1 เอกสารเผยแพร่ การวจิ ยั และนวัตกรรมการพัฒนาวิชาชีพครู โรงเรียนลาปางกัลยาณี ครั้งที่ 1/2564 วิธีปฏิบตั ทิ ีเ่ ปน็ เลิศของ SMART TEACHER ด้านการใช้สอื่ นวตั กรรมและการวจิ ยั เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพ การจดั การเรียนการสอนท่ีเนน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ งานวจิ ยั เพือ่ พัฒนาคุณภาพการศึกษา ฝ่ายวชิ าการ โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี เผยแพร่ในงานโครงการประกวด ผลการปฏบิ ตั ทิ ี่เปน็ เลิศ (BEST PRACTICE) ส่ือนวัตกรรมออนไลน์ ประจาปีการศึกษา 2563 จดั โดยเครอื ข่ายสง่ เสรมิ ประสิทธิภาพ การจดั การศึกษามัธยมศกึ ษา จังหวัดลาปาง วนั ที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 ณ หอประชุมบญุ ชู ตรที อง โรงเรียนบุญวาทยว์ ิทยาลัย และเผยแพร่ในระดับชาติผา่ น Website: http://www.lks.ac.th/ หัวขอ้ การพฒั นาวิชาชีพครู
2 สารจากผู้อานวยการโรงเรยี นลาปางกลั ยาณี ส่ิงท่ีผมภูมิใจท่ีสุด คือ การท่ีครูลาปางกัลยาณีเข้าใจในกระบวนการพัฒนาวิชาชีพครบู นฐาน จากการพัฒนานวัตกรรม SMART ของโรงเรียน ซ่ึงทุกอย่างไม่ได้มาจากผมเป็นต้นคิดใหค้ รูต้องปฏิบัติ ตาม หากแต่เกิดจากองคาพยพของการพัฒนาในช่วงปีการศึกษา 2556 เป็นต้นมา ท่ีภาคีเครือค่าย อดีตผู้บริหารและครูอาวุโสหลายท่านปรารถนาดีในการวางรากฐานการพัฒนาองค์กร ดังน้ัน ปีการศึกษาปัจจุบันจึงไม่งา่ ยเลยท่ีจะทาความเข้าใจทั้งหมดของระบบ จนกระท่ังมีการประเมิน สมศ. รอบ 4 เกิดขึ้น และทีมเพื่อนครูเราได้ช่วยกันเตรียมประเมิน จึงทาให้ได้เห็นช่องของการพัฒนาที่ สอดรับกับคาแนะแนะนาของคณะกรรมการ สมศ. ว่ากระบวนการที่ต้องมีความชัดเจน เพื่อ ที่จะเช่ือมโยง SMART School ไปยัง SMART Student น่ันคือ SMART Teacher ซ่ึงเป็นฟันเฟือง หลักของการขับเคล่ือนการจัดการเรียนการสอนท่ีเนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ ในปีการศึกษา 2563 ข้าพเจ้าจึงได้วิเคราะห์ ศึกษาข้อมูลต่างๆ เพ่ือประชุมทีมอานวยการ กับทีมวิชาการในการสร้างระบบการพัฒนาครู หรือ SMART Teacher ขึ้นมาโดยใช้เกณฑ์ OBEC AWARDS และการวิจัยในช้ันเรียนเป็นฐาน ในฐานะท่ีผู้บริหารต้องเป็นผู้นาทางวิชาการที่เข้มแข็ง ขา้ พเจา้ จึงสนบั สนนุ การพฒั นาวิชาชีพครูอย่างเต็มที่ ทุกช่องทาง โดยมงุ่ ผลประโยชน์ทกุ ดา้ นตกผลกึ สู่ ผู้เรียนให้มากท่ีสุด จึงเป็นท่ีมาของการจัดอบรมวิจัยในชั้นเรียน จัดอบรมนวัตกรรม SMART ในปี พ.ศ.2563 และการจัดอบรมการทาวิจัยและนวัตกรรมเพื่อส่งต่อวิทยฐานะ ในปี พ.ศ.2564 ทุกเส้นทางไม่ใช่การมาบีบผลงานจากครู แต่เป็นกระบวนการท่ีทุกเส้นทางพุ่งเป้าไปท่ีการรองรับและ ตรวจสอบการส่งผ่าน SMART School ไปยัง SMART Student ได้อย่างชัดเจน โดยขณะครูที่มี การใช้ส่ือ นวัตกรรมและการวิจัย เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอน ก็จะไม่ใช่เพียงแค่ใช้แล้วจบ แต่ระหว่างการใช้ เกณฑ์ OBEC AWARDS ที่เข้ามากากับ จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงรูปแบบการพัฒนางานได้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ สอดคลอ้ งกับเกณฑม์ าตรฐานการพฒั นาวิชาชีพครู ซ่ึงโดยสรุป คือ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองแก้ไขตามข้อเสนอแนะ สมศ. หรือการติดตามนโยบายจาก ทาง สพฐ. หรือ สพม. หรือ การแข่งขันครู หรือ การพัฒนาการเรียนการสอนก็ตาม ข้าพเจ้าจะมี ความเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนครู และเรียกทุกส่ิงที่เรากาลังเดินทางร่วมกันไปข้างหน้าน้ีว่า “การพฒั นาวชิ าชีพครู” ขอบคณุ พีน่ ้องครเู รานะครับ สาหรบั ทกุ เส้นทางเลยที่เรารว่ มเดิน นายนริ นั ดร หม่ืนสุข ผอู้ านวยการโรงเรยี นลาปางกัลยาณี
3 เอกสารเผยแพร่ การวิจยั และนวตั กรรมการพัฒนาวิชาชีพครู โรงเรยี นลาปางกัลยาณี ครั้งที่ 1/2564 วนั ทพ่ี มิ พ์ 8 เมษายน 2564 จานวน 71 หน้า ตอ่ หน่ึงเล่ม พิมพ์ครง้ั ที่ 1 จานวน 100 เล่ม พมิ พ์ท่ี ร้านถา่ ยเอกสาร โรงเรียนลาปางกลั ยาณี วนั ท่เี ผยแพร่ 9 เมษายน 2564 สงวนลิขสิทธ์ิ ท่ปี รึกษาบรรณาธกิ าร นายนิรนั ดร หมื่นสุข ผอู้ านวยการ นายทวี เขือ่ นแก้ว รองผอู้ านวยการ นางสาวดวงเดือน จิตอารีย์ รองผ้อู านวยการ นางพนิดา สุประการ รองผู้อานวยการ ดร.สมชาย ใจไหว รองผูอ้ านวยการ นางจันทรัตน์ ดวงฟู ผู้ช่วยรองผู้อานวยการ นายชลอ ประชมุ ฉลาด ผู้ช่วยรองผอู้ านวยการ นายหรินทร์ คะระวาด ผชู้ ่วยรองผอู้ านวยการ นางปารมี สปุ ินะ ผชู้ ว่ ยรองผู้อานวยการ นางนารฐิ า อนิ ถานะ หวั หนา้ กลุม่ งานพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ นายนพพร ปกุ คา หวั หนา้ กลุม่ งานบรหิ ารโครงการพเิ ศษและโรงเรยี นมาตรฐานสากล นายภูวณฐั โพธง์ิ าม หัวหนา้ กลุ่มงานพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา นายทศวฒั น์ หอมแก่นจันทร์ หวั หนา้ งานประกันคณุ ภาพการศึกษา นางสาวศศลกั ษณ์ เครือนันตา หัวหนา้ งานประชาสัมพนั ธ์ บรรณาธกิ าร หวั หนา้ งานวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาคุณภาพการศกึ ษาและงานพัฒนา นายบรรเจดิ สระปัญญา กระบวนการวิจยั เพ่ือส่งเสรมิ การบรหิ ารจดั การช้ันเรียนคุณภาพ กองบรรณาธิการ นางสาวภสั รลักษณ์ ใจขัด นายภวู ณัฐ โพธิง์ าม นางจงกลณี ภกั ดีเจรญิ นางเบญญาภา วรรณมณี นางสาวรัตนา ธิชูโต นางสาวอจั ฉรา ชื่นใจ นางทศั นีย์ ตรีเพ็ชร นางพรนภัส เอ้อื แท้ นางวรฐั ทยา ฝนั้ สบื นางจุฑาทิพย์ นมิ ิตรเกยี รตไิ กล นายฐติ พิ งศ์ มงิ่ เชอ้ื นายปฐวี มณวี งศ์ นางศทุ ธนิ ี ไชยรนิ ทร์ นางสาวสุพรรณี กาทอง นายพสิ ิฐ คาภโิ ร นางสาวเสาวลกั ษณ์ อนิ ต๊ะสม
4 คานา เอกสารเผยแพร่ การวิจัยและนวัตกรรมการพัฒนาวิชาชีพครู โรงเรียนลาปางกัลยาณี คร้ังที่ 1/2564 หวั ข้อ วิธีปฏบิ ัตทิ ่ีเป็นเลิศของ SMART TEACHER ด้านการใช้สือ่ นวัตกรรมและการวจิ ัยเพ่ือ พฒั นาคุณภาพการจัดการเรยี นการสอนที่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ ฉบับนี้ จัดทาข้ึนเพื่อเผยแพร่คุณภาพ งานเขียนทางวิชาการด้าน การวิจัย สื่อ นวัตกรรม ที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียน เป็นสาคัญ ของคณะครูผู้เข้าสู่กระบวนการพัฒนาวิชาชีพครูผ่านเกณฑ์ OBEC AWARDS ในงาน โครงการประกวดผลการปฏิบัติท่ีเป็นเลิศ (BEST PRACTICE) ส่ือนวัตกรรมออนไลน์ ประจาปี การศึกษา 2563 จัดโดยเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพ การจัดการศึกษามัธยมศึกษา จังหวัดลาปาง วันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564 ณ หอประชุมบุญชู ตรีทอง โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย และเผยแพร่ใน ระดั บ ช าติ ห รือผ่ าน ส าธารณ ะแก่ ผู้ ส น ใจใน ช่ องท างเว็บ ไซ ต์ โรงเรียน ล าป างกั ล ยาณี http://www.lks.ac.th/ หัวขอ้ การพฒั นาวชิ าชีพครู หากเอกสารมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดประการใด ทางคณะกรรมการงานวิจัยเพ่ือพัฒนา คุณภาพการศึกษา ฝ่ายวชิ าการโรงเรยี นลาปางกลั ยาณี จงึ ขออภยั มา ณ ท่นี ี้ด้วย คณะกรรมการงานวจิ ยั เพื่อพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ฝา่ ยวิชาการ โรงเรยี นลาปางกัลยาณี 8 เมษายน พ.ศ.2564
5 สารบัญ หนา้ 8 บทนา 10 วธิ ีปฏิบัตทิ ่ีเปน็ เลิศของ SMART TEACHER ด้านการใชส้ อื่ นวตั กรรมและการวจิ ยั 10 เพื่อพฒั นาคุณภาพการจัดการเรยี นการสอนที่เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ การวิจยั : รปู แบบการบรหิ ารวชิ าการเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา 13 โดยใช้ L.K.S. SMART Model โรงเรียนลาปางกัลยาณี 17 นายนิรนั ดร หมน่ื สุข ผูอ้ านวยการโรงเรยี นลาปางกลั ยาณี นวตั กรรม: ความสามารถกับนวตั กรรม SMART ของผ้บู ริหารดา้ นวิชาการ 20 นางพนดิ า สปุ ระการ รองผอู้ านวยการโรงเรยี นลาปางกัลยาณี ฝา่ ยวชิ าการ 21 นวตั กรรม: รายงานผลการดาเนินงาน PLC โรงเรียนลาปางกัลยาณี สานกั งานเขต 25 พน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา ลาปาง-ลาพนู 29 นางนารฐิ า อินถานะ หัวหน้ากลมุ่ งานพฒั นาการเรียนรู้ ฝ่ายวชิ าการ การวิจยั : การศกึ ษารปู แบบการเรียนการสอนโดยใชเ้ ทคนิคประสบการณ์จริง- 31 เขลางคโ์ มเดล เพื่อส่งเสรมิ คุณลกั ษณะความภาคภมู ิใจในทอ้ งถ่ินของนักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นลาปางกัลยาณี 33 นางสาวนันทนาพร วงศ์ยศ ครผู ูส้ อนกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน (หอ้ งสมุด) สือ่ : การสอนภาษาองั กฤษโดยใช้เวบ็ ไซต์ในยุควิถีใหม่ นางสาวอจั ฉรา ช่ืนใจ ครกู ลมุ่ สาระการเรยี นรู้ต่างประเทศ การวจิ ยั : การพัฒนารปู แบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพือ่ พัฒนาความสามารถในการ คดิ วิเคราะหส์ ร้างสรรคโ์ ครงงาน นกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 นางจฑุ าทิพย์ นมิ ิตเกยี รตไิ กล ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ การวจิ ยั : การยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นผา่ นกระบวนการแกโ้ จทย์ปัญหา คณติ ศาสตร์ เพอ่ื พฒั นาทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 นางพรนภัส เอ้อื แท้ ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ การวจิ ยั : การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์ โรงเรียนลาปางกัลยาณี ตามแนวทาง LKS SMART School Model โดยใชก้ ารจดั การความรู้ ศทุ ธินี ไชยรนิ ทร์ จฑุ าทิพย์ นิมติ เกยี รติไกล บรรเจดิ สระปัญญา ครกู ลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ การวิจัย: การพัฒนาทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหาประยุกตท์ างคณิตศาสตร์และทักษะ การทางานรว่ มกนั โดยใชก้ ระบวนการแกป้ ัญหาของโพลยาร่วมกบั การจดั การเรยี นรู้ แบบรว่ มมือ เพื่อพัฒนาการเรียนรผู้ เู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 นางวรัฐทยา ฝ้นั สืบ ครกู ลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์
6 สารบญั หนา้ 35 สื่อ นวตั กรรม: ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชโ้ มเดลการสรา้ งมโนทศั น์ เรื่อง กราฟ 38 และความสมั พนั ธเ์ ชงิ เส้น สาหรับนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 42 นายพสิ ิฐ คาภโิ ร ครกู ลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ 43 การวิจยั : รายงานผลการใช้ชุดการสอน รายวิชาคณติ ศาสตร์ 1 รหสั วชิ า ค31101 44 เร่อื ง เซต สาหรับนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 โรงเรียนลาปางกัลยาณี 47 นายบรรเจิด สระปัญญา ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ การวจิ ัย: รายงานการใชแ้ บบฝึกทกั ษะการอา่ นโนต้ ไทย โดยการใช้แบบฝกึ การอา่ น 51 โนต้ ไทย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ(ดนตรี) สาหรับนักเรียน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 นางศรีนวย สาอางศรี ครกู ลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ 56 การวจิ ัย: การใชเ้ กมประกอบการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรคู้ าศัพทภ์ าษาฝรง่ั เศส ของนักเรียน ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี นางสาวศิรินทิพย์ รมุ ารถ ครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศท่ี 2 การวจิ ยั : การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นและความสามารถในการ คดิ วิเคราะหเ์ รื่อง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี โดยการเรียนรู้แบบวฏั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ (5E) นางลลิตา ประชมุ ฉลาด ครูกลุ่มสาระการเรียนร้สู ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม การวจิ ยั : การตัดสนิ ใจเลอื กศึกษาต่อระดบั อดุ มศกึ ษาของนักเรยี น ชนั้ มธั ยมศึกษา ปีที่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 นางสาวนกพร นลิ แพทย์ ครูกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น(แนะแนว) นวัตกรรม: นวตั กรรมแบบฝกึ ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ สาระประวัติศาสตร์ จัดทาขนึ้ เพ่ือใชใ้ นการพัฒนาทักษะการคดิ วิเคราะห์ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 เรอื่ ง ความเปน็ มาของชนชาติไทย โรงเรยี นลาปางกัลยาณี จังหวดั ลาปาง นางสาวเมธาพร สงกานต์ทิพ ครกู ลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศกึ ษา ศาสนาและ วฒั นธรรม การวจิ ยั : การประยกุ ต์ใชว้ ิธสี อนออนไลน์ด้วยชดุ เคร่ืองมือ Google Apps for Education เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษา ปีท่ี 4/12 รายวชิ าศลิ ปะ (ทัศนศลิ ป1์ ) รหสั วชิ า ศ31101 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 นายปฐวี มณีวงศ์ ครกู ลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
7 สารบัญ หนา้ การพัฒนาทักษะการคดิ วจิ ารณญาณและจติ สาธารณะ ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษา 61 ปีที่ 4 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี โดยใช้หลักโยนโิ สมนสกิ ารบูรณาการกิจกรรม ศนู ยค์ รอบครัวพอเพียง 67 นางโสภิณ ศิรคิ านอ้ ย ครูกลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 70 กระบวนการบริหารจดั การสง่ เสรมิ นักเรยี นผมู้ ีความเปน็ เลิศดา้ นทศั นศลิ ป์ 71 สู่มหาวทิ ยาลัยโดยใชค้ า่ ยเป็นฐาน นางสาวสริ ิญา ศรชี ัย ครกู ลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ บทสรปุ บรรณานกุ รม
8 วธิ ีปฏิบัติทีเ่ ปน็ เลิศของ SMART TEACHER ด้านการใช้สอ่ื นวัตกรรมและการวจิ ัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ การจดั การเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั คณะกรรมการงานวิจัยเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ฝ่ายวิชาการ โรงเรยี นลาปางกัลยาณี 8 เมษายน พ.ศ.2564 บทนา การวิจัยและนวัตกรรมการพัฒนาวิชาชีพครู ของโรงเรียนลาปางกัลยาณี มีความสาคัญสอด รับกันโดยไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เน่ืองจากการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ มีฐานความชัดเจนของกระบวนการพัฒนามาจากการทาวิจัยในช้ันเรียน ซ่ึงระบุถึง ความสาคัญของปัญหาของนักเรียนที่เกิดขึ้น เป้าหมายและประโยชน์เม่ือทาการวิจัยเสร็จสิ้นแล้ว ผู้เรียนจะได้รับการแก้ไขและพัฒนาต่อยอดอย่างไร ซ่ึงการวิจัยนี้เองได้ผูกติดกับนวัตกรรมของ สถานศึกษา นั่นคือ L.K.S. SMART ในมิติของการส่งต่อระดับนโยบาย คือ L.K.S. SMART School สู่ L.K.S. SMART Student ผา่ นกระบวนการระหว่างกลาง คอื L.K.S. SMART Teacher ซ่ึงได้แก่ 1. SKILL ทักษะความรู้ความสามารถ: ครูมีการพัฒนาวิชาชีพตนเอง ให้มีความเช่ียวชาญ ในสาขาวิชาท่ีสอน มีทักษะการถ่ายโอน ทักษะทางด้านภาษา ทักษะด้านปริมาณ และทักษะด้านการ คดิ วิเคราะห์ 2. MANAGEMENT การบริหารจัดการ: ครเู ป็นผ้จู ัดการเรียนรู้ โดยเริม่ จากการบรหิ ารจดั การ ตนเอง ให้เปน็ ผู้ทม่ี ีความสามารถ ในการใชท้ รัพยากร และเป็นผทู้ ี่สามารถบรู ณาการการทางานโดยใช้วิทยากรอ่นื All for Education 3. ATTITUDE เจตคติ: ครูมีความเป็นครู รักและห่วงใยนักเรียน และคนทุกคนในองค์กร มี Education for all และเป็นแรงบนั ดาลใจให้กับนักเรยี น 4. RESOURCE แหล่งทรัพยากร: ครูเป็นผู้ที่มีความสามารถอานวยความสะดวกในการจัด สงิ่ แวดล้อมในการเรียนรู้หรอื แหลง่ เรยี นรู้ใหก้ ับนกั เรียนได้ 5. TECHNOLOGY เทคโนโลยี: ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการ และมีความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการจดั การเรยี นรู้ จากที่กล่าวมา พบว่า ครู หรือ L.K.S. SMART Teacher เป็นหัวใจสาคัญในการขับเคลื่อน และพฒั นาให้เกดิ L.K.S. SMART Student ดังน้ี L.K.S. SMART L.K.S. SMART L.K.S. SMART School Teacher Student ซงึ่ มปี รากฏการขับเคล่ือน และพัฒนาภายใตแ้ ผนผังวงจร SMART ของโรงเรยี น ดงั นี้
9 แผนภาพท่ี 2 นวัตกรรม L.K.S. SMART School ในสถานศึกษา, 2564 ที่มา: รายงานโครงการการอบรมเชิงปฏบิ ตั ิการการทาวจิ ัยในชัน้ เรยี น เพอ่ื ส่งเสริมการ ใชน้ วตั กรรม L.K.S. SMART School ในสถานศกึ ษา, 2563 หน้า 4 ดังนั้น วิธปี ฏิบัติที่เป็นเลิศของ SMART TEACHER ดา้ นการใชส้ อ่ื นวัตกรรมและการวิจยั เพื่อ พัฒนาคุณภาพการจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ จงึ ควรได้รับการเผยแพร่ เพ่ือเป็นสว่ น หน่ึงของการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการ SMART TEACHER ซ่ึงคัดสรรจากผลงานการใช้ส่ือ นวัตกรรมและการวิจัย ตามเกณฑ์การพัฒนาวิชาชีพครูผ่านเกณฑ์ OBEC AWARDS ดังรายละเอียด ตอ่ ไปน้ี
10 วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศของ SMART TEACHER ด้านการใช้สื่อ นวัตกรรมและการวิจัยเพ่ือพัฒนา คุณภาพการจัดการเรียนการสอนทเี่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สาคัญ การวิจัย: รูปแบบการบริหารวิชาการเพ่ือการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาโดยใช้ L.K.S. SMART Model โรงเรยี นลาปางกัลยาณี นายนริ ันดร หมนื่ สุข ผอู้ านวยการโรงเรียนลาปางกัลยาณี โรงเรียนลาปางกัลยาณีได้ตระหนักถึงการปฏิรูปการศึกษา จึงวิเคราะห์สภาพบริบท สภาพ ปัจจุบันของโรงเรียน เป้าหมายท่ีอยากให้นักเรียนโรงเรียนลาปางกัลยาณีมีความพร้อมรับการ เปล่ียนแปลงในสังคมโลก โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ีปรึกษาฝ่ายบริหาร สมาคม ผู้ปกครองและครูโรงเรียนลาปางกัลยาณี เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียน ลาปางกัลยาณี ผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนวิเคราะห์ นวัตกรรมการบริหารของโรงเรียน เพ่ือเป็นแนวทางในการบริหารจัดการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ต่อไป น่ันคือ L.K.S. SMART MODEL และใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพ OBEC QA เป็นมาตรฐานในการ กาหนดทิศทางของการปฏิบัติงาน เพ่ือให้บรรลุผลลัพธ์ คือ ผู้เรียนเป็น SMART STUDENT สอดคล้องกบั อตั ลกั ษณ์ของโรงเรียน คือ มีความรู้ เป็นคนดี มีคุณค่า สอดคลอ้ งยุทธศาสตร์การพัฒนา คนของประเทศ ทงั้ นีก้ ารสร้างกระบวนการนิเทศ ตดิ ตาม กากับ จงึ เปน็ ส่วนสาคัญในการขบั เคล่ือนให้ การบรหิ ารโรงเรียนใหม้ ีประสทิ ธิภาพเชิงวชิ าการ ผู้รายงานจึงได้หาวิธีการพัฒนาคุณภาพวิชาการของโรงเรียนลาปางกัลยาณี โดยใช้ L.K.S. SMART Model ให้เป็นแนวปฏิบัติท่ีชัดเจนร่วมกันในโรงเรียนและสามารถขยายผลได้ และบริหาร จัดการโดยการนเิ ทศแบบเครือขา่ ย ผา่ นกระบวนการ สร้างชุมชนแห่งการเรยี นรู้ เพื่อสร้างความเขา้ ใจ กากบั ตดิ ตาม การดาเนนิ งานของทกุ ฝา่ ยใหด้ าเนนิ เป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพมากยง่ิ ขึ้น วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพื่อหาวิธกี ารบรหิ ารวิชาการเพอ่ื การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนลาปางกลั ยาณี 2. เพอ่ื ศกึ ษาผลการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยใชน้ วตั กรรม L.K.S. SMART Model
11 ขอบเขตของการวจิ ยั ขอบเขตด้านเนอื้ หา การหาวิธีการบริหารวิชาการเพ่ือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนลาปางกัลยาณี ผ่านการใช้นวัตกรรม L.K.S. SMART Model และใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพ OBEC QA เป็นมาตรฐาน ในการกาหนดทิศทางของการปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ คือ ผู้เรียนเป็น SMART Student สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของโรงเรยี น สอดคล้องยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาคนของประเทศ ดงั นน้ั การสร้าง กระบวนการนิเทศ ติดตาม กากับ จึงเป็นส่วนสาคัญในการขับเคล่ือนให้การบริหารโรงเรียนให้มี ประสิทธิภาพ โดยใช้เครือข่ายการนิเทศ เพ่ือให้ทุกเครือข่ายได้ดาเนินร่วมกันอย่างสอดคล้องกับ ทิศทางและเป้าหมาย ขอบเขตดา้ นประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ในการวิจยั ครั้งน้ี ใช้ประชากร ได้แก่ -ครโู รงเรยี นลาปางกัลยาณี ปกี ารศกึ ษา 2562-2563 จานวน 152 คน -นกั เรยี นโรงเรียนลาปางกลั ยาณี ปกี ารศึกษา 2562-2563 จานวน 3,088 คน -ตวั แทนภาคีเครือข่ายสถานศึกษา ปีการศึกษา 2562-2563 จานวน 20 คน สรุปขั้นตอนการวจิ ัย ขน้ั ตอนที่ 1 สารวจสภาพปญั หาและความต้องการในปจั จบุ ัน โดยใช้ SWOT ข้นั ตอนที่ 2 วางแผนโดยใช้กระบวนการมสี ่วนร่วมกับทุกฝ่าย ขน้ั ตอนท่ี 3 สรา้ งคมู่ ือเครือข่ายการนิเทศ ภายในและภายนอกเพ่ือขบั เคล่ือนนวัตกรรม L.K.S. SMART MODEL ขน้ั ตอนที่ 4 ประมวลคุณภาพนกั เรียน คณุ ภาพครู และคุณภาพการบริหารจัดการ ขน้ั ตอนท่ี 5 การติดตามผลการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง สมมติฐานการวจิ ยั แนวทางการบริหารวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนลาปางกัลยาณี โดยใช้นวัตกรรม L.K.S. SMART Model ทาให้ผลการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาสงู ขึ้น คานิยามศพั ท์เฉพาะ การบริหารวิชาการ หมายถึง รูปแบบการบริหารโดยใช้ L.K.S SMART Model ดาเนินการ เพ่ือใช้เกณฑ์รางวัลคุณภาพ OBEC QA เป็นมาตรฐานในการกาหนดทิศทางของการ ปฏบิ ตั งิ าน เพ่ือให้มกี ารขบั เคล่อื นใหก้ ารบริหารวิชาการโรงเรยี นใหม้ ีประสิทธิภาพ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ L.K.S. SMART Model หมายถึง นวัตกรรม ท่ีโรงเรียนลาปางกัลยาณี ใช้เพื่อบรรลุผลลัพธ์การขับเคล่ือนองค์กรและพัฒนาผู้เรียนให้เป็น SMART STUDENT
12 นิเทศแบบเครือข่าย หมายถึง กระบวนการนิเทศ ติดตาม กากับ ที่เป็นส่วนสาคัญในการ ขับเคล่ือนให้การบริหารโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้เครือข่าย เพ่ือให้ทุกเครือข่ายได้ดาเนิน รว่ มกนั อยา่ งสอดคล้องกบั ทิศทางและเปา้ หมาย ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะไดร้ ับ 1. ได้แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียน 2. โรงเรียนมีการรายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยใช้นวตั กรรม L.K.S. SMART Model ทีม่ รี ะบบและมปี ระสทิ ธภิ าพ การทบทวนแนวคิดทฤษฎี 1. แนวคิดดา้ นการบริหารวิชาการเพ่อื การพฒั นาคุณภาพการศึกษาและแนวคิดการสร้างโรงเรยี น ท่ีประสบความสาเร็จหรือโรงเรียนทม่ี ีความเป็นเลศิ 2. การนิเทศเครอื ข่าย ภายในและภายนอกสถานศกึ ษา กบั การพัฒนาคุณภาพการศึกษา สรปุ ผลการวจิ ยั แนวทางการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรยี น การศึกษา ค้นคว้า ประมวลผล รายงานผลการประเมินคุณภาพการศึกษา ประจาปีของ สถานศึกษา (SAR) แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โรงเรียนลาปางกัลยาณี ระยะ 4 ปี (ปีงบประมาณ 2561 - 2564) รูปแบบการสร้างคู่มือการนเิ ทศเครือข่าย แบบรายงานการประชุมภาคี เครือข่ายสถานศึกษาและแบบรายงานการประชุมสถานศกึ ษา ผลการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาโดยใช้ L.K.S. SMART Model โรงเรียนลาปางกลั ยาณี ดังนี้ รูปแบบการบริหารวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใช้ L.K.S. SMART Model โรงเรยี นลาปางกัลยาณี มีรายละเอยี ดเป็นดังนี้ 1. รปู แบบการบริหารจดั การ หมายถึง การดาเนินการเพ่ือใชเ้ กณฑ์รางวัลคุณภาพ OBEC QA เป็นมาตรฐานในการกาหนดทิศทางของการปฏิบัติงาน เพื่อให้มีการขับเคลื่อนให้การบริหาร โรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ 2. การพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ L.K.S. SMART School Model หมายถึง นวัตกรรม ท่ีโรงเรียนลาปางกัลยาณี ใช้เพื่อบรรลุผลลัพธ์การขับเคลื่อนองค์กรและพัฒนาผู้เรียนให้ เปน็ SMART STUDENT 3. เครือข่ายการนิเทศ ภายในและภายนอก หมายถึง กระบวนการนิเทศ ติดตาม กากับ ท่ีเป็นส่วนสาคัญในการขับเคลื่อนให้การบริหารโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้เครือข่าย เพ่ือให้ ทุกเครือขา่ ยได้ดาเนินรว่ มกันอยา่ งสอดคลอ้ งกบั ทศิ ทางและเปา้ หมาย 4. L.K.S. SMART School Model หมายถึง นวัตกรรม ที่โรงเรียนลาปางกลั ยาณี ใช้เพื่อ บรรลุผลลัพธ์การขับเคลื่อนองค์กรและพัฒนาผู้เรียน ซ่ึง SMART ประกอบด้วย S (Good System) คือ ระบบดี / M (Morality) คอื มีคุณธรรมและจรยิ ธรรม / A (Asean Community) คือความพรอ้ ม สู่ประชาคมอาเซยี น / R (Responsibility) คือ ความรับผดิ ชอบ / T (Technology) คอื เทคโนโลยี
13 รายงานผลการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา โดยใช้นวตั กรรม L.K.S. SMART MODEL ตอนท่ี 1 ผลการหารูปแบบการบรหิ ารวิชาการเพือ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้ L.K.S. SMART Model ประกอบด้วยเน้อื หา สาคัญ 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 บทนา มีเนือ้ หาเกยี่ วกับความเป็นมา วัตถุประสงค์ ขอบเขต และคาจากัด ความ ส่วนที่ 2 รูปแบบการบริหารวิชาการเพ่ือการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยใช้ L.K.S. SMART Model มีการใช้เครือข่ายการนิเทศ มีเน้ือหาเก่ียวกับความสาคัญและความเป็นมา วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ภาพความสาเร็จ ระยะเวลาในการดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน/หน้าที่ความ รับผดิ ชอบ/กระบวนการนเิ ทศ การติดตามและประเมินผล ส่วนที่ 3 เคร่อื งมอื เอกสารที่เก่ียวข้องและ ข้อมูล/สารสนเทศ เครื่องมือนิเทศ ติดตามกิจกรรม/นโยบายต่างๆ (นิเทศบูรณาการ) เอกสารท่ี เก่ียวขอ้ ง และสว่ นท่ี 4 ภาคผนวกเอกสารคาสงั่ ที่เกยี่ วขอ้ ง ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนลาปางกัลยาณี โดยใช้ L.K.S. SMART Model พบวา่ โรงเรียนลาปางกัลยาณีมีผลการทดสอบการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษา ปที ี่ 3 และชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 มีค่าเฉล่ียทุกรายวชิ าที่มีการสอบ O – NET สูงกว่าระดับประเทศทุก รายวิชา ร้อยละผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า นักเรียนมีผลการประเมินระดับคุณภาพ ผ่าน ภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 99.97 และนักเรียนมีผลการประเมินไม่ผ่าน ร้อยละ 0.03 (ด้วยสาเหตุ คอื ลาออก) ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์เขยี น ระหวา่ งปีการศึกษา พบว่า นักเรียนมีผลการ ประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์เขียน ผ่านระดับดีข้ึนไป เฉลี่ยร้อยละ 97.64 ผลการประเมิน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ทงั้ 8 ข้อ ระหว่างปกี ารศึกษา พบวา่ ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะ อันพึงประสงคท์ ้ัง 8 ข้อ มีค่าเฉลย่ี ผ่านระดับ ดี ข้ึนไป คดิ เป็นร้อยละ 98.60 นวัตกรรม: ความสามารถกับนวัตกรรม SMART ของผู้บริหาร ด้านวิชาการ นางพนดิ า สุประการ รองผูอ้ านวยการโรงเรียนลาปางกลั ยาณี ฝ่ายวิชาการ ความสามารถในการวางแผนการปฏบิ ัติงาน เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาด้านการศึกษา พัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้และความสามารถ อย่างยั่งยืนสู่ยุคศตวรรษท่ี 21 อย่างสมบูรณ์ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) เน้นสร้างให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ให้ผู้เรียนสามารถคิดและลงมือปฏิบัติจนก่อเกิดทักษะต่อตนเอง อีกทั้งยังสามารถใช้องค์ความรู้สร้างนวัตกรรมต่อไป คณะกรรมการบริหารโรงเรียนลาปางกัลยาณี จึงวางแผนการปฏิบตั ิงานร่วมกับผู้มสี ่วนเก่ียวข้องกับการพัฒนาการศึกษาของโรงเรยี นลาปางกัลยาณี โดยใช้กระบวนการ SWOT Analysis วางแผนการปฏิบัติงานร่วมกับของผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับ
14 การพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนลาปางกัลยาณี ประกอบกับข้อมูลทางการศึกษา ตามมาตรฐาน การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน นโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เพ่ือกาหนดเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ลาปางกัลยาณี สังเคราะห์ออกมาเป็นแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประจาปีงบประมาณ 2561 – 2564 และแผนปฏบิ ัตกิ าร ประจาปีงบประมาณของโรงเรียนลาปางกลั ยาณี ความสามารถในการปฏิบตั งิ าน ข้าพเจา้ ปฏบิ ัตงิ านในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนลาปางกลั ยาณี บริหารจดั การสถานศึกษา ตามขอบข่ายภารกิจงานของสถานศึกษา งานฝ่ายบรหิ ารวิชาการ งานฝา่ ยอานวยการ งานฝา่ ยบริหาร กิจการนักเรยี น งานฝ่ายบริหารทั่วไป และงานตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้อานวยการโรงเรียน โดยมี การวางแผนการปฏิบัติงาน การควบคุม กากับ ดูแลเก่ียวกับงานฝ่ายบริหารวิชาการ งานฝ่าย อานวยการ งานฝ่ายบริหารกิจการนักเรียน งานฝ่ายบริหารทั่วไป งานประสานความร่วมมือกับภาคี เครือข่ายการศึกษา และงานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องหรือได้รับมอบหมาย ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษา โดยนาแนวคิดใหม่ๆ ทางการบริหารการศึกษามาใช้ในการพัฒนาสถานศึกษาให้ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และสังคมแหง่ ปัญญา ให้บรรลคุ วามมุ่งหมายตามวิสัยทศั น์โรงเรียนลาปาง กัลยาณี คือ “มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นคนดี มีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21”โดยมีแผนปฏิบัติการ ประจาปีงบประมาณเป็นเคร่ืองมือในการบริหารงาน ตามแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประจาปี งบประมาณ 2561 – 2564 มีคู่มือครูเป็นคู่มือในการปฏิบัติงานของบุคลากร มีการพัฒนาข้อมูล สารสนเทศ ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแผนการดาเนินงานเน้นคุณภาพนักเรียนตาม มาตรฐานการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ดูแล ควบคุม กากับ ติดตามและนิเทศ การปฏิบัติงานในโรงเรียนให้ การดาเนินงานบรรลุตามแผนการที่วางไว้ มีการประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการ ประจาปีอยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยวิธีการท่หี ลากหลายใช้เคร่ืองมือท่ีเหมาะสมโดยทุกฝา่ ยมีส่วนร่วม ทาให้ผล การประเมินเป็นที่ยอมรับ มีการจัดระบบงานที่ชัดเจนคล่องตัวในการมอบหมายงานตรงกับความรู้ ความสามารถ ส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้พัฒนาตนเอง อย่างต่อเน่ือง จัดกิจกรรมพัฒนาจูงใจให้ครูและบุคลากรปฏิบัติงานไปสู่ความสาเร็จ จัดสวัสดิการ ส่ิงอานวยความสะดวกและผลประโยชน์ตอบแทนในการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนด จัดให้มีการประสานติดตาม ประเมินผลการพัฒนาโรงเรียนและรายงานให้ คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานทราบเพ่ือพิจารณาปรับปรุงและพัฒนาโรงเรียนต่อไป มีการจัด กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้อย่างหลากหลายและชุมชนมีส่วนร่วมในการดาเนินการจัด กระบวนการเรียนการสอนท่ีเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการ ปฏิบัติท่ีหลากหลายรูปแบบ(Active Learning) โดยใช้นวัตกรรม L.K.S. SMART School ขับเคลื่อน การบริหารจัดการโรงเรียนลาปางกัลยาณี และนวัตกรรม L.K.S. SMART Student เป็นตัวช้ีวัด ผลผลติ หรือนักเรียน
15 ความสามารถในการวางแผนเพ่ือปฏบิ ัติงานเป็นทีม ข้าพเจ้าปฏิบัติหน้าที่รองผู้อานวยการโรงเรียนลาปางกัลยาณี ได้รับมอบหมายให้บริหาร จัดการสถานศึกษา ดูแล กากับ ติดตาม งานในฝ่ายวิชาการและงานตามท่ีได้รับมอบหมายจาก ผู้อานวยการโรงเรียน เพ่ือให้กระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนเกิดความต่อเนื่องและสาเร็จตาม วิสัยทัศน์ และพันธกิจของโรงเรียน ด้วยการให้ความสาคัญและร่วมมือในการบริหารจัดการแบบ มีส่วนร่วมของคณะกรรมการตามโครงสรา้ งการบริหารงานของโรงเรียนลาปางกัลยาณีที่ประกอบด้วย ผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ 4 ฝ่าย ผู้ช่วยรองผู้อานวยการ 4 ฝ่าย หัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้ากลุ่ม สาระการเรียนรู้ หัวหน้าระดับชั้น ครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน และภาคีเครือข่ายการศึกษาของโรงเรียนลาปางกัลยาณีโดยยึดหลัก กัลยาณีมิตร ข้อท่ี 13 (KANLAYANEEMIT 13) คือ T: Teamwork สร้างบรรยากาศที่ดี มีความไว้วางใจ เคารพใน บทบาท ผ่านการส่ือสารท่ีดี เสริมแรงจูงใจในการทางาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือ พัฒนา คุณภาพผูเ้ รียนให้สาเร็จตามวสิ ัยทศั น์ และพนั ธกจิ ของโรงเรยี นลาปางกัลยาณี ในการปฏิบัติงาน ข้าพเจ้ามีการจัดระบบงานท่ีชัดเจนคล่องตัวในการมอบหมายงาน ตรงกับความรู้ความสามารถ ใช้วงจรการควบคุมคุณภาพ PDCA มีการวางแผน เพื่อเลือกปัญหา ตั้งเป้าหมาย การแก้ปัญหา และวางแผนแก้ปัญหา สู่การดาเนินการและแก้ไขปัญหาตามแนวทาง ท่ีวางไว้ ตรวจสอบและเปรียบเทียบผล และ นามาปรับปรงุ ให้ดยี งิ่ ข้นึ ขา้ พเจา้ ใช้ชุมชนแหง่ การเรียนรทู้ างวชิ าชพี ครู Professional Learning Community (PLC) ม่งุ เน้นทกี่ ารปฏิบัติการสอนและผลสมั ฤทธิ์ของนักเรยี น โดยใช้แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ประจาปี งบประมาณ 2561 – 2564 และแผนปฏบิ ตั กิ าร ประจาปงี บประมาณของโรงเรียนลาปางกลั ยาณีเป็น หลกั มาปรับประยุกตใ์ ห้มีความสอดคล้องกับบรบิ ทของโรงเรียนและการจดั การเรียนรู้ เพ่ือให้เกดิ ผล เกิดผลดที างวิชาชพี ครู และผ้เู รยี นท่มี ุ่งพฒั นาการของผเู้ รยี น เปน็ สาคญั ตามขอ้ เสนอแนะของคณะกรรมการประเมินคุณภาพภายนอก รอบ 4 จึงเกิดวงจรการพัฒนา นวัตกรรมสถานศึกษาในปีการศึกษา 2563 ท่ีกาหนดให้เพิ่มวงจรคุณภาพ PDCA และ SMART Teacher เพ่ือเช่ือมวงจร SMART School สู่ SMART Student เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนที่ย่ังยืน ฝ่ายวชิ าการ โดยคณะกรรมการงานวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา และงานพัฒนา กระบวนการวจิ ัยเพื่อสง่ เสริมการบริหารจัดการช้ันเรยี นคุณภาพ ฝ่ายวชิ าการ โรงเรียนลาปางกัลยาณี พยายามแก้ไขกระบวนการการพัฒนานวัตกรรม ตามข้อเสนอแนะเพ่ือการพัฒนาสู่นวัตกรรมหรือ แบบอย่างท่ีดี ของคณะกรรมการสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ในรูปแบบชุมชนแห่งการเรียนรทู้ างวิชาชีพครู (PLC) ความสามารถในการปฏิบตั ิงานรว่ มกับผู้อน่ื การทางานวางแผนร่วมกับผู้อื่น ข้าพเจ้ายึดถือให้ความสาคัญและร่วมมือในการบริหารจัดการ ของสถานศึกษา ถือเป็นทักษะสาคัญในการสร้างสรรค์งานให้บรรลุเป้าหมาย และการปฏิบัติงานที่มี ประสิทธิภาพ เพื่อนาไปสู่การพัฒนาที่ย่ังยืน ด้วยการเปิดโอกาสให้บุคคลและผู้แทนองค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมและรับผิดชอบในการกาหนดทศิ ทางในการพัฒนาโรงเรียน ร่วมการคิด ร่วมตัดสนิ ใจ ร่วมสร้าง ทาความเข้าใจในการดาเนินงาน มีการยอมรับ และรับผิดชอบเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ
16 และเกิดความภาคภูมิใจในผลงานท่ีตนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา ได้แก่ คณะกรรมการ สถานศึกษาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในการพัฒนาการศึกษา โดยต้องมีทักษะกระบวนการทางาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทางานร่วมกัน ทักษะการแสวงหาความรู้ และทักษะการ จัดการ ร่วมกับแนวคิดทีข้าพเจ้าได้ออกแบบเพื่อการเพ่ิมประสิทธิภาพของบุคลากรในการปฏิบัติงาน ดา้ นวชิ าการ คือ กลั ยาณีมติ ร 13 (KANLAYANEEMIT 13) K: Knowledge เปน็ ผ้ทู ม่ี คี วามร้แู ละภูมปิ ญั ญาแทจ้ รงิ เป็นผ้ทู ่ีฝึกอบรมและปรบั ปรงุ ตนเองอยู่เสมอ A: Arrange การจดั เตรียมตนเอง ครู และนักเรียนให้พรอ้ มเพื่อการจัดการเรยี นรู้ N: Nurturing ดูแลและปกครองให้ทุกคนมีความรสู้ กึ อบอุ่นใจ เป็นท่ีพงึ่ ได้ และรสู้ ึกปลอดภัย L: Lovable ให้ความสนิทสนมแก่ทุกคนเพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจและกลา้ ทีจ่ ะเขา้ ไป ปรกึ ษาหารือเรอื่ งตา่ งๆ A: Awareness การรับรู้ รบั ทราบ ตระหนกั และอดทนต่อถ้อยคา พร้อมท่ีจะรับฟังคาปรกึ ษา Y: You can do it ใหก้ าลังใจในแงม่ ุมของสงิ่ ที่ทาอยู่ จนสาเร็จตรงตามเปา้ หมายที่วางไว้ A: Attitude สร้างสัมพนั ธ์อันดี มมี ารยาท เพ่ือเกิดบรรยากาศท่ีดีในการทางาน N: Know-how มคี วามรู้และทกั ษะ ความชานาญ สามารถอธิบายเรอ่ื งยงุ่ ยากซบั ซ้อนให้เขา้ ใจได้งา่ ย ในงานท่รี ับผดิ ชอบ E: Encourage ให้กาลังใจ การสนบั สนุน และชว่ ยเหลอื E: Esteemed น่ายกยอ่ งนบั ถือ และได้รับความไวว้ างใจ M: Model เป็นแบบอย่างท่ีดี I: Information and Innovation Skills มีทักษะด้านสารสนเทศ สือ่ เทคโนโลยีและนวัตกรรม T: Teamwork สร้างบรรยากาศท่ดี ี มีความไวว้ างใจ เคารพในบทบาท ผา่ นการส่ือสารที่ดี เสริมแรงจูงใจในการทางาน การเพ่มิ ประสิทธิภาพของบุคลากรในการปฏิบัตงิ านฝา่ ยวชิ าการ กัลยาณีมติ ร 13 (KANLAYANEEMIT 13) ความรู้คู่ คุณธรรม นาผสาน บรหิ าร เป็นแบบอย่าง สร้างคณุ ค่า คอยดูแล ทุกเรื่องไป ใจศรทั ธา เป็นกลั ยา ณมี ิตร ศิษย์กับครู
17 นวตั กรรม: รายงานผลการดาเนนิ งาน PLC โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามธั ยมศึกษา ลาปาง-ลาพูน นางนารฐิ า อินถานะ หัวหน้ากล่มุ งานพฒั นาการเรียนรู้ ฝ่ายวชิ าการ โรงเรียนลาปางกัลยาณี เปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและ มัธยมศึกษาตอนปลาย ปีการศึกษา 2563 มีจานวนนักเรียนทั้งหมด 3,277 คน จานวนครูและ บุคลากร จานวน 172 คน เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีชื่อเสียงเป็นท่ียอมรับของชุมชนและ ผู้ปกครอง การพฒั นาโรงเรยี นต้องมกี ารบรหิ ารจัดการแบบมสี ่วนรว่ ม ผู้บริหาร คณะครู บุคลากร นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เครือข่าย ผู้ปกครองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการนาข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับสภาพ ภายในและสภาพภายนอกของสถานศึกษา ได้กาหนดโอกาสเชิงกลยุทธ์ที่สาคัญ คือ เครือข่ายความ ร่วมมือการจัดการศึกษา ได้แก่ การลงนามความร่วมมือ (MOU) ด้านการเรียน แหล่งเรียนรู้ การ แลกเปล่ียนวิทยากร สื่ออุปกรณ์ ระหว่างโรงเรียนลาปางกัลยาณีและโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (องคก์ รมหาชน) จังหวัดนครปฐม ความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยแมโ่ จ้ จงั หวัดเชียงใหม่ มหาวิทยาลัย ราชภัฏลาปาง วิทยาลัยเทคนิคลาปาง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จังหวัดลาปาง ในการส่งเสริมการทางานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ การลงนามสัญญา บนั ทึกข้อตกลงความร่วมมอื จัดตั้งและพัฒนาห้องเรยี นขงจือ่ ตามโครงการโรงเรียนแลกเปลยี่ นภาษา และวัฒนธรรมไทย การทากิจกรรมลงนามความร่วมมือ (MOU) กับมหาวิทยาลัยครูเหอเป่ย มณฑล เหอเป่ย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน การลงนามความร่วมมือกับโรงเรียนโทนัน ซีเนียร์ ไฮสกูล จังหวัดเกียวโต ประเทศญ่ีปุ่น การรับอาสาสมัครชาวญ่ีปุ่นจาก Japan Foundation มาปฏิบัติการ สอนภาษาญ่ีปุ่น โดยรับเงนิ เดือนและสวัสดิการจากรัฐบาลญี่ปุ่น การทากิจกรรมลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างฝ่ายบริหารและกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ การแลกเปล่ียนวัฒนธรรมในโครงการ เอ เอฟ เอส นอกจากนี้โรงเรียนยงั ได้รบั การสนบั สนุนจากสมาคมผู้ปกครอง ชุมชน ศิษย์เก่า ชมรมครู เกษยี ณอายรุ าชการ ในการระดมทุนช่วยเหลือกจิ กรรมส่งเสริมความเป็นเลิศให้กับนักเรียน ผู้บริหารและคณะครูได้เล็งเห็นแนวทางการพัฒนาครูและบุคลากร ระบบการจัดการเรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจดั การเรียนรู้ การพฒั นาผู้เรียนให้เปน็ เลศิ ทางวิชาการและสามารถ ส่ือสารได้สองภาษา และมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติและการประกันคุณภาพ การศึกษามาตรฐานการศึกษาของชาติ จึงเห็นควรท่ีจะนากระบวนการ PLC (Professional Learning Community) “ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ”มาเป็นแนวทางในการดาเนินงานดังกล่าว ไปสู่การปฏบิ ัติ เพ่ือให้การดาเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงคเ์ ชิงกลยุทธ์ และได้กาหนดเป็นนวัตกรรม ของโรงเรยี นลาปางกัลยาณี การท่ีโรงเรียนจะประสบความสาเร็จต้องมีปัจจัยท้ังภายนอกและภายในที่เข้มแข็ง มีการ บริหารทดี่ ี ครูและนักเรียนมีคณุ ภาพ แนวคดิ ในการพัฒนาสถานศึกษาของคณะกรรมการสถานศึกษา
18 นาไปวางแผนสู่การบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม ร่วมกันพัฒนาโรงเรียนลาปางกัลยาณี ทาให้เกิด ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษา เพ่ือเป็นการขับเคลื่อนแนวคิดการสร้าง โรงเรียนที่ประสบความสาเร็จ ทาให้เกิดการบริหารจัดการโรงเรียนลาปางกัลยาณีโดยใช้นวัตกรรม L.K.S. SMART SCHOOL MODEL แผนการขับเคลอ่ื น PLC โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี ปีการศกึ ษา 2563
19
20 การวิจัย: การศึกษารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค ประสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล เพ่ือส่งเสริมคุณลักษณะความ ภาคภูมิใจในท้องถ่ินของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียน ลาปางกัลยาณี นางสาวนนั ทนาพร วงศ์ยศ ครูผสู้ อนกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน (หอ้ งสมุด) ครูกลุม่ สาระการเรียนรู้ตา่ งประเทศ บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบการเรียนการสอน โดยใช้เทคนิค ประสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะความภาคภูมิใจในท้องถ่ินของนักเรียนชั้น มธั ยมศึกษาปีท่ี1 และ 2) ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคประสบการณ์ จรงิ -เขลางคโ์ มเดล เพ่อื สง่ เสริมคณุ ลกั ษณะความภาคภูมิใจในท้องถิน่ ของนักเรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 1 มีการดาเนินการศึกษา 4 ข้ันตอน คือ ข้ันตอนท่ี 1 การศึกษาข้อมูล แนวคิด ทฤษฎี จากเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ข้ันตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน ตามแนวคิดการสอน โดย ใช้เทคนิคประสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล ขั้นตอนที่ 3 การนารูปแบบการเรียนการสอนท่ีพัฒนาข้ึน ไปทดลองใช้ ข้นั ตอนท่ี 4 การประเมนิ ประสิทธิผลของรปู แบบการเรียนการสอน สาหรับขัน้ ตอนท่ี 3 การนารูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้กับกลุ่ม ตัวอย่าง ได้แก่นักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนลาปางกัลยาณี สังกัดสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35 ที่เรียนรายวิชาการใช้ห้องสมุด1 รหัส ท20207 ในภาคเรียน ท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 2 ห้องเรียน ซ่ึงได้มาโดยการจัดเป็นกลุ่มทดลอง ซ่ึงเรียนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบที่ผู้ ศกึ ษาพัฒนาข้ึน ทัง้ 2 ห้องเรยี น จานวน 80 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบ วดั ผลการเรียนรู้ 3) แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะความภาคภูมิใจในท้องถิ่น และ4) แบบสอบถามความพึง พอใจ วเิ คราะหโ์ ดยการหาค่าสถติ ิ ประกอบดว้ ย คา่ เฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคประสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล มีองค์ประกอบดังนี้ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ของรปู แบบการเรียนการสอน 3) ข้ันการจัดการเรยี น การสอนมี 4 ขั้น คือ (1) เรียนรูป้ ระสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล (2) ทบทวน และไตร่ตรอง (3) สร้าง ความคิดรวบยอด (4) ประยุกต์ใช้ตามประสบการณ์จริง ซึ่งผู้เช่ียวชาญประเมินองค์ประกอบของ รูปแบบน้ี พบว่ามีความเหมาะสมในระดับมาก สามารถนาไปใช้ได้ 4) การวัดและประเมินผลของ รปู แบบการเรียนการสอน 2. ประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิคประสบการณ์จริง-เขลางค์โมเดล เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะความภาคภูมิใจในท้องถิ่นของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี1 มีผลการศึกษา ดังน้ี 1)นักเรยี นมีผลการเรยี นร้หู ลังเรยี น สูงกวา่ ก่อนเรยี น อย่างมีนัยสาคญั ทางสถติ ิ ทร่ี ะดับ 0.05
21 2) นักเรียนมีคุณลักษณะความภาคภูมิใจในท้องถ่ินโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 3) นักเรียนมี ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนในระดับมาก ท้ัง 3 ด้าน คือ ด้านบรรยากาศ อยู่ในระดับ มากทสี่ ุด ดา้ นกิจกรรมการเรยี น และดา้ นประโยชนท์ ไี่ ด้รบั อย่ใู นระดับมาก สอ่ื : การสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เวบ็ ไซต์ในยคุ วถิ ีใหม่ นางสาวอัจฉรา ช่ืนใจ ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรูต้ า่ งประเทศ
22 ข้าพเจ้านางสาวอัจฉรา ช่ืนใจ ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) โรงเรียนลาปางกัลยาณี มีการอัดคลิปวิดีโอการสอนลงในเว็บไซต์เพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนเพื่อ มุ่งผลสัมฤทธิ์ด้านวิชาการด้านภาษาอังกฤษการอ่านและการเขียน อาทิเช่น การสอนในรูปแบบ Web-Based Instruction โดยนาเสนอส่ือท่ีนักเรียนใช้ได้จริงในชีวิตประจาวัน เช่น มีการนา บทเรียนออนไลน์ในเว็บไซต์มาช่วยสอนในช้ันเรียนเพื่อให้นักเรียนเกิดความสนใจ ดังนั้นนักเรียน สามารถติดตามและทบทวนจากคลิปวิดีโอได้ตลอดเวลา ซ่ึงเป็นการสร้างบรรยากาศในห้องเรียนให้ เกิดความน่าสนใจและไม่น่าเบ่ือ เว็บไซต์และสื่อภาษาอังกฤษออนไลน์ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยทาการ เรยี นที่มีส่ือการเรียนรู้หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรยี นที่มีความสนใจแตกต่างกัน และช่ืนชอบการเรียนการสอนที่หลากหลาย จึงทาให้ครูผู้สอนได้ปรับการเรียนการสอนให้เหมาะสม กบั ธรรมชาติของนักเรียนในศตวรรษที่ 21 แบบบูรณาการเทคโนโลยีในการเรียนการสอนในยุคดิจิทัล ในรายวิชาภาษาองั กฤษพน้ื ฐานและภาษาองั กฤษอ่าน-เขยี น ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 ประโยชน์ของการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยใชเ้ ว็บไซต์ มีดังน้ี 1. เว็บช่วยสอนแบบรายวิชาอย่างเดียว (Stand - Alone Courses) เป็นรายวิชาที่มี เคร่ืองมือและแหล่งท่ีเข้าไปถึงและเข้าหาได้โดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ตอย่างมากท่ีสุด ถ้าไม่มีการ สื่อสารกส็ ามารถทีจ่ ะไปผา่ นระบบคอมพิวเตอร์สื่อสารได้ 2. เว็บช่วยสอนแบบเว็บสนับสนุนรายวิชา (Web Supported Courses) เป็นรายวิชาที่มี ลักษณะเป็นรูปธรรมท่ีมีการพบปะระหว่างครูกับนักเรียนและมีแหล่งเรียนรู้และการเก็บผลงาน นักเรียนไว้ได้มากมาย เช่น การกาหนดงานที่ให้ทาบนเว็บ การกาหนดให้อ่าน การสื่อสารผ่านระบบ คอมพิวเตอร์ หรือการมีเว็บท่ีสามารถช้ีตาแหน่งของแหล่งบนพื้นท่ีของเว็บไซต์โดยรวมกิจกรรมต่างๆ เอาไว้ 3. เว็บช่วยสอนแบบศูนย์การศึกษา (Web Pedagogical Resources) เป็นชนิดของเว็บไซต์ ท่ีมีวัตถุดิบเครื่องมือ ซึ่งสามารถรวบรวมรายวิชาขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกันหรือเป็นแหล่งสนับสนุน กิจกรรมทางการศึกษา ซ่งึ ผ้ทู เี่ ข้ามาใช้กจ็ ะมสี อื่ ให้บรกิ ารอย่างรูปแบบอย่างเช่น เปน็ ข้อความ เปน็ ภาพกราฟกิ การสอื่ สารระหว่างบุคคล และการทาภาพเคลื่อนไหวตา่ งๆ เปน็ ต้น นกั เรยี นเรยี นภาษาอังกฤษผา่ นส่ือออนไลน์พร้อมกันกบั การเรียนร้สู ื่อในเว็บไซต์ของครู
23 เว็บไซต์ทใ่ี ชใ้ นการสอน ครผู ูส้ อนสร้างด้วยตนเองจาก google site ส่อื นวตั กรรมการสอนภาษาอังกฤษโดยใชเ้ ว็บไซตใ์ นยุควถิ ีใหม่ (Web-Based Instruction) ภาพ Capture หนา้ จอของสื่อทีส่ ง่ เข้าประกวด สพม.35 โครงการส่งเสรมิ การพฒั นาส่ือการเรียนการสอนเพ่ือยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยี สารสนเทศ การใช้บทเรียนออนไลน์ในเว็บไซตใ์ นการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษในยคุ วถิ ีใหม่
24 หน้าเว็บไซต์ English by Achara Chuenjai Online English Classroom การเผยแพรส่ ่ือนวตั กรรมการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เวบ็ ไซต์ในยคุ วิถีใหมอ่ อนไลน์ ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏลาปาง การนาเสนอเว็บไซต์ English by Achara Chuenjai Online English Classroom
25 การวิจัย: การพัฒนารูปแบบการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ เพอื่ พฒั นา ความสามารถในการคดิ วเิ คราะหส์ รา้ งสรรค์โครงงาน นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 นางจฑุ าทิพย์ นิมติ เกียรตไิ กล ครกู ลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ บทท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา จากปัญหาการจัดกระบวนการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในประเทศไทยที่มุ่งเน้นท่ีเน้ื อหา คณิตศาสตร์มากกว่าทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์โดยเฉพาะอย่างย่ิงการแก้ปัญหา ดังน้ัน สสวท (2551: 1) ได้ระบุไว้ว่า การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ท่ีผ่านมา แม้ว่านักเรียนจะมี ความรู้ความเขา้ ใจในเนือ้ หาเป็นอย่างดี แต่มนี ักเรียนจานวนมากยังคงขาดความสามารถเกี่ยวกับ การแก้ปัญหา การอ้างอิงเหตุผล การสื่อสาร หรือการนาเสนอแนวคิดทางคณิตศาสตร์ การ เชอื่ มโยงระหวา่ งเน้อื หาคณิตศาสตร์ กับสถานการณ์ต่างๆ และความคิดสร้างสรรค์ ปัญหาเหล่านี้ ทาให้นักเรียนไม่สามารถนาความรู้ คณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน และในการศกึ ษา ต่อได้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ อยา่ งไรกต็ ามจากการศึกษาการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ในปจั จบุ ัน พบว่า นักเรียนจานวนไม่น้อยประสบปัญหาในการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ซ่ึงจากรายงานของ สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2552: 12-13) ที่ได้ศึกษาคุณภาพการศึกษาข้ันพ้ืนฐานของ ประเทศ พบว่า ทักษะทางคณิตศาสตร์ด้านที่จาเป็นที่ ต้องพัฒนาเป็นอันดับแรก คือ ทักษะการ แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีเน้นการจัดการศึกษาโดยกาหนดมาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ท่ีเป็นสาระหลัก สาหรับผู้เรียนทุกคน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นเป็นความสามารถของนักเรียนในด้านตา่ งๆ ซึ่งเกิด จากนักเรียนได้รับประสบการณ์จากกระบวนการเรียนการสอนของครู โดยครูต้องศึกษาแนวทาง ในการวัดและประเมินผล การสรา้ ง เครือ่ งมือวัดให้มีคุณภาพน้ัน ผลท่เี กิดจากกระบวนการเรียน การสอน ท่ีจะทาให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และสามารถ วัดได้โดยการแสดง ออกมาทัง้ 3 ดา้ น คอื ดา้ นพุทธพิ สิ ยั ดา้ นจติ พสิ ยั และด้านทกั ษะพสิ ัย ในปัจจุบัน ปัญหาในการพัฒนาศักยภาพด้านการคิดของผู้เรียน นับว่าเป็นปัญหาสาคัญ มากท่สี ุด เน่อื งจากสภาพของเดก็ ในปัจจุบัน มักขาดทักษะ ดา้ นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ โดยเฉพาะนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา รูปแบบการจัดการเรียนการสอนท่ีสามารถพัฒนา ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ได้ดี คือ แนวคิดการจัดการเรียนรู้ตามแนวทฤษฎีการสร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง (คอนสตรัคติวิซึม) ซ่ึงผู้เรียนจะต้องสร้างแนวคิดของตนเอง ทฤษฎีคอนสตรัค- ติวิสซึมส่งเสริมให้ผู้เรียนรวบรวมแนวคิดท่ีหลากหลายและสังเคราะห์ส่ิงเหล่าน้ีเป็นแนวคิดท่ี บรู ณาการข้นึ มาใหม่ สง่ เสรมิ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์
26 ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบการสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนา ความสามารถในการสรา้ งสรรคโ์ ครงงาน นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา 1. เพ่ือพัฒนาทกั ษะการวเิ คราะหข์ ้อมลู สู่การนาไปประยุกตส์ รา้ งสรรค์โครงงาน ขอบเขตของการศกึ ษา ขอบเขตเนอ้ื หา การวิเคราะห์ขอ้ มูลทางสถิติ ขอบเขตดา้ นประชากร นักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 จานวน 39 คน ขอบเขตดา้ นเวลา ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 บทที่ 2 เอกสารหรอื งานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง สาหรับการวิจัยคร้ังนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิด เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับการ สอนตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิซึม พบว่า ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ จากทฤษฎีของเพียเจต์ ทว่ี ่าพฒั นาการทางเชาว์ปัญญาของบุคคลมีการปรบั ตัวผ่านทางกระบวนการซมึ ซาบ หรอื ดูดซึม และกระบวนการปรับโครงสร้างทางปัญญา พัฒนาการเกิดขึ้นเมื่อบุคคลรับและซึมซาบข้อมูล หรือประสบการณ์ใหม่เข้าไปสัมพันธ์กับความรู้หรือโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิม หากไม่ สามารถสัมพันธ์กันได้ จะเกิดภาวะไม่สมดุลข้ึน บุคคลจะพยายามปรับสภาวะให้อยู่ในภาวะ สมดุล โดยใช้กระบวนการปรับโครงสร้างทางปัญญา และคนทุกคนจะมีการพัฒนาเชาว์ปัญญา ไปตามลาดับขั้น จากการมีปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์กับสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ และ ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการคิดเชิงตรรกะ (Piaget,1980) นอกจากนี้การเรียนรู้อย่างมี ความหมายจะเกิดจากการนาความรู้เดิมเชื่อมโยงกับความรู้ใหม่ ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยการ เช่ื อ มโย งสิ่ งที่เรี ย น รู้ ให ม่ห รือ ข้อมูล ให ม่ซึ่งอาจ จ ะเป็ น คว ามคิ ด รว บ ย อด ให ม่ ใ น โคร งส ร้าง สติปัญญากับความรเู้ ดิมท่ีมีอยู่ในสมองของผู้เรียนอยู่แล้ว (Ausubel. 1968) ซึ่งในขั้นตอนการ สอนของเยเกอรต์ ามแนวคิดทฤษฎคี อนสตรคั ติวิสตม์ ี 4 ข้นั คือ ข้นั ที่ 1 เชิญชวน ประกอบด้วย ข้ันตอนย่อย คือ 1) ทบทวนความรู้เดิม 2) เสนอสถานการณ์ปัญหา 3) กระตุ้นย่ัวยุความสนใจ ใช้คาถามนาทาง 4) นักเรียนถามปัญหาท่ีสงสัยหรืออยากรู้ 2. ข้ันสารวจ ประกอบด้วยข้ันตอน ยอ่ ย คอื 1) รวบรวมกจิ กรรมท่เี ดน่ ชัดท่ีเก่ียวขอ้ งกับเนื้อหา 2) แบ่งกลุ่มนักเรียนระดมความคิด ร่วมกัน 3) กาหนดขอบเขตของแนวคิด นามาวิเคราะห์และออกแบบ 3. ขั้นอธิบาย ประกอบด้วยข้ันตอนย่อยคือ 1) ร่วมกันอภิปรายกลุ่ม ปรับปรุงความคิดให้ชัดเจน 2) อธิบาย นาเสนอผลงานในช้ันเรียน 4. ข้ันนาไปใช้ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย คือ 1) สรุปความรู้ร่วมกัน 2) น้าความรทู้ ีไ่ ด้ไปปฏบิ ัติ 3) สรา้ งผลงาน บทที่ 3 วธิ ดี าเนินการศกึ ษาค้นควา้ เครื่องมอื ที่ใช้ในการศกึ ษา -แบบฝกึ -โครงงานนักเรยี น
27 ขน้ั ตอนในการแก้ปัญหา หรือข้ันตอนในการวิจัย ในการวจิ ัยน้ีใช้ข้ันตอนการสอนของเยเกอรต์ ามแนวคิดทฤษฎีคอนสตรคั ตวิ ิสต์ 4 ขั้น ดงั น้ี ขัน้ ตอนที่ 1 การวิเคราะหข์ ้อมลู พื้นฐาน (Analysis) ขน้ั ตอนที่ 2 การออกแบบและพัฒนา รปู แบบการจัดการเรียนรู้ (Design and Develop) ขนั้ ตอนท่ี 3 การทดลองใช้ (Implement) และขั้นตอนที่ 4 การประเมินประสิทธิผลของรปู แบบการเรียนรู้ (Evaluation) บทที่ 4 ผลการศึกษา ผลการแกป้ ัญหา ผลการศึกษา หรือผลการวิจยั จากการวิจัยเร่ือง การพัฒนารปู แบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาความสามารถ ในการคดิ วิเคราะห์สร้างสรรค์โครงงาน นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6 ผลการวจิ ัยเป็นดงั น้ี 1. ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6 หลังเรยี นสูงกว่า ก่อนเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยมี คะแนนเฉล่ียก่อนเรียนเท่ากับ 15.27 และหลังเรียนเท่ากับ 22.57 และมีส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (SD.) ก่อนเรียนเท่ากับ 4.05 และหลังเรียนเท่ากับ 4.34 ทาให้ผู้เรียนมีความคิด วิเคราะห์สร้างสรรค์โครงงานเพื่อแข่งขนั และเผยแพร่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ คือ วิ่งกะยาน (Bicycle Jogging) ดงั นี้ ความโดดเด่นของผลงานส่งิ ประดษิ ฐ/์ การนาไปใช้ประโยชน์ เป็นอุปกรณ์ออกกาลังกายที่ผสมระหว่างการจ็อกกิงกับการปั่นจักรยาน ให้ความรสู้ ึก เหมือนการจ็อกกิงและเคลื่อนท่ีไปข้างหน้าเหมือนการปั่นจักรยาน และยังเป็นอุปกรณ์ที่ลบ จุดอ่อนของการจ็อกกิงปกตแิ ละการป่ันจกั รยานปกติ จะเห็นได้ชัดเจนสาหรับผทู้ ี่มนี า้ หนกั มาก เวลาจ็อกกิงจะมีแรงกระแทกจากน้าหนักตัวบริเวณเข่า ทาให้เจ็บเข่าและหากหันไปออกกาลัง กายโดยการปั่นจักรยานจะเกิดปัญหาท่ีน้าหนักตัวกดทับลงบนเบาะตลอดเวลาทาให้เกิดการ จุกเสียดและเจ็บขาหนีบ แต่อุปกรณ์นี้ช่วยซับแรงที่กดลงเข่าขนาดออกกาลังกายและเคลื่อนที่ ไปข้างหน้าเหมือนจักรยานโดยไม่ต้องน่ังกดทับกับเบาะตลอดเวลา ยกเว้นเวลาท่ีต้องการหยุด การจอ็ กกิงก็สามารถนง่ั พกั บนเบาะได้ รูปภาพของผลงานส่ิงประดิษฐ์ เปน็ รูปแบบจาลองจากโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad (GSP) และรปู สิง่ ประดิษฐ์ตน้ แบบ
28 บทท่ี 5 สรปุ และอภปิ รายผลการศึกษา จากการวิจัยเร่ือง การพัฒนารปู แบบการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เพ่ือพัฒนาความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์โครงงาน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ผู้วิจัยขออภิปราย ผลการวจิ ยั ดังน้ี 1. จากการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และสูงกว่า การเรียนด้วยการสอนแบบปกติ อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.5 ส่งผลให้นักเรียนมี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นสงู ขึน้ อาจเปน็ เพราะนักเรียนมีการทากจิ กรรมรว่ มกนั เป็นกลุ่มสง่ ผลให้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น เนื่องจากรูปแบบที่พัฒนาข้ึนมีการพัฒนามาจาก รูปแบบดังต่อไปนี้ คือ รูปแบบท่ีพัฒนาขึ้นตามแนวคิดทฤษฎีคอนสตัคติวิซึม ซ่ึงทฤษฎีคอน สตรัคติวิส์ต (Constructivist Theory) เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยการสร้างความรู้ได้มกี ารเปลี่ยนจาก เดิมที่เน้นการศึกษาปัจจัยภายนอกมาเป็นส่ิงเร้าภายใน ซึ่งได้แก่ ความรู้ความเข้าใจ หรือ กระบวนการรู้คิด กระบวนการคิด (Cognitive processes) ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ จากผล การศึกษาพบวา่ ปัจจัยภายในมีส่วนช่วยทาให้เกิดการเรยี นรู้อยา่ งมีความหมาย และความรู้เดิม มีส่วนเกี่ยวข้องและเสริมสร้างความเข้าใจของผู้เรียน สอดคล้องกับงานวิจัยของพรรณี ภิบาลวงษ์ (2557: 79-80) ท่ีพบว่า การสอนตามแนวทฤษฎีคอนสตรคั ติวิสซึม ทาให้ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของนักเรยี นหลงั เรยี นสูงกวา่ กอ่ นเรยี นอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่รี ะดับ 0.5 แสดง ให้เห็นว่า การสอนตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสซึมน้ัน มีประสิทธิภาพและทาให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นสูงขึ้น และพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์โครงงาน ได้อย่างมคี ุณภาพ ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนารูปแบบการเรียนรู้คณิตศาสตรท์ ีพ่ ฒั นาข้ึนไปใช้ 1. กอ่ นให้นักเรียนทากจิ กรรมการเรยี นการสอน ครูต้องอธบิ ายหรือช้แี จงวธิ กี ารปฏิบัติ กิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อใหน้ กั เรยี นเข้าใจตรงกัน อธิบายเกณฑก์ ารให้คะแนน และสังเกต ถึงปัญหาต่างๆ รวมท้ังมีการบันทึกปัญหาและข้อสงสัย เพ่ือนามาปรับปรุงแก้ไขให้มี ประสทิ ธิภาพมากขนึ้
29 การวิจัย: การยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนผา่ นกระบวนการ แก้โจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์ เพือ่ พัฒนาทกั ษะผู้เรยี นในศตวรรษ ท่ี 21 นางพรนภัส เอ้อื แท้ ครกู ลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ บทคดั ยอ่ โจ ท ย์ ปั ญ ห า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ เป็ น ส่ื อ ท่ี ใช้ เชื่ อ ม โย ง ค ว า ม รู้ ใน เน้ื อ ห า วิ ช า ค ณิ ต ศ า ส ต ร์ ไป สู่ สถานการณ์ในชีวิตจริง การแก้โจทย์ปัญหาต้องอาศัยทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์เพ่ือให้ ได้มา ซึ่งคาตอบที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา ยังประสบปัญหาในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ดังนั้นในบทความนี้ผู้เขียนจึงมุ่งศึกษางานวิจัย ที่เก่ียวข้องและนาเสนอประเด็นปัญหาของผู้เรียนในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ และแนวทาง สว่ นหนึ่งท่คี าดว่าจะชว่ ยใหผ้ ู้เรียนพฒั นาความสามารถในการแกโ้ จทย์ปัญหาคณติ ศาสตร์ได้ คาสาคัญ: โจทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์, กระบวนการแกป้ ัญหา, ยุทธวธิ กี ารแกโ้ จทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์ ประโยชน์ทเ่ี กิดขน้ึ กับผู้เรียน 1.ใชก้ ระบวนการแก้โจทย์ปญั หาคณติ ศาสตร์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 1.1 นกั เรียนมีผลสัมฤทธริ์ ายวิชา เป็นดังน้ี จานวนนกั เรียน 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 0 - - 40 19 10 8 2 1 - - - คิดเปน็ รอ้ ยละ 47.50 25.00 20.00 5.00 2.5 - 1.2 นักเรียนมีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์และมีความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะหแ์ ละเขียน เพื่อสามารถพิสูจน์ข้อความ สมมติฐาน ข้อคิดเห็นได้ทุกรูปแบบตามข้อมูลเชิงคุณภาพ สอดคล้องกับ รายงานการวิจัย และข้อมูลเชิงปริมาณ อ้างอิงตามตารางคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และตาราง ความสามารถเชิงวเิ คราะห์ (การอา่ น คิด วเิ คราะห์ เขียน) ดงั น้ี คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ รอ้ ยละนักเรียนตามระดับการพัฒนา ปี 2562 ม.3/1 นกั เรยี นรวมทง้ั หมด จานวนนักเรยี นเขา้ สอบ ดเี ย่ียม รอ้ ยละ 40 40 40 100 ความสามารถเชงิ วเิ คราะห์ 40 40 40 100 (การอ่าน คิด วเิ คราะห์ เขยี น) ม.3/1
30 1.3 นักเรยี นมี ผลคะแนน O-NET เปน็ ดังน้ี ระดับ จานวนผูเ้ ขา้ สอบ คะแนนเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) โรงเรยี น 550 40.10 17.38 จังหวัด 5,975 32.81 16.27 สังกัด 474,397 30.28 16.02 ภาค 55,817 31.59 16.33 ประเทศ 645,575 30.04 16.03 2.ใช้กระบวนการแก้โจทยป์ ัญหาคณติ ศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาทักษะผ้เู รียนในศตวรรษที่ 21 2.1 ยุทธวิธีในการใช้คาสาคัญเพ่ือพัฒนา ผู้เรียนได้เรียนรู้จักการคิด การลาดับ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา เกิดเป็นวิธีคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ใช้ยุทธวิธีในการใช้ คาถามนา ทาให้ผู้เรียนสนใจและใส่ใจในการเรียน (ผลท่ีเกิดขึ้นในการจัดการเรียนรู้ ได้รับการกากับ ติดตาม PLC โดยภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร) ผลสรุปความสาเร็จใน การออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (เฉพาะระดบั ชาตแิ ละนานาชาต)ิ คอื นักเรียนรางวัล คณติ ศาสตร์นานาชาติ สพฐ. จานวน 2 รางวัล 2.2 ผู้เรียนได้เรียนรู้ทักษะในศตวรรษท่ี 21 คือ การเรียนรู้ 3R x 8C และได้เรียนรู้จากการ ปฏิบัติด้วยตนเองและการปฏิบัติงานร่วมกับเพ่ือน เรียนรู้ด้วยความสนใจ ผ่าน ICT ผ่านการทาโครงงาน และเข้าถึงจุดมุ่งหมายรายวิชากับชีวิตตลอดจนมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างผู้เรียน จึงลดความ แตกต่างกนั ระหว่างบุคคล ผลสรปุ ความสาเร็จ (เฉพาะระดบั ชาติและนานาชาติ) เป็นดังนี้ 1.โครงงานคณิตศาสตรบ์ ูรณาการไดร้ ับรางวัลเหรยี ญต่อกล้า ระดับชาติ และเกียรติบตั ร 3 รางวัล การแขง่ ขนั โครงงานนักวิทยาศาสตรร์ นุ่ เยาวน์ YSC (กล่มุ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/8) 2. นกั เรยี นไดร้ บั เกยี รติบตั ร Young Innovator Awards นวตั กรรมสงิ่ ประดษิ ฐ์ Citizen Innovation สาธารณรฐั สงิ คโปร์ 3.นกั เรียนตวั แทนประเทศไทย ได้รบั รางวัล SILVER MEDAL AWARD จากงาน The 30th International Invention, Innovation & Technology Exhibition” (ITEX 2019) จัดการแข่งขัน คร้งั ท่ี 19 แข่งขันระหวา่ งวันที่ 2 - 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 แข่งขนั ณ สหพนั ธรฐั มาเลเซีย 4.นักเรียนตัวแทนประเทศไทย ได้รับรางวลั Specail Award จากราชอาณาจักรกมั พชู า สาธารณรัฐประชาชนจีน และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ในงาน The 7th Macao International Innovation and Invention Expo (MIIEX) 2019 วันท่ี 10 – 13 ตุลาคม 2562 ณ เขตบริหาร พิเศษมาเก๊า 5.นักเรยี นโครงงานวจิ ัย ไดร้ ับคัดเลือกให้ นาเสนอผลงานโครงงานนกั คดิ ส่ิงประดษิ ฐร์ ุ่นใหม่ วนั ท่ี 1 – 7 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2563 เผยแพร่ผลงานท่ปี ระสบความสาเร็จระดบั นานาชาติให้กบั ผทู้ ่ีสนใจ ในระดับนานาชาติ นักวิชาการไทย นักธุรกิจ คณาจารย์และประชาชน จานวน 1 โครงงานวิจัย ณ ศนู ยน์ ิทรรศการและการประชมุ ไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร และได้รบั รางวัล SPECIAL AWARD With the Compliments of S.D.B. Ng Siu Mui Secondary School Hong Kong 2020 6.นักเรียนได้รับทุนการศึกษาจากการนาโครงงานคณติ ศาสตร์ เรือ่ งตรรกศาสตรต์ ามงู เขา้ แข่งขนั ในโครงการ NSC 2020 ณ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่
31 การวจิ ัย: การพฒั นารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการ กลุ่มสาระ การเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ โรงเรยี นลาปางกัลยาณี ตามแนวทาง LKS SMART School Model โดยใชก้ ารจดั การความรู้ ศทุ ธินี ไชยรนิ ทร์ จุฑาทพิ ย์ นิมิตรเกียรติไกล บรรเจิด สระปญั ญา ครกู ลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนารูปแบบบริหารงานวิชาการ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ตามแนวทาง LKS SMART School Model โดยใช้การจัดการความรู้ และเพ่ือประเมิน ความพึงพอใจ ของนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้บริหารและครู ต่อการพัฒนาการบริหารงานวิชาการ ของกลุ่ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนลาปางกัลยาณี จังหวัดลาปาง สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษาเขต 35 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือบุคคลท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนารูปแบบบริหารงาน วิชาการ ตามแนวทาง LKS SMART School Model โดยใช้การจัดการความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ซ่ึงประกอบด้วยนักเรียน ผู้ปกครอง ผู้บรหิ ารและครู เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบประเมินความพึงพอใจ เอกสารแนวทางการพัฒนาโรงเรียน LKS SMART School Model และเอกสารผลการปฏิบัติการ/โครงการ ประจาปงี บประมาณ 2561-2562 สถิติทใี่ ช้ วเิ คราะห์ข้อมูล คอื คา่ เฉลย่ี เลขคณิตและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. รูปแบบบริหารงานวิชาการ ตามแนวทาง LKS SMART School Model โดยใช้การ จัดการความรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนลาปางกัลยาณีได้รับการพัฒนาโดยมี องค์ประกอบ/ข้อมูลของการดาเนินกิจกรรมในการพัฒนาผู้เรียนท่ีมีระบบ มีทิศทางสอดคล้องกับ นวัตกรรมของโรงเรียน โดยผลการพัฒนารูปแบบบริหารงานวิชาการ พบว่า การพัฒนานักเรียนด้วย กิจกรรมหรือโครงการท่ีสอดคล้องกับความสามารถหรือความสนใจของผู้เรียน มีค่าเฉล่ียในระดับ สงู สุด คอื 4.75 การแปลผลอยใู่ นระดบั ดมี าก 2. นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้บริหารและคณะครู มีความพึงพอใจต่อการพัฒนารูปแบบ บริหารงานวิชาการ ตามแนวทาง LKS Smart School Model โดยใช้การจัดการความรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาคุณภาพนักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ 4.81 การแปลผลอยู่ในระดับดมี าก สรุปผลการวจิ ัย 1. ได้ผลการพัฒนารูปแบบบริหารงานวิชาการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตาม แนวทาง LKS SMART School Model โดยใช้การจัดการความรู้ พบว่า การพัฒนานักเรียนด้วย
32 กิจกรรมหรือโครงการที่สอดคล้องกับความสามารถหรือความสนใจของผู้เรียน มีค่าเฉล่ียในระดับ สูงสุด คอื 4.75 การแปลผลอยูใ่ นระดบั ดีมาก ดงั นี้ 2. นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้บริหารและคณะครู มีความพึงพอใจต่อการพัฒนารูปแบบ บริหารงานวิชาการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามแนวทาง LKS Smart School Model โรงเรียนลาปางกัลยาณี โดยใช้การจัดการความรู้ โดยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาคุณภาพ นักเรียน มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือ 4.81 การแปลผลอยู่ในระดับดีมาก และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 2.11 ดังนี้ ตาราง ค่าเฉลย่ี การประเมินความพงึ พอใจผลสมั ฤทธข์ิ องการพัฒนาคุณภาพนกั เรยี น กล่มุ กลุ่มผู้ประเมนิ ความพงึ พอใจ ผลสมั ฤทธข์ิ องการพฒั นา ค่าเฉลี่ย ค่าเบย่ี งเบน ท่ี คุณภาพนักเรียน มาตรฐาน 1 นักเรยี น 4.73 1.78 2 ผปู้ กครอง 4.81 2.54 3 ผู้บริหารโรงเรียนลาปางกัลยาณี 4.63 1.83 4 คณะครูโรงเรียนลาปางกัลยาณี 4.58 2.23 รวม 4.78 2.11 ระดบั การแปลผล ดีมาก ตารางแสดงคา่ เฉลีย่ การประเมินความพึงพอใจผลสมั ฤทธิ์ของการพัฒนาคณุ ภาพนกั เรียน ข้อเสนอแนะ 1. ในการวิจัยครั้งต่อไป ควรมีการศึกษารายละเอียดของการพัฒนาคุณภาพชั้นเรียน คณิตศาสตร์ ในด้านกระบวนการจัดการเรียนรู้ เพ่ือสะท้อนผลคุณภาพการบริหารงานวิชาการกลุ่ม สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ 2. ขยายขอบเขตของกลุ่มผู้ประเมนิ ความพงึ พอใจ โดยม่งุ เน้นการเพ่ิมผู้ที่มสี ่วนไดส้ ่วนเสียกับ โรงเรียนเป็นผู้ร่วมประเมิน อาจทาให้เห็นข้อเสนอแนะใหม่ๆ ต่อทิศทางการบริหารงานวิชาการกลุ่ม สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรใ์ นอนาคต
33 การวิจยั : การพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปญั หาประยุกตท์ างคณิตศาสตร์ และทักษะการทางานร่วมกันโดยใชก้ ระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา ร่วมกบั การจดั การเรียนรแู้ บบรว่ มมือ เพอ่ื พัฒนาการเรียนรผู้ เู้ รียนใน ศตวรรษท่ี 21 ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 นางวรัฐทยา ฝนั้ สืบ ครกู ลุม่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้การแก้ โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยากับการจัดการ เรียนรู้ แบบของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/11 จานวน 39 คน ตามเกณฑ์ 75/75 ศึกษาผลการพัฒนา ทักษะการแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์ และทักษะการทางานร่วมกันของนักเรียนชั้นของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยากับการจัดการเรียนรู้แบบ ร่วมมือ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 เลือกตวั อย่างแบบกลุ่ม เคร่อื งมือท่ีใช้ในการวิจยั คร้ังนี้ ประกอบด้วย 1. แผนการจัดการเรียนรู้การแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์ โดยใช้กระบวนการ แกป้ ญั หาของโพลยากบั การจัดการเรียนรู้แบบรว่ มมือ ในเรอ่ื ง เซต จานวน 18 แผน 2. แบบทดสอบวัดทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาประยกุ ต์ทางชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 และ 3. แบบประเมินทักษะการทางานร่วมกันของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 จากการจัดการ เรียนรู้การพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ คะแนนเฉล่ียและค่ารอ้ ยละของคะแนนเฉลี่ย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานรวมทงั้ ผลทดสอบสมมติฐาน ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. การสร้างและหาประสิทธิภาพแผนจัดการเรียนรู้การแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทาง คณิตศาสตร์โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาของโพลยาร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือสาหรับ นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/11 E1 / E2 เท่ากบั 78.70/ 77.50 ซึ่งสงู กวา่ เกณฑม์ าตรฐานทกี่ าหนด 2. ผลการพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์โดยใช้กระบวนการ แก้ปัญหาของโพลยากับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ มีทักษะการทาความ เข้าใจโจทย์ปัญหามากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 98.80 รองลงมาเป็นทักษะการวางแผนการแก้ปัญหา คิดเปน็ รอ้ ยละ 84.27 และทกั ษะการดาเนินการตามแผนร้อยละ 73.93 ตามลาดบั 3. ผลการศึกษาทักษะการทางานร่วมกันของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/11 จากการ จัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหาประยุกต์ทางคณิตศาสตร์โดยใช้กระบวนการ แกป้ ญั หาของโพลยากับการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ จากการมุ่งพัฒนาศักยภาพที่แตกต่างกันของนักเรียนแต่ละบุคคล และเรียนรู้การอยู่ ร่วมกัน ซ่ึงเป็นหัวใจของการจัดการช้ันเรียนคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 พบว่า
34 1. การบริหารจัดการช้ันเรียนคณิตศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ครูเข้าใจและเข้าถึงความ แตกตา่ ง/ความตอ้ งการของนกั เรยี นแต่ละบุคคล เขา้ ใจนักเรยี นเชิงลกึ โดยใช้การตัง้ คาถามใหน้ กั เรียน ค้นหาคาตอบ เรียนรู้การตอบด้วยตนเองและแลกเปล่ียนร่วมกัน สามารถพิสูจน์ข้อคิดเห็นได้ เคารพ ความคิดทแ่ี ตกต่างของนกั เรยี น มกี ารวิเคราะหห์ ลักสตู ร/มาตรฐานตัวชีว้ ัด ทาให้เกดิ ผลสาเร็จทงั้ ดา้ น ครแู ละนกั เรยี น ระดับที่สงู 2. การออกแบบการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์แบบบูรณาการ พบว่าลดความแตกต่าง กนั ระหวา่ งบุคคล ผลสรปุ ความสาเรจ็ ระดับชาติและนานาชาติ ประโยชนท์ ีไ่ ด้รับ การเผยแพรผ่ ลการพัฒนาการจัดการชั้นเรยี นในมติ ขิ องนวัตกรรมชุดการสอน จานวน 5 โรงเรียน ในเขต สพม.35 และเผยแพร่ทางเวบ็ ไซต์ ผลงานวิจัยรางวลั นกั คิดส่ิงประดิษฐ์รุ่นใหม่ เผยแพร่ในเอกสาร ปี 2561 และ ปี 2562 คณะนักเรียนโครงงานวิจัยตัวแทนประเทศไทย รางวัลระดับเหรียญทองระดับนานาชาติ และ 3 Special Award จาก Kingdom of Cambodia (Norton U.) , เซ่ียงไฮ้ สาธารณ รัฐ ประชาชนจีนและ Hong Kong รางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐ ประชาชนจีน ในปกี ารศึกษา 2562 คณะนักเรียนโครงงานวิจัยตัวแทนประเทศไทย รางวัลระดับเหรียญเงิน การแข่งขันระดับ น าน าช าติ “ The 30th International Invention, Innovation & Technology Exhibition” (ITEX 2019) 2 – 4 พฤษภาคม 2562 ณ กรุงกัวลาลมั เปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซยี
35 สอื่ นวตั กรรม: ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชโ้ มเดลการสรา้ งมโนทัศน์ เร่อื ง กราฟและความสมั พนั ธเ์ ชิงเสน้ สาหรับนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษา ปีที่ 1 นายพสิ ิฐ คาภิโร ครูกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วตั ถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้โมเดลการ สร้างมโนทัศน์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนลาปางกัลยาณี จังหวัดลาปาง ให้มี ประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน ก่อนและหลังการเรียนด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้โมเดลการสร้างมโนทัศน์ สาหรับ นกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี จังหวดั ลาปาง 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้โมเดลการสร้างมโนทัศน์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนลาปางกัลยาณี จังหวัดลาปาง ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 81.16/86.36 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 สรุปได้ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้โมเดลการสร้าง มโนทัศน์ ทพี่ ัฒนาขนึ้ มปี ระสทิ ธิภาพสงู กวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ 2. พบว่าคะแนนสอบของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 โดยคะแนนเฉล่ียก่อนเรียนเท่ากับ 14.94 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 25.86 จึงสรุปได้ว่าชุด กจิ กรรมการเรียนรูส้ ง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นมผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนสงู ข้ึน 3. พบว่านักเรียนทีเ่ ป็นกลุ่มตัวอย่างมคี วามพงึ พอใจต่อชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ โดยภาพรวม อยูใ่ นระดบั พึงพอใจมาก มีค่าเฉล่ยี เทา่ กบั 4.41
36 การนาไปใชบ้ รู ณาการกบั หน่วย / เรอ่ื งอ่ืนๆ นวัตกรรมชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้โมเดลการสร้างมโนทัศน์ เป็นนวตั กรรมสามารถบรู ณาการกบั หน่วยการเรยี นรู้อนื่ ๆ ได้ระบุทุกหน่วยสามารถบูรณาการได้ เช่น ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ การบูรณาการหน่วยการเรียนรู้ อ่ืนๆ ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ที่ 1 คู่อันดับและกราฟของคูอ่ ันดบั ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 2 การอ่านและแปลความหมาย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1จานวนเต็ม ของกราฟ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 3 กราฟและการนาไปใช้ การนาเสนอข้อมูล ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 4 ความสัมพันธ์เชงิ เส้น ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 5 การเขียนกราฟของสมการเชิงเส้น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 สองตัวแปร ระบบสมการเชิงเส้น การนาไปใช้บรู ณาการกบั รายวิชาอน่ื ๆ นวัตกรรมชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง กราฟและความสมั พันธเ์ ชิงเสน้ โดยใชโ้ มเดลการสร้าง มโนทศั น์ สาหรับนกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เป็นนวัตกรรมสามารถบรู ณาการกับรายวชิ าอืน่ ๆ ได้ ดงั นี้ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ การบูรณาการกบั รายวชิ าอน่ื ๆ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1 คู่อันดับและกราฟของคอู่ ันดับ วชิ าวิทยาศาสตร์ วชิ าภมู ิศาสตร์ (การอ่านพกิ ัด) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ 2 การอา่ นและแปลความหมาย วชิ าเศรษฐศาสตร์ ของกราฟ วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 3 กราฟและการนาไปใช้ ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 4 ความสัมพนั ธ์เชงิ เสน้ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 5 การเขียนกราฟของสมการเชิงเสน้ สองตัวแปร การนาไปใช้เปน็ ตน้ แบบเผยแพรข่ ยายผล ขา้ พเจ้าได้ขยายผลการใช้นวัตกรรม ผลการอบรมและผลงานทางวิชาการอ่ืนๆ ให้กับคณะครู ในโรงเรียน การประชุมประจาเดือน สู่ครูผู้สอนรายวิชาอ่ืนๆ ในกิจกรรมวันเปิดบ้านทางวิชาการ และโรงเรียนในเครือข่ายสหวิทยาเขต ซ่ึงครูและนักเรียนสามารถนาเอาความรู้และทกั ษะที่ได้ไปใช้ใน การบูรณาการและศกึ ษาเรือ่ งอนื่ ๆ ทต่ี นเองสนใจและนาไปปรับใช้ในระดับท่ีสงู ข้ึนได้
37 กิจกรรมวันเปิดบ้านทางวิชาการ นาเสนอและเผยแพร่ผลงาน จดั กจิ กรรมใหน้ กั เรยี น การเช่อื มโยงและนาไปใช้ในชวี ิตประจาวัน นวตั กรรมชุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้โมเดลการสร้างมโนทัศน์ เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์ เชงิ เส้น สาหรบั นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 เปน็ นวตั กรรมท่ีครู บุคลากรทางการศึกษา และนกั เรยี น สามารถนาความรู้ ทักษะ กระบวนการแก้ปัญหา ไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวันได้ เช่น คู่อันดับและกราฟของคู่อันดับ ซึ่งเป็นชุดกิจกรรมท่ีเน้นทักษะการลงมือปฏิบัติและลงพ้ืนที่จริงในการ หาและบอกพิกัดจุด การอ่านและแปลความหมายข้อมูล ซึ่งสามารถเช่ือมโยงไปในรายวิชาภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ได้ ซ่ึงจะส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาไปสู่ผู้มีความรู้ ทักษะกระบวนการ และเจตคติท่ีพึงประสงค์สาหรับการเป็นพลเมืองในศตวรรษท่ี 21 เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีทักษะใน การค้นคว้าแสวงหาความรู้ มีความรู้พ้ืนฐานที่จาเป็น สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์ สามารถสร้างสือ่ อยา่ งมีประสทิ ธผิ ล มที ักษะชวี ติ รว่ มมือในการทางานกบั ผู้อ่ืนไดเ้ ป็นอย่างดไี ด้ ภาพการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
38 การวจิ ัย: รายงานผลการใช้ชุดการสอน รายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ค31101 เรือ่ ง เซต สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรียนลาปางกัลยาณี จังหวดั ลาปาง นายบรรเจิด สระปญั ญา ครกู ลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ 1. ทีม่ าและความสาคญั โดยสงั เขป ข้าพเจ้าพัฒนาชุดการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์ 1 รหัสวิชา ค31101 เรื่อง เซต สาหรับ นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 โดยหวงั ว่าจะทาใหผ้ ลสัมฤทธิท์ างการเรียนวชิ าคณิตศาสตรข์ องนักเรยี น สูงข้ึน และจะนาผลท่ีได้ไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้มี ประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น สอดคล้องกบั วัตถุประสงค์ของการศึกษา ทั้งสามข้อ ได้แก่ 1. เพ่ือสร้างและหา ประสิทธิภาพของชุดการสอน 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนโดยใช้ชุดการ สอน และ 3. เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นทีม่ ีต่อการเรียนโดยใช้ชดุ การสอน 2. ขอบเขตของการศึกษา ในการศึกษาครัง้ นไ้ี ดก้ าหนดขอบเขตของการศึกษาไว้ดังน้ี 1. ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง- ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศึกษาคร้งั นี้ คือนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษา ปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนลาปางกัลยาณี จานวน 506 คน / กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 4 หอ้ ง 8 จานวน 39 คน โดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2. เน้ือหาที่ใช้ในการศึกษา - เน้ือหาท่ีใช้การศึกษาครั้งน้ี เป็นเนื้อหาตามมาตรฐานและ สาระการเรียนรแู้ กนกลางตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน ทสี่ อดคล้องกบั ตวั ช้วี ัด 3. ตวั แปร -3.1 ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ การจดั การเรียนการรโู้ ดยใช้ชดุ การสอน จานวน 6 ชุด 3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ 3.2.1 ประสิทธิภาพของชุดการสอน 3.2.2 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรยี นทเ่ี รยี นโดยใชช้ ุดการสอน 3.2.3 ความพงึ พอใจของนกั เรยี นที่มตี ่อการเรยี นโดยใชช้ ุดการสอน 3. การทบทวนแนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 1. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นลาปางกลั ยาณี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ 2. แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกับการจดั การเรียนรู้รายวชิ าคณิตศาสตร์ 3. แนวคดิ ทฤษฎเี ก่ียวกับชุดการสอน / แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 4. แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี ก่ียวกบั ความพึงพอใจและการวัดความพงึ พอใจ 4. ระเบียบวิธีวิจยั ผ้รู ายงานไดด้ าเนนิ การศกึ ษาตามขั้นตอน ดังน้ี 1. ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง 2. เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา 3. การสร้างและหาคุณภาพเครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการศึกษา 4. วิธีดาเนนิ การทดลองและการเกบ็ รวบรวมข้อมลู 5. การวเิ คราะห์ข้อมลู และสถติ ิที่ใช้
39 5. การสรปุ ผล การอภปิ ราย 1. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพของชุดการสอน พบว่า แบบฝึกมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.55/90.09 แสดงว่า ชุดการสอนรายวิชาคณิตศาสตร์1 รหัสวิชา ค31101 เร่ือง เซต เป็นสื่อ นวัตกรรมทมี่ ีประสิทธิภาพเปน็ ไปตามเกณฑ์มาตรฐานท่ีกาหนดไว้ คอื 80/80 2. ผลการศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนโดยใช้ชุดการสอนรายวิชา คณิตศาสตร์1 รหัสวิชา ค31101 เร่ือง เซต พบว่า ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อยา่ งมนี ัยสาคญั ท่ี .05 แสดงวา่ ชดุ การสอน เปน็ ส่ือนวัตกรรมท่มี ปี ระสิทธภิ าพ 3. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอน พบว่า นกั เรียนมีความพงึ พอใจในภาพรวมอยใู่ นระดบั มาก โดยมีคา่ เฉล่ยี เทา่ กบั 4.50 6. รปู แบบแนวคดิ นวตั กรรมของครผู ูส้ อน รูปแบบแนวคิดนวัตกรรมของครูผู้สอน มีความเก่ียวข้องกับบริบทการใช้นวัตกรรม SMART ของสถานศึกษา โดยเชื่อมโยงนโยบายสถานศึกษาจาก SMART School สู่ SMART Student โดย บทบาทในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองนั้นข้าพเจ้าให้ความสาคัญมากในฐานะท่ี คณุ ภาพตวั ครูเป็นตัวบง่ ชี้ถึงความชดั เจนของกระบวนการเชือ่ มโยง (SMART Teacher) ชน้ั เรียนออนไลน์ใช้ ZOOM , Line และเอกสารออนไลน์ประกอบการสอนโครงงานวิจัย ประกอบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ลอดหนว่ ยการเรียน
40 7. ความเชื่อมโยงสกู่ ารจดั ทาโครงงานบูรณาการคณติ ศาสตร์ กิจกรรมท้ายชดุ การสอนที่ 6 หวั ข้อการวิจัยตอ่ ยอด ผลการจัดกิจกรรมโครงงานคณิตศาสตร์ เร่ือง เซต ท่ีมีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คณิตศาสตร์และการเชื่อมโยงทางคณติ ศาสตร์ ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ช่ือโครงงาน รูปแบบพฤติกรรม 1. เครื่องรดน้าต้นไม้อตั โนมัติ ความสามารถใน การเช่อื มโยงความรู้ การสร้าง การหาคาตอบจาก คา่ 2. เครือ่ งซลี ถงุ สญุ ญากาศ การนาเสนอ แบบจาลองทาง เฉลย่ี 3. ไมเ้ ทา้ แทนตา หลกั การทาง แบบจาลอง คณติ ศาสตร์อย่าง 4. รถเกบ็ ขยะบนหาดทราย ความรู้ หลกั การ สมเหตุสมผล 3.25 5. กระถางรกั ษ์โลก ทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์กบั ทาง 3.25 6. เกมตรีโกณมติ ิ 3 3.25 7. เครอ่ื งแยกเหรยี ญ 3 สถานการณ์อนื่ ๆ คณติ ศาสตร์ 3 3.00 8. หนุ่ ยนต์ตรวจสภาพ 3 3 3.50 3 43 3 3.75 ดินเปรยี้ ว 3 4 3.75 คา่ เฉล่ีย 3 34 4 4.00 แปลผล 3 4 3 34 4 4 33 34 44 44 44 3.13 3.50 3.75 3.50 ดี ดีมาก ดมี าก ดมี าก ผลการศึกษาคุณภาพโครงงานคณติ ศาสตรท์ ี่สมบูรณข์ องนกั เรยี นกล่มุ ตัวอย่าง ชอื่ โครงงาน เนอ้ื หาของ ค่าเฉลีย่ การนาเสนอ คา่ เฉลย่ี แปลผล โครงงาน โครงงาน รวม 1. เครื่องรดนา้ ตน้ ไม้อตั โนมตั ิ กระบวนการ ดี 2. เครื่องซลี ถงุ สุญญากาศ 3.7 ทางาน 3.8 3.67 ดี 3. ไม้เท้าแทนตา 3.8 3.8 3.87 ดี 4. รถเกบ็ ขยะบนหาดทราย 4.0 3.5 4.0 3.93 ดี 5. กระถางรักษ์โลก 3.7 4.0 3.5 3.57 ดีมาก 6. เกมตรีโกณมติ ิ 4.2 3.8 4.3 4.17 ดมี าก 7. เคร่อื งแยกเหรยี ญ 4.3 3.5 4.2 4.23 ดีมาก 8. หุ่นยนตต์ รวจสภาพดินเปรี้ยว 4.4 4.0 4.5 4.37 ดีมาก 4.6 4.2 4.3 4.47 4.2 4.5 8. ผลผลิตและความสาเร็จของนักเรยี น สกู่ ารสะท้อนบทบาทการเป็น SMART Teacher ของครู ระดบั นานาชาติ (เฉพาะปี พ.ศ. 2562 – 2563) -ครผู ฝู้ ึกซ้อมนกั เรยี นชนะเลิศอันดบั ที่ 1 ของประเทศไทย ในการทดสอบอัจฉริยภาพทางคณติ ศาสตร์ SINGAPORE AND ASIAN SCHOOLS MATH OLYMPIAD (SASMO) ระดับ GRADE 11 ตัวแทน ประเทศไทย (รางวัล GOLD MEDEAL AWARD) เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Singapore International Math Olympiad Challenge 2018 (SIMOC) วันท่ี 6 – 9 กรกฎาคม พ.ศ.2562 ณ สาธารณรฐั สิงคโปร์
41 -ครูท่ีปรึกษาโครงงานคณิตศาสตร์บูรณาการนานาชาติ The 7th Macao International Innovation and Invention Expo (MIIEX) 2019 ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับ รางวัล 1 เหรียญทอง (Gold Medal Award) และ 3 รางวัล Special Awards จาก Shanghai Association of Inventions (เซ่ียงไฮ้, สาธารณ รัฐประชาชนจีน) Kingdom of Cambodia / Norton University (กมั พชู า) และ With the Complement of S.D.B. Ng Siu Mui (ฮ่องกง) -ครทู ่ีปรึกษาโครงงานวิจัยบรู ณาการนานาชาติ รางวลั SILVER MEDAL AWARD (ITEX 2019) ณ สหพนั ธรฐั มาเลเซยี พ.ศ.2562 -ครูท่ีปรึกษาโครงงานวิจัยบูรณาการนานาชาติ รางวัล Special Award จากองค์กร Citizen Innovation สาธารณรฐั สิงคโปร์ พ.ศ.2562 -รางวัล TEACHER APPRECIATION AWARDS 2nd International Junior Math Olympiad 2018 (IJMO) (ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนตัวแทนประเทศไทย รางวัล BRONZE MEDAL การแข่งขันโอลิมปิก คณิตศาสตร์เยาวชน นานาชาติ 18 ประเทศ) -รางวัล TEACHER AWARDS 4th Singapore International Math Olympiad Challenge 2018 (SIMOC) (ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนตัวแทนประเทศไทย รางวัล SILVER MEDAL และรางวัล BRONZE MEDAL การแข่งขนั โอลิมปิกคณติ ศาสตร์นานาชาติ ณ สาธารณรฐั สงิ คโปร)์ ระดบั ชาติ (เฉพาะปี พ.ศ. 2562 – 2563) -รางวัลประกาศเกียรติคณุ ผลงานการวจิ ยั และนวตั กรรมตัวแทนประเทศไทยนาเสนอในเวทีนานาชาติ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สรนติ ศลิ ธรรม ปลัดกระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและ นวัตกรรมเนื่องในงานแถลงขา่ วต่อส่อื มวลชนของสานักงานการวจิ ัยแหง่ ชาติ (วช.) กรุงเทพมหานคร -ครูท่ีปรึกษานักเรยี น โรงเรียนลาปางกัลยาณี ได้รบั การพิจารณาคัดเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการให้ รบั โล่รางวัลเด็กและเยาวชนที่นาชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ และรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น ประจาปี 2563 จากนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ ในวนั ท่ี 8 มกราคม พ.ศ.2563 ณ ตึกสันตไิ มตรี ทาเนยี บรัฐบาล กรงุ เทพมหานคร -ครูผู้มีผลงานดีเด่นประสพผลสาเรจ็ เป็นท่ีประจักษ์ ชนะเลิศเหรียญทอง ระดบั ชาติ รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ดา้ นการบรหิ ารจดั การชน้ั เรยี นระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลายยอดเย่ียม -เกียรติบัตรการนาเสนอผลงานนานาชาติ ในนามตัวแทนประเทศไทย จาก สานักงานการวิจัย แห่งชาติ (วช.) พ.ศ.2562 -ครูที่ปรึกษาผลงานวิจัย ระดับชาติ รางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ จานวน 3 เหรียญรางวัล ปีการศกึ ษา จดั โดย คณะกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ (วช.) ณ ศนู ย์นิทรรศการและการประชมุ ไบเทค -ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนรางวัล ที่ 3 เหรียญทองแดง BRONZE AWARD แข่งขันคณิตศาสตร์ SINGAPORE AND ASIAN SCHOOLS MATH OLYMPIAD (SASMO) เพื่อคัดเลือกนักเรียนตัวแทน ประเทศไทย แข่งขนั ตอ่ ในระดับนานาชาติ โดยใชเ้ กณฑ์เทยี บคะแนนในภมู ิภาคอาเซียนและเอเชยี -ครูที่ปรึกษาโครงงานวิจัย รางวัลเหรียญต่อกล้าและเกียรติบัตร Young Sciencetist Competition 2018 (YSC) รอบชิงชนะเลศิ ระดับชาติ -ครูผู้ฝึกซ้อมนักเรียนรางวัลเกียรติบัตรระดับเหรียญทองแดง การแข่งขันทางวิชาการ(คณิตศาสตร์ นานาชาติ) สพฐ. รอบระดับชาติ
42 การวจิ ยั : รายงานการใชแ้ บบฝกึ ทกั ษะการอา่ นโนต้ ไทย โดยการใช้แบบฝกึ การอา่ นโน้ตไทย กลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ(ดนตรี) สาหรับนักเรียน ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 นางศรนี วย สาอางคศ์ รี ครูกล่มุ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ บทคดั ย่อ การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ การปฏิบัติเคร่ืองดนตรีพ้ืนบ้าน ลา้ นนา ประกอบด้วยเร่ืองโน้ตไทย เครอ่ื งดนตรพี ้ืนบ้านล้านนาประเภทซึง โดยใช้แบบฝึกทักษะการ อา่ นโนต้ ไทย กลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ(ดนตรี) สาหรบั นักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นลาปาง กัลยาณี (2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ีเรียนเร่ือง การปฏิบัติเคร่ืองดนตรีพ้ืนบ้านล้านนาประเภทซึง ประกอบด้วยเรื่องโน้ตไทย เคร่ืองดนตรีพ้ืนบ้าน ล้านนาประเภทซึง โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทย (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่ มีต่อการเรียนรู้เร่ือง การปฏิบัติเครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนาประเภทซึง ประกอบด้วยเร่ืองโน้ตไทย เครื่องดนตรีพื้นบ้านล้านนาประเภทซึง โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทย ประชากรท่ีใช้ในการ วิจยั ครัง้ นี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โรงเรยี นลาปางกัลยาณี อาเภอเมอื งลาปาง จังหวัดลาปาง ท่ีเรยี นภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 จานวน 25 คน กลมุ่ ตัวอยา่ ง ได้แก่ นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 1 โรงเรียนลาปางกัลยาณี อาเภอเมืองลาปาง จังหวัดลาปาง ท่ีเรียนภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จานวน 25 คน โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม จานวน 25 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย เป็น กลุ่มทดลอง จานวน 17 คน เป็นกลุ่มควบคุม จานวน 8 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทย (2) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระศิ ลปะ(ดนตรี) (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาดนตรี สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 จานวน 30 คน ข้อ (4) แบบทดสอบความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ การปฏิบัติเคร่ืองดนตรีพื้นบ้าน ล้านนาประเภทซึง ประกอบด้วย โน้ตไทย เคร่ืองดนตรีพ้ืนบ้านล้านนาประเภทซึง โดยใช้แบบฝึก ทักษะการอ่านโน้ตไทย การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และทดสอบ t–test แบบ Dependent ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านโนต้ ไทยโดยการใช้แบบฝกึ ทกั ษะการอ่านโนต้ ไทย เทา่ กับ 80.61/88.00 ซง่ึ สงู กวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนด 2. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทย สาหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 1 มีผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นสงู ขน้ึ อย่างมีนยั สาคัญทรี่ ะดับ .01 3. ความคิดเหน็ ของผู้เรียนทมี่ ีต่อ แบบฝึกการอ่านโน้ตไทยและโน้ตสากลโดยการใช้ Google form ในระดบั มากทส่ี ุด
43 การวจิ ยั : การใชเ้ กมประกอบการสอนเพอ่ื พัฒนาการเรียนรคู้ าศัพทภ์ าษา ฝร่งั เศสของนกั เรยี น ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรยี นลาปางกัลยาณี นางสาวศริ นิ ทพิ ย์ รุมารถ ครกู ลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศท่ี 2 บทคดั ยอ่ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาประสิทธิภาพของการสอนโดยใช้เกมประกอบการเรียน การสอนการเรียนรู้คาศัพท์ภาษาฝรั่งเศส เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้คาศัพท์ภาษา ฝร่งั เศส ก่อนและหลังการสอนโดยใช้เกมประกอบ และเพอื่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรียนระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่อการเรยี นรู้คาศัพท์ภาษาฝร่ังเศส โดยใช้เกมประกอบการสอน กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนท่ีเรียนภาษาฝรั่งเศส ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนลาปางกัลยาณี อาเภอเมือง จังหวัดลาปาง จานวน 42 คน ซึ่งสุ่มมาแบบเจาะจง เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการเรียนรู้คาศัพท์ภาษาฝรั่งเศสโดยใช้เกมประกอบ แบบทดสอบการเรียนรู้คาศัพท์ภาษาฝร่งั เศส ก่อนเรียน และหลงั เรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ คา่ เฉลีย่ และส่วนเยย่ี งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้คาศัพทภ์ าษาฝรง่ั เศสของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาบีท่ี 6 หลังใช้วิธี สอนโดยใชเ้ กมประกอบกอ่ นเรยี น 2) ความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีมีต่อการเรียนรู้คาศัพท์ภาษาฝรั่งเศส โดยใช้เกมประกอบ โดยรวมอยู่ในระตับมาก เมื่อพิจารณารายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉล่ียอยู่ในสูงสุด ได้แก่ นักเรียนมีความเข้าใจบทเรียนมากขึ้นเมื่อเรียนโดยใช้เกมประกอบ รองลงมา คือ เรียนช่ืนชอบ และให้ความร่วมมือกับครูสอนภาษาฝร่ังเศสท่ีให้เล่นเกมประกอบการเรียนรู้คาฝรั่งเศส และนักเรียน ในกล่มุ ใหค้ วามร่วมมอื ในการทากจิ กรรมเปน็ อย่างดี
44 การวจิ ัย: การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความสามารถในการ คิดวิเคราะหเ์ ร่ือง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 โรงเรียนลาปางกัลยาณี โดยการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหา ความรู้ (5E) นางลลิตา ประชมุ ฉลาด ครกู ลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการสืบ เสาะหาความรู้ (5E) และศึกษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนด้วยการ จัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) อีกท้ังศึกษา ความคิดเห็นของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหา ความรู้ (5E) โดยกลุ่มตัวอย่างท่ีใชใ้ นการวิจัยคร้ังนี้ เป็นนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนลาปาง กัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 มีนักเรียนทั้งหมด 80 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 2) แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 4) แบบสอบถามความ คิดเห็นของนักเรียนท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) สถิติท่ีใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉล่ีย( ) , ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.), ค่าร้อยละ (%) และการทดสอบ ค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test dependent) โดยผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่อง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) อยู่ในระดับสูง ( = 81.50) และ ความคิดเห็นของนกั เรียนท่ี มีต่อการเรียนแบบการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ มีความพอใจอยู่ในระดับมาก ( =3.60) วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพ่ือศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่ือง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 กอ่ นและหลังเรียน ด้วยการจดั การเรยี นรูแ้ บบวฏั จกั รการสืบเสาะหาความรู้ (5E) 2. เพื่อศึกษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่เี รยี นด้วยการจัดการเรียนร้แู บบวฏั จกั รการสบื เสาะหาความรู้ (5E) 3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้แบบ วัฏจกั รการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
45 ขัน้ ตอนในการเรียนการสอนแบง่ เปน็ 5 ขั้นตอนคือ 1. ข้นั สร้างความสนใจ (engagement) เปน็ การนาเข้าสบู่ ทเรียนหรอื เรื่องทส่ี นใจ 2. ข้ันสารวจและค้นหา (exploration) เม่ือทาความเข้าใจในประเด็นหรือคาถามท่ีสนใจจะ ศึกษาอย่างถ่องแท้แล้ว ก็มีการวางแผนกาหนดแนวทางการสารวจตรวจสอบ ต้ังสมมติฐาน กาหนด ทางเลือกทเ่ี ป็นไปได้ ลงมอื ปฏิบตั ิเพื่อเก็บรวบรวมขอ้ มูล 3. ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป (explanation) เม่ือได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการสารวจ ตรวจสอบแล้ว จึงนาข้อมูล ข้อสนเทศที่ได้มาวิเคราะห์ แปลผล สรุปผล และนาเสนอผลท่ีได้ในรูป ตา่ งๆ 4. ขั้นขยายความรู้ (elaboration) เป็นการนาความรู้ที่สร้างขึ้นไปเช่ือมโยงกับความรู้เดิม หรือแนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือนาแบบจาลองหรือข้อสรุปท่ีได้ไปใช้อธิบายสถานการณ์หรือ เหตุการณ์อน่ื 5. ขนั้ ประเมนิ (evaluation) เป็นการประเมินการเรียนรดู้ ้วยกระบวนการต่างๆ วา่ นกั เรยี นมี ความรู้อะไรบา้ ง อย่างไรและมากน้อยเพียงใด จากข้นั นีจ้ ะนาไปสู่การนาความรู้ ไปประยุกต์ใช้ในเรื่อง อนื่ ๆ ภาพแสดง วัฏจกั รการเรยี นร้แู บบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry cycle model; 5E)
46 สรปุ ผล จากผลการวิจัย เร่ือง การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและความสามารถในการคิด วิเคราะห์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนลาปาง กัลยาณี จงั หวดั ลาปาง ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 สามารถสรุปผลไดด้ ังนี้ 1. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง ความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ท่ีเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบ เสาะหาความรู้ (5E) พบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นหลงั เรยี นสูงกวา่ ก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ ทีร่ ะดับ .05 2. ผลการศึกษาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่อง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ท่ีได้รับการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) มี ความสามารถในการคิดวิเคราะห์อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครู เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสตอบคาถามและร่วมอภิปรายในประเด็นหรือสถานการณ์ต่างๆ จึงทา ให้นักเรียนได้ฝึกการอภิปราย แสดงความคิดเห็น และการคิดวิเคราะห์ซึ่งแนวทางการจัดการเรียนรู้ แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ที่เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผ้เู รียนเป็นสาคัญนั้น มี ข้ันตอนท่ีจะช่วยพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การตั้งคาถาม การคิดหาคาตอบ การแสดง ความคิดเห็น และการคน้ ควา้ หาความรูใ้ ห้เกดิ ขึน้ แก่ผเู้ รยี นได้ 3. ผลการศึกษาความคดิ เห็นของนักเรียนทม่ี ีต่อการจัดการเรียนรู้แบบวฏั จักรการสืบเสาะหา ความรู้ (5E) พบว่าโดยภาพรวมเห็นด้วยในระดับมาก โดยเรียงลาดับจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้าน ประโยชน์ที่ได้รับ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ และด้านกิจกรรมการเรียนรู้ ตามลาดับ ทั้งนี้อาจเป็น เพราะนักเรียนเห็นถึงความสาคัญของการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ว่าจะ สามารถช่วยพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ทักษะการคิด และทาให้เกิดทักษะและกระบวนการใน การแสวงหาความรู้ได้ รวมท้ังทาให้ผู้เรียนเรียนรู้และจาจดไดด้ ีกว่าการเรียนรู้ด้วยวิธีอ่ืน เมื่อพิจารณา เปน็ รายด้านพบว่าในดา้ นประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับนกั เรยี นเหน็ ดว้ ยมากเป็นลาดับท่ี 1 ภาพกจิ กรรมการเรียนการสอนแบบวฏั จักรการสืบเสาะหาความรู้ (5E)
47 การวิจยั : การตดั สินใจเลือกศกึ ษาตอ่ ระดับอุดมศึกษาของนกั เรียน ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/8 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 นางสาวนกพร นิลแพทย์ ครกู จิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น(แนะแนว) บทที่ 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา การศึกษาในระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน เน้นการพัฒนาความสามารถที่ยั่งยืนของผู้เรียนใน การหาความรู้ใหม่ตลอดชีวิต รวมท้ังเน้นการสร้างความสามารถซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการดารงชีวิต และการประกอบอาชีพในอนาคตสะท้อนให้เห็นความต้องการของประชาชนท่ีประสงค์จะให้ สถาบันการศึกษาเป็นส่วนหน่ึงของสังคมและชุมชน ที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไป ทั้งในบทบาทการชี้นา การร่วมมือพัฒนาและการพึ่งพาอาศัยกัน ดังน้ันการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อคณะหน่ึงคณะใดใน ระดับอุดมศึกษา จึงเป็นเรื่อง สาคัญมาก เนื่องจากส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ การตัดสินใจเลือก ศกึ ษา ในสาขาวิชาใดนั้นถือได้วา่ เป็นจุดเร่มิ ต้นสาคัญต่อการประกอบอาชีพในอนาคต ดังน้ันการเลือกศึกษาต่อจึงเป็นเรื่องสาคัญและต้องทาอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง บุคคลจึง จาเป็นต้องได้รับความรู้ในเรื่องของกระบวนการตัดสินใจท่ีถูกต้องโดยเฉพาะในเร่ืองการศึกษา ผู้ใดสามารถตัดสินใจเลือกศึกษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับความสนใจ ความถนัด บุคลิกภาพ ของตนเองผู้นั้นมีแนวโน้มท่ีจะประสบความสาเร็จในชีวิต แต่ถ้าเลือกไม่เหมาะสมผู้นั้นอาจประสบ ความล้มเหลวมีผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพจติ ก่อใหเ้ กิดผลเสยี ทางเศรษฐกิจและความม่นั คงของประเทศ ผู้ วิ จั ย จึ งส น ใจ ท่ี จ ะศึก ษ าถึงก ารตั ด สิ น ใจ เลื อก ศึก ษ าระดั บ อุ ด ม ศึ ก ษ าขอ งนั กเรี ย น ช้ั น มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ผลการวิจัยน้ีจะนาไปใช้ เปน็ ขอ้ มูลสนับสนุนในการวางแผนพัฒนา ส่งเสรมิ สนับสนนุ นักเรยี นโรงเรียนลาปางกลั ยาณีตอ่ ไป วตั ถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพ่ือศึกษาการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 โรงเรยี นลาปางกลั ยาณี ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 ขอบเขตของการศกึ ษา การวิจัยคร้ังน้ีเป็นการวิจัยเชิงสารวจศึกษาการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6/8 โรงเรียนลาปางกลั ยาณี ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 ขอบเขตดา้ นประชากร ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาคร้ังนี้ได้แก่ นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6/8 โรงเรยี นลาปางกัลยาณี ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จานวน 38 คน
48 ตัวแปรท่ใี ชใ้ นการวิจยั ตัวแปรอสิ ระ ได้แก่ เพศ ผลการเรยี นเฉลี่ย ตัวแปรตาม ได้แก่ ด้านภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการ สอนและเหตผุ ลสว่ นตวั บทที่ 2 เอกสารหรอื งานวิจัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 1. เอกสารท่ีเกี่ยวกบั การตดั สินใจ 2. เอกสารที่เก่ยี วกับปัจจัยท่มี ีอิทธิพลต่อการตดั สินใจของผบู้ ริโภค 3. งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 3.1 งานวจิ ัยในประเทศ 3.2 งานวิจยั ตา่ งประเทศ บทท่ี 3 วิธดี าเนินการศกึ ษาค้นควา้ เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการศกึ ษา แบบสอบถามการตดั สนิ ใจเลือกศกึ ษาต่อระดับอุดมศกึ ษา การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผวู้ จิ ัยดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดงั น้ี 1. นาแบบสอบถามการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาให้นักเรียนระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ี่ 6/8 จานวน 38 ชดุ 2. การเกบ็ รวบรวมแบบสอบถาม สถิติที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ทาการวเิ คราะหด์ ว้ ยคอมพวิ เตอร์โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรปู โดยใช้สถติ วิ เิ คราะหข์ อ้ มูล ดงั นี้ ค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ การแจกแจงความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ(Percentage) การหาค่าเฉลี่ย (Mean) และการหาค่าสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) บทที่ 4 ผลการศกึ ษา 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามโดยผู้ตอบแบบสอบถามเป็นนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/8 จานวนท้ังสิ้น 38 คน และทาการเก็บรสวบรวม ตรวจสอบความถูกต้อง สมบรู ณข์ องแบบสอบถามที่ได้รับกลับคนื พบว่ามีแบบสอบถามทม่ี ีความสมบูรณจ์ านวน 38 ชดุ คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 โดยนาเสนอข้อมูลในรปู แบบของความถแ่ี ละคา่ ร้อยละ ดังน้ี
49 ข้อมูลทั่วไป จานวน(คน) รอ้ ยละ 1. เพศ 6 15.78 ชาย 32 84.22 หญงิ 11 28.95 2. เกรดเฉล่ียสะสม 27 71.05 น้อยกว่า 3.50 3.51 ข้ึนไป จากตารางท่ี 1 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเป็นเพศหญิงจานวน 32 คน คิดเป็น ร้อยละ 84.22 รองลงมาเปน็ เพศชายจานวน 6 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 15.78 เกรดเฉล่ียสะสมส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 3.51 ข้ึนไป จานวน 27 คน คดิ เป็นร้อยละ 71.05 และ เกรดเฉล่ียสะสมนอ้ ยกวา่ 3.50 จานวน 11 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 28.95 1. ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 มีความคิดเห็นเก่ียวกับการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาใน ภาพรวมโดยนาเสนอในรูปแบบของข้อมูลเฉลีย่ และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ดงั น้ี ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตดั สนิ ใจ X S.D ระดบั ระดับ ด้านภาพลกั ษณ์ของมหาวทิ ยาลยั ความคิดเห็น ดา้ นหลักสตู รและการจัดการเรยี นการสอน เหตุผลส่วนตัว 4.42 0.44 มากทส่ี ดุ 1 รวม 4.35 0.46 มากท่ีสุด 2 4.14 0.71 มาก 3 4.30 0.46 มากทสี่ ดุ จากตารางท่ี 2 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเก่ียวกับการตัดสนิ ใจเลอื กศึกษาต่อ ระดับอุดมศึกษา โดยในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากท่ีสุด (X=4.30, S.D.=0.46) เม่ือพิจารณา รายด้านพบว่าด้านภาพลักษณ์ของมหาวทิ ยาลัย มีคา่ เฉล่ยี อย่ใู นระดบั มากท่ีสดุ (X=4.42, S.D.=0.44) รองลงมาคือด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด (X=4.35, S.D.=0.46) และด้านเหตุผลส่วนตัวอยู่ในอันดับสุดท้าย ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (X=4.14, S.D.=0.71) บทที่ 5 สรุป และอภปิ รายผลการศึกษา การศึกษาค้นคว้าเรื่องการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปีที่ 6/8 โรงเรยี นลาปางกัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 มีจดุ มุ่งหมายเพื่อศกึ ษา การตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/8 โรงเรียนลาปาง
50 กัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โดยประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งน้ีได้แก่ นักเรียน ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จานวน 38 คน โดยแจกแบบสอบถามจานวน 38 ชุด ได้รับแบบสอบถามกลับคืนมาจานวน 38 ชุด คิดเป็นร้อย ละ 100 ของจานวนแบบสอบถามท้ังหมด ทาการวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป โดยใช้สถิติเชิงพรรณา ได้แก่ ค่าร้อยละ(Percentage) การหาค่าเฉลี่ย(Mean) และการหาค่าส่วน เบ่ยี งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการศกึ ษาคน้ คว้าปรากฏ ดงั นี้ 1. นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 ส่วนมากเป็นเพศหญิงจานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 84.22 รองลงมาเป็นเพศชายจานวน 6 คน คิด เปน็ รอ้ ยละ 15.78 2. นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 มีเกรดเฉลี่ยสะสมส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 3.51 ขึ้นไป จานวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 71.05 และเกรด เฉลยี่ สะสมนอ้ ยกว่า 3.50 จานวน 11 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 28.95 3. นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 มีความคิดเห็นเก่ียวกับการตัดสินใจเลือกศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มากท่ีสดุ เม่ือพจิ ารณารายด้านพบว่าดา้ นภาพลกั ษณ์ของมหาวทิ ยาลัย มีค่าเฉลยี่ อยู่ในระดบั มากทสี่ ุด หมายถงึ นกั เรียนใหค้ วามสาคัญโดยภาพรวมมากท่ีสุดโดยเฉพาะเร่ืองของภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐท่ีมีช่ือเสียงมานานและมีระบบการรับนักเรียนแบบโควตาหรือรับ ตรง อีกท้ังยังให้ความสาคัญเป็นอยากมากในเรื่องของหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ซึ่งตรง กบั ความต้องการของนกั เรียน รองลงมาคือด้านหลกั สูตรและการจัดการเรียนการสอน มคี า่ เฉลย่ี อยใู่ น ระดับมากท่ีสุด หมายถึงนักเรียนให้ความสาคัญกับหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะ การมีระบบรับนักเรียนแบบโควตาหรือรับตรง โดยมีหลักสูตรท่ีเปิดสอน เน้นด้านสาขาวิชาชีพที่ตรง กับความต้องการของตลาดแรงงาน และด้านเหตุผลส่วนตัวมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก หมายถึง นักเรียนได้ให้ความสาคัญกับเหตุผลส่วนตัวมากโดยเฉพาะการมีหลักสูตรและสาขาวิชาตรงตามความ ตอ้ งการของนักเรยี น โดยมรี ุ่นพ่ีแนะแนวและเพ่ือนส่วนมากเลือกเรยี นตอ่ ในมหาวทิ ยาลยั ดงั นั้นจึงสรปุ ไดก้ ารตัดสนิ ใจเลอื กศึกษาต่อระดับอุดมศกึ ษาของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/8 โรงเรียนลาปางกัลยาณี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ในภาพรวมคือด้านภาพลักษณ์ของ มหาวทิ ยาลยั
Search