Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สติเคล็ดลับมองด้านใน โดย พระพุทธยานันทภิกขุ

สติเคล็ดลับมองด้านใน โดย พระพุทธยานันทภิกขุ

Published by jariya5828.jp, 2022-07-21 04:48:46

Description: สติเคล็ดลับมองด้านใน โดย พระพุทธยานันทภิกขุ ❝แบ่งปันโดย [email protected]

Search

Read the Text Version

50 ส ติ   เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น แต่นักวิปัสสนามักแปลกันว่า  รู้อาการเกิด-ดับ  มันอาจจะถูกในแง่  สมมุติภาษา  แต่ตามทัศนะของผู้บรรยายท่ีเคยประสบมาและตาม  ความเป็นจริงแล้ว  อาการเกิดข้ึน  ต้ังอยู่  ดับไป  เป็นอาการของ  สังขารธรรม  ในท่ีนี้หมายถึง  การปรุงแต่งของความคิด  มันเป็น  กระบวนการตามธรรมชาติของขันธ์  ๕  เราจะก�ำหนดรู้หรือไม่  กำ� หนดร ู้ มันก็เป็นของมนั อยอู่ ยา่ งนัน้ ก�ำหนดรู้อาการเกิดดับในวิปัสสนาแบบเคล่ือนไหว  ไม่ได ้ หมายถึงก�ำหนดรู้อาการเกิดดับทางความคิดหรือสังขารธรรม  แต ่ เป็นอาการปรากฏอย่างชัดเจนของอาการดับ  อาการส้ิน  อาการ  ขาดไป อาการสลายตวั  อาการหด อาการจดื จาง ซงึ่ มนั จะเกดิ ขนึ้   เพยี งครงั้ เดยี ว ถา้ อาการอนั นเ้ี กดิ ขน้ึ แลว้  มผี ลทำ� ให ้ “จติ เปลย่ี น” อาการท่ีจิตเปล่ียน  อาจจะปรากฏหลายคร้ังต่อเน่ืองกัน  หลวงพ่อ  เทยี นทา่ นอปุ มาอาการอนั นไ้ี วว้ า่  เหมอื นกบั เราเอาเชอื กมดั ตดิ เสา  สองตน้ แลว้ ตดั ตรงกลาง มนั เกดิ การขาดแลว้ ตอ่ กนั ไมต่ ดิ อกี  หรอื   เหมอื นกบั เราเอามอื กดลงตรงสะโพกเดก็ ออ่ นทม่ี เี ลอื ดแดงกำ่�  เมอ่ื   ถกู กด มนั จะจดื ขาวตรงทกี่ ด หรอื เหมอื นกบั เราถอื นำ้� เตา้ ทม่ี นี ำ้� เตม็   อยู่ดีๆ มันเกดิ หลุดมอื แตก เป็นอาการหลุดหล่นของอาการปรุงแต่งหรืออาการอึดอัด  เพราะความยึดถือมันแตกสลายลงอย่างรุนแรง  เพราะมีอาการ  ทางกายสามารถรู้สึกได้กับการเปลี่ยนแปลง  ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง  ซ่ึงไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน มันเป็นอาการเปล่ียนครั้งสำ� คัญที่สุด  ในชวี ติ กว็ า่ ได ้ ถา้ จะกลา่ วใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยๆ การประจกั ษแ์ จง้ การเกดิ -ดบั   ก็คือ  การเกิดข้ึนของโลกุตตรจิตและการดับไปของโลกียจิต  การ  เดนิ ทางของโลกยี จติ มนั มาถงึ จดุ สน้ิ สดุ  ดว้ ยอำ� นาจของความเพยี ร  ที่อยู่ในเส้นทางอริยมรรคมาตลอดสาย  ตามศัพท์ทางคัมภีร์ท่าน 

51 พ ร ะ พุ ท ธ ย า น ั น ท ภ ิ ก ขุ เรยี กวา่  “มคั คสมงั ค”ี  คอื  การทำ� งานกนั อยา่ งพรง่ั พรอ้ ม พอดบิ พอด ี ของมรรคท้ังแปด คือ อริยมรรค เป็นความพรอ้ มท่ีเกิดขน้ึ เหมอื น  บังเอิญ  เพราะผู้ปฏิบัติไม่สามารถก�ำหนดเวลารู้  สถานท่ีรู้ได ้ เรามีหน้าที่ท�ำความเพียรอย่างถูกต้องและต่อเนื่องเท่าน้ัน  เสมือน  ผลไม้บางชนิดท่ีแก่จัดๆ  แล้ว  เมื่อถูกแดดเผาจนถึงจุดหน่ึงแล้ว  มันจะแตกออกมา  กระเด็นไปในคนละทิศคนละทาง  หลังจากนั้น  เมล็ดใดตกอยู่ใกล้น�้ำมันก็จะงอกต่อไป  ฉันใดจิตท่ีประจักษ์ต่อการ  เกดิ ดบั กฉ็ นั นน้ั  แตส่ มมตุ ภิ าษาไมอ่ าจจะขยายปรมตั ถภาษาใหจ้ บสนิ้   ได ้ ทำ� ไดโ้ ดยอยา่ งมากกอ็ ปุ มาใหเ้ หน็ ภาพพจนเ์ ทา่ นนั้  ในความเปน็ จรงิ   แลว้ มนั นำ� มากลา่ วไมไ่ ด ้ เพราะธรรมเปน็ ภาวะทต่ี อ้ งรเู้ อง เหน็ เอง  เข้าใจเอง  แต่การสื่อกันด้วยสมมุติภาษาก็เป็นประโยชน์ในแง่ของ  การสรา้ งศรัทธาเบ้อื งตน้ เทา่ นัน้ อาการเกิดดับท่ีเป็นจริง เมื่อภาวะอาการเกิด-ดับปรากฏแล้ว  เราได้ภาวะจิตที่ใหม ่ เอย่ี มทเี่ ราเคยมกี ลบั มาอกี ครง้ั หนง่ึ  แตก่ ารปรากฏจติ เดมิ แทค้ ราวน ้ี มันจะไม่จากเราไปอีก  สมัยเด็กๆ  เราเคยมีจิตดวงนี้  แต่เน่ืองด้วย  ไม่มีการรักษา  และไม่มีปัญญาที่ถูกต้องมาก่อน  จิตดวงนี้ก็จะ  เลอะเลือนไปด้วยอ�ำนาจของกิเลสที่มากระทบอยู่ในกาลบางคราว  และไมม่ กี ารสดบั  ไมไ่ ดร้ บั การฝกึ อบรมในศลี  สมาธ ิ ปญั ญาตง้ั แต่  เลก็ ๆ จติ เดมิ แทด้ วงนน้ั กเ็ ศรา้ หมองไปเรอื่ ยๆ เมอื่ โตขน้ึ มา อาการ  ไรเ้ ดียงสา บริสทุ ธิ ์ นา่ รกั ของความเป็นเดก็ กเ็ ริม่ หายไป ท่านเปรียบเสมือนพระจันทร์และพระอาทิตย์ถูกเมฆหมอก 

52 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ล ั บ ม อ ง ด้ า น ใ น บดบงั  เมอื่ เราไดพ้ บหรอื ประจกั ษต์ อ่ การเกดิ ดบั ในการเจรญิ ปญั ญา  อย่างต่อเน่ือง  ก็เหมือนได้จิตเดิมแท้กลับคืนมา  การกลับคืนมา  คราวนเี้ ปน็ การคนื มาอยา่ งถาวร และเปน็ ตวั ของตวั เองโดยสมบรู ณ์ ความจรงิ จติ เดมิ แทข้ องแตล่ ะคนมไิ ดห้ ายไปไหน มนั คอยจะปรากฏตวั   ตลอดเวลา แตเ่ นอ่ื งจากเราไมร่ จู้ กั ลกั ษณะทแี่ ทจ้ รงิ มากอ่ น เมอ่ื เรา  ได้มาศึกษาปฏิบัติตามคำ� สอนของพระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นบุคคลแรก  ท่ีทรงประจักษ์และน�ำมาเปิดเผยให้รู้และเข้าใจ  เม่ือเราประพฤต ิ ปฏิบัติตามค�ำสอนของพระองค์อย่างถูกต้องบริบูรณ์แล้ว  เราก ็ สามารถประจักษ์แจ้งเอากับจิตเดิมแท้ตามท่ีพระองค์ทรงชี้บอก  สมัยท่ีเราระหกระเหินไปกับความดีความชั่วของการปรุงแต่งท่ีมา  กระทบเขา้  เรากเ็ ปน็ ทกุ ขไ์ ปกบั ความดบี า้ ง เปน็ ทกุ ขไ์ ปกบั ความชว่ั   บ้าง  แต่จิตเดิมแท้ที่ปรากฏหลังอาการเกิด-ดับปรากฏแล้ว  มันจะ  ไมร่ ะหกระเหนิ ไปกบั สงั ขารการปรงุ แตง่ อกี ตอ่ ไป จติ นจ้ี ะกลายเปน็   วิสังขาร  ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในปฐมอุทานบาทสุดท้ายว่า  “วสิ งั ขารคตงั  จติ ตงั  ตณั หานงั  ขยมชั ฌคา” “จติ ของเราไดถ้ งึ แลว้   ซ่ึงความส้ินสุดไปแห่งตัณหา  คือถึงซึ่งภาวะท่ีไม่ปรุงแต่งอีกต่อไป  (นิพพานจติ )” ดงั นน้ั  จะเห็นว่า จติ ท่ปี รากฏเพราะประจกั ษก์ ารเกิดดบั น้นั   เปน็ จติ ทหี่ มดจดจากการปรงุ แตง่  เปน็ จติ หลดุ พน้ จากความเศรา้ หมอง  ทั้งหลายทั้งปวง  ความทุกข์ท้ังปวงก็ถึงซ่ึงความส้ินสุด  ถึงภาวะที่  ตงั้ อยไู่ มไ่ ด ้ เหมอื นไอนำ้� กลางเปลวแดดทแ่ี ผดกลา้  เหมอื นเมลด็ พชื   ทส่ี ลดั ตวั ออกจากเปลอื ก เมอ่ื ถกู ความรอ้ นเผาผลาญ หลงั จากนน้ั   จติ กส็ งบเยอื กเยน็  เปน็ ภาวะทเ่ี บาสบาย คลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว สามารถ  อยใู่ นโลกนโ้ี ดยไมต่ อ้ งทกุ ข ์ และสามารถบำ� เพญ็ ประโยชนต์ อ่ โลกได ้ อยา่ งกวา้ งขวางสะดวกสบาย ชวี ติ ไม่เคยมอี ปุ สรรคใดๆ อีกตอ่ ไป

53 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ จิตเปลี่ยนหลังอาการเกิด-ดับปรากฏ อาการเปลยี่ นแปลงทางความรสู้ กึ นกึ คดิ เดมิ ๆ ไดเ้ ปลย่ี นมา  ตั้งแต่ได้รู้จักรูปนามตามความเป็นจริง  เป็นการเปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง  ครง้ั ทส่ี องจติ มาเปลย่ี นเมอื่ เหน็ วตั ถ ุ ปรมตั ถ ์ อาการ และครงั้ ทสี่ าม  จติ จะเปลย่ี นอกี ครงั้  เมอ่ื อาการเกดิ -ดบั ปรากฏตามความเปน็ จรงิ น ี้ พูดถึงการเปลี่ยนที่เป็นไปตามล�ำดับ  จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเหตุ  ปัจจัยของอินทรีย์ของผู้ปฏิบัติ  อย่างหลวงพ่อเทียนท่านเล่าว่า  อาการเปลี่ยนแปลงของท่านเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง  ชวั่ วนั หนงึ่ กบั คนื หนงึ่ เทา่ นนั้  แตพ่ ระพทุ ธเจา้ พระองคเ์ ปลยี่ นแปลง  ในระยะเพียงคืนเดียวเท่าน้ัน  จากหัวค่�ำจนถึงสว่างของคืนวันข้ึน  ๑๔ คำ่�  ถงึ  ๑๕ คำ�่  ของเดอื น ๖ กอ่ นพทุ ธปรนิ พิ าน ๔๕ ป ี หรอื   ประมาณ ๒๕๗๗ ปที ่ีผ่านมาแล้ว ความรอู้ นั สงู สดุ ทเ่ี กดิ ขน้ึ  กค็ อื มารจู้ กั จติ ใจอยา่ งแจม่ แจง้ วา่   อาสวธรรมทั้งหลายทั้งปวงบรรดามี  ตัวไหนบ้างท่ีเหลืออยู่  เหลือ  มากนอ้ ยเทา่ ใด ในอาสวะ ๓ คอื  กามาสวะ ภวาสวะ และอวชิ ชาสวะ  ส�ำหรับท่านผู้มีอินทรีย์แก่กล้าถึงท่ีสุด  สามารถจะท�ำลายอาสวะ  ทั้งสามให้สิ้นไปหลังอาการเกิด-ดับปรากฏไม่นาน  แต่ส�ำหรับผู้มี  อนิ ทรยี ไ์ มแ่ กก่ ลา้ ถงึ ทสี่ ดุ  กต็ อ้ งมาทำ� อาสวะทง้ั สามใหส้ นิ้ ไปเรอื่ ยๆ  ตามกำ� ลงั อนิ ทรยี ข์ องคนนนั้ ๆ อนั นวี้ า่ กนั โดยเปรยี บเทยี บทางคมั ภรี ์  เพอ่ื ใหเ้ หน็ ขนั้ ตอนของการปฏบิ ตั  ิ ซงึ่ ผบู้ รรยายเองไดผ้ า่ นเรอื่ งของ  ปรยิ ตั มิ าบา้ งพอสมควร แตห่ ลวงพอ่ เทยี นทา่ นจะแสดงภาวะทที่ า่ น  เปน็ ออกมา “เปน็ ” คำ� พดู ธรรมดาๆ พนื้ ๆ ท�ำใหง้ า่ ยตอ่ การเขา้ ใจ อาตมาเองกวา่ จะเขา้ ใจภาษาของทา่ นได ้ ตอ้ งใชเ้ วลาคลกุ คล ี

54 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น ใกลช้ ดิ ทา่ นเปน็ เวลาหลายป ี เพราะตนเองคนุ้ แตภ่ าษาต�ำรามาเปน็   สบิ ๆ ป ี เมอ่ื มาฟงั ภาษาปรมตั ถ ์ กไ็ มเ่ ขา้ ใจ คอื สมั ผสั ไมไ่ ด ้ เพราะ  ภาษาปรมตั ถน์ น้ั เปน็ สมั ผสั ภาษา คอื นกึ คดิ คน้ เดาเอาตามความคดิ   และอาการไมไ่ ด ้ ธรรมะของทา่ นกเ็ ชน่ กนั  ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามวธิ ขี องทา่ น  ให้ถูกต้องก่อน  จึงจะเข้าใจ  และการเข้าใจก็ไม่ใช่จะท�ำได้หมด  ถา้ จติ ใจยงั ไมเ่ ปน็ ภาวะ กเ็ ขา้ ใจเฉยๆ แตท่ กุ ขก์ เ็ กดิ ขน้ึ เหมอื นเดมิ   อนั น้ีแทรกเข้ามาเพื่อท�ำความเขา้ ใจใหช้ ัด การท�ำลายอาสวะ  เกิดขึ้นเมื่อใด อาการทเ่ี ปน็ ความเคยชนิ  เคยตดิ  เคยคิด เคยทำ�  เคยพดู   เป็นอาจิณ  มันออกมาทางกายบ้าง  ทางวาจาบ้าง  ทางใจบ้าง  ออกมาโดยรู้สึกตัวบ้าง  ไม่รู้สึกตัวบ้าง  ออกมาในทางดีบ้าง  ทาง  ไม่ดีบ้าง  รวมเรียกว่า  “อาสวธรรม”  ซ่ึงแปลว่า  “ไหลออก  หรือ  นำ้� ฝาดของจติ ใจทไ่ี หลออกมาเปน็ อาการ” เปน็ กเิ ลสอยา่ งละเอยี ด  ต้องใช้ปัญญาที่เป็นโลกุตตรปัญญาเท่านั้น  จึงจะสามารถช�ำระ  ขดั เกลา ทำ� ลายอาสวธรรมได ้ แนน่ อนวา่  โลกตุ ตรปญั ญานน้ั ตอ้ ง  ถกู พัฒนามาจากสติปฏั ฐาน ๔ เทา่ นั้น เพราะเมื่อสัมมาสติหรือสติปัฏฐานได้รับการอบรมมาโดย  ลำ� ดบั  และผา่ นอารมณเ์ บอ้ื งตน้  คอื  รปู นาม-นามรปู  อยา่ งถกู ตอ้ ง  อารมณ์ทา่ มกลาง คอื  ปรมตั ถแ์ ละเบอ้ื งสูง คือประจักษ์ตอ่ อาการ  เกดิ ดบั ทเ่ี ปน็ จรงิ แลว้  ถงึ จะมารจู้ กั อาสวะทเี่ ปน็ จรงิ  มารจู้ กั เหตเุ กดิ   อาสวะ  การดับอาสวะและรู้จักวิธีทางที่จะท�ำอาสวะให้ส้ินไป  อันน ้ี เปน็ ศิลปะการท�ำลายกเิ ลสขัน้ สงู สุด ตอ้ งค่อยท�ำคอ่ ยไป เพราะมา 

55 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ ถงึ ขน้ั นแ้ี ลว้  ทกุ ขอ์ ยา่ งหยาบ คอื  ราคะ โทสะ โมหะ ไมส่ ามารถ  เข้ามารบกวนจิตใจได้อีกแล้ว  และกิเลสอย่างกลางคือการติดใน  อารมณส์ มาธ ิ การตดิ สงบในระดบั ตา่ งๆ (พรหมโลก) ไมอ่ าจชกั จงู   ให้จิตหวนกลับไปเสพติดอีกได้  เพราะอ�ำนาจของยถาภูตญาณ  ทเี่ กิดข้ึนเมอ่ื ผ่านอารมณป์ รมตั ถ์ ดงั นน้ั  การกระทำ� อาสวะใหส้ น้ิ ไปทลี ะเลก็ ละนอ้ ยๆ เปน็ หนา้ ท ี่ ของผู้ปฏิบัติที่ต้องหมั่นฝึกฝนอบรมบ่มเพาะอินทรีย์  ให้อินทรีย์  เขม้ แขง็ ถงึ ทสี่ ดุ  กจ็ ะสามารถทำ� ลายอาสวะตวั นใี้ หห้ มดไปโดยไมย่ าก  และไมน่ าน แตใ่ นชนั้ สาวกพทุ ธะ มนี อ้ ยทา่ นทจ่ี ะสามารถมอี นิ ทรยี  ์ เขม้ แขง็ ขนาดทา่ นพระสารบี ตุ รและพระโมคคลั ลานะ งานอันสุดท้าย งานอนั สดุ ทา้ ย คอื  การท�ำลายอาสวะ เมอื่ มารถู้ งึ เรอ่ื งของ  อาสวะทเ่ี ปน็ จรงิ  คอื  กามาสวะ ภวาสวะ และอวชิ ชาสวะแลว้  ภารกจิ   หนกั ๆ ในการบำ� เพญ็ เพยี รทางจติ กเ็ บาสบาย ไมห่ นกั หนว่ ง เพราะ  จติ ลงตวั แลว้  กามาสวะไมไ่ ดห้ มายถงึ กามารมณข์ น้ั หยาบอกี ตอ่ ไป  แตจ่ ะออกมาในรปู ของความละเมยี ดละไมทางอารมณ ์ ความพอใจ  ในธรรมชาต ิ ในคณุ งามความด ี แตเ่ ปน็ เพยี งพอใจ ไมย่ ดึ ตดิ  เพราะ  อ�ำนาจยถาภูตญาณ  คอยสอดส่องอยู่  ตามภาษาง่ายๆ  ก็คือ  สติสัมปชัญญะมีมากพอที่จะครอบง�ำกิเลสหยาบๆ  ได้แล้ว  มาถึง  ข้ันนี้  ความเพียรในรูปแบบคือ  เดินจงกรม  สร้างจังหวะ  ก็ไม่  จ�ำเป็นแล้ว  แต่ก็ต้องท�ำเอาไว้เพ่ือทรงธรรมหรือเป็นตัวอย่างแก่  นักปฏิบัติท่ียงั ไมเ่ ขม้ แข็ง

56 ส ติ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น ท่ีว่าการขัดเกลาขั้นน้ีเป็นศิลปะ  ก็เพราะว่าเป็นการใช้สต ิ สมาธิ  ปัญญาให้เป็นประโยชน์ต่อโลกและสังคม  เพราะกิจของตน  คอื การดบั ทกุ ขใ์ นขนั ธ ์ ๕ ไมห่ นกั หนาเหมอื นกอ่ นแลว้  บางทา่ นก ็ สามารถตัดอาสวธรรมหมดโดยส้ินเชิง  หมดภารกิจท่ีจะขวนขวาย  ให้แก่ตนเองต่อไป  ได้ท�ำปรมัตถประโยชน์ของตนส�ำเร็จแล้ว  การ  มีชีวติ อยู่ต่อไปกท็ ำ� หน้าที่แจกของสอ่ งตะเกยี งให้กบั โลกสังคมตาม  อัตภาพทางปัญญาบารมีของตน  บางท่านไม่ได้ขวนขวายปัญญา  บารมีทางช่วยเหลือคนท่ัวไป  ท่านก็ขวนขวายน้อย  รักษาตนให ้ สงบตามอตั ภาพ แต่ตามธรรมชาติแล้ว เม่ือจิตหมดสิ้นจากการครอบงำ� ของ  อวิชชาอย่างแท้จริงแล้ว  คือ  สมาธิ  ปัญญา  จะมีพลานุภาพมาก  พอที่จะช่วยเหลือโลกและสังคมตามที่ท่านถนัดและมีประสบการณ์  มาก่อน ท่านจะไม่อยู่น่ิงเฉยดูดาย เมื่อเห็นผู้อื่นกำ� ลังประสบทุกข์  อันเกิดจากตัณหาอุปาทาน  อันนี้เป็นงานอันเป็นศิลปะแห่งการ  ส้ินทุกข์  และขอให้เป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์  ตามคำ� สอนของพระพุทธเจ้าทกุ ประการ









วธิ ีการปฏบิ ัตแิ บบเคลื่อนไหว เปน็ วิธีการถอนอปุ าทาน ออกจากความคดิ ไดอ้ ยา่ งแนน่ อนทสี่ ดุ

๒P a r t ประสบการณ์การปฏิบัติธรรม

น�้ำเปล่ียนใจปลา  ความเพียรเปล่ียนใจคน พระวัฒนา สธุ มโฺ ม ตงั้ แตผ่ มอยวู่ ดั น ี้ ชวี ติ จติ ใจผมมกี ารพฒั นาขนึ้ เรอ่ื ยๆ ใจด ี ใจสบาย  ผมกร็ ตู้ วั นะวา่ ผมดขี น้ึ  อาจารยน์ อ่ี บรมทกุ วนั  บอกทกุ วนั  แตไ่ มไ่ ด ้ บอกตรงๆ อาจารยจ์ ะบอกเปน็ ปรศิ นาแตผ่ มจะรับเอาหมด ผมคิด  ว่ามันจะเข้าตัวเองนะโยมนะ  เวลาอาจารย์เทศน์น่ี  ท่านบอกให้  ดตู วั เอง มันจะเหมือนผมไมม่ ผี ิดเลยเวลาทำ� อะไรนี่ มาอยกู่ บั วดั  กะวา่ จะเอาสกั  ๗-๘ วนั  กอ่ นเขา้ พรรษานแ่ี หละ  มาปฏบิ ตั ธิ รรมได ้ ๗ วนั น ี่ ผมกแ็ ปลกใจอยนู่ ะ เอาชนะความงว่ งได ้ สู้ผ่านมาจนมันไม่อยากพูดกับใคร  ทีนี้ผมจะหลีกตลอด  เวลาเห็น  พระเห็นอะไรผมจะหลกี แตม่ นั แปลกอกี มากๆ ผมรสู้ กึ วา่ ตวั เองเปลยี่ นแปลง คอื วา่   ค�ำพูดของผม  มันจะหวานๆ  มันจะอ่อนลงนะ  ผมไม่เคยพูดครับ  กบั ใคร แมก้ ระทงั่ พอ่ แมผ่ มนะ ๘ วนั เปลยี่ นผมแมก้ ระทง่ั ค�ำพดู นะ  ผมไม่เคยพูดเลยค�ำว่าครับกับใคร  กับพ่ีๆ  ยกมือไหว้ผมก็ไม่เคย 

64 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น ไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ� ไป ตื่นเช้ามารับแต่เงิน ไปไหนไปเลย ผมพูด  กับครูบาท่ีบวชก่อนผมนะว่าครับ  ผมก็งง  ผมไม่ได้แกล้งท�ำ  แต่  มนั ออกมาเอง ผมไมร่ วู้ า่ มนั ออกมาไดย้ งั ไง อา้ วแลว้ กนั  พดู ออกมา  ได้ยงั ไง ผมก็ตกใจนะ มนั มอี ะไรแปลกๆ คดิ วา่ ถงึ  ๗ วนั นจ่ี ะกลบั ลงไปบา้ น แตพ่ อตน่ื เชา้ มานะ เกบ็   กระเป๋าเส้ือผ้าจะกลับบ้าน  จะขอลาอาจารย์แล้ว  เกิดไม่รู้เป็นไง  ไม่กล้าลง  ไม่กล้ามาลาอาจารย์  แต่ธรรมดาเก็บกระเป๋ามาแล้ว  ไมเ่ หน็ อาจารยก์ จ็ ะกลบั เลย แตค่ รง้ั สดุ ทา้ ยนไี้ มก่ ลา้  ทง้ั ทค่ี ดิ อยวู่ า่   จะกลับไปเลยก็ได้นะแต่อาย  ไม่อยากพูด  ไม่อยากคุยกับใครน่ะ  ก็เลยตัดสินใจกลับเข้าไปอีก  ไปอยู่อีกคิดว่าวันสองวันจึงจะกลับ  แต่ก็ปฏิบัติธรรมไป  มันไม่เหน่ือยนะ  จิตใจมันเฉยๆ  จนกระท่ัง  ครูบาสมยศนี่มา  รู้สึกว่าจะมาเข้าพรรษาที่วัด  กับคณะโยมหมอ  อินทิราจากกรุงเทพฯ  ผมก็คิดว่าจะกลับวันน้ันเลย  แต่เห็นว่าเขา  มาถวายสง่ิ ของ ผมกเ็ ลยอยชู่ ว่ ยอาจารยด์ ว้ ย แตก่ ต็ ดั สนิ ใจไมก่ ลบั   อกี  ไมร่ ูเ้ ปน็ ไง ทีน้ีวันต่อมา  ตอนเช้าอาจารย์เรียกผมไป  ท่านอยากให้ผม  บวช  แต่ผมไม่ได้ยิน  ผมจะเป็นคนหูไม่ค่อยดี  เพราะมันกระแทก  ของแข็งบ่อยส่วนบนนี่นะ  ไม่ขวานก็ขวด  ไม่ขวดก็ขวาน  เราบ้าง  เขาบ้างแลกกันนะโยม แต่ผมจะเจอบ่อยเพราะด่านหน้า เป็นผู้นำ�   เขาจะฆ่าก่อนใช่ไหมโยม  เขาจะฆ่าผู้บัญชาการก่อน  สมองหูจึง  ไม่ค่อยดี  อาจารย์เรียกผมก็เฉยเพราะผมไม่ได้ยิน  แต่กลับมาใน  ศาลา  อาจารย์บอก  เอ้าคุณไจ้เม่ือก้ีอาจารย์เรียกได้ยินไหม  ผม  ไมอ่ ยากพูดนะโยมนะ แมก้ ระทงั่ กบั อาจารย์ ผมก็ไมอ่ ยากพูดไม่รู้  เปน็ ไง เมอื่ กอ่ นเปน็ คนพดู มาก แตม่ าปฏบิ ตั ธิ รรมนไี่ ด ้ ๒ อาทติ ย ์ สดุ ทา้ ยกอ่ นจะเขา้ พรรษา ผมกไ็ มอ่ ยากตอบอาจารย ์ อยากอยเู่ ฉยๆ 

65 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ เพียงแต่คิดอยู่นะ  ผมก็บอกว่าเอ้าอาจารย์ผมบวชแล้วนะครั้งนึง  ครงั้ ทส่ี องกไ็ มเ่ ปน็ ไร บอกอาจารยว์ า่ เดยี๋ วผมไปปรกึ ษาพผี่ มกอ่ นวา่   จะเอาไง  ให้เขาจัดการเร่ืองเคร่ืองบริขารการบวช  ผมพูดไปโดย  ไมร่ ตู้ วั  อาจารยบ์ อกไมต่ อ้ งปรกึ ษาเดยี๋ วอาตมาจดั การเอง อาจารย์  บอกใหผ้ มจดั เงยี บๆ นะ่ โยม ไมต่ อ้ งใหเ้ ขารจู้ กั เลย เอา้  อาจารยว์ า่ ไง  ก็ว่างั้นแหละ ผมกค็ ดิ อยา่ งนน้ั พออยู่  ๗  วันนี่ก็ปลงผม  แล้วมานั่งในศาลา  ผมก็คุยกับ  อาจารย ์ ผมเลา่ ใหท้ า่ นฟงั  อาจารยค์ รบั  ผมไมร่ เู้ ปน็ ไง สองอาทติ ยน์  ี้ ผมไมอ่ ยากพดู อยากคยุ กบั ใครเลยครบั  อาจารยบ์ อกวา่ เธอตดิ สมาธ ิ ผมกล็ มื แลว้  มนั เหมอื นคนตน่ื นอน หลดุ ออกจากภวงั ค ์ ทนี ป้ี ระสาท  เรมิ่ ทำ� งานอกี แลว้  หวั ผมโลน้ แลว้  ผมตกใจ เอา้ ...ไดบ้ วชเขา้ พรรษา  ๓ เดือน เอ้า...ตาย คิดอยู่ในใจ ตายแท้ๆ ผมเจอภาคบงั คบั แลว้   ทีน้ี  รู้ตัวแล้ว  โอ๊ยตายหลงกลแล้ว  ผมคิดว่า  ไม่ได้  เราตัดสินใจ  ไปแลว้ กล็ องศกึ ษาจรงิ ๆ จงั ๆ ด ู อาจารยค์ งเหน็ วา่ ผมตง้ั ใจ กเ็ ลย  ใหผ้ มศกึ ษาดจู รงิ ๆ วา่ งา่ ยๆ อาจารยเ์ อาบญุ มาให ้ จะปฏเิ สธกไ็ มไ่ ด ้ โกนหวั แลว้ น่ี เป็นไงเป็นกนั บวชมาได้  ๗  วันน่ีแหละ  ท่านให้ปฏิบัติอยู่ข้างนอก  เดิน  จงกรม สรา้ งจงั หวะอยขู่ า้ งนอก พระทบี่ วชกอ่ นเขาเขา้ เกบ็ อารมณ์  ต่อมาก็เปล่ียนจัดคิวกันเข้าเก็บอารมณ์  ผมก็เข้ากับครูบา  ๓  รูป  เข้าเก็บอารมณ์ครง้ั แรก ๗ วัน ผมจะปรกึ ษาอาจารยบ์ อ่ ยๆ อะไรเกดิ ขน้ึ ผมจะวง่ิ เขา้ หาอาจารย ์ มนั เปน็ อยา่ งงๆ้ี  บางครงั้ นกึ อายทา่ นเหมอื นกนั  แตเ่ รายอมโง ่ เรา  ไมร่ เู้ ราถาม บางครงั้ รสู้ กึ มนั มากเกนิ ไป อาจารยค์ รบั ผมเปน็ อยา่ งน้ี  อาจารยค์ รบั ผมเปน็ อยา่ งนน้ั  วนั แรกนขี่ า้ งนอกกอ่ นเกบ็ อารมณ ์ มนั  

66 ส ติ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น เกิดผิดปกตินะโยม  ผมเดินจงกรมได้อารมณ์ตั้งแต่  ๒  โมงเช้าถึง  ๔  โมงเย็น  บางคร้ังมันอยู่ในสภาวะที่มีความสุข  เบาเน้ือเบาตัว  มนั ไมม่ คี วามคดิ  สบาย แตว่ นั ท ่ี ๔ นมี่ นั จะงว่ ง มนั แปลกทม่ี นั งว่ ง  เอ้า  ๓  วันให้หลังท�ำไมมันดีมาตลอด  แต่วันท่ี  ๔  ท�ำไมมันง่วง  อย่างน้ี  ง่วงขนาดเดินน่ีล้มทั้งยืนเลย  วูบเข้ามายังกับอะไรล้มทับ  เรานี่ทรุดลงไปเลยเหมือนกับโดนน็อก  เอ้าตายแล้วทีน้ี  ท�ำมาดีๆ  หายหมดแล้ว  ผมตัดสินใจลุกขึ้นว่ิงออกมาจากกุฏิ  คิดได้แก้ง่วง  แกย้ ังไง คดิ ถึงอาจารย์ วนั นนั้ อาจารยพ์ าไปหาตน้ ไม ้ หาตน้ ขเ้ี หลก็ ปา่ นแ่ี หละ คนอนื่   เอาเสียมไป ผมเอาไปแต่วางเอาไว้  ไม่ได้เอาไปใช้ด้วย อาจารย ์ ก็ชี้ให้  ต้นข้ีเหล็กป่ามันมีต้นใหญ่ต้นเล็ก  ให้ผมไปดึงเอา  ต้องใช ้ แรงมากเพราะดินมันเหนยี ว ไปดงึ ตน้ เลก็ มันก็ขึน้ อยู ่ แตพ่ อไปดึง  ต้นใหญ่มันไม่ขึ้น  ตอนที่ไปดึงรู้สึกง่วงเลยดึงไม่ออก  แต่พอดึง  ใชแ้ รงมากเหงอื่ แตกออก คดิ ถงึ การกระทำ� เมอื่ วนั กอ่ น คดิ ถงึ อาจารย ์ ท่านต้องบอกปริศนาธรรมแน่ๆ  ผมคิด  ผมง่วงมากผมเลยไปจับ  ตน้ ไมข้ า้ งๆ กฏุ  ิ ตน้ ประมาณสกั  ๓ นว้ิ  ตดั สนิ ใจดงึ  เอาหมดแรง  เลย ปดุ๊ ทเี ดยี ว โอย๊ อยา่ งกบั หลดุ ออกจากโลก ผมพดู จรงิ ๆ เอา้ ...  เปน็ อะไรมนั สวา่ งจา้ แจง้ ออกมาเลยนะ ผมกง็ งตวั เองเอา้ เปน็ อยา่ งน้ ี ได้ไง  ตั้งแต่เกิดมานะโยมยังไม่เคยเจอสภาวะอย่างน้ีเลย  นิ่ง  ใจมันน่ิง  กายมันน่ิง  เฉยๆ  เบาสบาย  ผมว่าอะไรน้อทีนี้  ผมว่า  มนั มอี ะไรแปลกๆ ตงั้ แตม่ าน ่ี ตง้ั แตบ่ วชน ่ี มอี ะไรแปลกๆ อยเู่ รอื่ ย  เกอื บทกุ วันแนะ่ โยม ผมยังไม่บอกอาจารย์  ยังไม่บอกให้เพ่ือนครูบารู้นะ  ผม  กลัวมันหาย  แต่เก็บความดีใจไว้อยู่ในใจ  มันต้องมีอะไรลึกๆ  อยู่  ในนอ้ี กี  เพราะไมเ่ คยเจอสภาพอยา่ งนม้ี ากอ่ นเลย มนั เปน็ ความสขุ  

67 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ ต่ืนเช้ามา  อาจารย์พาไปซ่อมกุฏิ  วันน้ันโยมเจริญชัยมาช่วยด้วย  ผมท�ำงานไปด้วยก�ำหนดสติไปด้วย  ก�ำหนดที่น้ิวท่ีอะไรผมจะท�ำ  ตลอด มนั ไมถ่ งึ กบั ใหม้ นั ตอ่ เนอ่ื ง แตว่ า่ ผมคดิ วา่ อยา่ งนอ้ ยๆ กท็ ำ�   น่ะโยม  แม้จะเป็นก�ำหนดรู้แบบสัญญาก็ตาม  ผมคิดอย่างนั้นนะ  พยายามก�ำหนด ไมต่ อ่ เนื่องก็ช่าง แตใ่ หก้ �ำหนดอยู่ตลอด ขณะท�ำงานอยู่  ผมเห็นอาจารย์คุยกับครูบา  ผมก็เลยเรียน  ถามทา่ นวา่  อาจารยค์ รบั  เมอื่ วานนผี้ มงว่ งมาก แตพ่ อไปดงึ ตน้ ไม ้ ขณะท่ีดึงผมไม่รู้เป็นไง  ใจสว่างออกมาเลย  ผมเหลียวดูอาจารย์  อาจารย์ยิ้มแต่อาจารย์ไม่ได้พูดอะไรนะ  อาจารย์พูดว่าเด๋ียวมันก ็ หายไป เอ้า ผมก็นกึ เสียใจแตม่ ันก็หายไปจริงๆ นี่ผมลืมบอกโยมไปนะ  ก่อนที่ผมจะเห็นน่ีมันไม่ใช่ธรรมดา  ไมใ่ ชอ่ ยา่ งทค่ี ณุ โยมท�ำนน่ี ะ นกึ อยากไปไหนกไ็ ป อยากคยุ กนั กค็ ยุ   อยากฉนั อะไรกเ็ ดนิ ไปเคยี้ ว ไมม่  ี ผมไมม่  ี อาจารยพ์ าฉนั ครงั้ เดยี ว  ผมกค็ รงั้ เดยี ว บางครง้ั ผมกไ็ มฉ่ นั เลย แตน่ มกาแฟจะไมฉ่ นั เดด็ ขาด  อาจารยบ์ อกเวลาไปลงอโุ บสถน ้ี ถา้ วนั ไหนมกี าแฟผมจะไมฉ่ นั เลย  ผมจะจำ� ตลอด อาจารยบ์ อกอปุ สรรคในการปฏบิ ตั ธิ รรม มนั จะเปน็   พวกสารกระตุ้น  มันจะท�ำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง  มันคุมสต ิ ไม่ค่อยได้ ผมเดินจงกรมน่ี  บางครั้งถึงขนาดคลานเอานะโยม  แต่มัน  สนุกนะ  ผมบอกตัวเอง  ตายให้มันตายไปเลย  คนเรามันต้องตาย  อยู่แล้วนี่  ตายในสนามรบ  เราเป็นนักรบนะน่ี  ตายในสนามรบยัง  ดกี วา่  คนเขาสรรเสรญิ  คนเขาสาปแชง่ เรามาก กใ็ หเ้ ขาสรรเสรญิ   เราบา้ ง เอา้  ครบู าไจต้ ายในสนามเดนิ จงกรม อยา่ งนอ้ ยๆ กด็ งั ละ่   วดั โสมพนสั น ี่ ผมคดิ อยา่ งนนั้ นะ ผมวา่ ตายสมศกั ดศิ์ ร ี คดิ อยา่ งนน้ั   จรงิ ๆ เวลาเกดิ ทกุ ขข์ น้ึ มา ผมไมถ่ อย ส ู้ สสู้ ดุ สดุ จรงิ ๆ ใจตอนนน้ั  

68 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ล ั บ ม อ ง ด้ า น ใ น อยา่ วา่ แตร่ อ้ ยเลยเกนิ รอ้ ยนะ่  สรา้ งจงั หวะขามนั เหนบ็ จะกนิ ใหม้ นั กนิ   ไปใหม้ นั ขาดลง ขาดเปน็ ขาด ตายเปน็ ตายนะโยม ใหม้ นั หลดุ ออก  เลย  ผมบอกเดินกัดฟัน  มันปวดเท้าไหน  ยิ่งท�ำแรงจนมันเบา  จนมนั หายไปเอง เอา้ มนั เบามนั หายไปเองกเ็ ปน็ นะโยมไอค้ วามเจบ็   ปวด แตท่ ี่มันไมห่ ายเพราะอะไร เราเลิกก่อน เรายังไปไม่ถึง ระวังอย่าให้กิเลสมันหลอกเรา  อย่าเอาใจไปข้องแวะกับมัน  เตมิ ใหม้ นั  แตง่ ใหม้ นั  ทำ� ใหม้ นั ตายไปเลย ผมทำ� นะ ไมต่ าย ทแี รก  มันคิดนะน่ีเป็นความคิด  พรุ่งน้ีก็เช้าคงลุกไม่ได้  ตายแท้ๆ  ไป  บณิ ฑบาตไมไ่ ด ้ ไมต่ อ้ งฉนั  ผมบอกตวั เองอยา่ งงนั้  พอตนื่ ตอนเชา้   เบาสบาย ลกุ ขน้ึ มากก็ ระปรก้ี ระเปรา่ เหมอื นเดมิ  กนิ นำ�้ จนั้  เหมอื น  ลกู ขา่ งอยา่ งที่อาจารย์วา่ จรงิ ๆ ทำ� มาเรอื่ ยๆ ทำ� ตอ่ เนอื่ ง เวลาไดอ้ ารมณต์ อ่ เนอ่ื งกนั มาเรอื่ ยๆ  ช่วงก่อนไปอาบน�้ำทุกวันนะ  ๓  วัน  น�้ำตาตกในผมบอกตรงๆ  มันไหลไม่ออก  บอกอาจารย์  ผมตายแน่ๆ  ไปอาบน้�ำได้คลานไป  มันเหน่ือยแต่ว่ามันรักที่จะท�ำ  ฟังอาจารย์พูด  ผมก็มีก�ำลังใจจะสู้  สจู้ รงิ ๆ นะ ผมยอมรบั ตวั เองไมค่ ดิ วา่ จะท�ำไดข้ นาดน ้ี ผมเคยเรยี น  ท่านอาจารย์ไป  ผมคงหมดโอกาสแล้ว  ผมคงตายบอกตรงๆ  ผม  นอนในหอ้ งนำ�้  ความคดิ มนั บอก ไมใ่ ชใ่ จผมหรอก ทรมานอยา่ งน่ ี ผมคงไมม่ โี อกาสแลว้  วนั ท ่ี ๓ ท ่ี ๔ เขา้ ไปแลว้  แตถ่ า้ เกบ็ อารมณน์  ี้ มันจะคล้ายๆ  กัน  คือ  จะได้อารมณ์รู้ตัวตลอด  ประมาณวันท่ี  ๓  ผมจะได้อารมณ์แล้ว  เริ่มได้อารมณ์  ๔  โมง  เข้าเก็บอารมณ์ต่อ  ก็ได้อารมณ์อีก  เรื่องของความเพียร  ท�ำจนไม่รู้จะอธิบายยังไง  ประเภทท�ำนน่ี ะไมไ่ ด้หยุดหายใจเลยแหละ อาจารยใ์ หท้ ำ� งาน สขุ ภาพผมไมค่ อ่ ยจะแขง็ แรง เลยไมค่ อ่ ย  ได้ท�ำ  ท่านให้ไปรื้อกุฏิ  ๒  หลังกับพระอีก  ๒  รูป  ครูบาป๋องกับ 

69 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า นั น ท ภ ิ ก ขุ ครบู าแขว้  ทำ� งานได ้ ๓ วนั  หงดุ หงดิ  ไมร่ วู้ นั นนั้ เปน็ ยงั ไง อารมณ์  ไม่ดี  รู้ว่ามันโกรธ  มันหงุดหงิด  แต่รู้สึกมันแปลก  ทีแรกผมม่ันใจ  วา่ มนั ปว่ ยแนๆ่  มนั ออ่ นเพลยี ยงั ไงไมร่  ู้ กอ็ าจารยท์ า่ นใหไ้ ปเอาปนู   นี่แหละ  ผมแบกแล้วโยนใส่ลงไปในรถเข็น  มันแตก  ทีนี้นึกโมโห  แตค่ รบู าปอ๋ งใหค้ รบู าแขว้ บอก เอาไวท้ เ่ี ดมิ  อยา่ ใหม้ นั ตกลงพนื้ ดนิ   รู้ตัวเองว่ามันโกรธ  ทิ้งมันไปเลยผมบอก  ครูบาป๋องบอกว่าเราทิ้ง  มันได้อยู่แต่ว่าเกรงใจอาจารย์นะ  อาจารย์นี่ท่านจะสอนให้เรารู้จัก  ประหยดั  ใหเ้ หน็ คณุ คา่ ของขา้ วของเครอ่ื งใชใ้ นวดั ในวา ผมรตู้ วั เอง  ว่าโกรธ  ผมกลับมา  มาดูตัวเอง  ดูความโกรธ  ไม่ไหวเพลียนอน  อาจารย์ก็เลยพาไปหาหมอ  หมอว่าเป็นไข้หวัดใหญ่  ทีนี้ทรุด  ใจมันไม่อยู่กับรูปกับนามแล้ว  มันไปกับโรคแล้วทีนี้  โอ๊ยตาย  ผม  บอกตายแท้ๆ  อาจารย์ก็เลยไปให้อารมณ์  บอกว่า  “ให้มีสติดูใจ  ของเรา อยา่ ไปเหงากับโรค” วันท่ีมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นในตัวเองอีกครั้ง  คือเมื่อได ้ เก็บอารมณ์คร้ังที่  ๓  ตอนเก็บอารมณ์ครั้งที่  ๒  ง่วงก็ง่วง  ทีน้ีผม  ก�ำหนดรู้ เดินข้ึนมาจะเข้าห้องนำ�้  เห็นอาจารย์พอดี อาจารย์เห็น  ผมอาจารย์ก็หลบไป  ผมเห็นอาจารย์ถือถุงย่าม  แสดงว่าท่านจะ  ออกไปท�ำธรุ ะนอกวดั ผมลืมบอกไป  ผมนี่ถ้าได้ยินอาจารย์ออกนอกวัด  ผมจะ  ระวังตัวตลอด  จะไม่ตามใจตัวเอง  พยายามบอกตัวเอง  อาจารย ์ ไม่อยู่ไม่มีคนดูแลแล้ว  ต้องระวังตัวเองไม่ให้หลงไปกับกิเลส  นกั ปฏบิ ตั ิสว่ นมากเวลาทีอ่ าจารยไ์ มอ่ ย่มู ักจะทำ� ตามใจ มนั ไม่กลัว  อยากฉันอะไรก็ฉันอย่างนั้น  แต่ผมได้ระวังตัวตลอด  เก็บอารมณ ์ วนั นน้ั เดนิ กลบั ไปหายงว่ งเลย นถ่ี า้ เราศรทั ธาครบู าอาจารย ์ มนั จะ  เกดิ ความคดิ ทลี่ ะเอยี ด ชว่ ยเราแก้ทกุ ข์ได้อีกทางหนง่ึ

70 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ล ั บ ม อ ง ด้ า น ใ น พอกลับเข้าไปท�ำอีก  ท�ำอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ  น่ีล่ะ  เหนอ่ื ยจะตายแลว้  โอย๊ ...ไมไ่ หวแลว้  รจู้ กั แลว้  ตาย ถา้ ขนื ทำ� ไปตอ่   ไมไ่ หว อาบนำ้� ดกี วา่  เหนอ่ื ยเพลยี ไปหมด รสู้ กึ รา่ งกายมนั รบั ไมไ่ หว  แล้ว  ก็ทรุดตัวในห้องน�้ำแล้วก็จับขันน�้ำ  ยกเกือบจะไม่ขึ้น  เอามา  ราดตัว  ประมาณ  ๔-๕  ขันน่ีแหละ  เช็ดตัวยังไม่แห้งเลย  ผม  แปลกใจ  อ้อ  มันเป็นอะไร  มันเกิดข้ึนกับผมอีก  มันเกิดสว่างว้าบ  ข้ึนมาข้างในใจเหมือนกับตอนท่ีผมไปดึงต้นไม้  มันเป็นอย่างน้ีอีก  ทีน้ีมันเป็นนานนะโยม  เป็นนานมากเลย  แล้วผมก็เห็นความคิด  นี่แล่นๆๆ  ผ่านไปเลย  มันไม่มาแวะเลยกับจิตกับใจเรานี่  กับกาย  กบั ใจเราเบาเยน็  โอ ้ ผมปลมื้ ใจมาก ความคดิ เมอื่ กอ่ นมนั อยกู่ บั เรา  ไมร่ มู้ นั หลดุ ออกไปไดไ้ ง จติ สะอาดใจโลง่  ความคดิ ไมเ่ กดิ  ความทกุ ข์  ไม่มี  กับกายกับใจเรามันอยู่เฉยๆ  มาเดินจงกรมก็ยังเหมือนเดิม  นงั่ สรา้ งจงั หวะกเ็ ปน็ เหมอื นเดมิ  อา้ ว มนั อะไรนอ้ ผมวา่  นง่ั อยบู่ น  เกา้ อเ้ี ฉยๆ สรา้ งจงั หวะก�ำหนดร ู้ ดคู วามคดิ มนั ไปกเ็ หน็ เฉยๆ ผม  ภูมิใจจริงๆ  ตอนน้ีไม่ดีใจ  แต่ใจดี  อันนี้หรือท่ีว่าสภาวะอารมณ ์ รปู นาม คดิ อยใู่ นใจ ทอี่ าจารยว์ า่ รปู นาม ใชแ่ นๆ่  แลว้ จๆู่  อาจารย ์ โผล่มา  ผมไม่รู้นะท่านมาตอนไหน  เอ้า  ครูบาไจ้รูปนามชัดไหม  อาจารย์ถาม  ผมก็ตอบไปเลยนะ  ผมม่ันใจว่ามันชัด  แล้วอาจารย ์ พูดไม่ก่ีประโยคอาจารย์ก็ไป  ผมภูมิใจมากนะโยมนะ  วันนั้นวันที ่ ๒๓ กรกฎาคม ๑๓ ค�่ำนีแ่ หละ ข้างแรมตอนเทยี่ งวนั ตอนเช้านี่ผมต่ืนตีหนึ่ง  มาเดินจงกรม  โอ้  รู้สึกภูมิใจท่ีสุด  รปู นามมนั เปน็ อยา่ งง ้ี อาจารยบ์ อกอยา่ สนใจมนั มากนะ ใหเ้ อาสติ  มาดคู วามคดิ  เอาสตมิ าดอู ยกู่ บั รปู นามสกั  ๓๐% เอามาดคู วามคดิ   สัก  ๗๐%  ทีนี้  ผมก็ไม่อยากดู  ผมเจอแล้วผมไม่อยากเอาไปใช ้ ผมคิด  แต่มันหายไปเองนะโยม  ผมมาบอกอาจารย์ตอนเช้า 

71 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ อาจารยค์ รบั มนั หายไปแลว้ อารมณร์ ปู นามผม “ไมเ่ ปน็ ไร อาจารย ์ ว่า เด๋ียวมนั กก็ ลับมาอกี  ถ้าความเพยี รเรามี” อาจารย์บอก แต่มันเป็นอย่างงี้  มันจะเปลี่ยนนะโยม  จิตใจเราจะเปล่ียน  พลิกแป๊บเลย  ทีนี้มันอยากท�ำความดี  มันอยากท�ำดีพูดดี  คิดด ี มันรู้หมด  มันเห็นหมดความดี  ความคิดนี่มันคิดดีมันก็เห็น  มัน  อยา่ งกบั มตี วั เรา ๒-๓ คน ความโกรธ ความโลภ ความคดิ ด ี ทำ� ดี  จะรู้ไปหมด  ชีวิตผมน่ีแบบได้ขึ้นสวรรค์แล้วโยม  มันโกรธผมก็รู ้ มันโกรธ  มันเกลียดผมก็รู้มันเกลียด  มันคิดดีผมก็รู้  ผมก็ไปหา  อาจารยเ์ รยี นใหท้ า่ นทราบ อาจารยบ์ อกอยา่ ไปทำ� ตามมนั นะ พยายาม  อยู่กับการเดินจงกรม  สร้างจังหวะ  เพราะว่าไอ้น่ีมันก็เป็นกิเลส  กิเลสก็ยอมน่ะโยม  ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน  ผมคิดอยู่ในใจ  กิเลสก็ช่าง  ผมก็จะท�ำ  เพราะว่าการท่ีคนเรามันคิดดี  ท�ำดี  พูดดี  คนเราก็เจริญแล้วใช่ไหม  เมื่อก่อนเราไม่เคยเป็นนี่  แต่ทีน้ีต่อมา  มันกเ็ ริม่ ดีขนึ้ ๆ จติ ผมเปน็ อยา่ งไรผมรตู้ วั นะโยม นสิ ยั ใจคอผมเรม่ิ เปลยี่ นไป  เปลยี่ นไปเรอื่ ยๆ จนกระทง่ั เกบ็ อารมณ ์ ๓ ครง้ั ทผี่ า่ นมา ผมวา่ มนั   ไดอ้ ะไรเยอะแยะเลย อาจารยจ์ ะไปใหค้ ำ� แนะนำ�  ไปใหก้ ำ� ลงั ใจตลอด  แต่ก่อนผมเองก็เป็นคนเจ้าอารมณ์  เคยโกรธใครแล้วนี่  ผมบอก  ตรงๆ นะ ถ้าใครพูดให้ไม่พอใจหรือไม่พอใจใครน่ี ผมทำ� เลยนะ  โยม  ไม่ว่าครูบาอาจารย์หรือเป็นใครนะโยม  ใครจะมาแตะไม่ได ้ ผมเอาร่วงจริงๆ  นะเม่ือก่อน  แต่เด๋ียวนี้ตั้งแต่รู้รูปนามมานี่  และ  มารู้ปรมัตถ์เบื้องต้น  ผมจะเก็บได้ตลอด  ผมจะไม่ค่อยพูดกับใคร  หรอก  ส่วนมากผมต้ังใจปฏิบัติ  แต่หลับน่ีผมจ�ำได้  ตั้งแต่จะ  เข้าพรรษานี่  หลับกลางวันไม่ถึง  ๔  คร้ัง  มีตอนน้ันหลับเพราะ  ไมส่ บายก็ ๒ วนั  นอกนน้ั ไม่มี

