เครอ่ื งกะเทาะผลหมาก ใบพดั ตนี ำ้ แบบสไปรอลสง่ิ ประดษิ ฐท์ ไ่ี ดร้ บั รางวลั ประจำปี 2551 คอืรางวลั ท่ี 1 ถงุ หมกั กา๊ ซชวี ภาพ นายสชุ น ตง้ั ทววี พิ ฒั น์ เชยี งใหม่รางวลั เชดิ ชเู กยี รติ 4 รางวลัเครอ่ื งปอกเปลอื กกระเทยี มนายสมั พนั ธ์ ศรสี รุ ยิ วงษ์ สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทยเครอ่ื งกะเทาะผลหมากนายสทุ ธพิ ร เนยี มหอม มหาวทิ ยาเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกำแพงแสนเครอ่ื งคดั ขนาดไข่ นายนยุ้ แจง้ ประจกั ษ์ ระนองใบพดั ตนี ำ้ แบบสไปรอล วา่ ท่ี ร.ต.ธานี ศรที อง สงขลาตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี นายเอกศกั ด์ิ ฐาปนะดลิ ก โทรศพั ท์ 0 2354 4466 ตอ่ 610 การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารพฒั นาคณุ ภาพผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรทใ่ี ชใ้ นสถานบรกิ าร การทอ่ งเทย่ี วเชงิ สขุ ภาพ กลมุ่ วจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยี สำนกั เทคโนโลยชี มุ ชน กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ไดจ้ ดั ทำโครงการพฒั นาคณุ ภาพผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรของชมุ ชน ตง้ั แตป่ ี 2548โดยมีการดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงสูตรผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์สมนุ ไพรทม่ี คี ณุ ภาพ การใหบ้ รกิ ารทดสอบผลติ ภณั ฑต์ ามมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน การใหค้ ำปรกึ ษาเพอ่ืพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ตลอดจนถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” โดยมีผลติ ภณั ฑท์ จ่ี ดั อบรมการผลติ ไดแ้ ก่ สบกู่ อ้ น สบเู่ หลว แชมพู ลกู ประคบสมนุ ไพรแบบแหง้ ลกู ประคบสมุนไพรสดบรรจุกระป๋อง เกลือขัดผิว โดยทั้งหมดมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของผู้ประกอบการชุมชนมีคุณภาพได้มาตรฐานที่ทางราชการกำหนด เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค และเป็นการยกระดบั สนิ คา้ ชมุ ชน
โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยว เชิงสุขภาพของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้ว และถูกจัดให้เข้าร่วมใน แผนยทุ ธศาสตร์ “อยดู่ มี สี ขุ ” ของกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี การดำเนนิ งานมงุ่ เนน้ ใหเ้ กดิ ผลสำเรจ็ เปน็ รปู ธรรมทส่ี ามารถประเมนิ ได้ เชน่ สนิ คา้ ชมุ ชนไดก้ ารรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน (มผช.) ชมุ ชน มรี ายไดเ้ พม่ิ การเพม่ิ มลู คา่ สนิ คา้ จงึ ไดก้ ำหนดกลมุ่ เปา้ หมายเปน็ กลมุ่ ผปู้ ระกอบการชมุ ชนทม่ี ศี กั ยภาพและ เนน้ กลมุ่ ชมุ ชนทก่ี รมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร เคยพฒั นาคณุ ภาพผลติ ภณั ฑไ์ วบ้ า้ งแลว้ แตย่ งั ไมไ่ ดก้ ารรบั รอง มผช. เพอ่ื เนน้ ใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจในเรอ่ื งมาตรฐานของผลติ ภณั ฑ์ การควบคมุ คณุ ภาพ และกระบวนการผลติ ที่ถูกต้องยิ่งขึ้นต่อไป เพื่อจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนให้มีคุณภาพดีได้รับมาตรฐาน มผช. นอกจากนี้ ยงั เปดิ โอกาสใหผ้ ปู้ ระกอบการรายใหมเ่ ขา้ รว่ มดว้ ย จงึ เปน็ การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ผผู้ ลติ ในระดบั ชมุ ชนใหม้ ี ศกั ยภาพในการแขง่ ขนั ไดแ้ ละมกี ารพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องยทุ ธศาสตร์ “อยดู่ มี สี ขุ ” ตอ่ ไป กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ไดด้ ำเนนิ การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ โดยจดั การฝกึ อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร หลักสูตร “การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” ให้กับผู้ประกอบการชุมชน อาจารยแ์ ละนกั เรยี น และผสู้ นใจทว่ั ไปในจงั หวดั ตา่ งๆทกุ ภาคของประเทศ จำนวน 20 ครง้ั หลกั สตู รการ อบรมไดเ้ นน้ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมมคี วามรเู้ กย่ี วกบั หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทด่ี ใี นการผลติ (GMP) ขอ้ กำหนด ตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน กระบวนการผลติ ทถ่ี กู ตอ้ งและการควบคมุ คณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์ เพอ่ื ให้ ผรู้ บั การอบรมสามารถนำความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใชใ้ นการผลติ ผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรหรอื พฒั นาผลติ ภณั ฑข์ องตนใหม้ ี ความหลากหลายและมคี ณุ ภาพดตี ามมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน จากการดำเนนิ งานกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร สามารถพฒั นาผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรของผปู้ ระกอบการชมุ ชน ใหไ้ ดร้ บั การรบั รอง มผช. แลว้ 21 ผลติ ภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ สบสู่ มนุ ไพร 6 ผลติ ภณั ฑ์ แชมพสู มนุ ไพรและครมี นวดผมสมนุ ไพร 5 ผลติ ภณั ฑ์ ลกู ประคบสมนุ ไพร 10 ผลติ ภณั ฑ์ ทำใหผ้ ปู้ ระกอบการชมุ ชนมรี ายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ จากการจำหนา่ ยสนิ คา้ และทำใหผ้ บู้ รโิ ภคมน่ั ใจ ในคณุ ภาพของสนิ คา้ ชมุ ชนเพม่ิ ขน้ึ ดว้ ย
การดำเนนิ งานในอนาคต ในปี 2553 กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ยงั คงดำเนนิ การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ และสนบั สนนุผปู้ ระกอบการชมุ ชนใหม้ กี ารพฒั นาคณุ ภาพผลติ ภณั ฑส์ มนุ ไพรเพอ่ื ขอการรบั รอง มผช. ตอ่ ไป นอกจากน้ีกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ไดเ้ ชญิ ผปู้ ระกอบการชมุ ชนเขา้ รว่ มงานตา่ งๆ เชน่ การประชมุ วชิ าการ การออกรา้ นจำหนา่ ยสนิ คา้ ของกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ ารอยา่ งตอ่ เนอ่ื งผรู้ บั ผดิ ชอบ นางสบุ งกช ทรพั ยแ์ ตงตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี สำนกั เทคโนโลยชี มุ ชน กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร นางสบุ งกช ทรพั ยแ์ ตง โทรศพั ท์ 0 2201 7301 นางจติ ตเ์ รขา ทองมณี โทรศพั ท์ 0 2201 7110 สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.) นอ้ มเกลา้ ฯ ถวาย “เครอ่ื งอลั ตราโซนกิ สก์ ายภาพบำบดั ” สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) น้อมเกล้าฯ ถวาย “เครื่องอัลตราโซนิกส์กายภาพบำบัด” จำนวน 89 เครื่อง แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา เพื่อพระราชทานแก่โรงพยาบาล หรือสถานบำบัดชุมชนทอ่ี ยหู่ า่ งไกล ตามพระราชประสงคต์ อ่ ไป “เครื่องอัลตราโซนิกส์กายภาพบำบัด” เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาของฝ่ายนวัตกรรมวัสดุ วว. ได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มปี ระสทิ ธภิ าพในการนวดสำหรบั การกายภาพบำบดัเพอ่ื ผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื ของผปู้ ว่ ยหรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ผลจากอาการเครยี ด เครอ่ื งอลั ตราโซนกิ สก์ ายภาพบำบดั ทำงานดว้ ยคลน่ื อลั ตราโซนกิ สซ์ ง่ึ เปน็คลน่ื เหนอื เสยี ง ทม่ี คี วามถส่ี งู ประมาณ 1 ลา้ นเฮริ ท์ ซ์ หรอื 1 เมกะเฮริ ท์ ซ์ ทง้ั น้ี เมอ่ื สง่คลื่นดังกล่าวไปสัมผัสบริเวณผิวหนัง จะทำให้เกิดการสั่นของโมเลกุลของน้ำเหลืองและเลอื ด ทำใหเ้ ลอื ดหมนุ เวยี นไดด้ กี วา่ ปกติ สง่ ผลใหเ้ ซลลใ์ ตผ้ วิ หนงั ทำงานไดด้ ขี น้ึผรู้ บั ผดิ ชอบ ดร.ชตุ มิ า เอย่ี มโชตชิ วลติ โทรศพั ท์ 0 2579 1121 - 30 ตอ่ 2015
ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ไลโคเอม็ (Lyco M) สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.) โดยฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ได้ดำเนิน “โครงการวิจัยและ พฒั นาเครอ่ื งดม่ื เพอ่ื ลดภาวะเสย่ี งโรคมะเรง็ ในผสู้ งู อายุ จากพชื ผกั ผลไม”้ เสรจ็ สน้ิ ใน ปี พ.ศ. 2551 โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ศกึ ษาและนำ วตั ถดุ บิ ภายในประเทศทม่ี สี ารไลโคปนี (lycopene) และเบตา้ แคโรทนี (beta-carotene) ซง่ึ เปน็ ทร่ี จู้ กั กนั อยา่ งแพรห่ ลายวา่ มฤี ทธต์ิ า้ นอนมุ ลู อสิ ระ และชว่ ยปอ้ งกนั โรคมะเรง็ ในผสู้ งู อายุ สกู่ ารพฒั นาเปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งดม่ื เพอ่ื สขุ ภาพ โดยคณะนกั วจิ ยั ไดท้ ำการศกึ ษาคดั เลอื กพชื ผกั ผลไมต้ า่ งๆ เชน่ ฟกั ทอง มะเขอื เทศ แตงโม แกว้ มงั กร และแครอท เพื่อตรวจวิเคราะห์สารไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนธรรมชาติ ที่สามารถต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสย่ี งโรคมะเรง็ ตามวธิ ที พ่ี ฒั นาขน้ึ จากนน้ั นำพชื ผกั ผลไมท้ ม่ี ปี รมิ าณสารดงั กลา่ วมาพฒั นาสตู รเปน็ เครอ่ื งดม่ื ผลไมร้ วมเพอ่ื สขุ ภาพไลโคเอม็ (Lyco M) ซง่ึ ผา่ นการศกึ ษาผลการตา้ นอนมุ ลู อสิ ระดว้ ย เครอ่ื งดม่ื ผลไมร้ วมเพอ่ื สขุ ภาพไลโคเอม็ (Lyco M) เหมาะสำหรบั ผบู้ รโิ ภคทกุ เพศทกุ วยั เนอ่ื งจาก ไม่มีการเติมสารสังเคราะห์ไม่มีการเติมน้ำตาล กรดซิตริก และการเจือสีสังเคราะห์แต่อย่างใด ที่สำคัญ มสี ว่ นผสมของสารไลโคปนี และเบตา้ แคโรทนี ธรรมชาติ 100% มรี สชาตกิ ลมกลอ่ ม มสี ว่ นผสมของเนอ้ื ผลไม้ ทผ่ี า่ นการปน่ั โดยละเอยี ดเพอ่ื เพม่ิ กากใยอาหาร ชว่ ยใหร้ ะบบการขบั ถา่ ยดี ผรู้ บั ผดิ ชอบ ดร.ชลุ รี ตั น์ บรรจงลขิ ติ กลุ โทรศพั ท์ 0 2577 9106 มะมว่ งหมิ พานต์ เปน็ ไมผ้ ลพน้ื เมอื งของอเมรกิ าใต้ และมี การขยายพันธุ์อย่างกว้างขวางในทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ หมเู่ กาะตา่ งๆ ในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มะมว่ งหมิ พานตม์ ชี อ่ื เรยี กตามสำเนยี งภาษาทอ้ งถน่ิ แตกตา่ งกนั ไป เชน่ กาหยู กาหยี มว่ งเมด็ ลอ่ มว่ งเลด็ ลอ่ และหวั ครก เปน็ ตน้ เพอ่ื เพม่ิ มลู คา่ ใหผ้ ลผลติ และสรา้ งงานสรา้ งอาชพี ใหแ้ กพ่ น่ี อ้ งเกษตรกรไทย สถาบนั วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยฝ่ายเทคโนโลยีชีวภาพ จึงได้ดำเนินโครงการ การแปรรปู ผลมะมว่ งหมิ พานต์ เมอ่ื พ.ศ. 2550 และ ประสบความสำเรจ็ ในการวจิ ยั และพฒั นานำ้ มะมว่ ง หิมพานต์ชนิดเข้มข้นภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “เครื่องดื่ม เสริมสุขภาพกาหยู” ซึ่งมีความหวานประมาณ 70 องศาบรกิ ซ์ เหมาะสำหรบั เปน็ เครอ่ื งดม่ื เพอ่ื สขุ ภาพ โดยการเจอื จางกบั นำ้ สะอาดหรอื ใชเ้ พม่ิ ความหวาน ใหก้ บั เครอ่ื งดม่ื อน่ื ๆ เชน่ ชา เปน็ ตน้ หรอื จะผสมโซดา ดม่ื เพอ่ื ความสดชน่ื ของรา่ งกาย จากการวเิ คราะหต์ วั อยา่ ง เครอ่ื งดม่ื เสรมิ สขุ ภาพกาหยู โดยศนู ยท์ ดสอบและมาตรวทิ ยา วว. พบวา่ ใน 100 มลิ ลลิ ติ ร จะใหพ้ ลงั งานทง้ั หมด 37.84 กโิ ลแคลอรี คารโ์ บไฮเดรต 9.26 กรมั นำ้ ตาล 8.38 กรมั ใยอาหาร 0.13 กรมั โปรตนี 0.20 กรมั โซเดยี ม 9.23 มลิ ลกิ รมั แคลเซย่ี ม 1.30 มลิ ลกิ รมั เหลก็ 0.071 มลิ ลกิ รมั วติ ามนิ บ1ี 0.06 มลิ ลกิ รมั วติ ามนิ บี 2 0.02 มลิ ลกิ รมั วติ ามนิ บ6ี 0.04 มลิ ลกิ รมั และมวี ติ ามนิ ซี สงู ถงึ 197.21 มลิ ลกิ รมั ทง้ั นว้ี เิ คราะหไ์ มพ่ บปรมิ าณของไขมนั และคอเลสเตอรอลแตอ่ ยา่ งใด ผรู้ บั ผดิ ชอบ ดร.ราเชนทร์ วสิ ทุ ธแิ พทย์ โทรศพั ท์ 0 2577 9052
“มงั คดุ ” เปน็ ผลไมอ้ กี ชนดิ หนง่ึ ทม่ี กั ประสบปญั หาผลติ ผลลน้ ตลาดการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมังคุด จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการนำมาแก้ปัญหาเพื่อให้กลุ่มเกษตรกรหรือวิสาหกิจชุมชนนำผลิตผลมาแปรรูปสำหรับเป็นสินค้าจำหนา่ ยนอกฤดกู าล ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมังคุด เป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างแพร่หลายทง้ั ในและตา่ งประเทศ โดยเฉพาะในตา่ งประเทศนน้ั นยิ มนำไปแปรรปู เปน็ เครอ่ื งดม่ืเพื่อสุขภาพ เนื่องจากเนื้อมังคุดมีรสชาติที่หอมหวานอมเปรี้ยวทำให้ผลิตภัณฑ์มีรสชาติดี นอกจากนั้นเปลือกมังคุดยังมีสารแซนโทน (xanthone) ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศกล่าวถึงคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) คุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและต้านการเจรญิ เตบิ โตของเซลลท์ ผ่ี ดิ ปกติ ด้วยตระหนักถึงปัญหาที่พี่น้องเกษตรกรประสบภาวะการล้นตลาดของมังคุดในช่วงฤดูกาลเพาะปลกู สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย (วว.) โดยฝา่ ยเทคโนโลยอี าหาร จงึ ได้ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมังคุด และประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา “เครื่องดื่มเสริมสุขภาพมังคุด” โดยใช้มังคุดตกเกรดที่ไม่สามารถส่งเป็นสินค้าออกยังต่างประเทศได้เป็นวัตถุดิบในการนำมาแปรรูปนับเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตผลเกษตรของเกษตรกรไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างทางเลอื กใหมใ่ หแ้ กผ่ บู้ รโิ ภคทร่ี กั สขุ ภาพ “เครื่องดื่มเสริมสุขภาพมังคุด” มีรสชาติกลมกล่อม ลักษณะน้ำของผลิตภัณฑ์เป็นสีม่วงใสชวนรบั ประทาน วว. จงึ ไดพ้ ฒั นารปู แบบของเครอ่ื งดม่ื จำนวน 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ เครอ่ื งดม่ื เสรมิ สขุ ภาพมงั คดุ พรอ้ มดม่ื ในปรมิ าณ 100 กรมั จะใหพ้ ลงั งานทง้ั หมด 52.44 กโิ ลแคลอร่ีโปรตนี 0.31 กรมั คารโ์ บไฮเดรต 12.80 กรมั โซเดยี ม 3.42 กรมั และแคลเซย่ี ม 1.43 กรมั เครอ่ื งดม่ื เสรมิ สขุ ภาพมงั คดุ เขม้ ขน้ ชนดิ หวานเพอ่ื นำไปผสมนำ้ ชงดม่ื ในปรมิ าณ 100 กรมั จะให้พลงั งานทง้ั หมด 281.48 กโิ ลแคลอร่ี โปรตนี 0.25 กรมั คารโ์ บไฮเดรต 70.12 กรมั โซเดยี ม 3.26 กรมัและแคลเซย่ี ม 6.10 กรมั เครอ่ื งดม่ื เสรมิ สขุ ภาพมงั คดุ เขม้ ขน้ ชนดิ เปรย้ี วเพอ่ื นำไปผสมนำ้ ชงดม่ื ในปรมิ าณ 100 กรมั จะให้พลงั งานทง้ั หมด 64.72กโิ ลแคลอร่ี โปรตนี 0.31 กรมั คารโ์ บไฮเดรต 15.87 กรมั โซเดยี ม 2.19 กรมัและแคลเซย่ี ม 10.12 กรมัผรู้ บั ผดิ ชอบ นายศรศี กั ด์ิ ตรงั วชั รกลุ โทรศพั ท์ 0 2577 9140
โครงการ “ZoNoP”...อนภุ าคซงิ คอ์ อกไซดน์ าโนสำหรบั สง่ิ ทอและเครอ่ื งสำอาง “ZoNoP”...Zinc Oxide Nanoparticles for Textiles and Cosmetics สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาประยุกต์ใช้ นาโนเทคโนโลยเี พอ่ื สรา้ งมลู คา่ เพม่ิ ในผลติ ภณั ฑ์ โดยอนภุ าคซงิ คอ์ อกไซดใ์ นระดบั นาโนเมตรจะมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและป้องกันรังสียูวี โดยสามารถ ประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ กันแดด ซึ่งการพัฒนากระบวนการผลิตอนุภาคซิงค์ออกไซด์ในระดับนาโนเมตร จะเป็นอุตสาหกรรม ต้นน้ำด้านนาโนเทคโนโลยีที่สำคัญของประเทศไทยในอนาคต ซง่ึ จะชว่ ยลดการนำเขา้ และกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ เศรษฐกจิ และสงั คม สนช. ได้ให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการ แก่บริษัท นาโน แมททีเรียลส์ เทคโนโลยี จำกัด ในการผลิต ”ZoNoP”...อนุภาคซิงค์ออกไซด์นาโนสำหรับสิ่งทอ และเครอ่ื งสำอาง โดยมมี ลู คา่ การลงทนุ ในธรุ กจิ 6,500,000 บาท เปน็ ผลงานนวตั กรรม ระดับประเทศด้านกระบวนการผลิตซิงค์ออกไซด์ในระดับนาโนเมตร โดยอาศัย เทคโนโลยสี เปรยไ์ พโรไลซสิ ทำใหส้ ามารถผลติ อนภุ าคซงิ คอ์ อกไซด์ ทม่ี ขี นาดประมาณ 20-40 นาโนเมตร ทำใหม้ คี ณุ สมบตั ติ อ่ ตา้ นเชอ้ื แบคทเี รยี และปอ้ งกนั รงั สยี วู ี ปัจจุบันบริษัท นาโน แมททีเรียลส์ เทคโนโลยี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซิงค์ออกไซด์ในระดับนาโนเมตร ซึ่งอนุภาคซิงค์ออกไซค์ที่ผลิตได้นี้มีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าการนำเข้า จากต่างประเทศ เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่หาได้ภายในประเทศ โดยบริษัทฯ มีการ พฒั นาการใชผ้ ลติ ภณั ฑซ์ งิ คอ์ อกไซดน์ าโนรว่ มกบั บรษิ ทั ดา้ นสง่ิ ทอและเครอ่ื งสำอางตา่ งๆ เพอ่ื เปน็ การเพม่ิ มลู คา่ และเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพของผลติ ภณั ฑส์ ง่ิ ทอและเครอ่ื งสำอางไดเ้ ปน็ อยา่ งดี โดยปจั จบุ นั มกี ารประมาณการมลู คา่ การตลาดของผลติ ภณั ฑน์ าโนเทคโนโลยี จากมลู นธิ วิ ทิ ยาศาสตร์ แห่งชาติ (National Science Foundation, NSF) ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าจะมีมูลค่าการตลาดของ ผลติ ภณั ฑน์ าโนเทคโนโลยที ว่ั โลกใน พ.ศ. 2558 ถงึ 40 ลา้ นลา้ นบาท โดยมลู คา่ ทเ่ี กดิ จากการประยกุ ตใ์ ช้ อนภุ าคนาโนทว่ั โลกจะมมี ลู คา่ การตลาดถงึ 4 ลา้ นลา้ นบาท
การพฒั นาปม๊ั สญุ ญากาศแบบสปตั เตอรไ์ อออน (Sputter Ion Pump) สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ระบบสุญญากาศที่ใช้ในระบบเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนตลอดจนสถานีทดลองต่างๆเปน็ ระบบสญุ ญากาศระดบั สงู มากทเ่ี รยี กวา่ ระดบั Ultra High Vacuum (UHV) ซง่ึ มคี วามดนั อากาศเพยี ง10-10 ทอร์ (torr) หรือ ต่ำกว่า ซึ่งสุญญากาศในระดับนี้นั้นโดยปกติแล้วไม่สามารถผลิตได้ด้วยปม๊ั สญุ ญากาศทว่ั ไป หากแตต่ อ้ งใชป้ ม๊ั สญุ ญากาศ แบบไอออนเปน็ หลกั โดยปม๊ั สญุ ญากาศแบบไอออนอาศัยหลักการทำให้อากาศที่เหลืออยู่แตกตัวเป็นไอออนซึ่งจะควบคุมการเคลื่อนที่ต่อไปได้ด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตปั๊มดังกล่าวยังไม่มีในประเทศทำให้มีราคาสูง กลุ่มวิศวกรของสถาบันฯ นำโดยนายสุพรรณ บุญสุยา ได้ดำเนินการพัฒนาปั๊มสุญญากาศแบบสปัตเตอร์ไอออนขึ้นภายในสถาบันฯ โดยได้ดำเนินการศึกษา ออกแบบ และสร้างต้นแบบปั๊มขนาด 150 ลิตรต่อวินาทีไดเ้ ปน็ ผลสำเรจ็ โดยปม๊ั ทพ่ี ฒั นาขน้ึ สามารถสรา้ งสญุ ญากาศในระดบั 3 x 10- 10 ทอร์ (torr) ซง่ึ อยใู่ นยา่ นUHV และ มรี าคาถกู กวา่ การนำเขา้ มากกวา่ กง่ึ หนง่ึ ในปัจจุบันทางกลุ่มวิศวกรกำลังดำเนินการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นไปอีก ความสำเร็จในการผลิตปั๊มสุญญากาศเองนี้เป็นการลดการนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคอตุ สาหกรรมได้ รปู แสดงแบบปม๊ั สญุ ญากาศแบบสปตั เตอรไ์ อออนรปู แสดงปม๊ั สญุ ญากาศแบบสปตั เตอรไ์ อออนทส่ี รา้ งขน้ึ
การวจิ ยั สารเภสชั รงั สี 99mTC Hynic-TOC สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) (สทน.) ไดป้ ระสบความสำเรจ็ ในการผลติ เภสชั รงั สี 99mTC Hynic-TOC เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารแกห่ นว่ ยเวชศาสตรน์ วิ เคลยี ร์ จากการทดสอบ ผลทางคลนิ กิ พบวา่ สามารถวนิ จิ ฉยั มะเรง็ ของตอ่ มไรท้ อ่ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและแมน่ ยำ และสามารถใหบ้ รกิ ารไดภ้ ายในปี 2551 ไทโรซีนออกทรีโอไทด์ [Tyrosine (3) - Octreotide, TOC] เป็นสารจำพวกเพพไทด์ที่ได้รับ การสงั เคราะหเ์ ลยี นแบบ โซมาโตสแตตนิ (Somatostatin) สารชวี ภาพทม่ี คี วามเฉพาะเจาะจงตอ่ ตวั รบั ของมนั (Somatostatin Receptor) ซง่ึ มอี ยเู่ ปน็ จำนวนมากในเซลลเ์ นอ้ื งอกของตอ่ มไรท้ อ่ ดงั นน้ั จงึ สามารถใช้ TOC ควบคกู่ บั สารกมั มนั ตรงั สี Technetium-99m (99mTc) เพอ่ื ตรวจหาตำแหนง่ เนอ้ื งอกและมะเรง็ ของตอ่ มไรท้ อ่ ขณะนเ้ี ภสชั รงั สี 99mTC Hynic-TOC พรอ้ มทจ่ี ะบรกิ ารในรปู แบบพรอ้ มฉดี ใหผ้ ปู้ ว่ ย (Unit Dose) ซง่ึ เปน็ การพฒั นาการใหบ้ รกิ ารเภสชั รงั สอี กี รปู แบบหนง่ึ เพอ่ื เพม่ิ ความสะดวกแกห่ นว่ ยเวชศาสตรน์ วิ เคลยี ร์ และ กำลงั ดำเนนิ การตอ่ ยอดวจิ ยั การผลติ เภสชั รงั สสี ำหรบั บำบดั มะเรง็ ของตอ่ มไรท้ อ่ และของอวยั วะอน่ื ๆ ในอนาคต อนั ใกล้
การประสบความสำเรจ็ ในการลดปรมิ าณแมลงศตั รพู ชื และปลอ่ ยแมลงทเ่ี ปน็ หมนั ออกสพู่ น้ื ท่ี สบื เนอ่ื งจากงานคลนิ กิ เทคโนโลยขี องกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยสถาบนั เทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพาวิทยาเขตจันทบุรี ได้จัดฝึกอบรมโครงการควบคมุ แมลงวนั ผลไมแ้ บบพน้ื ทก่ี วา้ งโดยเทคนคิ การใชแ้ มลงทเ่ี ปน็ หมนั ผสมผสานรว่ มกบัวิธีการอื่น เมื่อปี พ.ศ. 2548 ในขณะนั้นมีผู้นำเกษตรกรจากตำบลตรอกนอง ได้เข้าฟังการบรรยายและเห็นว่าแนวทางดังกล่าวน่าจะมีประโยชน์และแก้ปัญหาของแมลงวันผลไม้ที่กำลังประสพปัญหาอยู่ได้จงึ ไดเ้ ชญิ วทิ ยากรของทางสถาบนั ฯ เพอ่ื ใหม้ าบรรยายใหก้ บั กลมุ่ ผนู้ ำเกษตรกรอกี 2 ครง้ั ตอ่ มาปี 2549 สทน.รว่ มกบั มหาวทิ ยาลยั บรู พาวทิ ยาเขตจนั ทบรุ ไี ดเ้ ขา้ มาแนะนำกลมุ่ เกษตรกรตำบลตรอกนองนำวธิ กี ารใชส้ ารลอ่แมลงวันผลไม้ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการควบคุมแมลงผลไม้ไปทดลองในพื้นที่ของตน ผลจากการดำเนินการพบวา่ ไดผ้ ลดี จากนน้ั ทางองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลตรอกนอง ไดท้ ำหนงั สอื ขอความสนบั สนนุ จากสถาบนั ฯเพื่อนำเทคโนโลยีการควบคุมแมลงวันผลไม้อย่างเป็นระบบแบบแผนและยั่งยืน โดยเริ่มดำเนินงานในปงี บประมาณ 2550 โดยเจา้ หน้าทีข่ องสถาบนั ฯ ได้ทำงานร่วมกบั กล่มุ ผู้นำเกษตรกร ตำบลตรอกนองเจา้ หนา้ ทจ่ี ากองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำบลตรอกนอง และอาจารยจ์ ากมหาวทิ ยาลยั บรู พาวทิ ยาเขตจนั ทบรุ ี โครงการควบคุมแมลงวันผลไม้แบบพื้นที่กว้างโดยเทคนิคการใช้แมลงทเ่ี ปน็ หมนั ผสมผสานรว่ มกบั วธิ กี ารอน่ื นน้ั เปน็ วธิ กี ารควบคมุ แมลงวนั ผลไมแ้ บบเชงิ รกุที่มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อเกษตรกรโดยครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดทั้งพื้นที่รกร้าง ที่อยู่อาศัย และพื้นที่เพาะปลูกประมาณ16,200 ไร่ หลงั จากดำเนนิ การไปแลว้ สามารถกำจดั แมลงวนั ผลไม้ ทม่ี ใี นพน้ื ทไ่ี ปประมาณ 500,000 ตวั และจำนวนของแมลงวนั ผลไมส้ ามารถลดลงไดอ้ กี โดยการปล่อยแมลงวันที่เป็นหมันเพื่อให้ผสมพันธ์กับแมลงตัวเมียในธรรมชาติ ทำให้ความเสยี หายของผลไมห้ ลกั คอื ลองกอง เสยี หายเพยี ง 0 - 4% เมอ่ื วนั ท่ี 19 มถิ นุ ายน 2551 สทน.ไดน้ ำแมลงวนั ทเ่ี ปน็ หมนั โดยวธิ ฉี ายรงั สีจำนวนกว่า 1 ล้านตัว ปล่อยสู่พื้นที่เพื่อลดปริมาณแมลงวันในธรรมชาติให้น้อยลงลดการทำลายและเพิ่มผลผลิตผลไม้ให้ได้คุณภาพ มีสภาพผิวที่สวยปราศจากการทำลายของแมลงวันผลไม้ สามารถเป็นแหล่งผลิตมังคุดคุณภาพดีของประเทศไทยและสามารถส่งออกได้ในปริมาณที่มากกว่าเดิม สทน.และเกษตรกรมีความคาดหวังทจ่ี ะทำใหพ้ น้ื ทต่ี ำบลตรอกนอง ซง่ึ รวมถงึ การขยายพน้ื ทใ่ี นจงั หวดั จนั ทบรุ ใี หเ้ ปน็ เขตที่มีการระบาดของแมลงวันผลไม้ต่ำ และประเทศไทยสามารถก้าวสู่ประเทศปลอดแมลงวนั ผลไม้ เชน่ เดยี วกบั ประเทศญป่ี นุ่ ทง้ั นท้ี ง้ั นน้ั ความสำเรจ็ จะมไี ดด้ ว้ ยความรว่ มมอื กนั ระหวา่ งชมุ ชนและภาครัฐ รวมทั้งเกษตรกร ที่จะสามารถทำให้การบูรณาการ และการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จเพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ อยา่ งยง่ั ยนื
การฉายรงั สผี ลไมไ้ ทยสง่ ออกสสู่ หรฐั อเมรกิ าไดเ้ ปน็ ผลสำเรจ็ ทผ่ี า่ นมาประเทศสหรฐั อเมรกิ าสง่ั หา้ มนำเขา้ ผลไมส้ ดจากประเทศไทย เนอ่ื งจากไมม่ น่ั ใจในคณุ ภาพ ทอ่ี าจมกี ารปนเปอ้ื นของแมลงศตั รพู ชื ทต่ี ดิ ไปกบั ผลไม้ ดงั นน้ั รฐั บาลไทยจงึ มคี วามพยายามในการปรบั ปรงุ ผลไมส้ ดใหไ้ ดม้ าตรฐาน ปราศจากแมลงศตั รพู ชื ตา่ งๆ โดยใชว้ ธิ กี ารฉายรงั สแี กมมา เนอ่ื งจากเปน็ วธิ ที ท่ี ว่ั โลก ยอมรบั วา่ สามารถควบคมุ คณุ ภาพได้ ดงั นน้ั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณชิ ย์ กระทรวง การต่างประเทศ และ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) จึงร่วมกันทำโครงการ และปรับปรุง โรงงานฉายรงั สผี ลไมเ้ พอ่ื การสง่ ออกประเทศสหรฐั กบั ผลไมส้ ด 6 ชนดิ ไดแ้ ก่ มงั คดุ เงาะ ลำไย ลน้ิ จ่ี มะมว่ ง และสบั ปะรด สทน.ปรบั ปรงุ การฉายรงั สที ศ่ี นู ยฉ์ ายรงั สี เทคโนธานี อ.คลองหา้ จ.ปทมุ ธานี โดยการฉายรงั สผี ลไม้ จะใชร้ งั สแี กมมา จากตน้ กำเนดิ โคบอลต-์ 60 ในปรมิ าณทน่ี อ้ ย 0.2-0.7 กโิ ลเกรย์ ซง่ึ เปน็ ปรมิ าณทไ่ี มก่ อ่ อันตรายต่อผู้บริโภค และไม่ก่อมะเร็ง แต่สามารถทำลายไข่แมลงและควบคุมการเจริญแพร่พันธุ์ของ แมลงไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จงึ ปลอดภยั ตอ่ ผบู้ รโิ ภคอยา่ งแนน่ อน และเมอ่ื วนั ท่ี 23 กรกฎาคมทผ่ี า่ นมา รฐั บาลสหรฐั อเมรกิ าไดอ้ อกประกาศอนญุ าตใหป้ ระเทศไทยสามารถสง่ ออกผลไมส้ ด 6 ชนดิ ไดแ้ ก่ มงั คดุ เงาะ ลำไย ลน้ิ จ่ี มะมว่ ง และสบั ปะรด เขา้ สหรฐั ได้ และไดส้ ง่ ออกผลไมล้ อตแรกไปยงั สหรฐั อเมรกิ าไดเ้ มอ่ื วนั ท่ี 1 พฤศจกิ ายน 2550 การสง่ ออกผลไมฉ้ ายรงั สไี ปยงั สหรฐั อเมรกิ านน้ั คาดวา่ จะทำใหป้ ระเทศไทย มรี ายไดเ้ ขา้ ประเทศถงึ วนั ละ 6 ลา้ นบาท ผงไหมเพม่ิ มลู คา่ อาหาร และผลติ ผลการเกษตร สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ หรอื สทน. ไดท้ ำการวจิ ยั รว่ มกบั กรมวชิ าการเกษตร พบวา่ ผงไหมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เครื่องสำอางค์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากมี กรดอะมิโนอยู่มากถึง 16-18 ชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น สามารถกำจัด เชื้อจุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ทั้งยังช่วยรักษาปริมาณน้ำในผิวหนัง กำจัดสิ่งสกปรก ในเซลลแ์ ละยดื อายเุ ซลลไ์ ดอ้ กี ดว้ ย
นอกจากนี้ ผลจากการวิจัยยังพบว่า ผงไหมพันธุ์ไทยยังมีคุณสมบัติพิเศษบางชนิดที่เป็นคณุ สมบตั เิ ดน่ ในปรมิ าณทม่ี ากกวา่ พนั ธไ์ุ หมของตา่ งประเทศ เชน่ มสี ารชว่ ยปอ้ งกนั ผวิ แหง้ และลดแอลกอฮอล์ในตบั ซง่ึ มมี ากกวา่ ถงึ 3 เทา่ มสี ารชว่ ยความจำ ชว่ ยกระตนุ้ การเตน้ ของหวั ใจมากกวา่ 2 เทา่ และมสี ารลดการเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื ไวรสั และสารตา้ นไวรสั มากกวา่ ถงึ 4 เทา่ (เมอ่ื เทยี บกบั พนั ธไ์ุ หมตา่ งประเทศ) “ผงไหม” ยังมีสารที่ช่วยควบคุม คอเลสเตอรอลในหลอดเลือด สลายแอลกอฮอล์ในร่างกายชว่ ยความจำ อกี ทง้ั ยงั ชว่ ยกระตนุ้ การทำงานของหวั ใจ ฯลฯ ดงั นน้ั หากนำผงไหมมาผสมในอาหาร นอกจากจะเพม่ิ มลู คา่ ใหอ้ าหาร และยงั สามารถเพม่ิ คณุ คา่ ทางอาหารอกี ดว้ ย สทน. ประสบความสำเรจ็ ในผลติ silk peptide ทม่ี อี นภุ าคขนาด 25-50 ไมครอน มคี วามสามารถในการละลายน้ำ 99.8 % มีลักษณะเบาฟู ดูดซับความชื้นจากอากาศได้ยาก มีสารปนเปื้อนประเภทโลหะหนกั นอ้ ยกวา่ ผงไหมทผ่ี ลติ จากทอ่ี น่ื สำหรบั ผลติ ภณั ฑท์ ส่ี ามารถนำผงไหมไปเปน็ สว่ นผสมได้ เชน่ไส้กรอก กุนเชียง ลูกชิ้น ไอศกรีม บะหมี่ หมูยอ กุนเชียงที่ใส่ผงไหม ลักษณะจะนุ่มเหมือนกับของซง่ึ ทำออกใหม่ ลกั ษณะเนอ้ื เหมอื นกบั วา่ ผสมหมเู นอ้ื แดงในอตั ราสว่ นทม่ี าก และสสี นั ยงั สด เนอ้ื นมุ่ชวนกิน ส่วนโยเกิร์ต หรือไอศกรีม จะทำให้มีเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เนียน ไม่ละลายง่าย บะหมี่ ทำให้มีคณุ สมบตั เิ หนยี วนมุ่ ไมย่ ยุ่ การทดลองเพม่ิ ผลติ ผลการเกษตรดว้ ยโปรตนี ไหม นกั วจิ ยั ของ สทน.ไดท้ ดลองฉดี สารละลายโปรตนี ไหมกบั ขา้ วหอมปทมุ ธานี เนอ้ื ท่ี 2 ไร่ เปรยี บเทยี บกบั ขา้ วหอมปทมุ ธานที ไ่ี มไ่ ดฉ้ ดี สารละลายโปรตนี ไหม (เนอ้ื ท่ี 10 ไร)่ ท่ี อ.โพธท์ิ อง จ.อา่ งทอง ซง่ึ เปน็ ขา้ วทป่ี ลกู ในแปลงตดิ กนั มคี นั นาตดิ กนั เรม่ิ ปลกู ในวนั เดยี วกนั และปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี วกนั ทกุ ขน้ั ตอน แตกตา่ งกนัที่การฉีดพ่นสารละลายไหมเท่านั้น ผลปรากฏว่า ข้าวหอมปทุมธานี แปลงที่ฉีดสารละลายโปรตีนไหมใหส้ ภาพตน้ ขา้ วทด่ี แู ขง็ แรง ใบเขยี ว ตง้ั ตรงกวา่ ตน้ ขา้ วทไ่ี มไ่ ดฉ้ ดี ออกรวงและเกบ็ เกย่ี วไดเ้ รว็ กวา่ ประมาณ7 วนั และใหผ้ ลผลติ เพม่ิ ขน้ึ ไรล่ ะ 38.75% คดิ เปน็ จำนวนเงนิ เพม่ิ ประมาณไรล่ ะ 2,900 บาท สทน. ไดถ้ า่ ยทอดเทคโนโลยนี ส้ี ู่ SME ผา่ นโครงการบรู ณาการ ว และ ท สจู่ งั หวดั และไดร้ บัการตอบรบั มากในจงั หวดั ทางภาคอสี าน เชน่ อดุ รธานี อบุ ลราชธานี และหนองคาย
