2. เปลยี่ นรปู รา่ ง (Distortion) 2.4 บวมตัว (Upheaval or swell) สาเหตุความเสียหาย เกิด จากการความช้ืนของน้าใน โครงสรา้ งทาง ทาให้เกิดการยบุ ตัว บวมตัว และขยายตัว ของชั้นโครงสร้างทางและผิวทาง (Expansion Soil) ความเสียหายประเภทนี้มลี กั ษณะยุบตวั เปน็ แอ่งและบวม ตัวในบรเิ วณเดียวกนั วธิ กี ารซอ่ ม โดยวิธกี ารขุดซ่อม 101
3. หลดุ รอ่ น (Disintegration) ลกั ษณะความเสียหายที่เกิดจากการเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งของผวิ ทางทพี่ ัฒนามาจากรอยแตกร้าวหรือจาก การขัดสีของยานพาหนะ สามารถพบเหน็ ได้งา่ ย ได้แก่ หลุมบอ่ และผวิ ทางสึกกร่อน วธิ ีการซ่อม โดยวธิ ีการปะซ่อม (เสียหายไมม่ าก) , ขดุ ซอ่ ม (เสียหายหนกั ) 102
3. หลุดรอ่ น (Disintegration) 3.1 หลุมบอ่ (Pot Holes) สาเหตุความเสียหาย เป็นลักษณะความเสี ยหายท่ี พัฒนามาจากรอยแตกร้าวในลักษณะต่างๆ หรือผิว ทางมคี วามหนาไม่เหมาะสมต่อการใชง้ าน จนเกิดเป็นหลุมบ่อในขนาดแตกต่างกัน บางหลุมมี ความเสียหายลกึ ถงึ ชน้ั พ้ืนทาง วธิ กี ารซอ่ ม โ ด ย วิ ธี ก า ร ป ะ ซ่ อ ม ( เ สี ย ห า ย ไ ม่ ม า ก ) , ขุ ด ซ่ อ ม (เสียหายหนัก) 103
3. หลุดรอ่ น (Disintegration) 3.2 สึกกร่อน (Raveling or Weathering) สาเหตุความเสียหาย เกดิ จากการหลุดร่อนของมวลรวม ในผวิ ลาดยางจนผวิ ทางมีลักษณะเปน็ หน้าข้าวตงั ขรขุ ระ ไม่เรยี บ วิธกี ารซ่อม โดยวธิ ปี ะซอ่ ม ,ฉาบผิวทางใหม(่ กรณีกายภาพยังอยู่ใน สภาพดี) 104
4. ผิวทางเปล่ียนคณุ สมบัติ (Surface Defect) ผิวทางลาดยางมีลักษณะทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป ไม่สามารถใชง้ านไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีออกแบบไว้ หรือเป็น เหตุให้เกดิ อันตรายตอ่ ผูใ้ ช้เส้นทางในการสัญจร โดยท่วั ไปความเสียหายลกั ษณะนี้มี 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ผิวทาง เย้ิม และผวิ ทางถกู ขัดสี 105
4. ผวิ ทางเปล่ียนคุณสมบัติ (Surface Defect) 4.1 ผิวทางเยม้ิ (Bleeding) สาเหตคุ วามเสียหาย มีสาเหตุจากส่วนผสมของยางผิว ทางแอสฟลั ตค์ อนกรีตขณะก่อสร้างมากเกินไป หรือ ลาดยางไพรม์โคท/แทคโคท มากเกินไป หรือการใช้ แอสฟลั ตเ์ กรดอ่อนเกินไป จนทาให้ยางแอสฟัลต์ไหล เย้ิมขึ้นบนผวิ ทางในบรเิ วณสภาพแวดล้อมทีม่ ีอุณหภมู ิ สูง วิธกี ารซ่อม โดยวิธีการฉาบผิวทางใหม่ 106
4. ผิวทางเปลีย่ นคุณสมบัติ (Surface Defect) 4.2 ผวิ ทางถกู ขดั สี (Polished aggregate) สาเหตคุ วามเสียหาย เกดิ จากการขัดสีของผิวทาง และยานพาหนะจนผิวทางเกิด ก าร สึ ก ก ร่อ น เป็น มัน เงา และลื่น วธิ กี ารซ่อม โดยวธิ กี ารฉาบผวิ ทางใหม่ 107
ความเสยี หายอ่ืนๆ (Miscellaneous Distress) เกิดเหตลุ อบวางระเบิดใน สายทาง ยล. 3008 แยก ทล. 410 - บา้ นสะเอ๊ะ อ. บันนังสตา จ. ยะลา บรเิ วณ ชว่ ง กม. 4+400 ถนนชารุด การก่อการร้าย 108
กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม Departmentof Rural Roads One Transport งานบารงุ ปกติผิวทางคอนกรีต 109
วิธีการแกไ้ ขงานบารุงปกติผวิ ทางคอนกรตี การเลือกวิธีการซอ่ มบารุงถนนคอนกรตี จะตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั ความเสียหายแตล่ ะประเภทเพื่อใหถ้ นนมสี ภาพการ ใช้งานทีต่ ลอดเวลาและปอ้ งกนั ความเสียหาย วิธกี ารซ่อมบารุงถนนคอนกรีต มีรายละเอยี ด ดังนี้ • การอุดซอ่ มรอยแตก (Crack Filling) • การเปลยี่ นวัสดยุ าแนวรอยตอ่ ชนิดเทร้อน (Joint Resealing) • การปรบั ระดับผิวทางดว้ ยวัสดุแอสฟลั ต์ (Asphalt Leveling) • การซอ่ มแซมบางส่วนของความหนา (Partial - depth Repair) การอดุ รอยซอ่ มแตก การเปลีย่ นวสั ดุยาแนวรอยต่อชนดิ เทรอ้ น การปรับระดับผวิ ทางดว้ ยวสั ดแุ อสฟัลต์ การซอ่ มแซมบางสว่ นของความ110หนา
วิธีการแกไ้ ขงานบารงุ ปกติผวิ ทางคอนกรตี การอดุ ซ่อมรอยแตก (Crack Filling) หมายถงึ การซ่อมบารงุ เพ่ือปอ้ งกันความเสียหายของโครงสร้างถนนคอนกรีตโดยวธิ กี ารอดุ ซอ่ มรอยแตกบน ผิวถนนคอนกรตี ด้วยวสั ดยุ ารอยแตกชนิดเทร้อน เพื่อปอ้ งกันไม่ให้น้าซึมผ่านความเสียหายนั้นลงไปสู่ชั้นโครงสร้าง ด้านล่าง เป็นการซ่อมชั่วคราวสาหรับถนนคอนกรีตท่ีน้ าซึมผ่านชั้นผิวทางลง ไปทาลายความแข็งแรงของวัสดุ โครงสร้างถนนไปบ้างแล้ว 111
วิธีการซอ่ ม การอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) วตั ถุประสงค์ • เพื่อปอ้ งกันไมใ่ หน้ ้าซมึ ผา่ นความเสียหายนั้นลงสู่ชนั้ โครงสรา้ งดา้ นล่างอัน จะทาให้ความเสียหายลุกลามเพ่ิมมากขึ้น • เพ่ือเปน็ การซอ่ มช่ัวคราวสาหรบั ถนนคอนกรีตที่น้าซมึ ผา่ นชน้ั ผิวทางลงไป ทาลายความแข็งแรงของวัสดุโครงสร้างถนนไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ สามารถดาเนนิ การซอ่ มอยา่ งเต็มรูปแบบในขณะน้ันได้ เป็นการป้องไม่ให้ ความเสียเพิ่มมากข้นึ วสั ดุ การเตรยี มรอยแตก ข้นั ตอนดาเนนิ งาน • วัสดยุ ารอยต่อต้องเปน็ วสั ดุทีส่ ามารถ • ใช้เครือ่ งตัดรอยแตกตดั ตามรอยแตกให้ • ตัดวัสดุยารอยตอ่ ทอ่ี ยู่ในสภาพแข็งให้เปน็ ไหลแทรกซมึ เข้าไปในรพู รุนของ ความกว้างไมน่ อ้ ยกว่า 10 มลิ ลเิ มตร ช้นิ เลก็ ๆ คอนกรีตได้สงู • ใช้เคร่ืองฉีดน้าเครอ่ื งเปา่ ลมและแปรง • นาวสั ดยุ ารอยตอ่ ทต่ี ัดเปน็ ชิ้น ไปหลอม • วัสดุยาแนวรอยต่อชนดิ เทรอ้ นตอ้ งมี ลวดทาความสะอาดรอยแตก ละลายในถงั ตม้ และกวนไปเรื่อยๆ คุณสมบัตทิ นตอ่ น้ามันเช้อื เพลิงและ • ใช้เครื่องเปา่ ลมและเคร่ืองเปา่ แห้ง ไล่ฝุ่น • ใหย้ าหรือพ่นวสั ดยุ ารอยตอ่ ลงบนผิวหน้า น้ามันเคร่อื ง และความช้ืน เพราะฝนุ่ และความชนื้ ทาให้ รอยต่อทีส่ ะอาดและแห้ง • วสั ดุแอสฟลั ต์สามารถใช้ทดแทนวัสดุ การเกาะยดึ ระหว่างวัสดุยารอยแตกกบั • หยอดวสั ดยุ ารอยตอ่ ไปในรอยต่อโดยให้ ยารอยแตกชนดิ เทร้อนเปน็ การชว่ั คราว คอนกรตี ไม่แขง็ แรงเท่าที่ควร ระดับของวัสดุยารอยต่อตา่ กว่าขอบของ ได้ รอยต่อประมาณ 3 มิลลิเมตร • ปอ้ งกันไม่ใหร้ ถวิ่งผ่านจนกว่าวัสดุยา รอยตอ่ แข็งตวั 112
การอดุ ซ่อมรอยแตก (Crack Filling) 113
วธิ กี ารแกไ้ ขงานบารงุ ปกตผิ ิวทางคอนกรีต การเปลี่ยนวัสดยุ าแนวรอยต่อชนดิ เทรอ้ น (Joint Resealing) หมายถึง การซ่อมบารุงเพ่ือปอ้ งกนั ความเสียหายของโครงสร้างถนนคอนกรตี โดยวิธีการอุดซ่อมรอยแตก บนผิวถนนคอนกรตี ดว้ ยวัสดยุ ารอยแตกชนดิ เทรอ้ นใหมแ่ ทน เพื่อปอ้ งกนั การแทรกซึมของน้าในรอยตอ่ ปอ้ งกันไมใ่ ห้ วสั ดุอ่ืนๆ แทรกซึมลงในรอยตอ่ เปน็ สาเหตุใหเ้ กิดความเสียหาย เช่น การแตกกะเทาะท่ีรอยตอ่ 114
วธิ ีการซ่อม การเปล่ยี นวสั ดุยาแนวรอยต่อชนิดเทร้อน (Joint Resealing) วตั ถุประสงค์ • เพื่อป้องกนั การแทรกซมึ ของน้าในรอยตอ่ • เพื่อป้องกนั ไมใ่ หว้ ัสดุอ่ืนๆแทรกซมึ ลงในรอยตอ่ ซงึ่ เป็นสาเหตุให้เกดิ ความ เสยี หาย เช่น การแตกกะเทาะทร่ี อยตอ่ และการแตกหกั ของแผ่นพ้ืนคอนกรีต เน่อื งจากการโกง่ ตวั วัสดุ ข้นั ตอนการดาเนินงาน • วัสดุยารอยตอ่ ต้องเป็นวัสดุที่สามารถไหล • การเตรยี มรอยต่อ ใชเ้ ครือ่ งขดุ วสั ดยุ า แทรกซึมเขา้ ไปในรพู รุนของคอนกรตี ไดส้ ูง รอยต่อที่อุดอยใู่ นรอยต่อจนหมดเครอื่ งฉดี นา้ เคร่อื งเปา่ ลมและแปรงลวดทาความสะอาด • วัสดุยาแนวรอยตอ่ ชนดิ เทรอ้ นต้องมี รอยแตกใชเ้ คร่ืองเปา่ ลมและเครือ่ งเป่าแห้ง คณุ สมบตั ทิ นต่อนา้ มันเชอื้ เพลงิ และ ไล่ฝุ่นและความช้ืน นา้ มันเคร่อื ง • การเตรยี มวัสดยุ ารอยต่อ ตดั วสั ดยุ ารอยต่อ ที่อยใู่ นสภาพแข็งใหเ้ ปน็ ชนิ้ เลก็ ๆนาวัสดุยา รอยต่อที่ตดั เปน็ ชนิ้ ไปหลอมละลายในถงั ตม้ และกวนไปเรอื่ ยๆจนละลายทง้ั หมด • การยาแนวรอยต่อ ให้ยาหรือพ่นวสั ดุยา รอยต่อลงบนผิวหนา้ รอยตอ่ ทส่ี ะอาด และแห้ง ปริมาณของวสั ดุยารอยต่อตอ้ งไมม่ ากเกินไป จากน้นั ทง้ิ ให้แหง้ 115
การเปลี่ยนวสั ดยุ าแนวรอยตอ่ ชนดิ เทร้อน (Joint Resealing) 116
วธิ ีการแก้ไขงานบารุงปกตผิ วิ ทางคอนกรตี การซอ่ มแซมบางส่วนของความหนา (Partial - depth Repair) หมายถึง การซ่อมแซมความเสี ยหายของผิวถนนคอนกรีตเน่ืองจากการกะเทาะของเนื้อคอนกรีต โดยซอ่ มแซมที่ความเสียหายลกึ ไม่เกิน 1 ใน 3 ของความหนา ทั้งตามยาวและตามขวาง หรือบริเวณกลางแผ่นคอนกรีต ซึ่งมวี ิธีซ่อมต่างกนั เพ่ือปรับปรุงขอบรอยต่อแผ่นพื้นคอนกรตี และซอ่ มแซมหลมุ บอ่ ให้เรียบไมเ่ กิดการสะดดุ ในการขบั ข่ี เตรียมพ้ืนที่ การผสม การเท แต่งหน้าผิวคอนกรตี กาหนดขอบเขต 117
วิธีการซอ่ ม การซ่อมแซมบางส่วนของความหนา (Partial - depth Repair) วตั ถุประสงค์ • เพื่อปรับปรงุ ขอบรอยต่อแผ่นพื้นคอนกรีตให้เรยี บไม่เกิดการสะดดุ ในการขับข่ี • เพื่อซ่อมแซมหลุมบ่อบรเิ วณแผน่ พ้ืนคอนกรตี วัสดุ ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน • วสั ดคุ อนกรตี ไดแ้ ก่ คอนกรีตทม่ี ีคณุ สมบตั ทิ างกายภาพ • การเตรียมพ้ืนท่สี าหรับซ่อมแซม ตรวจสอบความ เทยี บเท่าหรอื ดกี วา่ คอนกรตี เดมิ เสยี หายของคอนกรตี โดยการใช้แท่งเหล็กเคาะ หรือโซ่ลากไปตามผิวหนา้ คอนกรีต กากเกดิ เสยี ง • วัสดปุ ระสานคอนกรตี ได้แก่ วสั ดปุ ระเภทน้ายาประสาน กังวารแสดงวา่ อยใู่ นสภาพดี คอนกรตี สาหรับคอนกรีตเกา่ และใหม่ใหย้ ึดติดกัน • กาหนดขอบเขตของพื้นทีซ่ อ่ มแซมโดยใชส้ ีสเปรย์ • วสั ดสุ าหรับบ่มคอนกรีต ได้แก่ กระสอบและวสั ดปุ ระเภท ทาให้มองเห็นชดั เจน สกัดคอนกรีตทเ่ี สยี หาย Liquid-membrane-Foaming Curing Compound ติดตง้ั แบบเพ่ือเปน็ ฉากก้ัน • วสั ดุยาแนวรอยตอ่ ผิวคอนกรีต • การผสม การเท การแตง่ ผิวหนา้ และการบ่ม คอนกรีต เทคอนกรตี ลงในพื้นทซ่ี ่อมแซม จหี้ รอื กระทงุ้ คอนกรีตสดให้แนน่ เพ่ือปอ้ งกันการเกิด 118 โพรง • แต่งหนา้ ผิวคอนกรตี ให้ไดร้ ะดบั เดยี วกับผวิ คอนกรตี เดิม
วิธีการซอ่ ม การปรบั ระดับผวิ ทางดว้ ยวัสดุแอสฟลั ต์ (Asphalt Leveling) วตั ถุประสงค์ • เพื่อปรับแกร้ ูปทรงทางเรขาคณิตให้ไดม้ าตรฐาน เช่น ความลาดเอียงตาม ขวางและตามยาวของถนน ปรบั ปรงุ ความราบเรยี บของการขับขี่ และปรบั ระดับผิวถนนที่ทรุดตวั เป็นแอง่ หรือผิวหลดุ ร่อน • เพ่ือเสรมิ เพ่ิมความแขง็ แรงใหแ้ กโ่ ครงสร้างถนนเดิม เป็นการยืดอายุการใช้ งานของถนน วัสดุ ข้นั ตอนการดาเนินงาน • ยาง Tack Coat ใชส้ าหรับเช่อื มประสานผิวทางเดิม • กาหนดขอบเขตใหค้ รอบคลมุ พื้นท่ี • ทาความสะอาดพ้ืนทเ่ี สยี หายดว้ ยเครื่องเปา่ ลม กบั วัสดผุ สมเสร็จใชไ้ ด้ท้ังคตั แบก็ แอสฟัลต์หรอื • กรณใี ชว้ สั ดุผสมเยน็ ทาความสะดาดหนิ ผสมและ แอสฟลั ตอ์ มิ ัลชัน • วสั ดผุ สมเสรจ็ - นาไปผสมกบั ยางแอสฟลั ต์ - ชนิด • พ่นยางTack Coat ให้คลมุ พื้นท่ี ชนิดผสมรอ้ น • ปูวัสดุผสมเสร็จและเกลี่ยปรับระดับ ผสมเยน็ • บดทบั ผวิ ทางด้วยรถบดยาง/ลอ้ เหลก็ หรือเคร่ือง ตบส่นั สะเทอื น • ทาความสะอาดพื้นท่ี 119
การปรับระดบั ผิวทางด้วยวสั ดุแอสฟลั ต์ (Asphalt Leveling) 120
ลักษณะความเสยี หายผิวทางคอนกรีต (คสล.) ความเสียหายของถนน คสล. ทพ่ี บเหน็ เกิดจากการเส่อื มสภาพของคอนกรีตที่เกิดจากส่วนผสมของคอนกรีตไม่ เหมาะสม (มคี วามแขง็ แกร่งทนทานไม่เพียงพอ หรอื สกปรก) หรอื เกดิ จากการบดิ ตัวของแผน่ คอนกรีตที่อุณหภูมิแตกต่าง กัน จนคอนกรตี ไมส่ ามารถรับนา้ หนกั บรรทุกได้ ทาให้เกิดรอยแตกร้าวหรือแตกหัก หรือเกิดจากเกิดจากหลายๆ ปัจจัย ประกอบกนั ดงั นนั้ การซ่อมแซมถนน คสล. ท่ีเสียหายจาเป็นต้องเลอื กวธิ ีการซอ่ มให้ถูกต้องกบั สภาพความเสียหาย ลักษณะ ความเสยี หายที่พบเห็นทวั่ ไป ประกอบด้วย 1. การโก่งตัวของแผน่ พื้น (Blow up or Buckling) 8. รอยปะซอ่ มท่ีเสียหาย (Bad Patching) 2. รอยแตกตามมมุ (Corner Breaks) 9. ผวิ ทางล่ืน (Polished Aggregate) 3. แผน่ พ้ืนแตกและแยกตัว (Divided Slab) 10. การอดั ทะลักของน้าใต้แผ่นพื้น(Pumping) 4. รอยแตกจากความคงทนของวัสดุ (Durability “D” Cracking) 11. ผิวทางหลุดรอ่ น (Scaling) 5. ทรุดตวั ต่างระดบั (Faulting) 12. รอยแตกจากการหดตวั (Shrinkage Cracks) 6. วสั ดุยารอยต่อหลดุ รอ่ น (Joint Seal Damage) 13. ผวิ ทางแตกกะเทาะ (Spalling) 7. รอยแตกตามแนวยาว (Linear Cracking) 121
1. ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรีต แบบ การโก่งตวั ของแผน่ พื้น (Blow up or Buckling) สาเหตุความเสียหาย สาเหตุจากการขยายตวั ของคอนกรตี ใน บรเิ วณที่ตาแหน่งหรือขนาดของรอยตอ่ เพ่ือ การขยายตวั ไมเ่ หมาะสม จนเกดิ แรงอดั และดนั ใหแ้ ผน่ พ้ืนโก่งงอแลว้ แตกหัก วธิ กี ารซอ่ ม ก า ร ซ่ อ ม แ ซ ม บ า ง ส่ ว น ข อ ง ค ว า ม ห น า (Partial- depth Repair) โดยทบุ ส่วนทโ่ี ก่งและ ก่อสร้างโดยทารอยต่อ ใหม่ ความเสียหายท่ีเกดิ ขนึ้ มีลกั ษณะเปน็ รอยแตกหักตามแนวต้งั ฉากกับการโกง่ งอ ยกตัวของแผน่ พื้น 122
2. ลกั ษณะความเสียหายผิวทางคอนกรีต แบบ รอยแตกตามมมุ (Corner Breaks) สาเหตุความเสียหาย สาเหตุจากชั้นทางใต้แผ่นพ้ื นแข็งแรงไม่ เพี ยงพอ เม่ือมีน้ าหนักบรรทุกมากดทับ บริเวณมุมของแผน่ พ้ืนจงึ การแตกหัก วิธกี ารซอ่ ม • การซ่อมแซมบางส่ วนของความหนา (Partial - depth Repair) • การอดุ ซ่อมรอยแตก (Crack Filling) ความเสียหายทีเ่ กดิ ขึ้นมีลกั ษณะเปน็ รอยแตกตามมมุ ของแผน่ พื้นเปน็ เสน้ ทแยง มมุ ระหวา่ งรอยต่อ 123
3. ลักษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรตี แบบ แผ่นพื้นแตกและแยกตัว (Divided Slab) สาเหตุความเสียหาย สาเห ตุจาก ชั้นโค รงสร้ างทา งหรื อ คอนกรีตมีความ แข็ง แร ง ไม่เพี ย ง พอ กับการรบั น้าหนักบรรทกุ วิธกี ารซ่อม • การซ่อมแซมบางส่ วนของความหนา (Partial - depth Repair) • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) ความเสยี หายทเี่ กดิ ขนึ้ มีลักษณะเป็นรอยแตกตามขวางของแผน่ พื้นแตก และแยกตวั เปน็ หลายส่วน 124
4. ลกั ษณะความเสียหายผิวทางคอนกรตี แบบ รอยแตกจากความคงทนของวัสดุ (Durability “D” Cracking) สาเหตุความเสียหาย สาเหตุจากการขยายตวั หรือการหดตัวของ วัสดุมวลรวมของคอนกรีตท่ีไม่ได้คุณภาพ ระหวา่ งก่อสรา้ ง วธิ ีการซอ่ ม • การซ่อมแซมบางส่ วนของความหนา (Partial - depth Repair) • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) ความเสยี หายทเ่ี กิดขนึ้ มลี ักษณะเปน็ เส้นรอยแตกหลายแนวขนานกันจนปรากฏเหน็ ชดั เจน ตามมมุ ของแผน่ พ้ืน 125
5. ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรีต แบบ ทรุดตัวตา่ งระดับ (Faulting) สาเหตคุ วามเสียหาย ส า เ ห ตุ จ าก ก าร ท รุ ด ตั ว ที่ไ ม่ เท่ า กั น ห รื อค ว าม ค ลา ด เค ลื่ อน จ าก ก าร ใ ช้ เหลก็ เสรมิ ถา่ ยน้าหนกั (Dowel) วิธกี ารซ่อม กา รป รั บร ะ ดับ ผิ วท า งด้ ว ยวั ส ดุแ อ สฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสยี หายท่เี กดิ ข้ึนสามารถพบเห็นไดง้ ่าย สงั เกตไดจ้ ากความแตกต่างของระดับแผ่นพื้น คอนกรตี ที่อยูต่ ดิ กัน 126
6. ลักษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรีต แบบ วัสดยุ ารอยต่อหลดุ รอ่ น (Joint Seal Damage) สาเหตคุ วามเสียหาย สาเหตุจากการเส่ือมสภาพตามอายุการ ใช้งานและคุณภาพของวัสดยุ ารอยตอ่ วธิ ีการซอ่ ม กา ร เป ลี่ ยน วั ส ดุ ย าแ น วร อ ยต่ อ ชนิ ด เท ร้ อ น (Joint Resealing) วัสดยุ ารอยต่อทีห่ ลุดร่อน 127
7. ลักษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรตี แบบ รอยแตกตามแนวยาว (Linear Cracking) สาเหตคุ วามเสียหาย สาเหตุจากการบิดตัวของแผ่นพื้น เนื่องจาก อณุ หภูมหิ รือการทรดุ ตัวไมเ่ ทา่ กันของช้ันทาง วธิ กี ารซอ่ ม • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) • ปรั บ ร ะดั บ ผิ ว ทา ง ด้ วย วั ส ดุ แอ ส ฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสยี หายท่ีเกิดขน้ึ มีลกั ษณะเปน็ รอยแตกตามแนวยาว 128
8. ลกั ษณะความเสียหายผิวทางคอนกรตี แบบ ผวิ ทางลืน่ (Polished Aggregate) สาเหตุความเสียหาย สาเหตุจากการขัด สี ร ะห ว่าง ผิวห น้าของ แผ่น พ้ืนกับล้อรถท่วี ง่ิ ผา่ นไปมาทาให้วัสดุมวลรวม ถูกขดั สีจนผวิ ทางลื่น วธิ กี ารซอ่ ม การ ปรั บร ะดั บผิ วท างด้ วย วัส ดุแ อส ฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ผวิ หนา้ คอนกรีตมีลักษณะลื่นเป็นมนั 129
9. ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรตี แบบ รอยปะซ่อมที่เสียหาย (Bad Patching) สาเหตุความเสียหาย ผวิ หน้ามีความเสียหายทร่ี อยปะซอ่ มท่ไี ม่ได้ คณุ ภาพ วธิ กี ารซ่อม • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) • ปรั บ ร ะดั บ ผิ ว ทา ง ด้ วย วั ส ดุ แอ ส ฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสียหายของถนนผิวทางคอนกรีตประเภทรอยปะซอ่ ม 130
10. ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรตี แบบ การอัดทะลักของน้าใตแ้ ผน่ พ้ืน (Pumping) สาเหตุความเสียหาย สาเหตจุ ากการอัดทะลักของน้าที่อยู่ใต้แผ่น พื้นคอนกรีตพุ่ งข้ึนมาบนผิวจราจร เมื่อมี น้าหนกั บรรทกุ ว่ิงผา่ น วธิ ีการซ่อม • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) • ปรั บ ร ะดั บ ผิ วทา ง ด้ วย วั ส ดุ แอ ส ฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสียหายของถนนผิวทางคอนกรตี ประเภทการอัดทะลักของนา้ ใต้แผน่ พื้น 131
11. ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางคอนกรตี แบบ ผวิ ทางหลดุ รอ่ น (Scaling) สาเหตคุ วามเสียหาย สาเหตุจากวสั ดมุ วลรวมสกปรกหรือ Cement Paste ส่วนบนมปี รมิ าณน้าสูงมากเกินไป วิธกี ารซ่อม กา รป รั บร ะ ดับ ผิ วท า งด้ ว ยวั ส ดุแ อ สฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสยี หายมีลกั ษณะหลุดรอ่ นของวัสดุ Cement mortar บรเิ วณสว่ นบนของผวิ หน้าของแผ่นพ้ืนคล้ายหน้าขา้ วตงั 132
12. ลักษณะความเสียหายผิวทางคอนกรีต แบบ รอยแตกจากการหดตวั (Shrinkage Cracks) สาเหตคุ วามเสียหาย สาเ หตุจ ากก ารบ่ มคอ นกรี ตที่ไ ม่เพี ยงพอ จนเป็นเหตใุ หค้ อนกรีตหดตวั วิธกี ารซอ่ ม • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) • ปรั บ ร ะดั บ ผิ ว ทา ง ด้ วย วั ส ดุ แอ ส ฟัล ต์ (Asphalt Leveling) ความเสยี หายมีลกั ษณะเปน็ รอยแตกลายงา (Hairline) ที่มีความยาวไม่มากนกั และไม่แตกข้ามแผน่ พื้น 133
13. ลกั ษณะความเสียหายผิวทางคอนกรีต แบบ ผวิ ทางแตกกะเทาะ (Spalling) สาเหตคุ วามเสียหาย สาเหตุจากคอนกรีตไมแ่ ข็งแรงเพียงพอต่อ การกดทบั เม่ือมรี ถวิ่งผา่ นจนแตกบิ่นกะเทาะ วิธีการซ่อม • เสียหายไม่มาก ทาการอุดซ่อมรอยแตก (Crack Filling) • การ ซ่อ มแ ซม บา งส่ วนข อง ความ หน า (Partial - depth Repair) ความเสยี หายมีลกั ษณะร้าวและแตกเปน็ สะเกด็ ตามรอยตอ่ และมคี วามลึกไมม่ ากนกั 134
การดาเนนิ งาน ตัดหญ้า 135
การดาเนนิ งานตัดหญ้า คือ การดาเนินงานตดั หญ้าบริเวณเขตทางให้มีลักษณะสั้นเท่ากันอย่างสม่าเสมอ รวมถึงการตัดแต่งต้นไม้ที่ ไมไ่ ดป้ ลกู ไว้เพ่ือความสวยงาม โดยดาเนินการ - จากไหล่ทางออกไปไม่นอ้ ยกว่า 2.00 เมตร หรอื ถึง Toe Slope หรือถึงเขตทางท่สี ามารถดาเนินการได้ - กรณีที่เป็นโค้งอันตราย หรือจุดเชื่อต่อของถนน เช่น ทางแยก หรือทางเช่ือม ให้ดาเนินการจนสุดเขตทาง เพ่ือป้องกันไมใ่ ห้เกดิ จุดเส่ยี งอนั ตราย (Black Spot) - การตดั แต่งต้นไมใ้ หญ่ ควรตดั แต่งกิ่งไม้ท่ีตายแล้วและก่ิงไม้ส่วนท่ียื่นออกเข้าในผิวทาง เพ่ือป้องกันไม่ให้กิ่งไม้ตก บรเิ วณผิวทาง ทาให้เกดิ อันตรายแก่ผูใ้ ชเ้ ส้นทางได้ การตดั หญ้าบรเิ วณไหล่ทาง การตดั หญ้าบริเวณทางโคง้ การตัดแตง่ กง่ิ ไม้ใหญ่ 136
การดาเนนิ งานตัดหญ้า 137 ขทช.สตลู
การดาเนนิ งานตดั หญา้ 138 ขทช.เพชรบูรณ์
การตัดแต่งกง่ิ ไม้ใหญ่ 139 ขทช.ราชบรุ ี
การดาเนินงานบารุงรกั ษางานจราจรสงเคราะห์ วธิ ีการบารุงรักษาหลกั กิโลเมตร และหลกั นาโคง้ คือ การทาความสะอาด การทาสี การปรบั ปรุง ตลอดจนการทดแทนทม่ี กี าร ชารุดบกพรอ่ ง เสียหายหรอื อยู่ในสภาพทีใ่ ชง้ านไมไ่ ด้ • วธิ ีการบารุงรกั ษาหลักกิโลเมตร และหลกั นาโค้ง • วิธีการบารุงรักษาป้ายจราจร • วิธกี ารบารุงรักษาไฟสัญญาณจราจร และไฟสัญญาณกระพริบเตอื น • วิธีการบารุงรกั ษาไฟส่องสวา่ ง • วิธีการบารุงรกั ษา Guard Rail และ Timber Barricade วธิ ีการบารุงรักษาไฟสัญญาณจราจร วิธกี ารบารุงรกั ษาไฟสอ่ งสวา่ ง วธิ กี ารบารุงรักษา Guard Rail และ วิธกี ารบารงุ รกั ษาปา้ ยจราจร และไฟสัญญาณกระพริบเตือน Timber Barricade 140
การดาเนนิ งานบารุงรกั ษางานจราจรสงเคราะห์ 141
การบารงุ รักษาหลกั กิโลเมตร 142 ขทช.ประจวบคีรขี นั ธ์
การบารุงรักษาหลกั กโิ ลเมตร 143 ขทช.ฉะเชิงเทรา
การบารงุ รักษาหลักนาโค้ง 144 บทช.เฉลมิ บูรพาชลทติ
การบารุงรกั ษาหลักนาโค้ง 145 ขทช.สงขลา
การบารุงรกั ษาปา้ ยจราจร 146 บทช.เฉลมิ บูรพาชลทติ
วิธีการบารุงรักษาป้ายจราจร บทช.เดชอดุ ม ขทช.กระบี่ 147
วธิ กี ารบารงุ รกั ษาไฟสัญญาณจราจร และไฟสัญญาณกระพรบิ เตือน ขทช.มกุ ดาหาร 148
วธิ กี ารบารงุ รักษาไฟสัญญาณจราจร และไฟสัญญาณกระพรบิ เตอื น ขทช.สตูล 149
วธิ กี ารบารุงรกั ษาไฟส่องสวา่ ง ขทช.ราชบรุ ี 150
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163