ชุดที่ 1 แนวข้อสอบ O-NET วชิ า สังคมศึกษา คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดียว 1. ทรรศนะเกี่ยวกบั ควำมสุขและทุกขข์ องชีวติ ในชมพทู วีปมีลกั ษณะอยำ่ งไร 1. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อวำ่ ไม่มีควำมสุขควำมทุกข์ มนุษยล์ ว้ นคิดไปเอง 2. กลุ่มต่ำงๆ เชื่อวำ่ ควำมสุขทำงกำยเป็นเป้ำหมำยสูงสุดของชีวติ 3. กลุ่มหน่ึงเชื่อวำ่ เกิดข้ึนเอง อีกกลุ่มหน่ึงเช่ือวำ่ เกิดข้ึนดว้ ยเหตุปัจจยั 4. กลุ่มหน่ึงเชื่อวำ่ พระเจำ้ บนั ดำลสุข อีกกลุ่มหน่ึงเช่ือวำ่ ภูตผสี ร้ำงทุกขเ์ ขญ็ 2. กำรปฏิบตั ิตนของหมอชีวกโกมำรภจั จส์ อดคลอ้ งกบั คำสอนในขอ้ ใด 1. เอำชนะคนพำลดว้ ยควำมเพียร 2. ใฝ่ เรียนรู้ศิลปวิทยำอยตู่ ลอดเวลำ 3. คบบณั ฑิต บณั ฑิตพำไปหำผล 4. รู้เขำรู้เรำรบร้อยคร้ังชนะร้อยคร้ัง 3. บุคคลในขอ้ ใดกล่ำวไดว้ ำ่ เป็นผปู้ ฏิบตั ิตนตำมกศุ ลวติ ก 1. วภิ ำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผิดที่เขำก่อข้ึน 2. วนิ ยั ช่วยเหลือเพือ่ นที่ถูกดำเนินคดีในควำมผดิ ที่เพือ่ นเขำก่อข้ึน 3. วิไลช้ีแนะใหเ้ พอื่ นเขำ้ ใจควำมผดิ ที่ก่อข้ึนอนั เป็นเหตุใหถ้ ูกดำเนินคดี 4. วชิ ยั ขอควำมช่วยเหลือจำกผมู้ ีอำนำจใหเ้ พอ่ื นเขำพน้ จำกคดีที่เพื่อนเขำก่อข้ึน 4. บุคคลใดปฏิบตั ิตนต่อพระสงฆไ์ ดถ้ ูกตอ้ งเหมำะสมตำมหลกั กำรปฏิสนั ถำรต่อพระสงฆ์ 1. เปิ้ ลจดั รถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำท่ีนิมนต์ 2. ปัทนงั่ สนทนำตรงหนำ้ พระสงฆเ์ ม่ือท่ำนมำถึงบำ้ น 3. ป๋ ุมใหพ้ ระสงฆน์ ง่ั อยรู่ ูปเดียวเพ่อื ควำมสงบทำงจิตใจ 4. ปอวำงเกำ้ อ้ีสำหรับพระสงฆไ์ วด้ ำ้ นหลงั เพอ่ื ควำมสะดวกในกำรประกอบพธิ ีกรรม 5. ขอ้ ใดแสดงควำมสมั พนั ธข์ องวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำกบั หลกั ธรรมไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง 1. วนั มำฆบูชำ-อริยสจั 4 2. วนั อฏั ฐมีบูชำ-ไตรลกั ษณ์ 3. วนั วสิ ำขบูชำ-พรหมวิหำร 4 4. วนั อำสำฬหบูชำ-อริยมรรคมีองคแ์ ปด 1
6. กำรปฏิบตั ิตนเพ่อื ธำรงไวซ้ ่ึงพทุ ธวฒั นธรรมในขอ้ ใดเหมำะสมกบั สถำนภำพของนกั เรียนมำกที่สุด 1. กำรจดั พธิ ีข้ึนบำ้ นใหมแ่ ละต้งั ศำลพระภูมิ 2. กำรเขำ้ ร่วมพิธีกรรมในวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ 3. กำรเสนอพทุ ธศำสนสถำนในทอ้ งถ่ินเป็นโบรำณสถำนและมรดกโลก 4. กำรรวมกลุ่มเพอ่ื นเพอ่ื ช่วยกนั ทำนุบำรุงพทุ ธศำสนสถำนท่ีเก่ำแก่ทรุดโทรม 7. หลกั คำสอนเรื่องตรีเอกำนุภำพของคริสตศ์ ำสนำ หมำยควำมวำ่ อยำ่ งไร 1. พระเป็นเจำ้ ทรงมี 3 องค์ ไดแ้ ก่ พระบิดำ พระบุตร และพระจิต 2. พระเป็นเจำ้ ทรงทำ 3 หนำ้ ท่ี ไดแ้ ก่ ผสู้ ร้ำง ผรู้ ักษำ และผทู้ ำลำย 3. พระเป็นเจำ้ ทรงมี 3 องค์ ไดแ้ ก่ พระยะโฮวำห์ พระเยซูคริสต์ และพระแม่มำรี 4. พระเป็นเจำ้ ทรงมีองคเ์ ดียว แต่มี 3 พระบุคคล ไดแ้ ก่ พระบิดำ พระบตุ ร และพระจิต 8. ขอ้ ใดต่อไปน้ีกล่ำว ไม่ ถกู ตอ้ ง 1. ชำวมุสลิมทุกคนตอ้ งทำละหมำดวนั ละ 5 คร้ัง 2. ชำวมุสลิมจะตอ้ งบริจำคซะกำตในอตั รำร้อยละ 2.5 3. ชำวมุสลิมจะตอ้ งศรัทธำต่ออลั ลอฮอ์ งคเ์ ดียวเท่ำน้นั 4. ชำวมุสสิลมทุกคนตอ้ งไปประกอบพิธีฮจั ญป์ ี ละ 1 คร้ัง 9. บุคคลใดต่อไปน้ีมี “อิสรภำพ” ตำมหลกั ของพระพทุ ธศำสนำ 1. แพรเปลี่ยนโทรศพั ทม์ ือถือบ่อยคร้ัง เพอ่ื ใหท้ นั สมยั 2. ป่ ำนเกบ็ เงินซ้ือบำ้ นหลงั ใหญ่ เพือ่ ใหท้ ดั เทียมกบั เพ่ือนๆ 3. ปอใฝ่ ฝันอยำกเป็นแพทยเ์ พอื่ ช่วยชีวิตคน จึงต้งั ใจเรียนหนงั สืออยำ่ งมำก 4. ฝ้ำยเดินทำงไปท่องเที่ยวต่ำงประเทศบ่อยคร้ัง เพอื่ ตอ้ งกำรใหผ้ อู้ ื่นรู้วำ่ ตนเองร่ำรวย 10. ขอ้ ใดเป็นพทุ ธจริยำของพระบรมศำสดำดำ้ นญำตตั ถจริยำ 1. ทรงอนุญำตใหพ้ ระเทวทตั บวชได้ 2. เสดจ็ ไปยบั ย้งั มิใหอ้ งคุลิมำรกระทำมำตุฆำต 3. ทรงแสดงธรรมโปรดพระสุภทั ทะก่อนเสดจ็ ดบั ขนั ธ์ปรินิพพำน 4. ทรงระงบั สงครำมแยง่ น้ำในแม่น้ำโรหิณีระหวำ่ งพระญำติท้งั สองฝ่ ำย 11. ขอ้ ใดเป็นสิ่งที่ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระภิกษุสงฆ์ 1. ชวนพระภิกษุสงฆพ์ ดู คุยขำ่ วในวงกำรบนั เทิง 2. ซกั ถำมหลกั ธรรมท่ีมีควำมสงสยั ใหเ้ ขำ้ ใจแจง้ ชดั 3. ชกั ชวนใหพ้ ระสงฆไ์ ปประทว้ งขบั ไล่นกั กำรเมือง 4. ขอใหพ้ ระภิกษุสงฆต์ รวจดูวำ่ ชำติที่แลว้ เกิดเป็นอะไร 2
12. กำรสวดมนตไ์ หวพ้ ระอยำ่ งสม่ำเสมอ มีคุณค่ำและประโยชนอ์ ยำ่ งไร 1. สิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิคอยช่วยเหลือยำมลำบำก 2. จิตใจมีควำมสงบ เยอื กเยน็ เป็นสมำธิ 3. มีอิทธิฤทธ์ิบำงประกำรเกิดข้ึนกบั ผสู้ วด 4. พระพทุ ธรูปท่ีบูชำมีควำมศกั ด์ิสิทธ์ิมำกข้ึน 13. บุคคลใดต่อไปน้ีปฏิบตั ิตำมหลกั ธรรมพรหมวหิ ำร 4 1. ผกำมำศอดทนไม่โตต้ อบเพื่อนท่ีชอบกลน่ั แกลง้ ตน 2. บุปผำเห็นสุนขั จรจดั ถูกรถเฉี่ยวบำดเจบ็ จึงอุม้ ไปหำสตั วแพทย์ 3. บุษบำขยนั หมน่ั เพยี รในกำรเรียน เพื่อใหส้ อบเขำ้ มหำวิทยำลยั ได้ 4. บุษบงเห็นกระเป๋ ำสตำงคต์ กอยู่ แมจ้ ะไมม่ ีใครอยแู่ ถวน้นั แต่กน็ ำไปส่งตำรวจ 14. ขอ้ ใดกล่ำวถูกตอ้ งเก่ียวกบั ศำสนำสิข 1. ศูนยก์ ลำงของศำสนำอยทู่ ่ีนครมกั กะฮ์ ประเทศซำอุดีอำระเบีย 2. ชำวสิขท่ีทำพธิ ีลำ้ งบำปแลว้ จะรับเอำ ก ท้งั 5 ประกำร ไวก้ บั ตน 3. ศำสดำองคแ์ รก คือ คุรุโควินทสิงห์ ศำสดำองคส์ ุดทำ้ ย คือ คุรุนำนกั 4. เป็นศำสนำที่เกิดข้ึนเพ่อื ประนีประนอมระหวำ่ งคริสตศ์ ำสนำและศำสนำอิสลำม 15. ไอยเรศมีอำยลุ ่วงเขำ้ สู่วยั ชรำ มีควำมปรำรถนำจะบรรลุโมกษะ จึงสละกำรครองเรือน แลว้ ออกบวช ถือเพศพรหมจรรยต์ ลอดชีวติ ไอยเรศกำลงั ปฏิบตั ิตำมข้นั ตอนใดของหลกั ธรรมอำศรม 4 ในศำสนำ พรำหมณ์-ฮินดู 1. พรหมจำรี 2. คฤหสั ถ์ 3. วำนปรัสถ์ 4. สันยำสี 16. เพรำะเหตุใดจึงกล่ำววำ่ พระพทุ ธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล 1. ถือวำ่ ทุกส่ิงมีเหตุและผลอยใู่ นตนเอง 2. เนน้ วำ่ ทุกสิ่งเกิดและดบั ตำมเหตุปัจจยั 3. ใหค้ วำมสำคญั กบั กำรถกเถียงหำเหตุผล 4. เนน้ วำ่ ทุกส่ิงดำเนินไปตำมเหตุปัจจยั แห่งกรรมเก่ำ 17. เพรำะเหตใุ ดแมว้ ำ่ พระอำนนทจ์ ะออกบวชมำนำนแลว้ แต่กย็ งั ไม่บรรลุเป็นพระอรหนั ต์ 1. ตอ้ งโตว้ ำทะกบั พวกเดียรถียบ์ ่อยคร้ัง 2. พระภิกษรุ ูปอื่นขดั ขวำงกำรบำเพญ็ เพียร 3. ตอ้ งเดินทำงไปประกำศพระศำสนำหลำยท่ี 4. ตอ้ งปรนนิบตั ิรับใชพ้ ระพทุ ธเจำ้ อยำ่ งใกลช้ ิด 3
18. ขณะท่ีนกั เรียนอ่ำนหนงั สือเตรียมสอบเขำ้ มหำวทิ ยำลยั แลว้ เกิดอำกำรหดหู่ ง่วงนอน แสดงวำ่ นกั เรียนมี สิ่งใดขดั ขวำงจิตมิใหบ้ รรลุควำมกำ้ วหนำ้ 1. วจิ ิกิจฉำ 2. พยำบำท 3. ถีนมิทธะ 4. อุทธจั จกกุ กจุ จะ 19. ขอ้ หำ้ มมิใหพ้ ระสงฆฉ์ นั อำหำรหลงั เที่ยงวนั ไปแลว้ จะปรำกฏอยใู่ นคมั ภีร์ใด 1. อรรถกถำ 2. พระวินยั ปิ ฎก 3. พระสุตตนั ตปิ ฎก 4. พระอภิธรรมปิ ฎก 20. พิธีศีลศกั ด์ิสิทธ์ิขอ้ ใดของคริสตศ์ ำสนำท่ีกระทำเพื่อระลึกถึงชีวติ และคำสอนของพระเยซูคริสต์ 1. พิธีศีลกำลงั 2. พธิ ีศีลแกบ้ ำป 3. พิธีศีลอนุกรม 4. พิธีศีลมหำสนิท 21. ปัจจยั ในขอ้ ใดท่ีเป็นผลทำใหม้ นุษยเ์ ป็นสตั วส์ งั คม 1. เป็นสตั วเ์ ลือดอุ่น 2. มีสันชำติญำณตำมธรรมชำติท่ีดี 3. มีควำมสำมำรถทำงสมองท่ีเป็นเลิศ 4. มีทกั ษะกำรตอ่ สูเ้ หนือกวำ่ สตั วป์ ระเภทอ่ืน 22. ขอ้ ใดเป็นสถำบนั ทำงสงั คมซ่ึงเป็นพ้ืนฐำนแรกสุดของมนุษย์ 1. สถำบนั ศำสนำ 2. สถำบนั เศรษฐกิจ 3. กำรสถำบนั ครอบครัว 4. สถำบนั กำรเมืองกำรปกครอง 23. ขอ้ ใดเกี่ยวขอ้ งกบั สถำบนั กำรเมืองกำรปกครองโดยตรง 1. ผลิตสินคำ้ บริโภค 2. ขดั เกลำสมำชิกของสังคม 3. เผยแพร่ขำ่ วสำรสู่สำธำรณะ 4. บริหำรประเทศตำมนโยบำย 24. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของสถำนภำพสมั ฤทธ์ิ 1. แกว้ ไดเ้ ล่ือนตำแหน่งเป็นผจู้ ดั กำรแผนก 2. นิดเป็นลูกของนกั ธุรกิจชื่อดงั ในประเทศไทย 3. เตยมีผวิ ขำว ผมเหยยี ดตรงสีดำ และมีปำนท่ีแขนขำ้ งซำ้ ย 4. จอมเกิดวนั ท่ี 10 มกรำคม พ.ศ. 2525 ท่ีโรงพยำบำลศิริรำช 25. วฒั นธรรมไทยในขอ้ ใดเป็นของภำคใต้ 1. งำนบุญบ้งั ไฟ 2. ประเพณีผตี ำโขน 3. ประเพณีกำรรำโนรำ 4. กำรแสดงหมอลำซิ่ง 4
26. กำรรับวฒั นธรรมต่ำงชำติมำใชค้ วรคำนึงถึงส่ิงใดเป็นสำคญั 1. เลือกวฒั นธรรมที่ตนเองชอบ 2. เลือกวฒั นธรรมที่คนทวั่ ไปนิยม 3. รับวฒั นธรรมต่ำงชำติมำท้งั หมด 4. เลือกวฒั นธรรมท่ีมีประโยชนน์ ำมำปรับใช้ 27. วฒั นธรรมสำกลในขอ้ ใดที่มีควำมสำคญั ต่อกำรดำเนินชีวิตของเรำมำกท่ีสุด 1. แฟชนั่ 2. อินเทอร์เน็ต 3. กำรใชข้ องรำคำแพง 4. กำรรับประทำนอำหำรตะวนั ตก 28. กำรปฏิบตั ิในขอ้ ใดคือบทบำทสำคญั ของนกั เรียนในกำรเป็นสมำชิกท่ีดีของครอบครัว 1. เช่ือฟังพอ่ แม่ ต้งั ใจเรียน 2. สืบสำนประเพณีและวฒั นธรรมไทย 3. ไปใชส้ ิทธิลงคะแนนเลือกต้งั ทุกคร้ัง 4. ติดตำมข่ำวสำรและเขำ้ ร่วมกิจกรรมทำงกำรเมือง 29. สภำพของชุมชนใดที่แสดงใหเ้ ห็นวำ่ มีสมำชิกของชุมชนท่ีดี 1. สมำชิกชุมชนรักสนั โดษ 2. สมำชิกชุมชนมีฐำนะร่ำรวย 3. สมำชิกชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน 4. สมำชิกชุมชนต่ำงคนต่ำงอยไู่ ม่ยงุ่ เกี่ยวกนั 30. ผใู้ ดถือไดว้ ำ่ ปฏิบตั ิตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชำติและสงั คมโลก 1. ตุก๊ ชอบลอกขอ้ สอบในหอ้ งเรียน 2. นิดรับฟังควำมคิดเห็นท่ีแตกต่ำงของเพือ่ น 3. แอด๊ นิยมใชค้ วำมรุนแรงในกำรแกไ้ ขปัญหำ 4. ทรำยใหก้ ำรยอมรับนบั ถือคนที่มีฐำนะร่ำรวย 31. สุเมทเสียภำษีเงินไดบ้ ุคคลธรรมดำตำมจำนวนทุกปี กำรกระทำของสุเมท เป็นบทบำทหนำ้ ท่ีของ พลเมืองดีในดำ้ นใด 1. ดำ้ นกำรกศุ ล 2. ดำ้ นกำรเมือง 3. ดำ้ นเศรษฐกิจ 4. ดำ้ นสังคมและวฒั นธรรม 32. แนวควำมคิดเก่ียวกบั ปฏิญญำสำกลวำ่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติเกิดข้ึนหลงั จำกเหตุกำรณ์ใด สิ้นสุดลง 1. สงครำมเวยี ดนำม 2. สงครำมโลกคร้ังที่ 1 3. สงครำมโลกคร้ังที่ 2 4. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย 5
33. ในปัจจุบนั ประเทศไทยเขำ้ ร่วมเป็นภำคีพนั ธกรณีกบั ปฏิญญำสำกลวำ่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชนท้งั หมด กี่ฉบบั 1. 3 ฉบบั 2. 4 ฉบบั 3. 5 ฉบบั 4. 6 ฉบบั 34. แนวคดิ ใดขดั แยง้ กบั หลกั สิทธิมนุษยชน 1. ผชู้ ำยยอ่ มเก่งกวำ่ ผหู้ ญิง 2. เดก็ จำเป็นตอ้ งไดร้ ับกำรศึกษำเหมำะสมตำมวยั 3. คนจนมีสิทธิเขำ้ ถึงบริกำรสำธำรณสุขที่มีมำตรฐำน 4. ผพู้ กิ ำรตอ้ งไดร้ ับคุณภำพชีวติ ที่ดีเท่ำเทียมคนทว่ั ไป 35. อำนำจใดคืออำนำจสูงสุดในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย 1. อำนำจทหำร 2. อำนำจอธิปไตย 3. อำนำจเผดจ็ กำร 4. อำนำจทำงกำรเงิน 36. ขอ้ ใดคือหลกั กำรของระบอบเผดจ็ กำร 1. ผนู้ ำมำจำกกำรเลือกต้งั 2. ส่ือมวลชนไม่ถูกแทรกแซง 3. ประชำชนมีอิสระทำงกำรเมือง 4. อำนำจเดด็ ขำดอยทู่ ี่ผนู้ ำเท่ำน้นั 37. ขอ้ ใดคือองคก์ รอิสระ ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 1. กรมกำรคำ้ ภำยใน 2. ผตู้ รวจกำรแผน่ ดิน 3. สำนกั นำยกรัฐมนตรี 4. สำนกั งำนประกนั สงั คม 38. ขอ้ ใดเป็นบทบำทหนำ้ ที่ของพรรคกำรเมือง 1. ควบคุมกำรจดั กำรเลือกต้งั 2. ตดั สินคดีควำมขดั แยง้ ภำยในรัฐบำล 3. อนุมตั ิงบประมำณประจำปี แก่กระทรวง 4. วำงนโยบำยเพอ่ื แกไ้ ขปัญหำของประเทศ 39. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญฉบบั ท่ีเท่ำใดของประเทศไทย 1. ฉบบั ที่ 16 2. ฉบบั ท่ี 17 3. ฉบบั ที่ 18 4. ฉบบั ที่ 19 40. ขอ้ ใดคือควำมสำคญั ของรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย 1. มีบทบญั ญตั ิหลำยมำตรำ 2. คุม้ ครองสิทธิและเสรีภำพของชนชำวไทย 3. เป็นหลกั ประกนั ควำมมงั่ คง่ั ของประเทศ 4. ช่วยใหป้ ระชำชนภำยในประเทศเป็นพลเมืองดี 6
41. สภำผแู้ ทนรำษฎรประกอบดว้ ยสมำชิกจำนวนกี่คน 1. 200 คน 2. 300 คน 3. 400 คน 4. 500 คน 42. หน่วยงำนใด มีบทบำทหนำ้ ท่ีโดยตรงเกี่ยวกบั กำรจดั กำรเลือกต้งั 1. กกต. 2. คตง. 3. ปปส. 4. คตส. 43. กำรทำบตั รประชำชนเป็นกฎหมำยที่เก่ียวขอ้ งกบั เรื่องใด 1. กฎหมำยทรัพยส์ ิน 2. กฎหมำยเร่ืองบุคคล 3. กฎหมำยเร่ืองครอบครัว 4. กฎหมำยเรื่องกำรละเมิด 44. ขอ้ ใดถือเป็นอสงั หำริมทรัพย์ 1. เรือ 2. รถยนต์ 3. บำ้ นพร้อมท่ีดิน 4. เครื่องปรับอำกำศ 45. ขอ้ ใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำในระดบั เบำท่ีสุด 1. ปรับ 2. จำคุก 3. กกั ขงั 4. ริบทรัพยส์ ิน 46. ขอ้ ใดเป็นปัญหำพ้นื ฐำนทำงเศรษฐกิจของทุกประเทศ 1. คุณภำพของผลผลิต กำรกระจำยสินคำ้ และบริกำร ตน้ ทุนกำรผลิต 2. กำรเลือกผลิตสินคำ้ และบริกำร ตน้ ทุนกำรผลิต กำรขำดแคลนเงินทุน 3. กำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ กำรขำดแคลนเงินทุน กำรเลือกวิธีกำรผลิต 4. กำรเลือกผลิตสินคำ้ และบริกำร กำรเลือกวธิ ีกำรผลิต กำรกระจำยสินคำ้ และบริกำร 47. “สามารถแก้ไขความไม่ยตุ ิธรรมในสังคมได้มาก และลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประชาชนใน ชาติ” เป็นขอ้ ดีของระบบเศรษฐกิจในขอ้ ใด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม 3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม 4. เศรษฐกิจพอเพยี ง 48. “เกษตรกรมกี รรมสิทธิ์ในท่ีดินทากิน มอี ิสระในการกาหนดราคาผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง แต่ เม่ือราคาผลผลิตตกตา่ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ภาครัฐต้องเข้าไปแทรกแซง โดยการประกนั ราคา พืชผล” เหตุกำรณ์ดงั กล่ำวจะเกิดข้ึนกบั ระบบเศรษฐกิจแบบใด 1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม 3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม 4. เศรษฐกิจพอเพยี ง 7
49. ขอ้ ใดเป็นควำมไดเ้ ปรียบของระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่มีเหนือระบบเศรษฐกิจแบบอื่น 1. บทบำทของรัฐบำลและเอกชนในกำรประกอบกิจกรรมทำงเศรษฐกิจปรับเปล่ียนไดต้ ำมควำม เหมำะสม 2. รัฐบำลและเอกชนต่ำงมีบทบำทในทำงกำรคำ้ และกำรลงทุนไดท้ ดั เทียมกนั 3. รัฐบำลและเอกชนต่ำงร่วมกนั จดั สวสั ดิกำรตำมควำมตอ้ งกำรของประชำชนไดม้ ำกข้ึน 4. รัฐบำลและเอกชนสำมำรถใชก้ ลไกรำคำเป็นเคร่ืองมือสำคญั ในกำรตดั สินใจประกอบธุรกิจ 50. กำรรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงำนที่ใหบ้ ริกำรดำ้ นกำรขนส่ง จดั อยใู่ นระบบตลำดแบบใด 1. ตลำดผกู ขำด 2. ตลำดก่ึงผกู ขำด 3. ตลำดผขู้ ำยนอ้ ยรำย 4. ตลำดแขง่ ขนั สมบูรณ์ 51. หำกร้ำนจดั ดอกไมร้ ับพนกั งำนท่ีจบสำขำคหกรรมในระดบั ปริญญำตรีเขำ้ ทำงำนและตอ้ งจำ้ งในอตั รำ เงินเดือน เดือนละ 15,000 บำท ส่งผลใหเ้ กิดปรำกฏกำรณ์ตำมขอ้ ใด 1. อุปสงคเ์ พ่มิ 2. อุปสงคล์ ด 3. อุปทำนเพม่ิ 4. อุปทำนลด 52. ปัจจยั ในขอ้ ใดส่งผลใหผ้ ผู้ ลิตตดั สินใจเพ่มิ ปริมำณกำรผลิต 1. ธนำคำรปรับเพ่มิ ดอกเบ้ียเงินกู้ 2. ปรับอตั รำค่ำจำ้ งแรงงำนข้นั ต่ำเพม่ิ ข้ึน 3. รำคำของวตั ถุดิบท่ีใชใ้ นกำรผลิตลดต่ำลง 4. รำคำของสินคำ้ ที่ทดแทนกนั ไดล้ ดต่ำลง 53. ณ ระดบั รำคำดุลยภำพ ปรำกฏวำ่ ชำวไร่ออ้ ยเดือดร้อน จึงทำใหร้ ัฐบำลจำเป็นตอ้ งเขำ้ ช่วยหลือโดย กำหนดรำคำประกนั ขอ้ ใดกล่ำวไดถ้ ูกตอ้ ง 1. รัฐบำลจะตอ้ งรับซ้ือออ้ ยส่วนเกินจำกชำวไร่ออ้ ย 2. ชำวไร่ออ้ ยจะตอ้ งจดั สรรโควตำขำยใหโ้ รงงำนน้ำตำล 3. โรงงำนน้ำตำลจะซ้ือออ้ ยไดใ้ นรำคำต่ำกวำ่ รำคำดุลยภำพ 4. โรงงำนน้ำตำลจะรวมตวั กนั ต่อรองรำคำรับซ้ือออ้ ยในรำคำตลำด 54. กำรนำเทคโนโลยสี มยั ใหม่มำใชใ้ นภำคอุตสำหกรรม ทำใหป้ ระเทศไทยตอ้ งประสบปัญหำใดในปัจจุบนั เพรำะเหตุใด 1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุล เพรำะตอ้ งใชเ้ งินตรำต่ำงประเทศมำกข้ึนในกำรนำเขำ้ เทคโนโลยี 2. ผลผลิตสินคำ้ อุตสำหกรรมมีรำคำสูงข้ึน เพรำะผผู้ ลิตมีอำนำจผกู ขำดในกำรกำหนดรำคำมำกข้ึน 3. มลพษิ ทำงอำกำศและทำงน้ำ เพรำะเกิดจำกกำรผลิตและกำรบริโภคสินคำ้ อุตสำหกรรมมำกข้ึน 4. ขำดแคลนบุคลำกรทำงวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี เพรำะขำดงบประมำณในกำรพฒั นำกำรศึกษำ 8
55. เกษตรทฤษฎีใหม่ข้นั ตน้ มีจุดมุ่งหมำยสำคญั เพือ่ แกไ้ ขปัญหำใดใหเ้ กษตรกร 1. กำรสูญเสียท่ีดินทำกิน 2. กำรหำช่องทำงขยำยตลำด 3. กำรขำดกำรรวมกลุ่มเพอื่ ผลิตสินคำ้ 4. กำรเพำะปลูกพืชเศรษฐกิจไดผ้ ลผลิตนอ้ ย 56. หลกั กำรสหกรณ์กบั ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงมีควำมสอดคลอ้ งกนั ในเรื่องใด 1. กำรยดึ แนวทำงกำรพ่งึ ตนเอง 2. กำรร่วมมือร่วมใจกนั ในสงั คมระดบั ทอ้ งถ่ิน 3. กำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด 4. กำรทำกิจกรรมเศรษฐกิจเฉพำะกบั สมำชิกหรือคนในชุมชนเดียวกนั 57. กำรดำเนินงำนของสหกรณ์ขอ้ ใดที่แสดงใหเ้ ห็นถึงกำรนำหลกั ประชำธิปไตยมำใช้ 1. ดำเนินงำนโดยอิสระ 2. จดทะเบียนนิติบุคคล 3. เปิ ดรับสมำชิกดว้ ยควำมสมคั รใจ 4. ไม่วำ่ จะถือหุน้ ก่ีหุน้ กอ็ อกเสียงไดเ้ พยี ง 1 เสียง 58. ขอ้ ใดแสดงวำ่ เงินทำหนำ้ ท่ีในกำรวดั มลู ค่ำ 1. สม้ มีเงินแค่ 20 บำท ซ้ือขำ้ วสำรไดไ้ ม่ถึง 1 กิโลกรัม 2. ออ้ ยเขียนเชค็ ส่วนตวั ซ้ือนำฬิกำขอ้ มือ 1 เรือน รำคำเรือนละ 30,000 บำท 3. โอนำธนบตั รไทยชนิดรำคำ 100 บำท ไปแลกธนบตั รรำคำ 50 บำท ได้ 2 ใบ 4. นอ้ ยซ้ือโทรทศั น์ 1 เคร่ือง โดยกำรผอ่ นชำระ 6 งวด งวดละ 10,000 บำท 59. เมื่อเปรียบเทียบระหวำ่ งธนบตั รใบละ 1,000 บำท กบั สร้อยคอทองคำหนกั 1 บำท สินทรัพยใ์ ดมีสภำพ คล่องสูงกวำ่ เพรำะเหตุใด 1. ธนบตั ร เพรำะเป็นส่ิงท่ีคนทวั่ ไปตอ้ งกำร 2. ธนบตั ร เพรำะนำไปแลกกบั สิ่งอ่ืนๆ ไดท้ นั ที 3. สร้อยคอทองทำ เพรำะสำมำรถนำไปขำยต่อไดร้ วดเร็ว 4. สร้อยคอทองคำ เพรำะมีมูลคำ่ สูงกวำ่ ธนบตั ร 1,000 บำท 60. ถำ้ ปริมำณเงินหมุนเวยี นในประเทศเพม่ิ มำกข้ึน ทำใหเ้ กิดผลดีต่อเศรษฐกิจอยำ่ งไร 1. กำรลงทุนลดลง 2. อตั รำดอกเบ้ียสูงข้ึน 3. มีกำรจำ้ งงำนเพมิ่ มำกข้นึ 4. เอกชนสำมำรถลงทุนไดอ้ ยำ่ งเสรี 9
61. สภำพกำรณ์ใดบ่งบอกวำ่ เกิดภำวะเงินเฟ้อข้ึนในระบบเศรษฐกิจ 1. ประชำชนมีรำยไดท้ ี่แทจ้ ริงเพ่มิ ข้ึน 2. สินคำ้ และบริกำรต่ำงๆ มีรำคำสูงข้ึน 3. อำนำจซ้ือของเงินท่ีมีอยใู่ นมือของประชำชนลดลง 4. เงินจำนวนเท่ำเดิมไม่สำมำรถซ้ือสินคำ้ และบริกำรตำมที่ตอ้ งกำรได้ 62. กำรดำเนินกำรในขอ้ ใดช่วยแกไ้ ขปัญหำเงินเฟ้อได้ 1. ลดอตั รำเงินสดสำรองตำมกฎหมำย 2. ธนำคำรกลำงประกำศรับซ้ือคืนพนั ธบตั ร 3. เพ่ิมอตั รำซ้ือลดตว๋ั เงินจำกธนำคำรพำณิชย์ 4. ผอ่ นคลำยกำรกำกบั แผนกำรปล่อยสินเช่ือของธนำคำรพำณิชย์ 63. ถำ้ คำดวำ่ อตั รำเงินเฟ้อจะสูงข้ึนต่อไปอีก ธนำคำรกลำงจะตอ้ งดำเนินมำตรกำรใดเพื่อชะลอเงินเฟ้อ 1. ลดอตั รำค่ำจำ้ ง 2. ลดอตั รำดอกเบ้ียนโยบำย 3. ข้ึนอตั รำภำษีดอกเบ้ียเงินฝำกกบั ธนำคำรพำณิชย์ 4. ข้ึนอตั รำรับช่วงซ้ือลดตวั๋ สญั ญำใชเ้ งินจำกธนำคำรพำณิชย์ 64. ถำ้ เกิดสภำวะเงินฝืดจะส่งผลต่อประชำชนอยำ่ งไร 1. ประชำชนใชจ้ ่ำยเงินมำกข้ึน 2. ประชำชนเสียภำษีใหร้ ัฐมำกข้ึน 3. ประชำชนมีอตั รำกำรวำ่ งงำนสูง 4. ประชำชนมีเงินหมนุ เวยี นในมือสูง 65. ในภำวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบำลควรมีมำตรกำรทำงกำรคลงั อยำ่ งไร 1. เกบ็ ภำษีเพิ่มข้ึน เพ่ือเพ่มิ เงินคงคลงั 2. ใชจ้ ่ำยใหม้ ำกข้ึน เพอ่ื กระตนุ้ กำรผลิต 3. กยู้ มื นอ้ ยลง เพอื่ ลดภำระงบประมำณ 4. ชะลอกำรปล่อยสินเช่ือ เพ่อื ลดหน้ีของประชำชน 66. ขอ้ ใดแสดงวำ่ ประเทศมีควำมเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจ 1. สดั ส่วนของคนยำกจนต่อประชำกรลดลง 2. รำยไดเ้ ฉลี่ยต่อหวั ของประชำกรสูงข้ึน 3. ประชำกรมีสินคำ้ ที่ผลิตจำกเทคโนโลยสี มยั ใหม่บริโภคมำกข้ึน 4. ประเทศประสบควำมสำเร็จในกำรแกป้ ัญหำมลพิษและส่ิงแวดลอ้ ม 10
67. ขอ้ ใดถือวำ่ เป็นมำตรกำรของนโยบำยกำรคำ้ เสรี 1. เกบ็ ภำษีขำเขำ้ ในอตั รำต่ำ 2. ใหเ้ งินอุดหนุนผผู้ ลิตในประเทศ 3. ไม่เกบ็ ภำษีสินคำ้ ที่ส่งไปขำยประเทศยำกจน 4. ใหน้ ำเขำ้ สินคำ้ จำกประเทศต่ำงๆ ไดท้ ุกชนิด 68. ถำ้ ปัจจุบนั ประเทศไทยยงั ใชร้ ะบบศกั รำชแบบรัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) ปี พทุ ธศกั รำช 2555 จะตรงกบั รัตนโกสินทร์ศกใด 1. ร.ศ. 224 2. ร.ศ. 225 3. ร.ศ. 227 4. ร.ศ. 231 69. หลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ในขอ้ ใดท่ีบ่งบอกพฒั นำกำรอำณำจกั รโบรำณในดินแดนประเทศไทยก่อน สมยั สุโขทยั 1. ตำนำน 2. ศิลำจำรึก 3. พงศำวดำร 4. โบรำณสถำน 70. ขอ้ ใดเป็นจุดเร่ิมตน้ ยคุ ประวตั ิศำสตร์ 1. กำรรู้จกั ใชไ้ ฟ 2. รู้จกั ต้งั ถิ่นฐำน 3. รู้จกั กำรเพำะปลูก 4. รู้จกั บนั ทึกขอ้ ควำม 71. ผลกำรศึกษำทำงประวตั ิศำสตร์ในอดีตอำจเปลี่ยนแปลงไปไดจ้ ำกปัจจยั ใด 1. กำรต้งั ประเดน็ คำถำมของผศู้ ึกษำ และกำรคน้ พบหลกั ฐำนใหม่ 2. กำรสงั เครำะห์ผลกำรศึกษำเดิม และกำรนำเสนอผลกำรศึกษำในรูปแบบใหม่ 3. กำรบูรณะแหล่งขอ้ มูลทำงประวตั ิศำสตร์ และกำรตีควำมในมุมมองใหม่ของผศู้ ึกษำ 4. กำรข้ึนทะเบียนโบรำณสถำนเป็นมรดกโลก และกำรศึกษำแนวทำงกำรท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ 72. พระรำชพงศำวดำรสมยั อยธุ ยำฉบบั ใดท่ีนกั ประวตั ิศำสตร์ยอมรับวำ่ มีขอ้ มูลถูกตอ้ งท่ีสุด 1. ฉบบั บริติชมิวเซียม 2. ฉบบั พนั จนั ทนุมำศ (เจิม) 3. ฉบบั สมเดจ็ พระพนรัตน์ 4. ฉบบั หลวงประเสริฐอกั ษรนิต์ิ 73. กำรใชห้ ลกั ฐำนท่ีบนั ทึกโดยชำวต่ำงชำติในกำรศึกษำประวตั ิศำสตร์มีขอ้ จำกดั ในเร่ืองใด 1. กำรมีจุดมุ่งหมำยท่ีแตกต่ำงกนั ของชนชำติต่ำงๆ 2. ควำมรู้ควำมเขำ้ ใจลกั ษณะทำงสงั คมของผบู้ นั ทึก 3. กำรบนั ทึกในลกั ษณะตำนำนหรือนิทำนของชำติตะวนั ตก 4. ควำมคิดเห็นที่น่ำสนใจจำกผบู้ นั ทึกที่มีภูมิหลงั แตกต่ำงกนั 74. ขอ้ มูลใดเป็นพ้นื ฐำนสำคญั ของแนวคดิ ถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยทู่ ำงตอนใตข้ องจีน 1. ภำษำ 2. กำยวภิ ำค 3. กลุ่มเลือด 4. หลกั ฐำนจีน 11
75. แนวคดิ ท่ีวำ่ ถิ่นเดิมของชนชำติไทยอยบู่ ริเวณหมู่เกำะแถบเสน้ ศูนยส์ ูตรของภูมิภำคขดั กบั หลกั กำรทำง มำนุษยวทิ ยำในขอ้ ใด 1. กำรต้งั ถิ่นฐำนและกำรอพยพ 2. กำรรวมกลุ่มและกำรแบ่งชนช้นั 3. ควำมเป็นมำทำงภำษำพดู และกำรประดิษฐต์ วั อกั ษร 4. ควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรและกำรจดั กำรทรัพยำกร 76. ขอ้ ใดกล่ำวไดถ้ ูกตอ้ งเก่ียวกบั กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง พ.ศ. 2475 1. กำรมีแนวคิดเรื่องสิทธิ เสรีภำพ และควำมเสมอภำคของคณะรำษฎร 2. ควำมร่วมมือของรำษฎรส่วนใหญ่ทำใหไ้ ม่เกิดเหตุกำรณ์รุนแรง 3. กำรเรียกร้องประชำธิปไตยและรัฐธรรมนูญของพลเมือง 4. ควำมพร้อมของประชำชนท่ีมีในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย 77. พระรำชนิพนธ์ เรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ของพระมหำธรรมรำชำที่ 1 (ลิไทย) ไดร้ ับอิทธิพลจำกแนวคิดใด เป็ นหลกั 1. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู 2. พระพทุ ธศำสนำลทั ธิวชั รยำน 3. พระพทุ ธศำสนำลทั ธิลงั กำวงศ์ 4. พระพทุ ธศำสนำลทั ธิสยำมวงศ์ 78. กฎหมำยตรำสำมดวงเกิดจำกกำรตรวจชำระและรวบรวมกฎหมำยข้ึนใหม่ในรัชกำลใด 1. สมเด็จพระบรมไตรโลกนำถ 2. สมเด็จพระนำรำยณ์มหำรำช 3. พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้ำจุฬำโลก 4. พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 79. กำรเปลี่ยนแปลงกำรปกครองใน พ.ศ. 2475 ก่อใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลงหลำยประกำร ยกเว้น ขอ้ ใด 1. รูปแบบของรัฐ 2. ผบู้ ริหำรประเทศ 3. ระบอบกำรปกครอง 4. เจำ้ ของอำนำจอธิปไตย 80. กิจกรรมในขอ้ ใดเป็นกำรผสำนภูมิปัญญำไทยกบั สถำนกำรณ์ปัจจุบนั 1. กำรประกวดนกั ออกแบบผำ้ ไทยร่วมสมยั 2. กำรจดั นิทรรศกำรภูมิปัญญำดำ้ นกำรดำรงชีวิตของทอ้ งถ่ิน 3. กำรส่งเสริมกำรใชส้ มุนไพรในกำรป้องกนั และรักษำโรค 4. กำรศึกษำคน้ ควำ้ ดำ้ นนำฏศิลป์ ไทยสมยั รัตนโกสินทร์ 12
81. ควำมนิยมงำนศิลปะปูนป้ันรูปพระนำรำยณ์ทรงครุฑประดบั หนำ้ บนั โบสถว์ ิหำรในสมยั อยธุ ยำสะทอ้ น คติควำมเชื่อในเรื่องใด 1. ควำมเช่ือเรื่องภพ-ภูมิต่ำงๆ 2. พระมหำกษตั ริยท์ รงเป็นสมมติเทพ 3. ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลเหนือพระพทุ ธศำสนำ 4. พระรำชอำนำจของพระมหำกษตั ริยเ์ หนือเมืองประเทศรำชท้งั ปวง 82. “...ถ้าเราขาดสุโขทัยอยธุ ยา และกรุงเทพฯ แล้วประเทศไทยกค็ งไม่มคี วามหมาย...” พระรำชดำรัส ดงั กล่ำวส่งเสริมแนวคดิ ในเรื่องใด 1. ควำมเป็นมำอนั ยำวนำนของประวตั ิศำสตร์ไทย 2. กำรมีจิตสำนึกรักชำติจำกกำรศึกษำประวตั ิศำสตร์ 3. ควำมสำคญั ของประวตั ิศำสตร์และวฒั นธรรมกบั ควำมเป็นชำติ 4. กำรมีพฒั นำกำรอยำ่ งต่อเนื่องของรัฐไทยต้งั แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั 83. ศกั รำชแบบใดท่ีนิยมใชก้ นั แพร่หลำยมำกท่ีสุด 1. จุลศกั รำช 2. พทุ ธศกั รำช 3. คริสตศ์ กั รำช 4. ฮิจเรำะห์ศกั รำช 84. สมยั ประวตั ิศำสตร์ของโลกตะวนั ตกเริ่มท่ีแหล่งอำรยธรรมใด 1. อำรยธรรมกรีก 2. อำรยธรรมโรมนั 3. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ 4. อำรยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยเู ฟรทีส 85. เร่ิมสมยั อำณำจกั รอยธุ ยำ พ.ศ. 1893 ตรงกบั กำรเกิดเหตุกำรณ์ใดในยโุ รป 1. กำรสำรวจทำงทะเล 2. กำรฟ้ื นฟูศิลปวทิ ยำกำร 3. โคลมั บสั คน้ พบทวีปอเมริกำ 4. กำรสิ้นสุดจกั รวรรดิโรมนั ตะวนั ตก 86. ขอ้ ใดคือประโยชน์ท่ีไดจ้ ำกวิธีกำรทำงประวตั ิศำสตร์ 1. ไดอ้ งคค์ วำมรู้ใหม่ท่ีน่ำเช่ือถือกวำ่ เดิม 2. ไดอ้ งคค์ วำมรู้ใหม่ที่โดดเด่นไม่เหมือนคนอื่น 3. ประเมินควำมรู้ควำมเขำ้ ใจของผศู้ ึกษำประวตั ิศำสตร์ 4. ประเมินคุณคำ่ ของขอ้ มูลเดิมวำ่ ถูกตอ้ งน่ำเชื่อถือหรือไม่ 87. เพรำะเหตุใดนกั ประวตั ิศำสตร์มกั ตีควำมขอ้ มูลจำกหลกั ฐำนชิ้นเดียวกนั แตกต่ำงกนั 1. มีควำมเช่ือต่ำงกนั 2. มีควำมสนใจต่ำงกนั 3. มีจุดประสงคท์ ่ีต่ำงกนั 4. มีควำมรู้ควำมสำมำรถต่ำงกนั 88. ขอ้ จำกดั สำคญั ในกำรศึกษำประวตั ิศำสตร์สำกลคืออะไร 1. มีหลกั ฐำนจำนวนมำก 2. หลกั ฐำนอยทู่ ่ีต่ำงประเทศ 3. ขำดเพื่อนร่วมศึกษำดว้ ยกนั 4. ศึกษำยำกเพรำะมีควำมรู้นอ้ ย 13
89. เพรำะเหตใุ ดจึงถือวำ่ ประมวลกฎหมำยของพระเจำ้ ฮมั มูรำบีเป็นมรดกทำงอำรยธรรมชิ้นสำคญั ของโลก 1. เป็นประมวลกฎหมำยฉบบั แรกของโลก 2. มีบทลงโทษที่รุนแรงซ่ึงช่วยลดจำนวนผเู้ ป็นภยั ต่อสงั คม 3. เป็นเคร่ืองแสดงวำ่ อำนำจรัฐเขม้ แขง็ พอที่จะบงั คบั พลเมืองไดแ้ ลว้ 4. เป็นแบบอยำ่ งของควำมพยำยำมที่จะใหเ้ กิดควำมยตุ ิธรรมในกำรปกครอง 90. สำเหตุสำคญั ท่ีทำใหอ้ ำรยธรรมอียปิ ตพ์ ฒั นำอยำ่ งมีเอกภำพคือขอ้ ใด 1. มีกำรนบั ถือเทพเจำ้ องคเ์ ดียว 2. ยดึ ถืออำรยธรรมเดิมตำมบรรพบุรุษ 3. ไม่มีชนชำติอื่นมำปะปนในอำณำจกั ร 4. มีสภำพภูมิศำสตร์ที่ป้องกนั กำรรุกรำนจำกภำยนอก 91. ส่ิงก่อสร้ำงของอำรยธรรมโรมนั ใหค้ วำมสำคญั ต่อเรื่องใด 1. ควำมสวยงำม 2. ประโยชนใ์ ชส้ อย 3. ควำมเช่ือทำงศำสนำ 4. ใชว้ สั ดุที่ประหยดั ค่ำใชจ้ ่ำย 92. กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมในเรื่องใดส่งผลใหเ้ กิดโลกำภิวตั นใ์ นปัจจุบนั 1. กำรส่ือสำร 2. กำรผลิตสินคำ้ 3. กำรคมนำคม 4. กำรบริโภคสินคำ้ 93. แมว้ ำ่ ควำมขดั แยง้ จะก่อใหเ้ กิดกำรสูญเสียมำกมำยแต่มีประโยชนใ์ นเร่ืองใด 1. ช่วยลดประชำกรโลก 2. กระตุน้ ใหเ้ กิดกำรพฒั นำวทิ ยำกำร 3. ทำลำยอำรยธรรมเก่ำๆ ที่ลำ้ สมยั 4. เศรษฐกิจเจริญเติบโตอยำ่ งรวดเร็ว 94. เหตุกำรณ์ 11 กนั ยำยน เป็นตวั อยำ่ งหน่ึงของกำรก่อกำรร้ำยที่มีจุดประสงคใ์ ด 1. เรียกคำ่ คุม้ ครองจำกสหรัฐอเมริกำ 2. ต่อตำ้ นกำรใชอ้ ำนำจของสหรัฐอเมริกำ 3. ตอ้ งกำรทำสงครำมศำสนำกบั สหรัฐอเมริกำ 4. ตอบโตท้ ่ีสหรัฐอเมริกำปรำบปรำมกลุ่มก่อกำรร้ำย 95. ขอ้ ใดคือปัญหำควำมร่วมมือในอำเซียน 1. แข่งขนั กนั พฒั นำ 2. นบั ถือศำสนำต่ำงกนั 3. เป็นศตั รูกนั มำก่อน 4. มีระบอบกำรปกครองต่ำงกนั 14
96. ขอ้ ใดคือวธิ ีแกไ้ ขปัญหำโลกร้อนที่มีประสิทธิภำพท่ีสุด 1. ร่วมกนั ปลูกตน้ ไมส้ ร้ำงควำมร่มร่ืน 2. ใชท้ รัพยำกรตำ่ งๆ อยำ่ งประหยดั และคุม้ คำ่ 3. ติดต้งั กระจกเพอ่ื สะทอ้ นแสงอำทิตยก์ ลบั ไป 4. เปิ ดเคร่ืองทำควำมเยน็ เพื่อคลำยควำมร้อนใหโ้ ลก 97. ขอ้ ใด ไม่ใช่ แนวโนม้ ของสถำนกำรณ์สำคญั ของโลกในคริสตศ์ ตวรรษที่ 21 1. เกิดภำวะขำดแคลนแรงงำน 2. กำรก่อกำรร้ำยจะมีมำกข้ึน 3. ค่ำครองชีพของมนุษยจ์ ะสูงข้ึน 4. เกิดภยั ธรรมชำติท่ีรุนแรงบ่อยคร้ังข้ึน 98. ขอ้ ใดคือกำรจำแนกประเภทของเคร่ืองมือทำงภูมิศำสตร์ตำมหนำ้ ท่ีกำรใชง้ ำนที่ถกู ตอ้ ง 1. รวบรวมขอ้ มลู ใหข้ อ้ มูล 2. ใหข้ อ้ มูล วเิ ครำะห์ขอ้ มูล 3. วเิ ครำะห์ขอ้ มูล สงั เครำะห์ขอ้ มูล 4. สังเครำะห์ขอ้ มูล รวบรวมขอ้ มูล 99. บุคคลในขอ้ ใดน่ำจะเป็นผใู้ ชแ้ ผนที่ไดอ้ ยำ่ งชำนำญที่สุด 1. โป้งมีควำมรู้เรื่องแผนท่ีเป็นอยำ่ งดี 2. กลำงรวบรวมแผนที่เฉพำะเรื่องไวอ้ ยำ่ งหลำกหลำย 3. นำงสอบไดค้ ะแนนสูงสุดในเรื่องแผนท่ีและเครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ 4. กอ้ ยใชแ้ ผนท่ีในกำรดำเนินชีวิตและกำรศึกษำขอ้ มูลต่ำงๆ เพอ่ื ประโยชนใ์ นกำรเรียนรู้อยเู่ สมอ 100. ปัจจยั สำคญั ที่ทำใหน้ ิยมใชร้ ูปถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่งมำจดั ทำแผนที่คืออะไร 1. ควำมชดั เจน 2. ควำมสวยงำม 3. มำตรำส่วนคงท่ี 4. สีและรูปร่ำงต่ำงๆ 101. กำรสำรวจขอ้ มูลของภูมิสำรสนเทศศำสตร์ชนิดใดแตกต่ำงจำกขอ้ อื่น 1. ภำพจำกดำวเทียม 2. กำรรับรู้จำกระยะไกล 3. ระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ 4. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้ืนโลก 102. ขอ้ ใดกล่ำวไดถ้ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั องคป์ ระกอบของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ 1. ขอ้ มูลเป็นเชิงตวั เลขและกำรเปลี่ยนแปลงทำงสถิติ 2. วิเครำะห์ขอ้ มูลจำกฐำนขอ้ มูลเพียงช้นั เดียวหรือหลำยช้นั 3. บุคลำกรเป็นผวู้ เิ ครำะห์ขอ้ มูลดว้ ยสำยตำและกำรคำนวณทำงสถิติ 4. ส่วนเครื่อง คือ เครื่องรับระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้นื โลกและภำพจำกดำวเทียม 15
103. ขอ้ มูลท่ีใชใ้ นกำรพยำกรณ์อำกำศของพ้ืนท่ีหน่ึงๆ มำจำกหลกั กำรทำงำนของดำวเทียมในขอ้ ใด 1. ดำวเทียมคงที่ 2. ดำวเทียมพลงั งำนธรรมชำติ 3. ดำวเทียมพลงั งำนคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ำ 4. ดำวเทียมโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต้ 104. ระบบกำหนดตำแหน่งบนพ้ืนโลกเกิดจำกกิจกำรดำ้ นใด 1. กำรทหำร 2. กำรสำรวจทิศทำง 3. กำรป้องกนั ภยั พิบตั ิ 4. กำรช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั 105. ระยะเวลำกลำงวนั และกลำงคืนที่เท่ำกนั ของพ้ืนท่ีในซีกโลกเหนือและซีกโลกใตจ้ ะเกิดข้ึนในวนั ใด 1. วนั วสนั ตวิษวุ ตั วนั ศำรทวิษวุ ตั 2. วนั ศำรทวษิ ุวตั วนั ครีษมำยนั 3. วนั เหมำยนั วนั วสนั ตวิษุวตั 4. วนั ครีษมำยนั วนั เหมำยนั 106. ถำ้ นกั เรียนตอ้ งกำรชมปรำกฏกำรณ์พระอำทิตยเ์ ท่ียงคืนควรเดินทำงไปยงั ประเทศใด ณ ช่วงเดือนใด 1. ประเทศอำร์เจตินำ เดือนมิถนุ ำยน 2. ประเทศแคนำดำ เดือนมิถุนำยน 3. ประเทศชิลี เดือนกรกฎำคม 4. ประเทศจีน เดือนกรกฎำคม 107. กำรเกิดแผน่ ดินไหวสอดคลอ้ งกบั บริเวณที่เป็นแนวรอยเล่ือนของแผน่ เปลือกโลกอยำ่ งไร 1. จุดศูนยก์ ลำงมีแรงสนั่ ไหวมำก 2. กำรเคลื่อนตวั ในรูปแบบต่ำงๆ 3. หินหนืดที่พขุ ้ึนกลำยเป็นเทือกเขำ 4. ควำมสน่ั ไหวก่อใหเ้ กิดระลอกคล่ืน 108. วฏั จกั รทำงอุทกวิทยำเกิดข้ึนโดยมีปัจจยั ใดเป็นสำคญั 1. กำรกลน่ั 2. ควำมช้ืน 3. ควำมร้อน 4. กำรโนม้ ถ่วง 109. ขอ้ ใดกลำ่ วถึงแหล่งที่มำของกระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเยน็ ที่ไหลเวียนในมหำสมุทรของโลกได้ ถูกตอ้ ง 1. เขตศูนยส์ ูตร เขตข้วั โลก 2. เขตเทือกเขำ เขตศูนยส์ ูตร 3. เขตข้วั โลก เขตท่ีรำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่ 4. เขตที่รำบลุ่มน้ำขนำดใหญ่ เขตเทือกเขำ 16
110. ลกั ษณะภูมิประเทศในขอ้ ใดเหมำะสมต่อกำรเป็นเมืองท่ำขนส่งสินคำ้ ทำงทะเลมำกที่สุด 1. ดินดอนสำมเหลี่ยมปำกแม่น้ำ 2. ท่ีรำบรอบทะเลสำบรูปแอก 3. พ้ืนที่ชำยฝั่งที่คลื่นลมสงบ 4. ชำยฝั่งของฟี ออร์ด 111. หำกนกั เรียนตอ้ งกำรศึกษำลกั ษณะทำงภูมิศำสตร์ที่เหมำะสมต่อกำรทำสวนผลไมเ้ มืองร้อน นกั เรียน ควรไปยงั ภำคใด 1. ภำคเหนือ 2. ภำคกลำง 3. ภำคตะวนั ตก 4. ภำคตะวนั ออก 112. ขอ้ ใดกล่ำวไดถ้ ูกตอ้ งเกี่ยวกบั ควำมสมั พนั ธข์ องลกั ษณะทำงภูมิศำสตร์กบั ลกั ษณะทำงเศรษฐกิจของ ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 1. มีควำมแหง้ แลง้ ไม่สำมำรถปลูกไมผ้ ลได้ 2. มีอำกำศค่อนขำ้ งเยน็ ทำงตอนเหนือ จึงมีกำรปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนำว 3. ปริมำณน้ำฝนเฉล่ียต่อปี ค่อนขำ้ งมำก แต่ดินส่วนใหญ่ไมค่ อ่ ยอุม้ น้ำ กำรเพำะปลูกพืชจึงแตกต่ำงกนั ไปในแต่ละพ้นื ที่ 4. อิทธิพลของมรสุมตะวนั ตกเฉียงใตท้ ำใหม้ ีฝนตกชุกในช่วงปลำยปี สำมำรถเพำะปลูกพชื ท่ีตอ้ งใช้ น้ำมำกไดผ้ ลผลิตดี 113. กำรศึกษำเก่ียวกบั ภูเขำไฟที่มีพลงั ในภูมิภำคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตค้ วรดำเนินกำรในประเทศใดบำ้ ง 1. อินโดนีเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ 2. กมั พชู ำ อินโดนีเซีย 3. ฟิ ลิปปิ นส์ ไทย 4. ไทย กมั พชู ำ 114. กำรปะทุระเบิดของภูเขำไฟก่อใหเ้ กิดผลกระทบต่อระบบนิเวศของอุทกภำคไดอ้ ยำ่ งไร 1. เถำ้ ถ่ำนที่ปกคลุมทอ้ งฟ้ำทำใหแ้ สงแดดและควำมร้อนไมส่ ำมำรถส่องลงมำถึงผวิ น้ำได้ 2. หินหนืดที่ไหลลงสู่ทะเลส่งผลใหล้ กั ษณะชำยฝ่ังเกิดกำรเปล่ียนแปลง 3. แรงสนั่ สะเทือนทำใหเ้ กิดคล่ืนใหญ่ซ่ึงมีผลต่อแนวปะกำรัง 4. แก๊สและควนั ท่ีพวยพงุ่ จำกกำรปะทุระเบิดทำใหส้ ตั วน์ ้ำสูญพนั ธุ์ 115. กำรป้องกนั และแกไ้ ขพ้นื ที่จำกอุทกภยั ควรหลีกเล่ียงกำรใชว้ ธิ ีกำรใด 1. กำรปลูกหญำ้ แฝกริมตลิ่งเพอื่ ป้องกนั กำรกดั เซำะของน้ำ 2. กำรกำหนดพ้นื ท่ีท่ีไม่ไดใ้ ชป้ ระโยชน์ใหเ้ ป็นแหล่งกกั เกบ็ น้ำหรือแกม้ ลิง 3. กำรขดุ ลอกคูคลองทุกสำย เพอ่ื ใหร้ ะบำยน้ำไดอ้ ยำ่ งเตม็ ประสิทธิภำพ 4. กำรช่วยกนั สร้ำงพนงั ก้นั น้ำและติดต้งั เคร่ืองสูบน้ำออกจำกพ้ืนท่ีของตน 116. สำเหตุสำคญั ของกำรกดั เซำะชำยฝ่ังในปัจจุบนั คืออะไร 1. ภำวะโลกร้อน 2. ปรำกฏกำรณ์เรือนกระจก 3. กำรเกิดพำยหุ มุนเขตร้อน 4. ปรำกฏกำรณ์อุณหภูมิผกผนั 17
117. เพรำะเหตุใดเมื่อพำยสุ งบแลว้ จึงควรรอเวลำอีกอยำ่ งนอ้ ย 3 ชว่ั โมง ก่อนกำรเดินทำงหรือแกไ้ ขปัญหำท่ี เกิดจำกพำยุ 1. มกั มีลมแรงและฝนตกหนกั อีกเม่ือศูนยก์ ลำงพำยพุ ดั ผำ่ น 2. วำงแผนกำรเดินทำงเพื่อควำมปลอดภยั จำกซำกปรักหกั พงั 3. ควำมพร้อมของหน่วยงำนที่เกี่ยวขอ้ งกบั กำรช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั 4. ระดบั น้ำลดลงและควำมเร็วลมคงที่สำมำรถเดินทำงไดอ้ ยำ่ งปลอดภยั 118. เหตุกำรณ์ทำงประวตั ิศำสตร์ท่ีอำจกล่ำวไดว้ ำ่ เป็นจุดเร่ิมตน้ ของกำรเพม่ิ ข้ึนของแก๊สเรือนกระจกใน บรรยำกำศคืออะไร 1. กำรปฏิวตั ิกำรเกษตร 2. กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรม 3. กำรปฏิวตั ิวิทยำศำสตร์ 4. กำรปฏิวตั ิกำรเมืองกำรปกครอง 119. ขอ้ ใดแสดงถึงภูมิปัญญำไทยในกำรใชป้ ระโยชนท์ รัพยำกรแร่และพลงั งำน 1. กำรสร้ำงเข่ือนขนำดใหญ่เพอ่ื ผลิตกระแสไฟฟ้ำ 2. ควำมเชี่ยวชำญในกำรเจียระไนเพชรพลอยของช่ำงไทย 3. กำรทำเหมืองแร่ดว้ ยเทคโนโลยสี มยั ใหม่จำกชำติตะวนั ตก 4. ควำมสำคญั ของพลงั งำนจำกน้ำมนั และแก๊สธรรมชำติต่อภำคเศรษฐกิจของไทย 120. กำรดำเนินงำนดำ้ นส่ิงแวดลอ้ มขององคก์ รเอกชนใดถูกตอ้ งเหมำะสมที่สุด 1. กลุ่มรักษไ์ มจ้ ดั ต้งั กองกำลงั ติดอำวธุ เฝ้ำระวงั กำรบุกรุกพ้นื ที่ป่ ำสงวน 2. สมำคมคนรักสตั วป์ ่ ำนำสตั วป์ ่ ำท่ีใกลจ้ ะสูญพนั ธุม์ ำผสมพนั ธุ์ดว้ ยนวตั กรรมของตนเอง 3. องคก์ รพิทกั ษป์ ่ ำแห่งชำติต่อตำ้ นกำรดำเนินงำนของหน่วยงำนภำครัฐดำ้ นป่ ำไมแ้ ละสตั วป์ ่ ำ 4. มูลนิธิสิ่งแวดลอ้ มของเรำรับบริจำคเงินและอุปกรณ์ต่ำงๆ เพ่อื นำไปใชใ้ นกำรดำเนินงำนดำ้ น สิ่งแวดลอ้ มอยำ่ งมีประสิทธิภำพ 18
ชุดที่ 2 ข้อสอบ O- NET วชิ า สังคมศึกษา ปีการศกึ ษา 2552 ตอนที่ 1 สงั คมศึกษำ : จำนวน 100 ขอ้ (รวม 100 คะแนน) ส่วนท่ี 1 : แบบระบำยตวั เลือก แต่ละขอ้ มีคำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคำตอบเดียว จำนวน 50 ขอ้ (ขอ้ 1-50) : ขอ้ ละ 1 คะแนน 1. พระพทุ ธศำสนำสอนหลกั ควำมจริงท่ีเป็นสำกลในเร่ืองใด 1. ตนเป็นท่ีพ่ึงแห่งตน 2. กำรทำลำยชีวิตเป็นบำป 3. ทุกชีวติ ตอ้ งเผชิญปัญหำดว้ ยควำมไม่ประมำท 4. มนุษยใ์ ชป้ ัญญำหำสำเหตุเพ่ือแกป้ ัญหำได้ 2. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ขอ้ หำ้ มในศำสนำอิสลำม 1. หำ้ มฆ่ำตนเองและผอู้ ื่น 2. หำ้ มกำรคุมกำเนิดและทำแทง้ 3. หำ้ มกำรเสี่ยงโชคและกำรพนนั 4. หำ้ มกรำบบุคคลอื่นยกเวน้ บิดำมำรดำ 3. จุดมุ่งหมำยสูงสุดในศำสนำคริสตค์ ือเรื่องใด 1. กำรลำ้ งบำปกำเนิด 2. กำรไปรวมกบั พระเจำ้ 3. กำรสร้ำงศรัทธำต่อพระเจำ้ 4. กำรรอดพน้ จำกคำพพิ ำกษำ 4. พิธีกรรมประจำบำ้ น 12 ประกำร ของศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู คือพิธีใด 1. พิธีศำรทธ์ 2. พิธีสังสกำร 3. พธิ ีบูชำเทวดำ 4. พิธีประจำวรรณะ 5. อุดมเป็นผมู้ ีควำมขยนั หมน่ั เพียร ประหยดั เล้ียงชีพตำมกำลงั ทรัพย์ และคบเพ่ือนท่ีดี อุดมปฏิบตั ิตำม ธรรมขอ้ ใด 1. โลกธรรม 2. โภคอำทิยะ 3. ทิฏฐธมั มิกตั ถะ 4. อปริหำนิยธรรม 6. พระมหำชนกเป็นผมู้ ีควำมเพียรตรงกบั พทุ ธศำสนสุภำษิตขอ้ ใด 1. อิณำทำน ทุกฺข โลเก 2. สนฺตุฏฺ ปรม ธน 3. วำยเมเถว ปุริโส ยำว อตฺถสฺส นิปฺปทำ 4. ปฏิรูปกำรี ธุรวำ อุฏฺ ำตำ วนิ ทฺเต ธน 19
7. คมั ภีร์ท่ีอธิบำยพระไตรปิ ฎกเรียกวำ่ อะไร 1. ฎีกำ 2. อรรถกถำ 3. ปกรณ์พิเศษ 4. สทั ทำวิเสส 8. ขำ้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยขอนอ้ มถวำย...(1)... กบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ีแก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรับ ...(2)... กบั ท้งั บริวำรเหล่ำน้ีของขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยเพอ่ื ประโยชนแ์ ละควำมสุข แก่ขำ้ พเจำ้ ท้งั หลำยสิ้นกำลนำนเทอญฯ ขอ้ ควำมขำ้ งตน้ เป็นคำถวำยสงั ฆทำนประเภทสำมญั คำท่ีตอ้ งเติมในช่องวำ่ งท่ี (1) และ (2) คือขอ้ ใด 1. อฐั บริขำร 2. ภตั ตำหำร 3. มตกภตั ตำหำร 4. ภตั ตำหำรและน้ำ 9. ขอ้ ใดคือควำมหมำยของ “จิต” ในจิตตำนุปัสสนำสติปัฏฐำน 1. ธรรม 2. อำรมณ์ 3. ควำมรู้สึก 4. ควำมนึกคิด 10. ในแนวทำงพระพทุ ธศำสนำเรำสำมำรถพฒั นำตนเป็นมนุษยท์ ่ีสมบูรณ์ไดอ้ ยำ่ งไร 1. รักษำศีลใหค้ รบ 2. ยดึ ไตรสิกขำในกำรดำเนินชีวติ 3. ฝึกสติปัฏฐำนจนถึงข้นั สุดทำ้ ย 4. มีส่วนร่วมในกิจกรรมทำงศำสนำอยำ่ งสม่ำเสมอ 11. กำรคอร์รัปชนั่ เกิดจำกกำรขำดคุณธรรมประกำรใดเป็นสำคญั 1. ควำมสำมคั คี 2. ควำมเมตตำกรุณำ 3. ควำมวิริยอุตสำหะ 4. ควำมซ่ือสตั ยส์ ุจริต 12. กำรปฏิรูปกฎหมำยและระบบศำลของไทยเกิดข้ึนอยำ่ งจริงจงั ในรัชสมยั ใด 1. รัชกำลที่ 4 2. รัชกำลที่ 5 3. รัชกำลที่ 6 4. รัชกำลท่ี 7 13. ตำมหลกั กฎหมำยอำญำควำมผดิ ทำงอำญำจะ ไม่ เกิดข้ึนหำกปรำศจำกสิ่งใด 1. โทษ 2. สิทธิ 3. เจตนำ 4. กฎหมำย 14. พฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษยม์ ีที่มำอยำ่ งไร 1. เกิดจำกธรรมชำติ 2. เกิดจำกกำรเรียนรู้ 3. เกิดจำกพนั ธุกรรม 4. เกิดจำกสญั ชำตญำณ 15. ขอ้ ใดมีควำมหมำยสอดคลอ้ งกบั คำวำ่ “บรรทดั ฐำน” มำกที่สุด 1. ค่ำนิยม 2. บทบำท 3. ประเพณี 4. สญั ลกั ษณ์ 20
16. ขอ้ ใดเป็นปัญหำสำคญั ท่ีเป็นรำกฐำนของปัญหำอื่นๆในสงั คมไทย 1. ปัญหำยำเสพติด 2. ปัญหำครอบครัว 3. ปัญหำส่ิงแวดลอ้ ม 4. ปัญหำอำชญำกรรม 17. หลกั กำรปกครองแบบเผดจ็ กำรใหค้ วำมสำคญั ต่อสิ่งใดนอ้ ยท่ีสุด 1. ควำมมน่ั คงของรัฐบำล 2. ควำมจงรักภกั ดีต่อชำติ 3. ควำมเสมอภำคในสงั คม 4. ควำมเป็นเอกภำพของรัฐ 18. พระมหำกษตั ริยไ์ ทยทรงใชอ้ ำนำจนิติบญั ญตั ิโดยผำ่ นทำงสถำบนั ทำงกำรเมืองใด 1. ศำล 2. รัฐสภำ 3. คณะรัฐมนตรี 4. คณะองคมนตรี 19. กำรกำหนดใหป้ ระชำชนชำวไทยมีสิทธิออกเสียงประชำมติเป็นกำรสนบั สนุนแนวคิดในเรื่องใด 1. กำรคุม้ ครองสิทธิมนุษยชน 2. กำรตรวจสอบกำรใชอ้ ำนำจรัฐ 3. กำรมีส่วนร่วมทำงกำรเมืองของประชำชน 4. กำรกระจำยอำนำจใหป้ ระชำชนปกครองตนเอง 20. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทยพทุ ธศกั รำช 2550 กำหนดใหบ้ ุคคลมีสิทธิไดร้ ับกำรศึกษำโดยไม่เสีย ค่ำใชจ้ ่ำยเป็นเวลำไม่นอ้ ยกวำ่ กี่ปี 1. 6 ปี 2. 9 ปี 3. 12 ปี 4. 15 ปี 21. กำรขำดแคลนปัจจยั กำรผลิตส่งผลใหร้ ะบบเศรษฐกิจตอ้ งประสบกบั เรื่องใด 1. กำรจดั สรรปัจจยั กำรผลิต 2. กำรแขง่ ขนั กนั ใชป้ ัจจยั กำรผลิต 3. ควำมเหล่ือมล้ำในกำรกระจำยรำยได้ 4. เงินเฟ้อจำกกำรสูงข้ึนของรำคำปัจจยั กำรผลิต 22. ผสู้ ูงอำยถุ อนเงินฝำกประจำจำกธนำคำรจำนวน 1 ลำ้ นบำทเพอ่ื นำเงินไปซ้ือพนั ธบตั รรัฐบำลอำยุ 5 ปี กำร นำเงินมำซ้ือพนั ธบตั รดงั กล่ำวมีตน้ ทุนหรือไม่ เพรำะเหตใุ ด 1. ไม่มีเพรำะไมม่ ีกำรกเู้ งินมำซ้ือพนั ธบตั ร 2. ไม่มีเพรำะเป็นเงินที่ถอนจำกบญั ชีของตนเอง 3. มีเพรำะทำใหข้ ำดสภำพคล่องในกำรใชจ้ ่ำย 4. มีเพรำะไม่ไดร้ ับดอกเบ้ียจำกเงินฝำกธนำคำร 23. อำศยั กฎของอุปทำน อุปทำนของเครื่องปรับอำกำศสมั พนั ธก์ บั ปัจจยั ใด 1. รำคำเครื่องปรับอำกำศ 2. ภำษีสรรพสำมิต 3. ตน้ ทุนกำรผลิต 4. จำนวนผผู้ ลิต 21
24. หลกั กำรของสถำบนั กำรเงินใดสอดคลอ้ งกบั แนวพระรำชดำริเศรษฐกิจพอเพียง 1. ธนำคำรอิสลำมแห่งประเทศไทย 2. ธนำคำรแห่งประเทศไทย 3. สหกรณ์ออมทรัพย์ 4. ธนำคำรออมสิน 25. ขอ้ ใดส่งผลใหเ้ งินคงคลงั เพิม่ ข้ึน 1. รัฐบำลจดั เกบ็ ภำษีอำกรไดเ้ พ่ิมข้ึน 2. ดุลรำยได-้ รำยจ่ำยของรัฐบำลเกินดุล 3. รัฐวิสำหกิจส่งผลกำไรใหร้ ัฐบำลมำกข้ึน 4. รัฐบำลเลื่อนกำรไถ่ถอนพนั ธบตั รที่ครบกำหนด 26. ขอ้ ใดกล่ำวถึงกำรหมุนเวยี นของสินคำ้ และบริกำรระหวำ่ งหน่วยเศรษฐกิจต่ำงๆในระบบเศรษฐกิจได้ ถูกตอ้ ง 1. หมุนเวียนจำกเจำ้ ของปัจจยั กำรผลิตไปสู่ครัวเรือน 2. หมุนเวยี นจำกครัวเรือนไปสู่หน่วยธุรกิจ 3. หมุนเวยี นจำกหน่วยธุรกิจไปสู่ครัวเรือน 4. หมุนเวียนจำกครัวเรือนไปสู่เจำ้ ของปัจจยั กำรผลิต 27. กรณีใดทำใหร้ ำคำขำ้ วสำรในตลำดปรับตวั สูงข้ึน 1. อุปสงคต์ ่อขำ้ วสำรนอ้ ยกวำ่ อุปทำนของขำ้ วสำร 2. อุปสงคต์ ่อขำ้ วสำรมำกกวำ่ อปุ ทำนของขำ้ วสำร 3. อุปทำนส่วนเกินของขำ้ วสำรมำกกวำ่ อุปสงคส์ ่วนเกินต่อขำ้ วสำร 4. อุปทำนส่วนเกินของขำ้ วสำรเพ่มิ ข้ึนมำกกวำ่ อุปสงคส์ ่วนเกินต่อขำ้ วสำร 28. รำยกำรที่แสดงกำรเคล่ือนไหวของทุนสำรองระหวำ่ งประเทศจะปรำกฏอยใู่ นขอ้ ใด 1. ดุลกำรคำ้ 2. ดุลบญั ชีทุน 3. ดุลกำรชำระเงิน 4. ดุลบญั ชีเดินสะพดั 29. กำรที่รัฐบำลกเู้ งินจำกต่ำงประเทศมำลงทุนแทนกำรกเู้ งินจำกประชำชนก่อใหเ้ กิดผลอยำ่ งไร 1. หน้ีสำธำรณะเพ่ิมข้ึนนอ้ ยกวำ่ 2. อตั รำดอกเบ้ียในประเทศสูงข้ึน 3. สภำพคล่องภำยในประเทศเพม่ิ ข้ึน 4. งบประมำณแผน่ ดินขำดดุลนอ้ ยลง 22
30. ภำวะเศรษฐกิจชะลอตวั ที่เกิดข้ึนในช่วงคร่ึงแรกของแผนพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชำติฉบบั ที่ 10 เกิดจำกสำเหตุใด 1. สถำนกำรณ์ควำมไม่สงบใน 3 จงั หวดั ภำคใตท้ ำใหก้ ำรลงทุนชะลอตวั 2. วกิ ฤตเศรษฐกิจที่เกิดข้ึนในสหรัฐอเมริกำส่งผลกระทบมำถึงประเทศไทย 3. ควำมไม่มีเสถียรภำพของรัฐบำลทำใหด้ ำเนินนโยบำยเศรษฐกิจไม่ต่อเน่ือง 4. กำรไม่ดำเนินนโยบำยตำมแนวเศรษฐกิจพอเพียงต่อจำกแผนพฒั นำฯฉบบั ที่ 9 31. หำกท่ำนเขำ้ ชมพพิ ธิ ภณั ฑม์ นุษยย์ คุ ก่อนประวตั ิศำสตร์ท่ำนจะไม่ พบส่ิงใด 1. เคร่ืองประดบั 2. อำวธุ หินกะเทำะ 3. แผน่ ศิลำจำรึก 4. หมอ้ ดินเผำสำมขำ 32. วิพำกษว์ ิธีทำงประวตั ิศำสตร์หมำยถึงวิธีกำรใด 1. กำรตีควำม 2. กำรประเมิน 3. กำรวเิ ครำะห์ 4. กำรสังเครำะห์ 33. กำรสร้ำงงำนศิลปกรรมของโรมนั มีจุดมุ่งหมำยใดเป็นหลกั 1. เพื่อประโยชนใ์ ชส้ อย 2. เพื่อใชใ้ นกำรประกอบพิธีกรรม 3. เพื่อแสดงควำมศรัทธำต่อศำสนำ 4. เพ่อื แสดงควำมยงิ่ ใหญ่ของจกั รวรรดิ 34. นวตั กรรมใดท่ีทำใหเ้ กิดกำรปฏิวตั ิภูมิปัญญำของชำติตะวนั ตก 1. ปฏิทิน 2. กระดำษ 3. แท่นพิมพ์ 4. นำฬิกำกลไก 35. อำณำจกั รโบรำณในดินแดนสุวรรณภูมิไดร้ ับอิทธิพลจำกอำรยธรรมใดมำกที่สุด 1. อำรยธรรมจีน 2. อำรยธรรมขอม 3. อำรยธรรมอินเดีย 4. อำรยธรรมอิสลำม 36. บุคคลใดไดร้ ับกำรประกำศยกยอ่ งจำกองคก์ ำรกำรศึกษำวทิ ยำศำสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชำชำติ ในสำขำปรำชญแ์ ละกวีประจำปี 2551 1. สมเด็จพระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอเจำ้ ฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุวดั ติวงศ์ 2. สมเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยำดำรงรำชำนุภำพ 3. พระเจำ้ บรมวงศเ์ ธอกรมหลวงวงษำธิรำชสนิท 4. หม่อมรำโชทยั หรือหม่อมรำชวงศก์ ระต่ำย อิศรำงกูร 37. ที่ต้งั ของแควน้ ตำมพรลิงคต์ รงกบั บริเวณใดในปัจจุบนั 1. ไทรบุรี 2. ปัตตำนี 3. สุรำษฎร์ธำนี 4. นครศรีธรรมรำช 23
38. กำรสถำปนำกรุงศรีอยธุ ยำเกิดจำกกำรรวมกนั ของเมืองใด 1. ละโว-้ พษิ ณุโลก 2. สุพรรณภูมิ-ละโว้ 3. พษิ ณุโลก-สุโขทยั 4. สุโขทยั -สุพรรณภูมิ 39. พระมหำกษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดทรงริเร่ิมธรรมเนียมกำรดื่มน้ำพระพพิ ฒั นส์ ตั ยำร่วมกบั ขนุ นำงและ ขำ้ รำชกำร 1. พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 2. พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 3. พระบำทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 4. พระบำทสมเดจ็ พระปกเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 40. ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งไพร่กบั มูลนำยในสงั คมไทยโบรำณอยภู่ ำยใตเ้ งื่อนไขใด 1. ระบบกฎหมำย 2. ควำมจงรักภกั ดี 3. คำ่ นิยมและประเพณี 4. วฒั นธรรมและกฎหมำย 41. ขอ้ ใดไม่ แสดงปัจจยั ที่มีต่อลกั ษณะภูมิอำกำศ 1. จงั หวดั ภูเกต็ ต้งั อยทู่ ี่ละติจูด 8 องศำเหนือ 2. ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือมีแม่น้ำโขงไหลผำ่ น 3. เชียงใหม่อยสู่ ูงจำกระดบั ทะเลปำนกลำง 303 เมตร 4. ภำคใตฝ้ ่ังตะวนั ออกไดร้ ับลมมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือ 42. หำกตอ้ งกำรศึกษำทะเลสำบน้ำเคม็ ท่ำนควรไปที่ทะเลสำบใด 1. มิชิแกนสหรัฐอเมริกำ 2. ไบคำลสหพนั ธรัฐรัสเซีย 3. บลั คำชสำธำรณรัฐคำซคั สถำน 4. แคสเปี ยนสำธำรณรัฐอิสลำมอิหร่ำน 43. หลุมอุกกำบำตบนพ้นื โลกเกี่ยวขอ้ งกบั กระบวนกำรใด 1. กำรกร่อนของแผน่ ดิน 2. กำรปรับระดบั แผน่ ดิน 3. กำรแปรสัณฐำนเปลือกโลก 4. กำรกระทำจำกภำยนอกโลก 44. แผนที่ภูมิประเทศมำตรำส่วนใดของประเทศไทยท่ีครอบคลุมพ้นื ที่ท้งั จงั หวดั 1. 1 : 10,000 2. 1 : 50,000 3. 1 : 100,000 4. 1 : 250,000 45. ขอ้ ใด ไม่ใช่ เครื่องมือวดั ลกั ษณะอำกำศ 1. บำรอมิเตอร์ 2. แพลนิมิเตอร์ 3. ไซโครมิเตอร์ 4. เทอร์โมมิเตอร์ 24
46. หำกเวลำที่ประเทศกคือ 9.00 น. ประเทศซ่ึงอยหู่ ่ำงออกไปทำงทิศตะวนั ออก 15 องศำจะเป็นเวลำใด 1. 7.00 น. 2. 8.00 น. 3. 10.00 น. 4. 11.00 น. 47. โครงกำรพฒั นำป่ ำชุมชนในประเทศไทยเป็นกำรดำเนินงำนท่ีสอดคลอ้ งกบั อนุสญั ญำฉบบั ใด 1. อนุสญั ญำไซเตส 2. อนุสญั ญำเวียนนำ 3. อนุสญั ญำวำ่ ดว้ ยกำรอนุรักษพ์ ้นื ท่ีชุ่มน้ำ 4. อนุสญั ญำวำ่ ดว้ ยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 48. เกษตรอินทรียไ์ ม่ เกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองใด 1. กำรทำฟำร์มทำงนิเวศวิทยำ 2. กำรใชห้ ลกั กำรกำรเกษตรแบบองคร์ วม 3. กำรใชพ้ นั ธุ์พชื และพนั ธุ์สตั วท์ ี่ดดั แปรพนั ธุกรรม 4. กำรนำของใชแ้ ลว้ ไปแปรสภำพเพ่ือนำกลบั มำใชใ้ หม่ 49. บุคคลใดมีส่วนร่วมในกำรจดั กำรทรัพยำกรและส่ิงแวดลอ้ มที่ใหผ้ ลยง่ั ยนื ยำวนำน 1. นำยโดมตรวจวดั คุณภำพอำกำศเป็นประจำ 2. นำยแดงใชส้ ำรดีดีทีแทนซีเอฟซีในกำรกำจดั แมลง 3. นำยดำปลูกหญำ้ แฝกเพอื่ ป้องกนั น้ำกดั เซำะตลิ่งพงั 4. นำยดอนใชห้ นงั สือพมิ พท์ ี่อ่ำนแลว้ ห่อขยะเปี ยกก่อนนำไปทิ้งในถงั ขยะสีเหลือง 50. ขอ้ ใดไม่ใช่ ขอ้ มูลทุติยภูมิ 1. แผนท่ี 2. ผลงำนวิจยั 3. ภำพจำกดำวเทียม 4. ภำพถ่ำยทำงอำกำศ ส่วนที่ 2 : แบบระบำยตวั เลือกมำกกวำ่ 1 คำตอบ แต่ละขอ้ มีคำตอบที่ถูกตอ้ งมำกกวำ่ 1 คำตอบ โดยอำจมีคำตอบที่ถูกตอ้ งจำนวน 2 คำตอบ หรือ 3 คำตอบ หรือ 4 คำตอบ ใหร้ ะบำยวงกลมตวั เลือกที่เป็นคำตอบที่ถูกตอ้ งของขอ้ สอบแต่ละขอ้ ใหค้ รบถว้ นทุกคำตอบ จำนวน 50 ขอ้ (ขอ้ 51-100) : ขอ้ ละ 1 คะแนน 51. ศำสนำมีควำมสำคญั อยำ่ งไรต่อสงั คม 1. ทำใหเ้ กิดควำมสำมคั คีมีเอกภำพ 2. เป็นบ่อเกิดของกำรสร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรม 3. ตอบสนองควำมตอ้ งกำรดำ้ นจิตใจของคนในสังคม 4. เป็นหลกั จริยธรรมควบคุมควำมประพฤติของกลุ่มคน 25
52. ขอ้ ใดกล่ำวถูกตอ้ งเกี่ยวกบั ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู 1. เป็นศำสนำท่ีไม่มีศำสดำ 2. ก่อนพทุ ธกำลเรียกวำ่ ศำสนำพรำหมณ์ 3. ในยคุ พระเวทนบั ถือพระเจำ้ องคเ์ ดียว 4. ยกยอ่ งพระพรหมวำ่ ยงิ่ ใหญ่กวำ่ เทพเจำ้ องคอ์ ่ืน 53. วนั พพิ ำกษำในศำสนำอิสลำมมีช่ือเรียกวำ่ อะไร 1. วนั สิ้นโลก 2. วนั ฟ้ื นคืนชีพ 3. วนั แห่งศรัทธำ 4. วนั กำหนดชะตำ 54. เร่ืองใดปรำกฏอยใู่ นคมั ภีร์ไบเบิลใหม่ 1. เร่ืองรำวชีวติ ของพระเยซู 2. กำรเผยแผศ่ ำสนำของโมเสส 3. กำรเทศนำสง่ั สอนธรรมของพระเยซู 4. ประวตั ิศำสตร์ชนชำติยวิ ในสมยั อบั รำฮมั 55. หลกั ธรรมใดจดั อยใู่ น “ทุกข”์ แห่งอริยสจั 4 1. ขนั ธ์ 5 2. หลกั กรรม 3. โลกธรรม 8 4. ทิฏฐธมั มิกตั ถะ 56. หมอชีวกโกมำรภจั เป็นอุบำสกที่ไดร้ ับกำรยกยอ่ งในดำ้ นใด 1. ใฝ่ รู้ 2. กตญั ญู 3. เสียสละ 4. จรรยำบรรณแพทย์ 57. เร่ืองกฎแห่งกรรมในพระพทุ ธศำสนำสอดคลอ้ งกบั เร่ืองใด 1. ภพ-ภูมิ 2. ไตรสิกขำ 3. ไตรลกั ษณ์ 4. กฎธรรมชำติ 58. วนั เทโวโรหณะคือวนั ใด 1. วนั พระเจำ้ เปิ ดโลก 2. วนั แรม 1 ค่ำเดือน 11 3. วนั หลงั วนั ออกพรรษำ 1 วนั 4. วนั ที่พระพทุ ธเจำ้ เสด็จลงจำกดำวดึงส์ 59. ขอ้ ใดเป็นกศุ ลพิธี 1. กำรเวยี นเทียน 2. กำรถวำยสงั ฆทำน 3. กำรทำบุญเล้ียงพระ 4. กำรสวดมนตไ์ หวพ้ ระ 26
60. “ศีล” ในควำมหมำยทำงพระพทุ ธศำสนำสรุปไดจ้ ำกมรรค 8 ขอ้ ใด 1. คิดชอบ 2. วำจำชอบ 3. ทำกำรชอบ 4. เล้ียงชีพชอบ 61. ขอ้ ใดอยใู่ นขอบขำ่ ยควำมหมำยของสิทธิมนุษยชนตำมพระรำชบญั ญตั ิคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชน แห่งชำติ พ.ศ. 2542 1. สิทธิของบุคคล 2. หนำ้ ท่ีของบุคคล 3. เสรีภำพของบุคคล 4. ควำมเสมอภำคของบุคคล 62. ขอ้ ใดเป็นกฎหมำยลำยลกั ษณ์อกั ษรท่ีออกโดยองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น 1. เทศบญั ญตั ิ 2. ขอ้ บญั ญตั ิเมืองพทั ยำ 3. พระรำชบญั ญตั ิเทศบำล 4. ขอ้ บญั ญตั ิกรุงเทพมหำนคร 63. กำรกระทำใดที่กฎหมำยอนุญำตใหน้ ิภำซ่ึงเป็นนกั เรียนช้นั ม. 5 อำยุ 16 ปี สำมำรถกระทำไดด้ ว้ ยตนเอง 1. กำรหม้นั 2. กำรสมรส 3. กำรรับมรดก 4. กำรทำพินยั กรรม 64. เคร่ืองดนตรีใดเกิดจำกภูมิปัญญำในกำรทำใหเ้ กิดเสียงโดยกำรเป่ ำ 1. โทน 2. แคน 3. โหม่ง 4. โหวด 65. ขอ้ ใดเป็นองคป์ ระกอบของรัฐ 1. ดินแดน 2. ประชำกร 3. ควำมมน่ั คง 4. สิทธิของประชำชน 66. ควำมในขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั กำรปกครองประเทศโดยใชห้ ลกั นิติธรรม 1. รัฐบำลตอ้ งอยใู่ ตก้ ฎหมำย 2. ประชำชนตอ้ งปฏิบตั ิตำมกฎหมำย 3. กฎหมำยตอ้ งออกโดยฝ่ ำยนิติบญั ญตั ิ 4. ตอ้ งใชก้ ฎหมำยเป็นหลกั ในกำรปกครอง 67. ขอ้ ใดเป็นองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นของไทยในปัจจุบนั 1. เทศบำล 2. สุขำภิบำล 3. สภำตำบล 4. กรุงเทพมหำนคร 68. ประเทศใดเป็นสมำชิกของกลุ่มประเทศอำเซียน 1. ญ่ีป่ ุน 2. บรูไน 3. กมั พชู ำ 4. ฟิ ลิปปิ นส์ 27
69. บุคคลท่ีมีลกั ษณะใดตอ้ งหำ้ มมิใหใ้ ชส้ ิทธิเลือกต้งั ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทยพทุ ธศกั รำช 2550 1. ตำบอด 2. หูหนวก 3. วิกลจริต 4. จิตฟ่ันเฟื อน 70. ขอ้ ใดเป็นองคก์ รอิสระตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2550 1. ศำลรัฐธรรมนูญ 2. คณะกรรมกำรตรวจเงินแผน่ ดิน 3. คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ 4. คณะกรรมกำรป้องกนั และปรำบปรำมกำรทุจริตแห่งชำติ 71. บุคคลใดไดร้ ับค่ำตอบแทนในฐำนะเป็นเจำ้ ของปัจจยั กำรผลิต 1. นำยสุกขำยเงำะ 1 กิโลกรัมไดเ้ งิน 25 บำท 2. นำยดำรับจำ้ งหกั ฝักขำ้ วโพดในไร่ไดค้ ่ำจำ้ งวนั ละ 100 บำท 3. นำงเพลินมีรำยรับจำกกำรขำยขำ้ วแกงในตลำดวนั ละ 1,200-1,500 บำท 4. นำงเจริญใหเ้ พื่อนบำ้ นยมื เงิน 10,000 บำทไดร้ ับดอกเบ้ียในอตั รำร้อยละ 2 ต่อเดือน 72. ในวิชำเศรษฐศำสตร์กำหนดใหผ้ ผู้ ลิตทำอยำ่ งไร 1. แสวงหำกำไรสูงสุดจำกกำรผลิตและขำย 2. ผลิตสินคำ้ หรือบริกำรอยำ่ งมีประสิทธิภำพ 3. เลือกใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรผลิตท่ีเหมำะสมกบั สภำพแวดลอ้ ม 4. ต้งั รำคำขำยสินคำ้ ใหผ้ บู้ ริโภคในรำคำดุลยภำพเพียงรำคำเดียว 73. ปัจจยั ขอ้ ใดกำหนดอุปสงคข์ องผบู้ ริโภคที่มีต่อบะหม่ีก่ึงสำเร็จรูป 1. จำนวนผขู้ ำย 2. ตน้ ทุนกำรผลิต 3. รำยไดข้ องผซู้ ้ือ 4. กำรคำดคะเนรำคำ 74. สำนกั งำนคณะกรรมกำรอำหำรและยำคุม้ ครองผบู้ ริโภคใหม้ ีควำมปลอดภยั จำกกำรบริโภคอำหำร ดว้ ยกำรควบคุมเร่ืองใด 1. ขนำดของภำชนะท่ีบรรจุ 2. อตั รำส่วนของวตั ถุที่เป็นส่วนผสม 3. กำรผลิตและกำรใชเ้ ครื่องปรุงแต่งรส 4. ฉลำกระบวุ นั เดือนปี ท่ีผลิตและหมดอำยุ 28
75. สหกรณ์ที่ทดลองจดั ต้งั ข้ึนเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ไม่มี วตั ถุประสงคช์ ่วยเหลือบุคคลที่ประกอบ อำชีพใด 1. รับจำ้ ง 2. คำ้ ขำย 3. รับรำชกำร 4. เกษตรกรรม 76. ระบบเศรษฐกิจทนุ นิยมมีลกั ษณะเด่นประกำรใด 1. เอกชนและรัฐบำลสำมำรถแขง่ ขนั กนั ผลิตสินคำ้ 2. เอกชนมีเสรีภำพในกำรเลือกผลิตและบริโภค 3. รัฐบำลไม่เขำ้ แทรกแซงตลำดปัจจยั กำรผลิต 4. รัฐบำลไม่มีสิทธิเป็นเจำ้ ของทรัพยส์ ินและทรัพยำกร 77. กำรกำหนดค่ำจำ้ งข้นั ต่ำสูงข้ึนจะทำใหเ้ กิดกำรเปล่ียนแปลงในตลำดแรงงำนอยำ่ งไร 1. กำรจำ้ งงำนลดลง 2. ควำมตอ้ งกำรจำ้ งงำนเพมิ่ ข้ึน 3. มีอุปทำนแรงงำนส่วนเกิน 4. ค่ำจำ้ งดุลยภำพปรับตวั สูงข้ึน 78. ขอ้ ใดเป็นผลของกำรดำเนินนโยบำยกำรคำ้ แบบคุม้ กนั 1. กำรผลิตในประเทศขยำยตวั 2. กำรคำ้ ระหวำ่ งประเทศขยำยตวั 3. แรงงำนมีงำนทำมำกข้ึน 4. สินคำ้ เขำ้ มีรำคำขำยในประเทศสูงข้ึน 79. องคก์ รใดไม่ใช่ รูปแบบของกำรรวมกลุ่มทำงเศรษฐกิจข้นั ตน้ 1. APEC 2. OPEC 3. AFTA 4. NAFTA 80. กำรพฒั นำเศรษฐกิจของไทยดำเนินมำเกือบ 50 ปี แลว้ แต่ประเทศไทยยงั มีปัญหำในเรื่องใด 1. ควำมเหล่ือมล้ำของกำรกระจำยรำยได้ 2. ดุลกำรคำ้ ขำดดุลมำกและมีแนวโนม้ สูงข้ึน 3. ประชำกรชำยและหญิงมีอำยขุ ยั เฉลี่ยไม่เทำ่ กนั 4. ควำมไม่สมดุลในกำรพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คม 81. ขอ้ ใดแสดงถึงอำรยธรรมของเมโสโปเตเมีย 1. อกั ษรลิ่ม 2. ซิกกแู รต 3. กฎหมำยสิบสองโต๊ะ 4. ระบบกำรชลประทำน 82. หลกั ฐำนประเภทใดสนบั สนุนแนวคิดท่ีวำ่ กลุ่มชนชำติไทยอยใู่ นบริเวณตอนใตข้ องจีน 1. หลกั ฐำนทำงดำ้ นโบรำณคดี 2. หลกั ฐำนทำงดำ้ น ภำษำศำสตร์ 29
2. หลกั ฐำนทำงดำ้ นมำนุษยวทิ ยำ 3. หลกั ฐำนทำงดำ้ น พนั ธุศำสตร์ 83. ลีโอนำร์โดดำวนิ ชีเป็นผสู้ ร้ำงผลงำนใด 1. ภำพวำดโมนำลิซำ 2. ภำพบนเพดำนวิหำรซิสทีน 3. ประติมำกรรมหินอ่อนเดวดิ 4. ภำพวำดพระกระยำหำรม้ือสุดทำ้ ย 84. เติ้งเส่ียวผงิ ใชน้ โยบำยดำ้ นใดในกำรพฒั นำประเทศสู่ควำมทนั สมยั 1. ดำ้ นเกษตรกรรม 2. ดำ้ นอุตสำหกรรม 3. ดำ้ นกำรป้องกนั ประเทศ 4. ดำ้ นวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี 85. ในอดีตฟิ ลิปปิ นส์เคยอยใู่ ตก้ ำรปกครองของประเทศใด 1. สเปน 2. ฮอลนั ดำ 3. โปรตุเกส 4. สหรัฐอเมริกำ 86. กำรปฏิวตั ิในฝร่ังเศส ค.ศ. 1789 เชิดชูหลกั กำรใด 1. เสรีภำพ 2. สนั ติภำพ 3. เสมอภำค 4. ภรำดรภำพ 87. ผใู้ ดอยใู่ นระบบศกั ดินำของสงั คมไทย 1. กษตั ริย์ 2. พระสงฆ์ 3. วนิพก 4. ทำส 88. เรื่องใดเป็นผลสืบเนื่องจำกกำรทำสนธิสญั ญำเบำวร์ ิง 1. เกิดกำรคำ้ แบบเสรี 2. เกิดกำรขยำยตวั ของสินคำ้ หตั ถกรรม 3. เกิดกำรผลิตขำ้ วเพอื่ กำรคำ้ และส่งออก 4. เกิดกำรขยำยตวั ของอุตสำหกรรมทอผำ้ 89. ขอ้ ใดปรำกฏอยใู่ นกำรปฏิรูปกำรปกครองของพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 1. รัฐสภำ 2. เสนำบดีสภำ 3. รัฐธรรมนูญ 4. สภำท่ีปรึกษำรำชกำรแผน่ ดิน 90. พระที่นงั่ ใดสร้ำงโดยไดร้ ับอิทธิพลของสถำปัตยกรรมตะวนั ตก 1. จกั รพรรดิพิมำน 30
2. จกั รีมหำปรำสำท 3. ดุสิตมหำปรำสำท 4. อนนั ตสมำคม 91. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะภูมิประเทศที่เกิดจำกกำรกระทำของแม่น้ำ 1. ที่รำบลอนลำด 2. ทะเลสำบรูปแอก 3. เนินตะกอนรูปพดั 4. ดินดอนสำมเหลี่ยม 92. ในแผนท่ีอำกำศสมยั ใหมบ่ ริเวณท่ีมีสญั ลกั ษณ์ L ปรำกฏอยจู่ ะมีลกั ษณะอำกำศอยำ่ งไร 1. เป็นบริเวณท่ีมีอุณหภูมิต่ำ 2. เป็นบริเวณท่ีมีอุณหภูมิสูง 3. เป็นบริเวณที่มีควำมกดอำกำศต่ำ 4. เป็นบริเวณท่ีมีควำมกดอำกำศสูง 93. ป่ ำชำยเลนมีประโยชน์อยำ่ งไร 1. เป็นแหล่งอำหำร 2. เป็นแหล่งรำยได้ 3. ช่วยรักษำสมดุลของระบบนิเวศชำยฝ่ัง 4. ก่อใหเ้ กิดควำมหลำกหลำยของพืชและสัตว์ 94. ขอ้ ใดทำใหร้ ะบบนิเวศของโลกขำดสมดุล 1. ภำวะโลกร้อน 2. กำรตดั ไมท้ ำลำยป่ ำ 3. กำรเกิดแกส๊ เรือนกระจก 4. กำรใชด้ ินซ้ำซำกและบ่อยคร้ัง 95. ท่ำนจะแนะนำกรมทรัพยำกรน้ำใหแ้ กไ้ ขวิกฤตกำรณ์ดำ้ นทรัพยำกรน้ำอยำ่ งไร 1. สร้ำงเข่ือนเพ่อื กกั เกบ็ น้ำ 2. จดั สร้ำงท่อส่งน้ำชลประทำนเพิม่ เติม 3. บำบดั น้ำเสียก่อนปล่อยลงแหล่งน้ำสำธำรณะ 4. ฟ้ื นฟูกำรใชป้ ระโยชนแ์ ละแกไ้ ขปัญหำเก่ียวกบั แหล่งน้ำ 96. กำรควบคุมป้องกนั มลพษิ ตำมพระรำชบญั ญตั ิส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดลอ้ มแห่งชำติพ.ศ. 2535 ครอบคลุมมลพษิ ในดำ้ นใด 1. มลพษิ ทำงน้ำ 2. มลพษิ ทำงดิน 3. มลพิษทำงเสียง 4. มลพษิ ทำงอำกำศ 97. กำรเปิ ดโอกำสใหป้ ระชำชนมีส่วนร่วมในกำรประเมินสิ่งแวดลอ้ มมีผลดีอยำ่ งไร 1. ประชำชนสำมำรถโตแ้ ยง้ ผลกำรประเมินได้ 31
2. ประชำชนไดร้ ับทรำบขอ้ เทจ็ จริงเก่ียวกบั โครงกำร 3. ประชำชนไดร้ ับทรำบผลกระทบที่เกิดข้ึนจำกโครงกำร 4. ประชำชนไดร้ ับทรำบมำตรกำรแกไ้ ขหรือลดผลกระทบอนั อำจจะเกิดข้ึน 98. ใครใชป้ ระโยชนจ์ ำกส่ิงแวดลอ้ มในกำรสร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรม 1. ชำวรัสเซียจบั ปลำสเตอร์เจียนเพอ่ื นำไข่มำทำคำเวยี ร์ 2. ชำวเบดูอินในคำบสมุทรอำหรับเล้ียงสตั วแ์ บบเร่ร่อน 3. ชำวสแกนดิเนเวียนำไมส้ นมำแปรรูปเป็นวสั ดุก่อสร้ำง 4. ชำวอินเดียนพ้นื เมืองในประเทศเปรูเพำะปลูกธญั พืชแบบยงั ชีพ 99. รัฐสำมำรถดำเนินงำนดำ้ นส่ิงแวดลอ้ มไดอ้ ยำ่ งไร 1. จดั ต้งั กองทุนส่ิงแวดลอ้ ม 2. ออกกฎหมำยส่ิงแวดลอ้ ม 3. ผลิตนกั วิจยั ดำ้ นส่ิงแวดลอ้ ม 4. จดั ประชุมสมั มนำระดบั ชำติดำ้ นสิ่งแวดลอ้ ม 100. ในฐำนะพลเมืองไทยคนหน่ึงท่ำนจะปฏิบตั ิตนเพ่อื อนุรักษแ์ ละพฒั นำคุณภำพสิ่งแวดลอ้ มอยำ่ งไร จึงจะเหมำะสม 1. ฝึกใหม้ ีนิสยั ประหยดั 2. ถ่ำยสำรอนั ตรำยใส่ภำชนะใหม่ที่ปิ ดมิดชิด 3. ช่วยกนั ปลูกและดูแลรักษำตน้ ไมส้ ำธำรณะ 4. ทิ้งแบตเตอรี่ท่ีใชแ้ ลว้ ลงในถงั ขยะสำหรับมลู ฝอยทวั่ ไป 32
ชุดท่ี 2 ข้อสอบ O- NET วชิ า สังคมศึกษา ปีการศกึ ษา 2553 ตอนที่ 1 สังคมศึกษำ : จำนวน 100 ขอ้ (รวม 100 คะนน) ส่วนที่ 1 : แบบปรนยั 4 ตวั เลือก แต่ละขอ้ มีคำตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 50 ขอ้ (ขอ้ 1-50) : ขอ้ ละ 1 คะแนน 1. พระเจำ้ ทรงมีโองกำรใหโ้ มเสสพำชำวยวิ อพยพจำกท่ีใดไปสู่ที่ใด 1. โรมนั -อียปิ ต์ 2. คะนำอนั -โรมนั 3. อียปิ ต-์ คะนำอนั 4. คะนำอนั -อียปิ ต์ 2. ชำวมุสลิมไม่เช่ือในเรื่องใด 1. โลกมีวนั สิ้นสุด 2. เทวทูตมีจำนวนมำก 3. ศำสนทูตมีหลำยท่ำน 4. กำรตำยแลว้ เกิดใหม่บนโลกมนุษย์ 3. ขอ้ ใดไม่ใช่ แนวคดิ ของศำสนำพทุ ธ 1. สอนใหอ้ ุทิศตนแก่สิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ 2. สอนใหพ้ ิสูจนค์ ำบอกเล่ำแลว้ จึงเชื่อ 3. เชื่อวำ่ กรรมเป็นตวั กำหนดสรรพส่ิง 4. หลกั ศีลธรรมเกิดจำกกำรศึกษำของผรู้ ู้ 4. กำรรับรู้ รูป รส กล่ิน เสียง สัมผสั ในขนั ธ์ 5 คือขอ้ ใด 1. จิต 2. เวทนำ 3. สงั ขำร 4. วิญญำณ 5. พระโพธิสตั วช์ ำติสุดทำ้ ยของทศชำติคือองคใ์ ด 1. พระเตมีย์ 2. พระมโหสถ 3. พระมหำชนก 4. พระเวสสนั ดร 6. ขอ้ ใดแสดงถึง ‘‘สขีภริยำ” 1. สมศกั ด์ิมีภริยำที่เอำแต่บ่นและดุด่ำวำ่ กล่ำวตลอดเวลำ 2. สุธีโชคร้ำย ทำงำนหำเงินไดเ้ ท่ำไร ภริยำของเขำเอำไปเล่นกำรพนนั หมด 3. สมพลถูกออกจำกงำน แต่ภริยำของเขำใหก้ ำลงั ใจและช่วยใหเ้ ขำหำงำนใหม่ได้ 4. สุระโชคดี ภริยำของเขำไม่เคยบ่นวำ่ แต่ใหค้ วำมเคำรพและรับใชด้ ูแลอยำ่ งดีตลอด 33
7. คำวำ่ “รำชำ” ในพทุ ธศำสนสุภำษิต “รำชำ มุขมนุสฺสำน” หมำยถึงอะไร 1. ผเู้ ป็นประมุข 2. ผมู้ ีอำนำจสูงสุด 3. ผอู้ ยเู่ หนือประชำชน 4. ผทู้ ำใหเ้ กิดควำมพอใจ 8. พระพทุ ธเจำ้ ทรงสอนอริยสจั 4 ในวนั ใด 1. วนั มำฆบชู ำ 2. วนั วสิ ำขบูชำ 3. วนั อำสำฬหบูชำ 4. วนั จำตรุ งคสันนิบำต 9. กำรฝึกสติปัฏฐำนข้นั พิจำรณำเวทนำคืออยำ่ งไร 1. รู้เท่ำทนั ควำมรู้สึก สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ 2. กำหนดรู้วำ่ อิริยำบถขณะน้นั เป็นอำกำรใด 3. กำหนดรู้วำ่ ขนั ธ์ 5 คืออะไร เกิดดบั ไดอ้ ยำ่ งไร 4. พิจำรณำดูจิตของตนวำ่ มี รำคะ โทสะ โมหะ หรือไม่ 10. ในกำรประชุมสมั มนำเพอ่ื แกป้ ัญหำควำมยำกจน ไดม้ ีกำรกำหนดแนวทำงประชุมโดยใหเ้ ร่ิมตกลงกนั วำ่ ปัญหำควำมยำกจนคืออยำ่ งไร อะไรคือสำเหตุ เป้ำหมำยท่ีตอ้ งกำรหลงั จำกแกไ้ ขแลว้ จะเป็นอยำ่ งไร และวธิ ีกำรแกไ้ ขจะทำอยำ่ งไรบำ้ ง แนวทำงน้ีตรงกบั หลกั พระพทุ ธศำสนำเร่ืองใด 1. อริยสจั 4 2. วิภชั ชวำท 3. อิทปั ปัจจยตำ 4. โยนิโสมนสิกำร 11. กำรท่ีนำยดำหลีกเลี่ยงกำรเสียภำษีแสดงวำ่ นำยดำขำดควำมตระหนกั ถึงสิ่งใด 1. สิทธิของพลเมือง 2. หนำ้ ที่ของพลเมือง 3. เสรีภำพของพลเมือง 4. ควำมเสมอภำคของพลเมือง 12. พฤติกรรมของบุคคลใดมีลกั ษณะเป็นกำรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 1. สมพงษเ์ คำรพเหตผุ ลของผอู้ ื่น 2. สมพลยดึ มน่ั ในเหตุผลที่ถูกตอ้ ง 3. สมพรใชเ้ หตุผลมำกกวำ่ อำรมณ์ 4. สมพิศคำนึงถึงเหตุผลก่อนตดั สินใจ 13. กฎหมำยปกครองเป็นกฎหมำยที่เกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองใดเป็นสำคญั 1. กำรใชอ้ ำนำจอธิปไตย 2. กำรจดั ระเบียบบริหำรรำชกำร 3. กำรถ่วงดุลอำนำจทำงกำรเมือง 4. กำรคุม้ ครองสิทธิของประชำชน 14. ขอ้ ใดเป็นควำมสำมำรถพิเศษของมนุษยท์ ี่แตกต่ำงจำกสตั วอ์ ่ืน 1. กำรใชส้ ญั ลกั ษณ์ 2. กำรใชส้ ญั ชำตญำณ 34
3. กำรตอบสนองส่ิงเร้ำโดยอตั โนมตั ิ 4. กำรตอบสนองส่ิงเร้ำตำมพนั ธุกรรม 15. คนไทยในสงั คมเมืองและชนบทมีคำ่ นิยมที่สอดคลอ้ งกนั ในเร่ืองใด 1. รักควำมเป็นอิสระ 2. ไม่ชอบกำรแขง่ ขนั 3. ไม่ชอบคนแปลกหนำ้ 4. ชอบควำมสะดวกรวดเร็ว 16. ครูเกลียว เสร็จกิจ (ขวญั จิต ศรีประจนั ต)์ ไดร้ ับยกยอ่ งใหเ้ ป็นครูภูมิปัญญำไทย ในฐำนะท่ีเป็นผฟู้ ้ื นฟู เพลงพ้ืนบำ้ นประเภทใด 1. เพลงเรือ 2. เพลงฉ่อย 3. เพลงอีแซว 4. เพลงรำโทน 17. ขอ้ ใดเป็นเคร่ืองบ่งช้ีวำ่ ประเทศมีลกั ษณะเป็นสำธำรณรัฐหรือไม่ 1. ประชำกรในรัฐ 2. ระบบเศรษฐกิจ 3. ประมุขของประเทศ 4. ระบอบกำรปกครอง 18. กิจกรรมใดมีส่วนสำคญั ในกำรปูพ้นื ฐำนประชำธิปไตยในประเทศไทย 1. กำรจดั ต้งั มณฑล 2. กำรจดั ระบบภำษี 3. กำรจดั ต้งั สุขำภิบำล 4. กำรจดั ระบบเทศำภิบำล 19. ส่วนรำชกำรใดมีฐำนะเป็นกระทรวง 1. สำนกั งบประมำณ 2. สำนกั นำยกรัฐมนตรี 3. สำนกั งำนตำรวจแห่งชำติ 4. สำนกั งำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ 20. รัฐธรรมนูญฉบบั ใดไดช้ ่ือวำ่ เป็นรัฐธรรมนูญฉบบั ประชำมติ 1. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2517 2. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2534 3. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2540 4. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2550 21. ขอ้ ใดคือสำเหตุท่ีทำใหเ้ กิดปัญหำพ้นื ฐำนทำงเศรษฐกิจ 1. ปัจจยั กำรผลิตมีรำคำสูงเกินไป 2. ปัจจยั กำรผลิตบำงชนิดมีรำคำต่ำเกินไป 3. ปัจจยั กำรผลิตมีนอ้ ยกวำ่ ควำมตอ้ งกำรใช้ 4. ปัจจยั กำรผลิตไม่กระจำยไปยงั ทุกภำคเศรษฐกิจ 22. ปัจจยั กำรผลิตใดเป็นปัจจยั คงท่ีของโรงงำนตดั เยบ็ เส้ือผำ้ 35
1. ผำ้ ตดั เส้ือ 2. ช่ำงตดั ผำ้ 3. จกั รเยบ็ ผำ้ 4. วสั ดุตกแตง่ เส้ือ 23. ขอ้ ใดไม่ เป็นกำรคุม้ ครองผบู้ ริโภค 1. กำรประกนั รำคำออ้ ย 2. กำรใหต้ ิดป้ำยแสดงรำคำสินคำ้ 3. กำรขำยสินคำ้ ภำยใตโ้ ครงกำรธงฟ้ำ 4. กำรควบคุมรำคำขำยปลีกน้ำตำลทรำย 24. ทรัพยส์ ินในขอ้ ใดมีสภำพคล่องสูงสุด 1. ทองคำแท่งหนกั 5 บำท 2. พนั ธบตั รรัฐบำลไทยเขม้ แขง็ 3. หุน้ สำมญั ในตลำดหลกั ทรัพย์ 4. เงินฝำกประจำธนำคำร 9 เดือน 25. คุณค่ำของสหกรณ์ (cooperativevalues) ตรงกบั ขอ้ ใดมำกท่ีสุด 1. ไดร้ ับกำรยอมรับอยำ่ งกวำ้ งขวำงวำ่ เป็นสถำบนั ท่ีมีคุณค่ำดำ้ นกำรออมและกำรลงทุน 2. ต้งั อยบู่ นพ้นื ฐำนแห่งคุณค่ำของกำรช่วยตนเอง รับผดิ ชอบต่อตนเองและต่อสงั คม 3. เช่ือมนั่ วำ่ สหกรณ์จะส่งเสริมใหส้ มำชิกมีคุณค่ำทำงจริยธรรมและมีควำมเสมอภำค 4. ปลูกฝังใหส้ มำชิกเขำ้ ใจวำ่ สหกรณ์เป็นวิธีกำรที่มีคุณคำ่ ในกำรนำไปสู่กำรกินดีอยดู่ ี 26. กำรจดั สรรปัจจยั กำรผลิตในระบบเศรษฐกิจแบบใดก่อใหเ้ กิดกำรใชป้ ัจจยั กำรผลิตอยำ่ งสิ้นเปลือง มำกท่ีสุด 1. ระบบทุนนิยม 2. ระบบเสรีนิยม 3. ระบบสงั คมนิยม 4. ระบบรัฐสวสั ดิกำร 27. ถำ้ พอ่ คำ้ ขำยขำ้ วโพดฝักในรำคำที่สูงกวำ่ รำคำดุลยภำพ ปัจจยั ใดจะส่งผลใหร้ ำคำช้ือขำยขำ้ วโพด ตอ้ งลดลง 1. อุปสงคส์ ่วนเกิน 2. อุปทำนส่วนเกิน 3. กำรขำดแคลนอุปทำน 4. กำรลน้ ตลำดของอุปสงค์ 28. ปัจจุบนั ประเทศต่ำงๆนิยมใชม้ ำตรกำรใดในกำรจำกดั กำรคำ้ เสรีระหวำ่ งประเทศ 1. ต้งั กำแพงภำษีขำเขำ้ 2. ใหเ้ งินอดุ หนุนผนู้ ำเขำ้ 3. กำหนดโควตำกำรส่งออก 4. กำหนดมำตรฐำนคุณภำพสินคำ้ เขำ้ 29. ขอ้ ใดเป็นกำรลงทุนทำงตรงจำกต่ำงประเทศ 1. ชำวฝรั่งเศสซ้ือพนั ธบตั รรัฐบำลไทย 2. ชำวญ่ีป่ ุนซ้ือบริษทั ธุรกิจของคนไทย 36
3. ชำวอเมริกนั ซ้ือรถยนตท์ ี่ผลิตในไทย 4. ชำวสิงคโปร์ซ้ือหุน้ ในตลำดหลกั ทรัพยไ์ ทย 30. กำรพฒั นำเศรษฐกิจของไทยยงั ไม่ประสบควำมสำเร็จในเร่ืองใด 1. กำรแกป้ ัญหำเงินเฟ้อ 2. กำรแกป้ ัญหำกำรวำ่ งงำน 3. กำรสร้ำงศกั ยภำพใหช้ ุมชนเขม้ แขง็ 4. กำรขยำยตลำดกำรคำ้ ระหวำ่ งประเทศ 31. กำรเพำะปลูกของมนุษยย์ คุ หินใหม่ในระยะเร่ิมแรกใชว้ ิธีกำรแบบใด 1. นำดำ 2. นำหวำ่ น 3. ไถพรวน 4. ไร่เล่ือนลอย 32. ควำมน่ำเชื่อถือของหลกั ฐำนทำงประวตั ิศำสตร์ประเมินไดจ้ ำกขอ้ ใด 1. อำยขุ องหลกั ฐำน 2. ปริมำณของหลกั ฐำนที่พบ 3. ควำมสมบูรณ์ของหลกั ฐำน 4. ขอ้ สนเทศที่ปรำกฏในหลกั ฐำน 33. นกั ปรำชญค์ นใดที่แสดงทศั นะเก่ียวกบั คุณสมบตั ิของชนช้นั ปกครองวำ่ จะตอ้ งมีควำมรู้ ควำมรับผดิ ชอบ และศีลธรรม 1. เพลโต 2. โฮเมอร์ 3. โสกรำตีส 4. อริสโตเติล 34. ขอ้ ใดเป็นเหตุกำรณ์สำคญั ท่ีทำใหเ้ กิดกำรปฏิวตั ิวทิ ยำศำสตร์ 1. กำรประดิษฐก์ ลอ้ งโทรทรรศน์ 2. กำรคน้ พบกฎแห่งควำมโนม้ ถ่วง 3. กำรคน้ พบวำ่ เสน้ ทำงโคจรของดำวเครำะห์เป็นรูปวงรี 4. กำรคน้ พบวำ่ ดวงอำทิตยเ์ ป็นศูนยก์ ลำงของระบบสุริยะ 35. ชำวอินคำเปรียบ “หยดเหงื่อแห่งพระอำทิตย”์ และ “น้ำตำแห่งพระจนั ทร์”กบั โลหะชนิดใด 1. เงิน และ ดีบุก 2. ทองคำ และ เงิน 3. ดีบุก และ ทองแดง 4. ทองแดง และ ทองคำ 36. พระบรมรำโชบำยสำคญั ของสมเดจ็ พระเจำ้ ตำกสินมหำรำชภำยหลงั กำรสถำปนำกรุงธนบุรีเนน้ เรื่องใด เป็นอนั ดบั แรก 1. กำรฟ้ื นฟพู ระพุทธศำสนำ 2. กำรสร้ำงกองทพั ใหเ้ ขม้ แขง็ 3. กำรส่งเสริมกำรคำ้ กบั ต่ำงชำติ 4. กำรแกไ้ ขปัญหำควำมอดอยำก 37
37. เอกสำรทำงรำชกำรของไทยฉบบั ใดท่ีผลิตโดยเคร่ืองพมิ พส์ มยั ใหม่เป็นคร้ังแรก 1. รำชกิจจำนุเบกษำ 2. สยำมจดหมำยเหตุ 3. ประกำศหำ้ มสูบฝิ่น 4. กฎหมำยตรำสำมดวง 38. ขอ้ ใดเป็นวตั ถุประสงคใ์ นกำรเสดจ็ ประพำสยโุ รปคร้ังแรกของพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 1. เพือ่ ใหช้ ำติยโุ รปยอมแกไ้ ขสนธิสญั ญำเบำวร์ ิง 2. เพ่ือกดดนั ใหช้ ำติยโุ รปคืนดินแดนที่ยึดจำกไทย 3. เพื่อใหต้ ่ำงชำติยอมรับวำ่ ไทยมีเกียรติยศเสมอนำนำประเทศ 4. เพอ่ื แสดงใหเ้ ห็นวำ่ ไทยมีควำมเป็นกลำงในควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งประเทศ 39. ในช่วงปลำยรัชสมยั พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ชำวต่ำงชำติใดไดร้ ับแต่งต้งั ใหเ้ ป็น ที่ปรึกษำรำชกำรดำ้ นกำรต่ำงประเทศ 1. ชำวองั กฤษ 2. ชำวฝรั่งเศส 3. ชำวอเมริกนั 4. ชำวเดนมำร์ก 40. “ตระพงั ” เป็นภูมิปัญญำในเร่ืองใดของคนยคุ สุโขทยั 1. กำรชกั น้ำ 2. กำรเกบ็ น้ำ 3. กำรระบำยน้ำ 4. กำรควบคุมทำงไหลของน้ำ 41. ขอ้ ใดเป็นหินที่แปรมำจำกหินช้นั 1. หินสบู่ 2. หินปูน 3. หินอ่อน 4. หินดินดำน 42. ถำ้ ตอ้ งกำรศึกษำทะเลทรำยเขตอบอุ่น ควรไปท่ีใด 1. ทะเลทรำยธำร์และทะเลทรำยดำชต-์ อี-คำร์วีในทวปี เอเชีย 2. ทะเลทรำยสะฮำรำและทะเลทรำยกำลำฮำรีในทวปี แอฟริกำ 3. ทะเลทรำยกิบสนั และทะเลทรำยซิมป์ สันในทวปี ออสเตรเลีย 4. ทะเลทรำยโมฮำวแี ละทะเลทรำยเกรตซอลตเ์ ลกในทวปี อเมริกำเหนือ 43. หำกตอ้ งกำรทรำบพกิ ดั ภูมิศำสตร์ของโรงเรียนของท่ำน ควรใชเ้ คร่ืองมือใด 1. จีพีเอส 2. อำร์เอส 3. จีไอเอส 4. แผนท่ีประเทศไทย 44. ขอ้ ใดไม่ใช่ วกิ ฤตกำรณ์ดำ้ นทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดลอ้ ม 1. กำรเกิดแผน่ ดินไหว 2. ควำมต้ืนเขินของแหล่งน้ำ 3. ควำมจำกดั ของจำนวนที่ดิน 4. กำรประกำศเขตป่ ำเส่ือมโทรม 45. กำรประชุมคร้ังที่ 7 ของกลุ่มประเทศภำยใตอ้ นุสญั ญำสหประชำชำติวำ่ ดว้ ยกำรเปลี่ยนแปลงภูมิอำกำศ ที่ประเทศโมร็อกโกเมื่อ พ.ศ. 2544 ไดเ้ สนอประเดน็ กำรแกป้ ัญหำใดซ่ึงมีผลมำถึงปัจจุบนั 38
1. ฝนกรด 2. ภำวะโลกร้อน 3. ปรำกฏกำรณ์เอลนีโญ 4. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 46. กำรท่ีประเทศไทยกำหนดใหเ้ ลิกใชส้ ำรซีเอฟชีในกำรผลิตสินคำ้ เป็นกำรปฏิบตั ิตำมขอ้ ตกลงใด 1. พธิ ีสำรเกียวโต 2. อนุสัญญำไซเตส 3. อนุสัญญำบำเซิล 4. พธิ ีสำรมอนทรีออล 47. ผทู้ ่ีบุกรุกหรือครอบครองท่ีดินของรัฐโดยมิชอบดว้ ยกฎหมำย มีควำมผดิ ตำมกฎหมำยใด 1. พระรำชบญั ญตั ิผงั เมือง พ.ศ. 2518 2. พระรำชบญั ญตั ิอุทยำนแห่งชำติ พ.ศ. 2504 3. พระรำชบญั ญตั ิป่ ำสงวนแห่งชำติ พ.ศ. 2507 4. พระรำชบญั ญตั ิส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดลอ้ มแห่งชำติ พ.ศ. 2535 48. ขอ้ ใดไม่ใช่ หลกั กำรพ้ืนฐำนท่ีจะทำใหก้ ำรมีส่วนร่วมของประชำชนในกำรประเมินผลกระทบ ส่ิงแวดลอ้ มเป็นไปอยำ่ งมีประสิทธิภำพ 1. กำรใหข้ อ้ มูลท่ีถูกตอ้ งและเหมำะสม 2. กำรตอบสนองต่อควำมเห็นหรือท่ำทีของประชำชน 3. กำรจำแนกกลุ่มผมู้ ีส่วนร่วมที่เหมำะสมและเป็นธรรม 4. กำรประเมินผลสำเร็จของกำรมีส่วนร่วมของประชำชน 49. UNEP ดำเนินงำนเก่ียวกบั เรื่องใด 1. กำรป้องกนั ช้นั โอโซน 2. ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 3. กำรควบคุมพชื ป่ ำและสัตวป์ ่ ำ 4. กำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ 50. กำรข้ึนทะเบียนมรดกโลกตอ้ งไดร้ ับกำรรับรองจำกหน่วยงำนใด 1. UNICEF 2. UNESCO 3. UNCTAD 4. UNESCAP ส่วนที่ 2 : แบบปรนยั 4 ตวั เลือก มีคำตอบที่ถูกตอ้ ง 2 คำตอบ จำนวน 50 ขอ้ (ขอ้ 51-100) ขอ้ ละ 1 คะแนน ตอบถูก 1 คำตอบ ได้ 0.5 คะแนน ตอบถูก 2 คำตอบ ได้ 1 คะแนน 51. ในศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ผสู้ ูงอำยจุ ะปฏิบตั ิตำมหลกั อำศรม 4 ข้นั ใด 39
1. สันยำสี 2. คฤหสั ถ์ 3. วำนปรัสถ์ 4. พรหมจำรี 52. กำรที่พระเยซูทรงถูกตรึงไมก้ ำงเขนจนสิ้นพระชนม์ แสดงถึงส่ิงใด 1. กำรไถ่มนุษยอ์ อกจำกบำป 2. ควำมเสียสละของพระเจำ้ 3. มนุษยไ์ ดร้ ับกำรปลดปล่อยใหม้ ีควำมสมั พนั ธ์ท่ีถูกตอ้ งกบั พระเจำ้ 4. พระเจำ้ ทรงประทำนพระบุตรมำชวั่ ครำวเพือ่ สอนศีลธรรมใหม้ นุษย์ 53. นำยสนไปฆ่ำคนดว้ ยควำมแคน้ ถูกจบั และตดั สินลงโทษใหจ้ ำคุกตลอดชีวติ เป็นกำรรับกรรมประเภทใด 1. ครุกรรม 2. อุปัชชเวทนียกรรม 3. อปรำปรเวทนียกรรม 4. ทิฏฐธมั มเวทนียกรรม 54. ธรรมใดสอนเร่ืองควำมเพยี ร 1. พละ 5 2. อิทธิบำท 4 3. วฒุ ิธรรม 4 4. อริยวฑั ฒิ 5 55. พระธรรมโกศำจำรย์ (พทุ ธทำสภิกข)ุ มีควำมสำคญั อยำ่ งไร 1. เป็นผไู้ ดช้ ื่อวำ่ “นกั เทศนฝ์ ีปำกกลำ้ ” 2. เป็นผกู้ ่อต้งั โครงกำรสวนโมกขน์ ำนำชำติ 3. เป็นผเู้ ดินทำงไปเผยแผธ่ รรมยงั ทวปี ยโุ รป 4. เป็นผใู้ ชว้ ธิ ี “ค้นั แก่นธรรม” เพือ่ สอนธรรม 56. คำวำ่ “พทุ ธ” มีควำมหมำยอยำ่ งไร 1. ผรู้ ู้ ผตู้ ่ืน 2. ผหู้ ลุดพน้ 3. ผเู้ บิกบำน 4. ผมู้ ีปัญญำ 57. ขอ้ ใดไม่ ถูกตอ้ ง 1. พระไตรปิ ฎกพฒั นำมำจำกพระธรรมวนิ ยั 2. กำรบนั ทึกพระไตรปิ ฎกเป็นลำยลกั ษณ์อกั ษรคร้ังแรกใชภ้ ำษำมคธ 3. พระไตรปิ ฎกไดร้ ับกำรเผยแผไ่ ปยงั ประเทศต่ำงๆ พร้อมกบั คณะพระธรรมทูต 4. กำรสงั คำยนำพระไตรปิ ฎกคร้ังแรกทำในสมยั พทุ ธกำลโดยพระอำนนทเ์ ป็นหวั หนำ้ 58. กำรทำบุญในงำนมงคล เม่ือพระสงฆน์ ง่ั ประจำอำสนะแลว้ เจำ้ ภำพจุดธูปเทียนบูชำพระ จะมีกำร อำรำธนำใดบำ้ ง 1. อำรำธนำศีล 40
2. อำรำธนำพระสงฆ์ 3. อำรำธนำพระธรรม 4. อำรำธนำพระปริตร 59. ขอ้ ใดคือประโยชนท์ ี่บุคคลไดร้ ับจำกกำรบริหำรจิตตำมหลกั สติปัฏฐำน 1. ทำใหร้ ะลึกชำติไต้ 2. ทำใหเ้ ช่ือในบำปบุญคุณโทษ 3. ทำใหร้ ่ำงกำยแขง็ แรงมีสุขภำพดี 4. ทำใหม้ ีศรัทธำในพระพทุ ธศำสนำเพ่มิ ข้ึน 60. ผปู้ กครองประเทศควรยดึ หลกั ใด สังคมจึงจะสงบสุขและมีสนั ติ 1. เบญจศีล 2. อริยวฑั ฒิ 3. อปริหำนิยธรรม 4. ทศพธิ รำชธรรม 61. ขอ้ ใดไม่ใช่ กฎหมำยสำรบญั ญตั ิ 1. กฎหมำยอำญำ 2. กฎหมำยลกั ษณะพยำน 3. กฎหมำยแพง่ และพำณิชย์ 4. พระธรรมนูญศำลยตุ ิธรรม 62. ทรัพยใ์ นขอ้ ใดเป็นอสังหำริมทรัพย์ 1. บำ้ น 2. รถยนต์ 3. สิทธิจำนำ 4. สิทธิจำนอง 63. สภำพบงั คบั ตำมขอ้ ใดเป็นกำรลงโทษทำงอำญำ 1. กำรปรับ 2. กำรยดึ ทรัพย์ 3. กำรริบทรัพยส์ ิน 4. กำรชดใชค้ ่ำเสียหำย 64. ครอบครัวในขอ้ ใดเป็นครอบครัวเดี่ยว 1. โตง้ อยกู่ บั ลุงและป้ำ 2. ตุม้ อยกู่ บั พอ่ และแม่ 3. แตว้ อยกู่ บั แม่และยำย 4. ตอ้ ยอยกู่ บั พอ่ และพีช่ ำย 65. ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกำมีควำมแตกด่ำงกนั ในเร่ืองใด 1. รูปแบบของรัฐ 2. ท่ีมำของรัฐบำล 3. ระบอบกำรปกครอง 4. เจำ้ ของอำนำจอธิปไตย 66. หลกั กำรใดสอดคลอ้ งกบั กำรปกครองแบบประชำธิปไตย 1. หลกั เอกภำพ 2. หลกั นิติธรรม 3. หลกั เหตุผลแห่งรัฐ 4. หลกั กำรกระจำยอำนำจ 67. กิจกรรมใดเป็นอำนำจของฝ่ ำยบริหำร 41
1. กำรประกำศสงครำม 2. กำรตรำพระรำชกำหนด 3. กำรยบุ สภำผแู้ ทนรำษฎร 4. กำรแต่งต้งั ตุลำกำรศำลปกครอง 68. กำรจดั ต้งั เอเปก (APEC) ทำใหป้ ระเทศไทยมีควำมสมั พนั ธ์ทำงเศรษฐกิจกบั ประเทศใดมำกข้ึน 1. อินเดีย 2. กมั พชู ำ 3. เกำหลีใต้ 4. ออสเตรเลีย 69. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2540 และ 2550 กำหนดเร่ืองใดไวต้ รงกนั 1. ที่มำของสมำชิกวฒุ ิสภำ 2. ขนำดของคณะรัฐมนตรี 3. ผดู้ ำรงตำแหน่งประธำนรัฐสภำ 4. จำนวนสมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎร 70. ตำมรัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พทุ ธศกั รำช 2550 กลุ่มบุคคลใดมีสิทธิเสนอร่ำงพระรำชบญั ญตั ิ 1. รัฐมนตรี 10 คน 2. สมำชิกวฒุ ิสภำ15คน 3. ผมู้ ีสิทธิเลือกต้งั 10,000 คน 4. สมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎร 20 คน 71. กำรบริหำรจดั กำรทรัพยำกรโดยวิธีใดไม่เปิ ดโอกำสใหป้ ระชำชนแสดงออกถึงควำมตอ้ งกำรของตนเอง 1. กำรใชร้ ะบบตลำด 2. กำรอำศยั กลไกรำคำ 3. กำรตดั สินใจของรัฐบำล 4. กำรวำงแผนจำกส่วนกลำง 72. กำรผลิตในขอ้ ใดเป็นกำรผลิตข้นั ทุติยภูมิ 1. กำรทอผำ้ ไหม 2. กำรทำเหมืองแร่ 3. กำรขนส่งทำงน้ำ 4. กำรทำผลไมก้ ระป๋ อง 73. ปัจจยั ขอ้ ใดมีอิทธิพลต่อกำรตดั สินใจซ้ือปลำทบั ทิมของผบู้ ริโภค 1. รำคำปลำนิล 2. รำยไดท้ ี่ไดร้ ับ 3. จำนวนผขู้ ำยปลำ 4. บริกำรปรุงสุกพร้อมบริโภค 74. มำตรกำรของนโยบำยกำรคลงั ขอ้ ใดเป็นกำรกระตุน้ ภำวะเศรษฐกิจ 1. เพิ่มเงินคงคลงั 2. เพิ่มรำยจ่ำยเงินโอน 3. ลดอตั รำภำษีมูลค่ำเพมิ่ 4. ลดกำรลงทุนแขง่ กบั เอกชน 75. กำรปฏิบตั ิตนตำม “ทฤษฎีใหม่” ทำใหเ้ กิดประโยชนอ์ ยำ่ งไร 1. พ่งึ ตนเองได้ 2. มีที่ดินเป็นของตนเอง 3. มีฐำนะเศรษฐกิจมงั่ คงั่ 4. เกิดควำมสำมคั คีในชุมชน 76. ขอ้ ใดไม่ใช่ วตั ถุประสงคข์ องรัฐบำลในกำรเขำ้ แทรกแซงกลไกรำคำ 1. เพ่ือช่วยเหลือผผู้ ลิต 2. เพอ่ื ช่วยเหลือผบู้ ริโภค 3. เพ่อื ใหร้ ำคำดุลยภำพต่ำลง 4. เพือ่ ใหต้ ลำดสินคำ้ อยใู่ นภำวะสมดุล 42
77. พ่อคำ้ ไทยส่งน้ำตำลทรำยออกไปขำยต่ำงประเทศมูลค่ำ 500 ลำ้ นบำท รำยกำรดงั กล่ำวรวมอยใู่ นดุลขอ้ ใด 1. ดุลกำรคำ้ 2. ดุลบญั ชีรำยได้ 3. ดุลบญั ชีเดินสะพดั 4. ดุลบญั ชีทุนเคลื่อนยำ้ ยสุทธิ 78. กองทุนกำรเงินระหวำ่ งประเทศใหป้ ระเทศสมำชิกกยู้ มื เงินเพื่อนำไปแกป้ ัญหำใด 1. ดุลกำรชำระเงินขำดดุลมำก 2. เงินคงคลงั ของรัฐบำลลดลงมำก 3. เงินสำรองระหวำ่ งประเทศต่ำมำก 4. หน้ีสำธำรณะของรัฐบำลเพม่ิ ข้ึนมำก 79. ถำ้ รัฐบำลจำเป็นตอ้ งต้งั งบประมำณแบบขำดดุล รัฐบำลก่อหน้ีไดโ้ ดยวิธีใด 1. ออกตว๋ั เงินคลงั ขำยเอกชน 2. ออกพนั ธบตั รขำยประชำชน 3. กเู้ งินระยะยำวจำกต่ำงประเทศ 4. กเู้ งินระยะส้นั จำกสถำบนั กำรเงินในประเทศ 80. ขอ้ ใดเป็นเครื่องช้ีระดบั กำรพฒั นำเศรษฐกิจของประเทศ 1. อตั รำเงินเฟ้อ 2. อตั รำผไู้ ม่รู้หนงั สือ 3. ค่ำเงินของประเทศ 4. ผลิตภณั ฑม์ วลรวมท่ีแทจ้ ริงเฉลี่ย 81. พีระมิดในอำรยธรรมอียปิ ตส์ ร้ำงข้ึนเพือ่ วตั ถุประสงคใ์ ด 1. ใชเ้ ป็นศำสนสถำน 2. ใชเ้ ป็นสถำนท่ีเกบ็ พระศพฟำโรห์ 3. แสดงถึงควำมเช่ือในเร่ืองกำรฟ้ื นคืนชีพ 4. แสดงถึงอำนำจและควำมมน่ั คงของอำณำจกั ร 82. เรื่องใดเป็นหลกั ฐำนประเภทตำนำน 1. สังคีติยวงศ์ 2. ทำ้ วแสนปม 3. มงั รำยศำสตร์ 4. ไตรภูมิพระร่วง 83. รูปแบบใดเป็นสถำปัตยกรรมของยโุ รปในสมยั กลำง 1. Gothic 2. Baroque 3. Neo-classic 4. Romanesque 84. จกั รวรรดิอินเดียไดร้ ับอิทธิพลทำงศิลปะดำ้ นใดจำกกรีกและเปอร์เซีย 1. จิตรกรรม 2. นำฏกรรม 3. ประติมำกรรม 4. สถำปัตยกรรม 43
85. กำรปฏิวตั ิอุตสำหกรรมระยะท่ี 1 เก่ียวขอ้ งกบั พลงั งำนใด 1. ไอน้ำ 2. น้ำมนั 3. ถ่ำนหิน 4. แรงงำนคนและสตั ว์ 86. สงครำมใดเกิดข้ึนในยคุ สงครำมเยน็ 1. สงครำมเกำหลี 2. สงครำมเวียดนำม 3. สงครำมอ่ำวเปอร์เซีย 4. สงครำมระหวำ่ งอินเดียและปำกีสถำน 87. หมอบรัดเลยม์ ีผลงำนเผยแพร่วิทยำกำรตะวนั ตกในดำ้ นใด 1. กำรช่ำง 2. กำรพิมพ์ 3. กำรแพทย์ 4. กำรทำแผนที่ 88. สินคำ้ ส่งออกท่ีสำคญั ของไทยภำยหลงั กำรลงนำมในสนธิสญั ญำเบำวร์ ิง นอกจำกขำ้ วแลว้ ยงั ประกอบดว้ ยสินคำ้ ชนิดใด 1. ดีบุก 2. ไมส้ ัก 3. ของป่ ำ 4. น้ำตำลทรำย 89. เหตกุ ำรณ์ใดไม่ ไดเ้ กิดข้ึนในรัชสมยั พระบำทสมเด็จพระมงกฎุ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั 1. กำรเร่ิมเกบ็ เงินรัชชูปกำร 2. กำรเขำ้ ร่วมในสงครำมโลกคร้ังท่ี 1 3. กำรประกำศใชพ้ ระรำชบญั ญตั ิเกณฑท์ หำร 4. กำรสร้ำงดุสิตธำนีเป็นเมืองประชำธิปไตยจำลอง 90. ภำยหลงั สงครำมโลกคร้ังท่ี 1 ไทยขอใหม้ ีกำรแกไ้ ขสนธิสัญญำเบำวร์ ิงในเร่ืองใด 1. เขตแดน 2. ภำษีอำกร 3. คนในบงั คบั ต่ำงชำติ 4. สิทธิสภำพนอกอำณำเขต 91. ในประเทศไทยมีกำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกภูมิประเทศแบบภูเขำไฟอยำ่ งไร 1. ทำนำ 2. ปลูกพชื ไร่ 3. ทำบ่อพลอย 4. นำหินภูเขำไฟมำยอ่ ยเป็นวสั ดุก่อสร้ำง 92. เหตใุ ดดินอินทรียจ์ ึงไม่ เหมำะสมสำหรับกำรปลูกพชื เศรษฐกิจ 1. ระบำยน้ำเร็ว เกบ็ น้ำไม่อยู่ 2. ขำดสำรอำหำรบำงชนิดรุนแรง 3. มีช้นั หินพ้นื ในระดบั ต้ืนกวำ่ คร่ึงเมตร 4. เม่ือแหง้ มกั เกิดไฟป่ ำและยบุ ตวั ในบำงคร้ัง 93. ขอ้ ใดกล่ำวถูกตอ้ งเก่ียวกบั เส้นเมริเดียน 1. ยำวเท่ำกนั ทุกเส้น 2. สอบเขำ้ หำกนั ที่ข้วั โลก 44
3. ยำวท่ีสุดบริเวณศูนยส์ ูตร 4. แบ่งโลกออกเป็น 2 ซีกเท่ำๆ กนั 94. ใครใชเ้ ครื่องมือหำขอ้ มูลภูมิคำสตร์ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม 1. สมศรีใช้ anemometer วดั ปริมำณน้ำฝนในหมู่บำ้ น 2. สมศกั ด์ิใช้ barometer วดั อุณหภูมิภำยในหอ้ งเรียน 3. สมชำยใช้ stereoscope มองภำพสำมมิติในรูปถ่ำยทำงอำกำศ 4. สมหญิงใช้ planimeter หำพ้นื ท่ีของจงั หวดั ในแผนที่ 1 : 250,000 95. ขอ้ ใดเป็นเคร่ืองมือทำงภูมิศำสตร์ประเภทใหข้ อ้ มูล 1. แผนท่ี 2. กลอ้ งวดั ระดบั 3. ภำพจำกดำวเทียม 4. เครื่องยอ่ ขยำยแผนที่ 96. พลงั งำนหมุนเวยี นประเภทใดควรมีกำรพฒั นำในชนบทเพื่อแกป้ ัญหำกำรขำดแคลนพลงั งำน 1. พลงั งำนไฟฟ้ำ 2. พลงั งำนชีวมวล 3. พลงั งำนแสงอำทิตย์ 4. พลงั งำนควำมร้อนใตพ้ ภิ พ 97. กำรสร้ำงสรรคว์ ฒั นธรรมในขอ้ ใดเป็นกำรใชป้ ระโยชนจ์ ำกสิ่งแวดลอ้ ม 1. กำรทำนำปี 2. กำรจุดบ้งั ไฟ 3. กำรทำนำเกลือ 4. กำรแห่นำงแมว 98. กำรกระทำของใครส่งผลดีต่อกำรอนุรักษส์ ่ิงแวดลอ้ ม 1. แตม้ เล้ียงไก่บนบ่อปลำ 2. ต้มั ทำไร่หมุนเวยี นบนลำดเขำ 3. ตอ้ มช่วยเพื่อนบำ้ นสร้ำงฝำยชะลอน้ำในลำหว้ ยใกลห้ มู่บำ้ น 4. ตุม้ ใชท้ ฤษฎีใหม่ในกำรจดั กำรพ้นื ท่ีถือครองทำงกำรเกษตร 99. ขอ้ ใดสอดคลอ้ งกบั หลกั กำร recycle 1. กำรเพำะพนั ธุส์ ัตวป์ ่ ำหำยำก 2. กำรเลือกตดั ตน้ ไมใ้ นป่ ำปลูก 3. กำรบำบดั น้ำเสียก่อนนำมำใช้ 4. กำรนำแกลบไปเป็นส่วนผสมในเช้ือเพลิงพลงั งำนสูง 100. ขอ้ ใดเป็นกำรใชท้ รัพยำกรเพ่ือกำรพฒั นำท่ียง่ั ยนื 1. กำรปลูกป่ ำชำยเลน 2. กำรสร้ำงเขื่อนอเนกประสงคใ์ นพ้ืนที่แหง้ แลง้ 3. กำรนำกล่องนมท่ีด่ืมแลว้ ไปแปรรูปเป็นโตะ๊ เกำ้ อ้ี 4. กำรร่วมมือกบั ประเทศเพอ่ื นบำ้ นในกำรพฒั นำแหล่งพลงั งำนอยำ่ งกวำ้ งขวำง 45
เฉลยข้อสอบ ชุดท่ี 1 แนวข้อสอบ O- NET วชิ าสังคมศึกษาม.4-6 ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. 3 ทรรศนะเกี่ยวกบั ชีวิตมนุษยใ์ นชมพทู วีปเร่ืองควำมสุขและทุกขน์ ้นั แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มท่ีเช่ือวำ่ ควำมสุขและทุกขใ์ นชีวติ น้นั เกิดข้ึนเอง โดยไม่มีเหตุ ปัจจยั เช่น ลทั ธิมกั ขลิโคศำล กบั กลุ่มท่ีเชื่อวำ่ ควำมสุขและทุกขน์ ้นั มีเหตุปัจจยั เช่น พระพทุ ธศำสนำ 2. 1 หมอชีวกโกมำรภจั จเ์ ป็นเดก็ กำพร้ำท่ีอภยั รำชกมุ ำรเกบ็ มำเล้ียงเป็นลูกบญุ ธรรม และ โดนเดก็ ๆ ในวงั ลอ้ เลียนวำ่ เป็นลูกไม่มีพอ่ แต่ไม่ต่อลอ้ ตอ่ เถียง กลบั มุ่งขวนขวำย เอำชนะบุคคลเหล่ำน้นั ดว้ ยกำรศึกษำเล่ำเรียนวิชำแพทยจ์ นสำเร็จ และประกอบอำชีพ อยำ่ งมีคุณธรรม ขยนั ขนั แขง็ จนเป็นที่เคำรพของบุคคลทวั่ ไปได้ 3. 1 วภิ ำวำงเฉยเมื่อเพื่อนถูกดำเนินคดีในควำมผดิ ที่เขำก่อข้ึน สอดคลอ้ งกบั กศุ ลวติ ก ขอ้ อวหิ ิงสำวติ ก คือ ควำมนึกคิดที่ปลอดจำกกำรเบียดเบียน ไม่คิดร้ำย ไม่มุ่งทำลำย และปล่อยใหเ้ ป็นไปตำมครรลองคลองธรรม 4. 1 เปิ้ ลจดั รถไปรับและส่งท่ำนตำมเวลำท่ีนิมนต์ เป็นกำรปฏิบตั ิตนต่อพระสงฆไ์ ด้ ถูกตอ้ งเหมำะสมตำมหลกั กำรปฏิสนั ถำรต่อพระสงฆ์ โดยเพอ่ื อำนวยควำมสะดวก ในกำรเดินทำงแก่พระสงฆ์ 5. 3 วนั อฏั ฐมีบูชำ-ไตรลกั ษณ์ เป็นหลกั ธรรมที่สอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั วนั สำคญั ทำง พระพทุ ธศำสนำที่ถูกตอ้ ง เน่ืองจำกวนั อฏั ฐมีบูชำเป็นวนั คลำ้ ยวนั ถวำยพระเพลิง พทุ ธสรีระของพระพทุ ธเจำ้ ภำยหลงั กำรเสดจ็ ดบั ขนั ธ์ปรินิพพำน หลกั ธรรมท่ี พทุ ธศำสนิกชนควรพงึ ระลึกถึงเป็นเบ้ืองตน้ ไดแ้ ก่ ควำมไม่ประมำท ควำมไม่จีรัง ยงั่ ยนื ของชีวติ ตลอดจนสรรพส่ิงท้งั ปวง อนั เป็นส่วนหน่ึงของหลกั ไตรลกั ษณ์ที่ ประกอบดว้ ย อนิจจงั ทุกขงั และอนตั ตำ 6. 2 กำรเขำ้ ร่วมพิธีกรรมในวนั สำคญั ทำงพระพทุ ธศำสนำ เป็นกำรปฏิบตั ิตนเพ่ือธำรงไว้ ซ่ึงพทุ ธวฒั นธรรมท่ีเหมำะสมกบั สถำนภำพของนกั เรียนมำกท่ีสุด เนื่องจำกพธิ ีกรรม ต่ำงๆ แมม้ ิใช่แก่นแทข้ องพระพทุ ธศำสนำ หำกแตม่ ีบทบำทในกำรช่วยโอบอุม้ และ นอ้ มนำควำมศรัทธำของพทุ ธศำสนิกชนและบุคคลอื่นๆ ใหเ้ ขำ้ ถึงพระธรรมคำสอน 46
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ ได้ 7. 4 คริสตศ์ ำสนำเช่ือวำ่ มีพระเป็นเจำ้ องคเ์ ดียว แต่มี 3 พระบคุ คล ไดแ้ ก่ พระบิดำ เป็น ผสู้ ร้ำงโลกมนุษยแ์ ละสรรพสิ่ง พระบุตร เป็นพระเยซูคริสต์ และพระจิตเป็นพระเป็น เจำ้ ในฐำนะท่ีปรำกฏในจิตวญิ ญำณของมนุษย์ เพื่อเก้ือหนุนใหม้ นุษยม์ ีคุณธรรม ควำมดี 8. 4 หลกั ปฏิบตั ิ 5 ประกำรของศำสนำอิสลำมน้นั กำรประกอบพิธีฮจั ญเ์ ป็นบทบญั ญตั ิ เพียงขอ้ เดียวท่ีมิไดบ้ งั คบั แก่ชำวมุสลิมทุกคน แต่ผทู้ ่ีมีควำมพร้อมท้งั ดำ้ นสุขภำพและ ทุนทรัพยจ์ ะตอ้ งเดินทำงไปประกอบพิธีฮจั ญอ์ ยำ่ งนอ้ ย 1 คร้ังในชีวิต ที่นครมกั กะฮ์ ประเทศซำอุดีอำระเบีย 9. 4 พระพทุ ธศำสนำมิไดป้ ฏิเสธควำมตอ้ งกำรอนั เป็นเป้ำหมำยของมนุษยป์ ุถุชนทว่ั ไป เพยี งแต่ช้ีแนะวำ่ ไม่ควรยดึ มนั่ ถือมนั่ มำกเกินไป ถำ้ เรำตอ้ งกำรอะไรหรืออยำกเป็น อะไร กใ็ หใ้ ชค้ วำมพยำยำมใหเ้ ตม็ ที่และตอ้ งเป็นวธิ ีท่ีสุจริต แต่ไม่ควรอยำกไดอ้ ยำก มีเพรำะควำมยดึ มนั่ ถือมนั่ ดงั น้นั กำรท่ีปอใฝ่ ฝันอยำกเป็นแพทย์ แลว้ ต้งั ใจเรียนอยำ่ ง มำก จึงเป็นควำมพยำยำมท่ีสุจริต และไมไ่ ดค้ ิดวำ่ ตอ้ งเป็นแพทยเ์ พื่อควำมร่ำรวย แต่ เพอ่ื ช่วยชีวิตคน จึงมิใช่ควำมยดึ มน่ั ถือมนั่ ไม่ตกเป็นทำสของเงิน ไดส้ มั ผสั กบั “อิสรภำพ” ทำงจิตในระดบั ของปุถุชน 10. 4 ญำตตั ถจริยำ คือ พทุ ธจริยำเพื่อประโยชนแ์ ก่พระประยรู ญำติท้งั หลำย โดย พระพทุ ธเจำ้ ทรงสงเครำะห์ท้งั พระญำติฝ่ ำยศำกยวงศข์ องพระรำชบิดำและฝ่ ำยโกลิ ยวงศข์ องพระรำชมำรดำ เช่น เสดจ็ ไปโปรดพระรำชบิดำและพระประยรู ญำติที่กรุง กบิลพสั ดุห์ ลงั ตรัสรู้แลว้ เสดจ็ ข้ึนไปโปรดพระรำชมำรดำบนสวรรคช์ ้นั ดำวดึงส์ ทรงชกั นำใหข้ ตั ติยกมุ ำรจำกศำกยวงศอ์ อกบวช ทรงระงบั สงครำมแยง่ น้ำทำ กำรเกษตรในแม่น้ำโรหิณีระหวำ่ งศำกยวงศแ์ ละโกลิยวงศ์ เป็นตน้ 11. 2 หำกฆรำวำสมีควำมสงสยั ในหลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธศำสนำ สำมำรถหำ ควำมรู้เพ่มิ เติมไดโ้ ดยกำรอ่ำนหนงั สือหรือศึกษำจำกอินเทอร์เน็ต รวมท้งั สำมำรถ ซกั ถำมพระภิกษุสงฆไ์ ด้ เพรำะท่ำนเป็นผทู้ ี่ไดศ้ ึกษำและรอบรู้หลกั ธรรมมำกกวำ่ ชำวบำ้ นทวั่ ไป จึงช่วยคลำยขอ้ กงั ขำในพระธรรมแก่ฆรำวำสได้ สำหรับส่ิงอื่นที่ ฆรำวำสพึงกระทำต่อพระสงฆไ์ ด้ เช่น กำรถวำยอุปถมั ภด์ ว้ ยปัจจยั 4ไดแ้ ก่ อำหำร ยำ รักษำโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยอู่ ำศยั อนั เป็นปัจจยั สำคญั พ้ืนฐำนในกำรดำรงชีวติ กำรใหค้ วำมเคำรพต่อท่ำน เป็นตน้ ขอ้ 1, 3 และ 4 เป็นสิ่งท่ีฆรำวำสไม่ควรกระทำต่อ พระสงฆเ์ ป็นอยำ่ งยงิ่ เพรำะไม่ใช่กิจของสงฆแ์ ต่อยำ่ งใด 12. 2 กำรสวดมนตไ์ หวพ้ ระอยำ่ งสม่ำเสมอ มีคุณคำ่ และประโยชนม์ ำกมำย ไดแ้ ก่ 47
ข้อที่ เฉลย เหตุผลประกอบ 1. ช่วยใหจ้ ิตใจสงบ เยอื กเยน็ 2. ช่วยใหเ้ กิดควำมกระปร้ีกระเปร่ำ กระฉบั กระเฉง 3. เป็นส่วนหน่ึงของประเพณี พธิ ีกรรมท่ีดีของสงั คมไทย 4. กำรสวดมนตโ์ ดยรู้คำแปลและควำมหมำย ทำใหผ้ สู้ วดเกิดปัญญำ 5. เป็นกำรฝึกจิตใหม้ ีสมำธิ เพรำะขณะสวดมนตจ์ ะตอ้ งต้งั ใจและสำรวมใจให้ แน่วแน่ 13. 2 พรหมวิหำร 4 ประกอบดว้ ย เมตตำ กรุณำ มุทิตำ และอุเบกขำ บุปผำเห็นสุนขั จรจดั ถูกรถเฉี่ยวบำดเจบ็ จึงอุม้ ไปหำสัตวแพทย์ จดั เป็นควำมกรุณำ ซ่ึงหมำยถึง ควำม ปรำรถนำจะช่วยผอู้ ื่นใหพ้ น้ จำกควำมทกุ ขย์ ำกลำบำก ขอ้ 1. จดั เป็นหลกั ธรรมเร่ืองขนั ติ หรือควำมอดทน ขอ้ 3. จดั เป็นหลกั ธรรมเรื่องวิริยะ หรือควำมขยนั หมนั่ เพยี ร ในอิทธิบำท 4 ขอ้ 4. จดั เป็นหลกั ธรรมเรื่องหิริโอตตปั ปะ หิริ คือ ควำมละอำยต่อกำรทำบำป โอตตปั ปะ คือ ควำมเกรงกลวั ต่อผลของบำป 14. 2 หลงั จำกที่ชำวสิขผำ่ นพธิ ีปำหุลหรือพิธีลำ้ งบำปแลว้ จะรับเอำ ก ท้งั 5 ประกำรไวก้ บั ตน ไดแ้ ก่ 1. เกศ คือ กำรไม่ตดั ผล 2. กงั ฆำ คือ กำรมีหวีขนำดเลก็ เสียบผม 3. กฉำ คือ กำรใส่กำงเกงขำส้นั 4. กรำ คือ กำรใส่กำไลมือท่ีทำจำกเหลก็ 5. กิรปำน คือ กำรพกดำบ ขอ้ 1. ศูนยก์ ลำงของศำสนำสิขอยทู่ ี่รัฐปัญจำบ ประเทศอินเดีย ขอ้ 3. ศำสดำองคแ์ รกของศำสนำสิข คือ คุรุนำนกั ศำสดำองคส์ ุดทำ้ ย คือ คุรุโค วนิ ทสิงห์ ขอ้ 4. เป็นศำสนำที่เกิดข้ึนเพอ่ื ประนีประนอมระหวำ่ งศำสนำฮินดูและศำสนำ อิสลำม เนื่องจำกในช่วงเวลำน้นั ชำวฮินดูและชำวมุสลิมในอินเดียมี ควำมขดั แยง้ กนั อยำ่ งรุนแรง 15. 4 สนั ยสั ตำศรม อยใู่ นช่วงอำยุ 76 ปี ข้ึนไปเป็นอำศรมข้นั สุดทำ้ ยของชีวติ ผปู้ รำรถนำ จะบรรลุโมกษะหรือควำมหลุดพน้ จำกทุกข์ ตอ้ งออกบวชถือเพศพรหมจรรยต์ ลอด ชีวติ เรียกวำ่ “สนั ยำสี” สนั ยำสีจะบำเพญ็ สมำธิ พยำยำมแสวงหำโมกษะธรรมเพอ่ื จะ ไดท้ รำบชดั วำ่ ตนเป็นใคร พระพรหมเป็นใคร บำเพญ็ เพยี รตำมหลกั ศำสนำเพือ่ จุดหมำยปลำยทำงของชีวิต คือ โมกษะ 16. 2 พระพทุ ธศำสนำเป็นศำสนำแห่งเหตุผล เพรำะพระพทุ ธศำสนำเนน้ วำ่ ทุกส่ิงในโลก น้ี เกิดข้ึนมำเพรำะมีเหตุปัจจยั และเสื่อมสลำยไปเมื่อหมดเหตุปัจจยั ไม่มีส่ิงใดเกิด 48
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ ข้ึนมำเองหรือเกิดข้ึนมำลอยๆ หรือดบั สลำยไปเฉยๆ โดยไม่มีเหตุปัจจยั 17. 4 พระอำนนทเ์ ป็นพทุ ธอุปัฏฐำก ตอ้ งคอยปรนนิบตั ิรับใช้ พระพทุ ธเจำ้ อยำ่ งใกลช้ ิด ทำ ใหท้ ่ำนไม่มีเวลำบำเพญ็ เพียรทำงจิตเพ่อื มรรคผลนิพพำน แมว้ ำ่ ทำ่ นไดบ้ รรลุเป็น พระอริยบุคคลระดบั พีระโสดำบนั ต้งั แต่ตอนออกบวชใหม่ๆ แลว้ แต่ท่ำนกย็ งั มิได้ เป็นพระอรหนั ตด์ งั เช่นพระสำวกอ่ืน จนกระทงั่ ถึงคืนก่อนวนั เริ่มสงั คำยนำ พระไตรปิ ฎกคร้ังที่ 1 พระอำนนทจ์ ึงสำมำรถบำเพญ็ เพยี รจนบรรลุเป็นพระอรหนั ต์ ไดส้ ำเร็จ 18. 3 นิวรณ์ 5 คือ สิ่งที่กีดก้นั จิตมิใหบ้ รรลุควำมดี และขดั ขวำงจิตมิใหก้ ำ้ วหนำ้ ในกศุ ล ธรรม มี 5 ประกำร ดงั น้ี 1. กามฉันท์ หมำยถึง ควำมอยำกไดใ้ นกำมคุณท้งั 5 ไดแ้ ก่ รูป เสียง กล่ิน รส สมั ผสั 2. พยาบาท หมำยถึง ควำมคิดปองร้ำย คิดอำฆำตมำดร้ำย 3. ถนี มิทธะ หมำยถึง ควำมหดหู่เซ่ืองซึม ควำมง่วงเหงำหำวนอน 4. อทุ ธัจจกกุ กจุ จะ หมำยถึง ควำมฟ้งุ ซ่ำนและรำคำญ 5. วจิ กิ จิ ฉา หมำยถึง ควำมลงั เลสงสัย 19. 2 พระไตรปิ ฎก คือ คมั ภีร์ท่ีบนั ทึกคำสอนของพระพทุ ธเจำ้ มีอยู่ 3 ปิ ฎก ไดแ้ ก่ 1. พระวนิ ยั ปิ ฎก วำ่ ดว้ ยสิกขำบท (ศีล) ของภิกษุสงฆแ์ ละภิกษุณีสงฆ์ รวมถึง พธิ ีกรรมต่ำงๆ 2. พระสุตตนั ตปิ ฎก วำ่ ดว้ ยเทศนำของพระพทุ ธเจำ้ และพระสำวกสำคญั ท่ี แสดงแก่บุคคลต่ำงๆ ตำมวำระโอกำส เป็นรูปคำสนทนำบำ้ ง คำบรรยำยบำ้ ง เป็นร้อยแกว้ บำ้ ง ร้อยกรองบำ้ ง กล่ำวถึงบุคคลและเหตุกำรณ์ 3. พระอภิธรรมปิ ฎก วำ่ ดว้ ยหลกั ธรรมต่ำงๆ ที่อธิบำยในแง่วชิ ำกำรลว้ นๆ ไม่ เก่ียวกบั บุคคลและเหตกุ ำรณ์ 20. 4 พธิ ีศีลมหำสนิทหรือพธิ ีมิสซำ เป็นพิธีที่สืบเน่ืองมำจำกกำรเล้ียงพระกระยำหำรค่ำ ม้ือสุดทำ้ ย (The Last Supper) ของพระเยซูคริสตก์ บั สำวก 12 องค์ วตั ถุประสงคข์ อง พธิ ีน้ี เพื่อระลึกถึงชีวิตและคำสอนของพระองค์ รวมถึงเพ่ือใหเ้ ลือดเน้ือของชำวคริสต์ และเลือดเน้ือของพระเยซูคริสตเ์ ป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ชำวคริสตจ์ ะประกอบพิธีน้ี ร่วมกนั ในโบสถท์ ุกวนั อำทิตย์ โดยตอ้ งอดอำหำรก่อน 1 ชวั่ โมง แลว้ จึงสวดบทสวด ต่ำงๆ ตำมท่ีกำหนด เมื่อถึงเวลำรับศีลกเ็ ดินไปคุกเขำ่ หรือยนื ที่โตะ๊ แลว้ รับขนมปัง ซ่ึงแทนพระวรกำยของพระเยซูคริสตแ์ ละเหลำ้ องุ่นซ่ึงแทนพระโลหิตของพระเยซู 49
ข้อท่ี เฉลย เหตุผลประกอบ คริสตม์ ำรับประทำน 21. 2 เพรำะมนุษยม์ ีควำมสำมำรถทำงสมองสูงกวำ่ สตั วอ์ ่ืนๆ ซ่ึงกำรท่ีมนุษยม์ ีสมองท่ีเป็น เลิศยอ่ มทำใหม้ นุษยม์ ีกำรคิดคน้ และพฒั นำองคค์ วำมรู้ ซ่ึงจะตอ้ งมีกำรติดต่อส่ือสำร กนั ระหวำ่ งบุคคล เพ่ือถ่ำยทอดหรือแลกเปล่ียนองคค์ วำมรู้ต่ำงๆ กำรอยรู่ ่วมกนั จึง เป็ นส่ิงจำเป็ นสำหรับมนุษย์ 22. 3 เพรำะครอบครัวคือสถำบนั ที่ใหก้ ำเนิดมนุษยใ์ นสงั คม และมีหนำ้ ที่ในกำรอบรมบ่ม นิสัยปลูกฝังแบบแผนท่ีดีของสงั คม รวมถึงถ่ำยทอดองคค์ วำมรู้ต่ำงๆ แก่สมำชิกของ ครอบครัว จึงถือเป็นสถำบนั ทำงสงั คมท่ีมีควำมสำคญั ท่ีสุด 23. 4 เพรำะสถำบนั กำรเมืองกำรปกครองมีหนำ้ ท่ีหลกั ในกำรสร้ำงควำมมนั่ คงและรักษำ สิทธิประโยชนข์ องประเทศชำติ โดยมีกำรวำงนโยบำยตำ่ งๆ ท่ีจะเป็นประโยชนแ์ ก่ ประชำชน และดำเนินกำรตำมนโยบำยที่วำงไวใ้ หป้ ระสบผลสำเร็จ 24. 1 เพรำะสถำนภำพสมั ฤทธ์ิคือสถำนภำพท่ีไดม้ ำดว้ ยควำมรู้ควำมสำมำรถของบุคคลผู้ น้นั ซ่ึงกำรที่แกว้ ไดเ้ ลื่อนตำแหน่งกม็ ำจำกกำรท่ีแกว้ ใชค้ วำมรู้ ควำมสำมำรถของตน เพอ่ื ควำมกำ้ วหนำ้ ในอำชีพกำรงำน ส่วนในขอ้ อื่นๆ เป็นสถำนภำพท่ีติดตวั มำแต่ กำเนิด 25. 3 เพรำะกำรรำโนรำเป็นวฒั นธรรมของภำคใตท้ ี่มำจำกควำมเช่ือในหลกั คำสอนทำง พระพทุ ธศำสนำ และมีกำรผสมผสำนกบั ควำมเช่ือจำกศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู ส่วน ในขอ้ อื่นเป็นวฒั นธรรมของภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือท้งั สิ้น 26. 4 เพรำะวฒั นธรรมต่ำงชำติน้นั มีควำมหลำกหลำยซ่ึงหำกเรำเลือกวฒั นธรรมท่ีเป็น ประโยชนแ์ ละสำมำรถนำมำปรับใชใ้ นสงั คมไทยได้ กจ็ ะช่วยใหก้ ำรดำเนินชีวิตของ เรำมีควำมสุข 27. 2 เพรำะในปัจจุบนั ในโลกสำกลใชอ้ ินเทอร์เน็ตเป็นส่ือกลำงในกำรติดต่อสื่อสำรกนั อยำ่ งแพร่หลำย เนื่องจำกสำมำรถติดต่อสื่อสำรกนั ไดท้ วั่ ทุกมุมโลก ประหยดั เวลำ และค่ำใชจ้ ่ำย อีกท้งั ยงั เป็นแหล่งรวบรวมขำ่ วสำรขอ้ มูลที่เป็นประโยชนต์ ่อกำร ดำเนินชีวติ 28. 1 เพรำะในฐำนะท่ีเรำเป็นลูก หนำ้ ท่ีหลกั ของเรำคือกำรเช่ือฟังคำสงั่ สอนของพอ่ แม่ ต้งั ใจศึกษำหำควำมรู้ และช่วยแบ่งเบำภำระของพอ่ แม่เท่ำท่ีเรำจะทำได้ 29. 3 เพรำะกำรที่สมำชิกในชุมชนทุกคนใหค้ วำมสำคญั ต่อกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ ชุมชนยอ่ มส่งผลใหช้ ุมชนมีควำมเขม้ แขง็ และพฒั นำ สมำชิกของชุมชนกส็ ำมำรถอยู่ ร่วมกนั ไดอ้ ยำ่ งมีควำมสุข และมีคุณภำพชีวิตท่ีดี 50
Search