72 ส ติ  เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น พูดถึงความโกรธ  เคยโกรธ  เมื่อก่อนกระแทกไม่ได้นะ  อารมณ์นี่ใครมาพูดอะไรไม่ได้  แต่ทุกวันนี้ใครมาพูดกับผม  ใคร  อยากชนะ  ชนะไป  แต่ผมสงสารคนที่มาพูดอะไรใส่ผมแรงๆ  นี่นะ  ผมไมเ่ อาไปคดิ หรอก ผมไมต่ อบโตด้ ว้ ย คอื วา่ ถา้ ผมพดู ไปนแี่ สดงวา่   ผมทกุ ข ์ แตเ่ มอ่ื ผมเฉย เขานนั่ แหละเปน็ ทกุ ข ์ เขามาวา่ ผมกไ็ มส่ น  ผมสงสารด้วยซ�้ำ  ตกเป็นทาสความคิดกิเลสตัวเอง  เขาพูดยังไงก ็ ไม่สน รบั มากน็ ดิ นงึ  มนั กล็ มื ไป ขณะทำ� นไี่ มส่ บายผมบอกตรงๆ ไมร่ ตู้ วั เองวา่ ไมส่ บาย เปน็   ไขห้ วดั ใหญ ่ ทำ� ไมมนั หนาว มนั สน่ั แตผ่ มไมร่ วู้ า่ ผมไมส่ บาย ผมยงั   คิดว่ามันเป็นกิเลสอยู่  มันหนาว  อาจารย์ว่ามันเป็นไปได้  ๒  ทาง  ทางหน่ึงก็เป็นไข้จริงๆ  ทางหน่ึงก็เป็นกิเลส  ผมเข้าใจว่าเป็นกิเลส  แตม่ นั หนาว หนาวจรงิ ๆ หนาวจนจะตายนแ่ี หละ แตใ่ จผมไมไ่ ดส้ น  ผมอยกู่ บั รปู กบั นาม ผมนเ่ี ดนิ จงกรม สรา้ งจงั หวะตลอด ถา้ มนั หนาว  ผมจะถอดองั สะเดนิ  เดนิ กย็ งั หนาวอย ู่ อา้ วกเิ ลสตวั นที้ ำ� ไมมนั หนกั จงั   เอาอยู่น่ันแหละก็ยังหนาวอยู่  จนแดดออกน่ีแหละโยม  แดดออก  แล้วหนาวอย่างง้ีมันหนาวยังไง  ผมคิดจะไปอาบน้�ำ  เม่ือก่อนนะ  ผมได้ยินแม่บอกว่า  ไข้น่ีอย่าไปอาบน้�ำนะลูกนะ  ถ้าไข้ป่วยน่ีนะ  ไปอาบน้�ำมันจะตาย  แกบอกอย่างน้ี  ผมก็คิดไปอาบน�้ำให้มันตาย  ไปเลย คดิ อยใู่ นใจ ไปอาบนำ้� เชด็ ตวั  ไมต่ าย อา้ วคนเรามนั ไมต่ าย  งา่ ยๆ นห่ี วา่  มนั ไม่ตายจริงๆ นะโยม ทนี ผี้ มกม็ โี รคประจำ� ตวั มากอ่ นบวช คอื โรคนว่ิ ไต ไมก่ ลา้ ผา่   แต่พอรู้รูปนามน้ีอยากผ่า  ตายเป็นตายไม่กลัวแล้ว  แต่มาคิดด ู ไม่ผ่าก็ได้  เป็นก็ให้มันเป็น  ใจผมไม่ได้อยู่กับโรคแล้ว  ทุกวันน้ ี เกิดอะไรข้ึนก็ดูมันไป  ดูได้ก็ดูไป  ตายแล้วก็ตายไป  อย่างน้ ี มันสบาย

73 พ ร ะ พุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ ทุกวันน้ีผมก็ตั้งใจท�ำ  ผมรู้ว่าผมตั้งใจท�ำ  แต่ผมเป็นคน  ไม่ค่อยฉลาด  มันจะค่อยๆ  รู้ตัวเองข้ึนมา  ไปเรื่อยๆ  มันจะต๊ิกๆ  ไปทลี ะหน่อยๆ จิตมนั เรม่ิ ดีขนึ้ แต่ความตั้งใจ  ผมเห็นคนมาปฏิบัติธรรม  ผมอยากพูด  อยากบอกจริงๆ  มันเปลี่ยนได้จริงๆ  ธรรมะน่ีนะ  ท่ีเรามายกมือ  เจรญิ สต ิ บางคนผมเหน็ มาทำ� เลน่ ๆ ถา้ ทำ� เลน่ ๆ ไมม่ วี นั ไดเ้ จอหรอก  จนตายก็ไม่ได้เจอหรอก  ธรรมะนี่  ผมบอกจริงๆ  กว่าคุณจะเห็น  ถ้าใจไม่ถึงรับรองไม่ได้เจอ  อาจารย์บอก  ถ้าคุณเป็นคนชอบคุย  ท�ำอะไรแลว้ ไมเ่ หมอื นคนอ่ืนเขา ชอบพูดมาก กนิ มาก ไมส่ ำ� รวม  อินทรีย์  ไม่มีหิริโอตัปปะ  ไม่รู้จักอดทน  ไม่รู้จักสังเกตอารมณ์  ตนเอง สารพัดท่ีอาจารย์บอก ถ้าคุณทำ� ใจไม่ได้ ไม่ได้เจอหรอก  แต่ผมอยากเจอ  ผมบอกตรงๆ  ก็ได้เจอจริงๆ  นะ  ทุกวันนี้ผมอยู ่ แบบมีความสุข  อยู่กับอาจารย์มีความสุขตลอด  บางคร้ังมันโกรธ  ความคดิ  เรามนั รหู้ มดนะ มนั โกรธ มนั เกลยี ด มนั อะไร รไู้ ปหมด  ผมจะพยายามก�ำหนดความร้สู ึก กลุ่มผู้มาปฏิบัติธรรมที่อยู่กับผมเขาขยันนะ  ถ้าประกวดคง  ได้ท่ี  ๑  หมู่คณะที่ตั้งใจคุยก็คุย  คนต้ังใจนอนก็นอน  ตอนเย็น  เมอื่ วานผมกเ็ ลยบอกวา่  บอกกนั ตรงๆ เลยนะโยมนะ ถา้ คณุ ไมส่ นใจ  ละก ็ จะไปปรกึ ษาอาจารย ์ คนมาใหมน่ ะ คนเกา่ กด็  ี ๕-๖ คน ผมวา่   มีโอกาสเห็นธรรมะ  จะปรึกษาอาจารย์  เพราะว่าอาจารย์น่ีพร้อม  ทจ่ี ะรกั ษา อาจารยค์ อื หมอนแ่ี หละ หมอใหญน่ แี่ หละ รจู้ กั แลว้ คณุ   เปน็ โรคอะไร โรคหงดุ หงดิ  ฟงุ้ ซา่ น โรคอะไรรหู้ มด จะรกั ษาใหค้ ณุ   แตค่ ณุ ไม่ยอมรักษา ทนี ผี้ มก็เป็นผชู้ ว่ ย ผมกจ็ ะไปปรกึ ษาอาจารย์  เอ้า...คนน้ีเป็นอย่างน้ีนะ  ถ้าอยู่ต่อไปมันเสียเขานะ  เปลืองข้าว  เปลอื งนำ�้  เปลอื งไฟ เปลอื งสถานท ่ี ผมบอกตรงๆ พจิ ารณาตวั เอง 

74 ส ต ิ  เ ค ล็ ด ล ั บ ม อ ง ด้ า น ใ น ผมกบ็ อกอยา่ งน ี้ ผมบอก ถา้ คณุ ไมส่ นใจแลว้ ผมกไ็ มร่ จู้ ะท�ำยงั ไงนะ  ผมกจ็ ะปล่อยเลย ผมก็บอก  ผมให้โอกาสพรุ่งน้ี  ผมจะไม่ยิ้มให้นะกับกิเลส  ทกุ วนั นผ้ี มดใู ครเทา่ กนั หมด ผมอยากบอกอยากสอนธรรมะใหค้ ณุ   ใหค้ ณุ ตงั้ ใจทำ�  แมก้ ระทงั่ ยายผม พผ่ี ม ถา้ มาแลว้ ไมร่ จู้ กั กาลเทศะ  ผมว่าเอาจริงๆ  นะ  พี่ผมน่ีมาขออนุญาตพายายไปดูกุฏิได้ไหม  น่ีคุณมาทัศนาจรหรือไง  เห็นหรือเปล่าเขามาปฏิบัติธรรมน่ะ  ไป.๊ ..กลบั  ผมบอกยายด้วย ถ้าเป็นไปได้ผมจะเอาเฉพาะบ้านผม  ครอบครัวผมเท่านั้น  มนั พดู กนั งา่ ยด ี ผมไปเหน็ ทหารเขาฝกึ มนั ไดผ้ ล ผมเคยเปน็ ทหาร  มากอ่ น นกี่ จ็ ะเปน็ ทหารเหมอื นกนั  มาฝกึ นนี่ า่ จะมอี าวธุ ดว้ ย วา่ จะ  บอกอาจารยว์ า่  นา่ จะใหม้ กี ารจำ� หนา่ ยตายดว้ ย ผมวา่  คงจะรธู้ รรมะ  กันหมดทุกคน  ใครนอนหลับก็ไฟช็อตนี่ดีนะ  ผมว่าไม่กล้าหลับ  ผมคิดเล่นๆ นะ คิดปรุงแต่งอยากให้คนเราทำ� จริงๆ แล้วจะรู้ แต ่ โยมสองคนนะ่  พอมาวนั น ้ี ผมกใ็ หแ้ ยกกนั อย ู่ โอ...รสู้ กึ วา่ มคี วาม  ต้ังใจขึ้น  ดีนะเขารู้ตัวเอง  สังเกตดูเขา  วันนี้ต้ังใจท�ำดี  ผมก็บอก  สาธุด้วยนะ  ก็ต้ังใจท�ำ  เรามีโอกาสแค่  ๗  วัน  ขนาดผมท�ำเกือบ  ๓ เดอื น ผมยงั รตู้ วั เองเลย รวู้ า่ มนั ด ี ธรรมะนมี่ นั ชว่ ยไดจ้ รงิ ๆ นะ  โยม ทอ่ี าจารยพ์ ดู  ทหี่ ลวงพอ่ เทยี นพดู นผ่ี มไมส่ งสยั เลย ขนาดผม  รแู้ คน่  ้ี แคอ่ าจารยบ์ อกวา่ รรู้ ปู นามนแ่ี คอ่ นบุ าล ฟา้ แลบนน่ี ะ ผมวา่   มันพลิกใจผม  ๗๐%  แลว้ แต่ทกุ วนั น้ี ความตั้งใจผมอยากเหน็ ญาตโิ ยมปฏิบตั  ิ อยาก  บอกอยากสอนจริงๆ แต่ผมห้ามคำ� พูดของผมไว้ น่ีผมมาปรึกษา  อาจารย์ผมอยากสอนทุกวัน  เร่ืองน้ันเรื่องน้ีที่มันจะเข้ามาหาผม  ความรทู้ มี่ นั เกดิ เองในจติ น ้ี สอนไดแ้ บบใหโ้ ยมบรรลอุ รหนั ตเ์ ลยนะ 

75 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า นั น ท ภิ ก ขุ มนั มาจากไหนความรคู้ วามคดิ อนั น ี้ เมอื่ กอ่ นทำ� ไมมนั ไมม่  ี ตงั้ แตร่  ู้ การปฏบิ ตั ธิ รรมแบบหลวงพอ่ เทยี นกนั มา มนั เปลย่ี นไปหมดใจผม  นะโยม เปลีย่ นจากดำ� เป็นขาวเลยโยม ขนาดรแู้ คน่ นี้ ะ ผมซง้ึ ใจมากนะตงั้ แตผ่ มขนึ้ มาอยกู่ บั อาจารยส์ รุ ยิ าน ่ี ทกุ วนั   ผมมีความสุข นอนดใู จไมถ่ งึ  ๓ นาท ี ทงิ้ หวั ลงหลับปบ๊ั เลย กอ่ น  เวลาตี  ๓  ห้านาที  ผมจะรู้สึกตัวเป๊ะเลยลุกปั๊บ  อาจารย์ว่าคน  ปฏิบัติธรรม  ถ้าท�ำจริง  จะมีพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  ตื่นก็  จะมพี ระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆม์ ารกั ษาจรงิ ๆ นะโยมนะ ผมพดู   จรงิ ๆ ผมเจอสภาวะรสู้ กึ ตวั ลกุ ขนึ้ มา มนิ า่ ละผมไมส่ งสยั เลย ทำ� ไม  อาจารยน์  ่ี ผมบวชมาจำ� พรรษากบั อาจารย ์ ทา่ นจะไปปลกุ  อาจารย์  จะสนใจมากนะ  ถ้าคนไหนท่ีตั้งใจ  อาจารย์บอกคนเดียวอาจารย์  ก็จะสอน ถ้าจะมาศึกษาธรรม อยากใหร้ ู้ ผมกเ็ กรงใจอาจารย ์ ผมจะทำ� ใหด้ ที สี่ ดุ  ถงึ แมเ้ ราจะไมฉ่ ลาด  ไมเ่ กง่ เหมอื นคนอน่ื เขา ไมม่ กี ารศกึ ษา ผมจบแค ่ ปวช. ไมม่ สี มบตั ิ  อะไรเหมือนเขา  แต่ผมจะศึกษาตัวเอง  มันไม่จ�ำเป็นที่เงินทอง  อาจารยไ์ มไ่ ดเ้ รยี กรอ้ งอะไร เรยี กรอ้ งแคค่ วามตงั้ ใจ อาจารยอ์ ยาก  บอกใหค้ นร ู้ คนทต่ี งั้ ใจเทา่ นนั้ ทจี่ ะรธู้ รรมะ ทา่ นจะบอกทกุ คน ทา่ น  จะเอาใจใส่มากนะ  งานก็มี  ไม่ค่อยให้ท�ำ  ท่านจะไปดูตลอด  แต ่ ทา่ นจะไมไ่ ปบอกตรงๆ จะแนะใหเ้ ราใชป้ ญั ญา บอกเปน็ ปรศิ นาแต่  เข้าหูทุกครั้งเลย  อาจารย์บอกให้ศรัทธาต่อการปรารภความเพียร  อยา่ ทำ� ดว้ ยตณั หา ใหท้ ำ� ดว้ ยสตปิ ญั ญา เมอื่ เอาคำ� ทที่ า่ นพดู มาคดิ   ตัวเองไม่ตัง้ ใจจะไดอ้ ะไร มันก็เลยมีก�ำลังใจขนึ้ มา ผมเหน็ โยมมาปฏบิ ตั ธิ รรม กลมุ่ ผมนม่ี คี วามตง้ั ใจกนั ด ี ผม  ก็บอก  ผมไม่ได้ไปคุม  ผมก็ปฏิบัติเหมือนกับโยม  ผมก็ก้อนทุกข ์ เหมือนกันกับโยมนั่นแหละ  ง่วงเหงา  ฟุ้งซ่าน  ร�ำคาญ  แต่ผมก็ด ี

76 ส ติ   เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น หน่อย มารู้จักมัน ก็ก้าวขึ้นมาสูงกว่าโยมนิดนึง แค่ว่าพอแนะนำ�   โยมได้นะ  เพราะเห็นความต้ังใจของโยม  ผมอยากบอก  ผมอยาก  ให้รู้  ขนาดผมรู้แค่น้ีผมยังอยากบอกให้โยมทุกคนรับรู้เลย  รับรู ้ ในธรรมะนนี่ ะวา่ มนั มจี รงิ  ปลอ่ ยวางไดจ้ รงิ ๆ มนั รแู้ ลว้ มนั มคี วามสขุ   ใครจะท�ำยังไงก็ช่าง  เราน่ีใครจะด่าใครจะว่าเราก็เฉย  มันวางได้  อะไรกระแทกใจเรา  มันมีตัวอะไร  ตัวสติหรือเปล่า  ผมก็ไม่รู้นะ  โกรธแป๊บเดียวหันหลังมันก็ลืมไปแล้ว  เม่ือก่อนไม่ได้  แต่ทุกวันนี ้ คุณอยากมาต่อยผมต่อยเลย  ผมย้ิมให้เลย  ผมบอกตรงๆ  ใครจะ  ทำ� ผมทำ� ไปเลย ผมไมไ่ ดค้ ดิ อะไร เจบ็ กเ็ จบ็ ไป ผมไมไ่ ดใ้ สอ่ ารมณ ์ อารมณ์มันเร่ิมดีข้ึนๆ  ดีข้ึนเร่ือยๆ  นะโยมนะ  รู้ตัวเองเพียรขึ้นไป  เรอื่ ยๆ ตราบใดทผ่ี มมคี วามเพยี รอย ู่ แตถ่ า้ วนั ไหนหงดุ หงดิ  ฟงุ้ ซา่ น  มนั จะรสู้ กึ ปวดหวั  แสดงวา่ ความเพยี รหยอ่ นลง ผมคดิ วา่ อยา่ งนน้ั ผมได้ยินอาจารย์แนะน�ำโยมที่มาปฏิบัติธรรม  ท่านให้ตั้งใจ  ไปดูแลเขา  ผมก็คิด  โยมมา  ๗  วันนี้เท่านั้น  แต่ผมยังมีโอกาส  ศึกษาอีกอยู่  แต่ผมก็จะปฏิบัติไปด้วย  เวลานั้นผมจะช่วยคุณโยม  เตม็ ท ่ี โยมมเี วลานอ้ ย ผมจะพยายามปฏบิ ตั เิ ปน็ เพอื่ น ใหต้ งั้ ใจทำ�   ผมอยากใหโ้ ยมรเู้ จตนารมณอ์ าจารย ์ คอื ไมไ่ ดต้ อ้ งการอะไรจากเรา  ผู้มาปฏบิ ตั ธิ รรม ทกุ คน ทุกท่าน พระสงฆ์องคเ์ จา้  อาจารย์จะให้  รใู้ นธรรมะ ใน ๑๐๐ คนน ี้ รสู้ กั  ๒ คนกย็ งั ด ี พอบอกได ้ พอสอน  ได้  พอรู้  พอพูดได้  อาจารย์ท่านไม่ได้พูดเล่นๆ  น่ะ  มันเป็นจริงๆ  แตผ่ มเอาชวี ติ เปน็ เดมิ พนั เลยโยม ถา้ ปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ ตอ้ งรจู้ รงิ ๆ คน  ที่เขาปฏิบัติเป็น  ๓-๔  ปีมาก่อนน่ีเขาจะรู้ขนาดไหน  เขาจะเป็น  คนยังไง ระดบั ไหน มนั ดจี รงิ ๆ  ธรรมะนม่ี นั ชว่ ยไดจ้ รงิ ๆ ชว่ ยใหผ้ มเปลย่ี นอะไรไปหมด เคย  โลภ เคยโกรธ เคยหลงนน่ี ะ ลดเองเปน็ เอง เราไมต่ อ้ งไปทำ� อะไรมนั  

77 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า นั น ท ภ ิ ก ขุ รู้ตัวเอง  เราที่มาปฏิบัติธรรมน่ีผมก็อยากให้ต้ังใจท�ำทุกคน  ท�ำไป  เถอะ ตงั้ ใจทำ�  ทำ� แคไ่ หนเอาแคน่ น้ั  สว่ นมากมนั จะไมต่ งั้ ใจ อยากทำ�   เล่นๆ  ท�ำเป็นประเพณี  ผมดูส่วนมากปฏิบัติธรรมนี่  ๗  วัน  ก ็ กลบั บา้ นหรอก ไมไ่ ดอ้ ะไรกต็ าม มากบั เพอ่ื นเขา แลว้ ๆ กแ็ ลว้ กนั ไป  ผมไม่อยากให้คุณโยมคิดอย่างนั้น  มาแล้วก็อยากให้ท�ำสุดๆ  มัน  ไมต่ ายหรอกโยม ให้ผมพูดนะผมพูดได้ท้ังคืน  มันอยากพูด  มันอยากบอก  มันอยากสอน  จริงๆ  มันแปลก  ผมอยากพูดธรรมะ  อยากเล่า  ประสบการณใ์ หค้ นฟงั วา่ ธรรมะมนั มจี รงิ ๆ มนั เปน็ จรงิ ถา้ เราท�ำจรงิ   ผมไปปรึกษาอาจารย์ดูแล้ว  ผมเปลี่ยนไป  ถ้าไม่เบรกไว้นี่คงสว่าง  ผมพูดธรรมะนี้โยมจะฟงั ไดห้ รือเปลา่ สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้โยมทุกท่านท่ีมาปฏิบัตินี่  ผมอยากให ้ ตั้งใจดู  ศึกษาจริงๆ  จังๆ  ลองดู  อย่าท�ำเล่นๆ  ธรรมะมันอยู่ในตัว  คณุ โยมทกุ คนนนั่ แหละ แตว่ า่ ใครจะมคี วามสามารถเอามนั ออกมา  ใช้ได้  เพราะว่าธรรมะมันอยู่ที่เรา  แต่เราสนใจหรือเปล่าแค่น้ัน  ก ็ นำ�้ เปลยี่ นใจปลา เวลามนั เปลยี่ นใจคนไมไ่ ดห้ รอกโยม ความเพยี ร  นี่แหละมันจะเปลี่ยนใจให้เราได้  เปลี่ยนจากความไม่ดีเป็นความด ี ใหม้ สี ต ิ รกู้ าย รจู้ ติ ตนเองเสมอเพยี รท�ำทกุ วนั ๆ อยา่ ใหเ้ วลาแมแ้ ต ่ วินาทีมันสูญเปล่าไปเลยนะคุณโยมนะ  ก็ขออนุโมทนาให้ญาติโยม  ทุกทา่ น ได้พบสัจธรรมทท่ี ุกคนได้มาคน้ หา ทุกท่านทกุ คนเทอญ.



ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม ครูเฉลมิ  ไตรผล ดิฉันเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สกลนครนี่แหละค่ะ  เข้ามาปฏิบัติธรรมวันน้ีเป็นวันท่ีห้า  ก็เคยตั้งใจไว้ว่าอยากแสวงหา  ท่ีปฏิบตั ิธรรม เพือ่ จะไดเ้ ปน็ แนวทางส�ำหรบั ดับทุกข์ให้กบั ตนเอง เคยอา่ นหนงั สอื ธรรมะ ฟงั เทปธรรมะ ดรู ายการธรรมะจาก  โทรทัศน์  ก็รู้อยู่ว่าตัวเองเป็นทุกข์  อยากออกจากทุกข์  จะต้อง  หาทางดบั ทกุ ขใ์ หไ้ ด ้ มโี อกาสมาวดั กไ็ ดฟ้ งั ธรรมะจากหลวงตาทา่ น  ชวนมาปฏิบัติธรรม  คิดอยู่ต้ังนาน  คิดว่าจะไปได้หรือเปล่าหนอ  ใจหนึ่งก็ไมก่ ลา้ เข้ามาเพราะกลวั ตวั เองจะท�ำไม่ได้ อยู่ต่อมาก็พยายามหาทางแก้ทุกข์ให้กับตนเอง  แต่ก็แก้  ไมไ่ ดเ้ พราะยง่ิ ทำ� ใหค้ ดิ มากกวา่ ปกต ิ เดมิ ทตี นเองกเ็ ปน็ คนคดิ มาก  อยูแ่ ลว้  เวลาใครพูดอะไรนดิ อะไรหนอ่ ยกเ็ กบ็ เอามาคดิ  คือจะเป็น  คนคิดมาก  แต่ก็จะไม่ค่อยสุงสิงหรือโต้ตอบกับใคร  เม่ือถูกกระทบ  เจ็บลึกๆ  แล้วก็ชอบเก็บเอามาคิด  เป็นเช่นนี้อยู่แล้วๆ  เล่าๆ  มัน  เปน็ ทุกขก์ ็อยากหาทางออก ก็เลยตัดสนิ ใจเขา้ มาทำ� ตรงน้ี

80 ส ต ิ  เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น คือต้ังใจจะมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว  ช่วงเดือนเมษายน  แต่มี  เหตกุ ารณท์ เี่ ปน็ อปุ สรรคคอื ปา้ เสยี ชวี ติ กอ่ น เลยท�ำใหพ้ ลาดโอกาส  พอมาปีน้ีก็เลยตั้งใจ  อย่างไรก็จะลองดู  เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ให้  กับตัวเองบ้าง พอไดเ้ ขา้ มาสมั ผสั ดจู รงิ ๆ แลว้  ในชว่ งแรกๆ กม็ คี วามตงั้ ใจ  มาก ทำ� โดยไมร่ สู้ กึ เหนด็ เหนอ่ื ย ทงั้ ๆ ทง่ี ว่ ง พอวนั ท ่ี ๒ ความงว่ งน้ ี แบบสดุ ๆ เลย ทรมานมากกบั ความงว่ ง คดิ วา่ ชว่ งทเี่ ดนิ อยนู่  ้ี หาก  เกดิ ความงว่ งมา ถา้ ไดห้ ลบั สกั งบี หนง่ึ คงจะมคี วามสขุ มาก แตก่ ค็ ง  ทำ� อยา่ งนน้ั ไมไ่ ด ้ เพราะหลวงตาสงั่ เอาไวว้ า่  เราตอ้ งผา่ นตวั นใี้ หไ้ ด ้ ก็เดินจงกรมก�ำหนดรู้ไปเรื่อยๆ  ในขณะท่ีปรารภความเพียรน้ันก็ม ี หลวงตาทคี่ อยดพู ฤตกิ รรมอย ู่ ตนเองเกดิ ความกลวั  กไ็ มก่ ลา้ ทจ่ี ะงบี   ไม่กล้าที่จะเผลอ  พอวันท่ี  ๒  เป็นวันท่ีทรมานสุดๆ  หลวงตามา  สอบอารมณ์ว่า  เป็นอย่างไรบ้างวันนี้  ก็ได้กราบเรียนท่านไปว่า  ท้งั หงดุ หงิดทัง้ รำ� คาญ เบือ่ อะไรทุกอยา่ ง หลวงตาท่านกพ็ ูดข้ึนว่า  นข่ี นาดอยคู่ นเดยี วเรายงั มอี ารมณถ์ งึ ขนาดน ี้ ถา้ หากอยกู่ บั คนอนื่ ละ่   จะเป็นอยา่ งไร ก็เลยไดค้ ิด วนั ท่ ี ๒ ก็ผ่านไป วันที่  ๓  อารมณ์ก็เร่ิมดีข้ึนๆ  ก�ำหนดรู้ได้บ้าง  รู้วิธีต่อสู้  กับความงว่ ง วันท่ี  ๔  อาการดีข้ึนเร่ือยๆ  ท�ำความเพียรแบบสบายๆ  ไมห่ นกั  ไม่เหนอ่ื ย สติเริ่มชัดอยกู่ ับปัจจบุ นั พอวนั ท ี่ ๕ กเ็ รมิ่ ไดค้ วามสงบ ไดอ้ ยกู่ บั ความวา่ ง ความสงสยั   ทวี่ า่ เราทำ� ทำ� ไมกเ็ รมิ่ หายไป แตพ่ อชว่ งตอ่ มาความคดิ กเ็ ยอะ มนั   วิจารณ์อะไรสารพัด  เดิมตนเองก็เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว  คิดตั้งแต ่ อดีตเล็กๆ  จนมาถึงปัจจุบัน  คิดท�ำไมไม่รู้  เอาไปเอามาปนเป  สะเปะสะปะกนั ไปหมด

81 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ เร่ิมเช้าวันท่ี  ๖  ความคิดก็เร่ิมลดลง  ใจก็กลับมาอยู่ท่ีสติ  สติจะเฝ้าดูอาการเคลื่อนไหวของกายได้  เฝ้าดูเวลาที่ยกมือขึ้น  เวลาเดินจงกรมสติหรือใจเราก็มาอยู่ท่ีเท้าของเราด้วย  ก็เห็นว่า  มนั ดขี ึ้น เบาขึ้น วันที่  ๗  วันน้ีได้อารมณ์ปัจจุบันมาก  มีความรู้สึกว่าอยาก  เดิน  เดินได้ไม่รู้จักเหน็ดเหน่ือย  เดินได้อารมณ์เร่ือยๆ  สนุกเพลิน  กับการเดิน  พอก�ำลังท�ำได้ดีก็ต้องกลับออกไปก่อน  คือต้องไป  ท�ำงานตามหนา้ ที่ พอออกไปแล้วก็มีความรู้สึกว่าตนเองมีความเช่ือมั่นใน  ตนเอง มคี วามมน่ั ใจในตนเองมาก มนั เปน็ ความรสู้ กึ ทต่ี า่ งไปจาก  เมื่อก่อน  ความต้ังใจท่ีจะท�ำอะไรมันมีมากขึ้น  คือมันรู้จักตัวเอง  ขน้ึ มาบา้ ง อยา่ งนอ้ ยๆ ทม่ี าปฏบิ ตั กิ ไ็ ดอ้ ะไรหลายๆ อยา่ ง สงิ่ แรก  ทเ่ี หน็ กค็ อื ความอดทน อดทนตอ่ ความเหนด็ เหนอ่ื ย ความหงดุ หงดิ   ท้ังหลายแหล่  ซึ่งในชีวิตเราก็ยังไม่เคยได้ท�ำถึงขนาดน้ี  ท่ีจริงเรา  ท�ำได้  แต่ที่ผ่านมาเราไม่กล้าท�ำเท่านั้นเอง  อีกอย่างท่ีเห็นได้ชัดๆ  กค็ ือความกลวั ช่วงที่มาวันแรกๆ  นั้น  หลวงตาจะให้ไปอยู่ท่ีกุฏิที่มุงด้วย  หญ้าคาท่ีอยู่ในป่า  ว่าจะเปลี่ยนมาอยู่กุฏิปูนกับยายบัวแต่หลวงตา  กไ็ มใ่ หเ้ ปลยี่ น เรามนั เปน็ คนทข่ี กี้ ลวั อยแู่ ลว้  ตกกลางคนื มากไ็ มก่ ลา้   จะนอน แตท่ ่านกใ็ ห้ไปนอนตรงน้นั  ก็เลยจำ� ตอ้ งนอน อาการท่ีเกิดข้ึนในคืนน้ัน  มันกลัวเอามากๆ  กลัวจนไม่รู้ว่า  จะท�ำอย่างไร  เวลานอนก็ภาวนาพุทโธๆ  ไปด้วย  เวลาลมพัดมา  ก็ฟังดูแล้ว  มันเหมือนกับเสียงอะไร  เสียงหมูป่าเข้ามาท�ำอะไร  ท�ำนองนั้น  ความจริงคงจะเป็นประสาทตนเองน่ันแหละท่ีหลอก  ตนเอง จนกระทั่งดึกถึงจะไดห้ ลบั  แต่หลบั ก็ไม่ได้เต็มที่เพราะกลัว 

82 ส ติ  เ ค ล ็ ด ล ั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น แต่พอผ่านพ้นคืนนั้นไปแล้ว  ความกลัวก็เร่ิมลดลง  จนกระทั่งถึง  คนื สดุ ทา้ ย วนั นนั้ เปน็ วนั ทม่ี ลี มมาก แลว้ ในปา่ กม็ ดี ว้ ยกนั แค ่ ๒ คน  คือตนเองกับอาจารย์รัตนพันธ์จากโรงเรียนมัธยมร่มเกล้า  คนอื่น  ที่มาเขากลับกันหมดแล้ว  ความกลัวก็กลับมาเกิดขึ้นอีกคร้ัง  กลัวมากเพราะตกกลางคืนมันวังเวง  มันเงียบอย่างไรชอบกล  แต่  หลวงตาทา่ นกไ็ มใ่ หย้ า้ ยกฏุ  ิ ใหอ้ ยทู่ เี่ ดมิ  จ�ำใจตอ้ งอยกู่ บั ความกลวั   แต่ก็ไม่มีอะไร  มีแต่ใจตัวเองเท่าน้ันที่คิดกลัว  หลังจากผ่านพ้น  คืนนั้นไปแล้ว  ก็มีความรู้สึกว่า  เออ...น่ีเรามันกลัวสุดๆ  แล้วนะ  ความอดทนมนั กเ็ กดิ สดุ ๆ แลว้  พอกลบั ออกจากวดั  ตวั เองกแ็ ปลกใจ  ท่ีจู่ๆ  ความกลัวน้ันมันได้หายไปจากใจ  กลับไปท่ีโรงเรียนช่วง  ปิดเทอมเงียบ  นอนอยู่คนเดียวก็ไม่รู้สึกอะไร  กลางคืนเปิดไฟ  หลอดเดยี วกอ็ ยไู่ ด ้ แตเ่ มอื่ กอ่ นนไี้ มไ่ ด ้ หลอดไฟมเี ทา่ ไรเปดิ ใหห้ มด  ที่เห็นได้ชัดก็น่ีแหละความกลัวหายไป  แล้วก็ได้ความมั่นใจมา  แทนท ี่ รจู้ กั ตวั เองขน้ึ บา้ ง รจู้ กั วา่ จติ ตวั เองคดิ แลว้ นะ ตอนนตี้ วั เอง  ก�ำลังทุกข์นะ  ท�ำอย่างไรจึงจะออกจากความคิด  ท�ำอย่างไรจึงจะ  ออกจากทุกข์ได้  มาปฏิบัติธรรมแล้วมันรู้ เมื่อก่อนไม่รู้ตอนน้ีก็  พอรบู้ า้ งแลว้  ถงึ แม้จะไม่มากแต่กร็ ู้จกั วิธี คือหลวงตาสอนบอกว่าให้ดูที่สติ  เวลายกมือข้ึนก็ให้รู้  เวลาเดินก็ให้รู้  ตัวรู้น้ันแหละคือตัวไม่ประมาท  เพราะถ้าเรารู้จัก  ทำ� ใจให้อยกู่ บั ปัจจุบันได ้ อนั นัน้ แหละคือวิธีการแก้ทุกข์ ถึงแม้การมาในคร้ังนี้  จะไม่ได้อะไรเยอะ  แต่ก็คิดว่าคุ้มค่า  กม็ คี วามรสู้ กึ วา่ อยากเขา้ มาปฏบิ ตั อิ กี  ตงั้ ใจเอาไวว้ า่ เมอื่ ไรมโี อกาส  แล้ว  จะเข้ามาอีกให้ได้  อย่างน้อยก็เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง  มันท�ำให้ตนเองเป็นคนใจเย็นลง  แต่ก่อนเป็นคนหงุดหงิดง่าย  เคยร�ำคาญ  เคยโกรธคนน้ันโกรธคนน้ี  บางทีคิดถึงอะไรถึงคนอ่ืน 

83 พ ร ะ พุ ท ธ ย า น ั น ท ภ ิ ก ขุ ทเี่ คยทำ� กบั ตนเองขน้ึ มาได ้ กเ็ กดิ โกรธขนึ้ มาเฉยๆ โดยไมม่ เี หตผุ ล  อาการเหลา่ นก้ี ค็ อ่ ยๆ ลดลง จติ มนั เรม่ิ หาเหตผุ ลวา่  ทำ� ไมเราตอ้ ง  เปน็ อยา่ งน้นั  ทำ� ไมเราตอ้ งเป็นอย่างน ้ี ก็เลยหาโอกาสท่ีจะมาอกี ก็พอดีช่วงนี้เมษา  โรงเรียนหยุด  อาจารย์สมภักดีนัดมา  ทำ� งาน เคลยี รอ์ ะไรเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้  กเ็ ลยเขา้ มา พอดเี ปน็ ชว่ งท ่ี คณะอาจารย์ทัศนีย์ท่ีมาจากกรุงเทพฯ  มาปฏิบัติร่วมด้วยพอดี  ตนเองมีเวลา  ๕  วัน  มาครั้งน้ีก็ต้ังใจเอาไว้ว่าจะต้องท�ำให้ดีที่สุด  ตอ้ งเหน็ อะไรละ่  เราตอ้ งทำ� ตอ้ งปฏบิ ตั  ิ เผอื่ จะไดอ้ ะไรนดิ ๆ หนอ่ ยๆ  ก็ยังดี  อย่างที่เขาว่าเห็นอะไรนะ  ดวงตาท่ีเห็นธรรมอะไรอย่างน้ัน  ก็ยงั ไม่เข้าใจ วนั แรกกบั วนั ท ี่ ๒ กเ็ ดนิ เรอื่ ยๆ ความงว่ งกไ็ มค่ อ่ ยมเี ทา่ ไหร ่ กค็ ดิ วา่ คงเปน็ เพราะเราเคยปฏบิ ตั มิ าแลว้  ความงว่ งมนั คงไมม่ าอกี   แลว้ ละ่  ก็ทำ� ความเพยี รได้ พอวันที่  ๓  ตอนเช้า  วันท่ี  ๒๐  เมษายน  ก็ออกมาท�ำ  วัตรเช้าตามปกติ  หลังท�ำวัตรหลวงตาก็เทศน์  ตัวเองก็นั่งสร้าง  จงั หวะไปดว้ ย ฟงั ไปดว้ ย คอื ในขณะนน้ั มอี ยชู่ ว่ งหนง่ึ ทจี่ ติ เรามนั ไป  สะดุดกับค�ำเทศน์ของท่าน  หลวงตาว่า  คนเรานี่ทุกข์เพราะความ  ยดึ มน่ั ถอื มนั่  ยดึ อะไรไปทวั่  บางทคี นมรี ถกย็ ดึ รถ บางคนมคี วามรกั   ก็ยึดความรัก  แต่พอมันมีเหตุการณ์เปล่ียนแปลงไม่เป็นไปอย่างที ่ ตนเองนึกคิด  ท�ำใจไม่ได้ก็เป็นทุกข์  ช่วงนี้ก็เลยมีความรู้สึกว่า  เมื่อก่อนก็เคยได้ยินได้ฟัง  แต่ฟังเฉพาะประสาทหูรับรู้  แต่วันน้ัน  รู้สึกว่ามันสะดุดเข้าไปในใจลึกๆ  มันเป็นอาการสัมผัสได้ด้วยใจ  เหมือนมีอะไรที่ถูกกระชากหลุดออกไปจากใจ  แล้วมันเกิดสว่าง  มนั โลง่ มนั วา่ ง มนั เยน็  ตวั เรานเ้ี หมอื นกบั ไมม่ นี ำ�้ หนกั  การกำ� หนดร ู้ ในการสร้างจังหวะมันเป็นอตั โนมัติของมนั เอง

84 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น ก็สร้างจังหวะพร้อมกับฟังหลวงตาเทศน์ไป  ใจหน่ึงก็คิดว่า  เอะ๊ ...เกดิ อะไรขนึ้ กบั ตวั เรา คดิ แลว้ กม็ าอยกู่ บั ปจั จบุ นั  ไมไ่ ดป้ รงุ แตง่   อะไร  เฝ้ารู้เฝ้าดูไปเร่ือยๆ  จนหลวงตาเทศน์จบแล้วก็มีการให้พร  ใหก้ ำ� ลงั ใจผปู้ ฏบิ ตั ใิ นตอนทา้ ยๆ กร็ สู้ กึ เกดิ ความซาบซง้ึ  เปน็ ความ  ตนื้ ตนั ใจ จนเกดิ อาการแนน่ หนา้ อกขนึ้ มา กน็ กึ ขนึ้ มาวา่  เอ.้ ..นเ่ี รา  เปน็ อะไร ความรสู้ กึ หนงึ่ กบ็ อกออกมาวา่ เรามาถกู ทางแลว้  ชวี ติ เรา  เดนิ มาถกู ทางแลว้  เรามาถกู ทแ่ี ลว้  เกดิ ความมน่ั ใจทส่ี ามารถเขา้ ถงึ   สาระของการเจริญสติแบบน้ีได้  แม้จะเป็นเพียงแค่เบ้ืองต้นก็ตาม  อกี สกั ครตู่ อ่ มากร็ สู้ กึ วา่ นำ้� ตามนั จะไหลเพราะความตน้ื ตนั ใจ ความคดิ   กเ็ กดิ ขนึ้ มาวา่  สงสยั เราจะไดเ้ หน็ อะไรสกั อยา่ งแวบ้ ๆ แลว้ ละ่  จากนน้ั   กไ็ ดน้ งั่ สรา้ งจงั หวะจนหลวงตาอนุญาตใหเ้ ขา้ กุฏิ เมอื่ เขา้ มาเดนิ จงกรมในกฏุ  ิ กย็ งั เปน็ ความสบายใจ จติ โลง่ ๆ  โปร่งๆ  เย็นๆ  คือชีวิตนี้ต้ังแต่เกิดมาก็เพ่ิงได้สัมผัสน่ีแหละ  ก็เลย  เกดิ ความคดิ ขนึ้ มาอกี วา่  วนั นจี้ ะตอ้ งทำ� ความเพยี รใหด้  ี จะตอ้ งเดนิ   ให้ได ้ เผอ่ื จะได้เหน็ อะไรอกี พอท�ำไปได้ประมาณช่ัวโมงกว่าๆ  อาการที่ว่านั้นก็ค่อยๆ  หายไป แลว้ กก็ ลายเปน็ ความงว่ ง ในวนั นน้ั ทง้ั วนั ความงว่ งมาเยอื น  ตลอด  ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร  พยายามหาอุบายแก้ง่วงด้วย  การลา้ งหนา้ บา้ ง เดนิ แรงๆ ไวๆ บา้ ง แตค่ วามงว่ งมนั กเ็ ขา้ มาบอ่ ย  ก็แก้ไขไปตามอาการ  ต่อมาก็เกิดอาการหงุดหงิด  ความง่วงมา  เยอะ  มันไม่ได้เป็นไปดังที่ต้ังใจไว้  คือวันน้ีตั้งใจจะอยู่กับตัวรู ้ ใหม้ ากๆ เดนิ ใหส้ ดุ ๆ แตป่ รากฏวา่ ความงว่ งมาเปน็ อปุ สรรค กเ็ ลย  หงุดหงิดกับความง่วง  แก้เท่าไรก็ไม่หาย  เป็นอยู่ตั้งนาน  ก็เลย  มาพิจารณาว่ามันเป็นเพราะอะไร  มันเป็นเพราะเราตั้งใจมากไป  หรอื เปลา่  วนั นนั้ ก็ผ่านไป

85 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า นั น ท ภ ิ ก ขุ พอวนั ท ่ี ๔ กม็ าเดนิ จงกรมจบั ความรสู้ กึ อกี  แลว้ อาการงว่ ง  มันก็หายไป  แต่ยังมีความหงุดหงิดบ้างเป็นบางคราว  มีอาการ  เมื่อยล้าปวดแข้งปวดขา  ปวดมากๆ  แต่ก็ไม่ยอมถอย  เดินไป  เรื่อยๆ จนกระท่ังถึงวันท่ ี ๕ วันท่ี ๕ นี้ เป็นวันที่ได้อารมณ์ท่ีสุด สำ� หรับการมาปฏิบัติ  ครงั้ ทสี่ อง ไดอ้ ารมณต์ ง้ั แตเ่ ชา้ จนกระทงั่ ถงึ สบิ โมงกวา่ ๆ ความงว่ ง  กแ็ วบ้ เขา้ มาอกี  มคี วามรสู้ กึ วา่ เราจะจดั การอยา่ งไรกบั มนั ด ี กเ็ ลย  ต้ังสติได้ว่า  เอ้า..ระหว่างความง่วงกับสติน้ีอันไหนจะเก่งกว่ากัน  ลองดูซิ  เอาสติฆ่าความง่วงดูมันจะได้ไหม  ก็เลยต้ังใจเดินแรงๆ  เดินๆๆๆๆๆ  พอเดินไปได้สักพักหน่ึงก็มีความรู้สึกว่าขนลุกขึ้นมา  เอะ๊ ...เปน็ อะไร กส็ ะบดั แรงๆ ทนี คี้ วามงว่ งมนั หายไปในปจั จบุ นั นนั้   เลย หายไปเหมอื นกบั วา่ เราไมเ่ คยมคี วามงว่ งมากอ่ น หลงั จากนนั้   ท้ังวันก็เดินได้อารมณ์ตลอด  พอตอนเย็นหลวงตามาสอบอารมณ ์ กเ็ ลยเลา่ ใหท้ า่ นฟงั  ทา่ นบอกวา่ เออดแี ลว้  อยา่ งนอ้ ยกเ็ รม่ิ เหน็ แสง  รบิ หรแี่ ลว้ ละ่  ไดฟ้ งั ทา่ นพดู แลว้ เรากม็ กี ำ� ลงั ใจ จนกระทงั่ ไดย้ นิ เสยี ง  ระฆังจึงได้หยุดปฏบิ ตั ิ วนั นนั้ เปน็ วนั ทไ่ี ดอ้ ารมณท์ สี่ ดุ ในการเขา้ ปฏบิ ตั  ิ กถ็ อื วา่ การ  ไดม้ าปฏบิ ตั ใิ นครงั้ นเี้ ปน็ ประสบการณท์ เ่ี ปน็ ประโยชนก์ บั ตวั เองมาก  มากทสี่ ดุ  คดิ วา่ เมอ่ื กอ่ นนเี้ ราเองเกดิ มาก ็ ๔๐ ปแี ลว้  ยงั ไมร่ จู้ กั วา่   ตัวเองทกุ ข์ หาทางออกจากทุกข์กไ็ ม่เป็น มนั ก็พอร ู้ แต่ไม่ใช่รู้สึก  ซง้ึ เหมอื นอยา่ งทไี่ ดป้ ฏบิ ตั นิ  ี้ เคยหาอา่ นหนงั สอื ธรรมะ อา่ นหนงั สอื   จิตวิทยาของหลายๆ  ท่าน  อ่านแล้วก็ไม่ได้อะไร  เขาก็บอกนะว่า  คนเรายดึ มนั่ ถอื มนั่ แลว้ ทำ� ใหต้ วั เองเปน็ ทกุ ข ์ เรากร็ บั รแู้ ตเ่ รากแ็ คน่ นั้   มันเป็นธรรมะท่ีรู้ในต�ำรา  มันไม่ได้เป็นธรรมะท่ีรู้ในตัวเรา  มันจึง  แกท้ กุ ขอ์ ะไรใหเ้ ราไมไ่ ด ้ จนบางครงั้ กเ็ กดิ วติ กขนึ้ มาวา่  เอะ๊ ...นเ่ี รา 

86 ส ติ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น เป็นอะไร  เราเป็นโรคจิตโรคประสาทหรือเปล่า  จนบางคร้ังก็อยาก  ไปหาจติ แพทย ์ เผอ่ื วา่ ทา่ นจะชว่ ยไดบ้ า้ ง แตพ่ อไดม้ าปฏบิ ตั ธิ รรม  แล้วรู้สึกว่า  เออเรามาถูกทางแล้ว เราได้เห็นทุกข์  เราทุกข์เพราะความคิดปรุงแต่ง  ความคิด  ที่เป็นความยึดมั่นถือม่ัน  เราทุกข์ที่ใจ  เราต้องแก้ท่ีใจของเรา  เม่ือก่อนจะเป็นว่า  ท�ำไมคนน้ันเขาท�ำอย่างนั้น  ท�ำไมคนน้ีเขาท�ำ  อยา่ งนใี้ หเ้ รา เราเองกท็ ำ� ดอี ย ู่ ทำ� ไมเขาตอ้ งมาทำ� อยา่ งน ้ี กท็ ผี่ า่ นมา  ค้นหาค�ำตอบให้กับตัวเองไม่ได้  ไม่เข้าใจตนเอง  แต่พอได้เข้ามา  สมั ผสั กบั อนั น ี้ ความสงสยั มนั สวา่ ง มนั ตอบตวั เองไดว้ า่  เออ...ทเ่ี รา  เป็นอย่างนี้เพราะอย่างน้ีนะ  เพราะตรงนี้นะ  ก็เร่ิมเข้าใจตนเอง  มากขน้ึ พอกลับไปท�ำงาน  ต้ังแต่ช่วงแรกที่มาปฏิบัติ  เจอครูเจอ  เพอ่ื นๆ เจอเหตกุ ารณอ์ ะไรทเี่ ราเคยโกรธ เคยวา่  เคยเกบ็ เอาไปคดิ   พอเขาพูดข้ึนมากระทบเท่านั้นแหละ มันคิดได้ไม่ถือสา  มันรู้ว่า  เปน็ ธรรมดาของผไู้ มร่  ู้ ในเมอ่ื เราไมถ่ อื สา ไมเ่ กบ็ เอามาคดิ  เราเอง  ก็ไม่ทกุ ข์ กลับไปบ้านเห็นแม่บ่น  ก็บอกว่าแม่อย่าบ่นเถอะ  บ่นได้  ก็ไม่มีประโยชนอ์ ะไร มีแตค่ นเขาจะเกลียดชัง พยายามทจ่ี ะพูดให้  คนในบ้านในครอบครัวได้ฟัง  อยากจะให้เขารู้  อยากจะชวนให้เขา  มาปฏิบัติ  แต่เขาก็ยังมาไม่ได้เขาอยู่ไกล  อ้างว่ามีภาระหน้าที่  มากมาย  ชวนพี่สาวน้องสาวเขาก็บอกว่าโอ๊ยไปต้ังเจ็ดวัน  ภาระ  ทางบ้านจะท�ำอย่างไร  วัวควายมีต้ังหลายตัว  ข้ออ้างเยอะแยะ  จนมาไม่ได้  ท่ีจริงอยากให้เขามา  ถ้ามาปฏิบัติแล้วจะได้อะไรเยอะ  อย่างน้อยก็จะต้องเข้าใจตัวเอง  ห่วงที่สุดก็คือแม่  เพราะท่าน  เป็นคนคิดมาก  คิดมากจนกระท่ังเป็นความทุกข์  แต่ท่านไม่รู ้

87 พ ร ะ พุ ท ธ ย า นั น ท ภ ิ ก ขุ ปกตเิ ราเปน็ คนคดิ มากแตแ่ มก่ ก็ ลบั ยงิ่ เปน็ คนคดิ มากกวา่  เพราะแม ่ ไมพ่ ยายามฝกึ จติ  เรากพ็ ยายามพูด แมเ่ องกช็ อบไปบวชทว่ี ดั โนน้ วดั น ้ี ไปบวชแตล่ ะทน่ี งั่ เปน็ คนื ๆ  แมบ่ อกวา่ นงั่ เปน็ คนื  ถามวา่ ท�ำแลว้ แมไ่ ดอ้ ะไร กน็ ง่ั ท�ำสมาธทิ ำ� ใจ  ให้สงบ  แม่ก็พูดอย่างนั้น  ความจริงฟังๆ  ดูแล้วเหมือนกับไปอยู ่ แตแ่ มย่ งั ไมไ่ ด ้ แมย่ งั ไมเ่ จอ เพราะพฤตกิ รรมมนั ฟอ้ ง แมป่ ลงไมไ่ ด ้ เรากอ็ ยากใหแ้ มม่ า คือเม่ือเรามาปฏิบัติแล้ว  ก็อยากให้คนอ่ืนมารู้มาเห็นด้วย  ว่าอย่างนี้ก็มี  เราไม่เคยพบเคยเห็น  เราก็มาเจอแสงสว่าง  มาเจอ  แสงธรรม อยากใหค้ นอนื่ รบั รดู้ ว้ ย แตบ่ างคนเขากไ็ มเ่ ขา้ ใจ ถา้ เผอ่ื   มีโอกาสก็อยากจะชักชวนทุกๆ  คน  ถ้าเขารับได้แล้วจะเล่าให้ฟัง  อย่างอาจารย์เพชรีนี้พอคุยให้เขาฟังแล้ว  เขารู้สึกอยากมาทดลอง  พอมาแลว้ กไ็ ดผ้ ล เพราะเขาตงั้ ใจปฏบิ ตั  ิ อยา่ งนอ้ ยเราเองกภ็ มู ใิ จวา่   ไดช้ ว่ ยชท้ี างแกท้ กุ ขใ์ หเ้ ขาได ้ เราชวนใหเ้ ขามาดมู ารมู้ าเหน็  ใหเ้ ขา  มาสัมผัสด้วยตัวของเขาเอง  คือการเล่าน้ีบางทีเขาอาจไม่เข้าใจ  แต่หากใครได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะรู้  อันน้ีถือเป็นประโยชน์  อย่างย่ิง  เป็นประโยชน์แก่ตนเองอย่างแท้จริง  เป็นเรื่องเฉพาะตน  ใครทำ� คนนัน้ ก็รู้กเ็ ห็น ฟังการเล่านี้คงเปน็ ไดแ้ ตร่ ับรู้  คดิ วา่ จะนำ� สง่ิ ทไ่ี ดน้ ไ้ี ปเปน็ แนวปฏบิ ตั  ิ อยา่ งนอ้ ยๆ กค็ วบคมุ   ใจตนเอง ควบคมุ ความคดิ  รเู้ หน็ เขา้ ใจความคดิ ของตนเอง รจู้ กั วธิ ี  แกท้ กุ ขท์ เ่ี กดิ จากความคดิ  ถงึ จะแกไ้ ดน้ ดิ ๆ หนอ่ ยๆ กย็ งั ดกี วา่ ไมร่ จู้ กั   อะไรเลย  ถ้าไม่รู้แล้วไปแก้อันนี้  มันไม่ถูกจุดแล้วทุกข์มันก็ไม่ดับ  คิดวา่ เป็นประโยชนม์ ากค่ะสำ� หรบั ความรทู้ ี่ได้จากการปฏบิ ตั ธิ รรม



ปิดเทอม...เติมสติ เดก็ ชายพจน ์ แสนสภุ า ผมชอื่  พจน ์ นามสกลุ  แสนสภุ า อยทู่ กี่ รงุ เทพฯ เรยี นอยทู่ โ่ี รงเรยี น  สรุ ศกั ดมิ์ นตร ี ชน้ั  ม. ๑ นา้ องึ่ ชวนมาปฏบิ ตั ธิ รรม ตอนนปี้ ดิ เทอม  พอดกี เ็ ลยมา แมก่ บั พกี่ ม็ า ไมร่ จู้ ะอยกู่ บั ใครกเ็ ลยมาดว้ ย ทม่ี าปฏบิ ตั  ิ ธรรมก็ได้อะไรหลายๆ  อย่าง  ได้สติ  ได้ความอดทน  ขยันขึ้น  สามารถนำ� ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั กไ็ ด ้ เชน่  ในการเรยี นหนงั สอื  ให ้ สตจิ ดจอ่ อยู่กบั การเรียนก็คงจะท�ำให้เรียนดีขึ้นครับ เหตุผลท่ีมาท่ีนี่อีกอย่างหนึ่งก็คือ  แต่ก่อนมีปัญหาเร่ือง  คดิ มากครบั  กค็ ดิ ไปโนน่ ไปนต่ี ามประสาเดก็  กย็ งั ไมค่ อ่ ยรเู้ รอื่ งเทา่ ไหร ่ พอมานี่ก็หลวงตาก็สอนให้ตัดความคิด  วันน้ีตื่นสายก็เสียใจครับ  หลวงตาก็เลยบอกว่าไม่ต้องไปคิดมัน  มันเป็นอดีตไปแล้วก็ปล่อย  มันไปเลย  เลยไม่คิดอะไรมาก  ก็เลย  “อ๋อ”  ข้ึนมาครับว่าน่ีถ้าเกิด  เราไมค่ ดิ มากมนั กไ็ มก่ ระวนกระวายใจเทา่ ไหร ่ ทำ� ใหเ้ รามสี ต ิ ใหอ้ ย่ ู ในปจั จบุ นั ดกี วา่  กถ็ า้ จติ เราเกดิ อยกู่ บั อนาคตมนั กย็ งั มาไมถ่ งึ  อดตี  

90 ส ติ  เ ค ล็ ด ล ั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น ก็ผ่านไปแล้ว  คิดไปก็ไม่ได้อะไรปวดหัวเปล่าๆ  ก็อยู่กับปัจจุบันให ้ ดีท่ีสุด  แต่มันก็คิดถึงอนาคตการงานอาชีพต่างๆ  ถ้าโตขึ้นไปแล้ว  จะท�ำอะไรอยา่ งไร พอมาฟังหลวงตาบอกว่า  นี่เผลอๆ  อาจตายก่อนโตก็ได ้ นอน  หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว  ไม่ได้ไปท�ำส่ิงในอนาคต  น่ีก็จึงเก็บมาคิดดูว่าท�ำไมมันจะตายง่ายจัง?  มันก็จริงอยู่นะครับ  ถ้าเกิดมันไม่เท่ียงชีวิตเปลี่ยนไปเร่ือยๆ  เหมือนกระติกน�้ำนี่คิดว่า  มันน่าจะเป็นอยู่อย่างนี้แต่สักวันหน่ึงพอท�ำหล่นมันก็แตก  คือมัน  พร้อมจะเปลย่ี นแปลงของมนั อยา่ งนน้ั พอมาที่นี่  รู้สึกเหมือนสบายข้ึน  วันแรกนี่จะงงๆ  ท�ำไป  ทำ� ไม เดนิ ไปมนั จะไดอ้ ะไร สรา้ งจงั หวะไปท�ำไม เดนิ ไปแลว้ คดิ ถงึ   น่ันถึงนี่  พอเดินไปเดินมาคิดไปคิดมามันเบ่ือ  อยากนอนก็เลยไป  เติมน้�ำดีกว่า  พอไปเติมน�้ำเสร็จหลวงตาก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง  กต็ อบทา่ นวา่ ยงั ไมร่ เู้ รอ่ื งเทา่ ไหร ่ หลวงตากแ็ นะน�ำวธิ  ี อบุ ายธรรม  ต่างๆ  ผมก็ถามว่าท�ำไปแล้วมันได้อะไรครับ  หลวงตาก็บอกว่า  มนั ทำ� ใหเ้ รามสี ตริ  ู้ กถ็ ามวา่ รแู้ ลว้ มนั รทู้ กุ อยา่ งรเึ ปลา่ ครบั  หลวงตา  ก็บอกว่ารู้ทุกอย่าง  แต่ไม่บอกมากครับให้ไปปฏิบัติเอาเอง  ก็เดิน  จงกรมไปสงสยั ไป พอดีมีหลวงพ่ีปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ  ก็เลยถามหลวงพ่ี  ท่านบอก  วา่ อยา่ ไปสงสยั มนั  สงสยั มนั กเ็ ปน็ ทกุ ข ์ แลว้ กค็ ดิ ไดว้ า่  เออ้ ...ทเี่ รา  มาปฏบิ ตั ธิ รรมนจี่ ะทำ� ใหเ้ ราหายทกุ ขไ์ มใ่ ชห่ รอื  ทำ� ไมใหเ้ ราเปน็ ทกุ ข์  ด้วยล่ะ  เราก็เลยไม่คิดครับ  พอไม่คิดมันก็ดีข้ึน  บางทีก็  เอ้อ...  สบายๆ  โล่งๆ  สงบๆ  เดินไปก็มีสมาธิ  มันก็ตึกๆ  ไปเร่ือยๆ  แต่  บางคร้ังก็ไม่ได้ยินเสียงครับ  เร่ิมท�ำให้มันน่ิงลงนิ่งลง  มันก็ได้  ความรู้สึกเยอะข้ึน  แต่ถ้าเกิดสร้างจังหวะมันจะง่วงครับ  ก็ลองมา 

91 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภ ิ ก ขุ เดนิ ก�ำหนดรดู้  ู กเ็ ปลย่ี นไปเรอื่ ยๆ ถา้ เกดิ เมอื่ ยกม็ านง่ั สรา้ งจงั หวะ  ท่ียกมือนี้ก็จะให้ระลึกรู้ไว้ด้วยครับ  สร้างจังหวะน่ีมันละเอียดมาก  มีถงึ  ๑๔ ทา่  เดนิ มแี ค่ ๒ สรา้ งจังหวะก็เลยดีกว่า เมื่อปฏิบัติเสร็จแล้วน่ีจะมีผลอย่างไรต่อชีวิตประจ�ำวัน  ก็ดี  ครับ  ท�ำให้เรารู้จักตื่นเช้าข้ึน  ท�ำให้เวลาน้ีมีค่า  ท�ำให้ได้อะไรๆ  หลายๆ อยา่ ง สตกิ ไ็ ดค้ รบั  เดนิ ไปไหนมาไหนกไ็ มค่ ดิ มาก ความคดิ   น่ีมันเป็นทุกข์  เราก็เลยไม่คิด  มันก็ไม่เป็นทุกข์  รู้ว่าอะไรเท่ียง อะไรไมเ่ ทย่ี ง ทุกอยา่ งไม่เทีย่ งบ้างสมมุตบิ ้าง อันน้กี ็สมมตุ ิวา่ เป็น พ่อเป็นแม่  เขาตายไปเราก็เสียใจนิดหน่อย  ปล่อยไปครับยังไงเขา กไ็ ม่กลับมา หลวงตาเคยบอกวา่  คำ� พดู นะ่ มนั ผา่ นไปแลว้ ไมต่ อ้ งไปคดิ มนั   ผมก็ลองท�ำดู  ก็ไม่คิดจริงๆ  ถ้าเกิดมีคนมาด่าเรา  ถ้าเก็บมาคิดน ี่ มันก็มีเรื่อง แต่ถ้าเกิดไม่คิดน่ี จะด่าก็ด่าไปอยู่เฉยๆ ทำ� อะไรก็ท�ำ  ไปเถอะ อยเู่ ฉยๆ น่นั แหละ นงั่ สร้างจังหวะไป ทำ� วันนีใ้ หด้ ีทสี่ ดุ แตก่ อ่ นนผ้ี มชอบเครอื่ งรางของขลงั  แตพ่ อมาอยทู่ น่ี หี่ ลวงตา  ทกั วา่  “ใสไ่ ปทำ� ไมสรอ้ ยพระ” กเ็ ลยถอดออก เพราะใสไ่ ปกเ็ ทา่ นน้ั   แหละ  เกะกะคอเปล่าๆ  ก็มันไม่ได้ช่วยอะไรครับ  สติเท่านั้นแหละ  ที่ช่วยเราได้  สติอยู่กับตัวก็จะท�ำให้เราไม่กลัว  คืนแรกก็กลัวมาก  ครับ  กลัวว่าจะมีผีอะไร  มาท่ีวัดน้ีเขาบอกว่ามันไม่มีผีหรอก  ผี  ไม่มีจริง  ผมก็เลยถามว่าผีไม่มีจริงท�ำไมพระพุทธเจ้าถามเทวดา  คอื ถา้ เทวดามผี มี นั กน็ า่ จะมอี ะไรอยา่ งน ้ี กโ็ อยงงๆ ถา้ เกดิ เราคดิ วา่   ผีไม่มีมันก็ไม่มีล่ะนะ  นอนไปได้สบาย  นอนคืนแรกก็กุมพระไว้ยัง  ไมอ่ ยากคอ่ ยเชอื่ เทา่ ไหร ่ พอมาคนื ท ่ี ๒ กก็ มุ พระไปกเ็ มอ่ื ยมอื เลย  ไมก่ มุ ดกี วา่  นอนไปมนั กห็ ลบั สบาย สามทมุ่  ดกึ มนั งว่ งพอมนั งว่ ง  เสร็จ มันกห็ ลับไปเลยไม่ได้คิดอะไร

92 ส ต ิ  เ ค ล ็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น มาทนี่ ช่ี ว่ งแรกๆ ทำ� วตั รกแ็ ทบไมไ่ ดท้ ำ�  ไมค่ อ่ ยทนั เขาเทา่ ไหร ่ มันต่ืนสาย  บางคร้ังนอนหลับน่ีไม่ค่อยได้ยินเสียงระฆังเลยครับ  เพราะฝัน  มันเป็นอารมณ์เกิดจากความคิดยังค้างคาอยู่ในใจ  คดิ ไปแลว้ กฝ็ นั  ทำ� ใหเ้ ราตน่ื สาย กพ็ ยายามไมฝ่ นั  ทำ� ไงถงึ จะไมฝ่ นั   ล่ะ  ก็มันเกิดจากความคิดใช่ไหม  แล้วมาดับที่ความคิด  ใช้อะไร  ดับความคิด  ก็ใช้สติปัญญาน่ีแหละดับ  ต้องมีสติรู้สึกตัวขณะนอน  มันก็จะไม่คิดมันก็จะไม่ฝัน  ก็ต่ืนเช้าข้ึน  พอตื่นเช้าก็ทันคนอ่ืนเขา  กท็ ำ� ใหเ้ ราไมอ่ บั อายเทา่ ไหร ่ แตถ่ งึ จะตน่ื ไมท่ นั กไ็ มเ่ ปน็ ไร เพราะวา่   มนั เปน็ ธรรมดาครบั  ทกุ อยา่ งมนั ตอ้ งมผี ดิ พลาดบา้ ง ทกุ สง่ิ มนั เปน็   อนิจจงั  มันไมเ่ ทย่ี งก็เลยปลอ่ ยๆ ไป กินอาหารตอนแรกนี่มื้อเดียวไม่รู้ว่าจะอยู่ได้หรือเปล่าแต ่ ก็อยู่ได้  กินไปตอนแรกก็ตักเยอะๆ  ตักเยอะเข้ามันก็อ่ิมแล้วมันก็  งว่ ง บางครง้ั กเ็ หลอื  เดยี๋ วนไี้ มเ่ หลอื ครบั  ตกั พอด ี พอมนั เหลอื แลว้   ก็รู้สึกเสียดาย  เขาอุตส่าห์ถวายทานให้  ท�ำทานยังเหลือกินอีก  คนอ่ืนเขาไม่ได้กินเรารู้สึกเสียใจ  แล้วก็เลยกินแต่พอดีไม่กินเยอะ  มาก รปู้ ระมาณจะไมง่ ว่ ง มานี่ผมวา่ ช่วงแรกๆ ที่ใหเ้ ดินจงกรมในป่า กด็ คี รบั  เพราะ ว่ามันได้อารมณ์ดี  ออกมาปฏิบัติอยู่ข้างนอกมันไม่อุดอู้เท่าไหร ่ แตถ่ า้ ใหอ้ ยกู่ ฏุ คิ นเดยี วแลว้ มนั จะเหงาๆ กเิ ลสมนั จะท�ำใหเ้ รา โอย๊ !  ไม่มีใครเห็นหรอก  นอนๆๆ  แต่เรามาเพ่ือฝึกสติ  ก็ต้องใช้สติว่า  ถ้าเกิดมีคนเขาเห็นล่ะ  ท�ำไงก็จะไม่นอน  ถ้าเกิดอยู่ป่าไผ่มี  คนคมุ กด็  ี อยากปรกึ ษาใครกป็ รกึ ษาได ้ ปรกึ ษากบั หลวงพก่ี ป็ รกึ ษา  ได้  หลวงพี่ก็บอกเป็นแนวๆ  ให้  แต่ไม่ยอมบอกจริงๆ  ให้สักที  แบบ เฮอ้ ...ทำ� ไมไมบ่ อกจรงิ ๆ ไปเลย เอา้ ..ถา้ เกดิ บอกจรงิ ไปแลว้   กไ็ มไ่ ดป้ ฏบิ ตั เิ อง แลว้ กไ็ มร่  ู้ รไู้ มน่ าน ไมร่ ดู้ ว้ ยตนเอง รโู้ ดยคนอน่ื  

93 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า นั น ท ภ ิ ก ขุ แต่ผมก็ว่าดนี ะ ผมก็อยากรู้ด้วยคนอ่ืนนะครับ  เพราะปฏิบัติเองมันต้องใช ้ เวลานาน  แต่หลวงพี่ก็บอกว่าปฏิบัติเองน่ะมันจะดีกว่า  มันจะได ้ อะไรหลายๆ อยา่ ง ไดเ้ ยอะ กย็ งั สงสยั อยนู่ นั่ แหละ แตค่ วามสงสยั   มันทำ� ให้เป็นทกุ ข ์ ก็เลยไมส่ งสยั ก็เลยดีไป กม็ นั ไมม่ าสกั ท ี ไอป้ ญั ญารรู้ ปู นามนค่ี รบั  กเ็ ดนิ ไป หลวงพี ่ กบ็ อกวา่ มนั ไมใ่ ชม่ นั จะมางา่ ยๆ ตอ้ งเดนิ ไปเรอ่ื ยๆ เพม่ิ ความรสู้ กึ ตวั   เพิ่มให้มากๆ มากเข้าเหมือนนำ้� ที่มันเต็ม มันจะล้นออกมาเอง ก ็ เลยพยายามเพมิ่ ใหม้ นั มากๆ เดนิ ใหไ้ ดเ้ รอ่ื ยๆ มนั กท็ ำ� ไดไ้ มน่ านครบั   ถา้ ไดอ้ ารมณก์ จ็ ะเดนิ ไดน้ าน มนั เปน็ บางวนั  อยา่ งวนั ท ่ี ๒ นค่ี รบั   เกิดได้อารมณ์ใจเป็นสมาธิ  เดินอยู่อย่างน้ันต้ังแต่เท่ียงจนเย็น  ก ็ ไม่คอ่ ยเมอ่ื ยขาเทา่ ไหร ่ มันสบาย เม่อื ยเท่าไหรก่ ็หาย ผมชอบฟังเทศน์  มาวัดนี้เขาเทศน์อะไรดีมาก  เทศน์เป็น  คติสอนใจอะไรต่างๆ  ท�ำให้เรารู้ว่าเนี่ยมันควรนะมันไม่ควรนะ  ในบทสวดท�ำวัตรก็เหมือนกัน บทสวดแปลน่ีมันจะบอกว่า อะไร  เป็นทุกข์  เราควรท�ำอย่างไร  แล้วก็น�ำมาใช้กับการปฏิบัติธรรมน ี้ ก็ได้  เม่ือรู้ว่ามันเป็นทุกข์ก็จะแก้ได้  เพราะว่าบทสวดมันเป็น  คำ� สอน ฟงั เทศนน์ ก้ี ฟ็ งั เพลนิ  บางครงั้ กห็ ลบั บางครงั้ กง็ ว่ งๆ เคลม้ิ ๆ  แตห่ ลังๆ กแ็ ก้ไดค้ รบั  ท�ำตาให้มันโตๆ ไว้ก็ไม่หลับ ถา้ เกิดหลบั น่ี ก็มายืดแข้งยืดขา  แต่ไม่รู้เคยได้ยินอะไรหรือเปล่าในบทสวด  เขา  บอกว่าบิดข้ีเกียจก็ไม่ดีไม่ควรท�ำอะไรอย่างนี้  ก็เลยไม่ค่อยอยาก  จะบิดเท่าไหร่  ก็อดทนไปก็ได้ความเพียรเพ่ิม  เพียรแล้วก็ท�ำให ้ เราส�ำเร็จ ถ้าเราไม่สำ� เร็จน่ี คนอื่นเขาสำ� เร็จได้ เราทำ� ไม่ได้ ไม่รู้ ทำ� ไม แตก่ ต็ อ้ งทำ� ไปครับ เผื่อได้

94 ส ต ิ  เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น หลวงพี่บอกว่ามันอยู่ท่ีความอดทนด้วย  ถ้าเกิดอดทนได ้ น่ีก็ถือว่าได้ไปเยอะแล้ว  ท�ำให้เรามีความเพียรขึ้น  แต่ถ้าเราเกิด  เม่ือยน่ีเราต้องมีศรัทธาครับ  ถ้าไม่มีศรัทธามันก็จะ  โอ้ย!  เบื่อ  ท�ำไปก็เท่านั้นแหละ  เราต้องมีศรัทธาท�ำไปเรื่อยๆ  คล้ายๆ  ว่า  น่ีถ้าเกิดเราท�ำต่อไปน่ี  เด๋ียวมันจะเห็นเอง  เดินต่อไปอีกนิด  เด๋ียวก็จะเห็น  อีกนิดเดียวก็จะเห็น  ท�ำอย่างนี้ไปเร่ือยๆ  ครับ  แต่มันกอ็ ดทนไมค่ อ่ ยไหว กเ็ ลยมาน่ังบ้าง เดินบ้าง ไปกนิ น้�ำบ้าง บางทนี เี่ ราจะรเู้ ลยวา่ นำ้� เพง่ิ จะกนิ เมอื่ ตะกนี้  ี้ ทำ� ไมตอ้ งกนิ อกี   เพราะกเิ ลสน ่ี กเิ ลสมนั วา้ เหวค่ รบั  มนั อยากใหเ้ รากนิ  มนั อยากให้  เราไปทำ� โนน่ ทำ� น ่ี ทไ่ี มไ่ ดท้ ำ�  มนั อยากใหเ้ ราสนกุ  แตเ่ รากพ็ ยายาม  ครบั  มนั กห็ า้ มใจไมค่ อ่ ยไดเ้ ทา่ ไหร ่ แตถ่ า้ เกดิ ไดก้ นิ มนั กไ็ มค่ อ่ ยงว่ ง  กินน้�ำมันสดชื่น ถ้าเกิดกินไปแล้ว เราก็จะไปเข้าห้องนำ้� อีก มันก็  จะไมด่ เี ทา่ ไหร ่ มันก็จะไมต่ ่อเนอ่ื ง ท้ังหลวงตาและหลวงพ่ีบอกว่า  ท�ำอะไรให้มีสติสัมปชัญญะ  ให้มันรู้สึกตัวตลอดเวลา  อย่างผมน่ีอาบน�้ำน่ีไม่ค่อยรู้สึกตัว  คิด  ไปโน่นไปน่ีไปหมดเลย  แล้วก็ถ้าเกิดเราคิดอย่างน้ี  มันก็จะกลาย  เป็นศูนย์  เราก็ต้องเร่ิมท�ำใหม่  มันก็จะท�ำให้เสียเวลาโดยใช่เหต ุ เพราะฉะนน้ั เรากจ็ ะกำ� หนดร ู้ ยกขนั ขน้ึ เทนำ้� ลง ตกั นำ�้ กา้ วขยบั เทา้   เทน้ำ�  กย็ ากเหมือนกนั ครับเพราะมันมีเสยี งทั้งสมั ผัส ท้ังรสู้ กึ อะไร  ต่างๆ  เต็มไปหมด  ก็ท�ำได้ยาก  เราก็พยายามท�ำดู  ก็เอาหลวงพ ่ี เป็นแบบอย่าง  หลวงพี่ก็ท�ำให้ดู  เขาก็จะเดินตลอด  สร้างจังหวะ  ก็สร้างตลอด  ไม่ค่อยจะพักเท่าไหร่  ถ้าพักก็ตอนที่ยืดเส้นยืดสาย  ครับ  ตอนที่เกิดความง่วงก็เป็นธรรมดาต้องมีกันบ้าง  เราก็ง่วง  เหมือนกัน  ก็ท�ำตามแบบเขา  หลวงพี่ก็ดีครับ  หลวงพ่ีท�ำให้เราดู  ใหค้ ำ� ปรึกษา หลวงตากเ็ หมือนกนั ปรึกษานัน่ ปรึกษานไ่ี ด้

95 พ ร ะ พุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ เวลาเราไดอ้ ารมณ ์ จติ เราเปน็ เหมอื นมนั โลง่ ๆ เยน็ ๆ สบาย  ข้ึนมา  มันไม่เมื่อยแล้วล่ะ  มันไม่เมื่อยขา  เดินได้เดินไป  แล้วมัน  ก็ไม่คิดอะไร  ไปเรื่อยๆ  ได้อารมณ์เดินไปสงบ  แบบมันเหมือนจะ  เห็นแต่มันยังไม่เห็นครับ  ยังอีกนิดเดียวมันก็จะเห็นครับ  ถ้าเกิด  อารมณ์หายนี่  จะเสียใจครับ  เขาบอกหายไปเดี๋ยวมันก็จะขึ้นมา  ใหม่  ก็พยายามสร้างจังหวะไป  อารมณ์ก็ขึ้นมาใหม่  ขึ้นมาเร่ือยๆ  แตจ่ บั อารมณไ์ มค่ อ่ ยอยเู่ ทา่ ไหรค่ รบั  เพราะวา่ กเิ ลสมนั เยอะกวา่  ให ้ มนั นงิ่ ๆ ครบั อยา่ ไปคดิ อะไรมนั  ถา้ เกดิ คดิ อะไรมากป็ ลอ่ ยใหม้ นั คดิ   ไปครับ  เดินไป  น่ังสร้างจังหวะไปอย่างเดียวแล้วอารมณ์มันจะทัน  ความคิด เมือ่ ความคิดหายไปมันจะเปน็ ความรสู้ กึ ทมี่ ันว่างๆ ผมก็  ไมเ่ ขา้ ใจเหมอื นกนั วา่ ทำ� ไมมนั ถงึ วา่ ง กเ็ ลยทำ� ไป ทำ� ไป เออ! ทำ� ไม  ตอนนี้เราถึงมีความสุขจังเลยนะ มาน่ังทำ� อย่างน้ีอยู่กับปัจจุบันน ี่ มันเป็นอะไรท่ีวิเศษมาก  เดินไปก็  เออ...พื้นน้ีก็อย่างนี้นะ  ทั้งเย็น  ทง้ั ขรขุ ระ ทงั้ แขง็ ทง้ั อะไร แลว้ กใ็ นเมอ่ื พน้ื มนั เปน็ อยา่ งไร เทา้ เรา  ก็รู้ว่านี่เราเหยียบพื้นอยู่นะเนี่ย  เอ้อ...เราก็สนุกครับ  เท้าเราก็  เหยยี บพน้ื อย ู่ มนั นา่ จะเปน็ อยา่ งนต้ี งั้ นานแลว้  แตม่ นั เพง่ิ มารสู้ กึ ดี  เอาตอนทม่ี าปฏบิ ัตไิ ดอ้ ารมณ์ปัจจบุ นั นแ่ี หละ มันกใ็ ช้ไดค้ รบั อารมณ์น่ีก็ปรึกษากับหลวงพี่  หลวงตา  นะครับ  แล้วก็มา  ปฏิบัติดู  ก็ประมาณวันที่  ๒  ของการมาปฏิบัติ  ก็ท�ำได้  แต่หลังๆ  ท่ีเข้ากุฏิไปนี่มันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ครับ  มันก็เดินๆ  ลืมๆ  เดินๆ  ลมื ๆ เดย๋ี วกไ็ ปจดั โนน่ จดั น ี่ เพราะมนั ไมเ่ ขา้ หเู ขา้ ตา เลยเดนิ ไปจดั   ไป  กว่ามันจะได้อารมณ์ก็ต้ังนาน  ประมาณ  ๓  โมงเช้า  อารมณ์  มนั ถึงก�ำลงั ดี มนั จะปฏิบตั ไิ ดด้ ขี ้นึ  จะนิง่ แข็งสบาย มันจะแข็งแบบใจเราติดกับกายครับ  มันอยู่ด้วยกัน  เดินไป  มันก็จะรู้  รู้หมดเลยครับ  ถึงแม้หัวสั่นๆ  ดิกๆ  ก็ยังรู้ครับ  ตาเรา 

96 ส ติ   เ ค ล็ ด ลั บ ม อ ง ด้ า น ใ น กระพริบน้ีก็รู้  รู้พอสมควร  ลิ้นเราน่ีมันก�ำลังกลืนน้�ำลายไปเราก็รู ้ มอื เราสรา้ งจงั หวะเรากร็  ู้ กส็ บาย ๓ โมงเชา้ ถงึ  ๕ โมงเยน็  เหมอื น  อยากให้เวลามันยืดออกไปครับ  แต่ถ้าเกิดบางวันเราไม่ได้อารมณ ์ ใจเรามนั จะไปเรง่ เวลา อยากทำ� ใหม้ นั เรว็ ขนึ้  เมอื่ ไหรม่ นั จะไปเรว็ ขนึ้   เวลามันก็เดินไปตามมันแหละครับ  แต่จิตใจเราน่ีไปเร่งมัน  พอไป  เรง่ มนั  มนั กไ็ มเ่ รง่ ตาม พอเรง่ มนั เรากเ็ ปน็ ทกุ ข ์ มนั กเ็ ดนิ อยอู่ ยา่ งนน้ั   ของมนั  เดย๋ี วพระกต็ รี ะฆงั เอง คอื  จะทำ� อะไรเรง่ ไปกเ็ ทา่ นนั้ แหละ  ก็เลยมาสรา้ งอารมณด์ กี วา่  สรา้ งสติสรา้ งความรสู้ ึก พอดึกมากๆ  มันจะรู้สึกดีครับ  รู้สึกสนุก  สนุกกับการท่ีเรา  ทำ� แบบน ้ี จติ ดพี อสมควร สว่ นมากใหค้ วามรสู้ กึ ตวั ดคี รบั  มนั คดิ อย่ ู เราก็พยายามดึงมันกลับมาหาความรู้สึกครับ  แล้วตอนน้ีเราก�ำลัง  เดินอยู่  คิดไปเด๋ียวมันก็หายไปครับ  หลวงตาบอกว่าเหมือนกับด ู รถ ใหเ้ ราดไู ปเฉยๆ มนั กผ็ า่ นไป ผา่ นไป เกดิ เราไปขนึ้ เนย่ี กไ็ มร่ วู้ า่   เขาจะไปส่งเราถึงที่หรือเปล่า  บางทีเขาอาจจะทิ้งเราลงกลางทาง  อยา่ งนเี้ รากเ็ ดนิ กลบั ไป กต็ อ้ งใชเ้ วลานาน เพราะฉะนน้ั อยา่ ยดึ ตดิ   กับความคิดดีกว่า  ก็ท�ำให้ตอนนี้มันไม่อยากอยู่กับความคิดแล้ว  มันเกิดความรังเกียจครับ  รังเกียจความคิดเลยไม่อยากคิด  แต่ถ้า  เกิดเป็นความคิดที่มันสนุกเน่ียมันก็ตัดยากเหมือนกันนะครับ  ก็พยายามตัดโดยใช้ความรู้สึก  ความว่าง  ความเฉย  ปล่อยมันไป  มนั กเ็ ท่านัน้ แหละ ไปเร่อื ยๆ มนั ก็ไม่ไดม้ าตดิ กับอะไรเรา เรอ่ื งภายนอกอยทู่ บี่ า้ นนก่ี ต็ อ้ งรจู้ กั ปลอ่ ยวาง วา่ เนย่ี สง่ิ ของน้ี  วนั หนงึ่ เปน็ ของเรา อกี วนั หนง่ึ อาจเปน็ ของคนอนื่  ของมนั ไมเ่ ทยี่ ง  ไมใ่ ชว่ า่ มนั จะอยกู่ บั เราตลอดไป ถงึ มนั อยเู่ รากต็ อ้ งแยกจากมนั อยดู่  ี ครบั  ตอ้ งมกี ารเกดิ ดบั  ของทกุ สง่ิ มนั มอี นจิ จงั ครบั  เรากป็ ลอ่ ยวาง  มันได้เพราะว่ามันไม่เที่ยง  พอเห็นมันไม่เที่ยงแล้วก็ไม่อยากจะยุ่ง 

97 พ ร ะ พ ุ ท ธ ย า น ั น ท ภิ ก ขุ กับมนั  แล้วอยากรอู้ ยากยงุ่ อะไรที่มนั เที่ยงๆ  คือได้ก�ำไรมากครับ  ได้ความรู้สึกนึกคิดได้ปัญญา  รู้ว่าเรา  เปน็ อยา่ งไร นแี่ ตก่ อ่ นเราเปน็ อยา่ งไร ความคดิ เรามอี ยา่ งไร ความคดิ   เรามากแค่ไหน  ความสงสัยเรามีแค่ไหน  ความทุกข์มันมีแค่ไหน  เราจะท�ำอย่างไรให้มันหายทุกข์  ก็เกิดความรู้สึกที่จะดับมัน  ดับ  ความรสู้ กึ ทเ่ี ปน็ ทกุ ข ์ ความรสู้ กึ ทไ่ี มอ่ ยากใหม้ นั เปน็ อยใู่ นใจ ความ  รู้สกึ ตวั มันขับไลท่ ุกขก์ อ็ อกไปเองครับ มาที่น่ีก็ได้ความอดทน  ความศรัทธา  ความเพียร  ความ  มสี ตใิ นการชว่ ยตดั ความคดิ  แลว้ กค็ วามอดทน อดทนไปกไ็ ดอ้ ะไร  หลายอย่าง ถ้าเป็นเด็กน่ีส่วนใหญ่เราจะคิดว่ามันไม่รู้หรอก  แก่ๆ ไป  คอ่ ยปฏบิ ตั ใิ ชไ่ หมครบั  แลว้ ถา้ หากเราไมป่ ฏบิ ตั ติ อนนแี้ ลว้  ถา้ เกดิ   ตอนแก่เราไม่รู้ล่ะ  เราจะท�ำอย่างไร  ช่วงเวลาเด็กเราน่าจะใช้เวลา  ที่มีอยู่ให้ดี  ให้ปฏิบัติธรรม  อย่างน้อยรู้ไปก็ไม่เห็นเป็นไรนี่  แต่ถ้า  เกิดแก่ไปแล้วเราจะยุ่งมากกว่าน้ี  กระวนกระวายเราจะอยากได้สุข  ไม่อยากเจอทุกข์  อยากดับทุกข์  ตอนเด็ก  เอ้อ...ยังมีเวลาอีก  เยอะ ทำ� ไปท�ำให้มนั ได้มากทส่ี ุดที่จะท�ำไดใ้ นตลอด ๗ วันนีค้ รับ ก็ถ้าเกิดเราเป็นเด็กอยู่  พอโตขึ้นแล้วก็เราใช้อันน้ีบอกผู้อื่น  กไ็ ดต้ ามแตค่ นศรทั ธา ใครทม่ี ที กุ ขเ์ รากไ็ ปบอกเขากไ็ ด ้ ถา้ เกดิ เรา  รู้จริงแล้ว  เราบอกให้เขาปล่อยวางบ้าง  เขาจะได้ไม่เป็นทุกข์มาก  ถ้าเกิดแก่แล้วน่ีก็  โอ้ย!  เดินไปไหนก็ไม่ค่อยได้  หลงๆ  ลืมๆ  สุขภาพไม่ค่อยแขง็ แรง ไม่น่าท�ำได้นะครบั อยากบอกไวว้ า่ มนั ไมไ่ ดช้ ว่ ยอะไรหรอกครบั  เรอื่ งเครอื่ งราง  ของขลังน่ะ  ช่วยให้เราระลึกถึงเท่านั้นแหละครับ  เน่ียของขลังมัน  เป็นสมมุติข้ึนมา  สมมุติว่ามันขลัง  สมมุติว่ามันดี  ความจริงมัน 

98 ส ติ  เ ค ล ็ ด ล ั บ ม อ ง ด ้ า น ใ น ก็เหรียญรูปเท่านั้น  ไม่ได้มีอะไร  แกะๆ  ดูแล้ว  มันก็ไม่เห็นเป็น  อะไรเลย ไมเ่ หน็ มอี ะไรเลย มเี ทา่ นนั้ แหละ เอาไปกไ็ มไ่ ดน้ านเทา่ ไหร ่ หรอกมนั กต็ อ้ งหาย เราอยา่ สมมตุ คิ า่ ใหม้ นั  มนั ไมไ่ ดอ้ ยกู่ บั เราตลอด  แลว้ มนั ไมไ่ ดท้ ำ� ใหเ้ รามสี ตอิ ะไรดขี น้ึ นะครบั  ของขลงั นม่ี นั ท�ำใหเ้ รา  ประมาทมากกวา่  แบบวา่ พอเรามขี องขลงั  ใครทำ� อะไรเราไมไ่ ดห้ รอก  ของขลังนี่  อือ...แต่พอมาปฏิบัติธรรมจึงพอจะรู้ครับ  ที่ท�ำให้มัน  อยกู่ บั เราตลอดเวลานค่ี อื ความรสู้ กึ ตวั  จติ ใจนม่ี นั จะอยหู่ รอื ไมอ่ ยกู่ ็  ต้องพยายามท�ำให้มันอยู่ เพราะว่าถ้าเกิดเราได้ตัวนี้มาน่ีจะทำ� ให้  เรารวู้ า่ ตวั นเี้ ปน็ อะไร มนั ดอี ยา่ งไร มนั ไดอ้ ะไร มนั กร็  ู้ กจ็ ะไมเ่ กดิ   ความสงสัย ความทุกข์ก็ไมม่ ีในใจ ใจมันว่าง คนเราถ้าขาดสติก็จะไม่มีเหตุผลด้วย  ถ้าไม่มีสติ  มันมี  หลายอยา่ งเปน็ ปจั จยั ของมนั  โกรธนมี่ นั ขาดสต ิ พอขาดสตเิ รากจ็ ะ  โกรธ โกรธ เกลยี ดกนั ไปกเ็ ทา่ นนั้ แหละ เดยี๋ วกต็ าย ไมร่ จู้ ะเกลยี ด  กันไปท�ำไม  ปฏิบัติธรรมถึงจะรู้ครับ  ว่าน่ีมันไม่เที่ยง  เราไม่ควร  ยึดอารมณ์ คนเรากไ็ มใ่ ช่จะรทู้ กุ อยา่ งครบั  ตอ้ งลองทำ� ดถู ึงจะรู้ มาปฏิบัติธรรมนี่มันดีมากครับ  ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยเล็กน้อย  แต่เราก็ได้รู้อะไรเยอะมาก  ความรู้ท่ีมันเกิดออกมาจากใจเราที ่ ไมไ่ ดค้ ิดเอาเองน้ัน มันจะซาบซงึ้ จรงิ ๆ เราจะไม่มีความทุกข ์ จะรู้  วา่ ทกุ ขม์ นั เปน็ อยา่ งไร แลว้ เรากจ็ ะไมท่ ำ� ใหม้ นั เกดิ ทกุ ข ์ เรอื่ งอยา่ งนี้  ผมเองกย็ งั ไมเ่ คยเหน็ ทไี่ หนเขาสอน เรอ่ื งการฝกึ ใจใหเ้ กดิ สตใิ หร้ วู้ า่   ความคิดคนเราน้ีเป็นทุกข์  แล้วมีปัญญารู้จักวิธีปล่อยวางนะครับ  กข็ อฝากไวด้ ้วยครับ

สมมุติ ลิลล่ี หอมพิมลพร ๒๗ ธนั วาคม ๒๕๔๓ กราบนมัสการ พระอาจารย์สุรยิ า มหาปญั โญ หลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรมแล้วตอนนี้ก็ก�ำลังตั้งใจท�ำ  ปริญญาโทที่เอแบค  แต่ก็มีข้อสงสัยเกิดขึ้น  ตามท่ีเรียนไปแล้ว  ตามจดหมายฉบบั แรก ทจ่ี รงิ ตอนอยกู่ รงุ เทพฯ กไ็ มไ่ ดต้ ง้ั ใจปฏบิ ตั  ิ เทา่ ไร ตงั้ ใจวา่ จะกลบั มาเทยี่ วเลน่ สนกุ สนานกบั เพอื่ นๆ แตไ่ ปแลว้   ก็ไม่สนุกเหมือนเดิมเลยเจ้าค่ะ  ฟังเพลงท่ีเคยเพราะเคยหลงใหล  อย่างมาก  ม่ันใจว่าจะละกิเลสตัวน้ี  ละไม่ได้แน่นอน  ตอนน้ีไม่ซ้ือ  แลว้  ฟงั แลว้ กง็ นั้ ๆ วา่ จะไปซอ้ื เทปเพลงมาฟงั  ดนั ไปซอ้ื เทปธรรมะ  มาฟัง  ฟังแล้วมันซาบซ้ึงกว่า  ขนาดสวดมนต์ท�ำวัตรยังเพราะ  งง  จริงๆ  เจ้าคะ่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook