45
46 บทท่ี 3 อาณาจักรอยุธยา การสถาปนาอาณาจักรอยธุ ยา http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=1752 พฒั นาการก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา อารยธรรมและความเจริญในดินแดนแถบลุ่มแมน่ ้าํ เจา้ พระยาเกิดข้ึนอยา่ งต่อเน่ืองมานาน หลาย ร้อยปี แลว้ ท้งั น้ีจากการศึกษาคน้ ควา้ หลกั ฐานทางดา้ นโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ตาํ นาน ตา่ งๆ และเอกสารของชาวต่างชาติ ทาํ ใหเ้ ช่ือกนั วา่ กลุ่มชนชาวไทยไดส้ ร้างสรรคค์ วามเจริญและ มีพฒั นาการทางอารยธรรม อยใู่ นแถบลุ่มแม่น้าํ เจา้ พระยาตอนล่าง เป็ นเวลานานหลายร้อยปี ก่อนสมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจา้ อู่ทอง) ทรงสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยา สนั นิษฐานวา่ ก่อนปี พ.ศ. 1893 ศูนยก์ ลางทางดา้ นวฒั นธรรมในลุ่มแมน่ ้าํ เจา้ พระยาตอนล่างคงจะอยทู่ ่ีลพบุรี ส่วน ศูนยก์ ลางทางดา้ นการเมืองการปกครองน้นั อนุมานวา่ อยรู่ ะหวา่ งลพบุรีกบั สุพรรณบุรี ท้งั น้ีเพราะ ในเวลาน้นั กรุงสุโขทยั เริ่มอ่อนแอลงทาํ ใหก้ ลุ่มคนไทยในแถบลุ่มแมน่ ้าํ เจา้ พระยา ที่มีกาํ ลงั เขม้ แขง็ ต้งั ถ่ินฐานบา้ นเรือนข้ึนส่วนพวกท่ีอ่อนแอ ที่ไมส่ ามารถรวมกาํ ลงั เป็นปึ กแผน่ ก็จะเขา้ มาอยใู่ นความ ปกครอง ของคนกลุ่มอ่ืนผนู้ าํ กลุ่มคนไทยท่ีมีกาํ ลงั เขม้ แขง็ กวา่ สามารถต้งั ตนเป็นใหญ่ในบริเวณ ภาคกลาง ลุ่มแมน่ ้าํ เจา้ พระยาและสถาปนาราชธานีคือ “กรุงศรีอยธุ ยา” ข้ึนในปี พ.ศ. 1893 ทรงพระนามวา่ “สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจา้ อู่ทอง)” ต่อมาศูนยก์ ลางท้งั ทางดา้ นการปกครอง วฒั นธรรม และเศรษฐกิจ จึงไดย้ า้ ยมาอยทู่ ่ีกรุงศรีอยธุ ยาและเป็นท่ีรวมของหลกั ฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ และอารยธรรมที่สาํ คญั ของไทยที่ตกทอดมาถึงยคุ ปัจจุบนั
47 แคว้นอ่ทู องหรือสุพรรณภูมิ แควน้ อู่ทองเป็ นชุมชนของคนไทย ต้งั อยทู่ างดา้ นตะวนั ตกของลุ่มแม่น้าํ เจา้ พระยาตอนล่าง มีการคน้ พบซากเมืองโบราณและหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์อ่ืน ๆ ในเขตตวั เมืองอู่ทอง (อยรู่ ิม แมน่ ้าํ จระเขส้ ามพนั อาํ เภออู่ทอง จงั หวดั สุพรรณบุรี) และในเขตอาํ เภอเมืองสุพรรณบุรีศูนยก์ ลาง ความเจริญของแควน้ อู่ทองอยทู่ ่ีตวั เมืองอู่ทอง จากหลกั ฐานท่ีคน้ พบ ทาํ ใหเ้ ชื่อวา่ เมืองอู่ทอง เป็นชุมชนโบราณท่ีมีผคู้ นอยอู่ าศยั มาต้งั แต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ (สมยั ที่มนุษยย์ งั ไมร่ ู้จกั ประดิษฐต์ วั อกั ษร) จนกระทงั่ มีความเจริญสูงสุดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 - 13 และถือวา่ มีอายุ เก่าแก่มากกวา่ เมืองโบราณท่ีนครปฐม การคน้ พบศิลปะโบราณสถานและโบราณวตั ถุสมยั ทวารวดี ท่ีสร้างข้ึนในพทุ ธศตวรรษที่ 16 ทาํ ใหส้ ันนิษฐานวา่ ก่อนใน ช่วงดงั กล่าว อาณาจกั รทวารวดีมี อิทธิพลเหนือดินแดนแห่งน้ี หลงั จากน้นั เมืองอู่ทอง ไดเ้ สื่อมอาํ นาจและลดความสาํ คญั ลง โดยเฉพาะในช่วงพทุ ธศตวรรษที่ 17 - 19 เมืองสุพรรณบุรี กลบั มีความเจริญเขา้ มาแทนที่ แคว้ นอู่ทองหรือสุพรรณบุรี อาจเป็ นเมืองเดิมของพระเจา้ อู่ทองก่อนการสถาปนากรุงศรี อยธุ ยาเป็นราชธานี จากหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ระบุวา่ พระเจา้ อูท่ อง ทรงพาผคู้ นอพยพหนีโรค ระบาดจากแควน้ สุพรรณภูมิมาสร้างเมืองใหมท่ ี่กรุงศรีอยธุ ยา และต่อมาทรงต้งั ให้ ขนุ หลวงพะงวั่ ญาติผใู้ หญข่ องพระองคไ์ ปครองเมืองสุพรรณบุรีแทนแควน้ ละโวห้ รือลพบุรี แคว้นละโว้หรือลพบุรี เมืองละโวเ้ ป็นชุมชนโบราณ ต้งั อยดู่ า้ นตะวนั ออกของแม่น้าํ เจา้ พระยาตอนล่าง มีความ เจริญรุ่งเรืองในช่วงพทุ ธศตวรรษท่ี 11 โดย \"พระยากาฬวรรณดิศราช\" กษตั ริยน์ ครปฐมเป็นผสู้ ัง่ ให้ สร้างเมืองละโวข้ ้ึน ใน พ.ศ. 1002 แตท่ ้งั เมืองละโว้ นครปฐม อูท่ อง และสุพรรณภูมิ ลว้ นแต่เป็น ส่วนหน่ึงของอาณาจกั รทวารวดี ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 11 ท้งั สิ้น โดยละโวม้ ีความสาํ คญั ในฐานะ เป็นเมืองลูกหลวงทางดา้ นตะวนั ออกของอาณาจกั รแควน้ ละโวม้ ีความเจริญทางวฒั นธรรมและเป็ น ศูนยก์ ลางของพระพุทธศาสนา ในช่วงพทุ ธศตวรรษที่ 12 - 13 ความเจริญของละโวแ้ ผข่ ยาย ครอบคลุมต้งั แตบ่ ริเวณปากอ่าวไทยข้ึนไปตามลุ่มน้าํ เจา้ พระยาดา้ นตะวนั ออกจนถึง เมือง นครสวรรคแ์ ละเมืองหริภุญไชย แควน้ ละโวเ้ ร่ิมรับวฒั นธรรมฮินดูและพระพุทธศาสนา ลทั ธิมหายานจากเขมรอยา่ งมาก ต้งั แต่ในพทุ ธศตวรรษที่ 16 เป็นตน้ มา โดยเชื่อวา่ แควน้ ละโวต้ กอยใู่ ตอ้ าํ นาจทางการเมืองของเขมร เพราะก่อนหนา้ น้ีละโวเ้ คยส่งทูตไปเมืองจีนอยา่ งสม่าํ เสมอ แตห่ ลงั จาก พ.ศ.1544 ก็ไม่ไดส้ ่งไปอีก เลย แควน้ ละโวย้ า้ ยราชธานีใหม่ ในช่วง พทุ ธศตวรรษท่ี 17 แควน้ ละโวถ้ ูกคุกคามโดยกองทพั ของพระเจา้ อโนรธามงั ช่อ กษตั ริยแ์ ห่งอาณาจกั รพุกาม (พมา่ ) เมื่อประมาณ พ.ศ. 1601พระนารายณ์ กษตั ริยข์ องแควน้ ละโว้ ไดย้ า้ ยราชธานีใหม่มาต้งั ตรงปากแม่น้าํ ลพบุรี (บริเวณท่ีแมน่ ้าํ ลพบุรีไหลมา
48 บรรจบกบั แมน่ ้าํ เจา้ พระยา) เมื่อ พ.ศ. 1625 และต้งั ชื่อวา่ \"กรุงอโยธยา\" ส่วนเมืองละโวเ้ ดิมได้ เปลี่ยนชื่อใหมเ่ ป็น \"ลพบุรี\" และมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงอโยธยา หรือแควน้ อโยธยา ต้งั แตบ่ ดั น้นั การสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเป็ นราชธานี สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจา้ อู่ทอง) เป็นผทู้ รงสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานี เม่ือ พ.ศ. 1893 ทรงขนานนามราชธานีว่า กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ต้งั อยู่บริเวณหนองโสน บนเกาะเมืองอยุธยาซ่ึงไม่มีหลกั ฐานปรากฏแน่ชดั วา่ พระองคส์ ืบเช้ือสายมาจากราชวงศใ์ ด และมี ถ่ินกาํ เนิดเดิมมาจากที่ใด ปัจจัยสาคัญในการสถาปนากรุงศรีอยธุ ยา สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจา้ อู่ทอง)ทรงเลือกทาํ เลที่ต้งั กรุงศรีอยุธยา เนื่องจากมีปัจจยั สาํ คญั ดงั ต่อไปน้ี 1. ความอุดมสมบูรณ์ของพ้ืนท่ี ต้งั อยบู่ ริเวณท่ีลาบลุ่มภาคกลาง มีแม่น้าํ 3 สายไหลผา่ น คือแม่น้าํ เจา้ พระยา แม่น้าํ ลพบุรี และแมน่ ้าํ ป่ าสกั จึงเหมาะแก่การเพาะปลูกและสร้างบา้ นเรือน 2. การเป็ นศูนยก์ ลาง การคมนาคมและการคา้ เนื่องจากมีแม่น้าํ 3 สายไหลผา่ น และต้งั อยู่ ไม่ไกลจากทะเลสามารถติดตอ่ คา้ ขายกบั หวั เมืองทางเหนือและหวั เมืองในลุ่มน้าํ เจา้ พระยาตอนล่าง ไดส้ ะดวก ทาํ ใหเ้ ป็นศูนยก์ ลางการคมนาคมและการคา้ 3. ความมน่ั คงทางยทุ ธศาสตร์ มีสภาพเป็นเกาะ มีแม่น้าํ ลาํ คลองลอ้ มรอบ เป็ นแนวป้องกนั การบุกรุกของขา้ ศึกอยา่ งดี และเม่ือถึงฤดูน้าํ หลากและน้าํ ท่วมนอกพระนครขา้ ศึกไมส่ ามารถ ต้งั ทพั ได้ 4. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในภูมิภาค ช่วงท่ีพระเจา้ อูท่ องทรงสถาปนา กรุงศรีอยุธยา เป็ นเวลาที่อาณาจกั รสุโขทยั และเขมรเส่ือมอาํ นาจลง ทาํ ให้การสถากรุงศรีอยุธยา เป็ นไปโดยง่าย ปัจจยั ตา่ งๆเหล่าน้ีลว้ นมีความสาํ คญั ท่ีสร้างเสริมใหพ้ ระเจา้ อู่ทองทรงสถาปนา กรุงศรีอยธุ ยาเป็ นราชธานีของอาณาจกั รใหม่ไดส้ าํ เร็จ พร้อมท้งั วางรากฐานการเมืองการปกครอง และเศรษฐกิจในสมยั ต่อไป ปัจจัยทม่ี ีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา อาณาจกั รอยธุ ยาเป็นอาณาจกั รสาํ คญั ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ เพราะมีปัจจยั ท่ีส่งเสริม ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจกั รดงั น้ี 1. ลกั ษณะทางกายภาพ มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การต้งั ถิ่นฐาน จึงมีคนเขา้ มา อยอู่ าศยั มาก ทาํ ใหม้ ีกาํ ลงั คนในการสร้างกองทพั และแรงงานในการผลิต
49 2. ทาํ เลที่ต้งั ต้งั อยูใ่ นเส้นทางการคา้ เมื่อการคา้ ขยายตวั ข้ึนจึงกลายเป็ นศูนยก์ ลางการคา้ ระหวา่ งตะวนั ตก ทาํ ใหอ้ าณาจกั รมีรายไดจ้ ากการเก็บภาษีการคา้ และการคา้ สาํ เภา 3. การรับอารยธรรมเดิม เคยเป็ นท่ีต้งั ของรัฐที่มีอารยธรรมเก่าแก่อารยธรรมเหล่าน้ีไดส้ ืบ ทอดเขา้ มาผสมผสานกับศิลปวฒั นธรรมสมยั อยุธยาและได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสม ทาํ ให้ อยธุ ยามีความเจริญรุ่งเรืองดา้ นศิลปวฒั นธรรม 4. พระปรีชาสามารถของพระมหากษตั ริย์ พระมหากษตั ริยอ์ ยุธยาทรงปกครองบา้ นเมือง อย่างมีระเบียบใช้กฎหมายควบคุมสังคม ดาํ เนินนโยบายการต่างประเทศอย่างเหมาะสม ทาํ ให้ ไดร้ ับผลประโยชน์ทางการคา้ และไดร้ ับวทิ ยาการใหม่ ๆ อาณาจักรอยธุ ยา ที่มา https://www.google.co.th/search
50 กจิ กรรมท้ายเรื่อง ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามต่อไปน้ีใหช้ ดั เจน 1. กษตั ริยพ์ ระองคแ์ รกของกรุงศรีอยธุ ยาทรงพระนามวา่ ………………………………..………….. 2. กษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดทรงสร้างกรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานี…………………………..……….……… 3.กรุงศรีอยธุ ยามีแมน่ ้าํ ลอ้ มรอบไดแ้ ก่ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 4. จงบอกปัจจยั สาํ คญั ในการสถาปนากรุงศรีอยธุ ยา ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 5. การที่กรุงศรีอยธุ ยามีแม่น้าํ ไหลผา่ นทาํ ใหเ้ กิดประโยชน์คือ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................
51 พฒั นาการของอาณาจักรอยุธยา อาณาจกั รอยธุ ยาสถาปนาข้ึนเม่ือ พ.ศ. 1893 และดาํ รงความเป็นอาณาจกั รไวไ้ ดน้ าน ถึง 417ปี ย่อมตอ้ งมีรากฐานทางสังคมและวฒั นธรรมที่เขม้ แข็งพอสมควร ดงั น้ันการศึกษา ประวตั ิศาสตร์ในสมยั อยธุ ยาจึงเป็นสิ่งจาํ เป็นตอ่ การศึกษาประวตั ิศาสตร์ของไทยเป็ นอยา่ งยงิ่ 1. ผู้ก่อต้ังอาณาจักรอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจา้ อูท่ อง) เป็นผทู้ รงสถาปนา กรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานี เม่ือ พ.ศ. 1893 ซ่ึงไม่มีหลกั ฐานปรากฏแน่ชดั วา่ พระองคส์ ืบเช้ือสายมา จากราชวงศใ์ ด และมีถิ่นกาํ เนิดเดิมมาจากที่ใด มีขอ้ สนั นิษฐานในเรื่องดงั กล่าว 3 ประการ ดงั น้ี 1.) มีถ่ินกาํ เนิดเดิมมาจากเมืองอู่ทอง แควน้ สุพรรณภูมิ เม่ือประมาณ พ.ศ. 1890 เมืองอูท่ องซ่ึงต้งั อยรู่ ิมฝั่ง แม่น้าํ จระเขส้ ามพนั ประสบภยั ธรรมชาติ ลาํ น้าํ จระเขส้ ามพนั ต้ืนเขิน ขาดแคลนน้าํ จึงเกิดโรคระบาด (โรคห่าหรืออหิวาตกโรค) มีผคู้ นลม้ ตายเป็ นจาํ นวนมาก พระเจา้ อู่ ทองจึงทรงทิ้งเมือง อพยพผคู้ นขา้ มฟากแมน่ ้าํ มาต้งั เมืองใหมท่ ี่บริเวณตาํ บลหนองโสน (บึง พระราม) ใชเ้ วลาสร้างเมืองใหม่ 3 ปี และสถาปนาข้ึนเป็นกรุงศรีอยธุ ยา ราชธานีแห่งใหม่ ใน พ.ศ. 1893 2.) มีถิ่นกาํ เนิดเดิมมาจากเมืองอโยธยา บริเวณปากแมน่ ้าํ ลพบุรี ซ่ึงเป็นเมืองหลวง ของแควน้ ละโว้ โดยพระเจา้ อู่ทองทรงอพยพไพร่พลทิง้ เมืองอโยธยา หนีภยั อหิวาตกโรคระบาด มาสร้างเมืองใหม่เช่นกนั 3.) มีฐานะเป็ นพระราชโอรสของแควน้ ละโว้ พระราชบิดาของพระเจา้ อู่ทองเป็ น กษตั ริย์แห่งแควน้ ละโว้ และมอบหมายให้พระเจา้ อู่ทองไปครองเมืองเพชรบุรี ในฐานะเมือง ลูกหลวง คร้ังเมื่อพระราชบิดาสวรรคต พระเจา้ อู่ทองจึงเสด็จกลบั มาครองราชสมบตั ิในแควน้ ละโว้ และตอ่ มาไดย้ า้ ยมาต้งั ราชธานีแห่งใหมท่ ี่กรุงศรีอยธุ ยา ตอ่ มาเมื่อเมืองอู่ทองเกิดโรคระบาด เกิดภยั ธรรมชาติ ผคู้ นลม้ ตายเป็นจาํ นวนมาก พระเจ้าอู่ทอง จึงอพยพผู้คนไปยงั ทาํ เลท่ีมีน้ําอุดมสมบูรณ์ (เชื่อกันว่าเป็ นบริเวณท่ีเป็ น วดั พุทไธสวรรยใ์ นปัจจุบนั )ทรงสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณหนองโสนหรือบึงพระราม แลว้ สถาปนา กรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานีในปี พ.ศ. 1893 ทรงพระราชทานนามพระนครวา่ \"กรุงเทพทวารวดี ศรีอยุธยา\" พระเจา้ อู่ทองเสด็จข้ึนครองราชยเ์ ป็ นปฐมกษตั ริยต์ น้ ราชวงศอ์ ู่ทองทรงพระนามว่า \"สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 1\" 2. ที่ต้ังของกรุงศรีอยุธยากรุงศรีอยธุ ยามีท่ีต้งั ท่ีเหมาะสมเนื่องจากมีแม่น้าํ สําคญั ไหลผา่ น ถึง 3 สายไดแ้ ก่ แม่น้าํ ลพบุรี แม่น้าํ ป่ าสัก แม่น้าํ เจา้ พระยา แม่น้าํ ท้งั 3 สายน้ี ไหลมาบรรจบกนั ลอ้ มรอบราชธานี ทาํ ให้กรุงศรีอยุธยามีลกั ษณะเป็ น เกาะท่ีมีสัณฐานคล้ายเรือสําเภา คนทว่ั ไปจึงเรียก แผนที่แสดงที่ตงั้ ในสมยั อยธุ ยา
52 อยธุ ยาวา่ \"เกาะเมือง\" อยธุ ยามีทาํ เลทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกบั การเป็นราชธานี สภาพทาํ เลท่ีต้งั ของกรุงศรีอยุธยาท่ีมีความเหมาะสมดงั กล่าวทาํ ใหก้ รุงศรีอยุธยาเป็ นนคร ราชธานีอนั ย่งิ ใหญ่ของชาติไทยมายาวนานตลอด 417 ปี (พ.ศ. 1893 - 2310) และมีพฒั นาการทาง ประวตั ิศาสตร์อยา่ งเห็นไดช้ ดั ท้งั ทางดา้ นการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและศิลปวฒั นธรรม 3. รายพระนามพระมหากษตั ริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ตลอดระยะเวลา 417 ปี ท่ีกรุงศรีอยธุ ยา เป็นราชธานีของไทย ไดม้ ีพระมหากษตั ริยป์ กครองสืบต่อกนั มา 5 ราชวงศ์ รวมท้งั สิ้น 33 พระองค์ 1. ราชวงศ์อู่ทอง - สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 1 (พระจา้ อูท่ อง) ครองราชย์ พ.ศ. 1893 - 1912 - สมเด็จพระราเมศวร ครองราชย์ พ.ศ. 1912-1913 และ พ.ศ. 1931 - 1938 - สมเดจ็ พระรามราชาธิราช ครองราชย์ พ.ศ. 1938 – 1952 2. ราชวงศ์สุพรรณภูมิ - สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขนุ หลวงพอ่ งว่ั )ครองราชยพ์ .ศ. 1913 - 1931 - สมเด็จพระเจา้ ทองลนั (ทองจนั ทร์) ครองราชย์ พ.ศ. 1931 - 1931 - สมเด็จพระอินทราธิราช (เจา้ นครอินทร์) ครองราชย์ พ.ศ. 1952 - 1967 - สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 2(เจา้ สามพระยา)ครองราชยพ์ .ศ. 1967 - 1991 - สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครองราชย์ พ.ศ. 1991 - 2031 - สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 3 ครองราชย์ พ.ศ. 2031 - 2034 - สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 2 ครองราชย์ พ.ศ. 2034 - 2072 - สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี 4(หน่อพทุ ธางกรู หรือพระอาทิตยวงศ์ ครองราชย์ พ.ศ. 2072 - 2076 - สมเด็จาพระรัษฎาธิราชราชกุมาร ครองราชย์ พ.ศ. 2076 - 2077 - สมเดจ็ พระไขยราชาธิราช ครองราชย์ พ.ศ. 2077 - 2089 - สมเดจ็ พระยอดฟ้า (พระแกว้ ฟ้า) ครองราชย์ พ.ศ. 2089 - 2091 - สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ ครองราชย์ พ.ศ. 2091 - 2111 - สมเดจ็ พระมหินทราธิราช ครองราชย์ พ.ศ. 2111 – 2112 3. ราชวงศ์สุโขทยั - สมเด็จพระมหาธรรมราชา ครองราชย์ พ.ศ. 2112 - 2133 - สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ครองราชย์ พ.ศ. 2133 - 2148 - สมเดจ็ พระเอกาทศรถ ครองราชย์ พ.ศ. 2148 - 2163 - สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ ครองราชย์ พ.ศ. 2163 - 2163 - สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม ครองราชย์ พ.ศ. 2163 - 2173
53 - สมเด็จพระเชษฐาธิราช ครองราชย์ พ.ศ. 2171 - 2173 - สมเดจ็ พระอาทิตยวงศ์ ครองราชย์ พ.ศ. 2173 – 2173 4. ราชวงศ์ปราสาททอง - สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ครองราชย์ พ.ศ. 2173 - 2198 - สมเดจ็ เจา้ ฟ้าไชย ครองราชย์ พ.ศ. 2198 - 2199 - สมเด็จพระสุธรรมราชา ครองราชย์ พ.ศ. 2199 - 2199 - สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ครองราชย์ พ.ศ. 2199 – 2231 5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง - สมเด็จพระเพทราชา ครองราชย์ พ.ศ. 2231 - 2245 - สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี 8 (พระเจา้ เสือ) ครองราชย์ พ.ศ. 2245 - 2252 - สมเดจ็ พระสรรเพชญท์ ่ี 9 (พระเจา้ ทา้ ยสระ)ครองราชย์ พ.ศ. 2252 - 2275 - สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ครองราชย์ พ.ศ. 2275 - 2301 - สมเด็จพระเจา้ อุทุมพร (ขนุ หลวงหาวดั ) ครองราชย์ พ.ศ. 2301 - 2301 - สมเดจ็ พระท่ีนงั่ สุริยาศนอ์ มรินทร์ (พระเจา้ เอกทศั )ครองราชย์ พ.ศ. 2301- 2310 พฒั นาการของอาณาจักรอยธุ ยาด้านการเมืองการปกครอง การจดั ระเบียบการปกครองในสมยั อยธุ ยา แบง่ ไดเ้ ป็น 3 สมยั ดงั น้ี 1. สมยั อยธุ ยาตอนต้น (พ.ศ. 1893 – พ.ศ. 1991) มีลกั ษณะดงั น้ี ในสมยั น้ีเป็ นสมยั ของการวางรากฐานอาํ นาจทางการเมืองการปกครองรวมท้งั เสริมสร้าง ความมนั่ คงของอาณาจกั ร ซ่ึงยงั มีอาณาเขตไมก่ วา้ งขวางมากนกั พระเจา้ อู่ทองทรงวางรากฐาน การปกครองไว้ ดงั น้ี 1.1 การปกครองส่วนกลาง (ราชธานี) พระมหากษตั ริยแ์ บ่งการปกครองเป็ น 4 ส่วน เรียกวา่ จตุสดมภ์ ใหแ้ ต่ละส่วนมีอาํ นาจหนา้ ท่ี ดงั น้ี 1) กรมเวียง (กรมเมือง) มีหน้าท่ี ดูแลความสงบเรียบร้อยของราษฎรท่ัว ราชอาณาจกั ร 2) กรมวงั มีหนา้ ที่ จดั ระเบียบเก่ียวกบั ราชสาํ นกั 3) กรมคลงั มีหนา้ ท่ี จดั เก็บภาษีอากร จดั หารายไดเ้ พ่ือใชใ้ นการบาํ รุงราชอาณาจกั ร รับผดิ ชอบดา้ นการเงินและการตา่ งประเทศ 4) กรมนา มีหนา้ ท่ี ดูแลเก่ียวกบั การทาํ มาหากินของราษฎร 1.2 การปกครองส่วนภูมิภาค เป็ นการปกครองหวั เมืองที่อยูน่ อกเขตราชธานี ซ่ึงมีการ แบง่ เมืองเป็นระดบั ช้นั ดงั น้ี
54 1) เมืองหนา้ ด่าน (เมืองลูกหลวง) เป็ นหัวเมืองที่อยูร่ ายรอบราชธานีและมีระยะทาง ไปมาถึงราชธานีไดภ้ ายใน 2 วนั มีความสําคญั ในการป้องกนั ขา้ ศึกไม่ให้โจมตีถึงราชธานีไดง้ ่าย พระมหากษตั ริยจ์ ะทรงแต่งต้งั ใหพ้ ระราชโอรสหรือเจา้ นายช้นั สูงเมืองหนา้ ด่านท่ีสาํ คญั มีดงั น้ี ทิศเหนือ เมืองลพบุรี ทิศใต้ เมืองพระประแดง ทิศตะวนั ออก เมืองนครนายก ทิศตะวนั ตก เมืองสุพรรณ 2) หวั เมืองช้นั ใน เป็ นหวั เมืองที่ถดั จากเมืองหนา้ ด่านออกไปอีก เป็ นเมืองรายรอบ ตามระยะทางคมนาคม อยไู่ มไ่ กลจากราชธานี สามารถติดต่อถึงกนั ไดส้ ะดวก หวั เมืองช้นั ใน ท่ีสาํ คญั มีดงั น้ี ทิศเหนือ เมืองพรหมบุรี อินทร์บุรี สิงห์บุรี ทิศใต้ เมืองเพชรบุรี ทิศตะวนั ออก เมืองปราจีนบุรี ทิศตะวนั ตก เมืองราชบุรี 3) หวั เมืองช้นั นอก (เมืองพระยามหานคร) เป็ นหวั เมืองท่ีมีขนาดใหญ่อยู่ห่างจาก ราชธานีออกไปตามทิศทางต่างๆหัวเมืองช้นั นอกจะเป็ นเมืองที่คอยปกป้องดูแลอาณาเขตดา้ นท่ี ต้งั อยมู่ ีเจา้ เมืองเป็นผปู้ กครองสืบทอดต่อ ๆ กนั มา หวั เมืองช้นั นอกท่ีสาํ คญั มีดงั น้ี ทิศเหนือ เมืองพิษณุโลก ทิศใต้ เมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช เมืองพทั ลุง ทิศตะวนั ออก เมืองนครราชสีมา เมืองจนั ทบุรี ทิศตะวนั ตก เมืองตะนาวศรี เมืองทวาย 4) หวั เมืองประเทศราช เป็ นเมืองที่อยูห่ ่างไกลนอกพระราชอาณาเขต มีการปกครอง อิสระแก่ตนเอง ชาวเมืองเป็ นชาวต่างประเทศ เจา้ นายพ้ืนเมืองมีสิทธ์ิขาดในการปกครองดินแดน ของตน แต่ตอ้ งแสดงตนวา่ ยอมอ่อนนอ้ มหรือเป็นเมืองประเทศราช โดยการส่งเครื่อง ราชบรรณาการมาถวายตามกาํ หนด 2. การปกครองสมยั อยธุ ยาตอนกลาง ( พ.ศ. 1991-พ.ศ. 2231) มีลกั ษณะดงั น้ีช่วงเวลาต้งั แต่ สมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถถึงสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 1991 – 2231) สมยั น้ี เป็นสมยั ท่ีอาณาจกั รอยธุ ยามีความมน่ั คงเป็นปึ กแผน่ และเร่ิมเป็นอาณาจกั รที่ยงิ่ ใหญ่ มีอาํ นาจ ทางการเมืองการปกครองเจริญรุ่งเรืองสูงสุด รวมท้งั มีสภาพทางเศรษฐกิจท่ีเจริญรุ่งเรือง มีการ ติดต่อคา้ ขายกบั ต่างชาติในรัชสมยั ของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถไดม้ ีการจดั ระเบียบการปกครอง โดยรวมอาํ นาจไวท้ ี่ศูนยก์ ลาง เพื่อให้เหมาะสมกบั สภาพของอาณาจกั รอยุธยาในขณะน้นั ท่ีขยาย ดินแดนกวา้ งออกไป มีการปฏิรูปการปกครองข้ึนมา
55 สาเหตุทท่ี าให้สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถปฏิรูปการปกครองอาณาจักรอยธุ ยา มีดงั น้ี 1. จากการท่ีอยธุ ยาไดข้ ยายดินแดนออกไปกวา้ งขวาง และไดร้ วมเอาดินแดนของอาณาจกั ร สุโขทยั เขา้ มาเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจกั ร จึงจาํ เป็ นตอ้ งขยายอาํ นาจการปกครองออกไปใหค้ วบคุม ดินแดนท้งั หมดไวไ้ ด้ 2. เกิดปัญหาเร่ืองความมนั่ คงของอาณาจกั ร จากการที่เมืองหนา้ ด่านมีกองกาํ ลงั ป้องกนั เมืองจึงมีอาํ นาจมาก ทาํ ใหเ้ กิดการชิงราชสมบตั ิอยบู่ ่อยคร้ัง 3. ทรงตอ้ งการปรับปรุงระเบียบการปกครองที่มีมาแต่เดิม เพ่ือให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ ในขณะน้นั 2.1 การปกครองส่วนกลาง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงจดั แบ่งขนุ นางและไพร่พลทว่ั ราชอาณาจกั รใหม่ โดยแบง่ ออกเป็น 2 ฝ่ ายคือ ฝ่ ายพลเรือน และฝ่ ายทหารในยามท่ีบา้ นเมืองสงบสุขหนา้ ท่ีของฝ่ ายพล เรือนและฝ่ ายทหารจะแยกจากกนั เพอ่ื รับผดิ ชอบบริหารบา้ นเมืองตามท่ีไดร้ ับมอบหมายให้ มีประสิทธิภาพ แต่เม่ือยามเกิดสงคราม ท้งั 2 ฝ่ ายจะตอ้ งรวมกาํ ลงั กนั เพือ่ ตอ่ สู้ขา้ ศึกศตั รูและป้องกนั ประเทศใหม้ น่ั คงปลอดภยั - ฝ่ ายทหาร มีสมุหพระกลาโหม เป็นหวั หนา้ บงั คบั บญั ชาดูแลราชการฝ่ ายทหาร ทวั่ ราชอาณาจกั ร เพื่อเตรียมไพร่พลและกาํ ลงั อาวุธไวใ้ ห้พร้อมเพรียง สามารถสู้รบในยามเกิด สงครามได้ - ฝ่ ายพลเรือนมีสมุหนายก เป็นหวั หนา้ บงั คบั บญั ชาดูแลรับผดิ ชอบงานฝ่ ายพลเรือน ทว่ั ราชอาณาจกั ร และคอยกาํ กบั ดูแลการทาํ งานของเหล่าเสนาบดีจตุสดมภเ์ ดิม ซ่ึงสมเด็จพระบรม ไตรโลกนาถทรงเปล่ียนช่ือ และปรับปรุงหนา้ ท่ีของหน่วยงานท้งั 4 ใหม่ โดยใหม้ ีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบ บริหารราชการแผน่ ดินแตกต่างกนั ไปตามท่ีทรงมอบหมาย ดงั น้ี - กรมเวยี ง (นครบาล) มีหนา้ ท่ีดูแลความสงบเรียบร้อยของบา้ นเมือง และรักษาความสงบ สุขของราษฎรในเขตราชธานี - กรมวงั (ธรรมาธิกรณ์) มีหนา้ ที่ดูแลรับผดิ ชอบเก่ียวกบั ราชสาํ นกั งานราชพธิ ี และพิพากษาคดีความของราษฎร - กรมคลงั (โกษาธิบดี) มีหนา้ ที่ดูแลรายรับรายจ่ายและเก็บรักษาพระราชทรัพย์ จดั เก็บ อากรค่าธรรมเนียมต่างๆ ติดต่อคา้ ขายกบั ต่างประเทศ - กรมนา (เกษตราธิการ) มีหนา้ ท่ีดูแลส่งเสริมใหร้ าษฎรทาํ ไร่ ทาํ นา เก็บขา้ วข้ึนฉางหลวง เพือ่ ใชเ้ ป็นเสบียงในยามศึกสงครามหรือยามเกิดขา้ วยากหมากแพง
56 2.2 การปกครองส่วนภูมิภาค สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงวางหลกั เกณฑ์ต่างๆ ในการปกครองส่วนภูมิภาคให้มี ลกั ษณะแบบเดียวกนั กบั ส่วนกลาง และไดย้ กเลิกเมืองลูกหลวงหรือเมืองหนา้ ด่าน โดยแบ่งหวั เมือง ออกเป็น 3 ช้นั ดงั น้ี 1) หวั เมืองช้นั ใน ไดแ้ ก่ เมืองที่อยูใ่ กลร้ าชธานี เช่น ราชบุรี เพชรบุรี ชยั นาถ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชลบุรี เป็นตน้ เมืองเหล่าน้ีมีฐานะเป็นเมืองจตั วา พระมหากษตั ริยท์ รงแต่งต้งั ขนุ นาง ไปปกครอง ผปู้ กครองเมืองเรียกวา่ “ผรู้ ้ัง” 2) หวั เมืองช้นั นอก ไดแ้ ก่ เมืองท่ีอยหู่ ่างไกลจากราชธานีออกไป แบ่งเป็ นเมืองช้นั เอก โท ตรี ตามขนาดและความสาํ คญั ของแต่ละเมือง ดงั ตอ่ ไปน้ี – เมืองช้นั เอก เป็ นเมืองใหญ่ มีประชาชนมาก เช่น พษิ ณุโลก นครศรีธรรมราช – เมืองช้นั โท เป็ นเมืองท่ีสาํ คญั รองลงมา เช่น สุโขทยั กาํ แพงเพชร สวรรคโลก – เมืองช้นั ตรี เป็นเมืองท่ีขนาดเล็ก เช่น ไชยา ชุมพร นครสวรรค์ 3) หวั เมืองประเทศราช ไดแ้ ก่ เมืองข้ึนของกรุงศรีอยธุ ยา เช่น ปัตตานี มะละกา เชียงกราน ทวาย ผปู้ กครองตอ้ งส่งเคร่ืองราชบรรณาการตน้ ไมเ้ งิน ตน้ ไมท้ อง มาถวายกษตั ริยท์ ่ีกรุงศรีอยธุ ยา โดยมีขอ้ กาํ หนด 3 ปี ตอ่ หน่ึงคร้ัง 3. การปกครองสมยั อยธุ ยาตอนปลาย (ในช่วง พ.ศ. 2231-พ.ศ. 2310) มีลกั ษณะดงั น้ี ช่วงเวลาต้งั แต่สมยั สมเด็จพระเพทราชาถึงสมยั สมเดจ็ พระที่นง่ั สุริยาศน์อมรินทร์ หรือพระ เจา้ เอกทศั (พ.ศ. 2231 – 2310) รูปแบบการปกครองในสมยั อยุธยาตอนปลาย ยงั คงยดึ รูปแบบการ ปกครองตามท่ีสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงจดั ระเบียบไว้ แต่มีการเปล่ียนแปลงรูปแบบการ ปกครองบางส่วนในสมยั สมเด็จพระเพทราชา ดงั น้ี 1. ยกเลิกการแยกความรับผิดชอบของอคั รมหาเสนาบดีด้านงานพลเรือน และด้าน การทหาร 2. ใหส้ มุหพระกลาโหมรับผดิ ชอบท้งั ดา้ นทหารและพลเรือน ปกครองหวั เมืองฝ่ ายใตต้ ้งั แต่ เพชรบุรีลงไป 3. ใหส้ มุหนายกรับผิดชอบท้งั ดา้ นทหารและพลเรือนปกครองหวั เมืองฝ่ ายเหนือและดูแล จตุสดมภใ์ นส่วนกลาง 4. ให้เสนาบดีกรมคลงั รับผิดชอบท้งั ดา้ นทหารและพลเรือน ปกครองหัวเมืองชายฝั่ง ตะวนั ออก และดูแลเกี่ยวกบั รายไดข้ องแผน่ ดินและการติดตอ่ คา้ ขายกบั ตา่ งประเทศ สรุปการปกครองสมยั อยธุ ยามีการปรับปรุงใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ทางการเมืองโดย มีจุดมุ่งหมายที่สําคญั คือพยายามรวมอาํ นาจการปกครองสู่ส่วนกลาง และควบคุมการปกครองหวั เมืองต่างๆ ใหม้ ีประสิทธิภาพเพ่ิมข้ึน พร้อมกบั พยายามจดั รูปแบบการปกครอง เพ่ือถ่วงดุลอาํ นาจ กบั กลุ่มเจา้ นายและขนุ นาง ซ่ึงเป็นกลไกสาํ คญั ในการปกครอง
57 พฒั นาการของอาณาจักรอยุธยาด้านสังคม สังคมอยุธยา เป็ นสังคมเกษตรกรรมที่พ่ึงตนเอง มีพระพุทธศาสนาเป็ นแกนกลางควบคุม จริยธรรมของสงั คม สงั คมสมยั อยธุ ยาเป็นสงั คมที่ประกอบดว้ ยกลุ่มคน 2 กลุ่ม ต่อไปน้ี 1. ชนช้นั ปกครอง ไดแ้ ก่ เจา้ นายและขนุ นาง ซ่ึงเรียกรวมกนั วา่ “มูลนาย” 2. ชนช้นั ผถู้ ูกปกครอง ไดแ้ ก่ ไพร่และทาส ท้งั สองกลุ่มน้ีมีความสัมพนั ธ์ในด้านต่างๆ เป็ นลกั ษณะ “ความสัมพนั ธ์แบบอุปถัมภ์” กล่าวคือ มูลนายในฐานะผบู้ งั คบั บญั ชาจะให้ความช่วยเหลือ ให้ความคุม้ ครองแก่ผูอ้ ยูใ่ ตป้ กครอง ขณะเดียวกนั กม็ ีหนา้ ที่ออกระเบียบกฎหมายใหผ้ อู้ ยใู่ ตป้ กครองปฏิบตั ิ ส่วนผอู้ ยูใ่ ตป้ กครองมีหนา้ ที่ ตอ้ งเคารพเชื่อฟังมูลนาย และท้งั หมดเป็ นผูอ้ ยู่ในอุปถมั ภ์ของพระมหากษตั ริยผ์ ูท้ รงเป็ นเจา้ ของ แผน่ ดินและมีอาํ นาจสูงสุดในสงั คม กลุ่มชนช้ันผ้ปู กครอง ประกอบดว้ ย 1. พระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขของอาณาจกั ร ทรงมีพระราชอาํ นาจสูงสุดใน การปกครองใหค้ วามช่วยเหลือคุม้ ครองผอู้ ยใู่ ตป้ กครองท้งั หลายในสงั คมใหอ้ ยรู่ ่วมกนั อยา่ งสงบสุข 2. เจ้านาย คือเช้ือพระวงศห์ รือพระญาติต่างๆรวมท้งั พระราชโอรสพระราชธิดา ของพระมหากษตั ริยม์ ีส่วนร่วมในการช่วยพระมหากษตั ริยป์ กครองอาณาจกั ร 3. ขุนนาง หมายถึง กลุ่มคนท่ีไดร้ ับการแต่งต้งั จากพระมหากษตั ริย์ ให้มีหน้าที่ ช่วยในการปกครองบา้ นเมือง และควบคุมกาํ ลงั ไพร่พลตามอาํ นาจหน้าท่ีที่พระมหากษตั ริยท์ รง มอบหมาย กล่มุ ชนช้ันผู้ใต้ปกครอง ประกอบดว้ ย 1. ไพร่ หมายถึง ประชาชนทวั่ ไปในสงั คมท้งั ผหู้ ญิงและผชู้ าย เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ ในสังคมที่ตอ้ งข้ึน สงั กดั มูลนาย ตามกรมกองแห่งใดแห่งหน่ึง หนา้ ที่ของไพร่ คือ เขา้ เวรรับราชการ ตามระยะเวลาที่ทางราชการกาํ หนดทุกปี มิฉะน้ันต้องส่งสิ่งของหรือเงินมาทดแทน ไพร่แบ่ง ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 ไพร่หลวง คือ ไพร่ของหลวง ข้ึนตรงตอ่ พระมหากษตั ริย์ ซ่ึงพระองคท์ รงแจกจา่ ย ใหไ้ ปรับราชการตามกรมกองต่างๆ 1.2 ไพร่สม คือไพร่ส่วนตวั ของเจา้ นายและขุนนาง ข้ึนทะเบียนสักหมายหมู่ในสังกดั มูล นายรับใชม้ ูลนายในยามปกติไพร่ท้งั สองประเภทจะทาํ หนา้ ที่ต่างกนั แต่ในยามสงครามต่างก็ถูก เกณฑม์ าทาํ การรบดว้ ยกนั ท้งั หมด 2. ทาสหรือข้า เป็ นกลุ่มคนระดบั ล่างสุดของสังคม ถือเป็ น สมบตั ิส่วนตวั ของนาย มีหนา้ ท่ีหลกั คือรับใช้นายเงิน แต่ในยามท่ี บา้ นเมืองเกิดสงครามกม็ ีโอกาสถูกเกณฑไ์ ปรบดว้ ยเช่นกนั ชาวสยามจากจดหมายเหตลุ าลแู บร์ พ.ศ.2236
58 พฒั นาการของอาณาจักรอยุธยาด้านเศรษฐกจิ พ้ืนฐานทางเศรษฐกิจของอาณาจกั รอยธุ ยาอยทู่ ี่การเกษตรกรรมและการคา้ 1. การเกษตรกรรม อาณาจักรอยุธยาต้ังอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ําเจ้าพระยาตอนล่าง มีดินและน้ําอุดม สมบูรณ์ พชื สาํ คญั ที่ปลูกคือขา้ ว รองลงมาไดแ้ ก่ พริกไทย ฝ้าย หมาก และไมผ้ ลต่าง ๆ ลกั ษณะทาง เศรษฐกิจเป็นการเกษตรแบบพอยงั ชีพ ส่วนที่เหลือจึงจะส่งไปขายต่างประเทศ พริกไทย http://www.satit.up.ac.th/BBC07/AroundTheWorld/his ข้าว http://www.satit.up.ac.th/BBC07/AroundTheWorld/hist 2. ระบบเงินตรา เงินตราเป็ นปัจจยั สาํ คญั ในการเป็ นตวั กลางในการซ้ือขายแลกเปล่ียนส้นคา้ ทาํ ให้เกิดการ หมุนเวยี นและกระจายของระบบเศรษฐกิจ นบั วา่ มีส่วนในการพฒั นาเศรษฐกิจใหม้ ีความคล่องตวั และขยายตวั เป็นผลดี อยธุ ยาไดใ้ ชเ้ งินตรามาตรฐานทางราชการเป็ นผผู้ ูกขาดการทาํ เงินตรา โดยมี 4 ชนิด คือ 1. เงินพดดว้ ง เงินตราที่ใชย้ งั ทาํ เป็นเงินพดดว้ ง มีการพฒั นารูปแบบบางส่วน เช่น ขาเงินพด ดว้ งส้ันลง รอยบากที่ขาเล็กลง และไมม่ ีรอยบาก ตราที่ประทบั ประกอบดว้ ยตราประจาํ แผน่ ดิน คือ ตราจกั ร และตราประจาํ รัชกาล 2. เบ้ีย เป็นเงินยอ่ ย หรือ เงินปลีก ทาํ จากเปลือกหอย 3. ไพและกล่าํ ทาํ จากโลหะซ่ึงไม่ใช่เงิน เช่น ทองแดง ทองเหลือง 4. เงินประกบั เป็นเงินปลีก ประกบั ดินเผา ทาํ ดว้ ยดินเผารูปกลม มีตราประทบั เป็ นรูปต่างๆ คือ ดอกบวั กินรี กระต่าย ราชสีห์ ใชแ้ ทนเบ้ียเม่ือขาดแคลน 3. รายได้ของอาณาจักร รายไดท้ ี่เรียกเก็บจากประชาชนในกิจกรรมตา่ ง ๆ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี 1.) จังกอบ คือ ค่าผา่ นด่านขนอนทางบกและทางน้าํ ซ่ึงเรียกเก็บจากสินคา้ โดย เก็บชกั ส่วนในอตั รา 10 ชกั 1 หรือเรียกเก็บเป็นเงินตามขนาดของยานพาหนะท่ีขนสินคา้ 2.) ส่วย คือ สิ่งของหรือเงินตราที่ไพร่ส่วยตอ้ งเก็บส่งราชสํานกั ตามอตั ราที่ กาํ หนด 3.) อากร คือ ภาษีท่ีชกั ส่วนจากผลประโยชน์ที่ประชาชนทาํ มาหากินได้ เช่น อากรค่านาเรียกวา่ หางขา้ ว หรืออากรค่าสวน อากรค่าน้าํ
59 4.) ฤชา คือ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เรียกเกบ็ จากประชาชนเมื่อประชาชนไปติดต่อ ราชการ เช่น ค่าออกโฉนดที่ดิน 4. รายจ่ายของอาณาจักร ในสมยั อยธุ ยาถือวา่ รายไดข้ องอาณาจกั รเป็นรายไดข้ ององคพ์ ระมหากษตั ริย์ และพระองค์ ทรงมีพระราชอาํ นาจในการใชร้ าชอาํ นาจในการใชจ้ ่ายไดต้ ามพระราชประสงค์ จึงเรียกรายจ่ายของ อาณาจกั รวา่ รายจา่ ยพระราชทรัพย์ ซ่ึงจาํ แนกได้ 6 ประเภท ไดแ้ ก่ 1.) รายจา่ ยในดา้ นเบ้ียหวดั ในสมยั อยธุ ยา เจา้ นายและขา้ ราชการไม่มีเงินเดือน แต่จะไดร้ ับพระราชทานเงินเบ้ียหวดั ซ่ึงเป็นเงินประจาํ ปี 2.) รายจ่ายในดา้ นการทหาร เป็นค่าใชจ้ ่ายในการทาํ นุบาํ รุงกิจการของทหารให้ เขม้ แขง็ ในการทาํ สงคราม ท้งั ในการป้องกนั และขยายอาณาจกั ร เช่น การซ้ืออาวธุ ซ่อมบาํ รุงอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ตา่ งๆ ยานพาหนะ สร้างดูแลป้อมค่าย เป็นตน้ 3.) รายจ่ายในดา้ นการทาํ นุบาํ รุงพระพุทธศาสนา อนั ไดแ้ ก่ การสร้างและ ปฏิสังขรณ์วดั วาอารามการทาํ นุบาํ รุงพระสงฆ์ การบาํ เพญ็ พระราชกศุ ลในโอกาสตา่ ง ๆ มีการจดั ทาํ ค่าใชจ้ า่ ยในการจดั ทาํ ดา้ นน้ีโดยเฉพาะ 4.) รายจ่ายในดา้ นพระราชพิธี ในสมยั อยธุ ยามีการจดั พระราชพธิ ีตา่ งๆ ประจาํ ทุก เดือนรวมถึงพระราชพิธีพิเศษตา่ งๆ มีการจดั ทาํ คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ทาํ ดา้ นน้ีโดยเฉพาะ 5.) รายจา่ ยในดา้ นการสงเคราะห์คนอนาถา รายจา่ ยประเภทเพอื่ สงเคราะห์อาณา ประชาราษฎร์ 6.) รายจ่ายในราชการพเิ ศษ เป็นเงินสาํ รองท่ีใชใ้ นกิจการงานที่ตอ้ งการกระทาํ เช่น พระราชพิธีพระเมรุมาศ เป็นตน้ ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศสมัยอยุธยา http://social- สภาพแวดลอ้ มทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม history.exteen.com/images/ayuthaya_16_1.jpg ต่อการเป็ นเมืองท่าค้าขาย ประกอบกับความ มน่ั คงทางการเมืองการปกครอง ทาํ ให้อยุธยามี อาํ นาจและอิทธิพลเหนือรัฐใกล้เคียง นอกจากน้ี พ้ืนท่ีท่ีอุดมสมบูรณ์ยงั ทาํ ให้อยุธยาเป็ นแหล่ง ธญั ญาหารท่ีสาํ คญั รวมถึงวเิ ทโศบายของอยุธยาก็ เปิ ดกวา้ งในการติดต่อกบั นานานชาติ ด้วยปัจจยั หลายประการข้างต้น กรุ งศรี อยุธยาจึงเป็ น ศูนยก์ ลางการคา้ นานาชาติท่ีรุ่งเรืองมากในภูมิภาค ตะ วันออก เฉี ย งใ ต้ เป็ นแหล่ งท่ี พ่อค้าจาก
60 ตะวนั ออกและตะวนั ตกเขา้ มาติดต่อซ้ือขายสินคา้ โดยเฉพาะในรัชสมยั สมเด็จพระนานรายณ์ มหาราชเป็นสมยั ที่การทูตและการตา่ งประเทศเฟ่ื องฟูมากยคุ หน่ึง ความสัมพนั ธ์กบั รัฐเพื่อนบ้าน ความสัมพนั ธ์ระหว่างอยุธยากับเพ่ือนบ้านมีท้งั ลกั ษณะท่ีเป็ นไมตรีต่อกนั และมีความ ขดั แยง้ จนตอ้ งทาํ สงครามกนั ท้งั น้ีเพราะอยธุ ยามีนโยบายในการขยายอาํ นาจเขา้ ไปปกครอง ในดินแดนของรัฐเพ่ือนบา้ น จึงทาํ ให้ความสัมพนั ธ์ดาํ เนินไปในลกั ษณะการรุกรานซ่ึงกนั และกนั โดยเฉพาะกบั พม่าท่ีมีการทาํ สงครามกนั ตลอดในสมยั อยธุ ยา 1. ล้านนา แควน้ ลา้ นนามีศูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ี่เมืองเชียงใหม่ อยธุ ยาไมไ่ ดม้ ีอาณาเขต ติดต่อกบั ลา้ นนาโดยตรงเนื่องจากมีอาณาจกั รสุโขทยั คน่ั อยู่ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอยธุ ยากบั ลา้ นนา มีลกั ษณะเป็นการทาํ สงครามกนั มากกวา่ การเป็นไมตรีต่อกนั สงครามกบั อยธุ ยากบั ลา้ นนา ได้เกิดข้ึนหลายคร้ังในรัชสมยั พระยาติโลกราชแห่งลา้ นนากบั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่ง กรุงศรีอยธุ ยา หลงั จากน้นั อยธุ ยากบั ลา้ นนาจึงเป็นไมตรีตอ่ กนั ในรัชสมยั สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ อยธุ ยาติดทาํ สงครามกบั พม่าจึงไม่ยกกองทพั ไปช่วยเมืองเชียงใหมซ่ ่ึงถูกพมา่ รุกรานเช่นเดียวกนั จะเห็นวา่ ต้งั แตร่ ัชสมยั สมเด็จพระไชยราชาธิราชจนถึงรัชสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ลา้ นนา ตกอยู่ใตอ้ ิทธิพลทางการเมืองของไทยเป็ นบางช่วง และบางช่วงอยู่ใตอ้ ิทธิพลของพม่า เม่ือสิ้นรัช สมยั สมเด็จพระนารายณ์แลว้ ลา้ นนาเป็ นอิสระไดร้ ะยะหน่ึงจนกระทงั่ มาถึงสมยั อยุธยาตอนปลาย เชียงใหม่ตกเป็นเทศราชของพม่าจนเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังท่ี 2 ใน พ.ศ. 2310 2. ลาว ในสมยั พระเจ้าฟ้างุ้มได้ทรงรวบรวมดินแดนลาวเข้าเป็ นอันหน่ึงเดียวกันแล้ว สถาปนาเป็ นอาณาจกั รลา้ นช้างซ่ึงขณะน้นั ตรงกบั รัชสมยั ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) แห่งอยธุ ยากษตั ริยท์ ้งั สองพระองคไ์ ดแ้ บง่ ดินแดนกนั โดยใชแ้ นวทิวเขาเพชรบูรณ์และทิวเขา ดงพญาเยน็ เป็ นเขตแดนระหวา่ งกนั หลกั ฐานสําคญั ที่แสดงถึงสัมพนั ธไมตรีอนั ดีระหวา่ งไทยและ ลาวสมยั สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิและพระเจา้ ไชยเชษฐา คือ การร่วมกนั สร้างพระธาตุศรีสองรัก มีศิลาจารึกเป็ นตวั อกั ษรทางภาษาลาว อีกดา้ นหน่ึง เป็ นอกั ษรของภาษาไทย เมื่อฝร่ังเศสเขา้ มายึด เมืองด่านซา้ ยใน พ.ศ. 2449 ไดน้ าํ ศิลาจารึกน้ีไปเวยี งจนั ทร์ เน้ือความในศิลาจารึกกล่าวถึงกษตั ริยท์ ้งั สองนครว่า จะรักใคร่กลมเกลียวกนั จนชวั่ ลูปชวั่ หลาน หลงั จากไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กบั พม่า คร้ังที่ 1 แลว้ ไม่ปรากฏหลกั ฐานความเป็นมิตรไมตรีระหวา่ งไทยกบั ลาวตาอยา่ งใด 3. พม่า ความสัมพนั ธ์ระหว่างไทยกบั พม่าส่วนใหญ่เป็ นการแข่งอิทธิพลและการขยาย อาํ นาจจึงทาํ ให้เกิดสงครามตลอดมา สาเหตุสําคญั มาจากการที่พม่าไดเ้ ป็ นใหญ่ในเหนือดินแดน มอญและไทยใหญ่แลว้ ก็พยายามขยายอาํ นาจเขา้ มายงั อาณาจกั รอยุธยา การที่พม่ายกทพั มารบกบั อยุธยาหลายคร้ังแสดงให้เห็นถึงความตอ้ งการเป็ นใหญ่ในดินแดนแถบน้ีแลว้ พม่าตอ้ งการแสดง ความเป็ นเอกภาพในดินแดนพม่าโดยการรวบรวมชนกลุ่มน้อยให้เป็ นหน่ึงเดียวกนั แต่อุปสรรค
61 สาํ คญั ของพม่า ในสมยั อยุธยาไทยกบั พม่าไดท้ าํ สงครามกนั ถึง 24 คร้ัง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งไทย กบั พมา่ จึงเป็นลกั ษณะความสมั พนั ธ์ทางการเมืองและการทาํ สงครามเกือบตลอดเวลา 4. เขมร ในสมยั สมเด็จพระบรมราชาธิราชท่ี 2 (เจา้ สามพระยา) ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯไดย้ กทพั ไป ตีเขมรไดส้ าํ เร็จแต่ปกครองอยไู่ ดไ้ มน่ านเขมรประกาศตนเป็นอิสระไม่ข้ึนต่อกรุงศรีอยธุ ยาจนถึง รัชสมยั สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงยกทพั ไปตีเขมร เขมรจึงตกเป็ นเมืองข้ึนของอยุธยา แต่ ภายหลงั รัชสมยั สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เขมรกต็ ้งั ตวั เป็นอิสระแมไ้ ทยจะส่งกองทพั ไปปราบแต่ กไ็ มส่ าํ เร็จ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอยธุ ยากบั เขมรมีท้งั ลกั ษณะเป็นไมตรีตอ่ กนั มีความขดั แยง้ หรือทาํ สงครามกนั แต่ทว่าความสัมพนั ธ์ท่ีสําคญั ย่ิงกวา่ น้นั ก็คือการรับอิทธิพลของเขมรหลายประการเขา้ มา คือ การปกครองแบบสมมติเทพ พระราชพิธีต่างๆ ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี และ ศิลปวฒั นธรรม ยงั คงมีบทบาทและความสาํ คญั ในสงั คมไทยมาจนถึงทุกวนั น้ี 5. หัวเมืองมลายู หัวเมืองมลายูตกเป็ นประเทศของไทยต้ังแต่สมยั อยุธยาตอนต้น ใน พงศาวดารมีการระบุชื่อประเทศราชของกรุงศรีอยธุ ยาวา่ ทางตอนใต้ ไดแ้ ก่ เมืองมะละกา และเมือง ยะโฮร์ สองเมืองน้ีไทยให้ปกครองตนเองแต่ตอ้ งส่งเครื่องราชบรรณาการมายงั กรุงศรีอยุธยา หัว เมืองมลายูพยายามต้งั ตนเป็ นอิสระจากอยุธยา ช่วงเวลาใดที่อยุธยาเกิดการแยง่ อาํ นาจกนั เองหรือ ต้องทําศึกสงครามกับพม่า หัวเมืองมลายูก็จะต้ังตนเป็ นอิสระ ในตอนปลายสมัยอยุธยา ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอยธุ ยากบั หวั เมืองมลายไู มป่ รากฏหลกั ฐานการเกิดแน่ชดั 6. เวียดนาม ความสัมพนั ธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามนอกเหนือจากการไปค้าขายกัน ตามปกติแลว้ ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศมกั จะเป็ นเรื่องของการแข่งขนั การมีอิทธิพลในเขมร แตบ่ างคร้ังก็เป็นมิตรไมตรีกนั เช่น อยธุ ยาไดผ้ กู มิตรกบั กษตั ริยร์ าชวงศต์ รินห์ที่เมืองฮานอย เพ่อื ตอ่ ตา้ นราชวงศเ์ หงียนซ่ึงมีอาํ นาจอยูท่ ่ีเมืองเว้ เมื่อเวียดนามรบกนั เองไทยสามารถขยายอิทธิพล และมีอาํ นาจในเขมรไดอ้ ยา่ งสะดวก แต่เม่ือเวยี ดนามรวมกาํ ลงั กนั ไดก้ จ็ ะขยายอาํ นาจเขา้ ไปในเขมร ทาํ ใหเ้ กิดการกระทบกระทง่ั กบั ไทย บางคร้ังถึงข้นั ทาํ สงคราม เหตุการณ์ในลกั ษณะน้ีเกิดข้ึนหลาย คร้ังในสมยั อยธุ ยา http://social-history.exteen.com
62 ความสัมพนั ธ์กบั รัฐในเอเชีย 1. จีน อยธุ ยาทาํ การติดตอ่ กบั ประเทศจีนในสมยั ราชวงศห์ มิง (พ.ศ. 1991-2187) กบั ราชวงศช์ ิง (พ.ศ. 2187-2454) กบั ราชวงศ์ชิง โดยรูปแบบความสัมพนั ธ์ระหว่างอยุธยากบั จีน เป็ นไปในรูปความสัมพนั ธ์แบบรัฐบรรณาการ(จิ้มกอ้ ง)แลว้ จกั รพรรดิจีนจะทรงตอบแทนคณะทูต อยุธยาดว้ ยการพระราชทานของขวญั มีค่าท่ีมากกว่าให้ และอนุญาตให้อยุธยาซ้ือสินคา้ จากจีนได้ โดยอยุธยาสามารถนาํ สินคา้ และของขวญั จีนไปขายต่อในราคาสูง ในระบบความสัมพนั ธ์แบบ บรรณาการน้นั จกั รพรรดิจีนถือวา่ อยุธยาเป็ นประเทศราชของจกั รวรรดิจีน แต่สําหรับราชสํานัก อยธุ ยาแลว้ ถือวา่ ความสัมพนั ธ์กบั จีนถือวา่ ความสัมพนั ธ์กบั จีนอยใู่ นรูปของการคา้ เป็ นหลกั ดงั น้นั จะเห็นไดจ้ ากอยธุ ยาส่งคณะทูตพร้อมเคร่ืองราชบรรณาการไปถวาย ศิลปะวฒั นธรรมและภูมปิ ัญญา ศิลปวฒั นธรรมสมัยอยุธยา โดยแบง่ ออกเป็ น 4 แขนงใหญ่ ดงั น้ี 2.1 ศิลปกรรม 1. สถาปัตยกรรมในสมยั อยธุ ยา แบง่ ได้ 4 ยคุ คือ ยคุ ท่ี 1 ต้งั แตส่ มยั สมเดจ็ พระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจา้ อูท่ อง) จนสิ้นสมยั พระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจา้ สาม พระยา) ไทยไดร้ ับอิทธิพลจากศิลปะเขมร ยคุ ที่ 2 ต้งั แตส่ มยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ จนสิ้นสมยั พระอาทิตยวงศ์ นิยมสร้างเจดียล์ งั กา แบบสุ โขทัย ดัดแปลงให้ชะลูดกว่า เช่น พระเจดีย์ ใหญ่ 3 องคว์ ดั พระศรีสรรเพชญ์
63 ยคุ ท่ี 3 ต้งั แตส่ มยั สมเด็จพระเจา้ ปราสาททอง จนสิ้นสมยั สมเด็จพระสรรเพชญท์ ี่ 9 (พระเจา้ ทา้ ยสระ) รับเอาวฒั นธรรมเขมรเขา้ มาใหม่ ยคุ ท่ี 4 ต้งั แต่สมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ จนสิ้นสมยั อยธุ ยา เนน้ บูรณะวดั เก่าเป็นหลกั นอกจากน้ีสมยั อยธุ ยามีการสร้างสถาปัตยกรรมแบบตะวนั ตก เช่น พระราชวงั นารายณ์ราช นิเวศน์ สร้างเป็นตึกสองช้นั แบบตะวนั ตก 2. ประติมากรรมอยธุ ยาไดร้ ับอิทธิพลศิลปะแบบทวารวดี เป็นศิลปะแบบมอญและลพบุรี ผสมผสานกัน เรี ยกว่า ศิลปะแบบอู่ทอง พระพุทธรู ปแบบอู่ทองจะมีพระพักตร์ค่อนข้าง เหล่ียม ในช่วงอยธุ ยาตอนปลายนิยมสร้าง พระพุทธรูปทรงเครื่องมี 2 แบบ คือ แบบ ทรงเคร่ืองใหญ่ ทรงมงกุฎยอดแหลม และ ทรงเครื่องนอ้ ย 3. จิตรกรรมเป็นศิลปะท่ีเก่ียวขอ้ งกบั พระพุทธศาสนา เช่น ภาพพุทธประวตั ิ โดยรับอิทธิพลจากศิลปะแบบลพบุรี สุโขทยั และลงั กาผสมกนั
64 4. ประณีตศิลป์ งานท่ีสาํ คญั คือ เคร่ืองไมจ้ าํ หลกั ลายรดน้าํ เคร่ืองมุก เครื่องถม และเครื่องทองประดบั ภูมปิ ัญญาสมัยอยธุ ยา 1. การควบคุมกาํ ลงั คน คือ “ระบบไพร่” จะตอ้ งข้ึนสงั กดั มูลนาย นอกจากน้ียงั อาศยั ความเช่ือเร่ืองกษตั ริยเ์ ป็นสมมติเทพมาสร้างบารมีใหผ้ ปู้ กครองอีกดว้ ย 2. อาหารการกิน อยธุ ยาและธนบุรีอยใู่ นพ้นื ท่ีที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกขา้ ว คนในสมยั อยธุ ยานาํ ปลามาทาํ ปลาร้า ปลาเคม็ เป็นภูมิปัญญาคนไทยท่ีรับประทานมาจนถึงทุกวนั น้ี ทา้ วทองกีบมา้ นาํ ขนมโปรตุเกสดดั แปลงเป็ นขนมไทย ที่รู้จกั กนั ดี เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ถือเป็ น ภูมิปัญญาท่ีนาํ 2 วฒั นธรรมมาผสมผสานกลายเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง 3. บา้ นเรือน ผคู้ นสร้างบา้ นเรือนไม่ซบั ซอ้ น โดยใชว้ สั ดุธรรมชาติท่ีหาไดง้ ่าย 4. การแพทย์ การรักษาโรคภยั ไขเ้ จบ็ จะใชส้ มุนไพรพ้นื บา้ น ตาํ ราโอสถพระนารายณ์ 5. เงินตรา ใชเ้ งินพดดว้ ง ซ่ึงมีตราประจาํ แผน่ ดินและตราประจาํ รัชกาล
65 กจิ กรรมท้ายเร่ือง ให้ผ้เู รียนตอบคาถามพอสังเขป 1. การปกครองส่วนกลางในรูปแบบจตุสดมภ์ ประกอบดว้ ย 4 หน่วยงานสาํ คญั ดงั น้ี เวยี ง มีหนา้ ที่ ................................................................................................ วงั มีหนา้ ท่ี ................................................................................................ คลงั มีหนา้ ท่ี ................................................................................................ นา มีหนา้ ท่ี ................................................................................................ 2. ใหน้ กั เรียนอธิบายบทบาทหนา้ ท่ีของชนช้นั ในสังคมสมยั อยธุ ยา พระมหากษัตรยิ ์ …………………………………… …………………………………… พระราชวงศ์, ขนุ ……………………………………. นาง …………………………………… …………………………………… เจ้านาย …………………………………… .…. ………………………………… ไพร่ …………………………………… ………………………… ทาส …………………………………… …………………………………… …………………………………… ………..……………………………………………………………… ………………………………………………….. ………… …………………………………… …………………………………… ………………………….
66 3. ใหน้ กั เรียนอธิบายระบบเงินตราท่ีใชก้ นั ในสมยั อยธุ ยา ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 4. ใหน้ กั เรียนวเิ คราะห์นโยบายตา่ งประเทศและรัฐที่มีความสมั พนั ธ์กบั อยธุ ยาใน 2 ดา้ น ดงั น้ี ดา้ นการเมือง……………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………. ดา้ นเศรษฐกิจ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 5. รูปแบบของสถาปัตยกรรมในสมยั อยธุ ยาแบ่งออกเป็นกี่ยคุ อะไรบา้ งจงอธิบาย ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
67 บทบาทและผลงานของบุคคลสาคัญในสมัยอยุธยา บุคคลสาคญั สมยั อยุธยา การท่ีประเทศไทยของเราสามารถดาํ รงอยไู่ ดอ้ ยา่ งน่าภาคภูมิใจในสังคมโลกปัจจุบนั น้ี ไดน้ ้นั ก็เพราะว่าแต่ละยุคสมยั ท่ีผา่ นมาเราคนไทย มีบรรพบุรุษที่มีความกลา้ หาญเสียสละในการ ปกป้องและ สร้างสรรคส์ ่ิงท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ ประเทศชาติและสงั คมมาโดยตลอด ซ่ึงในท่ีน้ี จะกล่าวถึง สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็ นตวั อย่างของพระมหากษตั ริย์ สมยั อยุธยาที่ทาํ ประโยชน์ต่อบา้ นเมือง อนั สมควรท่ีเยาวชนคนไทยท้งั หลายจะยกย่องสรรเสริญ และยดึ ถือเป็นแบบอยา่ ง บุคคลสาคญั สมัยอยุธยา 1. 1 พระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระรามาธิบดที ่ี 1) เป็ นปฐมกษตั ริยข์ องอาณาจกั รอยุธยา ทรงต้งั อาณาจักร อยุธยาเม่ือ จุลศกั ราช 712 ปี ขาล โทศก วนั ศุกร์ เดือน 5 ข้ึน 6 ค่าํ เวลา 3 นาฬิกา (ตรงกบั วนั ท่ี 3 เมษายน พ.ศ.1893) เสด็จสวรรคต เม่ือ ปี ระกา เอกศก จุลศกั ราช 731 (ตรงกบั พ.ศ.1912) ครองราช สมบตั ิ 20 ปี พระราชกรณยี กจิ สถาปณากรุงศรีอยธุ ยา http://huexonline.com/uploads/medias/ การสงคราม ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 image/Ayudhya/King_U_Thong2_updated.jpg พระองคท์ รงเจริญสัมพนั ธไมตรีกบั แวน่ แควน้ ต่าง ๆ มากมาย แมก้ ระทงั่ อาณาจกั รกมั พูชา ซ่ึงเจริญสัมพนั ธไมตรีมาดว้ ยดี ตราบจนกษตั ริยก์ มั พูชาเสด็จสวรรคต พระราชโอรสพระนาม \"พระบรมลาํ พงศ์\" ทรงข้ึนครองราชย์ ซ่ึงพระบรมลาํ พงศ์ ไดแ้ ปรพกั ตร์ไม่ เป็ นไมตรีดงั แต่ก่อน สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 จึงมีบญั ชาให้ สมเด็จพระราเมศวร ยกทพั ไปตี กมั พชู า และใหส้ มเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 หรือ ขุนหลวงพะงว่ั ทรงยกทพั ไปช่วย จึงสามารถตี เมืองนครธมแตก พระบรมลาํ พงศส์ วรรคตในศึกคร้ังน้ี สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชท่ี 1 จึงแต่งต้งั ปาสตั พระราชโอรสของพระบรมลาํ พงศเ์ ป็นกษตั ริยก์ รุงกมั พูชาสืบไป ตรากฎหมาย สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 ทรงประกาศใชก้ ฎหมายถึง 10 ฉบบั ในรัชสมยั ของพระองค์ ตวั อยา่ งเช่น - พระราชบญั ญตั ิลกั ษณะอาญาหลวง
68 - พระราชบญั ญตั ิลกั ษณะโจร - พระราชบญั ญตั ิลกั ษณะผวั เมีย - พระราชบญั ญตั ิลกั ษณะโจรวา่ ดว้ ยโจร บางแหล่งขอ้ มูลกล่าววา่ มีการประกาศใชก้ ฎหมายมากกวา่ น้ี แต่ไมม่ ีหลกั ฐานสนบั สนุนมากพอ การศาสนา ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างวดั ต่าง ๆ เช่น วดั พทุ ไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 1876 สร้างวดั ป่ าแกว้ เม่ือปี พ.ศ. 1900 วดั พระราม เมื่อปี พ.ศ. 1912 1.2 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช พระนเรศวรทรงเป็ นพระราชโอรสในสมเด็จ พระมหาธรรมราชาธิราชและพระวสิ ุทธ์ิกษตั รี ประสูติ ที่เมืองพิษณุโลกเม่ือ พ.ศ. 2098 เม่ือพระราชบิดาเสดจ็ สวรรคต พระองค์ ท ร ง ข้ึ น ค ร อ ง ร า ช ย์ส ม บัติ ข ณ ะ มี พ ร ะ ช น ม า ยุ ได้ 35 พรรษาพระเกียรติคุณสมเด็จพระนเรศวรทรงเป็ น ที่รู้จกั ในฐานะ \"วีรกษตั ริย\"์ หรือในพระนาม \"พระองค์ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ดํา\" ทรงพระปรีชาสามารถในการสงครามและการ (พ.ศ.2133 - 2148) ปกครอง ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในการช่วยกษตั ริย์ พม่ารบหลายคร้ังเช่น การปราบเจา้ ฟ้าไทยใหญ่เมืองดงั ไดส้ ําเร็จ ทาํ ให้เป็ นท่ีไม่ไวว้ างใจของพม่า และวางแผนท่ีจะลอบปลงพระชนม์ แต่พระองค์ทรงล่วงรู้ถึงแผนการเสียก่อน ดงั น้นั พระองค์จึง ทรงประกาศอิสรภาพไมข่ ้ึนกบั พม่าท่ีเมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 พระเกียรติคุณ ด้านการปกครอง เม่ือข้ึนครองราชยต์ ่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระนเรศวรไดเ้ ร่ิมขยาย อาํ นาจไปยงั เมืองต่างๆ เช่น ลา้ นช้าง เชียงใหม่ ลาํ ปาง และกมั พูชาไดต้ กเป็ นเมืองข้ึนของอยุธยา เนื่องจากเป็ นช่วงท่ีมีการศึกสงครามหลายคร้ัง รวมท้งั ความพยายามฟ้ื นฟูอยุธยาหลงั จากท่ีถูก ปกครองโดยพม่า ทาํ ให้พระองค์ทรงดําเนินนโยบายการปกครองท่ีเน้นระเบียบวินัยเขม้ งวด
69 นอกจากน้ี ทรงดาํ เนินนโยบายการปกครองแบบดึงอาํ นาจเขา้ สู่ศูนยก์ ลาง โดยส่งขุนนางออกไป ปกครองเมือง สาํ คญั ตา่ งๆ เช่น เมืองพษิ ณุโลกเมืองสุโขทยั เมืองพิชยั การขยายแสนยานุภาพทางการทหาร สมเดจ็ พระนเรศวรทรงกระทาํ ศึกสงคราม เพ่ือปกป้องบ้านเมืองต้งั แต่ก่อนข้ึนครองราชยส์ มบตั ิ และเกือบตลอดรัชสมยั ท่ีทรงครองราชย์ ท้งั การสงครามกบั พม่าและเขมรท่ียกกองทพั เข้ามารุกราน หัวเมืองของอาณาจกั รอยุธยา ดงั ที่ ชาวต่างชาติชาวฮอลนั ดาที่เขา้ มายงั กรุงศรีอยธุ ยาไดพ้ รรณนา เกี่ยวกบั สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วา่ ทรงเป็ นนกั รบที่เก่งกาจ เป็ น \"วรี บุรุษนกั รบ\" ทรงรบชนะขา้ ศึก หลายคร้ังและในหลายดินแดน ทาํ ให้เขตแดนอาณาจกั รอยุธยา แผ่ขยายออกไปกวา้ งไกลที่สุดนับแต่สถาปนาอาณาจกั รข้ึนมา ครอบคลุมท้งั เขตแดนมอญ พม่า ลา้ นนา ไทยใหญ่ ลา้ นชา้ งและเขมร พระองคท์ รงอุทิศเวลาตลอด รัชสมยั ในการทาํ สงครามเสริมสร้างความมนั่ คงและความยิ่งใหญ่ให้กบั อยธุ ยา จนถึงวาระสุดทา้ ย แห่งพระชนมช์ ีพ เหตกุ ารณ์สงครามยทุ ธหัตถี ด้านการต่างประเทศ สมเด็จพระนเรศวร มหาราชทรงพยายามรักษาความสัมพนั ธ์อนั ดี กบั ต่างประเทศท้งั ดา้ นการฑูตและการคา้ พระองค์ ทรงตระหนักถึงความสําคญั ของการคา้ นานาชาติ เป็ นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการคา้ ทางทะเลเพ่ือช่วย ฟ้ื นฟูเศรษฐกิจอยุธยาซ่ึงได้รับความเสียหายจาก สงครามการฟ้ื นฟูกรุงศรีอยุธยาประการหน่ึงของ พระองค์ก็คือ ทรงอนุญาตให้พ่อค้าชาวต่างชาติ https://sites.google.com/site/historym2/_/rsrc/1348891 โดยเฉพาะพ่อคา้ ตะวนั ตกเขา้ มาคา้ ขายในกรุงศรี 164182/hnwy-kar-reiyn-ru-thi-5/5-2-bukhkhl-sakhay- อยุธยาชาวต่างชาติท่ี เข้ามาในรั ชสมัยน้ี คื อ smay-xyuthya/12.4.jpg?height=181&width=320 ชาวดัตซ์หรือฮอลนั ดา พระองค์ทรงโปรด ฯ ให้ ฮอลนั ดาเขา้ มาต้งั สถานีการคา้ ท่ีอยธุ ยาและเมืองอื่นๆ เช่น ภูเกต็ นครศรีธรรมราช สงขลา
70 1.3.สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เป็ นพระราชโอรสของ สมเดจ็ พระบรมราชาธิบดีที่ 2 (เจา้ สามพระยา)กบั พระราชธิดาของ พระมหาธรรมราชาที่ 2 แห่งสุโขทยั พระองค์จึงเป็ นเช้ือสาย ราชวงศส์ ุพรรณบุรีและราชวงศพ์ ระร่วง ทรงเป็ นพระมหากษตั ริย์ ที่ยง่ิ ใหญ่พระองคห์ น่ึงของอยธุ ยา พระราชประวตั ิสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ พระราชกรณยี กจิ ทส่ี าคัญ การรวมอาณาจักรสุโขทัยเข้ากับอยุธยา เม่ือสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถข้ึนเสวยราชย์ ใน พ.ศ. 1919 น้ันทางสุ โขทัยไม่มีพระมหาธรรมราชาปกครองแล้ว คงมีแต่พระยา ยุทธิษเฐียร พระโอรสของพระมหาธรรมราชาท่ี 4 ไดร้ ับแต่งต้งั จากอยุธยาให้ไปปกครองเมือง พษิ ณุโลก ถึง พ.ศ. 1994 พระยายุทธิษเฐียรไปเขา้ กบั พระเจา้ ติโลกราชแห่งลา้ นนา พระราชมารดา ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไดป้ กครองเมืองพิษณุโลกต่อมาจนสิ้นพระชนมเ์ มื่อ พ.ศ. 2006 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถไดเ้ สด็จไปประทบั ท่ีพิษณุโลกและถือวา่ อาณาจกั รสุโขทยั ถูกรวมเขา้ กบั อาณาจกั รอยธุ ยานบั ต้งั แตน่ ้นั เป็นตน้ มา ด้านการปฏิรูปการปกครอง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถมีพระประสงคท์ ี่จะดึงอาํ นาจเขา้ สู่ศูนยก์ ลางหรือราชธานี จึงลดบทบาทของเจา้ นายลงและเพ่ิมอาํ นาจใหข้ นุ นาง เพื่อป้องกนั การแยง่ ชิงอาํ นาจจากเช้ือพระวงศ์ มีการแยกฝ่ ายทหารและพลเรือนโดยใช้ขุนนางตาํ แหน่งสมุหพระ กลาโหมดูแลกิจการฝ่ ายทหาร สมุหนายกดูแลกิจการฝ่ ายพลเรือนทว่ั ราชอาณาจกั ร ทรงตรากฎ มนเทียรบาลข้ึนเพื่อความมง่ั คงของสถาบนั กษตั ริย์ นอกจากน้ียงั ทรงตราพระราชกาํ หนดศกั ดินา ไดแ้ ก่ พระอยั การตาํ แหน่งนาพลเรือนและพระอยั การตาํ แหน่งนาทหารหวั เมือง พ.ศ.1998 1.4.สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 2 พระราชประวตั แิ ละพระราชกรณยี กจิ สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 2 เป็ นพระราชโอรสของสมเด็จ พระบรมไตรโลกนาถครองราชย์ พ.ศ. 2034 ถึง พ.ศ. 2072 ด้านการค้าขาย ใน พ.ศ. 2054 โปรตุเกสไดเ้ ขา้ มาติดต่อ กบั กรุงศรีอยุธยา นับเป็ นชาวตะวนั ตกชาติแรกท่ีเขา้ มา สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐาธิราช) เจริญสัมพนั ธไมตรีกบั ไทยไทยจึงเร่ิมเรียนรู้ศิลปวิทยา
71 ของชาวตะวนั ตกโดยเฉพาะดา้ นการทหารทาํ ใหส้ มเด็จพระรามาธิบดีท่ี 2 ทรงพระราชนิพนธ์ตาํ รา พชิ ยั สงครามของไทยไดเ้ ป็นคร้ังแรกนอกจากน้ีทรงทาํ สารบญั ชี คือ การตรวจสอบจดั ทาํ บญั ชีไพร่ พลท้งั ราชอาณาจกั รนับเป็ นการสํารวจสํามะโนครัวคร้ังแรกโดยทรงต้งั กรมสุรัสวดีให้มีหน้าท่ี สาํ รวจและคุมบญั ชีไพร่พล ทางด้านศาสนา ทรงสร้างวดั พระศรีสรรเพชญไ์ วใ้ นเขตพระราชฐานและใหห้ ล่อพระศรี สรรเพชญส์ ูง 8 วาหุม้ ทองคาํ ไวใ้ นพระมหาวหิ ารของวดั ดว้ ยในรัชสมยั น้ีอยธุ ยาและลา้ นนายงั เป็นคู่ สงครามกนั เช่นเดิมเน่ืองจากกษตั ริยล์ า้ นนาคือพระเมืองแกว้ (ครองราชย์ พ.ศ.2038-2068 )พยายาม ขยายอาณาเขตลงมาทางใต้ จนถึง พ.ศ. 2065 มีการตกลงเป็นไมตรีกนั สงครามจึงสิ้นสุดลง 1.5.สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช พระราชประวตั แิ ละพราชกรณยี กจิ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็ นพระราชโอรสของ สมเด็จพระเจา้ ปราสาททองกบั พระอคั รมเหสีประสูติเมื่อ พ.ศ.2175 พระองค์มีแม่นม 2 คน คอยดูแลอภิบาล คือ เจา้ แม่ วดั ดุสิตซ่ึงเป็ นมารดาของเจา้ พระยาโกษาธิบดี (ขุนเหล็ก)และ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช เจา้ พระยาโกษาธิบดี (ปาน) ราชทูตผมู้ ีชื่อเสียง แม่นม อีกคนหน่ึง เป็ นมารดาของพระเพทราชา พ.ศ. 2198พระเจา้ ปราสาททองประชวรหนกั จึงทรงมอบ ราชสมบตั ิให้เจา้ ฟ้าชยั พระโอรสองคโ์ ต ซ่ึงประสูติจากพระสนมเจา้ ฟ้าชยั ครองราชยไ์ ดป้ ระมาณ หน่ึงปี ก็ถูกปลงพระชนมโ์ ดยพระศรีสุธรรมราชา พระเจา้ อา พระอนุชา จากน้นั พระศรีสุธรรม ราชาก็ข้ึนครองราชย์ และแต่งต้งั ให้พระนารายณ์เป็ นพระมหาอุปราชวงั หน้า หลังจากน้ัน ประมาณ 2 เดือนพระนารายณ์ก็ไดป้ ลงพระชนมส์ มเด็จพระศรีสุธรรมราชา เน่ืองจากสมเด็จพระ ศรีสุธรรมราชาคิดจะเอาเจา้ ฟ้าหญิงศรีสุวรรณหรือพระกนิษฐภคินีร่วมพระชนนีของพระนารายณ์ มาเป็ นพระชายา หลงั จากน้นั พระนารายณ์ก็เสด็จข้ึนครองราชยส์ มเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จ ข้ึนครองราชย์เป็ นพระมหากษตั ริย์ลาํ ดบั ท่ี 4ของพระราชวงศ์ปราสาททอง ใน พ.ศ.2199 ขณะ พระชนมายุได้ 25 พรรษา ทรงพระนามวา่ สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 3หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 หรือสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญ์ แต่คนทวั่ ไปนิยมเรียก สมเดจ็ พระนารายณ์ กรุงศรีอยุธยา ในสมยั ของสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช มีความเจริญรุ่งเรืองมาก
72 พระราชกรณยี กจิ ทส่ี าคัญ - การส่งเสริมงานดา้ นวรรณกรรม หนงั สือที่แต่ง ในสมัยน้ี เช่น สมุทรโฆษคําฉันท์ โคลงทศรถสอน พระรามโคลงพาลี-สอนนอ้ ง โคลงราชสวสั ด์ิ เพลงพยากรณ์ กรุ งเก่า เพลงยาวบางบท รวมถึ ง วรรณกรรมชิ้นสําคญั คือ โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระนารายณ์ นบั เป็น ยคุ ทองแห่งวรรณกรรม ของไทยยคุ หน่ึง - การทาํ ศึกสงครามกบั เชียงใหม่และพม่า สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช พ.ศ.2203 และไดอ้ ญั เชิญพระพทุ ธสิหิงค์ ลงมาอยธุ ยาดว้ ย - ด้านความสัมพนั ธ์กบั ต่างประเทศน้นั เจริญรุ่งเรืองมาท้งั ประเทศตะวนั ออก เช่น จีน อินเดีย และประเทศตะวนั ตกที่สําคญั ไดแ้ ก่ โปรตุเกส ฮอลนั ดา องั กฤษ และฝร่ังเศส ท้งั ดา้ นการ เชื่อมสัมพนั ธไมตรีและการป้องกนั การคุกคามจากชาติต่างๆเหล่าน้ีจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ดงั กล่าว จึงทรงไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ ทรงเป็น มหาราช พระองคห์ น่ึง อีกท้งั ในรัชสมยั ของพระองคย์ งั ไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็ นยคุ สําคญั ดา้ นศิลปวฒั นธรรมยคุ หน่ึงดว้ ยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จ สวรรคตใน พ.ศ. 2231 ท่ีเมืองลพบุรีราชธานีแห่งที่สองท่ีพระองคโ์ ปรดเกลา้ ฯใหส้ ร้างข้ึน
73 กจิ กรรมท้ายเร่ือง ใหน้ กั เรียนตอบคาํ ถามต่อไปน้ีใหช้ ดั เจน 1. พระราชกรณียกิจที่สาํ คญั ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถไดแ้ ก่อะไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงต้งั กรมพระสุรัสวดีข้ึนเพื่ออะไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. ในสมยั พระนเรศวรมหาราชมีการติดต่อคา้ ขายกบั ชาติตะวนั ตกชาติใด ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 4. บุคคลสาํ คญั ในอยธุ ยามีใครบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 5. การศึกษาเร่ืองบุคคลสาํ คญั ในสมยั อยธุ ยามีประโยชน์อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
74 เรื่องการเสื่อมของอาณาจักรอยุธยา กรุงศรีอยุธยาเป็ นอาณาจกั รของคนไทยเป็ นระยะเวลายาวนาน 417 ปี (พ.ศ.1893-2310) พระมหากษตั ริยผ์ สู้ ถาปนากรุงศรีอยธุ ยาคือ พระเจา้ อู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 อาณาเขต ของกรุงศรีอยุธยาแผ่ขยายออกไปอย่างกวา้ งขวางมากที่สุด ในรัชสมยั ของพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ.2133-2148)อาณาจกั รกรุงศรีอยธุ ยามีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดท้งั ดา้ นศิลปวฒั นธรรมการคา้ ขายและการเจริญไมตรีกบั ต่างประเทศ ในรัชสมยั ของพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199- 2231)พระ มหินทราธิราชเมื่อพ.ศ.2112 และคร้ังที่2ในรัชสมยั สมเด็จพระที่นงั่ สุริยาศน์อมรินทร์(พระเจา้ เอก ทศั ) เมื่อ พ.ศ.2310 ความเสื่อมของอาณาจักรอยุธยา ปัจจัยทเ่ี ป็ นสาเหตุแห่งความเสื่อม ปัจจยั ท่ีเป็นสาเหตุแห่งความเสื่อมของอาณาจกั รอยธุ ยา มีดงั น้ี 1. การแยง่ ชิงอาํ นาจของพวกขนุ นางและเจา้ นาย ในสมยั อยธุ ยามีการช่วงชิงอาํ นาจระหวา่ ง เจา้ นายกบั เช้ือพระวงศ์หรือระหว่างเจา้ นายช้ันสูงกับขุนนางผูใ้ หญ่ท่ีมีกาํ ลงั ทหารอยู่หลายคร้ัง วกิ ฤตการณ์ในลกั ษณะน้ียอ่ มนาํ ความอ่อนแอและความเส่ือมมาสู่บา้ นเมือง 2. ความขัดแยง้ เร่ืองผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ในสมยั อยุธยาตอนปลายได้เกิดการ เปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและการขยายการคา้ ทาํ ใหเ้ จา้ นายและขนุ นางแยง่ ชิงไพร่เพ่ือเป็ นแรงงาน ในการผลิต กาํ ลงั ไพร่กลายเป็ นอาํ นาจต่อรองทางการเมืองและเศรษฐกิจ การจดั ทาํ บญั ชีรายช่ือ ไพร่ของกรมสุรัสวดีขาดประสิทธิภาพ ส่งผลใหไ้ พร่หลวงในสังกดั ราชสาํ นกั มีจาํ นวนนอ้ ยลง และ ขนุ นางมีจาํ นวนไพร่สมเพิม่ มากข้ึน จนเกิดปัญหาการขาดแรงงานไพร่หลวงยามศึกสงคราม 3. ความเขม้ แขง็ ของอาณาจกั รพม่า ในช่วงท่ีพมา่ อยภู่ ายใตก้ ารนาํ ของพระเจา้ ตะเบงชะเวต้ี และพระเจา้ บุเรงนองซ่ึงเป็ นผูน้ ําที่มีความสามารถทางการรบ ได้ทาํ สงครามขยายอาณาเขต ครอบครัวหัวเมืองประเทศราชของอยุธยา เช่น มอญ ล้านนา ทาํ ให้พม่ามีอาณาเขตติดต่อกับ อยธุ ยาพม่าจึงโจมตีอยธุ ยาไดง้ ่ายพม่ารุกรานอยุธยาอยา่ งต่อเนื่อง ทาํ ใหอ้ ยุธยาอ่อนแอลงเป็ นลาํ ดบั เพราะสูญเสียไพร่พลเป็นจาํ นวนมาก การเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังที่ 1 (พ.ศ. 2112) การเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังที่1เกิดข้ึนเม่ือพระเจา้ บุเรงนองแห่งหงสาวดียกทพั ใหญ่ มาโจมตี กรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ.2111 สมยั สมเด็จพระมหินทราธิราช ขณะน้นั ราชธานีกบั เมืองพิษณุโลกซ่ึง เป็นเมืองเอกฝ่ ายเหนือมีความขดั แยง้ กนั พระมหาธรรมราชาธิราชที่ครองเมืองพิษณุโลกไปเขา้ กบั ฝ่ ายหงสาวดี ประกอบกบั กรุงศรีอยธุ ยามีความอ่อนแอและใชก้ ลยทุ ธ์เดิมในการต่อสู้คือต้งั รับอยูใ่ น เมือง ในที่สุดกเ็ สียกรุงแก่พมา่ ในพ.ศ.2112 หลงั จากถูกลอ้ มอยู่ 9 เดือน
75 การเสียกรุงคร้ังท่ี 1 ทาํ ให้อาณาจกั รอยุธยาตกเป็ นประเทศราชของพม่าอยู่ 15 ปี ใน พ.ศ. 2127 สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงมอบหมายใหพ้ ระนเรศวรมหาราชพระราชโอรสท่ีเคยไป เป็ นตวั ประกนั อยทู่ ่ีกรุงหงสาวดี ยกกองทพั ไปช่วยพม่าปราบเมืององั วะ พระเจา้ กรุงหงสาวดีทรง เห็นว่ากองทพั ของพระนเรศวรยกมาช้า ทรงเกิดความระแวง จึงส่ังให้พระมหาอุปราชาหาทาง กาํ จดั พระนเรศวรเสีย เม่ือพระนเรศวรยกทพั มาถึงเมืองแครงมีผูก้ ราบทูลเรื่องการคิดร้ายของพม่า ใหท้ รงทราบ พระนเรศวรเห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครงนน่ั เอง ภาพเสียกรุงครั้งท่ี 1 สงครามเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังท่ี 2 ( พ.ศ. 2310) ต้งั แต่สมยั สมเด็จพระเจา้ ทรงธรรมเป็ นตน้ มา ไทยทาํ สงครามกบั พม่าอีก 6 คร้ัง เม่ือถึง พ.ศ. 2503 สมยั สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระท่ีนง่ั สุริยาศน์อมรินทร์ พระเจา้ อลองพญาแห่งพม่าเห็นวา่ ไทย กาํ ลงั ออ่ นแอ จึงยกกองทพั มาลอ้ มกรุงศรีอยธุ ยา แต่เกิดอุบตั ิเหตุปื นใหญ่แตกถูกพระเจา้ อลองพญา บาดเจบ็ สาหสั จึงยกทพั กลบั และสิ้นพระชนมร์ ะหวา่ งทาง หลงั จากน้นั เกิดเหตุการณ์วุน่ วายข้ึนใน พม่า จึงตอ้ งเสียเวลาปราบกบฏภายในอยรู่ ะยะเวลาหน่ึง คร้ันบา้ นเมืองสงบเรียบร้อยแลว้ ในปี พ.ศ. 2507 พระเจา้ มงั ระยกกองทพั มาตีอยุธยา 2 ทาง คือทางตะวนั ตกและทางเหนือ พม่ารบชนะเมือง ต่างๆ ท่ีเดินทพั ผา่ นและลอ้ มรอบกรุงศรีอยธุ ยาในเดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2309 พม่าลอ้ มอยู่ 1 ปี 2 เดือน กรุงศรีอยธุ ยาก็เสียแก่พมา่ เป็นคร้ังท่ี 2 ใน พ.ศ. 2310 ก่อนกรุงศรีอยธุ ยาแตก พระยาตาก (สิน) นาํ กองทพั ตีพม่าไปต้งั มน่ั ท่ีเมืองจนั ทบุรีรวบรวม ไพร่พลและตอ่ เรือรบ และยกกองทพั เรือกลบั มากูเ้ อกราชไดใ้ นเวลาประมาณ 7 เดือนเศษ นบั ต้งั แต่ เสียกรุงศรีอยธุ ยาไป ภาพเสียกรุงคร้ังท่ี 2
76 กจิ กรรมท้ายเรื่อง ใหผ้ เู้ รียนตอบคาํ ถามต่อไปน้ีใหช้ ดั เจน 1. ปัจจยั ท่ีทาํ ใหอ้ าณาจกั รอยธุ ยาเสื่อมอาํ นาจลงไดแ้ ก่อะไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. สมยั อยธุ ยาเสียกรุงก่ีคร้ัง และแตล่ ะคร้ังตรงกบั สมยั การปกครองของพระมหากษตั ริยพ์ ระองคใ์ ด ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. ในการกอบกูเ้ อกราชท้งั 2 คร้ัง พระมหากษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดบา้ งเป็นผกู้ อบกูเ้ อกราช ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………
77 แบบทดสอบท้ายบท เร่ือง “อาณาจักรอยธุ ยา” คาสั่ง ให้นักเรียน × ทบั เลือกข้อทถ่ี ูกทสี่ ุดเพยี งข้อเดียว 1. สภาพชุมชนแถบลุ่มแม่น้าํ เจา้ พระยาตอนล่างก่อนการสถาปนาอาณาจกั รอยธุ ยามีลกั ษณะ สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. เป็นกลุ่มชนใตอ้ าํ นาจขอม ข. เป็นที่ต้งั ของอาณาจกั รขอม ค. อยรู่ วมกนั เป็นชุมชนขนาดเล็ก ง. เป็นชนเผา่ อิสระอยรู่ วมกนั หลายเผา่ 2. กษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดทรงสร้างกรุงศรีอยธุ ยาเป็ นราชธานี ก. สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 1 ข. สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิ ค. สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ง. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ 3. ขอ้ ใดเป็นปัจจยั สาํ คญั ท่ีทา้ ใหม้ ีการสถาปนากรุงศรีอยธุ ยาเป็นราชธานีไดส้ าํ เร็จ ก. กษตั ริยม์ ีความเด็ดขาด ข. คนไทยมีความสามคั คี ค. อาณาจกั รสุโขทยั อ่อนแอ ง. ไดร้ ับความช่วยเหลือจากอาณาจกั รใกลเ้ คียง 4. ฐานะพระมหากษตั ริยส์ มยั อยธุ ยามีลกั ษณะต่างจากสมยั สุโขทยั อยา่ งไร ก. ทรงเป็นเทวราชา ข. ทรงเป็นธรรมราชา ค. ทรงเป็นสมมติเทพ ง. ทรงเป็นเทวราชาและธรรมราชาควบคู่กนั 5. ขอ้ ใดกล่าวถึงหนา้ ที่ของจตุสดมภไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง ก. กรมเวยี ง พิจารณาคดีตา่ งๆ ข. กรมวงั รับผดิ ชอบทางดา้ นการศึกษา ค. กรมนา ส่งเสริมการเกษตรของขุนนาง ง. กรมคลงั ดูแลผลประโยชนข์ องแผน่ ดิน
78 6. เมืองใดตอ่ ไปน้ีมีอิสระในการปกครองตนเองมากท่ีสุด ก. เมืองช้นั ใน ข. เมืองหนา้ ด่าน ค. เมืองประเทศราช ง. เมืองพระยามหานคร 7. การปฏิรูปการปกครองสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถเกิดจากสาเหตุใด ก. เมืองราชธานีไม่เขม้ แขง็ ข. ขนุ นางมีอาํ นาจมากเกินไป ค. บา้ นเมืองกวา้ งใหญด่ ูแลไมท่ วั่ ถึง ง. ไดร้ ับแนวคิดจากอาณาจกั รเพือ่ นบา้ น 8. ในสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ หน่วยงานใดมีอาํ นาจหนา้ ที่บงั คบั บญั ชาและตรวจราชการ ทหารทวั่ อาณาจกั ร ก. ขนุ วงั ข. ขนุ เวยี ง ค. สมุหนายก ง. สมุหพระกลาโหม 9. จุดมุง่ หมายหลกั ในการปฏิรูปการปกครองในสมยั อยธุ ยาตอนปลายคืออะไร ก. ป้องกนั การแยง่ ชิงอาํ นาจ ข. สร้างความเขม้ แขง็ ในอาณาจกั ร ค. ลดอาํ นาจของขนุ นางและเช้ือพระวงศ์ ง. ใหอ้ ิสระในการปกครองตนเองของราษฎร 10. ชนช้นั พเิ ศษในสงั คมสมยั อยธุ ยาคือชนช้นั ใด ก. ชนช้นั ไพร่ ข. ชนช้นั พระสงฆ์ ค. ชนช้นั พระมหากษตั ริย์ ง. ชนช้นั เจา้ นายและขนุ นาง 11. ไพร่ท่ีพระมหากษตั ิยท์ รงแจกจ่ายไปยงั กรมกรองตา่ ง ๆ เรียกวา่ ไพร่ประเภทใด ก. ไพร่ส่วย ข. ไพร่สม ค. ไพร่เฉลย ง. ไพร่หลวง
79 12. รายไดส้ ูงสุดจากการคา้ กบั ตา่ งประเทศของอาณาจกั รอยธุ ยาไดแ้ ก่การคา้ กบั ประเทศอะไร ก. จีน ข. อาหรับ ค. องั กฤษ ง. ฮอลนั ดา 13. เศรษฐกิจของอยธุ ยาข้ึนอยกู่ บั ขอ้ ใด ก. เกษตรกรรม หตั ถกรรม ข. หตั ถกรรม การคา้ ค. เกษตรกรรม หาของป่ า ง. เกษตรกรรม หตั ถกรรม การคา้ 14. สมยั อยธุ ยามีนโยบายการคา้ กบั ชาติตะวนั ตกท่ีเขา้ มาติดตอ่ คา้ ขายอยา่ งไร ก. ยอมสวามิภกั ด์ิโดยดี ข. เรียกร้องผลประโยชน์ต่างๆ ค. จาํ กดั สิทธิเสรีภาพทางศาสนา ง. เป็นมิตรและคา้ ขายกบั ทุกชาติ 15. กรุงศรีอยธุ ยาทาํ การคา้ ขายกบั ประเทศใดมากที่สุด ก. จีน ข. เปอร์เซีย ค. อินเดีย ง. ชาติตะวนั ตก 16.ชาวตะวนั ตกชาติแรกที่เขา้ มาติดต่อคา้ ขายกบั อยธุ ยา คือชาติใด ก. องั กฤษ ข. ฝรั่งเศส ค. ฮอลนั ดา ค. โปรตุเกส 17. สถาปัตยกรรมท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ของอยธุ ยาคือขอ้ ใด ก. พระปรางค์ ข. เจดียท์ รงกลม ค. เจดียท์ รงเหลี่ยม ง. เจดียย์ อ่ มุมไมส้ ิบสอง
80 18. พระพทุ ธรูปท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ทางประติมากรรมของอยุธยาคือปางใด ก. ปางลีลา ข. ปางมารวชิ ยั ค. ปางขดั สมาธิ ง. ปางหา้ มญาติ 19. เพราะเหตุใดสมยั อยธุ ยาตอนปลายกองทพั จึงอ่อนแอลง ก. ขาดแคลนกาํ ลงั พล ข. ขาดการฝึกซอ้ มกาํ ลงั พล ค. วา่ งเวน้ จากการทาํ ศึกมานาน ง. อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ส่วนใหญ่ไมท่ นั สมยั 20. คาํ กล่าวในขอ้ ใดที่จะช่วยเตือนสติและเป็นอุทาหรณ์ใหก้ บั คนไทย เพ่ือมิใหเ้ หตุการณ์ อยา่ งเช่น ในสมยั อยธุ ยาตอนปลายเกิดข้ึนอีก ก. รู้จกั สามคั คี ข. ววั หายลอ้ มคอก ค. รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภยั ง. แพเ้ ป็นพระ ชนะเป็นมาร
81
82 บทที่ 4 อาณาจักรธนบุรี ภูมหิ ลงั ทางประวตั ศิ าสตร์เมืองธนบุรีก่อน พ.ศ. 2310 ภูมิหลงั ทางประวตั ิศาสตร์เมืองธนบุรีก่อน พ.ศ. 2310 หลงั จากกรุงศรีอยุธยาตอ้ งเสียแก่พม่าเม่ือ พ.ศ. 2310 เมื่อพระเจา้ ตากทรงขบั ไล่พม่าออกจากกรุง ศรีอยธุ ยาแลว้ กร็ วบรวมผคู้ นทรัพยส์ มบตั ิ และ สิ่ ง ต่ า ง ๆ ต้ัง ร า ช ธ า นี ใ ห ม่ ข้ึ น ที่ เ มื อ ง ธ น บุ รี https://siwakon19.wordpress.com/tag เรียกนามวา่ “กรุงธนบรุ ีศรีมหาสมทุ ร” เม่ือคร้ังสมเด็จพระเจา้ กรุงธนบุรีรับราชการเป็ นพระยาตากในระหว่างสงครามครามเสีย กรุงศรีอยธุ ยาคร้ังที่สอง พระยาตากไดถ้ อนตวั จากการป้องกนั พระนครพร้อมกบั ทหารจาํ นวนหน่ึง เพ่ือไปต้งั ตวั โดยนาํ ทพั ผ่านบ้านโพสามหาร บ้านบางดง หนองไมท้ รุง เมืองนครนายก เมือง ปราจีนบุรี พทั ยา สัตหีบ ระยอง โดยกลุ่มผสู้ นบั สนุนพระยาตากไดย้ กยอ่ งใหใ้ หเ้ ป็ น “เจา้ ชาย” และ ตีไดเ้ มืองจนั ทบุรี และตราด เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2310 ในเวลาใกลเ้ คียงกนั ฝ่ ายกองทพั พม่าไดค้ งกาํ ลงั ควบคุมในเมืองหลวงและเมืองใกลเ้ คียง ประมาณ 3,000 คน โดยมีสุก้ีเป็นนายกอง ต้งั คา่ ยอยทู่ ี่บา้ นโพธ์ิสามตน้ พร้อมกนั น้นั พม่าไดต้ ้งั นาย ทองอินใหไ้ ปเป็นผดู้ ูแลรักษาเมืองธนบุรีไว้ อยา่ งไรก็ตาม ถึงแมว้ า่ อาณาจกั รอยุธยาจะสิ้นสภาพลง ไปแลว้ แต่ยงั มีหวั เมืองอีกเป็นจาํ นวนมากท่ีไม่ไดร้ ับความเสียหายจากศึกสงคราม หวั เมืองเหล่าน้นั จึงต่างพากนั ต้งั ตนเป็ นใหญ่ในเขตอิทธิพลของตน ส่วนทางดา้ นพระยาตากเองก็สามารถรวบรวม กาํ ลงั ไดจ้ นเทียบไดก้ บั หน่ึงในชุมนุมท้งั หลายน้นั โดยมีจนั ทบุรีเป็นฐานท่ีมนั่ ต่อมา พระยาตากจึงนาํ กาํ ลงั ท่ีรวบรวมประมาณ 5,000 คน ตีเมืองธนบุรีและอยุธยาคืนจาก ขา้ ศึก เสร็จแลว้ จึงสถาปนาตนเองข้ึนเป็ นพระมหากษตั ริยแ์ ห่งกรุงศรีอยุธยา และทรงสร้างเมือง หลวงใหม่
83 การสถาปนาอานาจของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หลงั จากกรุงศรีอยธุ ยาแตก บา้ นเมืองเกิดความระส่ําระสาย มีผูร้ วบรวมคนเป็ นกลุ่มหรือ ชุมนุมเพือ่ ป้องกนั ภยั จากพมา่ บางชุมนุมออกปลน้ สะดมเพอ่ื ใหก้ ลุ่มของตนอยูร่ อด หวั หนา้ ชุมนุม บางคนหวงั ที่จะไดเ้ ป็ นใหญ่ปกครองบา้ นเมือง ชุมนุมท่ีมีอาํ นาจเขม้ แขง็ มีอยู่ 5 ชุมนุม คือชุมนุม พระเจา้ ตาก (สิน) ต้งั ชุมนุมอยู่ท่ีเมืองธนบุรี มีพระเจา้ ตาก (สิน) เป็ นหัวหน้า ชุมนุมเจา้ พระยา พิษณุโลก มีเจา้ พระยาพิษณุโลกเป็ นหัวหนา้ ชุมนุมเจา้ นครศรีธรรมราช อยูท่ ่ีนครศรีธรรมราช มี เจา้ นครเป็นหวั หนา้ ชุมนุมเจา้ พิมาย อยทู่ ี่เมืองพิมาย มีกรมหมื่นเทพพิพิธเป็ นหวั หนา้ และชุมนุม เจา้ พระฝาง อยทู่ ี่เมืองสวางคบุรี มีเจา้ พระฝางซ่ึงครองเพศบรรพชิตเป็นหวั หนา้ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชจึงทรงพยายามหาทางที่จะรวมอาณาจกั รให้เป็ นปึ กแผ่นมี อาณาเขตกวา้ งใหญ่ดงั เดิม จึงทรงปราบชุมนุมตา่ ง ๆ ใหอ้ ยใู่ นอาํ นาจดงั น้ี 1. การปราบชุมนุมเจ้าพระยาพษิ ณโุ ลก เมื่อ พ.ศ.2311 สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิมหาราช ทรงยกทพั ไปปราบชุมนุมเจา้ พระยาพิษณุโลก แต่ไม่สําเร็จเพราะทรงถูกกระสุนปื นขา้ ศึกบาดเจ็บ ตอ้ งยกทพั กลบั หลงั จากรบคร้ังน้นั ไม่นานเจา้ พระยาพิษณุโลกก็ถึงแก่กรรม นอ้ งชายช่ือ พระ อินทรอากร ต้งั ตนเป็นหวั หนา้ แทน แต่ไม่เขม้ แข็งพอจึงถูกเจา้ พระฝางยกมาตีไดแ้ ละผนวกเขา้ กบั ชุมนุมของตน 2. การปราบปรามชุมนุมเจ้าพมิ าย หลงั จากหายประชวรในปี เดียวเอง (พ.ศ.2311) สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงมีบญั ชาให้พระราชวรินทร์และพระมหามนตรียกกองทพั ไป ปราบชุมนุมเจา้ พิมาย กรมหมื่นเทพพิพิธแสดง อาการกระดา้ งกระเด่ือง จึงถูกประหารชีวิต ผล การรบคร้ังน้ีทาํ ใหไ้ ดด้ ินแดนภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนล่างไวใ้ นอาํ นาจ 3. การปราบชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช ตน้ พ.ศ.2312 สมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราชโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ พระยาจกั รีคุมกองทพั บกไปปราบนครศรีธรรมราช เมืองต่าง ๆ ที่อยู่ ระหว่างทางต่างพากันยอมอ่อนน้อมต่อกรุงธนบุรี กองทพั นครศรีธรรมราชยกทพั มาต้งั รับที่สุ ราษฎร์ธานีเกิดปะทะกนั กองทพั กรุงธนบุรีสู้ไม่ไดส้ มเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชยกทพั เรือไปช่วย ไดเ้ ขา้ ตีเมืองนครศรีธรรมราช เจา้ นครศรี ธรรมราช (หนู) สู้ไม่ได้ จึงหลบหนีไปปัตตานี สุลต่าน แห่งปัตตานีเกรงว่าตนจะมีความผิดในการให้ท่ีพักพิงแก่เจ้านครศรี ธรรมราช จึงจับเจ้า นครศรีธรรมราชแต่พระองค์ทรงเห็นวา่ เจา้ นครศรีธรรมราชมีสิทธ์ิที่จะต้งั ตนเป็ นใหญ่ได้ ต่อมา ภายหลงั พระองคไ์ ดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ นครศรีธรรมราช (หนู) กลบั ไปปกครองนครศรีธรรมราชอีก เน่ืองจากทรงมีพระบรมราโชบายให้นครศรีธรรมราชทาํ หน้าท่ีควบคุมดูแลหวั เมืองภาคใตแ้ ละหวั เมืองมลายอู ยา่ งใกลช้ ิด แทนกรุงธนบุรีซ่ึงอยหู่ ่างไกลเกินไป
84 4. การปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชทรงทราบวา่ เจา้ พระฝางตีชุมนุมเจา้ พระยาพิษณุโลกได้ และมีอาํ นาจมากข้ึนถึงกบั ส่งกองทพั ออกลาดตระเวน ปลน้ สะดมราษฎรถึงเมืองอุทยั ธานีและชยั นาท พระองคจ์ ึงยกทพั ใหญ่ท้งั ทพั บกและทพั เรือข้ึนไป ปราบใน พ.ศ. 2313 ไดห้ วั เมืองทางเหนือไวใ้ นอาํ นาจ เจา้ พระฝางพาพรรคพวกหลบหนีไปได้ ภายหลังการปราบชุมนุมเจ้าพระฝางได้แล้ว ทรงเห็นว่าบริเวณหัวเมืองเหนือเป็ นจุด ยทุ ธศาสตร์ที่สําคญั หากพม่ายดึ บริเวณน้ีไดก้ ็จะเป็ นเสบียงและเป็ นฐานท่ีมนั่ ในการโจมตีหวั เมือง ในลุ่มน้าํ เจา้ พระยาตอนล่างต่อไป จึงโปรดเกลา้ ฯ แต่งต้งั ใหพ้ ระยาสุรสีห์ (บุญมา) เป็ นผปู้ กครอง เมืองพษิ ณุโลก เพื่อตา้ นกองทพั ที่เขา้ โจมตีหวั เมืองทางเหนือ การท่ีสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงประสบความสําเร็จในการปราบชุมนุมต่าง ๆ ทาํ ใหพ้ ระองคท์ รงรวบรวมอาณาจกั รใหม้ ีความเป็ นเอกภาพ โดยมีศูนยก์ ลางการปกครองท่ีกรุงธนบุรี รวมเวลาที่ทรงใชใ้ นการน้ีท้งั สิ้น 3 ปี เหตุผลท่ีทรงย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยธุ ยา หลงั จากเจา้ ตากทรงตรวจดูซากปรักหกั พงั ของกรุงเก่าแลว้ มีเร่ืองราวเล่าไวใ้ นพงศาวดาร วา่ พระองคท์ รงพระสุบินวา่ พระมหากษตั ริยอ์ งคก์ ่อนๆ ไดท้ รงขบั ไล่มิให้พระองคท์ รงอยูท่ ี่นน่ั จึง ทรงคิดจะยา้ ยราชธานีไปที่อ่ืน มีเหตุผลสาํ คญั ดงั น้ี 1. กรุงศรีอยธุ ยาน้นั ถึงแมเ้ ป็นบริเวณที่มีชยั ภูมิน้าํ ลอ้ มรอบและเป็ นเมืองป้อมปราการมนั่ คง แตร่ ้ีพลของเจา้ ตากที่มีอยไู่ มเ่ พยี งพอแก่การรักษากรุงศรีอยุธยาและต่อสู้กบั ขา้ ศึกได้ เพราะขณะน้นั ศตั รูยงั มีมาก ท้งั พมา่ และคนไทยกก๊ อื่น อาจยกกองกาํ ลงั มาย่าํ ยเี ม่ือใดกไ็ ด้ 2. กรุงศรีอยธุ ยาอยใู่ นทาํ เลท่ีขา้ ศึกจะมาถึงไดส้ ะดวก ท้งั ทางบกและทางน้าํ หากมีกาํ ลงั ไม่ พอรักษาขา้ ศึกโดยเฉพาะพมา่ รู้ลู่ทางภูมิประเทศ และจุดอ่อนของกรุงศรีอยธุ ยาเป็นอยา่ งดี ทาํ ให้เสีย เปรียบในการป้องกนั พระนคร 3. กรุงศรีอยุธยาทรุดโทรมมากจนยากแก่การบูรณะให้ดีดงั เดิมไดเ้ พราะตอ้ งใชก้ าํ ลงั คน กาํ ลงั ทรัพยแ์ ละเวลาในการบูรณะซ่อมแซม 4. กรุงศรีอยธุ ยาอยหู่ ่างทะเลมากเกินไป ไม่สะดวกแก่การติดต่อคา้ ขายกบั นานาประเทศซ่ึง นบั วนั จะเจริญข้ึน เหตุผลทที่ รงเลือกเมืองธนบุรีเป็ นราชธานี การที่เจา้ ตากไดท้ รงเลือกเมืองธนบุรีเป็นที่ต้งั ราชธานีแห่งใหม่ มีเหตุผลสาํ คญั ดงั น้ี 1. กรุงธนบุรีต้งั อยู่ที่น้าํ ลึกใกลท้ ะเล หากขา้ ศึกยกมาทางบก โดยไม่มีทพั เรือ เป็ นกาํ ลงั สนบั สนุนดว้ ยแลว้ ก็ยากที่จะตีไดส้ ําเร็จ และในกรณีท่ีขา้ ศึกมีกาํ ลงั มากกวา่ ท่ีจะรักษากรุงไวไ้ ด้ ก็ อาจยา้ ยไปต้งั มนั่ ท่ีจนั ทบุรี โดยทางเรือไดส้ ะดวก
85 2. กรุงธนบุรีมีป้อมปราการอยทู่ ้งั 2 ฟากแมน่ ้าํ คือ ป้อมวชิ ยั ประสิทธ์ิและป้อมวิไชเยนทร์ที่ สร้างไวต้ ้งั แตร่ ัชสมยั ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หลงเหลืออยูพ่ อที่ใชป้ ้องกนั ขา้ ศึกที่จะเขา้ มา รุกรานโดยยกกาํ ลงั มาทางเรือไดบ้ า้ ง 3. กรุงธนบุรีต้งั อยบู่ นเกาะเหมือนกรุงศรีอยุธยา และยงั มีสภาพเป็ นที่ลุ่ม มีบึงใหญ่นอ้ ยอยู่ ทว่ั ไป ซ่ึงจะเป็นเครื่องกีดขวางขา้ ศึกมิใหโ้ อบลอ้ มพระนครไดง้ ่าย 4. กรุงธนบุรีต้งั ปิ ดปากน้าํ ระหว่างเส้นทางท่ีหัวเมืองฝ่ ายเหนือท้งั ปวงจะได้ไปมาคา้ ขาย ติดต่อกบั ต่างประเทศ จึงสามารถกีดกนั มิใหห้ วั เมืองฝ่ ายเหนือที่ต้งั ตวั เป็ นใหญ่ ซ้ือหาเครื่องศสั ตรา วธุ ยทุ ธภณั ฑจ์ ากตา่ งประเทศได้ 5. กรุงธนบุรีอยใู่ กลท้ ะเล สะดวกแก่การไปมาคา้ ขายและติดต่อกบั ต่างประเทศ เรือสินคา้ สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้โดยไม่ต้องขนถ่ายสินค้าลงเรือเล็กอย่างสมยั กรุงศรีอยุธยาทาํ ให้ ประหยดั เวลาและค่าใชจ้ ่ายไดม้ าก 6. กรุงธนบุรีเป็ นเมืองเก่า มีวดั จาํ นวนมากท่ีสร้างไวแ้ ต่สมยั กรุงศรีอยธุ ยา เพียงแต่บูรณะ และปฏิสังขรณ์บา้ งเทา่ น้นั ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งสร้างวดั ข้ึนใหม่ท้งั หมด 7. กรุงธนบุรี มีดินดี มีคลองหลายสาย มีน้าํ ใชต้ ลอดปี เหมาะแก่การทาํ นา ปลูกขา้ ว ทาํ สวน ผกั และทาํ ไร่ผลไม้ ปัจจัยทม่ี ีผลต่อการสถาปนาอาณาจักรไทย กรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310 - 2325) การสถาปนากรุงธนบุรี ลว้ นเกิดจากปัจจยั ท่ีแตกต่างกนั โดยปัจจยั หลกั ๆ ไดแ้ ก่ ปัจจยั ทาง ภูมิศาสตร์ ปัจจยั ทางการเมือง และประวตั ิศาสตร์ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการสถาปนากรุงธนบุรี ไดแ้ ก่ 1. ปัจจยั ทางภูมิศาสตร์ เม่ือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ยงั เป็ นช่วงท่ีบา้ นไม่มนั่ คง การเลือกต้งั เมืองท่ีกรุงธนบุรีจึงคาํ นึงถึงปัจจยั ทางดา้ นความมน่ั คงเป็ น หลกั กรุงธนบุรีอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี เพราะอยู่ริมแม่น้าํ เจา้ พระยาและอยู่ไม่ไกลจากอ่าว ไทย หากขา้ ศึกยกทพั มาแลว้ สู้ไมไ่ ดก้ ็สามารถหนีออกทางทะเลได้ 2. ปัจจยั ทางการเมือง เมื่อกรุงศรีอยธุ ยาล่มสลาย สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชไดเ้ ป็ น ผนู้ าํ ในการขบั ไล่กองทพั พม่าและสถาปนาตนข้ึนเป็ นกษตั ริย์ ต้งั ราชธานีใหม่ท่ีกรุงธนบุรี เพราะ กรุงศรีอยธุ ยาเสียหายจนยากจะฟ้ื นคืนดงั เดิม
86 กจิ กรรมท้ายเร่ือง ใหผ้ เู้ รียนตอบคาํ ถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงดาํ เนินการกอบกูเ้ อกราชอยา่ งไร อธิบายตามลาํ ดบั ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. ปัจจยั แห่งการสถาปนากรุงธนบุรี ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงพยายามหาทางที่จะรวมอาณาจกั รใหเ้ ป็นปึ กแผน่ มีอาณาเขต จึงทรงปราบชุมนุมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ชุมนุมไดบ้ า้ ง อธิบาย ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ------*------
87 พฒั นาการของอาณาจักรธนบุรี การที่สมเด็จพระเจา้ ตากสินทรงกู้เอกราชกรุงศรีอยุธยากลับคืนจากพม่าได้น้ันทาํ ให้ กิตติศพั ทเ์ ล่ืองลือไปทวั่ พระเกียรติยศของพระองคจ์ ึงแพร่ไปวา่ เป็ นผูส้ ามารถกูแ้ ผน่ ดินไทยใหพ้ น้ จากอาํ นาจพม่าขา้ ศึกได้ ทาํ ให้ไพร่บา้ นพลเมืองท่ียงั หลบล้ีอยู่ตามท่ีต่าง ๆ พากนั มาอ่อนนอ้ มเขา้ ร่วมกบั สมเด็จพระเจา้ ตากสินเป็ นจาํ นวนมาก ซ่ึงจะเป็ นกาํ ลงั ในการศึกสงครามและการบูรณะ บา้ นเมืองตอ่ ไป พระราชกรณียกิจท่ีสาํ คญั ดงั น้ี ด้านการเมืองการปกครองสมยั ธนบุรี (พ.ศ.2310 - 2313) คนไทยแตกแยกเป็ นชุมนุมต่าง ๆ แต่ละชุมนุมต่างหวงั ที่จะไดเ้ ป็ นใหญ่สมเด็จพระเจา้ ตาก สินมหาราชตอ้ งใชก้ าํ ลงั ปราบปรามดงั กล่าวมาแลว้ ในดา้ นการควบคุมกาํ ลงั สมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราชทรงแต่งต้งั แม่ทพั นายกองท่ีร่วมรบกนั มาให้เขา้ รับตาํ แหน่งเจา้ เมืองต่าง ๆ เพื่อควบคุม กาํ ลงั พลในเมืองสําคญั ๆ ส่วนตาํ แหน่งเสนาบดีในส่วนกลางทรงแต่งต้งั ขุนนางเดิมท่ีทรงไวว้ าง พระทยั ให้ทาํ หนา้ ท่ี พ.ศ.2314 - 2321 เป็ นช่วงที่พม่ารุกรานกรุงธนบุรีตลอด ทาํ ให้สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงใชอ้ าํ นาจปกครองอยา่ งเฉียบขาด จึงไมม่ ีใครกลา้ ละเมิดคาํ ส่ัง 1.1 ลกั ษณะการปกครอง ลกั ษณะการปกครองของกรุงธนบุรีดาํ เนินตามแบบแผนสมยั อยธุ ยาตอนปลาย พระมหากษตั ริยท์ รงมีพระราชอาํ นาจเด็ดขาดในการปกครองโครงสร้างการบริหารแบง่ ออกไดด้ งั น้ี 1. การปกครองส่วนกลาง การบริหารราชธานี มีอคั รมหาเสนาบดี 2 ตาํ แหน่ง คือ สมุหนายกดูแลจตุสดมภแ์ ละบงั คบั บญั ชาหวั เมืองฝ่ ายเหนือ กบั สมุหพระกลาโหม จตุสดมภท์ ี่อยูใ่ นความดูแลของสมุหนายก แบ่งออกเป็ น 4 กรม แต่ละกรมมีเสนาบดีเป็ น หวั หนา้ ไดแ้ ก่ 1) นครบาล มีหนา้ ท่ีรักษาความสงบเรียบร้อยในราชธานี 2) กรมวงั มีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบราชการในราชสาํ นกั จดั การพระราชพธิ ี และพจิ ารณา คดีความ 3) กรมพระคลงั มีหนา้ ท่ีจดั เก็บรักษาดูแลพระราชทรัพยร์ ายไดแ้ ผน่ ดิน ติดต่อคา้ ขายกบั ต่างประเทศ การคา้ สาํ เภาของหลวง นอกจากน้ียงั มีอาํ นาจในการปกครองหวั เมืองฝ่ ายใต้ และหวั เมืองชายทะเลตะวนั ออกดว้ ย 4) เกษตราธิการ มีหนา้ ท่ีดูแลท่ีนาหลวง เกบ็ ภาษีการทาํ นา เกบ็ ขา้ วข้ึนฉางหลวง และ ทาํ หนา้ ท่ีพิจารณาคดีความเก่ียวกบั เรื่องววั ควาย และท่ีนา
88 2. การปกครองหวั เมือง แบ่งหวั เมืองออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) เมืองช้นั ใน คือ เมืองท่ีอยรู่ ายรอบราชธานี เป็นเมืองช้นั จตั วา มีผปู้ กครอง เรียกวา่ การบงั คบั บญั ชาข้ึนต่อราชธานี 2) เมืองช้นั นอกหรือเมืองพระยาหมานคร เป็นเมืองท่ีอยนู่ อกเขตราชธานีออกไป แบง่ ออกเป็น เมืองช้นั เอก โท ตรี พระมหากษตั ริยท์ รงแตง่ ต้งั ขา้ ราชการผใู้ หญ่ออกไปเป็น เจา้ เมือง 3) ประเทศราช ไดแ้ ก่ รัฐที่อยหู่ ่างออกไป หรือหวั เมืองที่มีอาณาเขตติดต่อกบั ประเทศอื่น ไดแ้ ก่ เขมร ลา้ นชา้ ง ลา้ นนา และนครศรีธรรมราช เจา้ เมืองเป็ นคนทอ้ งถิ่น หรือคน ที่พระมหากษตั ริยท์ รงแตง่ ต้งั เมืองเหล่าน้นั ตอ้ งส่งบรรณาการมาถวายตามเวลากาํ หนด ด้านสังคมและเศรษฐกจิ สมัยธนบุรี 1.2 สงั คมสมยั ธนบุรี ชีวติ ความเป็นอยขู่ องคนไทยในสมยั ธนบุรีกล่าวไวว้ า่ มีการควบคุมกาํ ลงั คนอยา่ ง เขม้ งวดเพราะบา้ นเมืองตกอยูใ่ นภาวะสงคราม ตอ้ งสู้รบพม่าขา้ ศึกอยูต่ ลอดเวลา จึงมีการกวดขนั การสกั เลกไพร่เป็นพเิ ศษ เพอ่ื ความสะดวกในการเกณฑค์ นไปรบ การสักเลก ในสมยั อยุธยาสักเฉพาะไพร่หลวง คือไพร่ของพระมหากษตั ริย์ แต่ในสมยั ธนบุรีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้า ฯ ให้สักเลกไพร่สม คือไพร่ของมูลนายทั่ว อาณาจกั รดว้ ย 1.3 เศรษฐกิจสมยั ธนบุรี เม่ือสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชข้ึนครองราชย์ บา้ นเมืองกาํ ลงั ประสบความตกต่าํ ทางเศรษฐกิจอยโู่ ดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนอาหารบริโภค เพราะไดร้ ับผลกระทบจากสงคราม จึงมีการปลน้ สะดมแยง่ ชิงอาหารอยูท่ ว่ั ไป สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชไดท้ รงแกไ้ ขวิกฤตการณ์ ท้งั ในระยะส้ันและระยะยาวดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การแจกข้าวสารและเครื่องอุปโภคบริโภค สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงสละ พระราชทรัพยซ์ ้ือขา้ วสารท่ีจีนนาํ มาขาย แลว้ นาํ ไปแจกราษฎร และทรงแจกเส้ือผา้ อาหารแก่ผู้ ยากไร้เพื่อแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ที่เกิดข้ึนตอนตน้ สมยั ธนบุรี 2. การส่งเสริมการทานา มีการเพิ่มเน้ือท่ีปลูกขา้ วใกลพ้ ระนคร โดยทรงใหป้ รับปรุง พ้ืนท่ีนอกกาํ แพงเมืองท้งั สองฟาก ซ่ึงเคยเป็ นสวนเป็ นป่ าให้ทะเลตม พอเสร็จศึกพม่าราว พ.ศ. 2319 กท็ รงเกณฑข์ นุ นางและไพร่พลใหล้ งมือทาํ นาปรังในที่ซ่ึงตระเตรียมไว้ เพ่ือใหม้ ีขา้ วบริโภค เพยี งพอ นอกจากน้ียงั ใหก้ องทพั ไปดูแลคุม้ กนั นาขา้ วของชาวนาในฤดูเก็บเกี่ยว เพราะมีผรู้ ้ายคอย ปลน้ แยง่ ชิงขา้ วเปลือกจากชาวนา
89 3. การลงโทษผู้กระทาผดิ ทางเศรษฐกจิ อย่างรุนแรง เช่น โกงขา้ วหลวงใหเ้ ฆ่ียน 100 ที ปรับไหมใชข้ า้ ว 10 ต่อ ทาํ เงินปลอมใหป้ ระหารชีวติ 4. การเปิ ดประมูลค่าภาคหลวงขุดทรัพย์ หลงั กรุงศรีอยธุ ยาแตกมีผคู้ นจาํ นวนมากเท่ียว ลกั ลอบขุดทรัพยส์ ินท่ีผูห้ นีภยั พม่าฝังไวต้ ามท่ีต่าง ๆ ที่กรุงเก่า สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชจึง ทรงเปิ ดประมูลคา่ ภาคหลวงใหข้ ดุ ทรัพย์ ทาํ ใหม้ ีรายไดเ้ ขา้ พระคลงั อีกทางหน่ึง ด้านความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศสมัยธนบุรี ความสัมพนั ธ์ระหว่างธนบุรีกบั รัฐเพ่ือนบ้าน 1. ความสัมพนั ธ์กบั พม่า การติดตอ่ เก่ียวขอ้ งกบั พมา่ ในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน มหาราชเป็ นไปในลกั ษณะท่ีพม่าต้องการมีอาํ นาจเหนือไทยจึงส่งกองทพั พม่าโจมตีไทยอย่าง ต่อเนื่อง หลงั จากการรบคร้ังแรกที่คา่ ยโพธ์ิสามตน้ ซ่ึงไทยเป็ นฝ่ ายชนะแลว้ ต่อมาก็มีการรบกนั อีก หลายคร้ัง คือ 1) การรบกบั พม่าที่บางกุง้ สมุทรสงคราม พ.ศ. 2310 กองทพั พม่าท่ีเหลืออยทู่ ่ีเมือง ราชบุรีไดร้ ับกาํ ลงั เสริมจากพม่ายกเขา้ ลอ้ มคา่ ยจีนท่ีบางกงุ้ เมืองสมุทรสงคราม สมเด็จพระเจา้ ตาก สินมหาราชทรงยกกองทพั จากกรุงธนบุรีตีพมา่ แตกหนีไป ทรงริบอาวุธและจบั เชลยไดม้ ากศึกคร้ัง น้ีทาํ ใหพ้ ระเกียรติของพระองคใ์ นฐานะผกู้ เู้ อกราชเลื่องลือไปทว่ั 2) พม่าตีเมืองพชิ ยั คร้ังที่ 1 พ.ศ. 2315 เจา้ พระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกทพั จากเมือง พิษณุโลกไปช่วย พมา่ หนีกลบั ไปเชียงใหม่ 3) พมา่ ตีเมืองพิชยั คร้ังที่ 2 พ.ศ. 2316 เจา้ พระยาสุรสีห์กบั พระยาพิชยั ตีทพั พมา่ แตก พา่ ยไป ในสงครามคร้ังน้ีพระยาพิชยั เจา้ เมืองพิชยั ไดน้ าํ ทพั เขา้ สู้รบกบั พม่าอยา่ งกลา้ หาญโดยถือ ดาบสองเล่มสู้รบกบั ขา้ ศึกจนดาบหักไปเล่มหน่ึง ในที่สุดพม่าตอ้ งถอยทพั กลบั ไป ส่วนพระยา พิชยั ไดร้ ับสมญาณนามว่า พระยาพิชัยดาบหัก การต่อสู้ดาบหัก การต่อสู้ของพระยาพิชัยเป็ น วรี กรรมที่ไดร้ ับการยกยอ่ งมาจนถึงปัจจุบนั 4) การรบกบั พม่าที่บางแกว้ ราชบุรี พ.ศ. 2317 สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชทรงยก ทพั จากหวั เมืองเหนือเขา้ ลอ้ มคา่ ยพมา่ ทหารพมา่ ถูกจบั เป็ นเชลยจาํ นวนมาก 5) พมา่ ตีหวั เมืองเหนือ พ.ศ. 2318 สงครามคร้ังน้ีนบั วา่ เป็นสงครามคร้ังสาํ คญั ที่สุด ในสมยั ธนบุรี พม่าส่งทพั ใหญ่ภายใตบ้ งั คบั บญั ชาของอะแซหวุ่นก้ี มาล้อมเมืองพิษณุโลกไว้ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ พระยาจกั รี (ทองดว้ ง) ยกทพั ไปช่วยเจา้ พระยา สุรสีห์โดยสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชไดย้ กทพั หลวงไปช่วยอีกทพั หน่ึง ในที่สุดพม่าตีเมือง พษิ ณุโลกได้ แตไ่ ดเ้ มืองเปล่าพระฝ่ ายไทยสละเมืองออกไปแลว้ พอดีทางพม่าเปลี่ยนแผน่ ดินใหม่ อะแซหวนุ่ ก้ีจึงยกทพั กลบั ไป
90 2. ความสัมพนั ธ์กบั เขมร ภายหลงั การจดั การภายในกรุงธนบุรีเขา้ สู่ภาวะปกติแลว้ ขณะน้นั เขมรเกิดการแยง่ อาํ นาจกนั ระหวา่ งพระรามราชา (นกั องนน) กบั พระนารายณ์ราชา (นกั องตน) พระนารายณ์ราชาไปขอความช่วยเหลือจากเวียดนาม พระรามราชาสู้ไม่ไดห้ นีมาขอความ ช่วยเหลือจากไทย สมเด็จพระนารายณ์ราชาไม่ยอม พระองค์จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้พระยาอภยั รณ ฤทธ์ิ (ทองดว้ ง) และพระยาอนุชิตราชา (บุญมา) นาํ ทพั ไปตีเขมรใน พ.ศ. 2312 ตีไดเ้ มืองเสียมราฐ พระตะบองและโพธิสัตว์ ระหวา่ งน้นั มีขา่ วลือวา่ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชเสด็จสวรรคต ไทย จึงยกทพั กลบั 3. ความสัมพนั ธ์กบั ล้านช้าง ในสมยั ธนบุรี การขยายอาํ นาจของไทยเขา้ ไปใน ลา้ นชา้ งมีอยู่ 2 คร้ังดว้ ยกนั คือ 1. การตีจาํ ปาศกั ด์ิ ในพ.ศ. 2319 พระยานางรองขดั ใจกบั เจา้ เมืองนครราชสีมา จึง คิดกบฏต่อไทย ไปขอข้ึนกบั เจา้ โอ (หรือเจา้ โอ)้ ซ่ึงเป็นเจา้ เมืองจาํ ปาศกั ด์ิ สมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราชจึงโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ รพระยาจกั รี (ทองดว้ ง) ไปปราบ พระยานางรองถูกจบั ประหารชีวติ จากน้นั จึงยกทพั ไปตีจาํ ปาศกั ด์ิ ทาํ ใหเ้ มืองจาํ ปาศกั ด์ิ เมืองอตั ตะปื อ และดินแดนลา้ นชา้ งตอนล่าง ตกอยภู่ ายใตอ้ าํ นาจของไทยแตน่ ้นั มา เสร็จศึกคร้ังน้ีพระองค์ ไดท้ รงแต่งต้งั เจา้ พระยาจกั รีเป็นสมเดจ็ เจา้ พระยามหากษตั ริย์ ศึก นบั เป็นการพระราชทานยศสูงสุดใหแ้ ก่ขนุ นาง 2. การตีเมืองเวยี งจนั ทน์ พ.ศ. 2321 เจา้ ศิริบุญ สารเจา้ ผูค้ รองแควน้ เวียงจนั ทน์เกิดวิวาทกับพระวอซ่ึงเป็ น เสนาบดี พระวอหนีเข้ามาอยู่มาอยู่ท่ีดอนมดแดง เมือง อุบลราชธานี ขอสวามิภักด์ิต่อไทย เจ้าศิริบุญสารได้ส่ง กองทพั มาจบั พระวอ ฆ่าเสีย สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชจึง โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจา้ พระยามหากษตั ริยศ์ ึก และพระยา สุรสีห์ยกกองทพั ไปปราบ ขณะที่ไทยยกทพั ไปน้ันเจา้ พระแก้วมรกตท่ีสมเดจ็ เพระเจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก ร่มขาวผูค้ รองหลวงพระบางมาขอสวามิภกั ด์ิต่อไทย อัญเชิญมาจากเวยี งจันทน์ และส่งกองทพั มาช่วยตีเมืองเวียงจนั ทน์ดว้ ย เจา้ ศิริบุญ ปัจจบุ ันเป็นพระพทุ ธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย สารหลบหนีไป สมเด็จเจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึกได้ อญั เชิญพระแกว้ มรกตและพระบางจากเวยี งจนั ทนม์ ายงั กรุงธนบุรี
91 4. ความสัมพนั ธ์กบั ล้านนา สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงมีพระราชดาํ ริ จะขบั ไล่พมา่ ออกไปจากลา้ นนา จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้ยกทพั ข้ึนไปตีเชียงใหม่ใน พ.ศ. 2317 กองทพั หน้าของล้านนาภายใต้บงั คบั บญั ชาของพระยาจ่าบา้ นและพระยากาวิละ ได้ขอสวามิภกั ด์ิต่อ กองทพั กรุงธนบุรีและร่วมมือกนั นาํ ทพั ไปรบพม่า ซ่ึงควบคุมเชียงใหม่อยู่ ผลปรากฏวา่ พม่าเป็ น ฝ่ ายพา่ ยแพอ้ ีก 2 ปี ต่อมา คือ พ.ศ. 2319 พม่ายกทพั มาตีเชียงใหม่อีก แต่ไทยสามารถป้องกนั ไวไ้ ด้ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชทรงเห็นวา่ เชียงใหม่อยู่ไกลจากกรุงธนบุรีมาก แต่อยู่ใกล้กบั พม่า การป้องกนั เชียงใหม่ใหป้ ลอดภยั จากพมา่ เป็นเรื่องยาก จึงโปรดเกลา้ ฯ ให้อพยพผคู้ นไปต้งั ถ่ินฐาน ที่อื่นปล่อยใหเ้ ชียงใหมเ่ ป็นเมืองร้าง ความสัมพนั ธ์ระหว่างธนบุรีกบั จีน จีนไมย่ อมรับสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชวา่ เป็นพระมหากษตั ริยข์ องไทย เพราะจีน เห็นวา่ พระองคไ์ ม่ไดส้ ืบเช้ือสายมาจากพระมหากษตั ริยอ์ งคก์ ่อน การท่ีจีนไมย่ อมรับรองมีผลทาํ ให้ พระองคไ์ ม่ไดร้ ับความสะดวกในการคา้ ขายกบั จีน แต่พอ่ คา้ ไทยกบั พอ่ คา้ จีนสามารถติดต่อคา้ ขาย กนั ไดต้ ลอดสมยั ธนบุรี สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชส่งทูตนาํ พระราชสาส์นพร้อมบรรณาการไป จีนหลายคร้ัง แต่ก็ถูกจีนปฏิเสธเรื่อยมา จนกระทง่ั 10 ปี ผา่ นไป จีนจึงยอมรับ ความสัมพนั ธ์ระหว่างธนบุรีกบั ชาติตะวนั ตก ชาติตะวนั ตกท่ีเขา้ มามีอิทธิพลในดินแดนสุวรรณภูมิและติดต่อกบั กรุงธนบุรี คือ 1. ฮอลนั ดา ใน พ.ศ. 2312 พวกฮอลนั ดาเมืองปัตตาเวยี (จาการ์ตา) ซ่ึงเป็นสถานี การคา้ ของฮอลนั ดา และพวกเมืองตรังกานู ไดเ้ ขา้ มาเฝ้าสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราชเพ่ือถวาย ปื นคาบศิลาจาํ นวน 2,200 กระบอก และถวายตน้ ไมเ้ งินตน้ ไมท้ อง 2. องั กฤษ ใน พ.ศ. 2319 กปั ตนั ฟรานซิส ไลท์ ไดน้ าํ ปื นนกสับ จาํ นวน 1,400 กระบอกและส่ิงของอ่ืน ๆ เขา้ มาถวายเพอ่ื เป็นการสร้างสมั พนั ธไมตรี 3. โปรตุเกส ใน พ.ศ. 2322 แขกมวั ร์จากเมืองสุรัต ซ่ึงเป็นเมืองข้ึนของโปรตุเกสใน อินเดียนาํ สินคา้ มาคา้ ขายในกรุงธนบุรีและไทยไดส้ ่งสําเภาหลวงออกไปคา้ ขายยงั ประเทศอินเดีย ดว้ ย
92 กจิ กรรมท้ายเร่ือง ใหผ้ เู้ รียนตอบคาํ ถามต่อไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การศึกสงคราม ส่งผลใหพ้ ระราชอาณาจกั รไทยเป็ นเอกราชและมีความมนั่ คงสืบต่อมาจนถึง ปัจจุบนั ดงั น้นั อาณาเขตของประเทศไทยในสมยั กรุงธนบุรี มีดงั น้ี ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 2. ผลกระทบโดยตรงดา้ นเศรษฐกิจของสงครามคราวเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้ังที่สอง คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 3. สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรีทรงปกครองบา้ นเมืองคลา้ ยคลึงกบั พระราโชบายของพอ่ ขนุ รามคาํ แหง มหาราช คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… ------*------
93 บทบาทและบุคคลสาคญั ในสมยั กรุงธนบุรี บุคคลสาคัญในธนบุรี 1. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเดจ็ พระเจา้ จตากสินมหาราช มีพระนามวา่ สิน เสดจ็ พระราชสมภพเมื่อวนั ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2277 ในสมยั สมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั บรมโกศ ไดเ้ ขา้ รับราชการจนไดต้ าํ แหน่งหลวง ยกกระบตั รเมืองตาก และเจา้ เมืองตากลาํ ดบั คร้ันเมื่อพมา่ ลอ้ มกรุงใน พ.ศ. 2309 พระยาตากถูกเรียกตวั เข้าป้องกันพระนคร แต่เกิดท้อใจว่าหากสู้กับพม่าที่อยุธยาตอ้ ง เสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์เป็ นแน่ จึงพาทพั ตีฝ่ าวงลอ้ มพม่าไป ทางชายทะเลตะวนั ออก ระหว่างทางไดต้ ้งั ตวั เป็ นเจา้ และไปต้งั มนั่ อยูท่ ี่จนั ทบุรี พอถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาก็ เสียแก่พม่า แต่หลงั จากน้นั เพยี ง 7 เดือน พระเจา้ กส็ ามารถยกทพั มา ขบั ไล่พมา่ ออกจากกรุงศรีอยธุ ยาไดท้ ้งั หมด เหตุการณ์ดงั กล่าวน้ีได้ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเดจ็ แสดงใหเ้ ห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ ความกลา้ หาญเดด็ เด่ียว พระเจ้าตากสินมหาราชที่วงเวยี นใหญ่ ความเขม้ แขง็ เด็ดขาด การตดั สินพระทยั ที่ฉบั ไว และความสามารถ ทางการทหารของพระองค์ หลงั จากท่ีทรงก่อต้งั กรุงธนบุรีแลว้ ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สาํ คญั ดงั น้ี 1. ทรงต้องทาศึกสงครามตลอดรัชสมัย โดยสามารถแบง่ ประเภทสงครามที่เกิดในสมยั กรุงธนบุรีได้ 3 กลุ่มดงั น้ี 1) การปราบชุมนุมต่าง ๆ ของคนไทย ระหวา่ ง พ.ศ. 2311 – 2313 ทรงยกทพั ไป ปราบชุมนุมตา่ ง ๆ ของคนไทยที่ต้งั ตวั ข้ึนหลงั จากการเสียกรุศ รีอยธุ ยาคร้ังที่ 2 เพ่ือให้เกิดความเป็ น หน่ึงเดียวกนั ทางการเมือง ชุมนุมต่าง ๆ ได้แก่ ชุมนุมเจ้าพระยาพิษณุโลก ชุมนุมเจ้าพระฝาง ชุมนุมเจา้ พิมาย และชุมนุมเจา้ นครศรีธรรมราช พระองค์ทรงใช้เวลาราว 3 ปี เท่าน้นั ก็สามารถ ปราบชุมนุมตา่ ง ๆ ไดท้ ้งั หมด 2) การเผชิญหนา้ กบั พม่า นบั ต้งั แต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีเป็นตน้ มา สมเด็จพระเจ้าตากสินต้องทาํ สงครามกับพม่าหลายคร้ัง เช่น ศึกพม่าที่เมืองบางกุ้ง ศึกเมือง เชียงใหม่ ศึกเมืองชยั ศึกบางแกว้ ศึกอะแซหวนุ่ ก้ี ซ่ึงไดร้ ับชยั ชนะมาโดยตลอด
94 3) การตีหวั เมืองประเทศราช ในสมยั ของพระองค์ พระองคไ์ ดย้ กทพั ไปตีอาณาจกั ร เขมรอาณาจกั รลา้ นนา อาณาจกั รลา้ นช้าง และไดอ้ าณาจกั รเหล่าน้ีมาเป็ นประเทศราช แสดงให้ เห็นถึงประปรีชาสามารถและความเขม้ แขง็ ทางการทหารในสมยั ของพระองค์ แมว้ า่ จะเพิ่งฟ้ื นตวั จากการสูญเสียกรุงศรีอยธุ ยากต็ าม 2. สมเด็จเจ้าพระยามหากษตั ริย์ศึก (พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) สมเด็จเจา้ พระยามหากษตั ริยศ์ ึก ซ่ึงต่อมาไดเ้ สวยราชยเ์ ป็ นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช มีพระนามเดิมวา่ ทองดว้ ง เสด็จพระราชสมภพในรัชสมยั สมเด็จพระเจา้ อยูบ่ รมโกศ เม่ือวนั ท่ี 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 เม่ือพระชนมพรรษา 21 พรรษา ทรงผนวชเป็ นพระภิกษุ 3 เดือน เม่ือลาสิกขาก็ทรงเขา้ รับราชการในแผน่ ดินสมเดจ็ พระเจา้ อุทุมพร คร้ันถึงแผน่ ดินสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระที่นง่ั สุริยาศน์ อมรินทร์ทรงไดร้ ับตาํ แหน่งเป็นหลวงยกระบตั รประจาํ เดือนเมืองราชบุรี หลงั จากการสถาปนากรุง ธนบุรีเป็นราชธานี หลวงยกกระบตั รจึงไดเ้ ดินทางมารับราชการกบั สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช และไดร้ ับการแต่งต้งั เป็ นพระราชวรินทร์ พระราชวรินทร์มีความชาํ นาญในการสงครามอย่างย่ิง หลงั จากที่พระราชวรินทร์เป็ นแม่ทพั ปราบเจา้ พิ มายได้สําเร็จใน พ.ศ. 2311 ก็ไดร้ ับการเล่ือน บรรดาศักด์ิเป็ นพระยาอภยั รณฤทธ์ิ ต่อมาใน พ.ศ. 2312 ไดย้ กทพั ไปตีไดเ้ มืองพระตะบองและ เสียมราฐ ใน พ.ศ. 2313 เมื่อปราบชุมนุมเจา้ พระ ฝางซ่ึงเป็นเจา้ พระยาจกั รี ยกทพั ไปตีเขมรและได้ เขมรเป็ นประเทศราช เจ้าพระยาจกั รียงั คงมีบทบาทสําคญั ใน สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกกองทัพกลับจากเขมร การทาํ สงครามเรื่อยมา ใน พ.ศ. 2319 เจา้ พระยา เมื่อทราบข่าวจราจลในกรุงธนบรุ ีภาพเขยี นบนเพดานโดม จกั รีได้ยกทพั ไปตีเมืองจาํ ปาศกั ด์ิไดส้ ําเร็จ และ พระที่น่ังอนันตสมาคม ไดร้ ับการเลื่อนบรรดาศกั ด์ิเป็ นสมเด็จพระยามหา กษตั ริยศ์ ึก มีเครื่องยศอยา่ งเจา้ ต่างกรม ต่อมาใน พ.ศ. 2321 ไดย้ กทพั ไปตีเมืองเวยี งจนั ทน์และได้ อญั เชิญพระแกว้ มรกต (พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร) จากเมืองเวยี งจนั ทน์มายงั กรุงธนบุรี 3. เจ้าพระยาสุรสีห์ (กรมพระราชบวรมหาสุรสิงหนาท) เจา้ พระยาสุรสีห์เป็นพระอนุชาของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมวา่ บุญมา ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2286 ในสมยั สมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั บรมโกศ ต่อมาได้ ทรงรับราชการอยู่ในกรมมหาดเล็ก ตาํ แหน่งนายสุดจินดาหุ้มแพร ในสมยั สมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว พระที่นงั่ สุริยาศน์อมรินทร์
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169