Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Published by sukanya.utrach, 2022-08-20 18:38:29

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Search

Read the Text Version

48 ตวั ชีว้ ัดช้ันปี ซอฟตแ์ วรห์ รือบรกิ ารบน เพอื่ ประยุกตใ์ ช้ งานหรอื ผดิ เพ่ือการ ใชง้ านอย่างรู้เทา่ อนิ เทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย แกป้ ญั หาเบอ้ื งต้น ทัน ๔.ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ๔.ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง ๔.ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งปลอดภัยใช้ส่ือและ ปลอดภัย มีความรบั ผิดชอบ อย่างปลอดภยั และมคี วาม แหล่งขอ้ มลู ตามขอ้ กำหนด และ สรา้ งและแสดงสิทธิใ์ นการ รบั ผดิ ชอบต่อสังคมปฏิบัติ ตาม ข้อตกลง เผยแพร่ผลงาน กฎหมายเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ ใช้ลขิ สิทธิ์ ของผอู้ น่ื โดยชอบ ธรรม ม.4 ม.5 ม.6 1. ประยุกต์ใช้แนวคดิ เชงิ 1. รวบรวม วิเคราะห์ข้อมลู 1. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน คำนวณในการพฒั นาโครงงานที่ และใชค้ วามรู้ด้านวทิ ยาการ การนำเสนอ และแบ่งปันข้อมลู มบี ูรณาการกบั วชิ าอื่นอย่าง คอมพิวเตอร์ สอ่ื ดิจทิ ัล อยา่ งปลอดภัย มจี รยิ ธรรม และ สร้างสรรค์ และเชอ่ื มโยงกบั เทคโนโลยีสารสนเทศในการ วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลง ชวี ิตจริง แกป้ ัญหาหรอื เพ่ิมมลู ค่าใหก้ บั เทคโนโลยีสารสนเทศทม่ี ีผลตอ่ บรกิ ารหรอื ผลติ ภัณฑ์ท่ีใชใ้ น การดำเนนิ ชีวติ อาชีพ สังคม ชวี ติ จริงอย่างสรา้ งสรรค์ และวฒั นธรรม

๔๙ แบบการวเิ คราะหต์ ัวช้วี ดั เพื่อจัดทำคำอธิบายรายวชิ า

๕๐ คำอธิบายรายวิชา

๕๑ รหัสวิชา ว 11101 คำอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 80 ช่ัวโมง ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะและหน้าที่ของส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ สัตว์และพืช รวมทั้งการทำหน้าที่ร่วมกันของส่วนต่างๆของร่างกายมนุษย์ ความสำคัญของส่วนต่างๆของร่างกายตนเอง และการดูแลส่วนต่างๆอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ บรเิ วณต่างๆในท้องถนิ่ สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมในบริเวณทีพ่ ชื และสัตวอ์ าศยั อยู่ สมบตั ทิ ่ีสงั เกตไดข้ องวัสดุที่ ใชท้ ำวตั ถุซึ่งทำจากวสั ดุชนดิ เดยี วหรือหลายชนิดประกอบกนั ชนดิ ของวัสดแุ ละจดั กลุ่มวสั ดุตามสมบัติที่สังเกต การเกดิ เสยี งและทิศทางการเคล่อื นที่ของเสียง ลักษณะภายนอกของหนิ จากลกั ษณะเฉพาะตวั ที่สังเกต ดาวท่ี ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืน และสาเหตุที่มองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่ในเวลากลางวัน และ แกป้ ญั หาโดยใชก้ ารลองผิดลองถูกการเปรียบเทยี บ แสดงลำดบั ข้นั ตอนการทำงานหรอื การแก้ปัญหาอย่างง่าย โดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือข้อความ การเขียนโปรแกรมและใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดเก็บ เรียกใช้ข้อมูล รวมทั้งใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแลรักษา อุปกรณ์เบอ้ื งตน้ และใชง้ านอยา่ งเหมาะสม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการระบุ บอก ตระหนัก บรรยาย อธิบาย สร้างแบบจำลอง เปรียบเทยี บ ทดลอง แกป้ ัญหา โดยการลองผิดลองถูก เขียนโปรแกรม ใชเ้ ทคโนโลยี ในการสรา้ ง จัดเกบ็ ขอ้ มูล บรุ ณาการกระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการสืบเสาะ กระบวนการกลมุ่ ผา่ นกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแนวคิด Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสัมพันธ์ ระหว่างวิทยาศาสตร์ กับสภาพแวดล้อมเป็นผู้มีจิตวิทยา ศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์อยา่ งสร้างสรรค์ มาตรฐาน / ตวั ชี้วดั ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 รวม 7 มาตรฐาน 15 ตวั ชว้ี ดั

๕๒ รหสั วิชา ว 12101 คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 80 ช่ัวโมง เปรยี บเทยี บลักษณะของส่งิ มีชีวิตและส่ิงไม่มีชวี ิต พชื ตอ้ งการแสงและน้ำเพ่ือการเจริญเติบโตของพืช โดยดูแลพืชให้ได้รับปัจจัยอย่างเหมาะสม วัฏจักรชีวิตของพืชดอก สมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุ และการนำ สมบัติการดดู ซับน้ำของวสั ดุไปประยกุ ต์ใช้ในการทำวัตถุในชีวิตประจำวนั สมบตั ทิ ส่ี ังเกตได้ของวัสดุท่ีเกิดจาก การนำวัสดมุ าผสมกนั เปรยี บเทยี บสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุ ประโยชนข์ องการนำวสั ดุทีใ่ ช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การเคลอ่ื นทข่ี องแสงจากแหลง่ กำเนิดแสง การมองเหน็ วตั ถแุ ละแนวทางการปอ้ งกนั อนั ตรายจากการมองวัตถุ ที่อยู่ในบริเวณที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ส่วนประกอบของดินและชนิดของดิน การใช้ประโยชน์จากดิน การ แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือข้อความ การเขียน โปรแกรมและใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จัดเก็บ เรียกใช้ข้อมูล รวมทั้งใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามขอ้ ตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกนั ดูแลรักษาอุปกรณ์เบื้องตน้ และ ใชง้ านอยา่ งเหมาะสม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการสร้างแบบจำลอง เปรียบเทียบข้อมูล อธิบายสมบัติที่ สังเกตได้ เขียนโปรแกรมและตรวจหาข้อผิดพลาด ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จัดเก็บ บรู ณาการกระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการสบื เสาะ กระบวนการกลุม่ ผา่ นกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนแสดงความกระตือรือร้น สนใจ เกิดที่จะเรียนรู้ มีความติดสร้างสรรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่ ศกึ ษาตามลักษณะของผมู้ จี ิตวิทยาศาสตร์ เห็นคุณคา่ ของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน มาตรฐาน / ตวั ชีว้ ัด ว 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ว 1.3 ป.2/1 ว 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ว 2.3 ป.2/1 ป.2/2 ว 3.2 ป.2/1 ป.2/2 ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 รวม 6 มาตรฐาน / 16 ตัวชวี้ ดั

๕๓ รหสั วชิ า ว 13101 คำอธิบายรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 80 ชว่ั โมง ศึกษาวเิ คราะห์ปัจจัยท่ีจำเปน็ ตอ่ การดำรงชีวิต และการเจรญิ เตบิ โตของมนษุ ย์และสัตว์ ประโยชน์ของ อาหาร น้ำ และอากาศ วัฏจักรชีวิตของสัตว์ คุณค่าของชีวิตสัตว์ วัตถุประกอบขึน้ จากชิ้นส่วนย่อยๆสามารถ แยกออกจากกนั และประกอบกนั เปน็ วัตถุช้ินใหม่ การเปลย่ี นแปลงของวัสดเุ มอื่ ทำใหร้ ้อนขึ้นหรือทำให้เย็นลง แรงที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง แรงสัมผัสและแรงไม่สัมผัสที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงดึงดูดของวัตถุ และแรงแม่เหล็ก การเปลี่ยนแปลงพลังงาน ส่วนประกอบของอากาศ และความสำคัญของอากาศ ผลกระทบ ของมลพษิ ทางอากาศต่อส่ิงมีชีวติ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม การเกิดปรากฏการณ์การข้ึนและตก ของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ความสำคัญและประโยชน์ของดวงอาทิตย์ต่อ สิ่งมีชีวิต การแสดงอัลกอริทึมในการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์หรือข้อความ การเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายและใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผลและนำเสนอขอ้ มูล รวมท้ัง ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงในการใช้อนิ เทอรเ์ น็ต โดย ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการสรา้ งแบบจำลอง อธิบายการเปล่ียนแปลงชองวัตถุ ระบุ ผลของแรง เปรยี บเทียบและยกตวั อยา่ ง จำแนกวัตถุ บรรยายการทำงาน อธิบายสาเหตตุ า่ งๆ จากแบบจำลอง แสดงอัลกอริทมึ ในการทำงาน เขียนโปรแกรมและตรวจหาขอ้ ผิดพลาด ใช้อินเทอรเ์ น็ต บูรณาการการบวนการ วิเคราะห์ กระบวนการกลมุ่ ผ่านการจดั การเรียนรตู้ ามแนวคดิ Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ ดำรงชีวิต ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมสำหรับทำโครงงานหรือชิ้นงานตามความสนใจด้วยความมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยดั ซ่ือสัตย์และทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ อยา่ งมคี วามสขุ มาตรฐาน / ตัวช้วี ัด ว 1.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 2.1 ป.3/1 ป.3/2 ว 2.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 2.3 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว 3.1 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ว 3.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 รวม 7 มาตรฐาน 25 ตวั ช้วี ดั

๕๔ รหสั วิชา ว 1๔101 คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 80 ชวั่ โมง ศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างและหน้าทีข่ องราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอก ความแตกต่างลักษณะ ของสิง่ มีชีวิตออกเปน็ กลุ่มพืช กลุม่ สตั ว์ และกลมุ่ ทไี่ มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ พืชดอกและพชื ไมม่ ีดอก สัตว์มีกระดูกสัน หลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์ สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทดลอง เปรียบเทียบสมบัติ ของวัสดุ ดา้ นความแข็ง สภาพยดื หยุน่ การนำความรอ้ น และการนำไฟฟา้ ของวัสดุ สมบตั ขิ องสสารและการใช้ เครื่องมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะ แรงโน้มถ่วงที่มีต่อวัตถุ มวลที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนทีข่ องวัตถุ วัตถุที่เป็นตัวกลางโปร่งใส โปร่งแสง และวัตถุทึบแสง การขึ้นและตกของ ดวงจันทร์ การเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ ระบบสุริยะและคาบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่างๆ ศกึ ษาการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ การออกแบบและ การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟแวร์ ศึกษาการใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ การประเมินความ น่าเชื่อถือของข้อมูล และการรวบรวมข้อมูล ประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตาม ความเหมาะสม ศึกษาการใชซ้ อฟต์แวร์เพอื่ แกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวัน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบรรยายลกั ษณะเฉพาะ เปรยี บเทียบสมบัติทางกายภาพ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ จำแนกวัตถุ สร้างแบบจำลอง ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ แก้ปัญหา ออกเขียนและเขียนโปรแกรม ประเมินความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ บูรณาการกระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการสืบเสาะ กระบวนการกลุ่ม ผ่านการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคดิ Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนแสดงความรับผิดชอบด้วยกระบวนการทำงานที่รับมอบหมายอย่างรอบคอบ ประหยดั ซื่อสัตย์ จนงานลุล่วงเป็นผลสำเร็จ แสดงความคิดเห็นของตนเองยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และ ทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื อยา่ ง มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้วี ัด ว 1.2 ป.4/1 ว 1.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ว 2.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 2.3 ป.4/1 ว 3.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ว 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ป.4/4 ป.4/5 รวม 7 มาตรฐานการเรียนรู้ 21 ตวั ชีว้ ดั

๕๕ รหสั วิชา ว 1๕101 คำอธบิ ายรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เวลา 80 ชว่ั โมง ศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตในท้องถิ่น (จังหวัด ปทุมธานี) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในแต่ละแหล่งที่อยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตกับสิง่ ไม่มีชีวิต โซ่อาหาร บทบาทหน้าที่ของผู้ผลิต และผู้บริโภคสิ่งแวดล้อมทีม่ ีผลต่อ การดำรงชวี ติ ของส่งิ มีชีวติ ลกั ษณะทางพันธุกรรมที่มกี ารถา่ ยทอดจากพอ่ แม่สู่ลกู ของพชื สัตว์ และมนุษย์ การ เปลี่ยนสถานะของสาร การละลายของสาร การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลง ที่ผันกลับได้และผัน กลับไม่ได้ การหาแรงลัพธ์ แรงที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกันและแรงลัพธ์ที่กระทำตอ่ วัตถุ การใช้เครื่องชง่ั สปรงิ ในการวดั แรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ แรงเสยี ดทาน การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง ทดลอง อธิบายลักษณะการเกิด เสยี งสงู เสียงตำ่ เสยี งดงั เสียงคอ่ ย ระดับเสยี ง แนวทางในการหลีกเล่ียง และลดมลพิษทางเสียง ปรมิ าณน้ำใน แต่ละแหล่ง ปริมาณนำ้ ท่ีมนษุ ย์สามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ แนวทางการใชน้ ำ้ อย่างประหยัดและการอนุรักษ์น้ำ วัฏจักรน้ำ การเกิดเมฆ หมอก น้ำค้างและน้ำค้างแข็ง การเกิดฝน หิมะ และลูกเห็บ ความแตกต่างของดาว เคราะหแ์ ละดาวฤกษ์ การขนึ้ และตกของกลุ่มดาวฤกษบ์ นท้องฟ้า การใช้แผนที่ดาว การศกึ ษาการใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธบิ ายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ การออกแบบและการเขียนโปรแกรมท่ีมี การใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างงา่ ย ศึกษาการใช้อินเทอร์เน็ตคน้ หาขอ้ มูล ติดตอ่ สอ่ื สารและทำงานร่วมกัน การ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู และการรวบรวมข้อมูล ประเมินทางเลือก พร้อมทั้งการนำเสนอข้อมูลใน รูปแบบตามความเหมาะสม ศึกษาการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอยา่ งปลอดภัยมมี ารยาทเข้าใจสิทธแิ ละหน้าท่ขี องตน เคารพในสทิ ธิของผ้อู นื่ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบรรยายโครงสร้าง อธิบายความสัมพันธ์ วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลง เขียนแผนภาพ ใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ระบุตัวแปรทดลอง ออกแบบการทดลอง ใช้แผนที่ดาว ใช้แบบจำลอง ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา ออกแบบละเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ประเมินความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมลู จากอนิ เทอร์เนต็ ใช้เทคโนโลยี บูรณาการกระบวนการวเิ คราะห์ กระบวนการ สืบเสาะ กระบวนการกลุม่ ผ่านการจดั การเรยี นร้ตู ามแนวคิด Active Learning เพอื่ ใหผ้ ้เู รยี นแสดงความมงุ่ ม่ัน สนใจทจี่ ะเรยี นรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ เกยี่ วกบั เร่อื ง ท่ีจะศึกษา โดย ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ ดำรงชีวิต แสดงความชื่นชม ยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วย การทำโครงงานหรอื ชิน้ งานตามความสนใจ

๕๖ มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด ว 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว 1.3 ป.5/1 ป.5/2 ว 2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ว 2.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 2.3 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 3.1 ป.5/1 ป.5/2 ว 3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 ว 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 รวม 8 มาตรฐานการเรียนรู้ 32 ตัวชี้วัด

๕๗ รหสั วชิ า ว 1๖101 คำอธิบายรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ รายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 80 ชวั่ โมง ศึกษาวิเคราะห์ สารอาหาร ประโยชน์และความสำคัญของสารอาหาร แนวทางในการเลือก รบั ประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดสว่ นทีเ่ หมาะสมกับเพศและวยั รวมท้ังความปลอดภัยต่อ สุขภาพ หน้าที่และความสำคัญของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร แนวทางในการดแู ลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ การแยกสารผสม โดยการหยิบออก การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน รวมทั้งวิธีแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวันเกี่ยวกับการแยกสาร การเกิดและผลของแรงไฟฟ้าที่เกิดจากวัตถุที่ผ่านการขัดถู ส่วนประกอบ และหน้าที่ของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ทดลอง อธิบายและบอก ประโยชน์ของการต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ประโยชน์ ข้อจำกัดของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน รวมทั้งการประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวัน การ เกดิ เงามดื เงามวั กระบวนการเกิดหินอัคนี หนิ ตะกอน และหินแปร วัฏจกั รหนิ การใช้ประโยชน์ของหินและ แร่ในชวี ิตประจำวัน การเกิดซากดึกดำบรรพ์และการคาดคะเนสภาพแวดลอ้ ม การเกดิ ลมบก ลมทะเล และ มรสมุ รวมทั้งผลท่ีมตี ่อส่งิ มีชีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม ผลของมรสมุ ต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย ลักษณะและ ผลกระทบของนำ้ ท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดนิ ถล่ม แผ่นดนิ ไหว สึนามิ ผลกระทบของภัยธรรมชาตแิ ละธรณี พบิ ตั ิภยั แนวทางในการเฝ้าระวังและปฏิบัติตนใหป้ ลอดภัยจากภยั ธรรมชาติและธรณีพบิ ัติภัยที่อาจเกิดข้ึน ในท้องถิ่น การเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก และผล ของปรากฏการณ์เรือนกระจกต่อสิ่งมีชีวิต แนว ทางการปฏิบัติตนเพื่อลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก การเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาและ จนั ทรปุ ราคา พัฒนาการของเทคโนโลยอี วกาศและการนำมาใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน การศกึ ษาการใช้ เหตุผลเชงิ ตรรกะในการอธิบาย และออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหาท่พี บในชวี ิตประจำวัน การออกแบบและการ เขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน การใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลอย่างมี ประสิทธิภาพ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศทำงานร่วมกันอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพใน สิทธิของผ้อู นื่ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการบอกแนวทางในการเลือก อธิบายเปรียบเทียบเขียน แผนภาพ ต่อวงจร ออกแบบการทดลอง สร้างแบบจำลอง อธิบายพัฒนาการ อธิบายผลทีเ่ กิดจากข้อมูลที่ รวบรวม บรรยายลกั ษณะและผลกระทบ ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ ออกแบบและเขยี นโปรแกรมใชอ้ ินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศดว้ ยความเข้าใจ

๕๘ เพื่อใหผ้ ้เู รียนซาบซึ้ง หว่ งใย ดแู ลรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยา่ งรู้คุณค่านำความรู้ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต เคารพสิทธิและหน้าที่ของตนเองและของผู้อื่นกับผู้อ่ืน อยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด ว 1.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ว 2.1 ป.6/1 ว 2.2 ป.6/1 ว 2.3 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ว 3.1 ป.6/1 ป.6/2 ว 3.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 ป.6/5 ป.6/6 ป.6/7 ป.6/8 ป.6/9 ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 รวม 7 มาตรฐานการเรยี นรู้ 30 ตวั ชี้วดั

๕๙ คำอธิบายรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว 2110๒ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1 เวลา ๖0 ชวั่ โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศึกษาและเรียนรู้สมบัติทางกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ จุดเดือด จุดหลอมเหลวของ สารบริสุทธิ์และสารผสม โดยการวัดอณุ หภูมิ ความหนาแนน่ ของสารบริสุทธิ์และสารผสม การใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสารบริสุทธิ์และสารผสม ความสัมพันธ์ ระหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนโดย การจัดเรียง อนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค และการเคลือ่ นทีข่ องอนุภาคของสสารชนิดเดียวกันในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส รูปร่างและโครงสร้างของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ หน้าที่ของผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ ไซโทพลาสซึม นิวเคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์ การใช้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงศึกษา เซลล์ และโครงสร้างต่างๆ ภายในเซลล์ การจัดระบบของสิ่งมีชีวิต โดยเริ่มจากเซลล์เนื้อเยื่อ อวัยวะ ระบบ อวยั วะ จนเปน็ สงิ่ มีชีวิต กระบวนการแพร่และออสโมซิส ปัจจยั ท่ีจำเป็นในการสังเคราะห์ด้วยแสงและผลผลิต การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ลักษณะ หน้าที่และทิศทางการลำเลียงสารของ ไซเล็ม และโฟลเอ็ม การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศของพืชดอก ลักษณะโครงสร้างของดอก การปฏิสนธิของพืชดอก การเกิด ผลและเมล็ด การกระจายเมล็ด และการงอกของเมล็ด ธาตุอาหารบางชนิด ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการดำรงชีวิตของพืช วิธีการขยายพันธุ์พืชให้เหมาะสมกับความต้องการของ มนุษย์ การเพาะเล้ยี งเนื้อเยื่อพชื ในการใช้ประโยชน์ด้านต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทักษะทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนแผนภาพ วิเคราะห์ แปลความหมายขอ้ มูล คำนวณ สร้างแบบจำลอง ออกแบบ เลอื กใชแ้ ละสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวัน บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการ สรา้ งความตระหนัก กระบวนการสบื เสาะ ผา่ นกระบวนการเรยี นรู้ตามแนวคดิ Active Learning เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจลกั ษณะและองค์ประกอบทีส่ ำคัญของเซลล์สงิ่ มีชวี ิต องค์ประกอบและสมบัติของ ธาตุ สารละลาย สารบริสุทธ์ิ สารผสม การถา่ ยโอนพลงั งาน สมดลุ ความรอ้ น และให้ผูเ้ รยี นตระหนักในคุณค่า ของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือสร้างชิ้นงาน แสดงความชื่นชมยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ และรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า มีส่วนร่วมในการพิทักษ์ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ ส่งิ แวดล้อมในทอ้ งถิ่น มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวดั ว ๑.2 ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/๑0 ม.1/1๑ ม.1/๑2 ม.1/๑3 ม.1/๑4 ม.1/15 ม.1/๑6 ม.1/๑7 ม.1/๑8 ว 2.1 ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/๑0 ว ๔.๑ ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ว ๔.๒ ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 รวม ๔ มาตรฐานการเรยี นรู้ ๓๗ ตวั ชีว้ ัด

๖๐ คำอธิบายรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 2110๒ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 เวลา ๖0 ชว่ั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกิต ศึกษาและเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างความดันอากาศกับความสูงจากพื้นโลก การคำนวณปริมาณ ความร้อนที่ทำให้ สสาร เปลี่ยน อุณหภูมิและ เปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ การใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัด อุณหภูมิของ สสาร การถ่ายโอนความร้อน การคำนวณปรมิ าณความร้อนทีถ่ ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิดสมดุลความร้อน การถ่าย โอนความร้อนโดยการนาความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสีความร้อน การแบ่งชั้นบรรยากาศและ เปรยี บเทียบประโยชน์ของบรรยากาศ ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงองคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ การเกิด พายุฝนฟ้าคะนองและพายหุ มุนเขตร้อนและผลที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม และการพยากรณ์อากาศการ เปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศโลก โดยใช้กระบวนการทักษะทางวิทยาศาสตรใ์ นการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนแผนภาพ วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล คำนวณ สร้างแบบจำลอง ออกแบบ เลอื กใชแ้ ละสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหา ในชีวิตประจำวัน บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุม่ กระบวนการ สร้างความตระหนกั กระบวนการสบื เสาะ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิด Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจการถ่ายโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบ และปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ลมฟ้าอากาศ สถานการณ์การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก และให้ผเู้ รยี นตระหนักในคุณค่า ของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือสร้างชิ้นงาน แสดงความชื่นชมยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ และรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า มีส่วนร่วมในการพิทักษ์ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ สงิ่ แวดลอ้ มในท้องถ่ิน มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด ว 2.2 ม.1/๑ ว 2.3 ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ว 3.2 ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ว ๔.๑ ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ว ๔.๒ ม.1/๑ ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 รวม ๕ ๒๔ ตัวชว้ี ัด

๖๑ คำอธิบายรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว 22101 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เวลา ๖0 ช่วั โมง จำนวน ๑.๕ หน่วยกติ ศกึ ษาและเรยี นรู้เกีย่ วกับอวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะท่ีเกย่ี วข้องในระบบหายใจ กลไกการหายใจเข้า และออก กระบวนการแลกเปลีย่ นแก๊ส อวยั วะในระบบขับถา่ ยในการกำจัดของเสียทางไต บรรยายโครงสร้าง และหน้าที่ของหัวใจ หลอดเลือด และเลือด การทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด การเปรียบเทียบอัตราการ เต้นของหัวใจขณะปกติและหลังทำกิจกรรม อวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการ ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย การป้องกนั การกระทบกระเทือนและอันตรายต่อสมองและไขสันหลัง อวัยวะและหนา้ ท่ีของอวัยวะในระบบสืบพันธุข์ องเพศชายและเพศหญิง ผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิง ท่ีควบคุมการเปลีย่ นแปลงของรา่ งกายเมื่อเข้าสู่วยั หน่มุ สาว การตกไข่ การมีประจำเดือน การปฏสิ นธิ และการ พัฒนาของไซโกต จนคลอดเป็นทารก การเลอื กวิธีการคุมกำเนดิ ท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ทกี่ ำหนด การแยก สารผสมโดยการระเหยแห้ง การตกผลึก การกลั่นอย่างง่าย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ การสกัดด้วยตัวทำ ละลาย การแยกสารไปใช้แก้ปัญหาในชวี ิตประจำวนั โดยบูรณาการวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และ วิศวกรรมศาสตร์ ผลของชนดิ ตัวละลาย ชนิดตวั ทำละลาย อณุ หภมู แิ ละความดนั ทม่ี ีต่อสภาพละลายไดข้ องสาร ปรมิ าณตัวละลายในสารละลายในหน่วยความเข้มขน้ เป็นรอ้ ยละ ปริมาตรต่อปริมาตร มวลต่อมวล และมวลต่อ ปรมิ าตร โดยใช้กระบวนการทักษะทางวิทยาศาสตรใ์ นการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนแผนภาพ วิเคราะห์สถานการณ์ แปลความหมายข้อมูล คำนวณ สร้างแบบจำลอง พยากรณ์ ออกแบบการทดลองและ ทดลอง เลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสืบเสาะผ่าน กระบวนการเรยี นรตู้ ามแนวคิด Active Learning เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นตระหนกั ในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีที่ใชใ้ นชีวิตประจำวนั ใช้ความรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิตและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือสร้าง ชิ้นงาน แสดงความชื่นชมยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใยมี พฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า มีส่วนร่วมในการดูแล ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถ่ิน มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวช้ีวดั ว ๑.2 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/๑0 ม.2/11 ม.2/๑2 ม.2/๑3 ม.2/๑4 ม.2/15 ม.2/๑6 ม.2/๑7 ว 2.1 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว 4.1 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ว 4.1 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 รวม 4 มาตรฐานการเรียนรู้ 32 ตัวชี้วดั

๖๒ คำอธบิ ายรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 22102 รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เวลา ๖0 ชัว่ โมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศกึ ษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนทข่ี องวัตถุที่เปน็ ผลของแรงลพั ธ์ที่เกิดจากแรงหลายแรงท่ีกระทำ ตอ่ วัตถใุ นแนวเดียวกัน แรงและแรงลพั ธท์ ี่เกิดจากแรงหลายแรงท่กี ระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน ปัจจัยท่ีมีผล ตอ่ ความดนั ของของเหลว แรงพยงุ และการจม การลอยของวัตถุในของเหลว แรงเสียดทานสถติ และแรงเสียด ทานจลน์ปัจจัยที่มีผลต่อขนาดของแรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรงเมือ่ วัตถุอยูใ่ นสภาพสมดลุ ต่อการหมุนและ คำนวณโดยใช้สมการ แหล่งของสนามแม่เหลก็ สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถ่วง และทิศทางของแรงที่กระทำ ตอ่ วัตถทุ ีอ่ ยู่ในแตล่ ะสนาม แรงแมเ่ หลก็ แรงไฟฟ้าและแรงโน้มถว่ งที่กระทำต่อวัตถุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างขนาด ของแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ในสนามนั้นๆ กับระยะห่างจากแหล่งของ สนามถงึ วตั ถุ อตั ราเร็วและความเรว็ ของการเคล่ือนท่ีของวัตถุ การกระจัดและความเรว็ งานและพลังงานการ ทำงานของเครือ่ งกลอย่างง่ายจาก ปจั จยั ทีม่ ีผลต่อพลังงานจลน์และพลังงานศกั ย์โน้มถว่ ง การเปลี่ยนและการ ถ่ายโอนพลงั งานโดยใช้กฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน การใช้เช้อื เพลงิ ซากดกึ ดาบรรพ์ ข้อดีและข้อจำกัดของพลังงาน ทดแทนแต่ละประเภท แนวทางการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมในท้องถิ่น โครงสร้าง ภายในโลก ตาม องค์ประกอบ ทางเคมี กระบวนการผุพงั อยูก่ ับท่ี การกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอน ชัน้ หน้าตัดดินปัจจัย ที่ทำให้ดินมีลักษณะและสมบัติแตกต่างกัน สมบัติบางประการของดิน การใช้ประโยชน์ดิน ปัจจัยและ กระบวนการเกิดแหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้าใต้ดิน การใช้น้ำ แนวทางการใช้น้ำอย่างยั่งยืนในท้องถิ่นของ ตนเอง และกระบวนการเกิดและผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝงั่ ดินถลม่ หลมุ ยุบ แผน่ ดนิ ทรดุ โดยใช้กระบวนการทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนแผนภาพ วิเคราะห์สถานการณ์ แปลความหมายข้อมูล คำนวณ สร้างแบบจำลอง พยากรณ์ ออกแบบการทดลองและ ทดลอง เลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการสืบเสาะผ่าน กระบวนการเรยี นรูต้ ามแนวคดิ Active Learning เพื่อใหผ้ เู้ รียนตระหนักในคุณคา่ ของความร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีทใี่ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน ใชค้ วามรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิตและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือสร้าง ชิ้นงาน แสดงความชื่นชมยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใยมี พฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า มีส่วนร่วมในการดูแล ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถิ่น มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชีว้ ดั ว 2.2 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/๑0 ม.2/11 ม.2/๑2 ม.2/๑3 ม.2/๑4 ม.2/15 ว 2.3 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ว 3.2 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8 ม.2/9 ม.2/๑0 ว 4.1 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ว 4.1 ม.2/๑ ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 รวม 5 มาตรฐานการเรียนรู้ 40 ตัวชว้ี ดั

๖๓ คำอธบิ ายรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว 23101 รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เวลา ๖0 ช่ัวโมง จำนวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบนิเวศ รูปแบบความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆ ในแหล่งที่อยู่เดียวกัน การถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร ความสัมพันธ์ของผู้ผลิต ผู้บริโภคและผู้ย่อยสลาย สารอินทรีย์ในระบบนิเวศ การสะสมสารพิษในสิ่งมีชีวิตในโซ่อาหาร ความสัมพันธ์ ระหว่าง ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสมโดยพิจารณาลักษณะ เดียวที่แอลลีลเด่นข่มแอลลีลด้อยอย่างสมบูรณ์ การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของลูก การคำนวณอัตราส่วน การเกิดจีโนไทป์และฟีโนไทปข์ องรุ่นลูก การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส การเปล่ยี นแปลงของยีนหรือ โครโมโซมอาจทำให้เกิดโรคทางพนั ธกุ รรม การใชป้ ระโยชน์จากสิ่งมีชวี ติ ดัดแปรพันธุกรรมและผลกระทบที่อาจ มีต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ประโยชน์และผลกระทบของสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ความหลากหลายทาง ชวี ภาพในระดบั ชนดิ ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศต่าง ๆ ความสำคญั ของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีผลต่อการ รักษาสมดุลของระบบนิเวศและต่อมนุษย์ สมบตั ทิ างกายภาพและการใช้ประโยชน์วสั ดปุ ระเภทพอลเิ มอร์ เซรา มิกส์และวัสดุผสม การเกิดปฏิกิริยาเคมี การจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมเมื่อการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีกฎทรงมวล ปฏิกิรยิ าดูดความร้อนและปฏิกิริยาคายความร้อน พลังงานความร้อนของปฏิกิรยิ า ปฏิกิริยาการเกิดสนมิ ของ เหล็ก ปฏิกิรยิ าของกรดกบั โลหะ ปฏกิ ริ ยิ าของกรดกับเบส และปฏกิ ริ ิยาของเบสกับโลหะ ปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม วิธีการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดจากปฏิกิริยาเคมี เข้าใจระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับ สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ปรากฏของดวงอาทิตย์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ความ หลากหลายทางชีวภาพ วัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดุผสม แรงที่ปรากฏในชีวิตประจำวนั และ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของสสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาติ ของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี โดยใช้กระบวนการทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนกราฟ ความสัมพันธ์ วเิ คราะหค์ วามสัมพันธ์ แปลความหมายขอ้ มูล คำนวณ สรา้ งแบบจำลอง ออกแบบการทดลอง และทดลอง เลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน บูรณาการกระบวนการคิด วิเคราะห์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสรา้ งความตระหนัก กระบวนการสืบเสาะผ่าน กระบวนการเรียนรู้ตามแนวคดิ Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำรงชีวิต และการ ประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชมยกยอ่ ง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวก และด้านลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ต่อสิ่งแวดล้อมและตอ่ บริบทอืน่ ๆ และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และ

๖๔ รกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า มีส่วนรว่ มในการพิทักษ์ ดแู ลทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดล้อมในทอ้ งถิ่น มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั ว ๑.1 ม.3/๑ ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ว ๑.3 ม.3/๑ ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/๑0 ม.3/11 ว 2.1 ม.3/๑ ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 รวม ๓ มาตรฐานการเรยี นรู้ ๒๔ ตวั ชีว้ ัด

๖๕ คำอธบิ ายรายวิชาวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน รหัสวชิ า ว 2310๒ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 เวลา ๖0 ชั่วโมง ศึกษาและเรยี นร้เู กี่ยวกับองคป์ ระกอบของความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความต่างศักยก์ ระแสไฟฟา้ และความ ต้านทาน การใช้โวลต์มิเตอร์ แอมมิเตอร์ในการวัดปริมาณทาง ไฟฟ้า การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรมและ ขนาน การทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อย่างงา่ ยในวงจร คำนวณค่าไฟฟา้ ของเคร่ืองใช้ไฟฟ้าในบา้ นการ เกิดคลื่นและบรรยายส่วนประกอบของคลื่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ประโยชน์ และอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การอธิบายกฎการสะท้อนของแสง การเคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกดิ ภาพจากกระจกเงา การหักเหของแสงเมอื่ ผ่านตัวกลางโปรง่ ใสที่แตกต่างกัน การกระจายแสงของแสงขาวเม่ือ ผ่านปริซึม การเคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกิดภาพจากเลนส์บาง แสงและการทำงานของทัศนอุปกรณ์ การ เคลื่อนที่ของแสงแสดงการเกดิ ภาพของทศั นอุปกรณแ์ ละเลนส์ตา ความสว่างทีม่ ีต่อดวงตา การโคจรของดาว เคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดูและการเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ การเกิดข้างขึ้นข้างแรม การ เปล่ยี นแปลงเวลาการข้ึนและตกของดวงจันทร์ และการเกดิ น้ำขึน้ นำ้ ลง การใช้ประโยชนข์ องเทคโนโลยีอวกาศ และความก้าวหน้าของโครงการสำรวจอวกาศ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่าย โอนพลังงาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้ง นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ กระบวนการเกิดและ วิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อ ส่งิ มีชีวติ และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ โดยใช้กระบวนการทักษะทางวิทยาศาสตร์ในการระบุ บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ เขียนกราฟ ความสัมพันธ์ วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ แปลความหมายข้อมูล คำนวณ สรา้ งแบบจำลอง ออกแบบการทดลอง และทดลอง เลือกใช้และสร้างอุปกรณ์เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาท่ีเช่ือมโยง กับพยานหลกั ฐานหรอื หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ ท่มี ีการกำหนดและควบคุมตวั แปร คดิ คาดคะเนคำตอบหลาย แนวทาง สรา้ งสมมตฐิ านที่สามารถนำไปสกู่ ารสำรวจ ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้ วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวม ข้อมูล บูรณาการกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุม่ กระบวนการสร้างความ ตระหนกั กระบวนการสบื เสาะ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามแนวคดิ Active Learning เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำรงชีวิตและการ ประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชมยกย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผูค้ ิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวก และด้านลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ต่อสิ่งแวดล้อมและตอ่ บริบทอืน่ ๆ และศึกษาหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และ รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อมอยา่ งรู้คุณค่า มสี ว่ นรว่ มในการพทิ กั ษ์ ดแู ลทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมในทอ้ งถ่ิน มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชี้วัด ว 2.3 ม.3/๑ ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 ม.3/6 ม.3/7 ม.3/8 ม.3/9 ม.3/๑0 ม.3/11 ม.3/12 ม.3/13 ม.3/14 ม.3/15 ม.3/16 ม.3/17 ม.3/18 ม.3/19 ม.3/20 ม.3/21 ว 3.1 ม.3/๑ ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 รวม ๒ มาตรฐานการเรียนรู้ ๒๕ ตวั ชีว้ ัด

๖๖ รหัสวชิ า ว 31102 คำอธิบายรายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชีวภาพ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เวลา ๖0 ชวั่ โมง ศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของระบบนิเวศ องค์ประกอบของ ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เซลล์และโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์ การลำเลียงสารเข้า และออกจากเซลล์ การรักษาดลุ ยภาพของน้ำและแรธ่ าตุ กรด-เบส อุณหภมู ิในรา่ งกายมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกัน ความผดิ ปกติของระบบภูมคิ ุ้มกัน การสร้างอาหารของพืชดว้ ยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง สารสังเคราะห์ จากพชื ปัจจัยทมี่ ีผลต่อการเจรญิ เติบโตของพืช การตอบสนองของพืชต่อสิง่ เร้า ยีนและการถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมระดับยีนและโครโมโซม การใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยีทาง ดีเอน็ เอ ววิ ัฒนาการของสิ่งมีชีวติ จากการคดั เลอื กโดยธรรมชาติ การ คัดเลอื กโดยธรรมชาติของส่งิ มีชีวิต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะ หาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวเิ คราะห์ การอธบิ าย การอภปิ ราย และการสรุป เพ่อื ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสนิ ใจ สื่อสารสงิ่ ทเ่ี รียนรู้และนําความรไู้ ปใช้ในชีวิตของตนเองและดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอ่ืน ๆ เฝ้าระวัง และพัฒนาสิง่ แวดลอ้ มอย่างย่งั ยนื มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่ีเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ว 1.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ว 1.2 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 ม.4/7 ม.4/8 ม.4/9 ม.4 / 1 0 ม.4 /11 ม.4/12 ว 1.3 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 ม.4/6 รวม 3 มาตรฐาน 22 ตัวช้ีวดั

๖๗ รหัสวิชา ว 32102 คำอธบิ ายรายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ ื้นฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 รายวชิ า วิทยาศาสตรก์ ายภาพ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เวลา ๖0 ชว่ั โมง ศึกษา วิเคราะห์ และแปลความหมายของปรมิ าณทเ่ี ก่ียวข้องกบั การเคลอื่ นที่ ระยะทาง การกระจดั อัตราเร็ว ความเรว็ ความเรง่ ลักษณะของแรง การหาแรงลัพธ์ กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน การเคลือ่ นทีแ่ บบ โพรเจกไทล์ การเคลื่อนทแ่ี บบวงกลมและปรมิ าณทีเ่ ก่ียวข้องกบั การเคลื่อนทแี่ บบวงกลม แรงสู่ศนู ย์กลาง ความเร่งสศู่ นู ย์กลาง การประยุกตใ์ ช้ความร้กู ารเคลอ่ื นที่แบบวงกลมในการอธบิ ายการเคล่ือนทข่ี องรถบนถนน โคง้ การแกวง่ ของวัตถตุ ดิ ปลายเชอื ก การสนั่ ของวตั ถุตดิ ปลายสปริง แรงโนม้ ถว่ งและสนามโนม้ ถว่ ง การ เคลอ่ื นทขี่ องวัตถุในสนามโน้มถ่วงของโลก ประโยชน์จากสนามโนม้ ถว่ ง แรงไฟฟา้ และสนามไฟฟ้า ผลของ สนามไฟฟ้าต่ออนภุ าคที่มีประจุไฟฟ้า ประโยชนจ์ ากสนามไฟฟา้ แรงแมเ่ หล็กและสนามแมเ่ หลก็ ผลของ สนามแมเ่ หลก็ ต่ออนภุ าคที่มีประจุไฟฟา้ ผลของสนามแม่เหล็กตอ่ ตวั นำท่มี ีกระแสไฟฟา้ ประโยชนจ์ าก สนามแม่เหล็ก แรงนวิ เคลยี รอ์ ยา่ งเขม้ แรงนิวเคลียรอ์ ย่างออ่ น พลงั งานในชีวติ ประจำวนั พลังงานทดแทน ประเภทสิ้นเปลือง พลังงานทดแทนประเภทหมนุ เวียน ไฟฟา้ จากพลงั งานนวิ เคลยี ร์ ไฟฟา้ จากพลงั งาน แสงอาทิตย์ พลงั งานนิวเคลยี ร์ฟชิ ชนั พลงั งานนิวเคลียร์ฟวิ ชนั เทคโนโลยดี า้ นพลงั งาน คลน่ื กล ส่วนประกอบ ของคล่นื กล อตั ราเร็วของคลื่น สมบัติของคล่ืน เสียง สมบตั ขิ องเสยี ง ระดับเสียง ความเข้มเสียง หูกับการได้ยนิ บีต ดอปเพลอร์ ความถีธ่ รรมชาตแิ ละการสน่ั พ้อง การนำความรเู้ รื่องเสียงไปใช้ประโยชน์ แสง ตากับการ มองเห็น การผสมแสงสี การผสมสารสี และการใช้ประโยชน์ การบอดสี คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า สเปกตรัมคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า ประโยชน์ของคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ อปุ กรณค์ วบคุมระยะไกล การใชค้ ล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ ในการ ส่อื สารขอ้ มูล สัญญาณแอนะลอ็ ก และสญั ญาณดิจิทัล โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การอภปิ ราย และการสรุปผล เพอื่ ใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ และความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสนิ ใจ สือ่ สารสงิ่ ท่เี รยี นรแู้ ละนำความร้ไู ปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ตลอดจนมีจิตวิทยา ศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มทเี่ หมาะสม มาตรฐานตวั ช้ีวัด ว 2.2 ม.5/1 ,ม.5/2 , ม.5/3 , ม.5/4 , ม.5/5, ม.5/6 , ม.5/7, ม.5/8 , ม.5/9 , ม.5/10 , ว 2.3 ม.5/1 ,ม.5/2 , ม.5/3 ม.5/4 ,ม.5/5,ม.5/6,ม.5/7,ม.5/8, ม.5/9,ม.5/10,ม.5/11,ม.5/12 รวม 2 มาตรฐาน 22 ตัวช้วี ัด

รหสั วิชา ว 33102 ๖๘ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 คำอธิบายรายวิชาวิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน รายวิชา วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา ๖0 ช่วั โมง ศึกษาการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลังเกิดบิกแบง หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิด ดาวฤกษ์ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส่องสว่าง ความสัมพันธ์ระหว่างความส่องสว่างกับโชติมาตร ความสัมพันธ์ ระหว่างสี อุณหภูมิผิวและสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการที่สัมพันธ์กับมวลตั้งต้นของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการ ดำรงชีวิต โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ การสำรวจอากาศโดยใช้กล้องโทรทรรศน์ ในช่วงความยาวคลื่นต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ การนำความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศ มาประยุกต์ใช้ การแบ่งชั้นและสมบัตขิ องโครงสร้างโลก หลักฐานทางธรณีวิทยาที่สนับสนุนการเคลื่อนที่ของ แผ่นธรณี รปู แบบแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี สาเหตกุ ระบวนการเกิด พน้ื ท่เี ส่ียงภยั ภเู ขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสีนามิ แนวทางการเฝ้าระวังและการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากธรณีพิบัติภัย ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการ ไดร้ ับพลงั งานจากดวงอาทติ ย์ การหมนุ เวยี นอากาศ การหมุนเวยี นของนำ้ ผิวหนา้ ในมหาสมุทร ปัจจยั ท่ีมีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก แปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟา้ อากาศจากแผนที่อากาศ และนำข้อมูล สารสนเทศต่าง ๆ มาวางแผนในการดำเนนิ ชีวิต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวเิ คราะห์ การอภิปราย การอธบิ ายและการสรุปผล เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และ นำความร้ไู ปใช้ในชวี ิตของตนเอง ตลอดจนมจี ิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมที่ถูกต้อง มาตรฐานตวั ช้ีวัด ว 3.1 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ม.6/7 ม.6/8 ม.6/9 ม.6/10 ว 3.2 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ม.6/7 ม.6/8 ม.6/9 ม.6/10 ม. 6/11 ม.6/12 ม.6/13 ม.6/14 รวม 2 มาตรฐาน 24 ตัวชวี้ ัด

๖๙ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 11102 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลา 20 ช่ัวโมง ศกึ ษาการแก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้ข้นั ตอนการแกป้ ญั หา การแสดงลำดับขน้ั ตอนการทำงาน หรอื การแก้ปญั หาโดยใช้ ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรอื ข้อความ ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสรา้ งลำดบั ของคำสัง่ ให้ คอมพวิ เตอรท์ ำงาน ศึกษาการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยเี บอื้ งตน้ การใชซ้ อฟต์แวรเ์ บ้อื งต้น การสร้างและ จัดเกบ็ ไฟล์อย่างเปน็ ระบบและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรโู้ ดยใช้การคดิ เชงิ คำนวณและปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) เพอ่ื เน้นให้ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้ จากการฝกึ แกป้ ัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคดิ การปฏิบัติอย่าง มรี ะบบ และสรา้ งองคค์ วามร้ใู หมจ่ ากการใช้ปญั หาทีเ่ กดิ ขนึ้ จรงิ ในชวี ิตประจำวนั ได้ เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมีความร้คู วามเข้าใจ มีทักษะการคดิ เชิงคำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปญั หาเป็นขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ มที กั ษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รกั ษาขอ้ มูลสว่ นตัว และการส่อื สารเบ้อื งตน้ ในการ แก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยไี ปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ต่อสงั คม และการดำรงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปญั หาและการจัดการทักษะในการสอ่ื สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ และเปน็ ผู้ทม่ี ีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตวั ชีว้ ัด ว. 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตัวช้ีวดั

๗๐ คำอธบิ ายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 12102 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 2 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาการแสดงลำดบั ขั้นตอนการทำงานหรอื แกป้ ญั หาอย่างง่าย โดยใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ์ หรือขอ้ ความ ตลอดจนการเขียนโปรแกรมสร้างลำดบั ของคอมพิวเตอร์ทำงาน และตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม ศกึ ษา การใช้งานซอฟตแ์ วรเ์ บื้องต้น การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสร้าง และจัดการกับขอ้ มูลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย โดยอาศัยกระบวนการเรยี นร้โู ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-Base Learning) เพือ่ เน้นใหผ้ เู้ รียน เกดิ การเรยี นรู้จากการฝึกแกป้ ญั หาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคดิ การปฏิบัตอิ ย่างมรี ะบบ และสรา้ งองคค์ วามรู้ ใหมจ่ ากการใชป้ ญั หาท่ีเกิดขน้ึ จรงิ ในชีวิตประจำวันได้ เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมีความรู้ ความเข้าใจ มีทกั ษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวเิ คราะห์ แกป้ ัญหาเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ มที ักษะการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมลู ส่วนตัว และการสอ่ื สารเบอ้ื งตน้ ในการ แกป้ ัญหาที่พบในชีวติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสงั คม และการดำรงชีวิตจนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา การจัดการทักษะในการสอื่ สาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มี จติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตวั ชวี้ ัด ว 4.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 รวม 1 มาตรฐาน รวม 4 ตัวช้ีวัด

๗๑ คำอธบิ ายรายวชิ าเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 13102 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 20 ช่ัวโมง ศกึ ษาเก่ียวกบั การใช้อัลกอริทมึ ในการแกป้ ัญหา โดยมีการใช้แนวคิดเชิงคำนวณเข้ามาช่วยในการ แก้ปญั หา ศกึ ษาการเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมซึ่งเรยี นรไู้ ดจ้ ากเวบ็ ไซต์ Code.org ศึกษาการสืบคน้ ขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั การรวบรวม ประมวลผล นำเสนอขอ้ มูล และศกึ ษาการใช้งานซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ เพ่ือนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นการพฒั นางานใหม้ ี ประสิทธภิ าพ โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem–Based Learning) และวฏั จักรการ เรยี นรแู้ บบ สืบเสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพอ่ื เน้นให้ผู้เรียนไดล้ งมือปฏบิ ตั ิ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแกป้ ญั หา วางแผนการเรยี นรู้ ตรวจสอบการเรยี นรู้ และสรา้ งองค์ความรใู้ หม่ด้วยตนเอง ผา่ นกระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมคี วามรคู้ วามเข้าใจ มีทักษะการคดิ เชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แกป้ ัญหาเปน็ ข้ันตอน และเปน็ ระบบ มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รักษาข้อมลู สว่ นตวั และการสอ่ื สารเบอื้ งตน้ ในการ แก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวิทยาศาสตร์และนำ เทคโนโลยีใหมท่ ี่เกดิ ข้นึ ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคมและการดำรงชวี ิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจัดการทกั ษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ ตดั สินใจ และเป็นผู้ท่ีมจี ิตวิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวชีว้ ัด ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตัวชว้ี ัด

๗๒ คำอธบิ ายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 14102 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 20 ชวั่ โมง ศึกษาเก่ียวกบั การใช้อัลกอริทมึ ในการแกป้ ัญหา โดยมีการใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณเข้ามาชว่ ยในการ แก้ปญั หา ศกึ ษาการเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย การตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรมซึ่งเรียนรไู้ ด้จากเวบ็ ไซต์ Code.org ศึกษาการสืบค้นขอ้ มลู จากอนิ เทอร์เนต็ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย การรวบรวม ประมวลผล นำเสนอขอ้ มูล และศกึ ษาการใช้งานซอฟต์แวรต์ า่ ง ๆ เพ่ือนำมาประยกุ ตใ์ ช้ในการพฒั นางานใหม้ ี ประสิทธภิ าพ โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem–Based Learning) และวฏั จกั รการ เรยี นรแู้ บบ สืบเสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพือ่ เนน้ ใหผ้ ู้เรยี นไดล้ งมือปฏิบตั ิ ฝกึ ทักษะการคดิ เผชิญสถานการณ์การแกป้ ญั หา วางแผนการเรยี นรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง ผา่ นกระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพอ่ื ให้ผูเ้ รยี นมีความรคู้ วามเข้าใจ มีทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ แกป้ ญั หาเป็นขน้ั ตอน และเปน็ ระบบ มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มูลส่วนตวั และการสอื่ สารเบ้ืองต้นในการ แก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์และนำ เทคโนโลยีใหมท่ ี่เกดิ ขนึ้ ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิด และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจดั การทักษะในการสือ่ สาร และความสามารถในการ ตดั สินใจ และเป็นผู้ทีม่ จี ติ วิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวชีว้ ัด ว 4.2 ป.3/1 ป.3/2 ป.3/3 ป.3/4 ป.3/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตัวชว้ี ัด

๗๓ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 15102 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 20 ชว่ั โมง ศึกษาการใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธจ์ ากปญั หาอย่างงา่ ย การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมกี ารใช้เหตุผลเชิงตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหาขอผิดพลาดและแก้ไข การใช้ อินเทอร์เนต็ คน้ หาขอ้ มูล ติดต่อส่ือสารและทำงานร่วมกนั ประเมินความนา่ เชือ่ ถือของขอ้ มูล การรวบรวม ประเมิน นำเสนอขอ้ มูล และสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ ารบนอินเทอร์เน็ตท่ี หลากหลายเพ่อื แก้ปัญหาในชวี ติ ประจำวนั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เขา้ ใจสทิ ธิ และหน้าทข่ี องตนเอง เคารพในสิทธขิ องผ้อู ืน่ และแจง้ ผ้เู กี่ยวขอ้ งเม่อื พบขอ้ มูลหรือบุคคลทไี่ มเ่ หมาะสม โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรูโ้ ดยใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem-Base Learning) เพ่อื เน้นให้ผูเ้ รยี น เกิดการเรียนรู้จากการฝึกแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ผา่ นกระบวนการคดิ การปฏิบัติอยา่ งมรี ะบบ และสร้างองคค์ วามรู้ ใหม่จากการใชป้ ัญหาท่ีเกดิ ขึน้ จรงิ ในชวี ติ ประจำวันได้ เพื่อให้ผ้เู รยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ มีทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเปน็ ขัน้ ตอน และเปน็ ระบบ มที ักษะในการตง้ั คำถาม หรือกำหนดปัญหาเกยี่ วกบั สงิ่ ทีจ่ ะเรียนรตู้ ามทกี่ ำหนดให้ หรอื ตาม ความสนใจ คาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานท่ีสอดคลอ้ งกบั คำถาม วางแผนและสำรวจ ตรวจสอบโดยใช้เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศท่เี หมาะสมในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ท้งั เชิง ปรมิ าณและคุณภาพ ค้นหาขอ้ มูลอย่างมีประสิทธภิ าพและประเมินความน่าเชอื่ ถอื ตัดสนิ ใจเลือกข้อมลู ให้ เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้ เกดิ ประโยชน์ตอ่ สังคมและการดำรงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถใน การแกป้ ัญหาและการจัดการทกั ษะในการสอ่ื สาร ความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้มจี ิตวิทยาศาสตร์ มี คณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวชี้วัด ว. 4.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ป.5/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตัวชี้วดั

๗๔ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 16102 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 20 ชัว่ โมง ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้โปรแกรม Scratch ศึกษาการ แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมิน ความนา่ เชื่อถอื ศกึ ษาการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศและความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยี โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( Problem – based Learning) และวัฏจักรการ เรียนร้แู บบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Intructional Model) เพอ่ื เนน้ ให้ผูเ้ รียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝกึ ทกั ษะการคดิ เผชิญ สถานการณ์การแก้ปัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเองผ่าน กระบวนการคดิ และปฏิบตั ิ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ มีทกั ษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วเิ คราะห์ แก้ปัญหาเป็นข้ันตอน และเป็นระบบ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาข้อมูลส่วนตัว และการสื่อสารเบื้องต้นในการ แก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และนำ เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ตอ่ สังคม และการดำรงชีวิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการ ตดั สนิ ใจ และเป็นผู้ทีม่ จี ติ วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ป.6/1 ป.6/2 ป.6/3 ป.6/4 รวม 1 มาตรฐาน รวม 4 ตวั ชว้ี ัด

๗๕ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 21201 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาแนวคิดเชงิ นามศึกษา แนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลอื กคณุ ลกั ษณะท่ีจำเป็นต่อการแก้ปัญหา ข้นั ตอนการแกป้ ญั หา การเขียนรหสั ลำลองและผังงาน การเขยี นออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายที่มีการ ใช้งานตวั แปร เง่อื นไข และการวนซ้ำ เพ่อื แกป้ ญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐม ภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบน อินเตอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ปลอดภัย การจัดการอัต ลกั ษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเน้ือหา ข้อตกลงและข้อกำหนดการใชส้ อื่ และแหลง่ ข้อมูล โดยใชแ้ นวคิดเชงิ นามธรรมและขัน้ ตอนการแก้ปญั หา ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม หรือการ แก้ปัญหาในชีวิตจริง รวบรวมข้อมูลและสร้างทางเลือก ในการตัดสนิ ใจได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและตระหนักถึง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และไม่สร้างความเสียหายให้แก่ ผอู้ ่นื เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ชค้ วามรูด้ า้ นวิทยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการแกป้ ัญหาที่พบใน ชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรฐานตัวชว้ี ัด ว ๔.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔ รวม ๑ มาตรฐาน ๔ ตวั ชวี้ ัด

๗๖ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหัสวิชา ว 22201 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาแนวคิดเชิงคำนวณ การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณ การเขียนออกแบบและเขียน โปรแกรมที่มีการใช้ตรรกะโดยใช้ตัวดำเนินการบูลีนและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา องค์ประกอบและหลักการ ทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสาร การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ การสร้างและแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของผลงาน การกำหนด สิทธกิ ารใช้ขอ้ มลู โดยใช้แนวคิดเชิงคำนวณและขั้นตอนการแก้ปัญหา ไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือการ แกป้ ัญหาในชีวติ จริง ปฏบิ ตั ิการใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยกี ารสื่อสาร เทคโนโลยสี ารสนเทศ ในการช่วย อำนวยความสะดวกในกิจกรรมต่างๆ เป็นเครื่องมือในการทำงานในด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ สว่ นบุคคลและสังคม เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรู้ดา้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการแก้ปัญหาที่พบใน ชีวิตจริงไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐานตัวชี้วัด ว ๔.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔ รวม ๑ มาตรฐาน ๔ ตัวชวี้ ัด

๗๗ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 23201 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาแนวคิดและขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of Things (IoT) การรวบรวมข้อมูล จากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล การประมวลผล การประเมิน ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูล ผลกระทบจากขา่ วสารท่ผี ดิ พลาด การร้เู ท่าทันสอ่ื การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ปลอดภยั และมีความรบั ผิดชอบ กฎหมายเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธ์ขิ องผอู้ ่ืนโดยชอบธรรม โดยใช้การปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาแอปพลิเคชันตามขนั้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชัน โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือ บริการบนอินเตอร์เน็ตในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ประมวลผล สร้าง ทางเลือก ประเมินผลเพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อใชใ้ นการแก้ปัญหาหรอื การตัดสนิ ใจได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยและมีความรบั ผิดชอบโดยปฏบิ ัตติ ามกฎหมายเก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรูด้ ้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการแก้ปญั หาท่ีพบใน ชีวิตจรงิ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐานตัวช้ีวัด ว ๔.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตัวชีว้ ัด

๗๘ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหัสวชิ า ว 31201 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 20 ชว่ั โมง ศึกษาการประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการพัฒนาโครงงาน การพัฒนาโครงงานทางด้าน เทคโนโลยี การนำแนวคิดเชิงคำนวณพัฒนาโครงงานที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ตลอดจนใช้ในการพัฒนา โครงงานทมี่ กี ารบรู ณาการกบั วชิ าอืน่ อยา่ งสร้างสรรค์และเช่ือมโยงกบั ชวี ติ จรงิ โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เพื่อเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรม โครงงาน เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนำเอา แนวคดิ เชิงคำนวณมาประยกุ ต์ใชใ้ นการสรา้ งโครงงานได้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ความรูท้ างด้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสือ่ สารเพือ่ รวบรวมข้อมลู ในชีวิตจรงิ จากแหลง่ ต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อ่ืนมาประยุกตใ์ ช้ สรา้ งความรู้ ใหม่ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีท่ีมีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้อย่าง ปลอดภยั มีจริยธรรม ตลอดจนนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคม และการดำรงชวี ิต จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวช้วี ัด ว 4.2 ม.4/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตวั ช้ีวัด

๗๙ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) รหสั วิชา ว 32201 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 20 ชว่ั โมง ศกึ ษาเก่ยี วกับวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ สอ่ื ดิจทิ ลั และเทคโนโลยีสารสนเทศกับการดำเนนิ ชีวติ เทคโนโลยกี ารจัดการขอ้ มูล ขอ้ มลู ฐานข้อมูล คลังข้อมลู การทำเหมืองขอ้ มูล ประมวลผลขอ้ มลู วทิ ยาการ ข้อมูล ข้อมูลขนาดใหญ่ การวเิ คราะห์ข้อมูล วิทยาการข้อมูล โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเปน็ ฐาน(Project-based Learning) เพอื่ เน้นใหผ้ ูเ้ รียนได้ลงมือปฏบิ ัติ ฝึกทกั ษะการคดิ เผชญิ สถานการณก์ ารแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรยี นรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพอ่ื ใหเ้ กิดทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะในการวเิ คราะห์โจทย์ปัญหา จนสามารถนำเอาแนวคดิ เชงิ คานวณมาประยุกต์ใช้ในการสรา้ งโครงงานได้ เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถใช้ความรทู้ างดา้ นวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สือ่ ดิจทิ ัล เทคโนโลยสี ารสนเทศและ การส่ือสาร เพ่อื รวบรวมขอ้ มูลในชีวติ จริงจากแหล่งตา่ ง ๆ และความรู้จากศาสตรอ์ ่ืนมาประยุกตใ์ ช้ สรา้ ง ความรู้ใหม่ เขา้ ใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทม่ี ีผลตอ่ การดาเนินชวี ติ อาชีพ สังคม วฒั นธรรม และใช้ อยา่ งปลอดภยั มีจรยิ ธรรม ตลอดจนนาความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนต์ อ่ สังคม และ การดำรงชีวิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปญั หาและการ จดั การทกั ษะในการส่ือสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเปน็ ผู้ที่มจี ิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานตวั ชี้วัด ว 4.2 ม.5/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตวั ชีว้ ดั

๘๐ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) รหสั วชิ า ว 33201 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาเกี่ยวกบั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การนำเสนอและแบง่ ปันขอ้ มลู สารสนเทศ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการนำเสนอ การนำเสนอและแบ่งปนั ขอ้ มลู อย่างปลอดภัย จริยธรรม จรรยาบรรณ และกฎหมายเทคโนโลยสี ารสนเทศ การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยกี บั ชีวติ ประจำวัน และผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในด้านตา่ ง ๆ โดยอาศัยกระบวนการเรยี นรโู้ ดยใช้วิธีการสอนแบบอภปิ ราย วธิ ีการสอนแบบกระบวนการ ทำงานกลุ่ม และวธิ กี ารสอนแบบบรรยาย เพือ่ เนน้ ให้ผเู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏิบตั ิ ฝึกทักษะการคดิ เผชิญสถานการณ์ การแกป้ ัญหา วางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ ละนำเสนอผา่ นการทำกิจกรรมโครงงาน เพื่อให้เกิด ทกั ษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะในการวิเคราะห์ โจทยป์ ญั หา จนสามารถนำเสนอแนวคิกเชงิ คำนวณมา ประยุกตใ์ ชใ้ นโครงงานได้ เพ่ือให้ผูเ้ รียนมีความรคู้ วามเข้าใจ มีทักษะการคดิ เชงิ คำนวณ การคิดวิเคราะห์ แกป้ ญั หาเป็น ข้ันตอนและเป็นระบบ มีทกั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว และการสือ่ สารเบอื้ งต้นใน การแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจรงิ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตลอดจนนำความรคู้ วามเข้าใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และ นำเทคโนโลยีใหม่ทเี่ กดิ ขน้ึ ไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อสังคม และการดำรงชวี ติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคิด และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจดั การทกั ษะในการส่อื สาร และความสามารถในการ ตดั สินใจ และเปน็ ผู้ท่มี จี ติ วิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานตัวช้ีวัด ว 4.2 ม.6/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตัวชว้ี ดั

๘๑ คำอธิบายรายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหสั วิชา ว 21203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง ศึกษาอธิบายความหมายของเทคโนโลยี วิเคราะห์สาเหตหุ รือปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี การทำงานของระบบทางเทคโนโลยี ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากร โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบและเลือกข้อมูลที่จำเป็นเพื่อออกแบบวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ในด้านการเกษตรและ อาหาร และสร้างชิ้นงานหรือพัฒนาวิธีการโดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เครอ่ื งมือในการแกป้ ญั หาได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภยั โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมในการพฒั นาเทคโนโลยี โดยระบุปัญหาหรือความต้องการ ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหาภายใตเ้ งื่อนไขและทรัพยากรทีม่ ีทดสอบ ประเมินผล อภปิ รายผลหรือข้อบกพร่องที่ เกิดข้นึ พรอ้ มทง้ั หาแนวทางการปรบั ปรุงแกไ้ ขและพัฒนาต่อยอด และนำเสนอผลการแก้ปัญหา เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพฒั นา งานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คำนึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และส่งิ แวดลอ้ ม มาตรฐานตวั ชว้ี ัด ว ๔.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตัวช้ีวดั

๘๒ คำอธบิ ายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวิชา ว 22203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 เวลา 20 ชว่ั โมง อธบิ ายแนวโนม้ เทคโนโลยีท่ีจะเกิดข้นึ ระบปุ ัญหาหรอื ความตอ้ งการในชมุ ชนหรือทอ้ งถ่ิน ออกแบบ วธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยคำนงึ ถึงเงอื่ นไขและทรพั ยากรทมี่ อี ยู่ วางแผนขนั้ ตอนการทำงานและดำเนนิ การแกป้ ญั หา อย่างเป็นข้นั ตอน ใช้ความรู้และทกั ษะเก่ยี วกับวสั ดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเลก็ ทรอนกิ ส์ โดยใช้การฝึกปฏิบัติการอธิบายแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาจากสาเหตุหรือปัจจัย ระบุปัญหาหรือความต้องการ ออกแบบ วางแผนขั้นตอนการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน ใช้ความรู้และทกั ษะ เกยี่ วกับวสั ดุอุปกรณ์ เคร่ืองมอื กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพื่อแกป้ ญั หาหรอื พฒั นางานได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภยั และสรา้ งชน้ิ งานหรือพัฒนาวิธกี ารโดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม รวมท้ัง เลือกใชว้ ัสดุอุปกรณ์ เครอื่ งมือในการแกป้ ญั หาได้อย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรดู้ ้านวทิ ยาการคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการแก้ปญั หาที่พบใน ชวี ติ จรงิ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ มาตรฐานตวั ชว้ี ัด ว ๔.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ช้ีวัด

๘๓ คำอธบิ ายรายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี รหัสวชิ า ว 23203 รายวิชา การออกแบบและเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3 เวลา 20 ช่วั โมง ศึกษาและวิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจยั ที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี และความสัมพนั ธ์ ของเทคโนโลยีกับศาสตรอ์ ืน่ ระบุปญั หาหรอื ความตอ้ งการในชมุ ชนหรอื ท้องถ่นิ ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดย คำนงึ ถึงเง่อื นไขและทรพั ยากรทีม่ ีอยู่ วางแผนขนั้ ตอนการทำงานและดำเนินการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน ใช้ ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ และนำเสนอแนวทางการ แก้ปัญหาให้ผู้อน่ื เขา้ ใจดว้ ยเทคนิคหรอื วธิ กี ารท่ีหลากหลาย โดยใชก้ ารฝึกปฏิบัติการอธิบายแนวโน้มเทคโนโลยีท่ีจะเกิดขน้ึ โดยพิจารณาจากสาเหตหุ รือปัจจัย ระบุปัญหา หรอื ความตอ้ งการ ออกแบบ วางแผนขน้ั ตอนการแก้ปัญหาอยา่ งเป็นขั้นตอน ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางานไดอ้ ย่างถูกต้องเหมาะสม และ ปลอดภัย และสร้างชิ้นงานและนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการท่ี หลากหลาย โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทง้ั เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ เคร่อื งมอื ในการแก้ปัญหา ได้อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม และปลอดภัย เพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรดู้ า้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการแก้ปัญหาท่ีพบใน ชวี ิตจรงิ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มาตรฐานตัวชี้วัด ว ๔.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕ รวม ๑ มาตรฐาน ๕ ตวั ชวี้ ัด

๘๔ คำอธบิ ายรายวชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี รหสั วชิ า ว 31203 รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เวลา 20 ชว่ั โมง ศึกษาแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธ์กับศาสตรอ์ ่ืนโดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมทั้งประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแนวทางในการ พฒั นาเทคโนโลยี ศึกษาการระบปุ ัญหาหรือความต้องการทีม่ ีผลกระทบต่อสงั คม รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมูลและ แนวคิดท่เี ก่ียวข้องกบั ปญั หาทม่ี ีความซับซ้อนเพื่อสงั เคราะหว์ ธิ กี าร เทคนิคในการแก้ปญั หา โดยคำนึงถึงความ ถูกตอ้ งดา้ นทรัพยส์ นิ ทางปัญญา ศกึ ษาการออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจ เลือกข้อมูลที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นเข้าใจด้วย เทคนิคหรือวิธีการที่หลากหลาย โดยใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ วางแผนขั้นตอนการทำงานและ ดำเนินการแก้ปัญหา การทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และให้เหตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดข้ึน ภายใต้กรอบเงือ่ นไข หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข พร้อมทั้งเสนอแนวทางการพฒั นาต่อยอด ใช้ความรู้และ ทักษะเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไกไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนในการแก้ปัญหา หรอื พฒั นางานได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้ แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญ สถานการณก์ ารแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนำเสนอผ่านการทำกิจกรรมโครงงาน เพื่อให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการวิเคราะห์ปัญหา นำไปสู่การสร้างต้นแบบ ตลอดจนสามารถนำกระบวนการเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยี วิธีการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต รวมทงั้ คำนงึ ถึงทรพั ย์สนิ ทางปัญญา ตลอดจนนำความรู้ความเขา้ ใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ให้ เกิดประโยชนต์ อ่ สงั คม และการดำรงชีวิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถใน การแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ และเป็นผู้ที่มีจิตวิทยา ศาสตร์ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ มาตรฐานตัวช้วี ดั ว. 4.1 ม.4/1 ม.4/2 ม.4/3 ม.4/4 ม.4/5 รวม 1 มาตรฐาน รวม 5 ตวั ช้วี ดั

๘๕ คำอธิบายรายวิชาเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) รหัสวชิ า ว 32203 รายวชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 20 ชัว่ โมง ศกึ ษาเกย่ี วกบั ความหมายของนวัตกรรม ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม รปู แบบของ เทคโนโลยี การพัฒนาอย่างยัง่ ยนื หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งเพ่ือการพฒั นาอย่างยง่ั ยืน ระบบทาง เทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยี องค์ประกอบทส่ี มั พนั ธ์กับกระบวนการทางเทคโนโลยี การออกแบบเชิง วศิ วกรรม สะเตม็ ศกึ ษา โครงงานสะเต็ม การทำโครงงาน การประยุกต์ใช้ความร้แู ละทกั ษะจากศาสตรต์ ่าง ๆ รวมท้ังทรัพยากรในการสรา้ งหรอื พฒั นาชิน้ งาน เพอื่ แก้ปัญหาในการทำงาน การทำโครงงานออกแบบและ เทคโนโลยี ผลงานโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem–based Learning) และการเรยี นรู้ แบบใช้โครงงานเปน็ ฐาน (Project–based Learning) เน้นให้ผเู้ รยี นได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทกั ษะการคดิ เผชิญ สถานการณ์การแก้ปญั หาวางแผนการเรียนรู้ และ นำเสนอผา่ นการทำกิจกรรมโครงงาน เพื่อใหเ้ กดิ ทกั ษะ ความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะในการวเิ คราะหป์ ัญหา นำไปสู่การสร้างตน้ แบบ ตลอดจนสามารถนำกระบวนการเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยวี ิธกี ารเพื่อเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการดำรงชีวติ รวมทั้งคำนึงถงึ ทรัพย์สินทางปญั ญา ตลอดจนนำความรคู้ วามเขา้ ใจในวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใชใ้ ห้ เกิดประโยชนต์ อ่ สังคมและการดำรงชีวิต จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถใน การแก้ปัญหาและการจดั การทักษะในการสือ่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ อกี ท้งั ยังเปน็ ผทู้ ี่มจี ิตวิทยา ศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ มาตรฐานตวั ชว้ี ัด ว 4.1 ม.5/1 รวม 1 มาตรฐาน รวม 1 ตัวชว้ี ัด

๘๖ การจดั การเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ของผเู้ รยี น เปน็ เป้าหมายสำหรับพฒั นาเด็กและเยาวชน ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการ เรียนรู้ จดั การเรยี นร้โู ดยช่วยให้ผเู้ รียนเรียนรู้ผ่านสาระทก่ี ำหนดไวใ้ นหลกั สูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั้ง ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ พัฒนาทักษะตา่ งๆ อันเป็นสมรรถนะสำคัญให้ผู้เรียนบรรลุตาม เปา้ หมาย ๑. หลักการจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตามที่กำหนดไวใ้ นหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน โดยยึดหลกั ว่า ผู้เรยี นมคี วามสำคญั ท่สี ุด เชอ่ื ว่าทุกคนมีความสามารถเรยี นรูแ้ ละพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเตม็ ตามศกั ยภาพ คำนงึ ถงึ ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคญั ท้งั ความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้ที่เน้นผูเ้ รยี นเป็นสำคญั ผู้เรียนจะตอ้ งอาศัยกระบวนการเรียนรู้ ที่หลากหลาย เป็นเครื่องมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลกั สูตร กระบวนการเรียนรูท้ ี่จำเป็นสำหรับ ผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทาง สังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการ ปฏิบัติ ลงมือทำจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนิสยั กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถชว่ ยให้ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรไู้ ดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลกั สตู ร ดังนน้ั ผู้สอน จึงจำเป็นตอ้ งศึกษาทำความเขา้ ใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลอื กใช้ในการจัดกระบวนการ เรียนรู้ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผ้สู อนตอ้ งศึกษาหลกั สตู รสถานศึกษาให้เขา้ ใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวดั สมรรถนะสำคัญของ ผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรยี นรู้ท่ีเหมาะสมกับผเู้ รียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรยี นรูโ้ ดยเลอื กใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียน ไดพ้ ัฒนาเตม็ ตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ทั้งผู้สอนและผู้เรียน ควรมบี ทบาท ดังน้ี ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล แล้วนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ท่ที ้าทความสามารถของผู้เรียน

๘๗ ๒) กำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ทเ่ี ปน็ ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสมั พนั ธ์ รวมทง้ั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการทางสมอง เพื่อนำผ้เู รยี นไปส่เู ปา้ หมาย ๔) จัดบรรยากาศที่เอือ้ ต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลอื ผเู้ รยี นให้เกดิ การเรยี นรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่ เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผู้เรียนด้วยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผูเ้ รียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ จดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผู้เรยี น ๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นร้ขู องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถึงแหล่งการเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ ้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา คำตอบหรอื หาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธกี ารตา่ งๆ ๓) ลงมือปฏิบตั ิจรงิ สรุปสิง่ ท่ีได้เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง และนำความรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นสถานการณ์ ต่างๆ ๔) มปี ฏสิ มั พนั ธ์ ทำงาน ทำกจิ กรรมรว่ มกับกลุม่ และครู ๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ของตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สือ่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครือ่ งมอื ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนเขา้ ถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น ก าร เลือก ใช้สื่อควร เลือก ให้มีความเหมาะสมก ับร ะดับพัฒนาก าร และ ลีลาก าร เร ียนรู้ ท่หี ลากหลายของผู้เรยี น การจดั หาสื่อการเรียนรู้ ผเู้ รียนและผ้สู อนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรอื ปรบั ปรงุ เลือกใช้อย่าง มีคณุ ภาพจากสื่อตา่ งๆ ท่มี ีอยูร่ อบตวั เพอื่ นำมาใชป้ ระกอบในการจัดการเรยี นรทู้ ีส่ ามารถสง่ เสริมและส่ือสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควร ดำเนินการดงั น้ี ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถ่นิ ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรบั การศึกษาค้นควา้ ของผูเ้ รียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง จัดหาส่งิ ทีม่ อี ยใู่ นทอ้ งถ่ินมาประยกุ ต์ใชเ้ ป็นสอ่ื การเรียนรู้ ๓. เลือกและใชส้ อื่ การเรยี นรทู้ ม่ี ีคณุ ภาพ มีความเหมาะสม มคี วามหลากหลาย สอดคลอ้ ง กบั วธิ กี าร เรยี นรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบคุ คลของผเู้ รยี น

๘๘ ๔. ประเมนิ คุณภาพของส่อื การเรยี นรทู้ ีเ่ ลือกใช้อยา่ งเปน็ ระบบ ๕. ศึกษาค้นควา้ วจิ ัย เพื่อพัฒนาสอ่ื การเรียนร้ใู หส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรียนรูข้ องผูเ้ รียน ๖. จดั ใหม้ กี ารกำกับ ตดิ ตาม ประเมินคณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพเกี่ยวกบั ส่อื และการใช้ส่ือการเรียนรู้ เป็นระยะๆ และสมำ่ เสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง ของชาติ ไม่ขัดต่อศีลธรรม มีการใชภ้ าษาทถี่ ูกต้อง รูปแบบการนำเสนอทีเ่ ข้าใจง่าย และน่าสนใจ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การ ประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบ ผลสำเร็จนั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและ ประเมินผลการเรยี นรูใ้ นทุกระดับไมว่ ่าจะเปน็ ระดับชน้ั เรยี น ระดับสถานศกึ ษา ระดับเขตพนื้ ที่การศึกษา และ ระดับชาติ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรูเ้ ปน็ กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็น ข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจน ข้อมูลท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อการสง่ เสริมให้ผู้เรยี นเกดิ การพัฒนาและเรยี นรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดบั เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดงั นี้ ๑. การประเมนิ ระดบั ชน้ั เรยี น เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจดั การเรยี นรู้ ผู้สอน ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบา้ น การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน ประเมนิ เพื่อน ผู้ปกครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ไ่ี ม่ผา่ นตวั ชี้วัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ การประเมินระดับชั้นเรียนเปน็ การตรวจสอบว่า ผ้เู รียนมพี ฒั นาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อนั เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มสี ง่ิ ท่ีจะตอ้ งไดร้ ับการพัฒนา ปรบั ปรงุ และสง่ เสริมในด้านใด นอกจากนยี้ ังเป็นขอ้ มลู ให้ผู้สอนใช้ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งนี้ โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้ีวัด ๒. การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา เป็นการประเมนิ ทส่ี ถานศึกษาดำเนินการเพือ่ ตัดสนิ ผล การเรียน ของผู้เรียนเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพ่อื ให้ไดข้ ้อมูลเกี่ยวกบั การจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพอื่ การปรับปรงุ นโยบาย หลักสตู ร โครงการ หรอื วธิ ีการจดั การเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการ จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน

๘๙ ๓. การประเมินระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นท่ี การศกึ ษาตามมาตรฐานการเรยี นรูต้ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน เพื่อใชเ้ ป็นขอ้ มูลพื้นฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานทีจ่ ัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นทีก่ ารศึกษา หรือด้วย ความร่วมมือกบั หนว่ ยงานต้นสงั กดั ในการดำเนนิ การจดั สอบ นอกจากน้ยี ังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล จากการประเมินระดบั สถานศกึ ษาในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดับชาติ เปน็ การประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดบั ชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน สถานศึกษาตอ้ งจดั ให้ผเู้ รียนทกุ คนที่เรยี น ในชนั้ ประถมศกึ ษาปี ท่ี ๓ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เข้ารับการประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการเทยี บเคียงคุณภาพ การศึกษาในระดับตา่ ง ๆ เพอื่ นำไปใช้ในการวางแผนยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นขอ้ มูล สนบั สนนุ การตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน พัฒนาคุณภาพผูเ้ รียน ถอื เปน็ ภาระความรับผดิ ชอบของสถานศึกษาทีจ่ ะต้องจดั ระบบดูแลชว่ ยเหลือ ปรบั ปรุง แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่ จำแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่ม ผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกจิ และสังคม กลุ่มพิการทางรา่ งกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอก าสให้ ผู้เรียนได้รบั การพัฒนาและประสบความสำเร็จในการเรียน สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมนิ ผล การเรียนของสถานศกึ ษาใหส้ อดคลอ้ งและเปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏิบตั ิท่ีเปน็ ข้อกำหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน เพื่อให้บคุ ลากรทเ่ี ก่ยี วขอ้ งทุกฝ่ายถอื ปฏิบตั ริ ว่ มกนั เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียน การตดั สินผลการเรียน ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนนน้ั ผสู้ อนตอ้ งคำนงึ ถึงการพฒั นานักเรียนแตล่ ะคนเปน็ หลัก และ ตอ้ งเกบ็ ขอ้ มลู ของนักเรียนทุกด้านอย่างสมำ่ เสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรยี น มเี กณฑด์ งั น้ี (๑) ผูเ้ รียนตอ้ งมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด (๒) ผเู้ รียนตอ้ งได้รับการประเมนิ ทุกตวั ชี้วัด และผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของจำนวนตัวชวี้ ัด (๓) ผูเ้ รียนตอ้ งได้รับการตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา (๔) ผเู้ รียนต้องได้รบั การประเมนิ และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากำหนดใน การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น

๙๐ การให้ระดับผลการเรยี น การตดั สนิ ผลการเรยี นรายวชิ าของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ใหใ้ ชร้ ะบบตัวเลข แสดงระดบั การเรยี นในแต่ละกลุ่มสาระ ดังน้ี ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ช่วงคะแนนรอ้ ยละ ๔ ผลการเรยี นดเี ยยี่ ม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ผลการเรียนดมี าก ๗๕ - ๗๙ ๓ ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ผลการเรียนดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ผลการเรียนค่อนข้างดี ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ ผลการเรยี นนา่ พอใจ ๕๕ - ๕๙ ๑ ๕๐ - ๕๔ ๐ ผลการเรยี นพอใช้ ๐ - ๔๙ ผลการเรยี นผา่ นเกณฑ์ข้ันตำ่ ผลการเรยี นต่ำกว่าเกณฑ์ การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น เป็นผ่านและไมผ่ ่าน ถ้ากรณีท่ีผา่ น กำหนด เกณฑ์การตดั สนิ เป็นดีเยย่ี ม ดี และผา่ น ดเี ย่ียม หมายถงึ มีผลงานทแี่ สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน ท่มี ีคณุ ภาพดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น ทม่ี ีคุณภาพเปน็ ทย่ี อมรับ ผ่าน หมายถงึ มผี ลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ที่มีคุณภาพเป็นทย่ี อมรบั แต่ยงั มขี ้อบกพรอ่ งบางประการ ไม่ผ่าน หมายถงึ ไมม่ ผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน หรอื ถ้ามีผลงาน ผลงานน้ันยังมีข้อบกพร่องท่ีต้องไดร้ บั การปรับปรุงแกไ้ ขหลายประการ ๑๓.๓ การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคณุ ลักษณะเพ่ือการเลอื่ นชัน้ และจบ การศกึ ษา เปน็ ผา่ นและไม่ผา่ น ในการผา่ น กำหนดเกณฑ์การตดั สินเป็นดเี ย่ียม ดี และผ่าน และ ความหมายของแต่ละระดบั ดงั น้ี ดีเยยี่ ม หมายถงึ ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเปน็ นสิ ยั และนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั เพอ่ื ประโยชน์สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ดีเยี่ยม จำนวน ๕ - ๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับดี ดี หมายถงึ ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพอื่ ให้เปน็ การยอมรับของสังคม โดยพจิ ารณาจาก ๑) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดเี ย่ียมจำนวน ๑ - ๔ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ล การประเมินต่ำกวา่ ระดบั ดี หรือ ๒) ได้ผลการประเมินระดบั ดี เย่ียมจำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการ ประเมนิ ต่ำกว่าระดับผา่ นหรอื ๓) ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๕ - ๘ คุณลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการ ประเมินตำ่ กว่าระดับผ่าน

๙๑ ผ่าน หมายถงึ ผู้เรยี นรับร้แู ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขทสี่ ถานศึกษากำหนด โดย พจิ ารณาจาก ๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน จำนวน ๕ - ๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินตำ่ กว่าระดับผา่ น หรอื ๒) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลกั ษณะใดได้ผลการ ประเมนิ ตำ่ กว่าระดับผ่าน ไม่ผ่าน หมายถึง ผเู้ รียนรับรแู้ ละปฏบิ ัติได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละเงือ่ นไขท่ีสถานศึกษา กำหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับไมผ่ า่ นตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะ การประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน จะต้องพจิ ารณาทั้งเวลาการเขา้ ร่วมกจิ กรรมการปฏบิ ตั ิ กิจกรรมและผลงานของผู้เรยี นตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นกำหนดและใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ น และไม่ผา่ นให้ใช้ ตัวอักษรแสดงผลการประเมนิ ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู้เรียนมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ปฏิบัติ กจิ กรรมและมีผลงานเปน็ ท่ปี ระจักษ์ “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ปฏิบัติกจิ กรรมและมีผลงาน ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ีส่ ถานศึกษากำหนด ในกรณีทีผ่ ูเ้ รียนได้ “มผ” ครูผดู้ แู ลกิจกรรมต้องจดั ซอ่ มเสรมิ ให้ผู้เรยี นทำกจิ กรรมในสว่ นที่ ผูเ้ รียนไม่ไดเ้ ขา้ รว่ มหรือไม่ไดท้ ำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลย่ี นผลการเรียนจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ ทั้งนี้ ต้อง ดำเนินการให้เสร็จสน้ิ ภายในปกี ารศกึ ษานน้ั ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ห้อยู่ในดลุ ยพินิจของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือ ผทู้ ี่ได้รบั มอบหมาย การเลอ่ื นชัน้ เมอ่ื สิน้ ปีการศกึ ษา ผู้เรยี นจะได้รับการเลื่อนชน้ั เมื่อมคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (๑) ผ้เู รียนต้องมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด (๒) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินทุกตวั ช้ีวัด และผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของจำนวน ตวั ชว้ี ดั (๓) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา ไม่นอ้ ยกวา่ ระดับ “ ๑ ” จงึ จะถอื วา่ ผา่ นเกณฑต์ ามท่สี ถานศึกษากำหนด (๔) นักเรยี นต้องได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ การอา่ น คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี น ใน ระดบั “ ผา่ น ” ข้ึนไป มผี ลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคใ์ นระดบั “ ผา่ น ” ขน้ึ ไป และมีผลการ ประเมินกจิ กรรมพฒั นานกั เรียน ในระดับ “ ผา่ น ” ท้ังน้ี ถา้ ผู้เรียนมีขอ้ บกพร่องเพียงเลก็ น้อย และพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพัฒนาและสอน ซอ่ มเสรมิ ได้ให้อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะผอ่ นผันใหเ้ ลือ่ นชัน้ ได้ อนง่ึ ในกรณีที่ผเู้ รียนมีหลักฐานการเรียนรู้ทแี่ สดงว่ามีความสามารถดเี ลศิ สถานศกึ ษาอาจให้ โอกาสผูเ้ รยี นเลอื่ นชั้นกลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศกึ ษาแตง่ ตง้ั คณะกรรมการประกอบดว้ ยฝา่ ยวชิ าการของ สถานศึกษาและผแู้ ทนของเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาหรอื ต้นสงั กัดประเมินผู้เรยี นและตรวจสอบคณุ สมบัติให้ครบถว้ น ตามเง่ือนไขทง้ั ๓ ประการต่อไปน้ี ๑. มผี ลการเรยี นในปกี ารศึกษาท่ีผ่านมาและมีผลการเรยี นระหวา่ งปีท่ีกำลังศกึ ษาอย่ใู น เกณฑ์ดีเยยี่ ม

๙๒ ๒. มวี ุฒภิ าวะเหมาะสมท่จี ะเรยี นในชน้ั ท่ีสงู ขน้ึ ๓. ผา่ นการประเมนิ ผลความรคู้ วามสามารถทกุ รายวิชาของชน้ั ปที ่เี รียนปัจจุบนั และความรู้ ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรียนแรกของชั้นปีทจ่ี ะเลื่อนขน้ึ การอนุมัติใหเ้ ลือ่ นชนั้ กลางปีการศึกษาไปเรียนช้ันสูงขึ้นได้ ๑ ระดบั ชนั้ น้ี ตอ้ งไดร้ ับการ ยนิ ยอมจากผเู้ รียนและผู้ปกครองและต้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ สิน้ กอ่ นเปดิ ภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษานน้ั สำหรบั ในกรณที พี่ บว่ามีผู้เรยี นกลุ่มพิเศษประเภทตา่ งๆ มีปัญหาในการเรยี นรู้ให้สถานศกึ ษาดำเนินงาน ร่วมกับสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาเฉพาะความพิการหาแนวทางการแกไ้ ขและพัฒนา การสอนซอ่ มเสรมิ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่อื แก้ไขขอ้ บกพร่อง กรณที ีผ่ ้เู รียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื คณุ ลักษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ท่ีกำหนด จะตอ้ งจัดสอนซอ่ มเสรมิ เพอ่ื พฒั นาการเรยี นรู้ของผเู้ รยี นเต็ม ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่องกรณีท่ีผูเ้ รียนมีความรู้ ทักษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากำหนด สถานศกึ ษาต้องจดั สอนซอ่ ม เสริมเปน็ กรณีพเิ ศษนอกเหนอื ไปจากการสอนตามปกติเพ่อื พฒั นาใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการ เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัดที่กำหนดไวเ้ ป็นการใหโ้ อกาสแก่ผเู้ รียนได้เรยี นรูแ้ ละพฒั นา โดยจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ หลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล การเปลี่ยนผลการเรียน การเปลี่ยนผลการเรียน“๐” สถานศกึ ษาจัดใหม้ ีการสอนซอ่ มเสรมิ ในมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ดั ทผ่ี เู้ รยี นสอบไมผ่ า่ นกอ่ น แล้วจึงสอบแก้ตวั ไดไ้ มเ่ กิน ๒ ครง้ั ถ้าผู้เรยี นไมด่ ำเนนิ การสอบแกต้ ัวตามระยะเวลาท่ีสถานศึกษากำหนดให้ อยู่ในดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษาท่จี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรียน สำหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ต้อง ดำเนนิ การใหเ้ สร็จส้ินภายในปกี ารศึกษานัน้ ถา้ สอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยงั ไดร้ ะดับผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศึกษาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการดำเนินการเกยี่ วกับการเปลย่ี นผลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏิบตั ิดงั น้ี ๑) ถ้าเป็นรายวชิ าพืน้ ฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ านนั้ ๒) ถ้าเป็นรายวชิ าเพิม่ เตมิ ใหเ้ รยี นซำ้ หรือเปล่ยี นรายวชิ าเรียนใหม่ ทง้ั น้ีให้อยู่ในดลุ ย พนิ จิ ของสถานศกึ ษา ในกรณที เ่ี ปลย่ี นรายวิชาเรียนใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี น แสดงผลการเรียนว่าเรียนแทนรายวชิ าใด การเปลย่ี นผลการเรยี น“ร” การเปลยี่ นผลการเรยี น“ร” ให้ดำเนนิ การดงั น้ี ให้ผู้เรยี นดำเนนิ การแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เม่ือผเู้ รยี นแก้ไขปัญหาเสร็จแลว้ ให้ได้ระดบั ผลการเรียนตามปกติ (ตง้ั แต่ ๐ - ๔) ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ ำเนินการแก้ไข “ร” กรณีทสี่ ่งงานไม่ครบแต่มผี ลการประเมินระหวา่ งภาคเรยี นและปลายภาคให้ผู้สอนนำขอ้ มูลท่ีมีอยตู่ ดั สนิ ผลการเรยี นยกเวน้ มเี หตสุ ดุ วิสัยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอกี ไม่ เกิน ๑ ภาคเรยี นสำหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปกี ารศกึ ษานนั้ เม่ือพ้นกำหนดน้ี แล้วใหเ้ รียนซำ้ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ดำเนนิ การแกไ้ ขตามหลักเกณฑ์

๙๓ การเปลีย่ นผลการเรยี น “มส” การเปลยี่ นผลการเรียน“มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ แตม่ เี วลาเรียนไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวชิ าน้ัน ใหจ้ ดั ให้เรยี นเพ่ิมเติมโดยใช้ช่ัวโมงสอน ซอ่ มเสรมิ หรอื ใชเ้ วลาว่าง หรือใช้วันหยุดหรือมอบหมายงานให้ทำจนมเี วลาเรยี นครบตามทก่ี ำหนดไว้สำหรับ รายวชิ านั้นแลว้ จึงใหว้ ัดผลปลายภาคเป็นกรณพี ิเศษ ผลการแก้ “มส” ใหไ้ ด้ระดับผลการเรียนไม่เกนิ “๑” การแก้ “มส” กรณนี ีใ้ ห้กระทำให้เสร็จสนิ้ ภายในปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียน ไม่มาดำเนนิ การแก้ “มส” ตามระยะเวลาทีก่ ำหนดไว้นีใ้ หเ้ รียนซำ้ ยกเวน้ มเี หตสุ ุดวิสัย ใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินิจของสถานศกึ ษาทีจ่ ะ ขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ มื่อพน้ กำหนดน้ีแล้ว ใหป้ ฏิบัติดงั นี้ (๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพืน้ ฐานให้เรียนซำ้ รายวิชาน้นั (๒) ถา้ เปน็ รายวิชาเพ่มิ เติมให้อย่ใู นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ให้เรยี นซำ้ หรือเปล่ยี น รายวชิ าเรียนใหม่ ๒) กรณีผูเ้ รยี นได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลา เรยี นทง้ั หมดใหส้ ถานศึกษาดำเนินการดังน้ี (๑) ถ้าเปน็ รายวิชาพ้ืนฐานให้เรยี นซ้ำรายวชิ านั้น (๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมใหอ้ ยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ให้เรียนซำ้ หรือเปลยี่ น รายวชิ าเรียนใหม่ ในกรณีทเี่ ปลยี่ นรายวชิ าเรยี นใหม่ให้หมายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นว่าเรียนแทน รายวชิ าใด การเรียนซ้ำรายวชิ า ผเู้ รยี นทีไ่ ด้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ ครง้ั แลว้ ไมผ่ ่านเกณฑ์ การประเมนิ ให้เรียนซำ้ รายวิชาน้นั ทงั้ นใี้ หอ้ ย่ใู นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาในการจัดให้เรียนซ้ำในชว่ งใด ช่วงหนึง่ ท่ีสถานศึกษาเหน็ วา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวนั วันหยดุ ชว่ั โมงวา่ งหลงั เลิกเรียน ภาคฤดูรอ้ นเปน็ ตน้ ในกรณภี าคเรยี นท่ี ๒ หากผเู้ รยี นยงั มผี ลการเรียน “๐” “ร” “มส” ใหด้ ำเนินการให้เสร็จ ส้ินก่อนเปิดเรียนปีการศกึ ษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพอื่ แกไ้ ขผลการ เรียนของผู้เรียนได้ การเปลีย่ นผล“มผ” กรณีทีผ่ เู้ รยี นได้ผล “มผ” สถานศกึ ษาต้องจัดซอ่ มเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนท่ผี ูเ้ รียน ไม่ไดเ้ ข้าร่วมหรอื ไม่ได้ทำจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลี่ยนผลจาก “มผ”เป็น “ผ” ได้ ทั้งน้ีดำเนินการใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในภาคเรียนน้ัน ๆ ยกเวน้ มีเหตุสุดวิสยั ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาท่จี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไป อีกไมเ่ กนิ ๑ ภาคเรยี น สำหรบั ภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สร็จสนิ้ ภายในปกี ารศกึ ษานัน้ การเรียนซำ้ ช้นั ผเู้ รียนที่ไมผ่ า่ นรายวิชาจำนวนมากและมีแนวโนม้ วา่ จะเปน็ ปัญหาต่อการเรียนในระดบั ชั้นท่ี สูงขึ้นสถานศกึ ษา ต้องต้งั คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซำ้ ช้ันได้ ทัง้ นีใ้ ห้คำนงึ ถงึ วฒุ ภิ าวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคญั ผเู้ รยี นทีไ่ ม่มีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์การเลือ่ นชนั้ สถานศกึ ษาควรให้เรียนซ้ำช้นั ทง้ั น้ี สถานศกึ ษา อาจใช้ดลุ ยพินจิ ให้เล่อื นชั้นได้ หากพจิ ารณาว่าผเู้ รยี นมีคณุ สมบัตขิ อ้ ใดข้อหนึง่ ดงั ต่อไปนี้

๙๔ ๑) มเี วลาเรียนไมถ่ งึ รอ้ ยละ ๘๐ อันเน่ืองจากสาเหตุจำเปน็ หรือเหตุสุดวิสยั แตม่ ี คณุ สมบตั ิตามเกณฑก์ ารเล่อื นชน้ั ในข้ออืน่ ๆ ครบถว้ น ๒) ผู้เรยี นมีผลการประเมินผา่ นมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้ีวัดไมถ่ ึงเกณฑ์ตามท่ี สถานศึกษากำหนดในแตล่ ะรายวชิ า แต่เห็นว่าสามารถสอนซอ่ มเสรมิ ได้ในปกี ารศกึ ษานนั้ และมีคุณสมบตั ิ ตามเกณฑ์การเล่ือนชั้นในขอ้ อนื่ ๆ ครบถ้วน ๓) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ รายวชิ าในกลมุ่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรมอย่ใู นระดับผ่าน กอ่ นท่จี ะใหผ้ เู้ รยี นเรยี นซำ้ ช้ัน สถานศกึ ษาต้องแจ้งให้ผู้ปกครองและผู้เรยี นทราบเหตุผลของ การเรยี นซำ้ ชั้น เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญทีบ่ นั ทึกผลการเรยี น ขอ้ มลู และสารสนเทศที่เก่ียวข้อง กับพฒั นาการของผ้เู รยี นในด้านต่าง ๆ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผูเ้ รยี นตามรายวชิ า ผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ของสถานศึกษา และผลการประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน สถานศกึ ษาจะตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลและออกเอกสารนี้ ใหผ้ ูเ้ รียนเป็นรายบคุ คล เมื่อผ้เู รยี นจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา ๑.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศกึ ษา เป็นเอกสารอนุมตั ิการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและ ขอ้ มูลของผ้จู บการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา ๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาทส่ี ถานศึกษากำหนด เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ ผเู้ รียน เชน่ แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง ผลการเรียน และ เอกสารอื่นๆ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการนำเอกสารไปใช้ การเทยี บโอนผลการเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรยี นของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลบั เข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหลง่ การเรียนร้อู ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชพี การจัดการศึกษาโดย ครอบครัว การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดำเนนิ การในชว่ งกอ่ นเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ที่ สถานศึกษารับผูข้ อเทยี บโอนเป็นผเู้ รียน ทง้ั นี้ ผ้เู รียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศึกษาตอ่ เน่อื งใน สถานศกึ ษาท่รี บั เทียบโอนอยา่ งน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาท่รี ับผู้เรยี นจาก การเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกติ ที่จะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดงั น้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ ผเู้ รยี น

๙๕ ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นโดยการทดสอบดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ ท้งั ภาคความรู้ และภาคปฏบิ ัติ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏบิ ัติในสภาพจรงิ การเทยี บโอนผลการเรยี นใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ การบรหิ ารจดั การหลกั สตู ร ในระบบการศกึ ษาทีม่ ีการกระจายอำนาจให้ท้องถน่ิ และสถานศึกษามีบทบาทในการพฒั นาหลักสูตร นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี บทบาทหนา้ ที่ และความรับผดิ ชอบในการพฒั นา สนบั สนุน สง่ เสริม การใชแ้ ละพฒั นาหลกั สูตรให้เปน็ ไปอย่าง มปี ระสทิ ธภิ าพ เพ่ือให้การดำเนินการจัดทำหลักสูตรสถานศกึ ษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน ระดบั ชาติคณุ ภาพของของผู้เรยี นที่สำคัญ และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดับท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอื่น ๆ เป็นหน่วยงานที่มี บทบาทในการขบั เคล่ือนคุณภาพการจดั การศึกษา เปน็ ตวั กลางทีจ่ ะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐานที่กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำ หลกั สูตรของสถานศกึ ษา ส่งเสรมิ การใช้และพัฒนาหลกั สูตรในระดบั สถานศึกษา ให้ประสบความสำเรจ็ โดยมี ภารกิจสำคัญ คือ กำหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดับท้องถิ่นโดยพิจารณาให้ สอดคลอ้ งกับสิง่ ท่เี ป็นความต้องการในระดับชาติ พฒั นาสาระ การเรียนร้ทู ้องถิน่ ประเมินคณุ ภาพการศึกษาใน ระดับท้องถิ่น รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจยั และพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน สง่ เสริม ติดตามผล ประเมินผล วิเคราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผ้เู รียน สถานศึกษามีหน้าท่ีสำคญั ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา การวางแผนและดำเนนิ การใช้หลักสูตร การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทำระเบียบ การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้ จดั ทำเพ่มิ เติม รวมท้งั สถานศกึ ษาสามารถเพ่มิ เตมิ ในส่วนทเี่ กีย่ วกับสภาพปญั หาในชมุ ชนและสังคม ภูมปิ ญั ญา ทอ้ งถ่ิน และความตอ้ งการของผู้เรียน โดยทกุ ภาคส่วนเข้ามามีส่วนรว่ มในการพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา

๙๖ คณะผูจ้ ดั ทำ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คณะท่ปี รกึ ษา เวยี งจันทร์ รองผู้อำนวยการ รกั ษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรยี น นอ้ ยวรรณะ รองผ้อู ำนวยการ 1. นางวรี วัลย์ 2. นางสุมนา อดทน รองผู้อำนวยการ 3. นางสาวจนั ทมิ า ยอดเชยี งคำ หวั หนา้ งานวชิ าการ 4. นางเนตรชนก คณะทำงาน 1. นายธชั ยพงศ์ ปาละหงษา ประธาน 2. นางพชั ราภรณ์ ระว้า รองประธาน กรรมการ 3. นางสาววภิ ารัตน์ ลามทุม กรรมการ 4. นางเนตรชนก ยอดเชียงคำ กรรมการ กรรมการ 5. นางสาวจีรวรรณ แกว้ ดวงผาง กรรมการ 6. นางสาวฤทัยรตั น์ ผลพกิ ลุ กรรมการ กรรมการ 7. นางสาวสกุ ัญญา อุดราช กรรมการ 8. นางสาวเยาวลกั ษณ์ อักษรมตั กรรมการ 9. นายดนยั พงศ์ อดุ มย่ิงเจริญ กรรมการ กรรมการและเลขานกุ าร 10. นางสาวสวรส พึง่ สวา่ ง 11. นายนฤดล สีมีงาม 12. นายทราทิศ จารภุ คนิธิ 13. นางสาวเพชรรัตน์ อภัยภักดิ์

๙๗ บรรณานกุ รม สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๒). หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั สำนักวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๒ ก,). ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรง พมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ข.). ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ค.). ตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาตา่ งประเทศ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ง.). ตัวช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณ์ การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ จ.). ตวั ช้ีวัดและสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ฉ.). ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นร้ศู ิลปะ ตาม หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________(๒๕๕๒ ช.). ตวั ช้ีวัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ ชุมนมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ซ.). ตวั ช้ีวดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษา และพลศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ฌ.). แนวทางการบรหิ ารจดั การหลกั สูตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั _______________(๒๕๕๒ ญ.). แนวปฏิบตั กิ ารวดั และประเมินผลการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด _______________ (๒๕60). ตัวช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระภมู ศิ าสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และแนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook