Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tidtam_64

tidtam_64

Published by chuaysong, 2021-11-01 08:38:54

Description: รายงานการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ 2654

Search

Read the Text Version

30 ช่วงแรกเกิด-ปฐมวัย เช่น รายการโลมา...ลั้นลา : นำเสนอนิทานแสนสนุกและเพลงท่ีเหมาะสม กับเด็กโดย เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้โทรศัพท์เข้ามาเล่านิทานหรือแสดงความสามารถพิเศษออกอากาศทุกวัน จันทร์-ศกุ ร์ เวลา 17.00 – 18.00 น. ช่วงวัยนักเรียน เช่น รายการรอบรั้วเสมา : รายงานข่าวสารความก้าวหน้าและการพัฒนาการศึกษา ของทกุ ภาคส่วน สรา้ งการมีส่วนรว่ มในการรักการอ่าน กจิ กรรมสรา้ งสรรค์และการเรียนรูอ้ ย่างต่อเนือ่ งตลอดชีวิต ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.00 – 09.00 น. รายการสรวล...สนุก : เป็นรายการสำหรับเด็กและ เยาวชน นำเกร็ดความรู้ด้านต่าง ๆ มาให้น้อง ๆ ได้รู้จักกัน พูดคุยกับกูรูในสาขาต่าง ๆ และเกาะติดกิจกรรม เยาวชนทั่วไทย พร้อมฟงั เพลงสนุกสนานออกอากาศ ทุกวนั เสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00 – 17.00 น. ช่วงวัยรุ่น/นักศึกษา เช่น รายการสร้างเสริมเติมความรู้ภาษาไทย : เป็นรายการสร้างสรรค์ ตามหลักสูตร เพื่อให้นักศึกษาและผู้ฟัง ได้ทบทวนเนื้อหาภาษาไทย ฝึกคิดวิเคราะห์ข้อสอบทุกระดับ ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 13.00 – 14.00 น. รายการภาษาต่างประเทศ : เรียนรู้ ภาษาต่างประเทศทั้งภาษาสากลและภาษาของประเทศประชาคมอาเซียน พร้อมรู้จักศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของประชนในแต่ละประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียน ออกอากาศทุกวัน เวลา 07.30 – 08.00 น. โทรทัศนเ์ พื่อการศึกษา สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และได้รับความนิยมจากประชาชน อย่างมาก ในทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชนชั้น ทุกระดับการศึกษา เพราะเป็นสื่อที่ให้ทั้งภาพและเสียง ซึ่งสามารถกระทำได้หลากหลายรปู แบบและมีปัจจยั มากมายที่จะใชด้ ึงดูดความสนใจของผูช้ มตลอดเวลา ทั้งยังทำให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวได้ดี พร้อมทั้งรู้สึกสนุกสนานขณะชมรายการ ด้วยเหตุนี้ สื่อโทรทัศน์ จึงเข้าถึงผู้ชมไดม้ าก และส่งผลใหส้ ื่อวิทยุโทรทัศนม์ อี ิทธิพลต่อประชาชนในด้านความคดิ ความรู้สึก และ ด้านพฤติกรรมอย่างมากกระทรวงศึกษาธิการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการนำสื่อโทรทัศน์มาใช้ผลิต รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา โดยผลิตรายการที่ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และ ครอบครัว เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เสริมพลังสมองให้แก่เด็ กและเยาวชน สรา้ งครอบครัวไทยให้เขม้ แขง็ และพรอ้ มจะก้าวไปสู่สังคมแหง่ สขุ ภาวะไดอ้ ย่างยั่งยนื รวมท้ังผลิตรายการ ท่มี ีเนื้อหาความรูต้ ามหลกั สูตรการศึกษาทัง้ ในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ตลอดจนผลติ รายการ พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้บุคลากรได้รับความรู้และได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็น เพื่อนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงาน ประกอบกับผลิตรายการที่ให้ข่าวสารข้อมูลความรู้และทักษะ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วไป ได้ผลิตและพัฒนารายการโทรทัศน์ เพื่อการศึกษาให้เชื่อมโยงและตอบสนองต่อกลุม่ เปา้ หมายต่าง ๆ ให้เรียนรู้อย่างมคี ุณภาพต่อเนื่องตลอด ชีวิตเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลอ่ื มลำ้ ทางสังคมใหก้ ับกลมุ่ เป้าหมาย โดยมที างเลือก ในการเรียนรู้ที่หลากหลาย สามารถพัฒนาตนเองใหร้ ู้เท่าทนั สือ่ และเทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การสื่อสาร เช่น รายการพัฒนาอาชพี เพอื่ การมงี านทำ รายการติวเข้มเตมิ เตม็ ความรู้ ข่าวสารความเคล่ือนไหวทางการศึกษา ฯลฯ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และทางอินเทอร์เน็ตท่ี www.etvthai.tv บริหารจัดการสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (ETV) ดำเนินการบริหาร จัดการ ออกอากาศรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาให้เหมาะสมและสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายผู้รับชม รายการ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น. ทุกวัน วันละ 18 ชั่วโมง จัดทำประกาศแจ้งรายการประจำวัน จัดทำผังรายการ ตารางออกอากาศและคู่มือรับชมรายการ ควบคุมดำเนินการออกอากาศสถานีวิทยุ

31 โทรทศั น์เพื่อการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ (ETV) ตรวจสอบคุณภาพรายการ เพื่อใหม้ ีเนอ้ื หาถกู ต้องตาม หลักวิชาการ และถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายของทางราชการ จัดการประชุมผู้บริหาร ผู้ใช้ ETV พัฒนาการประชาสัมพันธ์ จัดนิทรรศการ เพื่อเพิ่มผู้ชมและพัฒนาบริการ ETV รวบรวมข้อมูลและสถิติ เกีย่ วกบั การออกอากาศ ควบคมุ / ตรวจสอบ / พัฒนาระบบ การเผยแพรข่ อ้ มูล ของสถานโี ทรทัศน์ ETV ให้บรกิ าร รายการโทรทัศน์ผ่านทางเครือข่ายสากล (Internet) ท่ี www.etvthai.tv ในรูปแบบ Live TV และ TV on demand รวมทงั้ การใหบ้ รกิ ารรายการโทรทัศน์ผ่านทางโทรศพั ท์มือถือ (Smartphone) จัดผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาตามหลักสูตร พร้อมสื่อประกอบเพื่อส่งเสริมการศึกษา ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ ทุกระดับการศึกษา ทุกกลุ่มสาระสำหรับนักเรียนในระบบโรงเรียน นกั ศึกษานอกระบบโรงเรียน ผลิตและพฒั นารายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกบั เทคนิคและวธิ ีการสอนการศึกษา ตามหลักสูตร เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการเรียน การสอนตามหลักสูตร สำหรบั ครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา โดยมีรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาที่เผยแพร่ออกอากาศ ได้แก่ ติวเขม้ เตรียมสอบ O-NET และ A-NET รายการครจู อแกว้ กศน. ตวิ เข้มวชิ าต่าง ๆ ครปู ระถมคนเก่ง เปน็ ตน้ จัดผลิตรายการโทรทศั น์เพื่อการศกึ ษาตามอธั ยาศัย เผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไปทุกกลุ่มเป้าหมาย ใหไ้ ดม้ ีโอกาสในการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ิต สามารถพฒั นาตนเองได้อย่างเต็มท่ี ตามศกั ยภาพ ของแต่ละ บคุ คล เพอ่ื ให้เกิดการพัฒนาอาชพี พฒั นาคุณภาพชีวิตและสังคมไทย ได้อย่างย่งั ยืน โดยมรี ายการโทรทัศน์ เพื่อการศึกษาที่เผยแพร่ออกอากาศ เช่น ช่องทางการประกอบอาชีพ รายการภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ค้นทางชีวิต ชุมชนมืออาชีพ ร้อยบุปผา สอนภาษาต่างประเทศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังผลิตรายการโทรทัศน์ เพื่อตอบสนองนโยบายการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซยี น โดยผลิตรายการท่องโลก 10+1 ภาษา เพือ่ อาชพี เรียนแบบอาเซียน แงม้ ประตูส่ลู าว เปน็ ต้น จดั ผลิตและเผยแพรข่ ่าวโทรทัศน์เพือ่ การศึกษา นำเสนอสาระข่าวสารเพ่อื การศึกษา รายงานข่าว ความเคลื่อนไหวทางการศึกษา การเผยแพร่สาระความรู้ ความก้าวหน้าของการศึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ ศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ ผบู้ ริหารการศึกษา ไดร้ ับความรู้ขา่ วสารขอ้ มลู ในการพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตเพ่ือให้เกดิ การเรียนรอู้ ยา่ งต่อเนื่อง นอกจากนี้ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษายังให้บริการสื่อการศึกษา Online ในรูปแบบของบทเรียน E-Learning ทม่ี ีเนื้อหาสอดคล้องกับหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 รวมทั้งหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผ่านอินเทอร์เน็ต www.cet.go.th ซึ่งเป็นอีกช่องทางหน่ึง ที่ให้บริการกลุ่มเปา้ หมายได้อย่างกว้างขวางและมปี ระสิทธิภาพ โดยมีเนื้อหาบทเรียน E-Learning ดังน้ี วิชาภาษาไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง การดู การฟัง การอ่าน การเขียน และหลักการใช้ภาษา กลเม็ดเคล็ดลับกับภาษาไทย ภาษากับเหตุผล อ่านแล้วคิดพินิจความ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย เร่ือง วิทยาศาสตร์น่ารู้ โลกและดารา ศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง เศษส่วน ทศนิยม เลขยกกำลัง อัตราส่วน สัดส่วน การบวกเลขและลบจำนวนเต็ม รูปเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณิต วิชาภาษาอังกฤษ ระดับมัธยม ศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง Job Interview, Buying and Selling, Talking on the Phone และLocation/Direction วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เรอื่ ง แผนท่ี วกิ ฤตการณ์สิ่งแวดลอ้ ม อารยธรรมตะวันตก ตัวชว้ี ัดความเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ วิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง การทำโครงงานโดยใช้ ICT

32 เป็นฐานการใช้ ICT ในการเสนอผลงาน การทำบัญชีอย่างง่าย การคิดต้นทุนขาย การประดิษฐ์ของใช้ จากเศษวัสดุ การขยายพันธุ์พืช การซ่อมแซมบำรงุ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ อัตโนมัติภายในบ้าน ส่อื การศกึ ษาเพอื่ คนพิการ ศนู ย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษา ให้ความสำคญั กับกลมุ่ เปา้ หมายคนพิการ จึงมงุ่ เนน้ การสร้างโอกาส ในการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมกับบุคคลทั่วไป โดยผลิต พัฒนาและเผยแพร่ส่ือการศึกษาเพ่ือคนพิการ และผู้เกี่ยวข้องกับคนพิการทุกประเภท เช่น บุคคลที่มีความบกพร่องทางสายตา บกพร่องทางการได้ยิน บุคคล ออทิสตกิ รวมท้งั บุคคลทม่ี คี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญา เป็นตน้ ปัจจุบันได้พัฒนาเวบ็ ไซต์ศนู ย์สื่อการศึกษาเพือ่ คนพิการ www.braille-cet.in.thในรูปแบบAccessibleWeb ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อการศึกษาเพื่อคนพิการ เช่น หนังสือเสียง หนังสืออักษรเบรลล์ วีดิทัศน์ บทความ รายงานวิจัยและจดหมายข่าวที่เกี่ยวข้องกับคนพิการได้อย่างง่ายดาย ตามหลักขององค์การ World Wide Web Consortium (W3C) ซึ่งหมายถึง มีการออกแบบจัดทำเนื้อหาเว็บไซต์ให้ผู้พิการทุกประเภทเข้าถึงได้ นักศึกษา กศน. ที่เป็นผู้พิการด้านการมองเห็น สามารถดาวน์โหลดหนังสือเสียงที่เป็นแบบเรียนของ กศน. หรือ หนังสือเสยี งตามอัธยาศัยที่ส่งเสริมการอา่ น เช่น นวนยิ าย ประวัตศิ าสตร์ สารคดี ธรรมะ ฯลฯ ซึง่ หนงั สอื เสียงนี้ ยังเหมาะสำหรับท่านที่สายตาไม่ดี บกพร่องทางการอา่ นก็สามารถฟังออนไลนผ์ ่านทางเว็บไซต์ได้เช่นกัน และ สามารถดาวน์โหลดแบบเรียน กศน. หรือหนังสืออักษรเบรลล์เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ที่เป็นไฟล์ อิเล็กทรอนิกส์เบรลล์ได้ โดยสามารถขอใช้บริการเครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ที่มีไว้ให้บริการได้ที่ศูนย์การศึกษา พิเศษเขตทั้ง 13 เขตทั่วประเทศ คือ กรุงเทพฯ นครปฐม ยะลา สงขลา ตรัง สุพรรณบุรี ลพบุรี พิษณุโลก เชียงใหม่ ขอนแก่น อบุ ลราชธานี นครราชสมี า และชลบรุ ี สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินโดยทั่วไปอาจจะกำลังมองหาอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองและ ต้องการหาสื่อที่เรียนรู้ได้ทั้งสื่อที่สอนภาษามือและสื่อวีดิทัศน์สอนอาชีพที่มีภาษามือประกอบ ก็มีให้เลือก มากมาย เชน่ ภาษามอื น่ารู้ เคล็ดลบั ตำรับไทย สร้างงานสรา้ งอาชพี นำ้ พกั น้ำแรง เปน็ ตน้ ท่สี ำคญั เราไม่ได้ มีเพียงภาษามือประกอบเท่านั้น แต่ยังมีคำบรรยายใต้ภาพประกอบอีกด้วย (Sub Title) เพื่อให้ เหมาะสำหรับบางท่านทีถ่ นัดภาษาเขยี นมากกว่าภาษามือ ส่งเสริมการวิจัย การสำรวจ ติดตามผลด้านเทคโนโลยีเพ่อื การศกึ ษา ดำเนินการวิจัย สำรวจ ติดตามผลการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเพื่อนำข้อมูลมาใช้ ในการวางแผน ผลิต พัฒนา และเผยแพร่รายการวิทยุเพื่อการศึกษา รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ส่ือการศึกษา Online สื่อการศึกษาเพื่อคนพิการและสื่ออื่น ๆ ให้มีคุณภาพตอบสนอง กับยุทธศาสตร์และ จุดเน้นการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เหมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผู้รับบรกิ ารเทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา พัฒนาบุคลากรทางเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ดำเนินการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรและหน่วยงานเครือข่ายให้มีความรู้ความสามารถและ ทักษะที่สอดคล้องกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีสมรรถนะ ที่พร้อมสำหรับ การปฏบิ ัติงาน ดำเนนิ การศึกษา วิเคราะห์ ติดตามและประเมินผลการพฒั นาบุคลากร เพื่อนำข้อมูลมาใช้ เป็นแนวทางในการพฒั นาหลักสูตร สือ่ ประกอบการฝกึ อบรม และพฒั นารูปแบบการฝึกอบรม เพือ่ พัฒนา องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งพัฒนาระบบข้อมูล สารสนเทศด้านการพัฒนาบคุ ลากรให้ทันสมยั

33 นอกจากน้ันเทคโนโลยีทางการศกึ ษายังเปิดโอกาสให้ทุกคนศกึ ษาได้อย่างมีอิสรเสรีตามความสนใจ ตามความต้องการและความสามารถของตนเองได้ ทั้งยังสามารถทำให้การศึกษาของผู้พิการเป็นไปได้ อย่างมีประสิทธภิ าพย่ิงข้ึนเม่อื นำเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษามาใช้ ทำให้การศึกษาของประชากรมีอย่างเต็ม รูปแบบ เช่นจัดให้มกี ารเรียนการสอนนอกระบบ (Informal Education) การจัดการศึกษาแบบเอกัตบคุ คล (Individualized Education) การจัดการศึกษาทางไกล (Distance Education) เป็นต้น ทำให้สามารถ ลดช่องว่างหรือลดความแตกต่างในสังคมได้อย่างมาก ซึ่งศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สังกัดสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านเทคโนโลยี เพื่อการศกึ ษา จัด ผลิต พัฒนา เผยแพร่ และให้บริการเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาที่มีคณุ ภาพและทันสมยั ในรูปแบบรายการวิทยุกระจายเสียงเพื่อการศึกษา รายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา สื่อคอมพิวเตอร์ เพื่อการศกึ ษา สื่อการศึกษาเพอื่ คนพิการและสื่ออน่ื ๆ ในรปู แบบ VCD / DVD / CD / MP3 เพอ่ื ส่งเสริม การศึกษาท้งั ในระบบโรงเรียน นอกระบบโรงเรยี นและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย 6. เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ียวขอ้ ง ปราลี บูรณะโสภณ (2551) ได้ศึกษาปัจจัยสนับสนุนการบริหารงานเพื่อพัฒนาองค์กร สื่อสารมวลชนของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย พบ ว่า ปัจจัยสนับสนุนที่มีผลต่อ การบรหิ ารงานเพ่อื การพฒั นาองค์กรส่อื สารมวลชนของสถานวี ิทยุแหง่ ประเทศไทย คอื ความสามารถของ บุคลากร เทคโนโลยี และนโยบายการบริหารจัดการ ซึ่งในแต่ละด้านล้วนมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน ในการสนับสนุนการบริหารงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาการบริหารงานให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้น ในการบริหารงานเพื่อการพัฒนาองค์กรสื่อสารมวลชนของสถานีวิทยุโทรทัศน์ แห่งประเทศไทยให้มีคุณภาพ จากการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคหลักคือการดำเนินงานภายใต้ ระบบราชการ งบประมาณ และแรงกดดันทางการเมือง ปัจจัยที่เป็นอุปสรรครอง คือ วัฒนธรรมองค์กร แรงกดดนั ทางดา้ นเศรษฐกิจ และโครงสรา้ งองคก์ ร ฉัตรฉวี คงดี (2552) ได้ศึกษาประสิทธิผลสื่อประชาสัมพันธ์ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ เพื่อการศึกษา (ETV)พบว่า พฤติกรรมการรับชมรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาของสถานี (ETV) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญเ่ ปิดรับชมรายการจำนวน 1 – 2 วัน / สัปดาห์ จาก True Vision ช่อง 96 ซึ่งเป็น ประเภทรายการโทรทัศน์เพื่อการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว ในช่วงเย็นและกลางคืน คือ เวลา 15.01 – 24.00 น. และรับชมรายการของสถานี (ETV) แต่ละครั้งเป็นเวลานาน 15 – 30 นาที โดยมักจะรับชมจากท่ีบ้านของตัวเอง มีการเปิดรับสอ่ื ประชาสัมพนั ธท์ ่ีสถานี (ETV) ในระดบั ตำ่ โดยมีการ เปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับสถานี (ETV) จากสื่อประชาสัมพันธ์ที่สถานี (ETV) ผลิตขึ้น มากกว่าจากสื่อ ประชาสัมพันธท์ ี่ประชาสัมพันธ์ผา่ นส่ือมวลชน โดยสื่อใหม่เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ทีส่ ถานี (ETV) ผลิตข้นึ ทม่ี กี ารเปิดรับมากท่ีสุด ในขณะทก่ี ารเปิดรับข่าวสารจากสอื่ อน่ื ๆ อนั ไดแ้ ก่ สอ่ื บุคคลและสื่อกิจกรรมนั้น มกี ารเปิดรับนอ้ ยท่สี ุด โดยเหตผุ ลในการเปิดรับด้านคณุ สมบัติของสื่อมีความสำคัญในระดับสูงกว่าเหตุผล ด้านเนอ้ื หา วิไลวรรณ เรืองอุไร (2556) ได้ศึกษาแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาสำหรับสาขาวิชา เทคโนโลยีและสื่อสารการศกึ ษาสปู่ ระชาคมอาเซียน พบวา่ ดา้ นสอ่ื สารมวลชน ด้านเทคโนโลยีการศึกษา และดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศอยู่ในระดบั มากทีส่ ุดในแต่ละด้านประกอบดว้ ย 1) ด้านสอ่ื สารมวลชน คอื การนำ รูปแบบทวี ีดจิ ทิ ลั และระบบวดิ ีทศั น์ตามประสงค์ มาใชเ้ พอ่ื จัดการเรียนการสอน 2) ดา้ นเทคโนโลยีการศึกษา คือ การใช้หลักสูตรการเรียนออนไลน์แบบเปิด (MOOC) การเรียนการสอนแบบร่วมมือ การจัดตั้งศูนย์

34 การเรียนรูส้ ังคมและวัฒนธรรมประชาคมอาเซียน การใชเ้ ทคโนโลยีก่อให้เกิดทักษะและการแสวงหาความรู้ได้ ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต และการจัดการเรียนการสอนควรมุ่งเน้นการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ 3) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ การส่งเสริมและพัฒนาเครือข่ายเพื่อการศึกษา แห่งชาติ (NEIS) การเรียนทางไกลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การใช้สมารท์ โฟน ดาวเทียมเพื่อการศึกษา ระบบการเรียนการสอนผ่านทางอินเทอร์เน็ตและเว็บเพจห้องเรียนเสมือนจริง เทคโนโลยีในรูปแบบ คลาวด์คอมพิวตง้ิ (Cloud computing) และการใช้เครือข่ายสงั คมออนไลน์ เพชรรตั น์ เวสน์ไพบลู ย์ (2556) ได้ศึกษาสภาพการบรหิ ารงานศูนย์เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาของ โรงเรยี นราชนันทาจารย์ สามเสนวิทยาลยั 2 สังกดั สำนักงานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาเขต 1 พบว่า มคี า่ เฉล่ยี อยู่ในระดบั ปานกลาง และเมอ่ื พิจารณาเป็นรายด้านโดยเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ย พบวา่ ด้านการ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร มคี ่าเฉล่ยี อยใู่ นระดับมาก รองลงมาคอื ด้านการพฒั นาโครงสร้าง พื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านการสนับสนุนการเรียนการสอนด้วยการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศและด้านการสร้างกำลังคนให้มีศักยภาพในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสือ่ สาร ตามลำดับ ความคิดเห็นของครูตอ่ สภาพการบริหารงานศูนย์เทคโนโลยีเพอ่ื การศึกษาที่มีเพศ อายุ ระดบั การศึกษา และประสบการณ์การทำงาน แตกต่างกัน มคี วามคดิ เห็นไม่แตกตา่ งกัน ปาริชาติ โต๊ะเอี่ยม (2556) ได้ศึกษาสภาพและปัญหาการบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของ สถานศึกษา ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยาเขต 1 และเขต 2 พบว่า โดยรวมมสี ภาพการบริหารอยู่ในระดับมากโดยสถานศกึ ษาขนาดใหญ่มีสภาพการบรหิ ารโดยรวมอยู่ ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ สถานศึกษาขนาดเล็ก และสถานศึกษาขนาดกลาง ปัญหาการบริหาร เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยรวมมีปัญหาอยู่ในระดับปานกลางโดยสถานศึกษาขนาดเล็ก มีปัญหา การบริหารโดยรวมอยใู่ นระดับมากที่สดุ รองลงมาคอื สถานศึกษาขนาดกลาง และสถานศกึ ษาขนาดใหญ่ ผลการเปรยี บเทียบสภาพการบริหารเทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา พบวา่ สถานศึกษาทม่ี ีขนาดตา่ งกนั มสี ภาพ การบรหิ ารโดยรวมไมแ่ ตกต่างกนั เมอ่ื พิจารณารายด้าน พบวา่ ดา้ นการจัดบคุ ลากร และดา้ นงบประมาณ ของสถานศึกษาขนาดเล็กกับขนาดกลางมีสภาพการบริหารแตกต่างกัน ผลการเปรียบเทียบปัญหา การบริหารเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พบว่า สถานศึกษาที่มีขนาดต่างกัน มีปัญหาการบริหารโดยรวม ไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการจัดบุคลากรและด้านงบประมาณเท่านั้นที่พบว่า สถานศกึ ษาขนาดเลก็ และสถานศึกษาขนาดกลางมีปญั หาการบริหารแตกต่างกนั พรภิมล สาคร (2557) ได้ศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของผู้บริหาร โรงเรยี นเอกชนอาชีวศกึ ษาสังกัดสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมเอกชน กรุงเทพมหานคร พบว่า ในมาตรา 63 ด้านการจัดสรรคลื่นความถ่ี มาตรา 64 ด้านการส่งเสรมิ การผลิตและการพฒั นาแบบเรียน อยู่ในระดับไม่แนใ่ จ ส่วนมาตรา 65 ด้านการพัฒนาบุคลากรในด้านการผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีการเพอ่ื การศึกษา มาตรา 66 ด้านการพัฒนาผู้เรียน มาตรา 67 ด้านการติดตามตรวจสอบประเมินผลการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มาตรา 68 ด้านการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มาตรา 69 ด้านการจัดให้มีหน่วยงานกลางเพื่อเสนอนโยบายส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา อยู่ในระดับเห็นด้วย ในการจัดนโยบาย แผนงาน และโครงการ ของผู้บริหารสถานศึกษาตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ในหมวดเทคโนโลยเี พื่อการศึกษา พบว่า มีนโยบายเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษามากที่สุด มีการวางแผนเตรียมความพร้อมทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทั่วไป ครู ผู้บริหาร ชุมชน คณะกรรมการ บรหิ ารสถานศึกษา เพื่อให้เหน็ ถงึ ความสำคัญของเทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษา รองลงมา คือ การส่งเสริม และ สนับสนุนในด้านงบประมาณ ให้ได้รับการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษาใหม่ๆ เพื่อใช้

35 ในกระบวนการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษา และสนับสนุนให้บุคลากรทั่วไปนำเทคโนโลยี คอมพวิ เตอร์มาใช้ในการปฏิบัติงานในหนา้ ที่ เพ่อื ให้ได้สารสนเทศท่ีเกดิ ประโยชน์สงู สุดในเวลาอันรวดเร็ว สุดท้ายเกี่ยวกับผู้เรียน คือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้จากเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา โดยกำหนดให้จัดเป็นกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียน เกิดทักษะสามารถนำความรู้ไปใช้ในการ ประกอบอาชพี ศึกษาต่อและแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองได้ตลอดชวี ติ พนิดา โคตา (2557, บทคัดย่อ) ได้ศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษา กศน. ตำบลลอมคอม ที่มีต่อ การจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม (ETV) พบว่า นักศึกษา กศน.ตำบลลอมคอม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ETV โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามลำดับ 3 ลำดับแรก ได้แก่ ด้านหลักสูตร/เนื้อหาอยู่ในระดับมาก เป็นอันดับหนึง่ รองลงมาเป็นด้านการจัดการเรียนการสอน ดา้ นผู้สอน และดา้ นสื่อการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทยี ม ETV อยู่ในระดับมากเท่ากนั ตามลำดบั อรอนงค์ โฆษิตพิพัฒน์ (2557) ทำการวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบผลการสอนผ่านสื่อสังคม ออนไลน์และสื่อชุมชนของนักศึกษาสาขาวิชานเิ ทศศาสตร์ที่ลงทะเบียนเรียนวิชาประชามติ ผลการวิจัย พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของกลุ่มผู้เรียนที่ได้รับการสอนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และส่ือ ชุมชน มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนเรียนทุกเรื่องซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนระหว่างกลุ่มผู้เรียนที่ได้รบั การสอนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อชุมชน ไมม่ ีความแตกต่างระดับนัยสำคัญทางสถิติท่ี .05 และระดบั ความพึงพอใจของผ้เู รยี นท่ีได้รบั การสอนผา่ นสอ่ื ระหว่างส่ือสงั คมออนไลน์และสอ่ื ชุมชน อยใู่ นระดับมากทง้ั 2 กลมุ่ สำนักงานสถติ แิ หง่ ชาติ (2561) ไดศ้ ึกษาการมีอุปกรณ์รับชมรายการโทรทัศน์ในครัวเรือน พบว่า มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้นประมาณ 21.4 ล้านครัวเรือน ในจำนวนนี้มีครัวเรือนที่มีอุปกรณ์ในการรับชม รายการโทรทัศน์ 20.40 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 95.30 โดยในเขตเทศบาลมีครัวเรือนที่มี อปุ กรณ์ในการรบั ชมรายการโทรทัศนร์ อ้ ยละ 94.90 และนอกเขตเทศบาล รอ้ ยละ 95.60 สำหรบั อุปกรณ์ ที่ใช้ในการรับชมรายการโทรทัศน์ พบว่า ส่วนใหญ่รับชมรายการโทรทัศน์ผ่านเครื่องรับโทรทัศน์ แบบจอแบนมากที่สุด ร้อยละ 57.80 รองลงมาคือ เครื่องรับโทรทัศน์แบบจอแก้วหรือจอตู้ปลา ร้อยละ 50.60 โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ร้อยละ 38.90 และคอมพิวเตอร์ ร้อยละ 10.80 เมื่อพิจารณา โครงข่ายในการรับชมรายการโทรทัศน์ พบว่า ส่วนใหญ่รับชมรายการโทรทัศน์ผ่านโครงข่ายภาคพื้นดนิ มากทส่ี ดุ ร้อยละ 55.30 รองลงมาคือโครงข่ายดาวเทียมร้อยละ 53.2 โครงขา่ ยเคเบิล รอ้ ยละ 5.50 และ โครงข่ายไอพีทีวี (IPTV) ร้อยละ 0.80 เมื่อสอบถามถึงความนิยมในการรับชมรายการโทรทัศน์ในแต่ละ ช่องท่ีออกอากาศในปัจจุบนั ระหว่างการรบั ชมโทรทัศนช์ ่องเดิมหรือชอ่ งดิจิทัลใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่รับชม พอ ๆ กันทั้งโทรทัศน์ช่องเดิมและช่องดิจิทัลใหม่ ร้อยละ 49.10 รองลงมาคือ รับชมโทรทัศน์ช่องเดิม ร้อยละ 30.20 รบั ชมโทรทัศน์ช่องดจิ ทิ ัลใหม่ รอ้ ยละ 19.9 และไม่ทราบ รอ้ ยละ 0.80 ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา (2562) รายงานการติดตามผลการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ผลการวิจัยพบว่า กศน.ตำบล มีชุดรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมระบบ KU-Band ร้อยละ 86.75 กศน.ตำบล ส่วนใหญ่มีเครื่องรับโทรทัศน์ที่สามารถใช้งานได้ 1 เครื่อง ร้อยละ 86.75 กศน.ตำบล ส่วนใหญ่มีความพร้อมด้านโครงข่ายเพือ่ ให้บรกิ ารอินเทอร์เน็ตที่ กศน.ตำบล ร้อยละ 98.29 กศน.ตำบล มเี คร่ืองเล่น VCD/DVD ไวใ้ ห้บริการจำนวน 1 เคร่ือง รอ้ ยละ 39.74 กศน.ตำบลมีแผ่น VCD/DVD ใหบ้ รกิ ารจำนวน 1 – 50 แผน่ รอ้ ยละ 70.94 กลุ่มเปา้ หมายมคี วามพรอ้ มดา้ นเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ สำหรับให้บริการสื่อออนไลน์เพื่อการศึกษาส่วนใหญ่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการไม่พอเพียง ร้อยละ

36 47.01ความพร้อมของครูผู้ให้บริการสื่อออนไลน์เพื่อการศึกษา ส่วนใหญ่มีความรู้และทักษะเพียงพอใน การให้บริการสื่อออนไลน์ ร้อยละ 69.66 การใช้สื่อออนไลน์ของนักศึกษา ประชาชน ส่วนใหญ่ใช้ศึกษา จากโทรศพั ท์มือถือสมาร์ทโฟนหรอื แทบ็ เลต็ ของนักศกึ ษา ประชาชนเอง ร้อยละ 86.32 ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา (2563) ได้ศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านโทรทัศน์ระบบดิจทิ ัล ของสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า ข้อเสนอแนะในการจัดการศึกษาทางไกล ผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทัลของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พบว่า 1) ด้านบรหิ ารจัดการ การพฒั นาการออกอากาศจากเดิมที่สามารถให้บริการผ่านโทรทัศน์ระบบดาวเทียม KU-Band เท่านั้น จนมาสู่การออกอากาศผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล ช่อง 52 นี้ถือเป็น ประสบการณใ์ หม่ท่ดี ขี องผู้รับชม ท่ีผรู้ บั ชมรายการสามารถรับชมผ่านเครอื่ งรับโทรทัศนป์ กติ แบบช่องทีวี สาธารณะทั่วไปที่แต่ละครัวเรือนมีอยู่แล้วได้อย่างง่ายดาย สะดวกมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นประโยชน์ตอ่ กลุ่มเป้าหมาย และเห็นควรให้มีการเผยแพร่ในการให้บริการผ่านโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล แบบช่องทีวีสาธารณะทั่วไป ต่อไปอีกอย่างต่อเนื่อง และควรมุ่งพัฒนากิจกรรมประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการรับทราบผังออกอากาศรายการ เพื่อให้เป็นที่รู้จักกันอย่าง กวา้ งขวางมากยง่ิ ขึ้น ทง้ั รายการและสถานีวิทยุโทรทัศน์เพ่ือการศกึ ษา ในนามสำนักงานสง่ เสรมิ การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กระทรวงศึกษาธิการ และควรเพิ่มช่องทางในการติดต่อสอบถาม ของสถานที ีม่ ีความหลากหลาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายผู้รับชมที่อยากมีส่วนร่วม สามารถมีส่วนรว่ มในการ แสดงความคดิ เห็น ใหข้ อ้ มลู ตอบกลับ Feed Back ตา่ งๆ เพือ่ เปน็ ประโยชน์ต่อการพฒั นารายการ พฒั นา สถานี และการพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นได้ นอกจากนี้ยังควรมีช่องทางการร่วมสนุก ในกิจกรรม ต่างๆ ของสถานี และของแต่ละรายการ เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้รับชมรายการกับ ทางสถานี อันเปน็ การสรา้ งความเขม้ แข็งของเครือขา่ ยผูร้ บั ชมรายการ ควรพัฒนาช่องทางการให้บรกิ ารผ่านเว็บไซต์ ควบคไู่ ปกับการออกอากาศผ่านโทรทัศนด์ ว้ ย และ พัฒนาช่องทางการให้บริการดาวนโ์ หลดไฟล์สื่อ ไฟล์เอกสารประกอบการรบั ชมต่างๆ เพื่อให้สะดวกต่อ การรับชมย้อนหลัง หรือรับชมซ้ำในยามว่างได้ รวมทั้งภาครัฐควรมีการสนับสนุนด้านอุปกรณ์ชุดรับ สัญญาณโทรทัศนใ์ ห้ทันสมัย สามารถรองรับความต้องการใช้งานและทันต่อเทคโนโลยีทีเ่ ปลี่ยนแปลงไป อย่างรวดเร็ว 2) ด้านคุณภาพรายการ รายการของสถานีมีเนื้อหาที่หลากหลาย ครอบคลุมการส่งเสริม การเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ ส่งเสริมความรู้และทักษะจำเป็นที่ควรรู้ในยคุ ศตวรรษท่ี 21 ซ่งึ รปู แบบและการนำเสนอเข้าใจไดง้ า่ ย แตค่ วรสอดแทรกรายการประเภทบนั เทิงด้วย และ รายการของสถานีที่มีเนื้อหาวิชาหลักส่งเสริมการศึกษาในระบบโรงเรียน มีครู วิทยากรผู้สอนที่เก่ง สามารถสอนให้เขา้ ใจไดง้ า่ ย ใช้ภาษาทเี่ ป็นกนั เอง และรายการของสถานีทม่ี ีเน้อื หาสง่ เสรมิ การศึกษานอก ระบบโรงเรียน ควรมีการผลิตรายการอย่างต่อเนื่องให้ครบทุกเนื้อหาสาระตามหลักสูตรการศึกษาข้ัน พื้นฐานของ กศน. 3) ด้านคุณภาพการออกอากาศควรปรับปรงุ เพิ่มความคมชดั ของภาพในรายการ และ สัญญาณการออกอากาศ

37 7. กรอบแนวคดิ ในการติดตามผลการใช้สอื่ เทคโนโลยดี จิ ิทัลเพ่ือการศกึ ษา จากการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือกำหนดเป็นกรอบแนวคิดในการติดตามผลการใช้ส่ือ เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพ่อื การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ไดด้ ังนี้ เอกสารและงานวจิ ัยที่เกย่ี วขอ้ ง ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา 1. แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (ผผู้ ลิตส่ือการศึกษา) ดจิ ิทลั เพื่อการศกึ ษา 2. เอดการ์ เดล (กรวยประสบการณ์) 1. โทรทัศนเ์ พือ่ การศกึ ษา (ETV) 3. ทฤษฎีความพึงพอใจ 2. วิทยุเพื่อการศึกษา 3. สอ่ื การศกึ ษาเพอื่ ส่งเสริมอาเซยี น 4. นโยบายของรฐั บาล/กระทรวง/กรม 4. ส่อื ดจิ ิทลั เพอื่ การศกึ ษา ที่เก่ยี วขอ้ งกบั ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อ การศกึ ษา การให้บริการในรปู แบบของโทรทัศน์เพื่อ 5. ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา การศกึ ษา (ETV) วิทยเุ พื่อการศึกษา สอื่ อาเซยี น 6. เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง และส่อื ดิจิทัลเพื่อการศึกษา การใชแ้ ละให้บริการในรูปแบบของ การใช้บริการในรูปแบบของโทรทศั นเ์ พอ่ื โทรทศั นเ์ พ่อื การศกึ ษา (ETV) การศกึ ษา (ETV) วิทยเุ พื่อการศกึ ษา สื่ออาเซยี นและสือ่ วิทยเุ พอ่ื การศึกษา สื่ออาเซียนและสอ่ื ดิจทิ ัลเพอื่ การศึกษา ดิจิทัลเพือ่ การศกึ ษา (กลุ่ม กศน.อำเภอ) (กล่มุ นกั ศึกษา กศน.) แนวทางการพฒั นาการให้บริการส่ือเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพือ่ การศกึ ษาของศูนยเ์ ทคโนโลยที างการศกึ ษา ภาพท่ี 2.6 แสดงกรอบแนวคิดในการติดตามผลการใช้ส่ือเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพอ่ื การศึกษา

บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการวิจยั การติดตามผลการใช้สือ่ เทคโนโลยีดิจิทัลเพือ่ การศึกษาครัง้ นี้เป็นวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เป็นการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่ผลิตพัฒนาและเผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษา สำนักงาน กศน. ซึ่งเผยแพร่ให้บริการกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ( ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ในรูปแบบ โทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อสอบถามปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อเทคโนโลยี ดิจิทัลเพื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อสอบถามความต้องการ ด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้รับบริการ และเพื่อหาข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลของ ศนู ย์เทคโนโลยที างการศกึ ษา ได้ศกึ ษาขอ้ มลู เชงิ ปรมิ าณ โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ การศึกษาเชงิ ปรมิ าณ (Quantitative Approach) การดำเนินการวิจัยเรื่อง การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีรายละเอียดการดำเนินการในส่วนของการเก็บข้อมูล เชิงปริมาณ ดังนี้ ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร ประชากร คือ ครู กศน.ตำบล จำนวน 7,424 ตำบล และนักศึกษา กศน. ประจำปีการศึกษา พ.ศ. 2564 จำนวน 841,527 คน (ข้อมลู จากกลมุ่ ยุทธศาสตรแ์ ละแผนงาน สำนกั งาน กศน., 2564) กลุ่มตวั อยา่ ง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครู กศน.ตำบล และนักศึกษา กศน. คัดเลือกโดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 5 ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 3 จังหวัด 10 อำเภอ ภาคเหนือ จำนวน 4 จังหวัด 10 อำเภอ ภาคใต้ จำนวน 4 จังหวัด 10 อำเภอ ภาคตะวันออก จำนวน 4 จังหวัด 8 อำเภอ และภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด 9 อำเภอ รวมทั้งสิ้น จำนวน 19 จังหวัด 47 อำเภอ โดย กศน.อำเภอละ 4 ตำบล โดยให้ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอ เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกครู กศน.ตำบล หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการให้บริการ สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา เป็นกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถาม ตำบลละ 1 คน รวมทั้งส้ิน 198 คน และนักศกึ ษา กศน. ตำบลละ 2 คน รวมทัง้ สิน้ 372 คน ดังรายละเอียดในตาราง 3.1

39 ตารางท่ี 3.1 แสดงจำนวนกล่มุ ตัวอย่างที่ใชใ้ นการตดิ ตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลเพ่อื การศกึ ษา ภาค จงั หวัด อำเภอ กศน.ตำบล นักศกี ษา กศน. ตะวันออกเฉยี งเหนือ 3 10 44 74 เหนอื 4 10 46 84 ใต้ 4 10 39 77 ตะวนั ออก 4 8 32 64 กลาง 4 9 37 73 19 47 198 372 รวม เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัยเชิงปรมิ าณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามเรื่อง การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพอ่ื การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 แบ่งออกเป็น 4 ตอน ดงั นี้ ตอนที่ 1 เกี่ยวกับข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามของครู กศน.ตำบล และนักศึกษา กศน. เปน็ แบบสอบถาม ชนดิ ตรวจสอบรายการและเติมคำลงในชอ่ งวา่ ง มีจำนวนท้งั หมด 4 ขอ้ ตอนที่ 2 เก่ยี วกับความพร้อมในการให้บริการและการใช้บรกิ ารส่ือเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาของ กศน. ตำบล เป็นแบบสอบถามชนดิ ตรวจสอบรายการและเติมคำลงในช่องวา่ ง ประกอบด้วยขอ้ คำถามท่ีเก่ยี วข้องกับ การให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีเพื่อดิจิทัลการศึกษาแต่ละประเภท ได้แก่ ในรูปแบบโทรทัศน์ เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา นอกจากนี้แล้วยังมีคำถามปลายเปิดที่ถามเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อ เทคโนโลยีดิจิทลั เพื่อการศกึ ษาแต่ละประเภท ในส่วนของการประเมินความพึงพอใจในการรับชมรายการ (ETV) และสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน เป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่าของลิเคิร์ทที่มี 5 ระดับ คือ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด มีจำนวนทั้งหมด 10 ข้อ มีเกณฑ์การประเมินความพึงพอใจ ในการรับชมรายการ (ETV) และสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ของครู กศน. ตำบล และนักศกึ ษา กศน. แบบมาตราสวน ประมาณคาวเิ คราะห์โดยการหาคาเฉลยี่ ( ) ซง่ึ กําหนดค่าเฉล่ีย และแปลความหมายของคาเฉลยี่ โดยอาศยั การปรบั ปรุงเกณฑของบญุ ชม ศรีสะอาด (2535 : 100) ดงั นี้ คาเฉลีย่ อยรู ะหวาง 4.51 – 5.00 หมายถึงระดบั พงึ พอใจมากที่สุด คาเฉลีย่ อยรู ะหวาง 3.51 – 4.50 หมายถึงระดับพงึ พอใจมาก คาเฉลย่ี อยรู ะหวาง 2.51 – 3.50 หมายถึงระดบั พึงพอใจปานกลาง คาเฉลย่ี อยรู ะหวาง 1.51 – 2.50 หมายถึงระดบั พึงพอใจนอย คาเฉลยี่ อยูระหวาง 1.00 – 1.50 หมายถงึ ระดบั พึงพอใจนอยทส่ี ดุ

40 ตอนที่ 3 เกี่ยวกับความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อการผลิตและเผยแพร่สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาเป็นแบบสอบถามชนิดเติมคำลงในช่องว่าง สอบถามเนื้อหาที่ต้องการให้ศูนย์เทคโนโลยี ทางการศึกษาดำเนินการผลิตและเผยแพร่ โดยแบ่งเป็นเนื้อหาตามกลุ่มผู้บริการ ได้แก่ การศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน การศึกษาอาชีพ การศกึ ษาตามอัธยาศยั ตามชว่ งวยั ในส่วนรายวิชาส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน เป็นแบบสอบถามชนิดตรวจสอบรายการ และเตมิ คำลงในชอ่ งว่าง ตอนที่ 4 เป็นแบบสอบถามชนิดเติมคำลงในช่องว่าง สอบถามเกี่ยวกับข้อเสนอแนะแนวทางในการ ให้บรกิ ารสือ่ เทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพ่ือการศกึ ษาของศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา ข้ันตอนการสร้างเคร่ืองมอื 1. ศึกษาจากเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการตดิ ตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อนำทฤษฎีและแนวคิด มาเป็นแนวทาง ในการสรา้ งแบบสอบถาม 2. สร้างแบบสอบถามทคี่ รอบคลมุ เนอ้ื หาทตี่ อ้ งการทจี่ ะศึกษา 3. นำแบบสอบถามที่ได้ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้วไปให้ผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ตรวจสอบ ความเที่ยงตรงของเนื้อหา (content validity) โดยการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item- Objective Congruence: IOC) 4. ปรับปรุงแบบสอบถามตามข้อเสนอแนะของผู้ที่เชี่ยวชาญ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบอีกครั้ง แลว้ นำมาแก้ไขให้สมบูรณ์กอ่ นนำไปใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลตอ่ ไป การตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือ ผู้วิจัยได้นำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น สำหรับการศึกษาวิจัยไปทำการทดสอบหาค่าความเที่ยงตรง (validity) ดังน้ี 1. การหาค่าความเที่ยงตรง โดยนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้น ไปตรวจสอบความเที่ยงตรง ตามเนือ้ หาจากผูเ้ ชีย่ วชาญ จำนวน 3 ทา่ น ดังนี้ 1.1 นายสหพัฒน์ ไตรรัตนวนิช ตำแหนง่ หวั หนา้ กลุม่ งานแผนและพฒั นาบุคลากร 1.2 นางอาภาภรณ์ ชว่ ยสง่ ตำแหน่ง หัวหนา้ สว่ นวศิ วกรรมและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา 1.3 นายบุญยงค์ หงษ์จนั ทร์ ตำแหน่ง หวั หนา้ ฝา่ ยขอ้ มลู สารสนเทศ หลังจากนั้นนำมาหาคา่ ดชั นคี วามสอดคล้อง (IOC) โดยใช้สตู ร IOC = RN เม่อื IOC หมายถงึ ค่าดชั นคี วามสอดคลอ้ ง (index of congruence) R หมายถึง ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญโดยที่ ค่า +1 หมายถึง ข้อคำถามสามารถ นำไปวดั ได้อย่างแน่นอน ค่า 0 หมายถึง ไม่แนใ่ จว่าจะวดั ได้ และ -1 หมายถึง ข้อคำถามไม่สามารถนำไปวัดได้ อยา่ งแนน่ อน N หมายถงึ จำนวนผูเ้ ชยี่ วชาญ ทั้งนี้ผู้วิจัยเลือกข้อคำถามที่มีค่า IOC มากกว่า 0.5 มาใช้เป็นข้อคำถามจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน ซึ่งได้ตรวจสอบแบบสอบถามแล้วเห็นว่าแบบสอบถามทุกข้อที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเที่ยงตรงของเนื้อหา ครอบคลมุ ในแต่ละด้านและครอบคลุมวัตถุประสงค์ของการวิจยั สว่ นขอ้ ที่มีค่า IOC ตำ่ กวา่ 0.5 ผู้วิจัยได้นำมา ปรับแก้ไขต่อไปตามข้อเสนอแนะของผเู้ ชีย่ วชาญโดยข้อคำถามในเคร่ืองมือมีค่า IOC อยรู่ ะหว่าง 0.7 – 1.0

41 2. เนื่องจากการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยเป็นงานประจำต่อเนื่อง ซึ่งได้นำแบบสอบถามของปีที่ผ่านมาแก้ไขและปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน จงึ ไม่ได้หาค่าความเชอื่ ม่นั 3. ไดแ้ บบสอบถามฉบับสมบูรณ์ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล เก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 5 ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง แบง่ การเก็บขอ้ มูล ดังนี้ 1. ส่งบุคลากรจากศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ จำนวน 2 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจังหวัด/อำเภอ ที่คัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยทำหนังสือประสานงาน ขอความอนุเคราะห์ให้ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอ คดั เลือกครู กศน. ตำบล ในสังกัด อำเภอละ 4 คน นกั ศกึ ษา กศน. จำนวน 8 คน เพื่อเป็นกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถาม ตามโครงสร้างของแบบสอบถาม แล้วบันทึก รายละเอียดลงในแบบสอบถาม 2. เนื่องจากเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถส่งบุคลากรจากศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ได้ จำนวน 3 ภาค คือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษาได้ทำหนังสือประสานงานขอความอนุเคราะห์ ให้ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอ ให้คัดเลือกครู กศน.ตำบล ในสังกัด อำเภอละ 4 คน นักศึกษา กศน. จำนวน 8 คน เพือ่ เป็นกลมุ่ ตัวอยา่ งในการตอบแบบสอบถาม แลว้ สง่ ไปรษณีย์ตอบกลบั มายังศูนย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษา 3. ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของการตอบแบบสอบถามและนำมาบันทึกข้อมูล รวบรวบ วิเคราะห์ และสรปุ ผลการศกึ ษาตอ่ ไป การวิเคราะหข์ อ้ มลู และสถิติท่ีใช้ นำแบบสอบถามที่ได้รับทั้งหมดมาตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกฉบับและนำมา วิเคราะห์ทางสถิติโดยใช้คอมพิวเตอร์ในการคำนวณค่าสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ โดยมขี นั้ ตอนดังน้ี แสดงการกระจายของกลุ่มตวั อยา่ งลักษณะข้อมลู ทวั่ ไปของครู กศน. ตำบล และนักศกึ ษา กศน. ท่ีเปน็ ตัวแปรเชิงคุณภาพ ลักษณะขอ้ มูลความพร้อมในการให้บริการและการใช้บรกิ ารส่ือเทคโนโลยเี พ่ือดิจิทัล การศึกษาแต่ละประเภท ได้แก่ ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษา เพ่ือส่งเสริมความรู้เกย่ี วกับประชาคมอาเซยี น และส่อื ดจิ ทิ ัลเพอื่ การศกึ ษา นอกจากนีแ้ ล้วยงั มคี ำถามปลายเปิด ที่ถามเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาแต่ละประเภท แนวทาง การพัฒนาการให้บริการส่ือเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษา ความตอ้ งการดา้ นเนื้อหาเพื่อการผลิตและเผยแพร่ ส่อื เทคโนโลยดี จิ ิทัลเพือ่ การศกึ ษาใช้การวเิ คราะหเ์ ชงิ เน้ือหา (Content Analysis) โดยจัดคำตอบท่ีเข้าประเด็น เดียวกัน วิเคราะห์โดยใช้สถิติค่าความถี่ (Frequency) และร้อยละ (Percentage) นำเสนอข้อมูลเป็นตาราง ประกอบความเรียง รวมถึงความพึงพอใจในการรับชมรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV วิเคราะห์โดยใช้ สถิติค่าเฉลีย่ (Mean) และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

42 ขั้นตอนการดำเนินงานการติดตามผลการใช้ สื่อเทคโนโลยีดิจ ิทัลเพื่อการศึกษาการศ ึ กษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 มีวธิ ดี ำเนินการศกึ ษาเป็นขั้นตอนตามลำดบั ดงั นี้ ศึกษาปัญหา ความต้องการด้านการผลิต พัฒนา เผยแพร่และการใช้เทคโนโลยีดิจิทลั เพื่อการศึกษา ของปีงบประมาณทผี่ ่านมาและเอกสารท่เี กีย่ วข้อง ผู้ดำเนินการได้ศึกษาปัญหา ความต้องการด้านการผลิต พัฒนา เผยแพร่และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา โดยศึกษาจากรายงานการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ปีงบประมาณ 2563 และศึกษาจากแผนปฏิบัติราชการศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา ปีงบประมาณ 2564 – 2565 และจากการ สรุปรายงานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษาของสำนักงาน กศน. เพื่อรวบรวมปัญหา ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการผลิต พัฒนาเผยแพร่และการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาของศูนย์เทคโนโลยี ทางการศกึ ษา ศึกษานโยบาย จุดเน้นการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา/เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอ่ื สาร ศึกษานโยบาย จุดเน้นการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา/เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสารของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ Roadmap ขับเคลื่อนนโยบายการปฏิรูป การศึกษา และจุดเน้นการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของสำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รวมทั้งข้อมูลข้อเสนอแนะการปฏิรูปการศึกษาในแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2560 - 2579) รายงานการติดตามและประเมินผลดา้ นการศึกษาของสำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรวบรวมนโยบาย ข้อเสนอแนะบริบทต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพอ่ื การศึกษา วเิ คราะห์ปัญหา สรุปประเด็นปญั หา ผู้ดำเนินงานได้นำปัญหาด้านผลิต พัฒนา เผยแพร่ และการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาที่ได้ รวบรวมมาศกึ ษาวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ แล้วสรปุ ประเด็นสำคัญ กำหนดวัตถุประสงคก์ ารตดิ ตามผล ผู้ดำเนินงานได้นำข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวิเคราะห์ สรุปประเด็นมาเป็นข้อมูลสำหรับการกำหนด วตั ถุประสงค์ของการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจทิ ัลเพ่ือการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยกำหนดวัตถุประสงค์ของการติดตามผลไว้ดังน้ี 1. เพื่อศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้ เกี่ยวกับประชาคมอาเซยี น และสอ่ื ดิจิทลั เพ่อื การศกึ ษา 2. เพ่อื สอบถามขอ้ เสนอแนะแนวทางการพฒั นาการใช้สือ่ เทคโนโลยีดจิ ิทัลเพ่อื การศึกษา 3. เพื่อสอบถามความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล เพือ่ การศึกษาให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผ้รู บั บรกิ าร 4. เพือ่ หาแนวทางการพัฒนาการใหบ้ รกิ ารสือ่ เทคโนโลยีดจิ ิทลั เพ่ือการศกึ ษา

43 ออกแบบวิธกี ารติดตามผล ออกแบบวิธีการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา โดยการเก็บข้อมูลด้วยการ ส่งบุคลากรของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาไปสัมภาษณ์เชิงลึกในพื้นที่ กศน.อำเภอ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ ครู กศน.ตำบล และนกั ศึกษา กศน. คดั เลือกกลมุ่ ตัวอยา่ ง ผู้ดำเนินการได้มีการวิเคราะห์กลุ่มตัวอย่าง กศน.อำเภอ ที่เคยไปติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยี เพื่อการศึกษาในปีที่ผ่านมาในระยะเวลา 5 ปี เพื่อไม่ให้ดำเนินการติดตามผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษาซ้ำที่เดิม โดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง และใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ในกลมุ่ ตัวอย่างสำนกั งาน กศน.จังหวดั ท่มี กี ารใชส้ อื่ เทคโนโลยดี จิ ิทลั เพื่อการศกึ ษาท่ีโดดเด่นในแต่ละภาค สรา้ งเครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปงี บประมาณ พ.ศ.2564 ไดส้ รา้ งเครื่องมือแบบสอบถามสำหรับครู กศน. และนักศกึ ษา กศน. จำนวน 2 ชดุ เก็บรวบรวมข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยส่งบุคลากรจากศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาไปเก็บข้อมูลใน 2 ภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ในพื้นที่สำนักงาน กศน.จังหวัด และ กศน.อำเภอ และเนื่องจาก เกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทำให้ไม่สามารถ ส่งบุคลากรจากศนู ย์เทคโนโลยีทางการศกึ ษาไปเกบ็ ขอ้ มูลในพ้นื ทไี่ ด้ จำนวน 3 ภาค คอื ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาได้ทำหนังสือประสานงานขอความอนุเคราะห์ให้ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอ ให้คัดเลือกครู กศน. ตำบล และนักศึกษา กศน. เพื่อเป็นกลุ่มตัวอย่างในการตอบแบบสอบถามแล้วสง่ ไปรษณีย์ตอบกลบั มายังศนู ยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา วเิ คราะห์ขอ้ มูล ในการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปงี บประมาณ พ.ศ.2564 ได้มกี ารวเิ คราะห์ข้อมลู ในเชงิ ปรมิ าณและเชงิ คณุ ภาพ เขียนรายงาน ในการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยนำเสนอรายงานออกเป็น 5 บท คือ บทนำ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิธดี ำเนินการศกึ ษา ผลการวิเคราะห์ข้อมลู สรุปอภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ เผยแพรร่ ายงานไปยงั หน่วยงานท่เี กี่ยวขอ้ ง จัดส่งเอกสารรายงานเผยแพร่ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสำนักงาน กศน. ได้แก่ กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน กลุ่มพัฒนาการศึกษานอกโรงเรียน กลุ่มส่งเสริมปฏิบัติการ กศน. เขต/อำเภอ สำนักงาน กศน. จังหวัด รวมทั้งห้องสมุดประชาชนท่เี ก่ยี วขอ้ ง รวมท้ังนำเสนอในรปู แบบ E-BOOK ผา่ นเวบ็ ไซต์ www.cet.go.th โดยมีขั้นตอนในการดำเนินงานการตดิ ตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แสดงเป็นแผนภูมิได้ดังนี้

44 แผนภูมิข้ันตอนการดำเนินงานการติดตามผลการใช้สอ่ื เทคโนโลยดี ิจิทลั เพอื่ การศึกษา ศึกษาปัญหา ความต้องการด้านการผลิต พฒั นา เผยแพร่และการใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัล เพื่อการศึกษาของปีงบประมาณทีผ่ า่ นมาและเอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ศึกษานโยบาย จดุ เน้นการดำเนินงานดา้ นเทคโนโลยีดจิ ิทัลเพอ่ื การศึกษา/ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร วิเคราะหป์ ญั หา สรปุ ประเด็นปัญหา กำหนดวัตถุประสงค์การติดตามผล ออกแบบวธิ กี ารตดิ ตามผล คดั เลอื กกลุ่มตัวอย่าง สรา้ งเคร่อื งมอื ทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมข้อมลู วเิ คราะหข์ ้อมูล เขยี นรายงาน เผยแพรร่ ายงานไปยงั หนว่ ยงานท่ีเก่ยี วข้อง ภาพท่ี 3.1 แสดงขน้ั ตอนการดำเนนิ งานการติดตามผลการใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัลเพ่อื การศึกษา

บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู การติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ 2564 เป็นการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและสื่อดิจิทัล ที่ผลิต พัฒนา และเผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สำนักงาน กศน. ซึ่งเผยแพร่ให้บริการกลุ่มเป้าหมาย ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ ประชาคมอาเซียน และสือ่ ดิจทิ ลั เพ่อื การศึกษา โดยศึกษาเกี่ยวกับการให้บรกิ ารและการใช้บริการ ความตอ้ งการ ด้านเนื้อหา ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ของศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา เพื่อเป็นข้อมูลไปใช้ในการผลิตและเผยแพร่สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลของ ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาและตอบตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการให้กับสำนักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แบ่งการวิเคราะห์และการแปลความหมายออกเป็น 4 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ผลการวิเคราะห์การศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะ แนวทางการพัฒนาการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความต้องการ ด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการ ของผู้รับบริการ ตอนที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการให้บริการสื่อเทคโนโลยี ดจิ ทิ ัลเพื่อการศึกษาของศูนย์เทคโนโลยที างการศึกษา ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์การศึกษาสภาพความพร้อมในการให้บริการและการใช้บริการ สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุ เพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัล เพอ่ื การศกึ ษา จากการดำเนินงานการติดตามผลการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย ปีงบประมาณ 2564 ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบแบบสอบถามจากครู กศน.ตำบล และนักศึกษา กศน. เป็นตัวแทนของแต่ละภาคทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 5 ภาค ซึ่งได้แบ่งการวิเคราะห์ และแปลความหมายออกเป็น 1) ผลการวเิ คราะห์ข้อมูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม 2) ผลการวิเคราะห์ การให้บริการและการใช้บริการสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV 3) ผลการวิเคราะห์การให้บริการและ การใช้บริการสื่อวิทยุเพื่อการศึกษา 4) ผลการวิเคราะห์การให้บริการและการใช้บริการสื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน 5) ผลการวิเคราะห์การให้บริการและการใช้บริการ สอ่ื ดจิ ทิ ลั เพื่อการศกึ ษา จึงได้กำหนดสัญลกั ษณ์และอกั ษรยอ่ ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดงั นี้ N แทน จำนวนกลุ่มตัวอยา่ ง x แทน ค่าเฉลีย่ S.D. แทน ค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐาน

46 1.1 ครู กศน.ตำบล กา ร ว ิ เ คร า ะห ์ ส ภ า พคว า มพร ้ อมใน กา ร ให ้ บ ร ิ กา ร แล ะ กา ร ใ ช้ บ ร ิ กา ร ส ื ่ อ เ ทคโ น โ ล ยี ด ิ จ ิ ทั ล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา ใช้วิธีการสังเคราะห์ข้อมูลจาก แบบสอบถามของครู กศน.อำเภอ 1.1.1 ขอ้ มลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน (N = 198) รอ้ ยละ ตารางที่ 4.1 แสดงข้อมูลทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม 45 153 22.73 รายการ 77.27 เพศ 183 5 92.42 ❑ ชาย 9 2.53 ❑ หญงิ 1 4.55 ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ 0.50 ❑ ครู กศน.ตำบล 43 ❑ ครูอาสา 49 21.72 ❑ ครู ศรช. 47 24.75 ❑ อืน่ ๆ 28 23.74 ระยะเวลาการปฏิบัติหน้าท่ี 31 14.14 ❑ 1 – 5 ปี 15.65 ❑ 6 – 10 ปี 134 ❑ 11 – 15 ปี 63 67.68 ❑ 16 – 20 ปี 1 31.82 ❑ มากกวา่ 20 ปี 0.50 ส่ือเทคโนโลยีดิจทิ ลั ที่นิยมใชม้ ากทสี่ ุด ❑ สื่อดิจทิ ลั เพื่อการศึกษา ❑ รายการโทรทัศน์ ETV ❑ รายการวิทยเุ พื่อศึกษา จากตารางที่ 4.1 แสดงว่าข้อมลู ท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม จำนวน 198 คน พบว่า ส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 77.27 เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 22.73 โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่เป็นครู กศน.ตำบล คิดเป็นร้อยละ 92.42 รองลงมา คือ ครู ศรช. คิดเป็นร้อยละ 4.55 ครูอาสา คิดเป็นร้อยละ 2.53 และตำแหน่งอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 0.50 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีระยะเวลา การปฏิบัติหน้าที่ระยะเวลา 6 – 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 24.75 รองลงมา คือ ระยะเวลา 11 – 15 ปี คิดเป็นร้อยละ 23.74 ระยะเวลา 1 – 5 ปี คิดเป็นร้อยละ 21.72 มากกว่า 20 ปี คิดเป็นร้อยละ 15.65 และระยะเวลา 16 – 20 ปี คดิ เป็นร้อยละ 14.14 ตามลำดับ สว่ นใหญส่ ือ่ เทคโนโลยีดิจิทัลท่ีกลุ่มตัวอย่าง

47 นิยมใช้ในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยมากที่สุด คือ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา คิดเปน็ รอ้ ยละ 67.68 รองลงมา คือ รายการโทรทศั น์ ETV คดิ เป็นรอ้ ยละ 31.82 และรายการวทิ ยุเพื่อศึกษา คดิ เปน็ ร้อยละ 0.50 ตามลำดับ 1.1.2 การให้บรกิ ารและการใชส้ อื่ โทรทัศนเ์ พ่อื การศึกษา ETV ตารางท่ี 4.2 แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ ริการและการใช้สื่อโทรทัศนเ์ พอื่ การศึกษา ETV (N = 198) รายการ จำนวน ร้อยละ มีชุดรบั สญั ญาณรายการโทรทัศนผ์ า่ นดาวเทียมท่ีใช้งานได้ ❑ มี ระบบ KU-BAND 131 66.17 ❑ ไม่มี 67 33.83 การให้บริการและใช้โทรทัศนเ์ พ่อื การศึกษา (ETV) ผา่ นชอ่ งทางใด ❑ รับชมทางอุปกรณร์ บั โทรทัศน์ผ่านดาวเทยี ม 70 35.35 ❑ รบั ชมทางเคเบิ้ลทีวสี ว่ นทอ้ งถ่ิน 11 5.56 ❑ รบั ชมทางเครอื่ งคอมพิวเตอร์ PC / 141 71.21 คอมพิวเตอรโ์ น้ตบุ๊ก ❑ รบั ชมทางโทรศพั ทม์ ือถือสมารท์ โฟน 158 89.80 หากไม่ไดร้ บั ตารางออกอากาศสามารถดาวน์โหลดตาราง ออกอากาศไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv ❑ ทราบ 179 90.40 ❑ ไม่ทราบ 19 9.60 สามารถรบั ชมรายการ ETV ทางเว็บไซต์ www.etvthai.tv และบางรายการรบั ชมทาง YouTube ได้ ❑ ทราบ 195 98.48 ❑ ไมท่ ราบ 3 1.52 เนอื้ หารายการ ETV ทท่ี ่านรับชมหรือใชใ้ นการเรียนการสอน เปน็ ประจำ ❑ รายการเพื่อส่งเสรมิ การศึกษาสายสามญั 106 53.54 ❑ รายการเพ่ือสง่ เสริมการศึกษาสายอาชพี 69 34.85 ❑ รายการเพ่ือสง่ เสรมิ การศึกษาตามอธั ยาศัย 69 34.85 ❑ รายการเพือ่ พฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษา 59 29.80 ❑ รายการอาเซยี น 26 13.13 ❑ รายการตวิ เข้มเตมิ เตม็ ความรู้ 129 65.15

48 ตารางที่ 4.2 (ต่อ) แสดงความพร้อมในการให้บริการและการใช้สอ่ื โทรทศั น์เพื่อการศึกษา ETV (N = 198) รายการ จำนวน ร้อยละ ความพร้อมด้านเวลาทีเ่ ปิดให้บริการ สปั ดาห์ละ ❑ 1 ครัง้ 99 50.00 ❑ 2 ครัง้ 75 37.88 ❑ 3 ครง้ั 23 11.62 ❑ รับชมทุกวนั 1 0.50 ผู้รับบรกิ ารโทรทศั น์เพ่ือการศึกษา (ETV) ได้แก่ 192 96.97 ❑ นกั ศึกษา กศน. 47 23.74 ❑ ประชาชนทั่วไป ❑ นักเรยี นในระบบ 12 6.06 ❑ ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 124 62.63 ❑ เดก็ และเยาวชน 11 5.56 จำนวนผูใ้ ช้บรกิ ารโทรทศั นเ์ พอื่ การศกึ ษา (ETV) เฉล่ยี ภายใน 1 สัปดาห์ ❑ 1 – 20 คน 138 69.70 ❑ 21 – 40 คน 46 23.23 ❑ 41 – 60 คน 2 1.01 ❑ 61 – 80 คน 2 1.01 ❑ ไมไ่ ดร้ บั ชม 10 5.05 ปญั หาและอปุ สรรคในการใช้บรกิ ารโทรทัศน์เพื่อการศกึ ษา ETV ❑ อปุ กรณ์ชุดรบั สัญญาณจานดาวเทียมเสียและชำรดุ 65 32.83 เกา่ ไม่ทนั สมัย 98 49.49 ❑ สัญญาณอินเทอร์เน็ตทใ่ี ชใ้ นการรบั ชม บางครั้งมี ปัญหา ไม่เสถียร และค่อนขา้ งช้า ❑ เวลาตารางในการออกอากาศไม่ตรงกบั พบกลุ่ม 56 28.28 นักศึกษา 50 25.25 ❑ โทรทัศนม์ ีขนาดเล็กเกินไป เปน็ อปุ สรรคต่อการจดั การ เรียนการสอนกลุ่มใหญ่ จากตาราง 4.2 แสดงว่า กศน.ตำบล ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีชุดรับสัญญาณรายการ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ใช้งานได้ คือ ระบบ KU-BAND คิดเป็นร้อยละ 66.17 รองลงมาคือ ไม่มีชุดรับสัญญาณ รายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่ใช้งานได้ คิดเป็นร้อยละ 33.13 โดยส่วนใหญ่มีการให้บริการและ ใชโ้ ทรทัศน์เพ่ือการศึกษา (ETV) ได้แก่ รบั ชมทางโทรศัพทม์ ือถือสมาร์ทโฟน คิดเปน็ ร้อยละ 89.80 รองลงมา คือ รับชมทางเครื่องคอมพิวเตอร์ PC/คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก คิดเป็นร้อยละ 71.21 รับชมทางอุปกรณ์ รับโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม คิดเป็นร้อยละ 35.35 และรับชมทางเคเบ้ิลทวี ีส่วนท้องถิ่น คิดเป็นร้อยละ 5.56 ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทราบว่าสามารถดาวน์โหลดตารางออกอากาศได้จากเว็บไซต์ www.etvthai.tv คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.40 ไม่ทราบ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.60 และทราบว่าสามารถรบั ชมรายการ ETV

49 ทางเว็บไซต์ www.etvthai.tv และบางรายการรับชมทาง YouTube ได้ คิดเป็นร้อยละ 98.48 ไม่ทราบ คิดเป็นร้อยละ 1.52 ส่วนใหญ่มีเนื้อหารายการ ETV ที่รับชมเป็นประจำ ได้แก่ รายการติวเข้มเติมเต็ม ความรู้ คิดเป็นร้อยละ 65.15 รองลงมา คือรายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายสามัญ คิดเป็นร้อยละ 53.54 รายการเพือ่ สง่ เสริมการศึกษาสายอาชีพและรายการสง่ เสริมการศึกษาตามอธั ยาศัย คิดเปน็ ร้อยละ 34.85 เท่ากัน รายการเพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา คดิ เปน็ ร้อยละ 29.80 และรายการอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 13.13 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เปิดให้บริการ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 50.00 รองลงมา คือ เปิดให้บริการ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 37.88 เปิดให้บริการ สัปดาห์ละ 3 คร้ัง คดิ เป็นรอ้ ยละ 11.62 และเปิดใหร้ ับชมทกุ วัน คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.50 ตามลำดับ ผรู้ บั บรกิ ารโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ส่วนใหญ่ ได้แก่ นักศึกษา กศน. คิดเป็นร้อยละ 96.97 รองลงมา คือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 62.63 ประชาชนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 23.74 นักเรียนในระบบ คิดเป็นร้อยละ 6.06 เด็กและเยาวชน คิดเป็นร้อยละ 5.56 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนผู้รับบริการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) เฉลี่ยภายใน 1 สัปดาห์ มีผู้รับบริการ จำนวน 1 – 20 คน คิดเป็นร้อยละ 69.70 รองลงมา คือ จำนวน 21 – 40 คน คิดเป็นร้อยละ 23.23 ไม่ได้รับชม คิดเป็นร้อยละ 5.05 จำนวน 41 – 60 คน และ จำนวน 61 – 80 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.01 เท่ากัน ตามลำดบั โดยส่วนใหญม่ ปี ญั หาและอุปสรรคในการใชบ้ ริการ โทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV คือ สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการรับชม บางครั้งมีปัญหา ไม่เสถียร และ ค่อนข้างช้า คิดเป็นร้อยละ 49.49 รองลงมา คือ อุปกรณ์ชุดรับสัญญาณจานดาวเทียมเสียและชำรุด เก่า ไมท่ นั สมัย คิดเปน็ ร้อยละ 32.83 เวลาตารางในการออกอากาศไม่ตรงกับพบกลุ่มนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 28.28 และโทรทัศน์มีขนาดเล็กเกินไป เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอนกลุ่มใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 25.25 ตามลำดับ ตารางท่ี 4.3 แสดงความพึงพอใจในการรับชมรายการโทรทศั นเ์ พอื่ การศึกษา ETV ความพงึ พอใจในการรับชมรายการ ระดับความคดิ เหน็ 1. ก่อนรับชมรายการ ETV ผใู้ ชม้ คี วามรู้ความเข้าใจ x S.D. แปลผล 2. หลงั รบั ชมรายการ ETV ผู้ใชม้ ีความรู้ความเข้าใจ 3. ความเหมาะสมของเนือ้ หาของรายการ 3.19 0.84 ปานกลาง 4. ระยะความยาวของรายการ (นาที) 4.14 0.61 มาก 5. รูปแบบรายการ 4.17 0.59 มาก 6. วิทยากรและผู้ดำเนินรายการ 3.94 0.66 มาก 7. วธิ ีการนำเสนอรายการ 4.13 0.70 มาก 8. ช่วงเวลาในการเผยแพรอ่ อกอากาศ 4.18 0.65 มาก 9. สารประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับจากรายการ 4.16 0.65 มาก 3.96 0.70 มาก ภาพรวม 4.36 0.67 มาก 4.03 0.67 มาก

50 จากตาราง 4.3 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจในการรับชมรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( x = 4.03, S.D. = 0.67) ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ ความเขา้ ใจ อยูใ่ นระดับปานกลาง ( x = 3.19, S.D. = 0.84) หลงั รบั ชมรายการ ETV ผใู้ ชม้ คี วามรู้ความเข้าใจ เพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก ( x = 4.14, S.D. = 0.61) และหากพิจารณาเป็นรายข้อจากความพึงพอใจสูงสดุ ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ ( x = 4.36, S.D. = 0.67) รองลงมา คือ วิทยากรและ ผู้ดำเนินรายการ ( x = 4.18, S.D. = 0.65) ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ ( x = 4.17, S.D. = 0.59) วิธีการนำเสนอรายการ ( x = 4.16, S.D. = 0.58) รูปแบบรายการ ( x = 4.13, S.D. = 0.70) และ ช่วงเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ ( x = 3.96, S.D. = 0.70) ระยะความยาวของรายการ (นาที) ( x = 3.94, S.D. = 0.66) ตามลำดับ 1.1.3 การให้บรกิ ารและการใช้วทิ ยุเพอื่ การศกึ ษา ตารางท่ี 4.4 แสดงความพร้อมในการใหบ้ ริการและการใชส้ ื่อวทิ ยเุ พ่ือการศกึ ษา รายการ จำนวน (N = 198) รอ้ ยละ การรับฟังรายการวิทยศุ ึกษา 8 ทผี่ ลติ และเผยแพรโ่ ดยศนู ยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา 4.04 37 ❑ ฟังจากเคร่ืองรับวทิ ยุท่คี ลืน่ 15 18.69 FM 92 MHz / AM 1161 kHz 138 7.57 69.70 ❑ ฟังทางอนิ เทอร์เน็ต www.moeradiothai.net 40 ❑ ฟังทางอุปกรณ์รบั สญั ญาณดาวเทียม ช่อง R32 158 20.20 ❑ ไม่เคยรบั ฟัง 79.80 35 มกี ารนำรายการวทิ ยุศึกษาไปใชใ้ นการสง่ เสรมิ 163 17.68 การศึกษานอกระบบ 82.32 39 ❑ นำไปใช้ 7 19.70 ❑ ไม่นำไปใช้ 8 3.53 144 4.04 มกี ารนำรายการวิทยุศกึ ษาไปใชใ้ นการส่งเสรมิ 72.73 การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ❑ นำไปใช้ ❑ ไมน่ ำไปใช้ ความถ่ีในการรบั ฟังรายการวิทยุศกึ ษาต่อสปั ดาห์ ❑ 1 – 2 ครัง้ ❑ 3 – 4 คร้ัง ❑ 5 – 6 คร้งั ❑ ไม่เคยรับฟังเลย

51 ตารางที่ 4.4 (ต่อ) แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ ริการและการใช้ส่อื วทิ ยุเพื่อการศึกษา (N = 198) รายการ จำนวน รอ้ ยละ มกี ารรบั ฟังรายการวทิ ยุทว่ั ไปผา่ นทางชอ่ งทางใด ❑ เคร่ืองรบั วทิ ยุ 55 27.78 ❑ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ 39 19.70 ❑ โทรศัพทม์ ือถือสมารท์ โฟน 89 44.95 ❑ ไมเ่ คยรบั ฟังรายการวทิ ยุเลย 15 7.57 มกี ารรับฟังรายการวิทยุท่วั ไปในรูปแบบใด 93 46.97 ❑ รับฟังรายการสด 91 45.96 ❑ รับฟงั รายการย้อนหลัง ❑ ไมเ่ คยรับฟงั รายการวทิ ยเุ ลย 14 7.07 ปญั หาอปุ สรรคในการใช้รายการวทิ ยุศกึ ษา เพือ่ สง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ❑ ไมม่ ีเครื่องรับวิทยุ 46 23.23 ❑ รบั ฟังไม่ได้ ไม่มีสัญญาณ 22 11.11 ❑ ไมท่ ราบว่า มรี ายการวิทยุสง่ เสรมิ การศึกษาของ กศน. ให้บรกิ าร 43 21.72 ❑ ไม่ทราบรายละเอยี ดคลน่ื ความถ่ีและช่องทางการรับฟัง 47 23.74 ❑ ไมน่ ยิ มใช้วทิ ยเุ ปน็ เครือ่ งมือในการส่งเสรมิ การศกึ ษา เพราะมสี ่อื เทคโนโลยอี ่ืน ๆ 67 33.84 จากตาราง 4.4 แสดงวา่ กศน.ตำบล ท่ีเป็นกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่ ไม่เคยรบั ฟังรายการวิทยุศึกษา ที่ผลิตและเผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 69.70 รองลงมาคือ เคยรับฟัง ทางอินเทอร์เน็ต www.moeradiothai.net คิดเป็นร้อยละ 18.69 รับฟังทางอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียม ช่อง R32 คิดเป็นรอ้ ยละ 7.57 และรับฟังจากเครื่องรับวิทยุทีค่ ล่ืน FM 92 MHz / AM 1161 kHz คิดเป็นร้อยละ 4.04 ตามลำดับ โดยมกี ารนำรายการวิทยุศึกษาไปใช้ในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบ คิดเป็นร้อยละ 20.20 ไม่นำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 79.80 มีการนำรายการวิทยุศึกษาไปใช้ในการส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย คิดเป็นร้อยละ 17.68 ไม่นำไปใช้ คิดเป็นร้อยละ 82.32 มีความถี่ในการรับฟังรายการวิทยุศึกษาต่อสัปดาห์ 1 – 2 ครง้ั คดิ เปน็ ร้อยละ 19.70 รองลงมา คือ 5 – 6 ครง้ั คดิ เป็นร้อยละ 4.04 และ 3 – 4 คร้งั คิดเป็นร้อยละ 3.53 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีการรับฟังรายการวิทยุทั่วไปผ่านทางช่องทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน คดิ เปน็ ร้อยละ 44.95 รองลงมา คือ เครอื่ งรับวทิ ยุ คิดเป็นร้อยละ 27.78 และเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ คดิ เปน็ ร้อยละ 19.70 และไม่เคยรบั ฟังรายการวิทยเุ ลย คดิ เป็นรอ้ ยละ 7.57 ตามลำดบั สว่ นใหญ่มกี ารรับฟงั รายการวิทยุ ทั่วไป ในรูปแบบรับฟังรายการสด คิดเป็นร้อยละ 46.97 และรับฟังรายการย้อนหลัง คิดเป็นร้อยละ 45.96 ตามลำดับ โดยสว่ นใหญ่มปี ัญหาอุปสรรคในการใชร้ ายการวทิ ยศุ ึกษาเพ่ือส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย คือ ไม่นิยมใช้วิทยุเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการศึกษาเพราะมีสื่อเทคโนโลยีอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 33.84 รองลงมาคอื ไม่ทราบรายละเอียดคลนื่ ความถ่แี ละช่องทางการรบั ฟงั คิดเป็นรอ้ ยละ 23.74 ไม่มีเครื่องรับวิทยุ คิดเป็นร้อยละ 23.23 ไม่ทราบว่า มีรายการวิทยุส่งเสริมการศึกษาของ กศน. ให้บรกิ าร คิดเปน็ ร้อยละ 21.72 และรบั ฟังไมไ่ ด้ ไมม่ ีสญั ญาณ คดิ เปน็ ร้อยละ 11.11 ตามลำดับ

52 1.1.4 การให้บรกิ ารและการใช้สือ่ การศึกษาเพ่อื ส่งเสริมความรู้เก่ยี วกบั ประชาคมอาเซยี น ตารางที่ 4.5 แสดงความพรอ้ มในการใหบ้ ริการและการใชส้ ื่อการศกึ ษาเพ่ือส่งเสริมความรูเ้ ก่ียวกับ ประชาคมอาเซยี น (N = 198) รายการ จำนวน รอ้ ยละ การใหบ้ ริการส่ือการศึกษาเพ่ือสง่ เสรมิ ความรู้เกยี่ วกับ ประชาคมอาเซียน ❑ มใี หบ้ ริการ 187 94.44 ❑ ไม่มีให้บริการ 11 5.56 ประเภทส่อื การศึกษาเพื่อสง่ เสริมความรู้เก่ยี วกบั ประชาคมอาเซียนทม่ี ีใหบ้ ริการ ได้แก่ ❑ โทรทศั น์เพ่อื การศึกษา 67 33.84 ❑ วิทยเุ พื่อการศกึ ษา 9 4.55 ❑ สือ่ ประเภท VCD/DVD 94 47.47 ❑ สือ่ ดิจิทลั เพื่อการศึกษา 119 60.10 ผูใ้ ช้บรกิ ารสอื่ ประชาคมอาเซียน ได้แก่ 191 96.46 ❑ นกั ศกึ ษา กศน. 82 41.41 ❑ ประชาชนทัว่ ไป ❑ นกั เรียนในระบบ 20 10.10 ❑ ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา 98 49.49 ❑ เดก็ และเยาวชน 28 14.14 จำนวนผ้ใู ชบ้ ริการการศกึ ษาเพ่อื ส่งเสริมความรเู้ กีย่ วกับประชาคม 161 81.31 อาเซยี น เฉล่ียภายใน 1 สปั ดาห์ ❑ 1 – 20 คน ❑ 21 – 40 คน 15 7.58 ❑ ไม่มผี รู้ ับบรกิ าร 22 11.11 ปัญหาและอุปสรรคในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้ 80 44.44 เกีย่ วกับประชาคมอาเซยี น 85 42.93 65 32.83 ❑ นกั ศึกษาประชาชนไม่คอ่ ยให้ความสนใจ 59 29.80 ❑ สอ่ื อาเซียนค่อนขา้ งเก่า ชำรุด ไมท่ ันสมัย ❑ สื่ออาเซียนมีให้บรกิ ารนอ้ ยไมเ่ พียงพอ ❑ ไมม่ ีเน้ือหารายวชิ าอาเซียนในการเรยี นการสอนบางเทอม จากตาราง 4.5 แสดงว่า กศน.ตำบล ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีการให้บริการสื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 94.44 และไม่มีให้บริการ คิดเป็นร้อยละ 5.56 ส่วนใหญ่มีประเภทสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนที่มีให้บริการ ได้แก่ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 60.10 รองลงมาคือ สื่อ VCD/DVD คิดเป็นร้อยละ 47.47

53 สื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 33.84 และสื่อวิทยุเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 4.55 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีผู้ใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ได้แก่ นักศกึ ษา กศน. คดิ เปน็ รอ้ ยละ 96.46 รองลงมา คอื ครูและบุคลากรทางการศึกษา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 49.49 ประชาชนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 41.41 เด็กและเยาวชน คิดเป็นร้อยละ 14.14 และนักเรียนในระบบ คิดเป็นร้อยละ 10.10 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนผู้ใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ ประชาคมอาเซียน เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 – 20 คน คิดเป็นร้อยละ 81.31 รองลงมา คือ ไม่มี ผรู้ บั บรกิ าร คดิ เป็นรอ้ ยละ 11.11 และจำนวน 21 – 40 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 7.58 ตามลำดับ โดยสว่ นใหญ่ มีปัญหาและอุปสรรคในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน คือ นักศึกษาประชาชนไม่ค่อยให้ความสนใจ คิดเป็นร้อยละ 44.44 รองลงมา คือ สื่ออาเซียนค่อนข้างเก่า ชำรุด ไม่ทนั สมยั คิดเป็นรอ้ ยละ 42.93 สื่ออาเซยี นมใี ห้บริการน้อยไม่เพียงพอ คิดเปน็ ร้อยละ 32.83 และ ไม่มเี นอื้ หารายวชิ าอาเซียนในการเรียนการสอนบางเทอม คิดเปน็ รอ้ ยละ 29.80 ตามลำดบั ตารางที่ 4.6 แสดงความพึงพอใจต่อรายการเพื่อสง่ เสริมความรูเ้ กย่ี วกบั ประชาคมอาเซียน ความพึงพอใจในการรบั ชมรายการ ระดบั ความคิดเหน็ 1. กอ่ นรับชมรายการอเซียน ผู้ใชม้ คี วามร้คู วามเขา้ ใจ x S.D. แปลผล 2. หลังรบั ชมรายการอาเซยี น ผู้ใชม้ คี วามรู้ความเข้าใจ 3. ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ 3.04 0.85 ปานกลาง 4. ระยะความยาวของรายการ (นาท)ี 3.96 0.62 มาก 5. รปู แบบรายการ 3.97 0.67 มาก 6. วิทยากรและผู้ดำเนนิ รายการ 3.87 0.67 มาก 7. วิธกี ารนำเสนอรายการ 3.95 0.72 มาก 8. ชว่ งเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ 4.07 0.71 มาก 9. สารประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากรายการ 4.05 0.71 มาก 3.87 0.70 มาก ภาพรวม 4.14 0.80 มาก 3.88 0.67 มาก จากตาราง 4.6 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อรายการเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียน พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( x = 3.88 , S.D. = 0.67) ก่อนรับชมรายการอาเซียน ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.04, S.D. = 0.85) หลังรับชมรายการอาเซียน ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก ( x = 3.96, S.D. = 0.62) และหากพิจารณาเป็นรายข้อ จากความพึงพอใจสูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ ( x = 4.14, S.D. = 0.80) รองลงมา คือ วิทยากรและผู้ดำเนินรายการ ( x = 4.07, S.D. = 0.71) วิธีการนำเสนอรายการ ( x = 4.05, S.D. = 0.71) ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ ( x = 3.97, S.D. = 0.67) รูปแบบรายการ ( x = 3.95, S.D. = 0.72) ช่วงเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ ( x = 3.87, S.D. = 0.67) และระยะความยาวของ รายการ (นาท)ี ( x = 3.87, S.D. = 0.80) เท่ากัน ตามลำดับ

1.1.5 การให้บริการและการใช้ส่อื ดิจิทัลเพอ่ื การศกึ ษา 54 ตารางท่ี 4.7 แสดงความพร้อมในการให้บริการและการใช้สื่อดจิ ิทัลเพื่อการศึกษา (N = 198) รายการ จำนวน รอ้ ยละ ความพร้อมดา้ นโครงข่ายการให้บรกิ ารส่อื ดิจิทัล 187 94.44 ❑ มกี ารติดตง้ั โครงขา่ ยอินเทอร์เน็ต WIFI ความเรว็ สงู 11 5.56 ❑ ไม่มีการติดตั้งโครงขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต 37 18.69 ความพร้อมด้านเครือ่ งคอมพิวเตอร์สำหรบั ใหบ้ ริการ 84 42.42 ส่ือดจิ ทิ ลั เพื่อการศกึ ษา 77 38.89 ❑ มเี ครอ่ื งคอมพิวเตอร์ใหบ้ ริการอยา่ งเพยี งพอ 19 9.60 ❑ มเี ครื่องคอมพิวเตอร์ใหบ้ รกิ ารไมเ่ พยี งพอ 30 15.15 ❑ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอรใ์ หบ้ ริการ 149 75.25 กลุ่มเปา้ หมายสว่ นใหญ่ ใชส้ ื่อดจิ ทิ ลั อยา่ งไร 166 83.84 ❑ ศึกษาจากเครื่องคอมพวิ เตอร์ท่ี กศน.ตำบล 86 43.43 ❑ ศึกษาจากเครื่องคอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊กของครู 150 75.76 ❑ ศึกษาจากโทรศพั ทส์ มารท์ โฟนหรอื แทบ็ เล็ต 108 54.55 137 69.19 กลมุ่ เปา้ หมายส่วนใหญ่ ใชบ้ ริการส่อื ดิจทิ ัลเพ่อื อะไร 5 2.53 ❑ ศึกษาคน้ คว้าเน้ือหาความรู้ต่าง ๆ ❑ ศึกษาแนวทางเพอื่ การประกอบอาชีพ 197 99.49 ❑ ศึกษาบทเรยี น Online 154 77.78 ❑ ติดต่อสังคม Online 32 16.16 ❑ ดหู นงั ฟังเพลง เล่นเกม 135 68.18 ❑ อน่ื ๆ เชน่ สง่ การบ้าน เปน็ ตน้ 51 25.76 ผูใ้ ชบ้ ริการสอื่ ดจิ ิทลั ได้แก่ 105 53.03 ❑ นกั ศึกษา กศน. 73 36.87 ❑ ประชาชนทัว่ ไป 11 5.56 ❑ นกั เรยี นในระบบ - ❑ ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา - - ❑ เดก็ และเยาวชน 9 - 4.54 จำนวนผู้ใชบ้ ริการสือ่ ดจิ ิทลั เฉลย่ี ภายใน 1 สัปดาห์ ❑ 1 – 20 คน ❑ 21 – 40 คน ❑ 41 – 60 คน ❑ 61 – 80 คน ❑ 81 - 100 คน ❑ 100 คนขน้ึ ไป

55 ตารางที่ 4.7 (ตอ่ ) แสดงความพรอ้ มในการให้บรกิ ารและการใช้สอ่ื ดจิ ิทัลเพื่อการศึกษา (N = 198) รายการ จำนวน รอ้ ยละ มีการนำสอื่ สังคมออนไลน์ (Social Media) มาใช้ในการส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ❑ LINE 192 96.97 ❑ FACEBOOK 182 92.93 ❑ TWITTER 9 4.55 ❑ GOOGLE CLASSROOM 136 68.69 ❑ อื่น ๆ เช่น YouTube เป็นตน้ 17 8.59 กิจกรรมที่ท่านนำมาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา ไดแ้ ก่ 182 91.92 ❑ แจง้ นดั หมายนักศึกษา ❑ เผยแพรข่ า่ วสาร 157 79.29 ❑ ส่งงาน / สง่ การบา้ น 165 83.33 ❑ สรปุ ย่อเนื้อหาสัน้ ๆ เผยแพร่ 81 40.91 ❑ การค้าออนไลน์ OOCC 119 60.10 ❑ digital Literecy 92 46.46 การเขา้ ใชส้ อื่ ดจิ ทิ ัล ทเี่ ผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา www.etvthai.tv ❑ ไม่เคยเข้าใช้ 26 13.13 ❑ เคยเข้าใช้ 172 86.87 จำนวนครั้งในการเข้าใช้ www.etvthai.tv เฉลีย่ ภายใน 1 สัปดาห์ ❑ 0 ครง้ั 26 13.13 ❑ 1 คร้งั 86 43.44 ❑ 2 ครัง้ 56 28.28 ❑ 3 ครั้ง 12 6.06 ❑ 4 ครง้ั 2 1.01 ❑ 5 ครั้ง 6 3.03 ❑ 6 ครง้ั ขนึ้ ไป 10 5.05 การเขา้ ใชส้ อ่ื ดจิ ิทัล ทเี่ ผยแพร่โดยศนู ยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา www.moeradiothai.net 164 82.83 ❑ ไมเ่ คยเข้าใช้ 34 17.17 ❑ เคยเข้าใช้

56 ตารางที่ 4.7 (ตอ่ ) แสดงความพร้อมในการให้บรกิ ารและการใชส้ ่ือดิจิทลั เพ่ือการศึกษา (N = 198) รายการ จำนวน ร้อยละ จำนวนครงั้ ในการเขา้ ใช้ www.moeradiothai.net เฉล่ียภายใน 1 สปั ดาห์ ❑ 0 ครั้ง 163 82.32 ❑ 1 ครั้ง 26 13.13 ❑ 2 ครั้ง 4 2.02 ❑ 3 ครั้ง 2 1.01 ❑ 4 ครั้งข้ึนไป 3 1.52 การเข้าใชส้ ่อื ดิจทิ ลั ทเี่ ผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยที างการศึกษา www.cet.go.th ❑ ไม่เคยเขา้ ใช้ 140 70.71 ❑ เคยเขา้ ใช้ 58 29.29 จำนวนครั้งในการเขา้ ใช้ www.cet.go.th เฉลีย่ ภายใน 1 สัปดาห์ ❑ 0 ครงั้ 139 70.20 ❑ 1 ครง้ั 35 17.68 ❑ 2 คร้ัง 16 8.08 ❑ 3 ครัง้ 3 1.52 ❑ 4 ครั้งขน้ึ ไป 5 2.52 การเขา้ ใชส้ อื่ ดจิ ิทัล ช่อง YouTube ETV ❑ ไม่เคยเข้าใช้ 53 26.77 ❑ เคยเขา้ ใช้ 145 73.23 จำนวนครง้ั ในการเข้าใช้ ช่อง YouTube ETV ส่อื ดิจิทัล เพอ่ื การศึกษา เฉล่ียภายใน 1 สปั ดาห์ ❑ 0 ครงั้ 53 26.77 ❑ 1 ครั้ง 67 33.84 ❑ 2 คร้ัง 45 22.73 ❑ 3 ครงั้ 20 10.10 ❑ 4 ครั้งขึ้นไป 13 6.56 จำนวนครั้งในการเข้าใช้ ชอ่ ง YouTube ETV ติวเข้มออนไลน์ เฉล่ยี ภายใน 1 สัปดาห์ ❑ 0 ครง้ั 73 36.87 ❑ 1 ครง้ั 55 27.78 ❑ 2 คร้ัง 43 21.72 ❑ 3 ครั้ง 10 5.05 ❑ 4 ครั้งขนึ้ ไป 17 8.58

57 ตารางท่ี 4.7 (ตอ่ ) แสดงความพร้อมในการใหบ้ รกิ ารและการใชส้ อ่ื ดิจทิ ลั เพื่อการศกึ ษา รายการ จำนวน (N = 198) รอ้ ยละ จำนวนครัง้ ในการเข้าใช้ ช่อง YouTube กศน. ส่ือสร้างอาชีพ 117 สร้างรายได้ เฉลีย่ ภายใน 1 สัปดาห์ 41 59.09 17 20.71 ❑ 0 คร้ัง 10 8.59 ❑ 1 ครงั้ 13 5.05 ❑ 2 คร้ัง 6.56 ❑ 3 ครั้ง 102 ❑ 4 ครง้ั ข้นึ ไป 51.52 87 ปัญหาและอุปสรรคในการให้บริการและการใช้สื่อดจิ ิทลั เพ่ือ 128 43.94 การศกึ ษา 41 64.65 20.71 ❑ อปุ กรณ์มใี ห้บริการไม่เพยี งพอ ไม่เออ้ื อำนวยในการ ใหบ้ ริการ และคุณภาพต่ำ ❑ สญั ญาณอนิ เทอรเ์ น็ต WIFI ลา่ ชา้ ไมเ่ สถยี ร ❑ ไม่มีคอมพิวเตอรใ์ หบ้ รกิ าร คอมพวิ เตอรไ์ ม่เพียงพอ ❑ การประชาสัมพันธ์การใช้สอ่ื ดจิ ิทลั ไม่ท่ัวถงึ จากตาราง 4.7 แสดงว่า กศน.ตำบล ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีความพร้อมด้านโครงข่าย การให้บริการสื่อดิจิทัล โดยมีการติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ต WIFI ความเร็วสูง คิดเป็นร้อยละ 99.44 สว่ นใหญ่มคี วามพร้อมด้านเครอื่ งคอมพิวเตอร์สำหรับใหบ้ ริการสอื่ ดิจิทลั เพ่ือการศกึ ษา คือ มีเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ให้บริการไมเ่ พยี งพอ คิดเปน็ ร้อยละ 42.42 รองลงมา คอื ไม่มเี คร่ืองคอมพวิ เตอรใ์ หบ้ ริการ คิดเป็นรอ้ ยละ 38.89 มีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้บริการอย่างเพียงพอ คิดเป็นร้อยละ 18.69 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ใช้ส่ือ ดิจิทัลโดยการศึกษาจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของตนเองคิดเป็นร้อยละ 75.25 รองลงมา คือ ศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของครู คดิ เป็นร้อยละ 15.15 ศึกษาจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ี กศน.ตำบล คิดเป็นร้อยละ 9.60 ตามลำดบั ส่วนใหญใ่ ช้บริการสื่อดจิ ิทัลเพ่อื ศึกษาคน้ ควา้ เนื้อหาความรตู้ ่าง ๆ คดิ เป็นร้อยละ 83.84 รองลงมา คอื ศึกษาบทเรยี น Online คดิ เป็นร้อยละ 75.76 ดูหนัง ฟังเพลง เลน่ เกม คิดเป็นร้อยละ 69.19 ติดต่อสังคม Online คิดเป็นร้อยละ 54.55 ศึกษาแนวทางเพื่อประกอบอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 43.43 และอื่น ๆ เช่น ส่งการบ้าน เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 2.53 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ผู้ใชบ้ รกิ ารสือ่ ดิจทิ ลั ได้แก่ นักศึกษา กศน. คิดเป็นร้อยละ 99.49 รองลงมา คือ ประชาชนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 77.78 ครูและ บุคลากรทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 68.18 เด็กและเยาวชน คิดเป็นร้อยละ 25.76 และนักเรียน ในระบบ คิดเป็นร้อยละ 16.16 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีผู้ใช้บริการสื่อดิจิทัลที่ กศน. ตำบล เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 - 20 คน คิดเป็นร้อยละ 53.03 รองลงมา คือ จำนวน 21 – 40 คน คิดเป็นร้อยละ 36.87 จำนวน 41 – 60 คน คิดเป็นร้อยละ 5.56 จำนวนมากกว่า100 คนขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 4.54 ตามลำดบั กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการนำสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาใช้ในการส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ได้แก่ Line คิดเป็นร้อยละ 96.97 รองลงมา คือ Facebook คิดเป็นร้อยละ 92.93 Google Classroom คิดเป็นร้อยละ 68.69 อื่น ๆ เช่น YouTube เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 15.29

58 และ Twitter คิดเป็นร้อยละ 4.55 ตามลำดับ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา คือ แจ้งนัดหมายนักศึกษา คิดเป็นร้อยละ 91.92 รองลงมา คือ ส่งงาน/ส่งการบ้าน คิดเป็นร้อยละ 83.33 เผยแพร่ข่าวสาร คิดเป็นร้อยละ 79.29 การค้าขายออนไลน์ OOCC คิดเป็นร้อยละ 60.10 Digital Literacy คิดเป็นร้อยละ 46.46 สรุปย่อเนื้อหาสั้น ๆ เผยแพร่ คิดเป็นร้อยละ 40.91 ตามลำดับ กล ุ ่ มต ั วอย ่ างส ่ วนใหญ ่ มี การเข ้ าใช ้ ส ื ่ อด ิ จ ิ ท ั ล ท่ี เผยแพร่ โดยศ ู นย ์ เทคโนโลย ี ทางการศ ึ กษา เว ็ บ ไ ซต์ www.etvthai.tv คิดเป็นร้อยละ 86.87 ไม่เคยเข้าใช้ คิดเป็นร้อยละ 13.13 ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการ เข้าใช้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 43.44 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 28.28 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 6.06 จำนวน 6 ครั้งขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 5.05 จำนวน 5 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 3.03 จำนวน 4 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.01 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ไม่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัล ท่ีเผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเว็บไซต์ www.moeradiothai.net คิดเป็นร้อยละ 82.83 เคยเข้าใช้ คิดเป็นร้อยละ 17.17 ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 13.13 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2.02 จำนวน 4 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.52 และจำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.01 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ไม่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่ โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเวบ็ ไซต์ www.cet.go.th คิดเป็นร้อยละ 70.71 เคยเขา้ ใช้ คิดเป็นร้อยละ 29.29 สว่ นใหญ่มีจำนวนครงั้ ในการเข้าใช้เฉล่ียต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นรอ้ ยละ 17.68 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 8.08 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.52 และจำนวน 4 ครั้งขึ้นไป คดิ เปน็ ร้อยละ 2.52 ตามลำดบั สว่ นใหญ่มกี ารเขา้ ใช้ส่ือดิจิทลั ช่อง YouTube ETV คดิ เป็นร้อยละ 73.23 ไม่เคยเขา้ ใช้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 26.77 สว่ นใหญม่ จี ำนวนคร้ังในการเข้าใช้ YouTube ETV สอ่ื ดิจิทลั เพ่อื การศึกษา การเขา้ ใช้เฉลีย่ ต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครงั้ คิดเปน็ ร้อยละ 33.84 รองลงมา คอื จำนวน 2 ครง้ั คิดเป็นร้อยละ 22.73 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 10.10 และจำนวน 4 ครั้งขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 6.56 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้ช่อง YouTube ETV ติวเข้มออนไลน์เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 27.78 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 21.72 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 5.05 และจำนวน 4 ครั้งขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 8.58 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้ ช่อง YouTube กศน.สื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 20.71 รองลงมา คือ จำนวน 2 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 8.59 จำนวน 3 คร้งั คดิ เป็นรอ้ ยละ 5.05 และจำนวน 4 คร้ัง ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 6.56 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่มีปัญหาและอุปสรรคในการให้บริการและการใช้สื่อ ดิจิทัลเพื่อการศึกษา คือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการ คอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ คิดเป็นร้อยละ 64.65 รองลงมาคือ อปุ กรณม์ ีให้บริการไมเ่ พียงพอไมเ่ อ้ืออำนวยในการให้บริการ และคุณภาพต่ำ คิดเป็นร้อยละ 51.52 สัญญาณอินเทอร์เนต็ WIFI ล่าช้า ไม่เสถียร คิดเป็นร้อยละ 43.94 และการประชาสัมพันธ์การใช้ สื่อดจิ ิทัลไม่ท่วั ถงึ คิดเปน็ ร้อยละ 20.71 ตามลำดับ

59 1.2.1 นักศึกษา กศน. กา ร ว ิ เ คร า ะห ์ ส ภ า พคว า มพร ้ อมใน กา ร ให ้ บ ร ิ กา ร แล ะ กา ร ใ ช้ บ ร ิ กา ร ส ื ่ อ เ ทคโ น โ ล ยี ด ิ จ ิ ทั ล เพื่อการศึกษา ในรูปแบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษา (ETV) วิทยุเพื่อการศึกษา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา ใช้วิธีการสังเคราะห์ข้อมูลจาก แบบสอบถามของนักศึกษา กศน. 1.2.1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม (N = 372) จำนวน ร้อยละ ตารางที่ 4.8 แสดงข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 133 35.80 รายการ 239 64.20 เพศ 200 53.80 ❑ ชาย 143 38.40 ❑ หญงิ 27 7.30 อายุ 2 0.50 ❑ 1 – 20 ปี ❑ 21 – 40 ปี 10 2.69 ❑ 41 – 60 ปี 133 35.75 ❑ 61 ปีขนึ้ ไป 229 61.56 ระดบั การศกึ ษา ❑ ประถมศึกษา 327 87.90 ❑ มธั ยมศึกษาตอนต้น 43 11.60 ❑ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2 0.50 สื่อเทคโนโลยีดจิ ิทลั ทนี่ ิยมใช้มากที่สดุ ❑ สอื่ ดจิ ิทัลเพอ่ื การศกึ ษา (ส่ือออนไลน)์ ❑ รายการโทรทัศน์ ETV ❑ รายการวิทยุเพื่อศึกษา จากตารางที่ 4.8 แสดงว่าข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน 372 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 64.20 เพศชาย คิดเป็นร้อยละ 35.80 ส่วนใหญ่อายุ 1 – 20 ปี คิดเป็นร้อยละ 53.80 รองลงมา คือ อายุ 21 – 40 ปี คิดเป็นร้อยละ 38.40 อายุ 41 – 60 ปี คิดเป็นร้อยละ 7.30 และอายุ 61 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 0.50 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คิดเป็นร้อยละ 61.56 รองลงมาคือ มัธยมศึกษาตอนต้น คิดเป็นร้อยละ 35.75 และประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 2.69 ตามลำดับ ส่วนใหญ่สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลที่กลุ่มตัวอย่าง นิยมใช้ในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยมากที่สุด คือ สื่อดิจิทัลเพื่อการศึกษา (สื่อออนไลน์) คิดเป็นร้อยละ 87.90 รองลงมา คือ รายการโทรทัศน์ ETV คิดเป็นร้อยละ 11.60 และ รายการวิทยุเพือ่ ศกึ ษา คิดเปน็ ร้อยละ 0.50 ตามลำดับ

60 1.2.2 การให้บริการและการใช้ส่อื โทรทัศน์เพือ่ การศึกษา ETV ตารางที่ 4.9 แสดงความพร้อมในการใช้บริการส่ือโทรทัศน์เพือ่ การศึกษา ETV รายการ จำนวน (N = 372) ร้อยละ มกี ารใช้บริการส่ือโทรทศั น์เพื่อการศึกษา ETV 255 ❑ ใช้บรกิ าร 117 68.50 ❑ ไมใ่ ชบ้ ริการ 31.50 286 สามารถดาวนโ์ หลดตารางออกอากาศได้จากเว็บไชต์ 86 76.90 www.etvthai.tv 23.10 323 ❑ ทราบ 49 86.80 ❑ ไม่ทราบ 13.20 152 สามารถรบั ชมรายการ ETV ทางเว็บไซต์ www.etvthai.tv 181 40.90 และบางรายการรับชมทาง YouTube ได้ 168 48.70 45 45.20 ❑ ทราบ 157 12.10 ❑ ไมท่ ราบ 12.20 223 เนือ้ หารายการ ETV ทร่ี ับชมหรือใช้ในการเรียนเปน็ ไปประจำ 91 59.90 ❑ รายการเพื่อสง่ เสรมิ การศกึ ษาสายสามัญ 45 24.50 ❑ รายการเพื่อสง่ เสรมิ การศึกษาสายอาชพี 13 12.10 ❑ รายการเพื่อสง่ เสรมิ การศึกษาตามอธั ยาศยั 3.50 ❑ รายการอาเซียน ❑ รายการตวิ เข้มเตมิ เต็มความรู้ ภายใน 1 สัปดาห์ เปดิ รบั ชมรายการ ETV ❑ 1 คร้ัง ❑ 2 คร้งั ❑ 3 คร้งั ❑ รับชมทุกวัน จากตาราง 4.9 แสดงว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีการใช้บริการสื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV คิดเป็นร้อยละ 68.50 ไม่ใช้บริการ คิดเป็นร้อยละ 31.50 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทราบว่าสามารถดาวน์โหลด ตารางออกอากาศได้จากเวบ็ ไซต์ www.etvthai.tv คิดเป็นรอ้ ยละ 76.90 ไม่ทราบ คิดเป็นร้อยละ 23.10 และทราบว่าสามารถรับชมรายการ ETV ทางเว็บไซต์ www.etvthai.tv และบางรายการรับชม ทาง YouTube ได้ คิดเป็นร้อยละ 86.80 ไม่ทราบ คิดเป็นร้อยละ 13.20 ส่วนใหญ่มีเนื้อหารายการ ETV ที่รับชมเป็นประจำ ได้แก่ รายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 48.70 รองลงมา คือ รายการสง่ เสริมการศึกษาตามอัธยาศัย คดิ เป็นร้อยละ 45.20 รายการตวิ เข้มเติมเต็มความรู้ คิดเป็นร้อยละ 42.20 รายการเพื่อส่งเสริมการศึกษาสายสามัญ คิดเป็นรอ้ ยละ 40.90 และรายการอาเซยี น คิดเป็นร้อยละ 12.10 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่เปดิ รบั ชมรายการ ETV สัปดาหล์ ะ 1 คร้งั คิดเปน็ รอ้ ยละ 59.90 รองลงมา

61 คือ สปั ดาหล์ ะ 2 ครัง้ คดิ เป็นร้อยละ 24.50 สัปดาห์ละ 3 ครงั้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.10 และเปดิ รับชมทุกวัน คิดเปน็ รอ้ ยละ 3.50 ตามลำดับ ตารางที่ 4.10 แสดงความพงึ พอใจในการรบั ชมรายการโทรทศั น์เพ่ือการศึกษา ETV (N = 372) ความพึงพอใจในการรับชมรายการ ระดบั ความคิดเหน็ x S.D. แปลผล 1. ก่อนรับชมรายการ ETV ผ้ใู ชม้ ีความรู้ความเข้าใจ 3.39 1.03 ปานกลาง 2. หลังรับชมรายการ ETV ผใู้ ช้มีความร้คู วามเข้าใจ 4.06 0.74 มาก 3. ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ 4.15 0.71 มาก 4. ระยะความยาวของรายการ (นาท)ี 3.94 0.67 มาก 5. รูปแบบรายการ 4.06 0.68 มาก 6. วิทยากรและผู้ดำเนินรายการ 4.16 0.68 มาก 7. วิธีการนำเสนอรายการ 4.14 0.67 มาก 8. ชว่ งเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ 3.98 0.74 มาก 9. สารประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากรายการ 4.24 0.71 มาก ภาพรวม 4.01 0.74 มาก จากตาราง 4.10 ผลการวิเคราะหค์ วามพึงพอใจในการรบั ชมรายการโทรทัศน์เพ่ือการศึกษา ETV พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( x = 4.01, S.D. = 0.74) ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.39, S.D. = 1.03) หลังรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ เพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก ( x = 4.06, S.D. = 0.74) และหากพิจารณาเป็นรายข้อจากความพึงพอใจสูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ ( x = 4.24, S.D. = 0.71) รองลงมา คือ วิทยากรและ ผูด้ ำเนินรายการ ( x = 4.16, S.D. = 0.68) ความเหมาะสมของเน้ือหาของรายการ ( x = 4.15, S.D. = 0.71) วิธีการนำเสนอรายการ ( x = 4.14, S.D. = 0.67) รูปแบบรายการ ( x = 4.06, S.D. = 0.68) ช่วงเวลา ในการเผยแพร่ออกอากาศ ( x = 3.98, S.D. = 0.71) และระยะความยาวของรายการ (นาท)ี ( x = 3.94, S.D. = 0.67) ตามลำดับ

62 1.2.3 การการใช้บริการวิทยุเพอ่ื การศึกษา ตารางท่ี 4.11 แสดงความพร้อมในการใช้บรกิ ารสื่อวิทยุเพ่ือการศกึ ษา รายการ จำนวน (N = 372) ร้อยละ การรับฟงั รายการวทิ ยศุ ึกษา 19 ทผี่ ลติ และเผยแพรโ่ ดยศนู ยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา 5.11 97 ❑ ฟังจากเครอ่ื งรับวิทยุท่ีคล่นื 14 26.08 FM 92 MHz / AM 1161 kHz 242 3.76 65.05 ❑ ฟังทางอินเทอร์เนต็ www.moeradiothai.net 56 ❑ ฟงั ทางอปุ กรณ์รับสญั ญาณดาวเทยี ม ช่อง R32 19 15.10 ❑ ไม่เคยรับฟัง 36 5.10 101 9.70 ประเภทของรายการทเี่ คยรบั ฟงั รายการวทิ ยุศึกษา 27.20 ❑ อาชีพ 92 ❑ ภาษา 46 24.70 ❑ สาระบนั เทงิ 66 12.40 ❑ ความรู้ทั่วไป 17.70 59 สาเหตุทไ่ี ม่ใชร้ ายการวิทยุศึกษา 15.90 ❑ ไม่มเี คร่ืองรบั วทิ ยุ 147 ❑ รบั ฟังไม่ได้ ไมม่ ีสญั ญาณ 39.50 ❑ ไม่ทราบวา่ มรี ายการวิทยสุ ง่ เสรมิ การศกึ ษาของ กศน. ให้บรกิ าร ❑ ไม่ทราบรายละเอยี ดคลนื่ ความถีแ่ ละ ช่องทางการรบั ฟัง ❑ ไมน่ ยิ มใชว้ ทิ ยุเปน็ เคร่อื งมือในการสง่ เสริม การศึกษา เพราะมสี ่ือเทคโนโลยอี นื่ ๆ จากตาราง 4.11 แสดงว่า นักศึกษา กศน. ที่เป็นกลุม่ ตัวอย่างสว่ นใหญ่ ไม่เคยรับฟังรายการวิทยุ ศึกษาที่ผลิตและเผยแพร่โดยศูนยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 65.05 รองลงมาคือ เคยรับฟัง ทางอินเทอร์เน็ต www.moeradiothai.net คิดเป็นร้อยละ 26.08 ฟังจากเครื่องรับวิทยุที่คลื่น FM 92 MHz / AM 1161 kHz คิดเป็นร้อยละ 5.11 และฟังทางอุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทยี ม ช่อง R32 คิดเป็นร้อยละ 3.76 ตามลำดับ โดยสว่ นใหญ่ประเภทของรายการที่เคยรบั ฟังรายการวิทยุศึกษา คือ ความรู้ท่วั ไป คิดเป็นร้อยละ 27.20 รองลงมา คือ อาชพี คิดเป็นร้อยละ 15.10 สาระบันเทิง คดิ เป็นร้อยละ 9.70 และภาษา คิดเป็นร้อยละ 5.10 ตามลำดับ โดยส่วนใหญ่มีปัญหาอุปสรรคในการใช้รายการวิทยุศึกษาเพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย คือ ไม่นิยมใชว้ ิทยเุ ป็นเคร่ืองมือในการส่งเสริมการศึกษาเพราะมสี ่ือเทคโนโลยี อนื่ ๆ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 39.50 รองลงมา คอื ไมม่ เี ครอื่ งรับวทิ ยุ คดิ เป็นร้อยละ 24.70 ไม่ทราบวา่ มีรายการ วิทยุส่งเสริมการศึกษาของ กศน. ให้บริการ คิดเป็นร้อยละ 17.70 ไม่ทราบรายละเอียดคลื่นความถี่และ ช่องทางการรับฟัง คิดเป็นรอ้ ยละ 15.90 และรบั ฟังไมไ่ ด้ ไมม่ สี ญั ญาณ คิดเป็นร้อยละ 12.40 ตามลำดับ

63 1.2.4 การใช้บรกิ ารสอ่ื การศึกษาเพื่อส่งเสรมิ ความรู้เก่ียวกับประชาคมอาเซียน ตารางที่ 4.12 แสดงความพร้อมในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพ่ือส่งเสริมความรเู้ กี่ยวกับประชาคมอาเซียน (N = 372) รายการ จำนวน ร้อยละ การใช้บริการสอ่ื การศึกษาเพ่ือส่งเสริมความร้เู กย่ี วกับประชาคม อาเซียน 265 71.20 ❑ ใชบ้ ริการ 107 28.80 ❑ ไมใ่ ช้บรกิ าร ประเภทสอ่ื การศกึ ษาเพื่อสง่ เสรมิ ความรเู้ กยี่ วกับ ประชาคมอาเซยี นทีม่ ีให้บริการ ไดแ้ ก่ ❑ โทรทศั น์เพ่ือการศึกษา 141 37.90 ❑ วทิ ยเุ พ่ือการศกึ ษา 31 8.30 ❑ สอื่ Offline ประเภท VCD/DVD 86 23.10 ❑ ส่ือดิจิทัลเพอ่ื การศกึ ษา 259 69.60 ปญั หาท่พี บในการใชบ้ ริการสื่อการศกึ ษาเพื่อสง่ เสริมความรู้ เกีย่ วกับประชาคมอาเซียน ได้แก่ 148 39.80 ❑ สือ่ อาเซยี นค่อนข้างเกา่ ชำรุด ไมท่ ันสมัย 201 54.00 ❑ ส่อื อาเซยี นมีให้บริการน้อยและไม่เพียงพอ ❑ อืน่ ๆ เช่น ไม่ได้เขา้ ใช้ เปน็ ต้น 25 6.70 จากตาราง 4.12 แสดงว่า นักศึกษา กศน. ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ใช้บริการสื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 71.20 ไม่ใช้บริการ คิดเป็นร้อยละ 28.80 ส่วนใหญ่มีประเภทสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสรมิ ความรูเ้ กี่ยวกบั ประชาคมอาเซยี นทีม่ ีให้บรกิ าร คือ สื่อดิจทิ ลั เพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 69.60 รองลงมา คือ สื่อโทรทัศน์เพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 37.90 สื่อ Offline ประเภท VCD/DVD คิดเป็นร้อยละ 23.10 และวิทยุเพื่อการศึกษา คิดเป็นร้อยละ 8.30 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในการใช้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคม อาเซียน คือ สื่ออาเซียนมีให้บริการน้อยและไม่เพียงพอ คิดเป็นร้อยละ 54.00 รองลงมา คือ สื่ออาเซียน ค่อนข้างเก่า ชำรุด ไม่ทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 39.80 และ อื่นๆ เช่น ไม่ได้เข้าใช้ เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 6.70 ตามลำดบั

64 ตารางท่ี 4.13 แสดงความพงึ พอใจในการรับชมรายการเพื่อสง่ เสรมิ ความร้เู กย่ี วกบั ประชาคมอาเซียน (N = 372) ความพงึ พอใจในการรบั ชมรายการ ระดับความคิดเหน็ x S.D. แปลผล 1. ก่อนรับชมรายการ ETV ผใู้ ช้มคี วามรู้ความเข้าใจ 3.39 0.96 ปานกลาง 2. หลงั รบั ชมรายการ ETV ผใู้ ชม้ คี วามรู้ความเข้าใจ 3.96 0.72 มาก 3. ความเหมาะสมของเนอ้ื หาของรายการ 4.06 0.72 มาก 4. ระยะความยาวของรายการ (นาท)ี 3.89 0.72 มาก 5. รูปแบบรายการ 4.02 0.74 มาก 6. วทิ ยากรและผดู้ ำเนินรายการ 4.11 0.74 มาก 7. วธิ กี ารนำเสนอรายการ 4.08 0.72 มาก 8. ชว่ งเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ 3.91 0.75 มาก 9. สารประโยชน์ท่ีได้รับจากรายการ 4.12 0.72 มาก ภาพรวม 3.95 0.75 มาก จากตาราง 4.13 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจในการรบั ชมรายการเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกบั ประชาคมอาเซียน พบว่า โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก ( x = 3.95, S.D. = 0.75) ก่อนรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจ อยู่ในระดับปานกลาง ( x = 3.39, S.D. = 0.96) หลังรับชมรายการ ETV ผู้ใช้มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น อยู่ในระดับมาก ( x = 3.96, S.D. = 0.72 และหากพิจารณาเป็นรายข้อ จากความพึงพอใจสูงสุด ลำดับแรก คือ สารประโยชน์ที่ได้รับจากรายการ ( x = 4.12, S.D. = 0.72) รองลงมา คือ วทิ ยากรและผดู้ ำเนนิ รายการ ( x = 4.11, S.D. = 0.74) วธิ ีการนำเสนอรายการ ( x = 4.08, S.D. = 0.72) ความเหมาะสมของเนื้อหาของรายการ ( x = 4.06, S.D. = 0.72) รูปแบบรายการ ( x = 4.02, S.D. = 0.74) ช่วงเวลาในการเผยแพร่ออกอากาศ ( x = 3.91, S.D. = 0.75) และระยะความยาวของ รายการ (นาท)ี ( x = 3.89, S.D. = 0.72) ตามลำดับ 1.2.5 การใช้บรกิ ารสื่อดิจิทัลเพือ่ การศึกษา ดงั แสดงในตารางท่ี ตารางท่ี 4.14 แสดงความพร้อมในการใช้บรกิ ารส่ือดิจทิ ัลเพื่อการศึกษา รายการ จำนวน (N = 372) รอ้ ยละ กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ ใชส้ ่ือดิจิทลั อยา่ งไร 49 ❑ ศกึ ษาจากเคร่อื งคอมพวิ เตอรท์ ี่ กศน.ตำบล จดั ไวใ้ ห้ 22 13.20 ❑ ศึกษาจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์โนต้ บุ๊ก 5.90 ของครู กศน.ตำบล 301 ❑ ศึกษาจากโทรศัพทส์ มารท์ โฟนหรือแทบ็ เลต็ 80.90 ของตนเอง

ตารางท่ี 4.14 (ต่อ) แสดงความพร้อมในการใช้บริการส่ือดิจทิ ัลเพอ่ื การศึกษา 65 รายการ จำนวน (N = 372) รอ้ ยละ กลุม่ เปา้ หมายสว่ นใหญ่ ใช้บริการสอื่ ดิจทิ ลั เพือ่ อะไร 305 ❑ ศึกษาคน้ คว้าเนือ้ หาความรูต้ า่ ง ๆ 184 82.00 ❑ ศึกษาแนวทางเพื่อการประกอบอาชีพ 223 49.50 ❑ ศึกษาบทเรียน Online 154 59.90 ❑ ติดต่อสังคม Online 220 41.40 ❑ ดูหนงั ฟังเพลง เล่นเกม 10 59.10 ❑ อ่นื ๆ เชน่ การหารายได้ ขายสนิ ค้า เป็นต้น 2.70 318 มีการนำสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาใชใ้ นการสง่ เสริม 315 85.50 การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 45 84.70 180 12.10 ❑ LINE 12 48.40 ❑ FACEBOOK 7 3.20 ❑ TWITTER 1.90 ❑ GOOGLE CLASSROOM 290 ❑ อน่ื ๆ เช่น Google Meet เป็นต้น 121 78.00 ❑ ไมใ่ ช้ 303 32.50 64 81.50 กิจกรรมที่ท่านนำมาใช้ในการสง่ เสรมิ การศึกษา ได้แก่ 17.20 ❑ แจ้งนดั หมายนักศึกษา 140 ❑ การคา้ ออนไลน์ OOCC 232 37.63 ❑ สง่ งาน / สง่ การบ้าน 62.37 ❑ Digital Literacy 141 165 37.89 การเขา้ ใช้ส่อื ดิจทิ ลั ทเี่ ผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยที างการศึกษา 45 44.40 www.etvthai.tv 19 12.10 1 5.10 ❑ ไม่เคยเขา้ ใช้ 1 0.30 ❑ เคยเข้าใช้ 0.30 จำนวนคร้ังในการเข้าใช้ www.etvthai.tv เฉลยี่ ภายใน 1 สปั ดาห์ ❑ 0 ครงั้ ❑ 1 คร้ัง ❑ 2 ครัง้ ❑ 3 ครั้ง ❑ 4 ครง้ั ❑ 5 ครง้ั

ตารางท่ี 4.14 (ต่อ) แสดงความพร้อมในการใช้บริการสื่อดิจิทัลเพ่อื การศึกษา 66 รายการ จำนวน (N = 372) ร้อยละ การเข้าใชส้ อ่ื ดิจทิ ลั ทเี่ ผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา 303 www.moeradiothai.net 69 81.45 18.55 ❑ ไม่เคยเข้าใช้ 302 ❑ เคยเข้าใช้ 63 81.20 4 16.90 จำนวนครงั้ ในการเขา้ ใช้ www.moeradiothai.net 2 1.10 เฉลย่ี ภายใน 1 สัปดาห์ 1 0.50 0.30 ❑ 0 คร้ัง 272 ❑ 1 คร้ัง 100 73.12 ❑ 2 ครั้ง 26.88 ❑ 3 ครั้ง 272 ❑ 6 ครั้ง 72 73.10 19 19.40 การเข้าใชส้ ่อื ดิจิทลั ทเ่ี ผยแพร่โดยศูนยเ์ ทคโนโลยที างการศึกษา 3 5.10 www.cet.go.th 4 0.80 2 1.10 ❑ ไมเ่ คยเขา้ ใช้ 0.50 ❑ เคยเขา้ ใช้ 100 272 26.90 จำนวนครง้ั ในการเขา้ ใช้ www. cet.go.th 73.10 เฉลีย่ ภายใน 1 สปั ดาห์ 186 141 50.00 ❑ 0 ครง้ั 35 37.90 ❑ 1 ครั้ง 7 9.40 ❑ 2 ครั้ง 2 1.90 ❑ 3 ครั้ง 1 0.50 ❑ 4 คร้ัง 0.30 ❑ 10 คร้ัง การเขา้ ใชส้ อ่ื ดจิ ทิ ัล ทเี่ ผยแพร่โดยศนู ยเ์ ทคโนโลยีทางการศึกษา ช่องทาง YouTube ของ ETV ❑ ไมเ่ คยเข้าใช้ ❑ เคยเขา้ ใช้ จำนวนคร้ังในการเข้าใช้ ช่อง YouTube ETV ส่ือดจิ ิทัล เพ่ือการศึกษา เฉล่ยี ภายใน 1 สปั ดาห์ ❑ 0 คร้ัง ❑ 1 คร้ัง ❑ 2 ครั้ง ❑ 3 คร้ัง ❑ 5 ครั้ง ❑ 6 ครั้ง

67 ตารางท่ี 4. (ต่อ) แสดงความพรอ้ มในการใช้บริการส่ือดิจิทัลเพื่อการศกึ ษา รายการ จำนวน (N = 372) ร้อยละ จำนวนคร้งั ในการเข้าใช้ ช่อง YouTube ETV ติวเข้มออนไลน์ 238 เฉลี่ยภายใน 1 สปั ดาห์ 96 63.98 30 25.81 ❑ 0 ครั้ง 5 8.06 ❑ 1 ครงั้ 1 1.34 ❑ 2 ครั้ง 1 0.27 ❑ 3 ครั้ง 1 0.27 ❑ 4 คร้ัง 0.27 ❑ 5 ครั้ง 251 ❑ 7 ครั้ง 84 67.47 20 22.58 จำนวนครั้งในการเขา้ ใช้ ช่อง YouTube กศน. สอ่ื สรา้ งอาชีพ 11 5.38 สรา้ งรายได้ เฉลยี่ ภายใน 1 สัปดาห์ 1 2.96 4 0.27 ❑ 0 ครง้ั 1 1.07 ❑ 1 คร้ัง 0.27 ❑ 2 คร้ัง 119 ❑ 3 คร้ัง 32.00 ❑ 4 คร้ัง 201 ❑ 5 คร้ัง 88 54.00 ❑ 14 คร้งั 126 23.70 80 33.90 ปญั หาทพ่ี บในการใชบ้ ริการส่อื ดิจิทลั เพื่อสง่ เสรมิ การศึกษานอก 5 21.50 ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย ไดแ้ ก่ 1.30 ❑ อุปกรณ์มใี หบ้ ริการไม่เพียงพอ ไมเ่ อื้ออำนวยการ ใหบ้ รกิ าร และมคี ุณภาพต่ำ ❑ สัญญาณอนิ เทอร์เนต็ WIFI ลา่ ช้าไม่เสถียร ❑ อุปกรณ์ของผู้ใช้บริการมสี เปคตำ่ ไม่มคี วามพรอ้ ม ❑ นกั ศกึ ษาบางคนไมม่ ีมอื ถือ Smart Phone ❑ การประชาสมั พันธก์ ารใชส้ อ่ื ดจิ ทิ ลั ไมท่ วั่ ถงึ ❑ อ่ืน ๆ เชน่ มคี ่าใชจ้ ่าย ไม่มีเวลารับชม เปน็ ต้น จากตาราง 4.14 แสดงว่า นักศึกษา กศน. ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ใช้สื่อดิจิทัลโดยการศกึ ษา จากโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 80.90 รองลงมา คือ ศึกษาจากเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ กศน.ตำบล จัดไว้ให้ คิดเป็นร้อยละ 13.20 และศึกษาจากเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของ ครู กศน.ตำบล คิดเป็นร้อยละ 5.90 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ใช้บริการสื่อดิจิทัลเพื่อศึกษาค้นคว้าเนื้อหา ความรู้ต่าง ๆ คิดเป็นร้อยละ 82.00 รองลงมา คือ ศึกษาบทเรียน Online คิดเป็นร้อยละ 59.90 ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม คิดเป็นร้อยละ 59.10 ศึกษาแนวทางเพื่อการประกอบอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 49.50 ติดต่อสังคม Online คิดเป็นร้อยละ 41.40 และอื่น ๆ เช่น การหารายได้ ขายสินค้า เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ

68 2.70 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีการนำสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย คือ Line คิดเป็นร้อยละ 85.50 รองลงมา คือ Facebook คิดเป็นร้อยละ 84.70 Google Classroom คิดเป็นร้อยละ 48.40 Twitter คิดเป็นร้อยละ 12.10 อื่น ๆ เช่น Google Meet คิดเป็นร้อยละ 3.20 และไม่ใช้ คิดเป็นร้อยละ 1.90 ตามลำดับ กิจกรรมส่วนใหญ่ ทีน่ ำมาใช้ในการส่งเสริมการศึกษา คือ สง่ งาน/ส่งการบ้าน คิดเป็นร้อยละ 81.50 รองลงมา คอื แจ้งนัดหมาย นักศกึ ษา คิดเป็นรอ้ ยละ 78.00 การค้าขายออนไลน์ OOCC คดิ เป็นร้อยละ 32.50 และ Digital Literacy คิดเป็นร้อยละ 17.20 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา เว็บไซต์ www.etvthai.tv คิดเป็นร้อยละ 62.37 ไม่เคยเข้าใช้ คิดเป็นร้อยละ 37.63 ส่วนใหญ่มีจำนวนคร้ัง ในการเข้าใช้เฉล่ียต่อสัปดาห์ จำนวน 1 คร้งั คดิ เป็นรอ้ ยละ 44.40 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครัง้ คิดเป็นร้อยละ 12.10 จำนวน 3 คร้งั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 5.10 จำนวน 4 คร้ัง และจำนวน 5 ครัง้ คิดเปน็ ร้อยละ 0.30 เท่ากนั ตามลำดับ ส่วนใหญ่ไม่มีการเข้าใช้สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษาเว็บไซต์ www.moeradiothai.net คดิ เป็นร้อยละ 81.45 เคยเขา้ ใช้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 18.55 สว่ นใหญ่มีจำนวนคร้ัง ในการเข้าใช้เฉล่ียต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครง้ั คิดเปน็ ร้อยละ 16.90 รองลงมา คอื จำนวน 2 ครง้ั คิดเป็นร้อยละ 1.10 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 0.50 และจำนวน 6 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 0.30 ตามลำดับ ส่วนใหญ่ ไมม่ ีการเขา้ ใชส้ ื่อดจิ ิทัลท่ีเผยแพร่โดยศนู ย์เทคโนโลยที างการศึกษาเว็บไซต์ www.cet.go.th คิดเป็นร้อยละ 73.12 เคยเขา้ ใช้ คิดเป็นร้อยละ 26.88 สว่ นใหญ่มจี ำนวนคร้ัง ในการเขา้ ใชเ้ ฉลี่ยตอ่ สปั ดาห์ จำนวน 1 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 19.40 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 5.10 จำนวน 4 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.10 จำนวน 3 ครงั้ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.80 และจำนวน 10 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 0.50 ตามลำดบั มีการเข้าใช้ สื่อดิจิทัลที่เผยแพร่โดยศนู ย์เทคโนโลยีทางการศึกษาชอ่ งทาง YouTube ของ ETV คิดเป็นร้อยละ 73.10 ไม่เคยเข้าใช้ คิดเป็นร้อยละ 26.90 ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้ช่อง YouTube ETV สื่อดิจิทัล เพอ่ื การศกึ ษาเฉล่ียตอ่ สปั ดาห์ จำนวน 1 คร้งั คิดเปน็ ร้อยละ 37.90 รองลงมา คือ จำนวน 2 คร้งั คิดเป็นรอ้ ยละ 9.40 จำนวน 3 ครั้ง คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.90 จำนวน 5 ครง้ั คดิ เป็นร้อยละ 0.50 และจำนวน 6 ครง้ั คิดเป็นร้อยละ 0.30 ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้ช่อง YouTube ETV ติวเข้มออนไลน์เฉลี่ยต่อสปั ดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 25.81 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 8.06 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.34 จำนวน 4 ครั้ง จำนวน 5 ครั้ง และจำนวน 7 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 0.27 เท่ากัน ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีจำนวนครั้งในการเข้าใช้ช่อง YouTube กศน. สื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้เฉล่ีย ต่อสัปดาห์ จำนวน 1 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 22.58 รองลงมา คือ จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 5.38 จำนวน 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2.96 จำนวน 5 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 1.07 จำนวน 4 ครั้ง และจำนวน 14 คร้ัง คิดเป็นร้อยละ 0.27 เท่ากัน ตามลำดับ ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในการใช้บริการสื่อดิจิทัลเพื่อส่งเสริม การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย คอื สญั ญาณอนิ เทอร์เน็ต WIFI ลา่ ช้าไม่เสถยี ร คดิ เปน็ ร้อยละ 54.00 รองลงมา คือ นักศึกษาบางคนไม่มีมือถือ Smart Phone คิดเป็นร้อยละ 33.90 อุปกรณ์ มีให้บริการไม่เพียงพอ ไม่เอื้ออำนวยต่อการให้บริการ และมีคุณภาพต่ำ คิดเป็นร้อยละ 32.00 อุปกรณ์ ของผู้ใช้บริการมีสเปคต่ำ ไม่มีความพร้อม คิดเป็นร้อยละ 23.70 การประชาสัมพันธ์การใช้สื่อดิจิทัลไม่ ทั่วถึง คิดเป็นร้อยละ 21.50 และอื่น ๆ เช่น มีค่าใช้จ่าย ไม่มีเวลารับชม เป็นต้น คิดเป็นร้อยละ 1.30 ตามลำดับ

69 ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศกึ ษา เพอ่ื สง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั การวเิ คราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้ส่ือเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพื่อการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศยั ใช้วิธีการสงั เคราะห์ข้อมลู จากแบบสอบถามจากครู กศน.ตำบล และนักศกึ ษา กศน. เปน็ ตวั แทนของภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคเหนอื ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทง้ั หมด 5 ภาค โดยการวเิ คราะห์ข้อมูลจากประเด็นข้อคดิ เห็นและข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้ส่ือเทคโนโลยี ดิจิทัลเพื่อการศึกษา ประกอบด้วย 1) ข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้ ETV 2) ข้อเสนอแนะแนวทางในการ พัฒนาการใช้รายการวิทยุศึกษา 3) ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อการศึกษา เพ่อื ส่งเสรมิ ความรู้เกีย่ วกับประชาคมอาเซียน 4) แนวทางในการพฒั นาการให้บริการสื่อดิจิทลั 2.1 ครู กศน. ตำบล การวเิ คราะห์ ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้เทคโนโลยดี จิ ิทัลเพือ่ การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย ใช้วิธีการสงั เคราะหข์ ้อมลู จากแบบสอบถามของครู กศน.ตำบล 2.1.1 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้ ETV เพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัย ตาราง 4.15 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้รายการ ETV จำนวน (N = 73) 7 ประเดน็ 7 รอ้ ยละ 9.59 1. เวลาตารางในการออกอากาศไมต่ รงกบั เวลาที่ลงทะเบียนเรียน 6 9.59 2. ควรจัดสรรอุปกรณท์ ท่ี นั สมยั ให้กบั กศน.ตำบล เชน่ Smart TV 6 8.22 เพือ่ ทำให้การใชง้ านดยี ง่ิ ขนึ้ 5 8.22 3. เนอื้ หาวชิ าสายสามัญควรมีความยาวไมเ่ กนิ 5 – 10 นาที 5 4. เน้ือหารายการดมี าก มีประโยชน์ สามารถนำไปปรบั ใชใ้ นการเรยี นการสอนได้ดี 5 6.85 6.85 มีการสอนเชงิ สนกุ สนาน ไมน่ ่าเบ่อื 4 6.85 5. ควรมกี ารประชาสัมพันธ์วิธีการรบั ชมรายการ ETV ย้อนหลงั 6. ควรมีการประชาสมั พันธส์ อ่ื ETV ใหท้ ่วั ถงึ และต่อเน่อื ง 4 5.48 7. วิทยากรหรอื ผู้ดำเนินรายการควรเพม่ิ เทคนิคการสอน ทำใหร้ ายการน่าตน่ื เต้นมี 4 3 5.48 ความนา่ สนใจ กระชับ และเขา้ ใจงา่ ย 3 5.48 8. ตอ้ งการให้มกี ารประชาสัมพันธ์เผยแพร่ชอ่ งทางการเขา้ ถงึ สอื่ ETV ให้มากขึ้น 2 4.11 2 4.11 เชน่ การจัดอบรมครูในการใช้และเข้าถงึ ส่ือ ETV 2.74 9. ควรนำเสนอส่อื ออนไลน์ควบคู่กบั การออกอากาศทว่ั ไป 2.74 10. เนอ้ื หาวชิ าสายอาชีพควรมีความยาวพอเหมาะกับเนอื้ หา 11. ควรมจี ัดการทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี นของรายการ ETV 12. ควรมีเอกสารประกอบการเรยี นการสอน ใบงานของรายการ ETV 13. ขาดงบประมาณในการซอ่ มบำรุงรกั ษาอุปกรณ์ 14. ต้องการใหผ้ ลติ รายการทม่ี ีลกั ษณะการเล่มเกมโชว์ การตอบคำถามในรายการ ชิงรางวัล เพื่อเป็นการเสริมแรงและกระตุ้นการเรียนรู้ ปรับรายการให้มี ความนา่ สนใจ

70 ตาราง 4.15 (ต่อ) แสดงประเด็นขอ้ เสนอแนะในการพัฒนาใช้รายการ ETV จำนวน (N = 73) ประเดน็ 2 รอ้ ยละ 1 15. ต้องการใหม้ รี ายการตวิ ของ กศน. โดยเฉพาะ 1 2.74 16. ต้องการให้ผลติ รายการเกย่ี วกับรายวิชาเลอื กบังคบั 1 1.37 17. รูปแบบรายการสามารถนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ 1 1.37 18. ต้องการใหผ้ ลิตรายการเก่ยี วกับการศกึ ษา ด้านเทคนิคการจำ การคดิ เรว็ 1.37 19. ควรนำเสนอรายการเกี่ยวกับรายวิชาสามัญ การทำอาชีพ และการเลี้ยงสัตว์ 1 1.37 1 ใหม้ ากข้นึ 1 1.37 20. สง่ เสริมการใชส้ ือ่ ETV ให้มากข้นึ 1 1.37 21. ควรเพ่ิมรายการตวิ เข้มท่หี ลากหลาย 1.37 22. ปรบั ปรงุ รายการเป็นคลิปการสอนแต่ละวชิ าให้เปน็ ปัจจบุ ันและนา่ สนใจ 1.37 23. พฒั นาการนำเสนอผา่ นสอ่ื ออนไลน์เป็นหลัก จากตาราง 4.15 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนา ETV เพ่ือส่งเสรมิ การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ของครู กศน.อำเภอ พบวา่ เวลาตารางในการออกอากาศไม่ตรงกับ เวลาที่ลงทะเบียนเรียน และควรจัดสรรอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับ กศน.ตำบล เช่น Smart TV เพื่อทำให้ การใช้งานดยี ่ิงขึ้น คิดเป็นรอ้ ยละ 9.59 เทา่ กัน รองลงมา คือ เนื้อหาวชิ าสายสามัญควรมีความยาวไม่เกิน 5 – 10 นาที และเน้อื หารายการดีมาก มปี ระโยชน์ สามารถนำไปปรบั ใช้ในการเรยี น การสอนไดด้ ี มกี ารสอน เชิงสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ คิดเป็นร้อยละ 8.22 เท่ากัน ควรมีการประชาสัมพันธว์ ธิ ีการรบั ชมรายการ ETV ย้อนหลัง ควรมีการประชาสัมพันธ์สื่อ ETV ให้ทั่วถึงและต่อเนื่อง และวิทยากรหรือผู้ดำเนินรายการ ควรเพิ่มเทคนิคการสอน ทำให้รายการน่าตื่นเต้นมีความน่าสนใจ กระชับ และเข้าใจง่าย คิดเป็นร้อยละ 6.85 เท่ากัน ต้องการให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ช่องทางการเข้าถึงสื่อ ETV ให้มากขึ้น เช่น การจัด อบรมครูในการใช้และเข้าถึงสื่อ ETV ควรนำเสนอสื่อออนไลน์ควบคู่กับการออกอากาศทั่วไป และ เนื้อหาวิชาสายอาชีพควรมีความยาวพอเหมาะกับเนื้อหา คิดเป็นร้อยละ 5.48 เท่ากัน ควรมีจัดการ ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของรายการ ETV และควรมีเอกสารประกอบการเรียนการสอน ใบงาน ของรายการ ETV คดิ เปน็ รอ้ ยละ 4.11 เท่ากนั ขาดงบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์ ตอ้ งการให้ ผลิตรายการที่มีลักษณะการเล่มเกมโชว์ การตอบคำถามในรายการชิงรางวัล เพื่อเป็นการเสริมแรงและ กระตุ้นการเรียนรู้ ปรับรายการให้มีความน่าสนใจ และต้องการให้มีรายการติวของ กศน. โดยเฉพาะ คิดเป็นร้อยละ 2.74 ต้องการให้ผลติ รายการเกีย่ วกับรายวชิ าเลือกบังคับ รูปแบบรายการสามารถนำไปใช้ ในชีวิตประจำวันได้ ต้องการให้ผลิตรายการเกี่ยวกับการศึกษา ด้านเทคนิคการจำ การคิดเร็ว ควรนำเสนอ รายการเก่ียวกับรายวชิ าสามัญ การทำอาชีพ และการเลยี้ งสัตว์ให้มากขึ้น ส่งเสริม การใชส้ ่อื ETV ให้มากข้ึน ควรเพิ่มรายการติวเข้มที่หลากหลาย ปรับปรุงรายการเป็นคลิปการสอนแต่ละวิชาให้เป็นปัจจุบันและ น่าสนใจ และพัฒนาการนำเสนอผา่ นสื่อออนไลน์เปน็ หลกั คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.37 เท่ากนั ตามลำดับ

71 2.1.2 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้รายการวิทยุศึกษา เพื่อส่งเสริม การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ตาราง 4.16 แสดงประเดน็ ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาใช้รายการวิทยุศกึ ษา ประเดน็ จำนวน (N = 36) 17 1. ประชาสมั พนั ธ์แนะนำการเข้าถงึ ส่อื วิทยุศกึ ษาทีห่ ลากหลายชอ่ งทาง เชน่ ผา่ น ร้อยละ สอ่ื ออนไลน์ Facebook ผา่ นมอื ถอื Smart Phone 6 47.21 2. ควรขอความร่วมมอื กับผู้นำหม่บู ้านเปดิ เสียงตามสายรายการวทิ ยศุ ึกษา ในช่วง 3 16.66 เชา้ หรอื เยน็ 2 2 8.33 3. ประชาสมั พันธ์การเขา้ ใชว้ ทิ ยศุ ึกษาใหก้ บั นักศึกษาและประชาชนทว่ั ไป 2 5.56 4. ประชาสัมพนั ธ์ โดยการสง่ Link รายการทนี่ า่ สนใจใหก้ ลมุ่ เปา้ หมาย 1 5.56 5. จัดรายการวิทยุแบบ Live สด 1 5.56 6. ควรพัฒนาใหม้ ีวิทยศุ กึ ษาเป็นแบบ Application 1 2.78 7. ควรมีการขยายคล่นื ความถี่ใหค้ รอบคลุมท่วั ประเทศ 1 2.78 8. ควรมกี ารเปิดเพลงคั่นรายการ 2.78 9. ควรพัฒนารายการไปเป็นรายการวทิ ยบุ น Facebook Live 2.78 10. สนบั สนนุ อปุ กรณ์ในการศกึ ษา จากตาราง 4.16 ผลการวิเคราะห์ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาใช้รายการวิทยุ ศึกษา ของครู กศน.อำเภอ พบว่า ประชาสัมพันธ์แนะนำการเข้าถึงสื่อวิทยุศึกษาที่หลากหลายช่องทาง เช่น ผ่านสื่อออนไลน์ Facebook ผา่ นมอื ถอื Smart Phone คดิ เป็นรอ้ ยละ 47.21 รองลงมา คือ ควรขอ ความร่วมมอื กบั ผูน้ ำหมบู่ ้านเปิดเสียงตามสายรายการวิทยศุ กึ ษา ในช่วงเช้าหรอื เยน็ คิดเปน็ ร้อยละ 16.66 ประชาสัมพันธ์การเข้าใช้วิทยุศึกษาให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 8.33 ประชาสัมพันธ์ โดยการส่ง Link รายการที่น่าสนใจให้กลุ่มเป้าหมาย จัดรายการวิทยุแบบ Live สด และ ควรพัฒนาใหม้ ีวิทยุศึกษาเป็นแบบ Application คิดเปน็ รอ้ ยละ 5.56 เทา่ กนั ควรมกี ารขยายคลื่นความถ่ี ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ควรมีการเปิดเพลงคั่นรายการ ควรพัฒนารายการไปเป็นรายการวิทยุ บน Facebook Live และสนับสนนุ อุปกรณใ์ นการศึกษา คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.78 เทา่ กัน ตามลำดับ

72 2.1.3 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความร้เู ก่ยี วกบั ประชาคมอาเซยี น ตาราง 4.17 แสดงประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อการศึกษา เพอ่ื ส่งเสรมิ ความรเู้ ก่ียวกับประชาคมอาเซียน (N = 45) ประเด็น จำนวน รอ้ ยละ 1. ควรทำสื่ออาเซยี นใหม้ ีหลากหลายรปู แบบ ทนั สมยั และรปู แบบน่าสนใจ 20 44.44 2. ควรนำเสนอส่อื อาเซยี นผา่ นชอ่ งทางส่ือออนไลน์ 10 22.23 3. ต้องการใหจ้ ดั เปน็ หมวดหมู่ นำเสนอผา่ นรูปแบบ QR Code 5 11.12 4. นำส่ืออาเซียนมาใช้ประกอบหรือสดแทรกในการเรียนการสอน 3 6.67 5. ควรมกี ารพัฒนารปู แบบรายการสอื่ อาเซยี นให้มคี วามแตกต่าง 1 2.22 6. ควรนำเสนอรายการเกีย่ วกับกลุ่มประเทศอาเซยี น 1 2.22 7. ควรประชาสมั พนั ธ์ช่องทางการเขา้ ถงึ สอ่ื อาเซยี นให้มากขึน้ 1 2.22 8. ตอ้ งการเนือ้ หาด้านการทำอาหารของประเทศกลมุ่ อาเซียน 1 2.22 9. ควรจดั สง่ ส่อื อาเซียนให้ กศน.ตำบล 1 2.22 10. ควรทำเป็นคลิปส้ันๆ ใส่เนือ้ เพลงที่ทนั สมัยเหมาะกับวยั รุ่น 1 2.22 11. จัดสรรอปุ กรณ์ทท่ี ันสมัยให้กับ กศน. ตำบล 1 2.22 จากตาราง 4.17 ผลการวิเคราะห์ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการ ส่อื การศึกษาเพื่อส่งเสริมความร้เู ก่ยี วกับประชาคมอาเซียน ของครู กศน.อำเภอ พบว่า ควรทำส่ืออาเซียน ให้มีหลากหลายรูปแบบ เป็นปัจจุบัน ทันสมัย และรูปแบบน่าสนใจ คิดเป็นร้อยละ 44.44 รองลงมา คือ ควรนำเสนอสื่ออาเซียนผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ คิดเป็นร้อยละ 22.23 ต้องการให้จัดเป็นหมวดหมู่ นำเสนอผ่านรูปแบบ QR Code คิดเป็นร้อยละ 11.12 นำสื่ออาเซียนมาใช้ประกอบหรือสดแทรกใน การเรียนการสอน คิดเป็นร้อยละ 6.67 ควรมีการพัฒนารูปแบบรายการสื่ออาเซียนให้มีความแตกต่าง ควรนำเสนอรายการเกี่ยวกับกลุ่มประเทศอาเซียน ควรประชาสัมพันธ์ช่องทางการเข้าถึงสื่ออาเซียน ให้มากขึ้น ต้องการเนื้อหาด้านการทำอาหารของประเทศกลุ่มอาเซียน ควรจัดส่งสื่ออาเซียนให้ กศน.ตำบล ควรทำเป็นคลปิ สัน้ ๆ ใสเ่ น้ือเพลงท่ีทนั สมัยเหมาะกับวัยรนุ่ และจดั สรรอปุ กรณท์ ีท่ ันสมัยให้กับ กศน. ตำบล คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.22 เทา่ กัน ตามลำดับ

73 2.1.4 ผลการวเิ คราะห์แนวทางในการพัฒนาการใหบ้ รกิ ารส่ือดิจิทัล เพอ่ื สง่ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ตาราง 4.18 แสดงประเด็นแนวทางในการพฒั นาการให้บรกิ ารสือ่ ดิจิทลั ประเด็น จำนวน (N = 46) 22 1. ควรสนับสนุนงบประมาณ และจดั สรรอปุ กรณ์ให้บริการให้เพียงพอ ทนั สมัย รอ้ ยละ และมคี ณุ ภาพ 9 47.83 2. ประชาสัมพันธ์การเข้าใช้และช่องทางการเข้าถึงสื่อดิจิทัลให้มากขึ้น และมี 5 19.58 ชอ่ งทางทหี่ ลากหลาย 2 2 10.87 3. ควรปรับปรุงระบบอินเทอรเ์ นต็ ความเร็วสงู ใหค้ รอบคลุมทกุ แห่ง 1 4.35 4. ควรจัดหมวดหมูใ่ ห้ชัดเจน เพ่ือใหส้ ามารถเข้าถงึ ไดง้ า่ ย 1 4.35 5. มกี ารจัดรายการท่ีดี เป็นช่องทางการเรียนรทู้ ่ีมีประโยชนม์ าก 1 2.17 7. ต้องการใหอ้ ัปโหลดสื่อดิจิทลั ให้มากข้ึน 1 2.17 6. ควรมกี ารจัดอบรมเกย่ี วกับการสบื คน้ ข้อมูลออนไลนใ์ ห้กบั นักศกึ ษา 1 2.17 7. ควรมกี ารพัฒนาส่ือให้มคี วามทันสมัย 1 2.17 8. ต้องการให้นำเสนอสอื่ เกยี่ วกับติวเข้ม กศน. ให้มากขึน้ 2.17 9. ต้องการให้มีแบบทดสอบออนไลน์ เพ่ือเปน็ การประเมนิ ความรู้ 2.17 10. ควรมกี ารพฒั นาเนอ้ื หาทน่ี ำเสนอ จากตาราง 4.18 ผลการวิเคราะห์ประเด็นแนวทางการพัฒนาในการใช้บริการสื่อดิจิทัล เพื่อการศึกษา ของครู กศน.อำเภอ พบว่า ควรสนับสนุนงบประมาณ และจัดสรรอุปกรณ์ให้บริการ ให้เพียงพอ ทันสมัย และมีคุณภาพ คิดเป็นร้อยละ 47.83 รองลงมา คือ ประชาสัมพันธ์การเข้าใช้และ ช่องทางการเข้าถึงสื่อดิจิทัลให้มากขึ้น และมีช่องทางที่หลากหลาย คิดเป็นร้อยละ 19.58 ควรปรับปรุง ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกแห่ง คิดเป็นร้อยละ 10.87 ควรจัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน เพอ่ื ให้สามารถเข้าถึงไดง้ า่ ย และมกี ารจดั รายการทด่ี ี เป็นชอ่ งทางการเรยี นรู้ท่ีมีประโยชน์มาก คดิ เปน็ ร้อยละ 4.35 เทา่ กนั ต้องการให้อปั โหลดสื่อดิจทิ ลั ให้มากขนึ้ ควรมีการจัดอบรมเกย่ี วกบั การสบื คน้ ข้อมูลออนไลน์ ให้กับนักศึกษา ควรมกี ารพัฒนาส่ือให้มีความทันสมัย ต้องการใหน้ ำเสนอส่ือเกยี่ วกับตวิ เข้ม กศน. ให้มากขึ้น ต้องการให้มีแบบทดสอบออนไลน์ เพื่อเป็นการประเมินความรู้ และควรมีการพัฒนาเนื้อหาที่นำเสนอ คิดเป็นรอ้ ยละ 2.17 เทา่ กนั ตามลำดบั

74 2.2 นกั ศึกษา กศน. การวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ใชว้ ธิ ีการสงั เคราะห์ข้อมลู จากแบบสอบถามของนักศึกษา กศน. 2.2.1 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้ ETV เพื่อส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั ตาราง 4.19 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะในการพัฒนาใช้รายการ ETV ประเดน็ จำนวน (N = 94) 17 1. รูปแบบรายการเหมาะสมดีอยแู่ ลว้ สะดวก เข้าใจง่าย มคี วามนา่ สนใจ และไมน่ า่ เบอ่ื 12 ร้อยละ 2. ควรนำเสนอเน้อื หารายการแบบสนุกสนาน ไมเ่ ปน็ วิชาการมากเกนิ ไป 9 18.09 3. เนื้อหาวิชาสายอาชีพควรมคี วามยาวเพิ่มขน้ึ และมีความกระชับ เขา้ ใจง่าย 6 12.78 4. ควรประชาสมั พนั ธเ์ ก่ยี วกับวิธีการ ช่องทางการรับชมรายการยอ้ นหลงั 9.58 5 6.38 ทหี่ ลากหลายช่องทาง 5. ควรนำวิทยากรท่เี ปน็ คนดังและอาจารย์ทสี่ อนสนุกมาจัดรายการ เชน่ 5 5.32 5 ครูลกู กอลฟ์ เป็นต้น 5.32 6. ควรปรบั ปรุงระบบอนิ เทอร์เนต็ ความเร็วสงู ใหค้ รอบคลมุ ทุกแหง่ 4 5.32 7. วิทยากรหรือผู้ดำเนินรายการควรเพมิ่ เทคนิคการสอน ทำใหร้ ายการน่าต่ืนเตน้ มี 3 3 4.26 ความนา่ สนใจ กระชัด และเข้าใจงา่ ย 3 3.19 8. ควรเพม่ิ ตวั การต์ ูนเพื่อดงึ ดูความสนใจ 3 3.19 9. ต้องการให้ระบบภาพมคี วามคมชดั และสดใสข้ึน 2 3.19 10. จัดทำรายการในรปู แบบเกมโชว์ 2 3.19 11. เน้ือหาวิชาสายสามญั ควรมคี วามยาว 5 นาที 2 2.13 12. ความยาวของรายการมีความเหมาะสม สามารถดไู ดต้ ่อเน่อื ง 2 2.13 13. นำเสนอผ่านสอ่ื ออนไลนค์ วบคกู่ บั สอ่ื ปจั จบุ ัน 2 2.13 14. ควรปรับปรงุ การเขา้ ถงึ ส่อื ทส่ี ามารถเขา้ ชมไดห้ ลากหลายชอ่ งทาง 2.13 15. ตอ้ งการให้ผลิตรายการเกยี่ วกบั การทำอาหารเพิ่มข้ึน 1 2.13 16. เพม่ิ เน้ือหาใหม้ คี วามหลากหลาย 1 17. อยากใหเ้ พม่ิ ความสนุกสนานควบคู่ไปกับเนือ้ หาสาระทีอ่ ดั แน่น เช่น 1 1.06 1 1.06 สอดแทรกเกมในระหวา่ งการเรยี นการสอนไปด้วย 1 1.06 18. นำเสนอผ่านการ Live สด เชน่ Facebook เป็นต้น 1 1.06 19. ตอ้ งการใหน้ ำเสนอเกี่ยวกบั กล่มุ คนพกิ ารมากขน้ึ 1 1.06 20. ได้รบั ประโยชน์อยา่ งมาก สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 1 1.06 21. ควรพัฒนารปู แบบการสอนวิชาสามัญใหอ้ ธบิ ายเขา้ ใจง่าย 1.06 22. พัฒนารูปแบบรายการใหม้ ีความเหมาะสม กระชับ เข้าใจง่าย 1 1.06 23. ตอ้ งการให้ทำรายการเปน็ คลปิ 10 นาที และมคี วามนา่ สนใจ 24. ควรปรบั ปรงุ ในการเปดิ รายการทำใหม้ คี วามน่าสนใจ ดงึ ดูดสายตามากกวา่ น้ี 1.06 25. อยากให้เพมิ่ แนวทางการเข้ามหาวิทยาลัยท้ังในประเทศและตา่ งประเทศแบบ เจาะลกึ 26. สามารถรบั ชมรายการย้อนหลังไดเ้ มอื่ ไม่เข้าใจเน้อื หา

75 จากตาราง 4.19 ผลการวเิ คราะหป์ ระเดน็ ปัญหาและขอ้ เสนอแนะในการพัฒนา ETV เพ่อื สง่ เสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ของนักศึกษา กศน. พบว่า รูปแบบรายการเหมาะสม ดีอยู่แล้ว สะดวก เข้าใจง่าย มีความน่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ คิดเป็นร้อยละ 18.09 รองลงมา คือ ควรนำเสนอเนื้อหารายการแบบสนุกสนาน ไม่เป็นวิชาการมากเกินไป คิดเป็นร้อยละ 12.78 เนื้อหา วชิ าสายอาชีพควรมีความยาวเพิ่มขึ้น และมคี วามกระชับ เขา้ ใจง่าย คดิ เปน็ รอ้ ยละ 9.58 ควรประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับวิธีการ ช่องทางการรับชมรายการย้อนหลังที่หลากหลายช่องทาง คิดเป็นร้อยละ 6.38 ควรนำ วิทยากรที่เป็นคนดังและอาจารย์ที่สอนสนุกมาจัดรายการ เช่น ครูลูกกอล์ฟ เป็นต้น ควรปรับปรุงระบบ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทุกแห่ง และวิทยากรหรือผูด้ ำเนินรายการ ควรเพิ่มเทคนคิ การสอน ทำให้รายการน่าตื่นเต้นมีความน่าสนใจ กระชัด และเข้าใจง่าย คิดเป็นร้อยละ 5.32 เท่ากัน ควรเพิ่ม ตัวการ์ตูนเพื่อดึงดูความสนใจ คิดเป็นร้อยละ 4.26 ต้องการให้ระบบภาพมีความคมชัด และสดใสขึ้น จัดทำรายการในรูปแบบเกมโชว์ เนื้อหาวิชาสายสามัญควรมคี วามยาว 5 นาที และความยาวของรายการ มีความเหมาะสม สามารถดูได้ต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 3.19 เท่ากัน นำเสนอผ่านสื่อออนไลน์ควบคู่กับ สื่อปัจจุบัน ควรปรับปรุงการเข้าถึงสื่อที่สามารถเข้าชมได้หลากหลายช่องทาง ต้องการให้ผลิตรายการ เกี่ยวกับการทำอาหารเพิ่มขึ้น เพิ่มเนื้อหาให้มีความหลากหลาย และอยากให้เพิ่มความสนุกสนานควบคู่ ไปกับเนื้อหาสาระที่อัดแน่น เช่น สอดแทรกเกมในระหว่างการเรียนการสอนไปดว้ ย คิดเป็นร้อยละ 2.13 เท่ากัน นำเสนอผา่ นการ Live สด เช่น Facebook เปน็ ตน้ ต้องการใหน้ ำเสนอเก่ียวกับกลุ่มคนพิการมาก ขึ้น ได้รับประโยชน์อย่างมาก สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ควรพัฒนารูปแบบการสอนวิชาสามัญ ให้อธิบายเข้าใจง่าย พัฒนารูปแบบรายการให้มีความเหมาะสม กระชับ เข้าใจง่าย ต้องการให้ทำรายการ เปน็ คลปิ 10 นาที และมีความน่าสนใจ ควรปรับปรงุ ในการเปดิ รายการทำใหม้ คี วามนา่ สนใจ ดึงดดู สายตา มากกว่านี้ อยากให้เพิ่มแนวทางการเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศแบบเจาะลึก และ สามารถรับชมรายการยอ้ นหลงั ได้เมือ่ ไม่เขา้ ใจเนื้อหา คิดเปน็ รอ้ ยละ 1.06 เทา่ กัน ตามลำดับ 2.2.2 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการใช้รายการวิทยุศึกษา เพื่อส่งเสริม การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ตาราง 4.20 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการพฒั นาการใช้รายการวิทยุศึกษา (N = 9) ประเดน็ จำนวน ร้อยละ 1. ควรประชาสมั พนั ธ์ชอ่ งทางการรับฟงั ออนไลน์ให้มากข้ึน 3 33.33 2. พฒั นารูปแบบใหม้ คี วามทันสมยั 3 33.33 3. สนับสนุนอุปกรณ์ในการรบั ฟัง 2 22.23 4. การจัดรายการวทิ ยศุ ึกษาทำใหเ้ ขา้ ใจเนอื้ หามากขนึ้ 1 11.11 จากตาราง 4.20 ผลการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะในการใช้รายการวิทยุศึกษา ของนักศึกษา กศน. พบว่า ควรประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับฟังออนไลน์ให้มากขึ้น และพัฒนารูปแบบ ใหม้ ีความทนั สมัย คดิ เปน็ ร้อยละ 33.33 เทา่ กนั รองลงมา คือ สนับสนุนอปุ กรณใ์ นการรับฟงั คดิ เป็นร้อยละ 22.23 และการสอนของรายการวิทยุศึกษาทำให้เข้าใจมากข้ึน คดิ เป็นรอ้ ยละ 11.11 ตามลำดบั

76 2.2.3 ผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริม ความรู้เกย่ี วกับประชาคมอาเซยี น ตาราง 4.21 แสดงประเดน็ ข้อเสนอแนะแนวทางในการใช้บรกิ ารสือ่ การศกึ ษาเพื่อสง่ เสริมความรู้ เกยี่ วกบั ประชาคมอาเซียน (N = 38) ประเดน็ จำนวน ร้อยละ 1. ควรจดั ทำเนอ้ื หาภาษาท่ีมีความหลากหลาย เช่น ญี่ป่นุ เกาหลี อินโดนเี ซีย เป็นตน้ 14 36.84 2. ควรทำเนื้อหาสื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนให้มี 9 23.69 ความหลากหลาย 3. ควรนำเสนอรายการรูปแบบการทอ่ งเท่ียว เหน็ ภาพบรรยากาศ ภูมปิ ระเทศนน้ั ๆ 3 7.90 4. นำเสนอรูปแบบตัวการ์ตูนหรือแอนเิ มชน่ั 3 7.90 5. ตอ้ งการให้ทำเนื้อหาเกย่ี วกบั สถานการณ์ปจั จุบันท่ีทันสมยั 2 5.26 6. ผลติ ส่ือใหม้ คี วามดงึ ดูดน่าสนใจมากขึ้น 2 5.26 7. ต้องการเนือ้ หาทไี่ มซ่ ับซ้อน กระชับ เขา้ ใจงา่ ย 1 2.63 8. ควรพัฒนาเป็นรูปแบบสื่อเสียง 1 2.63 9. มีความสะดวก แตอ่ ยากใหพ้ ฒั นาระบบภาพให้มคี วามทันสมยั 1 2.63 10. ควรจัดทำเปน็ รปู แบบ Application 1 2.63 11. ควรมกี ารทำภาษามือประกอบรายการ 1 2.63 จากตาราง 4.21 ผลการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะในการใช้บริการสื่อการศึกษา เพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน ของนักศึกษา กศน. พบว่า ควรจัดทำเนื้อหาภาษาที่มี ความหลากหลาย เช่น ญ่ปี นุ่ เกาหลี อนิ โดนีเซยี เปน็ ตน้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 36.84 รองลงมา คอื ควรทำเน้ือหา สื่อการศึกษาเพื่อส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียนให้มีความหลากหลาย คิดเป็นร้อยละ 23.69 ควรนำเสนอรายการรูปแบบการท่องเที่ยว เห็นภาพบรรยากาศ ภูมิประเทศนั้นๆ และนำเสนอรูปแบบ ตัวการ์ตูนหรือแอนิเมชั่น คิดเป็นร้อยละ 7.90 เท่ากัน ต้องการให้ทำเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทันสมัย และผลิตสื่อให้มีความดึงดูดน่าสนใจมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 5.26 เท่ากัน ต้องการเนื้อหาที่ ไมซ่ บั ซ้อน กระชับ เขา้ ใจงา่ ย ควรพฒั นาเปน็ รูปแบบส่ือเสียง มีความสะดวก แตอ่ ยากใหพ้ ฒั นาระบบภาพ ให้มีความทันสมัย ควรจัดทำเป็นรูปแบบ Application และควรมีการทำภาษามือประกอบรายการ คดิ เป็นร้อยละ 2.63 เท่ากนั ตามลำดับ

77 2.2.4 ผลการวิเคราะห์แนวทางในการพัฒนาการให้บริการสื่อดิจิทัล เพือ่ สง่ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตาราง 4.22 แสดงประเด็นแนวทางในการพัฒนาการใหบ้ รกิ ารสือ่ ดิจิทัล ประเด็น จำนวน (N = 52) 1. ควรมีการประชาสมั พันธท์ ่หี ลากหลายชอ่ งทาง 23 ร้อยละ 2. ต้องการให้เพิ่มจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต 8 44.24 ครอบคลมุ ทกุ แหง่ 7 15.38 3. จัดสรรอปุ กรณ์ให้บรกิ ารใหเ้ พียงพอ ทันสมัย และมคี ณุ ภาพ 4 4. ต้องการใหเ้ พ่ิมเนอ้ื หาให้มคี วามหลากหลาย 3 13.46 5. พฒั นาระบบภาพ ใหม้ ีความคมชดั 2 7.69 7. ต้องหารใหเ้ พ่มิ รายการเกยี่ วกับอาชีพมากขน้ึ 2 5.77 6. สามารถเขา้ ถงึ ไดง้ ่าย และรวดเรว็ 1 3.85 7. พฒั นารปู แบบการนำเสนอใหม้ ีความนา่ สนใจ 1 3.85 8. สง่ เสริมให้ กศน.ตำบล นำมาใชป้ ระกอบการเรยี นการสอน 1 1.92 9. ต้องการใหส้ ามารถดาวนโ์ หลดดแู บบออฟไลน์ได้ 1.92 1.92 จากตาราง 4.22 ผลการวิเคราะห์ประเด็นแนวทางการพัฒนาในการใช้บริการสื่อดิจิทัล เพื่อการศึกษา ของนักศึกษา กศน. พบว่า ควรมีการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายช่องทาง คิดเป็นร้อยละ 44.24 รองลงมา คือ ต้องการให้เพิ่มจุดให้บริการอินเทอร์เน็ตมากขึ้น และมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ครอบคลุมทุกแห่ง คิดเป็นร้อยละ 15.38 จัดสรรอุปกรณ์ให้บริการให้เพียงพอ ทันสมัย และมีคุณภาพ คิดเป็นร้อยละ 13.46 ต้องการให้เพิ่มเนื้อหาให้มีความหลากหลาย คิดเป็นร้อยละ 7.69 เท่ากัน พัฒนา ระบบภาพ ให้มีความคมชัด คิดเป็นร้อยละ 5.77 ต้องหารให้เพิ่มรายการเกี่ยวกับอาชีพมากขึ้น และ สามารถเข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็ว คิดเป็นร้อยละ 3.85 เท่ากัน พัฒนารูปแบบการนำเสนอให้มี ความน่าสนใจ ส่งเสริมให้ กศน.ตำบล นำมาใช้ประกอบการเรยี นการสอน และตอ้ งการให้สามารถดาวน์โหลด ดแู บบออฟไลน์ได้ คดิ เป็นร้อยละ 1.92 เท่ากัน ตามลำดับ

78 ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่ เทคโนโลยีดิจทิ ลั เพื่อการศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกับความตอ้ งการของผรู้ บั บริการ การวิเคราะห์ ความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยี ดิจิทัล เพื่อการศึกษาให้สอดคลอ้ งกับความต้องการของผู้รบั บริการ ใช้วิธีการสังเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม จากครู กศน.ตำบล และนักศึกษา กศน. เป็นตัวแทนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง รวมท้งั หมด 5 ภาค โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามของครู กศน. ตำบล และนักศึกษา กศน. 3.1 ครู กศน.ตำบล การวิเคราะห์ความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยี ดิจิทัล เพ่ือ การศึกษาให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของผู้รับบริการ ใช้วิธีการสังเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามของ ครู กศน.ตำบล 3.1.1 ผลการวเิ คราะห์ความตอ้ งการดา้ นเน้อื หาเพ่อื ใชใ้ นการผลติ และเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทลั ตาราง 4.23 แสดงความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยีดิจิทัล ดา้ นการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน (N = 250) รายการ จำนวน รอ้ ยละ วชิ าภาษาอังกฤษ 70 28.00 วิชาคณติ ศาสตร์ 68 27.20 วิชาวิทยาศาสตร์ 49 19.60 วิชาภาษาไทย 36 14.40 วิชาเลือกบงั คับ 22 8.80 วิชาอืน่ ๆ 5 2.00 จากตาราง 4.23 ผลการวิเคราะห์ความต้องการเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยี ดิจิทัลของครู กศน.ตำบล ด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ต้องการเนื้อหา วิชาภาษาอังกฤษ คิดเป็นร้อยละ 28.00 รองลงมา คือ วิชาคณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 27.20 วิชาวทิ ยาศาสตร์ คดิ เป็นร้อยละ 19.60 วชิ าภาษาไทย คดิ เป็นร้อยละ 14.40 วิชาเลือกบังคับ คิดเป็นร้อยละ 8.80 วิชาอ่ืนๆ คิดเปน็ ร้อยละ 2.00 ตามลำดับ

79 ตาราง 4.24 แสดงความต้องการด้านเนื้อหาเพื่อใช้ในการผลิตและเผยแพร่เทคโนโลยี ดิจิทัล ดา้ นการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานแตล่ ะวิชา ด้านการศกึ ษา ความต้องการด้านเนือ้ หา จำนวน รอ้ ยละ วิชาคณติ ศาสตร์ - ตวิ เข้ม กศน. 9 13.24 วิชาวทิ ยาศาสตร์ - เศษสว่ น 7 10.29 - การคดิ คำนวณ 6 8.82 - ตรโี กณมติ ิ 5 7.35 - สมการ 5 7.35 - คณิตคดิ เรว็ 4 5.88 - เซ็ต 4 5.88 - ร้อยละ 4 5.88 - เลขยกกำลัง 3 4.41 - โจทยป์ ัญหาการคิดคำนวณ 3 4.41 - อนกุ รม 2 2.94 - แคลคูลัส 2 2.94 - การหาพื้นท่ี 2 2.94 - ความน่าจะเปน็ 2 2.94 - อตั ราสว่ น 2 2.94 - จำนวนเชิงซ้อน 1 1.47 - ตรรกะ 1 1.47 - จำนวนจรงิ 1 1.47 - จำนวนนับ 1 1.47 - สถิติ 1 1.47 - ทศนยิ ม 1 1.47 - การคูณ การหารที่เขา้ ใจง่าย 1 1.47 - สตู รคำนวณ 1 1.47 รวม 68 100.00 - โครงงานวิทยาศาสตร์ 11 22.45 - การทดลอง 7 14.29 - ตวิ เขม้ กศน. 6 12.24 - ดาราศาสตร์ 4 8.16 - เคมี 3 6.12 - ปิโตรเลยี ม 2 4.08 - การแสดง Science โชว์ 2 4.08 - สตั ว์โลก 1 2.04 - แรงโน้มถ่วง 1 2.04 - การเจริญเติมโตของสิง่ มีชวี ิต 1 2.04 - พลังงาน 1 2.04 - สารละลาย 1 2.04 - เทคโนโลยีอวกาศ 1 2.04 - ฟิสกิ ส์ 1 2.04 - ชีวะ 1 2.04


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook