Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การซ่อมบำรุงปกติผิวทางลูกรัง ลาดยาง และคอนกรีต

การซ่อมบำรุงปกติผิวทางลูกรัง ลาดยาง และคอนกรีต

Description: การซ่อมบำรุงปกติผิวทางลูกรัง ลาดยาง และคอนกรีต

Search

Read the Text Version

การกวาดเกลย่ี (Light Grading) 51

วธิ กี ารแก้ไขงานบารุงปกติผวิ ทางลกู รัง การขุดซ่อม (Deep Patching) คือก าร ขุ ด รื้อโ ค ร ง ส ร้า ง ท าง บ ริเวณ ท่ี ชารุด เ สี ย ห าย จน ถึง ช้ั น โครงสรา้ งทางทไ่ี ม่แขง็ แรงแลว้ ทาการบดทับพร้อมลงลูกรังใหม่บดอัดให้ แนน่ ตามมาตรฐานท่กี าหนด เคร่อื งมอื และเครอื่ งจกั ร ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน • รถบรรทุกเททา้ ย • กาหนดขอบเขตให้ครอบคลมุ พ้ืนที่ความ • รถบรรทกุ น้า • รถเกลย่ี ดิน เสียหายเปน็ รูปสเี่ หลี่ยม • ขดุ ร้อื บริเวณทกี่ าหนดจนถงึ ชน้ั โครงสรา้ งที่ • รถบดสน่ั สะเทอื น • เครอ่ื งมือและอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการขุดและตักดนิ แขง็ แรง แลว้ นาวสั ดุเสอ่ื มสภาพไปทง้ิ ที่ เหมาะสม • ทาการบดทบั กน้ หลมุ ให้แน่น • นาวสั ดุลกู รังท่ีผสมน้าจนได้ความชนื้ ท่ี เหมาะสม ลงไปในหลมุ ให้มีความสงู ช้นั ละ ประมาณ10 ซม.พร้อมบดอดั แน่นเปน็ ช้นั ๆ • กวาดเกล่ียใหไ้ ด้ระดับเดยี วกับผวิ ทางเดมิ 52

การบารงุ ปกตผิ ิวทางลกู รงั ถนนผิวทางลูกรังเป็นถนนทชี่ ารุดเสียหายง่ายและเรว็ กวา่ ถนนประเภทอ่ืน ความเสียหายของถนนประเภทน้ี เกิดจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ได้แก่ การกดั เซาะของน้าฝน และการพัดพาของลม ลักษณะความเสียหายของถนนผวิ ทางลกู รงั ผิวทางหลุดร่อน (Loose Aggregate) ผิวรอ่ งล้อ (Rutting) หลมุ บอ่ (Pothole) 53

ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางลกู รัง แบบ ผวิ ทางหลดุ ร่อน (Loose Aggregate) สาเหตคุ วามเสียหาย เกิดจากการใช้งาน การพัดพาของลม หรือจากการกัดเซาะของน้าฝน วิธกี ารซอ่ ม การกวาดเกล่ยี (Light Grading) 54

ลกั ษณะความเสียหายผิวทางลกู รงั แบบ ร่องลอ้ (Rutting) สาเหตุความเสียหาย เ กิ ด จ า ก ร ถ ที่ วิ่ ง ผ่ า น ใ น แ น ว เ ดี ย ว กั น อ ยู่ ตลอดเวลาจนเกดิ การทรุดตัวของโครงสร้าง ชั้นทาง ความลึกของรอ่ งล้อข้ึนอยู่กับน้าหนัก บรรทุกและความช้ืนของผิวทาง วิธีการซ่อม การกวาดเกล่ยี (Light Grading) 55

ลกั ษณะความเสียหายผวิ ทางลกู รงั แบบ หลุมบอ่ (Pothole) สาเหตุความเสียหาย เกิดจากน้าหนักบรรทุกท่ีเกิดจากยานพาหนะการทาบนผิวจราจรท่ีมี ความชื้นสูงหรอื เส่ือมสภาพ หรอื เกิดจากการกดั เซาะของน้าฝน จนเกดิ การหลดุ รอ่ นเป็นหลมุ บ่อ วธิ ีการซ่อม การขดุ ซอ่ ม (Deep Patching) 56

ซอ่ มสรา้ งผวิ ทางลูกรัง 57

ซอ่ มสรา้ งผวิ ทางลูกรัง 58

ซอ่ มสรา้ งผวิ ทางลูกรัง 59

กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม Departmentof Rural Roads One Transport งานบารุงปกติผิวทางลาดยาง 60

การดาเนินการแกไ้ ขงานบารงุ ปกติผิวทางลาดยาง การดาเนนิ งานซอ่ มบารงุ ปกตผิ ิวทางลาดยาง ควรเลอื กวธิ ใี หเ้ หมาะสมกบั ความเสียหายในแตล่ ะรูปแบบ วธิ กี ารซอ่ มบารงุ ผิวลาดยางในปัจจุบนั มี 6 วิธี ประกอบด้วย • การอุดรอยแตก (Crack Sealing) • การปรบั ระดบั ผวิ ทางแอสฟลั ต์ (Leveling) • การซอ่ มผวิ ทางแบบชพิ ซลี (Chip Seal) • การปะซ่อมผิวทาง (Skin Patching) • การฉาบผิวทางแบบสเลอรี่ซีล (Slurry Seal) • การขดุ ซอ่ มพื้นทาง (Deep Patching) 61

วิธีการแก้ไขงานบารงุ ปกติผวิ ทางลาดยาง การอุดรอยแตก (Crack Sealing) คอื การซอ่ มแซมถนนที่เกิดความเสียหายในลักษณะการเกิดรอยแตกร้าว (Crack) ท่ีไม่ต่อเนื่องกันเป็น ตะแกรง ในรูปแบบรอยแตกตามยาว ตามขวาง หรือตามขอบผวิ ทาง โดยการใช้ยางแอสฟลั ต์ หรอื ยางแอสฟลั ต์ผสม มวลละเอยี ดอดุ รอยแตก รอยแตกตามยาว รอยแตกตามขวาง 62

วธิ กี ารซอ่ ม การอดุ รอยแตก (Crack Sealing) วัตถุประสงค์ • เปน็ การอุดช่องวา่ งระหวา่ งรอยแตกเพื่อ ป้องกันไมใ่ ห้น้าซึมผา่ นรอยแตกท่เี กิดขน้ึ จนสรา้ งความเสียหาย • เพื่อใชใ้ นรูปแบบของการซอ่ มช่ัวคราว (Temporary Repair) เปน็ การป้องกนั ไมใ่ ห้ความเสียหายเพิ่มมากข้นึ วสั ดุ เครอ่ื งมือและเครอ่ื งจักร ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน • ยางแอสฟัลต์ มี 2 ประเภท • รถบรรทกุ เอนกประสงค์ • เตรียมพื้นที่โดยการใช้เคร่ืองเปา่ ลมเพื่อไล่ - คตั แบก็ แอสฟลั ต์ประเภทระเหยเรว็ หรือปาน • เคร่อื งเปา่ ลม (Blower) เศษวัสดุท่อี ุดอย่ใู นรอยแตก กลาง (RC หรือ MC) เหมาะสาหรับรอยแตกที่ • เสียม หรอื อปุ กรณ์สาหรบั แคะเศษวสั ดุ • ใช้ยางแอสฟัลต์ อดุ รอยแตกท่ีกวา้ งนอ้ ยกว่า • เครื่องพ่นแอสฟัลต์(หรอื กาหยอดยาง) กว้างมากกวา่ 5 มลิ ลิเมตร 5 มลิ ลเิ มตร สาหรับรอยแตกกว้างมากกว่า 5 - แอสฟลั ตอ์ ิมลั ชันประเภทเซตตวั เรว็ หรอื ปาน • ไมก้ วาด มลิ ลิเมตร ให้ใชม้ วลละเอียดอุดช่องว่างหรอื กลาง(CRS หรือ CMS) เหมาะสาหรับรอยแตกที่ อุดรอยแตกและปดิ ทบั ดว้ ยแอสฟัลต์ผสม กวา้ งนอ้ ยกว่า 5 มลิ ลเิ มตร มวลละเอยี ด • หินฝนุ่ หรอื ทราย (วัสดุมวลละเอียด) • สาดหนิ ฝุน่ หรือทรายปดิ ทับหลังการอดุ รอย แตกทนั ทีเพื่อปอ้ งกันยางแอสฟัลต์ไหลเยม้ิ ออกนอกรอยแตก 63

