Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ ม.ปลาย -ลงระบบ

คู่มือ ม.ปลาย -ลงระบบ

Description: คู่มือ ม.ปลาย -ลงระบบ

Search

Read the Text Version

คู่มอื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 51 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ก. สร้างมลู คา่ เพมิ่ ใหก้ ับงาน สนิ ค้า และผลติ ภณั ฑ์ท่ีมีอยู่ ข. เสริมสรา้ งรายได้ หรือผลประกอบการของธุรกิจให้สงู ย่งิ ข้ึน ค. งบประมาณทใ่ี ชในโครงการและระบแุ หล่งทม่ี าของงบประมาณ ง. เพ่ิมคณุ ค่าให้กับตัวเองและหน่วยงานใหเ้ ป็นท่ยี อมรบั จากภายนอกมากยิง่ ขน้ึ 18. ขอ้ ใดต่อไปนี้แสดงใหเ้ ห็นวา่ อาชพี ยงั ขาดความม่ันคง ก. สนิ ค้าได้รับความนยิ มจากผู้ซื้อ ข. มีสินคา้ ที่หลากหลายและมคี ุณภาพ ค. มกี ารผลิตสินคา้ ออกสตู่ ลาดอยา่ งสมาํ่ เสมอ ง. รายได้จากการประกอบอาชพี ขึน้ อยูก่ ับยอดขาย 19. องค์ประกอบด้านเหตผุ ลสู่ความสาเร็จของการขยายอาชีพประกอบด้วยด้านไหนบา้ ง ก. ด้านการลงทุน ด้านลกู คา้ ดา้ นผลผลิต ด้านการเรยี นร้พู ัฒนาตนเอง ข. ด้านเปูาหมาย ด้านความสําเร็จ ดา้ นวัตถปุ ระสงค์ ด้านความต้องการ ค. ดา้ นปัจจยั นาํ เขา้ ด้านการแปรรูป ด้านการดาํ เนินงาน ดา้ นผลผลิต ง. ทกุ ขอ้ เป็นปัจจยั ด้านเหตุผลทั้งหมด 20. ข้อใดคือองคป์ ระกอบทจ่ี ะพฒั นาไปสคู่ วามม่นั คงยืนยง ก. ลดความเสี่ยงผลผลิต ข. มงุ่ มั่นพัฒนาอาชพี ค. ยึดหลักคุณธรรม ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย 16.เฉลย. ก. ร้านเซเว่นอเี ลฟเว่น 1.เฉลย. ง. ถกู ทกุ ขอ้ 17.เฉลย. ค. งบประมาณที่ใชในโครงการและ 2.เฉลย. ง. ถูกทุกข้อ ระบแุ หลง่ ทม่ี าของงบประมาณ 3.เฉลย. ค. แรงงาน ทนุ อปุ กรณ์ การจดั การ

คมู่ อื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 52 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 4.เฉลย. ง. ถูกทกุ ข้อ 5.เฉลย ง. ชว่ ยให้ผ้ปู ระกอบการผลิตสินค้า 18.เฉลย. ง. รายไดจ้ ากการประกอบอาชพี ขน้ึ อยู่กบั ยอดขาย ตรงกบั ความต้องการของผูบ้ ริโภค 6.เฉลย ค. การวเิ คราะห์คณุ ภาพการศกึ ษา 19.เฉลย. ก. ด้านการลงทนุ ด้านลูกคา้ ด้านผลผลิต ดา้ นการเรยี นรู้ พัฒนา 7.เฉลย ค. เพื่อลดความเสย่ี งในการดาํ เนนิ ธุรกิจ ตนเอง 8.เฉลย ง. ถูกทุกข้อ 20.เฉลย. ง. ถกู ทุกขอ้ 9.เฉลย ค. แหลง่ ขาย การสง่ สริมการตลาด ระบบการเงนิ 10.เฉลย ง. ถกู ทุกขอ้ 11.เฉลย ค. แรงงาน ทนุ อุปกรณ์ การจัดการ 12.เฉลย ข. ศกึ ษาความต้องการทีแ่ ท้จริงของลูกค้า 13.เฉลย ก. สิ่งจงู ใจให้ลกู ค้าตดั สินใจซื้อ 14.เฉลย ง. ทด่ี ิน แรงงาน ทนุ การประกอบการ 15.เฉลย ข. ความเข้าใจลูกค้า วชิ าพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามม่ันคง โครงสรางรายวชิ าการพัฒนาอาชพี ใหมีความมั่นคง (อช 31003) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สาระสาคญั การพัฒนาอาชพี ใหมีความมนั่ คง จําเปนตองศกึ ษา วิเคราะหศักยภาพของธุรกิจแลวจัดทาํ แผนพัฒนากระบวนการตลาด กระบวนการการผลติ หรือการบรกิ าร กําหนดระบบกาํ กบั ดแู ลเพื่อให อาชพี สูความม่นั คง ผลการเรียนรูที่คาดหวัง 1. อธิบายความหมาย ความสําคญั ความเขาใจในการพัฒนาอาชีพใหมผี ลิตภัณฑหรอื งานบริการสรางรายไดพอ เพยี งตอการดํารงชวี ิต มีเงินออมและมที นุ ในการขยายอาชพี 2. วิเคราะหศักยภาพธุรกจิ การตลาด การผลิตหรือการบรกิ าร แผนธุรกิจ เพ่อื สรางธุรกิจใหมีความมัน่ คง

คมู่ อื พฒั นาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 53 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 3. อธบิ ายวธิ ีการตรวจสอบการพฒั นาอาชีพใหเขาสูความมั่นคง 4. ปฏิบัติการจดั ทาํ แผนโครงการพฒั นาอาชพี ใหมคี วามมน่ั คง ขอบขายเนอื้ หาวชิ า บทท่ี 1 ศักยภาพธุรกิจ บทที่ 2 การจดั ทําแผนพฒั นาการตลาด บทที่ 3 การจัดทําแผนพฒั นาการผลติ หรอื การบริการ บทที่ 4 การพฒั นาธรุ กิจเชงิ รุก บทที่ 5 โครงการพฒั นาอาชพี ใหมีความมัน่ คง เรอ่ื งที่ 1. ศักยภาพธุรกจิ เพอ่ื ความม่ันคงในอาชพี 1.ความหมาย ความสาคัญและความจาเปน็ ของการพฒั นาอาชพี การพฒั นาอาชีพ หมายถงึ การประกอบอาชีพที่มีการพฒั นาสนิ ค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหต้ รงกบั ความตอ้ งการ ของลกู คา้ อยูต่ ลอดเวลา โดยมีส่วนครองตลาดได้ตามความต้องการของผู้ผลิต แสดงถึงความมน่ั คงในอาชพี ความมัน่ คง หมายถงึ การเกิดความแนน่ และทนทานไมก่ ลับ เปน็ อน่ื 2.ความจาเป็นของการวเิ คราะห์ศักยภาพธรุ กิจ ศกั ยภาพของธุรกิจ หมายถึง ธุรกจิ ทที่ ุกบุคคลท่ีมีความสามารถพฒั นาสนิ คาน้นั ๆ ใหอยใู นตลาดไดอยาง มนั่ คงความจําเปนที่จะตองวิเคราะหศกั ยภาพของธรุ กิจองคประกอบท่มี คี วามสัมพนั ธกับความมั่นคงของอาชีพ จะตองมคี วามตรงกันกบั ปจจยั ที่สงผลตอศักยภาพในอาชพี หากมอี งคประกอบทีไ่ มตรง จาํ เปนที่จะตองจัดการให ตรงกนั หรอื สมั พันธกันก็จะทําใหศกั ยภาพของอาชีพสงู ข้นึ ศกั ยภาพของอาชพี สามารถบอกเปนตัวเลขและอธิบาย สภาพทป่ี รากฏไดจะทําใหเรามองเห็นขอบกพรองและสามารถแกไขขอบกพรองพัฒนาอาชีพสูความมน่ั คงได 3.การวิเคราะหตาแหนงธรุ กิจ การเขาสูอาชพี เม่อื ดาํ เนินธุรกิจไปจนประสบผลสําเรจ็ มกั จะถูกจบั ตามองทําตามกนั มาก สวนแบงการต ลาดจงึ มขี นาดเล็กลงโดยลําดบั จนถึงวันหน่งึ จะเกดิ วิกฤติจึงมีความจําเปนท่ีจะตองพัฒนาหรือขยายขอบขายอาชีพ ออกไปหรอื เรียนรทู ําในส่งิ ที่คนอื่นทาํ ไมได เพื่อใหอยไู ดอยางมน่ั คงยง่ั ยนื การพฒั นาหรอื ขยายอาชีพจะตองวิ เคราะหและประเมนิ ศกั ยภาพของธรุ กิจวาอยูในตาํ แหนงธรุ กิจ 4.การวิเคราะหศักยภาพธุรกิจบนเสนทางของเวลาตามศกั ยภาพของแตละพืน้ ที่

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 54 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย การวเิ คราะหศักยภาพบนเสนทางของเวลาตามศักยภาพของแตละพื้นท่ี คือ การแยกแยะกระบวนการ ทางธรุ กิจ หรอื การดาํ เนินการดานอาชพี หรือการประกอบอาชีพ โดยแบงตามชวงระยะเวลาดาํ เนินกิจกรรมและมี เปาู หมาย คอื ผลการประกอบการในชวงเวลานน้ั เมอ่ื เปรยี บเทยี บชวงกอนหนานจ้ี ัดอยูประเภทขาข้ึนหรือขาลงใน ตําแหนงธรุ กจิ ดงั ตอไปนี้ 1. ศักยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติในแตละพ้ืนทีท่ รัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สงิ่ ท่ีเกดิ ขน้ึ เองตาม ธรรมชาติ ซึ่งมนุษยสามารถนาํ ไปใชใหเกดิ ประโยชนตอชีวติ ประจาํ วัน 2. ศักยภาพของพื้นทีต่ ามลักษณะภมู ิอากาศ หมายถงึ ลกั ษณะอากาศประจําถิน่ ในชวงระยะเวลาหนง่ึ ซ่ึง มอี ิทธิพลตอการประกอบอาชีพในแตละพ้ืนท่ีมีสภาพอากาศที่แตกตาง 3. ศักยภาพของภูมิประเทศ และทาํ เลทต่ี ้ังของแตละพื้นท่ี หมายถึง ลักษณะทางกายภาพของแผนดิน ความสงู ตาํ่ ทีร่ าบลุม ทร่ี าบสูง ภูเขาแมน้ํา ทะเล เปนตน 4. ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชวี ติ ของแตละพ้ืนทศี่ ิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี หมายถงึ ความเชือ่ การกระทําท่ีมกี ารปฏิบัติสืบเนือ่ งกนั มาเปนเอกลกั ษณ และมคี วามสําคญั ตอสังคม ในแตละภาคของประเทศไทย มวี ิถีชีวติ การเปนอยู การประกอบอาชีพและการบรโิ ภคท่ีแตกต่างกัน 5. ศกั ยภาพของทรพั ยากรมนุษยในแตละพืน้ ที่ ทรพั ยากรมนุษยในแตละพนื้ ท่ี หมายถึง ความรู ความสามารถของมนุษยที่เปนภูมิรู ภูมปิ ญญา ทัง้ ในอดตี และปจจบุ ันตางกัน ในแตละทองถิน่ มคี วามถนัด และความชํานาญในการบํารุงรกั ษา เก็บเกยี่ ว และจดั จําหนายท่ีไมเหมอื นกนั สงผลใหผลผลิตและรายไดตางกนั ข้อควรพจิ ารณาในการพัฒนาอาชพี ในการพฒั นาอาชพี จะชว่ ยให้สามารถแขง่ ขนั กับผู้อ่ืนได้ ข้ึนอยกู่ บั สิง่ ตอ่ ไปน้ี 1. ผู้ประกอบอาชีพ ซ่งึ อาจจะเปน็ เจา้ ของธุรกจิ ผู้จดั การ ทมี งาน จะต้องมีความรูเ้ ก่ียวกบั การพฒั นา อาชพี นน้ั ๆ รวมถงึ ทักษะในอาชีพและประสบการณ์ที่เป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาอาชพี ของตน นอกจากนย้ี งั เป็นผู้ รกั ความกา้ วหน้า ไมห่ ยดุ น่ิง กา้ วทนั กระแสโลก กล้าคิด กล้าทาํ ทันสมยั มองโลกในแงด่ ี 2. ปจั จัยการผลิต ได้แก่ เงินทุน วตั ถดุ ิบ แรงงาน สถานท่ี ยอ่ มต้องพฒั นาใหม้ คี ุณภาพมากกว่าเดมิ แตกต่างและโดดเดน่ ไปจากคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาดขณะน้ัน 3. โอกาสและสภาพแวดลอ้ มทางธรุ กิจ เช่น มตี ลาดรองรบั นโยบายของรัฐบาลสง่ เสริมทจ่ี ะทาํ ให้ธุรกิจ เจริญก้าวหน้า 4. ผลกระทบต่อชมุ ชน สังคม และสิง่ แวดล้อม ตอ้ งคาํ นึงถงึ ผลดีกับทกุ ฝาุ ย 2.การจดั ทาแผนพัฒนาการตลาดเพ่อื ความมั่นคงในอาชีพ การกาํ หนดทศิ ทางการตลาด เปาหมาย กลยุทธในการขยายอาชพี ความคิดรวบยอดการทําธุรกิจไมวาจะทํา ระดบั ใด จาํ เปนตองมที ิศทางใหมองเห็นผลสาํ เรจ็ ภาระงานที่จะตองทําและกลยุทธสูความสําเร็จใชเปนความคิดสู การปฏบิ ตั ิจริง จะทําใหเราวางธรุ กจิ อยูในความพอดีอยางมีภมู คิ ุมกนั ไมใชทําไป คิดไป ลงทุนไป อยางไรทศิ ทาง สรุปไดวาการขยายอาชีพใหเกิดความพอดีนั้น เปนไปตามศักยภาพของผูประกอบอาชีพ แตการกําหนด ทิศทางขยายอาชีพน้ันตองมองเห็นทศิ ทางทีจ่ ะไปถงึ และรูวามีภารกจิ อะไรบาง ตองทําอยางไรใหมองเห็นรูปธรรม ของการขยายอาชพี ทก่ี าวออกไปขางหนา 1.การกาหนดเปาหมายการตลาด

คมู่ ือพฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 55 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย เปาหมายการตลาดเพ่ือการขยายอาชีพ คือ การบอกใหทราบวา สถานประกอบการนั้นสามารถทําอะไรได ภายในระยะเวลาเทาใด ซึง่ อาจจะกําหนดไวเปนระยะสั้น หรือระยะยาว 3 ป หรือ 5 ปก็ได การกําหนดเปาหมาย ของการขยายอาชพี ตองมคี วามชดั เจนสามารถวัดและประเมินผลได การกําหนดเปาหมายหากสามารถกําหนดเป นจํานวนตวั เลขไดกจ็ ะยิง่ ดี เพราะทําใหมีความชัดเจนจะชวยใหการวางแผนมีคุณภาพยิ่งข้ึน และจะสงผลในทาง ปฏบิ ตั ไิ ดดีย่งิ ข้นึ 2. การกาหนดกลยทุ ธ การท่จี ะขยายอาชพี ใหบรรลตุ ามวิสัยทัศน ตองมีแนวทางปฏิบัติสูความสําเร็จ เพื่อชัยชนะเราเรียกวา กลยุทธ ดงั นัน้ การกาํ หนดกลยทุ ธเพอื่ ใหการขยายอาชีพสูความสําเรจ็ จงึ กาํ หนดกลยทุ ธจากภารกิจที่จะทําทั้ง 4 ดาน 2.1 คิดพจิ ารณาวา กจิ กรรมใดเปนกิจกรรมทยี่ ุงยากและเปนแกนหลกั สาํ คญั ของความสําเร็จใน ภารกิจนี้ จะตองใชเทคนิควธิ อี ะไรเขามาเปนกลยทุ ธในการทํางาน 2.2 สรปุ ระบุกลยุทธ และเปาหมายกลยุทธดวยการนําผลการวิเคราะหกําหนดเทคนิควิธีการมา เปนกลยุทธ และนาํ ขอความสวนท่ีบอกวาทําอะไรมาเปนเปาหมายกลยทุ ธ

ค่มู ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 56 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมที1่ ใหนักศกึ ษากรอกขอมูลเก่ียวกบั การกาหนดเปาหมายการผลิตหรอื การบรกิ าร ท่นี กั ศึกษาดาเนินการ เอง หรอื อาชพี ที่สนใจ โดยการกรอกรายละเอยี ดในการกาหนดเปาหมายการผลติ หรอื การบริการอยางไร 1. ลกั ษณะงาน อาชีพ…………………………………….………………………………………................................................................. .................................................................................................................................................................................... 2. ประเภทของผลผลติ หรือการบรกิ าร…………………………………………………………..................................................... .................................................................................................................................................................................... 3. ชื่อเจาของ ธุรกจิ …………………………………………………………………………........................................................................ .................................................................................................................................................................................... 4. ทีต่ ง้ั ของ ธรุ กิจ…………………………………………………………………………........................................................................... .................................................................................................................................................................................... 5. เปาหมายการผลิตหรอื การ บรกิ าร………………………………………………………............................................................................................. .................................................................................................................................................................................... 6. เหตุผลในการกาํ หนดเปาหมายการผลติ หรือการบรกิ าร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 3. การจดั ทาแผนพฒั นาการผลิตหรือการบรกิ ารเพอื่ ความม่นั คงในอาชพี 3.1.การจดั ทาแผนพฒั นาการผลิตหรือการบริการ ความหมายของคณุ ภาพ

คู่มอื พัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 57 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ความหมายของคุณภาพ ถูกกําหนดข้ึนตามการใชงานหรือตามความคาดหวังของผูกําหนด เชน มีความ เหมาะสมกับการใชงาน มีความทนทาน ใหผลตอบแทนสูงสุด บริการดีและประทับใจหรือเปนไปตามมาตรฐานที่ ตัง้ ใจไว แบงเปน 2 ลกั ษณะ ดงั นี้ 1. คุณภาพตามหนาท่ี หมายถงึ ประสทิ ธิภาพการทํางาน ความเหมาะสมในการใชงานความทนทาน เชน พดั ลมเครื่องนม้ี มี อเตอรทสี่ ามารถใชไดอยางตอเนือ่ งถงึ 24 ช่ัวโมง 2. คณุ ภาพตามลกั ษณะภายนอก หมายถงึ รปู รางสวยงาม สสี ันสดใส เรียบรอย เหมาะกบั การใชงานโครง สรางแข็งแรง ผลติ ภัณฑสวนใหญมกั เนนคุณภาพภายนอก โดยเนนที่สีสันสดใสหรือรูปลักษณใหโดดเดนเพ่ือดึงดูด ความสนใจของผูซอื้ ในอดีตคณุ ภาพมกั จะถูกกําหนดข้ึนจากความตองการของผูผลิต แตปจจุบันสภาพการแขงขัน ในตลาด มมี าก หากคุณภาพไมตรงกบั ความตองการของผูซือ้ การผลติ สินคาและบริการกอ็ าจจะตองลมเลิกกิจการ ไป ดังที่ไดเกิดข้ึนมาในปจจุบัน สินคาบางประเภทแขงขันกันท่ีคุณภาพ บางประเภทแขงขันกันท่ีราคา แตบาง ประเภทแขงขันกนั ทคี่ วามแปลกใหม ดังนนั้ การผลิตหรือใหบริการใด ๆ จะตองมีการศึกษาสภาพตลาดอยางรอบ ครอบ เพือ่ กาํ หนดคณุ ภาพ 3.2.การวิเคราะหทุนปจจัยการผลิตหรือการบริการ ทุน หมายถึง เงนิ ลงทนุ ในการดําเนินงานธุรกจิ (ผลติ หรอื บริการ)ทุนถือวาเปนปจจัยสําคัญในการประกอบ กจิ การอาชีพใหดําเนินงานไปอยางมีประสิทธิภาพและมีความเจริญเติบโตอยางตอเนื่องตนทุนการผลิต หมายถึง ทนุ ในการดําเนนิ กจิ การ แบงได 2 ประเภท คอื 1. ทุนคงที่ คือการท่ผี ูประกอบการจัดหาทนุ เพือ่ ใชในการจดั หาสินทรัพยถาวร เชน ดอกเบีย้ เงินกู ทด่ี นิ อาคาร เครื่องจกั ร เปนตน ทนุ คงท่ี สามารถแบงได 2 ลักษณะ คือ 1.1 ทุนคงท่ีท่ีเปนเงินสด เปนจํานวนเงินท่ีตองจายเปนคาดอกเบี้ยเงินกู เพ่ือนํามาใชในการดําเนินงาน ธรุ กจิ 1.2 ทนุ คงที่ท่ไี มเปนเงินสด ไดแก พื้นท่ี อาคารสถานที่ โรงเรอื น รวมถงึ คาเสือ่ มของเคร่ืองจกั ร 2. ทุนหมุนเวยี น คือ การท่ผี ูประกอบการจัดหาทุน เพ่อื ใชในการดําเนินการจดั หาสินทรัพยหมนุ เวียน เชน วัตถดุ บิ ในการผลติ ผลผลิตหรอื การบรกิ าร วสั ดสุ นิ้ เปลอื ง คาแรงงาน คาขนสง คาไฟฟา คาโทรศัพท เปนตน 3.3 การกาหนดเปาหมายการผลติ หรอื การบรกิ าร เปาหมายการผลิตหรอื การบริการ เปนคาํ ตอบสาํ หรบั ผูประกอบการตองการมากท่ีสุดโดยมีปจจัยท่ีทํา ให ประสบความสาํ เร็จประกอบดวยปจจัยตอไปน้ี 1. การกาํ หนดกลุมลูกคาเปาหมายใหชดั เจน 2. เสริมสรางสวนประสมทางการตลาด 3. คาํ นึงถงึ สภาวะแวดลอมทคี่ วบคมุ ไมได 4. สามารถตอบคําถามตอไปนไี้ ดทุกขอ ในสวนของลกู คา ประกอบดวย 1. ใครคือ กลุมลกู คาเปาหมายสาํ หรบั ผลผลติ ท่ีผลิตขึ้นหรอื การบริการ

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 58 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 2. ลูกคาเปาหมายดงั กลาวอยู ณ ทใ่ี ด 3. ในปจจบุ นั ลกู คาเหลาน้ซี ้อื ผลผลติ หรอื การบริการไดจากทีใ่ ด 4. ลูกคาซอื้ ผลผลติ หรือการบรกิ ารบอยแคไหน 5. อะไรคอื สิง่ จงู ใจทท่ี าํ ใหลกู คาเหลานัน้ ตัดสนิ ใจใชบริการ 6. ลูกคาใชอะไร หรอื ทาํ ไมลูกคาถึงใชผลผลิตหรอื บรกิ ารของเรา 7. ลกู คาเหลานนั้ ชอบและไมชอบผลผลติ หรือบริการอะไรท่เี รามีอยูบางในสวนของผลผลิตหรือการบริการ ประกอบดวย 1. ลูกคาตองการผลผลติ หรือบริการอะไร 2. ลกู คาอยากจะใหมผี ลผลิตหรือบริการในเวลาใด 3. เฉพาะการบรกิ าร ควรต้งั ชือ่ วาอะไร เพ่อื เปนสง่ิ ดึงดดู ใจไดมากที่สดุ นอกจากน้ี ผูประกอบการตองคาํ นงึ และพิจารณาถงึ ความเปนไปได และองคประกอบดานอื่นๆท่ี สาํ คญั ที่เกีย่ วของตางๆ ดวยดังน้ี 1. แรงงาน ตองใชแรงงานมากนอยเทาไร ปจจบุ นั มแี รงงานเพยี งหรอื ไม ถาไมเพยี งพอจะทําอยางไร 2. เงินทุน ตองใชเงนิ ทนุ มากนอยเพียงไร ถาไมเพียงพอจะทําอยางไร 3. เคร่ืองมือ/อุปกรณ ตองใชเคร่ืองมือ/อุปกรณอะไร จํานวนเทาไร เพียงพอหรือไม ถาไมเพียงพอจะ ทาํ อยางไร 4. วตั ถดุ ิบ เปนสิง่ สาํ คัญมากตองพจิ ารณาวาจะจัดหาจดั ซอ้ื วัตถุดิบจากท่ีใด ราคาเทาไร จะหาได จากแหลงไหน และโดยวิธใี ด 5. สถานท่ี ใหมีความเหมาะสม สะอาด และเดินทางสะดวก เปนหลกั กจิ กรรมที่ 2 คาช้แี จง ใหนกั ศึกษากนั คนควาเกีย่ วกับความหมาย ความสาคัญตามหัวข้อทีก่ าหนดใหด้ ังนี้ 1. อธบิ ายคําวา อยูพอดีกินพอดี .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 2. การพง่ึ ตนเอง หมายถึง .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 3. ความย่งั ยนื หมายถึง .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

ค่มู อื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณโ์ ควิด-19 59 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 4.การพฒั นาธุรกิจเชงิ รุกเพ่ือความมั่นคงในอาชพี การกําหนดแผนกิจกรรมการผลิตหรือการบริการเพื่อพัฒนาอาชีพ เปนการกําหนดกิจกรรมท่ีเกี่ยวกับการ ขยายอาชพี ส่ิงทีส่ ําคัญยงิ่ ตอการขยายอาชพี คือการตดั สินใจ โดยมีแนวทางในการดาํ เนนิ การ ดงั นี้ 1. ตรวจสอบตวั เองเพ่ือใหรูถึงสถานภาพในปจจุบนั เกยี่ วกับ แรงงาน เงินทนุ เครอื่ งมือ/ อุปกรณ วตั ถดุ บิ และสถานท่ีวา มีสภาพความพรอมหรือมีปญหาอยางไร รวมถึง ผลผลิตหรือบริการของตนเองว ามี สวนใดทีไ่ มสมบูรณหรือไม 2. สํารวจสภาพแวดลอม เปนการตรวจสอบขอมูลภายนอกเกยี่ วกับการประกอบการประเภท เดียวกันในชุมชน และความตองการของลูกคาทองถ่ินการดําเนินงานตามขนั้ ตอนท่ี 1 และ 2 เปนการศึกษาขอมูล เพอ่ื ระบถุ ึงปญหาทเี่ กดิ ข้นึ และควรแกไข 3. การกําหนดทางเลือก หลังจากสามารถกําหนดสาเหตุของปญหาไดแลว เพ่ือใหการวางแผนมีความ ชดั เจน เจาของธรุ กจิ ตองตดั สินใจเพ่อื พจิ ารณาหาทางเลอื ก เพื่อใหไดทางเลอื กหลายทางสูการปฏบิ ตั ิ 4. การประเมินทางเลือก เม่ือสามารถกาํ หนดทางเลือกไดหลากหลายแลว เพ่ือไดทางเลือกสูการปฏิบัติที่ เหมาะสมทสี่ ุด ในการวางแผนกลยุทธทางการตลาด ผูประกอบการตองพจิ ารณาประเมนิ ทางเลือกในแตละวิธี เพ่ือ ใหสามารถบรรลเุ ปาหมายใหดีทสี่ ุด 5. การตดั สินใจ เม่อื ไดทางเลือกหลายทางเลอื กในการตดั สินใจสามารถใชหลัก 4 ประการในการตัดสินใจ คอื 1) ประสบการณ 2) การทดลอง 3) การวิจยั หรอื การวิเคราะห และ 4) การตดั สนิ ใจเลือก 6. กาํ หนดวัตถปุ ระสงค เปนการกาํ หนดเปาหมายของการดาํ เนนิ งานวา ตองการใหเกิดอะไร 7. พยากรณสภาพการณในอนาคต เปนการคิดผลบรรลลุ วงหนาวา หากดําเนินการตามแผนกิจกรรมการ ผลติ หรอื การบรกิ ารแลว ธุรกิจทดี่ ําเนินงานจะเกิดอะไรข้ึน

ค่มู ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 60 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 8. กาํ หนดแนวทางการปฏบิ ตั ิ เปนการกาํ หนดรายละเอียดข้ันตอนการปฏิบัติวาจะทําอยางไรเมื่อไร เพื่อ ใหเกิดผลตามวัตถปุ ระสงคทีก่ ําหนดไว 9. ประเมินแนวทางการปฏบิ ัติที่วางไว เปนการตรวจสอบความสมบูรณของแผนกจิ กรรมการผลิตหรือการ บรกิ ารวา มคี วามสอดคลองกันหรือไมอยางไร สามารถที่จะปฏิบตั ิตามขน้ั ตอน วิธกี ารท่ีกาํ หนดไวไดหรือไมอยางไร หากพบวาแผนกิจกรรมการผลิตหรือการบรกิ ารทจ่ี ดั ทําข้นึ ยังไมมีความสอดคลอง หรอื มีขน้ั ตอนวธิ กี ารใดที่ไมม่ันใจ ใหจดั การปรับปรงุ ใหมใหมคี วามสอดคลองและเหมาะสม แบบทดสอบหลงั เรียน 1.ขอ้ ใดคือความสาคญั และความจาเป็นของการพัฒนาอาชีพ ก.เพือ่ ให้มสี ินค้าทด่ี ีตรงตามความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค ข.เพือ่ ใหผ้ ู้ผลิตไดม้ กี ารคิดคน้ ผลิตภัณฑ์หรอื สนิ ค้าไดต้ ลอดเวลา ค.ทําใหเ้ ศรฐกิจของชุมชนของประเทศดีขึน้ ง.ถกู ทุกขอ้ 2. ขอ้ ใดคอื ความสาคญั และความจาเปน็ ของการพฒั นาอาชีพ ก. เพ่ือให้มีสินคา้ ทด่ี ตี รงตามความต้องการของผู้บริโภค ข. เพอ่ื ให้ผ้ผู ลิตได้มกี ารคิดคน้ ผลติ ภัณฑ์หรอื สนิ คา้ ได้ตลอดเวลา ค .ทาํ ใหเ้ ศรษฐกิจของชุมชนของประเทศดีขึ้น ง. ถูกทุกข้อ 3. จงบอกศกั ยภาพในการบรหิ ารจัดการทางธรุ กิจ ก. เงินทนุ แรงงาน ข. เงนิ ทุน แรงงาน ตลาด ค. แรงงาน ทนุ อุปกรณ์ การจัดการ ง. แรงงาน ทุน อปุ กรณ์ การจัดการ ตลาด 4. ข้อใดเปน็ ประโยชนข์ องบัญชีทีม่ ตี ่อองค์กรธรุ กจิ ก. ผู้บรหิ ารมีขอ้ มูลประกอบการตดั สินใจ ข. เจ้าของกจิ การทราบฐานะของบรษิ ัท ค. รฐั จัดเก็บภาษไี ด้ถูกตอ้ ง ง. ถกู ทกุ ข้อ 5.การวเิ คราะหก์ ารจัดทาแผนการตลาดมคี วามจาเปน็ อยา่ งไร ก. ช่วยให้สินคา้ มีราคาสูงข้ึน

คู่มอื พฒั นาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 61 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ข. ผู้ประกอบการเข้าถึงแหลง่ เงินทุน ค. ชว่ ยให้ผปู้ ระกอบการมีฐานะมน่ั คง ง. ช่วยให้ผู้ประกอบการผลิตสนิ คา้ ตรงกับความต้องการของผ้บู รโิ ภค 6.ขอ้ ใดมลี กั ษณะการวิเคราะหค์ ล้ายกับการวเิ คราะหศ์ ักยภาพทางธุรกจิ ก.การวิเคราะหค์ วามแปรปรวน ข.การวิเคราะหข์ ้อมลุ ทางสถิติ ค.การวเิ คราะห์คณุ ภาพการศึกษา ง.การวเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธเ์ ชิงฟังก์ชัน่ 7. เหตผุ ลขอ้ ใดผปู้ ระกอบอาชพี จึงต้องทาการวเิ คราะหศ์ ักยภาพธุรกจิ ก่อนดาเนนิ การ ก. เพ่อื ลดการว่างงานบุคลากร ข. เพือ่ สรา้ งภาพลกั ษณท์ ีด่ ีขององค์กร ค. เพอื่ ลดความเสย่ี งในการดําเนินธรุ กิจ ง. เพอื่ ความกา้ วหน้ในอาชพี ของบคุ ลากร 8. งานส่งิ ประดษิ ฐต์ ามข้อใดที่สามารถทาเป็นอาชีพได้ ก. เครือ่ งจกั สาน ข. การทําตุ๊กตาเป็นของชํารว่ ย ค. ทําพรมเช็ดเท้จากเศษผ้า ง. ถูกทกุ ข้อ 9. การจัดการตลาด ได้แก่ ก. ผู้บรโิ ภค ผู้ผลติ ผู้จําหน่าย ข. ผบู้ ริโภค ผู้ผลิต ผู้จาํ หน่าย ค. แหล่งขาย การส่งสริมการตลาด ระบบการเงนิ ง. แหล่งขาย ผซู้ ้อื ผผู้ ลติ การส่งเสริมการขาย 10. ข้อใดคอื ความสาคญั ของการตลาด ก. ทาํ ให้เศรษฐกิจขยายตัว ข. ช่วยให้ลดต้นทุนการผลติ ค. ทําใหเ้ กดิ สินค้าใหม่ๆเพ่มิ ขึ้น ง. ถกู ทกุ ขอ้ 11. ปจั จัยในการบรหิ ารจัดการ ประกอบด้วย ก. เงนิ ทุน แรงงาน ข .เงินทนุ แรงงาน ตลาด ค. แรงงาน ทนุ อปุ กรณ์ การจัดการ ง. แรงงาน ทุน อุปกรณ์ ตลาด และการจดั การ

คู่มือพฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 62 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 12. การกาหนดกลยทุ ธ์ทางการตลาดมีความสาคัญต่อการบรรลุเป้าหมายสดุ ท้ายของการดาเนินธรุ กจิ ดงั นน้ั การทาธรุ กิจตอ้ งเริ่มจากอะไร ก. กาํ หนดวธิ กี ารทาํ ให้ลกู ค้ารจู้ กั สินค้า ข. ศกึ ษาความตอ้ งการทีแ่ ท้จรงิ ของลูกคา้ ค. กําหนดราคาทเ่ี หมาะสมกับกําลังซอ้ื ของผบู้ รโิ ภค ง. สร้างสนิ ค้าหรอื บริการที่ทําใหล้ กู คา้ เกิดความพอใจ 13. ข้อใดเปน็ ปจั จัยท่ีเกีย่ วขอ้ งกับลูกคา้ ท่ีส่งผลใหป้ ระสบความสาเรจ็ ในการผลิตหรอื การบรกิ าร ก. สิง่ จูงใจให้ลกู คา้ ตัดสินใจซอ้ื ข. การเลอื กวธิ ีการส่งสนิ คา้ ให้ลูกค้า ค. การสาํ รวจความต้องการของลกู ค้า ง. กาํ หนดสินคา้ ตามความพึงพอใจของลกู คา้ 14. นักเศรษฐศาสตร์กาหนดกลมุ่ ปจั จยั การผลติ หลกั คอื ขอ้ ใด ก. ท่ดี นิ ทนุ การผลติ การบริการ ข. ทีด่ ิน แรงงาน แผนงาน การผลิต ค. ทีด่ นิ แรงงาน การขายการตลาด ง. ทด่ี ิน แรงงาน ทุน การประกอบการ 15. ขอ้ ใดเป็นการดาเนินการพัฒนาระบบการผลิตหรอื การบรกิ ารอยา่ งต่อเนื่อง ก. มจี ิตใจงาม ข. ความเข้าใจลูกค้า ค. มีความรับผิดชอบ ง. สามารถจบั ตอ้ งไดล้ งทุนประกอบกจิ การ 16. ขอ้ ใดต่อไปน้จี ัดว่าเปน็ การทาธรุ กจิ เชิงรกุ ทป่ี ระสบความสาเรจ็ มากท่ีสุด ก. ร้านเซเวน่ อเี ลฟเวน่ ข. หา้ งสรรพสนิ ค้า บกิ๊ ซี ค. ร้านกาแฟในป๊มั นํ้ามัน ง. รา้ นขายของโชหว่ ยในทอ้ งถิน่ 17. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้เี ปน็ ความสาคัญของโครงการพัฒนาอาชีพ ยกเวน้ ข้อใด ก. สรา้ งมลู คา่ เพิม่ ให้กับงาน สินคา้ และผลิตภณั ฑ์ท่มี ีอยู่ ข. เสรมิ สรา้ งรายได้ หรือผลประกอบการของธุรกจิ ให้สงู ย่ิงขึ้น ค. งบประมาณท่ใี ชในโครงการและระบแุ หลง่ ทีม่ าของงบประมาณ ง. เพ่มิ คณุ คา่ ให้กับตวั เองและหนว่ ยงานใหเ้ ป็นท่ียอมรับจากภายนอกมากยงิ่ ขึน้ 18. ข้อใดต่อไปนีแ้ สดงให้เห็นวา่ อาชพี ยงั ขาดความม่นั คง

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 63 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ก. สนิ ค้าไดร้ บั ความนยิ มจากผซู้ อ้ื ข. มีสินค้าทหี่ ลากหลายและมคี ุณภาพ ค. มีการผลติ สนิ คา้ ออกสู่ตลาดอยา่ งสม่ําเสมอ ง. รายไดจ้ ากการประกอบอาชีพขึ้นอยกู่ บั ยอดขาย 19. องค์ประกอบด้านเหตผุ ลส่คู วามสาเรจ็ ของการขยายอาชพี ประกอบด้วยด้านไหนบา้ ง ก. ดา้ นการลงทนุ ด้านลกู ค้า ดา้ นผลผลติ ด้านการเรียนร้พู ฒั นาตนเอง ข. ด้านเปาู หมาย ด้านความสําเร็จ ด้านวัตถปุ ระสงค์ ด้านความต้องการ ค. ดา้ นปจั จัยนาํ เข้า ด้านการแปรรปู ด้านการดําเนินงาน ดา้ นผลผลิต ง. ทุกขอ้ เปน็ ปัจจัยดา้ นเหตผุ ลทัง้ หมด 20. ขอ้ ใดคือองค์ประกอบที่จะพัฒนาไปสคู่ วามมน่ั คงยืนยง ก. ลดความเสี่ยงผลผลติ ข. มงุ่ มัน่ พัฒนาอาชพี ค. ยึดหลกั คุณธรรม ง. ถูกทกุ ขอ้ เฉลย 16.เฉลย. ก. ร้านเซเว่นอเี ลฟเวน่ 17.เฉลย. ค. งบประมาณที่ใชในโครงการและ 1.เฉลย. ง. ถกู ทุกข้อ 2.เฉลย. ง. ถูกทกุ ขอ้ ระบแุ หลง่ ทม่ี าของงบประมาณ 3.เฉลย. ค. แรงงาน ทุน อปุ กรณ์ การจดั การ 18.เฉลย. ง. รายได้จากการประกอบอาชพี ขึ้น 4.เฉลย. ง. ถกู ทกุ ขอ้ 5.เฉลย ง. ช่วยให้ผปู้ ระกอบการผลิตสินคา้ อยู่กบั ยอดขาย 19.เฉลย. ก. ดา้ นการลงทนุ ด้านลกู คา้ ตรงกับความตอ้ งการของผ้บู ริโภค 6.เฉลย ค. การวเิ คราะห์คุณภาพการศึกษา ด้านผลผลติ ด้านการเรยี นรู้ พฒั นา

ค่มู อื พฒั นาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควิด-19 64 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 7.เฉลย ค. เพ่ือลดความเสี่ยงในการดาํ เนนิ ธุรกิจ 8.เฉลย ง. ถกู ทกุ ขอ้ ตนเอง 20.เฉลย. ง. ถูกทุกข้อ 9.เฉลย ค. แหลง่ ขาย การส่งสริมการตลาด ระบบการเงนิ 10.เฉลย ง. ถกู ทกุ ขอ้ 11.เฉลย ค. แรงงาน ทุน อุปกรณ์ การจดั การ 12.เฉลย ข. ศึกษาความตอ้ งการท่ีแทจ้ ริงของลกู ค้า 13.เฉลย ก. สิง่ จงู ใจให้ลูกค้าตดั สนิ ใจซือ้ 14.เฉลย ง. ทีด่ นิ แรงงาน ทนุ การประกอบการ 15.เฉลย ข. ความเข้าใจลูกคา้ รายวิชา เศรษฐกิจพอเพียง (ทช31001) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เศรษฐกจิ พอเพยี งพอเพยี ง สาระสาคญั เศรษฐกิจพอเพียง เปนปรัชญาท่ีพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงพระราชดํารัสชี้แนะแนวทางการ ดํารงอยูและการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับใหดํา เนินชีวิตไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนา เศรษฐกิจเพ่ือใหกาวทันตอโลกยุคโลกาภิวัตนความพอเพียง หมายถึงความพอประมาณความมีเหตุผล รวมถึง ความจํา เปนท่ีจะตองมีระบบภูมิคุมกันในตัวที่ดีพอสมควรตอผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงทั้ง ภายนอกและภายใน ทง้ั นี้จะตอ้ งอาศัยความรอบรู ความรอบคอบและความระมัดระวังอยางย่ิงในการนําวิชาการ ตาง ๆ มาใชในการวางแผนและดาํ เนนิ การทุกขัน้ ตอน และขณะเดียวกันจะตองเสริมสรางพ้ืนฐานจิตใจของคนใน ชาตใิ หมสี าํ นกึ ในคณุ ธรรม ความซือ่ สตั ยสจุ รติ และใหมีความรอบรูที่เหมาะสมดํา เนินชีวิตดวยความอดทน ความ เพยี ร มีสติปญญาและความรอบคอบ เพอ่ื ใหสมดลุ และพรอมตอการรองรับการเปล่ยี นแปลงอยางรวดเร็วและกวาง ขวาง ท้งั ดานวตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดลอมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเปนอยางดี ผลการเรยี นรูที่คาดหวัง

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณ์โควดิ -19 65 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 1. อธบิ ายแนวคิด หลักการความหมายความสําคัญของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงได 2. บอกแนวทางในการนํา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใชในการดํา เนินชีวติ 3. เห็นคุณคาและปฏิบัตติ ามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. ปฏบิ ัติตนเปนแบบอยางในการดาํ เนินชวี ิตตามหลกั ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน 5. แนะนาํ สงเสริมใหสมาชิกในครอบครวั เหน็ คุณคาและนาํ ไปปฏบิ ัตใิ นการดํา เนินชวี ติ 6. มสี วนรวมในชุมชนในการปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ขอบขายเนอ้ื หา เรอ่ื งท่ี 1 ความพอเพยี ง เรือ่ งท่ี 2 ชุมชนพอเพียง เรื่องท่ี 3 การแกป้ ัญหาชมุ ชน เรอ่ื งที่ 4 สถานการณ์ของประเทศและสถานการณโ์ ลกกับความพอเพียง แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ แนวพระราชดาริของรชั กาลใด ก. รัชกาล ท่ี 7 ข. รัชกาล ท่ี 8 ค. รัชกาล ท่ี 9 ง. รชั กาล ท่ี 10 2. ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง คือข้อใด ก. พอประมาณ สมดุล มีเหตุผล ข. มีเหตุผล มภี ูมิคมุ้ กัน พอไปวัดไปวา ค. พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิค้มุ กัน ง. มีเหตผุ ล มนั่ คง ยืนได้ดว้ ยตนเอง 3. ข้อใดอธิบายถึงแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงไดถ้ ูกต้องท่ีสดุ ก. แนวคิดนใี้ ช้ไดเ้ ฉพาะเกษตรกรเท่านั้น ข. ความพอเพียง คอื การรู้จกั คดิ พอใจกบั สงิ่ ท่ีตนมีอยู่ ค. ความพอเพียง หมายถงึ พออยู่ พอกิน พอใช้ และไมพ่ ึ่งพาผูอ้ ่ืน ง . ความพอเพยี ง คอื การพอมี พอกินสาํ หรบั ตนเอง และครอบครัว 4. ข้อใดเปน็ การปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมเพอ่ื ปลูกฝังแนวคดิ หลักเศรษฐกิจพอเพียงตอ่ ตนเอง ก. การนาํ นา้ํ ลา้ งจานไปรดตน้ ไม้ ข. เปลย่ี นหลอดไฟเป็นแบบหลอดประหยดั ไฟฟาู ค. ไมท่ ้ิงขยะในทสี่ าธารณะและแหลง่ น้าํ ในชุมชน

ค่มู อื พัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 66 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ง. ใชถ้ งุ ผา้ แทนถงุ กระดาษแทนและถุงพลาสติกในการซื้อของ 5. นกั เรียนสามารถนาหลักการเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการเรียนได้อยา่ งไร ก. เนน้ การพงึ่ พาตนเองเปน็ สําคัญ ข. ไม่ทําความเดอื ดร้อนใหบ้ ุคคลอ่ืน ค. ปฏิบัตติ นในลกั ษณะการพออยพู่ อกนิ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 6. หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงใหค้ วามสาคัญในเร่ืองใด ก. คน คณุ คา่ คุณธรรม ข. คน คุณคา่ ความเป็นคน ค. คน คุณค่าความรู้ ง. คน คณุ ค่าชมุ ชน 7. ขอ้ ใดคือความหมายของชุมชน ก. การร่วมมอื ระหว่างรฐั บาลและประชาชน ข. การพงึ่ ตนเอง ค. พ้ืนทีห่ รืออาณาบริเวณทมี่ กี ารรวมกล่มุ กนั ของคนมากกวา่ 2 ข้นึ ไปที่มี ความสมั พันธ์กนั มีผลประโยชนร์ ว่ มกัน ง. การมสี ่วนร่วมของประชาชน 8. ข้อใดต่อไปน้ี ควรยึดถอื เป็นแบบอย่างในการดาเนินชวี ติ ตามหลักการเศรษฐกิจพอเพียงในชว่ งภาวะ เศรษฐกิจของประเทศตกตา่ ก. นติ ยา สง่ั จองรถยนตร์ ุ่นใหม่ท่ีนาํ เขา้ มาจากยุโรป ข. สาวติ รี เดินทางไปพกั ผอ่ นต่างประเทศเปน็ ประจาํ ทกุ เดือน ค. จันทมิ า นงั่ รถประจําทางมาทํางานแทนการขับรถสว่ นตัว ง. พรรณทภิ า ส่ังซ้ือเครื่องสําอางของตา่ งประเทศทางอนิ เตอรเ์ นต็ 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชโ่ ครงสรางของชุมชน ก. กลุมคน ข. สถาบนั ทางสงั คม ค. สถานภาพและบทบาทสถานภาพ ง. ชมุ ชน 10. ขอ้ ใดไม่ใช่องค์ประกอบสาคญั ของการบริหารจดั การชุมชน ก. การพงึ่ ตนเอง ข. การเขามีสวนรวมของประชาชน ค. การจัดใหมกี ารบริการทางเทคนคิ และบริการอน่ื ๆที่จะเรงเราใหเกิดความคิดรเิ ร่ิม ง. การให้ผอู้ ืน่ ชว่ ยเหลอื

ค่มู ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 67 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย *************************** เฉลย 1. เฉลย ค. รัชกาลท่ี 9 2. เฉลย ค. พอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู ิคุม้ กนั 3. เฉลย ค. ความพอเพียง หมายถงึ พออยู่ พอกนิ พอใช้ และไม่พง่ึ พาผอู้ นื่ 4. เฉลย ง. ใช้ถงุ ผ้าแทนถงุ กระดาษแทนและถงุ พลาสตกิ ในการซ้ือของ 5. เฉลย ง. ถูกทุกข้อ 6. เฉลย ก. คน คุณคา่ คุณธรรม 7. เฉลย ค. พน้ื ท่ีหรอื อาณาบรเิ วณที่มีการรวมกลมุ่ กันของคนมากกวา่ 2 ขึ้นไปทม่ี คี วามสมั พันธก์ นั มีผลประโยชนร์ ว่ มกนั 8. เฉลย ค. จนั ทิมา น่ังรถประจาํ ทางมาทาํ งานแทนการขบั รถสว่ นตัว 9. เฉลย ง. ชุมชน 10. เฉลย ง. การให้ผอู้ ่นื ชว่ ยเหลือ

คมู่ อื พฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 68 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เรอื่ งท่ี 1 ความพอเพยี ง ความเปน็ มา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้พัฒนาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อท่ีจะให้พสก นิกรชาวไทยได้เขา้ ถึงทางสายกลางของชีวิตและเพอื่ คงไวซ้ ่งึ ทฤษฎีของการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื ทฤษฎนี เ้ี ป็นพื้นฐานของ การดํารงชีวิตซึ่งอยู่ระหว่าง สังคมระดับท้องถ่ินและตลาดระดับสากล จุดเด่นของแนวปรัชญาน้ีคือ แนวทางท่ี สมดุลโดยชาตสิ ามารถทนั สมัยและก้าวสู่ความเป็นสากลได้ โดยปราศจากการต่อต้านกระแสโลกาภิวัฒน์ ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียง มีความสําคัญในชว่ งปี พ.ศ. 2540 เมอื่ ประเทศไทยต้องการรักษาความม่ันคงและเสถียรภาพ เพื่อที่จะยืนหยัดในการพ่ึงตนเองและพัฒนานโยบายที่สําคัญเพื่อการฟ้ืนฟูเศรษฐกิจ ของประเทศโดยการสร้าง แนวคิดเศรษฐกจิ ท่ีพ่งึ ตนเองได้ ซึ่งคนไทยจะสามารถเล้ยี งชพี โดยอยู่บนพ้นื ฐานของความพอเพยี ง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดําริว่า “มันไม่ได้มีความจําเป็นท่ีเราจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NIC)” พระองคไ์ ดท้ รงอธบิ ายวา่ ความพอเพยี งและการพ่งึ ตนเอง คอื ทางสายกลางท่ีจะปูองกันการเปลี่ยนแปลงความไม่ มัน่ คงของประเทศได้ เศรษฐกจิ พอเพยี งเป็นปรัชญาท่ีชี้แนวทางการดํารงอยู่และปฏิบัติตน ท่ีพระบาทสมเด็จพระ ปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดํารัสแก่พสกนิกรชาวไทยมาต้ังแต่ปี พ.ศ. 2517 มีใจความว่า “...การ พฒั นาประเทศจําเป็นตอ้ งทาํ ตามลําดบั ข้นั ตอ้ งสรา้ งพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่ เป็นเบื้องต้นก่อนโดยใช้วิธีการและใช้อุปกรณ์ท่ีประหยัด แต่ถูกต้องตามหลักวิชา เมื่อได้พ้ืนฐานม่ันคงพร้อม พอควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญและฐานะเศรษฐกิจข้ันที่สูงข้ึนโดยลําดับต่อไป... ” และนบั จากนัน้ เป็นต้นมาพระองคไ์ ดท้ รงเนน้ ย้าํ ถงึ แนวทางการพฒั นาหลักแนวคดิ พ่งึ ตนเองเพื่อให้เกิด ความพอมี พอกิน พอใช้ของคนส่วนใหญ่ โดยใชห้ ลกั ความพอประมาณ การคาํ นงึ ถึงความมเี หตุผล การสรา้ งภูมิคุ้มกันในตัวท่ี ดี ตลอดจนทรงเตือนสติปวงชนชาวไทยไม่ให้ประมาท มีความตระหนักถึงการพัฒนาอย่างเป็นข้ันเป็นตอนที่ ถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ า และการมีคณุ ธรรมเปน็ กรอบในการปฏบิ ตั ิและการดํารงชีวิต ในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทย ประสบกับภาวะวกิ ฤติเศรษฐกิจ นับวา่ เปน็ บทเรยี นของการพัฒนาท่ไี ม่สมดุลและไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อความเปน็ อยู่ของประชาชนสว่ นใหญ่ สว่ นหน่ึงเป็นผลมาจากการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมท่ีไม่ได้คํานึงถึงระดับ ความเหมาะสมกับศกั ยภาพของประเทศหรอื ความพร้อมของคนและระบบและอีกส่วนหนึ่งน้ัน การหวังพ่ึงพิงจาก ต่างประเทศมากเกินไปทั้งในด้านความรู้ เงินลงทุน หรือตลาด โดยไม่ได้เตรียมสร้างพ้ืนฐานภายในประเทศให้มี ความม่ันคงและเข้มแข็ง หรือสร้างภูมิคุ้มกันท่ีดีเพื่อให้สามารถพร้อมรับความเส่ียงจากความผกผันเปล่ียนแปลง ของปจั จัยภายในและภายนอก บทเรยี นจากการพัฒนาทีผ่ า่ นมานั้นทาํ ให้ประชาชนคนไทยทุกระดับในทุกภาคส่วน ของสังคม ทง้ั ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม นกั วิชาการ หันกลับมาทบทวนแนวทางการพัฒนาและการดําเนินชีวิต ของคนในชาติ แล้วมุง่ ให้ความสําคญั กับพระราชดําริของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเร่ืองการพัฒนาและการ ดําเนินชีวิตแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และศึกษาค้นคว้าพัฒนาความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับแนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียงท้ังในเชิงกรอบแนวคิดทางทฤษฎีและใช้เป็นแนวในการนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันมากข้ึน สํานักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตไิ ดเ้ ชิญผู้ทรงคุณวฒุ ิจากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมกัน พจิ ารณากลั่นกรอง พระราชดาํ รัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวท่ีไดพ้ ระราชทายแกป่ วงชนชาวไทยในโอกาส ตา่ งๆ ที่เก่ียวข้องกับเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงแล้วสรุปเป็นนิยามความหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้ อัญเชิญเปน็ ปรชั ญานาํ ทางในการจดั ทาํ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 9 (พ.ศ. 2545 - 2549)

คมู่ อื พฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 69 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย และฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกระดับและทุกภาคส่วนของสังคม มีความ เข้าใจในหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและนําไปเป็นพื้นฐานและแนวทางในการดําเนินชีวิตอันจะนําไปสู่การ พัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน ประชาชนมีความเป็นอยู่ร่มเย็นเป็นสุข สังคมมีความเข้มแข็ง และประเทศชาติมีความ มัน่ คง ความหมายของเศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency Economy) เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท้ รงมีพระราชดาํ รัสชี้แนะแนวทางท่คี วรดํารงอยู่และปฏิบัติตนแก่พสกนิกรชาวไทยให้ใช้เป็นแนวทางการแก้ไข เพอื่ ใหร้ อดพ้นวิกฤต และสามารถดํารงอยู่ได้อย่างมั่นคง ภายใต้การะแสโลกาภิวัฒน์และการเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ของเทคโนโลยี วัฒนธรรมและค่านิยมทางสงั คม ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรัชญาที่เป็นแนวคิด หลักการ และแนวทางปฏบิ ตั ิตนของแต่ละบุคคลและองค์กรทุกระดับตั้งแตร่ ะดับครอบครัว ระดับชุมชนและระดับประเทศ ทง้ั ในการพฒั นาและบริหารประเทศให้ดาํ เนนิ ไปในทางสายกลาง โดยคํานึงถึงความพอประมาณกับศักยภาพตนเอง และสภาวะแวดล้อม ความมีเหตุผลและการมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเองโดยใช้ความรู้อย่างถูกหลักวิชาการด้วยความ รอบคอบ และระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรม ไม่เบียดเบียนกัน แบ่งปัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและ ร่วมมือปรองดองกันในสังคม ซ่ึงนําไปสู่ความสามัคคี การพัฒนาที่สมดุลและย่ังยืนพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง ภายใตก้ ระแส โลกาภิวตั น์ได้ หลกั แนวคดิ การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางสายกลางและความไม่ ประมาท โดยคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดีตลอดจนใช้ความรู้ ความ รอบคอบ และคุณธรรมประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจและการกระทํา ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีหลักการพจิ ารณา 5 สว่ น ดงั น้ี 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดํารงชีวิตและการปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็นโดยมี พื้นฐานจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทยท่ีนําประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการ เปล่ียนแปลงอย่ตู ลอดเวลา มงุ่ เนน้ การรอดพน้ จากภัยและวกิ ฤตเิ พ่ือความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนํามาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับโดยเน้นการ ปฏบิ ตั ิบนทางสายกลางและการพัฒนาอย่างเปน็ ขนั้ ตอน 3. คาํ นยิ ามความพอเพยี ง ประกอบดว้ ย 3 คุณลักษณะ ดังน้ี 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไี่ ม่นอ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเอง และผู้อนื่ การจะทําอะไรต้องมคี วามพอดี พอเหมาะ พอควร ตอ่ ความจําเป็น เหมาะสมกบั ฐานะของตนเอง สภาวะ สังคมแวดล้อม รวมทง้ั วัฒนธรรมในแต่ละทอ้ งถิน่ และไมน่ อ้ ยเกินไปจนกระท่งั ไมเ่ พียงพอท่ีจะดาํ เนินการได้ ซ่ึงการ ตัดสินว่าในระดับพอประมาณนั้นจะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบในการวางแผนและตัดสินใจอย่างมี คุณธรรมดว้ ย เชน่ ไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ื่น ไมท่ ําให้สงั คมเดือดร้อน ไม่ทาํ ลายธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม 3.2 ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับความพอเพียงน้ัน จะต้องเป็นไปอย่างมี เหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคํานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทํานั้นอย่าง รอบคอบ ครบวงจรบนพ้ืนฐานของความถูกต้อง ความเป็นจริง ตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักศีลธรรม

คูม่ ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 70 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จริยธรรม และวัฒนธรรมท่ดี ีงาม ทัง้ ในระยะยาว ทง้ั ต่อตนเอง ผูอ้ นื่ และสว่ นรวม การคิดพิจารณาแยกแยะให้เห็น ความเชื่อมโยงของเหตุ ปจั จยั ตา่ งๆ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง อย่างเป็นระบบจะทําให้บรรลุเปูาหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อผิดพลาดน้อย การท่ีจะวางแผนดําเนินการส่ิงใดอย่างสมเหตุสมผล ต้องอาศัยความรอบรู้ ขยันหม่ันเพียร อดทนทีจ่ ะจดั เก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและแสวงหาความรู้ท่ีถูกต้องอย่างสมํ่าเสมอ มีความรอบคอบในความคิด พจิ ารณาตดั สนิ ใจ โดยใชส้ ติ ปัญญา อยา่ งเฉลียวฉลาดในทางที่ถกู ทค่ี วร 3.3 การมีภูมิคุ้มกันในตัวท่ีดี หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนด้าน ตา่ งๆ ท่จี ะเกิดท้ังในดา้ นเศรษฐกิจสงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม เพื่อใหส้ ามารถปรบั ตวั และรับมือได้ทันที หรือ กล่าวไดว้ ่าการทีจ่ ะทําอะไรอยา่ งไมเ่ ส่ยี งเกนิ ไป ไมป่ ระมาท คดิ ถงึ แนวโน้มความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่ อาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วเตรียมตนเอง เตรียมวิธีการทํางานรองรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อให้การทํางาน สามารถดาํ เนนิ เป็นไปไดอ้ ย่างราบร่นื และนํามาซงึ่ ผลประโยชนใ์ นระยะยาวและความสขุ ท่ยี ั่งยนื 4. เง่ือนไข การตัดสินและการดําเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ต้องอาศัยทั้งความรู้และ คณุ ธรรมเปน็ พน้ื ฐาน ดังน้ี 4.1 เง่ือนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ที่เก่ียวข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบท่ีจะนําความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกันเพื่อประกอบการวางแผนและความร ะมัดระวังในขั้น ปฏิบัติ 4.2 เงอื่ นไขคณุ ธรรม คณุ ธรรมที่จะต้องเสริมสร้างให้เป็นพ้ืนฐานของคนในชาติ ประกอบด้วย มีความ ตระหนกั ในคณุ ธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน มีความเพียร รู้ผิดรู้ชอบ ใช้สติปัญญาในการดําเนินชีวิต อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ไม่โลภและไม่ตระหน่ี รสู้ ึกแบง่ ปันและรบั ผดิ ชอบในการอยู่รว่ มกับผู้อื่นในสังคม วเิ คราะห์แนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวทางการปฏิบตั /ิ ผลที่คาดวา่ จะได้รบั จากการท่นี าํ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ คือ การ พัฒนาท่ีสมดุลและย่ังยืน พร้อมรับการเปล่ียนแปลงในทุกด้านท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้และ เทคโนโลยี การบรหิ ารจดั การชมุ ชน ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสาํ คญั ต่อการพฒั นาประเทศและพฒั นาคน ดังน้ี 1. เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่มีความสําคัญยิ่งสําหรับการขจัดความยากจน และการลดความเส่ียง ทางเศรษฐกจิ 2. ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพ้ืนฐานของการสรา้ งพลังอํานาจของชุมชนและการพัฒนาศักยภาพ ชุมชนใหเ้ ขม้ แข็งเพอ่ื เปน็ รากฐานของการพัฒนาประเทศ 3. เศรษฐกิจพอเพียงช่วยยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทด้วยการสร้างข้อปฏิบัติในการทํา ธรุ กิจทีเ่ นน้ ผลกําไรระยะยาวในบรบิ ททม่ี กี ารแข่งขนั 4. หลักการเศรษฐกิจพอเพียงมคี วามสําคัญเป็นอย่างย่ิงตอ่ การปรบั ปรงุ มาตรฐานของ ธรรมาภิบาลในการ บรหิ ารงานภาครัฐ

คู่มือพัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 71 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 5. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถใช้เป็นแนวทางในการกําหนดนโยบายของชาติ เพื่อสร้าง ภูมิคุ้มกันต่อสถานการณ์ท่ีเข้ามากระทบโดยฉับพลัน เพ่ือปรับปรุงนโยบายต่างๆ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และเพ่ือ วางแผนยทุ ธศาสตร์ในการสง่ เสรมิ การเตบิ โตท่ีเสมอภาคและยงั่ ยนื 6. ในการปลูกฝังจิตสํานึกพอเพียงจําเป็นต้องมีการปรับเปล่ียน ค่านิยม และความคิดของคนเพื่อให้เอื้อ ต่อการพัฒนาคน 7. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้มนุษย์มีความพออยู่ พอกิน พอใช้ พ่ึงตนเองได้ และมีความสุข ตามอตั ภาพ 8. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกับผู้อื่นตลอดจนเสรีภาพในสังคมได้อย่างสันติสุข ไมเ่ บยี ดเบยี น ไมเ่ อารัดเอาเปรยี บ แบง่ ปัน เออ้ื เฟ้ือเผอื่ แผ่ มจี ติ เมตตาและจติ สาธารณะ 9. ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ ทาํ ลาย เห็นคณุ ค่าและมจี ติ สํานกึ ในการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม 10. ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้มนุษย์อยู่อย่างมีรากเหง้าทางวัฒนธรรม ประเพณี ประวตั ิศาสตร์ ภมู ปิ ัญญา คา่ นยิ ม และเอกลักษณ์ของแตล่ ะบุคคล/สงั คม ********************************** เร่ืองท่ี 2 ชมุ ชนพอเพยี ง ชุมชนพอเพียง คอื ชมุ ชนทส่ี มาชกิ มคี วามเขม้ แข็งมน่ั คง สามารถพ่ึงพาตนเองได้ ทั้งในทางปฏิบัติและ มที ศั นคตทิ ด่ี ีในการดาํ รงชวี ติ พอมี พอกนิ พออยู่ พอเพียง ตามฐานะและมีความสุขย่ังยืน ชุมชนมีความสมดุลท้ัง ทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม “เศรษฐกิจพอเพียง” คือ “เศรษฐกิจแห่งความย่ังยืน”ขุมชนมี องค์ประกอบที่หลากหลาย และมีโครงสร้างท่ีชัดเจนว่าภายใต้โครงสร้างดังกล่าวหน่วยต่าง ๆ มีการ ทํางานหรือ หน้าทีข่ องตนเองอย่างไร และท่ีสําคัญชุมชนต้องทําหน้าท่ีของตนเองที่เป็นประโยชน์แก่ สมาชิกได้ด้วย ชุมชนจะ พฒั นาได้ด้วยการมกี ระบวนการพัฒนาที่ชัดเจน ผ่านกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ท่ีเปิด โอกาสให้สมาชิกในชุมชนมี สว่ นร่วม โดยใช้ทรพั ยากรทม่ี อี ยู่ในชุมชนของตนเองให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ การ พัฒนา ชุมชนทม่ี ี กระบวนการในการพัฒนาที่ดีย่อมมีความเข้มแข็ง และสามารถพ่ึงตนเองได้ซ่ึงถือว่าเป็น เปูาหมายสูงสุด ของการพฒั นาชุมชน องคป์ ระกอบท่สี าํ คัญอีกประการหน่ึงของการพัฒนาชุมชน และมีส่วนสําคัญท่ีทําให้ชุมชนมี ความเข้มแข็งคือ “องค์กรชุมชน” ท่ีมีบทบาท มีกระบวนการทํางานในชุมชนน้ัน ๆ ท้ังน้ีองค์กรชุมชนมี บทบาท สาํ คญั ยิ่งตอ่ การรวมตวั กนั ของคนในชมุ ชน บางองคก์ รชุมชนถอื เปน็ ศนู ย์รวมทางจติ วิญญาณ ของชุมชนในการรวม ให้ปัจเจกบคุ คลหรอื กลมุ่ คนตา่ ง ๆ ในชมุ ชนได้เกิดการรวมตัวกัน รว่ มกันคิด ร่วมกันแลกเปล่ียนประสบการณ์และ ทาํ งานรว่ มกัน ดังน้ัน “องค์กรชมุ ชน” ในชมุ ชนนัน้ จึงเปน็ ตวั ชวี้ ัด หนง่ึ ของการรว่ มกลุ่มกันของคนในชุมชนซ่ึงหาก “องค์กรชมุ ชน” ในชุมชนใด ๆ มคี วามเข้มแขง็ ยอ่ ม สะท้อนความเขม้ แขง็ ของชุมชนน้ัน ๆ ด้วยเชน่ กัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดํารัส เร่ือง “เศรษฐกิจพอเพียง” เมื่อวันท่ี 4 ธันวาคม 2540 ซ่ึงได้มีการขานรับนําแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติกันหลายหน่วยงาน แต่คนส่วนมากมัก

ค่มู ือพฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 72 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เข้าใจว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเรื่องของเกษตรกรในชนบทเท่านั้น แต่แท้ท่ีจริงผู้ประกอบอาชีพอ่ืน เช่น พ่อค้า ข้าราชการ และพนักงานบรษิ ทั ต่างๆ สามารถนาํ แนวพระราชดํารัสเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ได้ (มูลนิธิชัย พัฒนา, 2553) ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี พ.ศ. 2540 ทรงได้มีมหากรุณาธิคุณอธิบายเพิ่มเติมว่า “ ... ความหมาย ของเศรษฐกจิ พอเพยี งและทําได้เศษหนึ่งสว่ นสีเ่ ทา่ นนั้ จะพอนั้น ไมไ่ ด้แปลว่าเศษหน่ึงส่วนสี่ของพ้ืนที่ แต่เปน็ เศษหนึง่ สว่ นสข่ี องการกระทํา ...”จากนั้น ได้ทรงขยายความ คําว่า “พอเพียง” เพ่ิมเติมต่อไปว่า หมายถึง “พอมีพอกิน”“ ... พอมีพอกิน ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงน่ันเอง ถ้าแต่ละคนมีพอมีพอกินพอใช้ ได้ ยิ่งถ้าท้ัง ประเทศพอมีพอกินก็ย่ิงดี ...”“ ... ประเทศไทยสมัยกอ่ นน้ี พอมพี อกนิ มาสมยั นี้อิสระ ไมม่ พี อมพี อกนิ จงึ จะตอ้ งเป็นนโยบายที่จะทําเศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือท่ีจะให้ทุกคน พอเพียงได้พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกิน มีอยู่ ไม่ฟุมเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แต่ว่าพอ ...” ทรงเปรียบเทียบคําว่า พอเพียง กับคําว่า SelfSufficiencyว่า “...Self-Sufficiency น้ัน หมายความว่า ผลิตอะไร มีพอท่ีจะใช้ ไม่ต้องไป ขอยืมคนอ่ืน อยู่ได้ด้วยตนเอง ... เป็นไปตามที่เขาเรียกว่ายืนบนขาของตัวเอง...”แต่ว่าพอเพียงนี้มีความหมาย กวา้ งขวางยิ่งกว่านี้อกี คอื คาํ วา่ พอ ก็พอเพียงน้กี ็พอแคน่ ั้นเอง คนเราถา้ พอใจในความต้องการมันกม็ คี วามโลภนอ้ ย เม่อื มีความโลภนอ้ ยก็เบียดเบยี นผูอ้ ่ืนน้อยถ้าประเทศ ใดมีความคดิ อันนี้ มคี วามคิดว่าทาํ อะไรตอ้ งพอเพียง หมายความวา่ พอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็ อยู่เป็นสขุ พอเพียงน้ี อาจจะมี มีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณ พูดจาก็พอเพียง ทําอะไรก็พอเพียง ปฏิบัติงานก็พอเพียง ...”“ ... ฉะน้ัน ความพอเพียงน้ีก็แปลว่าความ พอประมาณและความมีเหตุผล ...”ไดม้ ีพระราชกระแสเพิ่มเติมอีกว่า“เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนรากฐาน ของ ชีวิต รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็มท่ีถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้น่ันเอง สงิ่ ก่อสรา้ งจะอยมู่ ่นั คงไดก้ อ็ ยู่ท่ีเสาเข็ม แต่คนสว่ นมากมองไม่เหน็ เสาเข็มและลืมเสาเขม็ เสียดว้ ย ซํ้าไป” โครงสรางของชุมชน ประกอบดวย 3 สวนคอื 1. กลุมคน หมายถึง การที่คน 2 คนหรือมากกวานั้นเขามาติดตอเก่ียวของกัน และมีปฏิสัมพันธตอกัน ทางสงั คมในชัว่ เวลาหนึง่ ดวย ความมุงหมายอยางใดอยางหนึง่ รวมกนั 2. สถาบนั ทางสังคม เมอ่ื คนมาอยูรวมกันเปนกลุมแลว และมวี วิ ฒั นาการไปถึงขน้ั ตงั้ องคกรทางสังคมแลว ก็จะมกี ารกําหนดแบบแผนของการปฏิบตั ติ อกนั ของสมาชิกในกลุมเพ่อื สามารถดําเนินการตามภารกิจ 3. สถานภาพและบทบาทสถานภาพ หมายถึง ตําแหน งทางสังคมของคนในกลุมหรือสังคมบทบาท หมายถึง พฤติกรรมท่คี นในสงั คมตองทําตามสถานภาพในกลุมหรือสังคม ชุมชนทมี่ คี วามสามารถในการบรหิ ารจัดการชุมชนอยางมีประสิทธภิ าพ ตองมีองคประกอบสําคัญ หลายประการและสามารถพัฒนาหรือควบคุมองคประกอบเหลาน้ันได โดยมี นักวชิ าการหลายทานทไ่ี ดศกึ ษาและวเิ คราะหองคประกอบการพัฒนาชมุ ชนไวตามแนวคดิ การพฒั นาชุมชน ดงั นี้ 1. การเขามีสวนรวมของประชาชน เพ่ือท่ีจะปรับปรุงระดับความเปนอยูใหดีข้ึน โดยจะตองพ่ึงตนเองให มากท่สี ดุ เทาท่ีจะเปนได และควรเปนความรเิ รม่ิ ของชุมชนเองดวย 2. การจัดใหมกี ารบรกิ ารทางเทคนิคและบรกิ ารอื่นๆทีจ่ ะเรงเราใหเกดิ ความคดิ รเิ ร่ิม การชวยเหลือตนเอง ชว่ ยเหลอื กนั และกนั อันเปนประโยชนมากทสี่ ดุ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ไดกลาวถึง ลกั ษณะการพัฒนาคนและสิ่งแวดลอม ซ่ึงอาจถือวาเปนองคการพฒั นาชุมชนดวย สรุปไดดังน้ี 1) การพัฒนาคนประกอบดวย 4 ดาน ดังน้ี

คมู่ อื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควดิ -19 73 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย - ดานจติ ใจ - ดานรางกาย - ดานสติปญญา - ดานบคุ ลกิ ภาพ 2) การพัฒนาสภาพแวดลอมใหเออ้ื ตอการพฒั นา ประกอบดวย 4 ดาน ดงั นี้ - ดานเศรษฐกิจ - ดานครอบครัวและชุมชน - ดานทรัพยากรและสงิ่ แวดลอม - ดานการบริหารจดั การและการเมือง ***************************** ใบงานที่ 1 1. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง หมายถงึ อะไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 2. ในความคดิ ของทา่ น “ชมุ ชนพอเพยี ง” คือ ชุมชนทมี่ ีลกั ษณะอย่างไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... 3. เศรษฐกิจพอเพียง ทานสามารถปรับใชในการดาเนนิ ชีวติ อยางไร .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................

คมู่ อื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 74 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย .................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................................... ใบงานที่ 2 “ การโฆษณาในจอทีวีและวิทยปุ จจุบัน ถายงั โฆษณากันอยางบาเลือดอยูอยางนีจ้ ะไปสอนใหคนไมซอ้ื ไมจาย และใหบริโภคตามความจํา เปนไดอยางไร ในเม่อื ปลอยใหมกี ารกระตุนการบรโิ ภคแบบเอาเปนเอาตายอยู่ เชนนี้ผูคนกค็ ิดวาอะไรทตี่ วั เองตองการตองเอาใหไดความตองการถูกทําใหกลายเปนความจํา เปนไปหมด ” ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. เรื่องที่ 3 การแก้ปญั หาชมุ ชน

ค่มู อื พฒั นาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควดิ -19 75 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ในแต่ละชุมชนจะมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบริบทของชุมชน แต่โดยทั่วไป เราสามาร แบ่ง ปัญหาของชุมชนมากในด้านต่างๆ ดังนี้ 1. ปญั หาด้านการศึกษา อาทเิ ชน่ จาํ นวนผูไ้ ม่รู้หนังสือ ระดับการศกึ ษาของประชาชน อตั ราการศึกษาในระดบั ตา่ งๆ และแหล่งเรยี นร้ใู นชมุ ชน เป็นต้น 2. ปัญหาด้านสขุ ภาพอนามัย ได้แก่ ภาวะทุกชนาการ คนพิการ โรคตดิ ตอ่ โรคประจาํ ตัว อัตราการ จของ ทารการเกดิ สถานพยาบาลในชุมชน การรับบรกิ ารด้านสาธารณสุข เปน็ อัน 3. ปัญหาดา้ นสังคม การเมือง การปกครอง ไดแ้ ก่ การเกิดอาชญากรรม แหลง่ อบายมขุ ความขัดแยง้ ทางการเมือง กิจกรรมท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การเลอื กตัง้ ในระดับต่างๆ 4. ปัญหาดา้ นส่ิงแวดล้อม และทรพั ยากรธรรมชาติ ไดแ้ ก่ ปัญหามลภาวะ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของ มูลฝอยกับธรรมชาตติ ่างๆ การทําลายทรพั ยากร 5. ปญั หาดา้ นศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ การสืบทอด อนรุ ักษแ์ ละการปฏบิ ัติศาสนกจิ ของประชาชน ท่ี สง่ ผลถึงความรัก และความสามคั คีของคนในชาติ เชน่ - ด้านการศึกษา - ด้านสงั คม - การเมืองการปกครอง - สิง่ แวดลอ้ ม - ศาสนาวฒั นธรรม คุณธรรม การแก้ปัญหาเป็นด้านๆ มากกว่าการยกมาเป็นอย่างๆ ให้ผู้เรียนจําแนกและค้นหาปัญหาในชุมชนของ ตนเอง แนวทางการแก้ปัญหาชุมชน เน้นเรอ่ื งปญั หา เป็นการเปลีย่ นแปลงทีเ่ อาปญั หามาเปน็ ตวั ต้ัง แลว้ หาแนวทางจดั การหรือแก้ปญั หา น้ัน ๆ ชุมชนเปล่ยี นแปลงไปหรือไมอ่ ย่างไร ทปี่ ญั หาวา่ มอี ยู่และแก้ไขไปอย่างไร เน้นเรื่องอํานาจ เป็นการเปลี่ยนแปลงท่ี มองตวั อาํ นาจเป็นสําคัญชุมชนเปลีย่ นแปลงไปหรือไมอ่ ยา่ งไร ที่ใครเปน็ คนจัดการ อํานาจในการเปล่ียนแปลงอยู่ท่ี ไหน ศกั ยภาพในการเปลย่ี นแปลงเพ่มิ ขน้ึ หรือไม่ และสุด ทา้ ยมกี ารเปลย่ี นโครงสร้างอํานาจหรอื ไม่ เน้นการพฒั นา เป็นการเปลี่ยนแปลงท่เี นน้ ที่หลงั จากภายในชมุ ชน ดาํ เนนิ การเปลย่ี นแปลงชุมชนโดย การ ตัดสินใจ การกระทําของคนในชุมชนเอง ไม่ได้ไปเปลี่ยนท่ีคนอื่น หากเป็นการเปล่ียนที่ชุมชน และไม่ได้เอา ตัว ปัญหาเป็นตวั ต้ังแตเ่ ป็นความพยายามทีจ่ ดั สรา้ งชมุ ชนทพ่ี ง่ึ ตนเอง และสามารถยืนอยไู่ ดด้ ว้ ยตนเอง การจดั ทาแผนชุมชน การแก้ปัญหาชุมชนที่เป็นรูปแบบและขั้นตอน น่าจะใช้การแก้ปัญหาในรูปแบบชุมชนโดยร ต้องมี คณะทาํ งานท่มี าจากหลายสว่ น เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการแกป้ ัญหาของชุมชนด้วยตนเอง โดยนาํ เอา ปัญหา และประ การณ์ของชุมชน มาวิเคราะห์ จัดลําดับและแนวทางการแก้ไข มาร่วมกันพิจารณา ปัญหาใน บางเร่ือง ชุมชน สามารถแก้ไขไดด้ ว้ ยตนเอง ปญั หาใหญๆ่ และซับซอ้ นสารตอ้ งจดั ทาํ เป็นโครงการประสานงาน หน่วยงาน องค์การ ภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหรือหน่วยงานท่ีมีการรับผิดชอบ และมีศักยภาพโดยตรง ตลอดจน โครงการของรัฐบาล

คู่มอื พฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 76 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย การจัดทําแผนชมุ ชนน่าจะเป็นเน้ือหา สาระหน่ึงท่ี ชุมชนจะต้องได้รับการฝึกฝน เพราะในปัจจุบันน้ี ทาง ราชการได้ใช้แนวทางของแผนชุมชนเป็นแนวทางในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นโครงการ กองทุนเศรษฐกิจพอเพียง โครงการ SML และโครงการขององคก์ ารต่างๆ แม้กระทง่ั องค์การปกครองสว่ นท้องถน่ิ การประยกุ ต์ใชเ้ ศรษฐกิจพอเพียงเพ่อื แกป้ ัญหาชมุ ชน ด้านจิตใจ มีจิตใจเข้มแข็งพ่ึงตนเองได้ มีจิตสํานึกท่ีดี เอ้ืออาทร ประนีประนอมนึกถึงผลประโยชน์ สว่ นรวมเป็นหลกั ดา้ นสังคม ชว่ ยเหลือเกือ้ กลู กนั รู้รักสามัคคี สรา้ งความเข้มแขง็ ใหค้ รอบครัวและชุมชน ดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม รูจ้ กั ใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ เลือกใช้ทรัพยากร ท่มี ีอยู่อยา่ งคุ้มคา่ และเกิดประโยชนส์ งู สุด ฟืน้ ฟูทรพั ยากรเพอื่ ใหค้ วามย่งั ยนื สงู สดุ ดา้ นเทคโนโลยี รู้จักใชเ้ ทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม สอดคล้องกับความต้องการและสภาพแวดล้อม (ภูมิสังคม) พัฒนาเทคโนโลยจี ากภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นเองกอ่ น กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนก์ ับคนหมมู่ าก การประยุกตท์ ่ใี ช้ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง - โดยพ้ืนฐานก็คือ การพงึ่ พาตนเองเปน็ หลกั การทาํ อะไรเป็นข้ันตอน รอบคอบ ระมดั ระวงั - พิจารณาถงึ ความพอดี พอเหมาะ พอควร ความสมเหตสุ มผลและการพร้อมรับความเปลีย่ นแปลง - การสร้างสามัคคีในเกดิ ขนึ้ บนพื้นฐานของความสมดุลในแต่ละสดั สว่ นแต่ละระดบั - ควบคุมสังคม เทคโนโลยีทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมรวมถึงเศรษฐกิจ การจดั ระเบียบชมุ ชน 1. การช่วยคนเอง (Self – help) หมายถึงการเปล่ียนแปลงท่ีชุมชนก้นหาปัญหา รับสมัครสมาชิก และ ใหบ้ รกิ ารกนั เอง โดยรับความช่วยเหลอื จากภายนอกให้น้อยท่สี ดุ 2. การสรา้ งพันธมิตร (Partnership) หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงการดําเนินการโดยคนในชุมชนที่ มีปัญหา รวมตัวกนั รับความช่วยเหลอื จากภายนอก โดยทางด้านการเงนิ 3. การทาํ งานร่วมกัน (Co production) หมายถงึ การจดั ตั้งกลุ่มองค์กรในชุมชนข้นึ มารับผิดชอบกิจ กรรมรว่ มกับหน่วยงานภาครัฐ 4. การกดดนั (Pressure) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่คนในชุมชนค้นหาประเด็นปัญหาของคนมาจัดการ แต่เป็นการจัดการภายใต้กฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ด้วยการโน้มน้าวให้นักการเมืองและข้าราชการเปล่ียนแปลง นโยบาย 5. การประท้วงคัดค้าน (Protest) หมายถึง การรวมตัวกันของประชาชน มุ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ระบบเศรษฐกจิ และการเมอื งและมีการจดั ระเบียบ ทําอย่างไรจึงจะจัดชมุ ชนให้มีการทํางานอย่างมีประสทิ ธิภาพ กจิ กรรมท่ชี ุมชนตอ้ งรับผดิ ชอบ คอื - ต้งั คณะกรรมการบรหิ าร - ประเมนิ สภาพของชุมชน - เตรยี มแผนการปฏิบัตงิ าน หาทรพั ยากรที่จาํ เป็น - ทําให้แน่ใจว่ากิจกรรมของชุมชนท้ังหมด จะต้องมีการติดตามและการบริหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สาํ หรับการปฏิบตั งิ าน

คู่มอื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 77 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย การประเมินสภาพชมุ ชน - ชมุ ชนดําเนนิ กิจกรรมของตนเองโดยองิ ขอมลู สารสนเทศ - วิเคราะหช์ ุมชนหรือเรื่องราวของชุมชน คณะกรรมการบรหิ ารจะตองทําการประเมินดวย คณะกรรมการเอง - มองปญหาและหาทางแกไข ทรัพยากรและขอจํากดั - ประเมนิ สงิ่ ท่ีคนพบใหผสมผสานกนั เปนองครวมที่จะเสนอใหชุมชนไดรับทราบ - การประเมินเปนส่ิงท่ีตองกระทํากอนที่จะมีการวางแผนปฏิบัติงานของชุมชนใหแนใจวาชุมชนมี ความ เข้าใจที่ถูกตองตรงกันกับส่ิงท่ีคณะบริหารไดสังเกตมาและเปนความเห็นรวมกันเกี่ยวกับ ธรรมชาติและขอบเขต ของปญั หาและศกั ยภาพ การเตรียมแผนปฏิบัติการชุมชน - ชมุ ชนเปนผูกาํ หนดอนาคตของตนเอง - การตัดสนิ ส่งิ ทีต่ องการเฝาสงั เกตสงิ่ ทม่ี อี ยู และทําความเขาใจข้ันตอนท่ีตองการ เพือ่ ใหไดสิง่ ที่ ตองการ ท้ังหลายท้งั ปวงคอื พ้นื ฐานการวางแผน - เนือ้ แทของการวางแผนการจดั การ เราตองการอะไร เรามอี ะไรอยูในมือ เราจะใชสง่ิ ท่ีอยูในมืออยางไร ใหไดส่ิงทีเ่ ราตองการ อะไรจะเกิดขนึ้ เมอ่ื เราทํา แผนปฏิบัติการของชุมชน การชใี้ หเ้ ห็นถงึ - เด๋ยี วนีช้ มุ ชนเปนอยางไร - เมอ่ื สิ้นสดุ แผนแลวตองการท่ีจะเปนอยางไร - จะไดอะไรจากการเปลี่ยนแปลง - คณะกรรมการบรหิ ารจะเปนผูรางแผนปฏบิ ตั ิจากขอมูลสะทอนกลับของชุมชน จากการประเมินปจจุบัน รา่ งแผนปฏิบัตกิ ารควรนํา เสนอตอชมุ ชนทง้ั หมดเพอ่ื การปรบั แผน และการอนุมตั จิ ากชมุ ชน *********************************

คูม่ อื พัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 78 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ใบงานท่ี 3 ทานคิดอยางไรเกี่ยวกับประเด็นตอไปนี้ “ มีเรื่องจริงเก่ียวกับนาสาวกับหลานชายจากชายจากปลายทุง อยุทธยา ซ่ึงมีทั้งปลาและพืชผักพ้ืนบานอุดมสมบูรณ นามีการศึกษาสูงจึงยายไปเปนครูอยูในเมืองใหญ เวลา กลับไปเย่ียมบานเธอจะรับประทานอาหารจําพวกปลาและผักพื้นบานดวยความพอใจ สวนหลานชายมักบน ว าปลาและผักพื้นบานเปนอาหารลาสมัย หนุมนอยคนนั้นจึงชอบขับมอเตอรไซค เขาไปในตลาดเพื่อรับประทาน อาหารทันสมัย ไดแกบะหม่ีสําเรจ็ รูป นา้ํ อดั ลมขนมกรบุ กรอบ ” ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................

ค่มู อื พฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 79 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. เรื่องที่ 4 สถานการณข์ องประเทศและสถานการณโ์ ลกกับความพอเพยี ง เมื่อสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเศรษฐกิจของตน สูงสุดของทุนนิยมโลก เนื่องจากตลาดทุนจากท่ัวโลก หล่ังไหลสู่ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียและขยายตัวออกไปท่ัวโลก สต๊อกทุน จํานวนมหาศาลในแต่ละประเทศ ไมส่ ามารถนาํ ไปลงทุนได้ เน่อื งจากเศรษฐกิจชะลอตัวถึงข้ันวิกฤติ เม็ดเงิน จากส ตอ๊ กทนุ ทวั่ ทกุ มมุ โลกไดไ้ หลน่าทะลักสู่ตลาดทุนในสหรฐั อเมรกิ า ปัญหาการเตบิ ใหญข่ องทนุ ใน สหรัฐอเมริกา ก็คือ การขยายพืน้ ทีก่ ารลงทุน เพือ่ กระจายทุนออกไป ในขอบเขตปริมณฑลให้กว้างที่สุด เพื่อ รองรับการขยายตัวของ ทนุ ทน่ี บั วนั จะเตบิ ใหญ่ ปี พ.ศ. 2541 ขณะท่ีวิกฤตเศรษฐกิจกําลังเป็นภัยคุกคามประเทศต่างๆ จากท่ัวโลก ตลาดทุนใน สหรัฐอเมรกิ า กลับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ดัชนีหุ้น Dow Jones ทุ่งทะยานทะลุ 10,000 จุดเป็นครั้งแรก และ สูงสุด กว่า 11,000 ชุด Kashqสูงกว่า 3,800 จุด สร้างความเลื่อมใสศรัทธา งุนงง และไม่เข้าใจต่อเศรษฐกิจ อเมรกิ า ที่ สวนทางกับวกิ ฤตเศรษฐกจิ โลก ซึ่งจรงิ ๆ แล้วเป็นเร่ืองท่ีสามารถทําความเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อสต๊อกทุน ในแต่ละ ประเทศ ไม่สามารถนําไปลงทุนภายในประเทศได้ และความเช่ือมั่นในตลาดทุนอเมริกา ยังคงอยู่ใน ความรู้สึกที่ ดีของนักลงทุน ดังนั้น ทุนจากทั่วทุกมุมโลกจึงหล่ังไหลเข้าสู่ตลาดทุนในอเมริกา เม่ือตลาดทุนใน อเมรกิ าไม่ได้ เติบโตบนพน้ื ฐานของความเปน็ จริง การเดินทางเศรษฐกิจแบบฟองสบู่ของสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะยืน อยใู่ ห้ ปี 2001 ปฐมอย่างก้าวแรก ของรอบพันปีท่ีสาม บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเริ่มทะยอย ประกาศ ผลประกอบการค้าไรที่ลดลง และการประกาศปลดพนักงาน เช่น เม่ือเดือนธันวาคม 2543เจเนอรัล มอเตอร์ส (เอม็ ) ปลดพนักงาน 15,000 คน วนั พุธที่ 24 มกราคม 2544เซนตเ์ ทคโนโลยี ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์ยักษ์ใหญ่ ประกาศปลดพนกั งาน 16,000 ตําแหน่ง เวิร์คพูลผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟูาปลดพนักงาน 6,000 คน เอไอเอส ไทม์ วอร์เนอร์ กจิ การ ยคุ ใหม่จากการผนวกระหวา่ งอเมริกา ออนไลน์ กบั ไทม์ วอร์เนอรป์ ลดพนกั งาน 2,000 คน การแกว่งตวั อยา่ งไร้ทางและไม่ชัดเจนของตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา เร่ิมท่ีจะผันผวนและไม่แน่นอน นัก ลงทุนเริม่ ไม่แน่ใจต่อความเช่ือม่นั ตลาดทุนอเมริกา และเมือ่ นายคีอซี มยิ าซาวา รัฐมนตรีคลังญี่ปุน กล่าวเม่ือ วันท่ี 8 มีนาคม 2544 ในการช้ีแจงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา ยอมรับความปราชัยทางเศรษฐกิจ อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากท่ีเศรษฐกิจญ่ีปุนผุกร่อนเป็นปัญหายืดสีดยาวนานมาร่วม 10 ปี ว่า ฐานะ การเงินของประเทศกําลังย่ําแย่เต็มที่ หรืออาจกล่าวได้ว่า ใกล้จะล้มละลายแล้ว สัปดาห์รุ่งข้ึนหลังการแสดงของ มิยาชาวา ตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา นําไทย NASDAQ ช่วงลากว่า 30% ตามด้วย Dow Jones, S&P และตลาด ทนุ ทวั่ โลก ทะลายลงทนั ที จอรจ์ บชุ เรยี กสถานการณน์ ี้ วา่ เป็น World Stock Crisis ขณะที่นักลงทุนจากท่ัวโลก เกิดความไม่เช่ือมั่นตลาดทุนในสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์ความตึงเครียดใน ภูมิภาคตางๆ ทั่วโลก ในชวงของเดือนมีนาคม 2544 ไลตั้งแตการประกาศจะพัฒนาขีปวุธปองกันตนเอง ของ สหรฐั อเมรกิ า การจบั ตัว มิโลเซวิช อดีตผูนาํ ยูโกสลาเวีย การตอสูของชาวปาเลสไตน ท่ีพัฒนาจากการขวางกอน อิฐกอนดนิ มาเปนการวางระเบิดและมีการใชปน ความตึงเครียดในเชสเนีย การทําลายพระพุทธรูปที่ใหญที่สุดใน

คู่มอื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 80 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย โลก ของกลุมตาลีบัน ในอัฟกานิสถาน ไดสรางแผลลึกในจิตใจของชาวพุทธ ตอชาวมุสลิม องคทะไลลามะธิเบต เยอื นใตหวัน เรือดํา นํ้าอเมริกาโผลที่เกาะแหงหนึ่งในญ่ีปุนโดยไมมีการแจงลวงหนา สหรัฐอเมริกาประกาศขาย อาวธุ แกใตหวนั ปดทายดวยการยว่ั ยจุ ีน ดวยการใชเคร่ืองสอดแนมบินรุกล้ําเขาไปในนานฟาจีนหนังสือเรียนสาระ ทักษะการดํา เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทช31001) 27 กระทั่งทําให จีนตองใชเครื่องบินขับไลสองลํา ข้ึนบังคับใหเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลงจอดบนเกาะไหหลําเหตุการณที่เกิด ความตึงเครียดดงั กลาว ลวนเกิดข้ึนในเดอื นมนี าคม ขณะทว่ี ิกฤตตลาดทุนของสหรัฐอเมริกากําลังเกิดข้ึนพอดี โดย เบื้องลึกจะเกิดจากการสร้างสถานการณโดยสหรัฐอเมริกาหรือไมก็ตาม ภายในระยะเวลาเพียงหน่ึงเดือน ดัชนี ตลาดหุน Dow Jones ก็ดีดกลับขึ้นมายืนอยูในระดับท่ีสูงกวาเดือนมกราคมเสียอีก ท้ังท่ีเศรษฐกิจของ สหรัฐอเมรกิ า ยังตกอยูในภาวะที่เลวราย สถานการณเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา – ญี่ปนุ กาํ ลงั จะนําไปสูวิกฤตเศรษฐกิจทุนนิยม การเตรียมพรอมของ สหรัฐอเมรกิ าในการตง้ั รบั และเปดแนวรกุ ตอสถานการณดังกลาว มานานกวา 20 ป น่ันก็คอื การเตรยี มพรอมดาน ยุทธศาสตร “การทํา สงครามเลี้ยงเศรษฐกิจ” เนื่องจากสหรัฐอเมริกา ไดพัฒนาปจจัยการผลิตสูยุค IT (Information Technology) ดังนน้ั ยทุ ธศาสตร ยทุ ธวิธี ทางสงคราม ไดถกู พฒั นารปู แบบสงครามสูยุค IT ขณะที่ รปู แบบยทุ ธศาสตร - ยทุ ธปจจัย ของประเทศตางๆ ท่ัวโลก ยังคงใชรูปแบบของสงครามในยุคอุตสาหกรรม (บาง ประเทศมหาอํานาจอยาง จีน –รัฐเซีย รูปแบบสงครามอาจพัฒนาสูยุค IT แลว แตยังไมมีการสาธิต เช่น สหรัฐอเมรกิ าที่ไดผานการสาธิตแลวในสงครามอาว) ประเทศจนี หลงั จากท่ี เตงิ้ เซยี่ วผงิ ไดประกาศนโยบายสที่ นั สมยั นําประเทศจีนสูการพัฒนาดานพลัง การ ผลิต ดวยนโยบาย หนึ่งประเทศสองระบบ ทําให GDP จีน เติบโตระหวาง8–12% มาโดยตลอด แมปจจุบันท่ี วิกฤตเศรษฐกิจโลกสงผลกระทบกับทุกประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ก็ยังยืนอยูในระดับ 7-8% จาก การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ ของจนี ดังกลาว ยอมที่จะไปกระทบ และขัดขวางตอผลประโยชนของสหรัฐอเมริกา ในการที่จะแผอทิ ธิพลของสูการเปนจักรวรรดนิ ยิ มจาวโลก ดงั นั้น ความพยายามในการที่จะทําลายจีนใหออนกําลัง ลง ดวยการแยกสลายจีนจาก 8 เขตปกครองตน ใหเปนแปดประเทศเชนเดียวกับรัฐเซีย จึงนับเปนสุดยอดของ ยุทธศาสตร อันจะนาํ ไปสูความสําเร็จของการเปนจกั รวรรดินิยมจาวโลก สถานการณพลังงานโลกกบั ผลกระทบเศรษฐกิจไทย ปญหาเรงดวนในปจจุบันท่ีสงผลกระทบตอเกือบทุกประเทศในโลก คือ การท่ีราคาน้ํา มันไดสูงข้ึนอยา งรวดเร็วและตอเน่ืองในชวงเวลา 4-5 ปที่ผานมา และ ดูเหมือนน้ํา มันในปนี้ (พ.ศ.2551) จะแพงสูงสุดเป นประวตั กิ ารณแลว ภาวะนํ้า มันแพงทําใหตนทุนดานพลังงาน (โดยเฉพาะอยางยิ่งในการขนสง) สูงข้ึนอยางรวด เรว็ มผี ลลูกโซตอไปยังราคาสนิ คาและบริการตางๆ นอกจากจะทําให คาครองชีพสูงข้ึนมากแลว ยังเปนอุปสรรคต อการขยายตวั ทางเศรษฐกิจอีกดวย ผลกระทบเหลานี้ไดกอใหเกิดการประทวงของกลุม ผูท่ีตองแบกรับภาระ เชน คนขับรถบรรทุก และ ชาวประมงในหลายประเทศ รวมทั้งการเรียกรองใหรัฐบาลย่ืนมือเขามาแทรกแซงและใหความชวยเหลือ ปญหา ราคาน้าํ มันแพงมากในชวงนี้ถอื ไดวาเปนวิกฤตการณน้าํ มนั ครัง้ ท่ี 3 ของโลกก็วาได

ค่มู อื พัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 81 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 7 ปจจยั ตนเหตุนา้ มันแพง ! ราคานาํ้ มันดิบในตลาดโลกเร่ิมขยับตัวขึ้นสูงอยางเห็นไดชัดในป 2547 โดยราคาน้ํา มันดิบ สูงข้ึนบาร เรลละประมาณ $10 เปนกวา $38 ตอบารเรล และหลังจากน้ันเปนตนมา ราคาก็มีแนวโนมสูงข้ึนโดยตลอดจะมี ลดลงบา้ งในบางครัง้ เปนชวงส้ันๆ เทาน้ัน โดยความผันผวนของราคามีมากข้ึน แตการเปล่ียนแปลงเปนไปในทาง เพ่ิมมากกวาทางลด 28 หนังสือเรียนสาระทักษะการดํา เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย (ทช31001) ในชวงปลายป 2550 ราคาน้ํา มันดิบพุงสูงเกิน $100 ตอบารเรล ซึ่งนอกจากจะเป นระดบั ทส่ี ูงทสี่ ดุ เปน็ ประวัติการณในรูปของราคาปปจจบุ นั ในชวงคร่ึงปแรกของป 2551 ราคานํ้า มันก็ยังคง ขยับ สงู ขึ้นอยางตอเนื่องและอยูในระดับกวา $130 ตอบารเรลในสัปดาหที่ 2 ของเดือนมิถุนายน 2551 มีบทความข อเขียนจํานวนมากท่ีไดวเิ คราะห์และอธิบายสาเหตุของภาวะนํ้า มันแพงดังกลาว สวนใหญมีประเด็นที่เหมือนกัน และสอดคลองกนั ดังน้ี 1) กําลังการผลิตสวนเกิน (excessproduction capacity) ในตลาดน้ํา มันดิบอยูในระดับที่คอนขางตํ่า มาตลอด 5 ปที่ ผานมา ท้งั น้ี เปนผลจากการทปี่ ระเทศ ผูผลิตนํา้ มันหลายแหงขาดแรงจูงใจในการขยายกําลังการ ผลิตในชวงที่ราคานํ้า มันอยูในระดับคอนขางตํ่าในชวงทศวรรษ 1990 หนวยงานพลังงานของสหรัฐ (EIA) ราย งานวาในเดือนกันยายน 2550 OPEC มีกําลังการผลิตสวนเกินเพียง 2 ลานบารเรลตอวัน (ประมาณ 2% ของ ปรมิ าณการใชน้าํ มันของโลก) โดยประมาณ 80% ของสวนเกินนอ้ี ยูในซาอุดอี าระเบยี เพียงประเทศเดียว 2) การผลติ นาํ้ มนั จากแหลงใหมๆ ในโลก เรมิ่ มีตนทุนที่สูงมากขึ้น ทั้งนี้อาจเปนเพราะแหลงน้ํามันขนาด ใหญๆ ถูกคนพบและใชงานเปนสวนใหญแลว ยงั เหลอื อยูก็จะเปนแหลงน้ํา มันขนาดเล็ก หรือท่ีมีคุณภาพต่ํา หรือ ท่ีอยูในถ่ินทรุ กนั ดาร/น้าํ ทะเลลกึ ๆ ซึง่ มีตนทุนการสํารวจและการผลิตท่ีสูงมาก มีการวิเคราะห พบวาในปจจุบัน ต้นทุนการผลติ น้ํา มันในปริมาณ 4 ลานบารเรลตอวัน (คิดเปน 5%ของปริมาณการผลิตของโลกในปจจุบัน) มีต นทุนการผลติ สูงถึง $70 ตอบารเรล ตัวอยางท่ีเห็นไดชัด คือ ทรายนํ้า มัน (tars sands) ในแคนาดา ซึ่งเร่ิมผลิต ออกมา แลว และมตี นทุนการผลติ ไมตํ่ากวา $60 ตอบารเรล 3) ในประเทศผูผลิตและสงออกนํา้ มันรายใหญหลายราย การผลิตนํ้า มันมีโอกาสหยุดชะงักได (supply disruption) เพราะเหตุจากความไมสงบทางการเมือง สงคราม และภัยธรรมชาติ เหตุการณสําคัญที่บงช้ีถึงปญหา นี้ ไดแก การบุกอริ กั ของกองทัพสหรฐั ในป 2546 ทําใหกําลังการผลิตน้ํา มันของอิรักลดลงระดับหน่ึง และความ ไมสงบซ่ึงยงั คงเกิดขน้ึ ในประเทศหลงั จากน้นั ยังเปนอุปสรรคสําคัญตอการผลิตและการสงออกนํ้า มันของอิรักให กลับไปสูระดบั ปกติ ความขดั แยงระหวางอิหรานกับประเทศตะวันตกเกี่ยวกับโครงการพัฒนานิวเคลียรของอิหราน (ซ่ึงเปนผู ผลิตนํ้ามันมากเปนอันดับที่ 4 ของโลก) กอใหเกิดความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางระหวางอิหรานและ สหรัฐ โดยอหิ รานประกาศวาจะใชนํา้ มนั เปนอาวธุ เพอ่ื ตอบโตมาตรการคว่าํ บาตรของสหรัฐ และในป 2551 ไดมี การเผชิญหนากนั ระหวางทหารอหิ รานและทหารสหรฐั ในบรเิ วณชองแคบฮอรมุซ ซ่ึงเปนทางผานสําคัญสําหรับการ ขนสงนาํ้ มันจากตะวันออกกลาง พายุเฮอรริเคนในแถบอาวเม็กซิโกในเดือนกันยายน 2548 มีผลกระทบตอแทนผลิตนํ้ามันของเม็กซิโก และโรงกล่ันทีต่ ัง้ อยูตอนใตของสหรฐั มีผลใหราคาน้าํ มนั เบนซนิ ในสหรฐั เพม่ิ สงู ข้นึ เปน $3 ตอแกลลอน ซ่ึงเปนระ ดับทส่ี งู สุดในรอบ 25 ปี

คูม่ ือพฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 82 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผูกอการรายในไนจเี รยี คุกคามแหลงผลิตน้ํา มันหลายคร้ัง ทําใหประมาณการผลิตและสงออกนํ้ามันจาก ไนจเี รยี ลดลงประมาณ 500,000 บารเรลตอวัน ความขัดแยงทางการเมอื งระหวางรัฐบาลเวเนซุเอลาและรัฐบาล สหรัฐ ทําใหการนําเขานาํ้ มันจากเวเนซเุ อลาของสหรฐั มีความเสย่ี งมากขนึ้ 4) ในหลายประเทศท่ีสงออกน้ํามันได มีการผลิตนํ้ามันในปริมาณที่ลดลงไป เพราะปริมาณสํารองเร่ิมมี ข้อจํากดั มากขน้ึ ในขณะเดยี วกันความตองการใชนาํ้ มนั ในประเทศเหลาน้ีก็เพ่ิมขึ้นตามการขยายตัวของประชากร และเศรษฐกิจดวย ทําใหหลายประเทศตองลดการสงออกลง เชน อินโดนีเซีย เม็กซิโก นอรเวย และอังกฤษ ใน ระหวา่ งป 2005 ถึง 2006 การบริโภคนํ้ามันภายในประเทศผูสงออก 5 อันดับแรก คือ ซาอุดีอาระเบียรัสเซีย นอรเ์ วย์ อหิ ราน และสหรัฐอาหรบั เอมิเรตส ไดเพมิ่ สงู ขนึ้ ถึงรอยละ 5.9 และมปี รมิ าณการสงออกลดลงกวารอยละ 3 เม่ือเทยี บกบั ปกอนหนาน้ี หรือในกรณีของอินโดนีเซียที่รัฐบาลมีการอุดหนุนผูบริโภคภายในประเทศ และกรณี ของซาอุดีอาระเบียท่ีราคาน้ํามันเบนซินในประเทศอยูที่ 5 บาทตอลิตร ขณะท่ีมาเลเซียอยูในระดับ 20 บาทต อลิตร จึงทําใหเกดิ การคาดการณวาปรมิ าณการสงออกน้ํามันดิบของประเทศผูสงออกนํ้ามันจะลดลงถึง 2.5 ลาน บารเรลตอ่ วนั ภายในชวง 10 ปนี้ เม่อื ไมกเ่ี ดือนมานีข้ าววารัฐบาลอนิ โดนีเซียกําลงั พิจารณาจะถอนตัวจากการเป นสมาชกิ OPEC เพราะอนิ โดนีเซียจะไมสามารถสงออกนา้ํ มันไดอีกตอไปในอนาคตอนั ใกลนี้ 5) นอกจากกาํ ลังการผลิตสวนเกินของนํา้ มนั ดิบจะมนี อย กําลังการกลั่นนํ้ามัน ของโลกก็มีปญหาคอขวด โดยมสี วนเกนิ นอยกวา 1 ลานบารเรลตอวัน ในขณะเดียวกันตลาดน้ํามันมีแนวโนมตองการใชน้ํามันชนิดเบาและ สะอาดมากขึ้น จึงสรางแรงกดดันใหโรงกลั่นนํ้ามันตองลงทุนปรับปรุงคุณภาพอีกดวย ขอจํากัดนี้จึงทําใหราคา ผลติ ภัณฑน์ า้ํ มันมีราคาสงู ขึน้ เพิม่ ไปจากการเพ่มิ ของราคาน้ํามันดิบ และกําไรของโรงกลั่นน้ํามันอยูในระดับที่คอน ขา้ งสูงมาโดยตลอด เปนทน่ี าสังเกตดวยวาสหรัฐซ่งึ เปนผูใชนา้ํ มันรายใหญทส่ี ุดของโลกไมไดกอสรางโรงกล่ันนํ้ามัน แหงใหมมาเลยต้ังแตทศวรรษ 1970 6) ถึงแมวาราคานํ้ามันระหวางป 2546 ถึงป 2550 จะสูงขึ้นกวา 3 เทาตัวแลว แตความตองการใช น้ํามันของโลกก็ไมไดลดลงเลย กลับยังคงเพ่มิ ข้ึนในอตั รา 3.55% ในป 2548 และในอัตราที่ยังสูงกวา 1% ใน ป ตอๆมา ปรากฏการณเชนน้ีแตกตางจากท่ีเกิดขึ้นในชวงวิกฤตนํ้ามันสองครั้งแรก (ป 2516/17 และป 2522/23) ซง่ึ เราพบวาราคานา้ํ มันท่ีสงู ขึน้ มากทําใหความตองการนํา้ มนั ลดลงในปตอมา ในชวง 4-5 ปที่ผานมา เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได คอนขางดี และดูเหมือนจะยงั ไมไดรับผลกระทบจากภาวะราคานํ้ามันแพงมากนัก จีน และอนิ เดียเปนผูใชพลังงานท่มี ีอิทธพิ ลตอตลาดนาํ้ มันโลก 7) กองทนุ ประเภท hedge funds หันไปลงทุนซื้อขายเก็งกําไรในตลาดน้ํามันลวงหนามากข้ึน ทั้งน้ีเพ่ือ หลกี เล่ยี งการลงทุนในรูปของเงินดอลลารสหรัฐ ซึ่งในระยะหลังมีแนวโนมออนคาลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับเงิน สกุลอ่ืนๆ เน่ืองจากภาวะตลาดนํ้ามันตามท่ีกลาวมาแลวช้ีใหเห็นวาราคาน้ํามันมีแนวโนมท่ีจะสูงขึ้น ผูจัดการ กองทนุ เหลา่ นจ้ี ึงเกง็ กําไรโดยการซอ้ื นํ้า มนั ไวลวงหนา้ เพื่อขายเอากําไรในอนาคต สงผลใหราคาน้ํามันทั้งในตลาด spot และตลาดลวงหนาสงู ขึ้นอีกระดบั หน่ึง ปรากฏการณโลกรอนและปรากฏการณเรอื นกระจก คาผิดปรกตขิ องอุณหภูมิเฉลี่ยที่ผิวโลกที่เพิ่มขึ้นในชวงป พ.ศ. 2403–2549 เทียบกับอุณหภูมิระหวาง พ.ศ. 2504–2533 คาเฉลี่ยอุณหภูมิผิวพื้นท่ีผิดปกติที่เทียบกับอุณหภูมิเฉล่ียระหวางป พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2547 ในชวง 100 ปทผ่ี านมา นบั ถงึ พ.ศ. 2548 อากาศใกลผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีคาสูงข้ึน 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส ซึ่งคณะกรรมการระหวางรัฐบาลวาดวยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental

คู่มือพฒั นาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณ์โควดิ -19 83 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติไดสรุปไววา “จากการสังเกตการณการเพ่ิมอุณหภูมิโดย เฉล่ยี ของโลกท่เี กดิ ขนึ้ ตั้งแตกลางคริสตศตวรรษท่ี 20 (ประมาณตัง้ แต พ.ศ. 2490) คอนขางแนชัดวาเกิดจากการ เพ่มิ ความเข้มของแกสเรอื นกระจกทเี่ กดิ ขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษยท่ีเปนผลในรูปของปรากฏการณเรือนกระจก” 30 หนังสือเรียนสาระทักษะการดํา เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทช 31001) ปรากฏการณธรรมชาติบางอยาง เชน ความผันแปรของการแผรังสีจากดวงอาทิตยและการระเบิดของ ภูเขาไฟอาจสงผลเพียงเล็กน้อยตอการเพ่ิมอุณหภูมิในชวงกอนยุคอุตสาหกรรมจนถึง พ.ศ. 2490 และมีผลเพียง เล็กนอยตอการลดอุณหภูมิหลังจากป 2490 เปนตนมา ขอสรุปพนื้ ฐานดังกลาวนีไ้ ดรบั การรับรองโดยสมาคมและ สถาบนั การศึกษาทางวทิ ยาศาสตร์ ไมนอยกวา 30 แหง รวมทั้งราชสมาคมทางวทิ ยาศาสตรระดับชาติท่ีสําคัญของ ประเทศอุตสาหกรรมตางๆแมนักวิทยาศาสตรบางคนจะมีความเห็นโตแยงกับขอสรุปของ IPCC อยูบาง [4] แต เสยี งสวนใหญของนักวทิ ยาศาสตรทที่ ํางานดานการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นดวยกับขอสรุป น้ี แบบจําลองการคาดคะเนภูมิอากาศ บงชี้วาอุณหภูมิโลกโดยเฉล่ียที่ผิวโลกจะเพิ่มข้ึน 1.1 ถึง 6.4 องศา เซลเซียส ในชวงคริสตศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2544–2643) คาตัวเลขดังกลาวไดมาจากการจําลองสถานการณ แบบตางๆ ของการแผขยายแกสเรือนกระจกในอนาคต รวมถึงการจําลองคาความไวภูมิอากาศอีกหลากหลาย รปู แบบ แตความรอนจะยงั คงเพิม่ ข้ึนและระดับนํ้า ทะเลก็จะสงู ขนึ้ ตอเนื่องไปอีกหลายสหัสวรรษ แมวาระดับของ แกสเรอื นกระจกจะเขาสูภาวะเสถียรแลวก็ตาม การท่อี ุณหภมู แิ ละระดบั นํา้ ทะเลเขาสูสภาวะดุลยภาพไดชาเปนเห ตมุ าจากความจุความรอนของนํา้ ในมหาสมทุ รซง่ึ มคี าสงู มาก การทอี่ ุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทําใหระดับนํ้า ทะเล สูงข้ึน และคาดวาทําใหเกิดภาวะลมฟาอากาศ ท่ีรุนแรงมากข้ึน ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดนํ้า ฟ าจะ เปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบอ่ืนๆ ของปรากฏการณโลกรอนไดแก การเปล่ียนแปลงของผลิตผลทางเกษตรการ เคลอื่ นถอยของธารนาํ้ แข็ง การสูญพนั ธุพืช-สัตวตางๆ รวมท้ังการกลายพันธุและแพรขยายโรคตางๆ เพิ่มมากข้ึน รัฐบาลของประเทศตางๆ แทบทุกประเทศไดลงนามและใหสัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ซ่ึงมุงประเด็นไปที่การลด การปลอยแกสเรอื นกระจก แตยังคงมีการโตเถียงกันทางการเมืองและการโตวาทีสาธารณะไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับ มาตรการวาควรเปนอยางไร จงึ จะลดหรือยอนกลับความรอนท่ีเพ่ิมข้ึนของโลกในอนาคต หรือจะปรับตัวกันอยาง ไรตอผลกระทบของปรากฏการณโลกรอนทีค่ าดวาจะตองเกดิ ข้นึ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว มีพระราชดํารัสเก่ียวกับปรากฏการณเรือนกระจก ที่ศาลาดุสิดาลัย อยา งลึกซึ้ง กระทรวงวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี จึงไดรับสนองกระแสพระราชดํารัส นํา เขาประชุมคณะรัฐมนตรี จนกระท่งั ทาํ ใหวนั ที่ 4 ธ.ค.ของทกุ ปเปนวันส่ิงแวดลอมแหงชาติตงั้ แตป2534 เปนตนมา จากผลงานพระราชดําริและการทรงลงมือปฏิบัติพัฒนาดวยพระองคเอง เกี่ยวกับสภาพแวดลอม โดย เฉพาะอยางย่ิง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีคุณประโยชนตอคนชนชาติตางๆ ทั้งดานเศรษฐกิจ สังคม ความ มั่นคงของมนุษยและการเมือง ซึ่งเปนที่ประจักษไปทั่วโลก องคการสหประชาชาติ โดยนายโคฟ อันนัน อดีต เลขาธกิ ารองคการสหประชาชาติ จงึ ไดเดินทางมาประเทศไทย ในวาระมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปเข าเฝาพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว วันท่ี 26 พ.ค. 2549 เพ่ือถวายรางวัล “UNDP Human Development Lifetime Achievement Award” (รางวลั ความสาํ เรจ็ สูงสดุ ดานการพัฒนามนุษย) ซึ่งเปนรางวัลประเภท Life - Long Achievement และพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงเปนพระมหากษัตริยพระองคแรกในโลกที่ไดรับ รางวลั นี้ องคการสหประชาชาติ ไดยกยองพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เปน “พระมหากษัตริยนักพัฒนา” และ กล่าวถึงปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ของพระองควา เปนปรัชญาหรือทฤษฎีใหมที่นานา

คูม่ ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 84 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ประเทศรูจกั และยกยอง โดยทอ่ี งคการสหประชาชาตไิ ดสนับสนนุ ใหประเทศตางๆ ที่เปนสมาชิก ยึดเปนแนวทางสู การพฒั นาประเทศทยี่ ่งั ยนื ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มิใชเปนเพียงปรัชญานามธรรม หากเปนแนวทางปฏิบัติซึ่งสามารถจะชวยท้ัง แกไขและปองกันปญหาที่เกดิ จากกิเลสมนุษย และความเปล่ยี นแปลงท่ีซับซอนรุนแรงข้ึน ท่ีกําลังเกิดขึ้นกับมนุษย ทัง้ โลก และปญหาทลี่ ุกลามตอถึงธรรมชาติ กอใหเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญในเชิงรุนแรง และสรางปญหายอนก ลบั มาท่ีมนษุ ย์ โดยทัว่ ไป มักเขาใจกนั วา ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง เหมาะทจ่ี ะใชเฉพาะกบั คนยากจน คนระดับรากหญา และประเทศยากจน อกี ท้งั เคร่ืองมอื เทคโนโลยี กจ็ ะตองใชเฉพาะเคร่อื งมือราคาถกู เทคโนโลยีต่ํา การลงทุนไมควร จะมีการลงทุนระดับใหญ แตในความเปนจรงิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งกต็ องการคนและความคิดที่กาวหนา คนท่ี กลาคิดกลาทาํ ในสง่ิ ใหมๆ เน่ืองจากการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใชประโยชนในดานตางๆไมมีสูตรสําเร็จหรือคูมือการใช ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งสาํ หรบั ภารกจิ ดังเชน วกิ ฤตโลกรอนผูเกีย่ วของจงึ ตองศึกษาทําความเขาใจแลวก็พัฒนา แนวทางหรอื แนวปฏบิ ตั ิสาํ หรับแตละปญหาขน้ึ มา โดยยดึ หลกั ท่ีสําคญั ดังเชน - การคิดอยางเปนระบบ อยางเปนกระบวนการทางวิทยาศาสตร - หลักคดิ ทีใ่ ช ตองเปนหลักการปฏิบัติท่ีเปนสายกลาง ท่ีใหความสําคัญของความสมดุลพอดี ระหวางทุก สิง่ ทเ่ี กีย่ วของ ดังเชน ระหวางธรรมชาติกับมนษุ ย - ขอมูลที่ใช จะตองเปนขอมูลจรงิ ทเี่ กดิ จากการศึกษา การวิจยั หรอื การลงสนามใหไดขอมูลท่ีเปนจริง - การสรางภูมติ านทานตอความเปลี่ยนแปลงทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ - การยดึ หลกั ของความถูกตอง คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ ในทุกขั้นตอนของการดํา เนินงานตาม ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ซงึ่ เปนกระบวนการสําคัญของการสรางภูมิตานทานตอผลกระทบและความเปลี่ยนแปลง ท่กี าํ ลังเกดิ ขึ้น หรอื ทจ่ี ะเกดิ ข้ึน เหลานีเ้ ปนหลกั การใหญๆ ซึ่งผูที่รับผิดชอบหรือเกี่ยวของหรือคิดจะทํา โครงการหรือกิจกรรมในระดับค อนขางใหญ จะตองคํา นึงถึง และสามารถจะนําปรัชญาน้ีไปใชไดทันที และมีผูที่ไดใชลวนประสบความสํา เร็จ สูงสดุ ทม่ี นษุ ยพงึ จะมี คอื ความสุขทีย่ ัง่ ยืน แลวเรือ่ งของการแขงขัน ชิงไหวชิงพรบิ การวางแผนยทุ ธศาสตรและโลจสิ ติกส(การจัดซ้ือจัดหา การจัดสง การบํารงุ รักษาอุปกรณ และการรักษาพยาบาลบุคลากร ) ในการบริหารจัดการระบบ หรือโครงการใหญๆการใช จิตวิทยามวลชน การใชเทคโนโลยีกาวหนา การกํา หนดแผนหรือตนเองใหเปน “ฝายรุก” มิใช “ฝายต้ังรับ”ละ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งปฏเิ สธหรือไม? คาตอบคือ ปฏิเสธ ถาใชอยางไมถูกตอง อยางหลีกเลี่ยงกฎหมาย อยางผิดคุณธรรม-จริยธรรม-และ จรรยาบรรณ อยางไมซ่ือตรงตอหนาที่และความรับผิดชอบ อยางมีเจตนาเพื่อผลประโยชนท่ีไมสุจริตของตนเอง และพวกพอง แตจะตองรูจักและใชอยางรูเทาทัน ปกปอง และรักษาผลประโยชนของสวนรวม อยางมีความคิด กา้ วหน้าในเชิงสรางสรรค์ สําหรับการแกปญหา หรือการเตรียมเผชิญกับปญหาจากวิกฤตโลกรอน มีประเด็นและเร่ืองราวทั้งเก าและใหม ดังเชน เร่ืองของมาตรการที่ถูกกํา หนดข้ึนมา เพื่อเผชิญกับภาวะโลกรอน เพื่อใหประเทศที่พัฒนาแล วและทก่ี าํ ลังพัฒนา (ดังเชนประเทศไทย) ไดดาํ รงอยูรวมกนั พึ่งพิง และเอื้ออาทรตอกนั อยางเหมาะสม ดงั เชนเรือ่ ง คารบอนเครดิต ท่ีเปนเร่ืองคอนขางใหมของประเทศไทย แตก็เปนทั้ง “โอกาส” และ “ปญหา” ท่ีประเทศ 32

ค่มู ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 85 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย หนังสือเรียนสาระทักษะการดํา เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทช 31001) ไทยตองเผชิญ ซึ่งก็ข้ึนอยูกับคนไทยเราเองวา จะตองเตรียมตัวกันอยางไร เพ่ือใหสามารถเปน “ที่พ่ึง” ของโลก หรือประเทศอ่ืน แทนท่จี ะเปน “ปญหา” ท่ีเกิดจากความไมใสใจ หรือความใสใจ แตเพ่ือจะกอบโกยผลประโยชน เทานน้ั เรอื่ งของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับวิกฤตโลกรอน จงึ มโี จทย มีเปาหมายมากมาย ทีท่ าทาย เชิญชวนให ผูคนและประเทศ ท่ีตองการมีชีวติ สรางสรรคและมีความสุขอยางยั่งยืนไดนําไปใช โดยใชปญญาเปนตัวนํากํากับด วยสติ และควบคุมดวยคณุ ธรรมกบั จริยธรรม ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงน้ี ถูกใชเปนกรอบแนวคิดและทิศทางการพัฒนาระบบเศรษฐกิจมหภาค ของ ไทย ซ่ึงบรรจุอยูในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับท่ี 10 ( พ.ศ. 2550 – 2554 ) เพื่อมุงสูการ พัฒนาที่สมดุลยิ่งข้ึน และมีภูมิคุมกัน เพ่ือความอยูดีมีสุข มุงสูสังคมท่ีมีความสุขอยางย่ังยืน ดวยหลักการดังกลา วแผนพัฒนาฯ ฉบับท่ี 10 น้ีจะเนนเรื่องตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แตยังใหความสําคัญตอระบบ เศรษฐกิจ แบบทวิลักษณหรอื ระบบเศรษฐกิจ ที่มีความแตกตางกันระหวางเศรษฐกิจชุมชนเมืองและชนบท แนว ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งยงั ถกู บรรจใุ นรัฐธรรมนูญของไทย เชน รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ในสวนท่ี 3 แนวนโยบายดา้ นการบริหารราชการแผนดิน มาตรา 78(1) บริหารราชการแผนดินใหเปนไป เพื่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศอยางยั่งยืน โดยตองสงเสริมการดํา เนินการตาม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และคาํ นึงถึงผลประโยชนของประเทศชาตใิ นภาพรวมเปนสําคัญ นายสุรเกยี รติ เสถียรไทย ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการตางประเทศไดกลาวเมื่อวันท่ี 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ในการประชุมสุดยอด The Francophonic Ouagadougou คร้ังที่ 10 ท่ี Burkina Faso วา ประเทศไทยไดยึดแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง ควบคูกบั “การพฒั นาแบบยั่งยืน” ในการพิจารณาประเทศทั้งทางด านการเกษตรกรรม เศรษฐกิจและการแขงขนั ซ่งึ เปนการสอดคลองกับแนวทางของนานาชาติในประชาคมโลก การประยุกตนําหลักปรัชญาเพื่อนําพัฒนาประเทศในตางประเทศน้ัน ประเทศไทยไดเปนศูนยกลางการ แลกเปล่ียนผานทางสํา นักงานความรวมมือเพื่อการพัฒนาระหวางประเทศ (สพร.) โดย สพร. มีหนาที่คอย ประสานงานรับความชวยเหลือทางวิชาการดานตางๆ จากตางประเทศมาสูภาครัฐ แลวถายทอดตอไปยังภาค ประชาชน และยังสงผานความรูท่ีมีไปยังประเทศกําลังพัฒนาอ่ืนๆ เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น สพร.ถา ยทอดมาไมตํ่ากวา 5 ป ประสานกับสํา นักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดาํ ริ (กปร.) และคณะอนุกรรมการขบั เคลือ่ นเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงตางชาติก็สนใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพราะพิสูจนแลววาเปนส่ิงท่ีดีและมีประโยชน ซ่ึงแตละประเทศมีความตองการประยุกตใชปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงไมเหมือนกัน ข้ึนอยูกับวิถีชีวิต สภาพภูมิศาสตร ฯลฯ เชน พมา ศรีลังกา เลโซโท ซูดาน อัฟหานิสถาน บังกลาเทศ ภูฎาน จีน จิบูดี โคลัมเบีย อียิปต เอธิโอเปย แกมเบีย อินโดนิเซีย เคนยา เกาหลีใต มาดากัสการมัล ดีฟส ปาปวนิวกินี แทนซาเนีย เวียดนาม ฯลฯ โดยไดใหประเทศเหลาน้ีไดมาดูงาน ในหลายระดับ ท้ังเจาหนาท่ี ปฏบิ ัติงาน เจาหนาที่ฝายนโยบาย จนถึงระดับปลัดกระทรวง รฐั มนตรกี ระทรวง ตางๆ [14] นอกจากน้นั อดศิ กั ดิ์ ภาณุพงศ เอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ไดกลาววาตาง ชาตสิ นใจเรือ่ งเศรษฐกจิ พอเพียง[14] เน่ืองจากมาจากพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวท่ีทรงหวงใย ราษฎรของพระองค และอยากรูวาทําไมรัฐบาลไทยถึงไดนํา มาเปนนโยบาย สวนประเทศที่พัฒนาแลวก็ตอง การศึกษาพิจารณาเพื่อนําไปชวยเหลือประเทศอื่นหนังสือเรียนสาระทักษะการดํา เนินชีวิต รายวิชาเศรษฐกิจ พอเพียง ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ทช31001) 33 13 นักคิดระดับโลกเห็นดวยกับแนวทางเศรษฐกิจ

คู่มือพัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 86 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย พอเพยี ง และมกี ารนํา เสนอบทความ บทสัมภาษณ เปนการย่ืนขอเสนอแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงใหแกโลก เชน ศ.ดร. วูลฟกังซัคส นักวิชาการดานสิ่งแวดลอมคนสําคัญของประเทศเยอรมนี สนใจการประยุกตใชหลัก ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงอยางมาก และมองวานาจะเปนอีกทางเลือกหน่ึงสําหรับทุกชาติในเวลานี้ ทั้งมีแนวคิด ผลักดันเศรษฐกิจพอเพียงใหเปนท่ีรูจักในเยอรมนี,ศ.ดร.อมาตยา เซนศาสตราจารยชาวอินเดีย เจาของรางวัล โนเบลสาขาเศรษฐศาสตรป 1998 มองวา ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเปนการใชสิ่งตางๆ ท่ีจําเปนตอการดํารงชีพ และใชโอกาสใหพอเพียงกับชีวิตที่ดี ซ่ึงไมไดหมายถึงความไมตองการ แตตองรูจักใชชีวิตใหดีพอ อยาให ความสําคัญกับเรอื่ งของรายไดและความร่าํ รวย แตใหมองทคี่ ณุ คาของชีวติ มนษุ ย, นายจิกมีทินเลย นายกรัฐมนตรี แหงประเทศภูฎาน ใหทรรศนะวา หากประเทศไทยกําหนดเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียงใหเปนวาระระดับชาติ และ ดําเนนิ ตามแนวทางนีอ้ ยางจรงิ จัง “ผมวาประเทศไทยสามารถสรางโลกใบใหมจากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สรางชีวิตทีย่ ่ังยืน และสดุ ทายจะไมหยุดเพยี งแคในประเทศแตจะเปนหลกั การและแนวปฏบิ ตั ขิ องโลก ซึ่งหากทําได สําเร็จ ไทยกค็ ือผูนาํ ” [15] ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งน้ี ไดรับการเชดิ ชสู ูงสดุ จากองคการสหประชาชาติ(UN) โดยนายโคฟ อันนัน ใน ฐานะเลขาธิการองคการสหประชาชาติ ไดทูลเกลาฯถวายรางวัล The Human Development lifetime Achievement Award แกพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 และไดมีปาฐกถาถึง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วาเปนปรัชญาที่มีประโยชนตอประเทศไทยและนานาประเทศ[6] และสามารถเริ่มได จากการสรางภูมิคุมกันในตนเอง สูหมูบาน และสูเศรษฐกิจในวงกวางขึ้นในที่สุด นาย Hakan Bjorkman รกั ษาการ ผูอํานวยการ UNDP ในประเทศไทยกลาวเชิดชปู รัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ UNDP น้ันตระหนัก ถึงวิสัยทัศนและแนวคิดในการพัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ [16] โดยที่องคการสหประชาชาติได สนบั สนนุ ใหประเทศต่าง ๆ ท่ีเปนสมาชกิ 166 ประเทศยดึ เปนแนวทางสูการพฒั นาประเทศแบบย่งั ยนื [7] อยางไรก็ตาม ศ. ดร.เควิน ฮิววิสัน อาจารยประจํามหาวิทยาลัยนอรธแคโรไลนา ท่ีแซพเพลฮิลล ได วิจารณรายงานขององคการสหประชาชาติโดยสํานักงานโครงการพัฒนาแหงสหประชาชาติ (UNDP) ท่ียกยอง ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง [17]วา รายงานฉบบั ดังกลาวไมไดมเี น้ือหาสนบั สนนุ วา เศรษฐกิจพอเพียง “ทางเลือกที่ จําเป็นมากสาํ หรับโลกท่กี ําลงั ดาํ เนนิ ไปในเสนทางที่ไมย่ังยืนอยูในขณะนี้” (น. V .ในรายงาน UNDP ) โดยเน้ือหา แทบทัง้ หมดเปนการเทดิ พระเกยี รติ และเปนเพียงเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อภายในประเทศเทานั้น (18) ส วนHakan Bjorkman รักษาการผูอํานวยการ “ UNDP” ตองการท่ีจะทําใหเกิดการอภิปรายพิจารณาเรื่องนี้แต การอภปิ รายดงั กลาวน้นั เปนไปไมได เพราะอาจสุมเส่ียงตอการหมิน่ พระบรมเดชานภุ าพซึง่ มโี ทษถึงจําคุก (10) เม่ือปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 นายโคฟ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติไดเขาเฝาทูลเกลา ฯ ถวายรางวัล Human Development Lifetime Achievement Award หมายความวาพระเจาอยูหัวสละ ความสขุ สวนพระองค และทุมเทพระวรกาย ในการพัฒนาคนไทยในชวง 60 ป จนเปนที่ประจักษในความสําเร็จ ของพระราชกรณียกจิ พระบรมราโชวาท และเปนแบบอยางท่ัวโลกได คํากราบบังคมทูลของนายโคฟ บงบอกให เห็นเขาศึกษาเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอยางละเอียด และรับปากวาจะนําไปเผยแพรทั่วโลก รวมท้ัง ประมุขหรอื ผูแทนของประเทศตาง ๆ ที่ไดมาเขาเฝาและขออัญเชิญไปใชในประเทศของเขา เพราะเห็นวาเปนแน วทางที่ดี นอกจาก United Nation Development Program ( UNDP ) เปนองคกรหนึ่งภายใตสหประชาชาติท่ี ดแู ลเก่ยี วกับการพฒั นา ดานหนง่ึ ทีเ่ ขาตองดแู ล คือการพฒั นาคน มีหนาท่ีจดั ทํารายงานประจํา ป โดยในปหนาจะ เตรยี มจัดทาํ เรื่องการพัฒนาคนของโลก และคนในแตละประเทศ ( Country report และ Global report ) โดย

คู่มอื พัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 87 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ในสวนของประเทศไทยจะนาํ เรอ่ื งปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งเปนหลักในการรายงานและเผยแพร ทั้งภาษาไทยและ ภาษาองั กฤษเพือ่ ท่ปี ระเทศอืน่ จะไดรับประโยชนจากของพระราชทานทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจาอยูหวั พระราชทาน ใหคนไทยมากกวา 30 ป แลว จะเห็นไดวาขณะน้ีปรัชญาฯ น้ี ไดเผยแพรโดยองคกรระดับโลก แลวเราในฐานะ พสกนิกรของพระองคทานนาจะภมู ิใจหนั มาศกึ ษาและนาํ ไปปฏบิ ัตอิ ยางจริงจัง กจ็ ะบงั เกดิ ผลดียง่ิ ************************* ใบงานท่ี 4 1. ใหผเู รียนเขียนคําขวัญเกี่ยวกบั เศรษฐกจิ พอเพียง ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. ใหผเู รียนประเมนิ สถานการณของครอบครัวและวิเคราะหวาจะนําปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชไดอยางไร

คมู่ อื พัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 88 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ แนวพระราชดาริของรัชกาลใด ก. รชั กาล ที่ 7 ข. รชั กาล ท่ี 8 ค. รัชกาล ที่ 9 ง. รชั กาล ท่ี 10 2. ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง คอื ข้อใด ก. พอประมาณ สมดุล มีเหตุผล ข. มเี หตุผล มีภูมิคุ้มกนั พอไปวดั ไปวา ค. พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิค้มุ กนั ง. มเี หตุผล มั่นคง ยืนได้ดว้ ยตนเอง 3. ขอ้ ใดอธบิ ายถงึ แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ถูกต้องท่สี ดุ ก. แนวคดิ นใ้ี ช้ไดเ้ ฉพาะเกษตรกรเท่าน้ัน ข. ความพอเพยี ง คอื การรจู้ ักคิด พอใจกับสงิ่ ที่ตนมีอยู่ ค. ความพอเพยี ง หมายถงึ พออยู่ พอกิน พอใช้ และไม่พึ่งพาผู้อน่ื

คู่มือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควดิ -19 89 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ง . ความพอเพียง คอื การพอมี พอกินสําหรับตนเอง และครอบครวั 4. ข้อใดเป็นการปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมเพ่ือปลกู ฝังแนวคิดหลกั เศรษฐกจิ พอเพียงตอ่ ตนเอง ก. การนาํ น้าํ ล้างจานไปรดตน้ ไม้ ข. เปล่ยี นหลอดไฟเป็นแบบหลอดประหยัดไฟฟาู ค. ไมท่ งิ้ ขยะในที่สาธารณะและแหล่งนํ้าในชุมชน ง. ใช้ถุงผ้าแทนถุงกระดาษแทนและถุงพลาสติกในการซอื้ ของ 5. นักเรยี นสามารถนาหลักการเศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ นการเรยี นไดอ้ ยา่ งไร ก. เน้นการพง่ึ พาตนเองเปน็ สําคัญ ข. ไมท่ ําความเดอื ดร้อนให้บุคคลอืน่ ค. ปฏิบัติตนในลักษณะการพออยพู่ อกิน ง. ถกู ทกุ ข้อ 6. หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้ความสาคญั ในเร่อื งใด ก. คน คณุ คา่ คุณธรรม ข. คน คุณค่าความเป็นคน ค. คน คุณค่าความรู้ ง. คน คุณค่าชมุ ชน 7. ขอ้ ใดคือความหมายของชุมชน ก. การร่วมมอื ระหว่างรัฐบาลและประชาชน ข. การพึง่ ตนเอง ค. พ้นื ท่หี รอื อาณาบริเวณท่มี กี ารรวมกล่มุ กันของคนมากกวา่ 2 ขน้ึ ไปท่มี ี ความสมั พันธก์ ัน มีผลประโยชนร์ ่วมกนั ง. การมีสว่ นร่วมของประชาชน 8. ขอ้ ใดต่อไปน้ี ควรยดึ ถือเป็นแบบอย่างในการดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั การเศรษฐกจิ พอเพียงในช่วงภาวะ เศรษฐกิจของประเทศตกต่า ก. นิตยา สงั่ จองรถยนตร์ ุ่นใหม่ทีน่ าํ เขา้ มาจากยุโรป ข.สาวิตรี เดนิ ทางไปพกั ผ่อนต่างประเทศเปน็ ประจําทกุ เดือน ค. จันทิมา น่ังรถประจาํ ทางมาทาํ งานแทนการขบั รถสว่ นตัว ง. พรรณทิภา สั่งซื้อเคร่อื งสําอางของตา่ งประเทศทางอินเตอรเ์ นต็ 9. ข้อใดไมใ่ ชโ่ ครงสรางของชุมชน ก. กลุมคน ข. สถาบันทางสังคม ค. สถานภาพและบทบาทสถานภาพ

ค่มู อื พฒั นาระบบการเรยี นรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 90 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ง. ชุมชน 10. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งค์ประกอบสาคญั ของการบรหิ ารจดั การชุมชน ก. การพงึ่ ตนเอง ข. การเขามีสวนรวมของประชาชน ค. การจดั ใหมกี ารบริการทางเทคนิคและบริการอืน่ ๆทจี่ ะเรงเราใหเกิดความคิดริเรมิ่ ง. การใหผ้ ู้อ่นื ชว่ ยเหลอื ************************************ เฉลย 1. เฉลย ค รัชกาลท่ี 9 2. เฉลย. ค พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมคิ ้มุ กนั 3. เฉลย ค ความพอเพยี ง หมายถึง พออยู่ พอกิน พอใช้ และไมพ่ งึ่ พาผอู้ ่ืน 4. เฉลย ง ใช้ถงุ ผา้ แทนถงุ กระดาษแทนและถุงพลาสตกิ ในการซอื้ ของ 5. เฉลย ง ถูกทุกขอ้ 6. เฉลย ก คน คุณคา่ คุณธรรม 7. เฉลย ค พ้นื ท่ีหรอื อาณาบรเิ วณทมี่ ีการรวมกลมุ่ กนั ของคนมากกว่า 2 ขึ้นไปที่มคี วามสัมพนั ธ์กนั มีผลประโยชนร์ ว่ มกนั 8. เฉลย ค จันทิมา นัง่ รถประจําทางมาทาํ งานแทนการขับรถสว่ นตัว 9. เฉลย ง ชมุ ชน 10. เฉลย ง การให้ผูอ้ ่ืนช่วยเหลอื

ค่มู ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควดิ -19 91 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ า วชิ าลกู เสือ กศน. รหสั รายวิชา สค32035 ระดบั ม.ปลาย เรื่อง การลูกเสือไทย สาระสาคญั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นความสําคัญของกิจการลูกเสือจึงได้ทรง พระราชทานกําเนิดลูกเสือไทยข้ึนเม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ในการต้ังลูกเสือก็เพื่อให้คนไทยรักชาติ บ้านเมือง เป็นผู้นับถือศาสนาและมีความสามัคคี ไม่ทําลายซ่ึงกันและ กันเป็นรากฐานแห่งความม่ันคงของ ประเทศชาติ โดยกิจการลูกเสือไทย เร่ิมข้ึนครั้งแรกที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ใน ปัจจุบนั ) เม่ือวนั ท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454มีความเจริญก้าวหน้ามาถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2561) นับเนื่องเป็นเวลา 107 ปี โดยจาํ แนกตามรชั สมัยดังน้ี 1) รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 6 (พ.ศ. 2454 –2468)2) รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 (พ.ศ. 2468 –2477) 3) รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลท่ี 8 (พ.ศ. 2477 – 2489) 4) รัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอลุยเดช รัชกาลที่ 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) และ 5) รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหา วชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561ถึงปัจจุบัน)พระราชบัญญัติลูกเสือ แห่งชาติ พ.ศ. 2551 ได้กําหนดไว้ว่าคณะลูกเสือแห่งชาติประกอบด้วย บรรดาลูกเสือทั้งปวง และบุคลากร ทางการลูกเสือ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ การบริหารงานของคณะลูกเสือ แหง่ ชาติ ประกอบดว้ ยสภาลูกเสือแห่งชาติมนี ายกรัฐมนตรีเปน็ สภานายก มกี รรมการโดยตําแหน่ง และกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ มี กรรมการโดยตําแหน่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน กรรมการมกี รรมการโดยตําแหนง่ กรรมการประเภทผูแ้ ทน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการลูกเสือเขตพ้ืนที่ การศกึ ษา มผี ้อู ํานวยการสาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา เป็นประธานกรรมการ มีกรรมการโดยตําแหน่ง กรรมการ ประเภทผู้แทน และกรรมการผ้ทู รงคุณวฒุ ิ ตัวชี้วัด 1. อธิบายประวตั กิ ารลกู เสอื ไทย 2. อธบิ ายความรู้ทวั่ ไปเกี่ยวกับคณะลูกเสือแหง่ ชาติ ขอบข่ายเนอ้ื หา เร่ืองที่ 1 ประวตั กิ ารลูกเสือไทย 1.1 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยู่หัว 1.2 กําเนดิ ลูกเสือไทย 1.3 กจิ การลกู เสือไทยแต่ละยคุ เรื่องท่ี 2 ความร้ทู ว่ั ไปเก่ียวกบั คณะลกู เสือแหง่ ชาติ 2.1 คณะลกู เสอื แหง่ ชาติ

คูม่ ือพฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควดิ -19 92 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 2.2 การบริหารงานของคณะลกู เสอื แหง่ ชาติ 2.3 การลูกเสอื ในสถานศกึ ษา เวลาทใี่ ช้ในการศกึ ษา 3 ชว่ั โมง สอ่ื การเรยี นรู้ 1. ชดุ วชิ าลกู เสือ กศน. รหสั รายวชิ า สค32035 2. สมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นรปู้ ระกอบชดุ วิชา 3. สอ่ื เสรมิ การเรียนรู้อนื่ ๆ แบบทดสอบก่อนเรียน วิชาลกู เสอื กศน. รหัสรายวิชา สค32035 ระดับ ม.ปลาย เรื่อง การลูกเสือไทย คาชแี้ จง ให้นักศกึ ษาทําเครอ่ื งหมายวงกลม ( X ) หนา้ คําตอบที่ถกู ตอ้ งที่สดุ เพียงขอ้ เดียว

คู่มอื พัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณโ์ ควิด-19 93 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 1.วนั ฉลองครบรอบวันกําเนิดลูกเสอื ไทย คอื วันใด ก. 1 กรกฏาคม 2502 ข. 1 กรกฏาคม 2504 ค. 1 กรกฏาคม 2508 ง. 1 กรกฏาคม 2510 2. กองลกู เสือกรุงเทพฯ ท่ี 1 ลกู เสือคนแรกของประเทศไทย คือ ใคร ก. นายปรีดี พนมยงค ข. นายชพั น บุนนาค ค. นายราม วชิราวุธ ง. นายอภยั จันทวิมล 3.กําหนดใหพระมหากษตั รยิ ทรงดํารงตําแหนง ใด ก. ประธานสภาคณะกรรมการจัดการลกู เสือแหงชาต ข. ผูบังคบั บญั ชาลกู เสอื ค. บรมราชูปถมั ภคณะลกู เสอื แหงชาติ ง. ประธาน กองลูกเสอื รักษาพระองคพระเจาแผนดนิ สยาม 4.รูป เฟอร เดอ ลีร ประกอบกบั รูปหนาเสอื มีอกั ษรจารึก ดานลางวา ก. เสยี ชีพอยาเสียสัตย ข. เสยี ชีพอยาวาจา ค. จงอย่าเสียชพี ง. เสียสัตยอยา่ เสยี ชพี 5. “King of Siam ’s own boy scout group” แปลว่า ก. กองลูกเสือชาวบาน ข. กองเนตรนารี โรงเรียนกลุ สตรีวงั หลงั ค. กองลูกเสอื ในพระเจากรงุ สยาม ง. กองลูกเสอื 6.ข้อใดคอื การนํากฎของลูกเสอื มาใชใ้ นชีวติ ประจําวนั ก.สู้ตรงน้ี ส้ทู ี่น่ี สู้จนตาย ข.เลกิ ชีวิต วนุ่ วาย ในทกุ ท่ี ค.เราสรู้ บ จนสุดใจ ขาดดน้ิ ง.ต้องใจม่ัน ยม้ิ ได้เมอ่ื ภยั มา

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรยี นรู้ช่วงสถานการณ์โควิด-19 94 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 7.ขอ้ ใดไม่ใชค่ ําปฏิญาณของลกู เสอื ก. ข้าจะชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ทกุ เมอ่ื ข. ขา้ จะปฏิบัตติ ามกฎของลูกเสอื ค. ข้าจะประพฤตชิ อบด้วยกาย วาจาใจ ง. ข้าจะจงรักภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ 8.พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาวชิราวธุ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู วั รชั กาลท่ี 6 เสดจ็ ขน้ึ ครองราชย์เม่ือใด ก. 22 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ข. 23 ตลุ าคม พ.ศ. 2453 ค. 24 ตลุ าคม พ.ศ. 2453 ง. 25 ตุลาคม พ.ศ. 2453 9.กองลูกเสอื กองแรกของโลกตงั้ ขึ้นทป่ี ระเทศใด ก. ประเทศอังกฤษ ข. ประเทศรสั เซยี ค. ประเทศฝร่งั เศส ง. ประเทศฮอลันดา 10.ในการชมุ นุมลกู เสอื โลก คร้ังท่ี 1 บี.พี. ไดร้ บั การยกย่องและแต่งต้ังใหร้ ับตาํ แหนง่ ใด ก. ประมุขของคณะลูกเสอื โลก ข. ผแู้ ทนคณะลกู เสือโลก ค. ผ้ใู หก้ ําเนิดลูกเสอื โลก ง. ผ้นู ําคณะลกู เสือโลก เรอ่ื งที่ 1 ประวตั กิ ารลกู เสอื ไทย พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั ทรงเล็งเหน็ ความสําคญั ของกจิ การลกู เสือจงึ ได้ทรง พระราชทานกําเนดิ ลกู เสือไทยขนึ้ เมือ่ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 โดยมีพระราชประสงค์ 3 ประการ ซึ่งเป็น รากฐานแห่งความม่ันคงที่จะนําให้ชาติดํารงอยู่เป็นไทยได้สมนามคือ 1) ความจงรักภักดีต่อผู้ทรงดํารงรัฐสีมา อาณาจกั รโดยตอ้ งตามนิติธรรมประเพณี 2) ความรกั ชาติบา้ นเมืองและนบั ถอื พระศาสนา และ 3) ความสามัคคีใน คณะและไม่ทําลายซ่ึงกันและกันประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่สามของโลกที่มีลูกเสือ โดยต้ังกองลูกเสือกอง แรกขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงหรือโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน เรียกว่า กองลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ 1 ลูกเสอื คนแรกของประเทศไทย คอื นายชพั น์ บนุ นาค พระองคไ์ ด้ทรงดาํ เนินการสอนลูกเสือโดยพระองค์เอง วิชาท่ี ใช้ในการฝึกอบรมเป็นวิชาฝึกระเบยี บแถว ทา่ อาวุธ การสะกดรอย หน้าที่ของพลเมือง ฯลฯ และได้ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกองลูกเสือตามโรงเรียนต่าง ๆ ทําให้กิจการ ลกู เสือได้รับความนิยมแพร่หลายและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีข้อบังคับลักษณะ

คู่มือพฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควิด-19 95 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย การปกครองลูกเสือ พระองค์ทรงต้ังสภากรรมการลูกเสือแห่งชาติและพระองค์ดาํ รงตําแหน่งสูงสุดของคณะลูกเสือ แห่งชาติหลังจากน้ันพระมหากษัตริย์ไทยทุกประองค์ทรงเป็นพระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติประวัติลูกเสือ ไทย แบ่งออกเปน็ 5 ยคุ ได้แก่ 1) ยุคก่อตั้ง (พ.ศ. 2454 - 2468) เป็นยุครัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ-เกล้าเจ้าอยู่หัว โดย พระองค์ทรงสถาปนาลูกเสือแห่งชาติขึ้น เม่ือวันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2454โปรดให้ต้ังกองลูกเสือกองแรกข้ึนที่ โรงเรียนมหาดเล็กหลวง เรยี กวา่ กองลูกเสือกรุงเทพฯ ท่ี 1ซึ่งต่อมากิจการลกู เสือได้ขยายตวั ไปหลายจงั หวัด 2) ยุคสง่ เสริม (พ.ศ. 2468 - 2482) เร่ิมตัง้ แต่แผ่นดนิ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้า-เจ้าอยู่หัว จนถึงต้น สงครามโลกคร้ังท่ี 2 ยุคน้ีได้มีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก เม่ือพ.ศ. 2470 ณ พระราชวังอุทยาน สราญรมย์ จังหวัดพระนคร และเมื่อ พ.ศ. 2473 ได้มีการจัดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ คร้ังท่ี 2 ณ สถานที่ เดียวกัน ปี พ.ศ.2476 ตั้งกองลูกเสือสังกัดกรมพลศึกษากระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ศ. 2482 ได้มีการตรา พระราชบัญญัตลิ ูกเสือขน้ึ เปน็ ฉบับแรก 3) ยุคประคับประคอง (พ.ศ. 2482 - 2489) เป็นยุคที่อยู่ในระหว่างเกิดสงครามโลกครั้งท่ี 2 ผลของ สงครามทาํ ใหก้ ิจการลูกเสือซบเซาลงมาก มีการตราพระราชบัญญัติยุวชนแห่งชาติขึ้นโดยแบ่งหน่วยราชการเป็น หนว่ ยลูกเสอื และหนว่ ยยวุ ชนทหาร 4) ยุคก้าวหน้า (พ.ศ. 2489 - 2514) กิจการลูกเสือที่สําคัญที่เกิดข้ึนในยุคนี้คือ การยกเลิก พระราชบัญญัติยุวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2486 ได้ตราพระราชบัญญัติลูกเสือขึ้นพ.ศ. 2490 และได้ต้ังค่ายลูกเสือ วชิราวุธท่ีจังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2504 มีการฝึกอบรมวิชาผู้กํากับลูกเสือสามัญ ขั้นวูดแบดจ์ คร้ังที่ 1 และส่ง เจา้ หนา้ ทไี่ ปรว่ มกจิ กรรมของกิจกรรมลกู เสอื นานาชาติกจิ กรรมของลกู เสือโลกหลายกจิ กรรม 5) ยุคถึงประชาชน (พ.ศ. 2514 - ปัจจุบัน) เกิดกิจกรรมลูกเสือชาวบ้านโดยสภาลูกเสือแห่งชาติ มีมติรับกิจการ ลูกเสือชาวบ้านเป็นส่วนหนึง่ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติเม่ือ พ.ศ. 2516 และกระทรวงศึกษาธิการได้มีคําส่ังลงวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2516ให้นาํ วิชาลกู เสอื เข้าสู่หลกั สูตรของโรงเรียนจะเหน็ ไดว้ ่ากิจการลูกเสือมีประวัติที่ยาวนาน เป็นกระบวนการที่ท่ัวโลกยอมรับ ว่าสามารถพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองท่ีดี มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อส่วนรวมและชาติบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี รู้จักการ ทํางานเป็นระบบหมู่ รู้จักการเป็นผู้นําและผู้ตาม รวมทั้งเป็นกระบวนการที่ฝึกคนให้รู้จักการเป็นประชาธิปไตย ฝึกผู้ใหญ่ให้รู้จัก วิธีการฝึกชาวบ้านใหร้ ้จู กั แยกแยะชวั่ ดี 1.1 พระราชประวัตขิ องพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ(สมเดจ็ พระนางเจ้าเสาวภาผอ่ งศรี)ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 ได้รับ พระราชทานพระนามว่าสมเด็จเจา้ ฟาู วชริ าวุธเมือ่ ทรงพระเยาวไ์ ด้ศึกษาวิชาหนังสอื ไทยกับพระยาศรีสุนทรโวหาร เพิ่งได้พระชนมายุ ได้ 13พรรษาเสด็จไปทรงศกึ ษาณประเทศอังกฤษในสาขาประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ กฎหมาย วรรณคดี ท่ีมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด และวิชาทหารบกทโ่ี รงเรยี นแฮนดเ์ ฮิสต์ รวม9ปี พระองค์ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระบรมชนกนาถเม่ือวันท่ี 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ขณะน้ันมี พระชนมายุได้ 31 พรรษา ตลอดรัชสมัยของพระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจทํานุบํารุงประเทศชาติในด้านการปกครอง การทหารการศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคม การศาสนา โดยเฉพาะทางวรรณคดีทรงพระราชนิพนธ์ท้ังร้อยแก้ว ร้อยกรอง ประมาณ200เร่ืองด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ประชาชนจึงถวายพระสมญาแดพ่ ระองค์วา่ “พระมหาธีรราชเจ้า” ทรงอยู่ใน

คู่มือพฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณโ์ ควดิ -19 96 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ราชสมบตั เิ พยี ง16ปี เสด็จสวรรคตเมอ่ื วันที่ 25พฤศจกิ ายนพ.ศ. 2468 พระชนมายุ 46 พรรษา แต่เน่ืองด้วยพระราชกรณียกิจ ของพระองค์ ทําให้เกิดคุณประโยชน์แก่บ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง รัฐบาลกับประชาชนจึงร่วมใจกันสร้างพระบรมรูปของพระองค์ ประดิษฐานไว้ท่ีสวนลุมพินี และคณะลูกเสือแห่งชาติ ร่วมด้วยคณะลูกเสือท่ัวราชอาณาจักร ได้สร้างพระบรมรูปของพระองค์ ประดษิ ฐานไว้หนา้ ค่ายลูกเสอื วชิราวธุ อําเภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบุรี 1.2 กาเนิดลกู เสือไทย ในการต้ังลูกเสือก็เพื่อให้คนไทยรักชาติบ้านเมือง เป็นผู้นับถือศาสนาและมีความสามัคคี ไม่ทําลายซ่ึงกันและกัน เป็นรากฐานแห่งความมั่นคงของประเทศชาติ ทรงใหท้ ่ีมาของชือ่ ลูกเสอื ไว้วา่ “ลูกเสือบใ่ ช่เสอื สัตวไ์ พร เรายืมมาใช้ด้วยใจกลา้ หาญปานกัน ใจกล้ามิใช่กล้าอธรรม์ เชน่ เสอื อรญั สัญชาตชิ นคนพาล ใจกล้าต้องกล้าอยา่ งทหาร กล้ากอปรกจิ การแก่ชาติประเทศเขตคน” พุทธศักราช 2454 (ค.ศ. 1911) พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ทรงก่อต้ังกจิ การลกู เสือไทย เม่อื วันที่ 1 กรกฎาคม 2454 พทุ ธศักราช 2463 (ค.ศ. 1920) สง่ ผู้แทนคณะลูกเสือไทยไปรว่ มงานชุมนมุ ลกู เสอื โลก ครง้ั ที่ 1 ณ ประเทศองั กฤษ พทุ ธศักราช 2465 (ค.ศ. 1922) คณะลกู เสือแหง่ ชาติ เข้าเปน็ สมาชิกสมัชชาลกู เสือโลก พุทธศกั ราช 2467 (ค.ศ. 1924) สง่ ผู้แทนคณะลูกเสอื ไทยไปรว่ มงานชมุ นมุ ลกู เสือโลก ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมารก์ พุทธศักราช 2470 (ค.ศ. 1927) จัดงานชุมนุมลกู เสอื แห่งชาตคิ รั้งท่ี 1 (1st National Jamboree) ณ พระราชอทุ ยานสราญรมย์ 26 กุมภาพนั ธ์ - 3 มนี าคม 2470 จํานวนลูกเสือไทยทั้งส้ิน 1,836 คน พุทธศกั ราช 2473 จัดงานชมุ นุมลูกเสือแห่งชาตคิ รง้ั ที่ 2 (2st National Jamboree) ณ พระราชอทุ ยานสราญรมย์ 1 - 7 มกราคม 2473 จํานวนลูกเสอื ไทย 1,955 คน ลูกเสือต่างประเทศ 22 คน พทุ ธศกั ราช 2478 กําเนิดตราประจาํ คณะลกู เสอื แหง่ ชาติ พทุ ธศักราช 2497 จัดงานชุมนมุ ลูกเสือแห่งชาติครงั้ ที่ 3 (3st National Jamboree) ณ กรฑี าสถานแหง่ ชาติพระนคร 20 - 26 พฤศจิกายน 2497 จาํ นวนลูกเสือไทย 5,155 คน พทุ ธศักราช 2499 (ค.ศ. 1956) เปน็ สมาชิกของสํานกั งานลูกเสอื ภาคตะวันออกไกล ซ่งึ เพ่ิงจดั ตั้งขึ้น ขณะน้ันมปี ระเทศสมาชิกอยู่ 10 ประเทศ พทุ ธศกั ราช 2504 (ค.ศ. 1961)

คู่มอื พัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควิด-19 97 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เฉลมิ ฉลองครบรอบ 50 ปีลูกเสือไทยจัดงานชุมนมุ ลูกเสอื แหง่ ชาตคิ ร้งั ท่ี 4 ณ สวนลุมพินี พระนคร 19 - 25 พฤศจิกายน 2504 จาํ นวนลกู เสือไทย 5,539 คน ลูกเสือต่างประเทศ348 คน พุทธศกั ราช 2505 (ค.ศ. 1962) เป็นเจา้ ภาพจัดการประชุมผบู้ งั คับบัญชาลูกเสอื ภาคพ้ืนตะวนั ออกไกล ครัง้ ที่ 3(3rd Far East Scout Conference) ณ ศาลาสันตธิ รรม พุทธศักราช 2508 (ค.ศ. 1965) จัดงานประชมุ สภาลกู เสือแหง่ ชาติ ครง้ั ที่ 1 (1st National Scout Conference)จัดงานชมุ นมุ ลูกเสอื แหง่ ชาตคิ รั้งท่ี 5 (5st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวธุ 9 - 15 ธันวาคม 2508 จาํ นวน ลูกเสือไทย 5,736 คน ลกู เสือตา่ งประเทศ 431 คน พุทธศักราช 2512 (ค.ศ. 1969) จดั งานชุมนมุ ลูกเสอื แหง่ ชาติครง้ั ท่ี 6 (6st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชริ าวธุ 11 - 17 ธันวาคม 2512 จํานวนลูกเสอื ไทย 5,000 คน ลกู เสอื ต่างประเทศ 582 คน พุทธศักราช 2514 (ค.ศ. 1971) เฉลมิ ฉลองครบรอบ 60 ปีการลูกเสือไทยทดลองเปิดอบรมลกู เสอื ชาวบ้านคร้ังแรก ณ บา้ นเหล่ากอหก ก่ิงอาํ เภอนาแห้วจงั หวดั เลยจดั งานชมุ นุมลกู เสือแห่งชาติคร้ังท่ี 7 (7st National Jamboree) ณ ค่าย ลูกเสอื วชริ าวุธ28 - 30 มถิ นุ ายน 2514 จํานวนลกู เสือไทย 1,667 คน ลกู เสอื ต่างประเทศไม่ได้เข้า ร่วม พทุ ธศักราช 2516 (ค.ศ. 1973) จัดงานชุมนมุ ลูกเสือแหง่ ชาตคิ รั้งที่ 8 (8st National Jamboree) ณ ค่ายลกู เสอื วชริ าวธุ 23 - 30 พฤศจิกายน 2516 จํานวนลูกเสอื ไทย 4,968 คน ลูกเสือตา่ งประเทศ 256 คน พุทธศกั ราช 2520 (ค.ศ. 1977) จัดงานชุมนมุ ลูกเสอื แห่งชาตคิ รงั้ ที่ 9 (9st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสือวชิราวธุ 21 - 27 พฤศจิกายน 2520 จํานวนลกู เสอื ไทย 10,827 คน ลกู เสือตา่ งประเทศ 159 คน พทุ ธศกั ราช 2523 (ค.ศ. 1980) จดั งานชมุ นมุ ลูกเสือแหง่ ชาติครง้ั ท่ี 10 (10st National Jamboree)ณ ค่ายลูกเสือวชริ าวุธ 28 ธ.ค. 2523 - 3 ม.ค. 2524 จํานวนลูกเสือไทย 12,692 คน ลกู เสือต่างประเทศ 108 คน พทุ ธศักราช 2528 (ค.ศ. 1985) เปน็ เจา้ ภาพจัดงานชมุ นมุ ลูกเสือภาคพ้นื เอเชยี - แปซิฟกิ ครงั้ ที่ 9งานชมุ นมุ ลูกเสอื แห่งชาติ คร้ังท่ี 11 (11st National Jamboree)ณ ค่ายลกู เสือวชิราวุธ21 - 27 พฤศจิกายน 2528 จาํ นวนลกู เสอื ไทย 5,336 คน ลูกเสือต่างประเทศ 391 คน พทุ ธศกั ราช 2529 (ค.ศ. 1986) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาลูกเสอื ภาคพืน้ เอเชยี - แปซิฟกิ ครั้งที่ 15 พทุ ธศักราช 2532 (ค.ศ. 1989)

คมู่ ือพัฒนาระบบการเรียนรู้ช่วงสถานการณโ์ ควิด-19 98 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย งานชุมนุมลกู เสือครั้งที่ 12 ณ ค่ายลกู เสือวชริ าวธุ 21 - 27 พฤศจกิ ายน 2532 จาํ นวนลกู เสือไทย 9,330 คน ลูกเสอื ต่างประเทศ 422 คน พุทธศกั ราช 2534 (ค.ศ. 1991) จดั กิจกรรมเฉลิมฉลอง 80 ปลี กู เสอื ไทยงานชมุ นมุ ลูกเสอื แหง่ ชาติ คร้ังท่ี 13 (13st National Jamboree)ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวุธ1 - 7 กรกฎาคม 2534 จํานวนลกู เสอื ไทย 10,022 คน ลูกเสือ ต่างประเทศ 357 คน พทุ ธศักราช 2536 (ค.ศ. 1993) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาลกู เสือโลก คร้ังท่ี 33 ทก่ี รุงเทพ (33rd WorldScout Conference) งานชุมนมุ ลกู เสือแห่งชาติ ครงั้ ที่ 14 (14st National Jamboree) ณ ค่ายลูกเสอื วชิราวุธ 22 - 28 พฤศจิกายน 2536 จาํ นวนลกู เสือไทย 10,263 คน ลกู เสือตา่ งประเทศ 357 คน พุทธศักราช 2540 (ค.ศ. 1997) จัดงานชมุ นมุ ลูกเสือแห่งชาตคิ รงั้ ท่ี 15 (15st National Jamboree)ณ ค่ายลกู เสอื วชิราวธุ 21 - 27 พฤศจิกายน 2540 จํานวนลูกเสอื ไทย 11,274 คน ลูกเสอื ตา่ งประเทศ 160 คน พุทธศกั ราช 2544 (ค.ศ. 2001) เฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีลูกเสอื ไทยเตรยี มการ การจัดงานชมุ นุมลูกเสือโลกจัดงานชมุ นมุ ลกู เสือ แหง่ ชาติ ครัง้ ที่ 16 ณ หาดยาว จ.ชลบรุ ี 28 ธ.ค. 2544 - 4 ม.ค. 2545 พุทธศกั ราช 2546 (ค.ศ. 2003) เป็นเจา้ ภาพจัดงานชมุ นุมลูกเสอื โลก คร้ังท่ี 20 (20th World Scout Jamboree) พทุ ธศกั ราช 2548 (ค.ศ. 2005) จดั งานชุมนุมลูกเสอื แห่งชาติคร้ังท่ี 17 (17st National Jamboree) ณ หาดยาว จ.ชลบรุ ี 25 - 31 กรกฎาคม 2548 เปน็ เจ้าภาพจัดงานชุมนุมลกู เสือภาคพื้นเอเชยี - แปซฟิ ิก คร้ังท่ี 25 (25th Asia –Pacific Regional Scout Jamboree) พทุ ธศกั ราช 2552 (ค.ศ. 2009) จัดงานชุมนุมลูกเสอื แหง่ ชาตคิ รั้งที่ 18 ณ คา่ ยลูกเสอื ไทยเฉลิมพระเกยี รติ จ.ตรัง 25-30 เมษายน 2552 พุทธศกั ราช 2554 (ค.ศ. 2011) เฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปกี ารลูกเสอื ไทย 1.3 กิจการลกู เสอื ไทยแต่ละยุค กิจการลูกเสือไทย เริ่มขึน้ ครั้งแรกท่โี รงเรยี นมหาดเล็กหลวง (โรงเรียนวชริ าวุธวทิ ยาลัย ในปัจจบุ นั ) เมือ่ วันท่ี 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 มีความเจรญิ กา้ วหน้ามาถงึ ปจั จุบนั (พ.ศ. 2561) นบั เนือ่ งเป็นเวลา 107 ปี โดย จําแนกตามรชั สมัย ดังน้ี 1) รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6(พ.ศ. 2454 –2468) 2) รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ 7(พ.ศ. 2468 –2477) 3) รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานันทมหดิ ล รัชกาลที่ 8(พ.ศ. 2477 – 2489)

คู่มือพัฒนาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 99 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 4) รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอลยุ เดช รชั กาลที่ 9 (พ.ศ. 2489 – 2559) 5) รัชสมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู รัชกาลท่ี 10 (พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561 ถึงปจั จุบนั ) 1) การลูกเสือไทยรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ 6 (พ.ศ. 2454 – 2468) ภายหลงั จากท่ีพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ทรงพระราชทานกําเนิดเสือปุาได้ 2 เดือน ซ่ึงใน ระยะเวลาน้ันกิจการเสือปุาได้ดําเนินไปอย่างเป็นท่ีพอพระราชหฤทัยอย่างยิ่ง เห็นได้จากการเพิ่มจํานวนสมาชิก ของเสือปุาทีม่ ากขนึ้ และกจิ การเสือปุาถกู จําแนกออกไปเปน็ กองเสือปุาประเภทต่าง ๆ อีกมาก แม้จะทรงพอพระ ราชหฤทัยเพียงใด พระองค์ก็ไม่เคยที่จะยุติในพระราชดําริท่ีจะเป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ ด้วยพระองค์ทรง เหน็ ว่ากจิ การเสอื ปาุ นัน้ แม้จะประสบผลสําเร็จเพียงใด แต่สมาชิกน้ันเป็นผู้ใหญ่แต่ฝุายเดียว ทั้ง ๆ ที่บ้านเมืองนั้น ประกอบด้วยพลเมอื งหลายช่วงวยั เดก็ ผชู้ ายทง้ั หลายกเ็ ป็นผู้ทสี่ มควรจะได้รบั การฝึกฝน และ ปลกู ฝงั อดุ มการณค์ วามรักชาติไปพรอ้ ม ๆ กบั การฝึกฝนใหม้ คี วามรู้ และทักษะในทางเสือปุาด้วยเพื่อว่าในอนาคต เม่ือเตบิ โตขึน้ จะได้ประพฤติตวั ใหเ้ ป็นประโยชน์แกบ่ า้ นเกดิ เมอื งนอนดงั นน้ั ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระราชทานกําเนิดกิจการ เสอื ปุาสําหรบั เดก็ ชาย ท่ีทรงพระราชทานชอ่ื ว่า ลูกเสอื ในกิจการน้ีพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ท่ีให้เด็กชายจด จําหลกั สําคัญ 3 ประการคือ 1) ความจงรกั ภกั ดีต่อผทู้ รงดํารงรัฐสมี าอาณาจักร โดยตอ้ งตามนติ ิธรรมประเพณี 2) ความรักชาติบ้านเมอื ง และนบั ถอื พระศาสนา 3) ความสามคั คีในคณะ และไม่ทาํ ลายซง่ึ กนั และกัน การก่อตงั้ กิจการลกู เสือในคร้ังแรกน้ัน พระองคท์ รงต้งั กองลกู เสือใหม้ ีในโรงเรยี นก่อน และกองลูกเสือกอง แรกของสยามประเทศคือ กองลูกเสือโรงเรียนมหาดเลก็ หลวงหรือโรงเรยี นวชิราวธุ ในปัจจุบัน และถูกเรียกว่ากอง ลูกเสือหลวง หรือกองลูกเสือกรุงเทพท่ี 1และลูกเสือในโรงเรียนนี้ก็ถูกเรียกว่าลูกเสือหลวงเช่นกัน ก่อนท่ีกิจการ ลกู เสอื จะขยายไปส่โู รงเรียนเดก็ ชายทว่ั ประเทศในเวลาไม่นาน โดยลูกเสือคนแรก คือ นักเรียนโรงเรียนมหาดเล็ก หลวงท่ีชื่อ ชัพน์ บุนนาค การเป็นลูกเสือของนาย ชัพน์ บุนนาค นั้นเกิดจากการท่ีได้แต่งเคร่ืองแบบลูกเสือ และ กลา่ วคําปฏิญาณของลกู เสือ ซ่งึ เป็นการกลา่ วตอ่ หน้าพระพกั ตร์ ซ่ึงคร้งั นัน้ มีผทู้ ่ีบนั ทึกเหตุการณ์เอาไว้ว่า ร.6 - “อา้ ยชัพน์ ดอกหรือ เอ็งกลา่ วคําสาบานของลกู เสอื ไดห้ รือเปลา่ ”ชพั น์ - “ขา้ พระพุทธเจา้ ท่องมาแลว้ ว่า 1. ขา้ จะมใี จจงรักภกั ดตี อ่ พระเจา้ อยู่หวั 2. ข้าจะประพฤติตนให้สมควรเปน็ ลูกผู้ชาย 3. ข้าจะประพฤตติ นตามข้อบงั คับและแบบแผนของลกู เสือ” ร.6 – ในหน้าท่ซี ง่ึ ขา้ ได้เป็นผู้ประสิทธิประสาทลกู เสือของชาติขึ้นมา ข้าขอให้เจา้ เป็นลกู เสือคนแรก”จากนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดาํ รสั เพียงส้นั ๆ วา่ “อา้ ย ชพั น์ เอง็ เปน็ ลูกเสอื แล้ว\"และแล้วกจิ การลกู เสอื ก็ไดถ้ ือกําเนิดข้ึนมาอย่างสมบรู ณ์แบบ ตอ่ มาพระองคก์ ็ทรงพระราชทานคติพจนใ์ ห้กบั ลูกเสอื ที่ภายหลังลือลนั่ ไป ทว่ั ท้ังแผ่นดินและเปน็ ทก่ี ล่าวขาน ราํ ลึก พูดสอนกนั อย่างตดิ ปากใน สงั คม อีกทง้ั ยงั ปรากฏอย่บู นเครอ่ื งหมายสาํ คญั ต่าง ๆของลูกเสอื ว่า

คู่มือพฒั นาระบบการเรียนรู้ชว่ งสถานการณ์โควิด-19 100 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย “เสียชีพอยา่ เสียสตั ย์”คาํ วา่ ลกู เสือ ท่พี ระองค์ทรงพระราชทาน ช่อื นน้ั มนี ยั วา่ พระองค์ทรงเลน่ ลอ้ คํากบั คําวา่ เสือปา่ ที่บางครัง้ ทรงเรียกวา่ พอ่ เสอื และเม่ือมกี ิจการแบบเดยี วกันท่ีมีเหลา่ สมาชกิ เปน็ เด็กชาย พระองคจ์ ึงทรงใช้คําว่าลูกเสือ แตภ่ ายหลังทรงพระราชนิพนธถ์ ึงที่มาของชอื่ ลูกเสือ อยา่ งเปน็ ทางการเอาไว้วา่ “ลกู เสือ บ่ ใช่สัตวเ์ สอื ไพร เรายืมมาใชด้ ว้ ยใจกลา้ หาญปานกัน ใจกล้ามใิ ชก่ ลา้ อาธรรม์ เชน่ เสืออรัญสัญชาติชนคนพาล ใจกล้าต้องกลา้ อย่างทหาร กลา้ กอปรกิจการแก่ชาตปิ ระเทศเขตคน\" เปน็ เวลา 6-7 เดือน หลังจากท่ี พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอย่หู ัวฯ ทรงพระราชทานกาํ เนิดลูกเสอื ในสยามประเทศ หากย้อนกลับไปท่ีประเทศองั กฤษทีเ่ ป็น ต้นกําเนิดกจิ การลูกเสือโลกขณะนั้น กก็ ําลงั คึกคกั และแพร่ ขยายความนยิ มไปยังพนื้ ท่ีตา่ ง ๆ ท่ัวเกาะองั กฤษ เดก็ ๆ รวมไป ถงึ ผู้ใหญ่ต่างใหค้ วามสนใจในกิจการนม้ี าก นายซิดนีย์ ริชเชส ซ่ึงอดตี เคยเป็นครูสอนศาสนาวันอาทิตย์ เป็นผหู้ น่ึงท่ีสนใจ กิจการลกู เสือ และได้เขา้ รับตําแหนง่ เปน็ ผูก้ าํ กบั กองลกู เสอื ท่ี 8 แหง่ ลอนดอนตะวนั ตกเฉยี งใต้ นายริชเชส ซ่ึงครง้ั หน่ึงบิดาของเขาได้เคยทํางานอยู่ในสถานกงศุลไทย ซึ่งภายหลัง ไดเ้ ปน็ ถึงกงศุลใหญ่ประจาํ สถานทูตไทยณ กรงุ ลอนดอนนั้นมคี วามใกล้ชิดสนิทสนมกับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยหู่ วั เมือ่ ครง้ั ท่ยี งั ทรงดาํ รงอิสรยิ ยศเป็นมงกฎุ ราชกมุ าร สมัยทีย่ งั ทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษและเมื่อ ความเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือในอังกฤษนั้น ควบคู่ไปกับการเจริญก้าวหน้าของกิจการลูกเสือแห่งสยาม ประเทศ ขา่ วคราวของกิจการลูกเสือแห่งสยามประเทศ ก็แพร่กระจายเข้าสู่เกาะอังกฤษอย่างรวดเร็ว นายริชเชส เปน็ ผู้หนึง่ ท่ไี ดร้ ับทราบขา่ วน้นั และประกอบกบั ความสัมพันธ์ของผู้เป็นบิดากับพระเจ้าแผ่นดินแห่งสยามประเทศ เขาจึงได้ทําหนังสือมากราบบังคมทูลอัญเชิญ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว ให้ทรงเปน็ องคอ์ ปุ ถัมภ์กองลกู เสอื ท่ีเขาเป็นผู้กาํ กับอยู่และขอพระบรมรา ชานญุ าตใหช้ อื่ ลูกเสือกองน้ีว่า “King of Siam ’s ownboy scout group” ซ่ึงแปลว่า กองลูกเสือในพระเจ้า กรุงสยาม หรือ กองลูกเสือแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม หรือ กองลูกเสือรักษาพระองค์พระเจ้า แผน่ ดนิ สยาม โดยมีชอ่ื ย่อวา่ K.S.O. หลงั จากทพ่ี ระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ได้ทรงพระราชกรณุ าโปรดเกล้าให้จัดตง้ั กองลูกเสือ แหง่ ชาติขึน้ เพยี ง 5 เดือนเท่านั้น ก็ปรากฏวา่ มีกองลกู เสอื ทวั่ ราชอาณาจกั รอยถู่ งึ 61 กอง การดาํ เนินกจิ การลูกเสือทั่วทง้ั โลก มกั มลี ักษณะท่ีเหมอื นกันอยา่ งหนึ่งคือ เรมิ่ จากกิจการลกู เสือสําหรับเดก็ ชายก่อน