Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Banana milk ice-cream shake Project(1)

Banana milk ice-cream shake Project(1)

Published by Natchayathorn C., 2022-06-10 07:39:16

Description: Banana milk ice-cream shake Project(1)

Search

Read the Text Version

Marywitthayakabinburi school โครงงานอันเนือ่ งมาจากหนังสอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชนฯ เรือ่ ง Banana milk ice-cream shake ปีการศึกษา 2565 โครงงานนเี้ ป็นส่วนหนึง่ ขอการประกวดโครงงานจากหนังสือสารานกุ รมไทย สาหรับเยาวชนฯ ระดับประถมศกึ ษาตอนปลาย ( ป.4-ป.6) โรงเรยี นมารีวิทยากบินทร์บุรี อาเภอกบนิ ทร์บุรี จังหวดั ปราจนี บรุ ี

โครงงานอันเนอ่ื งมาจากหนงั สือสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชนฯ เร่อื ง Banana milk Ice cream shake จดั ทาโดย 1.เด็กชายนภทั ร จริ ะพงษไ์ พศาล 2.เดก็ หญิงสุทธิดารตั น์ จนั ทรแ์ วว 3.เด็กหญงิ พชิ ญธิดา แก้วอรณุ ครูท่ีปรึกษา นางสาวณัฏฐช์ ยธร ชีวาภรวชิ ญภ์ าส โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งขอการประกวดโครงงานจากหนงั สือสารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชนฯ ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ( ป.4-ป.6) โรงเรยี นมารวี ิทยากบนิ ทร์บรุ ี อาเภอกบนิ ทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

ช่ือโครงการ Banana milk Ice cream shake ชือ่ผูจ้ ดั ทาโครงงาน 1.เด็กชายนภทั ร จิระพงษไ์ พศาล 2.เด็กหญงิ สทุ ธดิ ารตั น์ จันทร์แวว 3.เดก็ หญิงพชิ ญธิดา แก้วอรุณ ระดับช้ัน ประถมศึกษาตอนปลาย ครูทป่ี รกึ ษา นางสาวณัฏฐช์ ยธร ชีวาภรวชิ ญ์ภาส โรงเรียน มารีวิทยากบินทรบ์ รุ ี ปกี ารศึกษา 2565 สังกดั สานกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน บทคดั ยอ่ โครงการเรื่อง Banana milk Ice cream shake เป็นโครงงานแปรรูปอาหาร ระดับชนั้ ประถมศึกษา ตอนปลาย ทีจ่ ดั ทาขน้ึ เพ่ือได้เรียนรู้เกีย่ วกับเร่ืองกลว้ ย การแปรรูปกลว้ ยใหน้ ่ารับประทาน และเหมาะสมกับ วัย ผู้จัดทาโครงงานได้ฝึกการทางานอย่างเป็นระบบ การทางานเป็นกลุ่ม การทาโครงงานคร้ังนี้ ทาให้ได้ พัฒนาทักษะในการสืบค้นความรู้ใหม่จากแหล่งความรู้ วิธีการทาไอศกรีมจากอินเทอร์เน็ต ผสมผสานกับการ เรียนรู้ในการเข้าค่าย สสวท. ในโรงเรียน โดยบูรณาการสะเต็มศึกษาจากการทาสเลอป้ี ได้แนวความคิดใน การทาไอศกรมี กลว้ ย การเกดิ ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์ทหี่ ลากหลาย ตามความสนใจของกลุ่มผจู้ ดั ทาโครงงาน มโี อกาสพฒั นาทักษะและเรียนรู้แบบให้ก้าวหน้าขึ้นตามลาดับโดยมคี รูคอยให้คาปรึกษาแนะนาและช่วยเหลือ เมื่อเกดิ ปัญหาในการปฏิบตั ิงาน ทาให้เกิดการเรียนรู้อย่างมคี วามสุข ผู้จัดทาโครงงานนาเร่ือง กลว้ ย มาจดั ทาโครงงาน เรื่อง Banana milk Ice cream shake เนอื่ งจาก สถานการณ์โควิด-19 พวกเราต้องเรียนหนังสือออนไลน์ อยู่ที่บ้าน การออกมาซื้อของนอกบ้านค่อนข้าง ลาบาก จงึ ทาให้อยากทาไอศกรีมรับประทานที่บ้าน จึงไดท้ าไอศกรมี กล้วยรบั ประทานขน้ึ จากการทดลองในการทาไอศกรีมพบว่า การทาไอศกรีมกล้วยโดยวิธีการเขย่า ใช้เวลา 8-10 นาที สามารถได้ไอศกรีมรับประทาน และชนิดของไอศกรีมท่ีทางผู้จัดทาโครงงานได้เลือกมาแปรรูป ไอศกรมี กล้วย หอมนมโยเกริ ต์ ได้รับความพึงพอใจสูงสุด คดิ เป็นร้อยละ 45.33

กติ ตกิ รรมประกาศ ในการทาโครงงานแปรรปู อาหาร เร่อื ง Banana milk Ice cream shake ของกลมุ่ นกั เรียนระดับชั้น ประถมศกึ ษาตอนปลาย โรงเรียนมารวี ทิ ยากบินทร์บรุ ี ขอขอบพระคณุ ซสิ เตอรพ์ นิดา สุขสาราญ ผ้จู ดั การและผู้รับใบอนญุ าต และซิสเตอร์จาเรียง ถาวรสิน ผูอ้ านวยการ โรงเรียนมารีวิทยากบินทร์บุรี ท่ีให้กาลังใจและสนับสนุนการดาเนินโครงงานในครั้งนี้ ตลอดจนให้คาแนะนา เพอื่ ใหผ้ ลงานมีคณุ ภาพ บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ของโครงงาน พวกเราของขอบคุณ คุณครูทชั ชภร เลิศครบรุ ี คุณครูเบ็ญจวรรณ์ ชาญเชิงรบ และ คุณครูณัฏฐ์ชยธร ชีวาภรวิชญ์ภาส ครูที่ปรึกษาท่ีให้คาแนะนาแนวทางปฎิบัติงาน การแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นใน การดาเนนิ โครงงาน ตลอดจน ข้อแนะนาตา่ งๆในการจัดทาโครงงานนที้ ั้งในเวลาราชการและนอกราชการ ขอบคุณคณะครูโรงเรียนมารีวิทยากบินทร์บุรี ผู้ปกครองและครอบครัวของพวกเราทุกคนท่ีคอยให้ กาลงั ใจ ใหค้ วามช่วยเหลอื และข้อเสนอแนะต่างๆจนโครงงานสาเร็จลุลว่ งดว้ ยดี ในการทาโครงงานคร้ังนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจ ท่ีชื่อชอบผลงาน การทาไอศกรีมกล้วย งา่ ยๆท่ีสามารถทารับประทานเองท่ีบ้านได้ เด็กชายนภทั ร จริ ะพงษ์ไพศาล เด็กหญิงสุทธิดารัตน์ จนั ทร์แวว เด็กหญงิ พชิ ญธดิ า แก้วอรณุ

สารบญั หนา้ ก เร่ือง ข บทคดั ย่อ ค กติ ตกิ รรมประกาศ ง สารบญั ตาราง 1 สารบัญรปู ภาพ 1 บทท่ี 1 บทนา 1 *****1.1**ความเป็นมาของโครงงาน 1 *****1.2**วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 2 *****1.3**ขอบเขตของโครงการ 2 *****1.4**สมมุตฐิ านในการดาเนินงาน 3 *****1.5**ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากโครงงาน 3 บทท่ี 2 เอกสารทเี่ กี่ยวข้อง 3 4 2.1 ประวตั ขิ องกล้วย 5 2.2 ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 5 2.3 การจาแนกชนดิ ของกล้วย 7 2.4 แมลงศตั รูท่สี าคัญของกลว้ ยในประเทศไทย 9 2.5 การขยายพันธ์ 10 2.6 การแปรรปู กลว้ ย 10 2.7 สมบัติคอลลิเกทีฟ 10 บทที่ 3 วธิ ีดาเนินโครงการ 10 *****3.1 วธิ กี ารศึกษาคน้ ควา้ และข้ันตอนการดาเนินงานตามโครงงาน 10 *****3.2**การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 11 *****3.3**เตรยี มสว่ นประกอบ อปุ กรณ์ 12 ***** - สว่ นประกอบ 15 15 - อุปกรณ์ 16 - วธิ กี ารทา 17 บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน 17 *****4.1 ผลการศกึ ษา 4.2 อภิปรายผลการศึกษา บทที่ 5 สรปุ ผลการศึกษาและขอ้ เสนอแนะ *****5.1**สรปุ ผลการศกึ ษา

*****สารบัญ (ต่อ) หนา้ 17 เร่ือง 17 5.2**ประโยชน์ท่ีได้จากการทาโครงงาน 17 5.3 ปญั หา/อปุ สรรคในการทาโครงงาน 18 19 **** 5.4**ขอ้ เสนอแนะ เอกสารอ้างองิ ภาคผนวก

สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1 การจับเวลาการทาใหเ้ นอื้ ไอศกรีมแข็งตวั (นาที ) 15 ตารางท่ี 2 สารวจความพึงพอใจในการทดสอบรสชาติไอศกรีม 15

สารบญั รูปภาพ หนา้ ภาพสว่ นประกอบของการทาไอศกรีม 10 ภาพอปุ กรณข์ องการทาไอศกรมี 11 ภาพวธิ กี ารทาไอศกรีม 12 ภาพประกอบโครงงาน 20

บทที่ 1 บทนา 1.1 ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงงาน จากหนังสือสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบบั เสรมิ การเรียนรู้ เล่ม 10 ได้นาผลไม้ซง่ึ คนไทยรู้จกั คุ้นเคยกันดแี ละมีความสาคญั ต่อเศรษฐกจิ ของประเทศ ไทย คือ กล้วย ทุเรียน และส้ม ในแต่ละเรื่องให้ความรู้เก่ียวกับประวัติและถ่ินกาเนิด การจาแนกชนิด การ ปลูกและการดแู ล คุณคา่ ทางโภชนาการ การแปรรูป และมีเรื่องอื่นท่ีน่าสนใจอกี มาก ผู้จัดทาโครงงานจึงสนใจเร่ือง กล้วย นามาจัดทาโครงงาน เร่ือง Banana milk Ice cream shake เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 พวกเราต้องเรียนหนังสือออนไลน์ อยู่ที่บ้าน การออกมาซื้อของนอกบ้าน ค่อนข้างลาบาก จงึ ทาใหอ้ ยากทาไอศกรีมรับประทานทบี่ ้าน จงึ ได้ทาไอศกรมี กลว้ ยรับประทานข้ึน การทาโครงงานครั้งน้ี ทาให้ได้พัฒนาทักษะในการสืบค้นความรู้ใหม่จากแหล่งความรู้ วิธีการทา ไอศกรีมจากอินเทอร์เน็ต ผสมผสานกับการเรียนรู้ในการเข้าค่าย สสวท. ในโรงเรียน โดยบูรณาการสะเต็ม ศึกษาจากการทาสเลอปี้ จึงได้แนวความคิดในการทาไอศกรีมกล้วยข้นึ มา การเกดิ ความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ท่ี หลากหลาย ตามความสนใจของกลุ่มผู้จัดทาโครงงาน มีโอกาสพัฒนาทักษะและเรียนรู้แบบให้ก้าวหน้าขึ้น ตามลาดับโดยมีครูคอยให้คาปรึกษาแนะนาและช่วยเหลือเม่ือเกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน ทาให้เกิดการ เรียนรูอ้ ยา่ งมีความสุข 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อได้เรียนรเู้ ก่ยี วกบั เรอ่ื งกล้วย 2. เพื่อฝึกการแปรรูปกลว้ ยใหน้ า่ รับประทาน และเหมาะสมกบั วยั 3. เพื่อฝกึ การทางานอยา่ งเปน็ ระบบ 4. เพอ่ื ฝึกการทางานเป็นกลุ่ม 1.3 ขอบเขตการศกึ ษา 1. ศึกษาและรวบรวมเรื่องกลว้ ยจากหนงั สอื สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน โดยพระราชประสงค์ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสรมิ การเรียนรู้ เลม่ 10 2. รวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั กล้วยในประเทศไทยของแต่ละพันธุ์ 3. เวลาของการดาเนนิ งาน คอื วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 4. แหล่งคน้ ควา้ ขอ้ มูลคอื หอ้ งสมดุ และอินเทอร์เน็ต

1.4 สมมุติฐานในการดาเนนิ งาน 1. สมาชิกกลมุ่ มีความรู้ เกี่ยวกบั แปรรูปอาหาร 2. ไดผ้ ลงานทีห่ ลากหลาย จากความคดิ สรา้ งสรรค์ 1.5 ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะไดร้ ับ 1. นักเรยี นสามารถมคี วามร้เู กีย่ วกับเรือ่ งกล้วย 2. นักเรยี นสามารถนากลว้ ยมาแปรรูปเป็นไอศกรีมทอี่ ร่อย สะอาดถกู หลักอนามัย 3. นักเรียนสามารถทางานอย่างเปน็ ระบบโดยกระบวนการ PDCA 4. นกั เรยี นสามารถทางานเป็นกลุม่ ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 5. นักเรียนรกั การอา่ นและศกึ ษาคน้ ควา้ เรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 6. นักเรยี นไดร้ บั พัฒนาใหม้ ีความรู้ ทักษะ สามารถปฏบิ ตั งิ านได้ 7. เปน็ ตน้ แบบในการประยุกตแ์ นวคิดใหม่ๆ เพ่อื นาไปใชป้ ระโยชน์ได้ ในโอกาสต่อไปอยา่ งมี คุณภาพ

บทที่ 2 เอกสารท่เี ก่ียวขอ้ ง ประวตั ิของกลว้ ย กล้วยเป็นไม้ผลท่ีคนไทยรู้จักกันมานาน เน่ืองจากกล้วยมีถ่ินกาเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหน่ึงในภูมิภาคดังกล่าว จากการศึกษาพบว่า กล้วยมีวิวัฒนาการถึง 50 ล้านปีมาแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไม้ผลท่ีมนุษย์รจู้ ักบริโภคเป็นอาหารกันอย่างแพร่หลาย เชื่อกันว่า กล้วยเป็นไมผ้ ล ชนิดแรก ท่ีมีการปลูกเล้ียงไว้ตามบ้าน และได้แพร่พันธ์ุจากเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยัง ดินแดนอ่นื ๆ ในระยะเวลาต่อมา กล้วยมกี ารปลูกกันมากในเอเชยี ใต้ แม้ในปัจจบุ ัน ประเทศอินเดียเป็นประเทศท่ีมีการปลูกกลว้ ยมาก ที่สุดในโลก และมีพันธุ์กล้วยมากมายอีกด้วย เหมาะสมกับท่ีมีการกล่าวกันไว้ในหนังสือของชาวอาหรับว่า \"กล้วยเป็นผลไม้ของชาวอินเดีย\" ต่อมา ได้มีหมอของจักรพรรดิโรมันแห่งกรุงโรมชื่อว่า แอนโตนิอุส มูซา (Antonius Musa) ได้นาหน่อกล้วยจากอินเดีย ไปปลูกทางตอนเหนือของอียิปต์ เมื่อประมาณ 2,000 ปี มาแล้ว หลังจากน้ัน มีการแพร่ขยายพันธุ์กล้วยไปในดินแดนของแอฟริกา ท่ีชาวอาหรับเข้าไปค้าขาย และ พานักอาศัย จนกระทั่งเมื่อประมาณ ค.ศ. 965 ได้มีการกล่าวถึงกล้วยว่า ใช้ในการประกอบอาหารชนิดหน่ึง ของชาวอาหรับ ซึ่งอร่อย และเป็นท่ีเลื่องลือมาก ชื่อว่า กาลาอิฟ (Kalaif ) เป็นอาหารท่ีปรุงด้วยกล้วย เมล็ดอัลมอนด์ น้าผึ้ง ผสมกับน้ามันนัต (Nut oil) ซึ่งสกัดจากผลไม้เปลือกแข็งชนิดหน่งึ นอกจากใช้ประกอบ อาหารแล้ว ชาวอาหรับยังใช้กลว้ ยทายาอีกด้วย ชาวอาหรับเรียกกลว้ ยว่า \"มูซา\" ตามชื่อของหมอ ท่ีเป็นผู้นา กล้วยเขา้ มาในอยี ิปต์เป็นคร้ังแรก ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษท่ี 15 ชาวโปรตุเกสได้เดินเรือไปค้าขายบริเวณชายฝั่งตะวันตกของทวีป แอฟริกา และได้นากล้วยไปแพร่พันธุ์ท่ีหมู่เกาะคะแนรี ซ่ึงต้ังอยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป หลงั จากนนั้ ชาวสเปนจงึ ได้นากล้วยจากหมู่เกาะคะแนรเี ข้าไปปลูกในหมู่เกาะอินดีสตะวนั ตกในอเมริกากลาง โดยเริ่มปลูก ที่อาณานิคมซันโตโดมิงโก บนเกาะฮิสปันโยลาเป็นแห่งแรก แล้วขยายไปปลูกท่ีเกาะอ่ืนในเวลา ต่อมา ส่งผลให้ดินแดนในอเมริกากลางมีการปลูกกล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจกันอย่างแพร่หลาย และนับต้ังแต่ ครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 เป็นต้นมา ได้กลายเปน็ แหล่งปลูกกลว้ ยส่งเปน็ สินค้าออกมากที่สุดของโลก โดยปลูกมาก ในประเทศคอสตารกิ า และประเทศฮอนดูรสั ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กลว้ ยมีลักษณะทางพฤกษศาสตรท์ ีส่ าคญั ๆ ดงั นี้ ลาต้น กล้วยมีลาต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า หัว หรือ เหง้า (rhizome) ท่ีหัวมีตา (bud) ซึ่งจะเจริญเป็นต้นเกิด หน่อ (sucker) หลายหน่อ เรยี กวา่ การแตกกอ หน่อทเี่ กิด หรอื ตน้ ทีเ่ หน็ อยู่เหนือดิน ความจรงิ แล้วมใิ ช่

ลาต้น เราเรียกว่า ลาต้นเทียม (pseudostem) ส่วนนี้เกิดจากการอัดกันแน่นของกาบใบ ท่ีเกิดจากจุดเจริญ ของลาตน้ ใต้ดนิ กาบใบจะชูกา้ นใบ และใบ และทจ่ี ดุ เจรญิ นี้ จะมีการเจริญเปน็ ดอกตามขึ้นมาหลังจากสิ้นสุด การเจริญของใบ ใบสุดท้ายก่อนการเกดิ ดอก เรยี กวา่ ใบธง ดอก ดอกของกล้วยออกเป็นช่อ (inflorescence) ในช่อดอกยงั มีกลุ่มของช่อดอกย่อยเปน็ กลุ่มๆ ระหว่าง กลุ่มของช่อดอกย่อยแต่ละช่อจะมีกลีบประดับ หรือที่เราเรียกกันว่า กาบปลี (bract) มีสีม่วงแดงกั้นไว้ กลุ่ม ดอกเพศเมียอยู่ที่โคน และกลุ่มดอกเพศผู้อยู่ที่ปลาย เป็นส่วนที่เราเรียกวา่ หัวปลี (male bud) ระหว่างกลุ่ม ดอกเพศเมีย และดอกเพศผู้ มีดอกกะเทย แต่บางพันธ์ุก็ไม่มี ในช่อดอกย่อยแต่ละช่อมีดอกเรียงซ้อนกันอยู่ 2 แถว ถ้าเป็นดอกเพศเมีย ดอกเหลา่ นี้จะเจรญิ ต่อไปเป็นผล ผล ผลกล้วยเกิดจากดอกเพศเมีย ซึ่งอยู่ที่โคน กลุ่มของดอกเพศเมีย 1 กลุ่ม เจริญเป็นผล เรียกว่า 1 หวี ช่อดอกเจริญเป็น 1 เครือ ดังน้ันกล้วย 1 เครืออาจมี 2 - 3 หวี หรือมากกว่า 10 หวี ท้ังน้ีแล้วแต่พันธ์ุ กล้วยและการดแู ล ผลของกลว้ ยมกี ารเจริญได้โดยไมต่ อ้ งผสมพนั ธ์ุ จงึ ทาให้กลว้ ยสว่ นใหญ่ไมม่ เี มล็ด เมล็ด เมล็ดกลว้ ยมีลกั ษณะกลมเล็ก บางพนั ธมุ์ ีขนาดใหญ่ เปลอื กหนา แข็ง มสี ีดา ราก เปน็ ระบบรากฝอย แผ่ไปทางดา้ นกวา้ งมากกว่าทางแนวดิ่งลึก ใบ ใบกล้วยมีลักษณะเป็นแผ่นใบใหญ่ มีความกว้างประมาณ 70 - 90 เซนติเมตร ความยาว 1.7 - 2.5 เมตร ปลายใบมน รปู ใบขอบขนาน โคนใบมน และแผน่ ใบมีสเี ขยี ว การจาแนกชนดิ ของกล้วย กล้วยจัดอยู่ในอันดับ (order) Scitamineae หรือ Zingiberales ประกอบด้วย 8 วงศ์ (family) ด้วยกัน คือ 1. Musaceae ไดแ้ ก่ กลว้ ยทั้งหลาย 2. Strelitziaceae ไดแ้ ก่ กล้วยพัด 3. Heliconiaceae ได้แก่ กา้ มกุ้ง ธรรมรกั ษา 4. Lowiaceae ไดแ้ ก่ พชื ในสกลุ Orchidantha ซ่ึงไมม่ ีในประเทศไทย 5. Costaceae ไดแ้ ก่ เอ้อื งหมายนา 6. Zingiberaceae ได้แก่ ขงิ ท้ังหลาย 7. Marantaceae ไดแ้ ก่ คล้า 8. Cannaceae ไดแ้ ก่ พุทธรักษา

แมลงศัตรทู ส่ี าคญั ของกลว้ ยในประเทศไทยคอื ดว้ งงวง (stock weevil) ด้วงงวง จะเข้าทาลายท่ีรากและเหง้ากลว้ ย ทาใหต้ ้นกล้วยชะงกั การเจรญิ เติบโต ใบเหย่ี วเฉา และตายในทสี่ ุด ควรถางบรเิ วณโคนของกอกล้วยใหส้ ะอาด อย่าใหร้ กหรือมี วัชพืช หนอนม้วนใบ (leaf roller) ผีเสื้อจะมาวางไข่ในใบยอดท่ียังไม่คล่ี หลังจากนั้นไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน เจริญอยู่ในใบอ่อนท่ียังม้วนอยู่ ตัวหนอนจะกัดกินใบอ่อน ทาให้ใบแหว่ง เป็นรูพรุน หรือฉีกขาด และม้วน ตัวอยา่ งรวดเร็ว จงึ ควรตัดใบทถี่ ูกทาลายมาเผาไฟให้หมด การขยายพันธุ์ 1. โดยการใช้เมลด็ กล้วยกินได้บางต้นมีเมลด็ บางต้นไม่มีเมล็ด เมล็ดของกล้วย ส่วนใหญ่เกิดจากการผสมข้ามกับกล้วย ต้นอ่ืนหรือพันธุ์อื่น ดังน้ันเมล็ดที่ได้อาจเกิดจากการผสมข้ามจะกลายเป็นลูกผสม ทาให้ต้นที่ได้ไม่ตรงกับต้น แม่นัก และเนื่องจากเมล็ดของกล้วยมีเปลือกหุ้มเมล็ดท่ีหนาและแข็ง ต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะเพาะเมล็ด เป็นต้นได้ จึงไม่ค่อยนิยมการเพาะเมล็ดกล้วย ยกเว้นกล้วยนวลและกล้วยผาที่จาเป็นต้องเพาะเมล็ด เพราะ ตน้ กล้วยชนิดน้ไี มม่ กี ารแตกหนอ่ 2. โดยการใช้หน่อ ปกตกิ ลว้ ยมกี ารแตกหนอ่ จากตาขา้ งของตน้ แม่ หนอ่ กลว้ ยมี 3 แบบใหญๆ่ คอื 1.1 หนอ่ ออ่ น (peeper) เปน็ หนอ่ อ่อนมาก เกิดจากต้นแมท่ ่ียังมีส่วนประกอบต่างๆ ไมค่ รบ ส่วนของลาต้นเล็กมักจะอ่อนแอ ไม่เหมาะในการนาไปขยายพนั ธุ์ 1.2 หน่อใบแคบ หรือ ใบดาบ (sword sucker) เปน็ หนอ่ ทีม่ ีใบเรยี วเล็ก โคนหนอ่ ใหญ่ หรือมี สว่ นของลาตน้ ใหญ่ จงึ มอี าหารสะสมมาก หนอ่ ชนดิ น้ีนยิ มนาไปปลกู เพราะจะได้ตน้ ทแี่ ข็งแรง 1.3 หน่อใบกว้าง หนอ่ ชนิดนี้มโี คนหน่อหรือลาต้นเล็ก ใบคล่ีโตกวา้ ง ไม่เหมาะทจ่ี ะนาไปปลกู เพราะมี อาหารสะสมในลาตน้ นอ้ ย ต้นทปี่ ลกู จากหนอ่ ชนดิ นจี้ งึ ไมแ่ ขง็ แรง นอกจากหน่อทั้ง 3 ชนดิ ดังกลา่ วแลว้ อาจใชต้ ้นแมซ่ ่งึ มตี าตดิ อยู่ มาผ่าเปน็ ชน้ิ ๆ และชากไ็ ด้ แตไ่ มเ่ ปน็ ทนี่ ิยมมากนัก 3. โดยการเพาะเลีย้ งเน้อื เยอ่ื (Tissue culture) วิธีนี้กาลังเป็นท่ีนิยม เพราะเป็นวิธีที่ขยายพันธ์ุให้ได้จานวนมากในเวลาอันสั้น จากหน่อท่ีสมบูรณ์ 1 หน่อ อาจขยายได้ถึง 10,000 ต้น ในเวลา 1 ปี ถ้าหากมีการทางานอย่างต่อเนื่องตลอด วิธีนี้เหมาะสาหรับ การปลูกเพ่ือการส่งออก เพราะว่าการส่งออกต้องการจานวนต้นปลูกที่มีขนาดสมา่ เสมอ ปลูกพรอ้ มๆ กันเป็น จานวนมาก เพ่ือให้มีการเก็บเกี่ยวผลได้พร้อมๆ กัน และมีน้าหนักมากกว่า 1 ตันข้ึนไป สาหรับบรรจุ ใส่ตู้ ขนส่งในการส่งออก เนื่องจากการส่งออกไปจาหน่ายในตา่ งประเทศน้นั ถา้ มีจานวนนอ้ ยจะไม่เพียงพอกับการ สง่ ออก และไมค่ ุ้มกับการลงทนุ 1. การใช้ประโยชน์ในการบริโภค กล้วยเป็นผลไม้ท่ีมีเปลือกหมุ้ เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ แต่วิธีการปอกเปลือกกล้วยน้ัน ไม่จาเป็นต้องใช้ เครื่องมือ เพียงใช้มอื เดด็ ปลายหรือจุก กส็ ามารถปอกเปลือกได้ดว้ ยมือและรบั ประทานได้ทันที จงึ เปน็ ผลไม้ท่ี

รบั ประทานงา่ ย ดงั คาโบราณวา่ \"งา่ ยเหมอื นปอกกล้วยเข้าปาก\" นอกจากปอกเปลือกง่ายแล้ว กล้วยสกุ เม่ือ รับประทานแล้ว ก็จะล่ืนลงกระเพาะได้งา่ ย และย่อยง่าย ด้วยเหตุที่กลว้ ยลน่ื ลงกระเพาะได้ง่าย ทาให้บางคน ไมค่ ่อยเคย้ี วกล้วยซึ่งเป็นวธิ กี ารที่ผิด การรับประทานกล้วยจาเป็นต้องเค้ียวให้ละเอยี ด เพราะกลว้ ยมีแป้งร้อย ละ 20 - 25 ของเน้ือกล้วย ถ้าเคี้ยวไม่ละเอียด น้าย่อยในกระเพาะต้องทางานหนัก หากย่อยไม่ทันกล้วยจะ อืดในกระเพาะ อย่างไรก็ตาม กระเพาะของคนใช้เวลาในการย่อยกล้วยสั้นกว่าการย่อยส้ม นม กะหล่าปลี หรอื แอปเปลิ ดงั นั้นคนไทยจึงนยิ มใช้กล้วยทข่ี ดู เอาแต่เนอ้ื ไมเ่ อาไส้ บดละเอยี ดใหท้ ารกรับประทาน นอกจาก ทารกแล้ว คนชราก็รับประทานกล้วยได้ดีเช่นกัน ในกรณีคนหนุ่มสาว กล้วยเหมาะสาหรับคนท่ีต้องการลด ความอว้ น เนือ่ งจากกลว้ ยมีคุณค่าทางอาหารสูงพอๆ กับมนั ฝรั่ง แตม่ ีปรมิ าณไขมัน คอเลสเตอรอล และเกลือ แรต่ ่า กลว้ ยมีโซเดียมเพียงเลก็ น้อย แต่มีโพแทสเซียมสงู การมีโพแทสเซยี มสงู น้จี ะช่วยลดความดนั โลหิตลงได้ ในประเทศอินเดียมีความเช่ือว่า หากรับประทานกลว้ ย 2 ผลต่อวัน จะสามารถลดความดันโลหติ ได้ถึงร้อยละ 10 ภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์ กล้วยยังเป็นผลไม้ท่ีเหมาะสาหรับผู้ที่เป็นโรคเก่ียวกับทางเดินอาหาร และท้องเสียบ่อย เพราะ สามารถช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ กล้วยเม่ือยังดิบจะมีแป้งมาก แต่เมื่อสุก แป้งจะเปล่ียนเป็นน้าตาล ดงั น้ันหากทอ้ งเดนิ การกินกลว้ ยดิบจะชว่ ยทาให้อาการท้องเดนิ หยดุ ได้ และเมอ่ื เป็นโรคกระเพาะ ใหก้ นิ กล้วย ทสี่ ุกแลว้ สาหรบั กล้วยท่ที าให้สุกด้วยความร้อน วิตามินจะลดลง 2. การใชป้ ระโยชน์ในพิธีกรรมตา่ งๆ และในชวี ติ ประจาวัน ใน พิธีทางศาสนา เช่น การเทศน์มหาชาติ และการทอดกฐิน มักใช้ต้นกล้วยประดับธรรมาสน์ และ องค์กฐิน ใน พิธตี ั้งขนั ข้าว หรือคา่ บูชาครูหมอตาแย สาหรบั ผู้หญิงทต่ี ั้งครรภ์ และไปขอให้หมอตาแย ทาคลอดให้ จะต้องใช้กล้วย 1 หวี พร้อมทั้งข้าวสาร หมากพลู ธูปเทียนสาหรับการทาพิธีบูชาครูก่อนคลอด และเมื่อคลอดแล้ว จะตอ้ งอยู่ไฟ กย็ งั ใช้ตน้ กล้วยทาเปน็ ทอ่ นล้อมเตาไฟ ป้องกนั การลามของไฟ ใน พิธีทาขวัญเด็ก เม่ือเด็กอายุได้ 1 เดือน กับ 1 วัน มีการทาขวัญเด็กและโกนผมไฟ จะมีกล้วย 1 หวี เป็นส่วนประกอบในพธิ ดี ว้ ย ใน พิธีแต่งงาน มักมีต้นกล้วยและต้นอ้อยในขบวนขันหมาก พร้อมท้ังมีขนมกล้วย และกล้วยท้ังหวี เป็นการเซ่นไหวเ้ ทวดาและบรรพบรุ ษุ ใน การปลกู บา้ น เม่ือมีพธิ ที าขวญั ยกเสาเอก จะใชห้ น่อกล้วยผกู มัดไว้ทีป่ ลายเสาร่วมกบั ต้นอ้อย และ เมอ่ื เสรจ็ พิธี ก็จะมีการลาตน้ กล้วยและต้นอ้อยนนั้ นามาปลูกไวใ้ นบรเิ วณบ้าน จากนั้นประมาณ 1 ปี หรอื เมื่อ ปลูกบ้านเสร็จแล้วพร้อมอยู่อาศัย ก็มกี ลว้ ยไว้กนิ พอดี ใน งานศพ ในสมัยโบราณ มกี ารนาใบตอง มารองศพ ก่อนนาศพวางลงในโลงนอกจากนี้ ใบตองยังมี บทบาทสาคัญมากในพิธีกรรมต่างๆ โดยการนามาทากระทงใส่ของ ใส่ดอกไม้ และประดิษฐ์เป็นกระทง บายศรี ใน ชีวิตประจาวัน ใช้ใบตองในการห่อผักสดและอาหาร เน่ืองจากใบตองสดมีความช้ืน ดังน้ันเม่ือใช้ ห่อผกั สดหรืออาหาร ความช้นื จะช่วยรักษาผักหรืออาหารให้สดอยูเ่ สมอ นอกจากนี้ใบตองยังทนทานต่อความ

เย็นและความร้อน ดงั นั้นเม่ือนาใบตองห่ออาหารแลว้ เอาไปปิ้ง น่ึง ตม้ ใบตองก็จะไมส่ ลายหรือละลายเหมือน เช่นพลาสติก จึงมีอาหารหลายอย่างที่ห่อใบตองแล้วนาไปน่ึง เช่น ห่อหมก ข้าวต้มผัด ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ หรือเอาไปปิ้ง เช่น ข้าวเหนียวป้ิง หรือนาไปต้ม เช่น ข้าวต้มมัด หรือข้าวต้มจิ้ม อาหารเหล่านี้เมื่อ นาไปตม้ ป้ิง หรือนึง่ แลว้ ยังทาให้เกิดความหอมของใบตองอีกดว้ ย สาหรับใบตองแห้ง นามาใช้ทากระทงเพ่ือ ใส่อาหาร ห่อกะละแม มวนบุหร่ี โดยใบตองแห้งก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกัน ท่ีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรไ์ ด้มีการ ทดลองนาเอาใบตองแห้งมาอดั กนั แนน่ หลายๆ ช้นั ทาเปน็ ภาชนะใส่ของแทนการใช้โฟมไดอ้ ีกดว้ ย ใบตองแห้งยังนาไปใช้ในงานศิลปกรรมไทยได้อีกหลายอย่าง เช่น นาไปทา รักสมุก ในงานของช่าง เขียน ช่างปน้ั ช่างแกะ และช่างห่นุ เพราะรกั สมุกใบตองแห้ง ช่วยในการเคลือบและปกป้องเน้ือไม้ ขดั แต่ง งา่ ย เมอื่ แห้งผวิ เปน็ มนั น้าหนกั เบา เหมาะในการทาหวั โขน และการลงรกั ปิดทอง ในสมัยโบราณ เมือ่ ยงั ใช้เตารดี ทเี่ ปน็ เตาถ่าน หากเตารอ้ นมากไป กเ็ อามารีดบนใบตองสด ก่อนนาไป รีดบนผ้า เพราะใบตองมีสารจาพวกขีผ้ ึ้งหุม้ อยู่ ขีผ้ ึง้ จะช่วยเคลือบเตารดี ทาใหร้ ีดผา้ ไม่ตดิ กาบกล้วย ใช้ในศิลปะการแทงหยวกไว้ที่เชิงตะกอนเวลาเผาศพ ส่วนใหญ่ใช้กาบกล้วยตานี เพราะ กาบกล้วยตานีขาวสะอาด ทาให้หยวกที่แทงมีลวดลายสวยงาม งานแทงหยวกเป็นงานท่ีต้องทาหลายคนแลว้ เอามาประกอบกัน โดยช่างผู้ทาต้องสลักเป็นลายไทยต่างๆ เช่น กระจังตาอ้อย กระหนกเปลว ครีบสิงห์ แข้ง สิงห์ รักรอ้ ย และเครือเถา นอกจากนกี้ าบกลว้ ยยังนามาฉีกเป็นเสน้ ใหญ่ๆ ใชม้ ัดผักเปน็ กาๆ เชน่ ชะอม ตาลงึ เพื่อให้ความช้ืนกับผัก เพราะกาบกล้วยมีน้าอยู่มาก ถ้าฉีกเป็นเส้นเล็กๆ ก็ใช้มัดของแทนเชือกได้ กาบกล้วย เม่ือแห้งอาจนามาทาเป็นเชือกกล้วย สาหรับผูกของและสานทาเป็นภาชนะรองของ หรือสานเป็นกระเป๋า สภุ าพสตรี นอกจากนใี้ ยของกาบกล้วยยงั นามาใชท้ อผา้ ได้ดว้ ยเชน่ กัน ตน้ กลว้ ย ทีห่ นั่ เป็นทอ่ นๆ อาจใชเ้ ปน็ ทุน่ ลอยน้าใหเ้ ดก็ ๆ ใช้หัดว่ายนา้ หรือนามาทาเป็นแพสาหรับต้ัง ส่งิ ของใหล้ อยอยู่ในนา้ ก้านกล้วย เม่ือเอาแผ่นใบออก แกนกลางหรือเส้นกลางใบ อาจนามาใช้มัดของ หรือนามาทา ของ เลน่ เด็กๆ ได้ เช่น ทาเป็นมา้ กา้ นกลว้ ย และปืนกา้ นกลว้ ย ซงึ่ เปน็ ของเลน่ ของเด็กไทยในสมัยก่อน การแปรรปู กลว้ ย เมือ่ ปลูกกล้วยกินกันมากข้ึน ผลผลิตกล้วยทีไ่ ม่ได้ขนาดตามที่ต้องการอาจจะเหลือท้ิง ดังนัน้ เพื่อ ไมใ่ หไ้ ร้ประโยชน์ จงึ ควรนามาแปรรปู เพอ่ื ใหเ้ ก็บได้นานข้ึน อีกทง้ั เปน็ การเพิ่มมูลคา่ ใหแ้ ก่ผลผลติ ด้วย ก. การแปรรปู จากกล้วยดิบ 1. การทากล้วยอบเนย กลว้ ยฉาบ หรอื \"กล้วยกรอบแก้ว\" ใช้กล้วยดิบ เช่น กล้วยน้าว้า กล้วยหอม กล้วยหักมุก นามาฝานบางๆ ตามยาว หรือตามขวาง อาจจะผึ่งลมสักครู่ หรือฝานลงกระทะทันทีก็ได้ และทอดในกระทะที่ใส่น้ามันท่วม เม่ือชิ้นกล้วยสุกจะลอย ก็ ตักข้ึนและซับน้ามันด้วยกระดาษฟาง จากนั้นอาจนาไปคลุกเนย เรียกว่า กล้วยอบเนย หรือฉาบให้หวานดว้ ย การนาไปคลุกกบั น้าตาลท่ีเค่ียวจนเกือบแห้งในกระทะ เรียกว่า กลว้ ยฉาบ หรอื นาไปคลุกในน้าเชื่อม แลว้ เอา ลงทอดอีกครง้ั อย่างรวดเรว็ เรียกวา่ กล้วยกรอบแก้ว

2. แป้งกลว้ ย นากล้วยดิบมาน่ึงให้สุก ปอกเปลือก ห่ัน และอบให้แห้ง แล้วบดให้ละเอียดเป็นแป้ง ใช้ทาขนมกลว้ ย และบวั ลอย หรอื ผสมกับแปง้ เคก้ ใชท้ าคกุ ก้ไี ด้ ทาให้มกี ล่นิ หอมของกล้วย ข. การแปรรปู จากกลว้ ยสุก 1. นา้ ผลไม้ นาเนื้อกล้วยที่สุกมาหมักใส่เอนไซม์เพกทิโนไลติก (pectinolytic) ความเข้มข้น 0.01 % เพ่ือย่อย และบ่มไว้ทอี่ ณุ หภูมิ 45 องศาเซลเซียส นาน 1 ชว่ั โมง จะไดน้ า้ กล้วยทีใ่ ส 2. เคร่ืองดม่ื ท่ีมีแอลกอฮอล์ ประเทศในทวีปแอฟริกา เช่น ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก และแทนซาเนีย นิยมนากล้วยมาทา เครื่องดื่มท่ีมีแอลกอฮอล์ต่า ในประเทศยูกันดา เรียกเครื่องด่ืมชนิดน้ีว่า วารากิ (Waragi) ประเทศฝร่ังเศสนา เนื้อกล้วยสุกบดเหลวผสมกับน้า และทาให้ร้อน 65 - 70 องศาเซลเซียส นาน 1 ช่ัวโมง แล้วทาให้เย็นลงที่ อณุ หภูมิ 40 องศาเซลเซียส ต่อมาใสเ่ อนไซม์เพกทเิ นส (pectinase) ท้งิ ไวน้ าน 24 ช่ัวโมง ภายใต้บรรยากาศ ท่ีเพ่ิมคาร์บอนไดออกไซด์ นาส่วนท่ีเป็นกากมาบด แล้วนาส่วนที่เป็นน้ามาหมักด้วยเช้ือ Saccharomyces cerevisiae ทอี่ ุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ภายใต้บรรยากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ หรือไนโตรเจน จะไดส้ รุ า ผลไมท้ ที่ าจากกลว้ ย 3. กล้วยตาก (banana figs) นากล้วยที่สุกงอมมาปอกเปลือก และนาไปตากแดด 1 - 2 แดด จากน้ันมาคลึงเพ่ือให้กล้วยนมุ่ แล้ว นาไปตากอีก 5 - 6 แดด หรือจนกว่ากล้วยจะแห้งตามต้องการ (ในทุกๆ วันท่ีเก็บ ให้นากล้วยทั้งหมดมา รวมกัน น้าหวานจากกล้วยจะออกมาทุกวัน และกล้วยจะฉ่า แล้วนาไปตากแดด) ระวังอย่าให้แมลงวันตอม ส่วนการตากอาจใช้แสงอาทติ ย์ หรือเตาอบขนาดใหญ่ท่ีใชพ้ ลังงานแสงอาทิตยห์ รือไฟฟา้ 4. กลว้ ยกวน นากล้วยสุกงอมมายี แล้วเคล้ากับน้าตาลและกะทิ นาไปกวนในกระทะที่ไม่เป็นสนิม กวนท่ี ไฟออ่ นๆ จนสุกเหนยี ว ปน้ั เป็นก้อนกลม หรือสเี่ หล่ยี ม แลว้ หอ่ ด้วยกระดาษแก้ว 5. ทอฟฟกี่ ล้วย คลา้ ยกลว้ ยกวน แต่ใสแ่ บะแซ จึงทาใหแ้ ขง็ กว่ากล้วยกวน 6. ขา้ วเกรยี บกลว้ ย ใช้กล้วยสุกผสมกับแป้งและเกลือ อาจเติมน้าตาลเล็กน้อยนวดแล้วทาเป็นแท่งยาวๆ น่ึงให้สุก เม่ือ สุก ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น ฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วนามาทอดรับประทานเป็นอาหารว่าง ข้าว เกรยี บกลว้ ยน้ีหากใชก้ ลว้ ยทมี่ ีกลิ่นจะทาใหห้ อม กล้วยนอกจากนามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ท่ีได้กล่าวมาแล้ว คนไทยยังนา ผล ปลี และหยวก กล้วยมาทาอาหารทั้งคาวและหวานอีกด้วย เช่น กล้วยเชื่อม ขนมกล้วย ข้าวต้มผัด แกงเลียงหัวปลี ยาหวั ปลี ทอดมันหัวปลี และแกงหยวกกล้วยกล้วยจึงเป็นพืชท่ีคนไทยคุ้นเคยและใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของกล้วยได้ นานัปการ

สมบัติคอลลิเกทฟี (colligative properties) สารละลายเป็นสารเน้ือเดียว เตรียมได้จากการผสมสารบรสิ ุทธ์ิต้ังแต่ 2 ชนิดขึน้ ไปเขา้ ดว้ ยกัน สมบตั ิ คอลลเิ กทีฟ (colligative properties) เปน็ สมบตั ิของสารละลายที่ขนึ้ อยกู่ ับความเข้มขน้ ของสารละลาย ซ่ึงมี อยู่ 4 ประการ ดงั น้ี 1. การเพ่ิมข้ึนของจดุ เดอื ด (boiling point elevation) 2. การลดลงของจุดเยือกแข็ง (freezing point depression) 3. การลดลงของความดันไอ (vapor pressure lowering) 4. การเกิดความดนั ออสโมติก (osmotic pressure) ในทีน่ ้จี ะกลา่ วถงึ รายละเอยี ดสมบตั ิคอลลิเกทีฟเฉพาะการเพิม่ ขึ้นของจดุ เดอื ด และการลดลงของจุด เยอื กแขง็ โดยจุดเดือดของสารละลายจะสูงกวา่ จดุ เดือดของตัวทาละลายบรสิ ทุ ธิ์ สว่ นจดุ หลอมเหลวหรือจดุ เยือกแขง็ ของสารละลายจะต่ากวา่ จุดหลอมเหลวหรอื จุดเยือกแขง็ ของตวั ทาละลายบริสุทธิ์ ในทางการคา้ ได้นาความรู้เก่ียวกบั สมบตั ิคอลลเิ กทีฟไปใช้ประโยชน์ เชน่ การรักษาอุณหภมู ิของถัง ไอศกรีมให้มีอุณหภูมิต่า โดยท่วั ไปหากใสเ่ ฉพาะน้าแข็งอย่างเดียวลงในถงั ไอศกรมี อณุ หภมู ิภายในถังจะอย่ทู ่ี ประมาณ 4 – 5 oC แต่เมอื่ เติมเกลอื ลงไป จะทาให้อุณหภมู ิภายในถงั ไอศกรมี ตา่ กวา่ 0 oC สง่ ผลใหไ้ อศกรมี คง ตวั อยู่ได้นานและไมห่ ลอมเหลว

บทท่ี 3 วิธดี าเนนิ โครงงาน 3.1 วธิ ีการศกึ ษาคน้ คว้า และขัน้ ตอนการดาเนินงานตามโครงงาน 1. ศึกษาคน้ คว้ารายละเอียดเกีย่ วกับการทาไอศกรมี จากกล้วย 2. ปรึกษาคณุ ครูเกยี่ วกบั การการทาไอศกรมี จากกล้วย 3. วางแผนและเรยี งลาดับขน้ั ตอนการดาเนนิ งานเพ่อื ให้เป็นระบบระเบยี บและเขา้ ใจงา่ ย 4. จดั เตรียมวสั ดุอปุ กรณ์ทจ่ี าเปน็ ตอ้ งใช้เพือ่ ให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบตั ิงาน 5. เรม่ิ ดาเนินการทดลองการทาไอศกรีมจากกลว้ ยตามข้นั ตอนทเี่ ตรยี มไว้ 6. นาวดี โี อทีถ่ ่ายในการทามาตดั ตอ่ ผ่านโปรแกรม Vllo 7. เม่อื ตัดต่อวดี โี อตา่ งๆเรยี บรอ้ ยแล้ว นาวดี โิ อทม่ี านาเสนอออกมาผ่าน YouTube ในช่อง MVK Channel 8. วีดโิ อทีน่ าเสนอได้ผลตามที่คาดหวงั 9. สรปุ ผลการทาโครงงานเรอ่ื ง Banana Milk Ice cream shake 3.2 การนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 1. จดั ทาเป็นวดี โิ อและเผยแพร่ผา่ นเวบ็ YouTube ในช่อง MVK Channel 2. สามารถใช้เป็นแหล่งศึกษาความรเู้ ก่ียวกับการทาไอศกรีมกล้วย 3.3 เตรยี มส่วนประกอบ อุปกรณ์ที่เรานัน้ ต้องใชแ้ ละดาเนินการทาตามขน้ั ตอนต่างๆดังนี้ สว่ นประกอบ 1.กลว้ ยหอม 3-4 ลกู 2.นมจืด 200 มลิ ลิลติ ร

3.นมข้นจืด 50 มิลลลิ ิตร หรือ โยเกิรต์ 200 มลิ ลิลิตร หรอื 4.นมข้นหวาน 30 มลิ ลลิ ติ ร 5.เกลอื อปุ กรณ์ 1. กลอ่ งพลาสติก 2. นา้ แข็ง 3. เกลอื ป่น

4. เครือ่ งป่ัน 5. ถุงซิบลอ็ ค 6. ถว้ ยตวง 7. ผา้ ขนหนู วธิ ีการทา 1. ใชน้ มจดื 200 มลิ ลลิ ิตร ผสมกบั นมขน้ จดื 50 มิลลลิ ิตร หรือ โยเกิร์ต 50 มิลลิลติ ร (ตาม ความชอบของแต่ละบุคคล) นมขน้ หวาน 30 มลิ ลลิ ิตร และเกลอื เล็กน้อย เทผสมลงในเหยือก

2. คนใหส้ ่วนผสมทงั้ หมดเข้ากัน จากนน้ั เทลงไปป่นั ในเคร่ืองป่ัน พร้อมใสก่ ลว้ ยหอมหนั่ เปน็ แวน่ ๆ ป่นั ให้ละเอียดเปน็ เนื้อสมูทตี้ แล้วเทกลว้ ยปน่ั ผสมนมเนือ้ สมูทต้ี ลงเหยอื กเพ่ือเทใส่ถงุ ซิปล็อค 3. เทกลว้ ยปน่ั ผสมนมเน้อื สมูทต้ี ใสถ่ ุงซบิ ล็อค แล้วนาไปเขย่าในนา้ แข็งผสมเกลอื ทเี่ ตรียมไว้ในกลอ่ ง พลาสตกิ แลว้ หอ่ ด้วยผา้ ขนหนู ใช้เวลาเขย่า 3-4 นาที จะเป็นเนอ้ื สเลอปี้ แต่ถ้าเขย่า 8-10 นาที จะ เปน็ เนือ้ ไอศกรมี

4. ตกั ใสภ่ าชนะที่เตรียมไว้ เขน่ แก้ว ถว้ ย โคนขนมปังกรอบ พรอ้ มใส่ท๊อปป้งิ ท่ตี ้องการ แล้วราด ดว้ ยชอ็ คโกแล็ค (ไซหรบั )

บทที่ 4 ผลการดาเนนิ งาน ผลการศึกษาและอภิปรายผลการศึกษา ผลการศึกษา การทาโครงงาน เร่ือง Banana milk Ice cream shake ทาให้ได้เรียนรู้ทักษะกระบวนการทางาน ซึง่ เป็นพืน้ ฐานทีส่ าคัญในการนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั การนากลว้ ยแตล่ ะชนิดมาทดลองทาไอศกรีม หรอื การ ปรับเปลยี่ นสว่ นผสมจากนมข้นจดื 50 มลิ ลลิ ติ ร เปน็ โยเกริ ต์ 50 มิลลิลิตร ทาให้ไดร้ สชาตทิ ีห่ ลากหลาย จาก การทาโครงงานน้ี ผ้ศู ึกษาได้ทาการทดลองในรูปแบบตา่ งๆ ดังนี้ 1. การทาไอศกรีมกลว้ ยโดยวธิ กี ารเขย่า 2. การทาไอศกรีมกลว้ ยโดยวธิ ีการกวน ตางรางที่ 1 การจับเวลาการทาให้เนือ้ ไอศกรมี แขง็ ตัว (นาที ) ท่ี วิธกี าร เวลา ( นาที ) สเลอป้ี ไอศกรมี 1 การเขย่า 3-4 นาที 8-10 นาที 2 การกวน 15 นาที 25 นาที จากตารางท่ี 1 พบวา่ การทาไอศกรีมกลว้ ยโดยวธิ ีการเขย่า ให้เปน็ เนือ้ สเลอป้ี ใชเ้ วลา 3-4 นาที และ เปน็ เน้ือไอศกรีม ใชเ้ วลา 8-10 นาที วธิ กี ารเขยา่ ใชเ้ วลาเรว็ กวา่ วิธกี ารกวน ประหยดั เวลาในการทา ไอศกรมี ตารางท่ี 2 สารวจความพึงพอใจในการทดสอบรสชาติไอศกรมี ท่ีทาจากกลว้ ยนา้ ว้า และกล้วยหอม จากการ สารวจ 150 คน เป็นดังนี้ ท่ี ชนดิ ไอศกรีม ผลการสารวจ จานวน รอ้ ยละ 1 ไอศกรมี กลว้ ยหอมนมโยเกริ ์ต 68 45.33 2 ไอศกรีมกลว้ ยหอมนม 50 33.33 3 ไอศกรีมกล้วยน้าว้านมโยเกริ ์ต 32 21.34 จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผ้ปู กครอง ครู และนกั เรยี น มีความพึงพอใจรสชาติไอศกรีมกลว้ ยหอมนมโย เกิรต์ จานวน 68 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 45.33 ไอศกรีมกล้วยหอมนม จานวน 50 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 33.33 และไอศกรมี กล้วยน้าวา้ นมโยเกิร์ต จานวน 32 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 21.34 จากการสารวจส่วนใหญช่ อบ ไอศกรมี กล้วยหอมนมโยเกิรต์

อภปิ รายผลการศึกษา จากหนังสือสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉบับเสรมิ การเรียนรู้ เลม่ 10 ไดน้ าผลไม้ซ่งึ คนไทยรจู้ ักคุน้ เคยกนั ดีและมคี วามสาคัญต่อเศรษฐกจิ ของประเทศ ไทย คือ กล้วย ทุเรียน และส้ม ในแต่ละเร่ืองให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติและถ่ินกาเนิด การจาแนกชนิด การ ปลกู และการดูแล คุณค่าทางโภชนาการ การแปรรปู และมเี รอ่ื งอื่นทีน่ ่าสนใจอีกมาก นักเรียนทที่ าโครงงาน มคี วามรคู้ วามเข้าใจเร่ืองกล้วยมากขึน้ นักเรียนให้ความสนใจประโยชน์ที่ได้จากกลว้ ย แล้วสามารถนามาแปร รปู ให้อรอ่ ย น่ารบั ประทาน และเหมาะสมกบั วัยมากยง่ิ ข้ึน ผู้จัดทาโครงงานนาเร่ือง กล้วย มาจัดทาโครงงาน เรือ่ ง Banana milk Ice cream shake เน่อื งจาก สถานการณ์โควิด-19 พวกเราต้องเรียนหนังสือออนไลน์ อยู่ท่ีบ้าน การออกมาซ้ือของนอกบ้านค่อนข้าง ลาบาก จึงทาให้อยากทาไอศกรมี รบั ประทานที่บา้ น จงึ ไดท้ าไอศกรีมกล้วยรับประทานขนึ้ จากการทดลองใน การทาไอศกรีมพบว่า การทาไอศกรีมกล้วยโดยวิธีการเขย่า ใช้เวลา 8-10 นาที สามารถได้ไอศกรีม รับประทาน และชนิดของไอศกรีมท่ีทางผู้จัดทาโครงงานได้เลือกมาแปรรูป ไอศกรีมกล้วยหอมนมโยเกิร์ต ได้รบั ความพึงพอใจสงู สุด การทาโครงงานคร้ังน้ี ทาให้ได้พัฒนาทักษะในการสืบค้นความรู้ใหม่จากแหล่งความรู้ วิธีการทา ไอศกรีมจากอินเทอร์เน็ต ผสมผสานกับการเรียนรู้ในการเข้าค่าย สสวท. ในโรงเรียน โดยบูรณาการสะเต็ม ศึกษาจากการทาสเลอปี้ ได้แนวความคิดในการทาไอศกรีมกล้วย การเกิดความคิดสร้างสรรค์ท่ีหลากหลาย ตามความสนใจของกลุ่มผู้จัดทาโครงงาน มีโอกาสพัฒนาทักษะและรู้แบบให้ก้าวหน้าข้ึนตามลาดับโดยมีครู คอยใหค้ าปรึกษาและชว่ ยเหลอื เมอื่ เกดิ ปญั หาในการปฏิบัตงิ าน ทาให้เกิดการเรยี นรู้อยา่ งมีความสขุ

บทท่ี 5 สรุปผลการศึกษา 5.1 สรปุ ผลการศึกษา จากการศึกษาผู้จัดทาได้ไอศกรีมกล้วยหอมนมโยเกิร์ต ที่มีรสชาติกลมกล่อม อร่อย หอมกล่ินของ กล้วยหอม มีรสเปร้ียวของโยเกิร์ต มีความหวานมันของนม ผสมผสานการอย่างลงตัว สะดวก ง่าย และ ประหยัดเวลาในการทาไอศกรีม สามารถทารับประทานเองที่บ้านและใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถได้ไอศกรีม รับประทาน พร้อมทั้งเป็นการได้ฝึกทักษะกระบวนการทางานตามข้ันตอนและส่งเสริมความคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์ ตลอดจนเป็นการทางานทส่ี ่งผลใหเ้ กดิ ความสามคั คีในการทางานเป็นทีมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 5.2 ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากโครงงาน 1. ไดม้ ีความรู้เกีย่ วกบั เร่อื งกล้วยมากขนึ้ 2. นากลว้ ยมาแปรรูปเปน็ ไอศกรีมที่อรอ่ ย สะอาดถูกหลกั อนามยั 3. ทางานอย่างเป็นระบบโดยใช้กระบวนการ PDCA 4. ทางานเป็นกลมุ่ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 5. รักการอา่ นและศึกษาคน้ คว้าเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง 6. ไดร้ บั พัฒนาให้มคี วามรู้ ทกั ษะ สามารถปฏบิ ัตงิ านได้ 7. เปน็ ตน้ แบบในการประยุกตแ์ นวคิดใหมๆ่ เพอ่ื นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ในโอกาสต่อไปอย่างมี คณุ ภาพ 5.3 ปัญหา / อปุ สรรคในการทาโครงงาน 1. การปิดถุงซิปล็อค ควรปดิ ให้สนทิ ก่อนเขยา่ เพราะอาจทาใหน้ า้ เกลอื เข้าในไอศกรีมได้ 2. การเขยา่ แรงเกินไป ทาให้ถุงไอศกรีมแตก 3. นักเรยี นตอ้ งใชเ้ วลาหลังเลิกเรียนในการทาโครงงาน จงึ ทาให้นักเรียนกลบั บา้ นชา้ กวา่ ปกติ 5.4 ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาโครงงานการทาไอศกรีมกล้วยหอมนมโยเกิรต์ สามารถประยุกต์และพฒั นาเพม่ิ สว่ นประกอบของไอศกรีมให้มคี ุณคา่ ทางโภชนาการสูงขนี้ เชน่ เมล็ดแอลมอน อะโวกาโด เป็นต้น

เอกสารอ้างอิง หนังสอื สารานกุ รมไทยสาหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ฉบบั เสรมิ การ เรียนรู้ เลม่ 10 https://www.youtube.com/watch?v=mTOCVJvjmCI ( ไอตมิ กลว้ ย ทาไวก้ ินง่ายๆใช้แค่ 4 อย่างน้ี เคลด็ ลับสีไอติมไม่ดาคล้าจนเกนิ ไป Banana ice cream ) https://www.youtube.com/watch?v=Ezm_JTalsM4 ( ไอตมิ กล้วยๆคลนี \" วัตถุดบิ 2อยา่ ง พร้อม คานวณแคลอรี่ ) https://www.youtube.com/watch?v=nH59UDwUq9s ( กิจกรรมทดลอง การทาสเลอปี้ )

ภาคผนวก

ภาพประกอบโครงงาน เร่อื ง Banana milk Ice cream shake

ภาพประกอบโครงงาน เร่อื ง Banana milk Ice cream shake

ภาพประกอบโครงงาน เร่อื ง Banana milk Ice cream shake

ภาพประกอบโครงงาน เร่อื ง Banana milk Ice cream shake

ภาพประกอบโครงงาน เร่อื ง Banana milk Ice cream shake

Marywitthayakabinburi school MVK Channel


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook