ลา นลาน ลบ.ม. ทอ งเทีย่ ว 520 ลานเมกะจลู 226,833 ลานบาท(p) คิดเปน คดิ เปน คิดเปนสัดสว น 4.59% 14.67% 18.89% ของภาครวม หรอื ของภาครวม หรือ 6,693.82 ลานลานบาท(p) 211,127.15 ลานลานบาท(p) ของ Tourism GDP การปลอ ยกา ซเรือนกระจกในภาคการทองเทยี่ ว 30.6 ลานตนั CO2 คิดเปน 11.67% ของภาครวม หรือ 635.55 ลา นลา นบาท (p) หมายเหตุ : p หมายถึงขอมลู เบ้อื งตนจากบญั ชปี ระชาชาติ การสรางขยะในภาคการทองเที่ยว 807,313 ตัน คิดเปน ดานการทอ งเท่ียวที่รวมตนทุนดานสิ่งแวดลอม (TSA-SEEA) ของประเทศไทย ป 2561(p) 2.77% ของภาครวม หรือ 1,325.68 ลา นบาท (p) ปญ หาทเ่ี กดิ จากการทองเท่ยี ว สัดสวนการสรา งขยะในอตุ สาหกรรมการทองเทีย่ วรายสาขา โรงแรมทพ่ี ัก รา นอาหาร + อนั ดับ 1 ภตั ตาคาร รานอาหาร คดิ เปน 27.59% ลักลอบปลอ ยนํ้าเสีย + อันดบั 2 โรงแรม รีสอรท เกสตเ ฮาส ทพี่ ัก คิดเปน 24.00% ทีไ่ มผ านระบบบาํ บัด + อันดบั 3 การขนสงผูโดยสารทางรถยนต คิดเปน 9.98% สง ผลตอ พน้ื ที่แหลงทอ งเท่ียว + อันดับ 4 การขนสงผูโดยสารทางอากาศ คดิ เปน 9.08% และนักทองเท่ียวอยา งหนัก + อนั ดบั 5 การขายสนิ คาเพ่ือการทอ งเทีย่ ว คิดเปน 7.52% ทะเลสีดํา ภาพรวมอนั ดบั ดัชนีความย่ังยืน Sustainable + ประเทศไทยอยอู ันดบั ท่ี 76 จาก 99 ประเทศ Travel Index + อันดบั ที่ 4 ในกลุมประเทศอาเซียน 2022 สสุ านขยะ ปริมาณขยะเพิม่ ขึ้น อยางรวดเร็วตามจาํ นวน นักทอ งเทีย่ วและการเพิม่ ขึ้น Sustainable + ประเทศไทยอยอู ันดบั ท่ี 41 จาก 166 ประเทศ ของที่พัก กอ ใหเกิดมลพษิ Development + เปา หมายที่เก่ียวขอ งกับการทองเท่ยี ว อนั ตรายตอ นกั ทองเทีย่ ว Goals และสัตวในพืน้ ที่ อยูในระดบั Significant Challenges การรบกวนหรือทําลายธรรมชาติ Travel & Tourism + มิตดิ านทรัพยากรธรรมชาติ อยูอนั ดบั ท่ี 10 ของนักทอ งเทยี่ ว Competitiveness จาก 140 ประเทศ Index 2019 + มติ ดิ า นความยงั่ ยนื ของสงิ่ แวดลอ มอยทู อี่ นั ดบั 130 + ประเทศไทยมคี วามอดุ มสมบูรณของทรพั ยากร แตไมมีความยง่ั ยนื รปู ที่ 2-15 : บัญชปี ระชาชาติดา้ นการท่องเที่ยวที่รวมตน้ ทนุ ด้านส่งิ แวดลอ้ ม 055

แผนพัฒนาการท่องเทีย่ วแห่งชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ท้ังนี้ แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย จะมีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ที่ค่อนข้างสูง แต่การท่องเที่ยวของประเทศไทยยังคง ประสบความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาทะเลสีด�ำ ปัญหาสุสานขยะ รวมไปถึง ปัญหาการรบกวนหรือท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติ ของนักท่องเที่ยว โดยจะเห็นได้จากผลการจัดอันดับ ความยั่งยืนในระดับประเทศ ซึ่งแสดงว่าประเทศไทย ยังมีความท้าทายด้านการบริหารจัดการความย่ังยืน ของทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม • การจัดอนั ดับ Sustainable Travel Index (2020) โดย Euromonitor International ระบุว่า ประเทศไทยอยอู่ ันดับที่ 76 จาก 99 ประเทศ และ อย่อู ันดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศอาเซยี น • การจััดอัันดัับผลการดำำ�เนิินงานตามเป้้าหมาย Sustainable Development Goals ที่�เ่ กี่�ย่ วข้อ้ ง กัับการท่่องเที่่�ยว พบว่่า ประเทศไทยอยู่่�อัันดัับที่�่ 41 จาก 166 ประเทศ โดยเป้้าหมายที่�่เกี่่�ยวกัับ การทอ่ งเที่ยวอยใู่ นระดบั มคี วามทา้ ทาย (Significant Challenges) ทงั้ สน้ิ • การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว (Travel & Tourism Competitiveness Index) ในปี พ.ศ. 2562 มิิติดิ ้า้ นทรััพยากรธรรมชาติ ิ อยู่�่ ที่อ�่ ัันดับั 10 จาก 140 ประเทศ ในขณะที่่�มิิติดิ ้า้ นความยั่�งยืืน ของสิ่�งแวดล้้อม อยู่�่ ที่�่อัันดัับ 130 ซึ่�่งแสดงให้้ เห็็นว่่าประเทศไทยมีีความอุุดมสมบููรณ์์ของ ทรััพยากรธรรมชาติิแต่่ไม่่มีีการบริิหารจััดการ อย่างยงั่ ยนื 056

ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวของ ประเทศไทย สภาเศรษฐกจิ โลก (World Economic Forum : WEF) ได้จัดท�ำรายงานการประเมินอนั ดับความสามารถในการแขง่ ขัน ด้านการเดนิ ทางและการท่องเที่ยวส�ำหรับหลายประเทศทวั่ โลก (Travel & Tourism Competitiveness Report : TTCR) ซึ่งจากการวิเคราะห์ผลการประเมินอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2558 - 2562 พบวา่ ประเทศไทยมีอนั ดับความสามารถในการแขง่ ขนั ด้านการเดนิ ทางและการทอ่ งเที่ยวสงู ขึน้ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยได้คะแนนเฉล่ีย 4.3 คะแนน จากคะแนนเต็ม 7 คะแนน โดยมีอนั ดบั อยู่ที่ 35 จาก 141 ประเทศทวั่ โลก ในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยได้คะแนนเฉล่ยี 4.4 คะแนน โดยมีอันดบั สงู ขนึ้ 1 อันดับ อยูท่ ี่ อันดบั 34 จาก 136 ประเทศทั่วโลก และในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยไดค้ ะแนนเฉล่ยี 4.5 คะแนน และมีอนั ดบั อยูท่ ี่ 31 จาก 140 ประเทศท่วั โลก (สูงขนึ้ ถึง 3 อันดับ) ทัง้ นี้ คะแนนของประเทศไทยที่ได้ในปี พ.ศ. 2562 พิจารณาจากทง้ั หมด 14 ดชั นี ที่เกย่ี วขอ้ งกบั การทอ่ งเที่ยว ซงึ่ การจดั อนั ดบั ในปนี พ้ี บวา่ ประเทศไทยมดี ชั นีที่มีอนั ดบั เพม่ิ ขนึ้ จากเดมิ จ�ำนวน 9 รายการ มดี ชั นี ที่มีอันดบั ลดลงจ�ำนวน 4 รายการ และมีดชั นีที่มีอันดับคงที่เทา่ เดิมจ�ำนวน 1 รายการ มีรายละเอียด ดังนี้ อันดบั ความสามารถในการแขงขัน มิตโิ ครงสรา งการใหบ ริการนักทองเทีย่ ว มติ ิการใหค วามสําคัญกับการเดินทาง ดา นการเดินทางและการทอ งเที่ยว (Tourism Service Infrastructure) และการทอ งเทย่ี ว (Prioritization of ของประเทศไทย Travel & Tourism) (Thailand Travel & Tourism 5.9 14 Competitiveness Index 2015-2019) 5.2 27 คะแนน ลาํ ดับ คะแนน (เตม็ 7) Rank ขีดความสามารถในการแขง ขันของ คะแนน ลาํ ดบั ประเทศไทยในดานโครงสรางพื้นฐาน ครอบคลุมถึงงบประมาณของอุตสาหกรรม Rank 31 การใหบริการนักทองเทย่ี ว เชน โรงแรม ทอ งเทย่ี วจากภาครฐั คณุ ภาพของการตลาด บรษิ ทั ใหเชา รถ เปน ตน กลยทุ ธการพฒั นาภาพลกั ษณของประเทศ 140 ลาํ ดับสงู ขนึ้ จากปกอน 2 อันดบั ซ่งึ ไทยไดลาํ ดับสงู ขึ้น 7 ลาํ ดบั 4.5 34 มิติทรัพยากรมนุษยแ ละตลาดแรงงาน มติ คิ วามย่ังยืนของสภาพแวดลอ ม 136 (Human Resource and Labor Market) (Environmental Sustainability) Rank 5.1 27 3.6 130 4.4 35 141 คะแนน ลาํ ดับ คะแนน ลําดับ 4.3 ครอบคลุมในเร่ืองคุณสมบัติของ ครอบคลุมประเด็นการกํากบั ดูแลสง่ิ แวดลอม 4.3 4.4 ทรัพยากรมนษุ ย การศึกษาเบ้อื งตน ทางธรรมชาติ ความยัง่ ยืนของการพัฒนา 4.5 การอบรมบุคลากร ตลาดแรงงาน อุตสาหกรรม การเดินทางและการทอ งเท่ียว 4.2 และประสิทธผิ ลจากแรงงานไทยสูงขึ้น ซ่งึ ไทยลดลงไป 8 อนั ดับ 2015 2017 2019 จากปกอ น 13 อนั ดับ ตัง้ แตป 2015-2019 ประเทศไทยมอี นั ดบั ความสามารถในการแขงขันดานการเดนิ ทาง และการทอ งเที่ยวสูงข้ึนอยา งตอเน่อื ง โดยในป 2019 ขน้ึ มา 3 อันดับจากป 2017 รปู ที่ 2-16 : อันดับขดี ความสามารถในการแข่งขันด้านการเดนิ ทางและการท่องเที่ยว (TTCI) ของประเทศไทย 057

แผนพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) จากการพิิจารณาทั้้ง� 14 ดัชั นีีรายการ พบ 2 ดัชั นีีรายการหลัักที่ไ่� ด้้รัับคะแนนและอันั ดัับการประเมินิ ขีีดความสามารถ ในการแข่ง่ ขัันดีีที่ส�่ ุุดจาก 14 ดััชนีีรายการ ได้แ้ ก่่ แหล่่งทรััพยากรธรรมชาติซิ ึ่�่งได้้อัันดัับที่่� 10 จาก 140 ประเทศ และ โครงสร้า้ งพื้้น� ฐานบริกิ ารด้า้ นการท่อ่ งเที่ย่� วซึ่ง�่ ได้อ้ ันั ดับั ที่�่ 14 จาก 140 ประเทศ ส่ว่ นดัชั นีีรายการที่ป�่ ระเทศไทยควรพัฒั นา อย่า่ งเร่ง่ ด่ว่ น 4 ดััชนีีรายได้้ ได้แ้ ก่่ ความยั่�งยืืนของสภาพแวดล้้อมอันั ดัับที่�่ 130 ความมั่�นคงและความปลอดภััยอันั ดับั ที่�่ 111 สุขุ ภาพและความสะอาดอันั ดับั ที่�่ 88 และโครงสร้า้ งพื้้น� ฐานด้า้ นการขนส่ง่ ทางบกและทางน้ำ��ำ อันั ดับั ที่�่ 72 ตามลำ�ำ ดับั นอกจากนั้้น� จากการพิจิ ารณาข้า้ งต้น้ ยังั แสดงให้เ้ ห็น็ ถึงึ ประเด็น็ ที่ไ�่ ม่ส่ มเหตุสุ มผลคืือ ประเทศไทยได้ร้ ับั อันั ดับั ของแหล่ง่ ทรัพั ยากรธรรมชาติดิ ีีมาก แต่ค่ วามยั่ง� ยืืนของสภาพแวดล้อ้ มกลับั อยู่่�อันั ดับั ที่ค�่ ่อ่ นข้า้ งต่ำ�ำ�มาก แสดงให้เ้ ห็น็ ว่า่ ประเทศไทย มีีแหล่ง่ ธรรมชาติแิ ละสิ่�งแวดล้้อมที่ด�่ ีี สวยงาม และเป็น็ ที่่�น่่าดึึงดููดใจของนัักท่อ่ งเที่�ย่ ว แต่ก่ ลัับไม่่มีีการพัฒั นาและฟื้้�นฟูู ที่�่เพีียงพอส่ง่ ผลให้เ้ กิดิ ความเสื่่�อมโทรมลดถอยลงไปตามกาลเวลา รวมถึึงแหล่ง่ ท่่องเที่�ย่ วทางวัฒั นธรรมและสังั คมอื่่�น ๆ ควรได้้รัับการพััฒนา ฟื้น�้ ฟูู และรัักษาให้้เกิดิ ความยั่ง� ยืืน เมื่อวิเคราะห์ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว (Travel and Tourism Competitiveness Index : TTCI) ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2562 เปรียบเทียบกบั ผลการจดั อันดบั ของ ตา่ งประเทศแลว้ พบวา่ ประเทศไทยเปน็ อนั ดบั ที่ 9 ในภูมภิ าคเอเชยี แปซฟิ กิ รองจากประเทศสงิ คโปร์ ประเทศนวิ ซแี ลนด์ และประเทศมาเลเซยี ที่อยูใ่ นอันดับ 6 อนั ดบั 7 และอันดบั 8 ตามล�ำดบั โดยมีอนั ดบั ดขี ึ้น 3 อันดบั จากการจดั อันดับ ในปี พ.ศ. 2560 และมีอนั ดบั คงที่เปน็ อนั ดับที่ 3 ของภูมภิ าคอาเซยี น (รองจากประเทศสงิ คโปร์และประเทศมาเลเซยี ) ทงั้ นี้ สามารถกลา่ วไดว้ า่ ประเทศไทยมผี ลการจดั อนั ดบั อยใู่ นเกณฑด์ ี โดยมศี กั ยภาพสงู ในดา้ นสถานที่ทอ่ งเที่ยว นโยบาย สนับสนุนการท่องเที่ยว และส่ิงอ�ำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยว แต่มีคะแนนด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ความเป็นมติ รตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม และการเดินทางตอ่ เนื่องทางบกที่ต�่ำ • ประเทศไทยมีอนั ดับในมติ คิ วามปลอดภัยต�่ำที่สดุ เป็นอนั ดับ 2 ในอาเซียน (รองจากประเทศฟลิ ิปปินส)์ และอย่ทู ี่ อันดับ 111 ของโลก โดยมีผลการจัดอันดบั ในปจั จัยย่อยที่นา่ กงั วล เช่น ด้านการพงึ่ พาบรกิ ารจากเจ้าหน้าที่ต�ำรวจ อยทู่ ี่อนั ดบั 107 ซงึ่ ต�่ำลงจากปกี อ่ นถึง 47 อนั ดบั ดา้ นผลกระทบทางธรุ กจิ จากการเกดิ อาชญากรรมอยทู่ ี่อนั ดบั 87 เปน็ ตน้ • ประเทศไทยมีอนั ดับในมติ สิ ขุ ภาพและอนามัยต�่ำที่สุดเปน็ อนั ดบั 4 ในอาเซียน ร่วมกบั ประเทศเวยี ดนาม และอยทู่ ี่ อันดับ 88 ของโลก โดยมีอนั ดบั ด้านความหนาแนน่ ของบรกิ ารทางการแพทย์ (Physician Density) ค่อนข้างต�่ำ อยู่ที่อนั ดับ 97 ของโลก • ประเทศไทยมีอันดบั ในมิตดิ า้ นความยัง่ ยนื ของสิ่งแวดล้อมต�่ำที่สดุ เปน็ อันดับที่ 3 ในอาเซยี น (รองจากสาธารณรัฐ ประชาธปิ ไตยประชาชนลาวและประเทศเวยี ดนาม) และอยทู่ ี่อนั ดบั 130 ของโลก ซง่ึ เปน็ มติ ทิ ี่มีอนั ดบั นา่ กงั วลมาก ที่สดุ มีอนั ดับดา้ นความเข้มงวดของกฎระเบยี บดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มอยู่ที่ 104 ของโลก ต�่ำลงจากปีก่อนหน้า 4 อันดับ มีอันดบั ความหนาแน่นของฝ่นุ ละออง PM 2.5 อยู่ที่ 131 ของโลก ต�่ำลงจากปกี อ่ นหนา้ 5 อนั ดบั และมีอนั ดบั สง่ิ มีชวี ิตที่มีความเส่ียงตอ่ การสญู พนั ธุอ์ ย่ทู ี่ 111 ของโลก ต�่ำลงจากปกี อ่ นหน้า 7 อันดับ อยา่ งไรกด็ ี เมื่อเปรยี บเทียบกบั ประเทศที่มศี กั ยภาพสงู ในภูมภิ าคเอเชยี แปซฟิ กิ และอาเซยี นแลว้ พบวา่ ประเทศไทย มีข้อได้เปรียบในมิติการแข่งขันด้านราคา มีคะแนน 5.8 อยู่ที่อันดับ 25 ของโลก ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นซ่ึงมี ผลการจัดอันดับรวมเป็นที่ 1 ในเอเชีย มีคะแนนอยู่ที่ 4.8 อยู่ที่อันดับ 113 ของโลก นอกจากนี้ยังโดดเด่นใน มิติทรัพยากรธรรมชาติ มีคะแนน 4.8 อย่ทู ี่อันดับ 10 ของโลก และเป็นอนั ดับที่ 1 ในอาเซียน ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีผลการจดั อันดบั รวมเป็นที่ 1 ในอาเซยี น มคี ะแนนอยู่ที่ 2.2 อยทู่ ี่อันดบั 120 ของโลก 058

อย่่างไรก็ด็ ีี ผลกระทบจากสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโควิดิ – 19 ทำำ�ให้ส้ ภาเศรษฐกิจิ โลก (World Economic Forum - WEF) ไม่่ได้้มีีการเผยแพร่่การจััดอัันดัับขีีดความสามารถในการแข่่งขัันด้้านการเดิินทางและการท่่องเที่�่ยว ในปี 2564 (มีการจดั อนั ดับครั้งลา่ สุด คือปี 2562) และได้มีการปรับปรงุ พฒั นาดชั นีจากเดิม คือ ดชั นีขดี ความสามารถ ในการแข่งขันดา้ นการเดินทางและการทอ่ งเที่ยว (Travel and Tourism Competitiveness Index : TTCI) เปน็ ดัชนี ของการพััฒนาการเดิินทางและการท่่องเที่่�ยว (Travel & Tourism Development Index : TTDI) โดยได้้มีี การเผยแพร่่รายงานการศึึกษาดััชนีีการพััฒนาการเดิินทางและการท่่องเที่่�ยว ประจำ�ำ ปีี 2564 เพื่่�อการฟื้�้นฟููอนาคต อย่า่ งยืืดหยุ่�นและยั่ง� ยืืน หรืือ TTDI (Travel & Tourism Development Index 2021 : Rebuilding for a Sustainable and Resilient Future) ซึ่ง�่ ประเทศไทยมีีอันั ดัับ TTDI อยู่่ใ� นลำำ�ดัับที่�่ 36 จาก 117 ประเทศทั่่ว� โลก ปจั จบุ นั สภาเศรษฐกจิ โลก (WEF) ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ ปจั จยั ในการจดั ท�ำดชั นชี วี้ ดั ใหม่ หรือ TTDI แบง่ ออกเปน็ 5 ดา้ น คือ 1) ปัจจัยเอื้อด้านสิ่งแวดล้อม (Enabling Environment) 2) นโยบายและเงื่อนไขการเดินทางและการท่องเที่ยว (T&T Policy & Conditions) 3) โครงสร้างพืน้ ฐาน (Infrastructure) 4) ปจั จยั ขบั เคลื่อนความตอ้ งการการเดินทางและ การท่องเที่ยว (T&T Demand Drivers) และ 5) ความยง่ั ยนื ด้านการเดินทางและการทอ่ งเที่ยว (T&T Sustainability) ท้ังนี้ สภาเศรษฐกิจโลกปรับปรุงปัจจัยในการจัดท�ำดัชนีช้ีวัดใหม่ที่ส�ำคัญ คือ ปัจจัยที่ 16 ความยืดหยุ่นและเงื่อนไข ดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม (Socioeconomic Resilience and Conditions) โดยพิจารณาจากปัจจยั ยอ่ ย เช่น อตั รา ความยากจน การปกป้องดูแลประชาชนทางสังคม รวมถึงกลมุ่ แม่และเด็ก ผู้ว่างงาน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ความเสมอภาค ทางเพศ สิทธิของผู้ใช้แรงงาน เป็นต้น ปัจจัยที่ 17 ความต้องการและความกดดัน และผลกระทบการเดินทางและ การท่อ่ งเที่ย่� ว (Travel and Tourism Demand Pressure and Impact) โดยพิจิ ารณาจากปัจั จัยั ย่อ่ ย เช่น่ จำ�ำ นวนวันั พักั โดยเฉลี่�่ยของนักั ท่อ่ งเที่ย่� วต่า่ งชาติิ (Inbound length of stay) ความสนใจในการค้น้ หาแหล่่งท่อ่ งเที่ย่� วทางวััฒนธรรม และทางธรรมชาติิ การกระจายตััวของนัักท่่องเที่�่ยวไปยัังพื้้�นที่�่ต่่าง ๆ ในประเทศ คุุณภาพของเมืืองและศููนย์์กลาง การทอ่ งเที่ยว (Quality of town and city centres) เปน็ ต้น อนั ดบั TTDI ของประเทศไทยอยใู่ นล�ำดบั ที่ 36 จาก 117 ประเทศทว่ั โลก ในปี 2564 มคี ะแนนรวม 4.3 จากคะแนน เตม็ 7 คะแนน ปัจจยั ที่ประเทศไทยไดค้ ะแนนที่นา่ พึงพอใจ 3 อนั ดบั แรก มดี ังนี้ • โครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นการขนส่งทางอากาศ อนั ดับที่ 13 • ด้านทรพั ยากรธรรมชาต ิ อันดับที่ 14 • ด้านทรัพยากรที่ไม่ใช่เพื่อการพักผ่อน* (เช่น การเป็นสถานที่ตั้งของส�ำนักงานใหญ่ขององค์กร/บริษัทต่างชาติ/ จ�ำนวนเมืองที่เปน็ ที่ยอมรบั ระดบั โลก) อนั ดบั ที่ 16 (*ตวั ชวี้ ดั ใหม)่ ปจั จยั ที่ประเทศไทยควรมกี ารปรบั ปรงุ พฒั นาและ ยกระดับใหด้ ีข้นึ มีดังน้ี • ด้านความย่ังยืนของส่งิ แวดลอ้ ม อันดบั ที่ 97 • ดา้ นความมนั่ คงและความปลอดภัย อนั ดับที่ 92 • ดา้ นการใหค้ วามส�ำคญั กับการเดนิ ทางและทอ่ งเที่ยว อนั ดบั ที่ 88 การจััดทำำ�ดััชนีีการพััฒนาการเดิินทางและการท่่องเที่่�ยว (TTDI) ปีี พ.ศ. 2564 ของสภาเศรษฐกิิจโลก (WEF) ครอบคลุุมการพััฒนาของประเทศทั้้�งในมิิติิสัังคม เศรษฐกิิจ และสิ่�งแวดล้้อม โดยเฉพาะในประเด็็นด้้านสัังคมได้้ให้้ ความสำ�ำ คััญกัับคุุณภาพชีีวิิตและความเป็็นอยู่�่ของประชาชนมากขึ้�น อัันเนื่�่องมาจากผลกระทบของโควิิด – 19 ดัังนั้้�น หน่่วยงานทุุกภาคส่่วนจึึงมีีบทบาทสำำ�คััญในการช่่วยขัับเคลื่่�อนภาคการท่่องเที่�่ยว ทั้้�งในด้้านการบริิหารจััดการ ด้้านสิ่�งแวดล้้อม การยกระดัับและพััฒนามาตรฐานการอำำ�นวยความสะดวกแก่่ผู้�เดิินทาง การพััฒนาเมืืองสุุขอนามััย ความปลอดภััย รวมถึึงการส่่งเสริิมให้้เมืืองหลักั และเมืืองรองเป็็นเมืืองท่่องเที่ย�่ วน่่าอยู่�่ 059

แผนพฒั นาการท่องเท่ียวแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 1.3 การคาดการณ์ก์ ารฟื้้�นฟูกู ารท่อ่ งเที่่�ยวไทยหลังั สถานการณ์ก์ ารแพร่ร่ ะบาด ของโรคโควิิด – 19 การวิิเคราะห์์การฟื้้�นตััวของการท่่องเที่�่ยวไทย หลัังจากเกิิดสภาวะหยุุดนิ่่�งจากสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของ โรคโควิดิ – 19 พิจิ ารณาใน 3 ปัจั จััยหลััก ได้้แก่่ 1) ปัจั จััยภายนอกที่ส่� ่่งผลต่่อการท่อ่ งเที่่ย� วไทย 2) ปัจั จัยั การฟื้้น� ตััว จากสถานการณ์ก์ ารแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 ประกอบไปด้้วยแผนการฉีีดวัคั ซีีนป้อ้ งกัันโรคโควิดิ ของประเทศไทย อัตราการฉีดวคั ซนี ของชาวไทยและชาวต่างชาติ และ 3) บริบทการพฒั นาการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่สอดคลอ้ งกบั แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2570) ทั้งนี้ ปัจจัยภายนอกจะพิจารณาจากความสามารถในการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของโลก โดยองค์กรและสถาบันวิจัย จ�ำนวนมากคาดการณ์วา่ การท่องเที่ยวโลกจะกลับมาเปน็ ปกติ (เทียบเท่ากบั ปี พ.ศ. 2562) ภายในระยะเวลา 2 - 4 ปี โดย บรษิ ทั Bloomberg คาดการณ์ว่าการทอ่ งเที่ยวโลกจะกลับมาฟื้นฟูอย่างเตม็ ที่ ในปี พ.ศ. 2566 โดยการท่องเที่ยว ภายในประเทศ (Domestic Tourism) จะสามารถฟื้นตัวไดร้ วดเรว็ กว่าการทอ่ งเที่ยวระหวา่ งประเทศ (International Tourism) McKinsey and Company และศนู ยว์ ิจัยกสกิ รไทยคาดการณว์ า่ สภาวะการทอ่ งเที่ยวโลกจะสามารถฟื้นตวั 060

ได้ปี พ.ศ. 2567 ในขณะที่องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) คาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวโลก จะกลัับสู่่�ภาวะปกติิได้้ระหว่่างต้้นปีี พ.ศ. 2566 ไปจนถึึงกลางปีี พ.ศ. 2568 ซึ่่�งขึ้�นอยู่�่ กัับมาตรการกำ�ำ หนดการจำ�ำ กััด การเดิินทาง ความล่่าช้้าในการจััดการกัับสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 ความมั่�นใจของนัักท่่องเที่�่ยว ความร่ว่ มมืือระหว่า่ งประเทศ และความเสื่�อ่ มโทรมทางเศรษฐกิิจ นอกจากนี้้� UNWTO ยัังคาดการณ์ว์ ่า่ การท่อ่ งเที่ย�่ ว ในแถบเอเชีียแปซิิฟิิกจะฟื้�้นตััวภายในระยะเวลาเดีียวกััน เช่่นเดีียวกัับบริิษััทเงิินทุุนระหว่่างประเทศ (International Finance Corporation : IFC) สถาบัันการเงิินในเครืือธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์์ว่่า ถึึงแม้้ว่่าจะมีี การฉีีดวัคั ซีีนอย่่างทั่่�วถึงึ และการท่่องเที่�ย่ วสามารถกลับั มาดำ�ำ เนิินกิิจการได้ด้ ังั เดิมิ แต่่การท่่องเที่ย�่ วโลกจะฟื้น้� ตัวั กลับั มา ไดภ้ ายในปี พ.ศ. 2568 เนื่องจากภาคการผลติ ในอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยวจะตอ้ งเผชญิ กบั ตน้ ทนุ ที่สงู ขนึ้ ตามมาตรฐาน ด้้านความสะอาดและสุขุ อนามัยั องคก์ ารการท่องเทยี่ วโลก แห่งสหประชาชาติ (UNWTO) คาดการณ์์ว่า่ การท่่องเที่่�ยวโลกจะกลับั สู่่� ภาวะปกติิได้ร้ ะหว่่าง ต้้นปีี พ.ศ. 2566 ไปจนถึึง กลางปีี พ.ศ. 2568 061

แผนพฒั นาการทอ่ งเท่ยี วแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) เมื่อ�่ วิเิ คราะห์ป์ ัจั จัยั การฟื้น้� ตัวั จากสถานการณ์ก์ ารแพร่ร่ ะบาดของโรคโควิดิ – 19 ประกอบไปด้ว้ ยแผนการฉีีดวัคั ซีีน ป้้องกัันโรคโควิิดของประเทศไทย อััตราการฉีีดวััคซีีนของชาวไทยและชาวต่่างชาติิ พบว่่า ประเทศไทยมีีแผนการฉีีด วัคั ซีีนโควิิด – 19 ให้้ครบทุุกกลุ่�มเป้า้ หมาย จำ�ำ นวน 100 ล้า้ นโดส ครอบคลุุมร้อ้ ยละ 70 ของประชากรในประเทศไทย ภายในปี 2564 (พ.ค. - ธ.ค. 2564) โดยในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการจัดหาวัคซีนแล้ว 63 ล้านโดสและอยู่ระหว่าง การจดั ซื้อวคั ซนี เพิม่ เตมิ ท้ังนี้ ประชากรไทยไดร้ ับการฉีดวคั ซนี อยา่ งน้อย 1 โดสแลว้ ท้งั สน้ิ 25,944,411 ลา้ นคน หรือ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 37 ของจ�ำนวนประชากรไทย (ขอ้ มูล ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2564) ในขณะเดียวกนั ยอดรวมการฉดี วัคซีน ทว่ั โลกอยา่ งน้อย 1 โดสอยูท่ ี่รอ้ ยละ 33 ของประชากรทั่วโลก จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า องค์กรส่วนมากคาดการณ์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวโลกอยู่ในช่วง ระยะเวลา 2 - 4 ปี และในแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยมแี ผนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนภายในประเทศเพื่อ เรง่ การฟื้นฟูเศรษฐกจิ ใหส้ ามารถกลบั เขา้ สภู่ าวะปกตไิ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ อยา่ งไรกต็ าม หากวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารฟื้นตวั ของนัักท่อ่ งเที่ย่� วไทย ภายหลังั กรณีีสถานการณ์์การแพร่ร่ ะบาดของโรคโควิิด – 19 ตั้้ง� แต่่ปีี พ.ศ. 2566 ถึึง พ.ศ. 2570 พบว่า สถานการณ์การฟื้นตวั ของประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กรณี ดังตอ่ ไปน้ี กรณีท่ีดีทสี่ ุด Best Case กรณีฐาน Base Case กรณเี ลวรา ยที่สุด Worst Case 062

สถานการณก ารฟน ตวั ของการทอ งเท่ียวไทยและทวั่ โลก การวิเคราะหแ ละคาดการณวา การทองเทย่ี วไทยขึน้ อยกู บั สถานการณก ารฟน ตัวท่ัวโลก ซึง่ คาดการณว าจะสามารถฟน ตวั กลับมาไดใ นป 2565-2567 การคาดการณการทองเท่ยี วโลกของ UNWTO (2021-2024) การคาดการณแบบที่ 1 ฟน ตวั ใน 2.5 ป (ชว งกลางป ค.ศ. 2023) การคาดการณแบบท่ี 2 ฟนตวั ใน 3 ป (ปลายป ค.ศ. 2023) ลานคน การคาดการณแ บบท่ี 3 ฟนตัวใน 4 ป (ปลายป ค.ศ. 2024) 1600 UNWTO คาดการณว าในป ค.ศ. 2021 การทองเที่ยว 1400 ระหวางประเทศจะเร่ิมฟนตัว เนื่องจากปจ จัยตาง ๆ 1200 อยางไรกต็ าม จะยงั คงใชเ วลาประมาณ 2.5 ถงึ 4 ป 1000 ที่จะฟน ตวั ไดถึงระดับเดยี วกับป พ.ศ. 2562 800 + การยกเลกิ ขอ จาํ กัดในการเดินทาง 600 + การควบคมุ การแพรร ะบาดเชอื้ ไวรสั โควคิ - 19 400 + การพัฒนาวคั ซนี สําหรับเชื้อไวรัสโควิค - 19 200 + ความเช่ือม่ันของนักทองเทีย่ ว 0 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 การคาดการณก ารกลับมาของรายไดจ ากผูโดยสารการบิน (IATA / Tourism Economist) 12 Forecast 10 8 6 4 2 Uncertainty 0 2008 2009 2010 2011 2012 2013 2014 2015 2016 2017 2018 2019 2020 2021 2022 2023 2024 2025 การประเมนิ อัตรา การครอบคลุมของ การไดร ับวัคซีน (Economist Intelligene Unit) ปลายป 2021 กลางป 2022 ปลายป 2022 จากตนป 2023 รปู ที่ 2-17 : แนวโน้มการฟื้นตวั สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยจากสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 (หมายเหตุ : คาดการณ์ ณ วันที่ 26 สงิ หาคม พ.ศ. 2564 ภายใต้บรบิ ทสถานการณป์ ัจจุบนั ) 063

แผนพัฒนาการท่องเท่ียวแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) กรณที ดี่ ีที่สดุ (Best Case) Best Case 2567 2568 2569 2570 2566 นักท่องเทย่ี วตา่ งชาติ  43.78 46.08 48.62 51.29 54.11 50% 60% 68% 72% 75% คาดการณ์จ�ำนวนนักท่องเที่ยวก่อนสถานการณ์โควดิ – 19 21.89 27.65 33.06 36.93 40.58 อัตราการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควดิ – 19 1.38 1.75 2.10 2.36 2.61 จำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วภายหลังั สถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 (ล้า้ นคน) รายไดร้ วมจากนกั ทอ่ งเที่ยวตา่ งชาติ (ล้านล้านบาท) นักท่องเทีย่ วไทย  186.75 193.75 201.50 209.56 217.95 80% 95% 100% 100% 100% คาดการณ์์จำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย่� วก่อ่ นสถานการณ์โ์ ควิิด – 19 อััตราการฟื้้�นตัวั จากสถานการณ์์โควิดิ – 19 149.40 184.06 201.50 209.56 217.95 จำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่ย่� วหลังั สถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 (ล้า้ นคน/ครั้ง� ) 1.07 1.36 1.56 1.63 1.73 รายไดร้ วมจากนักทอ่ งเที่ยวไทย (ล้านลา้ นบาท) 2.45 3.11 3.65 3.99 4.34 รายไดร้ วมทง้ั หมด (ลา้ นล้านบาท) ตารางที่่� 2-3 : การคาดการณ์แ์ นวโน้ม้ การท่่องเที่�่ยวไทย กรณีีที่ด่� ีีที่�่สุุด (Best Case) หมายเหตุ : คาดการณ์ ณ วันที่ 26 สงิ หาคม พ.ศ. 2564 ภายใต้บริบทสถานการณ์ปจั จุบนั ในส่ว่ นของกรณีีที่�่ดีีที่�่สุดุ มีีการตั้ง� สมมติฐิ าน ดัังนี้้� 1) อััตราการฉีีดวัคั ซีีนป้อ้ งกันั โรคโควิดิ – 19 ของต่่างประเทศ ครอบคลุุมไม่ต่ ่ำ��ำ กว่่าร้้อยละ 20 ของประชากรใน 10 ประเทศหลัักที่�่สร้า้ งรายได้้จากการท่อ่ งเที่่�ยวสููงสุุดแก่่ประเทศไทย 2) ประเทศไทยสามารถจัดั หาวัคั ซีีนได้ต้ ามแผนการฉีีดวัคั ซีีนและกระจายวัคั ซีีนป้อ้ งกันั โรคโควิดิ – 19 อย่า่ งทั่่ว� ถึงึ ภายใน ปีี พ.ศ. 2564 และไม่่เกิดิ การระบาดเพิ่่�มเติิม 3) อัตั ราการเติบิ โตของค่่าใช้้จ่่ายต่อ่ คนสููงกว่า่ ค่่าเฉลี่�ย่ ย้้อนหลััง 5 ปีี และ ค่่อย ๆ สููงขึ้�น เนื่อ�่ งจากสภาวะเศรษฐกิิจที่ด่� ีีขึ้้�นอย่่างรวดเร็ว็ และนัักท่อ่ งเที่่ย� วที่เ่� ข้้ามาเกืือบทั้้�งหมดเป็็นกลุ่�มนักั ท่อ่ งเที่ย่� ว คุณุ ภาพสููง พร้้อมทั้้�งดำ�ำ เนิินงานตามแผนพััฒนาการท่่องเที่ย�่ วแห่่งชาติิฉบัับที่่� 3 ทุุกประการ จากข้้อสมมติฐิ านข้า้ งต้น้ ส่่งผลให้ภ้ ายใต้้กรณีีที่ด�่ ีีที่ส�่ ุดุ (Best Case) สามารถคาดการณ์์ได้้ว่่า จำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่�ย่ ว ต่า่ งชาติิภายหลัังกรณีีสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 ในปีี พ.ศ. 2566 อยู่�่ ที่�ป่ ระมาณ 21.89 ล้า้ นคน ในขณะที่จ่� ำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วไทยในปีเี ดีียวกันั จะมีีจำ�ำ นวนการท่อ่ งเที่ย่� วสููงกว่า่ อยู่�่ ที่่� 149.40 คน/ครั้ง� ส่ง่ ผลให้ป้ ระเทศไทย จะได้้รายได้ร้ วมทั้้ง� สิ้�นประมาณ 2,449,850 ล้้านบาท โดยในปีถี ัดั ๆ มาคาดการณ์ว์ ่า่ อััตราการฟื้น้� ตััวจากสถานการณ์์ การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 จะปรัับตััวดีีขึ้้�นเรื่�่อย ๆ โดยอััตราการฟื้�้นตััวของประเทศไทยจะกลัับมาฟื้้�นตััว อย่า่ งเต็ม็ ที่�่ในปีี พ.ศ. 2568 ซึ่่ง� จะกลัับสู่�่ ภาวะปกติกิ ่อ่ นการฟื้�้นตััวของต่่างประเทศ ทั้้�งนี้้� ในปีี พ.ศ. 2570 ประเทศไทย จะได้้รายได้จ้ ากการท่่องเที่่ย� วราว 4,333,478 ล้า้ นบาท 064

กรณฐี าน (Base Case) Base Case 2567 2568 2569 2570 2566 นักท่องเท่ียวต่างชาต ิ 43.78 46.08 48.62 51.29 54.11 30% 45% 55% 60% 65% คาดการณ์จ�ำนวนนกั ทอ่ งเที่ยวก่อนสถานการณ์โควิด – 19 13.13 20.74 26.74 30.77 35.17 อัตราการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควดิ – 19 0.82 1.31 1.69 1.96 2.25 จำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วภายหลังั สถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 (ล้า้ นคน) รายได้รวมจากนกั ท่องเที่ยวตา่ งชาติ (ล้านลา้ นบาท) นักท่องเที่ยวไทย  186.75 193.75 201.50 209.56 217.95 60% 80% 95% 100% 100% คาดการณ์์จำำ�นวนนัักท่่องเที่�ย่ วก่่อนสถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 209.56 217.95 อัตั ราการฟื้น�้ ตัวั จากสถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 112.05 155.00 191.43 1.49 1.58 จำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วหลังั สถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 (ล้า้ นคน/ครั้ง� ) 0.76 1.06 1.34 3.45 3.83 รายไดร้ วมจากนกั ท่องเที่ยวไทย (ล้านลา้ นบาท) รายไดร้ วมทงั้ หมด (ล้านลา้ นบาท) 1.58 2.37 3.03 ตารางที่ 2-4 : การคาดการณ์แนวโน้มการทอ่ งเที่ยวไทย กรณฐี าน (Base Case) ในส่ว่ นของกรณีีฐาน มีีการตั้ง� สมมติฐิ าน ดังั นี้้� 1) อัตั ราการฉีีดวัคั ซีีนป้อ้ งกันั โรคโควิดิ – 19 ของต่า่ งประเทศครอบคลุมุ ไม่ต่ ่ำ��ำ กว่า่ ร้อ้ ยละ 20 ของประชากรใน 5 ประเทศหลักั ที่ส�่ ร้า้ งรายได้จ้ ากการท่อ่ งเที่ย่� วสููงสุดุ แก่ป่ ระเทศไทย 2) ประเทศไทย จััดหาวััคซีีนป้้องกัันโควิิดได้้ล่่าช้้ากว่่ากำำ�หนดเพีียงเล็็กน้้อยและสามารถกระจายวััคซีีนป้้องกัันโควิิด – 19 อย่่างทั่่�วถึึง ภายในกลางปีี พ.ศ. 2565 รวมถึงึ การไม่เ่ กิดิ การระบาดเพิ่่ม� เติิม 3) อััตราการเติิบโตของค่า่ ใช้จ้ ่่ายต่่อคนทั้้�งนัักท่อ่ งเที่�ย่ ว ไทยและนัักท่่องเที่่�ยวต่่างชาติิสููงกว่่าค่่าเฉลี่�่ยย้้อนหลััง 5 ปีี และค่่อย ๆ สููงขึ้�น เนื่�่องจากสภาวะเศรษฐกิิจที่�่ดีีขึ้้�นอย่่าง ค่อยเปน็ คอ่ ยไป จากข้อ้ สมมติฐิ านข้า้ งต้น้ ส่ง่ ผลให้ภ้ ายใต้ก้ รณีีฐาน (Base case) สามารถคาดการณ์ไ์ ด้ว้ ่า่ จำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย่� วต่า่ งชาติิ ภายหลัังกรณีีสถานการณ์ก์ ารแพร่ร่ ะบาดของโรคโควิิด – 19 ในปีี พ.ศ. 2566 จะมีีเพีียง 13.13 ล้า้ นคน ในขณะที่จ�่ ำ�ำ นวน นัักท่อ่ งเที่่�ยวไทยในปีีเดีียวกัันจะมีีจำำ�นวนการท่่องเที่่�ยวสููงกว่่าอยู่่�ที่่� 112.05 คน/ครั้�ง ส่่งผลให้้ประเทศไทยจะได้้รายได้้ รวมทั้้ง� สิ้น� ประมาณ 1,580,870 ล้า้ นบาท โดยในปีถี ัดั ๆ มาคาดการณ์ว์ ่า่ อัตั ราการฟื้น�้ ตัวั จากสถานการณ์ก์ ารแพร่ร่ ะบาด ของโรคโควิิด – 19 จะปรับั ตััวดีีขึ้้น� เรื่�่อย ๆ สอดคล้้องกัับรายได้้จากการท่อ่ งเที่ย�่ วของไทยที่จ�่ ะเพิ่่ม� ขึ้น� เรื่�่อย ๆ เช่น่ กันั โดยอตั ราการฟื้นตัวของประเทศไทยจะกลบั มาฟื้นตวั อยา่ งเต็มที่ในปี พ.ศ. 2569 ท้ังนี้ ใน ปี พ.ศ. 2570 ประเทศไทยจะ ไดร้ ายไดจ้ ากการท่องเที่ยวประมาณ 3,827,335 ลา้ นบาท 065

แผนพัฒนาการทอ่ งเที่ยวแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) กรณีเลวรา้ ยท่ีสดุ (Worst Case) Worst Case 2567 2568 2569 2570 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาต ิ 43.78 46.08 48.62 51.29 54.11 10% 30% 45% 50% 55% คาดการณ์จ�ำนวนนักท่องเที่ยวก่อนสถานการณ์โควิด – 19 4.38 13.82 21.88 25.65 29.76 อตั ราการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด – 19 0.27 0.87 1.38 1.62 1.89 จ�ำนวนนกั ทอ่ งเที่ยวภายหลงั สถานการณโ์ ควดิ – 19 (ลา้ นคน) รายไดร้ วมจากนักทอ่ งเที่ยวต่างชาติ (ลา้ นลา้ นบาท) นักท่องเทย่ี วไทย  186.75 193.75 201.50 209.56 217.95 40% 65% 85% 95% 95% คาดการณ์์จำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่�่ยวก่่อนสถานการณ์โ์ ควิิด – 19 74.70 อัตั ราการฟื้น�้ ตัวั จากสถานการณ์โ์ ควิิด – 19 125.94 171.28 199.08 207.05 จำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่ย่� วหลังั สถานการณ์โ์ ควิดิ – 19 (ล้า้ นคน/ครั้ง� ) 0.45 0.79 1.08 1.28 1.36 รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวไทย (ลา้ นลา้ นบาท) 0.73 รายได้รวมทงั้ หมด (ลา้ นลา้ นบาท) 1.65 2.46 2.90 3.25 ตารางที่ 2-5 : การคาดการณแ์ นวโน้มการท่องเที่ยวไทย กรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) หมายเหตุ : คาดการณ์ ณ วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ภายใตบ้ ริบทสถานการณป์ ัจจบุ นั ในส่่วนของกรณีีเลวร้้ายที่�่สุุด มีีการตั้�งสมมติิฐาน ดัังนี้้� 1) มีีการกลายพัันธุ์�ของโรคระบาดโควิิด – 19 รุุนแรงใน หลายประเทศทำ�ำ ให้้ประสิิทธิิภาพของวััคซีีนด้้อยสภาพลง จึึงต้้องพััฒนาวััคซีีนและเริ่�มฉีีดวััคซีีนใหม่่อีีกครั้�ง โดยอััตรา การฉีีดวัคั ซีีนป้อ้ งกันั โรคโควิดิ – 19 ของต่า่ งประเทศครอบคลุมุ ต่ำ��ำ กว่า่ ร้อ้ ยละ 20 ของประชากรใน 10 ประเทศหลักั ที่ส�่ ร้า้ ง รายได้้จากการท่อ่ งเที่่ย� วสููงสุุดแก่ป่ ระเทศไทย 2) ประเทศไทยสามารถจััดหาวััคซีีนป้้องกัันโรคโควิิด – 19 ได้ล้ ่่าช้า้ กว่่า กำำ�หนดค่อ่ นข้า้ งมาก โดยสามารถกระจายวัคั ซีีนป้อ้ งกันั โควิดิ – 19 อย่า่ งทั่่ว� ถึงึ ภายในกลางปีี พ.ศ. 2565 แต่เ่ กิดิ การระบาด เพิ่่ม� เติิม 3) อััตราการเติิบโตของค่่าใช้จ้ ่่ายต่อ่ คน ทั้้�งนักั ท่่องเที่ย่� วไทยและนัักท่่องเที่่�ยวต่า่ งชาติติ ่ำ�ำ� กว่า่ ค่่าเฉลี่่ย� ย้อ้ นหลังั 5 ปีีค่่อนข้้างมาก และค่่อย ๆ สููงขึ้�นเพีียงเล็็กน้้อย เป็็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิิจยัังคงไม่่ฟื้�้นตััว และนัักท่่องเที่่�ยว ที่เข้ามาในประเทศไทยส่วนมากไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามแผนพัฒนาการท่องเที่ยว แหง่ ชาติฉบบั ที่ 3 อย่างส้ินเชิง จากข้อ้ สมมติฐิ านข้า้ งต้น้ ส่ง่ ผลให้ภ้ ายใต้ก้ รณีีเลวร้า้ ยที่ส�่ ุดุ (Worst case) สามารถคาดการณ์ไ์ ด้ว้ ่า่ จำำ�นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ ว ต่า่ งชาติิภายหลังั กรณีีสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรคโควิดิ – 19 ในปีี พ.ศ. 2566 จะมีีเพีียง 4.38 ล้า้ นคนเท่า่ นั้้�น ในขณะที่จ่� ำ�ำ นวนนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วไทยในปีเี ดีียวกันั จะมีีจำำ�นวนการท่อ่ งเที่ย�่ วสููงกว่า่ อยู่�่ ที่่� 74.70 คน/ครั้ง� ส่ง่ ผลให้ป้ ระเทศไทย จะได้้รายได้้รวมทั้้ง� สิ้น� ประมาณ 727,303 ล้้านบาท โดยในปีถี ััด ๆ มาได้ค้ าดการณ์ว์ ่่า อััตราการฟื้น�้ ตัวั จากสถานการณ์์ 066

การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 จะปรัับตััวดีีขึ้้�นเรื่่�อย ๆ ส่่งผลให้้เกิิดการขยายตััวของรายได้้จากการท่่องเที่�่ยว ของประเทศไทย อย่่างไรก็็ตาม สถานการณ์์การท่่องเที่�่ยวไทยจะฟื้�้นตััวได้้สููงสุุดร้้อยละ 95 เท่่านั้้�นในปีี พ.ศ. 2569 และ พ.ศ. 2570 ในขณะที่การฟื้นตัวของนกั ทอ่ งเที่ยวต่างชาติเพ่มิ ข้ึนรอ้ ยละ 5 ในปีเดยี วกัน ท�ำใหป้ ระเทศไทยไดร้ ายได้ จากการทอ่ งเที่ยว 2,903,983 ลา้ นบาท และ 3,252,854 ลา้ นบาท ตามล�ำดบั ทั้้�งนี้้� ข้้อสัันนิิษฐานข้้างต้้นจะมีีความเปลี่่�ยนแปลงไปขึ้�นอยู่�่ กัับสถานการณ์์และปััจจััยอื่่�น ๆ ที่่�สามารถส่่งผลต่่อ การทอ่ งเที่ยว ยกตวั อยา่ งเชน่ 1) ประเทศไทยมกี ารยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ความสะอาด และสขุ อนามยั โดย ประเทศไทยไดอ้ อกมาตรฐานความปลอดภยั ดา้ นสขุ อนามยั เพื่อนกั ทอ่ งเที่ยว (Amazing Thailand Safety and Health Administration : SHA) เพื่อท�ำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจด้านสุขอนามัยในการท่องเที่ยวในประเทศไทย และ 2) ประเทศไทยมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของมาตรการการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น การขยายระยะเวลาย่ืนภาษีเงินได้นิติบุคคล มาตรการ ชดเชยรายไดใ้ หก้ บั มคั คเุ ทศก์ มาตรการสนิ เชื่อดอกเบย้ี ต�่ำส�ำหรบั ผปู้ ระกอบการทอ่ งเที่ยว การแบง่ เบาภาระคา่ ใชจ้ า่ ยของ ประชาชนผา่ นโครงการ “คนละครง่ึ ” การแบง่ เบาภาระคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการทอ่ งเที่ยวผา่ นโครงการ “เราเที่ยวดว้ ยกนั ” เปน็ ตน้ และ 3) การวางแผนและเตรยี มการเปิดประเทศ เปน็ ตน้ ประเทศเป้้าหมายที่่�สำำ�คััญหลัังการฟื้�้นตััว จากสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรค โควิดิ – 19 กลุ่�มประเทศที่�่ประเทศไทยควรให้้ความสำ�ำ คััญ ในด้้านการท่่องเที่่�ยวเป็็นอัันดัับแรกภายหลัังจาก สถานการณ์์การแพร่ร่ ะบาดของโรคโควิดิ –19 ที่พ่� ิจิ ารณา จากค่่าใช้้จ่่ายต่่อหััว ของนัักท่่องเที่�่ยว การเดิินทาง มาซ้ำำ�� ของนัักท่่องเที่่�ยว (Revisit) และการคาดการณ์์ การฟื้้�นตััวจากสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรค โควิดิ – 19 ของประเทศดัังกล่า่ ว โดยพบว่่า ประเทศมีี ค่่าใช้้จ่่ายต่่อการเดิินทางสููง มีีอััตราการเดิินทางเข้้ามา ท่่องเที่่�ยวในประเทศไทยซ้ำำ�� ได้้รัับการฉีีดวััคซีีนครบ ตามเป้า้ หมาย และควรให้ค้ วามสำำ�คัญั เป็็นอัันดัับต้น้ ๆ ได้้แก่่ สหรััฐอเมริิกา สหราชอาณาจัักร สาธารณรััฐ ประชาชนจีีน ประเทศออสเตรเลีีย สหพัันธรััฐรััสเซีีย และประเทศญี่่�ปุ่ �น 067

แผนพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ล�ำดบั ประเทศ คา่ ใช้จา่ ยต่อหวั (บาท/วัน/คน) 1) สหราชอาณาจกั ร 8,249 2) ประเทศออสเตรเลีย 7,752 3) สหพนั ธรัฐรัสเซีย 7,499 4) สหรฐั อเมรกิ า 7,301 5) ประเทศญ่ปี ุ่น 5,665 6) สาธารณรัฐประชาชนจีน 5,154 7) ประเทศอนิ เดยี 4,408 8) สาธารณรฐั เกาหลี 4,332 9) สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว 3,375 10) ประเทศมาเลเซีย 2,715 ตารางที่ 2-6 : ประเทศที่สร้างรายได้ให้ประเทศไทยสูงสดุ ปี พ.ศ. 2562 จ�ำนวนนักทอ่ งเทย่ี วเดินทางซำ้� (ร้อยละ) ลำ� ดับ ประเทศ 96.16 77.19 1) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 73.62 2) ประเทศญ่ปี ่นุ 72.26 3) ประเทศออสเตรเลยี 70.90 4) ประเทศมาเลเซีย 68.12 5) สหราชอาณาจักร 65.89 6) ประเทศเยอรมนี 63.98 7) สหพันธรฐั รัสเซีย 59.70 8) สหรัฐอเมริกา 49.10 9) ประเทศอนิ เดีย 10) สาธารณรฐั ประชาชนจนี ตารางที่ 2-7 : ประเทศที่นกั ท่องเที่ยวเดนิ ทางมาประเทศไทยซ�้ำสูงสดุ ปี พ.ศ. 2562 068

ล�ำดบั ประเทศ ระยะเวลาการฉีีดวััคซีนี ป้้องกันั โรคโควิดิ – 19 (ปี)ี 1) ประเทศอินเดยี 5 2) สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว 2 3) สหพันธรัฐรสั เซยี 1.5 4) ประเทศญ่ปี นุ่ 1.5 5) ประเทศมาเลเซยี 1.5 6) ประเทศออสเตรเลยี 1 7) สาธารณรฐั เกาหลี 1 8) สาธารณรัฐประชาชนจีน 1 9) สหราชอาณาจกั ร 0.5 10) สหรฐั อเมริกา 0.5 ตารางที่่� 2-8 : ระยะเวลาการฉีีดวัคั ซีีนป้้องกัันโรคโควิิด – 19 069

แผนพฒั นาการท่องเทีย่ วแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 1.4 โครงสรา้ งประชากรโลกและพฤตกิ รรมทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป จากข้อมูลประชากรโลกของสหประชาชาติ (United Nations) แสดงให้เห็นแนวโน้มของจ�ำนวนประชากรโลก ที่มีจ�ำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุต้ังแต่ 51 ปีข้ึนไปที่มีอัตราการเติบโต เรว็ ที่สุดจนกลายเป็น “สังคมผ้สู ูงอายุ” ซ่งึ เปน็ กล่มุ Baby Boomers ผูเ้ กิดภายหลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 หรือระหว่างปี พ.ศ. 2489 - 2507 จากการส�ำรวจของ TripAdvisor.com และ Virtuoso ผสู้ ูงอายุกลมุ่ นี้ชนื่ ชอบรูปแบบการทอ่ งเที่ยว ที่�่แตกต่่างจากกลุ่�ม Generation X และกลุ่�ม Millennials เป็็นอย่่างมาก โดยกลุ่�มนัักท่่องเที่่�ยวที่�่เป็็นผู้�สู งอายุุ มักั มีีลัักษณะในการท่อ่ งเที่ย�่ วต่่าง ๆ ดัังนี้้� • ผสู้ งู อายจุ ะมงี บประมาณการใชจ้ า่ ยในการทอ่ งเที่ยวมากกวา่ กลมุ่ Generation X และกลมุ่ Millennials ถึง 1.5 เทา่ • มแี นวโนม้ ในการท่องเที่ยวเพื่อความบนั เทิงและการพกั ผอ่ นหยอ่ นใจสูงที่สดุ • มีความสนใจในการสรา้ งประสบการณ์การทอ่ งเที่ยวด้านวัฒนธรรมท้องถ่นิ • การตดั สินใจท่องเที่ยวไมไ่ ดร้ บั อทิ ธิพลจากราคาเที่ยวบินหรือขอ้ เสนอราคาพิเศษมากนัก • พึ่งพาข้อมลู เก่ยี วกบั การท่องเที่ยวผ่านสื่อสิ่งพิมพแ์ ละสื่อดั้งเดิมเปน็ หลัก จาํ นวนและการคาดการณประชากรโลก แบง ตามชวงอายุ ตง้ั แตป  พ.ศ. 2523 - 2603 พันลา นคน 12 10 8 6 4 2 0 2533 2543 2553 2563 2573 2583 2593 2503 2523 ตาํ่ กวา 5 ป 5 - 14 ป 15 - 24 ป 25 - 64 ป 65+ ป รูปที่ 2-18 : จ�ำนวนประชากรโลกแบ่งตามชว่ งอายุ ผลงานวิจัยจากการวิเคราะห์ข้อมูลของ TripAdvisor และ Virtuoso พบว่า ระหว่าง 3 กลุ่มนักท่องเที่ยว 1) Baby Boomers อายุ 51 ปีข้นึ ไป 2) Generation X อายุ 36 ปขี ึ้นไป และ 3) Millennials อายุ 17 ปีขึน้ ไป กลมุ่ นกั ทอ่ งเที่ยวสงู อายเุ ปน็ กลมุ่ ที่แสดงถึงโอกาสทางธรุ กจิ ที่หลากหลาย เนื่องจากเปน็ กลมุ่ นกั ทอ่ งเที่ยวที่ใหค้ วามส�ำคญั กบั คณุ ภาพในการทอ่ งเที่ยว เดนิ ทางทอ่ งเที่ยวในชว่ งนอกฤดกู าล มเี วลาพ�ำนกั ตอ่ การเดนิ ทางที่ยาวนานประมาณ 15 วนั ถึง 070

1 เดือน มองหาความสะดวกสบายและความปลอดภยั ระหวา่ งการเดนิ ทาง ซงึ่ สง่ ผลใหต้ อ้ งมคี า่ ใชจ้ า่ ยที่สงู ขนึ้ ตามไปดว้ ย จากผลการส�ำรวจแนวโน้มการทอ่ งเที่ยวประจ�ำปขี อง AARP Research (พ.ศ. 2564) พบผลส�ำรวจวา่ ยงั มกี ลมุ่ ผ้สู ูงอายุ ที่ยงั ไมย่ กเลกิ ความตง้ั ใจที่จะไปทอ่ งเที่ยวและตอ้ งการที่จะไปทอ่ งเที่ยวในโลกกวา้ ง รอ้ ยละ 54 วางแผนที่จะทอ่ งเที่ยวใน ปี พ.ศ. 2564 และรอ้ ยละ 13 ของกลุม่ ผ้สู ูงอายวุ างแผนท่องเที่ยวทางทะเลดว้ ยเรือส�ำราญ การใช้จ่ายในการท่องเที่ยว (USD) Baby Boomers Generation X Millennials (อายุ 51 ปีข้นึ ไป) (อายุ 36 ปีขนึ้ ไป) (อายุ 17 ปขี ึ้นไป) รูปแบบการทอ่ งเทย่ี ว 8,736 5,700 2,915 ใหค้ วามส�ำคญั กบั การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ การจองบริการผ่านแพลตฟอรม์ ออนไลน์ 82% 79% 77% การเปรยี บเทียบตัวเลือกทางออนไลน์ 84% 82% 90% 72% 71% 80% ปจั จยั ทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ่ การเลอื กสถานท่ที อ่ งเท่ยี ว สังคมและวฒั นธรรม 52% 46% 46% ค�ำแนะน�ำจากเพื่อน 22% 28% 36% ราคาคา่ ตั๋วเครื่องบนิ ถูก 13% 21% 36% ข้อ้ เสนอแพ็ก็ เกจที่พ่� ัักราคาถููกพิิเศษ 22% 23% 18% ความเฉพาะเจาะจงของที่พัก 20% 18% 11% ส่ือทมี่ ีอิทธิพลตอ่ การตัดสนิ ใจ 5% 10% 18% 11% 19% 22% ภาพยนตร์ 15% 17% 15% โทรทศั น์ สื่อสงิ่ พมิ พ์ ตารางที่่� 2-9 : พฤติกิ รรมการท่อ่ งเที่ย�่ วของประชากรในแต่ล่ ะช่่วงอายุุ แหล่่งที่่�มา : EIC analysis based on data from TripAdvisor and Virtuoso กลุ่�มประชากรชาว Generation X (เกิิดระหว่่างปีี พ.ศ. 2508 - 2523) หรืือประชาชนที่ม่� ีีอายุปุ ระมาณ 36 ปีีขึ้�นไป จากการศึึกษารายงานเจาะเทรนด์โ์ ลก 2021 โดยศููนย์ส์ ร้า้ งสรรค์ง์ านออกแบบ (TCDC) พบว่า่ เป็น็ กลุ่�มที่ช่� อบหางานอดิเิ รก (Hobbies) ที่�่แปลกใหม่่ให้้ตนเองอยู่่�เสมอ โดยไม่่ได้้คำ�ำ นึึงว่่ากิิจกรรมเหล่่านั้้�นคืือสิ่่�งที่�่ทำ�ำ ในยามว่่าง แต่่กลัับมองว่่าเป็็น การให้้เวลากัับตััวเอง ร้้อยละ 57 ที่่�ให้้ความสำ�ำ คััญกัับเรื่่�องโภชนาการทางอาหาร การออกกำำ�ลัังกาย และปั่่�นจัักรยาน ทัวั ร์์นาเมนต์ต์ ััวอย่า่ งของการท่อ่ งเที่�ย่ วสำ�ำ หรัับกลุ่�มประชากรนี้้� ได้แ้ ก่่ การท่่องเที่ย�่ วเชิงิ ผจญภััย (Adventure Tourism) การท่่องเที่ย่� วเชิงิ กีีฬา (Sport Tourism) เป็็นต้น้ 071

แผนพัฒนาการท่องเท่ียวแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) สำ�ำ หรัับกลุ่�มประชากรชาว Millennials หรืือ Generation Y (เกิิดระหว่่างปีี พ.ศ. 2524 - 2539) จากรายงาน เจาะเทรนด์โ์ ลก 2021 ของศููนย์ส์ ร้า้ งสรรค์ง์ านออกแบบ (TCDC) พบว่่าร้้อยละ 73 ใช้้สื่อ่� สังั คมออนไลน์์หลากหลาย เช่่น อิินสตาแกรม สแนปแชท ติ๊๊ก� ต็็อก เป็็นต้น้ จึึงส่่งผลให้้มีีโอกาสทางธุุรกิจิ เกิดิ ขึ้น� เป็น็ ธุุรกิิจประเภท Direct-to-Consumer และร้อ้ ยละ 77 มัักจะซื้�อเครื่่�องดื่�่มและโพสต์ล์ งโซเชีียลทุุก ๆ สัปั ดาห์์ ส่่งผลต่่อรายได้้การเติิบโตของร้้านกาแฟ ร้า้ นชานม ไข่มุก และร้านอาหารที่ก�ำลังเป็นที่นิยม ณ ขณะน้ัน ซึ่งเป็นโอกาสส�ำหรับธุรกิจบริการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยว เชงิ อาหาร (Gastronomy) หรือการทอ่ งเที่ยวแบบเนบิ ช้า (Slow Travel) ที่ไมพ่ งึ่ พามคั คเุ ทศก์ เปน็ ตน้ ส�ำหรับประชากรชาว Generation Z (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2540 - 2555) เป็นกลุ่มคนที่เกิดมากับโลกดิจิทัล อย่างแท้จริง เติบโตมาพร้อมกับความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา รายงานเจาะแนวโน้มโลก 2021 ของ ศูนยส์ รา้ งสรรคง์ านออกแบบ (TCDC) กล่าววา่ ร้อยละ 33 ใช้เวลามากกวา่ 6 ชัว่ โมงต่อวันในโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มน้ีชอบท่องเที่ยวเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับคนในชุมชน เช่น การท�ำกิจกรรม Workshop การท�ำงานฝีมือ การท�ำกิจกรรมร่วมกบั ชาวบา้ น เปน็ ต้น คนกลมุ่ น้ีไม่สนใจสนิ ค้าหรือโฆษณาจากผู้มีอทิ ธพิ ล (Influencers) แตจ่ ะตดิ ตาม บคุ คลที่มีลกั ษณะคล้ายหรือมีความสนใจเรื่องเดียวกนั รปู แบบการตลาดเพ่อื การท่องเท่ียวที่เปล่ียนแปลงไปในยุคดจิ ทิ ลั การท�ำการตลาดเพื่อการท่องเที่ยวต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีการเปลยี่ นแปลง ในด้านของโครงสร้างกลุ่มนักท่องเที่ยว ตลอดจนมีการเปล่ียนแปลงของพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยว อย่างรวดเรว็ (Tourism Marketing Technique Must Adapt to a Digital Era) จากการวิเคราะห์โครงสรา้ งประชากร ข้างต้น รวมถึงการวิจัยของธนาคารกรุงศรี พ.ศ. 2564 แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมีประชากรในประเทศไทยอาศัยอยู่ ร่วมกันมาก และแต่ละกลุ่มประชากรมีลักษณะพฤติกรรม และความชอบในด้านการท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ การสื่อสารการตลาดตอ้ งปรบั ตวั 072

การตลาดตองปรบั ตวั ใหทันสมยั ปจจบุ ันโครงสรางประชากรคอนขางหลากหลาย (Marketing New Version) รวมถงึ แตละกลุมคนยังมีความแตกตางกนั ทางพฤตกิ รรมและความตองการทางการทอ งเทยี่ ว Generation อายุ Travel Preference บรกิ ารทีต่ องการ การเปลี่ยนแปลงหลังโควิด Generation Z ส่อื สังคมออนไลน + ความกลัวนอย < 24 ป + เปด ใจกวาง + พรอ มทองเทยี่ วแบบ + มงุ ทอ งเที่ยวตามทีก่ าํ หนด โฆษณาในรปู แบบตา งๆ (เกดิ หลังป 1995) + รักการผจญภัยและทอ งเทีย่ ว สนกุ สนานในระยะสั้น การทองเทีย่ วแบบทวั ร + มงี บจํากดั Generation Y 24-37 ป เชิงนิเวศ ใชการคนควา ออนไลน (Millennials) + รกั การเที่ยวกลางคนื + ความกลวั นอย (เกิดระหวางป 1981-1994) การทองเที่ยวแบบทวั ร + ตอ งการทอ งเท่ียวระยะส้ัน + ทอ งเท่ยี วคนเดียว หรือเปนคู การบอกตอ + ตอบสนองตอแคมเปญ Generation X 38-53 ป กับคนใกลชิด การทองเทีย่ วแบบทวั ร การทอ งเท่ียว (เกิดระหวางป 1965-1980) + เย่ียมเยยี นครอบครวั การบอกตอครอบครัว + ชอบความพิเศษ + มคี วามกลวั Baby-Boomers 54-72 ป + ทองเทย่ี วแบบพกั ผอ น โรแมนติก + จาํ กัดการใชจ า ยสูง (เกิดระหวา งป 1946-1964) และเชิงกฬี า หรือปริมาณสูง + จํากดั การทองเทยี่ วเชงิ ธุรกจิ Silver-Hair > 72 ป + ใหความสาํ คญั กับประสบการณ Generation + เดินทางทอ งเทีย่ วนอยกวากลุม อื่น + มคี วามกลวั (เกดิ กอนป 1946) + ทอ งเทย่ี วกับครอบครัว + จาํ กดั การทอ งเที่ยว + ทองเท่ยี วเชงิ กฬี าและธรุ กจิ บางรปู แบบ + ใหความสาํ คัญกับการพักผอ น หยอนใจ + มคี วามกลวั + จํากดั การทอ งเท่ียว + ไมช อบผจญภยั + ใชจ ายคอนขางสงู + ทอ งเทย่ี วกับกลมุ ใหญๆ + ทองเท่ยี วระยะยาว + ใชจายคอ นขา งสงู วิธกี ารทาํ การตลาดที่เปล่ียนแปลงใหเหมาะสมกบั ยุคปจจุบนั การทําการตลาดทกุ ชอ งทางอยางไรรอยตอ การตลาดผา นการสรางเนื้อหาดว ยผูใ ชเอง เพ่ือใหสามารถเขา ถึงนักทอ งเที่ยวไดทุกกลม (User Generated Content: UGC) ทกุ ที่ และทกุ เวลา (Omnichannel Marketing) ซึง่ จะมีผลตอนักทองเท่ยี วมากกวาการตลาด ผา นชอ งทางอื่น ๆ จากสถิติผูใชส อ่ื สังคมออนไลนใ นประเทศไทย ป พ.ศ. 2564 พบ 55 ลานคน (78.7%) การตลาดผานผมู อี ทิ ธิพล (Influencers) จะสง ผลตอ การตัดสินใจของนักทองเท่ียว จึงควรทาํ การตลาดบนสอ่ื สังคมออนไลน มากกวา รูปแบบการตลาดแบบดงั้ เดิม (Social Media Marketing) เน่ืองจากเปน บคุ คลท่ีนกั ทองเที่ยวชืน่ ชอบ การส่ือสารการตลาดอยางตรงใจนกั ทองเทยี่ ว การตลาดผานชองทางที่เหมาะสมกับ ในทุกๆ รายละเอียด (Personalized Marketing) กลมุ เปา หมาย เชน การตลาดสถานทีท่ อ งเทย่ี ว ผานภาพยนตร เปนตน ดวยการวเิ คราะหขอมูลขนาดใหญเ ชงิ ลกึ (Big Data Analysis) รปู ที่ 2-19 : รปู แบบการตลาดที่เปล่ียนแปลงไปตามโครงสรา้ งประชากรที่หลากหลาย 073

แผนพัฒนาการทอ่ งเที่ยวแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ปััจจุุบันั นัักท่่องเที่่�ยวมีีลัักษณะ พฤติิกรรม และความชอบในการท่่องเที่่�ยว ที่่�แตกต่า่ งกันั ส่่งผลให้ก้ ารสื่่�อสารตลาด ต้อ้ งปรับั ตััว • การตลาดหลากหลายช่่องทางอย่่างไร้้รอยต่่อ ปรับปรุงประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวและสร้าง (Omnichannel Marketing) ซึ่่�งเป็็นการติดิ ต่อ่ ความสัมพนั ธ์ที่แขง็ แกรง่ ผ่านการตลาดที่ตรงใจ สื่�่อสารกัับนัักท่่องเที่�่ยวเป้้าหมายในหลากหลาย • การตลาดผ่่านการสร้้างเนื้�อหาด้้วยตััวผู้�ใช้้เอง ช่อ่ งทางที่เ่� ชื่อ�่ มโยงช่อ่ งทางต่า่ ง ๆ รวมเป็น็ หนึ่ง่� เดีียว (User Generated Content : UGC) การสร้้าง โดยผสมผสานช่่องทางการสื่�่อสารทั้้�งแบบออนไลน์์ ประสบการณ์์การท่่องเที่�่ยวที่่�ดีีให้้กัับนัักท่่องเที่่�ยว (Online) และออฟไลน์์ (Offline) เข้้าด้้วยกััน พร้อ้ มทั้้ง� กระตุ้�นให้น้ ักั ท่อ่ งเที่ย�่ วนั้้น� สร้า้ งเนื้้อ� หาและ เผยแพร่่ผ่า่ นช่อ่ งทางของตนเอง จะเป็็นการสื่�่อสาร • การตลาดผา่ นชอ่ งทางสือ่ สงั คมออนไลน์ และสรา้ ง การตลาดที่�่เกิิดจากประสบการณ์์ที่�่เกิิดขึ้ �นจริิงของ เนอื้ หาใหเ้ หมาะสมกบั แตล่ ะแพลตฟอรม์ (Social นัักท่่องเที่�่ยวตลอดจนทำำ�ให้้สามารถดึึงดููดความ Media Marketing) จากการศึกษาสถิติผู้ใช้ สนใจของกลุ่ �มเป้้าหมายที่่�ใกล้้ชิิดกัับนัักท่่องเที่่�ยว สื่อสังคมออนไลน์ในประเทศไทยปี พ.ศ. 2564 กลุ่�มนั้้น� ๆ ได้้มากยิ่�งขึ้น� พบผู้ใช้งานมากถึง 55 ล้านคน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 78.7 • การสือ่ สารการตลาดผา่ นผมู้ อี ทิ ธพิ ล(Influencers) ของจ�ำนวนประชากรท้ังประเทศ ซ่ึงถือว่าเป็น เนื่องจากผมู้ ีอทิ ธพิ ลเปน็ บคุ คลที่มผี ตู้ ดิ ตามคอ่ นขา้ ง จ�ำนวนที่ค่อนข้างมาก รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์ มาก และได้รับความเชื่อถือจากผู้ติดตามเหล่านั้น แตล่ ะที่จะมกี ารแสดงผลและการใชง้ านที่แตกตา่ งกนั ดงั นน้ั การตลาดผา่ นผมู้ ีอทิ ธพิ ลจงึ สามารถสง่ ผลตอ่ ดังน้ัน การสร้างสรรคแ์ ละน�ำเสนอเนื้อหาจึงจ�ำเปน็ การตััดสิินใจของนัักท่่องเที่่�ยวคนอื่�่นที่่�ติิดตามผู้ �มี ต้องปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของแต่ละ อิิทธิิพลนั้้น� ๆ ได้อ้ ย่า่ งมีีประสิิทธิิภาพ แพลตฟอรม์ • การตลาดผ่่านช่่องทางที่�เป็็นที่�ได้้รัับความสนใจ จากชีวี ิติ ประจำำ�วันั เนื่อ่� งจากประชาชนมีีพฤติกิ รรม • การสือ่ สารการตลาดอยา่ งตรงใจนกั ทอ่ งเทย่ี วดว้ ย ในการชมภาพยนตร์์อยู่�่เป็็นประจำำ�เพื่�่อความ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Personalized บัันเทิิง หรืือเพื่�่อวััตถุุประสงค์์อื่่�น ๆ ของแต่่ละคน Marketing by Big Data Analysis) เนื่องจาก อย่า่ งไรก็ต็ าม การสื่อ�่ สารการตลาดสถานที่ท�่ ่อ่ งเที่ย�่ ว การที่จะทราบได้ถึงความต้องการที่แท้จริงของ ต่่าง ๆ ผ่่านละคร หรืือภาพยนตร์์ จึึงเป็็นอีีกหนึ่่�ง นักท่องเที่ยวแต่ละคนน้ันจ�ำเป็นที่จะต้องมีการ ช่องทางส�ำหรับการตลาดในปจั จุบนั รวบรวมข้อมูลจ�ำนวนมหาศาลของนักท่องเที่ยว เข้าด้วยกัน พร้อมท้ังวิเคราะห์เพื่อน�ำผลลัพธ์มา 074

1.5 รูปแบบและประเภทการท่องเทย่ี วศกั ยภาพสงู ของไทย พฤติิกรรมการเดิินทางของนัักท่่องเที่่�ยวไทยและนัักท่่องเที่�่ยวต่่างชาติิที่�่เปลี่่�ยนไปจากสถานการณ์์การแพร่่ระบาด ของโรคโควิิด – 19 รวมทั้้�งแนวโน้้มการเปลี่�่ยนแปลงที่�่สำ�ำ คััญของโลก (Mega Trend) ความพร้้อมของอุุตสาหกรรม การท่อ่ งเที่ย�่ วไทย ทั้้ง� ในด้า้ นของแหล่ง่ ท่อ่ งเที่ย�่ ว ชุมุ ชนท่อ่ งเที่ย่� ว ความยั่ง� ยืืนของทรัพั ยากรและวัฒั นธรรม และโครงสร้า้ ง พื้้น� ฐานต่า่ ง ๆ พบว่า่ มีีประเภทการท่อ่ งเที่ย�่ วที่ป�่ ระเทศไทยมีีศักั ยภาพ 7 ประเภท ได้แ้ ก่่ 1) การท่อ่ งเที่ย่� วเชิงิ สร้า้ งสรรค์แ์ ละ วัฒนธรรม (Creative Tourism) 2) การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE) 3) การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) 4)การท่อ่ งเที่ย�่ วเชิงิ สุขุ ภาพความงามและแพทย์แ์ ผนไทย(MedicalandWellnessTourism)5)การท่อ่ งเที่ย่� วสำำ�ราญทางน้ำำ�� (Coastal Maritime and River Tourism 6) การท่่องเที่�่ยวเชื่่อ� มโยงอนุภุ ููมิภิ าค ชุมุ ชน และนานาชาติิ (Connectivity Tourism) และ 7) การท่่องเที่�ย่ วอย่า่ งมีีความรับั ผิดิ ชอบ (Responsible Tourism) โดยมีีรายละเอีียดดังั ต่อ่ ไปนี้้� การท่องเทยี่ วเชิงสร้างสรรคแ์ ละวัฒนธรรม (Creative Tourism) การท่่องเที่่�ยวเชิิงสร้้างสรรค์์และวััฒนธรรมเป็็นรููปแบบของกิิจกรรมการท่่องเที่�่ยวที่่�มุ่�งเน้้นการใช้้องค์์ความรู้�และ นวััตกรรมในการสร้้างสรรค์์คุุณค่่าสิินค้้าและบริิการการท่่องเที่่�ยว เพื่่�อสร้้างประสบการณ์์ใหม่่ ๆ แก่่นัักท่่องเที่�่ยวจาก แหล่ง่ ท่อ่ งเที่ย�่ วที่ม�่ ีีความเกี่ย่� วข้อ้ งกับั วัตั ถุสุิ่ง� ของ ภููมิปิ ัญั ญา จิติ วิญิ ญาณ และประวัตั ิศิ าสตร์์ หรืือผลิติ ภัณั ฑ์ท์ างวัฒั นธรรม ทั้้�งที่�่จัับต้้องได้้ (Tangible Culture) และที่�่จัับต้้องไม่่ได้้ (Intangible Culture) ทั้้�งนี้้� การท่่องเที่่�ยวเชิิงสร้้างสรรค์์ เปน็ ประเภทการทอ่ งเที่ยวที่ประเทศไทยมศี กั ยภาพควรไดร้ บั การสนบั สนนุ เปน็ อยา่ งมาก เนื่องดว้ ย 1) ประเทศไทยมแี หลง่ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สรา้ งข้นึ มาในอดีตจ�ำนวนมาก เชน่ วัด โบราณสถาน เป็นต้น สอดคล้องกับความตอ้ งการของ นักท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทย จากสถิติการศึกษาพฤติกรรม การเดิินทางของนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วไทย จััดทำำ�โดย การท่อ่ งเที่่�ยวแห่่งประเทศไทย (ททท.) ในปีี 2562 พบว่า่ นัักท่่องเที่ย่� วไทย 075

แผนพัฒนาการท่องเทีย่ วแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) เลืือกที่่�จะท่่องเที่่�ยว เพื่�่อสัักการะศาสนสถานและมีีความต้้องการท่่องเที่�่ยวเพื่�่อศึึกษาพื้้�นที่�่สำำ�คััญทางประวััติิศาสตร์์ ศึึกษาวิิถีีชีีวิิตวััฒนธรรมตามชุุมชนในระดัับสููง โดยมากกว่่าครึ่�่งของนัักท่่องเที่่�ยวไทยเลืือกที่่�จะท่่องเที่�่ยวทางศาสนา รองลงมาคือทอ่ งเที่ยวเชงิ วฒั นธรรมที่รอ้ ยละ 38.6 ในท�ำนองเดยี วกนั จากการศกึ ษาสถติ สิ ดั สว่ นของนกั ทอ่ งเที่ยวตา่ งชาติ ในปีี พ.ศ. 2562 พบว่่า นัักท่่องเที่�่ยวต่่างชาติิประมาณร้้อยละ 55.16 เลืือกที่�่จะชื่่�นชมสถานที่่�ทางประวััติิศาสตร์์ โดยครอบคลุมุ ไปถึงึ กิจิ กรรมอื่น่� ๆเช่น่ การเข้า้ วัดั พิพิ ิธิ ภัณั ฑ์์เป็น็ ต้น้ ตลอดจนการรับั ประทานอาหารไทยหรืือเรีียนทำำ�อาหาร ไทยและท่อ่ งเที่ย่� วงานเทศกาล ซึ่ง่� กิจิ กรรมทั้้ง� หมดนี้้ � ถููกจัดั อยู่ใ�่ นประเภทการท่อ่ งเที่ย่� วเชิงิ สร้า้ งสรรค์แ์ ละวัฒั นธรรมทั้้ง� สิ้น� 2) ประเทศไทยมีต้นทุนด้านสถานที่ท่องเที่ยวและความพร้อมของชุมชนในการน�ำเสนอกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ และวฒั นธรรมที่โดดเด่น โดยประเทศไทยมคี วามโดดเด่นของโขนไทย (Khon, masked dance drama in Thailand) ที่ถ�่ ููกจััดเป็น็ มรดกวัฒั นธรรมอัันจับั ต้อ้ งไม่ไ่ ด้้ (Intangible Heritage) โดยองค์์การ UNESCO นอกจากนี้้� ประเทศไทย ยัังมีีสถานที่�่ท่่องเที่่�ยวที่�่ได้้จดทะเบีียนเป็็นมรดกโลกหลายที่�่ กระจายตามจัังหวััดของประเทศไทยซึ่่�งส่่วนมากเป็็น เมืืองโบราณสถาน ยกตััวอย่่างเช่่น อุุทยานประวััติิศาสตร์์พระนครศรีีอยุุธยา อุุทยานประวััติิศาสตร์์สุุโขทััย อุุทยาน ประวัตั ิิศาสตร์์กำ�ำ แพงเพชร อุุทยานประวััติิศาสตร์พ์ นมรุ้�ง อุทุ ยานประวัตั ิิศาสตร์พ์ ิิมาย เป็น็ ต้น้ ปัจั จุบุ ันั นัักท่่องเที่่�ยวสนใจใน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีการพึ่งพาแหล่ง ศิิลปวัฒั นธรรมสมัยั ใหม่่ ท่องเที่ยวที่เป็นโบราณสถานหรือแหล่งท่องเที่ยว มากขึ้้�น ในขณะที่่�ประเทศไทย ที่เก่ียวข้องกับวัฒนธรรมหรือศิลปะโบราณอยู่มาก ยัังมีแี หล่่งท่อ่ งเที่่�ยวรููปแบบ โดยแหลง่ ทอ่ งเที่ยวหรือศลิ ปะและวฒั นธรรมที่ถูกสรา้ ง ดังั กล่่าวจำำ�นวนน้้อย ขึ้ �นมาเป็็นเวลานานอาจทรุุดโทรมลงได้้ตามกาลเวลา การพััฒนาแหล่่งท่อ่ งเที่่�ยว ถึึ ง แ ม้้ ว่่ า จ ะ เ ป็็ น แ ห ล่่ ง ท่่ อ ง เ ที่่� ย ว ที่�่ ต อ บ โจ ทย์์ เชิิงสร้้างสรรค์์ ความต้้องการของนัักท่่องเที่่�ยวที่่�ฝัักใฝ่่ประวััติิศาสตร์์ และศิิลปวัฒั นธรรมสมัยั ใหม่่ และวัฒั นธรรมโบราณ แต่ใ่ นปัจั จุบุ ันั นักั ท่อ่ งเที่ย่� วจำ�ำ นวน และการปรัับเปลี่่�ยน มากมีีความสนใจในศิิลปวััฒนธรรมสมััยใหม่่มากยิ่ �งขึ้ �น การเล่่าเรื่�อง เพิ่่�มคุุณค่่าให้ก้ ับั เช่น สตรีทอาร์ท (Street Art) โรงละคร ศลิ ปะร่วมสมัย วัฒั นธรรมเดิมิ จะช่ว่ ยเพิ่่�ม เป็นต้น ซ่ึงในประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยว ความหลากหลาย และดึึงดููด รูปแบบดังกล่าวจ�ำนวนน้อย และกระจุกตัวอยู่ใน นัักท่อ่ งเที่่�ยวให้้กระจาย พื้นที่กรุงเทพมหานคร และเมืองท่องเที่ยวส�ำคัญ ออกไปต่่างเมืืองได้ม้ ากขึ้�น้ บางเมืองเท่านั้น การพัฒนาและสร้างแหล่งท่องเที่ยว เชิงสร้างสรรค์และศิลปวัฒนธรรมสมัยใหม่ และการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่าเรื่องเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับ วัฒนธรรมเดิมจะช่วยเพิ่มความหลากหลายและดึงดูด นักทอ่ งเที่ยวให้กระจายออกไปตา่ งเมืองไดม้ ากขน้ึ 076

การท่องเท่ียวเชงิ ธรุ กิจ (MICE) การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE) หมายถึง การท่องเที่ยวขนาดใหญ่ 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการจัดการประชุมขององค์กร (Meeting) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) การจัดการประชุมนานาชาติ (Conventions) และการจัดการแสดง สินค้าและนิทรรศการ (Exhibitions) ซ่ึงการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจจัดเป็นประเภทการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีศักยภาพ สืบเนื่องมาจากความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่เดินทางมายังประเทศไทยมากข้ึนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรบั นักเดินทางกลมุ่ ไมซ์ทง้ั จากต่างประเทศและนกั เดินทางกล่มุ ไมซท์ ี่เดินทางในประเทศ รวมทั้งส้ิน 30,885,994 คน สร้างรายได้ให้ประเทศไทยรวมกว่า 201,017 ล้านบาท ท�ำให้ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ 550,160 ล้านบาท มีสัดส่วน GDP หรือมูลค่าผลกระทบในด้านมูลค่าเพ่ิมของประเทศอยู่ที่ร้อยละ 3.27 โดยมีนักเดินทาง กล่มุ ไมซจ์ ากตา่ งประเทศทง้ั ส้นิ 1,273,981 คน ก่อใหเ้ กดิ รายได้ 93,971 ลา้ นบาท ยิ่�งไปกว่่านั้้�น ประเทศไทยมีีจุุดแข็็งในการรองรัับนัักท่่องเที่�่ยวเชิิงธุุรกิิจและการส่่งเสริิมอุุตสาหกรรมไมซ์์ ในด้้าน ความได้้เปรีียบจากการที่่�มีีสาธารณููปโภคและสถานที่�่จััดกิิจกรรมไมซ์์ที่�่มีีมาตรฐาน ความพร้้อมและจุุดเด่่นที่�่แตกต่่างกัันไป ในแต่ล่ ะภาค อาทิ ิ ภาคกลางมีีความพร้อ้ มในทุกุ กลุ่�มงานและมีีบุคุ ลากรและสถานที่จ่� ัดั งานที่พ่� ร้อ้ มรองรับั งานไมซ์ใ์ นทุกุ รููปแบบ ภาคเหนืือโดดเด่น่ และมีีชื่อ�่ เสีียงด้า้ นวิถิ ีีชีีวิติ ล้า้ นนา รวมถึงึ ธุรุ กิจิ ด้า้ นสุขุ ภาพ การเกษตร และหัตั ถกรรม ภาคตะวันั ออกเฉีียงเหนืือ จะโดดเด่น่ ด้า้ นเทคโนโลยีีการเกษตร มีีภููมิปิ ัญั ญาผ้า้ ไหมหลากหลายชนิดิ ที่ส�่ ามารถนำำ�มาเล่า่ เรื่อ่� ง ภาคตะวันั ออกที่ส�่ ามารถเน้น้ เรื่องการพัฒนาพน้ื ที่ EEC เปน็ หลกั เชน่ ธรุ กจิ เพาะปลูกผลไม้ และธุรกิจพลอยที่นา่ สนใจ และภาคใตน้ อกจากความโดดเดน่ เรื่องทะเล ยังคงมีการเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจกับประเทศมาเลเซียเช่นกัน ประกอบกับประเทศไทยมีสถานที่ ที่เอื้ออ�ำนวยตอ่ การจดั กจิ กรรมไมซ์ เชน่ แหลง่ ทอ่ งเที่ยวทางดา้ นวฒั นธรรมและแหลง่ ทอ่ งเที่ยวทางธรรมชาต ิ ที่มจี ดุ เดน่ มากกวา่ ประเทศเพื่อนบา้ นในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ประเทศไทยมจี ุดแขง็ ในด้านความคมุ้ ค่า (Value for Money) ความสามารถ ในการแขง่ ขันดา้ นราคา และภาพลักษณแ์ ละชื่อเสยี งด้านการบรกิ าร อัตราการเตบิ โตของการใชจายระหวางการทอ งเท่ยี วของนกั ทอ งเทยี่ วเชิงธุรกิจทัว่ โลก ระหวางป พ.ศ. 2553 ถงึ ป พ.ศ. 2562 8 7.4 7 รอยละของการเป ่ีลยนแปลง 6 3.7 3.6 3.9 3.9 4.6 2.9 2.6 5 2.3 2.4 4 3 2 1 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 รปู ที่ 2-20 : อตั ราการเติบโตของการใช้จ่ายระหวา่ งการท่องเที่ยวเชงิ ธรุ กจิ ท่วั โลก 077

แผนพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) การทอ่ งเที่ยวเชิงกฬี า (Sport Tourism) การทอ่ งเที่ยวเชิงกีฬา ประกอบไปดว้ ย 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) การท่องเที่ยวงานหรือมหกรรมกีฬา (Sport Event Tourism) ซึง่ เป็นงานที่มลี ักษณะเฉพาะ 2) การทอ่ งเที่ยวเพื่อเล่นกีฬา (Active Sport Tourism) การเขา้ รว่ มกิจกรรม ที่มีการเล่นกีฬาหรือเพื่อเข้าร่วมแข่งขันกีฬา 3) การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อความทรงจ�ำ (Nostalgia Sport Tourism) คือการเดนิ ทางไปยงั สถานที่ที่เกยี่ วขอ้ งกบั กฬี าที่มชี ื่อเสยี ง และการเขา้ คา่ ยกฬี ากบั นกั กฬี าที่มชี ื่อเสยี ง ทงั้ นี้ก ารทอ่ งเที่ยว เชิงกีฬาของประเทศไทย เป็นการท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีศักยภาพ เนื่องจากสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจ�ำนวนมาก และช่วยสรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ใหก้ ับการท่องเที่ยว โดยบรษิ ทั วิจยั การตลาด Technavio คาดว่า การทอ่ งเที่ยวเชงิ กีฬาของโลก จะมมี ลู คา่ 5.7 ลา้ นลา้ นดอลลารส์ หรฐั ในปี พ.ศ. 2564 เพม่ิ ขน้ึ เฉลย่ี รอ้ ยละ 32 ตอ่ ปี ในขณะที่การบรโิ ภคเพื่อการทอ่ งเที่ยว เชิงิ กีีฬาของไทย ในปีี พ.ศ. 2560 มีีมููลค่า่ 157,606 ล้า้ นบาท และเพิ่่ม� ขึ้น� ในปีี พ.ศ. 2561 มีีมููลค่า่ เป็น็ 177,550 ล้า้ นบาท คิิดเป็็นร้้อยละ 12.65 อีีกทั้้�งประเทศไทยมีีกีีฬามวยไทยที่่�เป็็นเอกลัักษณ์์ของชาติิ และกีีฬาอื่่�น ๆ ที่�่เป็็นที่�่นิิยมสำ�ำ หรัับ นกั ทอ่ งเที่ยวตา่ งชาติ เชน่ กฬี ากอลฟ์ และกฬี าด�ำน�้ำ เปน็ ตน้ จากการศกึ ษาสถติ ทิ ี่จดั ท�ำโดยการทอ่ งเที่ยวแหง่ ประเทศไทย (ททท.) พบว่า มวยไทยสามารถสรา้ งมูลคา่ ทางเศรษฐกิจใหก้ ับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2561 สงู ถึง 100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5 จากรายได้การท่องเที่ยวท้ังหมด อีกท้ังสามารถสร้างก�ำไรจากการขายของที่ระลึกที่เก่ียวข้อง แกน่ ักทอ่ งเที่ยว นอกจากนี้้� ประเทศไทยยัังคงมีีความพร้้อมด้า้ นมีีศููนย์์การฝึกึ ซ้อ้ มกีีฬาและสนามกีีฬา โดยประเทศไทยมีีสนามกีีฬา ที่ม�่ ีีความจุมุ ากกว่่า 5,000 ที่่�นั่่ง� มากถึึง 69 สนาม อีีกทั้้ง� มีีต้้นแบบเมืืองท่่องเที่�่ยวเชิงิ กีีฬา เช่น่ บุุรีีรัมั ย์์ ซึ่�ง่ คว้า้ แชมป์์ ไทยแลนด์์พรีีเมีียร์์ลีีกถึงึ 6 สมัยั ยอดนัักท่อ่ งเที่�ย่ วเดินิ ทางมาเพิ่่�มขึ้น� เฉลี่�่ยร้้อยละ 10 ตั้้ง� แต่่ปีี พ.ศ. 2555 – 2558 078

การทอ่ งเทยี่ วเชงิ สขุ ภาพ ความงาม และ การแพรร่ ะบาดของ แพทยแ์ ผนไทย (Medical and Wellness โรคโควิิด – 19 ส่่งผลให้้ Tourism) ผ้บู ริโภคและนกั ทอ่ งเท่ียว ใส่ใจสุขภาพตนเอง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และแพทย์ มากยิง่ ข้นึ แผนไทยสามารถแบง่ ออกเปน็ 2แบบคือ 1)การทอ่ งเที่ยว เชิงการแพทย์ (Medical Tourism) โดยกิจกรรม นอกจากนี้้� การท่อ่ งเที่ย่� วเชิงิ สุขุ ภาพ ความงาม และ ในการท่องเที่ยวลักษณะน้ีประกอบไปด้วยการตรวจ แพทย์แ์ ผนไทย ยังั คงเป็น็ รููปแบบการท่อ่ งเที่ย่� วที่ส�่ ามารถ รา่ งกาย การท�ำทนั ตกรรม เสรมิ ความงาม การแปลงเพศ สอดรัับกัับแนวโน้้มความต้้องการของนัักท่่องเที่�่ยว เปน็ ตน้ และ 2) การทอ่ งเที่ยวเชงิ สขุ ภาพและสง่ เสรมิ ไทยและนัักท่่องเที่่�ยวต่่างชาติิที่�่สนใจการท่่องเที่่�ยว สุขุ ภาพ (Wellness Tourism) ประกอบไปด้ว้ ยการทำ�ำ เชิงิ สุขุ ภาพความงามและแพทย์แ์ ผนไทยสููงขึ้น� เนื่อ�่ งจาก กิิจกรรมสุุขภาพทางวััฒนธรรม การปรัับสมดุุลของ แนวโน้ม้ การเข้า้ สู่�่ สังั คมสููงวัยั ในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้้ง� อาหาร ปรัับสภาพจิิตใจ เช่่น กิิจกรรมการนวด ค ว า ม ก้้ า ว ห น้้ า ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยีีด้้ า น สุุ ข ภ า พ ที่่� มีี การท�ำสปา อาบน�้ำแร่ หรือน�้ำพรุ อ้ น ฝกึ ปฏบิ ตั สิ มาธิ และ การพัฒั นาขึ้น� แบบก้า้ วกระโดด ทั้้ง� ความรู้้� ทางการแพทย์์ การใชส้ มนุ ไพรเพื่อสขุ ภาพ เปน็ ตน้ ทงั้ นี้ การทอ่ งเที่ยว ยา เวชภััณฑ์์ และเครื่�่องมืือทางการแพทย์์ รููปแบบ เชงิ สขุ ภาพ ความงาม และแพทยแ์ ผนไทย เปน็ ประเภท ใหม่่ ๆ ที่่�ทำำ�ให้้ประชากรทั่่�วโลกมีีอายุุขััย เพิ่่�มขึ้�นและ การท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีศักยภาพการให้บริการ สถานการณ์ก์ ารแพร่ร่ ะบาดของโรคโควิดิ – 19 ส่ง่ ผลให้้ ในคณุ ภาพสงู เนื่องดว้ ย 1) ประเทศไทยมโี รงพยาบาล ผู้ � บ ริิ โ ภ ค แ ล ะ นัั ก ท่่ อ ง เ ที่�่ ย ว ใ ส่่ ใ จ สุุ ข ภ า พ ต น เ อ ง ที่ไดก้ ารรบั รองมาตรฐาน JCI 69 โรงพยาบาล เปน็ อนั ดบั มากยิ่�งขึ้�น จึึงเป็น็ โอกาสที่่�ดีีที่�่ประเทศไทยจะสนัับสนุนุ ที่ 4 ของโลก และอนั ดบั ที่ 1 ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ การท่อ่ งเที่ย�่ วเชิงิ สุขุ ภาพ ความงาม และแพทย์แ์ ผนไทย 2) การนวดแผนไทยซ่ึงได้ข้ึนทะเบียนมรดกโลก โดยเฉพาะการพััฒนาเทคโนโลยีีด้้านสุุขภาพ (Health 3) การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทย Teach หรืือ Digital Health) ซึ่�่งเป็็นปััจจััยสำำ�คััญ ติิดอัันดัับ 6 ของโลกที่�่นัักท่่องเที่�่ยวให้้ความสนใจ อย่า่ งยิ่ง� ในการขับั เคลื่อ่� นอุตุ สาหกรรมการแพทย์ค์ รบวงจร อัันดัับต้้น ๆ ในภููมิิภาคเอเชีีย คิิดเป็็นร้้อยละ 38 ที่่�สามารถเพิ่่�มช่่องทางการสื่่�อสารระหว่่างผู้้�ป่่วย 4) อุุตสาหกรรมการท่่องเที่�่ยวเชิิงสุุขภาพเป็็นรููปแบบ และแพทย์์ และสามารถสร้้างความไว้้วางใจกัับผู้�ใช้้ การท่่องเที่่�ยวที่�่สามารถทำ�ำ รายได้้สููงเทีียบกัับรููปแบบ บริิการได้้มากยิ่�งขึ้�น รวมไปถึึงการพััฒนามาตรฐาน การท่อ่ งเที่ย่� วอื่น่� ๆ โดยใน ปีี พ.ศ. 2561 อุตุ สาหกรรม การผลิิต/การบริิการ โครงสร้้างพื้้�นฐาน สิ่่�งอำ�ำ นวย ท่่องเที่่�ยวเชิิงสุุขภาพของประเทศไทยติิดอัันดัับ ความสะดวกต่่าง ๆ และความเชี่่�ยวชาญในการรัักษา 13 ของโลกและสร้างรายได้มากกว่า 9.4 พันล้าน โรคเฉพาะทางที่�่เข้้มข้้นมากขึ้�น เพื่่�อเพิ่่�มความสามารถ ดอลลารส์ หรฐั ฯ ในการแข่ง่ ขัันกัับประเทศอื่�น่ ๆ อาทิิ สิิงคโปร์์ มาเลเซีีย อิินเดีีย และกาตาร์์ที่่�ต่่างมีีนโยบายผลัักดัันประเทศให้้ เป็็นศููนย์ก์ ลางบริิการด้้านสุุขภาพเช่่นกััน 079

แผนพฒั นาการทอ่ งเท่ียวแห่งชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) การทอ่ งเท่ยี วส�ำราญทางนำ้� (Coastal Maritime and River Tourism) การท่องเที่ยวส�ำราญทางน�้ำ เป็นรูปแบบหนึ่งของการท่องเที่ยวที่ใช้เส้นทางน�้ำเป็นสื่อกลาง ในการท่องเที่ยว ซงึ่ รวมไปถึงการท�ำกจิ กรรมทางน�้ำ ทง้ั นี้ การทอ่ งเที่ยวส�ำราญทางน�้ำเปน็ ประเภทการทอ่ งเที่ยวที่ประเทศไทยมศี กั ยภาพ เนื่องจาก ประเทศไทยมีสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวในการรองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจด้านการท่องเที่ยวส�ำราญทางน�้ำ เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง อีกท้ัง มีความพร้อมในการจัดกิจกรรมทางน�้ำที่หลากหลาย อาทิ การดำ�ำ น้ำ�ำ�ทั้้�งน้ำำ��ตื้้�นและน้ำำ��ลึึก เวคบอร์ด์ (Wakeboard) เจ็ต็ สกีี (Jet ski) และ ล่่องแก่ง่ (Rafting) เป็็นต้้น ยิ่่�งไปกว่่านั้้�น ประเทศไทยมีีธุุรกิิจการเดินิ ทางท่อ่ งเที่ย่� วทางน้ำ��ำ ทั้้�งทางทะเล เลีียบชายฝั่ง� และลุ่�มแม่่น้ำ�ำ�ต่่าง ๆ ที่่�มีีความโดดเด่น่ และ มีีคุณุ ภาพสููงจำำ�นวนมาก สอดคล้้องกัับแนวโน้้มการท่่องเที่�่ยวด้้วยเรืือสำ�ำ ราญโลกที่�ก่ ำำ�ลังั เติบิ โตอย่่างต่อ่ เนื่่�อง ตลอดช่่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจ�ำนวนผู้โดยสารเรือส�ำราญในช่วง 5 ปีหลัง สูงขึ้นทุกปีคิดเป็นร้อยละ 30 ตลอดช่วงเวลา ระหวา่ งปี พ.ศ. 2558 มจี �ำนวนนกั ท่องเที่ยวส�ำราญทางน�้ำ 23.06 ลา้ นคน และในปี พ.ศ. 2562 เพ่มิ ข้นึ เป็น 30 ลา้ นคน โดยนักท่องเที่ยว 3 ประเทศแรกที่นิยมล่องเรือส�ำราญ 1) ชาวอเมริกัน 2) ชาวจีน และ 3) ชาวเยอรมัน ในส่วนของอตั รา การเติบโตของจ�ำนวนนักท่องเที่ยวส�ำราญทางน�้ำของประเทศไทย จากการศึกษาสถิติจ�ำนวนนักท่องเที่ยวเรือส�ำราญ โดยสมาคมเรือส�ำราญระหว่างประเทศ (Cruise Lines International Association : CLIA) พบว่า อัตราการเติบโต (CAGR) การใชบ้ ริการเรือส�ำราญในไทยในช่วง พ.ศ. 2557 - 2562 สงู ขน้ึ ถึงรอ้ ยละ 13 ในขณะที่เอเชยี มีการเติบโตที่ รอ้ ยละ 14 และเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้รอ้ ยละ 7 ทงั้ นี้ TripBarometer Travel Trends คาดการณ์ว่าทวีปเอเชยี จะเปน็ ศนู ยก์ ลางการท่องเที่ยวส�ำราญทางน�้ำ โดยภูเกต็ เกาะสมุย และแหลมฉบงั จะเป็นที่ไดร้ ับความสนใจจากนกั ทอ่ งเที่ยว นอกจากนี้้� เนื่่�องด้้วยสถานการณ์์การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 ทำ�ำ ให้้นัักท่่องเที่�่ยวมีีความกัังวลเรื่�่อง ความสะอาด และความปลอดภยั ซงึ่ อาจจะสง่ ผลกระทบตอ่ การทอ่ งเที่ยวส�ำราญทางน�้ำ ดงั นน้ั สมาคมเรือส�ำราญระหวา่ ง ประเทศ (Cruise Lines International Association : CLIA) จึงไดป้ ระกาศมาตรการคดั กรองผูโ้ ดยสารและลูกเรือหรือ ‘โปรโตคอล’ อย่างเปน็ ทางการ เพื่อใหส้ มาชกิ เรือส�ำราญในกล่มุ CLIA ที่คดิ เป็นรอ้ ยละ 90 ของเรือส�ำราญทวั่ โลกน�ำไป ปฏิบัติสร้างความมัน่ ใจให้กับนักเดินทางมากยิ่งขน้ึ 080

การท่องเท่ียวเชื่อมโยงอนุภูมิภาค ชุมชน การท่องเท่ียวอย่างมีความรับผิดชอบ และนานาชาติ (Connectivity Tourism) (Responsible Tourism) การส่่งเสริิมการท่่องเที่่�ยวเชื่่�อมโยงอนุุภููมิิภาค การท่อ่ งเที่ย�่ วอย่า่ งมีีความรับั ผิดิ ชอบเป็น็ การท่อ่ งเที่ย�่ ว ชุมุ ชน และนานาชาติิ ของประเทศไทย เป็น็ การส่ง่ เสริมิ ที่�่มุ่�งเน้้นการเดิินทางท่่องเที่�่ยวที่่�ไม่่ทำ�ำ ลายสัังคมและ ให้้ประเทศไทยเป็็นศููนย์์กลางการเชื่�่อมโยงเส้้นทาง สิ่�งแวดล้้อม แต่่ยัังคงสร้้างประโยชน์์ให้้สัังคม การทอ่ งเที่ยวภายในภูมภิ าคอาเซยี น โดยใชป้ ระโยชนจ์ าก สร้้างประโยชน์์ให้้แก่่ผู้�คนในท้้องถิ่�น สร้้างการกระจาย ที่ตั้งทางภูมศิ าสตร์ และแผนการลงทนุ พฒั นาโครงสรา้ ง ในการอนุุรัักษ์์ธรรมชาติิและแหล่่งท่่องเที่่�ยวธรรมชาติิ พนื้ ฐานด้านคมนาคมทั้งทางถนน ทางราง ทางน�้ำ และ เพื่่�อรัักษาไว้้ซึ่่�งความหลากหลายทางชีีวภาพ รวมถึึง ทางอากาศ ตลอดจนความสัมพันธ์และความร่วมมือ การแก้ป้ ัญั หา หรืือผลกระทบที่เ่� กิดิ จากการเปลี่ย�่ นแปลง อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง ทางสภาพภููมิิอากาศ ซึ่�่งนัับเป็็นประเด็็นที่่�ทั่่�วโลกกำำ�ลััง เส้นทางการท่องเที่ยวภายในประเทศอนุภูมิภาค และ ให้้ความสนใจ สอดคล้้องกับั ที่�่นายกรััฐมนตรีีได้ป้ ระกาศ อาเซียนเข้าด้วยกันบนพ้ืนฐานอัตลักษณ์เดียวกัน อีกท้ัง เจตนารมณ์์ในการประชุุมระดัับผู้้�นำำ� (World Leaders ยังส่งผลให้เกิดการกระจายความเจริญอย่างครอบคลุม Summit) ในการประชุุมรััฐภาคีีกรอบอนุุสััญญา ตลอดจนเกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ สหประชาชาติิว่่าด้้วยการเปลี่�่ยนแปลงสภาพภููมิิอากาศ ความเป็นไทยไปสู่สายตาประชากรโลกในวงกว้าง (United Nations Framework Convention on Climate ซ่ึงสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาการท่องเที่ยวของ Change Conference of the Parties : UNFCCC แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ ประเดน็ การทอ่ งเที่ยว COP-COP 26) ณ เมืืองกลาสโกว์์ สหราชอาณาจัักร โดยมแี นวทางการพฒั นาเสน้ ทางการทอ่ งเที่ยวที่เชื่อมโยง ว่่าไทยพร้้อมยกระดัับการแก้้ไขปััญหาภููมิิอากาศ ระหว่างประเทศในภูมิภาค โดยใช้ประโยชน์จาก อย่า่ งเต็ม็ ที่ ่� ทุกุ วิถิ ีีทาง เพื่อ่� บรรลุเุ ป้า้ หมายความเป็น็ กลาง โครงข่่ายคมนาคมที่่�มีีในปััจจุุบัันและที่่�จะเกิิดขึ้ �นใหม่่ ทางคาร์บ์ อน ภายในปีี ค.ศ. 2050 และบรรลุุเป้า้ หมาย ตามแผนพััฒนาในอนาคต การอำ�ำ นวยความสะดวกใน การปล่อ่ ยก๊า๊ ซเรืือนกระจกสุทุ ธิเิ ป็น็ ศููนย์ไ์ ด้ใ้ นปีี ค.ศ. 2065 การเดินิ ทางระหว่า่ งประเทศ โดยการพัฒั นาและยกระดับั พิธิ ีีผ่า่ นแดนของการเดินิ ทางในทุกุ รููปแบบอย่า่ งไร้ร้ อยต่อ่ ร้้อยละ 87 ของ การปรับปรุงและแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อ ผู้้�เดิินทางชาวไทย การเดินทางข้ามแดนของนักท่องเที่ยว และการใช้ เชื่่�อว่า่ ผู้้�คนต้้อง เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ความรู้ เผยแพร่ข้อมูล เดินิ ทางท่อ่ งเที่่�ยวในวิถิ ีี และอ�ำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว ยั่่�งยืืนตั้้�งแต่ต่ อนนี้้� ตลอดจนสง่ เสรมิ การตลาดการทอ่ งเที่ยวระหวา่ งประเทศ เพื่่�อรักั ษาโลกใบนี้้� ร่วมกันให้สอดรับกับทิศทางและแนวโน้มของตลาด ไว้ใ้ ห้ค้ นรุ่�นต่อ่ ไป ยุคใหม่โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้สอดรับกับ พฤตกิ รรมการท่องเที่ยวรปู แบบใหม่ 081

แผนพัฒนาการท่องเท่ยี วแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ทั้้�งนี้้� การท่่องเที่่�ยวอย่่างมีีความรัับผิิดชอบเป็็นรููปแบบ นอกจากการสง่ เสรมิ รปู แบบและประเภทการทอ่ งเที่ยว การท่อ่ งเที่ย่� วที่ป่� ระเทศไทยมีีศักั ยภาพเนื่อ่� งจากนักั ท่อ่ งเที่ย�่ ว ศักยภาพสูงของไทยด้วยการพัฒนาโครงสร้าง หรือ ไทยและนักั ท่อ่ งเที่ย่� วต่า่ งชาติใิ ห้ค้ วามสนใจการท่อ่ งเที่ย�่ ว กจิ กรรมที่ตอบสนองตอ่ รปู แบบการทอ่ งเที่ยวศกั ยภาพสงู อย่่างมีีความรัับผิิดชอบเพิ่่�มมากขึ้�น จากผลการสำำ�รวจ การทอ่ งเที่ยวไทยยงั ควรสง่ เสรมิ ใหน้ กั ทอ่ งเที่ยวในแตล่ ะ ความคิดิ เห็น็ ของผู้�เดินิ ทางกว่า่ 29,000 คนใน 30 ประเทศ รูปแบบมีการพ�ำนักระยะยาวมากย่ิงขึ้น (Long-Stay เกี่่ย� วกัับการท่อ่ งเที่ย�่ วอย่า่ งมีีความรัับผิดิ ชอบ ของบุ๊�คกิ้�ง Tourism) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดอทดอม พบว่่า ร้้อยละ 55 ของนัักท่่องเที่่�ยวทั่่�วโลก ของประเทศ ท้ังนี้ มูลนิธิด้านการท่องเที่ยวพ�ำนักระยะ มีีความมุ่ �งมั่ �นที่่�จะใช้้บริิการการท่่องเที่่�ยวที่่�มีีความยั่ �งยืืน ยาว (Long Stay Foundation) ของประเทศญป่ี นุ่ ได้ให้ และช่ว่ ยเหลืือชุมุ ชนท้อ้ งถิ่น� ร้อ้ ยละ 56 ของนักั ท่อ่ งเที่ย่� ว ค�ำนิยามไว้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่มีระยะเวลา ทั่่�วโลกคิิดว่่าการใช้้บริิการที่่�พัักที่่�มีีความรัับผิิดชอบต่่อ การพ�ำนกั ตง้ั แต่ 2 สปั ดาห์ จนถึง 2 - 3 เดือน หรือ 2 - 3 ปี สังั คมและสิ่ง� แวดล้อ้ มมีีความจำำ�เป็น็ อย่า่ งยิ่ง� อีีกทั้้ง� ร้อ้ ยละ ซงึ่ ควรสง่ เสรมิ การพ�ำนกั ระยะยาวกบั นกั ทอ่ งเที่ยวทกุ กลมุ่ 87 ของผู้�เดิินทางชาวไทยเชื่่�อว่่าผู้�คนต้้องเดิินทาง โดยกลุ่ �มเป้้าหมายหลัักของประเทศไทยคืือนัักท่่องเที่�่ยว ท่่องเที่�่ยวในวิิถีียั่่�งยืืนตั้�งแต่่ตอนนี้้� เพื่่�อรัักษาโลกใบนี้้�ไว้้ รููปแบบการท่่องเที่่�ยวศัักยภาพสููงต่่าง ๆ ข้้างต้้น เช่่น ให้้คนรุ่�นต่่อไป และร้้อยละ 66 ของผู้�เดิินทางชาวไทย 1) กลมุ่ นกั ทอ่ งเที่ยวที่เขา้ มาเพื่อรกั ษาสขุ ภาพและพกั ฟื้น ยอมรัับว่่า การแพร่่ระบาดได้้เปลี่่�ยนทััศนคติิให้้พวกเขา 2) กลมุ่ นกั ทอ่ งเที่ยวเกษยี ณอายทุ ี่ขาดผดู้ แู ลและตอ้ งการ ลงมืือสร้้างความเปลี่�่ยนแปลงเชิิงบวกในชีีวิิตประจำำ�วััน มาใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย 3) กลุ่มนักเรียน อาทิิ การรีีไซเคิิล (ร้้อยละ 50) และการลดขยะอาหาร และนักศึกษา ท้ังจากหลักสูตรระยะสั้นและโครงการ (ร้้อยละ 28) ในขณะเดีียวกััน จากสถิิติิการสำำ�รวจของ แลกเปลี่�่ยน และ 4) กลุ่�มนัักกีีฬาที่่�มาเก็็บตััวฝึึกซ้้อม อโกด้้า (พ.ศ. 2564) แสดงให้้เห็็นถึึงแนวโน้้มสำำ�คััญ และกลุ่ �มนัักท่่องเที่่�ยวที่�่ต้้องการเข้้ามาเรีียนรู้ �และฝึึกฝน ในด้้านการระบุุตััวเลืือกการท่่องเที่�่ยวที่�่เป็็นมิิตรต่่อ ทัักษะด้้านกีีฬา อีีกทั้้�งการท่่องเที่�่ยวไทยยัังควรส่่งเสริิม สิ่ง� แวดล้อ้ ม การจำ�ำ กัดั การใช้พ้ ลาสติกิ แบบใช้ค้ รั้ง� เดีียวแล้ว้ การท่่องเที่่�ยวที่�่เน้้นชอปปิิง (Shopping Paradise) ทิ้้�ง การเสนอสิ่่�งจููงใจทางการเงิินแก่่ผู้�ให้้บริิการที่�่พัักที่่�ใช้้ สำำ�หรับั นักั ท่อ่ งเที่ย่� วทุกุ กลุ่�ม โดยเฉพาะกลุ่�มนักั ท่อ่ งเที่ย�่ ว พลังั งานอย่า่ งมีีประสิทิ ธิภิ าพ และการสร้า้ งพื้้น� ที่ค่�ุ้�มครอง รููปแบบท่่องเที่�่ยวศัักยภาพสููงต่่าง ๆ เช่่น การซื้�อสิินค้้า ให้ม้ ากขึ้�นเพื่่�อจำำ�กััดจำำ�นวนนักั ท่่องเที่�ย่ ว ด้้านอุุปกรณ์์การกีีฬา การซื้�อสิินค้้าและบริิการด้้าน นอกจากนี้้� เมื่อ่� พิจิ ารณาความพร้อ้ มของประเทศไทย การแพทย์ สุขภาพ ความงาม การซื้อสินค้าและบริการ ในการสนัับสนุุนการท่่องเที่่�ยวอย่่างมีีความรัับผิิดชอบ ที่เปน็ สินคา้ รกั ษ์โลกอยา่ งยง่ั ยนื เปน็ ต้น นอกจากจะชว่ ย พบวา่ ในหลายพน้ื ที่ของประเทศไทยเปน็ พนื้ ที่ดอ้ ยพฒั นา เพ่ิมประสบการณ์การท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวแล้ว และควรได้รับการพัฒนาและอนุรักษ์ที่สามารถจัดการ ยังช่วยขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วย การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบได้ โดยในปี 2563 เชน่ กนั ประเทศไทยติดอันดับจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจิตอาสา เลือกเดนิ ทางมาเที่ยวมากที่สุด 1 ใน 6 อันดับแรกท่ัวโลก ซ่ึงโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุด ได้แก่ 1) การช่วยเหลือชา้ ง และ 2) การอนุรกั ษ์ธรรมชาติหรือ กิจกรรมเชงิ เกษตร 082

1.6 การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีดิจทิ ลั ในอุตสาหกรรมการท่องเทยี่ ว ในปััจจุุบัันประเทศไทยได้้มีีการปรัับใช้้เทคโนโลยีีในภาคอุุตสาหกรรมการท่่องเที่�่ยวได้้อย่่างหลากหลาย เช่่น การใช้เ้ ทคโนโลยีีวััตถุเุ สมืือนและโลกเสมืือน (Augmented Reality - AR และ Virtual Reality - VR) เพื่่�อช่่วยเหลืือ นัักท่อ่ งเที่�ย่ วในด้้านการเดินิ ทางและค้น้ หาสถานที่่�ผ่่านแอปพลิเิ คชัันแบบ Real Time การจำำ�ลองสถานที่ป่� ระวััติิศาสตร์์ ของไทยที่ไ�่ ม่ไ่ ด้้เปิดิ ให้เ้ ข้้าชม และเพิ่่ม� คุุณค่า่ ให้้ประสบการณ์์การท่อ่ งเที่�่ยว การใช้เ้ ทคโนโลยีี 5G ในการสนัับสนุุนด้้าน อื่น�่ ๆ เพื่อ�่ เพิ่่ม� ความแม่น่ ยำ�ำ และรวดเร็ว็ ของการสื่อ่� สาร ร่ว่ มกับั เทคโนโลยีีอินิ เทอร์เ์ น็ต็ ของสรรพสิ่ง� (Internet of Things) และระบบคลาวด์์ (Cloud) จะทำ�ำ ให้ส้ ามารถยกระดับั การบริกิ ารแก่น่ ักั ท่อ่ งเที่ย่� วมากยิ่ง� ขึ้น� โดยมีีตัวั อย่า่ งของการประยุกุ ต์์ ใช้เ้ ทคโนโลยีีดิิจิทิ ัลั ในอุตุ สาหกรรมการท่่องเที่�ย่ ว ดังั นี้้� • การใชเ้ ทคโนโลยีที่สง่ เสรมิ การทอ่ งเที่ยวไร้สัมผสั (Contactless) เชน่ เทคโนโลยกี ารส่งั งานดว้ ยเสียงในลฟิ ตห์ รือ ในหอ้ งพกั การใช้ Digital Key ในการปลดลอ็ กห้องพกั ผา่ น Smart Phones เพื่อมอบบรกิ ารที่สะดวกสบายเหนือ ระดบั ใหก้ ับลูกค้า รวมถึงการประยกุ ตใ์ ช้ระบบเซนเซอร์สั่งการแทนการสมั ผสั การยืนยนั ตวั บุคคลดว้ ยไบโอเมตริก เปน็ ตน้ ซง่ึ การใช้เทคโนโลยเี หล่านีเ้ ปน็ การสร้างความมนั่ ใจและความปลอดภยั แกน่ ักทอ่ งเที่ยวตลอดการเดนิ ทาง • การน�ำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการใช้งานในภาค การเงนิ ของประเทศไทย เชน่ การพฒั นาระบบพาสปอรต์ ใหเ้ ปน็ ดจิ ทิ ลั พาสปอรต์ (Digital Passport) ซงึ่ จะสามารถ ลดการปลอมแปลงพาสปอร์ตและลดอัตราการเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวแฝง หรือจะสามารถน�ำไปปรับใช้ ในการพัฒนา Covid Passport ที่ท�ำให้สามารถตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนของนักท่องเที่ยวได้อย่างแม่นย�ำ ตลอดจนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการเก็บข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อจัดท�ำเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับ นกั ทอ่ งเที่ยวที่ครอบคลุมทกุ มติ ิ 083

แผนพัฒนาการทอ่ งเท่ียวแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) • การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และพฒั นาระบบเชื่อมตอ่ อินเทอรเ์ น็ตของสรรพสงิ่ (Internet of Things) มากยงิ่ ขนึ้ เพื่อพฒั นาการบรกิ ารทางดจิ ทิ ลั ส�ำหรบั นกั ทอ่ งเที่ยวภายในโรงแรม สถานที่ทอ่ งเที่ยว หรือสถานที่ ที่่�เกี่่�ยวข้้อง เช่่น การใช้้หุ่�นยนต์์ในการเสิิร์์ฟอาหารภายในโรงแรมเพื่�่อลดการสััมผััสกัับพนัักงานจากสถานการณ์์ การแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 การใช้้ Bot ในการพููดคุุยโต้ต้ อบกัับนักั ท่อ่ งเที่่�ยว หรืือการใช้้หุ่�นยนต์เ์ พื่อ่� รองรับั นักั ท่่องเที่่ย� วสููงวััย • การขยายการใชง้ านของเทคโนโลยโี ลกเสมือน AR/VR และ Extended Reality (XR) ในอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยว เชน่ ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี AR/VR มาช่วยในการพัฒนาแพลตฟอรม์ ให้สามารถประชาสมั พนั ธส์ ินค้าชุมชนได้อยา่ ง มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน เช่น สามารถดูรายละเอียดสินค้าด้วยภาพเสมือนจริงได้ 360 องศา หรือสามารถลอง สนิ ค้าประเภทเครื่องแตง่ กายกอ่ นการตัดสนิ ใจสั่งซื้อจรงิ เป็นตน้ • การสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวออนไลน์แทนการเดินทางจริง (Online Travel Experience) ซ่ึงท้ังในและ ต่างประเทศมีการริเริ่มมาก่อนในช่วงปีที่ผ่านมา เช่น การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ และสถานที่ท่องเที่ยว ผ่านโปรแกรมประชมุ ทางไกล การจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ การจัดงานกาชาดออนไลน์ การจัดนทิ รรศการออนไลน์ รูปแบบ 3D Virtual Space ที่มีท้ังภาพ เสียง และวดิ ีโอ เป็นต้น • การประยุกุ ต์ใ์ ช้เ้ ทคโนโลยีีและนวัตั กรรมใหม่่ ๆ เพื่อ่� ยกระดับั มาตรฐานของสถานที่จ่� ัดั งานและการประชุมุ ขนาดใหญ่่ โดยเข้้ามาช่่วยจััดการจำำ�นวนผู้้�ร่่วมงานและสร้้างความมั่ �นใจกลัับมา เพื่�่อดึึงดููดกลุ่�มนัักท่่องเที่่�ยวเชิิงธุุรกิิจ รวมถึึง ส่งเสรมิ ให้ประเทศไทยเปน็ ศูนย์กลางในการจดั มหกรรมขนาดใหญ่ (Mega Event) เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลมุ่ นีม้ ี ก�ำลังจ่ายที่สงู และมักจะเลือกบรโิ ภคสินคา้ และบริการดา้ นการทอ่ งเที่ยวคณุ ภาพสงู ตัวอยา งการใชเทคโนโลยี 5G ตวั อยา งการใชเ ทคโนโลยี 5G ทสี่ ามารถพฒั นา ดา นท่เี กี่ยวของกับการทองเทย่ี ว วัตถุเสมือน (Augmented Reality-AR) และโลกเสมือน (Virtual Reality-VR) ดานการเดินทาง : เพ่ิมความตรงตอเวลาของการขนสง ความปลอดภัยท่สี นามบินและสามารถตรวจสอบขอมลู ในอตุ สาหกรรมการทอ งเทีย่ ว การเดนิ ทางดว ยความแมนยาํ มากขึ้น แอปพลิเคชัน (BTS Sky Train) ท่ใี ชเทคโนโลยี AR ดานโรงแรม : มีการเพิม่ ฟง กชนั ในการบรกิ ารลูกคา มาใชในการนําทางบนสถานีรถไฟฟา เชน Voice Assistant โดยมี AR Map ทําใหคน หาสถานที่/ทางออกไดง า ยข้ึน ดา นการจัดประชุมหรอื งานอเี วนต : ลดความตองการ Wifi แอปพลิเคชัน AR Smart Heritage และทําใหการรบั สงขอมูลรวดเร็ว และสามารถพูดตอบโต ทท่ี าํ ใหนกั ทองเทยี่ วไดเขาชมสถานท่ีประวัตศิ าสตร ไดอ ยางชัดเจน โดยเฉพาะการจัดงานกลางแจง ในประเทศไทยที่ไมไ ดเปดใหเขาชมหรอื จาํ ลอง สถานทีท่ เ่ี สยี หาย แอปพลเิ คชัน : พัฒนาแอปพลเิ คชนั สําหรับการคน หาหองนํา้ ดูจาํ นวนคิวการเขาชมสถานท่ีและซือ้ บตั รเขา ชม คนหาทจี่ อดรถ ใชเ ทคโนโลยี AR/VR ในการสรางเกม หรอื แอปพลเิ คชันทสี่ ามารถรองรับผูส งู วัยและอื่น ๆ โปรโมตการทอ งเท่ียวของประเทศไทย การพัฒนาในอนาคต + ใชเทคโนโลยปี ญ ญาประดษิ ฐ (AI) ทํางานแทนมนษุ ย และใหมนุษยบ ริการนักทอ งเที่ยวเพิ่มในสว นท่ี AI ไมสามารถทาํ ได + พัฒนาอนิ เทอรเ น็ตของสรรพสิง่ (loT) เพ่มิ ความสะดวกสบาย ใหนกั ทอ งเที่ยว โดยเฉพาะสาํ หรับนกั ทองเทย่ี วสูงอายุ รูปที่ 2-21 : ตวั อย่างการใชเ้ ทคโนโลยีในการทอ่ งเที่ยว 084

ในขณะเดียวกนั จากการส�ำรวจสัดส่วนบรษิ ัทในอตุ สาหกรรมการขนสง่ การเดินทาง และการท่องเที่ยวทวั่ โลกที่มี แนวโนม้ จะน�ำเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลมาประยกุ ต์ใช้ระหวา่ งปี พ.ศ. 2561 – 2565 โดยสภาเศรษฐกจิ โลก (World Economic Forum) พบวา่ แนวโนม้ จะน�ำเทคโนโลยีไปประยกุ ตใ์ ช้ในการด�ำเนินธรุ กิจ ดงั นี้ 1) การพัฒนาเว็บไซตแ์ ละแอปพลเิ คชัน รวมถึงมกี ารน�ำอนิ เทอรเ์ นต็ ของสรรพสง่ิ (Internet of Things : IoT) มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการใหบ้ รกิ ารนกั ทอ่ งเที่ยวเชน่ กนั 2) การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) ของผใู้ ชบ้ รกิ ารหรือนกั ทอ่ งเที่ยว 3) การใชบ้ รกิ ารคลาวดค์ อมพวิ ตงิ้ (Cloud Computing) และการใช้เ้ ทคโนโลยีีการเรีียนรู้�ของเครื่่�องจักั ร (Machine Learning) ซึ่�่งจะช่่วยในการพัฒั นา เทคโนโลยีีอื่น�่ ๆ ตามมา เช่น่ การรับั รู้�เสีียงและถอดความ (Speech recognition) การรับั รู้�ใบหน้้า (Face recognition) การแนะน�ำสิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจโดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นต้น 4) การค้าดิจิทัล (Digital Trade) และใช้เทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Augmented Reality and Virtual Reality) 5) การใชย้ านพาหนะไร้คนขับ (Autonomous Transport) โดยใชเ้ ทคโนโลยแี ละระบบเซนเซอรใ์ นการขบั เคลื่อนโดย ปราศจากการชว่ ยเหลือจากมนุษย์ และ 6) การประยุกต์ใช้อปุ กรณ์สวมใส่ติดตวั กับร่างกาย (Wearable Electronics) เพื่อช่วยให้นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถรับรเู้ ที่ยวบนิ และใช้เป็นบอร์ดดงิ้ พาส (Boarding pass) ส�ำหรับเที่ยวบินได้ สดั สวนบรษิ ัทในอุตสาหกรรมการขนสง การเดนิ ทาง และการทองเทย่ี วทว่ั โลก ทม่ี ีแนวโนมเทคโนโลยีมาประยุกตใชระหวางป 2018 และ 2020 App- and Wed- Enabled Markets 95% Internet of Things 95% 89% User and Entity Big Data Analytics 79% Cloud Computing 79% Machine Learning 68% Digital Trade 68% 58% Augmented and Virtual Reality 53% Autonomous Transport Wearable Electronics 0% 10% 20% 30% 40% 50% 60% 70% 80% 90% 100% รปู ที่ 2-22 : สัดสว่ นบริษทั ในอตุ สาหกรรมการขนสง่ เดินทาง และการทอ่ งเที่ยวโลก 085

แผนพัฒนาการทอ่ งเทีย่ วแห่งชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) เศรษฐกจิ แบง่ ปัน (Sharing Economy) และ Online Travel Agency (OTAs) เศรษฐกิจิ แบ่ง่ ปันั หรืือ Sharing Economy เป็น็ การทำำ�ธุรุ กิจิ แบบ Peer-to-Peer โดยเป็น็ การจับั คู่�่ ผ่า่ นแพลตฟอร์ม์ บนระบบอิินเทอร์์เน็็ตระหว่่างผู้้�มีีสิินทรััพย์์หรืือสิ่่�งของเหลืือใช้้และผู้�ใช้้บริิการที่�่ต้้องการเช่่า - ยืืม แทนการครอบครอง ดัังนั้้�น ธุุรกิิจประเภท Sharing Economy จึึงสามารถสร้้างรายได้้ให้้ผู้�บริิโภค ตลอดจนเป็็นการนำำ�ทรััพยากรส่่วนเกิิน (Excess Capacity) มาจัดั สรรให้เ้ กิิดการใช้ป้ ระโยชน์อ์ ย่า่ งเต็ม็ ที่แ่� ละประสิิทธิภิ าพสููงสุุด ทั้้ง� นี้้� ในส่่วนของอุตุ สาหกรรม การท่อ่ งเที่ย่� วซึ่ง่� มีีความหลากหลายในบริกิ าร ไม่ว่ ่า่ จะเป็น็ ที่พ�่ ักั การคมนาคมขนส่ง่ ร้า้ นค้า้ – ร้า้ นอาหาร บริกิ ารนำำ�เที่ย่� ว และสถานที่ท่� ่อ่ งเที่ย่� วต่า่ ง ๆ รวมถึงึ รููปแบบการท่อ่ งเที่ย่� วของนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วที่เ�่ ปลี่ย�่ นไปนิยิ มการเดินิ ทางด้ว้ ยตนเองมากขึ้น� โดยในปีี พ.ศ. 2559 นัักท่่องเที่�ย่ วต่่างชาติิเดิินทางมายังั ประเทศไทยคิดิ เป็น็ ร้้อยละ 64 นอกจากนี้้� ในปััจจุุบัันนัักท่่องเที่่�ยวส่่วนมากเลืือกที่่�จะจองโรงแรม ที่�่พััก บริิการด้้านการท่่องเที่�่ยว หรืือโปรแกรม การเดินิ ทางผ่า่ นทางออนไลน์ ์ ด้ว้ ย Online Travel Agency (OTAs) ซึ่ง�่ ทำ�ำ หน้า้ ที่เ่� ป็น็ ตัวั กลางด้า้ นข้อ้ มููลระหว่า่ งนักั ท่อ่ งเที่ย่� ว และผู้ให้บริการที่พัก การเดินทาง และบริษัทน�ำเที่ยว ตลอดจนด�ำเนินการจองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังมี การน�ำเสนอสิทธพิ เิ ศษ และส่วนลดพิเศษให้แกน่ ักทอ่ งเที่ยวเช่นกนั เมื่อศกึ ษาสถิตกิ ารใชง้ าน OTAs ในปี พ.ศ. 2563 ของประเทศไทย จะพบวา่ ร้อยละ 51 ของคนไทยใช้ OTAs ในการจองที่พัก โดยรอ้ ยละ 80 กลา่ ววา่ OTAs มีความงา่ ย ต่อการใช้งาน ซง่ึ นักท่องเที่ยวสามารถจองโรงแรมและตว๋ั เครื่องบิน เหตุผลรองลงมาคือนกั ทอ่ งเที่ยวจะได้รับสิทธิพิเศษ จาก OTAs และสามารถเปรียบเทียบราคา คะแนน (Rating) และค�ำวจิ ารณ์ได้ ประเด็นภาษธี รุ กิจบรกิ ารดจิ ิทลั (Digital Service Tax : DST) หรอื ภาษี e-Service แพลตฟอร์์ม OTAs ที่�่นิิยมมากที่่�สุุดในประเทศไทยคืือ Agoda (ร้้อยละ 69) รองลงมาคืือ Booking.com ตามมาดว้ ย Traveloka และ Trivago ซง่ึ ลว้ นแล้วแตเ่ ปน็ OTAs จากตา่ งประเทศทั้งส้นิ สง่ ผลให้เกิดสดั ส่วนการรวั่ ไหล ของเม็ดเงินในภาคการผลิต ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมการให้บริการ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เจ้าของที่พักและผู้ประกอบ การที่ขึน้ ทะเบยี นกับแพลตฟอร์มจะต้องจา่ ย นอกจากนี้ ทุกครง้ั ที่เกดิ การจองที่พกั หรือบรกิ ารผ่าน OTAs ค่าธรรมเนียม จะถููกส่ง่ ออกไปยังั ประเทศต้น้ ทางของแพลตฟอร์ม์ ทำ�ำ ให้ม้ ีีเม็ด็ เงินิ จากการท่อ่ งเที่ย่� วจำำ�นวนมากที่ร�่ั่ว� ไหลออกนอกประเทศ โดยในปัจั จุบุ ันั ธุรุ กิจิ ต่า่ ง ๆ ในระบบ Sharing Economy เช่น่ บริษิ ัทั Airbnb บริษิ ัทั Grab และ Online Travel Agency (OTAs) มีีข้อ้ ได้้เปรีียบทางด้้านภาษีีจึึงสามารถให้บ้ ริกิ ารในราคาที่ถ่� ููกกว่า่ ธุุรกิจิ แบบดั้�งเดิิมได้้ 086

หลายประเทศทั่วโลกต่างประสบกับความท้าทายที่ใกล้เคียงกันนี้ จึงมีการแก้ไขกฎระเบียบด้านภาษีเพื่อสร้าง ความเท่าเทียมกันระหว่างธุรกิจเดิมและธุรกิจดิจิทัล โดยการจัดเก็บภาษีธุรกิจบริการดิจิทัล (Digital Service Tax) โดยในประเทศไทยใช้ชื่อภาษีนี้ว่า “ภาษี e-Service” ซ่ึงเป็นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นมูลค่าร้อยละ 7 ของสนิ คา้ และบรกิ าร จากผปู้ ระกอบการตา่ งประเทศที่เขา้ มาประกอบธรุ กจิ และใหบ้ รกิ ารทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Service) ในประเทศไทยที่มรี ายไดเ้ กนิ 1,800,000 บาทจากประเทศไทย โดยกฎหมายดงั กล่าวมผี ลบงั คับใช้ในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 ซ่งึ ครอบคลมุ การเก็บภาษแี พลตฟอร์มที่ให้บริการผา่ นช่องทางออนไลน์ ทั้้�งนี้้� มีีความเป็็นไปได้้สููงว่่านัักท่่องเที่่�ยวที่�่ใช้้บริิการจากธุุรกิิจ Sharing Economy หรืือ OTAs อาจจะได้้รัับ ผลกระทบ จากกฎหมายนี้้�จากการที่่�ผู้�ให้้บริิการอาจผลัักภาระของภาษีีที่�่ต้้องจ่่ายมายัังผู้�บริิโภคหรืือนัักท่่องเที่่�ยว ส่ง่ ผลให้ร้ าคา ห้อ้ งพักั หรืือบริกิ ารต่า่ ง ๆ มีีอัตั ราที่ส่� ููงขึ้น� มากหรืือลดลงขึ้น� อยู่�่ กับั การแข่ง่ ขันั ทางธุรุ กิจิ นั้้น� ๆ เช่น่ ในประเทศ ฝรั่�งเศสและประเทศสเปนได้้เริ่�มมีีการเก็็บภาษีีธุุรกิิจบริิการดิิจิิทััล ทำำ�ให้้บริิษััท Google ได้้ประกาศปรัับค่่าธรรมเนีียม เพิ่่ม� ขึ้น� สำำ�หรับั การใช้้บริกิ าร Google Ads เท่่ากัับอััตราค่่าธรรมเนีียมภาษีีที่่�เพิ่่�มขึ้�น (ร้้อยละ 2) เป็น็ ต้น้ อย่่างไรก็็ตาม การจััดเก็็บภาษีีนี้้�จะเป็็นการช่่วยเหลืือผู้้�ประกอบการไทย โดยเฉพาะในอุุตสาหกรรมสื่่�อและการท่่องเที่�่ยวให้้ได้้รัับ ความยุติธรรมมากย่ิงข้ึน และเป็นการเพ่ิมรายได้จากการเก็บภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลไทยจะ สามารถเรียกเกบ็ ภาษี e-Service ไดป้ ระมาณ 5,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี 087

แผนพัฒนาการท่องเทย่ี วแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 2 ความสอดคล้องและเช่อื มโยงกับนโยบาย แผน และยุทธศาสตร์ ระดับชาติ แผนพฒั นาการทอ่ งเที่ยวแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ได้ใหค้ วามส�ำคัญกบั แผน ยุทธศาสตร์ และนโยบาย ทกุ ระดบั และไดจ้ ดั ท�ำขน้ึ ภายใตค้ วามสอดคลอ้ งและเชื่อมโยงกบั เปา้ หมาย ตวั ชวี้ ดั หรือประเดน็ ยทุ ธศาสตรข์ องแผน ยทุ ธศาสตร์ และนโยบายที่ส�ำคญั ดงั นี้ ยุุทธศาสตร์์ชาติิ 20 ปีี (พ.ศ. 2561-2580) ยุทุ ธศาสตร์ช์ าติิ20 ปี ี มีีวิสิ ัยั ทัศั น์ ์ คืือ “ประเทศไทยมีีความมั่น� คง มั่�งคั่�ง ยั่่�งยืืน เป็็นประเทศพััฒนาแล้้ว ด้้วยการพััฒนาตาม หลัักปรััชญาของเศรษฐกิิจพอเพีียง” โดยมีียุุทธศาสตร์์ชาติิด้้าน การสร้า้ งความสามารถในการแข่่งขััน ที่ม่�ุ่�งพััฒนาความสามารถ ในการแข่่งขัันของประเทศไทย ซึ่�่งมีีประเด็็นหลัักที่�่เกี่�่ยวข้้อง กัับการท่่องเที่�่ยว คืือ ประเด็็นการสร้้างความหลากหลายด้้าน การท่อ่ งเที่่ย� ว โดยรัักษาการเป็น็ จุดุ หมายปลายทางที่�่สำ�ำ คััญของ การท่่องเที่�่ยวระดัับโลกที่่�ดึึงดููดนัักท่่องเที่�่ยวทุุกระดัับและ เพิ่่�มสััดส่่วนของนัักท่่องเที่่�ยวที่่�มีีคุุณภาพสููง มุ่่�งพััฒนาธุุรกิิจ ด้า้ นการท่อ่ งเที่ย่� วให้ม้ ีีมููลค่า่ สููงเพิ่่ม� มากยิ่ง� ขึ้น� ด้ว้ ยอัตั ลักั ษณ์แ์ ละ วัฒั นธรรมไทย และใช้ป้ ระโยชน์จ์ ากข้อ้ มููลและภููมิปิ ัญั ญาท้อ้ งถิ่น� เพื่�่อสร้้างสรรค์์คุุณค่่าทางเศรษฐกิิจและความหลากหลายของ การท่อ่ งเที่ย�่ วให้ส้ อดรับั กับั ทิศิ ทางและแนวโน้ม้ ของตลาดยุคุ ใหม่่ นอกจากนี้้� การท่อ่ งเที่ย่� วยังั มีีความเกี่่�ยวข้อ้ งกัับยุุทธศาสตร์์ชาติิ ด้า้ นการสร้า้ งการเติบิ โตบนคุณุ ภาพชีีวิติ ที่เ่� ป็น็ มิติ รต่อ่ สิ่่ง� แวดล้อ้ ม ซึ่่�งมีีประเด็็นที่�่เกี่่�ยวข้้อง คืือ 1) ประเด็็นการสร้้างการเติิบโต อย่่างยั่�งยืืนบนสัังคมเศรษฐกิิจสีีเขีียว 2) ประเด็็นการสร้้าง การเติิบโตอย่่างยั่ �งยืืนบนสัังคมเศรษฐกิิจภาคทะเล ซึ่่�งให้้ ความสำ�ำ คััญกัับการปรัับปรุุง ฟื้�้นฟูู และสร้้างใหม่่ทรััพยากร ทางทะเลและชายฝั่�งทั้้�งระบบ การฟื้�้นฟููชายหาดที่่�เป็็นแหล่่ง ท่่องเที่�่ยว รวมถึึงการพััฒนาและเพิ่่�มสััดส่่วนกิิจกรรมทางทะเล ที่�เ่ ป็น็ มิิตรต่่อสิ่่�งแวดล้้อม 088

แผนแมบ่ ทภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแม่่บทภายใต้้ยุุทธศาสตร์์ชาติิเป็็นส่่วนสำ�ำ คััญในการถ่่ายทอด เป้้าหมายและประเด็็นยุุทธศาสตร์์ของยุุทธศาสตร์์ชาติิลงสู่�่แผน ระดัับต่่าง ๆ ซึ่่�งมีีประเด็็นหลัักที่เ่� กี่่�ยวข้้องกับั การท่่องเที่่�ยว คืือ ประเด็็น ที่่� 5 การท่่องเที่่�ยว ที่�่ให้้ความสำ�ำ คััญกัับการรัักษาการเป็็นจุุดหมาย ปลายทางของการท่่องเที่่�ยวระดัับโลก โดยพััฒนาการท่่องเที่่�ยว ทั้้�งระบบ มุ่่�งเน้้นนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วกลุ่�มคุุณภาพ สร้า้ งความหลากหลายด้า้ น การท่อ่ งเที่ย่� วให้ส้ อดคล้อ้ งกับั ความต้อ้ งการของนักั ท่อ่ งเที่ย�่ ว และมุ่�งเน้น้ การพัฒั นาการท่อ่ งเที่ย�่ วในสาขาที่ม่� ีีศักั ยภาพ แต่ย่ ังั คงรักั ษาจุดุ เด่น่ ของ ประเทศด้า้ นขนบธรรมเนีียม ประเพณีี วัฒั นธรรม อัตั ลักั ษณ์ค์ วามเป็น็ ไทย ตลอดจนให้้คุุณค่่ากัับสิ่�งแวดล้้อมไว้้ได้ ้ ซึ่�่งประกอบไปด้้วย 6 แผนย่่อย ได้แ้ ก่่ 1) การท่อ่ งเที่่ย� วเชิิงสร้า้ งสรรค์์และวััฒนธรรม 2) การท่่องเที่�ย่ ว เชิิงธุุรกิิจ 3) การท่่องเที่่�ยวเชิิงสุุขภาพ ความงาม และแพทย์์แผนไทย 4) การท่อ่ งเที่�่ยวสำำ�ราญทางน้ำ��ำ 5) การท่่องเที่่�ยวเชื่อ่� มโยงภููมิภิ าค และ 6) การพััฒนาระบบนิเิ วศการท่่องเที่ย�่ ว 089

แผนพฒั นาการท่องเท่ียวแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) แผนพัฒั นาเศรษฐกิิจ แผนการปฏิรูปประเทศ และสังั คมแห่่งชาติิ ฉบับั ที่่� 13 (ฉบับปรับปรงุ ) (พ.ศ. 2566 – 2570) แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) แนวคิดิ ของกรอบแผนพัฒั นาเศรษฐกิจิ และสังั คม ให้ความส�ำคัญกับกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผล แห่่งชาติิ ฉบัับที่�่ 13 มีีเป้้าหมายหลััก คืือ การพลิิกโฉม ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงตอ่ ประชาชนอยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ประเทศไปสู่่� “เศรษฐกิิจสร้้างคุุณค่่า สัังคมเดิินหน้้า (Big Rock) โดยมีแนวทางการปฏิรูปประเทศ อย่่างยั่�งยืืน” หรืือ “High-Value and Sustainable ท้ังหมด 13 ด้าน ซ่ึงภายใต้แนวทางด้านเศรษฐกิจ Thailand” โดยมีีมิติ ิิการพัฒั นาที่ส�่ ำำ�คัญั 4 ด้้าน ได้แ้ ก่่ ได้มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว 1) ภาคการผลิิตและบริิการเป้า้ หมาย 2) โอกาสและ คณุ ภาพสงู มปี ระเดน็ ที่ตอ้ งขบั เคลื่อน 5 ประเดน็ ไดแ้ ก่ ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจิ และสังั คม 3) ความยั่ง� ยืืน 1) เตรียมการขับเคลื่อน Happy Model คือ ของทรััพยากรธรรมชาติิและสิ่�งแวดล้้อม และ “กินดี อยู่ดี ออกก�ำลังกายดี แบ่งปันส่ิงดีๆ” 4) ปัจั จัยั ผลักั ดันั การพลิกิ โฉมประเทศ โดยหมุดุ หมาย 2) พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 3) ส่งเสริมด้าน (Milestones) ที่่�เกี่่�ยวข้อ้ งกัับการท่อ่ งเที่ย�่ วอยู่�่ ภายใต้้ ที่พกั 4) เพมิ่ ขดี ความสามารถดา้ นเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ มติ กิ ารพฒั นาที่ 1 คือหมดุ หมายที่ 2 ไทยเปน็ จดุ หมาย และ 5) สนบั สนนุ การท่องเที่ยวเรือส�ำราญทางน�้ำ ของการท่่องเที่�่ยวที่่�เน้้นคุุณภาพและความยั่ �งยืืน มีีเป้้าหมาย คืือ 1) ยกระดัับการท่่องเที่่�ยวให้้เป็็น การท่อ่ งเที่ย่� วคุณุ ภาพสููง 2) เพิ่่ม� การพึ่ง�่ พานักั ท่อ่ งเที่ย�่ ว ในประเทศและกระจายรายได้ส้ ู่่�พื้�นที่่� และ 3) บริหิ าร จัดั การการท่อ่ งเที่ย่� วอย่า่ งยั่ง� ยืืนในทุกุ มิติ ิิ ประกอบด้ว้ ย 6 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) ส่งเสริมกิจกรรม สินค้าและ บริกิ ารการท่อ่ งเที่่�ยวมููลค่่าสููง 2) พััฒนาและยกระดับั การท่อ่ งเที่ย�่ วที่ม�่ ีีศักั ยภาพ 3) ยกระดับั การท่่องเที่ย่� ว ให้้ได้้มาตรฐานและเป็็นที่�่ยอมรัับของตลาดสากล 4) พััฒนาทัักษะและศัักยภาพของบุุคลากรในภาค การท่่องเที่�่ยว 5) ปรัับปรุุงกฎหมาย/กฎระเบีียบที่่� ล้้าสมััยและเป็็นอุุปสรรคต่่อการประกอบธุุรกิิจ และ 6) พัฒั นาระบบข้อ้ มููลการท่อ่ งเที่ย�่ วอัจั ฉริยิ ะที่ส่� ามารถ เข้้าถึึงและใช้้ประโยชน์ไ์ ด้ง้ ่า่ ย 090

โมเดลเศรษฐกิจ BCG เปา้ หมายการพัฒนาทย่ี ่ังยนื (พ.ศ. 2564 – 2570) (Sustainable Development แผนงานขับั เคลื่�่อน BCG ในสาขาการท่อ่ งเที่่�ยว Goals : SDGs) เป็น็ ส่ว่ นหนึ่ง่� ของ (ร่า่ ง) ยุทุ ธศาสตร์ก์ ารขับั เคลื่อ่� นการ องค์์การสหประชาชาติิได้้กำ�ำ หนดเป้้าหมาย พััฒนาประเทศไทยด้้วยโมเดลเศรษฐกิิจ BCG (พ.ศ. การพััฒนาโดยอาศััยกรอบความคิิดที่่�มองการพััฒนา 2564 – 2570) ซึ่ง่� เป็น็ การพัฒั นาเศรษฐกิจิ 3 ด้า้ น คืือ เป็็นมิิติิของเศรษฐกิิจ สัังคม และสิ่�งแวดล้้อมให้้มีี 1) เศรษฐกิิจชีีวภาพ (Bio Economy) 2) เศรษฐกิิจ ความเชื่อ�่ มโยงกันั เรีียกว่า่ “เป้า้ หมายการพัฒั นาที่ย�่ั่ง� ยืืน หมุุนเวีียน (Circular Economy) และ 3) เศรษฐกิิจ หรืือ Sustainable Development Goals (SDGs)” สีีเขีียว (Green Economy) โดยการท่่องเที่�่ยวตาม ประกอบไปด้้วย 17 เป้้าหมาย 169 เป้้าหมายย่่อย แนวทางของ BCG จะพััฒนาโดยการให้้ความสำำ�คััญ (SDG Targets) ที่่�มีีความเป็็นสากล เชื่่�อมโยงและ กัับการท่่องเที่�่ยวคุุณภาพสููงที่�่ยั่�งยืืน (Sustainable เกื้�อหนุุนกััน และกำ�ำ หนดให้้มีี 247 ตััวชี้�วััด เพื่่�อใช้้ Tourism) โดยมีีแนวทางที่�่สำ�ำ คััญ คืือ การประยุุกต์์ ติิดตามและประเมิินความก้้าวหน้้าของการพััฒนา ใช้้ Happy Model ที่�่ชููอัตั ลักั ษณ์์ของแต่่ละพื้้น� ที่ด�่ ้้วย โดยสามารถจััดกลุ่�ม SDGs ตามปััจจััยที่�่เชื่�่อมโยง สินิ ค้า้ และบริกิ าร ตลอดจนสื่อ�่ สารเรื่อ่� งราวและจุดุ เด่น่ กันั ใน 5 มิติ ิิ (5P) ได้้แก่่ (1) การพััฒนาคน (People) แต่ล่ ะแห่ง่ เชื่อ่� มโยงกับั จุดุ แข็ง็ ของประเทศ อย่า่ งไรก็ด็ ีี ให้้ความสำำ�คััญกัับการขจััดปััญหาความยากจน ในสถานการณ์ข์ องการระบาดของโควิิด – 19 ที่�่ทำำ�ให้้ และความหิิวโหย และลดความเหลื่�่อมล้ำำ��ในสัังคม จำ�ำ นวนนัักท่่องเที่่�ยวลดลง ประกอบกัับพฤติิกรรม (2) สิ่่ง� แวดล้อ้ ม (Planet) ให้ค้ วามสำ�ำ คัญั กับั การปกป้อ้ ง ผู้ �บริิโภคที่่�เปลี่�่ยนแปลงไป จึึงควรใช้้โอกาสนี้้�ในการ และรัักษาทรััพยากรธรรมชาติิและสภาพภููมิิอากาศ พััฒนามาตรฐานที่่�พัักและบริิการ รวมถึึงยกระดัับ เพื่อ�่ พลเมืืองโลกรุ่�นต่อ่ ไป (3) เศรษฐกิจิ และความมั่ง� คั่ง� ด้า้ นสุขุ อนามัยั เพื่อ่� ให้พ้ ร้อ้ มรับั ต้อ้ นรับั การกลับั มาของ (Prosperity) ส่่งเสริิมให้้ประชาชนมีีความเป็็นอยู่�่ ที่�่ดีี นกั ท่องเที่ยวไทยและตา่ งชาติอีกครัง้ และสอดคล้้องกัับธรรมชาติิ (4) สัันติิภาพและ ความยุุติิธรรม (Peace) ยึึดหลัักการอยู่�่ ร่่วมกััน อย่่างสัันติิ มีีสัังคมที่�่สงบสุุข และไม่่แบ่่งแยก และ (5) ความเป็็นหุ้�นส่่วนการพััฒนา (Partnership) ความร่่วมมืือของทุุกภาคส่่วนในการขัับเคลื่�่อนวาระ การพััฒนาที่�่ยั่�งยืืน ทั้้�งนี้้� การท่่องเที่่�ยวไทยมีี ความเกี่ย�่ วข้อ้ งและสอดคล้อ้ งกับั เป้า้ หมายการพัฒั นา ที่ย่�ั่ง� ยืืนครบทั้้ง� 17 เป้า้ หมายความยั่ง� ยืืน 091

แผนพฒั นาการท่องเท่ยี วแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 3 ผลการดำ� เนินงานตามแผนพัฒนาการท่องเทีย่ วแห่งชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) แผนพัฒนาการทอ่ งเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) ซึง่ ระยะเวลาของแผนสน้ิ สุดลงภายในปี พ.ศ. 2564 ได้มีการก�ำหนดวสิ ยั ทัศน์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวไทยระยะ 20 ปี (ปี พ.ศ. 2579) ไวด้ ังนี้ “ประเทศไทยเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยว คุณภาพชั้นน�ำของโลกที่เตบิ โตอย่างมีดุลยภาพบนพื้นฐานความเป็นไทย เพื่อสง่ เสริมการพัฒนาเศรษฐกจิ สงั คม และกระจาย รายได้สูป่ ระชาชนทุกภาคสว่ นอย่างยัง่ ยืน” โดยไดก้ �ำหนดยทุ ธศาสตรไ์ ว้ 5 ยทุ ธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ท่ี 1 ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ แ ห ล ่ ง ท ่ อ ง เ ที่ ย ว สิ น ค ้ า และบรกิ ารใหเ้ กิดความสมดลุ และยัง่ ยืน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่ิงอ�ำนวยความ สะดวกเพ่ือรองรับการขยายตัว ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 การพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการทอ่ งเทยี่ วและสนบั สนนุ การมสี ่วนรว่ มของประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างสมดุลให้กับการท่องเท่ียวผ่านการตลาด เฉพาะกล่มุ และสรา้ งความเช่ือมั่น ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 5 การบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยว และส่งเสริมความรว่ มมอื ระหว่างประเทศ 092

จากการตดิ ตามผลการด�ำเนนิ งานของแผนพฒั นาการทอ่ งเที่ยวแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 2 ในระยะครงึ่ แผนแรก เมื่อพจิ ารณาจาก ตวั ช้ีวดั หลัก 10 ตัวชี้วดั พบว่า มตี วั ชว้ี ัดที่มีผลการด�ำเนนิ งานสูงกวา่ คา่ เป้าหมายจ�ำนวน 1 ตวั ชี้วัด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 10 ตวั ชีว้ ัด ที่มีผลการด�ำเนินงานต�่ำกว่าคา่ เป้าหมายจ�ำนวน 8 ตวั ชว้ี ดั คิดเป็นรอ้ ยละ 80 และตัวชีว้ ัดที่ยังไม่มีการด�ำเนนิ การจ�ำนวน 1 ตวั ชวี้ ัด หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 10 รายละเอียด ดงั นี้ ตัวชว้ี ดั หลัก ค่าเปา้ หมาย การประเมิน ระยะคร่งึ แผนแรก ตััวชี้้�วััดที่่� 1 จำ�ำ นวนแหล่่งท่่องเที่�่ยวและสถานประกอบการด้้าน เพิม่ สงู ข้นึ อย่างน้อย การท่่องเที่�ย่ วที่ไ�่ ด้ร้ ัับเครื่�่องหมายรับั รองคุณุ ภาพของกรมการท่อ่ งเที่่ย� ว ร้อยละ 5 ต่อปี ต�่ำกวา่ เป้าหมาย ตัวชี้วัดที่ 2 อันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ต�่ำกว่าเป้าหมาย ของประเทศไทย เป็น 1 ใน 30 อนั ดับแรกของ โลก หรือ 1 ใน 7 อนั ดับแรก ต�่ำกวา่ เปา้ หมาย ตัวช้วี ดั ท่ี 3 ความเชื่อม่นั ในสนิ คา้ และบริการด้านการทอ่ งเที่ยวของไทย ของภูมิภาคเอเชยี แปซิฟิก ต�่ำกว่าเปา้ หมาย ที่มีคุณภาพไดม้ าตรฐาน สูงกวา่ เป้าหมาย ตัวชว้ี ัดที่ 4 รายได้จากนักทอ่ งเที่ยวชาวตา่ งชาติ ไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 90 ต�่ำกวา่ เปา้ หมาย ต�่ำกว่าเป้าหมาย ตวั ชีว้ ดั ที่ 5 การเดนิ ทางท่องเที่ยวของนกั ท่องเที่ยวชาวไทย มีอตั ราการขยายตวั ยงั ไมม่ กี ารด�ำเนินการ ไม่ต�่ำกวา่ ร้อยละ 10 ตอ่ ปี ต�่ำกวา่ เปา้ หมาย ตัวชี้วัดที่ 6 สัดส่วนการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีอตั ราการขยายตวั ไมต่ �่ำกว่า ในช่วงเดือนมถิ ุนายน - กนั ยายน ต�่ำกว่าเปา้ หมาย ตัวช้วี ัดท่ี 7 รายไดจ้ ากการท่องเที่ยวในจงั หวดั รอง ร้อยละ 3 ของปี ไมต่ �่ำกว่า 1 ใน 3 ตัวชี้วัดท่ี 8 ดัชนีการรับรู้และเข้าใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทยของ ของการเดนิ ทางตลอดทั้งปี นักทอ่ งเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย มีอัตราการขยายตัว ตัวช้ีวัดที่ 9 อันดับขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ไมต่ �่ำกว่ารอ้ ยละ 12 ตอ่ ปี (TTCI) ของประเทศไทย ดา้ นความเดน่ ชดั ของวฒั นธรรมและนนั ทนาการ เพม่ิ สงู ข้นึ อยา่ งตอ่ เนื่องทุกปี จากการสืบค้นออนไลน์ด้านการทอ่ งเที่ยว ตัวั ชี้้�วัดั ที่่� 10 ดัชั นีีด้า้ นความยั่ง� ยืืนของสิ่ง� แวดล้อ้ มและทรัพั ยากรธรรมชาติิ เป็น 1 ใน 10 อันดบั แรก ที่�เ่ กี่�่ยวข้อ้ งโดยตรงกับั การท่่องเที่ย�่ วของประเทศไทยใน 6 มิิติทิ ี่�ส่ ำำ�คััญ ของโลก พฒั นาข้ึนอย่างนอ้ ย 10 อนั ดบั ในแตล่ ะมิติ ตารางที่ 2-10 : ตารางแสดงตวั ช้วี ัดหลกั คา่ เปา้ หมาย และการประเมนิ ระยะคร่ึงแผนแรก 093

แผนพฒั นาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) อย่่างไรก็็ดีี เมื่่�อพิิจารณาผลการดำำ�เนิินงานของตััวชี้�วััดย่่อยตามราย ยุทุ ธศาสตร์์ 26 ตัวั ชี้ว� ัดั พบว่า่ มีีตัวั ชี้ว� ัดั ที่ม�่ ีีผลการดำำ�เนินิ งานสููงกว่า่ เป้า้ หมาย จำำ�นวน 1 ตััวชี้�วััด คิดิ เป็น็ ร้อ้ ยละ 3.85 ตััวชี้ว� ััดที่่�มีีผลการดำ�ำ เนินิ งานเป็น็ ไป ตามเป้า้ หมายจำ�ำ นวน 6 ตััวชี้�วัดั คิิดเป็น็ ร้อ้ ยละ 23.08 และตัวั ชี้�วัดั ที่ม่� ีีผลการ ดำำ�เนิินงานต่ำ�ำ� กว่่าเป้้าหมายจำำ�นวน 13 ตััวชี้ว� ััด คิดิ เป็็นร้อ้ ยละ 50 อีีกทั้้�งยัังมีี ตััวชี้�วััดที่่�มีีการจััดเก็็บข้้อมููลแต่่ไม่่ครอบคลุุมตามตััวชี้�วััดจำ�ำ นวน 1 ตััวชี้�วััด คิิดเป็็นร้้อยละ 3.85 และตััวชี้�วััดที่่�ไม่่มีีการจััดเก็็บข้้อมููลจำำ�นวน 5 ตััวชี้�วััด ซึ่ง�่ คิิดเป็็นร้อ้ ยละ 19 โดยหากพิิจารณาตััวชี้�วัดั รายยุทุ ธศาสตร์์ มีีผลการดำ�ำ เนิินการดังั นี้้� • ยุุทธศาสตร์์ที่่� 1 มีีตััวชี้�วััดย่่อยที่�่มีีผลการดำ�ำ เนิินงานต่ำำ�� กว่่าเป้้าหมาย จำ�ำ นวน 5 ตัวั ชี้�วัดั ได้แ้ ก่่ ตััวชี้�วััดย่อ่ ยที่่� 1 ตัวั ชี้�วัดั ย่่อยที่�่ 2 ตััวชี้ว� ัดั ย่่อย ที่่� 3 ตััวชี้�วััดย่่อยที่�่ 4 และตััวชี้�วััดย่่อยที่�่ 6 (คิิดเป็็นร้้อยละ 71.43) ตััวชี้�วััดย่่อยที่�่มีีผลการดำำ�เนิินงานเป็็นไปตามเป้้าหมาย 1 ตััวชี้�วััด คืือ ตััวชี้�วัดั ย่่อยที่�่ 5 (คิดิ เป็็นร้้อยละ 14.29) และตััวชี้ว� ััดย่่อยที่ม่� ีีการจัดั เก็บ็ ข้้อมููลแต่่ไม่่ครอบคลุุมตามตััวชี้�วััด 1 ตััวชี้�วััด คืือ ตััวชี้�วััดย่่อยที่�่ 7 (คิิดเป็็นร้อ้ ยละ 14.29) • ยุุทธศาสตร์์ที่�่ 2 มีีตััวชี้�วััดย่่อยที่�่มีีผลการดำำ�เนิินงานต่ำ�ำ�กว่่าเป้้าหมาย จำำ�นวน 4 ตัวั ชี้ว� ัดั ได้แ้ ก่่ ตััวชี้�วัดั ย่่อยที่�่ 2 ตััวชี้�วััดย่อ่ ยที่�่ 3 ตััวชี้�วัดั ย่่อย ที่่� 4 และตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 5 (คิิดเป็็นร้้อยละ 80) และตััวชี้�วััดย่่อยที่�่มีี ผลการดำำ�เนิินงานผลสููงกว่่าเป้้าหมาย 1 ตััวชี้�วััด คืือตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 1 (คิิดเป็็นร้อ้ ยละ 20) • ยุุทธศาสตร์์ที่�่ 3 มีีตััวชี้�วััดย่่อยที่่�มีีผลการดำ�ำ เนิินงานต่ำ��ำ กว่่าเป้้าหมาย จำ�ำ นวน 2 ตััวชี้�วััด ได้แ้ ก่่ ตััวชี้�วััดย่อ่ ยที่่� 2 และตัวั ชี้�วััดย่่อยที่่� 3 (คิดิ เป็็น ร้้อยละ 40) ตััวชี้�วััดย่่อยที่่�มีีผลการดำำ�เนิินงานเป็็นไปตามเป้้าหมาย จำำ�นวน 2 ตััวชี้�วััด ได้้แก่่ ตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 4 และตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 5 (คิดิ เป็็นร้อ้ ยละ 40) และตััวชี้�วัดั ย่อ่ ยที่�ไ่ ม่ม่ ีีการจัดั เก็บ็ ข้้อมููล 1 ตััวชี้ว� ัดั คืือตััวชี้ว� ัดั ย่่อยที่�่ 1 (คิดิ เป็น็ ร้อ้ ยละ 20) • ยุุทธศาสตร์์ที่�่ 4 มีีตััวชี้�วััดย่่อยที่�่มีีผลการดำ�ำ เนิินงานต่ำ��ำ กว่่าเป้้าหมาย จำ�ำ นวน 2 ตัวั ชี้�วัดั ได้้แก่ ่ ตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 1 และตัวั ชี้�วััดย่อ่ ยที่่� 3 (คิิดเป็็น ร้้อยละ 50) และตัวั ชี้ว� ััดย่่อยที่่�มีีผลการดำ�ำ เนินิ งานเป็็นไปตามเป้้าหมาย จำ�ำ นวน 2 ตัวั ชี้ว� ัดั ได้แ้ ก่ ่ ตััวชี้�วััดย่่อยที่่� 2 และตััวชี้ว� ัดั ย่่อยที่�่ 4 (คิิดเป็็น ร้อ้ ยละ 50) • ยุทุ ธศาสตร์ท์ ี่�่ 5 มีีตัวั ชี้ว� ัดั ย่อ่ ยที่ม�่ ีีผลการดำ�ำ เนินิ งานเป็น็ ไปตามเป้า้ หมาย 1 ตัวั ชี้ว� ัดั คืือ ตัวั ชี้ว� ัดั ย่อ่ ยที่่� 5 (คิดิ เป็น็ ร้อ้ ยละ 20) และตัวั ชี้ว� ัดั ที่ไ�่ ม่ม่ ีีการ จััดเก็บ็ ข้้อมููลจำ�ำ นวน 4 ตัวั ชี้ว� ัดั ได้แ้ ก่่ ตัวั ชี้ว� ััดย่่อยที่่� 1 ตัวั ชี้ว� ััดย่่อยที่่� 2 ตัวั ชี้ว� ัดั ย่่อยที่�่ 3 และตััวชี้�วัดั ย่่อยที่�่ 4 (คิิดเป็น็ ร้อ้ ยละ 80) 094

ผลการดาํ เนินงานรายยุทธศาสตรของแผนพฒั นาการทองเทย่ี วแหงชาติ ฉบับท่ี 2 100% 14.29% 20% 20% 3.85% สูงกวาเปาหมาย 90% 23.08% 80% 40% 50% เปน ไปตามเปาหมาย 70% 50% 60% 71.43% ต่ํากวา เปาหมาย/ 50% 3.85% ไมเปน ไปตามเปา หมาย 40% 80% 40% 80% 19% ภาพรวม ไมม ีการจดั เกบ็ ขอ มูล 30% 50% 20% มกี ารจัดเก็บขอมลู 10% 20% แตไมครอบคลมุ ตามตัวชว้ี ดั 0% 14.29% ยุทธศาสตรที่ 1 ยุทธศาสตรที่ 2 ยุทธศาสตรที่ 3 ยทุ ธศาสตรท ี่ 4 ยุทธศาสตรท ี่ 5 ยุทธศาสตรที่ มีผลการดําเนินการดงั น้ี 1 ตัวชี้วัดที่ตาํ่ กวาเปาหมาย คอื B1.1, B1.2, B1.3, B1.4, B1.6 ตวั ชี้วดั ที่เปน ไปตามเปาหมาย คือ B1.5 ตัวชวี้ ัดที่มกี ารจดั เกบ็ ขอมลู แตไ มค รอบคลมุ ตามตวั ช้ีวดั คอื B1.7 ยุทธศาสตรท่ี มผี ลการดําเนนิ การดังนี้ ผลสรุปการดาํ เนนิ งานภาพรวมตัวช้วี ัด ของรายยุทธศาสตร 2 ตัวชี้วดั ที่ตา่ํ กวาเปาหมาย คอื B2.2, B2.3, B2.4, B2.5 ตวั ช้วี ดั ทส่ี ูงกวา เปาหมาย คอื B2.1 จากทัง้ หมด 26 ตัวช้วี ัด พบวา ตวั ชี้วัดที่เปนไปตามเปา หมาย 6 ตวั ยุทธศาสตรท ี่ มผี ลการดําเนนิ การดงั น้ี ตวั ชวี้ ดั ท่ีสูงกวา เปาหมาย 1 ตวั 3 ตัวชีว้ ดั ที่ตา่ํ กวาเปาหมาย คือ B3.2, B3.3 ตวั ชว้ี ดั ทเ่ี ปนไปตามเปาหมาย คือ B3.4, B3.5 ตัวช้วี ัดทต่ี าํ่ กวา เปาหมาย 13 ตัว ตวั ชี้วัดที่ไมมกี ารจัดเก็บขอ มูล คือ B3.1 ตวั ชวี้ ัดท่มี ีการจัดเกบ็ ขอมูล ยทุ ธศาสตรท่ี มีผลการดําเนนิ การดงั น้ี แตไมครอบคลมุ ตามตัวชี้วดั 1 ตวั 4 ตวั ช้ีวัดทต่ี า่ํ กวาเปาหมาย คอื B4.1, B4.3 ตัวชวี้ ัดทีไ่ มมขี อ มลู 5 ตัว ตัวชี้วัดท่ีเปนไปตามเปาหมาย คอื B4.2, B4.4 ยุทธศาสตรท่ี มีผลการดําเนนิ การดงั น้ี 5 ตัวชี้วัดทีเ่ ปน ไปตามเปาหมาย คอื B5.5 ตวั ชีว้ ัดทไ่ี มมกี ารจัดเก็บขอ มูล คอื B5.1, B5.2, B5.3, B5.4 รปู ที่ 2-23 : ผลการด�ำเนนิ งานรายยทุ ธศาสตร์ของแผนฉบับที่ 2 ทัง้ นี้ เพื่อให้เปน็ ไปตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 เรื่อง (ร่าง) แผนแม่บทภายใตย้ ทุ ธศาสตรช์ าติ ให้หน่วยงานรัฐต้องปรับปรุงแผนระดับที่ 3 ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติจึงได้ด�ำเนินการปรับปรุงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) ให้เป็นแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. 2564 – 2565) และได้มีการประกาศใช้แล้ว เมื่อวนั ที่ 28 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ซึง่ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลแผนฉบับดังกลา่ ว 095

แผนพัฒนาการทอ่ งเทย่ี วแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 4 ภูมทิ ศั น์ของอตุ สาหกรรมการท่องเทีย่ วไทย จากบริบทและความท้าทายของอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวในปัจจุบัน กล่าวได้ว่า การท่องเที่ยว ของไทย ยงั มคี วามท้าทายหลกั ในดา้ นการกระจุกตวั การรั่ว� ไหลของรายได้้ ความไม่เ่ ชื่อ�่ มโยงของโครงสร้า้ ง พื้้น� ฐานและระบบคมนาคม การมีีภููมิคิุ้�มกันั ความเสี่ย�่ ง ที่�่ต่ำ�ำ� กฎระเบีียบและมาตรฐานที่�่ล้้าสมััย และ มกี ารเตบิ โตที่ไมย่ งั่ ยนื ดงั นนั้ การพฒั นาการทอ่ งเที่ยว ของไทยในระยะ 10 ปีีข้้างหน้้าจะต้้องมีีเป้้าหมาย เพื่�่อให้้การท่่องเที่่�ยวเป็็นอุุตสาหกรรมการท่่องเที่่�ยว ที่่�มีีการเชื่�่อมโยงอย่่างยั่ �งยืืนและสมบููรณ์์ มีีสััดส่่วน การพึ่�่งพานัักท่่องเที่่�ยวภายในประเทศ (Domestic Tourism) ที่่�สููง เป็็นอุุตสาหกรรมที่่�พร้้อมรัับมืือ กัับความเสี่�่ยงและวิิกฤตทุุกรููปแบบ รวมไปถึึง การมีีความสามารถในการประยุุกต์์ใช้้เทคโนโลยีี และนวัตั กรรมได้้อย่า่ งครบวงจร 096

การทองเท่ยี วไทย การทองเท่ียวไทย การทองเท่ยี วไทย ในปจจุบัน ในระหวางป ในอีก 10 ป พ.ศ. 2566-2570 ขา งหนา การกระจุกตัว (Imbalance) เสริมสรางความเขมแข็ง อุตสาหกรรมการทอ งเท่ยี ว เมด็ เงนิ ร่ัวไหล (Leakage) และปรับสมดลุ การทองเที่ยวไทย มกี ารเชือ่ มโยงอยา งย่งั ยืนและสมบรู ณ ความไมเ ชื่อมโยง (Disconnect) ภมู ิคมุ กันความเส่ยี งตาํ่ (Risk) ยกระดับโครงสรา งพน้ื ฐาน มสี ดั สว นการพ่งึ พา กฎระเบยี บลา สมยั (Outdated) มาตรฐาน และความเช่ือมโยง Domestic Tourism ทสี่ ูง เตบิ โตไมย ั่งยืน (Unsustainable) มอบประสบการณ พรอ มรับมือกบั ความเสย่ี ง โดยมีนักทองเทยี่ วเปน ศูนยก ลาง และวิกฤตทุกรูปแบบ เตบิ โตบนความยัง่ ยืน อตุ สาหกรรมประยุกตใ ช และมีภูมคิ ุมกนั เทคโนโลยีและนวัตกรรม อยางครบวงจร รปู ที่ 2-24 : ภูมิทัศน์การพฒั นาการทอ่ งเที่ยวของประเทศไทย 1 ทั้้�งนี้้� จากการแพร่่ระบาดของโรคโควิิด – 19 ที่่�ได้้ส่่งผลให้้สถานการณ์์ท่่องเที่�่ยวโลกและไทยยัังคงอยู่�่ในภาวะ เปราะบางและต้้องเผชิิญกัับความไม่่แน่่นอนทางเศรษฐกิิจ การจ้้างงาน การลงทุุน และการประกอบธุุรกิิจด้้าน การท่่องเที่�่ยว กระทรวงการท่่องเที่่�ยวและกีีฬาได้้จััดทำำ�ข้้อเสนอแนะเชิิงนโยบายการฟื้้�นฟููภาคธุุรกิิจในอุุตสาหกรรม การท่อ่ งเที่�่ยว (Tourism Recovery Recommendations) เพื่่�อมุ่่�งฟื้น�้ ฟููและพัฒั นาธุุรกิิจในภาคการท่อ่ งเที่่�ยวของไทย ให้้มีีความสามารถในการปรัับตััว ปรัับแนวทางและเปลี่่�ยนแนวคิิดในการพััฒนาอุุตสาหกรรมการท่่องเที่�่ยวเพื่่�อนำำ�ไปสู่�่ ภาวะปกติิถััดไป (Next Normal) อีีกทั้้�งยัังเป็็นการเตรีียมความพร้้อมสู่่�การท่่องเที่�่ยวโฉมใหม่่ภายใต้้แผนพััฒนา การท่่องเที่�่ยวแห่ง่ ชาติิ ฉบับั ที่�่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) โดยข้้อเสนอแนะเชิงิ นโยบายการฟื้�น้ ฟููภาคธุรุ กิิจในอุุตสาหกรรม การท่อ่ งเที่ย่� วดัังกล่า่ ว ประกอบด้้วย 6 ข้้อเสนอหลักั สู่่บ� ทใหม่่การท่่องเที่�่ยวไทย ดัังนี้้� 1) ปรบั แนวทางการท�ำธรุ กจิ ของผู้ประกอบการท่องเที่ยว (Change the Way Tourism Business Work) 2) ทอ่ งเที่ยวม่นั ใจ สะดวกกวา่ ที่เคย (More Confident more Convenient) 3) ดงึ ดดู นักทอ่ งเที่ยวคณุ ภาพตลอดท้งั ปี (Attract Quality Tourists in All Year - Round) 4) ขบั เคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยขอ้ มูลและเทคโนโลยีและดจิ ิทัล (Data and Technology Driven Tourism) 5) ผลกั ดันธรุ กิจท่องเที่ยวยัง่ ยืน (Sustainable Tourism Delivers to Society) 6) สง่ เสรมิ ปจั จยั สนบั สนนุ ขดี ความสามารถการทอ่ งเที่ยวไทย (Promote Favorable Supporting Conditions) 097

แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ส�ำหรบั การพัฒนาการท่องเที่ยวในระหวา่ งปี พ.ศ. 2566 – 2570 จะมุ่งเน้นการพฒั นาการทอ่ งเที่ยวที่สอดคล้อง ไปกัับยุุทธศาสตร์์ชาติิและแผนพััฒนาเศรษฐกิิจและสัังคมแห่่งชาติิ ฉบัับที่่� 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) ที่�่มุ่�งพลิิกโฉม ประเทศไทยไปสู่�่ “เศรษฐกิิจสร้้างคุุณค่่า สัังคมเดิินหน้้าอย่่างยั่�งยืืน” โดยให้้ความสำ�ำ คััญกัับ 4 ประเด็็นหลััก ได้้แก่่ 1) การเสริิมสร้้างความเข้้มแข็็งและการปรับั สมดุุลการท่่องเที่�ย่ วไทย 2) การยกระดับั โครงสร้้างพื้้น� ฐาน มาตรฐาน และ ความเชื่อ�่ มโยง 3) การมอบประสบการณ์โ์ ดยมีีนักั ท่อ่ งเที่ย�่ วเป็น็ ศููนย์ก์ ลาง และ 4) การเติบิ โตบนความยั่ง� ยืืนและมีีภููมิคิุ้�มกันั พร้้อมรับั มืือกับั ความเสี่ย่� ง ทั้้ง� นี้้� สามารถสรุปุ การแบ่่งระยะของการพััฒนาการท่่องเที่่ย� วไทยได้้ ดังั นี้้� Resolve & Reform & Revolutionize Reimagine Resilience 2571-2575 2564-2565 2566-2570 Fully Transformed Building Back Towards Rebuilding High Value and Sustainble Tourism the Next Normal Tourism อตุ สาหกรรมการทองเที่ยวไทย การทองเที่ยวของไทยฟนตวั อตุ สาหกรรมการทองเทย่ี วไทย มีความเปล่ียนแปลงไปอยางสิ้นเชิง จากสถานการณโ ควดิ -19 เนนคณุ คา (High Value) และ มกี ารเชอ่ื มโยงทุกภาคสว น พรอมทัง้ ปรบั แนวทางและเปลีย่ น ความยัง่ ยืนทางเศรษฐกจิ สงั คม เพือ่ นําไปสูการทองเทีย่ ว แนวคิดในการพัฒนาอตุ สาหกรรม และสง่ิ แวดลอ ม มุง พฒั นา ท่ีมีความเขม แขง็ และยั่งยนื การทองเท่ียวเพือ่ นําไปสู การทองเที่ยวทมี่ สี มดุลและกระจาย ในทุกระดับอยางสมบรู ณ ภาวะปกติถดั ไป (Next Normal) รายไดอ ยางท่วั ถึง พรอมรบั มือกับ ความเปลยี่ นแปลงทุกรปู แบบ รููปที่่� 2-25 : ภููมิทิ ัศั น์ก์ ารพััฒนาการท่อ่ งเที่�ย่ วของประเทศไทย 2 098

• การแกไ้ ขปญั หาและพลกิ โฉมการทอ่ งเที่ยว (Resolve and Reimagine) มีีการเชื่่�อมโยง มีเปา้ หมายในระหวา่ งปี พ.ศ. 2564 – 2565 ให้การทอ่ งเที่ยวของไทย ทุกุ ภาคส่่วน ฟื้นตวั จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคโควดิ – 19 พรอ้ มทง้ั ปรบั เพื่่�อนำำ�ไปสู่่� แนวทางและเปลยี่ นแนวคดิ ในการพฒั นาอตุ สาหกรรมการทอ่ งเที่ยวเพื่อ การท่่องเที่่�ยว น�ำไปสภู่ าวะปกตถิ ดั ไป (Building Back Towards the Next Normal) ที่่�มีคี วามเข้ม้ แข็ง็ เพื่อรองรบั ความตอ้ งการและพฤตกิ รรมการทอ่ งเที่ยวที่เปลย่ี นแปลงไป และยั่่�งยืืน อย่า่ งแท้้จริิง • การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน ทั้้�งด้า้ นสังั คม (Reform and Resilience) มเี ปา้ หมายในระหวา่ งปี พ.ศ. 2566 – 2570 วััฒนธรรม ใหป้ ระเทศไทยมีอุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยวที่เนน้ คณุ ค่า (High Value) สิ่่�งแวดล้อ้ ม และความย่ังยืนของเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม มุ่งสร้าง และธรรมชาติิ ความเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอย่างส้ินเชิง (Building Forward a Better Tourism for All) น�ำไปสคู่ วามสมดุล ในอุุตสาหกรรมการท่่องเที่่�ยว ทั้้�งสมดุุลในด้้านจำำ�นวนนัักท่่องเที่�่ยว สมดุุลในด้้านรายได้้จากการท่่องเที่�่ยว และสมดุุลในด้้านของ การสนัับสนุุน เขตพััฒนาการท่่องเที่่�ยว เพื่่�อกระจายความเจริิญจาก การท่อ่ งเที่ย�่ วอย่า่ งทั่่ว� ถึงึ บนพื้้น� ฐานของการบููรณาการโครงสร้า้ งพื้้น� ฐาน เทคโนโลยีี และข้้อมููลเชิิงลึึกที่�่มีีประสิิทธิิภาพสููง เพื่�่อให้้ทุุกภาคส่่วน มีความเข้มแขง็ และพรอ้ มรบั มือกับความเปลย่ี นแปลงทุกรปู แบบ • อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์และย่ังยืน (Revolutionize) มีเป้าหมายต่อเนื่องจากการพัฒนาของแผนพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ในระหว่างปี พ.ศ. 2571 – 2575 เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมีความเปล่ียนแปลงในทุกระดับ อย่างสิ้นเชิง (Fully Transformed and Sustainable Tourism) ภายใต้โครงสร้างพื้นฐาน มาตรฐาน และเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล�้ำสมัย มีการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อน�ำไปสู่การท่องเที่ยวที่มีความเข้มแข็ง และย่ังยืนอย่างแท้จริง ทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและ ธรรมชาติ รวมถึงการเติบโตของธรุ กจิ และภาคการผลติ ในอตุ สาหกรรม การท่องเที่ยวอย่างย่ังยืน น�ำไปสู่ความสามารถในการจัดการกับ ความเส่ียงและวกิ ฤตการณ์ทกุ รูปแบบและฟื้นตัวได้อยา่ งรวดเรว็ 099

แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ส่วนท่ี 3 แผนพฒั นาการทอ่ งเทยี่ วแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook