Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดที่ 2 การซ้อนทับกันของคลื่น และสมบัติการสะท้อนของคลื่น

ชุดที่ 2 การซ้อนทับกันของคลื่น และสมบัติการสะท้อนของคลื่น

Published by t.kruyok005, 2020-02-08 18:36:58

Description: ชุดการสอนโดยใช้กลวิธีอภิปัญญา หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง คลื่นกล รายวิชาฟิสิกส์เพิ่มเติม รหัสวิชา ว 32202 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ประกอบด้วยชุดการสอนทั้งสิ้น 6 ชุดดังนี้
ชุดที่ 1 การถ่ายโอนพลังงานของคลื่นกล
ชุดที่ 2 การซ้อนทับกันของคลื่น และสมบัติการสะท้อนของคลื่น
ชุดที่ 3 สมบัติการหักเหของคลื่น
ชุดที่ 4 สมบัติการเลี้ยวเบนและการแทรกสอดของคลื่น
ชุดที่ 5 การสั่นพ้องและคลื่นนิ่งในเส้นเชือก
ชุดที่ 6 การสั่นพ้องและคลื่นนิ่งของเสียง

Search

Read the Text Version

คำนำ ชดุ การสอนโดยใช้กลวธิ อี ภปิ ญั ญา หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง คล่นื กล รายวิชาฟิสกิ สเ์ พิ่มเตมิ รหัสวิชา ว 32202 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ประกอบดว้ ยชดุ การสอนทั้งส้ิน 6 ชดุ ดังน้ี ชดุ ท่ี 1 การถ่ายโอนพลังงานของคลน่ื กล ชดุ ท่ี 2 การซ้อนทบั กนั ของคลืน่ และสมบตั ิการสะท้อนของคลื่น ชุดท่ี 3 สมบตั กิ ารหกั เหของคลนื่ ชดุ ท่ี 4 สมบัติการเลย้ี วเบนและการแทรกสอดของคลืน่ ชุดท่ี 5 การสน่ั พ้องและคลนื่ นิง่ ในเส้นเชือก ชดุ ที่ 6 การสน่ั พ้องและคลืน่ นง่ิ ของเสียง ชุดท่ี 2 การซ้อนทับกันของคล่ืน และสมบัติการสะท้อนของคล่ืน จัดทาขึ้นตามสาระ และมาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ผู้จัดทาได้จัดทาขึ้นเพื่อพัฒนาการเรียนรู้วิชาฟิสิกส์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาเพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้ สามารถเรียนรูไ้ ด้อย่างเตม็ ศกั ยภาพ การจัดกิจกรรมการเรียนโดยใช้กลวิธีอภิปัญญา เพื่อสร้างการตระหนักรู้ส่วนตัวในความคิด ของตนเอง และความสามารถทจ่ี ะประเมินและควบคมุ ความคิดของตนเอง ความสามารถของบุคคล ในการสร้างกระบวนการรับความรู้ เกบ็ ความรู้ คัดเลอื กความรู้มาใช้แก้ปญั หา คาดคะเนผลการแก้ไข ปัญหาท่ีอาจเป็นไปได้ และหาวิธีการแก้ปัญหาในทางอ่ืน ซ่ึงจะเป็นการพัฒนาให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่าง ยั่งยนื ผจู้ ดั ทาขอขอบคุณ นายสุดใจ สุวรรณหาญ ครูชานาญการพิเศษโรงเรยี นอานาจเจริญ ท่ไี ดใ้ ห้ คาปรึกษาในการจัดทาชุดการสอนโดยใช้กลวธิ ีอภิปญั ญา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง คล่นื กล รายวชิ า ฟิสิกส์เพ่ิมเติม รหัสวิชา ว 32202 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ขอขอบคุณ นายสุพรรณ พันธ์สุวรรณ และเพ่ือนครูโรงเรียนน้าปลีกศึกษา ที่ได้ให้คาแนะนา และคอยกระตุ้นให้ผลงานออกมาถูกต้องตาม หลักวชิ าการ ทง้ั ยังให้กาลงั ใจในการทางานมาโดยตลอด จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ นายเถลงิ ศกั ด์ิ เถาว์โท

สำรบญั หน้ำ คานา ก สารบัญ ข คาชแี้ จงสาหรับครู ค คาช้ีแจงสาหรับนกั เรียน ง หน่วยการเรียนรู้ จ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1 เนือ้ หา ชุดท่ี 2 6 7 การซอ้ นทบั ของคล่ืน 9 สมบัติของคล่ืน 11 การสะท้อนของคล่นื นา้ แบบต่าง ๆ 13 สรุปเนอ้ื หา 14 ตวั อยา่ งวิธกี ารแก้ปัญหาตามแนวคิดอภิปญั ญา 22 แบบฝกึ วิธีการแก้ปัญหาตามแนวคดิ อภิปัญญา 33 เฉลยแบบฝึกวิธีการแก้ปัญหาตามแนวคิดอภิปญั ญา 43 แบบทดสอบหลังเรยี น 48 บรรณานกุ รม 49 ภาคผนวก 50 วธิ กี ารเข้าสบื ค้นเวบ็ ไซต์ฟิสกิ ส์น้าปลกี

คำชีแ้ จงสำหรับครู เมื่อครผู ้สู อนนำชดุ กำรสอนโดยใชก้ ลวธิ ีอภปิ ัญญำ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง คลน่ื กล รำยวชิ ำฟสิ ิกส์เพ่ิมเตมิ รหัสวิชำ ว 32202 ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 5 ชุดที่ 2 การซอ้ นทับกนั ของคลื่น และสมบัตกิ ารสะท้อนของคลน่ื มขี ้อควรปฏบิ ัตดิ งั น้ี 1. ครผู ู้สอนจะต้องศกึ ษำรำยละเอียดของชุดกำรสอนทุกชดุ ดงั น้ี 1.1 ศึกษำแผนกำรจดั กำรเรยี นรูใ้ ห้ละเอยี ด 1.2 ศึกษำชดุ กำรสอน พรอ้ มท้ังตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1.3 หำกกิจกรรมใดเปน็ กจิ กรรมกำรทดลอง ครูผูส้ อนจะต้องตรวจสอบ อปุ กรณ์ และทดลองทำกิจกรรมกำรทดลองกอ่ นนำไปใช้จริง 1.4 บทบำทของคณุ ครูผู้ทำกำรสอนดว้ ยชดุ กำรสอนโดยใช้กลวธิ อี ภปิ ัญญำ หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง คล่นื กล รำยวชิ ำฟิสิกสเ์ พ่ิมเติม รหัสวิชำ ว 32202 ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ี่ 5 ชุดที่ 2 การซอ้ นทบั กนั ของคลน่ื และสมบัติ การสะทอ้ นของคลืน่ จัดเตรียมเอกสำรและอุปกรณ์กำรสอนใหพ้ รอ้ ม 1.5 จัดเตรยี มชั้นเรยี น ใหพ้ ร้อม ในกิจกรรมกลมุ่ ครูผ้สู อนจะต้องจดั กลมุ่ ผู้เรียนกลุ่มละ 6-7 คน พรอ้ มทั้งเตรยี มอุปกรณ์ใหเ้ พียงพอ 1.6 ดำเนนิ กำรควบคมุ กิจกรรมใหเ้ ปน็ ไปตำมชุดกำรสอนโดยใชก้ ลวธิ ี อภิปญั ญำ และตอ้ งควบคุมเวลำใหเ้ ป็นไปตำมที่กำหนด 1.7 ดำเนนิ กำรจดั กจิ กรรมโดยคอยควบคมุ ดแู ล และใหค้ วำมชว่ ยเหลือผ้เู รียน ให้สำมำรถดำเนนิ กิจกรรมตำมคำชีแ้ จงของชดุ กำรสอนโดยเฉพำะใน กจิ กรรมทดสอบกอ่ นเรียน และกำรทดสอบหลังเรียน ครูจะตอ้ งดำเนินกำร ใหเ้ ปน็ ไปตำมระเบียบกำรควบคมุ ห้องสอบโดยเครง่ ครดั 2. ในชดุ กำรสอนโดยใช้กลวิธีอภปิ ญั ญำ หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่อง คลืน่ กล รำยวิชำฟสิ ิกส์เพิ่มเติม รหัสวชิ ำ ว 32202 ชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 5 ชุดท่ี 2 การซอ้ นทบั กันของคล่นื และสมบตั กิ ารสะทอ้ นของคลืน่ ประกอบไปดว้ ย 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ศกึ ษำเนอ้ื หำ 3. สรปุ เนื้อหำ 4. ศกึ ษำ - ตัวอย่ำงกำรแก้โจทยป์ ญั หำ 5. ทำแบบฝกึ หัด 6. ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น

คำชแ้ี จงสำหรับนักเรียน การเรียนรู้ด้วยชุดการสอนโดยใช้กลวิธีอภปิ ัญญาหน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 เร่ือง คลืน่ กล รายวชิ าฟิสิกส์เพม่ิ เตมิ รหสั วชิ า ว 32202 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5 ชุดท่ี 2 การซอ้ นทบั กนั ของ คล่ืน และสมบัตกิ ารสะท้อนของคลืน่ ไปใช้ มขี ้อควรปฏบิ ัติดงั นี้ 1. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ใชเ้ วลา 20 นาที 2. ศกึ ษาเน้ือหา ใชเ้ วลา 20 นาที 3. สรปุ เนอ้ื หา ใช้เวลา 15 นาที 4. ศึกษาตัวอยา่ งการแก้ปัญหา ใชเ้ วลา 20 นาที 5. ทาแบบฝึกหัด ใชเ้ วลา 25 นาที 6. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน ใชเ้ วลา 20 นาที ใหน้ กั เรียนทำกำรเรยี นรู้ ตำมขน้ั ตอน และเวลำทก่ี ำหนด โดยเครง่ ครัดนะครบั



แบบทดสอบก่อนเรียนชดุ การเรยี นท่ี 2 วชิ า ฟิสิกส์ (ว 32202) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 20 นาที คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งแลว้ ทาเคร่ืองหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ (10 คะแนน) 1. ขอ้ ใดไมเ่ ปน็ จรงิ ตามหลกั การสะท้อนของคล่ืน 1. มมุ ที่หน้าคลนื่ สะท้อนกระทากับเสน้ ปกติ เท่ากบั มุมที่หนา้ คลนื่ ตกกระทบกระทากบั ผวิ สะท้อน 2. การสะท้อนของคลน่ื ทีป่ ลายข้างหนึง่ ของตวั กลางตรงึ แนน่ คล่นื สะท้อนกลบั จะมเี ฟส เปลย่ี นไป 180 องศา โดยรปู รา่ งคงเดมิ 3. การสะท้อนของคลน่ื ทีต่ ัวกลางปลายอิสระ คลื่นสะท้อนจะมีเฟสเดียวกบั คล่ืนตกกระทบ 4. เฟสของคล่ืนสะทอ้ นจะตรงกับเฟสของคลน่ื กอ่ นสะท้อน กรณคี ล่ืนปลายอสิ ระ 5. คลนื่ ตกกระทบและคลนื่ สะท้อนอยูใ่ นตัวกลางเดยี วกนั 2. คลืน่ A และ B ซึ่งเคลือ่ นท่ีไปทางเดียวกนั มคี วามถ่แี ละแอมพลิจดู เท่ากนั แตม่ ีเฟสตา่ งกนั 180 องศา ถ้าสองคล่นื นี้รวมกนั ข้อความต่อไปน้ีข้อใดถูกต้อง 1. คล่ืนรวมมคี วามถี่เปน็ 2 เท่าของคล่นื A และ B 2. คลนื่ รวมมีความยาวคลน่ื เป็น 2 เท่า A และ B 3. คลื่นรวมมีแอมพลจิ ูดเป็น 2 เทา่ ของคลืน่ A และ B 4. คลืน่ รวมมแี อมพลจิ ดู เปน็ 4 เท่าของคลน่ื A และ B 5. ไมเ่ กดิ คลื่น 3. คล่ืนนา้ หนา้ ตรงเคล่อื นทเ่ี ขา้ กระทบผิวสะท้อนราบเรยี บจะเกดิ การสะทอ้ นขน้ึ คลืน่ นา้ ท่ีสะท้อน ออกมามีเฟสเปลีย่ นไปกี่องศา 1. 0 องศา 2. 90 องศา 3. 270 องศา 4. 180 องศา 5. 360 องศา

4. จากรปู แสดงถึงคลนื่ ตกกระทบในเส้นเชือก ซึ่งปลายข้างหนึ่งของเชือกผกู ติดอยู่กับกาแพง เมื่อคล่นื ตกกระทบกับกาแพง แล้วจะเกดิ คลน่ื สะท้อนข้ึนจากข้อต่อไปน้ี ข้อใดแสดงถึงคล่ืนสะท้อน 1. 2. 3 . 4. 5. 5. คลนื่ ดลวงกลมเป็นคลื่นน้าความเร็ว 2 เมตรตอ่ วินาที ถูกส่งออกมาจากจดุ O ห่างจากส่ิงกีด ขวาง XY เป็นระยะ 1 เมตร อยากทราบว่าเมื่อเวลาผ่านไป 2 วินาที ระยะท่ีหน้าคลน่ื สะทอ้ น อยูไ่ กลจากส่งิ กีดขวางมากท่ีสุดจะเปน็ เท่าไร 1. คล่นื สะทอ้ นอยหู่ า่ งจาก XY มากที่สดุ เทา่ กบั 0 เมตร 2. คลน่ื สะท้อนอยู่หา่ งจาก XY มากทส่ี ดุ เทา่ กับ 1 เมตร 3. คล่ืนสะทอ้ นอยู่หา่ งจาก XY มากทส่ี ุดเท่ากบั 2 เมตร 4. คลืน่ สะทอ้ นอยหู่ า่ งจาก XY มากทส่ี ุดเท่ากบั 3 เมตร 5. คลนื่ สะทอ้ นอย่หู ่างจาก XY มากท่สี ดุ เทา่ กับ 4 เมตร 6. คลน่ื นา้ วงกลมต่อเน่ืองถกู ส่งออกมาจากจุดโฟกสั ของส่ิงกีดขวางรูปพาราโบลา ดงั แสดงในรูป ขอ้ ใดคือหน้าคล่ืนของคลื่นสะท้อนทบี่ รเิ วณ A 1. 2. 3. 4. 5.

7. จากรปู แสดงถึงคล่นื ตกกระทบในเส้นเชือก ซึ่งปลายข้างหนงึ่ ของเชือกผูกติดกบั ห่วงคล้องอยู่กับเสา เม่อื คลื่นตกกระทบเสา แล้วจะเกดิ คลนื่ สะท้อนขนึ้ จากข้อต่อไปนี้ ข้อใดแสดงถึงคล่ืนสะท้อน 2. 2. 3 . 4. 5. 8. เชือกยาวมากเสน้ หนงึ่ กาลังส่ันเมือ่ มอง เพียงส่วนหนึ่งซงึ่ ยาว 3.0 เมตร เหน็ คลื่นใน เสน้ เชอื กดังรูป ถ้าคลื่นรูปบนและรูปล่างเวลา ตา่ งกัน 2 วนิ าที จงหาว่าความเร็วของคล่ืนมี คา่ น้อยทีส่ ดุ เทา่ ไร 1. ความเร็วของคลน่ื มีคา่ น้อยที่สดุ เท่ากับ 0.1 เมตรต่อวนิ าที 2. ความเร็วของคลนื่ มีค่าน้อยที่สุดเทา่ กบั 0.3 เมตรตอ่ วินาที 3. ความเร็วของคลื่นมีค่าน้อยทีส่ ดุ เท่ากับ 0.5 เมตรตอ่ วินาที 4. ความเร็วของคลื่นมีค่าน้อยที่สุดเท่ากับ 0.7 เมตรต่อวินาที 5. ความเรว็ ของคลื่นมีคา่ น้อยที่สดุ เทา่ กับ 0.9 เมตรตอ่ วินาที

9. คลนื่ ดลสี่เหลย่ี ม A และ B กาลงั เคลอื่ นทเ่ี ขา้ หากัน ดงั รปู โดยที่มแี อมพลจิ ูดของคลื่น A และ B เปน็ ไป ตามทก่ี าหนดในรูป จงหาภาพของคลนื่ รวมเมื่อจดุ A และ B ทบั กัน 1. 2. 3. 4. 5. 3. 10. คลน่ื A และ คล่นื B เคลอ่ื นทไี่ ปทางเดยี วกนั ดว้ ยอตั ราเร็ว 1 และ 2 เมตรตอ่ วนิ าที ตามลาดับ เมอ่ื เวลาผา่ นไป 2 วนิ าที จงหาคลื่นรวม ทีเ่ กิดจากการเคลือ่ นที่ของคลื่นทัง้ สอง 1. 2. 4. 5.

กระดาษคาตอบรายวิชาฟิสิกส์ ชือ่ ........................................................................ชั้น...............เลขท.ี่ .............. คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นทำเคร่อื งหมำย X ลงในคำตอบที่ถกู ต้องลงในช่องว่ำงท่ี กำหนดให้ (10 คะแนน) ก ขคง จ ก ขค ง จ ข้อ A B C D E ข้อ A B C D E 1 234 5 1 234 5 16 27 38 49 5 10 คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด้ 10 คะแนน

ชุดการสอนโดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญา ชุดที่ 2 กำรซอ้ นทบั กันของคลืน่ และสมบัตกิ ำรสะท้อนของคล่ืน มำตรฐำน ว 5.1 มาตรฐาน ว 5.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดารงชีวิต การเปล่ียนรูป พลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและ ส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ช่วงชนั้ ม.4-6 มำตรฐำนกำรเรียนรชู้ ่วงช้ัน ม.4-6 สารวจตรวจสอบ และอธิบายเก่ียวกบั สมบัตขิ อง คล่ืนกล ความสัมพันธร์ ะหว่างความถีแ่ ละความยาวคล่ืน ผลกำรเรียนรู้ท่คี ำดหวัง (ปลำยทำง) - ผลกำรเรียนรทู้ ค่ี ำดหวงั (นำทำง) 1. อธิบายการซอ้ นทับของคลื่น 2. ใช้หลักการซอ้ นทับเขียนภาพของคลน่ื ใหมท่ เ่ี กิดจากการซอ้ นทับของคลืน่ 2 ขบวน 3. บอกความหมายของการสะท้อนของคลนื่ ได้ 4. ยกตัวอยา่ งเก่ยี วกบั การสะทอ้ นของคล่ืนได้ 5. ทาการทดลองเพื่อสรุปเกย่ี วกบั กฎการสะท้อนของคลนื่ ได้

กำรซอ้ นทับของคลน่ื เมอื่ คลนื่ ต้ังแต่ 2 คลื่นขน้ึ ไปเคลอื่ นทีม่ าพบกนั ณ ตาแหน่งหน่ึง ขณะชว่ั เวลาท่ีพบกนั จะ เกิดการรวมตัวกันตามหลักพีชคณิตของเวกเตอร์ หลังจากน้ันก็จะผ่านเลยกันไปเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้นดงั รปู รปู ที่ 1 แสดงการรวมคลืน่ เม่ือคล่นื ย่อย รปู ที่ 2 แสดงการรวมคลน่ื เมื่อคล่นื ย่อย มกี ารกระจัดทิศเดียวกัน มกี ารกระจัดทิศทางตรงขา้ ม (ก) เม่อื คลืน่ ทั้งสองเดนิ ทางมาพบกนั จะเกดิ การรวมคล่ืน คล่นื รวมทจ่ี ุดรวม คล่นื จะมี แอมพลจิ ดู A 1 + A 2 ดังรปู ท่ี 3 รูปท่ี 3 การรวมคลืน่ ทแ่ี อมพลจิ ูดทางเดียวกนั กันจะเสรมิ กัน

ถ้าคล่นื สองขบวนมีแอมพลจิ ูดชต้ี รงขา้ มกนั เชน่ - A 1 กบั A 2 ดังรูป 4.8 (ก) การ รวมกันที่จะรวมคลน่ื แอมพลิจูดจะหกั ลา้ งกัน แอมพลิจูดของคลน่ื รวมจะลดลง หลังจากนนั้ คล่ืนแตล่ ะ ขบวนจะวิ่งไปในทศิ ทางเดมิ แต่แยกจากัน ดูรูปที่ 4 รูปท่ี 4 การรวมคลื่นทแี่ อมพลิจูดตรงข้ามกนั จะหักล้างกัน หลักกำรรวมกันได้ของคลืน่ ถ้ามีคลนื่ 2ขบวนหรือมากกว่าเดินทางมาพบกัน การกระจัดของคลืน่ ลัพธ์ (แอมพลจิ ูดรวม)ท่ี ตาแหน่งใดๆ เท่ากับผลบวกแบบเวกเตอรข์ องการกระจัดของคลื่นย่อยเหลา่ นั้น ดงั นี้ รปู ท่ี 5 แสดง ผลบวกแบบเวกเตอร์ ของการกระจดั ของ คล่นื ยอ่ ย

สมบตั ิของคล่นื คลื่นโดยท่วั ไปจะมีสมบตั ิ 4 ประการ คือ - การสะท้อน (reflection) - การหักเห (refraction) - การแทรกสอด (interference) - การเล้ยี วเบน (diffraction) ก. การสะท้อนของคล่ืน การสะทอ้ นของคล่ืนจะเกิดข้ึนเม่ือคลนื่ เดนิ ทางไปปะทะสงิ่ กีดขวาง เช่น คลนื่ นา้ เคลือ่ นทไ่ี ปชนกาแพง หรอื คลื่นเชอื กเคล่ือนทีไ่ ปชนจุดทีเ่ ชือกตรงึ กบั เสา เปน็ ต้น การ สะท้อนของคลนื่ มหี ลักสาคญั มา 2 ประการ คือ หลักเกี่ยวกบั มุม การสะท้อนของคล่นื จะต้องมีหลักวา่ มุมตกกระทบ (1) เท่ากบั มุม สะทอ้ น (2) และรังสตี กกระทบรงั สีสะท้อน และเสน้ แนวฉากต้องอยู่บนระนาบเดียวกัน ดูรปู ท่ี 6 ประกอบ รูปท่ี 6 มมุ การสะท้อนของคล่ืน หลักเกยี่ วกับเฟส คลน่ื ทสี่ ะท้อนกับจุดตรงึ แน่น เชน่ คลืน่ ดลในเส้นเชือกวง่ิ ไปสะทอ้ นกบั ปลายเชอื กทีผ่ กู ไว้ แนน่ (ก) ปรากฏว่าเฟสของคลนื่ สะทอ้ นต่างกับเฟสของคลื่นกอ่ นสะทอ้ นอยู่ 180 เสมอ เหตทุ ี่เป็น เชน่ นีเ้ พราะธรรมชาติของจุดตรงึ แนน่ จะรกั ษาให้จดุ ตรึงแน่นมีแอมพลจิ ดู เป็นศนู ยเ์ สมอ คล่ืนท่สี ะท้อนกบั จุดอิสระ เชน่ คลื่นดลในเส้นเชอื กว่ิงไปสะท้อนกบั ปลายเชือกท่ีมหี ่วง คลอ้ งเสาใหส้ ามารถเคลื่อนได้อิสระในแนวดิ่ง ดงั รูปท่ี 7 (ข) ปรากฏว่าเฟสของคลืน่ สะท้อนจะตรงกับ เฟสของคล่ืนก่อนสะทอ้ น เหตทุ ่ีเปน็ เชน่ นี้เพราะตรงจุดสะท้อนอิสระแอมพลจิ ูดของคลื่นไม่จาเป็นต้อง เป็นศนู ย์

รปู ท่ี 7 ลกั ษณะคล่นื สะท้อนจากจดุ ตรงึ แน่น (ก) ปรากฏว่าเฟสของคลื่นสะท้อนต่างกับเฟสของคลน่ื ก่อนสะทอ้ นอยู่ 180 เสมอ และจุดอสิ ระ (ข) ปรากฏว่าเฟสของคล่นื สะท้อนจะตรงกับเฟสของคล่นื กอ่ นสะท้อน เมื่อคลน่ื เคลอื่ นท่ีไปชนสิ่งกีดขวาง หรอื เคลื่อนทีไ่ ปถงึ ปลายสดุ ของตวั กลางจะทาให้เกดิ คลื่น สะทอ้ นข้ึนมา คลนื่ สะทอ้ นที่เกิดข้ึนมาน้ัน จะตอ้ งมีคุณสมบตั ิดังน้ี 1. ความถข่ี องคล่นื สะท้อนมคี ่าเท่ากับความถ่ขี องคลื่นตกกระทบ 2. ความเรว็ และความยาวคลืน่ ของคลื่นสะทอ้ นมีค่าเทา่ กบั ความเร็วและความยาวคลน่ื ของคลน่ื ตกกระทบ 3. ถา้ การสะทอ้ นไม่สญู เสียพลังงาน จะไดแ้ อมพลจิ ูดของคลน่ื สะทอ้ นมีคา่ เทา่ กบั แอม พลิจดู ของคลื่นตกกระทบ

กำรสะท้อนของคลื่นนำ้ แบบต่ำง ๆ 1. คล่นื หน้าตรงสะทอ้ นจากผวิ สะท้อนเรียบตรง จะได้คลนื่ สะทอ้ นหน้าตรง ดงั รปู รูปท่ี 8 การสะท้อนของคลื่นหนา้ ตรงจากผิวสะท้อนเรียบตรง 2. คลื่นวงกลมสะท้อนจากผิวสะทอ้ นเรียบตรง จะได้คลน่ื สะทอ้ นวงกลมเสมือนมีแหล่งกาเนดิ คลื่นวงกลมอยูด่ ้านหลังของสิ่งกีดขวางดังรปู รูปที่ 9 แสดงการสะท้อนของคลืน่ หน้าโค้งจากผิวสะท้อนเรียบตรง 3. คลื่นน้าหนา้ ตรงสะท้อนจากผวิ สะท้อนโค้ง จะไดค้ ลนื่ สะท้อนวงกลมดังรูป รปู ที่ 10 แสดงการสะท้อนของคล่นื หนา้ ตรงจากผวิ สะทอ้ นโคง้

4. คลนื่ วงกลมสะท้อนจากผวิ สะท้อนโคง้ จะได้คลื่นสะท้อนวงกลมดงั รปู รูปที่ 11 แสดงการสะท้อนของคล่นื หนา้ โค้งจากผวิ สะท้อนโคง้ 5. คล่นื วงกลมสะท้อนจำกผิวโคง้ รูปพำรำโบลำเม่ือแหลง่ กำเนิดคลน่ื อยูท่ ่จี ุดโฟกัสของผิวโคง รูปพำรำโบลำ เมอื่ คล่นื ตกกระทบกับส่วนผวิ โคง้ จะไดค้ ลนื่ สะทอ้ นหน้ำตรง รปู ที่ 8 แสดงการสะท้อนของคลืน่ วงกลมจากผิวสะท้อนโค้งรปู พาราโบลา 6. คล่ืนหนำ้ ตรงสะท้อนจำกผวิ โคง้ รปู พำรำโบลำ จะได้คลน่ื สะทอ้ นหน้ำวงกลมเสมือนมี แหล่งกำเนดิ คลน่ื อยทู่ ี่จดุ โฟกัส ดังรูป รปู ท่ี 9 แสดงการสะท้อนของคล่ืนหน้าตรงจากผิวโคง้ รปู พาราโบลา

ตวั อย่างการสรุปเนื้อหา

ตัวอยำ่ ง วธิ กี ำรแก้ปัญหำตำมแนวคดิ อภิปญั ญำ อภปิ ญั ญำคอื กำรตระหนักร้สู ่วนตัวในควำมคดิ ของตนเอง และ ควำมสำมำรถท่จี ะประเมิน และควบคมุ ควำมคิดของ สู้ ตนเอง ควำมสำมำรถของบุคคลในกำรสร้ำงกระบวนกำร สู้ รบั ควำมรู้ เก็บควำมรู้ คดั เลือกควำมรู้มำใช้แก้ปัญหำ คำดคะเนผลกำรแก้ไขปัญหำท่อี ำจเปน็ ไปได้ และหำ วิธีกำรแก้ปัญหำในทำงอ่ืน ขน้ั ตอนกำรแก้ปัญหำตำมกลวธิ อี ภิปญั ญำ ขั้นวำงแผน 1. วเิ คราะห์โจทย์ 2. เลอื กสตู รทใี่ ช้ในการ แกป้ ัญหา 3. เรียงลาดับขั้นตอนการแก้ปญั หา ข้นั กำรกำกับควบคมุ 1. เปา้ หมายในการแก้ปญั หา 2. ปฏบิ ตั กิ ารแก้ปัญหาตามขนั้ ตอนท่ีเลอื กไว้ ขั้นกำรประเมิน 1. แสดงคาตอบของปัญหา 2. ตรวจสอบคาตอบ 3. ตรวจสอบการวางแผน และการปฏิบตั กิ ารแก้ปญั หา แนวคิดอภิปญั ญำจะช่วยให้นกั เรยี นแกป้ ญั หำโจทยฟ์ ิสิกสไ์ ด้อย่ำง ง่ำยดำยครบั เรำมำลองดูตัวอย่ำงในกำรแก้ปัญหำกันเลยดีกวำ่

วธิ กี ารแก้ปญั หาตามแนวคดิ อภิปัญญา โจทย์ 1 คลื่นดลส่เี หลี่ยม P และ Q กำลงั เคลอื่ นทเ่ี ขำ้ หำกันดงั รปู โดยที่ 2b และ b เป็นแอมพลิจูดของคล่นื P และ Q ตำมลำดบั จงเขียนภำพของคลืน่ รวมเม่ือ จดุ P และ Q ทบั กนั ทำตำม ข้นั วำงแผน ขัน้ ตอนนะ 1. วเิ ครำะหค์โรจบั ทย์ ส่ิงทโ่ี จทย์บอก คล่ืนดลสี่เหลี่ยม P และ Q กำลังเคลือ่ นทีเ่ ข้ำหำกัน สงิ่ ทีโ่ จทย์ถำม จงเขียนภำพของคลน่ื รวมเม่ือจุด P และ Q ทับกนั 2. เลือกสตู รหรือนิยำมทีใ่ ชใ้ นกำรแก้ปญั หำ คลนื่ ดลทีม่ แี อมพลิจูด A 1 และ A 2 ชีข้ น้ึ ทางเดียวกัน เดินทางมาพบกันจะเกดิ การ รวมคล่นื คลน่ื รวมทจ่ี ุดรวมคล่นื จะมีแอมพลิจูด A 1 + A 2 3. เรียงลำดับขนั้ ตอนกำรแก้ปัญหำ 3.1 ศึกษานยิ ามใหเ้ ขา้ ใจ นาส่งิ ที่โจทยบ์ อกมาวิเคราะห์ 3.2 เขยี นรปู ใหต้ รงตามท่โี จทยก์ าหนด 3.3 วาดรปู หาคาตอบ

ขั้นกำรกำกับควบคุม เป้ำหมำยในกำรแกป้ ญั หำท่ีตอ้ งคำนึงถงึ เสมอ คือ แอมพลิจูด ช้ขี นึ้ ทางเดยี วกัน คลื่นรวมทีจ่ ดุ รวมคลื่นจะมีแอมพลิจูด A 1 + A 2 ปฏบิ ตั ติ ำมกำรแก้ปญั หำตำมข้ันตอนท่ีเลอื กไว้ ข้ันกำรประเมิน 1. คำตอบของปญั หำ คอื 2. นำคำตอบทีไ่ ดม้ ำตรวจสอบ ภาพของคลน่ื รวม แอมพลิจูดของคลืน่ รวมสงู สุด 3b ตรงกบั นิยาม A 1 + A 2 คำตอบทไี่ ดต้ รวจสอบควำมเหมำะสมเพรำะ แอมพลจิ ูด ชข้ี น้ึ ทางเดยี วกัน คล่ืนรวมทจี่ ุดรวมคล่นื จะมีแอมพลิจดู 2b + b = 3b 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏบิ ัติกำรแกป้ ัญหำมคี วำมเหมำะสมหรือไม่ มวี ิธกี ำร วิเครำะหอ์ ย่ำงไร เปน็ ข้ันตอนทถ่ี ูกตอ้ งเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแกป้ ัญหาได้จริง และได้คาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง

วธิ ีการแกป้ ญั หาตามแนวคดิ อภปิ ัญญา ขั้นวำงแผน โจทย์ 2 คล่ืนนำ้ วงกลม ตอ่ เน่อื งถกู ส่งออกมำ จำกจดุ โฟกัสของส่ิง กีดขวำงรปู พำรำโบลำ ดังแสดง ในรปู จงเขียนหนำ้ คล่นื ของคล่ืนสะทอ้ น ทีบ่ รเิ วณ A 1. วเิ ครำะหโ์ จทย์ สง่ิ ทโ่ี จทย์บอก คล่ืนน้าวงกลมต่อเน่ืองถูกสง่ ออกมาจากจดุ โฟกัสของส่งิ กดี ขวางรูป พาราโบลา สิ่งทโ่ี จทย์ถำม ? ให้เขยี นหนา้ คล่นื ของคล่นื สะท้อนทบ่ี รเิ วณ A 2. เลือกสตู รหรือนยิ ำมทใ่ี ช้ในกำรแก้ปญั หำ กฎกำรสะท้อน มมุ ตกกระทบเทา่ กบั มุมสะท้อน และทศิ การเคลือ่ นท่ีของ คล่ืนตกกระทบ(รงั สตี กกระทบ) เสน้ แนวฉาก หรือเส้นปกติ และทศิ การเคล่ือนทข่ี อง คล่ืนสะท้อน (รงั สสี ะทอ้ น) อย่ใู นระนาบเดยี วกนั ขอ้ สำคญั คลื่นที่ถูกปลอ่ ยออกมาจากจุดโฟกัสของสง่ิ กีดขวางรปู พาราโบลา ในทกุ ทิศทาง เม่ือสะทอ้ นกบั ผวิ สะท้อนรปู พาราโบลาแล้วจะมที ิศทางของคลน่ื สะท้อนพงุ่ ออกมาขนานกันหมด 3. เรียงลำดับขัน้ ตอนกำรแก้ปญั หำ 3.1 ศึกษานิยามให้เขา้ ใจ นาส่ิงที่โจทย์บอกมาวิเคราะห์ 3.2 เขยี นรปู ใหต้ รงตามท่โี จทย์กาหนด 3.3 วาดรปู หาคาตอบ

ขั้นกำรกำกบั ควบคุม ปฏบิ ัตติ ำมกำรแก้ปัญหำตำมข้นั ตอนทีเ่ ลอื กไว้ เป้ำหมำยในกำรแก้ปญั หำ ที่ต้องคำนึงถึงเสมอ คอื ท่ีถกู ปล่อยออกมาจากจุด โฟกสั ของสิ่งกดี ขวางรปู พาราโบลาในทุกทศิ ทาง เมื่อสะท้อนกบั ผวิ สะท้อนรูป พาราโบลาแล้วจะมีทิศทาง ของคลน่ื สะท้อนพุ่งออกมา ขนานกันหมด ขั้นกำรประเมนิ 1. คำตอบของปัญหำ คือ มีลักษณะเป็นคลนื่ หน้าตรง 2. นำคำตอบทไี่ ดม้ ำตรวจสอบ คำตอบที่ไดต้ รวจสอบควำมเหมำะสม เม่ือสะทอ้ นกบั ผิวสะท้อนรปู พาราโบลา เพรำะ แลว้ จะมที ิศทางของคลน่ื สะท้อนพงุ่ คลื่นท่ถี กู ปล่อยออกมาจากจดุ โฟกสั ของสิ่งกีด ออกมาขนานกันหมดผา่ นบริเวณ A หนา้ คลื่นของคล่ืนสะท้อนบริเวณ A จึงมี ขวางรปู พาราโบลาจะมที ศิ ทางของคล่นื ลักษณะเป็นคลน่ื หนา้ ตรง จริง สะท้อนพ่งุ ออกมาขนานกนั หมด 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏิบัติกำรแก้ปัญหำมคี วำมเหมำะสมหรือไม่ มวี ิธกี ำรวเิ ครำะห์อยำ่ งไร เปน็ ขั้นตอนที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแกป้ ัญหาได้จรงิ และได้คาตอบที่ถูกต้อง

วธิ กี ารแกป้ ัญหาตามแนวคดิ อภิปญั ญา โจทย์ 3 คลืน่ ดลเคลอ่ื นทใ่ี นเส้นเชือกซ่ึงทำงดำ้ น A มีมวลมำกกว่ำทำงดำ้ น B ดงั รปู จงวำดรปู คลื่น เม่ือคลื่นดลวิ่งผำ่ นรอบต่อของ A กับ B ไปแล้ว เข้าใจแนวคดิ อภิปญั ญา ขัน้ วำงแผน รบั รองสามารถแกโ้ จทย์ ฟสิ ิกส์ไดแ้ น่นอน 1. วเิ ครำะหโ์ จทย์ ส่งิ ทีโ่ จทย์บอก คือ A มีมวลมำกกวำ่ ทำงดำ้ น B ส่งิ ที่โจทย์ถำม จงวำดรูปคลื่นเมอ่ื คลนื่ ดลวิ่งผำ่ นรอบต่อของ A กับ B ไปแล้ว 2. เลือกสตู ร/นยิ ำมทใี่ ชใ้ นกำรแก้ปัญหำ คลน่ื ทีส่ ะท้อนกบั จดุ อิสระ ปรากฏวา่ เฟสของคลน่ื สะท้อนจะตรงกับเฟสของคลืน่ กอ่ นสะทอ้ น เหตุท่ีเปน็ เช่นนเ้ี พราะตรงจุดสะท้อนอสิ ระแอมพลจิ ดู ของคลนื่ ไม่ จาเปน็ ต้องเปน็ ศนู ย์ 3. เรยี งลำดบั ขนั้ ตอนกำรแก้ปัญหำ 3.1 ตรวจสอบส่ิงที่โจทย์ให้ A มีมวลมำกกว่ำทำงดำ้ น Bหมายถึง มี 2 ตัวกลางแตเ่ ป็น แบบอสิ ระ 3.2 ทาความเข้าใจสง่ิ ท่โี จทย์ถาม 3.3 อ่านนยิ ามให้เข้าใจ คลน่ื ท่ีสะท้อนกบั จุดอสิ ระ ปรากฏว่าเฟสของคลนื่ สะท้อนจะ ตรงกบั เฟสของคล่นื ก่อนสะท้อน 3.4 สร้างรปู ทาความเขา้ ใจ 3.5 เทยี บนยิ ามหาคาตอบ

ขน้ั กำรกำกับควบคมุ เป้ำหมำยในกำรแก้ปญั หำท่ีต้องคำนงึ ถงึ เสมอ คือ คลื่นที่สะท้อนกับจุดอิสระ ปรากฏว่าเฟสของคล่ืนสะท้อนจะตรงกับเฟสของคลื่นก่อนสะท้อน ปฏิบตั ติ ำมกำรแกป้ ัญหำตำมขนั้ ตอนท่ีเลือกไว้ 1 ตรวจสอบสงิ่ ทโ่ี จทยใ์ ห้ ให้ A มีมวลมำกกว่ำทำงดำ้ น Bหมายถึง มี 2 ตัวกลางแต่เป็นแบบอสิ ระ 2 ทาความเข้าใจสง่ิ ทีโ่ จทย์ถาม 3 อ่านนยิ าม คล่ืนทส่ี ะท้อนกบั จุดอสิ ระ ปรากฏว่าเฟสของคลนื่ สะท้อนจะตรงกบั เฟสของคล่ืนกอ่ นสะทอ้ น เนื่องจากเชือก A มีมวลมากว่าเชอื ก B คล่ืนดลทว่ี ่งิ จาก A จะผ่านไปยัง B ส่วน หน่งึ จะสะท้อนกลับตรงรอยต่อระหว่าง A กับ B การสะท้อนจะเหมือนการสะท้อนของคล่นื ที่จดุ อสิ ระ เขา้ ใจแนวคดิ อภิปญั ญา รับรอง สามารถแก้โจทยฟ์ ิสกิ ส์ได้แน่นอน

ขนั้ กำรประเมิน 1. คำตอบของปัญหำ คอื เนือ่ งจากเชือก A มีมวลมากว่าเชือก B คลืน่ ดลทว่ี ่งิ จาก A จะผา่ นไปยัง B สว่ นหน่งึ จะสะท้อนกลับตรงรอยตอ่ ระหวา่ ง A กับ B การสะท้อนจะเหมือนการ สะท้อนของคลื่นทีจ่ ดุ อสิ ระ 2. นำคำตอบท่ไี ด้มำตรวจสอบ คลื่นที่สะท้อนกบั จดุ อิสระ ปรากฏวา่ เฟสของคล่นื สะทอ้ นจะตรงกบั เฟสของคลน่ื กอ่ นสะทอ้ น คลนื่ ดลทวี่ ิ่งจาก A จะผา่ นไปยัง B สว่ นหน่ึงจะสะท้อนกลับตรงรอยต่อ ระหว่าง A กบั B การสะท้อนจะเหมอื นการสะท้อนของคลื่นทจ่ี ุดอสิ ระ คำตอบทไี่ ดต้ รวจสอบควำมเหมำะสมเพรำะ คลืน่ ทส่ี ะท้อนกบั จดุ อิสระ ปรากฏว่าเฟสของคล่ืนสะท้อนจะตรงกับเฟสของคลื่นกอ่ นสะท้อน 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏบิ ัตกิ ำรแก้ปัญหำมีควำมเหมำะสม หรือไม่ มีวิธีกำรวเิ ครำะห์อย่ำงไร เป็นขัน้ ตอนที่ถูกตอ้ งเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแกป้ ัญหาไดจ้ รงิ และได้ คาตอบที่ถูกตอ้ ง เน้นกำรทำงำนตำมขนั้ ตอน แนวคดิ อภปิ ัญญำไมเ่ กนิ 3ตัวอยำ่ ง รับรองสำมำรถแก้โจทย์ฟิสกิ ส์ได้ แน่นอน

แบบฝึกหัดโดยใช้กลวธิ อี ภปิ ญั ญา มีเกณฑใ์ นการประเมนิ วธิ กี ารแกป้ ัญหาตามแนวคิดอภิปัญญาดังน้ี อภิปญั ญำคือ กำรตระหนักรู้ส่วนตัวในควำมคิดของตนเอง และควำมสำมำรถที่จะประเมิน และควบคุมควำมคิด ของตนเอง ควำมสำมำรถของบุคคลในกำรสร้ำง กระบวนกำรรับควำมรู้ เก็บควำมรู้ คัดเลือกควำมรู้มำ ใช้แกป้ ัญหำ คำดคะเนผลกำรแก้ไขปญั หำท่ีอำจเป็นไปได้ และ หำวิธีกำรแก้ปัญหำในทำงอ่ืน ข้ันตอนกำรแก้ปญั หำตำมกลวธิ อี ภิปญั ญำ ขัน้ วำงแผน 1. วิเคราะห์โจทย์ 2. เลือกสูตรทใ่ี ช้ในการ แกป้ ัญหา 3. เรยี งลาดับข้ันตอนการแก้ปัญหา ข้นั กำรกำกบั ควบคมุ 1. เปา้ หมายในการแกป้ ญั หา 2. ปฏิบตั ิการแกป้ ัญหาตามข้ันตอนทีเ่ ลอื กไว้ ขน้ั กำรประเมนิ 1. แสดงคาตอบของปัญหา 2. ตรวจสอบคาตอบ 3. ตรวจสอบการวางแผน และการปฏิบตั ิการแก้ปัญหา แนวคิดอภปิ ัญญำจะช่วยให้นกั เรียนแกป้ ัญหำโจทยฟ์ สิ กิ ส์ได้อย่ำง งำ่ ยดำยครับ เรำมำลองดูตัวอย่ำงในกำรแก้ปญั หำกนั เลยดกี ว่ำ

เกณฑ์ในการประเมินวิธีการแก้ปญั หาตามแนวคดิ อภิปัญญา ขั้นตอน รายการประเมิน ระดับ คณุ ภาพ 1. วเิ คราะหโ์ จทย์ ไมม่ ีการวเิ คราะห์โจทย์ ระบสุ ิ่งท่ีโจทยบ์ อกถูกตอ้ ง 0 2. เลอื กสตู รทใ่ี ช้ในการ ระบุส่งิ ทีโ่ จทย์บอก ระบสุ ่งิ ที่โจทยถ์ ามถกู ตอ้ ง 1 ระบุสิง่ ที่โจทยบ์ อก ระบุสงิ่ ท่โี จทยถ์ าม และสญั ลกั ษณถ์ กู ตอ้ ง 2 ข้นั การ แกป้ ญั หา ไมเ่ ลือกสตู รทีใ่ ช้ หรอื เลือกสูตรผิด 3 วางแผน เลอื กสูตรทใ่ี ช้ไดถ้ ูกต้องบางส่วน 0 เลอื กสตู รที่ใชไ้ ด้ถูกตอ้ ง แตเ่ ขียนสญั ลักษณ์ไมค่ รบหรือไม่ถูก 1 3. เรยี งลาดบั ขนั้ ตอน เลือกสูตรทีใ่ ช้ไดถ้ ูกต้องและเขยี นสญั ลักษณ์ถูกตอ้ ง 2 การแก้ปัญหา ไมม่ กี ารลาดบั ขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา 3 มีการลาดบั ข้นั ตอนการแก้ปญั หาแตไ่ ม่ครบ หรอื ถกู ตอ้ งบางส่วน 0 ข้นั กำร 1. เปา้ หมายในการ มกี ารลาดบั ข้นั ตอนการแก้ปญั หาถูกต้องบางสว่ นแต่ยงั ไม่ละเอียด 1 กำกับ แก้ปัญหา มกี ารลาดับขนั้ ตอนการแกป้ ัญหาครบหรอื ถูกตอ้ งครบถ้วนแบบละเอียด 2 ควบคุม ไมม่ กี ารกาหนดเปา้ หมายการแก้ปญั หา หรือกาหนดเปา้ หมายผิด 3 2. ปฏบิ ัติการแก้ปญั หา มีการกาหนดเป้าหมายการแกป้ ญั หาแตไ่ ม่สมบรู ณ์ 0 ตามขนั้ ตอนท่เี ลอื กไว้ มีการกาหนดเปา้ หมายการแกป้ ัญหาถกู ต้องแตย่ งั ไมค่ รบรายละเอยี ด 1 มีการกาหนดเป้าหมายการแกป้ ัญหาถกู ตอ้ งชดั เจน ครบรายละเอยี ด 2 1. แสดงคาตอบของ ไม่มีการแกป้ ัญหา 3 ปัญหา มีการแก้ปญั หา แต่คานวณไม่ถกู ตอ้ ง 0 มีการแก้ปญั หาได้ถูกตอ้ ง คานวณถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่สมบูรณ์ เชน่ หน่วยผดิ 1 ข้นั กำร 2. ตรวจสอบคาตอบ มกี ารแก้ปญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง มกี ารคานวณถกู ต้อง และสมบูรณ์ 2 ประเมนิ ไมม่ ีการแสดงคาตอบ 3 มกี ารแสดงคาตอบถกู ตอ้ งแต่ขาดการระบุเป้าหมายของโจทย์ 0 3. ตรวจสอบการ มกี ารแสดงคาตอบถูกตอ้ งและมกี ารระบเุ ป้าหมายของโจทย์แตไ่ ม่มหี น่วย 1 วางแผน และการ มกี ารแสดงคาตอบถูกตอ้ งและมีการระบุเป้าหมายของโจทยม์ ีหนว่ ยชัดเจน 2 ปฏบิ ัตกิ ารแกป้ ญั หา ไม่มกี ารตรวจคาตอบ 3 มีการตรวจคาตอบ แต่ไมม่ ีการแสดงเหตุผล 0 มีการตรวจคาตอบ มกี ารแสดงเหตุผลแตย่ งั ไม่สมบรู ณ์ 1 มีการตรวจคาตอบ มีการแสดงเหตุผลไดส้ มบูรณ์ 2 ไมม่ ีการตรวจสอบ 3 มกี ารตรวจสอบการวางแผน และการปฏบิ ตั ิการแต่ไมม่ กี ารวิเคราะห์ 0 1 มกี ารตรวจสอบการวางแผน และการปฏบิ ตั กิ ารและมกี ารวิเคราะห์แต่ยังไมส่ มบรู ณ์ 2 3 มกี ารตรวจสอบการวางแผน และการปฏิบัติการ และมกี ารวิเคราะห์ท่ีสมบรู ณ์ 24 คะแนนรวม

แบบฝกึ วิธกี ารแกป้ ญั หาตามแนวคดิ อภิปญั ญา โจทย์ 1 คล่ืนดลสองถูกเคล่ือนทเ่ี ข้ำหำกันในเส้นเชือก ข้นั วำงแผน ลักษณะของเชือกท่ีเวลำหน่งึ เปน็ ไปดงั รูป (ก) แต่เม่อื เวลำผำ่ นไป 0.5 วินำที ลกั ษณะของ เชอื กเปน็ ดังรูป (ข) จงคำนวณควำมเรว็ ของ คลืน่ ดลทงั้ สอง 1. วเิ ครำะหโ์ จทย์ สง่ิ ท่ีโจทย์บอก สิ่งทโ่ี จทย์ถำม ลงมอื ทำ 2. เลือกสตู รทใ่ี ชใ้ นกำรแก้ปัญหำ ตำม ขนั้ ตอนนะ ครับ 3. เรียงลำดบั ขั้นตอนกำรแก้ปญั หำ

ขนั้ กำรกำกบั ควบคมุ เปำ้ หมำยในกำรแกป้ ญั หำท่ีต้องคำนึงถึงเสมอ คือ ปฏบิ ัติตำมกำรแก้ปัญหำตำมขนั้ ตอนท่เี ลือกไว้ ขัน้ กำรประเมิน 1. คำตอบของปญั หำ คือ 2. นำคำตอบทไ่ี ดม้ ำตรวจสอบ คำตอบที่ไดต้ รวจสอบ ควำมเหมำะสมเพรำะ 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏบิ ตั ิกำรแก้ปัญหำมคี วำมเหมำะสมหรือไม่ มี วิธีกำรวเิ ครำะหอ์ ย่ำงไร

แบบฝึกวธิ กี ารแก้ปัญหาตามแนวคิดอภิปัญญา ข้นั วำงแผน โจทย์ 2 คลื่นดลวงกลมเป็นคลื่นนา้ ความเร็ว 3 เมตรต่อ วินาที ถูกส่งออกมาจากจุด O ห่างจากสิ่งกีด ขวาง XY เป็นระยะ 1 เมตร อยากทราบว่า เม่ือเวลาผ่านไป 2 วินาที ระยะท่ีหน้าคล่ืน สะท้อนอยู่ไกลจากส่ิงกีดขวางมากที่สุดจะเป็น เท่าไร 1. วเิ ครำะห์โจทย์ สิง่ ทโ่ี จทยบ์ อก สิง่ ทีโ่ จทยถ์ าม 2. เลือกสูตรที่ใชใ้ นกำรแก้ปญั หำ 3. เรียงลำดบั ข้ันตอนกำรแกป้ ญั หำ

ข้นั กำรกำกบั ควบคมุ เป้ำหมำยในกำรแกป้ ัญหำที่ตอ้ งคำนงึ ถงึ เสมอ คือ ปฏิบตั ิตำมกำรแก้ปัญหำตำมข้ันตอนท่เี ลอื กไว้ ตง้ั ใจทำด้วยตนเองนะครับ แนวคิดอภปิ ญั ญำเนน้ กำรสร้ำงแนวคิดด้วย ตนเอง เรม่ิ ต้นอำจชำ้ หน่อยแตจ่ ะอยูถ่ ำวร

1. คำตอบของปญั หำ คอื ข้นั กำรประเมิน 2. นำคำตอบที่ได้มำตรวจสอบ คำตอบท่ไี ดต้ รวจสอบควำม เหมำะสมเพรำะ 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏบิ ัติกำรแกป้ ัญหำมีควำมเหมำะสมหรอื ไม่ มวี ิธกี ำร วิเครำะห์อยำ่ งไร

แบบฝกึ วธิ กี ารแก้ปัญหาตามแนวคดิ อภิปญั ญา โจทย์ 3 เชือกเส นหน่ึงมีปลายข างหน่ึงผูกแน นติดกับเสาเมื่อสร างคล่ืนจากปลายอีกข างหนึ่ง เข ามาตกกระทบจะเกิดคลื่นสะท อนขึ้น คลื่นสะท อนนี้มีเฟสเปลี่ยนไปก่ีองศา ข้นั วำงแผน 1. วิเครำะห์โจทย์ สงิ่ ทโ่ี จทย์บอก สง่ิ ทีโ่ จทย์ถำม 2. เลือกสูตรที่ใชใ้ นกำรแกป้ ัญหำ 3. เรียงลำดับขัน้ ตอนกำรแกป้ ัญหำ

ขัน้ กำรกำกบั ควบคมุ เปำ้ หมำยในกำรแก้ปัญหำท่ีต้องคำนึงถงึ เสมอ คือ ปฏิบตั ิตำมกำรแก้ปญั หำตำมข้ันตอนทเ่ี ลือกไว้ ทำเองนะ คนเรำถึงแม้โง่ งมนกั กด็ ี ครับ แต่ว่ำจิตซอื่ ตรง เที่ยงแท้ มำขอพงึ่ บญุ จัก รบั ก็ ควรแล ฉลำดแต่โกงนนั้ แลว้ อยำ่ เลย...

1. คำตอบของปญั หำ คอื ขั้นกำรประเมิน 2. นำคำตอบทีไ่ ดม้ ำตรวจสอบ คำตอบท่ีได้ตรวจสอบ ควำมเหมำะสมเพรำะ คำตอบที่ได้ตรวจสอบ ควำมเหมำะสมเพรำะ 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏบิ ตั ิกำรแกป้ ัญหำมีควำมเหมำะสมหรือไม่ มวี ิธกี ำร วิเครำะห์อยำ่ งไร เขา้ ชมเนือ้ หา การทดลองเร่อื งคล่ืนเพ่มิ เตมิ ท่ีเวบ็ ไซตฟ์ ิสกิ ส์ นา้ ปลีก เขา้ เว็บไซตโ์ ดยตรงไดท้ ่ี https://sites.google.com/site/physicsnampreek1/

นักเรยี นจงพยายามทาด้วยตนเองกอ่ นนะครับ เพรำะ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนโดยใช้กลวธิ อี ภิปัญญำ เพือ่ สรำ้ งกำร ตระหนักรู้ส่วนตัวในควำมคดิ ของตนเอง และควำมสำมำรถท่จี ะ ประเมิน และควบคมุ ควำมคดิ ของตนเอง ควำมสำมำรถของ บุคคลในกำรสรำ้ งกระบวนกำรรับควำมรู้ เกบ็ ควำมรู้ คัดเลือก ควำมรมู้ ำใช้แก้ปัญหำ คำดคะเนผลกำรแก้ไขปญั หำทอี่ ำจเป็นไป ได้ และหำวิธีกำรแกป้ ัญหำในทำงอนื่ ซึ่งจะเป็นกำรพฒั นำให้ ผู้เรียนเรยี นรูอ้ ยำ่ งยงั่ ยนื

แบบฝึกหัดโดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญำ มีเกณฑใ์ นกำรประเมนิ วธิ กี ำรแกป้ ัญหำตำมแนวคิดอภิปัญญำดังน้ี อภิปญั ญำคือ กำรตระหนักรู้ส่วนตัวในควำมคิดของตนเอง และควำมสำมำรถที่จะประเมิน และควบคุมควำมคิด ของตนเอง ควำมสำมำรถของบุคคลในกำรสร้ำง กระบวนกำรรับควำมรู้ เก็บควำมรู้ คัดเลือกควำมรู้มำ ใช้แกป้ ัญหำ คำดคะเนผลกำรแก้ไขปญั หำท่ีอำจเป็นไปได้ และ หำวิธีกำรแก้ปัญหำในทำงอ่ืน ข้ันตอนกำรแก้ปญั หำตำมกลวธิ อี ภิปญั ญำ ขัน้ วำงแผน 1. วิเคราะห์โจทย์ 2. เลือกสูตรทใ่ี ช้ในการ แกป้ ัญหา 3. เรยี งลาดับข้ันตอนการแก้ปัญหา ข้นั กำรกำกบั ควบคมุ 1. เปา้ หมายในการแกป้ ญั หา 2. ปฏิบตั ิการแกป้ ัญหาตามข้ันตอนทีเ่ ลอื กไว้ ขน้ั กำรประเมนิ 1. แสดงคาตอบของปัญหา 2. ตรวจสอบคาตอบ 3. ตรวจสอบการวางแผน และการปฏิบตั ิการแก้ปัญหา แนวคิดอภปิ ัญญำจะช่วยให้นกั เรียนแกป้ ัญหำโจทยฟ์ สิ กิ ส์ได้อย่ำง งำ่ ยดำยครับ เรำมำลองดูตัวอย่ำงในกำรแก้ปญั หำกนั เลยดกี ว่ำ

เกณฑใ์ นการประเมนิ วิธีการแก้ปญั หาตามแนวคดิ อภิปัญญา ขั้นตอน รายการประเมิน ระดับ คณุ ภาพ 1. วิเคราะห์โจทย์ ไม่มีการวเิ คราะห์โจทย์ ระบุสิ่งท่ีโจทยบ์ อกถูกตอ้ ง 0 2. เลือกสูตรที่ใช้ในการ ระบสุ ิ่งทีโ่ จทย์บอก ระบสุ ่งิ ที่โจทยถ์ ามถกู ตอ้ ง 1 ระบสุ งิ่ ที่โจทยบ์ อก ระบุสงิ่ ท่โี จทยถ์ าม และสญั ลกั ษณถ์ กู ตอ้ ง 2 ข้นั การ แกป้ ญั หา ไม่เลอื กสตู รทีใ่ ช้ หรอื เลือกสูตรผิด 3 วางแผน เลือกสูตรทใ่ี ช้ไดถ้ ูกต้องบางส่วน 0 เลอื กสตู รที่ใชไ้ ด้ถูกตอ้ ง แตเ่ ขียนสญั ลักษณ์ไมค่ รบหรือไม่ถูก 1 3. เรยี งลาดับขน้ั ตอนการ เลอื กสตู รทีใ่ ช้ไดถ้ ูกต้องและเขยี นสญั ลักษณ์ถูกตอ้ ง 2 แก้ปัญหา ไมม่ กี ารลาดบั ขน้ั ตอนการแกป้ ญั หา 3 มีการลาดบั ข้นั ตอนการแก้ปญั หาแตไ่ ม่ครบ หรอื ถกู ตอ้ งบางส่วน 0 1. เปา้ หมายในการแกป้ ัญหา มกี ารลาดบั ข้นั ตอนการแก้ปญั หาถูกต้องบางสว่ นแต่ยงั ไม่ละเอียด 1 มกี ารลาดับขนั้ ตอนการแกป้ ัญหาครบหรอื ถูกตอ้ งครบถ้วนแบบละเอียด 2 ข้นั กำร 2. ปฏิบัติการแก้ปัญหาตาม ไมม่ กี ารกาหนดเปา้ หมายการแก้ปญั หา หรือกาหนดเปา้ หมายผิด 3 กำกบั ข้นั ตอนที่เลอื กไว้ มีการกาหนดเป้าหมายการแกป้ ญั หาแตไ่ ม่สมบรู ณ์ 0 ควบคุม มีการกาหนดเปา้ หมายการแกป้ ัญหาถกู ต้องแตย่ งั ไมค่ รบรายละเอยี ด 1 มีการกาหนดเป้าหมายการแกป้ ัญหาถกู ตอ้ งชดั เจน ครบรายละเอยี ด 2 1. แสดงคาตอบของปัญหา ไมม่ กี ารแกป้ ัญหา 3 มีการแก้ปญั หา แต่คานวณไม่ถกู ตอ้ ง 0 ขน้ั กำร 2. ตรวจสอบคาตอบ มีการแก้ปญั หาได้ถูกตอ้ ง คานวณถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่สมบูรณ์ เชน่ หน่วยผดิ 1 ประเมนิ มกี ารแก้ปญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง มกี ารคานวณถกู ต้อง และสมบูรณ์ 2 ไม่มกี ารแสดงคาตอบ 3 3. ตรวจสอบการวางแผน มกี ารแสดงคาตอบถกู ตอ้ งแต่ขาดการระบุเป้าหมายของโจทย์ 0 และการปฏบิ ัตกิ ารแกป้ ญั หา มกี ารแสดงคาตอบถูกตอ้ งและมกี ารระบเุ ป้าหมายของโจทย์แตไ่ ม่มหี น่วย 1 มีการแสดงคาตอบถูกตอ้ งและมีการระบุเป้าหมายของโจทยม์ ีหนว่ ยชัดเจน 2 ไมม่ ีการตรวจคาตอบ 3 มกี ารตรวจคาตอบ แต่ไมม่ ีการแสดงเหตุผล 0 มีการตรวจคาตอบ มกี ารแสดงเหตุผลแตย่ งั ไม่สมบรู ณ์ 1 มีการตรวจคาตอบ มีการแสดงเหตุผลไดส้ มบูรณ์ 2 ไมม่ กี ารตรวจสอบ 3 มีการตรวจสอบการวางแผน และการปฏบิ ตั ิการแต่ไมม่ กี ารวิเคราะห์ 0 1 มีการตรวจสอบการวางแผน และการปฏบิ ตั กิ ารและมกี ารวิเคราะห์แต่ยังไมส่ มบรู ณ์ 2 มีการตรวจสอบการวางแผน และการปฏิบัติการ และมกี ารวิเคราะห์ท่ีสมบรู ณ์ 3 คะแนนรวม 24

แบบฝกึ วิธีการแก้ปัญหาตามแนวคิดอภปิ ญั ญา โจทย์ 1 คลน่ื ดลสองถกู เคล่ือนท่เี ข้ำหำกนั ในเสน้ เชอื ก ลกั ษณะของเชือกทเ่ี วลำหน่ึงเปน็ ไปดงั รปู (ก) แตเ่ ม่ือเวลำผ่ำนไป 0.5 วินำที ลกั ษณะ ของเชือกเปน็ ดงั รปู (ข) จงคำนวณควำมเรว็ ของคล่นื ดลทงั้ สอง ลงมือทำ ข้ันวำงแผน ตำมขั้นตอน นะครบั 1. วิเครำะหโ์ จทย์ สิง่ ที่โจทย์บอก คลน่ื ดลสองถูกเคล่ือนท่ีเขำ้ หำกันในเสน้ เชือก แตเ่ ม่อื เวลำผ่ำนไป 0.5 วินำที สง่ิ ท่โี จทย์ถำม จงคำนวณควำมเร็วของคลน่ื ดลทัง้ สอง 2. เลือกสูตร/นยิ ำมท่ใี ช้ในกำรแก้ปญั หำ มคี ลน่ื 2ขบวนหรือมากกว่าเดินทางมาพบกัน การกระจดั ของคลน่ื ลัพธ์ (แอมพลิจดู รวม) ทต่ี าแหน่งใดๆ เทา่ กบั ผลบวกแบบเวกเตอรข์ องการกระจดั ของ คลน่ื ย่อยเหลา่ นั้น 3. เรียงลำดับขั้นตอนกำรแกป้ ัญหำ 3.1 ศึกษานยิ ามใหเ้ ข้าใจ นาส่ิงทีโ่ จทย์บอกมาวิเคราะห์ 3.2 เขยี นรปู ให้ตรงตามทโ่ี จทยก์ าหนด 3.3 วาดรูปหาคาตอบ

ข้นั กำรกำกับควบคุม เป้ำหมำยในกำรแกป้ ญั หำท่ีตอ้ งคำนงึ ถึงเสมอ คือ แอมพลิจูดรวมท่ตี าแหน่งใดๆ เทา่ กบั ผลบวกแบบเวกเตอร์ของการกระจัดของคล่ืนย่อยเหล่านนั้ ปฏิบัตติ ำมกำรแก้ปญั หำตำมขนั้ ตอนท่เี ลอื กไว้ การทเี่ รามองไมเ่ หน็ คล่ืนดลในรูป (ข) แสดงว่าคลน่ื ดลสองลกู นก้ี าลงั อยู่ในลักษณะท่ีแอมพลิจดู หกั ลา้ งกันพอดีมันจะเกดิ อย่างนไี้ ดแ้ สดงว่าคลนื่ ดลจะต้องเดินทางเป็นระยะ 2.5 m ดังนั้น ถา้ v เป็นความเรว็ ของคลน่ื ดลท้งั สอง จะได้ v= 25 = 5 m/s 05 น่นั คือ ความเรว็ คล่ืนเท่ากับ 5 เมตรตอ่ วินาที ขนั้ กำรประเมนิ 1. คำตอบของปญั หำ คอื ความเร็วคล่ืนเท่ากบั 5 เมตรต่อวนิ าที 2. นำคำตอบท่ไี ด้มำตรวจสอบ เมอ่ื เวลำผำ่ นไป 0.5 คำตอบท่ีได้ตรวจสอบ วนิ ำที หำกคลน่ื มีควำมเรว็ 5 เมตรต่อวินาที ควำมเหมำะสมเพรำะ จาก s = v.t =5 x 0.5 =2.5 เมตร ความเร็วหาจากระยะการ เป็นจริงตามรูปกาหนด กระจัดหารด้วยเวลา 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏิบตั ิกำรแก้ปญั หำมีควำมเหมำะสมหรือไม่ มวี ิธีกำร วเิ ครำะหอ์ ยำ่ งไร เป็นข้นั ตอนทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแกป้ ัญหาไดจ้ รงิ และได้คาตอบที่ถูกต้อง

แบบฝึกวธิ ีการแก้ปญั หาตามแนวคิดอภิปัญญา โจทย์ 2 คลื่นดลวงกลมเป็นคลื่นนา้ ความเร็ว 3 เมตรต่อวินาที ถูกส่งออกมา จากจุด O ห่างจากสิ่งกีดขวาง XY เป็นระยะ 1 เมตร อยากทราบว่า เม่ือเวลาผ่านไป 2 วินาที ระยะที่ หน้าคล่ืนสะท้อนอยู่ไกลจากส่ิงกีด ขวางมากท่ีสุดจะเป็นเท่าไร ขั้นวำงแผน 1. วเิ ครำะห์โจทย์ ส่ิงที่โจทยบ์ อก คล่ืนนำ้ ควำมเรว็ 3 เมตรต่อวินำที, ห่ำงจำกสง่ิ กีดขวำง XY เปน็ ระยะ 1 เมตร เวลำผำ่ นไป 2 วินำที ส่ิงที่โจทย์ถาม ระยะที่หน้าคลื่นสะท้อนอยู่ไกลจากส่ิงกีดขวางมากที่สุดจะเป็นเท่าไร 2. เลอื กสตู รทใี่ ชใ้ นกำรแกป้ ญั หำ ความเร็ว หาจากระยะการกระจัดสว่ นดว้ ยเวลา 3. เรียงลำดบั ขนั้ ตอนกำรแก้ปัญหำ 3.1 แทนคา่ ตวั แปรทีโ่ จทย์บอก (v) = 3 เมตรตอ่ วินาที, เมื่อเวลาผ่านไป 2 s หนา้ คลืน่ สะท้อนจะอยู่ไกลจาก O เป็นระยะ 3  2 = 6 m ลงใน สตู ร ท่ีเลอื กไว้จาก O ถึง XY เทา่ กับ 1 m 3.2 แก้สมการหาคาตอบ

ขั้นกำรกำกบั ควบคุม เปำ้ หมำยในกำรแกป้ ัญหำที่ตอ้ งคำนึงถึงเสมอ คือ ความเรว็ หาจากระยะการกระจดั ส่วนดว้ ยเวลา ปฏิบตั ิตำมกำรแก้ปญั หำตำมขนั้ ตอนทเี่ ลือกไว้ คล่ืนดลวงกลมทว่ี ิง่ ออกจากจุด O ไปกระทบกบั XY จะสะทอ้ นและเป็นไปตามกฎการ สะทอ้ นคือมมุ ตกกระทบเท่ากับมมุ สะท้อน ถ้าตอ่ ทศิ ทางเดินของคลืน่ สะท้อนไปอีกด้านของ XY จะตัดกนั ที่จดุ Oและพิสจู นไ์ ดว้ า่ หา่ งจาก XY เทา่ กบั 1 m เชน่ เดยี วกับจดุ O ดังนน้ั จึงดูราวกบั วา่ หนา้ คลนื่ สะทอ้ นเกิดมาจากแหลง่ กาเนิดคลื่นดลวงกลมทีอ่ ยตู่ รงตาแหนง่ O 3.1 แทนคา่ ตัวแปรทโ่ี จทย์บอก (v) = 3 เมตรต่อวินาที, เมื่อเวลาผ่านไป 2 s หน้าคล่นื สะทอ้ นจะอยู่ไกลจาก O เป็นระยะ 3  2 = 6 m ลงในสตู ร ที่ เลือกไว้จาก O ถึง XY เท่ากับ 1 m เม่ือเวลาผา่ นไป 2 s หน้าคล่ืนสะท้อนจะอยู่ไกลจาก O เปน็ ระยะ 3  2 = 6 m แตร่ ะยะจาก O ถงึ XY เท่ากบั 1 m ดงั นัน้ ระยะ d = 6 – 1 = 5 m น่นั คือ ระยะทหี่ น้าคลนื่ สะท้อนอยู่ห่างจาก XY มากที่สดุ เทา่ กบั 5 เมตร ต้งั ใจทำดว้ ยตนเองนะครับ แนวคดิ อภปิ ัญญำเนน้ กำรสร้ำงแนวคดิ ด้วย ตนเอง เรมิ่ ต้นอำจช้ำหน่อยแตจ่ ะอยู่ถำวร

ขัน้ กำรประเมนิ 1. คำตอบของปัญหำ คือ ระยะท่ีหน้าคลน่ื สะท้อนอย่หู ่างจาก XY มากท่ีสุดเท่ากบั 5 เมตร 2. นำคำตอบท่ไี ด้มำตรวจสอบ คำตอบทีไ่ ดต้ รวจสอบควำมเหมำะสม เมือ่ เวลาผ่านไป 2 s หนา้ คลืน่ สะทอ้ น เพรำะ จะอยู่ไกลจาก O เป็นระยะ 3  2 = 6 m ความเรว็ หาจากระยะการ ลงในสตู ร ทีเ่ ลอื กไว้จาก O ถึง XY เท่ากบั 1 กระจัดหารด้วยเวลา m 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำร ปฏิบัติกำรแกป้ ญั หำมคี วำมเหมำะสม หรอื ไม่ มีวิธกี ำรวิเครำะหอ์ ย่ำงไร เปน็ ขน้ั ตอนทีถ่ ูกต้องเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแก้ปัญหาได้จรงิ และได้คาตอบที่ถูกต้อง ระยะ d = 6 – 1 = 5 m

แบบฝกึ วิธกี ารแก้ปัญหาตามแนวคิดอภิปญั ญา โจทย์ 3 เชือกเส นหนึ่งมีปลายข างหนึ่งผูกแน นติดกับเสาเมื่อสร างคลื่นจากปลายอีกข างหน่ึง เข ามาตก กระทบจะเกิดคลื่นสะท อนข้ึน คล่ืนสะท อนนี้มีเฟสเปลี่ยนไปก่ีองศา ข้ันวำงแผน 1. วิเครำะหโ์ จทย์ สง่ิ ทโี่ จทย์บอก เชือกเสนหนงึ่ มีปลายขางหนึ่งผกู แนนติดกับเสา, สง่ิ ที่โจทย์ถำม คล่นื สะทอนนมี้ เี ฟสเปลี่ยนไปก่ีองศา 2. เลือกสูตรทใี่ ช้ในกำรแก้ปญั หำ 3. เรียงลำดับข้ันตอนกำรแกป้ ญั หำ 3.1 ศกึ ษานยิ ามใหเ้ ข้าใจ นาสิ่งทโ่ี จทยบ์ อกมาวเิ คราะห์ 3.2 เขยี นรปู ใหต้ รงตามท่โี จทยก์ าหนด 3.3 วาดรูปหาคาตอบ

ข้ันกำรกำกบั ควบคุม เป้ำหมำยในกำรแกป้ ญั หำที่ต้องคำนงึ ถึงเสมอ คือ คล่นื ท่เี กิดจากปลายมดั แนน่ เฟสของคลนื่ สะทอ้ นต่างกบั เฟสของคล่นื ก่อนสะท้อน อยู่ 180 เสมอ เหตุทีเ่ ป็นเช่นนีเ้ พราะธรรมชาตขิ องจุดตรงึ แนน่ จะรักษาให้จดุ ตรงึ แนน่ มี แอมพลจิ ูดเป็นศนู ยเ์ สมอ ปฏบิ ตั ติ ำมกำรแกป้ ญั หำตำมขัน้ ตอนทเ่ี ลือกไว้ 3.1 ศกึ ษานิยามใหเ้ ขา้ ใจ นาสิ่งทโ่ี จทย์บอกมาวเิ คราะห์ คลื่นท่ีเกดิ จากปลายมดั แนน่ เฟสของ คลื่นสะท้อนต่างกับเฟสของคลน่ื ก่อนสะท้อนอยู่ 180เสมอ 3.2 เขยี นรปู ให้ตรงตามที่โจทย์กาหนด 3.3 วาดรปู หาคาตอบ ขอ้ คล่นื ท่เี กิดจำกปลำยมดั แน่น เฟสของคลื่น ควรจำ สะท้อนตำ่ งกับเฟสของคลื่นกอ่ นสะท้อน อยู่ 180 เสมอ

ขัน้ กำรประเมนิ 1. คำตอบของปัญหำ คือ เฟสของคล่ืนก่อนสะทอ้ นอยู่ 180 2. นำคำตอบทีไ่ ดม้ ำตรวจสอบ คำตอบที่ไดต้ รวจสอบควำมเหมำะสมเพรำะ คลน่ื ทเี่ กดิ จากปลายมัดแน่น เฟส คำตอบที่ไดต้ รวจสอบควำมเหมำะสมเพรำะ ของคล่ืนสะท้อนต่างกบั เฟสของคลน่ื เป็นไปตามนิยามทีว่ ่าเฟสของคล่นื สะท้อน กอ่ นสะทอ้ นอยู่ 180เสมอ ตา่ งกับเฟสของคลนื่ ก่อนสะท้อนอยู่ 180เสมอ 3. กำรตรวจสอบกำรวำงแผน และกำรปฏิบตั กิ ำรแกป้ ญั หำมีควำมเหมำะสมหรอื ไม่ มวี ิธกี ำร วเิ ครำะหอ์ ยำ่ งไร เป็นขั้นตอนท่ถี ูกต้องเหมาะสม เพราะ สามารถนามาแก้ปัญหาไดจ้ ริง และได้คาตอบท่ีถูกตอ้ ง เขา้ ชมเนือ้ หา การทดลองเร่อื งคล่ืนเพ่มิ เตมิ ท่ีเวบ็ ไซตฟ์ ิสกิ ส์ นา้ ปลีก เขา้ เว็บไซตโ์ ดยตรงไดท้ ่ี https://sites.google.com/site/physicsnampreek1/

แบบทดสอบกอ่ นเรียนชดุ การเรียนท่ี 2 วชิ า ฟสิ กิ ส์ (ว 32202) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 เวลา 20 นาที คำช้ีแจง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องแล้วทาเครอ่ื งหมาย x ลงในกระดาษคาตอบ (10 คะแนน) 1. จากรปู แสดงถึงคลนื่ ตกกระทบในเส้นเชอื ก ซงึ่ ปลายข้างหน่งึ ของเชือกผูกตดิ กบั หว่ งคลอ้ งอยู่กับ เสา เมอ่ื คล่ืนตกกระทบเสา แล้วจะเกดิ คลนื่ สะทอ้ นขึน้ จากข้อต่อไปน้ี ข้อใดแสดงถึงคล่ืนสะท้อน 3. 2. 3 . 4. 5. 2. คลน่ื นา้ หน้าตรงเคล่ือนที่เข้ากระทบผิวสะท้อนราบเรียบจะเกิดการสะทอ้ นขึ้น คลืน่ น้าท่สี ะท้อน ออกมามีเฟสเปลีย่ นไปกี่องศา 1. 0 องศา 2. 90 องศา 3. 270 องศา 4. 180 องศา 5. 360 องศา 3.. คลืน่ A และ B ซึง่ เคล่อื นที่ไปทางเดยี วกนั มคี วามถี่และแอมพลจิ ดู เท่ากนั แตม่ ีเฟสต่างกนั 180 องศา ถ้าสองคลนื่ นี้รวมกนั ข้อความต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง 1. คลืน่ รวมมีความถเ่ี ป็น 2 เท่าของคลื่น A และ B 2. คล่นื รวมมีความยาวคลืน่ เป็น 2 เทา่ A และ B 3. คล่ืนรวมมีแอมพลิจูดเป็น 2 เทา่ ของคลน่ื A และ B 4. คลื่นรวมมแี อมพลิจดู เป็น 4 เท่าของคล่นื A และ B 5. ไม่เกิดคล่ืน

4. คลนื่ ดลสเ่ี หลยี่ ม A และ B กาลังเคลื่อนท่ีเข้าหากนั ดงั รปู โดยท่ีมแี อมพลจิ ูดของคล่ืน A และ B เปน็ ไป ตามที่กาหนดในรูป จงหาภาพของคลื่นรวมเม่ือจุด A และ B ทับกนั 2. 2. 3. 4. 5. 5. คลน่ื นา้ วงกลมต่อเนื่องถกู สง่ ออกมาจากจดุ โฟกสั ของสิ่งกีดขวางรปู พาราโบลา ดังแสดงในรปู ข้อใดคอื หนา้ คลื่นของคลืน่ สะท้อนท่ีบริเวณ A 2. 2. 3. 4. 5.