Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

Published by Sanatamo22333, 2019-07-25 02:43:44

Description: หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

Search

Read the Text Version

คำนำ จัดทำขึ้นเพื่อให้เป็นไปตำมอุดมกำรณ์ และ หลักกำร ในกำรจัดกำร อำชีวะศึกษำเน้ือหำสำระในหนังสือเล่มน้ีได้ ผ่ ำ น ก ำ ร วิ เ ค ร ำ ะ ห์ ใ ห้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ป ร ะ ก ำ ศ กระทรวงศกึ ษำธิกำร เร่ืองมำตรฐำนกำรอำชวี ะศึกษำ ที่ม่งุ กำลังพัฒนำคนระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือ ระดับเทคนิค และ เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ภำพ ตำมสมรรถนะอำชีวะอำชะที่กำหนดไว้ หวังว่ำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ วิชำกำรบัญชีกำร ตน้ ทุน 1 ( cost Accounting 1 ) จะเป็นประโยชน์ต่อ ผู้เรียนและผู้ต้องกำรท่ีจะศึกษำข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่ำง ครอบคลุม

สำรบัญ เนอ้ื เรื่อง หนา้ บทท่ี 1 ควำมรูท้ ั้วไปเก่ยี วกับ 1 บญั ชีต้นทุน 23 บทท่ี 2 ระบบบญั ชีตน้ ทนุ 39 บทท่ี 3 กำรบญั ชีเกย่ี วกบั วัตถดุ บิ 56 บทท่ี 4 กำรบญั ชเี กีย่ วกบั ค่ำแรง 65 บทท่ี 5 กำรบัญชเี กย่ี วกับคำ่ ใช้จ่ำยใน 83 กำรผลติ บทที่ 6 กำรบญั ชีตน้ ทนุ งำนสัง่ ทำ



1 บทท่ี 1 ควำมรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับกำรบัญชีต้นทุน  ลกั ษณะทว่ั ไปของตน้ ทุน  วตั ถุประสงคข์ องการบญั ชีตน้ ทุน  การจาแนกประเภทของตน้ ทุน  สินคา้ คงเหลือ  ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการบญั ชีการเงินและการ บญั ชีตน้ ทุน  งบการเงิน

ลักษณะทว่ั ไปของตน้ ทนุ 2 วตั ถปุ ระสงค์ทส่ี ำคัญ คือ ต้องกำรกำไรจำกกำรดำเนนิ งำน และ กำรท่จี ะบรรลวุ ตั ถุประสงค์ดังกล่ำวไดน้ ้ัน ผ้บู ริหำรหรอื เจำ้ ของกจิ กำร จำเปน็ ตอ้ งทรำบขอ้ มูลใน ด้ำนตำ่ งๆ เกยี่ วกบั กำรบรหิ ำรงำนและ บริหำรทรัพยำกรทม่ี อี ยูอ่ ย่ำงเต็มควำมสำมำรถ กำรบญั ชเี ปน็ กำร บรหิ ำรข้อมลู ที่ผู้บริหำรหรอื เจำ้ ของกิจกำร เพอื่ นำมำใช้ประโยชน์ใน กำรวำงแผนและควบคุมกำร ปฏิบัตงิ ำนเช่น ใบกำกับ สนิ คำ้ ใบกำกับ ภำษี เปน็ ต้น และในกำรผลิตสินคำ้ นอกจำกต้องคำนึงถึงคุณภำพของ สินคำ้ และตอ้ งผลิตให้ได้ตำมมำตรฐำนท่ตี ั้งไว้แล้วยังตอ้ งผลิตให้ มี รำคำทุนต่ำทสี่ ดุ เทำ่ ทจี่ ะทำได้ ดังนั้น ผูบ้ ริหำรในกจิ กำรอุตสำหกรรม จงึ ต้องควบคุมกำรผลิตอย่ำง ใกลช้ ิด จดั ใหม้ ีกำรจดบนั ทกึ เกยี่ วกับ ต้นทนุ อย่ำงถกู ตอ้ งท่ีสดุ เพ่ือประโยชน์ในดำ้ นกำรควบคุมดูแล และกำร ปรับปรงุ กำรผลิต

3 วตั ถุประสงคข์ องกำรบญั ชีต้นทุน การบัญชตี น้ ทุน เปน็ การสะสมข้อข้อมูลการผลิต เพื่อใช้คานวณต้นทุน ผลติ ภัณฑ์ ซ่ึงเป็นข้อมลู ทีส่ าคัญในการควบคุมตน้ ทุน นอกจากนี้ ตน้ ทุน ผลติ ภัณฑย์ งั นา ไปใช้ประโยชน์ในการจัดทางบการเงนิ เพื่อเสนอต่อ บุคคลภายนอก ผูถ้ อื หุ้นเพ่ือใชใ้ นการตดั สนิ ใจลงทนุ อีกดว้ ย สรุปไดว้ ่า วัตถุประสงค์ของการบัญชตี น้ ทุน คอื 1. ใช้ในการคานวณต้นทนุ ขายประจางวดซ่ึงจะไดน้ าไป เปรยี บเทยี บกบั รายได้คา่ ขาย สาหรบั งวดบัญชีเดียวกนั เพอื่ วัดผลการ ดาเนินงานของกิจการเพ่ือจะไดท้ ราบกาไรหรอื ขาดทนุ สุทธิ 2. ใชใ้ นการคานวณหรือตรี าคาสนิ คา้ คงเหลือ เชน่ วตั ถดุ ิบคงเหลือ งานระหว่างทา สินคา้ สาเร็จรูปคงเหลอื เพื่อแสดงในงบดุลของกิจการ 3. เพอ่ื เป็นข้อมลู ในการวางแผนและควบคุม โดยการเปรียบเทียบ ข้อมลู ท่เี กดิ ขน้ึ จริงกบั งบประมาณท่ีกาหนดไว้ หากมีผลแตกตา่ งทไี่ มน่ ่า พอใจ หรือมีข้อบกพรอ่ งในการดาเนินงานฝา่ ยบริหารจะแกไ้ ขได้ ทันท่วงที 4. เพอ่ื ใช้เปน็ เครือ่ งมอื ในการตดั สินใจทางการตลาด

กำรจำแนกประเภทของต้นทุน 4 ตน้ ทนุ สามารถนาไปใช้ไดห้ ลายรูปแบบ หลายความหมาย แล้วแตว่ ัตถปุ ระสงคข์ องผูใ้ ช้ ดงั น้ันจึงจาแนกประเภทตน้ ทนุ ตามลักษณะและวัตถุประสงคข์ องผใู้ ช้ได้ดังนี้คอื 1. จำแนกตำมกำรเปลี่ยนแปลงในกจิ กรรม เปน็ การพิจารณาตน้ ทนุ โดยจาแนกเปน็ ต้นทุนผนั แปร ตน้ ทนุ คงท่ี ต้นทุนกึ่งผนั แปร 2. จำแนกตำมควำมรับผิดชอบหรือจำแนกตำมแผนกผลติ และกำรดำเนินงำน จะชว่ ยให้ฝา่ ยบรหิ ารคานวณต้นทนุ ของสนิ คา้ จะช่วยใหฝ้ ่ายบรหิ ารคานวณตน้ ทุน ของสินค้าโดยพจิ ารณาจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแผนกด้วย ได้แก่ ต้นทุนแผนก ผลติ ตน้ ทนุ แผนกบริการ 3. จำแนกตำมสว่ นประกอบของสินคำ้ สำเรจ็ รปู เป็นการใหร้ ายละเอยี ดในการตรี าคาสนิ ค้าคงเหลือ (Inventory Valuation) และคานวณต้นทุนขายเพอื่ วัดผลการดาเนินงาน (Income Determination) 4. จำแนกตำมหนำ้ ท่ีในองค์กรธรุ กิจ การจดั สายงานขององค์กรธุรกิจมกั จะมักแบ่งแยกหน้าท่ีในการบริหารเปน็ ฝ่ายการ ผลิต ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบรหิ าร และฝ่ายการเงนิ จึงมีการรวบรวมและสะสมตน้ ทนุ ตาม หน้าทีด่ ังนีค้ อื ตน้ ทุนฝา่ ยผลิต หรือตน้ ทุนการผลิต คา่ ใชจ้ ่าย การขาย ซึ่งเปน็ ต้นทุนฝา่ ย การตลาด คา่ ใชจ้ ่ายในการบริหาร และตน้ ทนุ ทางการเงิน หรอื คา่ ใชจ้ ่ายทางการเงนิ (Financing (Cost)

5. จำแนกตำมกำรตัดสินใจ และลกั ษณะทำงเศรษฐกจิ 5 ในการตดั สินใจในปญั หาต่างๆทางธุรกิจ ฝ่ายบรหิ ารยอ่ มต้องการหาทางเลอื กท่ีดีที่สดุ ซ่งึ เปน็ หนา้ ทตี่ อ้ งรวบรวมขอ้ มูลต้นทุน เพอ่ื เสนอต่อผู้บริหารเพือ่ นามาใชป้ ระกอบการ ตดั สนิ ใจ ข้อมูลต้นทนุ ประเภทนี้ ไดแ้ ก่ ต้นทนุ จม (Sunk Cost) ต้นทุนเสยี โอกาส (Opportunity Cost) ต้นทนุ ท่ีหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ (Unavailable Cost) ต้นทุนทต่ี อ้ งจ่าย เป็นเงนิ สด 6. กำรจำแนกตำมงวดเวลำหรอื งวดบัญชี ในการคานวณหาผลการดาเนนิ งานในแตล่ ะงวดบญั ชีจะตอ้ งเปรยี บเทียบคา่ ใชจ้ ่ายกับคา่ ขายทเี่ กดิ ขึ้นในงวดเดียวกัน คา่ ใชจ้ า่ ยจะเปน็ ตน้ ทนุ ท่ีถกู ใช้ประโยชน์ไปแล้ว (Expired Cost) และคิดเปน็ คา่ ใช้จา่ ยในงวดบญั ชปี ัจจบุ ัน ตน้ ทนุ ส่วนท่ยี งั ใช้ไมห่ มด (Unexpired Cost) ก็จะถอื เป็นต้นทุนของสินทรัพยย์ กไปงวดหน้า เชน่ ตน้ ทุนผลติ ภัณฑ์ (ในรปู ของสนิ ค้า คงเหลือ) สว่ นตน้ ทนุ ขายเป็นต้นทุนที่ถูกใชป้ ระโยชน์ไปแลว้ ถือเป็นคา่ ใช้จา่ ย การ พิจารณาตน้ ทุนตามงวดบัญชเี ช่นนีก้ ่อให้เกิดการจาแนกตน้ ทุนเป็นตน้ ทนุ ผลิตภัณฑ์ (Product Cost) และตน้ ทุนประจางวด (Period Cost) 7. จำแนกตำมควำมประสงคใ์ นกำรวำงแผนและควบคมุ ในการบรหิ ารงานที่มีประสทิ ธิภาพ ผบู้ รหิ ารจาเปน็ ตอ้ งมกี ารวางแผนไว้ลว่ งหน้า จงึ ตอ้ งมี การกาหนดต้นทนุ โดยประมาณ หรือต้นทนุ มาตรฐานขึน้ มาเป็นเครอื่ งมือในการบริหาร ตน้ ทนุ ดังกลา่ ว ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนโดยประมาณ (Estimated Cost ตน้ ทุนมาตรฐาน (Standard Cost)

ต้นทนุ ผนั แปรและต้นทุน 6 ต้นทนุ ผนั แปร (Variable Cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ท่ี เปลี่ยนแปลงเปน็ สดั ส่วนโดยตรงตามระดบั กจิ กรรมหรือกาลงั การ ผลติ กาลงั การผลิตเพมิ่ ข้นึ ต้นทนุ เพม่ิ แตถ่ ้ากาลงั การผลติ ลดลง ต้นทนุ จะลดลง ตน้ ทุนผนั แปร ไดแ้ ก่ วตั ถุดิบทางตรง ค่าแรง ทางตรง วสั ดุส้นิ เปลืองบางอย่าง คา่ โทรศัพท์ทางไกล ตัวอยา่ งเชน่ โรงงานตัดเย็บเส้ือผ้าสาเรจ็ รปู ใชผ้ ้าตดั เย็บเสอื้ สภุ าพสตรี ตวั ละ 2 เมตร ถ้าเมตรละ 100 บาท ภำพท่ี 1.1แสดงต้นทนุ คงท่ี

7 ตน้ ทนุ ผนั แปร (Variable Cost) หมายถึงตน้ ทุนท่เี ปลย่ี นแปลงเปน็ สัดสว่ นโดยตรงตามระดับ กิจกรรมหรอื กาลังการผลิต กาลงั การผลติ เพม่ิ ข้นึ ต้นทุนเพมิ่ แต่ถา้ กาลังการผลิตลดลงต้นทนุ จะ ลดลง ต้นทุนผนั แปร ไดแ้ ก่ วตั ถดุ บิ ทางตรง ค่าแรงทางตรง วสั ดุ สน้ิ เปลืองบางอย่าง คา่ โทรศพั ทท์ างไกล ตวั อยา่ งเชน่ โรงงานตดั เยบ็ เสอื้ ผา้ สาเรจ็ รปู ใช้ผา้ ตัดเยบ็ เส้อื สุภาพสตรี ตวั ละ 2 เมตร ถา้ เมตรละ 100 บาท ภำพที่ 1.2แสดงตน้ ทุนผันแปร

8 ต้นทุนผสมหรือตน้ ทุนกึ่งผนั แปร (Mixed Cost / Semi variable Cost) หมายถึง ตน้ ทนุ ผสมระหวา่ งตน้ ทนุ คงที่กบั ตน้ ทุนผันแปร ส่วนที่ เป็นต้นทุนคงที่จะไมเ่ ปล่ียนแปลงไปตามกิจกรรม ส่วนที่ เป็น ตน้ ทุนผนั แปรจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสดั ส่วน โดยตรงกับกิจกรรมท่กี าลังการผลิต ต้นทุนกึง่ ผันแปร ได้แก่ คา่ ตอบแทนพนักงานขาย เปน็ รายเดือน ซึง่ ประกอบดว้ ย 2 สว่ นคือ เงนิ เดอื น เป็นต้นทุนคงท่ี คา่ นายหนา้ ในการขาย สินค้าที่คดิ เปน็ เปอร์เซนต์หรอื เป็นจานวนชนิ้ เปน็ ต้นทุนผนั แปร ภำพ1.3แสดงต้นทนุ กง่ึ ผันแปร

9 ตน้ ทนุ ก่งึ คงทีห่ รือต้นทนุ ขน้ั (Semi Fixed Cost/ Step Cost) หมายถงึ ต้นทนุ ที่คงท่ีใน ช่วงระดับกจิ กรรมช่วงหน่งึ แตถ่ ้าระดับกิจกรรมเปล่ียนไป อกี ระดบั หนึ่ง ต้นทนุ ก็จะเปลย่ี นไปตามระดบั กจิ กรรมหนง่ึ กาลังการผลติ เปลี่ยนไป ตน้ ทนุ กึง่ คงที่จะมลี ักษณะเหมือนขน้ั บนั ได ตวั อยา่ ง เช่น เงนิ เดือน ผคู้ วบคุมงาน 5,000 บาท ควบคมุ คนงานได้ 1-10 คน ผลติ สนิ คา้ ได้ 1,000 หน่วย แตถ่ า้ กิจการ มีคาสง่ั ซือ้ เพ่มิ 1,500 หนว่ ย จะต้อง จา้ งผูค้ วบคมุ งานอกี 1 คน โดยจะต้องจ่ายเงินเดอื นผู้ควบคมุ งานอกี 5,000 บาท ภำพ1.4แสดงต้นทนุ ก่ึงคงที่

ต้นทนุ แผนกผลติ (Production Department Cost) แผนกผลติ เปน็ แผนกที่ 10 ทาการแปรสภาพวัตถดุ ิบใหเ้ ปน็ สินคา้ สาเร็จรปู โดยใช้แรงงานคนหรือเครื่องจกั ร ต้นทนุ ของแผนกผลิตจะถือเปน็ ตน้ ทนุ ของผลติ ภัณฑ์เพราะเกี่ยวขอ้ งกับการผลติ โดยตรง เชน่ แผนกตัด แผนกประกอบ แผนกตกแตง่ เปน็ ต้น ตน้ ทุนแผนกบริกำร (Service Department Cost) แผนกบริการเป็นแผนกท่ี ไม่ได้ผลติ สนิ ค้าโดยตรงแตใ่ หบ้ ริการแก่แผนกอน่ื ๆ ทั้งท่เี ป็นแผนกผลิตและแผนกบรกิ าร ดว้ ยกัน แม้ว่า แผนกบริการจะไมท่ าหนา้ ทเ่ี กย่ี วกบั การผลิตโดยตรงก็ตามแตแ่ ผนก ดังกล่าวก็ชว่ ยให้งานของแผนกผลิตดาเนนิ ไปไดด้ ว้ ยดี เชน่ แผนกบารุงรักษา แผนก บคุ คล แผนกบญั ชี ฝา่ ยอาหารและ เครื่องดื่ม เปน็ ตน้ ทุนผลิตภณั ฑ์ (Product Cost) หมายถึงตน้ ทุนทีเ่ ปน็ ตัวสินคา้ ในกิจการ อุตสาหกรรม ตน้ ทนุ ผลติ ภณั ฑ์ ก็คอื ผลรวมของตน้ ทุนวตั ถดุ ิบ ค่าแรงและค่าใชจ้ ่ายใน การผลิต ส่วนในกิจการ ซื้อมาขายไป ตน้ ทนุ ผลติ ภัณฑ์ก็คือค่าซื้อสนิ ค้า ตน้ ทนุ ผลติ ภัณฑ์จะถูกตัดเป็นคา่ ใช้จ่ายคอื ต้นทนุ ขายเมอ่ื กจิ การขายสินค้าได้ ต้นทุนประจำงวด (Period Cost) เปน็ ต้นทนุ ทไี่ มเ่ กีย่ วข้องกับการผลติ หรอื ไม่ได้ คิดตาม สนิ คา้ ที่ผลิต แต่เปน็ คา่ ใช้จา่ ยในการบริหารและค่าใช้จ่ายในการขายซง่ึ เป็น คา่ ใช้จ่ายที่จะต้องนาไปหักจากยอดขายในงวดบญั ชี ปัจจบุ ัน โดยถือหลักว่าจะคิดเป็น ค่าใช้จา่ ยในงวดบญั ชไี ด้ ตอ่ เมื่อ งวดบญั ชีนัน้ ไดร้ ับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายนั้นๆ

11ตน้ ทุนที่จาแนกตามส่วนประกอบของสินคา้ สาเร็จรปู หรือทเี่ รียกวา่ ต้นทนุ การผลิต ซงึ่ จะประกอบด้วยต้นทุนวัตถดุ บิ ตน้ ทนุ ค่าแรง และต้นทุนคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต คาวา่ “ต้นทุน” หมายถงึ ทรพั ยากรทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่สญู เสยี ไป เพอ่ื ให้ วตั ถุประสงค์หน่งึ สาเรจ็ ลง ดังนั้น ในกจิ การอตุ สาหกรรมหรือให้บรกิ ารจึงมีต้นทุนเกดิ ข้ึน อย่างหลกี เลี่ยงไม่ได้ ระบบบญั ชีตน้ ทนุ จะทาหนา้ ที่เกบ็ รวบรวมบนั ทึกข้อมลู ต้นทุนท้งั หมด และกระจายไปยังศูนย์ตน้ ทนุ เพือ่ การทากิจกรรมอย่างใดอย่างหน่ึง เชน่ ถ้ามีวัตถุประสงค์ เพือ่ การผลิตสินคา้ ศนู ย์ต้นทนุ ก็คือแผนกผลติ ถ้ามวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื การใหบ้ รกิ าร ศูนย์ ต้นทุนกค็ ือแผนกบรกิ าร หรือเพอื่ การดาเนนิ โครงการ ศูนย์ต้นทุนคอื สานกั งานโครงการ หรือ แผนกงานใดแผนกงานหน่งึ ในท่นี ี้ จะมงุ่ เนน้ ระบบต้นทุนสาหรับกิจการอตุ สาหกรรม เป็นหลกั ใหญ่ สว่ นประกอบของ “ต้นทุนผลิต” ดังกลา่ วขา้ งตน้ คอื 1. วัตถดุ บิ ทางตรง (Direct Raw Materials) 2. ค่าแรงทางตรง (Direct Labor) 3. คา่ ใช้จา่ ยในการผลิต

12 1. วตั ถดุ ิบทำงตรง หมำยถึง วัตถดุ บิ ที่ถูกใชโ้ ดยตรงในกำรผลิต และแปรสภำพเป็น ผลติ ภณั ฑ์หรอื สนิ ค้ำสำเรจ็ รูป และจะเปน็ สว่ นประกอบสำคญั สำมำรถคดิ เข้ำตวั ผลิตภัณฑ์ได้ หรอื สำมำรถบอกได้แนช่ ัดวำ่ ผลิตภณั ฑ์นนั้ ๆ มตี น้ ทุนวัตถุดิบเทำ่ ใด เชน่ ผำ้ ทใ่ี ชใ้ นกำรผลติ เสือ้ ผำ้ สำเร็จรูป หนงั สตั ว์ท่ีใชใ้ นกำรผลิตกระเปำ๋ แผ่นเหลก็ ทใ่ี ชใ้ น กำรผลิตรถยนต์ เป็นต้น สินคำ้ สำเร็จรูป แต่เปน็ วตั ถุดิบของกจิ กำรผลิตเสื้อสำเรจ็ รปู จำกกิจกำรหน่ึงอำจเปน็ วัตถุดบิ ของอีกกิจกำรหนึง่ กไ็ ด้ เช่น ผ้ำเปน็ สินคำ้ สำเรจ็ รูปใน กจิ กำรทอผำ้ 2. คำ่ แรงทำงตรง หมำยถงึ คำ่ แรงงำนที่จ่ำยให้แก่คนงำนที่ทำกำรผลิตโดยตรง และ สำมำรถบอกได้ชัดเจนว่ำในผลติ ภณั ฑช์ น้ิ นัน้ ๆ มตี น้ ทนุ ค่ำแรงทำงตรงเทำ่ ใด ลกั ษณะทีส่ ำคญั ของค่ำแรงทำงตรงก็คือ คำ่ แรงทำงตรงจะผนั แปรตำมจำนวนสินคำ้ ที่ผลิต ถ้ำเพิ่มกำรผลิตสินค้ำจำนวนค่ำแรงทำงตรงก็จะเพิ่มด้วย หำกลดกำรผลิต ต้นทนุ ประเภทนก้ี ็จะลดลงไปด้วย เช่น ค่ำแรง ของคนงำนท่ีมีหน้ำท่ีฟอกหนงั สตั ว์ที่ ใชใ้ นกำรทำกระเปำ๋ คำ่ แรงของคนงำนท่ีจดั และเย็บหนงั สตั ว์ทีฟ่ อกแล้วให้เปน็ กระเป๋ำ เป็นตน้ 3. ค่ำใช้จ่ำยในกำรผลิต ซ่ึงอำจเรียกวำ่ โสห้ยุ กำรผลติ หรือคำ่ ใชจ้ ่ำยโรงงำน หมำยถงึ ต้นทุนกำรผลิตที่เกิดขึ้นในโรงงำนนอกเหนอื จำกวัตถุดิบทำงตรง และค่ำแรงทำงตรง เปน็ คำ่ ใช้จ่ำยท่ยี ำกทจี่ ะบอกไดช้ ัดเจนวำ่ เปน็ ต้นทนุ ของผลิตภณั ฑช์ ิ้นใด เป็นจำนวน เทำ่ ใด เพรำะคำ่ ใชจ้ ่ำย ประเภทน้จี ำ่ ยไปเพื่อผลติ สนิ ค้ำหลำยชนิด หลำยจำนวน รวมกัน เช่น วตั ถุดบิ ทำงอ้อม ค่ำแรงงำน ทำงอ้อม คำ่ ไฟฟำ้ โรงงำน คำ่ เส่อื มรำคำ เครอ่ื งจกั ร คำ่ เสื่อมรำคำโรงงำน คำ่ เบ้ยี ประกนั ภัยอำคำร โรงงำน คำ่ ซอ่ มแซม เครือ่ งจกั ร เงนิ เดอื นผู้จดั กำรโรงงำน เปน็ ต้น

13 วตั ถุดบิ ทางอ้อม (Indirect Materials) หมายถึง วตั ถุดบิ ทถี่ ูกนามาใชเ้ พอื่ ทาให้การ แปรสภาพวัตถดุ บิ ทางตรงใหเ้ ป็นสินค้าสาเรจ็ รปู นั้นสมบูรณข์ ึ้น หรือเปน็ สว่ นประกอบของ สนิ คา้ สาเรจ็ รปู แต่ไม่ได้เป็นสว่ นประกอบทีส่ าคญั เน่ืองจากมสี ัดส่วนของตน้ ทุนน้อยกว่า วตั ถุดบิ ทางตรง การคานวณตน้ ทนุ ทีใ่ ช้ไปสาหรับการผลิตสินค้าแต่ละช้ิน แตล่ ะหน่วยทาได้ ยาก จึงถอื ว่าวัตถดุ บิ ทางอ้อมเปน็ ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตอย่างหนงึ่ เชน่ กระดุม ด้าย ถอื เปน็ วัตถุดบิ ทางอ้อมในการ ผลิตเสอื้ สาเร็จรูป เอ็นทใ่ี ชใ้ นการเยบ็ กระเป๋า เปน็ ตน้ ค่าแรงทางออ้ ม (Indirect Labor) หมายถึง ตน้ ทนุ ค่าแรงทจ่ี า่ ยใหก้ ับคนงาน หรือ พนกั งานท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การผลติ แต่ไม่ไดท้ าการผลิตโดยตรงและการคานวณต้นทนุ ว่าเปน็ ของงานชิ้นใด เทา่ ใดกท็ าได้ยาก เช่น เงินเดอื นทจี่ า่ ยให้หัวหนา้ คนงาน เงินเดอื นภารโรง คา่ จา้ ง พนักงานเฝ้าโกดัง เงินเดือนคนจดบนั ทึกเวลาทางานของคนงาน เปน็ ต้น ค่าแรง ทางออ้ มจะไม่ ผนั แปรตามจานวนสนิ ค้าที่ผลิตมากนัก หากมกี ารเพ่ิมหรอื ลดจานวนการ ผลติ ไม่มากนัก คา่ แรง ทางอ้อมจะไมเ่ ปล่ยี นแปลง เวน้ แต่จะเปลี่ยนแปลงจานวนผลิตอย่าง มาก จงึ จะทาให้คา่ แรงทางอ้อม เปลีย่ นแปลงไปดว้ ย

สนิ ค้าคงเหลอื 14 สนิ ค้าคงเหลือของกจิ การอุตสาหกรรม แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท คือ 1. วตั ถุดิบคงเหลอื (Material) หมายถึง วัตถดุ บิ หรอื วัสดโุ รงงานทีย่ งั ไมเ่ บิกไปใชใ้ น การผลติ และ คงเหลอื ณ วนั ส้นิ งวด 2. งานระหว่างทาคงเหลือหรอื สินค้าระหว่าผลิต (Work in Process/Goods in Process) หมายถึง สนิ ค้าทผี่ า่ นกระบวนการผลิตแต่ยังผลิตไมเ่ สร็จ และยังไม่พรอ้ มทจ่ี ะ จาหนา่ ย ประกอบด้วย วตั ถดุ ิบทางตรง ค่าแรงทางตรง และค่าใช้จา่ ยผลติ 3. สินคา้ สาเร็จรปู (Finished Goods) หมายถงึ สนิ ค้าท่ีผ่านกระบวนการผลิต เสร็จสมบูรณ์และ อยู่ในสภาพพร้อมที่จะขายได้ สนิ คา้ คงเหลอื มีวิธีการบันทึกบัญชี 2 วิธี คอื 1. บนั ทึกสนิ คา้ คงเหลือแบบวันสิ้นงวด (Periodic Inventory Method) วิธีน้ีไม่ มีบนั ทึกสนิ คา้ เมอ่ื มกี ารซ้ือขายเบิกใช้แตจ่ ะมีการบันทึกสินค้าคงเหลือเม่อื มีการตรวจ นบั ณ วนั สน้ิ งวดและคานวณตน้ ทนุ ขาย เม่อื มกี ารขายสนิ คา้ 2. บนั ทึกสนิ ค้าคงเหลอื แบบต่อเนือ่ ง (Perpetual Inventory Method) เปน็ วิธบี นั ทึกความเคลอื่ นไหว ของสนิ ค้าตลอดเวลา เมือ่ มกี ารซื้อ ขาย เบกิ ใช้ ตลอดเวลา และทราบยอดสนิ ค้าคงเหลือ จากบัญชีแยก ประเภทสินคา้ คงเหลอื และบันทึกบัญชี ตน้ ทุนขายทุกคร้ังท่ีมีการจาหนา่ ย

แสดงการเปรยี บเทยี บท้งั 2 วธิ ี ดงั น้ี 15

ความสมั พันธร์ ะหวา่ งการบัญชกี ารเงนิ 16 การจัดประเภทขอ้ มูลต้นทนุ ตามวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมลู ออกเป็น 2 ประเภท คือ การบญั ชีการเงิน และการบญั ชีต้นทนุ การบญั ชกี ารเงนิ (Financial Accounting) เปน็ การรวบรวมขอ้ มลู ขึน้ เพื่อรายงาน ตอ่ บคุ คลภายนอกของกิจการเช่น เจา้ หน้ี ผูล้ งทนุ บนดิน โดยจดั ทาในรปู ของงบการเงิน ซ่งึ ประกอบดว้ ยงบดุล งบกาไรขาดทุน และงบแสดงการ เปล่ียนแปลงฐานะทางการเงนิ กิจการจะทาบญั ชกี ารเงินโดยใชห้ ลักการบญั ชที ย่ี อมรับโดยทัว่ ไป เปน็ หลกั ในการจดั ทา งบการเงิน งบการเงนิ นจ้ี ะเป็นประโยชนม์ ากสาหรบั บคุ คลภายนอก ผู้ลงทนุ สาหรับใช้ เปน็ แนวทางในการตัดสนิ ใจลงทุน ธนาคารและสถาบนั การเงินใช้เป็นข้อมลู ในการ ตัดสนิ ใจให้กยู้ ืม ผูข้ ายใช้เป็นขอ้ มลู ในการขายเช่อื เป็นต้น การบัญชตี น้ ทุน (Cost Accounting)เป็นการจัดทาบญั ชที เี่ น้นหนกั ไปในเรอ่ื งการ ประมวลผล (Processing) และประเมินคา่ (Evaluation) ข้อมูลตน้ ทนุ ในการผลติ สินคา้ และบริการ ตลอดจนตน้ ทนุ ต่างๆ ที่เกดิ ข้ึนในการ ดาเนนิ งาน เพ่อื นาผลท่ไี ดไ้ ปใช้ตาม วัตถปุ ระสงค์ของบญั ชตี ้นทนุ ข้อ 1 และขอ้ 2 คือการคานวณ ต้นทนุ ขายและคานวณ ต้นทนุ สนิ คา้ คงเหลือ ซง่ึ เปน็ การสนับสนนุ การบญั ชกี ารเงิน น่ันกห็ มายความว่า การ บัญชีการเงินและการบญั ชตี น้ ทุนมีความสมั พันธ์กนั ในลกั ษณะที่การบญั ชีตน้ ทนุ จะ รวบรวม และคานวณตน้ ทนุ ท่ีเกดิ ข้ึนและนาไปใช้ในรูปของการบญั ชีการเงินสว่ นหน่งึ อีกส่วนหน่งึ นาไปใช้ สาหรับฝา่ ยบริหารนัน่ คือเพือ่ เปน็ ข้อมลู ในการวางแผน ควบคมุ และตดั สนิ ใจทางการตลาดอย่างไร

17 การบญั ชีการเงินและการบญั ชี ตน้ ทุนก็มีขอ้ แตกตา่ งท่ีสรุปไ้้้ งั น้ี

งบการเงิน ( Financial Statement ) 18 กจิ การอุตสาหกรรม ตอ้ งมกี ารคานวณต้นทนุ ผลิตสนิ ค้า ดังนน้ั ในการทางบ การเงนิ ของกิจการประเภทนี้ จงึ ต้องมกี ารทางบตน้ ทุนผลิตดว้ ยโดยแสดงเป็นงบประกอบ งบต้นทุนสนิ ค้าขาย และในการทางบกาไรขาดทนุ ของกิจการใด ๆ จะแสดงการคานวณ ตน้ ทุนขายไว้ในงบกาไรขาดทุนด้วย หากกจิ การอุตสาหกรรมทางบกาไรขาดทุนในรูปแบบ ท่สี มบรู ณด์ ังกล่าวก็จะเปน็ งบการเงนิ ท่ีค่อนข้างยาวเนื่องจากจะตอ้ งแสดงทั้งการคานวณ ตน้ ทุนผลติ และการคานวณตน้ ทุนสนิ คา้ ขายไว้ในงบกาไรขาดทุน ดังนน้ั เพอื่ หลกี เลยี่ ง ปญั หาน้ี กจิ การจงึ มกั แสดงตน้ ทุนสนิ ค้าขายเพียงตวั เลขเดียวในงบกาไรขาดทุน โดยแสดง รายละเอียดเกยี่ วกบั ตน้ ทุน การผลติ ไวใ้ นงบต่างหาก เรียกว่า งบต้นทุนสินคา้ ขายหรอื งบ ตน้ ทุนขาย (Cost of Goods Sold) งบต้นทุนสนิ คา้ ขายอาจแยกยอ่ ยออกไปไดอ้ กี โดยแยกตน้ ทุน ผลติ ออกมาคานวณเป็นงบต่างหากจากงบต้นทนุ สินค้าขาย เรียกวา่ งบต้นทนุ ผลติ (Cost of Goods Manufactured) งบการเงนิ ธรุ กจิ ประเภทพาณิชยกรรม งบการเงนิ ของธรุ กจิ ซ้อื ขายสนิ คา้ จัดทาขึ้นเพอ่ื ใหผ้ ูใ้ ช้งบการเงนิ ไดท้ ราบผลการ ดาเนนิ งาน และ ฐานะการเงนิ ของกิจการงบการเงนิ ของกิจการซ้ือขายสนิ ค้าประกอบดว้ ย 1. งบกาไรขาดทนุ 2. งบแสดงฐานะการเงนิ

18

19 งบการเงนิ ธุรกจิ อตุ สาหกรรม จดุ ประสงค์ของธุรกจิ อุตสาหกรรมคือการจัดทางบการเงนิ เพื่อใหผ้ บู้ รหิ ารผู้ท่ี เกย่ี วขอ้ งไดท้ ราบถึง ตน้ ทุนสนิ ค้าทผี่ ลติ ตน้ ทุนผลิตสินคา้ ตอ่ หน่วย ผลการดาเนินงาน และฐานะการเงนิ ของกิจการ งบการเงนิ ของ ธุรกิจอุตสาหกรรม ประกอบดว้ ย 1. งบตน้ ทนุ การผลติ (Cost Of Goods Manufactured Statement) 2. งบกาไรขาดทนุ (Income Statement) 3. งบแสดงฐานะการเงนิ (Balance Statement)

20 งบการเงินของกิจการอตุ สาหกรรมจะประกอบด้วย งบต้นทนุ ผลติ งบกําไรขาดทนุ และงบดลุ ในขณะที่กิจการซอื ้ มาขายไปจะมีเพียงงบกําไรขาดทนุ และงบดลุ เท่านนั้ แตง่ บการเงินของกิจการทงั้ 2 ประเภท จะมีความสมั พนั ธ์กนั ดงั แสดง

21 ตวั อยา่ งงบการเงนิ ของธรุ กิจอตุ สาหกรรม

22

บทที่ 2 23 ระบบบญั ชีต้นทนุ  ควำมหมำยของของระบบบญั ชตี ้นทนุ  ประเภทของระบบบัญชตี ้นทนุ  วงจรกำรผลติ สนิ คำ้  ระบบกำรสะสมต้นทนุ  กำรบันทึกบญั ชตี ำมวงจรตน้ ทนุ  บญั ชีแยกประเภทโรงงำน

24 ประเภทของระบบบญั ชีตน้ ทุน ระบบต้นทุนงำนส่งั ทำ ระบบนเ้ี หมาะทจี่ ะใช้ในกรณที ่ผี ลิตภณั ฑ์มีความ หลากหลายและมีลักษณะแตกต่างกนั ตามความตอ้ งการของลกู คา้ ลักษณะการผลติ แบบน้ี จะสามารถแยกตน้ ทุนวตั ถุดบิ ทางตรง คา่ แรงงาน ทางตรงและคา่ ใช้จา่ ยการผลติ ของผลติ ภัณฑ์แต่ละชนิดได้ เมื่องานชน้ิ ใด ผลติ เสรจ็ ก็สามารถทราบตน้ ทุนของงานช้นิ นน้ั ได้ทนั ที การรวบรวมตน้ ทุน สาหรบั งานสงั่ ทานจี้ ะใชร้ ะบบต้นทนุ ปกติ น่ันคอื จะบนั ทึกตน้ ทนุ วตั ถุดิบ ทางตรง และคา่ แรงงานทางตรง แต่คา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ จะคานวณตาม อตั ราท่ีกาหนดขนึ้ ล่วงหนา้ ระบบต้นทนุ ชว่ ยกำรผลิต เปน็ ระบบที่ใช้ในกรณที ่กี ระบวนการผลิตเปน็ การผลติ ผลิตภัณฑท์ ่ีมลี ักษณะเหมือน ๆ กนั ผลิตครง้ั ละมาก ๆ เพ่ือไว้ จาหนา่ ย การผลติ จะดาเนินไปอย่างสม่าเสมอต่อเน่อื ง การรวบรวมตน้ ทนุ ก็จะกระทาระหว่างที่การผลติ ดาเนินอยู่ ถา้ การผลติ ตอ้ งผา่ นหลายแผนก การรวบรวมต้นทุนก็จะรวบรวมไวส้ าหรบั แต่ละแผนก และโอนต่อไปยัง แผนกถดั ไป เร่ือย ๆ จนถึงแผนกสุดทา้ ย ต้นทุนรวมในแผนกสุดท้ายกจ็ ะเป็นทีร่ วม ตน้ ทนุ ของทกุ ๆ แผนกไวด้ ว้ ยกนั ตวั อย่าง ของผลติ ภัณฑท์ ีใ่ ชร้ ะบบนี้ ไดแ้ ก่ ปนู ซเี มนต์ นา้ มนั นา้ ตาล กระดาษ นา้ อดั ลม เป็นต้น

24 ระบบต้นทนุ ทั้งสองมีขอ้ แตกตา่ งโดยสรุปดงั นี้คอื

วงจรกำรผลติ สินค้ำ 25 วงจรกำรผลติ สนิ คำ้ (Manufacturing Cycle) ของธรุ กจิ อุตสาหกรรม โดยท่ัวไป จะเรมิ่ ตง้ั แต่การจดั หาปจั จยั การผลติ ได้แก่ วัตถุดบิ คา่ แรงงาน และค่าใช้จ่ายการผลิต เพอ่ื นาปัจจัยการผลิตเหล่าน้ี เข้าสู่ กระบวนการผลิต ซง่ึ ถูกเรียกว่า งานระหวา่ งทา หรือ งานระหว่างผลติ (Work In Process) จนกระทัง่ ผลิตเสรจ็ เปน็ สินค้าสาเร็จรูป (Finished Goods) และจะถูกส่งไปเก็บไว้ทค่ี ลงั สินค้ากอ่ นท่จี ะจาหน่ายและสง่ มอบ ใหก้ บั ลกู คา้ ตอ่ ไป ดังน้ัน กระบวนการผลติ จงึ มตี ้นทนุ การผลิตเกิดขน้ึ ต้งั แต่การเรม่ิ จดั หาวตั ถดุ ิบต่างๆ แรงงานและทาการเตรยี มเคร่อื งจักร ดงั นน้ั ตน้ ทุนท่เี กิดขึน้ จะเกยี่ วกับต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรงงานและค่าใช้จา่ ย การผลติ ทใี่ ชใ้ น กระบวนการผลิตของแต่ละขน้ั ตอน ซ่งึ ได้แก่ การจดั หา ปัจจัยการผลติ กระบวนการผลิต การเก็บรกั ษา และการจาหน่ายสินค้า ให้กับลูกค้า ดังแสดงวงจรการผลติ

ตน้ ทนุ กำรผลิต 26 ประกอบด้วย ขนั้ ตอนหลกั 4 ข้นั ตอน ได้แก่ 1.กำรจดั หำ (Procurement) ปัจจยั การผลิต หรอื ทรัพยากรต่างๆ เพอื่ ปอ้ นเขา้ สู่การ ผลิต ทรพั ยากรเหลา่ นี้ ไดแ้ ก่ วตั ถุดบิ วัสดุ เคร่อื งจักร อุปกรณ์ เครือ่ งมอื อาคาร โรงงาน รวมทั้งแรงงานประเภทต่างๆ ในกรณีท่เี ปน็ การจัดหาวัตถดุ บิ และวัสดตุ ่างๆ (Materials and Supplies) จะเรมิ่ ต้งั แตก่ ารสง่ั ซอ้ื วัตถดุ ิบ ตรวจรับของ ทดสอบ คณุ ภาพ แลว้ ยงั รวมไปถงึ การ เก็บรักษาวัตถดุ ิบใหอ้ ย่ใู นสภาพทใี่ ชง้ านได้ ดงั น้นั ต้นทุนที่ เกย่ี วกบั การจดั หาปจั จัยการผลิต จึง ประกอบดว้ ย ตน้ ทุนของปัจจัยการผลิตประเภท ต่างๆ ได้แก่ ต้นทนุ วตั ถุดิบ ค่าแรงงาน และ ค่าใชจ้ ่ายการผลิต 2.กำรผลิต (Production) เปน็ กระบวนการที่สาคญั ท่ีสดุ กจิ การอาจจะมแี ผนกผลิต เพียงแผนกเดียว หรือหลายแผนก ข้นึ อยูก่ ับกรรมวธิ ใี นการผลติ และประเภทสนิ ค้า เมอื่ เร่มิ ตน้ การผลติ จะมีการนาเอาปัจจยั การผลิต ไดแ้ ก่ วัตถุดิบ แรงงาน เคร่ืองจกั ร และ สิ่งอานวยความสะดวกในการผลิตเขา้ ส่กู ระบวนการผลิตในโรงงาน จนกระท่งั ผลติ เสร็จ และไดเ้ ปน็ สนิ คา้ สาเร็จรปู ต้นทุนท่เี ก่ยี วข้องกบั กระบวนการผลิต คือ ตน้ ทุนการผลิตทอี่ ยู่ ในงานระหวา่ งทา นั่นเอง 3.กำรเกบ็ รักษำสนิ คำ้ (Warehousing) ท่ผี ลติ เสรจ็ จากโรงงาน จะถูกตรวจสอบ คุณภาพ และทาการตรวจนบั แล้วนาส่งเข้าเกบ็ รกั ษาไวใ้ นคลงั สนิ ค้า เพ่อื รอการขายในภายหลัง ดังนั้น ตน้ ทนุ ทีเ่ กี่ยวกับการเกบ็ รักษา คือ ตน้ ทนุ ในการเชา่ คลงั สินค้า ต้นทนุ ตรวจสอบ คณุ ภาพสินคา้ เปน็ ตน้ 4. กำรขำย เม่อื มีการขายสนิ คา้ (Selling) ให้กับลกู ค้ากจ็ ะนาสนิ ค้าออกจากคลงั สนิ ค้า เพื่อส่งมอบใหก้ ับลกู ค้า พรอ้ มทัง้ บนั ทึกรายการขายสนิ ค้า ดงั น้นั ตน้ ทนุ ทเ่ี กย่ี วกับการ ขายสินค้า คือ ตน้ ทนุ ขาย นัน่ เอง กจิ การก็จะนาต้นทนุ ขายไปเปรียบเทียบกบั การขาย สนิ ค้า เพื่อหาผลการดาเนินงานของงวดบัญชีแตล่ ะงวด ซ่ึงนาเสนอเป็นรูปของงบกาไร ขาดทุน

บัญชีคุมยอดดังกล่ำว ไดแ้ ก่ 27 1. บัญชีวตั ถุดิบ สาหรับบนั ทึกการซื้อและเบกิ ใช้วัตถดุ บิ รวมทงั้ วัสดโุ รงงานอืน่ ๆ โดยมี บญั ชแี ยกประเภทย่อยสาหรับวัตถุดบิ แต่ละชนดิ หรอื เรียกวา่ บัตรวัตถดุ บิ 2. บญั ชคี ำ่ แรงงำน ใชบ้ นั ทึกคา่ แรงงานทงั้ หมดท่ีกจิ การจ่ายให้คนงานโดยคานวณ ค่าแรงงานจากบัตรลงเวลาและจะ Cr.ออกเมื่อโอนตน้ ทุนไปเขา้ บัญชีงานระหว่างทา 3. บัญชีคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรผลติ สาหรบั บนั ทกึ คา่ ใชจ้ ่ายในการผลิตทุกประเภทท่เี กดิ ขน้ึ ในโรงงาน 4. บัญชงี ำนระหวำ่ งทำ ใชเ้ ป็นแหล่งรวบรวมตน้ ทนุ ของผลิตภณั ฑต์ า่ งๆ ทีก่ าลงั อย่ใู น ขน้ั การผลิต เพราะฉะน้นั บญั ชนี จ้ี ะรบั โอนตน้ ทุนมาจากบัญชีวัตถุดบิ ค่าแรงงานและ บัญชคี ่าใช้จา่ ยใน การผลิต 5. บัญชสี ินค้ำสำเรจ็ รปู สาหรบั บันทึกตน้ ทุนของสนิ ค้าท่ีผลติ เสร็จแล้วท้ังหมดแต่ยงั ไม่ จาหนา่ ยออกไป บญั ชนี ี้รบั โอนต้นทนุ มาจากบญั ชีงานระหวา่ งทา และจะCr.ออกเมอื่ ได้ จาหน่าย สินคา้ ออกไป 6. บัญชตี ้นทุนขำย ใชบ้ ันทึกต้นทุนของสินคา้ ท่จี าหน่ายออกไปทัง้ สิน้ โดยรับโอนตน้ ทุน สินคา้ ขายมาจากบัญชีสนิ ค้าสาเร็จรูป

28 ระบบกำรสะสมต้นทนุ (Cost Accumulation System) การสะสมขอ้ มลู ต้นทุนของกจิ การอุตสาหกรรมนั้น สามารถจดั ลาดบั ได้เป็น 4 ขนั้ ตอน คือ การจัดหา การผลิต การเกบ็ รกั ษาและการขาย ซงึ่ การจะสะสมหรือรวบรวมขอ้ มูลใน แตล่ ะขัน้ ตอนได้นนั้ ตอ้ งอาศัยเอกสาร หลกั ฐานต่างๆ เช่น ใบสงั่ ซ้อื ใบกากับสินค้า ใบกากับภาษี ใบสาคญั จา่ ย เปน็ ตน้ มาประกอบเป็นเอกสารเพอ่ื บนั ทกึ ข้อมลู ทางต้นทนุ ซึ่งข้อมูลต้นทุนเหล่านี้ก็จะนามาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ดังได้กล่าวไว้แล้วในหน่วยที่ 1 น่ันคือ เพ่ือคานวณตน้ ทนุ ของสนิ ค้าคงเหลอื เพอ่ื ใช้เปน็ ข้อมูลในการควบคุมวางแผนและ ตดั สนิ ใจในด้านต่างๆ ของผบู้ ริหาร ข้อมูลต้นทนุ ท่กี ิจการจะรวบรวมมาไดน้ ้นั ต้องอาศยั ระบบการสะสมขอ้ มูลได้ 2 ระบบ คอื -ระบบการสะสมต้นทุนแบบสิน้ งวด (Periodic Cost Accumulation System) -ระบบการสะสมตน้ ทุน แบบตอ่ เนอ่ื ง (Perpetual Cost Accumulation System) ระบบกำรสะสมต้นทุนแบบสิน้ งวด เปน็ ระบบการคดิ ต้นทนุ เม่อื วันส้ินงวดบัญชีเพราะต้นทนุ ของสินคา้ คงเหลือปลายงวด จะทราบได้โดยการตรวจนบั ในวนั ส้นิ งวด ดงั น้นั กิจการอุตสาหกรรมทใี่ ช้ระบบน้ีจะ ทราบตน้ ทนุ ระบบกำรสะสมตน้ ทุนแบบต่อเนื่อง เป็นการสะสมต้นทนุ ท่มี ักจะใชใ้ นกจิ การอุตสาหกรรมโดยส่วนใหญ่ สามารถเสนอขอ้ มูล ตน้ ทนุ ใหฝ้ า่ ยบริหารใชใ้ นการตัดสินใจในเรอื่ งต่างๆ เกี่ยวกบั การผลิต การควบคุมและ การวางแผน ลักษณะการสะสมแบบน้ีจะแสดงการเคลื่อนไหวของวัตถุดบิ งานระหวา่ ง ทา และสินค้าสาเร็จรปู ให้เหน็ อย่างชัดเจนวา่ รับเข้าเทา่ ใดจา่ ยออกเท่าใด และคงเหลือ อยเู่ ทา่ ใด

การบันทกึ บัญชีตามวงจรตน้ ทนุ 29 การบันทกึ บัญชีตามวงจรต้นทุนจะเปน็ ไปตามวงจรต้นทุน 1.การบนั ทกึ บญั ชีขน้ั การจดั หา จะบนั ทึกบัญชแี ยกตามปัจจยั การผลติ ทง้ั 3 ชนดิ คือ วัตถุดิบ ค่าแรง และคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลติ และบันทกึ ตาม แหลง่ ทีม่ าของต้นทุนหรือ ปจั จัยการผลิตนั้นๆ คือ

30 2. การบนั ทกึ บญั ชขี นั้ การผลติ จะเหน็ ว่ามี การเปิดบญั ชีงานระหวา่ งทา (Work in Process Account) ขน้ึ เพอ่ื บนั ทกึ การโอน ปัจจัยการผลิตเข้าไปคานวณตน้ ทุนการผลติ การบันทกึ บญั ชเี ปน็ ดังนี้ 3. การบันทกึ บัญชขี นั้ การเกบ็ รกั ษา เมอื่ ผ่าน ข้ันตอนท่ี 2 มาแลว้ สนิ ค้าสาเรจ็ รูป ทผี่ ลิต เสรจ็ จะโอนเข้าบัญชีสนิ คา้ สาเร็จรปู เพอ่ื รอ ไวข้ ายให้แกล่ กู ค้า การบนั ทกึ บญั ชใี นข้ันตอน นี้ คือ

31 4. การบันทึกต้นทนุ ของสนิ คา้ ทขี่ ายได้ คอื การโอนต้นทุนของ สินค้าท่ีขาย ไดเ้ ข้าบัญชตี ้นทุนขายซง่ึ คานวณได้จากปรมิ าณ ขายคูณด้วยตน้ ทนุ ตอ่ หน่วยของสินคา้ สาเรจ็ รูป การบันทกึ บัญชีเปน็ ดงั นี้

บญั ชแี ยกประเภทโรงงาน 32 การบนั ทกึ บัญชเี ก่ียวกับกจิ การการผลิตและการดาเนนิ งานทว่ั ไปรวมอยใู่ นสมุด บัญชชี ดุ เดียวกบั อาจจะไม่สะดวก อีกทง้ั ยังคานวณตน้ ทุนสนิ ค้าท่ผี ลิต ได้ล่าชา้ ซ่งึ จะสง่ สง่ กระทบตอ่ การควบคมุ และติดตามผลการดาเนนิ การของโรงงาน ตลอดจน การใช้ขอ้ มูลเพ่ือการตัดสินใจใน ปัญหาตา่ งๆ เกยี่ วกบั การผลิตเพื่อขจดั ปญั หา ดังกล่าวจึงมีการแยกการบนั ทึกบัญชอี อกเป็นสองชุด คอื สมดุ แยกประเภททวั่ ไป ไว้ ทีส่ านักงานเพอื่ บนั ทึกรายการเกี่ยวกบั การดาเนนิ งานทวั่ ไป และสมดุ แยกประเภท โรงงาน ไวท้ ่ีแผนบัญชตี ้นทนุ ของโรงงาน เพื่อบนั ทึกรายงานเกี่ยวกบั การผลติ

33 กำรบันทกึ บัญชีกรณที ใ่ี ชส้ มดุ แยกประเภทโรงงำน กำรบนั ทกึ บญั ชแี ยกออกเป็น 2 ชดุ น้นั มิไดห้ มำยควำมว่ำกำรกำร บันทกึ รำยงำนตำ่ งๆ ของสำนักงำนและโรงงำนจะแยกกันโดยเด็ดขำด เพรำะ ระหว่ำงสำนกั งำนและโรงงำนยงั ตอ้ งมรี ำยกำรท่ี มีควำมสัมพนั ธก์ ัน เช่น สำนักงำน โอนสนิ ทรพั ย์ให้โรงงำน สำนกั งำนจำ่ ย ค่ำแรงงำนใหค้ นงำนใน โรงงำน หรือจ่ำยคำ่ ใช้จำ่ ยกำรผลติ ให้ สำนกั งำน จะ ตัง้ พกั รำยงำนที่ตอ้ งบันทกึ ในสมดุ บญั ชีของโรงงำน หรอื รำยงำนทมี่ ี ควำมสมั พนั ธ์กับ โรงงำน ไว้ในบัญชีทม่ี ีชือ่ วำ่ “ บญั ชแี ยกประเภทโรงงำน โรงงำน จะตัง้ พักรำยกำรท่ตี ้องบันทกึ ในสมดุ บญั ชีของสำนกั งำน หรือรำยกำร ท่ีมีควำมสมั พันธ์กับ สำนักงำนไวใ้ นบญั ชีทม่ี ีช่อื วำ่ “ บัญชีแยกประเภทท่วั ไป” หรอื แยกประเภทสำนกั งำน บัญชีทงั้ สองเปน็ บญั ชรี ะหว่ำงกัน คดิ เป็นบญั ชีที่ เกิดขนึ้ จำกเหตกุ ำรณท์ ำงบญั ชีเดยี วกัน แตบ่ ันทกึ ด้ำนตรงกนั ข้ำม กล่ำวคอื หำกสำนกั งำนบันทกึ รำยกำรเครดติ บญั ชแี ยกประเภทโรงงำน จำกรำยกำร เดียวกนั น้ีทำงด้ำนโรงงำนกจ็ ะบนั ทึกเดบติ บญั ชีแยกประเภทท่วั ไป ดังนั้นยอด คงเหลือของสองบัญชี น้จี ะเท่ำกนั แตจ่ ะอยดู่ ำ้ นตรงกันข้ำมกนั และเมือ่ ใดท่ี กิจกำรปดิ งำน และในสมดุ แยกประเภทโรง งำนทโี่ รงงำนมำจดั ทำงบทดลอง รวมโดยตดั บญั ชีกนั ออกไป

35

37

3

38

39 บทท่ี 3 การบญั ชีเก่ียวกบั วตั ถุ้ิบ  ความหมายของวตั ถุดบิ  ต้นทนุ ในการจดั หาวตั ถุดบิ  การควบคมุ วตั ถุดิบ  การคํานวณตน้ ทุนวัตถดุ ิบเบิกใช้และตน้ ทนุ วัตถดุ ิบคงเหลอื  วธิ กี ารบันทกึ บญั ชวี ัตถดุ บิ  การบนั ทกึ บญั ชกี รณวี ตั ถุดบิ คงเหลอื ทตี่ รวจนบั ได้ไม่ตรงกับ ยอดตามบัญชี

40 ควำมหมำยของวตั ถุดิบ วัตถุดบิ เป็นปจั จยั การผลติ ทสี่ าคญั ของ กระบวนการผลติ ซึ่งในการผลติ สนิ คา้ ของกิจการ จะมี การใชว้ ตั ถุดบิ หลายชนิด วัตถุดบิ บางชนิดนาไปใชใ้ น การผลิตโดยตรง ถอื เปน็ ส่วนประกอบสาคญั ของ ผลิตภณั ฑ์ วัตถุดบิ บางชนิดนาไปใชเ้ ป็นสว่ นประกอบท่ี ไมส่ าคญั หรือนาไปชว่ ยให้ ผลิตภัณฑ์น้ันๆ สมบูรณ์ขนึ้ ดงั นน้ั จึงมีการแบ่งประเภทวตั ถุดิบเป็น 2 ประเภท คือ 1. วัตถุดิบทางตรง (Direct Material) หมายถึง วตั ถดุ บิ ท่ีนามาใชใ้ นการผลิตสนิ ค้า โดยตรง เม่ือผลิตสนิ ค้าสาเรจ็ ลง จะเห็นไดช้ ดั เจนวา่ ผลิตภณั ฑน์ ้นั ผลิตจากวัตถุดบิ ใด และ สามารถคานวณต้นทนุ ท่ีใชใ้ นการผลิตสินค้าหนงึ่ หนว่ ยได้โดยง่าย เชน่ ตน้ ทนุ ของผ้าท่นี ามาใช้ ตัดเสือ้ 1 ตวั ต้นทนุ ของหนงั สัตวท์ ่ีนามาใชท้ ากระเป๋า 1 ใบ เป็น ต้น 2. วัตถุดิบทางอ้อม (Indirect Material) หมายถึง วัตถดุ บิ ท่นี ามาใช้ผลิตสินค้า สาเรจ็ รปู เช่นกัน แตใ่ ช้เป็นจานวนน้อย เป็นวตั ถดุ บิ ทชี่ ว่ ยทาใหผ้ ลติ ภณั ฑน์ ั้นเสร็จ สมบรู ณข์ ึ้น การคานวณ ต้นทนุ วตั ถุดิบทางออ้ มทีใ่ ชใ้ นการผลิตสนิ ค้า 1 หนว่ ย นัน้ ทาไดย้ าก ตัวอย่างของวัตถดุ บิ ทางออ้ ม ได้แก่ ดา้ ย กาว น้ามันหล่อลน่ื เอ็นทีใ่ ชเ้ ยบ็ กระเป๋า เปน็ ต้น

ตน้ ทุนในกำรจดั หำวัตถุดิบ 41 ในการจัดหาวัตถุดิบเข้ามาปอ้ นการผลิต เก่ียวข้องกับแผนกบริการหลาย ฝา่ ย หลายแผนก ค่าใช้จา่ ยที่เกดิ ขนึ้ ในการจัดหาวัตถดุ ิบตา่ งๆ ใหม้ าอยูใ่ นสภาพที่ พรอ้ มจะป้อนเขา้ สกู่ ารผลติ ท่ี ควรนามาคานวณเปน็ ตน้ ทุนของวัตถดุ บิ ไดแ้ ก่ คา่ ขนส่ง ค่าเบี้ยประกัน ค่าภาษีตา่ งๆ ค่าใช้จ่าย ของแผนกจัดซื้อ ค่าใช้จ่ายของ แผนกตรวจรับของ คา่ ใช้จา่ ยของคลังพสั ดุ ค่าใชจ้ ่ายของแผนก บญั ชที ีเ่ กีย่ วกบั การบนั ทกึ รายการวัตถดุ ิบ และคา่ ใช้จา่ ยในแผนกต่างๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง ปัจจบุ นั ได้มีการนาระบบภาษีมลู คา่ เพิ่มมาใช้ ภาษมี ลู คา่ เพิ่มจัดได้ว่าเป็นต้นทุนใน การจดั หาวัตถุดิบอีกชนิดหนง่ึ ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทนุ วัตถุดบิ ตลอดจนต้นทนุ การผลิต ใน กรณที ีผ่ ู้ประกอบการไม่อย่ใู นระบบภาษีมูลคา่ เพ่ิม เม่อื กิจการซอ้ื วัตถุดบิ หรอื สนิ ค้า ผขู้ าย คิดภาษีมูลคา่ เพม่ิ มาดว้ ย ภาษมี ูลคา่ เพ่มิ น้จี ะถือเปน็ ต้นทุนของวตั ถดุ ิบทซ่ี อื้ ของกจิ การที่ เป็นกจิ การอตุ สาหกรรม และจะถอื เป็นค่าใช้จา่ ยในการขายและบรหิ ารในกิจการที่ซ้ือ สินคา้ มาขาย แต่ถ้าผู้ประกอบการอยใู่ นระบบภาษมี ลู คา่ เพม่ิ เมือ่ ซื้อสนิ คา้ หรอื วัตถุดิบ ภาษมี ูลค่าเพิ่มทเ่ี กดิ ขึ้นจะถอื เป็นเครดิตภาษี ไม่ถอื เป็นคา่ ใช้จ่ายหรอื ไม่ถือเป็นต้นทนุ ของ วตั ถุดิบท่ีซ้อื

42 กำรควบคมุ วัตถดุ ิบ ในกิจการอุตสาหกรรมโดยทัว่ ไปจะตอ้ งมีการควบคมุ ภายในเก่ียวกับวตั ถดุ บิ การควบคมุ ภายในเก่ียวกบั วตั ถุดิบจะประกอบด้วย 1. การควบคุมเกี่ยวกบั การซอ้ื และการตรวจรับวตั ถุดบิ (Purchase and Receipt of Material) 2. การควบคมุ เกย่ี วกบั การเก็บรกั ษาวตั ถุดบิ และการเบิกใช้วัตถุดบิ (Storage of Material and Requisition and Consumption of Material) การควบคุมวตั ถุ้ิบเก่ียวกบั การซ้ือและการตรวจรับ วตั ถุ้ิบ เมื่อฝ่ายผลติ ตอ้ งการผลิตสินค้า ก็จะมีการกะประมาณจานวนวัตถดุ ิบทต่ี อ้ งการ และเสนอให้ ฝ่ายจดั ซอื้ ดาเนินการจัดซือ้ ซงึ่ ในขั้นตอนการจดั ซอ้ื น้ถี อื เปน็ ขั้นตอนในการ จดั หาวตั ถุดบิ จะตอ้ งมกี ารดาเนนิ การ ในลกั ษณะใหม้ กี ารควบคุมโดยเอกสาร หลกั ฐานดังนี้ 1.ใบขอซอ้ื (Purchase Requisitions) 2. ใบสงั่ ซ้ือ (Purchase Orders) 3. ใบกากบั สินค้า (Vendor's Invoices)/ใบกากับภาษี (Tax Invoices) 4. ใบตรวจรบั ของ (Receiving Reports) 5. ใบหักหนเ้ี พิ่มหน้ี (Debit-note/Credit-note)

43 1.ใบขอซ้ือ เปน็ เอกสารท่จี ัดทาโดยแผนกคลังวัตถดุ บิ เพ่อื ขอซ้ือวตั ถุดิบตามความตอ้ งการของ แผนกผลติ และสง่ั ใหฝ้ า่ ยจดั ซือ้ ดาเนินการจัดซ้อื การกาหนดรายละเอียดและรูปแบบของใบขอ ซอ้ื ก็จะมีรายละเอยี ดเกีย่ วกบั วนั ทท่ี ่ีออกใบขอซื้อ วันทตี่ ้องการใช้วัตถดุ บิ ประเภทของวัตถุดบิ จานวนทตี่ อ้ งการซอื้ คณุ ภาพและราคา แผนกท่ีตอ้ งการใช้ เป็นต้น ใบขอซื้อ จะจัดทำ 2 ฉบับ ฉบบั ท1่ี ส่งให้แผนกจดั ซอ้ื ฉบบั ท่ี 2 เกบ้ ไวท้ ่คี ลังวัตถุดบิ

44 2. ใบส่งั ซ้อื เปน็ เอกสารท่ฝี ่ายจัดซือ้ เปน็ ผูจ้ ดั ทาขึน้ เมอ่ื ได้รบั ใบขอซอ้ื จากฝ่ายวตั ถดุ ิบ รายละเอยี ดของใบสั่งซ้อื จะประกอบด้วย ชือ่ ของกิจการที่ทาใบสง่ั ซ้ือ ช่ือผ้จู าหน่าย วนั ทีอ่ อก ใบสั่งซอ้ื จานวน คุณภาพ และราคาของวัตถุดิบตอ่ หน่วย เงอ่ื นไขการชาระเงนิ เป็นตน้ ใบสั่งซ้อื จะจัดทำ 4 ฉบับ ฉบับที่ 1 สง่ ให้ผ้ขู ำย ฉบบั ที่ 2 เก็บไว้ทีแ่ ผนกจัดซือ้ ฉบบั ที่ 3 ส่งให้แผนกบญั ชี ฉบับท่ี 4 ส่งใหแ้ ผนกตรวจรับ

45 3. ใบกากับสินคา้ ปกตกิ ิจการจะไดร้ บั ใบกากับสินคา้ กอ่ นที่ผูข้ ายจะส่งวตั ถุดิบมาใหก้ ิจการ เพอื่ ให้ผซู้ ือ้ ได้ ตรวจสอบเก่ียวกบั จานวน ราคา เงอื่ นไขการชาระเงนิ และวธิ กี ารส่งมอบสนิ ค้า รายละเอียดของใบกากับ สนิ คา้ จะประกอบดว้ ย ชื่อกิจการทอ่ี อกใบกากับสินค้า เลขที่ใบกากบั สินคา้ วนั ทอี่ อกใบกบั กับสินค้า เลขที่ ใบสงั่ ซื้อ วนั ท่ีในใบส่งั ซือ้ เงอื่ นไขการชาระเงนิ ชนดิ จานวน และราคาของวัตถุดิบ เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook