Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือสวดมนต์วัดป่าบ้านเชียงงาม

หนังสือสวดมนต์วัดป่าบ้านเชียงงาม

Published by PRASIT P., 2021-11-15 09:27:48

Description: เจ้าภาพผู้จัดพิมพ์ นางสาวจิรภา พุทธา
.............
ออกแบบปก จัดรูปเล่ม ดูแลการผลิต
ผศ.ดร.ประสิทธิ์ พุทธศาสน์ศรัทธา

Search

Read the Text Version

ห นัหง นสืั งอ สสื อว สด วม ดนมต์นวตั ด์ ปว่ั ดา บป่ ้ าา นบ้ าเ ชนี ยเ ชงี งย างมง า|ม13| 120937 จวี รวรรค สิกขาบทที่ ๖ (เก่ียวกบั ขอจีวรตอ่ คฤหสั ถ์ ที่ไมใ่ ช่ ญาติ) “อทิ ัง เม ภนั เต (อาวโุ ส) จวี ะรัง อญั ญาตะกงั คะหะปะติกงั อญั ญัต๎ระ สะมะยา วญิ ญาปิ ตัง นิสสัคคยิ งั อมิ าหงั อายัส๎มะ โต นิสสัชชาม.ิ ” “จีวรผืนน้ีของขา้ พเจา้ ขอต่อเจา้ เรือนผมู้ ิใช่ญาติ นอกจากสมยั เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผืนน้ีแก่ ท่าน.” จวี รวรรค สิกขาบทท่ี ๗ (เกี่ยวกบั จีวรฉิบหายไป แลว้ รับจีวร เกินกาหนด) “อทิ ัง เม ภนั เต(อาวุโส) จวี ะรัง อญั ญาตะกงั คะหะปะตกิ งั ตะ ทุตตะริง วญิ ญาปิ ตงั นสิ สัคคยิ ัง อมิ าหงั อายสั ๎มะโต นิสสัช ชามิ.”

238 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 110 “ทา่ นเจา้ ขา้ จีวรผนื น้ีของขา้ พเจา้ ขอแลว้ เกินกาหนด ตอ่ เจา้ เรือน ผมู้ ิใช่ญาติ เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผืน น้ีแก่ทา่ น.” จวี รวรรค สิกขาบทที่ ๘ (เก่ียวกบั พดู ใหเ้ ขาซ้ือจีวรท่ีดีกวา่ เขา กาหนด) “อทิ งั เม ภนั เต (อาวุโส) จวี ะรัง ปพุ เพ อปั ปะวาริโต อญั ญา ตะกงั คะหะปะติกงั อปุ ะสังกะมิตว๎ า จีวะเร วกิ ปั ปัง อาปันนัง นสิ สัคคยิ ัง อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นิสสัชชาม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ จีวรผนื น้ีของขา้ พเจา้ เขาไมไ่ ดป้ วารณาไว้ ก่อน ขา้ พเจา้ เขา้ ไปหาเจา้ เรือนผไู้ ม่ใช่ญาติ ถงึ การกาหนดใน จีวร เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผนื น้ีแก่ทา่ น.” จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ (เก่ียวกบั ทวงจีวรจากผรู้ ับปากผอู้ ื่น เกิน ๓ กาหนด)

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 239 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 111 “อทิ ัง เม ภนั เต (อาวโุ ส) จีวะรัง อะตเิ รกะติกขตั ตงุ โจทะนา ยัง อะติเรกะฉักขตั ตุง ฐาเนนะ อะภนิ ิปผาทิตงั นสิ สัคคยิ ัง อมิ าหงั อายสั ๎มะโต นิสสัชชาม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ จีวรผนื น้ีของขา้ พเจา้ ใหส้ าเร็จดว้ ยทวง เกิน ๓ คร้ัง ดว้ ยยนื เกิน ๖ คร้ัง เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผืนน้ีแก่ท่าน.” โกสิยวรรค สิกขาบทท่ี ๘ (เก่ียวกบั รับเงินหรือทอง) “อะหัง ภันเต (อาวุโส) รูปิ ยัง ปะฏิคคะเหสิง, อทิ งั เม นสิ สัคคิ ยงั อมิ าหัง สังฆัสสะ นสิ สัชชาม.ิ ” “ทา่ นเจา้ ขา้ ขา้ พเจา้ รับรูปิ ยะไวแ้ ลว้ ของน้ีของขา้ พเจา้ เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละรูปิ ยะน้ีแก่สงฆ.์ ”

240 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 112 โกสิยวรรค สิกขาบทท่ี ๙ (เกี่ยวกบั ทาการซ้ือขายดว้ ยรูปิ ยะ) “อะหัง ภนั เต (อาวโุ ส) นานปั ปะการะกงั รูปิ ยะสังโวหารัง สะมาปัชชิง, อทิ ัง เม นสิ สัคคยิ งั , อมิ าหัง สังฆัสสะ นสิ สัชชาม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ ขา้ พเจา้ ถึงการซ้ือขาย ดว้ ยรูปิ ยะมีประการ ตา่ งๆ ของส่ิงน้ีของขา้ พเจา้ เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละ ของส่ิงน้ีแก่สงฆ.์ ” โกสิยวรรค สิกขาบทท่ี ๑๐ (เก่ียวกบั ทาการซ้ือขาย โดยใชข้ อง แลก) “อะหงั ภนั เต (อาวุโส) นานปั ปะการะกงั กะยะวกิ กะยงั สะมาปัชชิง, อทิ งั เม นสิ สัคคยิ ัง, อมิ าหัง สังฆสั สะ นสิ สัชชา ม.ิ ” “ทา่ นเจา้ ขา้ ขา้ พเจา้ ไดถ้ ึงการแลกเปล่ียนมีประการ ต่างๆ ของสิ่งน้ี ของขา้ พเจา้ เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละ ของสิ่งน้ีแก่สงฆ์”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 241 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 113 ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๑ (เก่ียวกบั บาตรท่ีเกิน ๑ ลูกไวเ้ กิน ๑๐ วนั ) “อะยัง เม ภันเต (อาวุโส) ปัตโต ทะสาหาติกกนั โต นสิ สัคคโิ ย, อมิ าหัง อายัส๎มะโต นสิ สัชชาม”ิ “ท่านเจา้ ขา้ บาตรใบน้ีขา้ พเจา้ ล่วง 10 วนั เป็นของจา จะเสียสละ ขา้ พเจา้ สละบาตรใบน้ีแก่ท่าน” คาคืนบาตร “อมิ งั ปัตตัง อายสั ๎มะโต ทมั ม”ิ “ขา้ พเจา้ ใหบ้ าตรใบน้ีแก่ท่าน” ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๒ (เก่ียวกบั บาตรร้าวไมเ่ กิน ๕ แห่ง ขอบาตรใหม่) “อะยัง เม ภันเต (อาวุโส) ปัตโต อนู ะปัญจะพนั ธะเนนะ ปัตเต นะ เจตาปิ โต นิสสัคคโิ ย, อมิ าหัง สังฆสั สะ นสิ สัชชามิ.”

242 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 114 “ท่านเจา้ ขา้ บาตรใบน้ีของขา้ พเจา้ ใหจ้ ่ายมาแลว้ เป็น ของจาจะสละ เพราะเป็นบาตรมีแผลหยอ่ นหา้ ขา้ พเจา้ สละ บาตรใบน้ีแก่สงฆ์.” ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๓ (เก่ียวกบั เกบ็ เภสัช ๕ ไวเ้ กิน ๗ วนั ) “อทิ ัง เม ภนั เต (อาวโุ ส) เภสัชชัง สัตตาหาตกิ กนั ตงั นิสสัคคิ ยัง, อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นิสสัชชาม.ิ ” “ทา่ นเจา้ ขา้ เภสชั น้ีของขา้ พเจา้ ล่วง ๗ วนั เป็นของจา จะสละ ขา้ พเจา้ สละเภสัชน้ีแก่ทา่ น.” คาคืนเภสัช “อมิ ัง เภสัชชัง อายสั ๎มะโต ทมั ม”ิ “ขา้ พเจา้ ใหเ้ ภสชั น้ีแก่ทา่ น”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 243 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 115 ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๔ (เก่ียวกบั แสวงหาและทาผา้ อาบ น้าฝนก่อนเวลา) “อทิ งั เม ภันเต (อาวโุ ส) วสั สิกะสาฏิกะจวี ะรัง อะติเรกะมาเส เสเส คมิ หาเน ปิ ริยิฏฐัง อะติเรกฑั ฒะมาเส เสเส คมิ หาเน กตั ว๎ า นิวตั ถงั นิสสัคคยิ ัง อิ มาหงั อายสั ๎มะโต นสิ สัชชาม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ จีวรคือผา้ อาบน้าฝนผนื น้ีของขา้ พเจา้ แสวงหาไดม้ าในฤดูร้อน ซ่ึงยงั เหลือเกินกวา่ ๑ เดือน ทานุ่ง ในฤดูร้อน ซ่ึงยงั เหลืออยเู่ กินกวา่ ก่ึงเดือน เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรคือผา้ อาบน้าฝนน้ีแก่ทา่ น.”

244 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 116 ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๕ (เกี่ยวกบั ใหจ้ ีวรแก่ภกิ ษุอื่นแลว้ ชิง คืน) “อทิ ัง เม ภนั เต (อาวโุ ส) จวี ะรัง ภกิ ขุสสะ สามงั ทัต๎วา อจิ ฉินนัง นิสสัคคยิ ัง อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นสิ สัชชามิ.” “ทา่ นเจา้ ขา้ จีวรผืนน้ีของขา้ พเจา้ ใหแ้ ก่ภิกษเุ อง แลว้ ชิงเอามา เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผนื น้ีแก่ทา่ น. ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๖ (เก่ียวกบั ขอดา้ ยมาเองแลว้ ใหช้ ่าง ทอเป็ นจีวร) “อทิ ัง เม ภันเต (อาวโุ ส) จวี ะรัง สามงั สุตตงั วญิ ญาเปตว๎ า ตันตะวาเยหิ วายาปิ ตัง นสิ สัคคยิ ัง อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นสิ สัชชาม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ จีวรผืนน้ีของขา้ พเจา้ ขอดา้ ยมาเองแลว้ ยงั ช่างหูกใหท้ อเป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผืนน้ีแก่ ทา่ น.”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 245 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 117 ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๗ (เก่ียวกบั ใหช้ ่างทอดีกวา่ ผทู้ ่ีจะถวาย กาหนด) “อทิ ัง เม ภนั เต (อาวุโส) จวี ะรัง ปพุ เพ อปั ปะวาริโต อญั ญา ตะกสั สะ คะหะปะตกิ สั สะ ตนั ตะวาเย อปุ ะสังกะมติ ๎วา จีวะเร วกิ ปั ปัง อาปันนัง นสิ สัคคยิ งั อมิ าหงั อายัส๎มะโต นิสสัชชา ม.ิ ” “ท่านเจา้ ขา้ จีวรผนื น้ีของขา้ พเจา้ เขาไมไ่ ดป้ วารณาไว้ ก่อน ขา้ พเจา้ เขา้ ไปหาช่างหูกของเจา้ เรือน ผไู้ ม่ใช่ญาติ ถึง ความกาหนดในจีวร เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละจีวรผืนน้ี แก่ท่าน.” ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๘ (เก่ียวกบั เกบ็ ผา้ จานาพรรษาไวเ้ กิน จีวรกาล) “อทิ ัง เม ภันเต (อาวโุ ส) อจั เจกะจีวะรัง จีวะระกาละสะมะยงั อะติกกามิตัง นิสสัคคยิ งั อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นสิ สัชชาม.ิ ”

246 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 118 “ทา่ นเจา้ ขา้ ผา้ อจั เจกจีวรผืนน้ีของขา้ พเจา้ เกบ็ ไว้ ลว่ งเลยสมยั จีวรกาลเป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละผา้ อจั เจก จีวรผืนน้ีแก่ทา่ น.” ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๙ (เก่ียวกบั อยปู่ ่ ามีภยั เกบ็ จีวรในบา้ น เกิน ๖ คืน) “อทิ ัง เม ภันเต (อาวโุ ส) จวี ะรัง อะตเิ รกะฉารัตตัง วปิ ปะวตุ ถัง อญั ญัต๎ระ ภิกขุสัมมะติยา นิสสัคคยิ ัง อมิ าหัง อายสั ๎มะโต นิสสัชชาม.ิ ” “ทา่ นเจา้ ขา้ จีวรผนื น้ีของขา้ พเจา้ อยปู่ ราศแลว้ เกิน ๖ ราตรี เป็นของจาจะสละ เวน้ ไวแ้ ตภ่ ิกษไุ ดส้ มมติ ขา้ พเจา้ สละ จีวรผนื น้ีแก่ท่าน.” ปัตตวรรค สิกขาบทท่ี ๑๐ (เกี่ยวกบั นอ้ มลาภที่เขาจะถวาย สงฆม์ าเพอื่ ตน)

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 247 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 119 “อทิ งั เม ภันเต (อาวโุ ส) ชานงั สังฆิกงั ลาภัง ปะริณะตัง อตั ตะโน ปะริณามิตัง นสิ สัคคยิ ัง อมิ าหงั อายสั ๎มะโต นิสสัช ชามิ.” “ท่านเจา้ ขา้ ลาภน้ีเขานอ้ มไปเป็นของถวายสงฆ์ ขา้ พเจา้ รู้อยู่ นอ้ มมาเพอ่ื ตน เป็นของจาจะสละ ขา้ พเจา้ สละ ลาภน้ีแก่ทา่ น.”

248 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 120 สมณกปั ปะ “ดูก่อนภิกษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหฉ้ นั ผลไมโ้ ดยสมณกปั ปะ ๕ อยา่ ง คือ ๑. ผลไมท้ ่ีลนดว้ ยไฟ ๒. ผลไมท้ ี่กรีดดว้ ยศสั ตรา ๓. ผลไมท้ ่ีจิกดว้ ยเลบ็ ๔. ผลไมท้ ่ีไมม่ ีเมลด็ ๕. ผลไมท้ ี่ปลอ้ นเมลด็ ออกแลว้ ” กระทาโดย ภิกษกุ ลา่ วคาวา่ “กปั ปิ ยงั กะโรหิ” อนุ ปะสัมบนั ใชศ้ สั ตราหรือเลบ็ ทาตาหนิท่ีผลไมซ้ ่ึงอยตู่ ิดต่อกนั พร้อมกบั กลา่ ววา่ “กัปปิ ยงั ภนั เต”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 249 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 121 วธิ ีแสดงอาบตั ิ ๑. กรณีแสดงอ่อนกว่า ผู้รับ ผ้แู สดง อะหัง ภณั เต, สัพพะหุลา นานาวตั ถุกาโย..... อาปัตตโิ ย อาปันโน ตา ปะฏเิ ทเสมิ ผู้รับ ปัสสะสิ อาวโุ ส ผู้แสดง อามะ ภันเต ปัสสามิ ผู้รับ อายะตงิ อาวุโส สังวะเรยยาสิ ผ้แู สดง สาธุ สุฏฐุ ภนั เต, สังวะริสสามิ (ว่า ๓ คร้ัง) ตรงช่องวา่ งใส่ช่ืออาบตั ิดงั น้ี ๑. ถลุ ลจั จะยาโย, ปาจิตติ ยาโย, ๓. ทกุ กะฎาโย, ๔. ทพุ พาสิตาโย สาหรบั อาบตั ิทพุ พาสิต ใหต้ ดั คาวา่ นานา วตั ถกุ าโย ออก

250 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 122

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 251 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 123 ปาริสุทธิอุโปสถภิกษุ ๒ รูป ภิกษผุ เู้ ถระ พงึ ห่มผา้ อตุ ตราสงคเ์ ฉวียงบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ บอกความบริสุทธ์ิของตน ตอ่ ภิกษุผนู้ วกะอยา่ งน้ีวา่ “ปะริสุทโธ อะหัง อาวุโส, ปะริสุทโธติ มงั ธาเรถะ. ฉนั บริสุทธ์ิแลว้ เธอ ขอเธอจาฉนั วา่ ผบู้ ริสุทธ์ิแลว้ ” (๓ หน) ภิกษนุ วกะ พงึ ห่มผา้ อตุ ตราสงคเ์ ฉวียงบา่ นง่ั กระโหยง่ ประคองอญั ชลี แลว้ บอกความบริสุทธ์ิของตน ต่อภิกษุ เหลา่ น้นั ดงั น้ี “ปะริสุทโธ อะหัง ภนั เต, ปะริสุทโธติ มงั ธาเรถะ. ผมบริสุทธ์ิแลว้ ขอรับ ขอทา่ นจาผมวา่ ผบู้ ริสุทธ์ิแลว้ ” (๓ หน)

252 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 124 คาอปุ โลกน์กฐิน องค์ท่ี ๑ อทิ านโิ ข ภนั เต, อทิ ัง สะปะริวารัง กะฐินะทุสสัง สังฆสั สะ กะฐินัตถาราระหะกาเลเยวะ อุปปันนัง, อที ิเส จะ กาเล เอวงั อปุ ปันเนนะ ทสุ เสนะ กะฐินตั ถาโร วสั สัง วุตถานงั ภกิ ขูนัง ภะคะวะตา อะนุญญาโต, เยนะ อากงั ขะมานสั สะ สังฆสั สะ ปัญจะ กปั ปิ สสันติ, อะนามนั ตะจาโร อะสะมาทานะจาโร คะณะโภชะนัง ยาวะทตั ถะจวี ะรัง โย จะ ตตั ถะ จวี ะรุปปาโท โส เนสัง ภะวสิ สะติ, จะตูสุปิ เหมันตเิ กสุ มาเสสุ จีวะระกาโลมะหันตี กะโต ภะวสิ สะติ, อทิ านิ ปะนะ สังโฆ อากงั ขะติ นุ โข กะฐินัตถารัง อทุ าหุนากงั ขะต.ิ สงฆ์พึงรับพร้อมกันว่ำ “อำกังขำมะ ภนั เต”ผ้แู ก่พรรษำกว่ำ พึงรับเพยี ง “อำกงั ขำมะ”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 253 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 125 องค์ที่ ๒ โสโข ปะนะ ภันเต กะฐินัตถาโร ภะคะวะตา ปุคคะลสั สะ อตั ถาระวะเสเนวะ อะนุญญาโตนาญญัตตะระ ปคุ คะลสั สะ อตั ถารา อตั ถะตงั โหติ กะฐินนั ติ หิ วตุ ตัง ภะคะวะตา, นะสังโฆ วา คะโณ วา กะฐินัง อตั ถะระติ, สังฆัสสะ จะ คะณสั สะ จะ สามัคคยิ า ปคุ คะลสั เสวะ อตั ถารา, สังฆัสสะปิ คะณัสสะปิ ตัสเสวะ ปุคคะลสั สะปิ อตั ถะตงั โหตกิ ะฐินงั , อิ ทานิ กสั สิมงั กะฐินะทสุ สัง ทัสสามะ กะฐินัง อตั ถะริตงุ โย ชิณณะจวี ะโรวา ทพุ พะละจีวะโร วา โย วา ปะนะ อุสสะหิ สสะติ อชั เชวะ จีวะระกมั มงั นิฏฐาเปตวาสัพพะวธิ านัง อะ ปะริหาเปตวา กะฐินัง อตั ถะริตุง สะมตั โถ ภะวสิ สะต.ิ สงฆ์พึงนง่ั นิ่งเสีย

254 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 126 องค์ที่ ๓ อธิ ะอมั เหสุ อายสั มา (ถาวะโร) สัพพะมะหลั ละโก พะหุสสุโต ธัมมะธะโร วนิ ะยะธะโร สะพระหมะจารีนงั สันทัสสะโก สะมาทะปะโก สะมุตเตชะโก สัมปะหงั สะโก พะหุนนงั อาจะริโย (วา อุปัชฌาโย วา) หุตวา โอวาทะโก อะนุสาสะโก สะมัถโถ จะ ตัง ตงั วนิ ะยะกมั มงั อะ วโิ กเปตวา กะฐินงั อตั ถะริตุง มญั ญามะหะเมวงั สัพโพยงั สังโฆ อมิ งั สะปะริวารัง กะฐินะทสุ สัง อายัสมะโต (ถาวะ รัสสะ) ทาตกุ าโม, ตสั มงิ กะฐินงั อตั ถะรันเต สัพโพยงั สังโฆ สัมมะเทวะอะนุโมทิสสะต.ิ อายสั มะโต (ถาวะรัสเส วะ) อมิ ัง สะปะริวารัง กะฐินะทสุ สัง ทาตงุ รุจจะติ วา โน วา สัพพสั สิมัสสะ สังฆัสสะ. สงฆ์พึงรับพร้อมกันว่ำ “รุจจะติ ภันเต”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 255 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 127 องค์ที่ ๔ ยะทอิ ายัสมะโต (ถาวะรัสสะ ) อมิ งั สะปะริวารัง กะฐิ นะทสุ สัง ทาตงุ , สัพพสั สิมสั สะ สังฆัสสะ รุจจะติ สาธุ ภนั เต สังโฆ อมิ งั กะฐินะทสุ สะปะริ วาระภูตงั ติจีวะรัง วสั สาวาสิกฏั ฐิตกิ ายะ อะคาเหตวาอายัสมะโต (ถาวะรัสเสวะ) อมิ ินา อะปะโลกะเนนะ ทะทาต,ุ กะฐินะทุสสังปะนะอะปะโล กะเนนะ ทิยยะมานงั ปิ นะ รูหะติ. ตสั มา ตงั อทิ านิ ญตั ตทิ ตุ ิ เยนะ กมั เมนะอะกปุ เปนะ ฐานาระเหนะ อายสั มะโต (ถาวะรัสสะ ) เทมาติ กมั มะสันนฏิ ฐานงั กะโรตุ. สงฆ์พึงรับพร้อมกันว่ำ “สำธุ ภนั เต” หมายเหตุ ในวงเลบ็ เปล่ียนตามฉายาของพระผรู้ ับกฐิน ใน ที่น้ี มีฉายาวา่ อนาละโย เป็นอาทิ การเปล่ียน คาทา้ ยฉายา เช่น ถาวะโร เปล่ียนเป็น ถาวระ กอ่ นแลว้ เติมคาตามหลงั เช่น ถาวะร + อสั สะ เป็น ถาวรัสสะ, ผะละปญุ ญ เป็น ผะละ

256 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 128 ปุญญสั สะ, ถาวะร + อสั เสวะ เป็น ถาวรัสสัสเสวะ ผะละ ปุญญ เป็นผละละปุญญสั เสวะ เป็นตน้ อน่ึง ในวงเลบ็ วา่ (วา อปุ ัชฌา โย วา) ของผสู้ วดองคท์ ่ี ๓ ถา้ ไม่มีพระอุปัชฌายอ์ ยดู่ ว้ ย ตดั ทิง้ ไปก็ได้ ญตั ติทุตยิ กรรมวาจา ๑. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ นะโม ตัสสะ (หยดุ ) ๒. ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (หยดุ ) ๓. นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต (หยดุ ) ๔. อะระหะโต สัมมา (หยดุ ) ๕. สัมพทุ ธัสสะ (หยดุ ) สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, อทิ งั สังฆสั สะ กะฐินะทสุ สัง อปุ ปันนงั , ยะทิ สังฆสั สะ ปัตตะกลั ลงั , สังโฆ อมิ งั กะฐินะทสุ สัง อายสั ๎มะโต ( อะนา ละยัสสะ ), ทะเทย๎ยะ, กะฐินัง อตั ถะริตงุ , เอสา ญตั ต.ิ

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 257 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 129 สุณาตุ เม ภนั เต สังโฆ, อทิ งั สังฆัสสะ กะฐินะทุสสัง อุปปันนงั , สังโฆ อมิ งั กะฐินะทุสสัง อายสั มะโต ( อะนาละยัส สะ), เทติ กะฐินงั อตั ถะริตงุ , ยัสสายสั ๎มะโต ขะมะติ, อมิ ัสสะ กะฐินะทสุ สัสสะ, อายสั มะโต ( อะนาละยสั สะ). ทานัง, กะฐินัง อตั ถะริตุง, โส ตณุ หัสสะยัสสะ นักขะมะติ, โส ภาเลย ยะ, ทนิ นัง อทิ งั สังเฆนะ, กะฐินะทุสสัง อายัส๎มะโต ( อะนา ละยัสสะ ), กะฐินงั อตั ถะริตุง, ขะมะติ สังฆสั สะ ตัสมา ตณุ หี, เอวะเมตงั ธาระยาม.ิ คากรานกฐิน กรานด้วยผ้าสังฆาฏิ อมิ ายะ สังฆาฏยิ า กะฐินงั อตั ถะรามิ ขา้ พเจา้ กรานกฐินดว้ ยผา้ สงั ฆาฏิผนื น้ี กรานด้วยผ้าห่ม อมิ ินา อตุ ตะราสังเคนะ กะฐินงั อตั ถะรามิ ขา้ พเจา้ กรานกฐินดว้ ยผา้ ห่มผืนน้ี

258 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 130 กรานด้วยผ้านุ่ง อมิ นิ า อนั ตะระวาสะเกนะ กะฐินงั อตั ถะรามิ ขา้ พเจา้ กรานกฐินดว้ ยผา้ นุ่งผืนน้ี คาเสนออนุโมทนากฐิน “อตั ถะตัง อาวุโส สังฆสั สะ กะฐินัง, ธมั มโิ ก กะฐินัตถาโร, อะ นุโมทะถะ. คาแปล “ดูก่อนทา่ นผมู้ ีอายทุ ้งั หลาย กฐินของสงฆ์ ขา้ พเจา้ กรานเสร็จแลว้ การกรานกฐินชอบธรรม ขอท่านท้งั หลาย อนุโมทนาเถิด” หมายเหตุ ถา้ อ่อนกวา่ อนุโมทนาแมร้ ูปหน่ึง วา่ “ภนั เต” แทน “อาวโุ ส” ถา้ วา่ กบั ภิกษุรูปเดียวที่ออ่ นกวา่ พึงวา่ “อะนุ โมทาห”ิ แทน “อะนุโมทะถะ”

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 259 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 131 คาอนุโมทนากฐิน ว่าทลี ะรูป “อตั ถะตงั ภันเต สังฆัสสะ กะฐินัง, ธมั มโิ ก กะฐินัตถาโร อนุโมทาม”ิ ว่าพร้อมกนั “อตั ถะตัง ภันเต สังฆสั สะ กะฐินัง, ธมั มิโก กะฐินัตถาโร อะนุโมทาเมะ” ถา้ แก่กวา่ ผกู้ รานกฐินใหว้ า่ “อาวโุ ส” แทน “ภณั เต” คาแปล “ขา้ แต่ทา่ นผเู้ จริญ กฐินของสงฆท์ ่านกรานเสร็จแลว้ การกรานกฐินชอบธรรม ขา้ พเจา้ อนุโมทนา”

260 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 132 คาอาราธนาต่างๆ คาอาราธนาศีล ๕ มะยงั ภันเต, วสิ ุง วสิ ุง รักขะณัตถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ, ทตุ ยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต, วสิ ุง วสิ ุง รักขะณัตถายะ, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ, ตะตยิ มั ปิ มะยัง ภันเต, วสิ ุง วสิ ุง รักขะณตั ถายะ, ตสิ ะระเณ นะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ. หมายเหตุ ถา้ ศีล ๘ เปลี่ยน ปัญจะ เป็น อฏั ฐะ

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 261 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 133 คาให้ศีล ๕ เม่ือคฤหสั ถอ์ าราธนาศลี แลว้ พระพึงใหศ้ ีลดงั น้ี นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ (๓ จบ) พุทธัง สะระณัง คจั ฉามิ ธัมมัง สะระณัง คจั ฉามิ สังฆัง สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ยิ มั ปิ พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ ธัมมัง สะระณัง คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ สังฆงั สะระณงั คจั ฉามิ ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คจั ฉามิ ตะตยิ ัมปิ ธัมมัง สะระณัง คจั ฉามิ ตะติยัมปิ สังฆงั สะระณัง คจั ฉามิ ตสิ ะระณะคะมะนัง นฏิ ฐิตงั

262 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 134 ปาณาตปิ าตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ อทนิ นาทานา เวระมณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ สุรา เมระยะ มชั ชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ (สรุป) อมิ านิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สีเลนะ สุคะตงิ ยนั ติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สีเลนะ นิพพุติง ยนั ติ ตัสมา สีลงั วโิ สธะเย

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 263 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 135 คาอาราธนาอุโบสถศีล มะยัง ภนั เต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, อฏั ฐังคะสะมนั นา คะตงั , อโุ ปสะถงั ยาจามะ ทุตยิ มั ปิ มะยงั ภนั เต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ, อฏั ฐังคะ สะมนั นาคะตงั , อโุ ปสะถงั ยาจามะ ตะติยมั ปิ มะยงั ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อฏั ฐังคะ สะมันนาคะตงั , อุโปสะถงั ยาจามะ ตอ่ น้ี คอยต้งั ใจรับสรณคมนแ์ ละศีลโดยเคารพ คือ ประนมมือวา่ ตามคาท่ีพระสงฆบ์ อกเป็นตอน ๆวา่ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ (๓ จบ) พทุ ธัง สะระณัง คจั ฉามิ ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ สังฆงั สะระณงั คจั ฉามิ

264 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 136 ทตุ ิยมั ปิ พุทธัง สะระณงั คจั ฉามิ ทุตยิ มั ปิ ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ สังฆัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะติยัมปิ พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะตยิ มั ปิ ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คจั ฉามิ เมื่อพระสงฆว์ า่ ตสิ ะระณะคะมะนัง นิฏฐิตงั พึงรับพร้อม กนั วา่ อามะ ภันเต ๑. ปาณาตปิ าตา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยามิ ๒. อทนิ นาทานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ ๓. อพรหมจริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ ๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ ๕. สุราเมรยมชั ชปมาทฏั ฐานา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิ ยามิ

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 265 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 137 ๖. วกิ าลโภชนา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ ๗. นจั จะคตี ะวาทติ ะวสิ ูกะทสั สะนา มาลาคนั ธะวเิ ลปะนะ ธา ระณะ มณั ฑะนะวภิ ูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ ๘. อจุ จาสะยะนะมะสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิ ยามิ อมิ งั อฏั ฐังคะสะมันนาคะตัง, พุทธะปัญญตั ตงั อโุ ป สะถงั อมิ ัญจะ รัตติง อมิ ญั จะ ทิวะสัง, สัมมะเทวะ อะภริ ัก ขติ งุ สะมาทิยามิ ข้ำพเจ้ำสมำทำนอโุ บสถ, ทพี่ ระพุทธเจ้ำทรงบญั ญตั ิไว้ อันประกอบด้วยองค์แปดประกำร ดงั ได้สมำทำนแล้วนี้ เพื่อ จะรักษำไว้ให้ดี ไม่ให้ขำด ไม่ให้ทำลำย สิน้ วนั หน่ึงกับคืน หนึ่ง ณ เวลำวนั นี้ (หยดุ รับเพยี งเทา่ น้ี) ตอนนพี้ ระสงฆ์จะว่ำ อมิ านิ อฏั ฐะ สิกขาปะทานิ อชั เชกงั รัตตนิ ทวิ งั อโุ ปสะถะวะเสนะ สาธุกงั รักขติ พั พานิ

266 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 138 (พระสงฆ์ว่ำต่อ) สีเลนะ โภคสมั ปะทา ตสั มา สีลงั วิโสธะเย สีเลนะ สุคะติง ยนั ติ สีเลนะ นิพพุติง ยนั ติ คาลาสิกขา สิกขงั ปัจจักขามิ คหิ ตี ิ มัง ธาเรถะ ขา้ พเจา้ ขอลาสิกขา ทา่ นท้งั หลายจงจาขา้ พเจา้ ไวว้ า่ เป็นคฤหสั ถ์

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 267 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 139 คาอาราธนาพระปริตร วปิ ัตติปะฏพิ าหายะ สพั พะสมั ปัตติสัทธิยา สัพพะ ทุกขะ วนิ าสายะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วิปัตติปะฏพิ าหายะ สัพพะสมั ปัตติสิทธิยา สัพพะ ภะยะ วินาสายะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั วิปัตติปะฏิพาหายะ สพั พะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะ โรคะ วินาสายะ ปะริตตงั พรูถะ มงั คะลงั คาอาราธนาธรรม พรัหมาจะ โลกาธิปะตี สะหมั ปะติ กตั อญั ชะลี อนั ธิวะรัง อะยาจะถะ สันตีธะสัตตาปปะระชักขะชาตกิ า เทเสตุ ธมั มงั อะนุกมั ปิ มัง ปะชัง

268 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 140 คาถวายข้าวพระพุทธ อมิ ัง สูปะพยญั ชะนะสัมปันนัง สาลนี ัง โอทะนัง อทุ ะกงั วะ รัง พทุ ธัสสะ ปเู ชมิ คาลาข้าวพระพุทธ เสสัง มงั คะลงั ยาจามิ คาถวายสังฆทาน (ทวั่ ไป) อมิ านิ มะยัง ภันเต ภตั ตานิ สะปะริวารานิ ภกิ ขุสังฆัส สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภิกขุสังโฆ อมิ านิ ภตั ตานิ สะปะริวารนิ ปะฏคิ คณั หาตุ อมั หา กงั ทฆี ะรัตตงั หิตายะ สุขายะ ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย ขอนอ้ มถวาย ภตั ตาหารกบั ของท่ีเป็นบริวาร

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 269 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 141 เหล่าน้ี แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆจ์ งรบั ภตั ตาหารกบั ท้งั บริวารท้งั หลายเหลา่ น้ี ของขา้ พเจา้ ท้งั หลาย เพอ่ื ประโยชน์ และความสุข แก่ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย สิ้นกาลนาน เทอญ. คาถวายผ้าป่ า อมิ านิ มะยงั ภนั เต ปังสุกลู ะจวี ะรานิ สะปะริวารา มิ ภิกขสุ ังฆสั สะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภนั เต ภิกขุสังโฆ อมิ านิ ปังสุกลู ะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏคิ คณั หาตุ อมั หากงั ทฆี ะรัตตงั หิตายะ สุขายะ คาแปล ขา้ แตพ่ ระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย ขอนอ้ ม ถวาย ผา้ บงั สุกลุ จีวรกบั ท้งั บริวารเหลา่ น้ี แกพ่ ระภิกษุ สงฆ์ ขอพระภิกษสุ งฆจ์ งรับ ผา้ บงั สุกลุ จีวรกบั ท้งั บริวาร เหลา่ น้ี ของขา้ พเจา้ ท้งั หลาย เพอ่ื ประโยชน์และความสุข แก่ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย สิ้นกาลนาน เทอญ ฯ

270 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 142 คาชักผ้าป่ า อมิ งั ปังสุกลู ะจีวะรัง อสั สามิกงั มัยหัง ปาปณุ าติ คาถวายผ้ากฐิน “อมิ งั ภนั เต, สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระทสุ สัง, สังฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, สังโฆ, อมิ ัง, สะปะริวารัง, กะฐิ นะทสุ สัง, ปะฏิคคณั หาตุ, ปะฏคิ คะเหตตะวาจะ, อมิ นิ า ทุ สเสนะ กะฐินัง, อตั ถะระตุ, อมั หากงั ฑฆี ะรัตตงั หิตายะ สุขา ยะ นิพพานายะจะ” คาแปล ขา้ แต่พระสงฆผ์ เู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย ขอนอ้ มถวาย ผา้ กฐินจีวร กบั ท้งั บริวารท้งั หลายเหลา่ น้ี แก่พระสงฆ์ ขอ พระสงฆจ์ งรับผา้ กฐิน กบั ท้งั บริวารท้งั หลายเหล่าน้ี ของ ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย รับแลว้ จงกรานกฐิน ดว้ ยผา้ น้ี เพื่อประโยชน์ และความสุขแก่ขา้ พเจา้ ท้งั หลาย สิ้นกาลนาน เทอญ.

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 271 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 143 คาอปโลกน์สังฆทาน นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ ยัคเฆ ภนั เต สังโฆ ชานาตุ, อะยัง ปะฐะมะภาโค เถรัสสะ ปาปุณาติ, อะวะเสสา ภาคา อมั หากงั ปาปุณนั ตุ, ภิกขุ จะ สา มะเณรา จะ คะหัฏฐา จะยะถา สุขัง ปะริภญุ ชันตุ (๓ จบ)

272 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 144 ปกณิ ณกธรรม ๑. การบารุงพระพทุ ธศาสนา การบารุงพระศาสนา กค็ ือการทาใหพ้ ระศาสนามนั่ คง เจริญเป็นที่พ่ึงแก่สัตวโ์ ลกไดจ้ ริง ปัญหามีวา่ จะตอ้ งทา อยา่ งไร คือการท่ีตวั เองปฏิบตั ิเอง หรือช่วยเหลือกิจการพระ ศาสนา บารุงวดั วาอาราม เล้ียงพระเจา้ พระสงฆ์ เป็นตน้ ทายกทายกิ าส่วนมาก ทากนั แตอ่ ยา่ งท่ี ๒ บารุงใหพ้ ระ เณรไดก้ ินดีอยดู่ ี แต่ไมไ่ ดส้ นใจวา่ ตวั แทข้ องพระศาสนาน้นั คืออะไร ธรรมมะน้นั เป็นอยา่ งไร จะปฏิบตั ิอยา่ งไร เพราะมา นอนใจเสียวา่ ไดบ้ ารุงพระศาสนาเป็นอยา่ งยง่ิ ไดบ้ ญุ ไดก้ ศุ ล จนเหลือเฟือแลว้ จะตองการอะไรอีกเล่า น่ีแหละคือการบารุงพระศาสนา ชนิดท่ีถา้ จะ เปรียบเทียบกนั ใหด้ ีแลว้ ก็เหมือนกบั การเล้ียงไก่ไวไ้ ขใ่ ห้ สุนขั กิน ถา้ สมมติวา่ เรามีแตว่ ดั วาอาราม ไมม่ ีพระที่เป็น เหมือนหมอ ไมม่ ีธรรมะท่ีเป็นเหมือนยา มนั กไ็ ม่มีประโยชน์ อะไร

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 273 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 145 ตวั ศาสนาน้นั มนั อยทู่ ี่ตวั การดบั ทกุ ข์ หรือตวั การ ปฏิบตั ิเพ่อื ความดบั ทกุ ขน์ นั่ เอง ดงั น้นั ถา้ จะบารุง พระพทุ ธศาสนากนั ใหถ้ ูกตวั จริงแลว้ กต็ อ้ งบารุงใหเ้ กิดความ ดบั ทุกขข์ ้ึนมาจริงๆ ตามพระพุทธประสงคท์ ี่วา่ “เราขอเตือน พวกเธอวา่ สงั ขารท้งั หลายมีความเส่ือมไป สิ้นไปเป็น ธรรมดา เธอจงยงั ประโยชนต์ นประโยชนท์ า่ นใหถ้ ึงพร้อม ดว้ ยความไม่ประมามทเถิด” การเล้ียงพระ ถา้ เล้ียงใหพ้ ระอยดู่ ีกินดีเกินไป โดยไม่ ตอ้ งทาอะไร มนั ก็กลายเป็นวา่ เล้ียงพระใหก้ ลายเป็นหมู ถา้ ใครจะเล้ียงพระไวส้ าหรับเป็นพ่อสื่อแมช่ กั มนั กเ็ หมือนกบั เล้ียงพระใหก้ ลายเป็นม้า บางทีใชพ้ ระเณรใหท้ าประโยชนแ์ ก่ ตนทางวตั ถุ อยา่ งน้ีมนั กเ็ ท่ากบั เล้ียงพระใหก้ ลายเป็นววั เป็ น ควาย บางทีก็เล้ียงพระใหเ้ ป็นนกเขา ที่วา่ เป็นนกเขาน้ี ก็คือ ใหข้ นั เพราะๆสาหรับใหท้ ายกทายกิ าสบายใจ บางทีกเ็ อาแต่ บารุงบาเรอกนั เกินไป เอาแตส่ นุกสนาน อยา่ งน้ีกเ็ รียกวา่ เล้ียงพระใหก้ ลายเป็นเทวดาไป บางทีกเ็ ล้ียงพระใหก้ ลายเป็น ยักษ์เป็ นมาร กลายเป็นคนเจา้ อารมณ์ และในท่ีสุดเล้ียงให้

274 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 146 เป็นลูกเขยหลานเขย (อยา่ งน้ีเป็นอนั ตรายแก่พระศาสนาอยา่ ง ยง่ิ ) ตัดตอนจำกคำสอนของท่ำนพุทธทำสภิกขุ การบารุงพระศาสนาท่แี ทจ้ ริงน้นั อยทู่ ่ี การประพฤติ ประปฏิบตั ิจนไดร้ ับผลเป็นความสะอาด สวา่ ง และสงบเยน็ ในชีวิตประจาวนั ดงั น้นั เราทุกคนจึงมีหนา้ ที่ศึกษาและ ปฏิบตั ิธรรมจนไดร้ ับผลพอสมควร เริ่มตน้ ดว้ ยการทาวตั ร สวดมนตแ์ ปล เพราะจะทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจหลกั ธรรม อนั นาไปสู่การลงมือปฏิบตั ิจนไดร้ ับผลตามสมควรแก่เหตุปัจจยั และเม่ือไดร้ ับประโยชนแ์ ลว้ ตอ้ งหาโอกาสเผยแผแ่ บง่ ปันให้ เกิดประโยชนแ์ ก่ผอู้ ื่นตอ่ ไป นี่แหละคือการบารุงพระศาสนา ท่ีสาถกู ตอ้ ง ๒. กมั มวภิ งั คสูตร (แสดงกฎแห่งกรรม ๑๖ ข้อ ดังนคี้ ือ) ๑. อายยุ นื เพราะไมฆ่ า่ สตั ว์ ๒. อายสุ ้ัน เพราะฆา่ สัตว์ ๓. ไมข่ ้ีโรค เพราะไมเ่ บียดเบียนสตั ว์ ๔. ข้ีโรค เพราะเบียดเบียนสัตว์ ๕. รูปสวย เพราะไมข่ ้ีโกรธ และถือศีลดว้ ย

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 275 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 147 ๖. รูปไมส่ วย เพราะข้ีโกรธ และไม่ถือศีลดว้ ย ๗. ร่ารวยทรัพย์ เพราะทาทาน และชอบช่วยเหลือ ผอู้ ื่น ๘. ยากจน เพราะไมท่ าทาน และไมช่ อบช่วยเหลือ ผอู้ ่ืน ๙. มีบริวาร เพราะมนี ้าใจ โอบออ้ มอารีย์ ๑๐. ไม่มีบริวาร เพราะไมม่ ีน้าใจ โอบออ้ มอารีย์ ๑๑. เกิดในตระกลู สูง เพราะอ่อนนอ้ มถอ่ มตนต่อ ผใู้ หญ่ ๑๒. เกิดในตระกูลต่า เพราะไม่ออ่ นนอ้ มถ่อมตนต่อ ผใู้ หญ่ ๑๓. มียศศกั ด์ิเดชานุภาพ เพราะไม่อิจฉาริษยาผอู้ ื่น ๑๔. ไม่มียศศกั ด์ิเดชานุภาพ เพราะอิจฉาริษยาผอู้ ่ืน ๑๕. มีปัญญา เพราะคบนกั ปราชญบ์ ณั ฑิตผมู้ ีปัญญา ทางธรรม ๑๖. ไมม่ ีปัญญา เพราะไมค่ บนกั ปราชญบ์ ณั ฑิตผมู้ ี ปัญญาทางธรรม ๓. ความเหน็ ผดิ (มจิ ฉาทิฏฐิ) แสดงไว้ ๒๗ ข้อดงั นี้ คือ

276 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 148 ๑. เห็นวา่ บาปไมม่ ี ๒. เห็นวา่ บญุ ไม่มี ๓. เห็นวา่ นรกไม่มี ๔. เห็นวา่ สวรรคไ์ มม่ ี ๕. เห็นวา่ ชาติก่อนไมม่ ี ๖. เห็นวา่ ชาติหนา้ ไมม่ ี ๗. เห็นวา่ ทาดีไม่ไดด้ ี ๘.เห็นวา่ ทาชว่ั ไม่ไดช้ ว่ั ๙. เห็นวา่ บิดามารดาไมม่ ีคุณตอ่ บตุ ร ๑๐. เห็นวา่ พระรัตนตรัยไม่มีประโยชน์ ๑๑. เห็นวา่ พระนิพพานอนั เป็นทดี่ บั ทุกขไ์ มม่ ี ๑๒. เห็นวา่ พระเจา้ สร้างโลก ความจริงแลว้ ตณั หา ต่างหากสร้างโลก ๑๓. เห็นวา่ ตายแลว้ สูญ ๑๔. เห็นวา่ เทวดา, พรหม, ไม่มี ๑๕. เห็นวา่ เม่ือครบ ๘๔ กปั ป์ ก็บริสุทธ์ิไปเอง โดยไม่ ตอ้ งเจริญวปิ ัสสนา

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 277 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 149 ๑๖. เห็นวา่ ชาติน้ีเกิดเป็นอยา่ งไร ชาติหนา้ กต็ อ้ งเกิด เป็นอยา่ งน้นั ๑๗. เห็นวา่ ไสยศาสตร์ดา ประเสริฐกวา่ คาส่ังสอนของ พระพทุ ธเจา้ ๑๘. เห็นวา่ โลกเที่ยง, ยงั่ ยนื , คงทน, ถาวร, มน่ั คง, ไม่ เปล่ียนแปลง ๑๙. เห็นวา่ รูปนามขนั ธ์ 5 เที่ยง, ยงั่ ยนื , คงทน, ถาวร, มนั่ คง, ไมเ่ ปลี่ยนแปลง ๒๐. เห็นวา่ พดู ไดโ้ ลกียฌานประเสริฐสุด ๒๑. เห็นวา่ ฆา่ สตั วไ์ ดบ้ ุญ ๒๒. เห็นวา่ ลกั ขโมยไม่บาป ๒๓. เห็นวา่ ฉอ้ โกงเขาไดเ้ ป็นคนฉลาดและไมบ่ าป ๒๔ เห็นวา่ ทากาเมสุมิจฉาจาร ไดเ้ ป็นบคุ คลทีน่ ่ายก ยอ่ งสรรเสริญและไมบ่ าป ๒๕. เห็นวา่ พดู ปดพดู ส่อเสียดพูดคาหยาบพดู เพอ้ เจอ้ ไมบ่ าป ๒๖. เห็นวา่ เสพของมึนเมาหรือเสพของเสพติดไม่บาป ๒๗. เห็นวา่ ตามใจตวั เองไม่บาป

278 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 150 ๔. พระพุทธศาสนาจะเจริญได้ด้วยเหตุ ๕ ประการ ดงั น้ี คือ ๑. สักกจั จัง สุณันติ ฟังคาสั่งสอนของพระพทุ ธเจา้ โดย เคารพ ๒. สักกจั จงั ปาปุณนั ติ เล่าเรียนสึกษาคาส่ังสอนของ พระพทุ ธเจา้ โดยเคารพ ๓. สักกจั จงั ธาเรนติ ทรงจาคาสั่งสอนของพระพุทะ เจา้ โดยเคารพ ๔. สักกจั จัง โยนโิ ส มนสิกโรติ พจิ ารณาคาสงั่ สอนของ พระพุทธเจา้ ดว้ ยแยบคายโดยเคารพ ๕. สักกจั จัง ปฏปิ ัชชันติ ปฏิบตั ิตามคาสงั่ สอนของ พระพทุ ธเจา้ โดยเคารพ ๕. พระพุทธเจ้าจะเสื่อมได้ด้วยเหตุ ๕ ประการ ดงั นี้ คือ ๑. น สักกจั จงั สุณันติ ไมฟ่ ังคาสงั่ สอนของ พระพทุ ธเจา้ โดยตรง ๒. น สักกจั จงั ปาปณุ นั ติ ไม่เลา่ เรียนศึกษาคาส่งั สอน ของพระพุทธเจา้ โดยเคารพ

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 279 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 151 ๓. น สักกจั จัง ธาเรนติ ไมท่ รงจาคาสงั่ สอนของ พระพทุ ธเจา้ โดยเคารพ ๔. น สักกจั จงั โยนิโส มนสิกโรติ ไมพ่ ิจารณาคาส่งั สอนของพระพุทธเจา้ ดว้ ยแยบคายโดยเคารพ ๕. น สักกจั จงั ปฏปิ ัชชันติ ไม่ปฏิบตั ิตามคาสั่งสอน ของพระพุทธเจา้ โดยเคารพ ๖. ลกั ษณะของบณั ฑิต ๑. ชอบทาความดีชกั ชวนทาความถูกตอ้ ง ๒. มีความเห็นชอบ ๓. ทาหนา้ ท่ีของตนอยา่ งสมบูรณ์ ๔. เม่ือมีคนติดเรียนปบณั ฑิตถือวา่ ช้ีขมุ ทรพั ยใ์ ห้ ๕. บณั ฑิตยอ่ มมีกฎระเบียบธรรมวนิ ยั อนั ดีเป็นที่ต้งั ๖. บณั ฑิตยอ่ ม ถึงพร้อมดว้ ย, ศีล สมาธิ ปัญญา กตญั ญู กตเวที ๗. ลกั ษณะของคนพาล ๑. ชอบทาความชว่ั ชกั ชวนทาความผดิ ๒. มีความเห็นผิดเป็นชอบ

280 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 153 ภาคผนวก

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 281 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 152 ๓. ชอบทาในสิ่งท่ีไม่ใช่หนา้ ที่ของตน ๔. คนพาลแมพ้ ดู ดีๆดว้ ยกโ็ กรธ ๕. คนพาลไมม่ ีกฎระเบียบธรรมวนิ ยั ๖. คนพาลยอ่ มไร้ศีลธรรมไมร่ ู้จกั บุญคุณใคร

282 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 154 วนิ ัยชาวพทุ ธ – หลกั สูตรอารยชน พระสงฆม์ ีวินยั ของพระภิกษุ ท่ีจะตอ้ งประพฤติใหเ้ ป็น ผมู้ ีศีล ชาวพุทธและมนุษยท์ วั่ ไป ก็มีวนิ ยั ของคฤหสั ถท์ ี่ จะตอ้ งประพฤติใหเ้ ป็นมาตรฐาน หมวดหนึ่ง-วางแผนชีวติ ให้มนั่ ชาวพทุ ธและมนุษยท์ กุ คนจะตอ้ งดาเนินชีวิตท่ดี ีงาม และร่วมกนั สร้างสรรคส์ งั คมใหเ้ จริญมน่ั คงตามหลกั วินยั ของ คฤหสั ถ์ (คิหิวนิ ยั ) ดงั น้ี กฎ ๑ เว้นชั่ว ๑๔ ประการ ก. เว้นกรรมกเิ ลส (บาปกรรมท่ีทาใหช้ ีวติ มวั หมอง) ๔ คือ ๑. ไม่ทาร้ายร่างกายทาลายชีวติ (เวน้ ปาณาติบาต) ๒. ไม่ลกั ทรัพยล์ ะเมิดกรรมสิทธ์ (เวน้ ทนิ นาทาน) ๓. ไมป่ ระพฤติผดิ ทางเพศ (เวน้ กาเมสุมิจฉาจาร) ๔. ไม่พูดเทจ็ โกหกหลอกลวง (เวน้ มสุ าวาท)

ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 13 283 ห นั ง สื อ ส ว ด ม น ต์ วั ด ป่ า บ้ า น เ ชี ย ง ง า ม | 155 ข. เว้นอคติ (ความลาเอียง/ประพฤติคลาดธรรม) ๔ คือ ๑. ไม่ลาเอียงเพราะชอบ (เวน้ ฉนั ทาคติ) ๒. ไมล่ าเอียงเพราะชงั (เวน้ โทสาคติ) ๓. ไม่ลาเอียงเพราะขลาด (เวน้ ภยาคติ) ๔. ไมล่ าเอียงเพราะขลาด (เวน้ โมหาคติ) ค. เว้นอบายมขุ (ช่องทางเส่ือมทรัพยอ์ บั ชีวติ ) ๖ คือ ๑. ไม่เสพติดสุรายาเมา ๒. ไมเ่ อาแต่เท่ียวไมร่ ู้เวลา ๓. ไม่จอ้ งหาแตร่ ายการบนั เทงิ ๔. ไมเ่ หลิงไปหาการพนนั ๕. ไม่พวั พนั มวั่ สุมมิตรชว่ั ๖. ไม่มวั จมอยใู่ นความเกียจคร้าน

เมื่อวา่ จนปลงใจแน่แลว้ พงึ กราบลง ๓ หน ออกไป เปลี่ยนเครื่องแตง่ กาย กลบั มาท่ีพระสงฆ์ กราบลง ๓ หน ประนมมือเปลง่ วาจาถึงพระไตรสรณคมน์ พร้อมกบั แสดง ตนเป็ นอุบาสกวา่ “เอสาหัง ภนั เต, สุจริ ะปะรินิพพุตัมปิ , ตัง ภะคะวนั ตัง สะระณัง คจั ฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, อุปาสะกงั มงั สังโฆ ธาเรตุ, อชั ชะตคั เค ปาณุเปตัง สะระณัง คะตงั ” เจ้าภาพผู้จัดพมิ พ์ หนงั สือสวดมนต์เมื่อวา่ จบแลว้ พงึ ต้งั ใจสมทานศีล ๕ โดยวา่ ตามพระผู้ ถวายเป็นประธาน เสร็จแลว้ พงึ ออกไปรับน้าพระพทุ ธมนต์ กลบั มาถวายไทยธรรม พระสงฆก์ ลา่ วอนุโมทนาเป็นเสร็จพิธี ลาสิกขา. นางสาวจิรภา พุทธา




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook