นายวรี ะวฒั น์ ตันปิชาติ ป.ช.,ป.ม. ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ (9)
www.drprasit.net
กระบโขคอื อรงแหงลลกวะ�งธรพนธอ แ�นดค�ง�คนร�นนรฺทำ�โิโยคใตดิน
โกขคอรรงะหงบลกอื ว�งแรพธลอ นะแธ�ดนคง��นครน�โคฺทริโนย�ำ ใตดนิ พระครูพศิ ษิ ฏป์ ระชานาถ, ดร. ISBN : 978-616-577-131-3 ทปี่ รึกษา : พระพรหมบัณฑติ ศ.ดร., พระราชปริยัตกิ วี, ศ.ดร. บรรณาธกิ าร ผชู ว ยบรรณาธกิ าร รศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม พระอุดมสทิ ธนิ ายก, ผศ.ดร. กองบรรณาธิการ พระสธุ วี รี บัณฑติ , รศ.ดร. • พระมหาสุนันท์ สนุ นโฺ ท, ผศ.ดร. • พระมหากฤษฎา กติ ตโิ สภโณ, ผศ.ดร. พระมหานิกร ฐานตุ ฺตโร, ดร. • พระเอกลักษณ์ อชิโต, ดร. • พระปลดั ระพิน พทุ ธสิ าโร, ผศ.ดร. รศ.ดร.วาสนา แก้วหลา้ • ผศ.ดร.ประเสรฐิ ธลิ าว • ผศ.ดร.ประสิทธ์ิ พุทธศาสนศรัทธา ดร.สุภัทรชัย สีสะใบ ผตู รวจสอบบทคัดยอภาษาอังกฤษ : รศ.ดร.ภัทรพล ใจเยน็ ออกแบบปก-จดั รปู เลม ผศ.ดร.ประสิทธ ิ์ พทุ ธศาสนศ์ รัทธา | ๐๘๖ ๑๕๕ ๖๒๗๙ www.drprasit.net | Email : [email protected] E-BOOK PubHTML5 (2) ระร�ชท�นเพลงิ ศพ
บทนำ� หนังสือเล่มน้ีเป็นบทบันทึกในรูปแบบบทความเก่ียวกับกิจกรรม โครงการธนาคารโค กระบอื และธนาคารน้ำ� ของหลวงพอ่ แดง นนฺทิโย อัน ประกอบด้วย (1) จดุ เร่มิ ตน้ ของธนาคารน�้ำ : วิถกี ารพฒั นาการจัดการน้ำ� ตามแนวทางของหลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย สชู่ มุ ชนพ่ึงตนเอง อ.ท่าตมู จ.สรุ นิ ทร์ (2) ธนาคารน้ำ�ตามแนวทางของหลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย : วถิ ีพฒั นาในการ จัดการน้ำ� สู่ชุมชนพุทธเกษตรพ่งึ ตนเอง อ.ทา่ ตมู จ.สรุ นิ ทร์ (3) ถอดวสิ ยั ทัศน์ วธิ ปี ฏบิ ัตขิ องโมเดลวิสาหกจิ กิจชมุ ชนธนาคารวัวหลวงพ่อแดง นนทฺ โิ ย (พระครูพิศิษฐ์ประชานาถ,ดร.)..อ.ท่าตูม..จ.สุรินทร์..โดย..คณาจารย์สาขา วิชาการจัดการเชิงพุทธ..ซึ่งได้สะท้อนคิดและถอดบทเรียนการดำ�เนิน กิจกรรมโครงการเชิงพ้ืนท่ีของพระครูพิศิษฏ์ประชานาถในแบบถอดบทเรียน กิจกรรมโครงการธนาคารโค ท่เี นอ่ื งดว้ ยโครงการไถ่ชีวติ โค กระบือ ของวัด อนิ ทาราม จ.สมทุ รสงคราม สกู่ ารขบั เคลอ่ื นภาคต่อเปน็ วิสาหกิจชมุ ชน เปน็ กลุ่มเครือข่าย และมีการจัดท�ำ ธนาคารโคกระบือ เพ่อื ให้ประชาชนได้มี อาชีพ มีรายได้อนั เนอื่ งจากการเลีย้ งโค กระบอื ไมฆ่ า่ ไม่รนุ แรง เล้ยี งไม่ไดส้ ง่ คืนกลับมาภายใต้กรอบคดิ “ศลี กนิ ได้” เปน็ อภยั ทาน คือการไมเ่ บียดเบยี น ตามหลักปาณาติบาท (ศีล 5) จากน้นั เมื่อไดล้ กู สง่ กลับคนื มาใหก้ ับกลมุ่ สมาชิกเพื่อปัน (ทาน-จาคะ) ใหก้ บั สมาชกิ อนื่ ๆ ในรูปของส่งตอ่ อภยั ทาน ต่อไป..จากน้ันใช้กลไกดังกล่าวไปสู่การจัดการน้ำ�ในพื้นท่ีแห้งแล้งขาด นำ�้ ในเขตจังหวัดสุรนิ ทร์ เพอื่ เปน็ แนวทางในการบรหิ ารจดั การน�้ำ ใหเ้ กิด ประโยชน์ ภายใตก้ ารศกึ ษาแนวคดิ อืน่ มาสกู่ ารลงมือท�ำ ขบั เคลอื่ นภายใต้ สมาชิกธนาคารวัวต้องมีระบบการบริหารจัดการนำ้�ใต้ดินเป็นกลไกการขับ เคลือ่ น 1 สมาชกิ 1 ธนาคาร จนกระท่ังปัจจุบัน สามาชกิ มธี นาคารน�้ำ ใต้ดนิ นายวีระวัฒน์ ตันปชิ าติ ป.ช.,ป.ม. ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ (3)
บ้านละ 1-5 ธนาคาร รวมกันภายในกลุ่มธนาคารกว่า 1000 ธนาคาร (บ่อ) ใช้ กลไกทางการจดั การเขา้ ไปส่งเสริมใหส้ มาชิกได้ขบั เคลอื่ นเปน็ ธนาคารน�้ำ โดย การสนับสนนุ ทุน แนวคดิ งบประมาณ ให้เกดิ เป็นพลงั ขบั เคลือ่ นธนาคารนำ้� ตลอดระเวลาต้ังแต่เริ่มดำ�เนินการมาส่งผลเป็นประจักษ์ชัดว่าธนาคาร โคกระบือ..เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชนภายใต้การจัดการของ พระสงฆ์อยา่ งหลวงพ่อแดง นนฺทโิ ย แห่งวัดอนิ ทาราม จ.สมทุ รสงคราม พน้ื ที่ ดำ�เนินขับเคล่อื นจดั การ ภายในเขตอ�ำ เภอทา่ ตูม จังหวดั สุรนิ ทร์ ประสบผล สำ�เรจ็ เปน็ การขับเคล่ือน สง่ เสริม รณรงค์ และสนบั สนุนทุน งบประมาณและ แนวคิด..จนกระท่ังกลายเป็นชุมชนพ่ึงตนเองตามแนวพุทธ..ภายใต้กรอบศีล กนิ ได้ สจั จะ ทาน อภยั ทาน สู่การพัฒนาคณุ ภาพพง่ึ ตนเองไดต้ ามแนวพทุ ธ ในโอกาสที่บัณฑิตผู้สำ�เร็จการศึกษาในหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎี บัณฑิต..สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ..รุ่นที่..7..เข้ารับประทานปริญญาบัตร ประจำ�ปีการศึกษา..2563..ในนามผู้บริหาร..คณาจารย์..เจ้าหน้าท่ี..หลักสูตร บัณฑิตศึกษา..ขออำ�นวยพรบัณฑิตผู้สำ�เร็จการศึกษาและเข้ารับประทาน ปริญญาบัตรท่านจงประสบความสำ�เร็จ..เจริญก้าวหน้าและมีความสุขใน การดำ�เนินชีวิตตามแนวทางและวิถีแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยเทอญ รองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกจิ การทว่ั ไป ผูอ้ �ำ นวยการหลักสตู รบัณฑติ ศกึ ษา ภาควิชารฐั ศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มจร บรรณาธกิ าร (4) ระราชทานเพลิงศพ
ค�ำ นำ� หนังสือน้ีเป็นประมวลบทความถอดกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานคณะสงฆ์ ในด้านสาธารณะสงเคราะห.์ .อันเน่ืองด้วยโครงการหมู่บ้านศีล..5..ที่มีหลวงพ่อ แดง นนฺทิโย เจา้ อาวาสวดั อินทาราม รองเจ้าคณะอ�ำ เภออมั พวา จงั หวดั สมุทรสงคราม ประธานนิสติ รุ่น 7 หลักสตู รพุทธศาสตรดุษฎบี ัณฑติ สาขา วชิ าการจดั การเชงิ พุทธ (กจพ) ไดไ้ ปรณรงค์ขบั เคลอื่ นผ่านโครงการไถช่ ีวติ โค กระบอื ของวดั อินทาราม ส่งตอ่ ไปเป็นหนว่ ยจัดตั้งวสิ าหกจิ ชมุ ชนธนาคารโค กระบือหลวงพอ่ แดง นนฺทิโย โดยมพี ืน้ ทีท่ ดลองเปน็ วัด ชุมชน ในเขตอำ�เภอ ทา่ ตมู จงั หวัดสุรนิ ทร์ และพฒั นาโครงการต่อเนอ่ื งเปน็ ธนาคารน�้ำ ใต้ดิน ใน ระบบปิดและระบบเปิด..ธนาคารแสงแดดพลังงานบริสุทธ์ิแสงอาทิตย์..ที่มี เป้าหมายจัดตั้งเพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน..ส่งเสริมความสามัคคี จิตอาสา ภายใตก้ รอบของศลี 5 ในแบบศลี กินได้ ท่ีเป็นท้ังอาชีพ รายได้ และ การขบั เคลือ่ นเพือ่ ให้คุณภาพชีวิตทีด่ ี มคี วามสขุ นอกจากนี้หนังสือได้จัดทำ�ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สำ�หรับบัณฑิต ท่ีสำ�เร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอก..ในหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต. สาขาวิชาการจัดการเชงิ พุทธ รุ่นที่ 7 ทส่ี �ำ เรจ็ การศึกษาและจะเขา้ รับประทาน ปรญิ ญาบตั ร ประจำ�ปีการศึกษา 2562..จ�ำ นวน 19 รูป โดยมีสมาชกิ ทเ่ี ข้ารบั การศึกษาจนกระทัง่ สำ�เร็จการศึกษาในปกี ารศกึ ษาปจั จบุ นั จำ�นวน 17 รูป ส่วนท่ีเหลืออยู่ในข้ันตอนของการศึกษาซ่ึงสำ�เร็จแล้วและจะรับปริญญาในปี การศึกษาต่อไป สว่ นที่เหลือเปน็ พระเถระผู้มีพรรษากาล ซ่งึ คาดวา่ จะส�ำ เร็จ การศึกษาร่วมกับสมาชิกในเร็ววัน..เพ่ือเป็นแบบอย่างแก่ยุวชนคนหนุ่มสาว ทกุ เพศ วยั สถานะ ไดเ้ หน็ เปน็ แบบอย่างวา่ ไมม่ ีใครช้าเกินกว่าจะเรียนร้ไู ด้ หรือ อีกความหมายคือเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต..ซ่ึงจะยังเป็นหัวใจสำ�คัญของการ ศกึ ษาอยา่ งต่อเนอื่ งตลอดเวลา นายวีระวัฒน์ ตันปิชาติ ป.ช.,ป.ม. ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ (5)
ในนามของหลักสูตรบัณฑิตศึกษาและคณาจารย์สาขาวิชาการจัดการ เชิงพุทธ..ขอแสดงความยินดี..และอนุโมทนากับทุกท่านที่สำ�เร็จการศึกษาจน กระท่ังเขา้ รบั ปรญิ ญาตามเจตนารมณ์ตง้ั แต่เริ่มต้น และขอให้ทกุ ท่านจงึ ประสบ ความสำ�เร็จ..เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การทำ�งาน..และดำ�เนินตามหลักคำ�สอน ทางพระพุทธศาสนาไปเป็นกรอบในการปฏิบัติหน้าที่สมฐานะบัณฑิตที่งดงาม เผยแผ่เกียรติคุณของมหาวิทยาลัยและสืบทอดคำ�ส่ังสอนของพระพุทธเจ้าให้ เป็นแบบอย่าง ตอ่ เนื่อง ยาวนาน ใหเ้ ป็นไปเพอ่ื ความเจริญงอกงามไพบลู ย์ของ ชาวพทุ ธ ขอความดี ความงาม ความสุข จงเป็นของทกุ ท่านเทอญ ด้วยกลั ยาณธรรม พระอดุ มสิทธินายก, ผศ.ดร. รองคณบดีฝา่ ยบริหาร คณะสังคมศาสตร์ ประธานหลักสูตรหลกั พทุ ธศาสตรดษุ ฎบี ัณฑติ สาขาวิชาการจดั การเชิงพทุ ธ ในนามคณาจารย์หลกั สตู รบัณฑติ ศึกษา สาขาวิชาการจดั การเชงิ พทุ ธ (6) ระราชทานเพลิงศพ
สารบญั บทนำ� (3) ค�ำ น�ำ (5) จดุ เริ่มต้นของธนาคารน้�ำ : วิถกี ารพฒั นาการจดั การนำ�้ 1 ตามแนวทางของหลวงพ่อแดง นนฺทิโย สู่ชุมชนพึ่งตนเอง อ.ท่าตูม จ.สุรนิ ทร์ ธนาคารนำ�้ ตามแนวทางของหลวงพอ่ แดง นนฺทิโย 33 : วิถีพฒั นาในการจัดการนำ�้ สชู่ ุมชนพทุ ธเกษตรพง่ึ ตนเอง อ.ทา่ ตูม จ.สรุ นิ ทร์ ถอดวิสยั ทัศน์ วิธีปฏิบตั ิของโมเดลวิสาหกจิ ชุมชน 55 ธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนทฺ โิ ย (พระครูพศิ ษิ ฏป์ ระชานาถ, ดร.) อ�ำ เภอท่าตมู จงั หวัดสรุ นิ ทร์ ท�ำ เนียบพทุ ธศาสตรดุษฎีบัณฑติ สาขาวชิ าการจดั การเชงิ พุทธ ร่นุ ท่ี 7 97 นายวรี ะวัฒน์ ตันปชิ าติ ป.ช.,ป.ม. ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ (7)
(8) ระราชทานเพลงิ ศพ
จุดเร่ิมตวจน้ถิ ดุ ขีกเอรางริม่ธพนตานัฒคขานอรนางก้าธใานตรด้าจินคดั า:กรวานิถรกีาํ นาร:ําพัฒนาการ จดั การตนา้ามตแนาวมทแานงขวอทงาหงลขวองพงหอ่ แลดวงงนพน่อฺทแิโยดง นนฺทิโย ส่ชู สมุู่ชุมชชนนพพึ่งึ่งตตนนเเอองงออาํ เา้ ภเอภทอา่ ทตมูา่ ตจมูงั หจวังดั หสรุวนิ ดั ทสรุร์ ินทร์ wTmahTatenheaerbgebmegemaigneinnnnantiginndeggemvooeefflntothtphedmeweewvanetateltaorecbprcamobnraekd:nninTtkgh:aetcTowchtoaheryedwogiafnuyiwgdaeottlofeinres the ogfuLiduaenlignpehsoroDf aLeunagnNgapnhtioyor tDoatheengseNlf-arenltiaiynot to the csoemlf-mreulniaityn,tTchoamtummuDnisittryic, tT, hSuartiunmProDviinsctreict, Surin Province โต บทคดั ย่อ บทความวิชาการน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิด วธิ ีการปฏิบัติ ธนาคารน้าใต้ดิน : วิถีการพัฒนาการจัดการน้าตาม แนวทางของหลวงพ่อแดง นนฺทิโย สู่การพัฒนาให้เป็นชุมชน พึ่งตนเอง อา้ เภอท่าตมู จงั หวัดสรุ นิ ทร์ เพ่อื เปน็ การถอดแบบวิธีการ อันเป็นจุดเรม่ิ ต้นของธนาคารน้าใต้ดนิ ใช้วิธีการศึกษาจากเอกสาร งานวิจัย การสัมภาษณ์ และการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม และเรียบ เรยี งออกมาเป็นบทความวิชาการ ผลการศึกษาพบว่า การจัดการธนาคารน้าใต้ดินเป็น แนวคิดในเรื่องของการบริหารจัดการน้าในพื้นที่ขาดแหล่งน้า ธรรมชาติ เพื่อช่วยให้เกดิ ประโยชน์ในการสรา้ งแหลง่ น้าใต้ดนิ หรือ โกครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 1
น้าน้าใต้ดินมาใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง โดยน้าผลแนวคิดการ ขับเคล่ือนธนาคารน้าในชุมชนบ้านหินเหล็กไฟ ที่ร่วมโครงการ วิสาหกิจชุมชน ธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย มาเป็น กรณึศึกษาด้วยเล็งเห็นความส้าคัญ จึงได้มีการทดลองด้าเนินการ เป็นจุดเร่ิมต้น โดยมีวดั หินเหลก็ ไฟ เป็นต้นธารของการด้าเนินการ มีประธานกลุ่มวิสาหกิจโค กระบือ พร้อมสมาชิก เป็นผู้ร่วม ขบั เคล่ือนกับวัดและชุมชน โดยมีแนวทางเป็นการเรียนรู้ตามแนว วิธีการของธนาคารน้าท่ีอื่น ๆ ท้าอยู่ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย สนับสนุนอุปกรณ์ ตามหลักสังคหวัตถุ 4 มอบเครื่องใช้ ให้เกิดการ ดา้ เนินการ ไปให้ก้าลังใจ และเร่มิ ด้าเนนิ การ จากนน้ั ส่งต่อให้กลุ่ม ได้ศึกษา ดูพัฒนาการ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนต่อไป เป็นการ เรยี นรู้ ถอดกระบวนการเรียนรู้ โดยมีผลเปน็ ความคาดหวัง ว่าจะมี น้าไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง หรือชว่ งขาดแคลนน้า เพ่ิมความซุ่มชื้นใหก้ ับ ดิน พน้ื ท่ีทางการเกษตร และมีนา้ ไวใ้ ช้ ถอดบทเรยี นความร้แู บง่ ปนั (ทาน) และสามารถพง่ึ ตนเองได้ เปน็ ชวี ติ ทสี่ มดลุ และมีความสขุ คา้ สา้ คัญ : ธนาคารน้า, หลวงพ่อแดง นนทฺ ิโย, บ้านหนิ เหล็กไฟ Abstract This academic article have objective to study concepts practices, Water Bank: The way of water management development according to the guidelines 2 ระราพชทระานคเรพพู ลิงศศษิ พฏ์ประชานาถ (แดง นนฺทโิ ย)
of Luangphor Daeng Nantiyo to the self-reliant community, Thatum District, Surin Province in order to replicate the operation methods which is the beginning of the water bank Using the study method from research papers, interviews and participatory observation. And compiled into academic articles The study results found that Water bank management is a concept of water management in areas lacking natural water sources. To help benefit the use of groundwater during the dry season. The concept of driving a water bank in the Ban Hen Lek fai community Who participated in the community enterprise Project. Luanghor Daeng Nanthiyo's Cow Bank was born from seeing the importance. Therefore started the trial operation Which is the starting point with a Hin Lek Fai temple is the source of action. Has the president of the water bank group as a co-driving force with temples and communities. With the approach of learning as the guidelines of other water banks that doing. Luangphor Daeng Nanthiyo supports the equipment according to the Sangahavatthu 4, give away appliances to encourage กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอ แดง นนฺทิโย 3
action, To go for encouragement and start taking action. Then forward it to the group to study and see the development and take action in order to drive further. It's learning, take off the learning process with the result being an element's expectation with water for use in the summer. Add moisture to the ground Agricultural area and have water to use and taking lessons of knowledge, sharing (alms) and being able to be independent in the framework of a balanced and happy life. Keywords : Water bank, Luangphor Daeng Nantiyo, Ban Hin Lek Fai 1.บทน้า คณะผู้เรียบเรียงได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมพิธีเปิดธนาคาร น้า และธนาคารโคกระบือ ท่ีอ้าเภอท่าตมู จังหวดั สรุ ินทร์ ด้วยกอ่ น หน้านี้เคยอ่านหนังสือ “ธนาคารน้าใต้ดิน : พระนิเทศศาสนคุณ วัดศรีบุญเรืองสุวรรณาราม จังหวัดหนองคาย” ที่เรียบเรียงถอด ประสบการณ์โดย พินิจ ลาภธนานนท์ (2563) ซึ่งหลวงพ่อท่าน ด้าเนินการแล้วประสบความส้าเร็จในชุมชนของท่าน พร้อมถอด บทเรียนออกมาและส่งต่อไปยังพ้ืนท่ีต่าง ๆ ทัง้ ด้วยเคยศึกษาข้อมูล จาก Youtube ในหลายแหลง่ ขอ้ มลู จึงใหส้ นใจเปน็ การส่วนตวั ด้วย 4 ระราพชทระานคเรพูพลิงศศษิ พฏป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
ดว้ ยคณะผู้เรียบเรียง ส่วนใหญ่เป็นลูกชนบทในวิถีการเกษตรแบบ ดั้งเดิมเช่นกัน จึงมีความสนใจคล้ายกันร่วมเดินทางสังเกตการณ์ ศกึ ษาเชิงพื้นท่ีรว่ มคณะ เม่ือวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ด้วยเหน็ ว่า นา่ จะเปน็ ประโยชนจ์ ากการเดินทางศึกษาเชิงพื้นทีแ่ ละเตมิ เต็มสงิ่ ท่ี พึงรดู้ ้วย เมอ่ื ได้เหน็ แล้วจึงน้ามาเขียนบนั ทกึ สะท้อนคิดส่ิงทพ่ี บเห็น โดยในบทความนี้คงไม่ใช่กล่าวถึงการจัดการน้า หรือธนาคารน้าท่ี ประสบความส้าเร็จแล้วเม่ือเทียบกับหนังสือที่ยกมากล่าวใน เบื้องต้น แต่แนวคิดหลักของการเขียน คอื ต้องการสะท้อนว่า ก้าว แรกของการเร่มิ ต้นมีความส้าคัญไม่น้อยไปกว่าความส้าเร็จ เพราะ การเรม่ิ ต้น จะเป็นเสมอื นสร้างหมุดต้นสู่ปลายทาง จะเป็นการสืบ สาน ส่งต่อ ทั้งในส่วนการเรยี นรู้ การเรมิ่ ต้น และอกี หลายประการ ด้วยกัน ดังนั้นแนวคิดธนาคารน้าของหลวงพ่อแดง นนฺทิโย (พระ ครพู ิศิษฎ์ประชานาถ,ดร.) ทีไ่ ด้คดิ ริเริม่ พร้อมสนับสนุน ส่งเสริมให้ ทา้ เร่ิมต้ังแต่งบประมาณ สนับสนุนต้ังต้นในการดา้ เนินการ ชุมชน ช่วยกันคิดว่าเอาอย่างไร และลงมือช่วยกันท้า มีวัดเป็นฐาน มี พระสงฆ์เปน็ ภาครี ว่ มนา้ และชุมชน เปน็ พลังเสรมิ สนับสนนุ “บวร- บ้าน-วัด-รฐั -ชุมชน” ช่วยกันขับเคลื่อนมีพระในชุมชนเป็นต้นธาร มีชาวบ้านรว่ มกันสนับสนุนดา้ เนินการ ประหนึ่งเป็นจุดเริม่ ต้นของ เชื้อไฟ มีเป้าหมายเพื่อการจัดการน้า ซึ่งระยะสันเห็นผลเป็น กจิ กรรมท่ีจะพงึ ทา้ ร่วมกัน ระยะกลางเกิดการรวมตวั กันภายใตจ้ ิต อาสาสามคั ครี ว่ มกนั ระยะยาวเป็นการจดั การชมุ ชนพัฒนาอยา่ งเชงิ กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดนิ ของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 5
สร้างสรรค์ร่วมกัน จากกรณีที่ยกมาเป็นกรณีศึกษา เมื่อเทียบกับ กลมุ่ ท่ดี ้าเนินการประสบความสา้ เรจ็ มาแลว้ อาจดูแตกต่างในผลเชิง ประจักษ์ แตใ่ นส่วนกลมุ่ ท่ีจังหวดั สุรินทรน์ ยั หน่ึงเป็นจดุ เริม่ คิด ท้า ดา้ เนินการ ขบั เคล่ือนโดยหลวงพ่อแดง นนฺทิโย พร้อมคณะที่เขา้ ไป สนับสนุน แลว้ ลงมือท้า เพ่อื แกป้ ัญหาเร่ืองน้า หรือขาดน้าในช่วงฤดู แลง้ ของพระสงฆ์ ร่วมกบั ชมุ ชน นกั วิชาการและการจัดการน้า โดย มีหลักพุทธในส่วนของ “ธาตุ 4” อันประกอบด้วย “ดิน-น้า-ไฟ- ลม” ที่มีความหมายเป็นการบริหารจัดการ ถ้าจัดการได้ก็เป็น ประโยชน์ เช่น (ก) น้า (ธาตุน้า) น้ามาเป็นสว่ นจดั การในพ้ืนที่และ การด้าเนินชีวิต เป็นเข่ือน ฝาย และน้ามาเป็นพลังงานน้าปั่น กระแสไฟ (ข) ลม (ธาตุลม) พลังงานลม น้ามาเป็นพลังงานผลิต ไฟฟ้า ในหลาย ๆ ประเทศ รวมท้ังประเทศไทย (ค) ไฟ ความร้อน หรือพลังงานแสงอาทิตย์ (ธาตไุ ฟ) พลงั งานธรรมชาติทถ่ี ูกน้าไปเป็น พลังงานทดแทนที่ปรากฏในปัจจบุ ัน (ง) ดิน (ธาตุดนิ ) ที่เป็นปจั จัย ส้าคัญของการผลิต และดินพัฒนาไปหิน แร่ เป็นพลังงานถ่านหิน น้ามันเชื้อเพลิง แนวคิดธรรมชาติ และพลังงานบริสุทธ์ิจาก ธรรมชาติซงึ่ เปน็ สง่ิ ทอ่ี ยู่ใกลต้ วั มนุษย์จงึ ควรถกู ขบั เคลอ่ื นดา้ เนนิ การ ดังนั้นการใช้แนวคิดทางพระพุทธศาสนามาเป็นฐานในการพัฒนา “ความร้อน อ่อน แข็ง” ตามหลักของธาตุ จึงมเี ป้าหมายเป็นการ จัดการ และถอดออกมาเป็นองค์ความรู้นั้น ก็จะเป็นประโยชน์ใน องค์รวมได้ด้วยเช่นกัน เม่ือรว่ มเดินทางร่วมกับคณะของหลวงพ่อ 6 ระราพชทระานคเรพูพลงิศศษิ พฏป์ ระชานาถ (แดง นนฺทิโย)
แดง นนฺทิโย (พระครูพศิ ษิ ฎป์ ระชานาถ) เพือ่ ไปประกอบกิจกรรมที่ แดทงานงนททฺ่านิโยได(ป้พรระะสคารนพู ไศิวิษก้ บัฎป์ทีมระงชานานในาพถ)้นื เทพี่ ่อืรศไป.ดปรร.วะากสอนบากแิจกกว้รหรมลท้า่ี ทางทา่ นได้ประสานไวก้ บั ทมี งานในพ้นื ที่ รศ.ดร.วาสนา แกว้ หลา้ ภาพท่ี 1 หนงั สอื “ธนาคารนา้ ใตด้ ิน : พระนเิ ทศศาสนคณุ วดั ศรี ลาภบลภาุญาธพบภนเทญุรธา่ีือนนเ1รงานือสหนทงุวนนส์รงั(ทรวุ2ส์ณร5ก(อื ร26อ่าณ5“3รน6า)าธ3มรน(ทภา)าีผ่จามทคูเ้พงั ขาผี่จหรียเู้ผังวขนนหู้เดั ีย้าขไวหในดียดัตนศ้ไนห้ดดอึกนิน้ศ3งษอค0กึ า:งาษแมพคยานิถาร”แวนุยะนทน”าวายเิเทรทงนียธาเศรบนง2ศยีธเา5ารบนค6สยี เาา3นรงคร)ยีโคนาดงุณร้ายโนใดตวพา้ย้ดัดในิ ตพินศจิ ด้ นริมินีิจามา กอ่ น (ภาพ ผ้เู ขียน 30 มิถุนายน 2563) โกครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตด นิ ของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 7
พร้อมทีมงานในพื้นท่ี เพ่ือด้าเนินกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเปิด ธนาคารน้าใต้ดิน เพื่อการเร่ิมต้น การบริหารจัดการน้าแบบ พึง่ ตนเอง เปิดวิสาหกจิ โคกระบือหลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย ทีด่ ้าเนนิ การ อยู่แล้ว บวชป่า รักษาส่ิงแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งในการเขียนนี้จะได้ น้ามาแบ่งปัน สงเคราะหถ์ อดบทเรียนเป็นการเรียนรเู้ ชงิ พื้นที่ เพ่ือ ส่งเสริมให้เกิดเป็นความรู้ ความเข้าใจในวงกว้าง ในกิจกรรมที่ดีมี ประโยชน์น้ี เพื่อน้าไปเป็นแบบอย่างแก่ชุมชนอ่ืน ๆ ซึ่งจะต้อง ประสบผลใกล้เคียง โดยมีธนาคารน้าในเขตอ้าเภอท่าตูม จังหวัด สุรินทร์เป็นแบบอย่าง การเขียนนี้จะได้แบ่งปันประสบการณ์เชิง พืน้ ท่ีและสิ่งทีพ่ บเห็น พรอ้ มแนวทางคาดหวังกับสงิ่ ทีจ่ ะพงึ เปน็ หรือ ดา้ เนินการตอ่ ไป 2.ธนาคารน้าเชิงปฏิบัติเพื่อการจดั การน้าในสังคมไทย ธนาคารน้าใต้ดิน หรือการจัดการแหล่งน้ามีการบริหาร จดั การในหลาย ๆ วิธี โดยในข้อเท็จจริงประเทศไทยมีอัตราฝนตก ตลอดท้ังปี อยูท่ ี่ 1,572.5 มลิ ลิเมตร (กรมอตุ ุนิยมวทิ ยา,2563) และ มีการบริหารจัดการน้า กักเก็บผ่านรูปแบบของเข่ือนขนาดต่าง ๆ ในประเทศไทย ฝาย สระ คลองบึง ซึ่งแนวทางดังกล่าวได้รับการ สง่ เสรมิ สนับสนุนจนทา้ ใหเ้ กิดกลไกการปฏิบตั ใิ นหลายภาคส่วน ซึ่ง ได้ ผ ล บ้ า ง ไม่ ได้ ผ ล บ้ า ง ต า ม แ ต่ ล ะ พื้ น ที่ ส่ วน ใน ภ า ค ตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกร่วมกันตลอดท้ังปีเกินกว่า 1,111.9 8 ระราพชทระานคเรพูพลงิศศษิ พฏป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
มลิ ลิเมตร (กรมอุตุนิยมวิทยา,2563) แต่กน็ ับว่ายงั ไม่เพียงพอและ ไม่มีกลไกการบรหิ ารจัดการท่ีมีประสิทธผิ ลพอ ด้วยเหตุวา่ น้า เป็น ปัจจัยส้าคัญ ในภาคการเกษตร “ธนาคารน้าใต้ดิน” หรือการ จัดการน้าแบบชุมชน จงึ เป็นทางเลอื ก และถกู น้าสู่ชุมชนภายใต้การ สนับสนุนโดยหลวงพ่อแดง นนฺทิโย และท้าให้เกิดในคร้ังนี้ด้วย ที่ อ้าเภอท่าตูม จังหวัดสรุ นิ ทร์ ดงั นน้ั เมอ่ื จ้าเพาะไปทวี่ ิธกี ารจัดการนา้ หรือการท้าธนาคารน้าใต้ดนิ /หรอื ธนาคารน้า ซึ่งส้ารวจพบขอ้ มูลท่ี มกี ารศึกษาและถอดองค์ความรู้ไว้แล้ว เช่น วจิ ัยเรอื่ ง “การจัดการ ธนาคารน้าแบบมีส่วนร่วมของชุมชนตะโหมด อ้าเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง” (ปาโมช บุณยะตุลานนท์,ไฉไล ศักดิวรพงศ,์ สากล สถติ วิทยานนั ท,์ 2016) ท่ีให้ผลการวิจัยไว้ว่า ธนาคารน้าของชุมชนตะโหมด เป็นแนวคิดโดย การชะลอความเร็วการไหลของน้าให้ช้าลง และเก็บ ตะกอนไว้ไม่ให้ไหลไปทับถมตอนล่าง ท้าให้มีน้าใช้ตลอด ทั งปี ทั ง ภ าค ก า รเก ษ ต รแ ล ะ ก าร อุ ป โภ ค บ ริโภ ค กระบวนการมีส่วนร่วมนัน ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการ ก้าหนด กฎระเบียบ เพื่อให้ปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ร่วมกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติโดยการเดินส้ารวจแหล่ง น้า ร่วมกันปลูกต้นไม้ทดแทนบริเวณสองข้างล้าห้วยท่ีมี การสรา้ งธนาคารน้าเพือ่ เพมิ่ ความอุดมสมบรู ณ์ให้กบั สภาพ ป่าไม้ รวมทังการมีส่วนรว่ มยังท้าให้ชาวบ้านในชุมชนเกิด กโครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด นิ ของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 9
จิตส้านึก เห็นคณุ ค่าและรู้สกึ หวงแหนในการที่จะอนุรักษ์ ทรัพยากรน้าในชมุ ชนใหค้ งอยู่อย่างยั่งยนื ในงานวิจัยเร่ือง ธนาคารน้าใต้ดิน : นวัตกรรมการ บ ร ิห า ร จ ัด ก า ร น้ า Groundwater Banks: The Water Management (ขวัญใจ เปือยหนองแข้,สัญญา เคณาภูมิ,2563) ในงานวิจัยสะท้อนข้อมูลแนวทางการจัดการนา้ ไว้ว่า ปั ญ ห า ก า ร บ ริ ห า ร จั ด ก า ร น้ า ยั งค ง เป็ น ปั ญ ห า ยาวนานส้าหรบั ประเทศไทย ไม่ว่าจะเปน็ เรื่องขาดแคลน นา้ จนถึงเกิดภัยแล้งในฤดูร้อน ขณะท่นี ้ามักทว่ มในฤดูฝน นับว่าเป็นปัญหาซ้าซากท่ีเกิดขึนอยู่เรื่อย ๆ มายังไม่ สามารถแก้ไขได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ แนวคิดธนาคารนา้ ใต้ ดินได้น้าเสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหาภัยแล้งและปัญหา น้าท่วม ในรูปแบบการบริหารจัดการแบบเดียว ดังนัน นวัตกรรมการจัดการน้ารูป แบบธนาคารน้าใต้ดิน ประกอบด้วยรูปแบบหลัก จ้านวน 2 รูปแบบ ได้แก่ (1) ธนาคารนา้ ใต้ดินระบบเปดิ มี 3 ประเภท ดังนี (ก) รปู แบบ ระ บ บ บ่ อ เปิ ดให ม่ ท่ี มี ความ เห ม าะ สม ต า ม ลัก ษณ ะ ท า ง ภูมิศาสตร์ทังเชิงพืนที่ (ข) รูปแบบการปรับบ่อเก่าโดยขุด ลงถงึ ชันหนิ อุม้ น้า และ (ค) รูปแบบการขดุ เจาะบางจุดของ แหล่งน้าธรรมชาติให้ลึกถงึ ชันหินอุ้มน้า (2) ธนาคารน้าใต้ ดนิ ระบบปิดมีจ้านวน 3 ประเภท ดังนี (ก) การท้าธนาคาร 10 ระพรารชะทคารนพูเพศิ ลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนฺทิโย)
น้าใต้ดินระบบปิดในที่อยู่อาศัย (ข) การท้าธนาคารน้าใต้ ดินระบบปิดรูปแบบรางระบายน้าในชุมชน และ (ค) การ ท้าธนาคารน้าใต้ดินระบบปิดในพืนที่น้าท่วมขนาดใหญ่ หรอื นา้ ท่วมทุ่ง ดังนนั หากได้ด้าเนินการตามนวตั กรรมการ บริหารจัดการทรัพยากรน้าครบวงจรนี ก็จะสามารถ แกป้ ญั หาทังภัยแล้งและนา้ ท่วมด้วยนวัตกรรมเดียวอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ ในงานวิจัยเรื่อง “การจัดการทรัพยากรน้า : แนวคิด ธนาคารน้าใต้ดิน จากชุมชนเก่าขามอุบลราชธานีสู่ชุมชนหนอง มะโมงชัยนาท” (เสาวลักษณ์ โกศลกิตติอัมพร,สัญญา เคณาภูมิ ,วาสนา บรรลอื หาญ,อาภากร ประจันตะเสน,2020) ท่ีไดเ้ สนอผล การศึกษาไว้ว่า ธนาคารน้าใต้ดินเป็นแนวคิดการสร้างแหล่งกัก เก็บนา้ เพื่อน้ากลับมาใชใ้ หมโ่ ดยอาศัยการดูดซมึ ของหินใต้ พืนผวิ ดินที่มีน้าหรือการส่งต่อน้าบาดาล ธนาคารนา้ ใต้ดิน จึงเป็นทางเลือกใหม่ท่ีใช้แก้ปัญหาภัยแล้งที่ดีท่ีประสบ ความส้าเร็จแล้วในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ส้าหรับ ประเทศไทยในช่วงหลายปีท่ีผ่านมาได้น้าแนวคิดธนาคาร น้าใต้ดิ นม าใช้ระยะเวลาห น่ึ งแล้วซ่ึงมี ทั งป ระส บ ความสา้ เร็จและลม้ เหลว....การบริหารจดั การธนาคารนา้ ใต้ ดินทป่ี ระสบความสา้ เรจ็ แล้วขององคก์ ารบริหารส่วนต้าบล กโครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตดินของหลวงพอ แดง นนฺทโิ ย 11
เก่าขาม อ้าเภอน้ายืน จังหวัดอุบลราชธานีและองค์การ บริหารส่วนต้าบลหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท ผล การศกึ ษา พบว่าแนวคดิ การบริหารจัดการ 9 กระบวนการ ได้แก่ (1) เก็บข้อมูลพืนท่ีด้านทรัพยากรน้า ชุมชนและ สภาพอากาศของประเทศ (2) การก้าหนดทิศทางของนา้ ใต้ ดนิ ในพืนที่ลุ่มน้าระดบั ชมุ ชน (3) เจาะส้ารวจชันดินเพื่อให้ แน่ใจว่าสามารถด้าเนินการเติมน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ (4) วางแผนและก้าหนดจดุ ระบบเติมน้าลงในแผนท่ผี ังน้า ต้าบล (5) ออกแบบระบบธนาคารน้าใต้ดนิ ตามสภาพหรือ บริบทของพืนท่ี (6) ด้าเนนิ การก่อสร้างตามแผนทีก่ ้าหนด ไว้ (7) ติดตามประเมินผลเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ คุณภาพ และการใช้ประโยชน์จากน้า (8) สรุปวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค โอกาส ขยายผลเช่ือมต่อกบั โครงการอ่ืน ๆ ของ พืนที่ และ (8) ขยายผลไปสู่ท้องถิ่นของชุมชนทุกแห่งใน ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยท่ศี ึกษาถึงแนวทาง วธิ ีการ และผล ของการจัดท้าธนาคารน้าใต้ดินไว้ อาทิ การจัดการความรเู้ พ่ือการ บรหิ ารจดั การน้าสูค่ วามเขม้ แข็งของชุมชนและพ่ึงตนเองด้านแหล่ง น้า อย่างยั่งยืน กรณีศึกษา โครงการธนาคารน้าใต้ดิน (Ground water bank) บ้านค้ากลาง ตา้ บลเก่าขาม อ้าเภอนา้ ยืน จังหวดั อุบลราชธานี (พิมพ์ พสิ ุทธ์ิ อ้วนลา้ และคณะ,2560) หรอื ศึกษาเพิ่มเตมิ จากส่ือออนไลน์ เช่น (1) ธนาคารน้าใต้ดิน ของพระนิเทศศาสนคุณ ที่บ้านอรโุ ณทัย จังหวัดหนองคาย 12 ระพรารชะทคารนูพเพศิ ลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนฺทโิ ย)
ซึ่งปรากฏในหนังสือที่ยกมาเป็นกรณีศึกษาของจังหวัดหนองคาย ในเบ้ืองต้น https://www.youtube.com/watch?v=40Iz0RNwMUI (2) ธนาค ารน้ า ใต้ดินแบบปิด \"หมู่บ้านไร้คลอง\" บ้านนาสามัคคี//สามอาชีพฯ อ้าเภอน้ายืน จงั หวดั อบุ ลราชธานี ทา้ ธนาคารนา้ ใต้ดินแบบปิด หมู่บ้านต้นแบบด้วยการท้า ธนาคารน้าใต้ดินแบบปดิ แกป้ ัญหาน้าท่วมขังในชุมชนและน้าน้าเกบ็ ลงในใต้ ดินในเขตหมู่บ้าน https://www.youtube.com/watch?v=Fc2uhlZhYfs (3) ธนาคารน้าใต้ดนิ แบบปิด บ้านกระโสม อ้าเภอเมือง จังหวดั อุบลราชธานี https://www.xn----ftbbuolbarjl2m.xn--p1ai/watch/tqDnVGQ-Exs (4) นวัตกรรมจากการต่อยอดความรู้ธนาคารน้าใต้ดิน ต้าบลวังหามแห อ้ า เ ภ อ ข า ณุ ว ร ลั ก ษ บุ รี จั ง ห วั ด ก้ า แ พ ง เ พ ช ร https://www.youtube.com/watch?v=laH2bk5cJWg เป็ น ต้ น ซ่ึ ง ผ ล การศึกษาเป็นการศึกษาเชิงปฏิบัติในแต่ละพนื้ ท่ี ซึ่งให้ผลการศึกษาแตกต่าง กันไปตามสภาพภูมิศาสตร์เชิงพื้นที่ แต่นัยหน่ึงที่ปรากฏคือการศึกษาสภาพ ปัญหาตามสภาพความเป็นจริง การฝึกพึ่งพาตนเองของชุมชนชาวบ้าน และ การสร้างเอกภาพสามัคคีภาพในการช่วยเหลือซ่ึงกันและกันของชุมชนท้าให้ เกิดการช่วยเหลือแบบพ่ึงพา หรือการพึ่งพาซ่ึงกันและกันจนกระท่ังเกิดการ เรียนรู้และน้าการเรยี นรู้นั้นไปส่งต่อเป็นกลไกการจัดการเชิงปฏิบัติท่มี ีความ ชดั เจนขน้ึ นอกจากน้ีเมื่อศึกษาข้อมูลแนวทางการบริหารจัดการน้า ผ่าน แนวคิดธนาคารน้าใต้ดิน จะมี 2 แนวทางหลกั คอื (1) ธนาคารนา้ ใต้ดินระบบปดิ ที่มกี ารออกแบบท่ีสืบค้นหรอื ศกึ ษา ได้ คือ กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตด นิ ของหลวงพอแดง นนทฺ โิ ย 13
ภาพที่ 2 แนวปฏบิ ัติธนาคารน้าใต้ดนิ (ก) ระบบปิด (ข) ระบบเปิด ทเ่ี ป็น วธิ ีการจดั การน้าใต้ดิน และถกู น้าไปประยุกตใ์ ช้ ที่ อ.ท่าตมู จ.สุรนิ ทร์ดว้ ย (ภาพ : ออนไลน์) โดยแนวคิดเป็นการใช้หลักการขุดบ่อเพ่ือส่งน้าไปเก็บน้าไว้ที่ชั้น บาดาล ขนาดและความลึกของบอ่ ข้นึ อยู่กับสภาพและชัน้ ดนิ ของแต่ ละพื้นที่ โดยมีข้ันตอนดังน้ี (1) ขดุ บ่อให้ลึกถึงช้ันอุ้มน้า จากน้ันใส่ ยางรถยนต์เพื่อป้องกันขอบบ่อพังทลาย (ข) ใส่วัสดุท่ีหาได้ในพื้นท่ี เช่น ขวดน้า (ใส่น้า 1 ใน 3 ส่วน) ท่อนไม้ เศษปูน ให้เต็มช่องว่าง ด้านนอกรถยนต์ (ค) น้าท่อ PVC มาวางตรงกลางบ่อเพ่ือเป็นช่อง ระบายอากาศ น้าวัสดุชนิดเดยี วกับท่ีใส่ซ่องว่างด้านนอกมาเติมใส่ ซ่องวา่ งด้านในให้เต็ม (ง) คลุมด้วยผ้าไนล่อน แล้วทับด้วยก้อนหิน และตามด้วยหินละเอียด เพื่อเป็นตัวกรองให้เศษดินหรืออื่น ๆ 14 ระพรารชะทคารนูพเพศิ ลษิงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนฺทโิ ย)
ไมใ่ ห้เขา้ ไปอุดต้นในบ่อ เมือ่ ฝนตกลงมาน้าจะไหลส่ ู่ช้ันใต้ดนิ โดยตรง ผ่านธนาคารน้าใต้ดนิ ระบบปิดทีท่ ้าขน้ึ มา (2) ธนาคารน้าใต้ดินในระบบเปิด เป็นการเปิดผิวดิน เพื่อท่ีจะสามารถใช้น้าในระดับผิวดินได้เลย โดยจะมีการขุดบ่อ ขนาดใหญ่ แต่ขนาดเท่าไหรข่ ึน้ อยู่กับความเหมาะสมของพ้ืนท่ี และ ความตอ้ งการ โดยมขี ้นั ตอนเป็นวิธีการด้าเนินการ คอื (ก) เจาะพ้ืน บอ่ เป็นหลุม 3 หลมุ ให้ลึกถงึ ชน้ั หนิ อุม้ น้า เพอ่ื ใหน้ า้ ไหลลงชัน้ หินอุม้ นา้ ได้ดี และมีชอ่ งสา้ หรับถา่ ยเทอากาศจากโพรงใต้ดนิ เม่ือถกู น้าเข้า ไปแทนที่ (ข) โดยน้าที่นา้ มาเก็บนน้ั มาจากหลายแหล่งด้วยกัน เช่น น้าฝน หรือน้าจากการท้าธนาคารน้าใต้ดนิ ระบบปิด ซึ่งเมื่อน้าถูก เติมลงชั้นใต้หินอุ้มน้าปริมาณมากพอ น้าจะเอ่อล้นมาที่บ่อโดย อัตโนมัติ ซึ่งเกษตรกรสามารถสูบน้าจากบ่อน้ีมาใชไ้ ด้ทันที วิธนี ี้จะ ชว่ ยใหเ้ กษตรกรไม่ต้องขดุ เจาะหาแหล่งน้า หรือสูบน้าจากแหลง่ น้า ไกลๆ ประหยัดพลังงาน แถมช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ ประโยชน์ของ ธนาคารน้าใต้ดิน (1) ช่วยแก้ปัญหาน้าท่วมได้ เพราะช่วยให้น้าซึม ลงใต้ดินได้ดีขึ้น (2) ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง เพราะสามารถสูบน้า จากธนาคารน้าใต้ดินใช้ได้ตลอดเวลา (3) แก้ปัญหาน้าเค็ม เพราะ มวลน้าเค็มจะมีน้าหนักมากกว่าน้าจืด ฉะนั้นน้าเค็มจะอยู่ด้านล่าง (4) แก้ปญั หานา้ สกปรก เพราะระบบน้าแบบปดิ จะชว่ ยกรองน้าให้ สะอาดข้ึน ดังนั้นแนวปฏิบัติที่เกิดขน้ึ ผ่านแนวคิดธนาคารน้าใต้ดิน จึงเป็นแนวคิด องค์ความรู้ แนวปฏิบัติท่ีเกิดจากการทดลองมาใน กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอ แดง นนทฺ ิโย 15
พื้นที่หน่ึง และใช้การศึกษาเหล่าน้ีเป็นกลไกร่วมในการบริหาร จดั การใหเ้ กดิ ผลในทางปฏิบตั ริ ว่ มดว้ ยเชน่ กนั 3.แนวคิดน้าการจดั การธนาคารน้าใต้ดิน ตามแนวหลวงพ่อแดง นนทฺ โิ ย ในการศกึ ษาแนวปฏิบัติ “วิธี” ทา้ ธนาคารน้าใต้ดิน ภายใต้ แนวคิดสนับสนุนทุน พาท้า และสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มกัน เพือ่ ท้าใหเ้ กดิ ขึ้น รณรงคส์ ่งเสริม ให้ดา้ เนินการธนาคารน้าใต้ดิน ใน แบบทดลอง ศึกษาไปพร้อม ๆ กันวา่ ท้าอย่างไรและมีผลต่อระบบ น้า ระบบนิเวศอย่างไร โดยอาศัยกลไกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ธนาคารโค กระบือ ที่ถูกจัดตั้งรองรับโค กระบือ ภายใต้โครงการไถ่ ชีวิต โคก ระบื อของวัดอิ น ท าราม อ้ าเภออั ม พ วา จั งห วัด สมทุ รสงคราม ท่ีปัจจบุ ันมีโคกว่า 431 ตัว ในระบบวสิ าหกิจชมุ ชนท่ี จัดตั้งขึน้ เป็นฐานในการขบั เคลอื่ นการปฏิบัติธนาคารน้าใต้ดิน ใน ครั้งน้ี ท้าให้ชาวบ้านที่มาร่วมโครงการ น้าแนวนโยบายไปสู่การ ปฏิบัติจัดสร้างธนาคารน้าใต้ดิน ในครอบครัวอย่างน้อย 3-5 หลุม โดยมีหลวงพ่อแดง นนฺทิโย เป็นผู้กระตุ้นสนับสนุนทุนในแต่ละบ่อ เป็นทุนตั้งต้นในการท้าธนาคารนา้ ใต้ดิน เพ่ือสร้างระบบนิเวศองค์ รวม ท้าให้เกิดความซุ่มช้ืนในดิน รักษาน้าเพ่ือให้ระเหยช้าลงตาม แนวทางของระบบธนาคารน้า เปน็ ต้น 16 ระพรารชะทคารนพูเพิศลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนฺทิโย)
ภาพที่ 3 วิสัยทัศน์ 5 ท/ธ ของหลวงพ่อแดง นนฺทิโย ผู้สนับสนุน ธนาคารโค กระบือ และธนาคารน้าใต้ดิน โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้ชุมชน ชาวพทุ ธ มวี ัดเป็นฐาน พลงั “บ-ว-ร” พ่ึงตนเองไดต้ ามแนวพทุ ธ (อตั ตนาถ) จากภาพอธิบายได้ว่า แนวคิด 5 ท/ธ จะเป็นพลังในการ ขับเคล่ือนชุมชนภายใต้ คุณภาพชวี ิต โดยมีทุน ท่ีเรียกว่าทุนทางสังคม ทนุ ทางความเช่ือ และไปสทู่ ุนทางการกระท้า ใช้ท้ังความอดทน (ขันติ ธรรม) รอคอยความส้าเรจ็ ได้ การจัดต้ังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโดยมีกลไก ของหมู่คณะ (ทีม) เป็นปัจจัยร่วมในการขับเคล่ือน และมีการใช้ นวัตกรรมสมัยใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่องทางในการส่ือสาร การใช้ Line Facebook รวมท้ัง Website ในการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อน ชมุ ชนร่วมกบั ธนาคารโค กระบอื และธนาคารน้า ดังท่ีผเู้ รียบเรยี งได้เข้า ร่วมเป็นผู้สงั เกตการณ์ได้พบข้อมูลเชิงประจักษ์ และสัมภาษณ์ทีมงาน ถอดข้อมูลออกมาเป็น “ทุน-ทีม-ท้า/ธรรม-เทคโนโลยี—ทน/ขันติ ธรรม” ทั้งหมดเปน็ หลักคดิ แนวปฏบิ ตั ิท่ีหลวงพ่อแดง นนฺทิโย ไดเ้ สนอ เป็นวิธีการในการส่งเสรมิ ชุมชนให้เกิดการขับเคลื่อน ส่งผลเป็นวิธีการ กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด ินของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 17
ปฏิบัติในเร่ืองธนาคารน้าใต้ดิน ตามท่ีเข้าร่วมและพบเห็นพรอ้ มบันทึก น้าเสนอเป็นบทบันทึกถอดบทเรียน เพื่อประโยชน์เป็นชุดความรู้ การ เรยี นรู้ และชว่ ยเหลือชุมชน ให้เกิดการขบั เคลือ่ นเป็นพลวัฒน์ในชมุ ชน และถอดเปน็ ข้อมลู ความรู้ (KM) ดังกรณขี องธนาคารซ่งึ เกดิ ขึ้นที่ อา้ เภอ ท่าตมู และอ้าเภออน่ื ๆ ในเขตจงั หวดั สรุ นิ ทร์ ในครงั้ นี้ ภาพท่ี 4 พิธเี ปดิ โครงการธนาคารน้าใตด้ ิน ทบ่ี า้ น/วัดหนิ เหล็กไฟ เป็นการ ทดลองและสาธิตถงึ แนวทางและวิธีการจัดการน้า (ภาพ วาสนา แก้วหล้า, 16 กรกฎาคม 2563) 18 ระพรารชะทคารนพูเพิศลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนฺทโิ ย)
4.หลวงพ่อแดง นนฺทิโย กับความคาดหวงั ต่อการจัดการธนาคาร น้าใตด้ ินเพื่อความย่ังยืน จากข้อมูลท่ีพบ การจัดการน้า หรือการท้าธนาคารน้าใต้ ดิน เป็นวธิ กี ารหน่ึงทีจ่ ะช่วยให้ชมุ ชนมนี า้ ไวใ้ ช้ หรอื มนี ้าไว้ใช้ในช่วง ขาดแคลนน้า เป็นการสร้างความชุ่มชื้นให้กับดินเพื่อการเกษตร และใช้วิธีการดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาสู่การถอดบทเรียนเป็นการ เรียนรู้ และน้าแนวทางดังกล่าวไปปฏิบัติซ้า ๆ จนกระทั่งพึ่งพา ตนเองได้ ท้ังจะทา้ ให้เกิดการเรยี นรูเ้ ชิงปฏิบตั ิและทนุ ถูกใชส้ ง่ เสรมิ ให้ใชป้ ระโยชน์อยา่ งสูงสุด เช่น ท่อน้า ขวดน้า ยางรถยนต์ หรืออ่ืน ๆ โดยเป้าหมายเพ่อื ใหท้ ดลองทา้ ท้าแล้วก่อใหเ้ กิดผลในทางปฏิบัติ และเม่ือเทียบเคียงกับแหล่งอื่น ๆ แนวทางดังกล่าวก็จะประสบ ผลส้าเร็จในการบรหิ ารจัดการน้าในเชิงปฏิบัติด้วยเชน่ กัน ดงั น้ันสิ่ง ท่ีพบยังไม่ได้เป็นข้อสรุป แต่ท้ังหมดเกิดจากการเข้าร่วมสงั เกต ท้ัง เป็นความคาดหวังของชุมชนที่ร่วมโครงการ สู่การมคี วามรู้ และน้า ชดุ ความร้นู น้ั ไปต่อยอดดว้ ยเล็งเห็นผล หรอื คาดหวังต่อผลอนั จะพึง ไดจ้ ากธนาคารน้าใตด้ ิน เปน็ “ปัญญา” เห็นตาม และใช้แนวทางนี้ เป็นวิธีจัดการน้าให้กับชุมชนตัวเอง เม่ือพระสงฆ์ ผู้น้าชุมชนและ ชมุ ชนเห็นความสา้ คญั ร่วมกันวา่ แหล่งน้า มีความสา้ คญั และจา้ เป็น จึงเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร่วมกันในการจัดการน้า เชิงระบบ ภายใต้ ความเป็นไปได้ ดังที่หลวงพ่อแดง นนฺทิโย ได้พูดสนทนาธรรมกับ ชาวบ้านที่มาร่วมโครงการ ซ่ึงถอดความได้คือ (1) ให้ชุมชนเห็น กโครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตด ินของหลวงพอ แดง นนทฺ โิ ย 19
ความส้าคัญของการจัดการน้า (2) รวมกลุ่มกันเพ่ือให้เกิดความ ช่วยเหลือ ศึกษาและถอดความรู้แบ่งปันกันไปมาบนฐานของการ พัฒนาปัญญา (3) ใหว้ ดั กับชุมชนเปน็ ฐานในการท้ากจิ กรรมร่วมกัน ภายใตส้ ามัคคธี รรม บอ่ น้าจึงเกิดข้ึนในวัดหินเหลก็ ไฟ เปน็ เบื้องต้น และส่งต่อไปนอกชุมชน (4) หลวงพ่อริเร่ิม และสนับสนุน งบประมาณในการด้าเนินการ เพ่ือให้เกิดการศึกษาทดลองและ น้าไปปฏิบตั ริ ว่ มกนั ในชมุ ชน โดยมีเป้าหมายเป็นการจดั การนา้ และ รักษาความชุมชื้นในดินซ่ึงจะท้าให้เกิดการพัฒนาส่งต่อเป็นอาชีพ และรายได้ ดังประโยคหน่ึงทที่ า่ นพดู ว่า “วัดอนิ ทารามท้าใหช้ มุ ชน รอบวัดสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรไดเ้ ฉล่ียปีละ 1 แสน ตอ่ ไร่” (หลวงพ่อแดง นนทฺ ิโย,17 กรกฎาคม 2563) ในข้อเท็จจริง พนื้ ท่ีระหว่างจังหวัดสมทุ รสงคราม และจงั หวัดสุรนิ ทร์ย่อมแตกต่าง กนั เช่น สุรินทรม์ ีประชากร 1,396,831 คน (2562) รายได้เฉล่ยี ต่อ หัวอยู่ท่ีประมาณ 70,556 บาท (2561) รายได้เฉล่ียต่อครัวเรือน 18,189 บาท (2560) หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน 251,796 บาท (2560) (ส้านักงานสถิติ จังหวัดสุรินทร์,2563) แต่นัยหนึ่งเป็นการ ถอดบทเรียนบางกรณีมาใช้ เช่น ความชุ่มชื้นในดินควรมีเพื่อการ ปลูกพืชพันธุ์ทางการเกษตร (5) การส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อน ระหว่างวัด ชมุ ชน โดยมวี ัดเปน็ ฐาน มีการรวมกลุ่มกัน และจัดสรร ด้าเนินการร่วมกัน และมีการให้งบประมาณสนับสนุนการจัดท้า ธนาคารน้าใต้ดินระบบปิด ตามหลักสังคหวัตถุ คือการให้ อัน 20 ระพรารชะทคารนูพเพิศลษิงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ โิ ย)
หมายถึงการให้แนวทาง การให้วัตถุสนับสนุน และการให้โอกาส เพ่ือสง่ เสริมให้เกดิ การขบั เคลือ่ นร่วมกันในชุมชน (6) และส่งิ ท่พี บก็ คือการท้าให้เป็นต้นแบบบนฐานของรู้คิด รู้ท้า สู่ปัญญาสร้างงาน บา้ เพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ และน้าไปสู่การศึกษา ทดลองซ้า และ ถอดบทเรียนร่วมกัน ท้าให้เป็นระบบ ให้เกิดความรู้เชิงประจักษ์ แบง่ ปันตอ่ กันและกนั กลายเปน็ การเรียนรู้ดงั ปรากฏตามทีผ่ ูเ้ ขยี นได้ พบเชิงประจกั ษ์ ภาพท่ี 5 พิธเี ปิดโครงการธนาคารน้าใตด้ นิ ระบบปดิ ภายในบ้าน/วดั ทว่ี ดั อา เจียง อา้ เภอท่าตูม จังหวัดสรุ ินทร์ เพอ่ื เป็นแหลง่ ธนาคารน้าใตด้ นิ สาธติ ภายใต้การเรียนร้วู ิธีการจัดการน้าตามแนวหลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย (ภาพผูเ้ ขียน, เม่ือ 17 กรกฎาคม 2563) ภาพท่ี 6 การถอดแนวปฏบิ ัติจากประธานกลุ่มธนาคารน้าใต้ดิน ธนาคารโค กระบือ บ้านหินเหลก็ ไฟ (ภาพผู้เขียน 17 กรกฎาคม 2563) โกครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอแดง นนทฺ ิโย 21
ภาพที่ 7 การถอดแนวปฏบิ ัตจิ ากกลุ่มธนาคารนา้ ธนาคารโค กระบือ บา้ นหนิ เหล็กไฟ (ภาพผู้เขียน,17 กรกฎาคม 2563) ในภาพรวมท้ังหมดเป็นความคาดหวัง ของพระสงฆ์อย่างหลวงพ่อ แดง นนฺทิโย ท่ีมีความห่วงใย และให้ความส้าคัญกับสังคมและ ชุมชน และมีเจตนาสนับสนุนกิจกรรมที่เปน็ ประโยชน์ให้เกิดขนึ้ ใน ชุมชนซ่ึงไม่เฉพาะชุมชนวัดอินทาราม จังหวัดสมุทรสงคราม แต่ หมายถึงในองค์รวมตามพุทธพจน์ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็น ประหนึ่งว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของพระสงฆ์ต่อสังคมว่า “ภิกษุ ทงั หลาย จงจาริกไปเพ่อื ประโยชน์สขุ ของมหาชนหมมู่ าก” ค้าว่า ประโยชนส์ ขุ คงเป็นสุขทางใจด้วยหลักคา้ สอนทางพระพุทธศาสนา และสุขทางกายหรือสขุ ดว้ ยอามสิ อันหมายถึงอาชีพ การกินดี อยู่ดี คงเปน็ หนา้ ที่ร่วม ดังน้ันการขับเคล่อื นและมีส่วนสนบั สนนุ ทง้ั ใน 22 ระพรารชะทคารนพูเพศิ ลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
ภาพที่ 8 เอกสารจัดต้งั กล่มุ วิสาหกิจชุมชนโค กระบอื หลวงพอ่ แดง นนฺทิโย ตามพระราชบญั ญตั สิ ่งเสรมิ วิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2548 ส่วนอปุ กรณ์ แนวคิดและอ่ืน ๆ ทเ่ี น่ืองด้วยธนาคารน้า ย่อมจะเป็น ประโยชน์กับชุมชนโดยตรงในระยะส้ัน ซึ่งท้าให้เกิดการพ่ึงตนเอง (อัตตนาถ) ระยะกลางไดใ้ ช้ปัญญาในการจัดการส่ิงที่คาดว่าจะเป็น ประโยชน์ส้าหรับตนเอง ระยะยาวถ้าเกิดผลเชิงประจักษ์ ด้าเนินการแล้วประสบผลส้าเร็จจริง ตามผลที่คาดหวังไว้แต่เดิม ย่อมสะท้อนผลของความมุ่งมั่นของชุมชนได้ว่า ท้าแล้วประสบ ความสา้ เร็จ สง่ ผลเปน็ ความร้จู ากความส้าเรจ็ หรือผลลัพธ์นัน้ ให้กับ ชมุ ชนอ่ืน ๆ ให้เกิดการขับเน้นน้าไปใช้พัฒนาชุมชนต่อไปได้ การ ถอดรหัสเชิงพ้ืนท่ีจากประสบการณ์ของการลงพ้ืนที่ภาคสนามใน พืน้ ทป่ี ฏิบัตกิ ารจรงิ ท้ังในส่วนของธนาคารน้าซึง่ เป็นการเร่มิ ต้น กับ ธนาคารโคกระบือ ที่มีฐานของการสนับสนุนอยู่ที่วัดอินทาราม กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตด ินของหลวงพอแดง นนฺทิโย 23
อ้าเภออัมพวา จังหวดั สมุทรสงคราม ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อการ สอ่ื สารท้งั ในเชิงปฏิบัติและภาพลักษณ์ของการปฏิบัตไิ ด้ดว้ ยนับว่า เป็นประโยชน์จึงน้ามาแบ่งปันบอกเล่าเพ่ือประโยชน์ต่อการเรยี นรู้ ร่วม และเรยี นรูต้ ามไปในคราวเดยี วดว้ ยเช่นกัน ภาพที่ 9 แนวทางการส่งเสริมธนาคารน้าของหลวงพ่อแดง นนฺทโิ ย สคู่ วาม คาดหวงั เปน็ ชุมชนพง่ึ ตนเองได้อย่างย่ันยืน (ภาพ ผ้เู ขยี น) 24 ระพรารชะทคารนพูเพิศลษิงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
ภาพท่ี 10 จดุ เริม่ สกู่ ารเหน็ พรอ้ ม สามัคคีร่วมแรง โดยมีเป้าหมายเพื่อการจัดการชุมชน พงึ่ ตนเองตามแนวทางทีห่ ลวงพอ่ แดง นนทฺ โิ ย เข้าไปสนับสนุนดา้ เนินการ (ภาพ : กลุ่ม วสิ าหกจิ ธนาคารโคกระบอื จ.สุรินทร,์ 17 กรกฎาคม 2563) ทิศทางของธนาคารน้าภายใต้แนวคดิ “น้า”เปน็ ปจั จัยการ ผลติ ทจ่ี ะสง่ เสริมใหท้ กุ สมาชิกมีอยา่ งน้อยบ้านละ 1-5 บ่อ ตอนน้ีมี สมาชิกเข้าร่วมโครงการณปัจจบุ นั 19 วสิ าหกิจชมุ ชน มีสมาชกิ เกิน กว่า 200 คน โดยเง่อื นไขวา่ 1 วสิ าหกจิ ธนาคารโค กระบือ จะต้อง มีสมาชิกจัดต้ังไม่น้อยกว่า 7 คน และเม่ือเป็นข้อตกลงร่วมกันว่า ต้องมีบ่อน้า 1-5 บ่อ จึงจะสามารถรับโค จากวิสาหกิจธนาคารโค กระบือ หลวงพอ่ แดง นนฺทโิ ย ได้ เม่ือนับจ้านวนสมาชิกบอ่ น้าต้อง ขยับไปเป็นจ้านวนไม่นอ้ ยกว่า 100 บ่อในเวลาอันใกล้นี้ โดยข้อมูล ล่าสุด บ่อธนาคารน้าใต้ดิน บ้านหินเหล็กไฟ ประมาณ 30 บ่อ บ้านหนองดินด้า 13 บ่อ บ้านโคกกงุ 10 บ่อ ต้าบลบะ อีก 16 บ่อ โกครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด ินของหลวงพอ แดง นนทฺ โิ ย 25
(สุริยา เครือจันทร์,สมั ภาษณ์,20 กรกฎาคม 2563) โดยทางหลวง พ่อแดง นนฺทิโย ได้เข้าไปสนับสนุนบ่อละ 300-500 บาท เพื่อเป็น วัสดุอุปกรณ์ ยางรถยนต์ ท่อนา้ ท่อพีวีซี ใหค้ วามชว่ ยเหลือ ในการ ท้าธนาคารน้า ให้เป็นระบบพักน้า น้าซับและสรา้ งความซุ่มชื้นใน ดนิ ในช่วงฤดูร้อน ชะลอการระเหยของน้า อาจมีข้อโต้แย้งว่า เป็น ไม่ได้ น้าจะต้องแห้ง หรือหายไป ซ่ึงนัยหนึ่งการท้าแบบน้ีหาก พิจารณาโดยหลักการ จะเปน็ การเขา้ ไปสร้างกลไกในการชะลอการ ระเหยของน้าให้นานข้ึน (2) ท้าให้ความซุ่มชน้ื ในดินมีอยู่ จากหนึ่ง เป็นสอง จากสองเป็นสี่ เปน็ ระบบเครือข่ายของธนาคารนา้ และ (3) ทา้ ให้เกดิ การเรียนรูต้ อ่ ระบบดิน ดินรว่ น ดนิ ทราย ต่อการซบั น้าได้ นานแคไ่ หนอย่างไร ? เปน็ ตน้ ทั้งจะไปสัมพันธ์กับระบบนิเวศอืน่ ๆ อนั เป็นปัจจัยเน่ืองต่อท้าให้เกิดการขับเคลื่อนเรียนรู้ต่อไป ท้ังเม่ือ เทียบกับ (4) ธนาคารน้าแห่งอื่น ๆ ซึ่งด้าเนินการและท้ามาหลาย แห่ง และมีพ้ืนท่ีท่ีประสบความส้าเร็จ และใช้ได้จริง ก็แปลว่าทิศ ทางการท้าธนาคารน้าใต้ดิน มีความเป็นไปได้ที่วิสาหกิจชุมชน ภาคขยายต่อจากธนาคารโค กระบือ ดังน้ันในการท้าจึงเป็นการ เร่มิ ต้นเพือ่ สร้างการขบั เคล่อื นให้เกิดขน้ึ นบั เป็นจุดเรมิ่ ต้นเพื่อเข้าไป ส่งเสรมิ คณุ ภาพชวี ิตของชุมชนและสังคมใหเ้ กิดความเป็นไปไดแ้ ละ ประสบความสา้ เร็จในการดา้ เนินชีวิต ซ่ึงก็ต้องดู แต่สิง่ ทเ่ี กดิ ขึน้ เป็น การเริม่ ต้นจากจุดแรกเพ่ือไปสู่จุดเชื่อมต่อไป ท้ังธนาคารน้าใต้ดิน ธนาคารโค กระบือ ธนาคารพลังงานแสงอาทิตย์ หรือแหล่งผลิต 26 ระพรารชะทคารนพูเพิศลิษงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
อาหารอ่ืนๆ เช่น ฟาร์มไก่ ท่ีผลิตไข่เพื่อการบริโภคพาณิชย์ การ เล้ียงปศุสัตว์ชนิดอื่น ๆ หรือแปรรูปอาหารให้สอดคล้องกับตลาด หรือการสร้างกลไกการตลาดแบบพ่งึ ตนเอง เป็นต้น ภาพที่ 11 จดุ เร่ิม สูก่ ารเห็นพร้อม สามัคครี ่วมแรง โดยมเี ป้าหมายเพ่ือการ จัดการชุมชนพึ่งตนเองตามแนวทางทหี่ ลวงพ่อแดง นนฺทิโย เข้าไปสนับสนุน (ภาพ : กลมุ่ วสิ าหกิจธนาคารโคกระบอื จ.สรุ ินทร์,19 กรกฎาคม 2563) กโครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด นิ ของหลวงพอ แดง นนทฺ โิ ย 27
•พลกิ ฟื้นดินใหเ้ ป็นสนิ ทรพั ย์เพ่มิ ปัจจยั การผลติ ในท่ดี ิน ธาตุดิน •ปลกู ทเุ รยี น พชื ผลทางการเกษตร ท่ตี อ้ งอาศยั นา้ ปจั จยั การผลิตจากดิน •ธนาคารนา้ สรา้ งแหล่งนา้ ธาตุนา้ •สรา้ งแหลง่ นา้ ใหเ้ กิดขนึ้ เพ่อื รองรบั ความแหง้ แลง้ ในฤดแู ลง้ ปจั จยั การผลิตจากนา้ •พลงั งานแสงอาทติ ย์ผลติ โซลาเชล สรา้ งพลงั งานในครวั เรือน ธาตไุ ฟ •การนาพลงั งานแสองอาทิตยม์ าใชเ้ ป็นธนาคารไฟฟา้ ภาคต่อท่ถี กู สง่ เสริมโดยหลวงพอ่ แดง ปจั จยั จากความรอ้ น/ไฟ ภาพที่ 12 การปรับสมดลุ ในธาตุ คอื ดนิ น้า ไฟ ลมใหเ้ ปน็ ปจั จัยการผลิตบน พนื้ ฐานของความวถิ ีเกษตร ปจั จัยจากจดุ เรม่ิ ตน้ ของธนาคารน้าใตด้ ิน ตาม แนวหลวงพ่อแดง นนทฺ ิโย ทีจ่ ังหวัดสรุ ินทร์ 5.สรุปสง่ ท้าย ดังน้ันแนวทางของธนาคารน้าใต้ดิน มีเป้าหมายเพื่อเป็น การจัดการน้า หรือแสวงหาแหล่งน้าเพ่ิม ภายใต้แนวคิดเร่ือง “สมดุล” และ แนวคิดในเร่ือง “ธาตุ 4” ดิน น้า ไฟ ลม ให้เกิด ความสมดุล รกั ษาธาตุขันธ์รา่ งกาย อันหมายถึง การด้าเนินชวี ติ ดว้ ย ความสมดุล พอดี พอเพียง หลวงพ่อแดง นนฺทิโย ในฐานะเป็น ผู้สนับสนุนเป็นทุนในการเริ่มต้น สนับสนุนก้าลังความคิด งบประมาณ สนับสนุนแรงใจ โดยมุ่งมองไปที่ประโยชน์อันจะพึง เกิดขึน้ ระยะยาว น้าแนวคิดธนาคารนา้ ใต้ดนิ มาจากหลายแหลง่ มา กระตุ้นส่งเสริมให้เกิดการปฏิบตั ิโดยมีฐานของกลุ่มวสิ าหกิจชุมชน 28 ระพรารชะทคารนูพเพิศลิษงศฏพป ระชานาถ (แดง นนทฺ โิ ย)
ธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย เป็นกลไกขับเคลื่อน มี สมาชิกร่วมกันในหลาย ๆ ชุมชน มีโค กระบือ เป็นฐาน จากน้ัน พัฒนาต่อไปถึงแหลง่ น้า และสิ่งท่หี ลวงพอ่ ดา้ ริต่อไป คือการส่งเสรมิ ให้เกิดการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ คือผลิตไฟฟ้าใชใ้ นครัวเรือนเป็น ของตัวเอง ต่อไป เน้นการพึ่งพาตนเอง (อัตตนาถ) ด้วยการใช้ภูมิ ปญั ญา แสวงหาปัญญา และจัดการตวั เองด้วยปัญญาทา้ ใหเ้ กิดการ ขับเคลอ่ื นร่วมกนั ในองคร์ วมด้วยเชน่ กนั ดงั น้ันธนาคารน้าใต้ดนิ จึง เป็นกลไกของการแสวงหาองค์ความรู้ร่วมกันในการจัดการชุมชน เร่ิมเพื่อการเรียนรู้ เร่ิมเพ่ือพบสภาพปัญหา และแก้ไข ภายใต้การ จัดการความรู้ แนวคิดน้ีมีผู้ด้าเนินการในหลายพ้ืนที่ ประสบ ผลส้าเร็จบ้าง ไม่ประสบผลบ้างด้วยเงื่อนไขของแต่ละชุมชน อัน หมายถงึ จดั การให้เกิดแนวปฏบิ ตั ิทด่ี ี วธิ กี ารปฏิบตั ิท่ีดี และถอดองค์ ความรู้มาแบ่งปันกันเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตในระยะสั้น ระยะ กลางและย่ังยืนกลายเป็นการใช้ชีวิตด้วยความสุขตามอัตตภาพ พอเพียง สมดลุ และย่งั ยืนภายในชุมชนตอ่ ไป เอกสารอา้ งอิง ฉตั รชัย โชติษฐยางกรู และคณะ. (2562). รูปแบบการกกั เกบ็ นา้ ใต้ ดนิ เพ่ือบรรเทาภาวะแหง้ แล้งในลุ่มน้ามลู ตอนบน. นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสรุ นาร.ี มง่ิ สรรพ์ ขาวสอาด และคณะ. (2544). โครงการแนวนโยบายการ โกครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอแดง นนฺทโิ ย 29
จัดการน้าสา้ หรับประเทศไทย เลม่ 1. กรุงเทพ ฯ : ส้านกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั . ม่ิงสรรพ์ ขาวสอาด และคณะ. (2555). TRF Policy Brief (รายงาน วจิ ัย). กรงุ เทพฯ : โครงการกจิ กรรมการเช่ือมโยงงานวิจัย กบั ภาคนโยบาย ส้านกั งานกองทุนสนบั สนุนการวิจยั . มิง่ สรรพ์ ขาวสะอาด. (2538). ภาพรวมของปัญหาการจัดการนา้ ใน ประเทศไทย. ใน ม่ิงสรรพ์ ขาวสอาด และอดิศร์ อิศรางกรู ณ อยธุ ยา บรรณาธิการ ปัญหาการจดั การและความ ขัดแยง้ เรือ่ งน้า การสา้ รวจพรมแดนแหง่ ความร.ู้ กรุงเทพฯ : ฝ่ายทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอ้ ม สถาบันวิจยั เพอื่ การพฒั นาประเทศไทย. วรเทพ เปรมฤทัย. (2551). รายงานการวจิ ยั การจดั การทรพั ยากร นา้ เพอ่ื การเกษตรของบ้านหนองผา้ ขาว ตา้ บลน้าดบิ อา้ เภอปา่ ซาง จังหวดั ล้าพนู . เชยี งใหม่ : คณะมนุษย์ ศาสตร.์ หาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ วธิ วัชร สุวรรณชารี. (2553). รายงานการวจิ ัยการบรหิ ารจดั การ ทรพั ยากรน้าขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตา้ บลคลองพา อา้ เภอทา่ ชนะ จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี. ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. พิมพ์พสิ ุทธ์ิ อว้ นล้า และคณะ. (2560). การจดั การความรเู้ พอ่ื การ บรหิ ารจดั การน้าสู่ความเข้มแข็งของชุมชนและพึง่ ตนเอง 30 ระพรารชะทคารนูพเพิศลิษงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนฺทิโย)
ดา้ นแหล่งน้า อยา่ งย่งั ยืน กรณีศึกษา โครงการธนาคารน้า ใตด้ นิ (Ground water bank) บ้านคา้ กลาง ต้าบลเกา่ ขาม อา้ เภอนา้ ยนื จังหวดั อุบลราชธานี. กรุงเทพ ฯ : ส้านกั งานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ขาติ. ศูนยส์ ารสนเทศส่งิ แวดล้อม กรมสง่ เสริมคณุ ภาพสงิ่ แวดล้อมและ ส้านักงานสงิ่ แวดลอ้ มภาค. (2551). การจดั การน้าแบบ บูรณาการ. กรงุ เทพ ฯ : กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ้ ม. สุรยิ า เครอื จนั ทร์ (นาย/จุม๋ จม๋ิ ) อายุ 29, ประธานกลุ่ม วิสาหกจิ ชุมชน ธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย บ้าน หนองอดี ้า. 17 กรกฎาคม 2563,สมั ภาษณ.์ สา้ นกั งานสถิติจงั หวัดสุรินทร์ http://surin.nso.go.th/ กโครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด นิ ของหลวงพอแดง นนฺทโิ ย 31
32 ระพรารชะทคารนูพเพศิ ลิษงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ โิ ย)
ธนาคารนํา ใตดนิ ตามแนวธนาคารนา้ ใตด้ ินตามแนวทางของหลวงพอ่ แดง นนทฺ ิโย ทางของหลวงพอแดง นนฺทิโย :NatonGtthrวhoiถิ eyuพี onSฒั de:wlนDGf-าarReใotนMNveue:กaeranlวnาilndิถaBoรtawีพhnpจgaiaัฒeดัytmntmoกAใeนkeนาrาe:พgnจaรใBnDrึง่tนังนcatตieหPกcํ้าncvtนวาokuoaeสเรดัอrlltaชู่จtotdสhงchuมุัดpiุรcweใrnกชmoินนaaานgSrทจeรldeyพรังnนtilBsnoหfุท์t้า-guiวRธPLnสัดedtเaกo่ชูulสtdWihษุมaaุรhLwnนิชaตnuitนsทatรgaetAyพพnรprsg์gCทุh่งึrpiMiตnธoochเนurmกoWalเษrtDnอmauDตaงtraueรaagerelnennimtggye,nt BuddShuisrtiCnoPmrmouvninitcye, Surin Province บทคดั ย่อ บทความนี้มุง่ ศึกษา ธนาคารนา้ ใต้ดนิ ตามแนวทางของหลวงพ่อแดง นนฺทโิ ย : วิถพี ัฒนาในการจดั การน้า สูช่ ุมชนพุทธเกษตรพ่ึงตนเอง อ.ท่าตูม จ. สุรินทร์ ใช้วิธีการศึกษาด้วยวิธีการศึกษในเชิงคุณภาพ ใช้การศึกษาจาก เอกสาร งานวิจัย และการศึกษาเชิงพื้นท่ีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ด้าเนิน กจิ กรรมธนาคารนา้ ใตด้ นิ ในเขตอ้าเภอทา่ ตูม จงั หวัดสรุ ินทร์ ผลการศึกษาพบว่า ธนาคารน้าใต้ดินเป็นโครงการท่ีต่อเน่ืองจาก ธนาคารโคกระบือ ท่ีมีเป้าหมายขับเคล่ือนให้ชุมชนที่รับโค กระบือ จาก โครงการดังกล่าว กว่า 431 ตัว เข้าร่วมโครงการกว่า 175 ครัวเรือน ใน 19 ชุมชน ได้จัดท้าธนาคารน้าใต้ดนิ ที่รวมกันในปัจจุบันเกินกว่า 1 พันแห่ง ท้ัง ในวดั โรงเรียนและวิสาหกิจชุมชนธนาคารโคกระบอื หลวงพ่อแดง นนฺทโิ ย ที่ ร่วมโครงการโดยการสนบั สนนุ ของหลวงพ่อแดง นนฺทิโทย ทัง้ แนวคิด ทนุ ใน การจัดท้า ที่เป็นธนาคารน้าใต้ดินระบบปิด และเปิด ด้วยน้าเป็นปัจจัยการ ผลิตทางการเกษตร ปลูกพืช และปศุสัตว์ ท้าให้มีอาชีพ รายได้ และคุณภาพ ชวี ิตท่ดี ีข้ึนบนฐานของการพัฒนาชุมชน พ่ึงตนเอง มศี กั ดศิ์ รีความเป็นมนุษย์ กโครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตดินของหลวงพอแดง นนฺทโิ ย 33
ตามแนวพุทธ ภายใต้กรอบคิด “ศีลกนิ ได้” และ “ศีลทา้ ให้ถงึ ซึ่งโภคทรพั ย์- สเี ลน โภคสัมปทา” ได้ด้วย คา้ สา้ คัญ : ธนาคารนา้ ใต้ดิน,การจดั การน้า,ชุมชนพทุ ธเกษตรพึ่งตนเอง Abstract This article focuses on Groundwater Banking according to Luangphor Daeng Nanthiyo : Development pathways in water management to the self-reliant agricultural Buddhist community, Thatum district, Surin province, using a qualitative study method. Using studies from research papers and a spatial study of community enterprise groups who operated underground water bank activities in Thatum district, Surin province The study results found that the Groundwater Bank is a continuation project from the Cow Bank. The goal is to drive communities that receive more than 431 cows from the project. More than 175 households in 19 communities have created a water bank. At present, more than 1 thousand in temples, schools and community enterprises, the cow bank of Luangphor Daeng Nanthiyo, who participated in the project with the support of Luangphor Daeng Nanthiyo including the concept of funding for the preparation which is an underground water bankwith both closed and open systems to manage water sources as a means of production in agriculture, growing crops and livestock, resulting in better occupation, income and quality 34 ระพรารชะทคารนูพเพิศลิษงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ ิโย)
of life based on the development of self-reliant communities with human dignity according to the Buddhist principles under the conceptual framework of \"edible precepts\" and \"canons for wealth - silen commodities\" Keywords Groundwater Bank, Water Management, Self- Sufficient Agriculture Buddhist Community 1.บทน้า ธนาคารน้าใตด้ ินตามแนวขับเคล่ือนของหลวงพ่อแดง นนฺทิโย แห่ง วัดอินทาราม จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ได้รณรงค์ส่งเสริมตั้งแต่เดือน 17 กรกฏาคม 2563 เป็นต้นมา โดยสนับสนุนให้มกี ารจัดทา้ ธนาคารน้าใต้ดินเพื่อ เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการน้า ให้เป็นแหล่งน้าเพ่ือการเกษตร และ สร้างระบบนิเวศโดยมีน้าเป็นปัจจัยส้าคัญ แก่กลุ่มสมาชิกวิสาหกิจชุมชน ธนาคารโค กระบือ หลวพ่อแดง นนฺทิโย ที่จัดตั้งมาก่อนหน้าน้ี ในกลุ่ม สมาชิก 19 ชุมชน กับกลุ่มสมาชิก 175 ครัวเรือน มีโค กระบือ 431 ตัว กระจายอยู่ในแต่ละชุมชนและวิสาหกิจโคกระบือ ในเขตอ้าเภอท่าตูม และ อ้าเภออ่ืน ๆ ในเขตจังหวัดสุรินทร์ โดยเป็นการสนับสนุนต่อเนื่องให้จัดท้า ธนาคารน้าใต้ดิน สนับสนุน งบประมาณ แนวคิด และการกระตุ้นรณรงค์ทั้ง การลงพ้ืนท่ีท้าให้เป็นแบบอย่าง การใช้ระบบออนไลน์เข้าไปพูด กระตุ้นให้ เกดิ ความตระหนกั และเห็นความส้าคัญน้าไปสูก่ ารลงมอื ปฏบิ ัตอิ ยา่ งตอ่ เนื่อง โดยหลวงพ่อแดง นนฺทิโย ได้ลงพื้นท่ีไปเป็นประธานขุดบ่อคร้ังแรกเมื่อ 16 เดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งเท่ากับสร้างความม่ันใจให้กับชุมชนในเร่ืองท้าได้ ทา้ จริง และส่งเสรมิ ใหเ้ ป็นจรงิ ได้ ซึ่งสง่ ผลเชิงประจักษ์เปน็ สามัคคชี ุมชน เป็น ความร่วมแรงร่วมใจระหว่างบ้าน วัด รฐั และชุมชน ท้าให้เกิดธนาคารน้าใต้ ดินในครัวเรือนเฉลี่ยบ้านละ 1-5 ธนาคาร/บ่อ และในวัดเกินกว่า 10 บ่อ/ โกครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนํา ใตด นิ ของหลวงพอ แดง นนทฺ ิโย 35
ธนาคาร เพ่ือสรา้ งเป็นพ้ืนที่จัดเก็บน้าตามธรรมชาติเมอ่ื มีฝนตก หรอื กรองน้า ใช้จากครัวเรือนในแต่ละวัน ดังน้ันจากผลการขับเคลื่อนตลอดระยะเวลา เกือบ 1 ปี ระหวา่ งวิสาหกิจชุมชนธนาคารโคกระบือกับสมาชิก เปน็ สมาชกิ โค กระบือควรมีอย่างน้อย 5 บ่อ จะรบั โค กระบือเพ่ิม ต้องมีธนาคารน้าใต้ดิน เพ่ิมขึ้นด้วย โดยเป็นกลไกการสร้างแรงเสริมในการจัดท้าธนาคารน้าใต้ดิน ปัจจุบันธนาคารน้าใต้ดินแบบปิดมีจ้านวนเกินกว่า 1 พันแห่ง/บ่อ ในเขต อ้าเภอท่าตูมและอ้าเภออนื่ ๆ ในเขตจังหวัดสุรนิ ทร์ เชน่ วดั บา้ นหนิ เหล็กไฟ จา้ นวน 35 แหง่ วัดหนองอีดา้ 22 แห่ง วัดโพธหิ์ ิมวนั บ้านบะ 30 แห่ง วัด บ้านหนองบึง 55 แห่ง วัดบ้านโคกกุง 20 แห่ง วัดป่าอาคุณ 23 แห่ง โรงเรียนบ้านหนองบึง 20 แห่ง โรงเรียนบ้านหนองอีด้า 15 แห่ง ซ่ึงใน ปัจจุบนั ยังมกี ารจัดทา้ อย่างต่อเนอ่ื ง ในส่วนชุมชนที่รว่ มดา้ เนินการ อาทิ บ้าน ตากลาง บ้านศาลา บ้านหนองบัว บ้านจนิ ดา ต.หนองบัว อ.ชมุ พลบุรี บ้าน นาท่มหนองผกั บงุ้ อ. ศีขรภมู ิ บ้านไผ่ อ.รตั นบรุ ี บ้านหนิ เหลก็ ไฟ บ้านโคกกุง บ้านหนองอีด้า บ้านหนองตาไก้ ต.บะ อ.ท่าตูม บ้านหนองบึง บ้านอาคุณ บ้านโนนสงู บา้ นหนองคู บ้านบะ บ้านโคกสะอาด บ้านหนองพลวง ต.ล่มุ ระวี อ.จอมพระ ในจังหวัดสรุ ินทร์ (ข้อมูล ณ วันท่ี 5 ธันวาคม 2563) ซึ่งส่งผลให้ เกิดระบบนิเวศในองค์รวมทั้งความชุ่มช้ืนในดิน การมีน้าไว้ส้ารองในช่วงฤดู แล้ง การมีน้ารองรับการปลูกพืช ในวิถีการเกษตร การปลูกหญ้าเพื่อการปศุ สัตว์ รองรับโค กระบอื กลมุ่ วสิ าหกิจชมุ ชนธนาคารโค กระบือ ซึง่ ในปัจจุบนั มี โค กระบือในระบบจ้านวนกว่า 431 ตวั (ตวั ละประมาณ 2 หม่ืนบาท/มูลค่า รวมประมาณ 10 ล้านบาทในปัจจบุ ัน) ท่ีได้รบั การสนับสนุนจากโครงการไถ่ ชีวิตโค กระบือ ของวัดอินทาราม จ.สมุทรสงคราม (ข้อมูล 5 ธันวาคม 2563) การส่งต่อกิจกรรมการพัฒนาอ่ืน ๆ อันเน่ืองวิสาหกิจธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย เป็นโครงการปุ๋ยชีวภาพจากมูลสัตว์ การท้า 36 ระพรารชะทคารนพูเพิศลิษงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนทฺ โิ ย)
แก๊สหุ้งต้มในครัวเรือนจากมูลสัตว์ รวมไปถึงการใช้ระบบพลังงานทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการสนับสนุนโครงการภาคต่ออันเน่ืองจากธนาคาร โคกระบือ ธนาคารน้าใต้ดิน สู่การสร้าง ใช้ ทดลองพลังงานบริสุทธิ์เป็น พลังงานแสงอาทิตย์ ภายใต้การขับเคล่ือน รณรงค์ ส่งเสริม และสนับสนุน “ทุน” ให้ท้า สู่การสร้างงาน สร้างกลุ่ม เปน็ “ทมี -วิสาหกิจชุมชน” สามัคคี ร่วมท้า เป็นสามัคคีธรรม ต่อสู้ทดลอง เป็นความอดทน “ทน” กับความ ยากล้าบาก สู่การเห็นผลเชิงประจักษ์ ซ่ึงในปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนที่เติบโต อย่างช้า ๆ รวมท้ังใช้ “เทคโนโลยี” ระบบออนไลน์ การส่ือสารเป็นช่องทาง รว่ มในการประกอบอาชพี ทา้ กิจกรรม และสง่ เสริมกลไกทางการตลาดในการ กระจายสินค้า ผลติ ภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชน ซ่ึงได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อน ให้เกิดการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนตามกรอบของวิถีพุทธ โดยมีศีลเป็นกรอบ ทเี่ รียกว่าศีลกนิ ได้ “สีเลน โภคสัมปทา” มุ่งมน่ั เป็นปกติ ท้าใหเ้ กิดโภคทรพั ย์ จากการหา รกั ษา มุ่งมั่น ศลี ท่ีเกิดจาก “สัจจะ” (เว้นมสุ าวาท) ต่อการรักษา ชวี ติ ภายใตว้ ิสาหกจิ ชมุ ชนธนาคารโค กระบอื ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ได้ผลผลิต ได้ลูกโค กระบือตัวแรก ให้ส่งคืนแก่สมาชิกกลุ่ม เพ่ือจัดมอบเป็นอภัยทาน ตอ่ ไป ศีลทว่ี ่าด้วยความปกติ ในการท้าใหเ้ กิดธนาคารน้าใต้ดิน จนกลายเป็น ระบบน้าซึมน้าซับ ส่งผลเป็นระบบนเิ วศดินอุ้มน้า ดินมีความชมุ่ ชื้นจากน้าใต้ ดิน และผิวดิน มีน้าไว้ใช้ในช่วงฤดูขาดแคลนน้า ส่งผลดีต่อการเพาะปลูก พืชผลทางการเกษตร ซึ่งจะได้นา้ เสนอต่อไปเพื่อแบง่ ปันเปน็ แนวทางวิธีการ ในการบริหารจัดการน้า ภายใต้แนววิธีปฏิบัตขิ องการจัดการน้าของธนาคาร น้าใต้ดินต่อไป 2.ธนาคารน้าใตด้ นิ ตามแนวทางของหลวงพ่อแดง นนทฺ โิ ย แนวคิดธนาคารน้าใต้ดิน เป็นแนวคิดที่เล็งเห็นว่าต้องการสร้าง กลไกเชิงชมุ ชนในการจดั การน้า ซึ่งน้าเป็นปจั จัยการผลติ ในทุกภาคสว่ นรวม โกครระงบกือาแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอแดง นนฺทโิ ย 37
ทั้งภาคการเกษตร จึงเป็นที่มาของความส้าคัญ และพลังในการท่ีจะสร้าง กลไกในการจดั การน้า โดยเป็นแนววิธีการจัดการในรูปแบบธนาคารนา้ ใต้ดิน ในพ้นื ทเี่ ขตอา้ เภอท่าตูม และอา้ เภออื่น ๆ ในเขตจังหวดั สรุ นิ ทร์ หลักการของธนาคารน้าใต้ดินตามแนวหลวงพ่อแดง นนฺทิโย เป็น ภาคส่วนต่อจาก สมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนธนาคารโค กระบอื หลวงพ่อ แดง นันทิโย ท่ีปัจจุบันโค กระบือในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนธนาคารโคกระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิโย มีเกินกว่า 431 ตัว ภายใต้โครงสร้างศีลกินได้ จาก โครงการไถ่ชวี ิตโคกระบือ (วดั อินทาราม จ.สมุทรสงคราม) โดยยึดกรอบของ ศลี เป็นกลไกขับเคล่ือน (ปาณาติบาท-ความไมร่ ุนแรงเบียดเบียนต่อชวี ิตอื่น/ สัจจะ/เว้นมุสาวาท-รบั ศีล แล้วจึงรับโค กระบือไปเป็นเครอ่ื งอ้านวยด้าเนิน อาชีพ) สู่โครงการวิสาหกิจชุมชนธนาคารโคกระบือหลวงพ่อแดง นนฺทิโย (อ. ทา่ ตูม จ.สุรินทร)์ ส่งโคไปยังผูป้ ระสงค์รับเลยี้ ง โดยมีเงื่อนไข ห้ามฆ่า ห้ามใช้ ความรนุ แรง เลี้ยงไม่ไหว ส่งคืนกลุ่ม (อภัยกิจ-อภัยทาน) ก่อนรับโค กระบือ ไปให้มีการต้ังสัจจะอธิษฐาน สมทานศีล 5 จากพระสงฆ์ในวัดท่ีอยู่ในชุมชน และเป็นเครือข่ายของวสิ าหกิจชุมชนธนาคารโค กระบือ หลวงพ่อแดง นนฺทิ โย ก่อนนา้ ไปเลี้ยง เมื่อได้ลูกตวั แรกให้ถือสัจจะ ให้ส่งคืนแก่สมาชิกกลุ่มเพื่อ ส่งต่อเป็นอภัยทานแก่คนอ่ืนต่อไป (ทาน-จาคะ) มีการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจ ชุมชน ในรูปของสมาชิก เป็นกลไกขับเคลื่อนกิจกรรมอื่น ๆ ซ่ึงหมายถึงการ ขบั เคลื่อนโครงการธนาคารน้าใตด้ ินต่อเนื่องตามท่ไี ด้ศึกษาน้ี ธนาคารน้าใต้ดินมีฐานคิดในเรื่อง “ธาตุ 4” ดิน น้า ไฟ ลม เป็น พลังธรรมชาติ ซ่ึงจะเป็นพลงั งานทดแทนได้ในอนาคต การจัดการน้าภายใต้ แนวคิดของธนาคารน้าใต้ดินจึงเกิดขึ้นเป็นเป็นโครงการขยายผล คือ ต่อมา จากธนาคารโคกระบือ โดยมีหลวงพอ่ แดง นนทฺ โิ ย (พระครพู ิศิษฏ์ประชานาถ ,ดร. วัดอินทาราม จ.สมุทรสงคราม) เป็นผู้ริเร่ิม ส่งเสริม สนับสนุนในพ้ืนท่ี 38 ระพรารชะทคารนพูเพศิ ลิษงศฏพป์ ระชานาถ (แดง นนฺทโิ ย)
จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเข้าไปกระตุ้นส่งเสริม ผ่านการให้งบประมาณสนับสนุน ประสานกับทีมงานเครือข่าย มี รศ.ดร.วาสนา แก้วหลา้ มหาวิทยาลยั ราชภัฎ สุรินทร์ นักวิชาการผู้อยู่ในพ้ืนที่ ร่วมสร้างกลไกขับเคล่ือน และผู้น้าท้องถ่ิน ท้ังพระสงฆ์ในวัดต่าง ๆ เช่น วัดเจียงอี วัดบ้านหินเหล็กไฟ วัดหนองอีด้า วัดโพธิ์หิมวัน บ้านบะ วัดบ้านหนองบึง วัดบ้านโคกกุง วัดป่าอาคุณ ผู้น้า สถานศึกษา อาทิ โรงเรียนบ้านหนองบึง โรงเรียนบ้านหนองอีด้า ผู้น้า ชุมชน สมาชิกในชุมชนต่าง ๆ บ้านตากลาง บ้านศาลา บ้านหนองบัว บ้าน จินดา บ้านตากลาง บา้ นหนองบัว ต หนองบัว อ ชุมพลบุรี บ้านนาท่มหนอง ผกั บุ้ง อ. ศีขรภมู ิ บา้ นไผ่ อ.รัตนบุรี บ้านหินเหล็กไฟ บ้านโคกกุง บ้านหนอง อดี า้ บ้านหนองตาไก้ ต.บะ อ.ทา่ ตมู ในจังหวัดสุรินทร์ เป็นต้น ให้เปน็ การ รณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการขับเคล่ือน ลงมือท้า ร่วมแรงร่วมใจท้า สามัคคี อาสา ประสานจัดการ ร่วมกันระหวา่ งพระสงฆ์ วัด บ้าน ชุมชน และภาครัฐ ให้เกิดการขับเคล่ือนโดยมุ่งไปท่ีธนาคารน้าใต้ดินเพื่อจัดการน้า สร้างระบบ นิเวศเชิงพ้ืนที่เป็นเบ้ืองต้น เป็นน้าซมึ น้าซับ โดยเหตุว่าน้าเป็นปัจจัยส้าคัญ ของการผลติ การจัดการธนาคารน้าใตด้ นิ จึงเกดิ ขึน้ ภาพท่ี 1 พระสงฆแ์ กนนา้ ผู้น้าชุมชน เจ้าของพ้ืนที่ ร่วมแรงสามัคคี ร่วมกัน สร้างธนาคารน้าใตด้ ินแบบปดิ เพ่ือสร้างระบบนเิ วศทางดิน และการจดั การ น้าในชุมชน (ภาพ วาสนา แก้วหล้า : 1 ธนั วาคม 2563) โกครระงบกอื าแรธลนะธานคาาคราโครนาํ ใตดินของหลวงพอ แดง นนทฺ ิโย 39
ธนาคารนา้ ใต้ดนิ คืออะไร? ธนาคารน้าใต้ดิน เป็นวิธีการในการบริหารจัดการนา้ โดยใชเ้ ทคนิค การสร้างระบบน้าซับ เพื่อชะลอการระเหยของน้า จากน้าธรรมชาติคือน้าฝน ให้มบี ่อพักท่จี ดั สรา้ ง ทา้ ข้ึนเพอ่ื ใช้เป็นท่พี ักน้า หรอื น้าจากครัวเรอื น ในระบบ นา้ ทิ้งทั้งหมด ใหม้ ีจุดพัก โดยใชร้ ะบบกลไก ของเหลือใช้ ยางรถยนต์เก่า ขวด น้าพลาสติก เศษหิน เหลือ น้ามาใช้ประโยชน์ โดยมีการศึกษาจากกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนธนาคารโคกระบือหลวงพ่อแดง นนฺทิโย ที่ศึกษาและลง ความเห็นร่วมกันว่าเป็นโครงการท่ีดีมีประโยชน์ จึงได้ทดลอง และลงมือท้า ร่วมกันโดยมีหลวงพ่อแดง นนฺทิโย ให้การสนับสนุนเป็นทุน งบประมาณ มี รศ.ดร.วาสนา แก้วหล้า พร้อมผู้น้ากลุ่มวสิ าหกิจร่วมขับเคลอ่ื นด้าเนินการเชิง ปฏิบัติ พระสังฆาธิการในพื้นที่ส่งเสริมให้ท้า นักวิชาการพื้นที่ ผู้น้าชุมชน กระต้นุ ลงแรงสามคั คี จิตอาสา ช่วยกนั ขุด ชว่ ยกันทา้ อย่างเป็นระบบ เกิดผล เป็นรปู ธรรมเชิงประจักษ์ดงั ท่ียกมาในเบ้อื งต้น วธิ กี าร-ดา้ เนินการ ธนาคารน้าใต้ดินจะมี 2 ประเภท คือธนาคารน้าใต้ดิน ระบบปิด และธนาคารน้าใตด้ ิน ระบบเปิดถ้าท้าธนาคารน้าใต้ดนิ ทั้ง 2 ประเภท ควบคู่ ไปดว้ ยกนั จะมปี ระสิทธิภาพมากทส่ี ดุ ใช้หลักการขุดบ่อเพื่อส่งน้าไปเก็บไว้ท่ีช้ันน้าบาดาล ขนาดและ ความลกึ ของบอ่ ขึ้นอยกู่ ับสภาพ และชนั้ ดนิ ของแต่ละพ้นื ที่ โดยมีขั้นตอนดังน้ี ขดุ บ่อให้ลึกถึงช้ันหินอุ้มน้า จากนั้นใส่ยางรถยนต์เพ่ือป้องกันขอบ บอ่ พงั ทลาย จากนั้นใส่วัสดุที่หาได้ในพ้ืนท่ี เช่นขวดน้า (ใส่น้า 1 ใน 3 ส่วน), ท่อนไม้ หรือเศษปูนให้เต็มชอ่ งวา่ งดา้ นนอกยางรถยนต์ 40 ระพรารชะทคารนพูเพศิ ลษิงศฏพ์ประชานาถ (แดง นนทฺ โิ ย)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133