Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 2 คู่มือ ประถมศึกษา ช่องทางการเข้าสู่อาชีพ

2 คู่มือ ประถมศึกษา ช่องทางการเข้าสู่อาชีพ

Description: 2 คู่มือ ประถมศึกษา ช่องทางการเข้าสู่อาชีพ

Search

Read the Text Version

51 See you tomorrow. Yes, See you tomorrow. See you next time. Yes, See you next time. See you next week. Hope to see you soon. Yes, See you next week. Don’t forget to write. Yes, I hope so. Don’t forget to call. O.K. Good bye. O.K. Good bye การพดู กลา่ วลาและฝากความระลกึ ถึงไปยงั บคุ คลทีร่ จู้ กั Give my regards to Dan. Yes, I will Say hello to Ploy. Yes, I will Give my love to Tom. Yes, I will Good night ใชพ๎ ดู กลาํ วลาเฉพาะตอนกลางคืน (หรือกลาํ วลาเมื่อเข๎านอน) ซง่ึ จะไมไํ ด๎พบกันอีก จนกระทั่ง รุํงเช๎า ในการพดู ตอบรบั คํากลาํ วลาจะใช๎ Good night เหมือนกนั สาหรับผู้ท่ีเพง่ิ รจู้ กั กนั เมอื่ จะกล่าวลานิยมใชด้ งั น้ี Miss Aliz: It was nice meeting you. Mr. Bob: Nice meeting you, too. Good bye. การพดู กลา่ วลากอ่ นการเดนิ ทาง ในการพูดกลาํ วลาหลังการพดู คยุ กันแล๎ว หรือกอํ นการเดนิ ทางจะพูดบอกลากัน หรือจะบอก วาํ แล๎ว พบกันใหมํมสี ํานวนการพดู ดงั น้ี Bye Good bye So long See you See you later การพูดกล่าวลาทางโทรศัพท์ ในการพูดกลาํ วลาทางโทรศัพทห๑ ลังจากทพ่ี ูดคุยธุระกันเสรจ็ แล๎วกอํ นทจ่ี ะวางสายโทรศัพทม๑ ี

52 คาํ พูดปิดทา๎ ยดงั น้ี การพดู ขอบคณุ (สาหรบั ความชว่ ยเหลอื ที่ได้รับ) มสี ํานวนการพูดดังนี้ I’m much obliged to you. Thank you for your assistance. Well, thanks for the information. Thank you very much for your help. I’m very grateful for your assistance. การพูดกลา่ วตอบการขอบคณุ Not at all. Don’t mention it. You’re welcome. การพูดกล่าวลา Good bye/ Bye. I call you later. Thanks for calling. Thank you, Good bye. I look forward to hearing from you. I look forward to seeing/meeting you. I’ll speak to you tomorrow/next week. Look forward to hearing from you again soon. การพดู กลา่ วลาหลงั งานเล้ียงเลิก ตามมารยาทเมือ่ งานเลย้ี งเลกิ กอํ นจะกลับบ๎าน ผ๎ถู กู เชิญจะตอ๎ งกลําวชมกลาํ ว ขอบคณุ และ บอกลาเจา๎ ของงานโดยการพูดสํานวน ดังน้ี What a nice party! Thanks for the meal.

53 Thank you for inviting me. Thank you for this lovely meal. Thank you so much for a lovely party. การตอบรบั (Responding) That’s all right. You’re welcome. Thanks for coming. I’m glad you liked it. It’s nice of you to say so. การพูดกลา่ วลาก่อนเข้านอน ในการพูดกลําวลากอํ นการเขา๎ นอนตามมารยาทของชาวตะวนั ตกมนั ก็จะใช๎ สํานวนกลําวลา งาํ ย ๆ เชนํ คําวาํ Good night โดยผ๎ูตอบรบั ก็ใช๎คาํ วํา Good night เชํนกนั และนอกจากนอี้ าจจะ อวยพรขอใหห๎ ลบั ฝนั ดี หรอื หลบั อยํางมีความสุข โดยใชส๎ ํานวนดังนี้ Sleep well. Good night. Have a good dream. Good night. การตอบรับ (Responding) Good night. Thank you. Good night. ตัวอย่างประโยค Miss Anna : Sleep well. Good night Mr. Bill : Good night การตอบรับการกล่าวลาในโอกาสต่าง ๆ ในการตอบรับการกลําวลาในโอกาสตาํ งๆมสี ํานวนในการพูด ดังนี้

54 ตัวอย่างสานวนการพูดกลา่ วลา ความหมาย Good bye sinv bye-bye หรอื Bye. See you. ลากํอน So long. แล๎วพบกนั Good night. ลากํอน See you later. ราตรีสวสั ด์ิ แลว๎ พบกันใหมํ แบบทดสอบหลงั เรยี น จานวน 10 ข้อ ( 10 คะแนน) รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (พต11001) ระดับประถมศกึ ษา คาช้แี จง ให๎นักศึกษาทาํ เครอ่ื งหมายวงกลม ( ) หน๎าคําตอบท่ถี ูกตอ๎ งทส่ี ุดเพยี งขอ๎ เดียว 1. A: Thank you. B:_________________. a. You’re welcome b. I’m sorry c. O.K d. NO 2. A : Good morning. B : _______________________. a. Good afternoon b. Good morning c. Good night d. Good place best checkin

55 3. Bill. : Tom, this is Bob. Tom. : Nice to meet you. Bob. : _____________________. a. How do you do? b. Nice to meet you , too c. Nicetomeetingyou,too d.nice. 4. Rose: Hello, I am Rose Cherry:____________________. a.Hello, I am Cherry. b.What your name. c.Yes I am. d.No. not me. 5. John: Hi Judy. Judy: Hi john. John: Judy,this is Sandra. Judy: Hello Sandra, I’m pleased to meet you. Sandra:_________, I’m pleased to meet you too. a. What your name. b. Yes I am. c. No. not me. d. Hello Judy 6. Miss Suda : See you later. Mr.Tom : __________.

56 a. See you b. Yes, thank you c. Yes. You’re welcome d. I see you 7. Mr. Ken : Thanks for the meal.. Miss Suda : ____________________. a.That’s all right b.I’m glad you liked it c. It’s nice of you to say so 8. Miss Carolyn: Hope to see you soon, bye. Mr. Dan: ______________________. a. Yes, see you b. Yes, I hope so c. Yes, I will see you too. d. No, see you 9. Miss Aliz : I wish you luck. Mr.Bob : _____________,Good bye. a. You too b. You will c. You wish d. You don’t 10. A: What’s you job ?

57 B: I am _____________ . a. a teacher b. a cat c. a man d. a nan เฉลยแบบทดสอบกอ่ น – หลงั เรยี น รายวชิ า รายวชิ าภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน (พต11001) 1. a 2. b 3. b 4. a 5. d 6. a 7. a 8. b 9. a 10.a

58 รายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง (ทช11001) ระดับประถมศึกษา สาระทักษะการดาเนินชีวติ มาตรฐานท่ี 4.1 มีความรู๎ ความเข๎าใจ เจตคตทิ ด่ี เี กี่ยวกับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถ ประยกุ ต๑ใช๎ในการดําเนินชีวติ ไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม สาระสาคัญ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาล ท่ี9)ทรงพระราชดํารัสชี้แนะแนวทางการดํารงอยูํและการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับให๎ ดําเนินชีวิตไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให๎ก๎าวทันตํอโลกยุคโลกาภิวัตน๑ ความพอเพียงหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นที่จะต๎องมีระบบ ภูมคิ ม๎ุ กนั ในตัวท่ีดีพอสมควรตํอผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทง้ั นี้ จะตอ๎ งอาศัยความรอบรู๎ ความรอบคอบและความระมัดระวังอยาํ งย่ิงในการนําวิชาการตําง ๆ มา ใชใ๎ นการวางแผนและดําเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต๎องเสริมสร๎างพื้นฐานจิตใจของคน ในชาติใหม๎ ีสาํ นึกในคุณธรรมความซ่ือสัตย๑สุจริตและให๎มีความรอบรู๎ท่ีเหมาะสมดําเนินชีวิตด๎วยความ อดทน ความเพียร มีสติปัญญาและความรอบคอบ เพ่ือให๎สมดุลและพร๎อมตํอการรองรับการ เปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็วและกว๎างขวาง ทั้งด๎านวัตถุ สังคม ส่ิงแวดล๎อมและวัฒนธรรมจากโลก ภายนอกไดเ๎ ปน็ อยํางดี ผลการเรยี นรทู ่คี าดหวัง 1. อธิบายแนวคิด หลักการ ความหมาย ความสําคญั ของปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได๎

59 2. บอกแนวทางในการนําปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งไปประยกุ ต๑ใช๎ในการดําเนนิ ชีวติ 3. เห็นคณุ คาํ และปฏิบตั ิตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. แนะนาํ สงํ เสริมใหส๎ มาชกิ ในครอบครวั เห็นคณุ คําและนาํ ไปปฏิบัติในการดําเนนิ ชวี ติ 5. บอกแนวทางและสามารถเรม่ิ ตน๎ ประกอบอาชพี ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได๎ ขอบขายเนอ้ื หา บทท่ี 1 เศรษฐกจิ พอเพียง รากฐานการดําเนนิ ชวี ติ ของคนไทย บทท่ี 2 ปฏิบัตติ นดี มีความพอเพียง บทที่ 3 รู๎ใช๎ ร๎ูจําย บทท่ี 4 ชีวติ สดใส พอใจเศรษฐกจิ พอเพยี ง บทที่ 5 การประกอบอาชพี ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอ่ื ให๎เกดิ ความมน่ั คง มง่ั ค่งั และยั่งยืน

60 แบบทดสอบก่อนเรยี น จานวน 10 ข้อ (10 คะแนน) รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพยี ง (ทช 11001) ระดับประถมศกึ ษา คาชแี้ จง ให๎นักศึกษาทาํ เคร่ืองหมายวงกลม ( ) หนา๎ คําตอบทีถ่ กู ต๎องทสี่ ุดเพียงข๎อเดยี ว 1. เศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถึงอะไร ก. แนวทางการดํารงชวี ิตบนทางสายกลางความพอประมาณความมีเหตุผลระบบคมุ๎ กนั ในตัวทีด่ ี ข. ชวี ิตทีส่ งบสุข ค. การดําเนินชีวติ อยํางเปน็ สุขมคี ุณคาํ ง. ความอดทน มานะ ความเพยี รพยายาม 2. ความพอประมาณ หมายถึง ก. การร๎จู กั ใหอ๎ ภัยซ่ึงกนั และกัน ข. การวางตนเป็นกลาง ค. ความอดทน ขยัน ประหยดั ง. ความพอดที ่ไี มํน๎อยเกนิ ไปและไมํมากเกนิ ไปโดยไมเํ บยี ดเบียนตนเองและผอู๎ ืน่ 3. ความมเี หตุผล หมายถึง ก. การตดั สนิ ใจที่เกยี่ วกับระดับของความพอเพยี งอยํางมเี หตผุ ล ข. การตดั สินใจในทางที่ดี ค. การเสยี สละ ง. ความซอื่ สัตย๑ สจุ ริต อดทน ความเพียรพยายาม 4. การมภี มู ิคุม๎ กนั ท่ดี ีในตัว หมายถงึ

61 ก. การมีติ สมาธิ ปัญญา ข. การเตรยี มตัวให๎พร๎อมรับผลกระทบและการเปลยี่ นแปลงดา๎ นตาํ งๆท่จี ะเกดิ ขึ้นโดย คาํ นึงถึงความเปน็ ไปได๎ของสถานการณต๑ าํ งๆ ค. การตัดสินใจการดาํ เนินชวี ิต ง. ชวี ติ ทสี่ งบสุข 5. เศรษฐกิจพอเพียงโดยเนน๎ การปฏิบัตบิ นทางสายกลางมอี ะไรบา๎ ง ก. ความเพยี ร มีสติ ปัญญา ข. ความขยัน อดทน มีความสามคั คี ค. ขยัน ประหยัด ซื่อสตั ย๑ ง. พอประมาณ มีเหตุผล มภี มู ิคมุ๎ กัน 6.ข๎อใดตํอไปนี้เป็นรายจาํ ยท่ีไมจํ าํ เป็น ก. รายจาํ ยกบั สิ่งฟุมเฟอื ย ข. รายจาํ ยที่เกิดเพราะราคานาํ สนใจเลยซอ้ื มาไว๎กํอน ค. รายจํายสวํ นเพิ่มจากคําบริการตํางๆ ง. ถูกทุกขอ๎ 7. เพราะเหตุใดเราควรมกี ารวางแผนคําใชจ๎ ํายภายในครอบครัว ก. เพ่ือทราบขอ๎ มูลรายรบั -รายจํายภายในครอบครัว ข. เพ่ือประหยัดคาํ ใช๎จําย ค. เพ่อื ใชเ๎ วลาวาํ งใหเ๎ ป็นประโยชน๑ ง. เพอื่ ประหยดั เวลาในการซอ้ื สินค๎า 8. ข๎อใดตํอไปน้เี ปน็ การลดรายจําย ก. ซ้ือของฝากให๎เพื่อนสนิททกุ ครัง้ ทไ่ี ปเทีย่ ว ข. เลอื กซือ้ อาหารท่ีมีประโยชนแ๑ ตรํ าคาแพง ค. เลือกซื้อของใช๎ทแ่ี พงๆเพราะจะไดใ๎ ช๎นานๆ ง. เลือกซ้อื ของท่มี คี วามจาํ เป็นที่จะตอ๎ งใช๎จรงิ ๆ 9. ข๎อใดเปน็ ประโยชนข๑ องการออมเงิน ก. ทาํ ให๎ร๎คู ณุ คําของเงิน ไมํใช๎เงินฟมุ เฟือย

62 ข. มเี งนิ ไว๎ใชใ๎ นยามขัดสนหรอื ยามจําเปน็ ค. มีการฝกึ สตใิ นการกํากับการใชเ๎ งินในชีวติ ประจาํ วนั ง. ถกู ทุกข๎อ 10. บุคคลใดตอํ ไปนีป้ ฏิบตั ติ นได๎ถกู ตอ๎ งเพ่ือต๎องการลดรายจาํ ย ก. คาํ แก๎ว ซอ้ื ของใช๎ภายในบา๎ นเดือนละ 1 คร้ัง ข. ไสว ซือ้ ของใชภ๎ ายในบา๎ นคร้งั ละนอ๎ ยๆ ค. วันเพ็ญ ซื้อของเลํนให๎ลกู ง. พิมพา ขับมอเตอรไ๑ ซดไ๑ ปโรงเรียนเพอ่ื ประหยัดเวลา

63 เรอื่ งท่ี 1 ความพอเพียง ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเปนท่ี ต๎องมี ระบบภูมิค๎ุมกนั ในตวั ท่ีดี พอสมควรตํอการมีผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก และภายใน ท้ังน้ีจะตองอาศัยความรอบรู ความรอบคอบและความระมัดระวัง อยางย่ิงในการนํา วิชาการตางๆ มาใชในการวางแผน และการดําเนินการทุกข้ันตอน และ ขณะเดียวกันจะตองเสริม สรางพนื้ ฐานจติ ใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจาหนาท่ีของรัฐ นัก ทฤษฎีและนักธุรกิจในทกุระดับให๎มี สํานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย๑ สุจริต และความรอบรูที่เหมาะสม ดําเนินชีวิตดวยความอดทน ความเพยี ร มีสติ ปญญา และความรอบคอบ เพื่อใหสมดุลและพรอมตอการรองรับการเปลี่ยนแปลง อยางรวดเร็วและกวางขวาง ท้ังทาง ดานวัตถุสังคม สิ่งแวดลอม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได๎ เปนอยางดี ความพอเพียงจะตองประกอบดวย 3 หวง 2 เงอื่ นไข ดงั นี้ ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไ่ี มนอยเกนิ ไป และไมมากเกินไปโดยไม เบยี ดเบยี นตนเองและผูอื่น เชน การผลิตและการบรโิ ภคทีอ่ ยูในระดบั พอประมาณ ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกีย่ วกับระดับของความพอเพยี งนั้น จะตอง เปนไปอยางมีเหตุผลโดยพจิ ารณาจากเหตุปจจยั ทเี่ กย่ี วของตลอดจนคํานึงถึงผลทค่ี าดวาจะ เกิดข้นึ จากการกระทาํ นนั้ ๆ อยางรอบคอบ การมีภูมคิ ุมกนั ท่ีดีในตวั หมายถงึ การเตรยี มตัวใหพรอมรับผลกระทบและการ เปล่ยี น แปลงดานตางๆ ที่จะเกดิ ข้นึ โดยคํานึงถึงความเปนไปไดข๎ องสถานการณตางๆ ท่คี าดวาจะเกิดข้นึ ใน อนาคตท้ังใกลและไกล เงื่อนไข การตดั สนิ ใจและการดาํ เนนิ กิจกรรมตางๆ ใหอยูในระดับพอเพียงน้นั ตองอาศยั ท้ัง ความรูและคุณธรรมเปนพื้นฐาน กลาวคอื

64 เงือ่ นไขความรู้ ประกอบดว๎ ย ความรอบรู๎เก่ียววิชาการตํางๆ ที่เก่ียวข๎องอยํางรอบด๎าน ความรอบคอบทจี่ ะนาํ ความรูเหลานนั้ มาพิจารณาใหเชื่องโยงกัน เพอื่ ประกอบการ วางแผน และความ ระมัดระวังในขัน้ ปฏบิ ัติ เง่อื นไขคุณธรรม ท่จี ะต๎องเสริมสรา๎ ง ประกอบดว๎ ย มีความตระหนัก ในคณุ ธรรม มีความ ซือ่ สัตยสจุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพียร ใชสตปิ ญญาในการดาํ เนินชีวิต หลักของความพอประมาณ (พอดี) 5 ประการ (จากข้อสรุปของสภาพฒั น์) 1. พอดีด๎านจิตใจ เขม๎ แข็ง มีจติ สํานึกทีด่ ี เอ้ืออาทร ประนปี ระนอมนกึ ถึงประโยชน๑ สวํ นรวม 2. พอดีดา๎ นสังคม ชํวยเหลอื เกือ้ กูล รู๎จักสามัคคี สร๎างความเขม๎ แข็งให๎ครอบครัวและชมุ ชน 3. พอดดี า๎ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ๎ ม รจู๎ ักใชแ๎ ละจดั การอยํางฉลาด และรอบคอบ เกดิ ความย่งั ยนื สูงสุด 4. พอดีด๎านเทคโนโลยี ร๎ูจักใช๎เทคโนโลยีที่เหมาะสมและสอดคล๎องตํอความต๎องการเป็น ประโยชน๑ สภาพแวดลอ๎ มและเกดิ ประโยชน๑ตํอสํวนรวมและพัฒนาจากภมู ปิ ัญญาชาวบ๎านกอํ น 5. พอดีด๎านเศรษฐกิจ เพ่ิมรายได๎ ลดรายจําย ดํารงชีวิตอยํางพอควรพออยูํ พอกิน สมควร ตามอตั ภาพและฐานะของตน หลักของความมีเหตผุ ล 1. ยดึ ความประหยดั ตัดทอนคาํ ใชจ๎ ํายในทกุ ด๎าน ลดความฟมุ เฟือยในการดาํ รงชวี ิต 2. ยดึ ถือการประกอบอาชีพด๎วยความถูกต๎องสจุ ริต แมจ๎ ะตกอยํูในภาวะขาดแคลนในการ ดาํ รงชีวิต 3. ละเลิกการแกงํ แยํงผลประโยชน๑ และแขํงขันในทางการค๎าขายประกอบอาชีพ แบบตอํ ส๎ูกัน อยาํ งรุนแรง 4. ไมหํ ยดุ นง่ิ ทห่ี าทางในชวี ิตใหห๎ ลุดพ๎นจากความทุกขย๑ าก 5. ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทดี่ ี ลด เลิก ส่ิงยัว่ ยุกเิ ลสใหห๎ มดส้นิ ไป ไมกํ ํอความชวั่ ให๎เปน็ เคร่ือง ทําลายตวั เอง ทําลายผอ๎ู นื่

65 หลกั ของการมีภมู คิ มุ้ กนั 1. มีความรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวัง 2. มีคณุ ธรรม ซอ่ื สตั ยส๑ จุ รติ ขยัน อดทนและแบํงปัน กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ี 1 คาํ ช้ีแจง : จงเติมคาํ หรอื ตอบคคาํ ถามในชํองวํางใหถ๎ ูกตอ๎ ง หลังจากผเ๎ู รียนได๎เรียนรู๎หลกั การเศรษฐกิจพอเพียงจนมคี วามร๎ู ความเข๎าใจ ยอมรับและ ตัดสินใจลงมือปฏิบัติ ประยกุ ตใ๑ ชใ๎ นการดําเนินชีวิตและประกอบอาชีพของตนเองนนั้ ผเู๎ รยี นมีแนวทาง สามารถนาํ มาปฏิบัติกับตัวเอง ครอบครวั อยํางไร เน้อื หา แนวทางปฏบิ ตั ิ 1. พอประมาณ ในการดาํ เนินชีวิตเชํน (การซื้อสินคา๎ การใช๎เงนิ ) …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ในการประกอบอาชพี (เชํน การลงทนุ การแปรรปู ) …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 2. ความมเี หตุผล ในการดาํ เนนิ ชวี ิต (เชนํ การตัดสินใจซอ้ื สนิ ค๎า การใช๎เงิน) …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ในการประกอบอาชพี (เชํน การตดั สนิ ใจในการลงทุน) …………………………………………………………………………………………………………… 3. มีภมู ิคม๎ุ กนั ทีด่ ี ในการดําเนินชีวิต (เชนํ การสํารองของใช๎ การปอู งกันอบุ ตั ิภัย) …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… ในการประกอบอาชพี (การสํารองเงินลงทนุ การสํารองสินคา๎ ) ……………………………………………………………………………………………………………

66 4. เงือ่ นไข รอบรู๎ (เชนํ ความรเู๎ รอ่ื งอาชีพ ความสําเร็จ นน้ั ๆ)…………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………… รอบคอบ (เชนํ รอบคอบในการ ใช๎)…………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………….… ระมัดระวัง (การทาํ บญั ช)ี …………………………………………………………………………………………….… ……………………………………………………………………………………………………… ซอ่ื สตั ย๑ (เชํนใชว๎ ัตถุดนิ ที่ไมํมสี ารพิษ ปนเปอื้ น)………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………… อดทน (เชํน อดทนในการ ดําเนนิ การ)………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… แบํงปัน (มคี วาม เออ้ื เฟอ้ื เผือ่ แผํ)………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………

67 เฉลย หลงั จากผเ๎ู รียนได๎เรยี นร๎ูหลักการเศรษฐกิจพอเพียงจนมคี วามรู๎ ความเข๎าใจ ยอมรับและ ตดั สินใจลงมือปฏิบัติ ประยกุ ตใ๑ ชใ๎ นการดาํ เนินชีวติ และประกอบอาชพี ของตนเองนน้ั ผู๎เรียนมี แนวทาง สามารถนาํ มาปฏบิ ัติ กับตวั เอง ครอบครัวอยํางไร เนอ้ื หา แนวทางปฏิบตั ิ 1. พอประมาณ ในการดาํ เนนิ ชีวติ เชนํ (การซอื้ สนิ ค๎า การใช๎เงนิ ) 2. ความมเี หตุผล การซอื้ สนิ ค๎า ตอ๎ งร๎จู กั ใช๎เทคโนโลยีท่เี หมาะสม และสอดคล๎องตอํ ความต๎องการ ประโยชนท๑ สี่ าํ คญั ทีส่ ดุ จาํ เปน็ ท่สี ุด การใชเ๎ งิน ร๎ูจักใชอ๎ ยํางประหยัดไมํใช๎จํายฟุมเฟอื ย หาอาชพี เสรมิ เพ่มิ รายได๎ลด รายจาํ ยดํารงชีวติ อยาํ งพอควรพออยํูพอกิน สมควรตามอัตภาพและฐานะของตน ในการประกอบอาชพี (เชนํ การลงทุน การแปรรปู ) การลงทนุ ต๎องศึกษาตลาดกอํ น ชุนชน ทําเลทตี่ ้งั แหลงํ การค๎าขายทเี่ หมาะสม การแปรรูป สินค๎าท่จี ะทาํ ต๎องศกึ ษาความตอ๎ งการของตลาดกอํ น ถา๎ ตลาด ต๎องการเราก็ต๎องจัดทาํ ได๎ ในการดําเนนิ ชีวิต (เชนํ การตัดสินใจซื้อสนิ ค๎า การใช๎เงิน) การตดั สนิ ใจซือ้ สนิ ค๎า ยึดความประหยัดใชจ๎ ํายในสิง่ ท่จี าํ เปน็ ทตี่ ๎องการซ้ือ ลด ความฟุมเฟือย เลือกสนิ ค๎าท่ีมีคณุ ภาพ การใชเ๎ งนิ ยึดความประหยัดไมํฟุมเฟอื ยจนเกินไปคํานงึ ถึงความเปน็ อยใํู น อนาคตตํอไป ในการประกอบอาชพี (เชํน การตัดสนิ ใจในการลงทุน) การตดั สินใจในการลงทนุ ตอ๎ งศึกษาทําเลที่ต้ังกํอนศึกษาตลาด ชุมชน ความ เปน็ อยอํู ยํางไร

68 3. มีภูมิค๎ุมกนั ท่ดี ี ในการดาํ เนินชีวติ (เชํน การสํารองของใช๎ การปอู งกนั อบุ ัติภยั ) การสํารองของใช๎ ต๎องมีความรอบคอบ ตรวจดใู ห๎แนํชัดเพื่อความปลอดภัย 4. เงือ่ นไข การปูองกนั อบุ ตั ภิ ัย ต๎องมีการวางแผน ตอ๎ งมีความระมัดระวังทุกขั้นตอนใน ความสําเร็จ การปฏิบตั ิ 5. เง่ือนไขคณุ ธรรม ในการประกอบอาชีพ (การสํารองเงนิ ลงทนุ การสาํ รองสินค๎า) ต๎องศึกษาตลาดสนิ ค๎าเหลํานนั้ เปน็ อยาํ งไร มีคณุ ภาพแคํไหนจงึ จะตัดสนิ ใจ ลงทุน รอบรู๎ (เชนํ ความรเู๎ ร่อื งอาชีพน้ันๆ) ความรเ๎ู รอ่ื งอาชีพน้นั ๆ รอบรใู๎ นอาชพี ที่ทาํ จะประสบผลสําเร็จในอาชพี นัน้ รอบคอบ (เชํน รอบคอบในการใช๎) รอบคอบในการใช๎ รอบคอบทจี่ ํานาํ ความรู๎เหลาํ น้ันมาพจิ ารณาให๎เช่ือมโยงกนั เพ่ือประกอบการวางแผนให๎มคี วามระมดั ระวังทกุ ข้ันตอน ระมดั ระวงั (การทาํ บัญชี) การทาํ บัญชี ทําบญั ชใี หร๎ อบคอบ เพือ่ ความถูกตอ๎ งชดั เจน ซ่อื สัตย๑ (เชํน ใชว๎ ัตถดุ ินทีไ่ มํมสี ารพิษปนเปื้อน) ใช๎วัตถุดิบท่ีไมํมสี ารพิษปนเป้อื นต๎องมีความซ่อื สัตยส๑ ุจรติ มีคุณธรรม อดทน (เชํน อดทนในการดําเนนิ การ) มคี วามอดทนมคี วามเพียรใช๎สตปิ ัญญาในการดําเนนิ ชีวติ แบงํ ปนั (มีความเอือ้ เฟือ้ เผื่อแผํ) มีคณุ ธรรมมคี วามซ่อื สัตยส๑ จุ ริตมีความอดทนมคี วามเพียรรู๎จกั แบงํ ปันให๎ผ๎อู น่ื ไมํ เห็นแกํตวั ยึดหลกั การดําเนินชวี ิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง

69 เร่ืองที่ 2 การบนั ทกึ รายรับ-รายจ่ายของตนเองและครอบครัว เมอ่ื เรามรี ายไดแ๎ ละนําเงินรายได๎ไปใช๎จาํ ยซ้ือสง่ิ ทจ่ี ําเป็น สิ่งใดทีม่ รี าคาสูงก็ไมํจําเป็นตอ๎ งซ้อื ทันทีแตํใหต๎ ง้ั เปาู หมายไวว๎ ําจะเก็บหอมรอบริบไวจ๎ นมากพอแลว๎ จึงซอื้ ดังนัน้ เราจึงควรวางแผนการ ใชจ๎ าํ ยไวล๎ วํ งหน๎าวําเราตอ๎ งซ้ืออะไร เทาํ ไหรํ เมอ่ื ใด เราคงเคยได๎ยนิ ขําวชาวนาขายทีน่ าไดเ๎ งนิ เป็นแสนเปน็ ล๎าน แตํเม่อื เวลาผํานไปไมกํ ี่ปี เขา กลับไมํเหลือเงินเลย ต๎องไปเชําทีน่ าของคนอื่นทาํ กิน เร่ืองดังกลาํ วเป็นตัวอยาํ งของบุคคลทไ่ี มมํ กี าร วางแผนการใช๎เงิน ดังนนั้ กอํ นที่เราจะใชจ๎ ํายเงินเราควรจัดสรรเงินทมี่ อี ยใูํ หต๎ รงกบั ความตอ๎ งการด๎วย การวางแผนไว๎ วธิ ีการวางแผนทีส่ ําคญั วธิ ีการหนง่ึ คือ การบนั ทึกรายรับ-รายจําย“หากอยากมชี ีวติ ท่มี ั่ง คง่ั สมบรู ณ๑ ตอ๎ งลงมือบนั ทึกรายรับ-รายจํายต้ังแตํบดั น้ี” ข้อควรคานงึ ในการใชจ้ า่ ยเงินและจดบันทกึ รายรับ รายจา่ ย 1. กาํ หนดความคาดหวงั และเปาู หมายวาํ จดบนั ทกึ เพอ่ื อะไร 2. วางแผนรบั -จํายกํอนใชเ๎ งิน 3. กํอนซอื้ ส่งิ ใดตอ๎ งพิจารณาให๎ดกี ํอนวาํ สิ่งนั้นจาํ เปน็ หรอื ไมํ 4. จดบนั ทกึ ทุกครัง้ ทุกวัน ทุกบาท ทุกสตางค๑ท่มี ีการรับและจํายเงิน 5. หมน่ั ตรวจสอบบญั ชีวาํ มีรายการใดทใ่ี ชเ๎ งินไมํเหมาะสม หากมตี อ๎ งแก๎ไขทันที 6. เกบ็ ใบเสร็จหรอื หลักฐานการรับเงิน-จํายเงินไว๎เพ่ือตรวจสอบกับบัญชีที่จด “การจดบันทึกรายรับ-รายจําย” หรือการจดบัญชี จะชํวยให๎เราทราบวําเรามีรายรับมาก น๎อยแคํไหน เราสามารถลดคําใช๎จํายรายการใดออกไปได๎บ๎าง “การจดบัญชี” ทําให๎เราสร๎างสมดุล ระหวาํ งรายได๎และรายจํายท่ีเหมาะสมแกฐํ านะการเงนิ ของเราไดเ๎ ป็นอยาํ งดี การจดบัญชีครัวเรือน เป็นการจดั ทาํ บญั ชีรายรบั รายจํายของครอบครัว เราสามารถ จัดทํา บัญชีแบบที่งําย ผู๎ท่ีไมํเคยมีความร๎ูเร่ือง การบัญชีมากํอนก็ทําเองได๎โดยการแยกรายการออกเป็น รายรับและรายจาํ ย รายรบั ได๎แกํ เงนิ เดอื น คําจ๎าง ผลตอบแทนที่ได๎จากการทํางาน เงินท่ีได๎จากการ ขาย ผลผลติ การเกษตร หรอื ทรัพย๑สนิ เป็นต๎น รายจํายได๎แกํ คําใช๎จํายเพ่ือซื้อสินค๎าสําหรับในการ อุปโภค บริโภค คํานํ้าประปา คําไฟฟูา คําโทรศัพท๑ คําซํอมแซม คําอุปกรณ๑เครื่องใช๎ เครื่องไม๎ เคร่อื งมือ คาํ รถ คาํ อาหาร คําเชาํ เปน็ ตน๎

70 ตัวอยา่ ง รายรบั รายจ่าย 1 มี.ค. 64 ขายผลผลิตทางการเกษตร 2,500 บาท 5 ม.ี ค. 64 จาํ ยเงนิ ซ้ือของใชใ๎ นบา๎ น 500 บาท 7 ม.ค. 64 จํายเงินซ้ือขา๎ วสาร 300 บาท 10 ม.ี ค. 64 จาํ ยคาํ นาํ้ คําไฟ 250 บาท 15 ม.ี ค. 64 ขายผลผลิตทางการเกษตร 1,250 บาท 20 ม.ี ค. 64 จํายคําซ้ือปุย๋ 300 บาท 25 ม.ี ค. 64 จํายคําอาหาร 200 บาท ตวั อยําง การจดบัญชีครวั เรอื น วัน เดอื น ปี รายการ รายรับ รายจ่าย คงเหลือ 1 ม.ค. 64 ขายผลผลิต 2,500 2,500 5 ม.ค. 64 ซอ้ื ของใช๎ 500 2,000 7 ม.ค. 64 ซอ้ื ข๎าวสาร 1,200 300 1,700 10 ม.ค. 64 จาํ ยคํานํ้า คําไฟ 3,700 250 1,450 15 ม.ค. 64 ขายผลผลิตทางการเกษตร 2,650 20 ม.ค. 64 จาํ ยคาํ ซอ้ื ปยุ๋ 300 2,350 25 ม.ค. 64 จาํ ยคําอาหาร 200 2,150 รวม 1,500 2,150 รายรับสูงกวาํ รายจาํ ย 2,150 การบันทึกรายรับ-รายจําย หรือการจดบัญชีทั้งของตนเองและครอบครัวมีความสําคัญตํอ ชีวิตของคนไทยเปน็ อยาํ งยิง่ ดังพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว พระราชทานแกํ คณะบุคคล ตํางๆ ท่ีเข๎าเฝูาถวายพระพรชัยมงคลเน่ืองในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต ความวํา “...เม่ือ 40 กวําปี มีผู๎หนึ่งเป็น ข๎าราชการชั้นผ๎ูน๎อยมาขอเงิน ท่ีจริงได๎เคยให๎เงินเขาเล็กๆ น๎อยๆ แตํเขาบอกวําไมํพอเขาก็มาขอยืม เงิน ขอก๎ูเงินก็บอก..เอ๎า ให๎..แตํขอให๎เขาทําบัญชีรายรับ-รายจําย รายรับก็คือ เงินเดือนของเขาและ รายรับที่อุดหนนุ เขา สวํ นรายจาํ ยกเ็ ป็นของที่ใชใ๎ นครอบครวั ...ทีหลัง เขาทํา...ตํอมา เขาทําบัญชีมาไมํ

71 ขาดทุน แล๎วเขาสามารถที่จะมีเงินพอใช๎ เพราะวําบอกให๎เขาทราบวํามีเงินเดือนเทําไหรํจะต๎องใช๎ ภายในเงินเดือนของเขา...” การวางแผนการใชจ้ ่าย เรื่องท่ี 3 การวางแผนการใชจ้ า่ ย กํอนที่จะใช๎จํายเงิน เราควรจัดสรรเงินที่มีอยูํให๎ตรงกับความต๎องการ โดยการวางแผนการ ใช๎ จํายเงินไวก๎ อํ น การวางแผนการใช๎จํายเงิน หมายถึง การท่ีบุคคลจัดสรรรายรับ-รายจําย ของตนเอง ซึ่งมีแนวทางใน การปฏิบตั ิ ดังนี้ 1. การหารายได๎ ทุกคนต๎องประกอบอาชีพ เพ่ือให๎มีรายได๎ประจําและหากมีเวลาวํางควร หารายได๎เสรมิ เพื่อจะไดม๎ ีรายไดพ๎ อกับการใช๎จายในการดํารงชพี 2. การใช๎จํายให๎พิจารณาใช๎จํายในส่ิงท่ีจําเป็นจริง ๆ เชน ใช๎จํายเป็นคําอาหาร เคร่อื งนํุงหํม ที่อยูํอาศัย ยารักษาโรค โดยคํานึงถึงคุณคําของสิ่งท่ีซ้ือวํามีคุณภาพและคุ๎มคําเงิน ไมํใชํ ซ้ือเพราะ คําโฆษณาชวนเชื่อ การประหยัด ควรรู๎จักเก็บออมเงินไว๎ใช๎จํายเม่ือคราวจําเป็น เชํน เมื่อ เจบ็ ปุวย โดยวางแผนใหม๎ รี ายจํายนอ๎ ยกวํารายได๎มากที่สดุ ก็จะมเี งนิ เก็บ เคร่ืองใช๎ท่ีชํารุดเสียหาย ควร ซํอมแซมให๎ใช๎ไดอ๎ ยูํเสมอ ประหยดั พลงั งานและทนุถนอมเครอื่ งใช๎ให๎มีอายุการใช๎งานได๎นาน การเป็น หนีโ้ ดยไมจาํ เปน็ เพราะยมื เงินมาใชจาํ ยสุรยุํ สุรําย เชํน การยืมเงินมาจัดงานเลี้ยงในประเพณีตํางๆ จะ ทําให๎ชีวติ มีความลําบาก สร๎างความเดอื ดร๎อนใหต๎ นเองและครอบครัว แตํถ๎าหาก เป็นหนี้เพราะนําเงิน มาลงทนุ ในกจิ การท่ีสามารถใหผ๎ ลค๎มุ คาํ ก็อาจจะเปน็ หน้ีได๎ 3. การบันทึกรายรับ-รายจาย เป็นวิธีการวางแผนที่สําคัญ การบันทึกรายรับ-รายจําย ใน ชวี ิตประจําวนั เพอ่ื ให๎ทราบวาในวันหนึง่ สปั ดาหห๑ นง่ึ เดือนหน่ึง เรามีรายได๎จากอะไร เทําไรและจําย อะไร อยางไร ควรจะวางแนวทางในการใช๎จํายอยํางไรจึงจะพอและท่ีเหลือสะสมไว๎เป็นทุนหรือเก็บ สะสมไว๎ ใช๎จํายในยามจําเป็น การบนั ทกึ รายรบั -รายจาํ ย จงึ เปน็ ขอ๎ มลู หลักฐานแสดงใหเ๎ หน็ แหลํงท่ีมา

72 ของรายได๎และmujที่ไปของรายจําย ซ่ึงจะนําไปสูํการตั้งเปูาหมายลดรายจําย การเพ่ิมรายได๎และ การออมตํอไป เรื่องที่ 4 การลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ในครัวเรือน การลดรายจํายในครัวเรือน ปัญหาเรื่องหนี้สินในครอบครัวหรือปัญหารายรับไมํพอกับ รายจําย เป็นปัญหาที่ทําให๎ประชาชนหนกั ใจ การปูองกนั และแกไ๎ ขปัญหาเรื่องหนี้สิน มีหลักงําย ๆ วํา ต๎องลดรายจํายและเพ่ิมรายได๎ให๎มากข้ึน การลดรายจํายสามารถทําได๎โดยการสํารวจคําใช๎จํายใน เดอื นท่ผี ํานมา แล๎วจดบนั ทกึ ดวู าํ ในครอบครัวมกี ารใช๎จาํ ยอะไรไปบ๎างและรายการใดท่ีไมํจําเป็นนาตัด ออกไปได๎ ก็ให๎ตัดออกไปให๎หมดในเดือนถัดไปก็จะสามารถลดรายจํายลงได๎ แตํทุกคนในครอบครัว ต๎องชวํ ยกัน เพราะถ๎าคนหนึ่งประหยัดแตํอีกคนยังใช๎จํายฟุมเฟือยเหมือนเดิมก็คงไมํได๎ผล ต๎องช้ีแจง สมาชิกทุกคนในบ๎าน เมื่อลดรายจํายได๎แล๎วก็เอารายรับของทั้งบ๎านมารวมกันดูวําจะพอกับรายจําย หรือไมํ ถ๎าพอและยังเหลอื ก็คงต๎องเอาไปทยอยใชห๎ นแ้ี ละเก็บออมไว๎เผือ่ กรณีฉกุ เฉิน เชํน การเจ็บปุวย อบุ ตั เิ หตุ เปน็ ตน๎ แตํถา๎ รายได๎ยงั นอ๎ ยกวํารายจาํ ยกต็ อ๎ งชวยกนั คดิ วําจะไปหารายได๎เพ่ิมมาจากไหนอีก โดยสรปุ การใช๎จาํ ยเงนิ มี 3 แบบ คือ 1. ใช๎ตามใจชอบเป็นการใช๎ไปเรอื่ ย ๆ แล๎วแตํวําต๎องการอะไรก็ซื้อ เงนิ หมดก็หยุดซ้ือ 2. ใช๎ตามหมวดที่แบงํ ไว๎ เชํน - คําอาหารและคําเส้ือผ๎า - คํารกั ษาพยาบาล - คาํ ทาํ บกุ ศุ ล - เกบ็ ออมไว๎ใช๎ในอนาคต ฉุกเฉิน - คําศึกษาเลําเรียนของบตุ ร ฯลฯ

73 3. ใช๎ตามแผนการใช๎ที่กําหนดไว๎ลํวงหน๎าเป็นการใช๎ตามโครงการท่ีได๎วางแผนไว๎ลํวงหน๎า แล๎วน้ัน ซ่ึงเป็นวิธีการที่ถูกต๎อง ซึ่งสามารถนําหลักการทางวิชาการมาใช๎ในการปฏิบัติการวาง แผนการใช๎จํายในครอบครัว ข๎อปฏบิ ัติของการใชจ๎ าํ ยภายในครอบครัว มีสิ่งท่พี ึงปฏิบัติ 3 ประการคือ - การทาํ บญั ชรี ายรบั -รายจาํ ย - การประหยดั - การออมทรพั ย๑ ครอบครัวต๎องมีการวางแผนจัดการรายรับ-รายจําย เพื่อให๎มีทรัพย๑สินเพียงพอจะซ้ือหรือ จัดหาสงิ่ ทค่ี รอบครวั ตอ๎ งการเพื่อความสงบสขุ และความเจรขิ องครอบครัว เร่ืองที่ 5 การออม การออม คือ การสะสมเงินทีละเล็กทลี ะนอ๎ ยเมอ่ื เวลาผํานไปเงินกจ็ ะเพิ่มพูนขึ้น การออม สํวน ใหญํจะอยใูํ นรปู การฝากเงินกับธนาคาร จุดประสงค๑หลักของการออม เพ่ือใช๎จํายในยามฉุกเฉิน ยาม เราตกอยใูํ นสภาวะลาํ บาก การออมจงึ ถอื วาํ เปน็ การลงทุนให๎กบั ความมนั่ คงในอนาคตของชวี ิต หลักการออม ธนาคารออมสินได๎ให๎แนวคิดวํา “ออม 1 สํวนใช๎ 3 สํวน เนื่องจากการออมมี ความสาํ คญั ตํอการดํารงชีวิต แม๎บางคนมีรายได๎ไมํมากนัก คนเป็นจํานวนมากออมเงินไมํได๎ เพราะมี คาํ ใชจ๎ ํายมาก ใชเ๎ งินเกินตัว รายรับมีไมํพอกับรายจําย เมื่อเรามีรายได๎เราจะต๎องบริหารจัดการเงิน ของตนเอง หากเราคิดวําเงินออมเป็นรายจายอยํางหน่ึงเชํนเดียวกับรายจํายอ่ืน ๆ เงินออมจะเป็น รายการแรกท่ตี อ๎ งจํายทกุ เดือน โดยอาจกําหนดวาํ อยํางน๎อยต๎องจายเป็นร๎อยละเทําไรของรายได๎และ ทาํ จนเป็นนิสยั แล๎วคอํ ยวาง แผนเพ่อื นาํ เงินสวํ นท่เี หลอื ไปเป็นคาํ ใช๎จํายตําง ๆ เทาํ น้เี รากม็ ีเงนิ ออม การลดรายจา่ ย สามารถกระทาได้ดงั นี้ 1. ทาํ สวนครวั และเลี้ยงสัตว๑ไว๎สําหรับบริโภค โดยใช๎พืชผักพื้นบ๎านที่มีในท๎องถิ่น ผักท่ีใช๎เป็น ประจํา ผักที่ปลูกได๎งํายไมํต๎องดูแลมากมาปลูกไว๎ในครัวเรือน เชํน ผักบ๎ุง ผักคะน๎า ผักขม ชะอม ฟักทอง แตงกวา มะเขือ ถ่ัวฝักยาว ขํา ตะไคร๎ ต๎นหอม กระเทียม ตําลึง และการเล้ียงปลาดุก เลี้ยง

74 กบ เล้ียงไกํ เป็นต๎น ซึ่งหากเราสามารถปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว๑ไว๎รับประทานในครัวเรือนได๎เอง โดยไมํต๎องไปซ้ือหามาจากตลาด ก็จะทําให๎ครัวเรือนสามารถลดรายจํายได๎ แตํหากผลผลิตเหลือเฟือ จากการบริโภคแลว๎ เรานําไปขายกจ็ ะเป็นการเพ่ิมรายได๎อีกดว๎ ย 2. การประหยัด การออมในครัวเรือน โดยการรู๎จักใช๎ทรัพย๑สิน เวลา ทรัพยากรตามความ จําเป็นด๎วยความระมัดระวังโดยให๎เกิดประโยชน๑คุ๎มคํามากที่สุด ร๎ูจักดํารงชีวิตให๎เหมาะสมกับสภาพ ความเป็นอยูํสํวนตัว รวมท้ังการอดออม ลดรายจํายท่ีไมํจําเป็น ประหยัดพลังงาน ร๎ูจักการใช๎ พลังงานจากแสงอาทติ ย๑ เปน็ ตน๎ 3. การลด ละเลิก อบายมุข โดยการปรับเปล่ียนพฤติกรรมตนเอง จากการที่คนชอบไปงาน สังคม ดื่มเหล๎า ฟังเพลง เต๎นรํา กลับบ๎านดึก ก็ต๎องเลิกการกระทําที่ไมํจําเป็นและเป็นผลเสียตํอ สขุ ภาพราํ งกาย สิ้นเปลือง 4. การจดั ทาํ บัญชีครวั เรือน คือ การรูจ๎ ักจดทุกคร้งั ท่ีจาํ ย บรหิ ารการใช๎จํายให๎เหมาะสมกับ ตนเอง สงิ่ ใดทเี่ กดิ ความจาํ เปน็ ในชีวติ ก็ต๎องไมํใช๎จาํ ย 5. การใชพ๎ ลังงานอยาํ งประหยัด เชํน การประหยัดนํ้า ประหยัดไฟ ใช๎เทาํ ท่ีจําเปน็ เป็นต๎น การเพม่ิ รายได้ การเพิ่มรายได๎น้ันมีหลากหลายวิธี นอกจากการประกอบอาชีพหลักแล๎ว เรายังสามารถเพิ่ม รายได๎ได๎ ดงั นี้ 1. การปลูกผกั สวนครัว สําหรับไว๎รบั ประทานเองในครัวเรือน และแบํงปันให๎เพื่อนบ๎าน ที่ เหลือจึงนําไปขาย ก็จะทําให๎มีรายได๎เพิ่มขึ้น เชํน การปลูกพริก มะเขือ ชะพลู ต๎นหอง ผักชี ชะอม ตาํ ลงึ ผักหวาน เปน็ ตน๎ 2. การประกอบอาชพี เสรมิ โดยใชท๎ รพั ยากร วัตถุดิบท่ีมีอยํูในครัวเรือน ในชุมชนมาใช๎ให๎เกิด ประโยชน๑สูงสุด และเป็นการลดต๎นทุนการผลิตให๎ค๎ุมคําและประหยัด เชํน การถนอมอาหารแปรรูป งานหัตกรรมส่ิงประดิษฐ๑ การผลิตกล๎าไม๎ดอกไม๎ประดับ การเล้ียงไกํพื้นเมือง การเพราะถ่ัวงอก การ เพาะเหด็ การทาํ ปยุ๋ ชีวภาพ การเลี้ยงปลาดกุ ในบํอซีเมนต๑ การทาํ เฟอรน๑ ิเจอรจ๑ ากไมไ๎ ผํ เป็นตน๎ 3. การพัฒนาอาชีพเดิม เป็นการพัฒนาอาชีพเดิมให๎ดีข้ึนโดยการหาความรู๎เพิ่มเติมจาก การเข๎ารํวมเวทีประชาคมในชุมชน การศึกษาดูงาน การเข๎ารับการอบรม เพื่อนําความร๎ูมาพัฒนา อาชพี ในการขยายพันธ๑ุมะนาวขาย ก็อาจไปหาความรูเ๎ พ่ิมเติมเก่ียวกับการขยายพันธุ๑มะนาวไมํมีเมล็ด มะนาวนาํ้ ดี ลูกดก ต๎นเลก็ แตใํ หผ๎ ลผลิตสงู และศึกษาเรื่องการขายพันธุ๑มะนาวทางเว็บไซด๑ เพื่อขยาย การตลาดให๎สามารถขายผลผลิตไดม๎ ากขนึ้ เปน็ ตน๎

75 กิจกรรมการเรยี นรทู้ ี่ 2 ใหผ้ ูเ้ รยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. การบนั ทกึ บญั ชคี รัวเรือน หมายถึงผเ๎ู รียนและครอบครวั มีการวางแผนการใชจ๎ าํ ยอยํางไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. รายรบั หมายถึงอะไร พรอ๎ มยกตัวอยาํ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. รายจาํ ย หมายถึงอะไร พร๎อมยกตัวอยาํ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ผ๎เู รยี นมีวิธีลดรายจํายและเพิม่ รายได๎อยาํ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ผเู๎ รียนมีวิธกี ารออมเงินอยํางไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

76 เฉลย 1. การบนั ทึกบัญชคี รวั เรือน หมายถึงผเู๎ รยี นและครอบครวั มีการวางแผนการใช๎จาํ ยอยาํ งไร มีการวางแผนการบนั ทึกรายรบั – รายจํายในชีวิตประจําวันเพ่ือจะได๎ทราบวําในวันหน่ึง สัปดาห๑หนึ่ง เรามีรายไดจ๎ ากอะไร เทําไร และจํายอะไร อยํางไร ควรจะวางแนวทางในการใช๎จํายอยํางไรจึงจะพอ และที่เหลือสะสมไวเ๎ ป็นทนุ หรอื เก็บสะสมไว๎ใช๎จาํ ยในยามที่จําเป็น

77 2. รายรับ หมายถึงอะไร พรอ๎ มยกตวั อยาํ ง รายรับ หมายถงึ การหารายได๎ประจํา ทุกคนตอ๎ งประกอบอาชีพเพือ่ ให๎มีรายได๎และหากมีเวลา วํางควรหาอาชพี เสริมเพ่อื จะได๎มีรายได๎พอกับการใชจ๎ าํ ยในการดาํ รงชีพ 3. รายจาํ ย หมายถึงอะไร พรอ๎ มยกตัวอยาํ ง รายจําย หมายถงึ การใชจ๎ ําย ใหพ๎ จิ ารณาใช๎จาํ ยในสงิ่ ท่ีจาํ เป็นจริงๆ เชํน ใช๎จํายเป็นคําอาหาร เคร่อื งนุํงหํม ที่อยูํอาศัย ยารักษาโรค โดยคํานึงถึงคุณคําของสิ่งที่ซื้อวํามีคุณภาพและค๎ุมคําเงิน ไมํใชํ ซอื้ เพราะคาํ โฆษณา 4. ผเ๎ู รยี นมวี ิธีลดรายจํายและเพมิ่ รายไดอ๎ ยาํ งไร ลดรายจาํ ย สามารถกระทําได๎ 1. ทําสวนครวั และเล้ยี งสัตว๑ไวส๎ าํ หรับบรโิ ภค 2. การประหยดั การออมในครวั เรือน 3. การลดละเลิกอบายมขุ 4. การจดั ทําบัญชคี รวั เรอื น 5. การใชพ๎ ลังงานอยํางประหยัด การเพิม่ รายได๎ 1. การปลูกผักสวนครวั 2. การประกอบอาชีพเสรมิ 3. การพัฒนาอาชพี เดิม 5. ผเ๎ู รยี นมีวิธกี ารออมเงินอยาํ งไร การออมคือ การสะสมเงินทีละเล็กทีละน๎อยเมื่อเวลาผํานไปเงินก็จะเพิ่มพูนขึ้น การออม สํวน ใหญํจะอยูใํ นรปู การฝากเงินกับธนาคาร จุดประสงค๑หลักของการออม เพ่ือใช๎จํายในยามฉุกเฉิน ยาม เราตกอยํูในสภาวะลําบาก การออมจึงถือวําเป็นการลงทุนให๎กับความม่ันคงในอนาคตของชีวิต

78 หลักการออม ธนาคารออมสินได๎ให๎แนวคิดวํา “ออม 1 สํวนใช๎ 3 สํวน เน่ืองจากการออมมี ความสําคัญตํอการดาํ รงชีวติ เรอื่ งที่ 6 แนวทางการประกอบอาชีพที่ส่งผลต่อความสาเรจ็ แนวทางการประกอบอาชีพให๎ประสบผลสําเร็จ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมี เงือ่ นไขความรแ๎ู ละคุณธรรมดงั นี้ มีความรู้ คือ ตอ้ งรอบรู้ รอบคอบและระมดั ระวัง

79 ความรอบรู้ มคี วามหมายมากกวําคําวํา ความร๎ูคือนอกจากจะอาศัยความรู๎ในเชิงลึกเกี่ยวกับ งานท่ีจะทําแล๎ว ยังจําเป็นต๎องมีความร๎ูในเชิงกว๎าง ได๎แกํความรู๎ ความเข๎าใจในข๎อเท็จจริงเก่ียวกับ สภาวะแวดล๎อมและสถานการณ๑ที่เก่ยี วพันธก๑ บั งานทจี่ ะทาํ ทั้งหมด ความรอบคอบ คอื การทาํ งานอยาํ งมีสติ ใช๎เวลาคดิ วิเคราะห๑ ข๎อมูลรอบด๎าน กํอนลงมือทําซ่ึง จะลดความผิดพลาด ข๎อบกพรํองตําง ๆ ทาํ ใหง๎ านสําเร็จได๎อยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ ใชต๎ ๎นทนุ ตา่ํ ระมัดระวัง คือความไมํประมาท ให๎ความเอาใจใสํในการทํางานอยํางตํอเน่ืองจนงานสําเร็จ ไมํเกิด ความเสียหายตํอชวี ติ และทรพั ย๑สนิ หรืออุบตั ิเหตุอนั ไมคํ วรเกิดขนึ้ คุณธรรมท่ีสง่ เสรมิ การประกอบอาชพี ให้ประสบความสาเร็จคือ ความซ่ือสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปัน การประกอบอาชีพต๎องสัมพันธ๑เก่ียวข๎องกับบุคคล สังคมและสิ่งแวดล๎อมอยําง หลีกเล่ียงไมํได๎ เพื่อให๎การประกอบอาชีพประสบผลสําเร็จตามเปูาหมาย ได๎รับการสนับสนุนจาก ผู๎เกี่ยวข๎อง ผูร๎ ํวมงาน และลูกคา๎ ผ๎ูประกอบอาชีพต๎องมีคุณธรรม ซื่อสัตย๑ สุจริต ขยัน อดทน แบํงปัน ความขยัน อดทน คือความต้ังใจเพียรพยายามทําหน๎าท่ีการงาน การประกอบอาชีพอยํางตํอเนื่อง สม่ําเสมอ ความขยันต๎องปฏิบัติควยคํูกับการใช๎สติปัญญา แก๎ปัญหาจนงานเกิดผลสําเร็จ ผู๎ท่ีมีความ ขยัน คือผทู๎ ตี่ ง้ั ใจประกอบอาชีพอยํางจริงจังตํอเน่ือง ในเร่ืองท่ีถูกที่ควร มีความพยายามเป็นคนสู๎งาน ไมํท๎อถอย กล๎าเผชิญอุปสรรค รกั งานท่ที าํ ตง้ั ใจทําหนา๎ ท่ีอยาํ งจรงิ จัง ซื่อสัตย์ คือการประพฤติตรง ไมํเอนเอียง จริงใจไมํมีเลํห๑เหล่ียมผ๎ูท่ีมีความซื่อสัตย๑ คือผู๎ท่ี ประกอบอาชีพตรงไปตรงมา ไมํคดโกง ไมํเอาเปรียบผ๎ูบริโภค ไมํใช๎วัตถุท่ีเป็นอันตราย และคํานึงถึง ผลกระทบกบั สภาพแวดลอ๎ ม ความอดทน คือ การรกั ษาสภาวะปกติของตนไว๎ไมํวําไมวํ าํ จะกระทบกระทงั่ ปัญหาอุปสรรคใด ผ๎ูมีความอดทน ในการประกอบอาชีพ นอกจากจะอาศัยปัญญาแล๎ว ล๎วนต๎องอาศัย ขันติ หรือความ อดทนในการตํอสแ๎ู กไ๎ ขปญั หาตํางให๎งานอาชพี บรรลคุ วามสาํ เร็จดว๎ ยกนั ท้งั ส้ิน การแบ่งปัน / การให้ คือการแบํงปันส่ิงที่เรามี หรือสิ่งที่เสามารถให๎แกํผู๎อ่ืนได๎และเป็น ประโยชนแ๑ กผํ ๎ทู ี่รับ การให๎ผ๎ูอื่นท่ีบริสุทธิใจไมํหวังส่ิงตอบแทนจะทําให๎ผู๎ให๎ได๎รับความสุขที่เป็นความ ทรงจาํ ทีย่ าวนาน การประกอบอาชีพโดยร๎ูจักการแบํงปันหรือให๎ส่ิงตําง ๆ ท่ีสามารถให๎ได๎แกํลูกค๎าและชุมชนของเรา ยํอมไดร๎ ับการตอบสนองจากลกู คา๎ ในดา๎ นความเชอ่ื ถือ

80 กิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 3 1. การประกอบอาชีพมคี วามสําคัญตอํ การดํารงชวี ิตของผเ๎ู รยี นอยํางไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงยกตัวอยํางอาชพี ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง

81 อาชพี กลุํมเกษตรกรรม เชนํ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... อาชีพกลมํุ อุตสาหกรรม เชนํ .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................... อาชพี กลุํมพาณิชยกรรม เชนํ .............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ อาชพี ด๎านความคิดสรา๎ งสรรค๑ เชนํ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ อาชพี ดา๎ นการอํานวยการและอาชีพเฉพาะทาง เชํน ............................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................ เฉลย 1. การประกอบอาชพี มคี วามสําคัญตํอการดํารงชีวติ ของผูเ๎ รียนอยาํ งไร 1. การตดั สนิ ใจประกอบอาชีพโดยใช๎ข๎อมูลอยํางเหมาะสม ในการประกอบอาชีพ ผู๎เรียนต๎อง ใช๎ข๎อมูลหลายๆด๎านเพื่อการตัดสินใจ ข๎อมูลที่สําคัญ คือ ต๎องร๎ูจักตนเองวํามีความชอบหรือไมํ มี สภาพแวดลอ๎ มในครอบครวั ชุมชน ทเ่ี หมาะสมกบั การประกอบอาชพี นนั้ ๆ หรือไมํและข๎อมูลท่ีสําคัญ คอื ความร๎ทู างวิชาการ

82 2. มคี วามรู๎วิชาชีพนั้นๆ การประกอบอาชีพอะไรก็ต๎องมีความร๎ูในวิชาชีพนั้นๆอยํางดี เพราะ การมคี วามรู๎ในวิชาน้นั ๆ อยํางดีจะทาํ ใหส๎ ามารถปรับปรุงพฒั นาอาชีพนั้น ๆ ไดด๎ ียิง่ ขึ้น 3. มีทุน แรงงาน และสถานท่ี ทุน แรงงาน สถานที่ เป็นองค๑ประกอบสําคัญในการประกอบ อาชพี ทําให๎เกดิ ความม่นั ใจในการประกอบอาชพี เปน็ ไปอยาํ งราบร่ืน 4. มีวิธีการปฏิบัติงานและจัดการอาชีพ มีข้ันตอน กระบวนการ การจัดการที่เหมาะสม มี ประสิทธิภาพ ทําให๎งานประสบความสําเร็จ ลดต๎นทุนการผลิต มีผลผลิตได๎มาตรฐานตามที่ ต้ังเปูาหมายไว๎ 5. มีกลวิธีการขาย การตลาด กลวิธีการขาย การตลาดที่สามารถตอบสนองความต๎องการ ความพึงพอใจของลกู ค๎า ยํอมทาํ ใหย๎ อดขายเปน็ ไปตามเปาู หมาย 6. มีการจัดการการเงินให๎มีเงินสดหมุนเวียนสามารถประกอบอาชีพไปได๎อยํางตํอเนื่องไมํ ขัดขอ๎ ง 7. การจดั ทาํ บญั ชีรายรับ – รายจํายเพอื่ ให๎ทราบผลการประกอบการ 8. มีมนุษย๑สัมพันธ๑และมีจิตบริการ การมีมนุษย๑สัมพันธ๑ท่ีดีกับลูกค๎า มีความเป็นกันเอง โดยเฉพาะการใช๎คาํ พดู ทเ่ี หมาะสมเพ่อื สร๎างความพึงพอใจให๎กับลูกค๎า ไปพร๎อมกับการมีจิตบริการให๎ ลูกค๎าดว๎ ยความจริงใจตอ๎ งการเหน็ ลูกค๎ามีความสุขในการบริโภคสนิ ค๎า 9. มีคุณธรรมในการประกอบอาชีพ ผู๎ผลิตและผ๎ูขายมีความซื่อสัตย๑ตํอลูกค๎าใช๎วัตถุดิบท่ีมี คุณภาพ ไมํใช๎สารเคมีที่มีพิษในผลิตภัณฑ๑ ซึ่งสํงผลตํอสุขภาพ ส่ิงแวดล๎อม และการดําเนินชีวิตของ ลูกคา๎ 2. จงยกตวั อยาํ งอาชีพ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง อาชพี กลุํมเกษตรกรรม เชํน 1. แปรรูปผลผลิต อาหารหลัก อาหารวําง ขนม เคร่ืองดื่ม (น้ําตะไคร๎ กระเจี๊ยบ ใบเตย ขิง สปั ปะรด เสาวรส ฯลฯ) 2. เพาะเหด็ (แปรรูป) 3. เพาะพันธไุ๑ ม๎ 4.การเลี้ยงไกไํ ขํ 5. ขยายพันธ๑พุ ืช 6. ปลกู สมุนไพร อาชพี กลมํุ อตุ สาหกรรม เชนํ

83 1. ไม๎นวดเท๎า ไมก๎ ดเทา๎ 2. ผลิตภณั ฑจ๑ ากกะลามะพร๎าว 3. ผลติ เครอ่ื งประดบั ทาํ มือ 4. ผลติ สินค๎าจากวัสดเุ หลือใช๎ 5. รองเทา๎ แตะ เคร่ืองใช๎ ประดับตบแตํง 6. ตะกรา๎ จะกาบหมาก 7. เก๎าอี้ทางมะพร๎าว อาชีพกลุมํ พาณชิ ยกรรม เชํน 1. นํา้ เต๎าหกู๎ บั ปาทํองโก๐ 2. เคร่อื งด่ืม นาํ้ เต๎าห๎ู กาแฟ 3. ผลิตปุ๋ยชีวภาพ นาํ้ หมกั อาชีพดา๎ นความคิดสรา๎ งสรรค๑ เชนํ 1. ออกแบบบรรจุภัณฑ๑ (ผา๎ กระดาษพลาสตกิ ฯลฯ) 2. ออกแบบเครื่องใช๎ตาํ งๆ (ด๎วยวสั ดุเหลือใชต๎ าํ งๆ) 3. ออกแบบเฟอร๑นิเจอร๑ 4. ดนตรีพ้นื บา๎ น (โปงลาง อังกระลงุ ) 5. การออกแบบเครอ่ื งประดบั อาชพี ดา๎ นการอํานวยการและอาชพี เฉพาะทาง เชนํ การแพทย๑ทางเลอื ก (การนวดแผนไทย ผอํ นคลาย บําบดั รกั ษา)

84 แบบทดสอบหลังเรียน จานวน 10 ขอ้ (10 คะแนน) รายวิชา เศรษฐกิจพอเพียง (ทช 11001) ระดับประถมศึกษา คาชีแ้ จง ให๎นกั ศึกษาทําเคร่ืองหมายวงกลม ( ) หน๎าคําตอบท่ีถูกตอ๎ งที่สดุ เพียงข๎อเดียว 1. เศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถึงอะไร ก. แนวทางการดาํ รงชีวิตบนทางสายกลางความพอประมาณความมเี หตุผลระบบคุ๎มกนั ในตัวทด่ี ี ข. ชีวติ ทส่ี งบสุข ค. การดําเนินชวี ติ อยํางเปน็ สขุ มีคณุ คาํ ง. ความอดทน มานะ ความเพยี รพยายาม 2. ความพอประมาณ หมายถงึ ก. การรจู๎ ักใหอ๎ ภยั ซึ่งกันและกัน

85 ข. การวางตนเปน็ กลาง ค. ความอดทน ขยัน ประหยัด ง. ความพอดที ี่ไมนํ ๎อยเกินไปและไมมํ ากเกนิ ไปโดยไมเํ บียดเบียนตนเองและผ๎อู ื่น 3. ความมเี หตุผล หมายถึง ก. การตดั สนิ ใจทเี่ ก่ยี วกับระดับของความพอเพยี งอยาํ งมีเหตุผล ข. การตัดสนิ ใจในทางทีด่ ี ค. การเสยี สละ ง. ความซอ่ื สตั ย๑ สุจรติ อดทน ความเพียรพยายาม 4. การมภี มู คิ ม๎ุ กนั ท่ีดใี นตัว หมายถงึ ก. การมีติ สมาธิ ปญั ญา ข. การเตรยี มตวั ให๎พรอ๎ มรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดา๎ นตํางๆที่จะเกิดข้นึ โดย คาํ นึงถึงความเปน็ ไปไดข๎ องสถานการณต๑ ํางๆ ค. การตัดสนิ ใจการดําเนินชีวติ ง. ชวี ิตทส่ี งบสขุ 5. เศรษฐกิจพอเพียงโดยเนน๎ การปฏบิ ตั บิ นทางสายกลางมีอะไรบา๎ ง ก. ความเพยี ร มีสติ ปญั ญา ข. ความขยัน อดทน มีความสามคั คี ค. ขยัน ประหยัด ซอ่ื สัตย๑ ง. พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมิคมุ๎ กัน 6.ข๎อใดตอํ ไปน้ีเปน็ รายจํายทไี่ มจํ ําเป็น ก. รายจาํ ยกบั สิง่ ฟุมเฟอื ย ข. รายจํายท่เี กดิ เพราะราคานําสนใจเลยซ้อื มาไวก๎ ํอน ค. รายจาํ ยสํวนเพิม่ จากคําบรกิ ารตาํ งๆ ง. ถูกทุกข๎อ 7. เพราะเหตุใดเราควรมกี ารวางแผนคําใช๎จํายภายในครอบครัว ก. เพอ่ื ทราบขอ๎ มลู รายรับ-รายจาํ ยภายในครอบครัว ข. เพือ่ ประหยดั คําใช๎จําย

86 ค. เพ่ือใชเ๎ วลาวาํ งใหเ๎ ป็นประโยชน๑ ง. เพือ่ ประหยดั เวลาในการซอื้ สนิ คา๎ 8. ข๎อใดตํอไปน้เี ปน็ การลดรายจําย ก. ซ้ือของฝากให๎เพือ่ นสนิททกุ คร้ังทไี่ ปเทยี่ ว ข. เลือกซอ้ื อาหารทม่ี ปี ระโยชน๑แตรํ าคาแพง ค. เลอื กซื้อของใช๎ทแี่ พงๆเพราะจะได๎ใชน๎ านๆ ง. เลอื กซื้อของที่มีความจําเปน็ ท่ีจะตอ๎ งใช๎จรงิ ๆ 9. ขอ๎ ใดเปน็ ประโยชนข๑ องการออมเงิน ก. ทําให๎รคู๎ ณุ คําของเงนิ ไมใํ ช๎เงนิ ฟุมเฟือย ข. มเี งินไวใ๎ ช๎ในยามขัดสนหรือยามจําเปน็ ค. มีการฝกึ สตใิ นการกาํ กบั การใช๎เงนิ ในชีวติ ประจําวนั ง. ถกู ทกุ ขอ๎ 10. บุคคลใดตํอไปนป้ี ฏิบตั ติ นไดถ๎ ูกต๎องเพื่อตอ๎ งการลดรายจาํ ย ก. คําแก๎ว ซอ้ื ของใชภ๎ ายในบา๎ นเดอื นละ 1 คร้ัง ข. ไสว ซื้อของใชภ๎ ายในบ๎านคร้ังละน๎อยๆ ค. วนั เพญ็ ซือ้ ของเลํนให๎ลูก ง. พมิ พา ขบั มอเตอร๑ไซดไ๑ ปโรงเรียนเพ่ือประหยัดเวลา

87 เฉลยแบบทดสอบกอ่ น – หลังเรียน รายวชิ า เศรษฐกจิ พอเพียง (ทช 11001) ระดับประถมศกึ ษา 1. ก. 2. ง. 3. ก. 4. ข. 5. ง. 6. ง. 7. ก. 8. ง. 9. ง. 10. ก.

88 รายวิชา ศลิ ปศกึ ษา (ทช11003) ระดับประถมศกึ ษา สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต มาตรฐานท่ี 4.3 มีความรู๎ ความเข๎าใจ เจตคตทิ ่ดี เี ก่ยี วกับศลิ ปะและสุนทรยี ภาพ สาระสาคัญ มีความร๎คู วามเข๎าใจ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ช่ืนชม เห็นคณุ คาํ ความงามความไพเราะ ธรรมชาติ สงิ่ แวดล๎อม ทางทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศลิ ป์พืน้ บ๎าน และวิเคราะห๑ได๎อยํางเหมาะสม ผลการเรียนรทู คี่ าดหวงั 1. อธบิ ายความหมายของธรรมชาติ ความงามความไพเราะของทัศนศลิ ป์ ดนตรีและนาฏศิลป์ 2. อธบิ ายความรูพ๎ นื้ ฐานของ ทศั นศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลปพ์ นื้ บ๎าน 3. สร๎างสรรค๑ผลงานโดยใชค๎ วามร๎ูพื้นฐาน ด๎านทศั นศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์พนื้ บา๎ น 4. ชน่ื ชม เห็นคณุ คําของ ทศั นศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลปพ์ ื้นบ๎าน 5. วิเคราะห๑ วพิ ากษ๑ วจิ ารณ๑ งานดา๎ นทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พน้ื บ๎าน 6. อนุรกั ษ๑สบื ทอดภมู ปิ ญั ญาดา๎ นทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พืน้ บ๎าน ขอบขายเนื้อหา บทท่ี 1 ทัศนศิลปพ์ นื้ บ๎าน

89 บทที่ 2 ดนตรพี ื้นบา๎ น บทท่ี 3 นาฏศลิ ป์พื้นบา๎ น บทที่ 4 การผลติ เครอ่ื งดนตรี แบบทดสอบก่อนเรียน จานวน 30 ขอ้ (30 คะแนน) รายวชิ า ศลิ ปศึกษา (ทช11003 ) ระดบั ประถมศึกษา คาช้ีแจง ใหน๎ ักศกึ ษาทาํ เครอ่ื งหมายวงกลม ( ) หนา๎ คําตอบทีถ่ กู ต๎องทีส่ ดุ เพยี งขอ๎ เดียว 1. การสร๎างสรรคง๑ านศลิ ปะของมนุษย๑แบํงออกเป็นกป่ี ระเภท ก.2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค.4 ประเภท ง. 5 ประเภท 2. งานวิจิตรศลิ ป์เปน็ ศลิ ปะแหํงความงดงามเพ่ือให๎มนุษยเ๑ กดิ ความชน่ื ชมทางดา๎ นจติ ใจแบํงเปน็ กี่แขนง ก.3 ประเภท ข. 4 ประเภท ค.5 ประเภท ง. 6 ประเภท 3.ทศั นศิลป์ สําคัญอยาํ งไร ก. มีความสําคัญตอํ การดาํ รงชีวิตของมนษุ ย๑ มนุษยม๑ คี วามต๎องการดา๎ นราํ รํางกาย ด๎านจิตใจ และดา๎ นอารมณ๑ ข. เปน็ ผลงานอนั เกิดจากความตอ๎ งพากเพยี รของมนุษย๑ ในอนั ทจี่ ะสรา๎ งสรรค๑ความงาม ค.สนองความต๎องการทางอารมณ๑และจติ ใจ

90 ง. สนองความต๎องการทางดา๎ นประโยชน๑ใช๎สอ 4 . สชี นิดในนํามาใชง๎ านได๎งํายที่สดุ ก. สไี ม๎ ข. สีเทยี น ค. สีนํา้ ง. สีโปสเตอร๑ 5. ขอ๎ ใดถือวําเป็นศิลปะทอ๎ งถ่ิน ก. เครอ่ื งใชไ๎ ฟฟูา ข. เครอ่ื งจกั สาน ค. ดินญปี่ ุน ง. แปูงขนมปงั 6. เครอ่ื งปน่ั ดนิ เผาเป็นผลงานศิลปะทใี่ ช๎วสั ดใุ ดในการปั้น ก. ดนิ เหนยี ว ข. ดนิ นํา้ มัน ค. ดินญป่ี ุน ง. แปูงขนมปัง 7. งานฉลุตุงใช๎ในชวํ งประเพณีใด ก. ข้ึนบ๎านใหมํ ข. สงกรานต๑ ค. เขา๎ พรรษา ง. ออกพรรษา 8. ข๎อใดปฏบิ ตั ถิ ูกต๎องในการชมงานศิลปะท๎องถิน่ ก. กลําวตาํ หนิผลงานทไ่ี มชํ น่ื ชอบ ข. ตรวจสอบวธิ ีการทํา ค. โหรํ ๎องเมื่อพบงานศลิ ปะทถ่ี ูกใจ ง. ชน่ื ชมและเห็นคุณคํา 9. ทศั นศิลปพ์ น้ื บ๎านหมายถึงข๎อใด ก.การมองเหน็ หรอื สง่ิ ทพี่ บเหน็ ในส่ิงทม่ี นุษยส๑ ร๎างสรรค๑ข้นึ ทําให๎เกิดความงาม ความพอใจ และเกดิ อารมณส๑ ะเทือนใจ ข.สนองความต๎องการทางอารมณแ๑ ละจติ ใจ

91 ค.สนองความต๎องการทางด๎านประโยชน๑ใช๎สอย ง.เปน็ ศลิ ปะแหํงความงดงาม เพอื่ ใหม๎ นษุ ยเ๑ กิดความช่นื ชมทางด๎านจติ ใจ 10. ทัศนศลิ ปท์ ีเ่ กดิ ข้นึ ตามธรรมชาติ หมายถงึ ขอ๎ ใด ก. สง่ิ ตํางๆ ท่ีมีอยแูํ วดล๎อมชีวิตมนุษยท๑ ้ังส่ิงทีเ่ ปน็ ธรรมชาติซึง่ เกิดขน้ึ เอง และส่ิงที่มนษุ ย๑ สรา๎ งหรอื พฒั นาข้ึน ข.เปน็ ศิลปะท่ีสอื่ ความงามและความร๎ูสึกไปสผูํ ด๎ู หู รือผชู๎ ื่นชมไดโ๎ ดยงาํ ย ค.เป็นการออกแบบกํอสร๎างอาคารสถานที่ตาํ ง ๆ เชํนบ๎านเรือนอาคารทีท่ าํ การ ง.เป็นศิลปะแหํงความงดงาม เพื่อให๎มนษุ ยเ๑ กดิ ความช่นื ชมทางด๎านจติ ใจ 11. กระทงทนี่ าํ มาลอยในประเพณีลอยกระทง จะถูกตกแตํงให๎สวยงามเพือ่ อะไร ก. ความร่าํ รวย ข. ความสวยงาม ค. ความภูมใิ จ ง. ความเปน็ สริ ิมงคล 12. ขอ๎ ใดเป็นผลงานที่มชี ่ือเสยี งของภาคกลาง ก. หนา๎ กากผีตาโขน ข. รํมบํอสร๎าง ค. เครือ่ งปน้ั ดนิ เผา ง. ตุ๏กตาดนิ เผา 12. การจดั วางภาพควรจัดวางอยํางไร ก. วาดภาพให๎มีขนาดเหมาะสมกับกรอบ ข. วาดภาพใหก๎ ระจายทวั่ กระดาษ ค. วาดภาพใหม๎ ีจุดสนใจอยํางน๎อย 3 จุด ง. วาดภาพโดยเนน๎ นา้ํ หนักไปขา๎ งใดข๎างหนงึ่ 14. ขอ๎ ใดไม่เก่ยี วขอ้ งกบั การเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม ก. กระทง ข. หนา๎ กากผีตาโขน ค. โอํงมังกร ง. เทยี นพรรษา 15. ความแตกตํางของศลิ ปะ ทเ่ี กิดขึน้ ของแตลํ ะท๎องถน่ิ มีสาเหตใุ ดเปน็ สาํ คัญ ก. ความเจรญิ ทางเทคโนโลยี ข. ความรู๎ของคนในชุมชน

92 ค. ฐานะของคนในชมุ ชน ง. วฒั นธรรมประเพณี 16. เครื่องดนตรีชนดิ ใด ไมอํ ยใูํ นประเภทเครือ่ งดดี ก. จระเข๎ ข. พณิ เป๊ียะ ค. ซึง ง. สะลอ๎ 17. ขอ๎ ใดไมํใชเํ คร่อื งดนตรที ใี่ ชบ๎ รรเลงประกอบการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย ก. ระนาด ข. ทอมบา๎ ค. ฉาบ ง. ฉิ่ง 18. เซง้ิ กระติบ๊ ขา๎ ว ใช๎เครอ่ื งดนตรีใดบรรเลงประกอบ ก. โปงลาง ข. ระนาด ค. สะล๎อ ง. ซึง 19. ข๎อใดมีความแตกตาํ งจากข๎ออน่ื ก. กตี ๎าร๑,จะเข๎ ข. ทรมั เป็ด, ขลยุํ ค. ระนาด ทอมบา๎ ง. ซออู๎,แซกโซโฟน 20. ขอ๎ ใดไมํใชเํ คร่อื งดนตรที ่ีใชบ๎ รรเลงประกอบการแสดงนาฏศิลปไ์ ทย ก. ระนาด ข. ทอมบา๎ ค. ฉาบ ง. ฉิ่ง 21.การแสดงกลองยาวไทยได๎รับอทิ ธพิ ลมาจากประเทศเพ่ือนบา๎ นประเทศใด ก. ลาว ข. พมํา ค. เวยี ดนาม ง. มาเลเซีย 22. ขอ๎ ใดคอื องค๑ประกอบของดนตรพี ื้นบา๎ น

93 ก.มแี บบแผนท่ีตายตวั ข.มีบทเพลงทยี่ าว ซบั ซอ๎ น ค.เปน็ บทเพลงงํายๆ ไมยํ าวมากนกั ง . ถูกทุกขอ๎ 23. การแสดงแหยไํ ขมํ ดแดง เป็นการแสดงของภาคใด ก.ภาคอสี านเหนอื ข. ภาคอสี านใต๎ ค. ภาคเหนอื ง. ภาคใต๎ 24. การแสดงพืน้ บ๎านของภาคกลางสวํ นใหญจํ ะเกดิ ขนึ้ จากข๎อใด ก.เทศกาล ข.อาหารการกิน ค.การประกอบสัมมาอาชีพ ง.ถกู ทุกข๎อ 25. ดนตรีพ้นื เมอื งสวํ นใหญํให๎ความรู๎สกึ อยาํ งไร ก.เคร๎า ข.สงบ ค.สนั ติ ง.สนกุ สนาน 26. ขอ๎ ใดคอื ดนตรีที่เกีย่ วขอ๎ งกับพระพุทธศาสนา ก.ปพ่ี าทยป๑ ระกอบพธิ ีไหว๎ครู ข.ปพ่ี าทยป๑ ระกอบพธิ โี กนจุก ค.ปีพ่ าทยป๑ ระกอบพิธีแรกนาขวญั ง.ป่พี าทยป๑ ระกอบพิธเี ทศน๑มหาชาติ 27. ราํ วงมาตรฐานเปน็ การแสดงมาจากข๎อใด ก. รําโทน ข. รําฉยุ ฉาย ค. ราํ สนี วล ง. โขนฉาก 28. ทํารําชักแปงู ผดั หน๎าใชก๎ ับเพลงใด

94 ก. งามแสงเดอื น ข. ราํ มาสมิ ารํา ค. บูชานกั รบ ง. ชาวไทย 29. การแสดงเต๎นกาํ รําเคยี วเกยี่ วขอ๎ งกับอาชีพใด ก. ชาวไรํ ข.ชาวนา ค. ชาวสวน ง. ชาวประมง 30.การแสดงใดใช๎พัดเปน็ อปุ กรณป๑ ระกอบการแสดง ก. ฟูอนแพน ข. ฟอู นเงย้ี ว ค. รําตารกี บี สั ง. ราํ กลองยาว

95 ทศั นศลิ ป์พน้ื บ้าน เร่อื งท่ี 1 ทัศนศลิ ปพ์ ้นื บ้าน เราอาจแบํงความหมายของทัศนศิลป์พื้นบ๎านออกเป็น 2 คํา คือ คําวํา ทัศนศลิ ปแ์ ละคาํ วําพ้ืนบา๎ น ทัศนศิลป์ หมายถึงศิลปะท่ีรับรู๎ได๎ด๎วยการมอง ได๎แกํรูปภาพทิวทัศน๑ทั่วไปเป็นสําคัญ อันดับ ตน๎ ๆ รูปภาพคนเหมือน ภาพลอ๎ เลยี น ภาพส่ิงของตํางๆ ก็ล๎วนแล๎วแตํเป็นเรื่องของทัศนศิลป์ ด๎วยกัน ท้ังส้ิน ซึ่งถ๎ากลําววําทัศนศิลป์เป็นความงามทางศิลปะ เชํนงานประติมากรรม งาน สถาปัตยกรรม งานสิ่งพมิ พ๑ ฯลฯ ทีไ่ ดจ๎ ากการมอง หรือ ทัศนา นนั่ เอง งานทัศนศิลป์ แยกประเภทได๎ดังน้ี 1.จิตรกรรม หมายถึง การสร๎างสรรค๑ผลงานทัศนศิลป์บนพ้ืนระนาบด๎วยวิธีการลาก การ ระบายสีลงบนพ้ืนผิววัสดุท่ีมีความราบเรียน เชํนกระดาษ ผ๎าใบ แผํนไม๎ เป็นต๎น เพื่อให๎เกิดเรื่องราว และความงามตามความรูส๎ กึ นึกคิดและจนิ ตนาการของผู๎วาย จาํ แนกออกได๎ 2 ลักษณะ ดังน้ี 1.1ภาพวาด เปน็ ศพั ท๑ทางทัศนศิลป์ทีใ่ ชเ๎ รียกภาพวาดเขียน ภาพวาดเส๎น แบบเป็น 2 มติ ิ คอื มคี วามกวา๎ งและความยาว โดยใชว๎ ัสดตุ ํางๆ เชํน ดนิ สอดํา สีไม๎ สเี ทียน เป็นต๎น 1.2 ภาพเขียน เป็นการสรา๎ งงาน 2 มิติ บนพ้ืนระนาบดว๎ ยสหี ลายสี เชํน การเขียนภาพด๎วย สี นาํ้ สดี นิ สอ สีนา้ํ มนั เปน็ ตน๎ 2. ประตมิ ากรรม หมายถึง การสรา๎ งงานทศั นศิลป์ทเ่ี กิดจากการปน้ั การแกะสลัก การหลอํ การเช่อื ม เปน็ ตน๎ โดยมีลกั ษณะ 3 มติ ิ คอื มคี วามกวา๎ ง ความยาว และความหนา เชํนรูปคน รูปสัตว๑ รูปสํงของ เปน็ ต๎น ประตมิ ากรรมจําแนกไดเ๎ ป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 3 สถาปตั ยกรรม หมายถึง ศิลปะและวทิ ยาการแหํงการกอํ สรา๎ งทนี่ าํ มาทาํ เพือ่ สนองความ

96 ต๎องการในด๎านวัตถแุ ละจิตใจ มีลักษณะเปน็ สิง่ กํอสรา๎ งท่สี ร๎างอยํางงดงาม จําแนกออกได๎2 ลักษณะ ดังน้ี 4. ภาพพิมพ๑ หมายถึง ผลงานศิลปะที่ถูกสร๎างขึ้นมาด๎วยวิธีการพิมพ๑ ด๎วยการกดแมํพิมพ๑ ให๎ ติดเปน็ ภาพบนกระดาษ จากแมพํ ิมพ๑ไมห๎ รือ แมํพิมพ๑โลหะ เป็นต๎น คําวําพื้นบ๎าน บางคร้ังเรียกวําพื้น ซ่ึงหมายถึงกลํุมชนใดกลุํมชนหน่ึงอันมีเอกลักษณ๑ของตน เชํน การดํารงชีพ ภาษาพูด ศาสนา ท่ีเป็น ประเพณีรํวมกนั ดงั น้นั ทัศนศลิ ปพ์ ืน้ บ๎าน หมายถึง ผลงานทางศิลปะท่ีมคี วามงาม ความเรียบงํายจาก ฝมี ือ ชาวบ๎านท่ัวๆไปสรา๎ งสรรคผ๑ ลงานอันมคี ณุ คําทางด๎านความงาม และประโยชน๑ใช๎สอยตามสภาพ เรือ่ งที่ 2 องคป์ ระกอบทางทัศนศิลป์ องค๑ประกอบทางทัศนศิลป์” ประกอบด๎วยองค๑ประกอบสําคัญ 7 ประการคือจุด หมายถึง สํวนประกอบทเ่ี ล็กทส่ี ดุ เป็นสวํ นเรม่ิ ตน๎ ไปสํสู ํวนอ่นื ๆเสน๎ หมายถึง จุดหลาย ๆ จุดที่เคล่ือนที่ตํอเน่ือง ไปในท่วี าํ งเปลํา จากทิศทางการเคล่ือนที่ ๆ กันสี หมายถึง ลักษณะของแสงสวํางที่ปรากฏแกํสายตา ใหเ๎ ห็น สีตํางกนั เปน็ ส่งิ ทมี่ อี ิทธพิ ลตอํ ความรสู๎ ึก เมอื่ มองเหน็ และทาํ ให๎เกิดอารมณ๑ สะเทือนใจตําง ๆ ก็ชํางเขียนประกอบไปด๎วยแมํ 30 เหลอื ง แดง นาํ้ เงนิ ซงึ่ เมอ่ื นาํ มาผสมกนั จะไดต๎ ํางๆ เรื่องท่ี 3 รูปแบบและวิวฒั นาการของทัศนศิลป์พ้ืนบ้าน ศิลปะพื้นบ๎าน มีพื้นฐานท่ีเกิดจากการผลิต ที่ทําขึ้นด๎วยมือเพื่อประโยชน๑ใช๎สอย จึงนับได๎วํา กําเนิดพร๎อมกับวิวัฒนาการของมนุษย๑ ได๎คิดค๎น วธิ ีการสรา๎ งเคร่อื งมือ เครอื่ งใช๎ เพือ่ ชํวยให๎เกิด ความสะดวกสบายตํอการดําเนนิ ชวี ิตมาโดยตลอด เชํน เครื่องมือหิน เคร่ืองป้ันดินเผาสมัยโบราณที่ ขุดพบจึงนับได๎วําการกําเนิดศิลปหัตถกรรมมีอยูํทั่วไป และพฒั นาต้ังแตโํ บราณแลว๎ ในสมยั กอํ นน้ันสังคมของชาวไทยเรา เป็นสังคมแบบชาวนา หรือเรียกกัน วําสังคมเกษตร อันเป็น สังคมที่พ่ึงตนเอง มีพร๎อมทุกด๎านในเรื่องปัจจัยสี่อยํูในกลุํมชุมชนนั้นๆ การ สร๎างการผลติ เคร่อื งใช๎ และอุปกรณต๑ าํ งๆ เพอื่ อาํ นวยความสุข ความสะดวกสบายในการดํารงชีวิตของ ตนเอง เร่อื งที่ 4 รปู แบบและความงามของทศั นศิลป์พื้นบ้าน ทัศนศิลป์พื้นบ๎านกับความงามตามธรรมชาติ มีความงดงามท่ีคล๎ายคลงึ กนั โดยอาจอธิบาย ในรายละเอียดของแตลํ ะส่งิ ได๎ดังนีท้ ัศนศิลป์พ้ืนบ๎าน เป็น รูปแบบศิลปะชนิดเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบน๎อยและคงรูป แบบเดิมได๎นานท่ีสุด จาก เอกลักษณ๑อันมีคุณคํานี้เองทําให๎ทัศนศิลป์พ้ืนบ๎านมีคุณคําเพิ่มขึ้นไป เรื่อยๆ ไมํวําเป็นคุณคําด๎าน

97 เรื่องราว การพบเห็น หรือการแสดงออก เพราะทัศนศิลป์พ้ืนบ๎านเป็น ตัวบํงบอกความเป็นมาของ มนษุ ยชาติท่ีสรา๎ งทศั นศลิ ป์พืน้ บา๎ นนั้นๆ ข้นึ มางานทัศนศิลปพ์ น้ื บ๎านสํวนใหญํมักจะออกแบบมาในรูป ของการเลียนแบบหรือทําให๎ กลมกลืนกับธรรมชาติ ทั้งน้ีเพื่อประโยชน๑ของการใช๎สอยและความ สวยงามและ/หรือเพื่ออุดมคติ ซ่ึงทําให๎ทัศนศิลป์พ้ืนบ๎านมีจุดเดํนท่ีนําประทับใจ ตัวอยํางเชํน การ ออกแบบอุปกรณ๑จับปลาท่ีจะมี การออกแบบให๎กลมกลืนกับลักษณะกระแสนํ้า สะดวกในการ เคล่ือนยา๎ ย เร่ืองที่ 5 ทัศนศลิ ป์พนื้ บา้ นกบั การแต่งกาย หมายของเครอ่ื งแตํงกาย คําวํา เครื่องแตํงกาย หมายถึง สิ่งท่ีมนุษย๑นํามาใช๎เป็นเคร่ืองหํอหุ๎มรํางกาย การแตํงกายของแตํละเผําพันธุ๑สามารถค๎นคว๎าได๎จาก หลักฐานทางวรรณคดีและประวัติศาสตร๑ เพื่อให๎เป็น องชํวยชี้นําให๎รู๎และเข๎าใจถึงแนวทางการแตํง กาย ซ่งึ สะท๎อนให๎เหน็ ถงึ สภาพของการดํารงชีวิต มนษุ ยใ๑ นยุคสมัยนั้น เรื่องที่ 6 การตกแต่งที่อยู่อาศัยการออกแบบตกแตํงเป็นการออกแบบเพ่ือการเป็นอยํูใน ชีวิตประจําวัน โดยเฉพาะอยํางย่ิง การออกแบบเพ่ือเสริมแตํงความงามให๎กับอาคารบ๎านเรือนและ บริเวณท่ีอยูํอาศัย เพ่ือให๎เกิดความ สวยงามนําอยํูอาศัย การออกแบบตกแตํงในท่ีนี้หมายถึงการ ออกแบบตกแตํงภายนอกและการ ออกแบบตกแตํงภายใน ข้นั ตอนในการออกแบบ 1. ศึกษาการจัดวางพ้ืนท่ี ตัวบ๎านและที่วําง ทางเข๎าออก ทิศทางดูวําทิศทางลมและแสงแดด จะผํานเขา๎ มาทางด๎านไหน เชํน กระแสลมจะมาจากทศิ ใต๎ ดูทิศทางของส่ิงรบกวน เชํน เสียง และ ฝุน จากแบบจากอาการข๎างเคียงวาํ จะเข๎ามาในทิศทางใด การวางเคร่อื งเรอื น เคร่ืองไฟฟูา เปน็ ตน๎ 2. กําหนดความต๎องการ เชํนรูปแบบการออกแบบเชํนรูปแบบไทย ๆ หรือรูปแบบสากล ทนั สมยั เครือ่ งเรือนสามารถใช๎ของทมี่ ีอยูํแล๎วมาดดั แปลงได๎หรอื ไมํ หรืออยากไดส๎ ํวนทม่ี ีลกั ษณะ แบบ ไหน เชนํ สวํ นที่มไี ม๎ใหญํ ครีมรืน่ สวนไมด๎ อก สวนแบบญ่ปี นุ 3. การวางผัง ตามความตอ๎ งการพื้นทใี่ ช๎สอย เชํน หอ๎ งนั่งเลํน ห๎องครัว ห๎องนอน กําหนดแนว ไมพ๎ มุํ เพอื่ ปูองกนั ฝุนจากถนนกาํ หนดพื้นที่ปลูกตน๎ ไม๎บังแดดทางทศิ ตะวันตก ทางเขา๎ ออก สํวน เพื่อใช๎

98 สอยตําง ๆ กําหนดจุดท่ีจะเป็นเดํนของบริเวณซึ่งจะเป็นบริเวณที่ เชํน จุดที่มองได๎อยํางชัดเจนจาก ทางเขา๎ หรอื อาจจะจัดวางประตมิ ากรรมหรือพนั ธุ๑ไมท๎ ่ีสวยงามเป็นพเิ ศษ ได๎ 4. การจัดทํารายละเอียดตํางๆได๎แกํ การออกแบบในสํวนตําง ๆ ตามผังท่ีกําหนดไว๎ กําหนด เครื่องเรอื น เครื่องหรอื วสั ดุและพันธุ๑ไม๎ทจี่ ะนาํ มาใช๎ออกแบบสวํ นประกอบอ่ืนๆ 5.การจัดวางเครื่องเรือน หลักการท่ัวไปในการพิจารณาจัดวางเคร่ืองเรือนในการตกแตํง ภายใน มีจดุ มงํุ หมายงาํ ย ๆ คอื ตอ๎ งมคี วามเป็นเอกภาพ คือ การรวมตัวกันของเครื่องเรือนแตํละกลํุม ทง้ั ในดา๎ นความร๎ูสึกและในด๎านความเป็นจริง เชํน ชุดรับแขก ชุดรับประทานอาหาร ชุดนั่งเลํน ฯลฯ ถึงแม๎เครือ่ งเรอื นทกุ กลมุํ จะถูกจัดใหร๎ วมอยํใู นห๎องโลํงทเี่ ปดิ ถึงกันตลอด แตํเคร่ืองเรือนทุก ชุดจะต๎อง ถูกจดั วางให๎ไมปํ นเปสับสนกัน ท้ังน้ีขึ้นอยูํกับการเลือกแบบของเครื่องเรือนท่ีสัมพันธ๑ กันในแตํละชุด และการใช๎สสี ันตลอดจนการใช๎เครื่องตกแตํง เชํน ใช๎พรมรองในบริเวณ ห๎องรับแขก หรือใช๎ไฟชํอให๎ แสงสวํางเน๎นในบริเวณโต๏ะอาหาร ซึ่งจะชํวยให๎ชุดรับแขก และชุด รับประทานอาหาร เป็นเอกภาพ ย่งิ ขนึ้ 6.ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงการใช๎สอยเป็นการดีมากถ๎าเคร่ืองเรือนบางชิ้นสามารถท่ี จะใช๎งานได๎หลายหน๎าที่ หรือหลายตําแหนํง เชํน ตู๎เล็ก ๆ ในห๎องนอนใหญํ สามารถนําไปใช๎ใน ห๎องนอนเดก็ ได๎ เมื่อมีตู๎ใบใหญํมาใช๎ในห๎องนั้น แทน หรือเก๎าอี้หวายในห๎องนั่งเลํน สามารถนําไปใช๎ นั่งเลํนทรี่ ะเบยี งบา๎ นได๎ด๎วย 7. ความสมดลุ ต๎องคํานงึ ถงึ ความสมดุลในการจัดวางเคร่ืองเรือนแตํละห๎อง โดยการจัดวางให๎ แบํงกระจาย ฟอรน๑ ิเจอร๑ให๎เหมาะสมกับพ้ืนที่และไมํจัดเคร่ืองเรือนให๎รวมกันอยํูทางด๎านใดด๎านหน่ึง ของห๎อง โดยปลอํ ยให๎อีกด๎านหนง่ึ วํางเปลําอยํางไมมํ เี หตุผล 8. การจัดระบบทางเดนิ ภายในแตํละห๎องทางเดินภายในแตํละห๎อง ทางเดินจากประตูหน่ึงไป ยังอกี ประตหู นงึ่ จะต๎องสะดวกและ กว๎างขวางเพียงพอ ต๎องไมํมีการจัดวางทางเดินภายในแตํละห๎อง กดี ขวางในเสน๎ ทางท่ใี ช๎สญั จรสภาพโดยทั่ว ๆ ไปของห๎องทุกห๎อง จะทําหน๎าที่เป็นตัวบังคับจํานวนใน การจัดวางเครอ่ื ง เรือนได๎ในตัวเองอยูแํ ล๎ว เชนํ หอ๎ งนอนจะตอ๎ งประกอบด๎วย เตียงนอน ตู๎เส้ือผ๎า โต๏ะ

99 แตํงตัว โต๏ะ ทาํ งาน โต๏ะวางโทรทศั น๑ การจัดวางจึงถูกกําหนดให๎ตู๎เส้ือผ๎าต๎องวางชิดผนังด๎านทึบ สํวน เตียงนอน นยิ มจดั วางด๎านหวั นอนไปทางทิศตะวนั ออกหรือทศิ เหนอื ตามความเช่ือ โต๏ะวางโทรทัศน๑จัด วางไว๎ ปลายเตียงเพ่ือความสะดวกในการใช๎งาน โต๏ะแตํงตัวและโต๏ะทํางานจัดวางอยูํในพื้นที่ซ่ึง เหลอื อยํู ห๎องโถงของตัวบา๎ น เร่อื งที่ 7 คุณคา่ ความสาคญั ทางวฒั นธรรมและประเพณี วัฒนธรรม โดยทั่วไปหมายถึง รูปแบบของกิจกรรมมนุษย๑และโครงสร๎างเชิงสัญลักษณ๑ที่ ให๎ กจิ กรรมนน้ั เดํนชดั และมีความสําคญั วถิ กี ารดําเนินชีวิต ซ่ึงเป็นพฤติกรรมและส่ิงท่ีคนในหมูํ ลิตสร๎าง ข้ึน ด๎วยการเรียนร๎ูจากกันและกัน และรํวมใช๎อยูํในหมํูพวกของตน วัฒนธรรมท่ีเป็น นามธรรม หมายถึงส่ิงท่ีไมํใชํวัตถุ ไมํสามารถมองเห็น หรือจับต๎องได๎ เป็นการแสดงออกในด๎าน ความคิด ประเพณี ขนบธรรมเนียม แบบแผนของพฤติกรรมตําง ๆ ที่ปฏิบัติสืบตํอกันมา เป็นท่ี ยอมรับกันใน กลมํุ ของ ตนวําเป็นสิ่งทด่ี งี ามเหมาะสม เชนํ ศาสนา ความเช่อื ความสนใจ ทัศนคติ ความสาคัญของวฒั นธรรมและประเพณี วัฒนธรรมเปน็ เรอ่ื งท่ีสาํ คัญยิ่งในความเป็นชาติ ชาติใดที่ไร๎เสียซึ่งวัฒนธรรมและประเพณี อัน เปน็ ของตนเองแลว๎ ชาตนิ ั้นจะคงความเป็นชาตอิ ยํไู มไํ ด๎ ชาติทไ่ี ร๎วฒั นธรรมและประเพณี แม๎จะ เป็นผู๎ ชนะในการสงคราม แตํในทส่ี ุดก็จะเปน็ ผ๎ถู ูกพิชติ ในด๎านวัฒนธรรมและประเพณี ซึ่งนับวํา เป็นการถูก พชิ ิตอยาํ งราบคาบและส้ินเชงิ ทง้ั นเ้ี พราะผู๎ที่ถูกพิชิตในทางวัฒนธรรมและประเพณีนั้น จะไมํร๎ูตัวเลย วําตนไดถ๎ ูกพิชิต เชํน พวกตาดทีพ่ ชิ ิตจีนได๎ และต้งั ราชวงศ๑หงวนขึ้นปกครองจีน แตํ ในที่สุดถูกชาวจีน ซ่ึงมีวัฒนธรรมและประเพณีสูงกวํากลืนจนเป็นชาวจีนไปหมดส้ิน ดังน้ันจึงพอสรุปได๎วํา วัฒนธ รรม และประเพณีมคี วามสําคญั ดังนี้ 1. วฒั นธรรมและประเพณเี ปน็ สิง่ ท่ชี ้ีแสดงให๎เห็นความแตกตาํ งของบคุ คล กลุมํ คนหรือชุมชน 2. เป็นสง่ิ ทีท่ าํ ให๎เหน็ วาํ ตนมีความแตกตํางจากสตั ว๑

100 3. ชวํ ยให๎เราเข๎าใจสงิ่ ตาํ งๆ ท่ีเรามองเหน็ การแปลความหมายของสิ่งท่ีเราจงเห็นนั้นข้ึนอยูํกับ วัฒนธรรมและประเพณีของกลุํมชน ซ่ึงเกิดจากการเรียนร๎ูและถํายทอดวัฒนธรรม เชํน คน ไทย มองเห็นดวงจันทร๑ วาํ มกี ระตํายอยใํู นดวงจนั ทร๑ ลักษณะของวฒั นธรรมและประเพณี เพ่ือท่จี ะใหเ๎ ข๎าใจถึงความหมายของคาํ วาํ \"วฒั นธรรม\" ไดอ๎ ยาํ งลกึ ซึ้ง จึงขออธิบายถึง ลักษณะ ของวฒั นธรรม ซง่ึ อาจแยกอธบิ ายไดด๎ ังตํอไปนี้ 1. วัฒนธรรมเปน็ พฤติกรรมทเ่ี กิดจากการเรียนร๎ู มนุษยแ๑ ตกตํางจากสัตว๑ ตรงที่มีการรู๎จักคิดมี การเรียนรู๎ จดั ระเบียบชีวติ ให๎เจริญ อยูดํ กี ินดี มคี วามสขุ สะดวกสบาย รจ๎ู กั แกไ๎ ขปญั หา ซงึ่ แตกตําง ไป จากสัตวท๑ เ่ี กิดการเรยี นรโ๎ู ดยอาศยั ความจําเทําน้ัน 2. วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคม เนื่องจากมีการถํายทอดการเรียนร๎ูจากคนรุํนหน่ึงไปสํู คน รํุนหน่ึง ทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ๎อม โดยไมํขาดชํวงระยะเวลา และ มนุษย๑ใช๎ภาษาในการ ถํายทอดวัฒนธรรม ภาษาจงึ เป็นสัญลกั ษณ๑ทใ่ี ชถ๎ าํ ยทอดวฒั นธรรมนน่ั เอง 3. วัฒนธรรมเป็นวิถีชีวิต หรือเป็นแบบแผนของการดําเนินชีวิตของมนุษย๑ มนุษย๑เกิดใน สังคมใดก็จะเรยี นรู๎และซึมซับในวฒั นธรรมของสังคมท่ีตนเองอาศัยอยูํ 4. วฒั นธรรมเปน็ ส่งิ ทไ่ี มํคงที่ มนษุ ย๑มีการคิดคน๎ ประดษิ ฐ๑สิ่งใหมํ ๆ และ ปรับปรุงของเดิม ให๎ เหมาะสมกับสถานการณ๑ที่เปลี่ยนแปลงไป เพ่ือความเหมาะสม และความอยูํรอดของสังคม เชํน สังคมไทยสมัยกํอนผ๎ูหญิงจะทํางานบ๎าน ผู๎ชายทํางานนอกบ๎าน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แตํปัจจุบัน สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป ทําให๎ผู๎หญิงต๎องออกไปทํางานนอกบ๎าน เพ่ือหารายได๎มาจุนเจือ ครอบครัว บทบาทของผ๎ูหญิงในสังคมไทยจึงเปลี่ยนแปลงไป ประเพณีไทย นน้ั เป็นประเพณที ไี่ ดอ๎ ิทธิพลอยํางสูงจากศาสนาพทุ ธ แตํอิทธิพลจากศาสนา อ่ืน เชํน ศาสนาพราหมณ๑และการอพยพของชาวตํางชาติเชํนคนจีนก็มีอิทธิพลของประเพณีไทยด๎วย