การอุดรอยแตก (Crack Sealing) รอยแตกตามยาว 64

การอุดรอยแตก (Crack Sealing) รอยแตกตามยาว 65

วิธกี ารแกไ้ ขงานบารุงปกติผวิ ทางลาดยาง การซ่อมผวิ ทางแบบชพิ ซลี (Chip Seal) คอื การซ่อมแซมผวิ ทางทเ่ี สียหายในลกั ษณะหลุดรอ่ น ยุบตวั หรอื ร่องลอ้ ทไ่ี มม่ าก โดยพ่นแอสฟลั ตล์ งบนผิว ทาง ตามดว้ ยโรยและเกลี่ยวัสดุหนิ ย่อยหรอื กรวดยอ่ ย ปดิ ทบั หลุดรอ่ น ร่องลอ้ 66

วิธีการซอ่ ม การซอ่ มผวิ ทางแบบชพิ ซลี (Chip Seal) วตั ถุประสงค์ • เพื่ อปรับปรุงผิวทางท่ีหลุดร่อนยุบตัว หรือร่องล้อ ให้ได้ระดับและ ปอ้ งกันไมใ่ ห้น้าซมึ ผา่ นสร้างความเสียหายใหก้ บั โครงสรา้ งทาง วัสดุ เครอื่ งมือและเครอ่ื งจักร ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน • ยางแอสฟลั ต์ มี 3 ประเภท • รถบรรทุกเอนกประสงค์ • กาหนดขอบเขตให้ครอบคลุมพ้ืนท่ี • เครอ่ื งเปา่ ลม (Blower) - ยางคัตแบก็ แอสฟลั ต์ประเภทระเหยเร็ว ความเสียหายเป็นรปู ส่ีเหลยี่ ม (RC-3000 หรือ RC-800) เหมาะกับงานท่ี • เครอื่ งพ่นแอสฟลั ต์ • ทาความสะอาดดว้ ยการใชเ้ ครื่องเป่า • เครอ่ื งโรยและเกลย่ี หนิ ยอ่ ยหรือกรวด สามารถปิดการจราจรได้อย่างนอ้ ย 7 ชม. • รถบดล้อยาง เศษวสั ดุหรือคราบดนิ ท่ไี มจ่ บั แนน่ – แคทออิ นิคแอสฟลั ต์อิมลั ชัน (CRS-2) ออก เหมาะกบั งานทส่ี ามารถปดิ การจราจรได้อย่าง • ไม้กวาด • พ่นหรือราดแอสฟลั ตล์ งบนพ้ืนที่ • โรยหินยอ่ ยหรือกรวด นอ้ ย 5 ชม. - แอสฟลั ตซ์ เี มนต์ • บดทับดว้ ยรถบดลอ้ ยาง (AC 60-70) เหมาะกบั งานที่สามารถปดิ • ทาความสะอาดพื้นท่ี การจราจรไดอ้ ย่างนอ้ ย ½ ชม. • วสั ดหุ นิ ย่อยหรือกรวดยอ่ ย 67

การซอ่ มผิวทางแบบชิพซลี (Chip Seal) 68

การซ่อมผวิ ทางแบบชพิ ซีล (Chip Seal) 69

การซ่อมผวิ ทางแบบชพิ ซีล (Chip Seal) 70

วิธีการแกไ้ ขงานบารงุ ปกตผิ ิวทางลาดยาง การฉาบผิวทางแบบสเลอรี่ซีล (Slurry Seal) คือ การซ่อมแซมถนนลาด ยางท่ีมีลักษณะผิวทางมียางเย้ิม ผิวถูกขัดมัน หรือผิวทาง เดิมหลุด โดยใช้ ยางแอสฟลั ต์อิมันชนั ผสมหินฝนุ่ ฉาบปดิ ทับผิวทางเดมิ ที่เสียหาย ผิวทางมียางเยิม้ ผวิ ถกู ขดั มัน ผวิ ทางเดิมหลดุ 71

วิธีการซ่อม การฉาบผวิ ทางแบบสเลอร่ีซลี (Slurry Seal) วัตถุประสงค์ • เพื่อปรับปรุงผวิ ทางเดมิ ทมี่ ยี างเยม้ิ ผวิ ทางถูกขัดมัน หรอื ผิวทางเดิมหลุด ให้มีความฝืด (Skid Resistance) เพ่ิมข้ึน และป้องกันไมใ่ หน้ ้าซึมผา่ นรอยแตกลงไปทาลายความแข็งแรงช้นั โครงสรา้ งทาง (ไม่นยิ มใช้งานซอ่ มบารุงปกติในปจั จบุ ัน) วัสดุ เครือ่ งมอื และเครอื่ งจักร ขน้ั ตอนการดาเนนิ งาน • ยางแอสฟัลตอ์ มิ ลั ชนั (CSS-1 หรือCSS-1h) • รถบรรทกุ เอนกประสงค์ • กาหนดขอบเขตให้ครอบคลมุ พื้นท่ี • เคร่ืองเปา่ ลม(Blower) ใชส้ าหรบั ผสมมวลรวม ความเสียหายเปน็ รปู สี่เหล่ยี ม • หนิ ฝนุ่ ใช้ผสมกบั ยางแอสฟลั ต์ อิ • เครื่องผสมวสั ดุมวลรวมกับยางแอสฟัลต์ • ทาความสะอาดดว้ ยการใชเ้ ครอ่ื งเปา่ มนั ชนั ในการฉาบพ้ืนท่เี สยี หาย อมิ ันชนั เศษวสั ดหุ รือคราบดนิ ทไี่ มจ่ บั แน่นออก • ปนู ซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ใช้สาหรบั ยึดเกาะ • เครือ่ งมือสาหรับฉาบส่วนผสม Slurry Seal • ผสมหินฝนุ่ กับยางแอสฟัลต์ • ไม้กวาด อิ มนั ชนั • หากผวิ ทางเปน็ ผวิ แห้งมีหินโผล่โดยไม่ ยางเหลืออยู่ ตอ้ งฉดี นา้ เปน็ ฝอยให้ เปยี กกอ่ นฉาบผิว • ทาการฉาบบริเวณพ้ืนทเ่ี สียหายดว้ ย เครื่องฉาบดว้ ยมือ • ทาความสะอาดพ้ืนที่ 72

วิธกี ารซอ่ ม การฉาบผวิ ทางแบบสเลอร่ีซลี (Slurry Seal) 73

วิธกี ารแก้ไขงานบารุงปกติผิวทางลาดยาง การปรบั ระดบั ผิวทาง (Leveling) คอื การซอ่ มแซมถนนลาดยางท่ีมีความเสียหายในลักษณะหลุดร่อน ยุบตัว หรือร่องล้อในบริเวณท่ีมี ปรมิ าณพ้ืนทเ่ี สียหายมาและต่อเนอ่ื ง โดยการเสริมวัสดุแอสฟลั ต์บนผิวทางเดิม เพ่ือปรับระดับและแก้ไขความ เสียหายและเสริมความแข็งแรงให้แกโ่ ครงสรา้ ง หลดุ ร่อน ยบุ ตัว รอ่ งล้อ 74

วิธกี ารซอ่ ม การปรบั ระดบั ผิวทาง (Leveling) วตั ถปุ ระสงค์ • ปรับแกร้ ปู ทรงเรขาคณติ ให้ได้มาตรฐานและราบเรยี บ เช่น ความลาดเอียง ตามขวางและตามยาว และรปู ตัดของถนน • เพิ่มความสามารถในการรับน้าหนกั บรรทกุ และความฝดื เพื่อความปลอดภัย แกผ่ ู้ใช้ทาง วสั ดุ เครอื่ งมือและเครอ่ื งจกั ร ข้ันตอนการดาเนนิ งาน • ยาง Tack Coat ใชส้ าหรบั • รถบรรทกุ เอนกประสงค์ • กาหนดขอบเขตให้ครอบคลมุ เช่อื มประสานผวิ ทางเดิมกบั • รถบรรทกุ เทท้าย พ้ืนทค่ี วามเสยี หายเปน็ รูป • เคร่ืองเปา่ ลม (Blower) สเ่ี หล่ยี ม วสั ดุผสมเสร็จ • เครอื่ งพ่นแอสฟลั ต์ • ทาความสะอาดดว้ ยการใช้ • วสั ดุผสมเสรจ็ (Premix) • เคร่อื งมือสาหรับปวู ัสดุ เครือ่ งเปา่ เศษวัสดุหรอื คราบ ดินท่ไี มจ่ บั แน่นออก – ชนิดผสมร้อน Hot Mix ผสมเสร็จ - ชนดิ ผสมเย็น Cold Mix • รถบดลอ้ ยาง/ลอ้ เล็กหรอื • กรณใี ช้วัสดผุ สมเยน็ Cold Mixทาความสะอาดหินผสมและ เคร่ืองตบสั่นสะเทอื น นาไปผสมกับยางแอสฟลั ต์ • ไมก้ วาด • พ่นยาง Tack Coatให้คลุม พื้นท่เี สียหาย 75 • บดทบั ผิวทางดว้ ยรถบดลอ้ ยาง/ล้อเล็ก • ทาความสะอาดพ้ืนที่

การปรบั ระดบั ผวิ ทาง (Leveling) 76

การปรบั ระดับผวิ ทาง (Leveling) 77

การปรบั ระดับผวิ ทาง (Leveling) 78

วิธกี ารแกไ้ ขงานบารุงปกติผวิ ทางลาดยาง การปะซอ่ มผวิ ทาง (Skin Patching) คือ การซ่อมแซมเฉพาะผิวทางทเ่ี สื่อมสภาพหรอื เสียหายในลักษณะต่างๆ โดยการขดุ รื้อวสั ดุผิวทางเดิมออก และปดู ว้ ยวสั ดใุ หม่ เพ่ือแกไ้ ขความเสียหายและปอ้ งกันการซึมผ่านของน้าลงสู่ช้ันโครงสร้างทาง 79

วธิ ีการซ่อม การปะซ่อมผิวทาง (Skin Patching) วตั ถปุ ระสงค์ • เพื่อคืนสภาพช้ันผิวทางทเ่ี ส่ือมสภาพหรือเสียหายในลกั ษณะต่างๆ โดย การขุดรือ้ วัสดผุ วิ ทางเดมิ ออกและปดู ว้ ยวัสดใุ หม่ เพื่อแกไ้ ขความเสียหาย และปอ้ งกันการซึมผา่ นของน้าลงสู่ชนั้ โครงสรา้ งทาง วัสดุ เครื่องมอื และเครอ่ื งจักร ขั้นตอนการดาเนนิ งาน • ยาง Tack Coat ใชส้ าหรบั เช่อื มผิวทาง • รถบรรทกุ เอนกประสงค์ • กาหนดขอบเขตให้ครอบคลมุ พ้ืนทคี่ วาม • รถบรรทกุ เททา้ ย เสียหายเป็นรปู ส่เี หลยี่ ม เดิมกบั วสั ดผุ สมเสร็จ • เครอ่ื งเปา่ ลม (Blower) • ยาง Prime Coat ใชส้ าหรับเชอ่ื มชนั้ พื้น • เคร่อื งพ่นแอสฟลั ต์ • ใช้เครอื่ งตดั ตามแนวขอบเขตที่กาหนด • เคร่ืองตัด • ใชเ้ คร่อื งสกัดหรอื อเี ตอร์ขดุ รื้อวัสดุผิว ทางกบั วสั ดปุ ะซ่อม • เครื่องสาหรบั ขุดเจาะ • วัสดุผสมเสรจ็ (Premix) • เครือ่ งมอื สาหรบั ปูวัสดุผสมเสร็จ ทางเดมิ – ชนิด • รถบดลอ้ ยาง/ลอ้ เหลก็ หรือเครื่องตบ • ทาความสะอาดพ้ืนทเี่ สียหายดว้ ยเคร่อื ง ผสมร้อน Hot Mix - ชนิด สน่ั สะเทอื น เป่าลม • ไมก้ วาด • กรณีขุดร้อื ผิวทางเดมิ ออกและช้นั Prime ผสมเย็น Cold Mix Coat ยังมสี ภาพดี สามารถพ่นยาง Tack Coat ใหค้ ลมุ พ้ืนทเี่ สยี หาย ในอัตราส่วน 0.1 – 0.3 ลิตร/ตร.ม. • ปวู ัสดผุ สมเสร็จและเกลี่ยปรับระดบั • บดทบั ผวิ ทางด้วยรถบดลอ้ ยาง/ลอ้ เหลก็ • ทาความสะอาดพื้นท่ซี อ่ มบารุง 80

การปะซ่อมผวิ ทาง (Skin Patching) 81

การปะซ่อมผวิ ทาง (Skin Patching) 82

วิธกี ารแก้ไขงานบารงุ ปกตผิ วิ ทางลาดยาง การขุดซอ่ มพื้นทาง (Deep Patching) คือ การซอ่ มแซมโครงสรา้ งชน้ั ทางท่ีเส่ือมสภาพหรอื เสียหายในลักษณะต่างๆ โดยการขุดร้ือวัสดุเดิมออก และทดแทนด้วยวัสดุใหม่ เพ่ือแก้ไขชั้นโครงสรา้ งทางทไี่ ม่แขง็ แรง เพื่อปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ความเสียหายลุกลามเพิ่มมากข้ึน และคืนสภาพช้นั โครงสร้างทางและผวิ ทางให้กลับมาใชง้ านได้ตามปกติ 83

การขุดซอ่ มพ้ืนทาง (Deep Patching) วัตถุประสงค์ • เพื่อปอ้ งกันไม่ให้ความเสียหายลกุ ลามเพ่ิมมากขน้ึ • เพื่อคนื สภาพชั้นโครงสรา้ งทางและผวิ ทางใหก้ ลับมาใชง้ านไดต้ ามปกติ วัสดุ เคร่อื งมอื และเครอ่ื งจักร ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน • หินคลุก • รถบรรทุกเอนกประสงค์ • กาหนดขอบเขตใหค้ รอบคลุม • ยาง Prime Coat • รถบรรทุกเทท้าย พื้นทคี่ วามเสียหายเป็นรปู • วสั ดผุ สมเสร็จ (Premix) • เคร่ืองเปา่ ลม (Blower) ส่เี หล่ยี ม - ชนิดผสมร้อน Hot Mix • เครื่องพ่นแอสฟลั ต์ - ชนิดผสมเยน็ Cold Mix • เครื่องตัด • ใช้เครื่องตดั ตามแนวขอบเขต • เครื่องสาหรับขุดเจาะ ที่กาหนด • เครือ่ งมือสาหรบั ปวู ัสดุ • ใชเ้ คร่อื งสกัดหรอื อีเตอร์ขดุ รอ้ื ผสมเสรจ็ วัสดผุ ิวทางเดมิ • รถบดลอ้ ยาง/ลอ้ เหลก็ หรอื • บดทบั ชนั้ โครงสรา้ งทางเดิมให้ เครื่องตบสั่นสะเทือน แน่น • ไม้กวาด • พ่นยาง Prime Coat ใหค้ ลมุ พ้ืนทเ่ี สยี หายในอตั ราส่วน 0.8 84 -1.2 ลติ ร/ตร.ม. • ปวู สั ดุผสมเสรจ็ และเกลีย่ ปรับ ระดับ • บดทับผิวทางด้วยรถบดลอ้ ยาง/ล้อเหล็ก • ทาความสะอาดพื้นท่ีซอ่ มบารงุ

การขุดซ่อมพ้ืนทาง (Deep Patching) 85

การขุดซ่อมพ้ืนทาง (Deep Patching) 86

การขุดซ่อมพ้ืนทาง (Deep Patching) 87

การขดุ ซ่อมพื้นทาง (Deep Patching) กาหนด ขุดรอื้ วัสดุผวิ ทางเดมิ ขอบเขต 88

การขุดซ่อมพื้นทาง (Deep Patching) ขดุ ร้ือวัสดุพ้ืนทางเดิม ลงวสั ดใุ หม่ 89

การขุดซ่อมพ้ืนทาง (Deep Patching) เกลี่ยปรบั ระดับ บดทบั ผวิ ทางดว้ ยรถบด ลอ้ ยาง/ล้อเหล็ก 90

ลกั ษณะความเสยี หายถนนลาดยาง 1 • รอยแตก (Cracking) 2 • เปลี่ยนรปู ร่าง (Distortion) 3 • หลุดร่อน (Disintegration) 4 • ผวิ ทางเปล่ียนคณุ สมบตั ิ (Surface Defect)

1.รอยแตก (Cracking) ลกั ษณะความเสียหายทเี่ ปน็ การแตกร้าวของผิวทางลาดยาง สามารถพบเหน็ ไดง้ ่ายมีหลากหลายลักษณะ ตามสาเหตทุ แี่ ตกต่างกัน รอยแตกรา้ วโดยทัว่ ไปแบง่ เปน็ 4 ประเภท ได้แก่ รอยแตกร้าวแบบหนงั จระเข้ รอยแตกร้าว จากการหดตวั รอยแตกแบบเล่ือนไหล รอยแตกขอบผิวทางและตามยาว รอยแตกร้าวแบบหนังจระเข้ รอยแตกขอบผวิ ทางและตามยาว รอยแตกแบบเลอ่ื นไหล 92 รอยแตกรา้ วจากการหดตวั

1.รอยแตก (Cracking) 1.1 รอยแตกแบบหนงั จระเขห้ รอื รอยแตกจากความลา้ (Alligator cracking or Fatigue crack) สาเหตคุ วามเสียหาย เกิดจากดินคันทางหรือพื้นทางอ่อน ตวั หรอื การบดอัดไมด่ หี รือเกิดจากผิวทางล้าอันเน่ืองจาก มนี ้าหนักสูงมาก บดทับผ่านบ่อยคร้ัง หรือการออกแบบ ความหนาโครงสร้างชั้นทางไมเ่ พียงพอ รวมถึงการใช้วัสดุ ชัน้ ทางไมไ่ ดค้ ณุ ภาพในการกอ่ สรา้ ง รอยแตกร้าวท่ีเกิดข้ึน มีลกั ษณะเปน็ ตระแกรงขนาดเลก็ คล้ายหนงั จระเข้ วธิ ีการซอ่ ม โดยการขดุ ซอ่ ม (Deep Patch) 93

1.รอยแตก (Cracking) 1.2 รอยแตกจากการหดตวั (Shrinkage Crack or Block Crack) สาเหตุความเสียหาย เกดิ จากการขยายตัวหรือการ หดตัวของวัสดุแอสฟลั ต์คอนกรีต เนื่องจากการ เป ลี่ ย น แ ปล ง อุ ณ ห ภูมิ ห รื อ ก าร ใ ช้ วั ส ดุแ อ ส ฟัล ต์ คอนกรีตที่มีคณุ สมบัติไม่เหมาะสม จนเกิดจากการ หดตัวของวัสดุชั้นพื้นทางและรองพื้ นทาง รอย แตกรา้ วทเ่ี กิดข้นึ มีลกั ษณะเป็นตระแกรงขนาดใหญ่ ตอ่ เน่อื งเปน็ วงกว้าง วิธกี ารซอ่ ม โดยการปะซอ่ มผวิ ทาง (Skin Patching) , ปรบั ระดบั ผวิ ทาง (Leveling) 94

1.รอยแตก (Cracking) 1.3 รอยแตกแบบเล่ือนไถล (Slippage Crack) สา เห ตุค วา ม เสี ยห าย เกิ ดจาก วั สดุ แอ สฟัล ต์ คอนกรตี มคี ุณสมบตั ไิ มเ่ หมาะสม และการก่อสร้าง ไมไดม้ าตรฐาน และมีการปนเป้ ือนของสิ่งสกปรก ระหว่าง ช้ัน ท าง และโ คร ง ส ร้าง ท าง รับน้ าห นัก เกิน ขีดจากดั จนเกิดการวิบัติ รอยแตกร้าวท่ีเกิดข้ึนมี ลกั ษณะเป็นแนวโคง้ คร่ึงวงกลมแยกชั้นระหว่างผิว เดมิ และผวิ ใหม่ วิธกี ารซอ่ ม • วิธกี ารปะซอ่ ม (Skin Patching) • วธิ ีขุดซอ่ ม(Deep Patchซ่อม) :ชา้ เสียหายถงึ พ้ืนทาง 95

1.รอยแตก (Cracking) 1.4 รอยแตกขอบผวิ ทาง (Edge Crack) และตามยาว (Longitudinal Crack) สาเหตคุ วามเสียหาย เกิดรอยแยกบนผิวทางตาม แนวยาว หรือเกิดจากการเล่ือนไหลของดนิ ขา้ งทาง หรือ เกิ ดจา กท ราย ถม คันท าง ไหล ออ กมา จา ก โครงสร้างทาง หรือความมั่นคงของความลาดไม่ เพียงพอ วธิ ีการซ่อม โดยวธิ ี อดุ รอยแตก, การฉาบผวิ , การปะซ่อม 96

2. เปล่ยี นรปู รา่ ง (Distortion) ลักษณะความเสียหายทเ่ี กิดจากการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของโครงสรา้ งทางหรือผิวทาง ลักษณะยุบตัวหรือ บวมตัว สามารถพบเห็นได้ง่าย มีหลากหลายลักษณะตามสาเหตุที่แตกต่างกัน การเปล่ียนแปลงรูปร่างโดยท่ัวไป แบ่งเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย ยุบตัวเปน็ แอง่ รอ่ งล้อ ลอนคลน่ื และรอยย่น และบวมตัว ยบุ ตัวเป็นแอง่ ลอนคลื่นและรอยยน่ รอ่ งล้อ 97บวมตัว

2. เปล่ียนรูปรา่ ง (Distortion) 2.1 ยุบตวั เปน็ แอ่ง (Grade Depression) สาเหตคุ วามเสียหาย เกดิ จากโครงสร้างทางได้รับ น้าหนักบรรทกุ มากระทาซ้าๆ เกิดเป็นความล้าและ เส่ื อมสภาพทาให้โครงสร้างทางไม่สามารถรับ น้าหนักบรรทุกได้ หรือพ้ืนทางบริเวณน้ันได้รับการ บดอัดไมเ่ พียงพอ จนเกิดการทรุดตวั ต่างระดบั เป็นแอง่ กระทะ วธิ กี ารซ่อม โดยวธิ กี าร ขดุ ซอ่ ม (เสียหายหนกั ) 98

2. เปลีย่ นรปู รา่ ง (Distortion) 2.2 ร่องลอ้ (Rutting) สาเหตุความเสียหาย เกิดจากการทรุดตัวของดิน ฐานรากใต้โครงสร้างทาง เนอ่ื งจากพื้นดนิ เดิมเป็น ดิ น อ่ อ น แ ล ะ เ กิ ด ก า ร อั ด ตั ว ค า ย น้ า (Consolidation) หรือเกิดจากช้ันโครงสร้างไม่ แข็งแรง จนเกิดการทรุดตัวตามยาวบริเวณแนว ร่องล้อรถ วิธีการซอ่ ม โดยวธิ กี ารปะซ่อม (เสียหายไม่มาก) , ขุด ซอ่ ม (เสียหายหนกั ) , การฉาบผวิ , การปรบั ระดับผิวทาง 99

2. เปลี่ยนรูปร่าง (Distortion) 2.3 ลอนคลืน่ และรอยย่น (Corrugation and Shoving) สาเหตคุ วามเสียหาย เกิดจากเคลือ่ นตัวของผวิ ทาง แอสฟลั ต์คอนกรตี อันเนือ่ งจากการเบรกหรือการ ออกตัวของยานพาหนะทมี่ ีน้าหนักบรรทุกสูง ความ เสียหายประเภทน้มี ลี ักษณะเป็นลอนคล่ืนหรือรอย ย่นบนผวิ ทางในบริเวณทางแยกที่มีการหยุดหรือ ออกตวั ของยานพาหนะ วธิ ีการซอ่ ม โดยวิธีการ ปรับระดับผิวทาง ,ขุดซ่อม (เสียหายหนกั ) 100