ผลงานดา้ นการประกนั คณุ ภาพ สถาบนั เทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) สำหรบั งานดา้ นบรกิ าร สทน.มคี วามมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะใหบ้ รกิ ารดว้ ยมาตรฐาน และเปน็ ทย่ี อมรบั ของสากล ศูนย์บริการต่างๆของ สทน.ก็พยายามปรับปรุงคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาตรฐานและ เปน็ ทเ่ี ชอ่ื ถอื สำหรบั ผรู้ บั บรกิ าร ในรอบปที ผ่ี า่ นมา ศนู ยร์ งั สขี อง สทน. ซง่ึ เปน็ ศนู ยบ์ รกิ าร การฉายรงั สี อาหาร และผลติ ผลทางการเกษตร สามารถปรบั ปรงุ การบรกิ ารจนไดร้ บั การยอมรบั จากองคก์ รระดบั สากล ซง่ึ ในปี 2551 ศนู ยฉ์ ายรงั สี ไดร้ บั การรบั รองมาตรฐานตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ไดร้ บั การรบั รองระบบบรหิ ารคณุ ภาพ ISO9001:2000 จาก URS/UKAS เมอ่ื วนั ท่ี 18 กนั ยายน 2550 2. ไดร้ บั การรบั รองโรงงานฉายรงั สผี ลไมเ้ พอ่ื การสง่ ออกประเทศสหรฐั อเมรกิ า เปน็ แหง่ แรกของ ประเทศไทย จาก APHIS/USDA (United States Department of Agriculture) เมอ่ื วนั ท่ี 26 ตลุ าคม 2550 3. ไดร้ บั การรบั รองโรงงานฉายรงั สเี ครอ่ื งเทศและสมนุ ไพรจาก FVO (Food and Veterinary Office ของสหภาพยโุ รป เมอ่ื วนั ท่ี 8 ธนั วาคม 2550 การจดั การทรพั ยากรนำ้ ในระดบั ชมุ ชน สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) หรอื สสนก. ไดด้ ำเนนิ โครงการ “การจดั การทรพั ยากรนำ้ ในระดบั ชมุ ชน” รว่ มกบั มลู นธิ ิ โคคา-โคลา ประเทศไทย จำกดั ซง่ึ เปน็ โครงการตอ่ ยอด มาจากโครงการ “Village that Learns” ของ สสนก. โดยมเี ปา้ หมายในการถา่ ยทอดการใชว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เสรมิ กระบวนการเรยี นรขู้ องชมุ ชนในการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรนำ้ ของชมุ ชน เพอ่ื ชว่ ยลด ผลกระทบจากภยั แลง้ และนำ้ ทว่ ม และสรา้ งศกั ยภาพแกช่ มุ ชนใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ อยา่ งยง่ั ยนื ดำเนนิ การ ในชมุ ชนตวั อยา่ ง 3 ชมุ ชน ไดแ้ ก่ ชมุ ชนบา้ นลม่ิ ทอง จงั หวดั บรุ รี มั ย์ ชมุ ชนบา้ นบางแกว้ จงั หวดั นครสวรรค์ และชมุ ชนบา้ นปา่ สกั งาม จงั หวดั เชยี งใหม่ โครงการในระยะแรก (มิถุนายน 2549 – พฤษภาคม 2550) เน้นไปที่การเตรียมความพร้อม ทางดา้ นไอที และการใชส้ ารสนเทศเพอ่ื การบรหิ ารจดั การขอ้ มลู ทรพั ยากรนำ้ รวมทง้ั การทำใหเ้ กดิ ระบบสมดลุ นำ้ (Water Balance) และระบบสำรองนำ้ โดยทอ้ งถน่ิ เปน็ ผบู้ รหิ ารและจดั การ สำหรบั โครงการในระยะท่ี 2 (มถิ นุ ายน 2550- พฤษภาคม 2552) มงุ่ เนน้ ใหช้ มุ ชนเกดิ การจดั การ ทรพั ยากรนำ้ อยา่ งมสี ว่ นรว่ มและพง่ึ พาตนเอง โดยใชว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เปน็ เครอ่ื งมอื สนบั สนนุ ใหส้ ามารถบรหิ ารจดั การไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื พฒั นาใหเ้ กดิ ชมุ ชนแมข่ า่ ยในการขยายผลสเู่ ครอื ขา่ ย การจดั การทรพั ยากรนำ้ ชมุ ชนตอ่ ไป
ผลการดำเนนิ งานกลมุ่ เปา้ หมายทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ ดงั น้ี แบง่ เปน็ 4 ดา้ นหลกั ไดแ้ ก่ 1) วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มรี ะบบฐานขอ้ มลู และเวบ็ ไซตช์ มุ ชน (Local Content Management System) ซง่ึ ชมุ ชนเปน็ ผผู้ ลติ และจดั การเนอ้ื หาสาระไดด้ ว้ ยตนเอง มรี ะบบแผนทแ่ี ละขอ้ มลู เพอ่ื ประยกุ ตใ์ ชบ้ รหิ ารจดั การทรพั ยากรทอ้ งถน่ิ มรี ะบบบญั ชชี มุ ชนและขอ้ มลู ครวั เรอื น (Village Data Book) เพอ่ื วเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ ซอ้ น มรี ะบบสารสนเทศเพอ่ื สนบั สนนุ การวางแผนและตดั สนิ ใจ มรี ะบบบญั ชนี ำ้ ชมุ ชนเพอ่ื การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรนำ้ มรี ะบบฐานขอ้ มลู พรรณไมช้ มุ ชน 2) การจดั การนำ้ ระดบั ชมุ ชน ชมุ ชนสามารถพฒั นาการใชท้ รพั ยากรนำ้ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพม่ิ พน้ื ทก่ี กั เกบ็ นำ้ และมรี ะบบนำ้ สำรองในชมุ ชน เกดิ คณะกรรมการนำ้ ชมุ ชน และเครอื ขา่ ยการจดั การนำ้ ชมุ ชน เกดิ กลมุ่ เยาวชนรกั ษน์ ำ้ ดว้ ยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 3) เศรษฐกจิ ชมุ ชน (การผลติ และการขาย) ชมุ ชนปรบั ปรงุ ประสทิ ธภิ าพการผลติ เปลย่ี นวธิ กี ารผลติ และเพาะปลกู ใหม้ เี สถยี รภาพ ชมุ ชนสามารถวางแผนการผลติ เกษตรปราณตี (เพม่ิ คณุ ภาพ ลดความเสย่ี ง ขายไดร้ าคา) แกไ้ ขปญั หารายได-้ รายจา่ ย-หนส้ี นิ ครวั เรอื น และอาชพี ดว้ ยระบบบญั ชคี รวั เรอื น บญั ชชี มุ ชน และฐานขอ้ มลู ครวั เรอื น (Village Data Book) พฒั นาศกั ยภาพดา้ นการขายและการตลาดของชมุ ชน (รว่ มคดิ รว่ มทำ รว่ มขาย) 4) การเรยี นรอู้ ยา่ งมสี ว่ นรว่ ม (ชมุ ชนและเครอื ขา่ ย) ชมุ ชนเกดิ กระบวนการเรยี นรู้ ลงมอื ทำรว่ มกนั และพง่ึ พาตนเอง เกดิ ชมุ ชนแมข่ า่ ยเชงิ คณุ ภาพดา้ นการจดั การทรพั ยากรนำ้ ชมุ ชน พฒั นาแกนนำและเยาวชน ดว้ ย ว และ ท เชอ่ื มโยงแมข่ า่ ยกบั ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นา อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ และ วทิ ยาลยั เกษตร และเทคโนโลยี
ผลความสำเรจ็ ท่ี 1 การเพม่ิ รายไดใ้ หช้ มุ ชนบา้ นลม่ิ ทองรายละเอยี ด กอ่ นโครงการ ปจั จบุ นั อนาคต (บาท) (2550-2551) (2552-2554) รายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ ปี 103,000 (บาท) (บาท) รายจา่ ยเฉลย่ี ตอ่ ปี 114,000 หนส้ี นิ โดยเฉลย่ี ตอ่ ครวั เรอื นตอ่ ปี 20,000 200,000 288,000 รายรบั สทุ ธโิ ดยเฉลย่ี ตอ่ ปี -31,000 150,000 200,000รายไดโ้ ดยเฉลย่ี ตอ่ เดอื นตอ่ ครวั เรอื น 20,000 20,000 0 +30,000 + 68,000 2,500 5,700ผลความสำเรจ็ ท่ี 2 เพม่ิ ปรมิ าณนำ้ ซง่ึ เพม่ิ ศกั ยภาพและโอกาสในการทำเกษตรกรรม ชมุ ชนบา้ นลม่ิ ทอง (พน้ื ทน่ี ำ้ แลง้ )ชมุ ชนบา้ นลม่ิ ทอง ปรมิ าณนำ้ รวม 2551-2552 2553 ปรมิ าณนำ้ โดยเฉลย่ี ตอ่ ปี 65,700 ลบ.ม. 72,000 ลบ.ม. 137,000 ลบ.ม. พน้ื ทเ่ี พาะปลกู ในฤดกู าล 672 ไร่ 720 ไร่ 1,392 ไร่พน้ื ทเ่ี พาะปลกู นอกฤดกู าล 100 ไร่ 108 ไร่ 208 ไร่มลู คา่ ผลผลติ ทางการเกษตร 2,352,000 บาท 2,520,000 บาท 4,872,000 บาทผลความสำเรจ็ ท่ี 3 ขยายเครอื ขา่ ยเรยี นรเู้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การจดั การ ทรพั ยากรนำ้ ชมุ ชนในพน้ื ทน่ี ำ้ แลง้ พน้ื ทต่ี น้ นำ้ พน้ื ทน่ี ำ้ ทว่ มพน้ื ทน่ี ำ้ แลง้ บา้ นลม่ิ ทอง จ.บรุ รี มั ย์ 556 ครวั เรอื น บา้ นโนนขวาง จ.บรุ รี มั ย์ 140 ครวั เรอื นพน้ื ทต่ี น้ นำ้ บา้ นโนนรงั จ.นครราชสมี า 120 ครวั เรอื นพน้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม บา้ นหว้ ยปลาหลด จ.ตาก 182 ครวั เรอื น บา้ นปา่ สกั งาม จ. เชยี งใหม่ 102 ครวั เรอื น บา้ นบางแกว้ จ. นครสวรรค์ 219 ครวั เรอื น รวม 1,319 ครวั เรอื น แผนการดำเนินงานในปี พ.ศ.2552-2554 วางเป้าหมายในการทำงานต่อเนื่อง เน้นให้ชุมชนนำ ตัวอย่างความเปลี่ยนแปลง และวิธีจัดการทางสังคมที่ได้ผลชัดเจน เช่น สระเก็บน้ำแก้มลิง คลองส่งน้ำ ขุดคลองขวางทางน้ำหลาก ระบบประปาบำบัดน้ำใส เกษตรปราณีต เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าซับน้ำ เครอื ขา่ ยการเรยี นรชู้ มุ ชน ฯลฯ เพอ่ื นำตวั อยา่ งภมู ปิ ญั ญาและความเปลย่ี นแปลง ในการจดั การของแตล่ ะชมุ ชน ไปขยายผลตอ่ ใหเ้ กดิ เปน็ เครอื ขา่ ยการจดั การทรพั ยากรนำ้ ชมุ ชนตอ่ ไป ชอ่ื ผรู้ บั ผดิ ชอบ นายสนุ ยั แผน่ ทอง โทรศพั ท์ 0 2642 7132 ตอ่ 102
โครงการศกึ ษาความเหมาะสมพน้ื ทแ่ี กม้ ลงิ บรเิ วณคลองทบั มา จงั หวดั ระยอง สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีแผนขยายอตุ สาหกรรมปโิ ตรเคมคี รบวงจรซง่ึ ใชน้ ำ้ มาก แตแ่ หลง่ นำ้ หลกั ในพน้ื ทม่ี จี ำกดั และมปี รมิ าณการใชน้ ำ้ เพม่ิมากขึ้น การขาดแคลนน้ำในพื้นที่ อาจส่งผลกระทบทั้งต่อภาคอุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัว และชุมชนสถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) ไดร้ บั งบประมาณสนบั สนนุ และรว่ มกบับรษิ ทั ปตท.เคมคิ อล จำกดั (มหาชน) ในการดำเนนิ โครงการ “ศกึ ษาความเหมาะสมพน้ื ทแ่ี กม้ ลงิ บรเิ วณคลองทบั มา จงั หวดั ระยอง” ทำการศกึ ษาสภาพฝาย บอ่ ลกู รงั เดมิ ในบรเิ วณลมุ่ นำ้ ทบั มา จ.ระยอง เพอ่ื พฒั นาเปน็ พน้ื ทแ่ี กม้ ลงิ สำหรบั ใชเ้ ปน็ แหลง่ นำ้ สำรอง และฉกุ เฉนิ และจดั ทำบญั ชแี หลง่ นำ้ ในพน้ื ทศ่ี กึ ษา รว่ มกบัการประเมนิ ปรมิ าณนำ้ ทา่ ในลมุ่ นำ้ โดยใชแ้ บบจำลองนำ้ ฝน-นำ้ ทา่ (SWAT: Soil and Water AssessmentTool) เพอ่ื วเิ คราะหร์ ะบบสมดลุ นำ้ การบรหิ ารความเสย่ี งในภาวะปกติ และวกิ ฤติ นอกจากนย้ี งั ไดต้ ดิ ตง้ัระบบโทรมาตรในพน้ื ทจ่ี ำนวน 3 สถานี เพอ่ื นำขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากระบบมาใชป้ ระกอบการวเิ คราะหส์ มดลุ นำ้รวมทั้งพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Internet GIS-MIS) นำเสนอข้อมูลเชิงพื้นที่ของโครงการฯเพอ่ื ใชป้ ระกอบการพจิ ารณาในการบรหิ ารจดั การนำ้ และพฒั นาพน้ื ทแ่ี กม้ ลงิ
ผลการดำเนนิ งานกลมุ่ เปา้ หมายทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ ดงั น้ี ขอ้ เสนอการดำเนนิ งาน และแนวทางการพฒั นาบอ่ ลกู รงั เดมิ เพอ่ื เปน็ แกม้ ลงิ สำหรบั ใชเ้ ปน็แหลง่ นำ้ สำรอง ทง้ั ดา้ นอตุ สาหกรรม และเกษตรกรรม บญั ชโี ครงการพฒั นาแหลง่ นำ้ และขอ้ มลู แหลง่ นำ้ ในพน้ื ทศ่ี กึ ษา ลมุ่ นำ้ ทบั มา จ.ระยอง ระบบภมู ศิ าสตรส์ ารสนเทศ (Internet GIS-MIS) เพอ่ื ประกอบการบรหิ ารจดั การนำ้ บรเิ วณคลองทบั มา และคลองสาขา รว่ มกบั การใชป้ ระโยชนจ์ ากพน้ื ทแ่ี กม้ ลงิ ผลการศึกษาของโครงการ สามารถนำไปใช้พัฒนาต่อยอด โดยอาศัยความร่วมมือกันของภาคอุตสาหกรรมกับชุมชน เพื่อฟื้นฟูและพัฒนาสภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำใหเ้ พยี งพอกบั ความตอ้ งการตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี นายสนุ ยั แผน่ ทอง โทรศพั ท์ 0 2642 7132 ตอ่ 102
⌫ ⌫ ⌫⌫ การพฒั นาศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สบื เนอ่ื งจาก พระราชกฤษฎกี าวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทด่ี ี พ.ศ. 2546 มาตราท่ี 30 กำหนดใหเ้ ปน็ หนา้ ทข่ี องปลดั กระทรวงทจ่ี ะตอ้ งจดั ใหส้ ว่ นราชการภายในกระทรวงทร่ี บั ผดิ ชอบ ปฏบิ ตั งิ านเกย่ี วกบั การบรกิ ารประชาชนรว่ มกนั จดั ตง้ั ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ ม เพอ่ื อำนวยความสะดวกแกป่ ระชาชน ในการทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายหรอื กฎอน่ื ใด ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหป้ ระชาชนสามารถตดิ ตอ่ สอบถาม ขอทราบขอ้ มลู ขออนุญาต หรือขออนุมัติในเรื่องใดๆ ที่เป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการในกระทรวงเดียวกันโดยติดต่อ เจา้ หนา้ ท่ี ณ ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มเพยี งแหง่ เดยี ว กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จงึ ไดด้ ำเนนิ การพฒั นา ศูนย์บริการร่วมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (MOST Counter Service) และทำพิธีเปิดอย่าง เปน็ ทางการในวนั ท่ี 28 กรกฎาคม 2549 ผลการดำเนนิ งานและผลการประเมนิ จาก สำนกั งาน ก.พ.ร. ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ ม กระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ ได้รับรางวัลคุณภาพการให้บริการประชาชนดีเด่น ประเภทการอำนวยความสะดวกและตอบสนองความ ตอ้ งการประชาชน ประจำปี 2549 และไดร้ บั รางวลั มาตรฐานศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มดเี ดน่ ประเภทการบรหิ ารจดั การ ประจำปี 2550 และ 2551 ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สถานทต่ี ง้ั อาคารพระจอมเกลา้ สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร 10400) วนั เปดิ ดำเนนิ การ 28 กรกฎาคม 2549 วนั – เวลาใหบ้ รกิ าร วนั จนั ทร์ – ศกุ ร์ เวลา 8.00 – 16.30 น. (เวน้ วนั หยดุ ราชการ) จำนวนเจา้ หนา้ ทป่ี ฏบิ ตั งิ าน 4 คน หนว่ ยงานหลกั สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จำนวนหนว่ ยงานทเ่ี ขา้ รว่ ม 12 หนว่ ยงาน จำนวนงานบรกิ าร 82 งานบรกิ าร > การใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู /ขา่ วสาร 65 งานบรกิ าร > การใหบ้ รกิ ารรบั เรอ่ื ง – สง่ ตอ่ 6 งานบรกิ าร > การใหบ้ รกิ ารเบด็ เสรจ็ 11 งานบรกิ าร
รางวลั ทไ่ี ดร้ บัรางวัลคุณภาพการให้บริการประชาชนดีเด่น ประเภท รางวัลมาตรฐานศูนย์บริการร่วมดีเด่นการอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการ ประเภทการบริหารจัดการ ประชาชน จากสำนกั งาน ก.พ.ร. ประจำปี 2549 จากสำนกั งาน ก.พ.ร. ประจำปี 2550 รางวัลมาตรฐานศูนย์บริการร่วม รางวัลดีเด่นประเภทการบริหารจัดการ จากสำนกั งาน ก.พ.ร. ประจำปี 2551 งานบรกิ ารเดน่ ของศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ รปู แบบงานบรกิ ารของกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วท.) ตอ้ งอาศยั ทกั ษะความชำนาญของผเู้ ชย่ี วชาญเฉพาะทาง รวมถงึ การใชเ้ ครอ่ื งมอื และหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารในการดำเนนิ งาน ดงั นน้ั ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ จงึ มลี กั ษณะเฉพาะทม่ี งุ่ เนน้ การเปน็ ศนู ยร์ วมงานบรกิ ารของกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ทง้ั หมด (Service Portal) รวมถงึ การเปน็ แหลง่ ประชาสมั พนั ธง์ านบรกิ าร แนะนำ ตดิ ตอ่ จบั คู่ ระหวา่ งผู้ใช้บริการและหน่วยบริการของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ศูนย์บริการร่วมกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้พัฒนางานบริการเด่นๆ เช่น บริการผ่านเว็บไซต์ คลินิกเทคโนโลยี ซึ่งเชื่อมโยงกับเครอื ขา่ ยเทคโนโลยมี ากกวา่ 49 เครอื ขา่ ย หนว่ ย ปฏบิ ตั กิ ารมากกวา่ 119 แหง่ กระจายไปทว่ั ประเทศไทยการใหบ้ รกิ ารสบื คน้ ขอ้ มลู งานวจิ ยั ของหนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ บรกิ ารหนงั สอื ความรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรข์ องหนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ บรกิ ารเทยี บเวลามาตรฐานประเทศไทย โดยศนู ย์บริการร่วมกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ให้บริการเครื่องแม่ข่าย (NTP Server) เพื่อให้บริการถ่ายทอดเวลาผา่ นระบบ Internet รวมถงึ บรกิ ารนำรอ่ งคลนิ กิ โอเพน่ ซอรส์ ทเ่ี ปดิ โอกาสใหผ้ ใู้ ชง้ านโปรแกรม Open Officeสามารถปรกึ ษาผเู้ ชย่ี วชาญผา่ นระบบเครอื ขา่ ย ณ ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ มได้
การใหบ้ รกิ าร 1. มีการพัฒนาระบบงานบริการ ระบบฐานข้อมูล และเชื่อมโยงระบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ใน กระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ ไวใ้ น www.most.go.th/eservice เพอ่ื สนบั สนนุ การดำเนนิ งานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2. มีกิจกรรมเชิงรุกเพื่อนำเสนอบริการของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดยการจัดศูนย์บริการ รว่ มสญั จร เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจงานบรกิ าร และใชง้ านบรกิ ารของกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ มากขน้ึ 3. เปน็ ศนู ยร์ วมงานบรกิ ารทง้ั หมดของกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ (Service Portal) ขอ้ มลู ตดิ ตอ่ จบั คู่ รบั เรอ่ื ง-สง่ ตอ่ และตดิ ตามการดำเนนิ งาน 4. มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อประกอบการดำเนินงานในลักษณะ ตา่ งๆ เชน่ คลนิ กิ โอเพน่ ซอรส์ ระบบขอ้ มลู ในเวบ็ ไซต์ บรกิ ารสบื คน้ ขอ้ มลู เทคโนโลย/ี หอ้ งสมดุ เปน็ ตน้ 5. มีฐานข้อมูลความรู้ และการเชื่อมโยงข้อมูลความรู้กับหน่วยบริการต้นสังกัดทำให้สามารถ สืบค้นข้อมูลเพื่อการบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการสะสมองค์ความรู้เพื่อใช้ในการดำเนินงาน เปน็ การตอ่ ไป ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี นายยอดชาย สายธนู โทรศพั ท์ : 0 2354 4466 ตอ่ 135 โครงการศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (MOC) ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี Ministerial Operation Center : MOC เปน็ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารสำหรบั ผบู้ รหิ าร เพอ่ื การบรหิ ารราชการ แผน่ ดนิ ระดบั กระทรวง โดยการนำเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารมาประยกุ ตใ์ ช้ โดยมกี ารเชอ่ื มโยง ขอ้ มลู MIS/GIS ระหวา่ งศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารระดบั กรม (DOC) และรายงานไปยงั ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารนายกรฐั มนตรี (PMOC) ผา่ นทางเครอื ขา่ ยความเรว็ สงู โดยนำเสนอขอ้ มลู บทสรปุ สำหรบั ผบู้ รหิ าร (Executive Summary Report) เพื่อประโยชน์ในการวางแผน กำหนดนโยบาย ติดตามและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมี ประสทิ ธภิ าพ
หนา้ หลกั ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระบบบรหิ ารงบประมาณกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปจั จบุ นั ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไดด้ ำเนนิ การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน VideoConference การเชอ่ื มโยงเครอื ขา่ ย ระหวา่ ง DOC, MOC และ PMOC การดำเนนิ การพฒั นาระบบขอ้ มลูสนับสนุนการบริหารจัดการ ระบบข้อมูลเพื่อการวางแผนและปฏิบัติการ ระบบข้อมูลติดตามและประเมินผลการปฏิบัติการ อาทิเช่น ฐานข้อมูลบูรณาการยุทธศาสตร์ งบประมาณ โครงการและทรัพยากร,ฐานขอ้ มลู งานวจิ ยั เปน็ ตน้ ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี อยทู่ ่ี ชน้ั 7 อาคารพระจอมเกลา้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเปิดให้บริการตามเวลาราชการ และสามารถเรียกดูข้อมูลได้ที่http://www.moc.most.go.th ผลจากการดำเนินโครงการดังกล่าว ทำให้กระทรวง มีข้อมูลบทสรุปเชิงวิเคราะห์เพื่อการบริหารราชการอย่างมีประสิทธิภาพ ความสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยงานเพือ่ เพิม่ ศักยภาพและประสทิ ธภิ าพในการบริหารและประกอบการตดั สนิ ใจสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อลดความรุนแรง และการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ สำหรับประเทศชาติ สังคม และประชาชนกลมุ่ เปา้ หมาย คณะผบู้ รหิ ารระดบั สงู ของหนว่ ยงาน และคณะรฐั มนตรี
ฐานขอ้ มลู สารสนเทศภมู ศิ าสตร์ ฐานขอ้ มลู หลกั ของกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สอบถามขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ไดท้ ่ี ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโทรศพั ท์ 0 2 354 4466 ตอ่ 146 โทรสาร 0 2 354 3774E-mail : [email protected] Call Center : 1313 โครงการศูนย์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีเป้าหมายในการพัฒนาระบบข้อมูลของ กระทรวง ให้เป็นศูนย์ข้อมูลสารสนเทศกลางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อใช้ ประกอบการตัดสินใจในการวางแผน กำหนดนโยบาย ติดตามและแก้ปัญหา โดยการนำเทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สารมาประยกุ ตใ์ ช้ เปน็ กลไกในการบรหิ ารราชการอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี นายภษู ติ โพธแ์ิ สง โทรศพั ท์ 0 2354 4466 ตอ่ 146
APLAC / PTB Proficiency Testing Training course / planning workshop : pH-value in water proficiency testing program - 2008 สำนกั บรหิ ารและรบั รองหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร การที่หน่วยงาน Physikalisch -Technische Bundesanstalt (PTB) ประเทศเยอรมันนีให้เงินสนับสนุนแก่ Asia Pacific Laboratory Accreditation Cooperation (APLAC) เพื่อจัดTraining & workshop ใหแ้ กก่ ลมุ่ ประเทศสมาชกิ ภาคพน้ื เอเซยี แฟซฟิ คิ ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจและสามารถดำเนนิ กจิ กรรมทดสอบความชำนาญทเ่ี ปน็ ไปตามมาตรฐานสากล ซง่ึ โครงการดงั กลา่ วไดด้ ำเนนิ การอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารมาแลว้ 2 ครง้ั ครง้ั แรกทป่ี ระเทศมาเลเซยี ระหวา่ งวนั ท่ี 12 - 16 กมุ ภาพนั ธ์ 2550และครง้ั ทส่ี องทป่ี ระเทศเวยี ดนาม ระหวา่ งวนั ท่ี 10 – 13 กนั ยายน 2550 การอบรมดงั กลา่ วมผี แู้ ทนจากกลมุ่ บรหิ ารจดั การทดสอบความชำนาญ สำนกั บรหิ ารและรบั รองหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ ารไดเ้ ขา้ รว่ มอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารและไดร้ บั มอบหมาย ใหเ้ ปน็ เจา้ ภาพจดั กจิ กรรมทดสอบความชำนาญ : รายการpH-value in water proficiency testing program - 2008 โดยมหี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารจากประเทศตา่ ง ๆเขา้ รว่ มทง้ั หมด 45 หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร จากกลมุ่ ประเทศสมาชกิ APLAC จำนวน 17 ประเทศ การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดการถ่ายทอดทักษะและประสบการณ์ภายในกลุ่มสมาชิกในการเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินกิจกรรมทดสอบความชำนาญที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลซง่ึ มสี มาชกิ ทม่ี าจากประเทศกำลงั พฒั นาหลายประเทศทย่ี งั ขาดประสบการณใ์ นการดำเนนิ กจิ กรรมทดสอบความชำนาญ และจากภาระกิจดังกล่าวทำให้กรมวิทยาศาสตร์บริการเป็นที่รู้จักในกลุ่มประเทศสมาชิกกอ่ ใหเ้ กดิ การประสานความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศในดา้ นสงั คม การศกึ ษา และ เศรษฐกจิ กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ ารมนี โยบายในการเปน็ ผดู้ ำเนนิ การจดั กจิ กรรมทดสอบความชำนาญใหแ้ ก่ประเทศสมาชกิ ในสาขาตา่ งๆ ทม่ี คี วามพรอ้ ม และสรา้ งเครอื ขา่ ยดา้ นกจิ กรรมทดสอบความชำนาญภายในกลมุ่ ประเทศสมาชกิ และในอนาคตยงั มแี ผนจะเปดิ ใหบ้ รกิ ารดา้ นการทดสอบความชำนาญแกห่ อ้ งปฏบิ ตั กิ ารตา่ งประเทศในบางสาขากจิ กรรมทม่ี คี วามพรอ้ ม ภาระกิจดังกล่าวสนับสนุนนโนบายของประเทศในด้านการพลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสนบั สนนุ ภาคการผลติ และการบรกิ ารใหม้ ศี กั ยภาพ รวมทง้ั สง่ เสรมิ ความรว่ มมอื กบั ตา่ งประเทศผรู้ บั ผดิ ชอบ นกั วทิ ยาศาสตรร์ ะดบั ชำนาญการพเิ ศษ รชั ดา เหมปฐวี โทรศพั ท์ 0 2201 7331ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี สำนกั บรหิ ารและรบั รองหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร โทรศพั ท์ 0 2201 7332, 0 2201 7333
การใหบ้ รกิ ารแสงซนิ โครตรอนสำหรบั การวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตร์ สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ไดด้ ำเนนิ การปรบั ปรงุและพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน ไดแ้ ก่ เครอ่ื งกำเนดิ แสงสยาม ระบบลำเลยี งแสงพรอ้ มสถานที ดลอง หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารและระบบสนับสนุนด้านเทคนิค และวิศวกรรมต่างๆ เพื่อการให้บริการแสงซินโครตรอนสำหรับการวิจัยทางวทิ ยาศาสตรส์ าขาตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทง้ั ใหบ้ รกิ ารดา้ นเทคนคิ และวศิ วกรรม โดยผลการดำเนนิ งานของการใหบ้ รกิ ารสามารถสรปุ ได้ ดงั น้ีการใหบ้ รกิ ารแสงซนิ โครตรอน เครื่องกำเนิดแสงสยามสามารถผลิตแสงซินโครตรอนที่ครอบคลุมย่านรังสีอัลตราไวโอเล็ตถึงย่านรังสีเอกซ์ ซึ่งในปัจจุบันสถาบันได้ให้บริการแสงซินโครตรอนในห้องปฏิบัติการแสงสยามโดยมีระบบลำเลยี งแสงซนิ โครตรอนออกมาใหบ้ รกิ ารจำนวน 3 สถานที ดลอง คอื 1. สถานที ดลองดา้ น VUV Photoemission Spectroscopy 2. สถานที ดลองสำหรบั เทคนคิ X-ray Absorption Spectroscopy 3. สถานที ดลองสำหรบั เทคนคิ X-ray lithography โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 น้ี ทางสถาบนั ฯ ไดใ้ หบ้ รกิ ารแสงซนิ โครตรอน เปน็ จำนวนทง้ั สน้ิ2,041 ชวั่ โมง มโี ครงการวจิ ยั ทเ่ี ขา้ มาใชบ้ รกิ ารแสงซนิ โครตรอน จำนวนทง้ั สน้ิ 126 โครงการ แบง่ เปน็โครงการจากสถาบนั วจิ ยั จำนวน 25 โครงการ และโครงการจากสถาบนั อดุ มศกึ ษา จำนวน 101 โครงการการใหบ้ รกิ ารดา้ นเทคนคิ และวศิ วกรรม สถาบันฯ ได้ให้บริการด้านเทคนิค และวิศวกรรม แก่หน่วยงานภาครัฐ สถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชน ซง่ึ สถาบนั ฯ ไดพ้ ฒั นาขดี ความสามารถในการผลติ ชน้ิ งานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ระบบสญุ ญากาศระดบั สงู ถงึ ระดบั สงู มาก (Ultra High Vacuum) ทร่ี ะดบั ความดนั 10-10 ทอร์ (torr) และการผลติ ชน้ิ สว่ นเชงิ กลทต่ี อ้ งการความแมน่ ยำสงู (high precision mechanical components) ในระดบั ตำ่ กวา่ ไมโครเมตรโดยสถาบนั ฯ ไดเ้ ปดิ ใหม้ กี ารบรกิ ารดา้ นเทคนคิ และวศิ วกรรม ดงั น้ี - การออกแบบ และเขยี นแบบสำหรบั การผลติ ชน้ิ สว่ นเชงิ กล และระบบควบคมุ - การใหบ้ รกิ ารเครอ่ื งมอื ทนั สมยั สำหรบั การจดั สรา้ งชน้ิ งานทม่ี คี วามซบั ซอ้ น พรอ้ มบคุ ลากรทม่ี ี ความชำนาญ - การใหบ้ รกิ ารเชอ่ื มชน้ิ สว่ นสญุ ญากาศสำหรบั ระบบสญุ ญากาศ UHV - การทดสอบชน้ิ สว่ นสญุ ญากาศ
สำหรบั ปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ไดใ้ หบ้ รกิ ารแก่ สถาบนั อดุ มศกึ ษา ภาคอตุ สาหกรรม และสถาบนั วจิ ยั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี ภาคอตุ สาหกรรม เชน่ บรษิ ทั เอสวี นทิ ทนั จำกดั (เปน็ บรษิ ทั ในเครอื สหวริ ยิ า) จ.สมทุ รปราการ บรษิ ทั ซเี กท เทคโนโลยี (ประเทศไทย)จำกดั บรษิ ทั แมกน์ เิ ควนซ์ (โคราช) จำกดั สถาบนั อดุ มศกึ ษา และสถาบนั วจิ ยั เชน่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ ศนู ยเ์ ทคโนโลยโี ลหะ และวสั ดแุ หง่ ชาติ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ การบรหิ ารจดั การองคก์ ร พระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) พ.ศ. 2551 ศนู ยป์ ฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั เครอ่ื งกำเนดิ แสงซนิ โครตรอนแหง่ ชาติ เปน็ โครงการภายใตส้ งั กดั กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ดำเนินการพัฒนาและติดตั้งเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนขนาด 1000 ล้านอิเล็กตรอนโวลท์ (1 GeV) ทไ่ี ดร้ บั การบรจิ าคจากกลมุ่ บรษิ ทั ซอรเ์ ทค (SORTEC Corporation) ประเทศญป่ี นุ่ ดว้ ยความรว่ มมอื ระหวา่ ง นักวิชาการชั้นนำของทั้งสองประเทศทำให้การติดตั้งเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนในประเทศไทยประสบ ผลสำเรจ็ และใชช้ อ่ื วา่ “เครอ่ื งกำเนดิ แสงสยาม” นอกจากนน้ั ยงั สามารถปรบั ปรงุ ดดั แปลงเครอ่ื งใหใ้ ชง้ าน ได้ที่พลังงานของอิเล็กตรอนในวงโคจรสูงขึ้นเป็น 1200 ล้านอิเล็กตรอนโวลท์ จึงสามารถผลิตรังสีเอกซ์ ในยา่ นพลงั งานทส่ี งู ขน้ึ กวา่ เดมิ ซง่ึ แสดงถงึ ศกั ยภาพของคณะนกั วจิ ยั ไทย ในปจั จบุ นั ไดม้ กี ารพฒั นาระบบ ลำเลียงแสงซินโครตรอนและสถานีทดลองแล้วจำนวน 3 สถานีภายในห้องปฏิบัติการแสงสยาม และอยู่ ระหวา่ งการพฒั นาตดิ ตง้ั อกี 4 สถานใี นอนาคต หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารแสงสยามไดเ้ ปดิ ใหบ้ รกิ ารแสงซนิ โครตรอน
กบั นกั วจิ ยั เพอ่ื ใชใ้ นงานวจิ ยั หลากหลายแขนงครอบคลมุ ทง้ั วทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐานและประยกุ ต์ เพอ่ื ตอบปญั หาทั้งในเชิงลึกและต่อภาคอุตสาหกรรม นอกจากนั้นยังช่วยในการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยซี ง่ึ เปน็ รากฐานสำคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศ เนื่องจากแสงซินโครตรอนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยทม่ี ผี ลตอ่ การพฒั นาอตุ สาหกรรมของประเทศ เปน็ เครอ่ื งมอื สำคญั ในการยกระดบั ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ทัดเทียมอารยประเทศ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดงั กลา่ วเปน็ ไปอยา่ งอสิ ระ คลอ่ งตวั และมปี ระสทิ ธภิ าพ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ รา “พระราชกฤษฎกี าจดั ตง้ั สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) พ.ศ. 2551”เพื่อจัดตั้งสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนขึ้นเป็นองค์การมหาชน เรียกโดยย่อว่า สซ. และชื่อหน่วยงานภาษาองั กฤษวา่ “Synchrotron Light Research Institute (Public Organization)” เรยี กโดยยอ่ วา่“SLRI” โดยพระราชกฤษฎกี านไ้ี ดป้ ระกาศ ในราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ ท่ี 125 ตอนท่ี 100 ก วนั ท่ี 19 กนั ยายน2551 การเป็นองค์การมหาชนนับเป็นอีกก้าวหนึ่งในการบริหารองค์กรด้านวิจัยและวิชาการเทคโนโลยีซนิ โครตรอนของประเทศ
ความกา้ วหนา้ การพฒั นาหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวดั รงั สมี าตรฐานทตุ ยิ ภมู ิ ตามระบบคณุ ภาพ ISO/IEC 17025 สำนกั งานปรมาณเู พอ่ื สนั ติ (ปส.) หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวดั รงั สมี าตรฐานทตุ ยิ ภมู ิ (Secondary Standard Dosimetry Laboratory for Radiation Protection, SSDL) เปน็ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารของประเทศดา้ นรงั สกี อ่ ไอออน (Ionizing Radiation) ทไ่ี ดเ้ รม่ิ นำระบบคณุ ภาพสากล ISO/IEC 17025 มาเปน็ มาตรฐานในการพฒั นาหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ตง้ั แตป่ ี 2550 มีหน้าที่ให้บริการสอบเทียบเครื่องวัดรังสีชนิดต่างๆ แก่หน่วยงานภายในประเทศ เพื่อให้หน่วยงานนั้น นำผลการสอบเทียบไปใช้อย่างมีคุณภาพ ถูกต้อง เป็นที่น่าเชื่อถือ ในช่วงแรกของการพัฒนาคุณภาพ เปน็ การศกึ ษาแนวทางการพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั ระบบสากล การพฒั นาบคุ ลากรใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ในขอ้ กำหนดคณุ ภาพ และในปี 2551 หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯ ไดร้ บั งบประมาณในโครงการพฒั นาระบบมาตรฐาน รงั สกี อ่ ไอออนแหง่ ชาติ เพอ่ื ดำเนนิ การพฒั นาหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯ ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมมากขน้ึ มกี ารแตง่ ตง้ั คณะ ทำงานจัดทำระบบคุณภาพ การทดลองนำแนวทางพัฒนาระบบสู่การปฏิบัติ การจัดทำเอกสารคุณภาพ การจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงาน การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบงาน การจัดการตัวอย่าง และ กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั ระบบคณุ ภาพอน่ื ๆ โดยมแี ผนทจ่ี ะขอการรบั รองระบบคณุ ภาพ จากสำนกั งานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ในขอบข่ายของการสอบเทียบเครื่องสำรวจรังสี (survey meter) ภายในปี งบประมาณ 2552 การดำเนนิ งานของระบบประกนั คณุ ภาพในปี 2551 สรปุ ไดด้ งั น้ี 1. เอกสารคณุ ภาพ ทจ่ี ดั ทำขน้ึ ไดแ้ ก่ คมู่ อื คณุ ภาพ (Quality Manual, QM) มาตรฐานการ ปฏบิ ตั งิ าน(Quality Procedure ,QP) ขน้ั ตอนการทำงาน (Work Instruction, WI) เอกสาร สนบั สนนุ ตา่ งๆ และแบบฟอรม์ หรอื บนั ทกึ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 2. บคุ ลากรในระบบคณุ ภาพ มกี ารแตง่ ตง้ั คณะทำงานดา้ นระบบคณุ ภาพ ทป่ี ระกอบดว้ ยผจู้ ดั การ คุณภาพ (Quality Manager) ผู้จัดการด้านวิชาการ (Technical Manager) เจ้าหน้าที่ สอบเทยี บ และเจา้ หนา้ ทร่ี บั -สง่ ตวั อยา่ ง 3. การดแู ลรกั ษาและปรบั เทยี บเครอ่ื งมอื ใชเ้ อกสารรหสั ชอ่ื เครอ่ื งมอื และคมู่ อื การดแู ลรกั ษา เปน็ แนวทางในการดำเนนิ งาน 4. การทดลองใชร้ ะบบคณุ ภาพ ไดท้ ดลองใชร้ ะบบคณุ ภาพตามรปู แบบในคมู่ อื คณุ ภาพ โดยเรม่ิ จากให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการวัดรังสีมาตรฐานทุติยภูมิ อ่านคู่มือ คุณภาพ โดยผู้จัดการคุณภาพให้คำแนะนำและกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่เริ่มกิจกรรมที่ไม่ยุ่งยาก
เชน่ การตรวจสอบการทำงานของเครอ่ื งมอื ประจำวนั และบนั ทกึ คา่ ทว่ี ดั ไดท้ กุ ครง้ั บนั ทกึ ประวตั ิ บคุ ลากรและการฝกึ อบรม และกระตนุ้ ใหเ้ จา้ หนา้ ทเ่ี รม่ิ เขยี นมาตรฐานการปฏบิ ตั งิ าน และขน้ั ตอน การทำงานทแ่ี ตล่ ะคนรบั ผดิ ชอบ 5. เรม่ิ ใชร้ ะบบประกนั คณุ ภาพ (มถิ นุ ายน 2551) หลงั ทดลองใชร้ ะบบมาชว่ งหนง่ึ สำนกั สนบั สนนุ การกำกบั ดแู ลความปลอดภยั จากพลงั งานปรมาณู จงึ มคี ำสง่ั ใหก้ ลมุ่ งานมาตรฐานการวดั รงั สแี ละ กมั มนั ตภาพรงั สี ทร่ี บั ผดิ ชอบการสอบเทยี บเครอ่ื งสำรวจรงั สี เรม่ิ ปฏบิ ตั ติ ามคมู่ อื คณุ ภาพ ตง้ั แต่ 29 สงิ หาคม 2551 6. ตดิ ตามการปฏบิ ตั งิ าน (กนั ยายน 2551-ปจั จบุ นั ) หลงั การประกาศใชร้ ะบบอยา่ งเปน็ ทางการ ได้มีการติดตามการปฏิบัติเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามระบบอย่างต่อเนื่องใน ทศิ ทางเดยี วกนั และเพอ่ื ชว่ ยแกไ้ ขอปุ สรรคทเ่ี กดิ ขน้ึ 7. การพฒั นาความรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง หลงั จากทม่ี กี ารนำระบบคณุ ภาพ ISO/IEC 17025 มาใชต้ ง้ั แต่ ปี 2550 ไดม้ กี จิ กรรมเสรมิ ความรใู้ นเรอ่ื งหลกั การของการประกนั คณุ ภาพแกผ่ บู้ รหิ าร และให้ ความรเู้ ฉพาะดา้ นสำหรบั เจา้ หนา้ ทข่ี องหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯ โดยจดั ในหลายรปู แบบ เชน่ การบรรยาย การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การฝึกปฏิบัติ โดยใช้วิทยากรที่มีความรู้ความสามารถรวม 10 หลกั สตู ร การพฒั นาหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารวดั รงั สมี าตรฐานทตุ ยิ ภมู ิ สำนกั งานปรมาณเู พอ่ื สนั ติ ตามระบบประกนัคณุ ภาพสากล ISO/IEC 17025:2005 ในระหวา่ งปี 2550-2551 มคี วามกา้ วหนา้ อยา่ งเดน่ ชดั คอื มกี ารประกาศใช้ระบบอย่างเป็นทางการ เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความตะหนักและมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ห้องปฏบิ ตั กิ ารฯ กา้ วไปสกู่ ารไดร้ บั การรบั รองในอนาคต ซง่ึ จะสง่ ผลใหม้ กี ารนำไปใชป้ ระโยชนม์ ากมาย สามารถสรา้ งความมน่ั ใจแกผ่ ทู้ น่ี ำขอ้ มลู ไปใช้ ทง้ั ภาครฐั และเอกชน เนอ่ื งจากผลการสอบเทยี บของหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯมคี วามถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ ปราศจากขอ้ สงสยั ใดๆ เปน็ ทย่ี อมรบั ทง้ั ในระดบั ชาตแิ ละระดบั สากล ความสำเรจ็ ของระบบคณุ ภาพหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯ ทม่ี าถงึ ปจั จบุ นั น้ี เกดิ ขน้ึ จากการมนี โยบายทช่ี ดั เจนของผบู้ รหิ ารระดบั สงู การอทุ ศิ ตนในการพฒั นาระบบและการแกไ้ ขปญั หา อปุ สรรคตา่ งๆ และความรว่ มมอืประสานการทำงานเจา้ หนา้ ทข่ี องหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารฯ และเจา้ หนา้ ทจ่ี ากหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ทำใหม้ กี ารพฒั นาอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และเพื่อเป็นการรักษาระบบคุณภาพไว้อย่างต่อเนื่อง ห้องปฏิบัติการฯจะดำเนนิ การเพอ่ื ขยายขอบขา่ ยการรบั รองฯ ไปยงั รายการสอบเทยี บอน่ื ๆ ใหม้ คี วามครอบคลมุ มากทส่ี ดุผรู้ บั ผดิ ชอบ นายธงชยั สดุ ประเสรฐิ หน.กลมุ่ งานมาตรฐานการวดั รงั สแี ละกมั มนั ตภาพรงั สี โทรศพั ท์ 0 2596 7600 ตอ่ 1428 , 1425
วธิ กี ารเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานประเทศไทยทาง Internet สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ การเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานประเทศไทยทาง Internet โดยใชร้ ะบบ Network Time Protocol (NTP) เปน็ สอ่ื กลางในการสง่ ขอ้ มลู เวลามาตรฐานไปยงั เครอ่ื งปลายทาง เพอ่ื เปรยี บเทยี บเวลาใหต้ รงกบั เวลา มาตรฐาน โดยหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเวลาและความถ่ี สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ (มว.) ไดท้ ำการสถาปนาหนว่ ยวดั ดา้ นเวลามาตรฐานประเทศไทย UTC (NIMT) โดยใชน้ าฬกิ าซเี ซย่ี ม (Cesium Clock) และดแู ลรกั ษาไว้ โดยวธิ เี ปรยี บเทยี บกบั เวลามาตรฐานสากล (UTC) ซง่ึ เปน็ ทย่ี อมรบั ในระดบั นานาชาติ สำหรบั วธิ กี ารเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานประเทศไทยทาง Internet นน้ั แคเ่ พยี งมี PC ทส่ี ามารถ เชื่อมต่อกับ Internet ได้ ผู้ใช้สามารถที่จะ Synchronize เวลามาตรฐานประเทศไทยได้ทันที โดยไมเ่ สยี คา่ ใชจ้ า่ ย การดำเนนิ การดงั กลา่ ว สามารถใหบ้ รกิ ารถา่ ยทอดเวลามาตรฐานประเทศไทย UTC (NIMT) ไปสู่ผู้ใช้งาน โดยค่าความถูกต้องอยู่ที่ประมาณ 1 second หรือดีกว่า ซึ่งนับว่าเป็นความ คลาดเคลอ่ื นทอ่ี ยใู่ นระดบั ตำ่ และงา่ ยตอ่ การเขา้ ถงึ ของผใู้ ชท้ ว่ั ไป ดงั แสดงในแผนผงั การเปรยี บเทยี บเวลามาตรฐานประเทศไทยทาง Internet จะชว่ ยใหห้ นว่ ยงานภาครฐั และเอกชน รวมถงึ ประชาชน มเี วลาทถ่ี กู ตอ้ งและเชอ่ื ถอื ได้ เนอ่ื งจากเวลาทเ่ี ทย่ี งตรงมคี วามสำคญั หลากหลายดา้ น นับจากเรื่องใกล้ตัว เช่น การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เรา ที่ภารกิจหลายอย่างต้องขึ้นตรงกับเวลา อาจเปน็ การเรยี นหรอื ทำงาน นอกจากนย้ี งั จำเปน็ ในดา้ นการเงนิ การคา้ ขาย ธรุ กรรมดา้ นการเงนิ โอนเงนิ จ่ายเงินที่อาจทำให้เสียค่าปรับหรือเสียหาย ด้านโทรคมนาคม ที่รวมถึงการสื่อสาร รับส่งข้อมูล ทั้งหมด ทกุ ชอ่ งทาง เชน่ โทรศพั ท์ ดาวเทยี ม ในดา้ นคมนาคม เชน่ การขนสง่ หรอื การเดนิ ทาง ตารางเวลาของรถไฟ หรือเครื่องบิน ซึ่งหากเวลาคลาดเคลื่อนไปทำให้เกิดความเสียหายหรือไปชนกันได้ ขณะเดียวกันเวลาที่
นาฬกิ าซเี ซย่ี ม (Cesium Clock)ถูกต้องยังมีความสำคัญหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เป็นประโยชน์ในด้านคดีความ เช่น กล้องวงจรปิดจำเป็นมีเวลากำกับเพื่อใช้เป็นหลักฐานตามจับตัวผู้กระทำผิดได้ นอกเหนือจากนั้น เวลายังสำคัญต่อด้านความมน่ั คง เชน่ เรดารย์ งั ตอ้ งอาศยั เวลามาใชใ้ นการคดิ คำนวณเพอ่ื หาระยะทางหาตำแหนง่ หาทศิ และความสงู เปน็ ตน้การดำเนนิ งานในอนาคต โปรแกรมปรับเทียบเวลามาตรฐานประเทศไทย (NIMT NetSyncTime V.1.0) จะขยายช่องทางการถ่ายทอดเวลามาตรฐานประเทศไทยไปยังประชาชนผใู้ ชบ้ รกิ าร หนว่ ยงานรฐั บาล ภาคเอกชน และประเทศเพม่ิ มากขน้ึ เชน่การถา่ ยทอดเวลาทางโทรศพั ทพ์ น้ื ฐานทางวทิ ยุ กระจายเสยี ง FM. และตดิ ตง้ัTime Server กลางสำหรบั ภาครฐั “time.go.th”ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเวลาและความถ่ี สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ โทรศพั ท์ 0 2577 5100
มาตรฐานแรงดันไฟฟ้าโจเซฟสัน สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ มาตรฐานแรงดนั ไฟฟา้ โจเซฟสนั (Josephson Junction Voltage Standard) เปน็ มาตรฐาน ระดับปฐมภูมิทางด้านแรงดันไฟฟ้าที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยอาศัยคลื่นความถี่ย่านไมโครเวฟ ประมาณ 75 GHz แพรก่ ระจายใหแ้ กร่ อยตอ่ ของสารตวั นำยง่ิ ยวดทเ่ี รยี กวา่ รอยตอ่ โจเซฟสนั ซง่ึ จมุ่ อยใู่ น ฮเี ลยี มเหลวทม่ี อี ณุ หภมู ปิ ระมาณ 4 เคลวนิ ทำใหเ้ กดิ แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มรอยตอ่ ทม่ี คี า่ แปรผนั ตามความถ่ี กบั อตั ราสว่ นระหวา่ งคา่ คงทธ่ี รรมชาตสิ องตวั คอื คา่ ประจขุ องอเิ ลก็ ตรอน (Electronic Charge, e) และ คา่ คงทข่ี องพลงั ค์ (Planck’s Constant, h) ซง่ึ ปจั จบุ นั หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารไฟฟา้ สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ (มว.) ไดท้ ำการสถาปนาหนว่ ยวดั ปฐมภมู ทิ างดา้ นแรงดนั ไฟฟา้ ซง่ึ แสดงคา่ ไดใ้ นยา่ น 0 ถงึ 12 โวลต์ และถกู นำ ไปสอบเทียบให้กับมาตรฐานระดับรองลงไป และโดยทั่วไปจะสอบเทียบให้กับ Zener Standard แล้วถ่ายทอดค่าความถูกต้องนี้ไปยังเครื่องมือวัดแรงดันไฟฟ้า ตลอดจน Calibrator ที่มีใช้กันอย่าง กวา้ งขวางในศนู ยส์ อบเทยี บและในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารสอบเทยี บของโรงงานอตุ สาหกรรม ดงั แสดงในแผนผงั
มาตรฐานแรงดันไฟฟ้าโจเซฟสันสามารถให้ค่าแรงดันไฟฟ้าที่มีค่าคงที่และมีความถูกต้องสูงและให้ค่าความถูกต้องอยู่ที่ประมาณ 10-9 ฉะนั้น ค่าความถูกต้องของแรงดันไฟฟ้านี้ จะถ่ายทอดไปยงั เครอ่ื งมอื วดั ทางไฟฟา้ ในภาคอตุ สาหกรรมตา่ งๆ เพอ่ื ใชต้ รวจสอบมาตรฐานและคณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งทางการค้า ที่มีความต้องการระบบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการสูง จนทำให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกกิจกรรมต่างๆ ที่มีการวัดด้านไฟฟ้าเข้าไปเกี่ยวข้อง จะมีความถูกต้องและเชื่อถือได้โดยคา่ การวดั มคี วามสามารถสอบกลบั ไดไ้ ปยงั มาตรฐานแหง่ ชาติ ตลอดจนเปน็ ทย่ี อมรบั ของตา่ งประเทศอนั จะสง่ ผลใหผ้ บู้ รโิ ภคและประชาชนไดร้ บั ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ภาพ เพอ่ื มคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ มาตรฐานแรงดนั ไฟฟา้ โจเซฟสนั (Josephson Junction Voltage Standard)การดำเนนิ งานในอนาคต มกี ารเขา้ รว่ มการเปรยี บเทยี บผลการวดั ระหวา่ งประเทศ เพอ่ื สรา้ งการยอมรบั และความเชอ่ื มน่ั ทางดา้ นการวดั แรงดนั ไฟฟา้ สำหรบั ถา่ ยทอดคา่ วดั ทถ่ี กู ตอ้ งไปสผู่ ใู้ ชง้ านภายในประเทศ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและมคี วามถกู ตอ้ งตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารไฟฟา้ สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ โทรศพั ท์ 02 577 5100
การเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์ สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ การวัดค่าความเป็นกรด – เบสเป็นพื้นฐานของการวัดทางเคมี การวัดค่าความเป็นกรด – เบส ใหม้ คี วามถกู ตอ้ ง นา่ เชอ่ื ถอื จะตอ้ งวดั ดว้ ยเครอ่ื ง pH Meter ทม่ี กี ารสอบเทยี บดว้ ยสารละลายบฟั เฟอร์ ที่ได้มาตรฐาน ดังนั้นทางฝ่ายมาตรวิทยาเคมีและชีวภาพ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.) จึงได้ทำการ พฒั นาการวดั คา่ ความเปน็ กรด – เบสดว้ ยวธิ ปี ฐมภมู ิ หรอื ทเ่ี รยี กวา่ Harned Cell Method ซง่ึ วธิ นี เ้ี ปน็ วธิ ที ท่ี ว่ั โลกใหก้ ารยอมรบั และเชอ่ื ถอื ซง่ึ ปจั จบุ นั สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาตไิ ดท้ ำการผลติ Secondary pH Standard ทม่ี คี า่ ความไมแ่ นน่ อนเทา่ กบั + 0.020 pH (Phthalate buffer pH 4.01, Phosphate buffer pH 6.86 และ Tetraborate buffer pH 9.18) เพอ่ื ใชใ้ นการสอบเทยี บเครอ่ื ง pH Meter ทใ่ี ชก้ นั ทว่ั ไป ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารหรอื ในภาคสนาม ซง่ึ จะทำใหม้ น่ั ใจไดว้ า่ คา่ ทว่ี ดั ไดจ้ ากเครอ่ื งมอื ทม่ี กี ารสอบเทยี บและสามารถ สอบกลบั ไดใ้ นระบบทม่ี คี วามนา่ เชอ่ื ถอื ดงั แสดงในแผนผงั
Primary System (Harned Cell for Ph Meter) สารละลายบฟั เฟอร์ การเตรียมสารละลายบัฟเฟอร์ Secondary pH Standard มีความถูกต้องโดยวิธีมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นตามความตกลงของคณะกรรมการ International Union of Pure and AppliedChemistry recommendations 2002 สามารถสรา้ งการสอบกลบั ไดส้ ำหรบั การทดสอบคา่ pH ภายในประเทศและช่วยลดการนำเข้าเครื่องมือ/วัสดุมาตรฐานอ้างอิงจากต่างประเทศได้ การเตรียมสารละลายดงั กลา่ วสามารถใชใ้ นการสอบเทยี บเครอ่ื ง pH Meter ใหส้ ามารถวดั คา่ ความเปน็ กรดดา่ งไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเมอ่ื เครอ่ื ง pH Meter มกี ารวดั คา่ ทถ่ี กู ตอ้ งจะชว่ ยลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการวดั ซำ้ นอกจากนย้ี งั สามารถใชใ้ นการวดั คา่ ของคณุ ภาพนำ้ ดม่ื ทเ่ี ราใชด้ ม่ื ในชวี ติ ประจำวนั และเปน็ สว่ นหนง่ึ ในการวนิ จิ ฉยั โรคตา่ งๆการดำเนนิ งานในอนาคต ขยายขอบขา่ ย Phthalate buffer pH 7.01 และ 10.01 เพอ่ื รองรบั ความตอ้ งการภายในประเทศตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเคมี สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ โทรศพั ท์ 02 577 5100
Search