Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานประจำปี 2551กระทรวงวิทยาศาสตร์-ส่วนที่ 3

รายงานประจำปี 2551กระทรวงวิทยาศาสตร์-ส่วนที่ 3

Published by srirachalib, 2015-09-02 04:58:53

Description: กระทรวงวิทยาศาสตร์-ส่วนที่ 3

Keywords: วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

⌫ ⌫ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่และบทบาทหลัก ในการสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศให้มีความก้าวหน้า ทดั เทยี มกบั ประเทศอน่ื ตลอดจนมกี ารนำวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมมาใชเ้ พอ่ื เพม่ิ ขดี ความ สามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศในตลาดการคา้ ทง้ั ในระดบั ภมู ภิ าคและในระดบั โลกไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื วสิ ยั ทศั น์ “เปน็ องคก์ รหลกั ในการพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม เพอ่ื สรา้ งปญั ญาในสงั คม ใชส้ นบั สนนุ เศรษฐกจิ พอเพยี ง และสรา้ งความสามารถของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื ” พันธกิจ 1. เสนอแนะนโยบาย จดั ทำยทุ ธศาสตรแ์ ละแผนดา้ นวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี และนวตั กรรม 2. รเิ รม่ิ เรง่ รดั ผลกั ดนั และดำเนนิ การวจิ ยั และพฒั นา เพอ่ื สรา้ งองคค์ วามรู้ และสรา้ งผลกระทบ เชิงเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ นวตั กรรม 3. รว่ มมอื กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ สรา้ งคนทด่ี แี ละเกง่ ในทกุ ระดบั รวมทง้ั สรา้ งความตระหนกั ดา้ น วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ใหแ้ พรห่ ลายและเปน็ ทย่ี อมรบั 4. สรา้ งระบบสนบั สนนุ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื สามารถ สรา้ งปญั ญา เขา้ ถงึ ความรใู้ หมๆ่ และนำภมู ปิ ญั ญา ดง้ั เดมิ ของไทยมาใชผ้ สมผสานกนั ได้ 5. สนับสนุนให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมให้แก่ภาคการผลิตและบริการ รวมทง้ั บรกิ ารสงั คมดว้ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี เพอ่ื เพม่ิ ผลติ ภาพทางเศรษฐกจิ และคณุ ภาพ ชวี ติ ของประชาชน ยทุ ธศาสตร์ 1. การส่งเสริมและเร่งรัดการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นพลังของ ประเทศ 2. สรา้ งความตระหนกั และรว่ มปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใหเ้ ปน็ สงั คมฐานความรู้ 3. การวจิ ยั พฒั นาและนวตั กรรม สรา้ งฐานความรแู้ ละเพม่ิ ผลติ ภาพของประเทศ 4. การถ่ายทอดเทคโนโลยี และมีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตเชิง พาณชิ ยท์ กุ ระดบั 5. การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน และระบบสนบั สนนุ การวจิ ยั พฒั นา และนวตั กรรม ใหเ้ พยี งพอ รวมทง้ั พฒั นาการบรหิ ารจดั การดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพและทนั สมยั 6. การพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีประสิทธิภาพและทันต่อการ เปลย่ี นแปลงของโลก

โครงสรา้ งหนว่ ยงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบันประกอบด้วยหน่วยงานภายใต้สังกัด จำนวน15 หนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ สว่ นราชการ 4 หนว่ ยงาน รฐั วสิ าหกจิ 2 หนว่ ยงาน หนว่ ยงานในกำกบั 4 หนว่ ยงานและองคก์ ารมหาชน 5 หนว่ ยงาน

⌫ ⌫ ⌫ ⌫ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความสำคัญกับการสร้างคนดี และคนเก่งในสังคม การส่งเสริมและเร่งรัดการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นพลังของประเทศ โดย รว่ มมอื กบั หนว่ ยงานตา่ งๆ สรา้ งคนทด่ี แี ละเกง่ ในทกุ ระดบั รวมทง้ั สรา้ งความตระหนกั ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ใหแ้ พรห่ ลายและเปน็ ทย่ี อมรบั ในรอบปี พ.ศ. 2551 มผี ลงานสำคญั ดงั น้ี โครงการสานใจไทย สใู่ จใต้ องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) ไดเ้ ลง็ เหน็ ถงึ ความสำคญั ของการร่วมกันแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้ร่วมกับ บรษิ ทั ทรู วชิ น่ั ส์ จำกดั (มหาชน) สนบั สนนุ “โครงการสานใจไทย สใู่ จใต”้ ซง่ึ จดั โดย มลู นธิ ริ ฐั บรุ ษุ พลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ มลู นธิ ริ กั เมอื งไทย และมลู นธิ พิ ทิ กั ษ์ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านวิทยาศาสตร์จาก กจิ กรรมทส่ี ง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรู้ คน้ หาขอ้ มลู สามารถตดั สนิ ใจอยา่ งเปน็ ระบบ บนพน้ื ฐานของขอ้ มลู ทถ่ี กู ตอ้ ง รวมทง้ั การเสรมิ สรา้ งทกั ษะประสบการณช์ วี ติ ใหก้ บั เยาวชน ซง่ึ จำเปน็ อยา่ งยง่ิ ในการพฒั นาใหเ้ กดิ การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล ซง่ึ นำไปสคู่ วามรู้ ความเขา้ ใจเรอ่ื งของวทิ ยาศาสตรม์ ากยง่ิ ขน้ึ นอกจากนน้ั ยงั เปน็ การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ สรา้ งความมน่ั ใจ ทำใหเ้ กดิ ความพรอ้ มทจ่ี ะอยรู่ ว่ มกนั ชว่ ยสรา้ งสรรคแ์ ละพฒั นาชาติ ไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ตลอดจนนำไปสคู่ วามสมานฉนั ทใ์ นสงั คมตอ่ ไป โดยในปงี บประมาณ 2551 องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) ไดด้ ำเนนิ กจิ กรรมคา่ ยฯ ดงั น้ี คา่ ยเปดิ โลกการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรก์ บั ทรู วชิ น่ั ส์ – อพวช. รนุ่ ท่ี 7 วนั ท่ี 6 - 11 พฤศจกิ ายน 2550 ผรู้ ว่ มกจิ กรรมจำนวน 225 คน คา่ ยเปดิ โลกการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรก์ บั ทรู วชิ น่ั ส์ – อพวช. รนุ่ ท่ี 8 วนั ท่ี 8 – 11 เมษายน 2551 ผรู้ ว่ มกจิ กรรมจำนวน 238 คน คา่ ยเปดิ โลกการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรก์ บั ทรู วชิ น่ั ส์ – อพวช. รนุ่ ท่ี 9 วนั ท่ี 9 - 13 พฤษภาคม 2551 ผรู้ ว่ มกจิ กรรมจำนวน 240 คน

การแขง่ ขนั จรวดขวดนำ้ ระดบั ประเทศ ครง้ั ท่ี 7 ปี 2551 (Thailand Water Rocket Championship # 7) การแขง่ ขนั จรวดขวดนำ้ ระดบั ประเทศครง้ั ท่ี 7 (Thailand Water RocketChampionship # 7) เปน็ กจิ กรรมท่ี องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.)ดำเนนิ งานตดิ ตอ่ กนั มาเปน็ ปที ่ี 7 และไดร้ บั ความนยิ มจากผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมสงู ขน้ึ ทกุ ปีเนอ่ื งจากเปน็ กจิ กรรมทก่ี ระตนุ้ เสรมิ สรา้ ง พฒั นา ทกั ษะกระบวนการ และการเรยี นรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบให้กับเยาวชน ควบคู่กับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผา่ นกจิ กรรมทส่ี นกุ สนาน ทา้ ทาย และตน่ื เตน้ นอกจากน้ี ยงั เปน็ การฝกึ กระบวนการทำงานเปน็ ทมี อยา่ งมรี ะบบ สง่ เสรมิ และพฒั นาการประดษิ ฐ์ การทดลอง การแสดงออกซง่ึ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และจนิ ตนาการผา่ นทางประดษิ ฐกรรมทน่ี ำเสนอ การดำเนนิ งานแบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น คอื สว่ นท่ี 1 การสมั มนาเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเรอ่ื ง “การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรผ์ า่ นกจิ กรรมจรวดขวดนำ้ ” จดั ขน้ึ เพอ่ื ใหค้ รแู ละบคุ คลทั่วไปที่สนใจได้เรียนรู้หลักการออกแบบและประดิษฐ์จรวดขวดน้ำ การนำกิจกรรมจรวดขวดน้ำไปใช้เปน็ กจิ กรรมเสรมิ ศกึ ษาการเรยี นการสอน โดยมผี เู้ ขา้ รว่ มสมั มนาทง้ั สน้ิ จำนวน 2,550 คน และสว่ นท่ี 2การแขง่ ขนั จรวดขวดนำ้ ระดบั ประเทศ กำหนดการแขง่ ขนั รอบคดั เลอื กในภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ ภาคเหนอืตอนลา่ ง ภาคเหนอื ตอนบน ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนลา่ ง ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบน ภาคใต้ภาคตะวนั ออก และภาคกลาง โดยมผี เู้ ขา้ รว่ มแขง่ ขนั จำนวน 8,705 คน จาก 1,741 ทมี การประชมุ นานาชาตสิ มาชกิ เครอื ขา่ ยพพิ ธิ ภณั ฑ/์ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรภ์ าคพน้ื เอเชยี แปซฟิ คิ ” (Asia Pacific Network of Science and Technology Centers, ASPAC) ประจำปี 2551 องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) ไดร้ บั เกยี รตจิ ากสภาบรหิ ารASPAC หรอื เครอื ขา่ ยพพิ ธิ ภณั ฑ/์ ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตร์ ภาคพน้ื เอเชยี แปซฟิ คิ ซง่ึ กอ่ ตง้ัตั้งแต่ปี 2541 โดยมีสมาชิกเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิทยาศาสตร์ในทวีปเอเชียออสเตรเลยี อเมรกิ าเหนอื รวมทง้ั สมาชกิ สมทบจากทวปี ยโุ รปกวา่ 20 ประเทศ ใหเ้ ปน็เจ้าภาพจัด “การประชุมนานาชาติสมาชิกเครือข่ายพิพิธภัณฑ์/ศูนย์วิทยาศาสตร์ภาคพน้ื เอเชยี แปซฟิ คิ ” (Asia Pacific Network of Science and TechnologyCenters, ASPAC) ประจำปี 2551 ในระหวา่ งวนั ท่ี 1 - 5 เมษายน 2551 ณ องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) สาระสำคญั ของการประชมุ ครง้ั นถ้ี กู กำหนดขน้ึ ในหวั ขอ้ “Science Centersand Museums : Sustainability into the Future” เพอ่ื ใหส้ มาชกิ เครอื ขา่ ยรว่ มกนัหาแนวทางในการพัฒนาพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิทยาศาสตร์อย่างยั่งยืน ในลักษณะของการแลกเปลย่ี นความรแู้ ละประสบการณใ์ นการพฒั นางานดา้ นการจดั การพพิ ธิ ภณั ฑ์กจิ กรรม นทิ รรศการ ตลอดจนความรว่ มมอื ดา้ นอน่ื ๆ ระหวา่ งพพิ ธิ ภณั ฑแ์ ละศนู ย์วทิ ยาศาสตรใ์ นเครอื ขา่ ย ทง้ั น้ี มตี วั แทนสมาชกิ เครอื ขา่ ย ตลอดจนผทู้ ท่ี ำงานเกย่ี วขอ้ งกบั พพิ ธิ ภณั ฑ์หรอื ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ ขา้ รว่ มประชมุ เปน็ จำนวนทง้ั สน้ิ 109 คน

คา่ ยทตู เยาวชนวทิ ยาศาสตรไ์ ทยประจำปี 2551 (Young Thai Science Ambassador 2008) องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) รว่ มกบั บรติ ชิ เคานซลิ ประเทศไทย สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ และ บริษัททรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม “ค่ายทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ไทย ประจำปี 2551” หรอื Young Thai Science Ambassador, YTSA 2008 ตอ่ เนอ่ื ง เปน็ ปที ่ี 5 เพอ่ื สรา้ งเครอื ขา่ ยนกั วทิ ยาศาสตรเ์ ยาวชนระดบั อดุ มศกึ ษาจากทว่ั ประเทศ ในการมสี ว่ นรว่ มเผยแพรค่ วามรคู้ วามเขา้ ใจดา้ นวทิ ยาศาสตรใ์ หก้ บั สงั คม รวมทง้ั สรา้ ง จิตสำนึกในการเป็นทูตเยาวชนวิทยาศาสตร์ และพัฒนาความสามารถด้านสื่อสาร ใหก้ บั เยาวชนทก่ี ำลงั ศกึ ษาสาขาดา้ นวทิ ยาศาสตรท์ เ่ี กย่ี วขอ้ ง โดยในปนี ย้ี งั คงเนน้ เรอ่ื ง ของการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศอนั เนอ่ื งมาจากภาวะโลกรอ้ น ตอ่ เนอ่ื งเปน็ ปที ่ี 4 โดยกจิ กรรมคา่ ยฯ แบง่ ออกเปน็ 2 ระดบั ระดบั ภมู ภิ าคจดั กจิ กรรมคา่ ยรวม 5 ครง้ั ในเดอื นมนี าคม–เมษายน 2551 และระดบั ประเทศ จดั ขน้ึ ในระหวา่ งวนั ท่ี 20 – 25 เมษายน 2551 ท่ี อพวช. ในปี 2551 มีเยาวชนสนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 114 คน และได้คัดเลือก ผแู้ ทนทตู เยาวชนวทิ ยาศาสตรไ์ ทย 2 คน ไปรว่ มงาน London International Youth Science Forum ณ ประเทศองั กฤษ ในเดอื น กรกฎาคม-สงิ หาคม 2551 คา่ ยนกั ขา่ ววทิ ยาศาสตรร์ นุ่ เยาว์ (Young Thai Science Journalist 2008) องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) รว่ มกบั บรติ ชิ เคานซลิประเทศไทย และหนงั สอื พมิ พเ์ นชน่ั จเู นยี ร์ จดั กจิ กรรม คา่ ย “นกั ขา่ ววทิ ยาศาสตร์รนุ่ เยาว์ (Young Thai Science Journalist 2008)” ตอ่ เนอ่ื งเปน็ ปที ่ี 3 ในระหวา่ งวนั ท่ี 18 - 21 ตลุ าคม 2551 เพอ่ื เพม่ิ พนู ความรแู้ ละ ประสบการณใ์ นการเขยี นขา่ ววิทยาศาสตร์และการทำหนังสือพิมพ์ ให้แก่เยาวชนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศทส่ี ง่ โครงการเขา้ ประกวดแขง่ ขนั ในการจดั ทำหนงั สอื พมิ พเ์ พอ่ื สรา้ งความตระหนกั เรอ่ื ง“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก” และเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลให้กับกลุ่มเยาวชนทไ่ี ดร้ บั รางวลั จากการสง่ หนงั สอื พมิ พเ์ ขา้ ประกวดในโครงการ กจิ กรรมในครง้ั น้ี มกี ลมุ่ เยาวชนเขา้ รว่ มทง้ั สน้ิ 24 คน ซง่ึ สง่ ผลงานเปน็หนงั สอื พมิ พเ์ ขา้ ประกวดกวา่ 44 ฉบบั

นทิ รรศการบทเรยี นในความมดื (Dialogue in the Dark) ในโอกาสที่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ได้จัดตั้งแหลง่ เรยี นรแู้ หง่ ใหมช่ อ่ื จตั รุ สั วทิ ยาศาสตร์ ณ จามจรุ สี แควร์ อพวช. จงึ กำหนดจดันิทรรศการเรื่อง บทเรียนในความมืด (Dialogue in the Dark) ขึ้นเป็นหนึ่งในนทิ รรศการหลกั โดยนทิ รรศการชดุ นจ้ี ะกระตนุ้ ใหผ้ ชู้ มไดต้ ระหนกั ถงึ ความสำคญั ของประสาทสมั ผสั ในรา่ งกายของเราวา่ มคี วามสำคญั มากเพยี งใด โดยตวั นทิ รรศการจะจดัแสดงบนพน้ื ทท่ี ม่ี ดื สนทิ พรอ้ มตกแตง่ บรรยากาศดว้ ยการจำลองสถานการณก์ ารดำเนนิกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ตามวถิ ชี วี ติ ของผคู้ นในทอ้ งถน่ิ และอาศยั ผบู้ รรยายทเ่ี ปน็ ผพู้ กิ ารทางสายตามานำชมนทิ รรศการ ซง่ึ ถอื เปน็ การแลกเปลย่ี นเรยี นรใู้ นสงั คมแหง่ วทิ ยาศาสตรท์ ไ่ี มม่ พี รมแดนไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ นิทรรศการชุดนี้มีกำหนดจะเปิดให้บริการ ในปี 2552 เป็นต้นไป ที่จัตุรัสวทิ ยาศาสตร์ ณ จามจรุ ี สแควร์ โครงการเตรยี มความพรอ้ มในการระงบั เหตฉุ กุ เฉนิ สาธารณภยั ทางรงั สี สำนกั งานปรมาณเู พอ่ื สนั ติ (ปส.) มภี ารกจิ หนา้ ทใ่ี นการกำกบั ดแู ลดา้ นพลงั งานปรมาณู ตามพระราชบญั ญตั พิ ลงั งานปรมาณเู พอ่ื สนั ติ พ.ศ.2504 และทแ่ี กไ้ ขเพม่ิ เตมิพ.ศ.2508 จำเปน็ ตอ้ งมมี าตรการ กระบวนการในการดแู ลความมน่ั คงปลอดภยั จากการใช้วัสดุกัมมันตรังสีและเครื่องกำเนิดรังสี ซึ่งภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งคือการเตรยี มความพรอ้ มประสานเมอ่ื เกดิ กรณฉี กุ เฉนิ ทางนวิ เคลยี รแ์ ละรงั สี ในส่วนความมั่นคงของรัฐ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงกลาโหม ไดม้ กี ารลงนามความรว่ มมอื ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยรี ะหวา่ งหนว่ ยงาน ในสาขาเทคโนโลยนี วิ เคลยี รแ์ ละรงั สี โดยมอบหมายใหส้ ำนกั งานปรมาณูเพอ่ื สนั ตริ ว่ มกบั หนว่ ยงานสงั กดั กระทรวงกลาโหม รว่ มมอื วจิ ยั พฒั นาโดยใชเ้ ทคโนโลยีนวิ เคลยี ร์ ซง่ึ จะเปน็ การใชท้ รพั ยากรรว่ มกบั แลกเปลย่ี นความรแู้ ละประสบการณ์ โครงการน้ี มกี จิ กรรมยอ่ ยทง้ั หมด 3 ประเภท ไดแ้ ก่ การฝกึ อบรมบคุ ลากรผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั เหตฉุ กุ เฉนิ ทางนวิ เคลยี รแ์ ละรงั สี การสมั มนาเครอื ขา่ ยคณาจารย์ผเู้ ชย่ี วชาญและผทู้ ำหนา้ ทเ่ี ปน็ จดุ ประสาน (Contact Point) โดยมกี ลมุ่ เปา้ หมาย ดงั น้ีบคุ ลากรกลาโหม (กรมวทิ ยาศาสตรท์ หารบก กรมวทิ ยาศาสตรท์ หารเรอื ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาอาวธุ กองทพั อากาศ) , บคุ ลากรสำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ , เจา้ หนา้ ทป่ี อ้ งกนัและบรรเทาสาธารณภยั เจา้ หนา้ ทด่ี บั เพลงิ และเจา้ หนา้ ทเ่ี ผชญิ เหตเุ บอ้ื งตน้ , คณาจารย์ผทู้ รงคณุ วฒุ ใิ นมหาวทิ ยาลยั และผปู้ ระสานงานทบ่ี รรจอุ ยใู่ นแผนฉกุ เฉนิ ทางนวิ เคลยี ร์และรงั สแี หง่ ชาตทิ กุ หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในปงี บประมาณ 2551 ไดจ้ ดั สมั มนา อบรม

ประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร เปน็ จำนวน 11 ครง้ั ภายใตโ้ ครงการเตรยี มความพรอ้ มในการ ระงับเหตุฉุกเฉินสาธารณภัยทางรังสี ซึ่งการดำเนินงานภายใต้โครงการ กล่าวคือ โครงการเตรียมความพร้อมในการระงับเหตุฉุกเฉินสาธารณภัยทางรังสี โดยความ ร่วมมือระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกับศูนย์วิทยาศาสตร์และพัฒนาระบบอาวุธ กองทัพอากาศ โครงการสัมมนาเครือข่ายอาจารย์สถาบันการศึกษาในการเตรียม ความพรอ้ มระงบั เหตฉุ กุ เฉนิ ทางรงั สี ผู้ผ่านการฝึกอบรมต่างมีความรู้ความสามารถในการระงับเพื่อบรรเทาเหตุ ฉุกเฉินทางรังสีและใช้เครื่องมืออุปกรณ์ในการตรวจวัดรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ แนวทางการสรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื การเตรยี มความพรอ้ ม และประสานงานในการระงบั และบรรเทาภยั ทางนวิ เคลยี รแ์ ละรงั สใี นประเทศตอ่ ไป ผรู้ บั ผดิ ชอบ ทป่ี รกึ ษาโครงการ 1. นางสาววราภรณ์ วานชิ สขุ สมบตั ิ หวั หนา้ โครงการ 2. นางดษุ ฎี ทนั ตววิ ฒั นานนท์ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านโครงการ 3. นายกติ ตพิ งษ์ สายหยดุ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านโครงการ 4. นางสาวปยิ ะพร สน้ิ โศรก ผปู้ ฏบิ ตั งิ านโครงการ 5. นางภาคภมู ิ อรา่ มรญุ โทรศพั ท์ 0 2596 7600 ตอ่ 1622 การพฒั นากำลงั คน และสง่ เสรมิ การใชป้ ระโยชนแ์ สงซนิ โครตรอน การสนบั สนนุ ทนุ ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ไดด้ ำเนนิ การสนบั สนนุ ทนุ ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา เพื่อสร้างความร่วมมือในการวิจัยด้านเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนระหว่างสถาบันฯ กับสถาบันอุดมศึกษา ในการผลติ บคุ ลากรวจิ ยั ทม่ี คี ณุ ภาพระดบั ปรญิ ญาโท และเอก ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหเ้ ปน็ กำลงั สำคญั ของการพฒั นางาน วจิ ยั ดา้ นเทคโนโลยแี สงซนิ โครตรอน อกี ทง้ั เพม่ิ ความเขม้ แขง็ ทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยขี องประเทศ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) (สซ.) ได้ดำเนินการ สนบั สนนุ ทนุ ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษาแกน่ สิ ติ นกั ศกึ ษา ระดบั ปรญิ ญาเอก 3 คน และปรญิ ญาโท 5 คน ปจั จบุ นั มนี สิ ติ นกั ศกึ ษาทไ่ี ดร้ บั ทนุ ระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา จบการศกึ ษาแลว้ ในระดบั ปรญิ ญาเอก 8 คน และปรญิ ญาโท 4 คน และยงั อยรู่ ะหวา่ งการศกึ ษาในระดบั ปรญิ ญาเอก 17 คน และปรญิ ญาโท 16 คน

คา่ ยวทิ ยาศาสตรแ์ สงสยาม สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ไดด้ ำเนนิ การจดั คา่ ยวทิ ยาศาสตรแ์ สงสยามเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโทของสถาบันการศึกษาทั้งภาครัฐ และเอกชนไดม้ โี อกาสเรยี นรแู้ ละสมั ผสั กบั งานวจิ ยั ดา้ นเทคโนโลยแี สงซนิ โครตรอนและสาขาทเ่ี กย่ี วขอ้ ง อนั จะนำไปสู่การพฒั นาตนเองในการเปน็ นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ม่ี ศี กั ยภาพในอนาคต อกี ทง้ั เปน็ การสง่ เสรมิใหน้ สิ ติ นกั ศกึ ษา ไดต้ ระหนกั ถงึ บทบาทของวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยตี อ่ การพฒั นาประเทศ รวมทง้ัเปน็ การสรา้ งเครอื ขา่ ยกบั สถาบนั อดุ มศกึ ษาผา่ นความรว่ มมอื การวจิ ยั ทเ่ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของวทิ ยานพิ นธร์ ะดบับณั ฑติ ศกึ ษา และเปน็ การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของกลมุ่ ผใู้ ชป้ ระโยชนแ์ สงซนิ โครตรอนในอนาคต ทั้งนี้ในปี 2551 สถาบันฯ ได้จัดค่ายวิทยาศาสตร์แสงสยามเมื่อวันที่ 24-28 ตุลาคม 2550มนี สิ ติ นกั ศกึ ษาจากสถาบนั อดุ มศกึ ษาตา่ งๆ ทว่ั ประเทศเขา้ รว่ มกจิ กรรมทง้ั สน้ิ 63 คน การสง่ เสรมิ การใชป้ ระโยชนแ์ สงซนิ โครตรอน การอบรมเชงิ วชิ าการ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร และสมั มนาเชงิ วชิ าการ สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารอบรมเชงิ วชิ าการและเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร รวมทง้ั การจดั สมั มนาเชงิ วชิ าการ เพอ่ื เปน็ การสง่ เสรมิและเผยแพรก่ ารใชป้ ระโยชนแ์ สงซนิ โครตรอนในดา้ นตา่ งๆ โดยเชญิ วทิ ยากรผเู้ ชย่ี วชาญและมปี ระสบการณใ์ นการเขา้ ใชแ้ สงซนิ โครตรอนทง้ั ในและตา่ งประเทศ มารว่ มใหก้ ารอบรม เช่น การบรรยายวิชาการ เรื่อง “The connection of EPR and X-rayanalysis in life science research” โดย Dr. Bernard A. Goodman และคณะการสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “Synchrotron X-ray Scattering Studies onNanostructured Polymer Solids and Polymer Solutions” โดย Prof. MoonhorRee ผอู้ ำนวยการ Pohang Light Source ประเทศสาธารณรฐั เกาหลี นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังได้จัดให้มีการประชุมกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์แสงซนิ โครตรอนเปน็ ประจำทกุ ปี เพอ่ื เผยแพรผ่ ลงานการวจิ ยั และพฒั นาทเ่ี กดิ จากการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน ณ ห้องปฏิบัติการแสงสยาม รวมทั้งเป็นการรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น นำไปสู่การปรับปรุงการให้บรกิ ารทไ่ี ดม้ าตรฐานระดบั สากล เปน็ ตน้

ไทยเปดิ งาน IOAA 2007 ประเทศไทย จดั พธิ เี ปดิ การแขง่ ขนั ดาราศาสตรแ์ ละฟสิ กิ สด์ าราศาสตรโ์ อลมิ ปกิ ระหวา่ งประเทศ ครง้ั ท่ี 1 ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ คณะกรรมการจดั การแขง่ ขนั ดาราศาสตรแ์ ละฟสิ กิ สด์ าราศาสตรโ์ อลมิ ปกิ ระหวา่ งประเทศครง้ั ท่ี 1 (1st IOAA 2007) จดั พธิ เี ปดิ การแขง่ ขนั อยา่ งยง่ิ ใหญ่ ณ หอประชมุ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ เมอ่ื เวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2550 โดยมีรองประธานมูลนิธิโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐาน วทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา ในพระอปุ ถมั ภส์ มเดจ็ พระเจา้ พน่ี างเธอเจา้ ฟา้ กลั ยานวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ (มลู นธิ ิ สอวน.) ศ.นพ. จรสั สวุ รรณเวลา เปน็ ประธานในพธิ พี รอ้ มมอบสญั ลกั ษณก์ ารแขง่ ขนั IOAA ใหแ้ ก่ รศ.บญุ รกั ษา สนุ ทรธรรม ประธานคณะกรรมการฝา่ ยวชิ าการ การแขง่ ขนั 1st IOAA 2007 โดยมี นายไพโรจน์ แสงภวู่ งษ์ รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เชยี งใหม่ และ ศ. ศกั ดา ศริ พิ นั ธ์ ประธานคณะกรรมการ ดำเนนิ งานจดั การแขง่ ขนั IOAA 2007 กลา่ วตอ้ นรบั ผเู้ ขา้ รว่ มแขง่ ขนั แตล่ ะประเทศ บรรยากาศในงานมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์ นิทรรศการของประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 21 ประเทศ นิทรรศการ ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และนิทรรศการทางดาราศาสตร์ ในโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปี หอดูดาวสิรินธร คณะวิทยาศาสตร์ มช. โดยมี นกั เรยี นนกั ศกึ ษาทว่ั ทง้ั จงั หวดั เชยี งใหมแ่ ละใกลเ้ คยี งใหค้ วามสนใจเขา้ ชมนทิ รรศการ อยา่ งหนาแนน่

การฝกึ อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเรอ่ื งการใชส้ อ่ื การสอนดาราศาสตร์ แกค่ รทู ส่ี อนในสถาบนั การศกึ ษาทว่ั ประเทศ สถาบนั วจิ ยั ดาราศาสตรแ์ หง่ ชาติ (สดร.) กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีได้จัดอบรมครูวิทยาศาสตร์ (ดาราศาสตร์/ค่ายดูดาว) เพื่อเป็นการบริการวิชาการด้านดาราศาสตร์แก่ชุมชนในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศ ในหัวข้อ “การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องการใช้สื่อการสอนดาราศาสตร์” ในโครงการเครือข่ายสารสนเทศดาราศาสตรส์ ำหรบั โรงเรยี นจดั การอบรมขน้ึ และจะมคี รู อาจารย์ ในสถาบนั การศกึ ษาในแต่ละพื้นที่เข้าร่วม โดยเน้นเรื่องการใช้สื่อเพื่อทำมาช่วยในการเรียนการสอนทางด้านดาราศาสตร์ เช่น การใช้สื่อข่ายสารสนเทศดาราศาสตร์สำหรับโรงเรียนและอปุ กรณส์ าธติ อธบิ ายปรากฏการณท์ างดาราศาสตร์ เปน็ ตน้ และไดม้ กี ารจดั การบรรยายพิเศษทางด้านดาราศาสตร์ และจัดแสดงนิทรรศการทางดาราศาสตร์พร้อมกับกิจกรรมการดูดาวผ่านกล้องโทรทรรศน์และการสังเกตดวงอาทิตย์จากกล้องสุริยะ เพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ให้กับคณะครูและอาจารย์ สามารถนำไปเสรมิ การเรยี นการสอนใหก้ บั เยาวชนไดต้ อ่ ไป

⌫⌫ ⌫ ในปี 2551 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ให้ความสำคัญในการสร้างความตระหนัก ด้านวิทยาศาสตร์ โดยจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียน นกั ศกึ ษา และประชาชน เชน่ งานมหกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี งานถนนสายวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี กส่ าธารณะ โดยมผี ลการดำเนนิ งาน ดงั น้ี มหกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาตปิ ระจำปี 2551 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มอบหมายให้องค์การพิพิธภัณฑ์ วทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบในการประสานงานการจดั งาน รว่ มกบั หนว่ ยงานทง้ั ภาครฐั อาทิ สมาคมวทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถมั ภ์ มหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ ทว่ั ประเทศ และบรษิ ทั เอกชนทง้ั ภายในและตา่ งประเทศ ภายใต้ ชอ่ื วา่ “มหกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ ประจำปี 2551” ซง่ึ จดั ขน้ึ ระหวา่ ง วันที่ 8 - 22 สิงหาคม 2551 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสดจ็ เปน็ ประธานเปดิ งาน ภายในงานครั้งนี้ ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระบดิ าแหง่ วทิ ยาศาสตรไ์ ทย พระบดิ าแหง่ เทคโนโลยไี ทย การจดั แสดงนวตั กรรมทางวทิ ยาศาสตร์ จากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ทง้ั ภาครฐั และเอกชน ทั้งยังมีนิทรรศการจากประเทศญี่ปุ่นโดยการนำหุ่นยนต์ประเภทต่าง ๆ มาจัดแสดง นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมที่จัดขึ้นมากมาย ได้แก่ การแสดงความสามารถด้าน วทิ ยาศาสตรข์ องเยาวชน เชน่ ประกวดโครงการวทิ ยาศาสตร์ การแขง่ ขนั ตอบปญั หา วทิ ยาศาสตร์ การแขง่ ขนั การแสดงทางวทิ ยาศาสตร์ ตลอดระยะเวลาของการจดั งาน มผี เู้ ดนิ ทางมาเขา้ ชมจากทว่ั ประเทศกวา่ 1,250,541 คน คาราวานวทิ ยาศาสตร์ คาราวานวทิ ยาศาสตร์ เปน็ กจิ กรรมทอ่ี งคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) จดั ขน้ึ โดยมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื กระจายฐานการเรยี นรทู้ างดา้ นวทิ ยาศาสตร์ สู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ผ่านการจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมเสริมศึกษา มากมาย ซง่ึ เนน้ ใหเ้ ยาวชนสามารถเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ ม เพอ่ื คน้ หาคำตอบไดด้ ว้ ยตนเอง ในปีงบประมาณ 2551 อพวช. ได้นำกิจกรรมคาราวานวิทยาศาสตร์ไป จดั แสดงยงั 14 จงั หวดั ไดแ้ ก่ จงั หวดั พะเยา มหาสารคาม สรุ นิ ทร์ ชมุ พร พษิ ณโุ ลก เชยี งราย ลำปาง อบุ ลราชธานี สกลนคร นครศรธี รรมราช สงขลา ขอนแกน่ สโุ ขทยั และตรงั ทง้ั น้ี มผี เู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมทง้ั สน้ิ 208,197 คน

รายการ “เรยี นรเู้ รอ่ื งวทิ ย์ ชา่ งคดิ ...ชา่ งสงั เกต โดย อพวช.” ในปงี บประมาณ 2551 องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) ไดผ้ ลติ รายการโทรทศั น์เพอ่ื สรา้ งความตระหนกั ทางวทิ ยาศาสตรส์ ำหรบั เยาวชน ทม่ี ชี อ่ื รายการวา่ “เรยี นรู้ เรอ่ื งวทิ ย์ ชา่ งคดิ ...ชา่ งสงั เกตโดย อพวช.” มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ และเยาวชน มโี อกาสสมั ผสั รจู้ กั และคนุ้ เคยกบั วทิ ยาศาสตรท์ อ่ี ยู่รอบตวั ผา่ นทางสอ่ื โทรทศั น์ โดยมสี มาชกิ เปน็ ตวั แทนเยาวชน จำนวน 3 คน คอื พต่ี ม้ั นอ้ งเอย๋ และนอ้ งเกตต์ที่มีอายุระหว่าง 13 – 18 ปี และมีลักษณะของความช่างคิด ช่างสังเกต ชอบศึกษาค้นคว้า และชอบออกไปผจญภยั เรยี นรู้ ทดลอง สมั ผสั สง่ิ ตา่ ง ๆ ทอ่ี ยรู่ อบ ๆ ตวั ดว้ ยตนเอง เนอ้ื หาของรายการจะแนน่ ไปดว้ ยเนอ้ื หาสาระทางวทิ ยาศาสตร์ และความสนกุ สนานนา่ ตดิ ตามซง่ึ จะชว่ ยสง่ เสรมิ ความรู้ และความเขา้ ใจทางวทิ ยาศาสตรใ์ หก้ บั นกั เรยี น และเยาวชนไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ออกอากาศทกุ วนั พธุ เวลา 16.00 – 16.30 น. ทางสถานโี ทรทศั นโ์ มเดริ น์ ไนน์ และทกุ วนั ศกุ ร์เวลา 16.30 – 17.00 น. ทางสถานโี ทรทศั นท์ วี ไี ทย ถนนสายวทิ ยาศาสตร์ (Science Avenue) องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ได้รับมอบหมายจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสานงานกจิ กรรมถนนสายวทิ ยาศาสตร์ เนอ่ื งในวนั เดก็ แหง่ ชาตปิ ระจำปี 2551 โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื รว่ มกนั พฒั นาแหลง่ เรยี นรแู้ ละจดั กจิ กรรมทางวทิ ยาศาสตรข์ องหนว่ ยงานบรเิ วณถนนพระรามทห่ี ก และถนนโยธี หนว่ ยงานรว่ มจดั ประกอบดว้ ย พพิ ธิ ภณั ฑห์ นิ และแร่กรมสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม องคก์ ารเภสชั กรรม คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ลและหนว่ ยงานในสงั กดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ ทง้ั 12 หนว่ ยงาน กจิ กรรมภายในงานประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ การให้เข้าชมห้องปฏิบัติการ กิจกรรมสร้างทักษะการแสดงทางวิทยาศาสตร์ ละครวิทยาศาสตร์ การแข่งขันตอบปัญหาวิทยาศาสตร์เปน็ ตน้ ตลอดระยะเวลา 4 วนั ในการดำเนนิ กจิ กรรมคอื ระหวา่ งนั ท่ี 23 - 26 มกราคม2551 มผี เู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมทง้ั หมด 38,427 คน

กจิ กรรมวทิ ยาศาสตรส์ ำหรบั เยาวชน สำหรบั เยาวชนศนู ยภ์ าคกลาง ปี 2551 องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) รว่ มกบั หนว่ ยงานภาครฐั บาล อาทิ สมาคม วิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ศนู ยร์ งั สติ และบรษิ ทั เอกชน จดั งาน “กจิ กรรมวทิ ยาศาสตรส์ ำหรบั เยาวชน สำหรบั เยาวชน ศนู ยภ์ าคกลาง ปี 2551” ขน้ึ ในสว่ นของพน้ื ทภ่ี าคกลาง 18 จงั หวดั ระหวา่ งวนั ท่ี 5 – 23 สงิ หาคม 2551 ณ องคก์ ารพพิ ธิ ภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตรแ์ หง่ ชาติ (อพวช.) ภายในงานประกอบดว้ ย การประกวด การแขง่ ขนั และ การแสดงความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ของเยาวชนภาคกลาง อาทิ การประกวดสิ่งประดิษฐ์และ นวัตกรรมของนักวิทยาศาสตร์น้อย การแข่งขัน วาดการ์ตูนและวาดภาพจินตนาการทางวิทยาศาสตร์ การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ การแสดงทางวิทยาศาสตร์ และเกมส์วิทยาศาสตร์หลากหลายรูปแบบ ใหร้ ว่ มสนกุ โดยมเี ยาวชนและประชาชนทว่ั ไป เขา้ รว่ มงานถงึ 226,901 คน Atom Junior Camp 2008 สำนกั งานปรมาณเู พอ่ื สนั ติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เป็นหน่วยงานกลางของประเทศ มบี ทบาทหนา้ ทใ่ี นการกำกบั ดแู ลความปลอดภยั การใชป้ ระโยชนจ์ ากพลงั งานนวิ เคลยี ร์ รวมทั้ง เป็นองค์ความรู้และศูนย์กลางข้อมูลด้านความปลอดภัยของการใช้พลังงาน นวิ เคลยี ร์ ไดเ้ ลง็ เหน็ ความสำคญั ของการวางรากฐานดา้ นความปลอดภยั ทางนวิ เคลยี ร์ จึงได้จัด “โครงการแขง่ ขนั และเขา้ คา่ ยวทิ ยาศาสตรน์ วิ เคลยี ร”์ (ระดบั มธั ยมปลาย) ภายใต้ชื่อ “Atom Junior Camp 2008” เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนได้เล็งเห็นและ ตระหนักถึงความสำคัญของระบบความปลอดภัย ซึ่งจะก่อให้เกิดความมั่นใจและ เชอ่ื มน่ั ตอ่ เทคโนโลยนี วิ เคลยี ร์ นอกจากน้ี โครงการดงั กลา่ ว ยงั จะเปน็ การสรา้ งแรงจงู ใจแกเ่ ยาวชนใหส้ นใจ ศกึ ษาดา้ นวศิ วกรรมนวิ เคลยี ร์ และประการสำคญั ทำใหเ้ ยาวชน นสิ ติ นกั ศกึ ษามกี าร ตื่นตัวในการศึกษา ค้นคว้าเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังเป็นการ สง่ เสรมิ สงั คมใหเ้ ปน็ สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ และเพม่ิ ศกั ยภาพในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน กอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาเทคโนโลยนี วิ เคลยี รภ์ ายในประเทศอยา่ งยง่ั ยนื อกี ทางหนง่ึ ดว้ ย

Atom Junior Camp 2008 คัดเลือกเด็กนักเรียนให้เข้าร่วมโครงการจำนวน 91 คน จาก 28 โรงเรยี น นกั เรยี นทผ่ี า่ นการคดั เลอื กรว่ มเขา้ คา่ ย 4 คนื 3 วนัณ ต้นซุงรีสอร์ท จ. นครนายก ภายในค่ายได้มีการฝึกอบรมเรื่องฟิสิกส์ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พร้อมกันนี้มีการนันทนาการด้วย เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้มีความสามัคคีและการทำงานเป็นทีมช่วยเหลือกันและกัน เมื่อนักเรียนกลับจากค่ายตอ้ งผลติ อปุ กรณเ์ พอ่ื ใชบ้ งั คบั แทง่ ควบคมุ ในแบบจำลองเครอ่ื งปฏกิ รณน์ วิ เคลยี รด์ ว้ ยคอมพวิ เตอร์ เพอ่ื ใชใ้ นการแขง่ ขนั ในระหวา่ งทผ่ี รู้ ว่ มแขง่ ขนั ผลติ อปุ กรณท์ มี งานไดน้ ำโจทย์ของการควบคุมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขึ้นบนเว็บไซต์ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกฝนการควบคุมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ด้วยอุปกรณ์ดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำและเชย่ี วชาญ นอกจากน้ี ในเวบ็ ไซตไ์ ดม้ กี ารถามตอบปญั หาต่างๆ ตั้งแต่การผลิตอุปกรณ์ การแก้ปัญหาโจทย์ต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการมคี วามรแู้ ละความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการในการควบคมุ การเดนิ เครอ่ื งปฏกิ รณ์นวิ เคลยี ร์ อนั เปน็ พน้ื ฐานของความเขา้ ใจดา้ นความปลอดภยั ของเครอ่ื งปฏกิ รณน์ วิ เคลยี ร์ และทมี งานไดใ้ ห้นำ้ หนกั ในสว่ นนเ้ี ปน็ อยา่ งมาก Atom Junior Camp 2008 ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากนักเรียนที่ร่วมเข้าค่ายมีความรู้ความเข้าใจอย่างดีต่อการทำงานอย่างเข้มงวดและระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัยของเครื่องปฏกิ รณน์ วิ เคลยี ร์ สำหรบั เพอ่ื นๆ รว่ มโรงเรยี นทม่ี าชมและเชยี รก์ ารแขง่ ขนั ไดม้ ที ศั นะคตทิ ด่ี ตี อ่ เทคโนโลยีนวิ เคลยี ร์ นอกจากน้ี คร-ู อาจารยท์ ร่ี ว่ มเขา้ คา่ ย ไดร้ บั ความรดู้ า้ นเทคโนโลยนี วิ เคลยี รจ์ ากผทู้ ป่ี ฏบิ ตั งิ านโดยตรงซง่ึ ทำใหค้ ร-ู อาจารยด์ งั กลา่ วสามารถนำความรทู้ ไ่ี ดร้ บั ไปตอ่ ยอดการเรยี นการสอนไดอ้ ยา่ งดยี ง่ิผรู้ บั ผดิ ชอบ นายวรวฒุ ิ ศรรี ตั นช์ ชั วาล และ นางวราภรณ์ วชั รสรุ กลุ โทรศพั ท์ 0 2561 4071 หรอื 0 2596 7600 ตอ่ 3613 การสรา้ งความตระหนกั ดา้ นเทคโนโลยซี นิ โครตรอน สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ไดใ้ หค้ วามสำคญั ในการสรา้ งความตระหนกัในดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยซี นิ โครตรอนแกค่ ณะนกั เรยี น นกั ศกึ ษา นกั วชิ าการ และประชาชนทว่ั ไปเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีซินโครตรอน โดยได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการในงานตา่ งๆ อาทเิ ชน่ งานถนนสายวทิ ยาศาสตร์ งานมหกรรมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ งานวนัเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมไทย งานสมชั ชาวทิ ยาศาสตร์ เปน็ ตน้

และเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักด้านเทคโนโลยีซินโครตรอนแก่โรงเรียน และมหาวิทยาลัย สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) (สซ.) ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารอบรมเชงิ วชิ าการเกย่ี วกบั เทคโนโลยี แสงซนิ โครตรอนภายใต้โครงการแสงสยามสโู่ รงเรยี น (SPL to School) แกค่ ณะครจู ากโรงเรยี นในเขตพน้ื ท่ี การศึกษาต่างๆ และโครงการแสงสยามสู่มหาวิทยาลัย (SPL to University) แก่นิสิต นักศึกษาของ สถาบนั การศกึ ษาตา่ งๆ โปรแกรมสถาปนาองคค์ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ (คยุ ซายน์ KuiSci) ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี STKC เล็งเห็นความสำคัญของความรู้จากความเชี่ยวชาญของนักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถจัดเก็บและรวบรวมได้จากการบันทึกสนทนาในกระทู้คำถาม และคัดเลือกความรู้ที่มีคุณค่าและ เปน็ ทย่ี อมรบั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ประโยชนม์ ากทส่ี ดุ ตอ่ ผทู้ ต่ี อ้ งการคน้ หาความรทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง รวมถงึ การสนบั สนนุ เวที การสนทนาทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ งานวจิ ยั ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ STKC จงึ ไดม้ คี วามรว่ มมอื กบั National Institue of Information and Communications technology (NICT) และ มหาวทิ ยาลยั บรู พา เพอ่ื พฒั นาระบบ โปรแกรมสถาปนาองคค์ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ (คยุ ซายน์ KuiSci) ซง่ึ เปน็ โปรแกรมทใ่ี ชง้ านบนอนิ เตอรเ์ นต็ โปรแกรมสถาปนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (คุยซายน์ KuiSci) ได้มุ่งเป้าหมายในการสร้าง ชุมชนของนักวิจัยและนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงาน ร่วมกันภายในชุมชนในลักษณะของการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยมีผลลัพธ์คืองาน วจิ ยั และองคค์ วามรทู้ เ่ี กดิ ขน้ึ กระบวนการในชมุ ชนวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยจี ะเรม่ิ ตน้ จากการ ทบ่ี คุ คล กลมุ่ บคุ คล หรอื องคก์ รทต่ี อ้ งการผลงานหรอื คำตอบสำหรบั โจทยท์ างวทิ ยาศาสตรเ์ สนอปญั หาเขา้ สู่ ชมุ ชนคยุ ซายนโ์ ดยระบรุ ายละเอยี ดความตอ้ งการ ขอ้ กำหนดตา่ งๆ เงนิ ทนุ วจิ ยั เพอ่ื ใหผ้ ขู้ อรบั งานทม่ี คี วาม สามารถหรอื สนใจนำไปวจิ ยั เพอ่ื หาคำตอบหรอื แนวทางในการแกป้ ญั หาโดยใชก้ ระบวนการในการแลกเปลย่ี น ความรขู้ อ้ มลู ขา่ วสารในแตล่ ะสาขาวชิ า

การดำเนนิ งานในอนาคต จดั ประชาสมั พนั ธเ์ พอ่ื สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การใชง้ านมากขน้ึ ในกลมุ่ นกั วจิ ยั และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การสนบั สนนุ ทนุ วจิ ยั รวมถงึ การปรบั ปรงุ ระบบโปรแกรมใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพในการใชง้ านมากขน้ึผรู้ บั ผดิ ชอบ พรสวรรค์ มาลยั กรองตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โทรศพั ท์ 0 2354 4466 ตอ่ 144 การจดั งานเทดิ พระเกยี รติ “พระบดิ าแหง่ เทคโนโลยขี องไทย” และ “วนั เทคโนโลยขี องไทย” ประจำปี 2551 สำนกั สง่ เสรมิ และถา่ ยทอดเทคโนโลยี สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีความเปน็ มา ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ท่ี 12 ธนั วาคม 2543 เหน็ ชอบใหเ้ ทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ทรงเปน็ “พระบดิ าแหง่ เทคโนโลยขี องไทย” และกำหนดใหว้ นั ท่ี 19 ตลุ าคมของทกุ ปเี ปน็“วันเทคโนโลยีของไทย” และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานและกิจกรรมเกี่ยวกับการเทิดพระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ ในฐานะทท่ี รงเปน็ “พระบดิ าแหง่ เทคโนโลยขี องไทย” และกำหนดใหว้ นั ท่ี 19 ตลุ าคมของทกุ ปี เปน็ “วนั เทคโนโลยขี องไทย”ผลการดำเนนิ งาน การจดั พธิ ถี วายพานพมุ่ และถวายราชสดดุ ฯี เพอ่ื เทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” เนื่องใน “วันเทคโนโลยีของไทย” ในวันอาทิตย์ที่19 ตลุ าคม 2551 ณ กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ซง่ึ มผี แู้ ทนจากหนว่ ยงานภาครฐั สถาบนั การศกึ ษาหนว่ ยงานภาคเอกชน องคก์ ร สมาคมตา่ ง ๆ เขา้ รว่ มในพธิ จี ำนวน 74 หนว่ ยงาน 759 คน การจดั นทิ รรศการการแสดงผลงานทางดา้ นเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมใน “งานเทคโนโลยแี ละนวตั กรรมของไทย ประจำปี 2551\" (TechnoMart – InnoMart 2008) ระหวา่ งวนั ท่ี 25 - 28 ตลุ าคม2551 ณ ศนู ย์นทิ รรศการและการประชุมไบเทค กรงุ เทพฯ มีการแสดงผลงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ หนว่ ยงานภาครฐั สถาบนั การศกึ ษา ภาคเอกชน และสมาคมตา่ ง ๆ มากกวา่120 หนว่ ยงาน โดยแบง่ ออกเปน็ โซนตา่ ง ๆ ดงั น้ี Royal Pavilion นทิ รรศการเทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ พระบดิ า แหง่ เทคโนโลยขี องไทย และ พระบดิ าแหง่ นวตั กรรมไทย การประกวดเทคโนโลยเี ครอ่ื งจกั รกลยอดเยย่ี ม ประจำปี 2551 เปน็ การประกาศ เกยี รตคิ ณุ ใหแ้ กบ่ รษิ ทั คนไทยทเ่ี ปน็ เจา้ ของความคดิ และพฒั นาเทคโนโลยขี น้ึ เอง เครอ่ื งจกั รกลทพ่ี ฒั นาขน้ึ ดว้ ยการสนบั สนนุ จากกระทรวงวทิ ยาศาสตรฯ์ ไดแ้ ก่ โครงการ พฒั นาประดษิ ฐกรรมเพอ่ื ชนบท และโครงการศกึ ษาและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารสรา้ ง เครอ่ื งจกั รในกระบวนการผลติ ดว้ ยวศิ วกรรมยอ้ นรอย เปน็ ตน้ การแสดงเครอ่ื งจกั รกลไทยจากสมาพนั ธส์ มาคมอตุ สาหกรรมการสนบั สนนุ

การดำเนนิ งานในอนาคต จัดแสดงนิทรรศการผลงานทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสู่ภูมิภาค เพอ่ื ใหป้ ระชาชนและผปู้ ระกอบการในสว่ นภมู ภิ าคไดม้ สี ว่ นรว่ มในการพฒั นาเทคโนโลยี และนวตั กรรมตอ่ ไป การถา่ ยทอดเทคโนโลยแี ละมกี ารนำผลงานวจิ ยั และนวตั กรรมไปใชใ้ นการ เพม่ิ ผลผลติ เชงิ พาณชิ ยท์ กุ ระดบั ผรู้ บั ผดิ ชอบ น.ส.รตั นส์ ดุ า ตนั ศรสี กลุ หวั หนา้ กลมุ่ งานเศรษฐกจิ เทคโนโลยี ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ 02 354 4466 ตอ่ 616 สดร.รว่ มจดั งานวนั เดก็ แหง่ ชาติ ปี 2551 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2551 ในวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2551 โดยมวี ทิ ยากรของสถาบนั วจิ ยั ดาราศาสตรแ์ หง่ ชาตคิ อยใหค้ วามรู้ ทางดา้ นดาราศาสตรแ์ กเ่ ดก็ ๆ ดว้ ย สดร.รว่ มกบั สำนกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ (สทอภ.) จดั งานวนั เดก็ แหง่ ชาติ ณ ตกึ สนั ตไิ มตรี ทำเนยี บรฐั บาล มกี จิ กรรมใหเ้ ดก็ ๆ ไดร้ ว่ ม สนุกมากมาย เช่น เกมส์คล้องบ่วงดวงดาว, ตอบปัญหาดาราศาสตร์, ระบายสี การต์ นู นทิ านดาว พรอ้ มนทิ รรศการทน่ี า่ สนใจทางดาราศาสตร์ และมาสคอ็ ทพก่ี ระตา่ ย จากนทิ านดาว เรอ่ื ง ตำนานดวงอาทติ ยก์ บั กระตา่ ย สดร.รว่ มกบั อทุ ยานการคา้ กาดสวนแกว้ จ.เชยี งใหม่ จดั งานวนั เดก็ แหง่ ชาติ ณ ลานกลางแจง้ มกี จิ กรรมใหเ้ ดก็ ๆ ไดร้ ว่ มสนกุ เชน่ เกมสช์ อ้ นจา้ วเวหา, ตอบปญั หา ดาราศาสตร,์ ระบายสกี ารต์ นู นทิ านดาว, ประกอบแผนทด่ี าว พรอ้ มนทิ รรศการทาง ดาราศาสตรแ์ ละนกั ศกึ ษาจากชมรมดาราศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มารว่ มสรา้ ง ความสนกุ สนาน และยงั มมี าสคอ็ ทนอ้ งเอรธิ จ์ ากนทิ านดาว เรอ่ื ง ตำนานดวงอาทติ ยก์ บั กระตา่ ย สดร.รว่ มกบั กองสวสั ดกิ าร สำนกั งานอธกิ ารบดี มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ จดั งานวนั เดก็ แหง่ ชาติ ณ ศูนย์ควบคุมไฟป่าดอยอินทนนท์ ที่ ชม.5 กิโลเมตรที่ 21 (ดอยอินทนนท์) โดยมีเด็กจากศูนย์ การเรยี นชมุ ชนชาวไทยภเู ขา “แมฟ่ า้ หลวง” กลมุ่ แมแ่ อบ จำนวน 200 คน เขา้ รว่ มงาน

⌫ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่และบทบาทหลักในการสนบั สนนุ การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมของประเทศ เพอ่ื สรา้ งปญั ญาในสงั คมใชส้ นบั สนนุ เศรษฐกจิ พอเพยี ง และสรา้ งความสามารถของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื สนบั สนนุ ใหม้ กี ารถา่ ยทอดเทคโนโลยแี ละสรา้ งนวตั กรรมใหแ้ กภ่ าคการผลติ และบรกิ าร รวมทง้ั บรกิ ารสงั คมดว้ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพอ่ื เพม่ิ ผลติ ภาพทางเศรษฐกจิ และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ใหม้ คี วามกา้ วหนา้ ทดั เทยี มกบั ประเทศอน่ืตลอดจนมกี ารนำวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมมาใชเ้ พอ่ื เพม่ิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศในตลาดการคา้ ทง้ั ในระดบั ภมู ภิ าคและในระดบั โลกไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื โดยมผี ลการดำเนนิ งานดา้ นการวจิ ยัพฒั นาและนวตั กรรม สรา้ งฐานความรแู้ ละเพม่ิ ผลติ ภาพของประเทศ ดงั น้ี ผลกระทบของพลาสตไิ ซเซอรจ์ ากปะเกน็ พลาสตกิ ทใ่ี ชก้ บั วสั ดทุ ส่ี มั ผสั อาหาร ในเวทกี ารคา้ โลก โครงการวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ในขณะนี้ สหภาพยุโรปให้ความสำคัญและเข้มงวดมาก กับการใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารหรือวัสดุสัมผัสอาหาร (food contact materials) โดยเฉพาะอันตรายที่เกิดจากสารพลาสติไซเซอร์ที่เคลื่อนย้ายจากปะเก็นพลาสติกพีวีซีที่ใช้ประกอบฝาโลหะสำหรับปิดขวดแก้วที่บรรจุอาหารสารพลาสตไิ ซเซอรด์ งั กลา่ วเปน็ สารกลมุ่ พทาเลต (phthalate) และ ESBO (epoxidized soy bean oil)ทม่ี กี ารประเมนิ ความเปน็ พษิ แลว้ พบวา่ เปน็ อนั ตรายตอ่ มนษุ ย์ ทง้ั นม้ี กี ารตรวจพบสารพลาสตไิ ซเซอรใ์ นอาหารทารกที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปในปริมาณถึง 1,150 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณสูงมากสำหรบั เดก็ ทารกทม่ี นี ำ้ หนกั ตวั นอ้ ยแตบ่ รโิ ภคอาหารในขวดแกว้ มาก นอกจากนอ้ี าหารไทยประเภทนำ้ พรกิ เผาซอสปรุงรสชนิดต่างๆที่ส่งไปจำหน่ายยังสหภาพยุโรปได้มีการตรวจพบพลาสติไซเซอร์เกินเกณฑ์ที่กำหนดสง่ ผลใหเ้ กดิ ความวติ กกงั วลเปน็ อยา่ งมากกบั ผผู้ ลติ อาหารสง่ ออกของไทย โครงการวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ ารตระหนกั ถงึ ความจำเปน็ และความเรง่ ดว่ นของการศกึ ษาวธิ กี ารทดสอบสารพลาสตไิ ซเซอร์ทเ่ี ปน็ วธิ มี าตรฐานไดร้ บั การยอมรบั จากประเทศคคู่ า้ จงึ ไดร้ วบรวมตวั อยา่ งผลติ ภณั ฑอ์ าหารไทยสำเรจ็ รปูที่บรรจุในขวดแก้วที่มีฝาโลหะประกอบด้วยปะเก็นพลาสติก นำไปศึกษาวิธีทดสอบพร้อมทั้งทดสอบหาปรมิ าณพลาสตไิ ซเซอร์ ทห่ี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารของ Community Reference Laboratory for Food ContactMaterials ณ ประเทศอติ าลี และ Official Food Control Authority of the Canton of Zurich ณประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์

รปู ท่ี 1 ภาพฝาโลหะทม่ี ปี ะเกน็ พลาสตกิ รปู ท่ี 2 ภาพของขอบฝาโลหะทม่ี อี าหารสมั ผสั อยู่ ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบปริมาณพลาสติไซเซอร์ในปะเก็นพลาสติกและในอาหารที่บรรจุ ไดน้ ำไปใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตรป์ ระกอบการเจรจาหารอื ของผแู้ ทนประเทศไทยกบั หนว่ ยงานควบคมุ มาตรฐานและความปลอดภัยอาหารของอียู (DG-SANGO) ซึ่งขณะนี้ EU Commission Regulation No.372/2007 ได้เลื่อนวันบังคับใช้กับสินค้าอาหารที่มีฝาขวดเป็นโลหะประกอบด้วยปะเก็นพลาสติก โดยกำหนดให้มีสารพลาสติไซเซอร์เคลื่อนย้ายลงสู่อาหารในปริมาณไม่เกิน 60 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จากวนั ท่ี 30 มถิ นุ ายน 2551 เปน็ วนั ท่ี 30 เมษายน 2552 มผี ลใหผ้ ปู้ ระกอบการทส่ี ง่ สนิ คา้ อาหารสำเรจ็ รปู ที่บรรจุในขวดแก้วที่มีฝาโลหะประกอบด้วยปะเก็นพลาสติกชนิดพีวีซี ที่ไปจำหน่ายยังสหภาพยุโรป มีเวลาในการปรับตัวเพื่อให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อการส่งออกที่สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศกว่า 8,000 ลา้ นบาทตอ่ ปี และมแี นวโนม้ ขยายตวั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเฉลย่ี รอ้ ยละ 10 ตอ่ ปี การดำเนนิ งานในอนาคต 1. พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบให้ได้รับการรับรองระบบคุณภาพ ISO/IEC 17025 เพอ่ื ใหผ้ ลการทดสอบเปน็ ทย่ี อมรบั ในระดบั สากล 2. ถา่ ยทอดวธิ กี ารทดสอบพลาสตไิ ซเซอรใ์ นปะเกน็ พลาสตกิ พวี ซี ใี หก้ บั หนว่ ยงานอน่ื ๆ เพอ่ื รองรบั การใหบ้ รกิ ารทส่ี ะดวก รวดเรว็ และทนั ตอ่ ความตอ้ งการของผปู้ ระกอบการ ผรู้ บั ผดิ ชอบ นางสมุ าลี ทง่ั พทิ ยกลุ ตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี : โครงการวทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร ถนนพระรามท่ี 6 เขตราชเทวี กรงุ เทพฯ 10400 โทรศพั ท์ 0 2201 7189 โทรสาร 0 2201 7181 e-mail : [email protected]

การพฒั นาการทดสอบสารตอ้ งหา้ มในกลมุ่ PBBs และ PBDEs ในผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ สโ์ ดยหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร วศ. สเู่ วทโี ลก กลมุ่ ทดสอบสารอนิ ทรยี เ์ คมแี ละเครอ่ื งมอื พเิ ศษ โครงการเคมี กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร สหภาพยุโรปได้ออกกฏระเบียบการจำกัดการใช้สารอันตรายในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ซง่ึ เรยี กยอ่ ๆวา่ กฏระเบยี บ RoHS โดยไดจ้ ำกดั ปรมิ าณสาร 6 ชนดิ ประกอบดว้ ย ตะกว่ัปรอท โครเมยี ม-6 สารประกอบโบรมนี ในกลมุ่ โพลโี บรมเิ นตเทตไบฟนิ ลิ (PBBs) และสารประกอบกลมุ่โพลีโบรมิเนตเทตไดฟินิลอีเธอร์ (PBDEs) ในผลิตภัณฑ์ไว้ไม่เกิน1,000 ส่วนในล้านส่วน (ppm) และปรมิ าณแคดเมยี มไดถ้ กู จำกดั ไวไ้ มเ่ กนิ 100 สว่ นในลา้ นสว่ น สารในกลมุ่ PBBs และ PBDEs เปน็ สารหนว่ งการตดิ ไฟตอ้ งหา้ มเนอ่ื งจากเปน็ สารอนั ตราย ทม่ี คี วามเสถยี รสงู มาก ยากตอ่ การสลายตวั ทำใหเ้ กดิ การตกคา้ งและสะสมอยใู่ นรา่ งกาย กรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการเพื่อให้สามารถให้บริการทดสอบสารอนั ตรายดงั กลา่ วขา้ งตน้ โดยเฉพาะสารประกอบในกลมุ่ PBBs และในกลมุ่ PBDEs ในชน้ิ สว่ นพลาสตกิ ของผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอปุ กรณอ์ เิ ลกทรอนกิ ส์ ซง่ึ มคี วามยงุ่ ยากในการทดสอบเนอ่ื งจากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทดสอบจำเปน็ ตอ้ งมขี น้ั ตอนการสกดั สารในกลมุ่ PBBs และในกลมุ่ PBDEs ซง่ึ ประกอบดว้ ยสารทม่ี โี ครงสรา้ งทางเคมที เ่ี ปน็ ไปไดจ้ ำนวนมากดว้ ยตวั ทำละลายอนิ ทรยี โ์ ดยเทคนคิ Soxhlet extractionแล้วนำสารละลายที่สกัดได้ไปวิเคราะห์หาปริมาณสารโดยเทคนิค Gas chromatography/ massspectrometryภาพที่ 1 แสดงการเปรยี บเทยี บผลการวดั ระหวา่ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารของแตล่ ะประเทศในการวเิ คราะหห์ าปรมิ าณ BDE47 ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ในสารทอ่ี ยใู่ นกลมุ่ PBDEs ในการศกึ ษา CCQM-P114 โดยผลการวดั ของกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร (DSS) อยลู่ ำดบั ท่ี 2 จากซา้ ย

ภาพท่ี 2 แสดงการเปรยี บเทยี บผลการวดั ระหวา่ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารของแตล่ ะประเทศในการวเิ คราะหห์ าปรมิ าณ BDE183 ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ในสารทอ่ี ยใู่ นกลมุ่ PBDEs ในการศกึ ษา CCQM-P114 โดยผลการวดั ของกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร (DSS) อยลู่ ำดบั ท่ี 2 จากซา้ ย ภาพท่ี 3 แสดงการเปรยี บเทยี บผลการวดั ระหวา่ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารของแตล่ ะประเทศในการวเิ คราะหห์ าปรมิ าณ BDE206 ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ในสารทอ่ี ยใู่ นกลมุ่ PBDEs ในการศกึ ษา CCQM-P114 โดยผลการวดั ของกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร (DSS) อยลู่ ำดบั ท่ี 2 จากซา้ ย

ได้ดำเนินการศึกษาพัฒนาและพิสูจน์ความใช้ได้ของวิธีทดสอบสารต้องห้ามในกลุ่ม PBBs และสารในกลมุ่ PBDEsในผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลกทรอนกิ สโ์ ดยใชเ้ ทคนคิ Gas chromatography /isotope dilution mass spectrometry (GC/IDMS) และได้นำวิธีที่ได้พัฒนานี้ไปใช้ในการเข้าร่วมเปรยี บเทยี บผลการวดั ระหวา่ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารในระดบั มาตรวทิ ยาเคมสี ากลในโครงการความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศ CCQM-P114: PBDEs and PBBs in plastic พบว่าผลการวัดจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์บริการมีความสอดคล้องเป็นอย่างดีกับผลการวัดของห้องปฏิบัติการชั้นนำของโลก เช่นสถาบนั IRMM ของสาธารณรฐั เบลเยย่ี ม สถาบนั BAM ของสาธารณรฐั เยอรมนั นี เปน็ ตน้ ซง่ึ ขอ้ มลู น้ีจะเปน็ สว่ นสนบั สนนุ ใหห้ อ้ งปฏบิ ตั กิ ารของกรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ ารไดร้ บั การยอมรบั ในการเปน็ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารอา้ งองิ ดา้ นการวดั สารในกลมุ่ PBBs และ PBDEs ในชน้ิ สว่ นพลาสตกิ ของผลติ ภณั ฑเ์ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอเิ ลกทรอนกิ สข์ องประเทศในอนาคตการดำเนนิ งานในอนาคตของโครงการ ใหบ้ รกิ ารวเิ คราะหท์ ดสอบดงั กลา่ ว และจดั ใหม้ โี ปรแกรมทดสอบความชำนาญในการทดสอบสารในกลุ่ม PBBs และ PBDEs ในผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์ให้กับห้องปฏิบัติการต่างๆในประเทศเพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาความสามารถในการทดสอบดงั กลา่ วของหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารตา่ งๆผรู้ บั ผดิ ชอบ ดร.มาณพ สทิ ธเิ ดช และนางณฐลมนต์ ปญั ญวฒั นกจิตอ้ งการขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ตดิ ตอ่ ไดท้ ่ี ดร.มาณพ สทิ ธเิ ดช หวั หนา้ กลมุ่ ทดสอบสารอนิ ทรยี เ์ คมแี ละเครอ่ื งมอื พเิ ศษ โครงการเคมี กรมวทิ ยาศาสตรบ์ รกิ าร โทรศพั ท์ 0 2201 7233 โทรสาร 0 2201 7234 e-mail : [email protected]

โครงการ “บรรจภุ ณั ฑพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพ PLA”…อตุ สาหกรรมเพอ่ื อนาคต Biodegradable Packaging from PLA ...New Wave Industry สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) พลาสติกชีวภาพ เป็นพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซง่ึ สามารถนำมาใชเ้ พอ่ื ทดแทนพลาสตกิ จากปโิ ตรเคมใี นอนาคต ซง่ึ อตุ สาหกรรมการ พลาสตกิ ชวี ภาพถอื เปน็ หนง่ึ ในอตุ สาหกรรมคลน่ื ลกู ใหม่ ตามมตขิ องคณะอนกุ รรมการ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใน ฐานะหนว่ ยงานเจา้ ภาพหลกั ไดน้ ำเสนอแผนทน่ี ำทางแหง่ ชาตกิ ารพฒั นาอตุ สาหกรรม พลาสตกิ ชวี ภาพ ในระยะเวลา 5 ปี (2551-2555) เพอ่ื พฒั นาใหย้ ทุ ธศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม พลาสตกิ ชวี ภาพของประเทศดำเนนิ การไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม สนช. จึงเร่งรัดให้ภาคเอกชนมุ่งพัฒนาโครงการนวัตกรรมเชิงยุทธศาสตร์ ดา้ นอตุ สาหกรรมพลาสตกิ ชวี ภาพ โดยเฉพาะพลาสตกิ ชวี ภาพชนดิ พอลแิ ลคตกิ แอซดิ (Polylactic acid, PLA) ด้วยการนำศักยภาพด้านวัตถุดิบทางการเกษตรของ ประเทศไทยมาสร้างให้เกิดอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพขึ้นในประเทศไทยอย่าง แข็งแกร่ง เพื่อยึดครองความเป็นผู้นำในภูมิภาคและมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนให้ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics Hub) อยา่ งครบวงจรในอนาคต โครงการนเ้ี ปน็ โครงการท่ี สนช. รว่ มรงั สรรคก์ บั บรษิ ทั โพลแี มททเี รยี ลเทคโนโลยี จำกดั โดย สนช. ใหก้ ารสนบั สนนุ ในโครงการ “แปลงเทคโนโลยเี ปน็ ทนุ ” มมี ลู คา่ การลงทนุ ในธรุ กจิ เรม่ิ ตน้ 1,825,000 บาท เปน็ นวตั กรรมระดบั ประเทศดา้ นผลติ ภณั ฑข์ องเมด็ คอมพาวดพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพ เพอ่ื ขน้ึ รปู ดว้ ยกระบวนการ ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ การฉดี ขน้ึ รปู (injection) การบบี รดี (calendering) และการขน้ึ รปู ดว้ ยความรอ้ นและความดนั (thermoforming) โดยใชเ้ ทคโนโลยกี ารพฒั นาสตู รคอมพาวดพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพโดยการเตมิ สารเตมิ แตง่ ไดแ้ ก่ แคลเซยี มคารบ์ อเนตและแรท่ ลั คมั เพอ่ื เปน็ สารเสรมิ แรงใหก้ บั วสั ดุ โครงการบรรจภุ ณั ฑพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพ PLA นส้ี ามารถสรา้ งมลู คา่ เพม่ิ ใหก้ บั มนั สำปะหลงั ไดม้ ากกวา่ 10 เท่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นโอกาสสำคัญในการเร่งสร้างอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพของประเทศให้เกิดขึ้นได้ ทนั ตอ่ สถานการณค์ วามตอ้ งการของตลาดโลก และยดึ ครองความเปน็ ผนู้ ำในภมู ภิ าคไปพรอ้ มกบั การสรา้ ง ความสามารถดา้ นเทคโนโลยขี องประเทศเพอ่ื เพม่ิ ศกั ยภาพการแขง่ ขนั ในระยะยาว บรษิ ทั ฯ เปน็ ผผู้ ลติ และจำหนา่ ยผลติ ภณั ฑบ์ รรจภุ ณั ฑต์ า่ งๆ ทง้ั ในและตา่ งประเทศ ทง้ั น้ี บรษิ ทั ฯ มงุ่ พฒั นาเมด็ คอมพาวดพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพ พรอ้ มทง้ั ผลติ ภณั ฑพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพเพอ่ื การผลติ เปน็ บรรจภุ ณั ฑ์ ชนดิ ตา่ งๆ ทง้ั น้ี ตลาดเปา้ หมายของบรษิ ทั สามารถจำแนกไดเ้ ปน็ (1) “ผลติ ภณั ฑเ์ มด็ คอมพาวดพ์ ลาสตกิ ชวี ภาพ” ซง่ึ จะจำหนา่ ยใหแ้ กค่ คู่ า้ นำไปขน้ึ รปู บรรจภุ ณั ฑอ์ าหาร เครอ่ื งดม่ื และเครอ่ื งสำอาง และ (2) “ผลติ ภณั ฑ์ พลาสตกิ ชวี ภาพ” จะจำหนา่ ยใหค้ คู่ า้ ทางธรุ กจิ ทม่ี งุ่ สรา้ งภาพลกั ษณใ์ นการอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม

โครงการ “Good Grace”... สบอู่ นิ ทรยี ม์ าตรฐานโลก “Good Grace”... World-Class Organic Soap สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ได้ดำเนินการเร่งผลักดันยุทธศาสตร์เกษตร-อินทรีย์ไปสู่แผนยุทธศาสตร์ระดับชาติตั้งแต่ปี 2549 เรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่6 พฤษภาคม 2551 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอนิ ทรยี แ์ หง่ ชาติ พ.ศ. 2551 – 2554 และกรอบงบประมาณ 4,326.80 ลา้ นบาทโดย สนช. ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติให้เป็นอนกุ รรมการและเลขานกุ ารของคณะอนกุ รรมการบรหิ ารจดั การองคค์ วามรแู้ ละนวตั กรรมทง้ั นเ้ี มอ่ื วเิ คราะหส์ นิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี ท์ ม่ี นี วตั กรรมและมแี นวโนม้ การเตบิ โตของตลาดพบวา่ สนิ คา้ ในกลมุ่ เครอ่ื งบำรงุ ผวิ และเครอ่ื งสำอางทผ่ี า่ นมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ส์ ากลมีศักยภาพสูงในตลาดโลก ซึ่งกระแสดังกล่าวทำให้ทางผู้จัดงานแสดงสินค้าด้านเกษตรอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (BioFach) ณ ประเทศเยอรมนี ต้องจัดอาคารแสดงสนิ คา้ แยกออกมาเฉพาะภายใตง้ าน Vivaness เพม่ิ เตมิ จากสนิ คา้ เกษตรอนิ ทรยี ์อื่นๆ ดังน้ัน สำนักงานนวัตกรรมแหง่ ชาตจิ ึงเหน็ แนวโน้มในการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องสำอางด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ทำให้เกิดแนวความคิดร่วมกับ บริษัท เชียงใหม่ ออร์แกนนิค แอนด์ สปา จำกัด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยใหก้ า้ วไปสตู่ ลาดสากล โดย สนช. ใหก้ ารสนบั สนนุ ทางดา้ น “นวตั กรรมด.ี ..ไมม่ ดี อกเบย้ี ” ในโครงการทม่ี มี ลู คา่ การลงทนุเรม่ิ ตน้ 12,200,000 บาท นบั เปน็ นวตั กรรมผลติ ภณั ฑส์ บอู่ นิ ทรยี ร์ ะดบั ประเทศ โดยจดั วา่ เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ในกลมุ่ เครอ่ื งสำอางรายแรกของประเทศไทยทไ่ี ดร้ บั การรบั รองมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ส์ ากล ซง่ึ ผลติ ภณั ฑ์จะปราศจากสารทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การระคายเคอื งตอ่ ผวิ หนงั ปราศจากสแี ละกลน่ิ สงั เคราะห์ โดยผา่ นกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้สบู่ที่มีคุณภาพสูง กล่าวคือ จะไม่เกิดการแตกหัก และมีกลิ่นหอมอยไู่ ดป้ ระมาณ 2 ปี โดยไมเ่ กดิ กลน่ิ หนื เหมอื นสบสู่ มนุ ไพรทว่ั ไป บรษิ ทั เชยี งใหม่ ออรแ์ กนนคิ แอนด์ สปา จำกดั กอ่ ตง้ั ขน้ึ เมอ่ื ปี 2548 โดยมนี โยบายทจ่ี ะทำการผลติ ผลติ ภณั ฑท์ เ่ี กย่ี วกบั การดแู ลผวิ และผลติ ภณั ฑท์ ใ่ี ชใ้ นธรุ กจิ สปา ทเ่ี ปน็ เกษตรอนิ ทรยี ท์ ง้ั หมด กลา่ วคอืผลติ ภณั ฑท์ กุ ชนดิ จะเนน้ การผลติ โดยใชว้ ตั ถดุ บิ ทผ่ี า่ นการรบั รองมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี เ์ ทา่ นน้ั เรม่ิ จากการผลติ สบอู่ นิ ทรยี เ์ ปน็ ผลติ ภณั ฑช์ นดิ แรกของบรษิ ทั จนปจั จบุ นั บรษิ ทั ฯ สามารถสง่ ออกสบอู่ นิ ทรยี จ์ ำนวนไม่ต่ำกว่า 30,000 ก้อนต่อเดือน โดยเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สบู่ ก่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดในวงกว้างได้ในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชน้ำมันอินทรีย์ และสมุนไพรอินทรีย์นอกจากนย้ี งั เปน็ การสรา้ งภาพลกั ษณใ์ หก้ บั ผลติ ภณั ฑอ์ นิ ทรยี ข์ องประเทศไทย ภายใตแ้ ผนการประชาสมั พนั ธ์“Think Organic, Think Thailand” คาดวา่ ภายในปี 2552 จะมยี อดการสง่ ออกไมต่ ำ่ กวา่ 60,000 กอ้ นตอ่ เดอื น โดยสามารถสง่ ออกผลิตภัณฑ์สบู่อินทรีย์ที่มีการรองรับด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ในนามของประเทศไทยสู่ตลาดโลก เช่นสหรฐั อเมรกิ า อติ าลี ญป่ี นุ่ เปน็ ตน้

“ไบโอ อเี ดน”...สเตม็ เซลลจ์ ากฟนั นำ้ นม “Bio Eden”…Stem Cell from Baby Tooth สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) สเตม็ เซลล์ (Stem Cells) เปน็ สง่ิ ทก่ี ำลงั อยใู่ นความสนใจอยา่ งมากในปจั จบุ นั เนอ่ื งจากสเตม็ เซลลถ์ อื ไดว้ า่ เปน็ เซลลแ์ มท่ ส่ี ามารถสรา้ งเปน็ เนอ้ื เยอ่ื อวยั วะ และระบบ ต่างๆ ในร่างกาย ทั้งนี้ สเต็มเซลล์จะมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว คือ สามารถ เพม่ิ จำนวนและเปลย่ี นสภาพเปน็ เนอ้ื เยอ่ื ชนดิ ตา่ งๆ ได้ ดงั นน้ั จงึ ไดม้ คี วามพยายาม ในการนำสเต็มเซลล์ไปใช้เพื่อการรักษาโรคต่างๆ ทั้งนี้ สเต็มเซลล์จะประกอบด้วย มเี ซน็ ไคมอลสเตม็ เซลล์ (mesenchymal stem cells) และฮมี าโทโปตกิ สเตม็ เซลล์ (hematopoietic stem cells; HSC) ซง่ึ มเี ซน็ ไคมอลสเตม็ เซลลน์ เ้ี องทม่ี คี วามสามารถ ในการพฒั นาไปเปน็ อวยั วะตา่ งๆ อนง่ึ ไดม้ คี วามพยายามในการจดั เกบ็ สเตม็ เซลล์ ทม่ี คี วามสดใหม่ เพอ่ื ใหส้ ามารถนำไปใชเ้ พอ่ื การรกั ษาโรคตา่ งๆ เชน่ การเกบ็ สเตม็ เซลล์ จากไขกระดูก กระแสโลหิต และเลือดจากสายสะดือของทารก อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการค้นพบว่าภายในเซลล์เนื้อฟัน (dental pulp) ประกอบด้วย มีเซ็นไคมอลสเต็มเซลล์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ ดังนั้น การจัดเก็บ สเตม็ เซลลจ์ ากฟนั นำ้ นมและฟนั คดุ จงึ เปน็ อกี ทางเลอื กหนง่ึ ทก่ี ำลงั ไดร้ บั ความสนใจเปน็ อยา่ งมาก ทั้งนี้ สนช. ได้ให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการ แก่บริษัท ไบโออีเดน เอเชีย จำกัด (มหาชน) ในโครงการ “ไบโอ อเี ดน”...สเตม็ เซลลจ์ ากฟนั นำ้ นม ทม่ี มี ลู คา่ การลงทนุ ในธรุ กจิ เรม่ิ ตน้ 5,624,400 บาท นบั เปน็ นวตั กรรมระดบั ประเทศดา้ นกระบวนการคดั แยกและการจดั เกบ็ สเตม็ เซลลช์ นดิ มเี ซน็ ไคมอลสเตม็ เซลล์ (mesenchymal stem cell) จากฟนั นำ้ นมและฟนั คดุ โดยเปน็ การนำฟนั นำ้ นมและฟนั คดุ มาทำการคดั แยก เนอ้ื ฟนั (dental pulp) และยอ่ ยดว้ ยเอนไซมค์ อลลาจเี นส (collagenase) และทำการคดั แยกสเตม็ เซลล์ แล้วจึงนำไปเพาะเลี้ยงเพื่อเพิ่มจำนวนในระยะเวลา 30 วัน หลังจากนั้นจึงนำสเต็มเซลล์ที่เพาะเลี้ยงนี้ ไปแชแ่ ขง็ ในไนโตรเจนเหลว เพอ่ื เตรยี มนำไปใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไปในวงการแพทยแ์ ละทนั ตแพทย์ บรษิ ทั ไบโออเี ดน เอเชยี ดำเนนิ การใหบ้ รกิ ารในการจดั เกบ็ สเตม็ เซลลจ์ ากฟนั นำ้ นมและฟนั คดุ เพอ่ื ประโยชนข์ องผฝู้ ากในอนาคต โดยมตี ลาดเปา้ หมายอยทู่ ค่ี รอบครวั ทม่ี บี ตุ รหลานและมรี ายไดต้ อ่ ครอบครวั อยา่ งนอ้ ย 800,000 บาทตอ่ ครอบครวั ทง้ั น้ี คดิ อตั ราคา่ บรกิ ารอยรู่ ะหวา่ ง 34,000 – 79,000 บาทตอ่ ซ่ี ซง่ึ คา่ ใชจ้ า่ ยดงั กลา่ วจะมากนอ้ ยขน้ึ กบั ระยะเวลาในการจดั เกบ็ สเตม็ เซลล์ นอกจากน้ี บรษิ ทั ฯ ยงั รว่ มงาน กับมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศเพื่อการพัฒนาวิจัยแนวทางการนำสเต็มเซลล์ที่ได้ไปใช้ใน การรักษาโรค โดยนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการเต็มรูปแบบ มีผู้เข้ารับบริการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากฟันแล้ว จำนวน 30 ซ่ี ปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ให้บริการการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากฟันในประเทศไทย รวมทั้งในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีได้กำหนดเป้าหมายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นสังคม ทม่ี สี ขุ ภาพดแี ละเปน็ ศนู ยก์ ลางสขุ ภาพของเอเชยี ภายใตก้ รอบเปา้ หมายในการพฒั นาเทคโนโลยชี วี ภาพของ ประเทศไทยซง่ึ การดำเนนิ การดงั กลา่ ว ดงั นน้ั จะชว่ ยสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การชกั นำใหช้ าวตา่ งประเทศหนั มาใช้ บริการการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากฟันในประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวสามารถสร้างรายได้จาก ชาวตา่ งประเทศไดโ้ ดยเฉลย่ี ปลี ะประมาณ 10 - 20 ลา้ นบาทตอ่ ปี

“I-MO”…พาหนะสว่ นบคุ คล 2 ลอ้ ฝมี อื คนไทย “I-MO”… Two Wheeled Personal Vehicles สำนกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สนช.) ปจั จบุ นั ความกา้ วลำ้ ของเทคโนโลยี ทำใหม้ กี ารผลติ สนิ คา้ ทม่ี คี วามหลากหลายมากยง่ิ ขน้ึ ความกา้ วหนา้ ของยานพาหนะกเ็ ปน็ อกี หนง่ึ ตวั อยา่ งทช่ี ดั เจน ไมว่ า่ จะเปน็รถไฮบรดิ ทผ่ี ลติ ไฟฟา้ ระหวา่ งการเบรคของรถใหก้ ลบั มาเปน็ พลงั งานทใ่ี ชใ้ นยามขบั ข่ีจากตัวอย่างนี้ใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ระบบควบคุม ระบบไฟฟ้าและระบบเครอ่ื งกลมาผสมผสานกนั อยา่ งลงตวั ความกา้ วหนา้ ทางวศิ วกรรมทำใหเ้ กดิ ผลติ ภณั ฑ์ทแ่ี ตกตา่ งกบั อดตี ทผ่ี า่ นมา เดมิ หากตอ้ งการเดนิ ทางในระยะใกล้ อาจใชก้ ารเดนิ ดว้ ยเทา้หรือขับจักรยานไป แต่หากมีพาหนะที่สะอาดไม่ปล่อยมลพิษ แต่สะดวกรวดเร็วนำ้ หนกั เบา และขบั ขง่ี า่ ย ยอ่ มจะมโี อกาสทางธรุ กจิ ทเ่ี ดน่ ชดั สนช. ได้ให้การสนับสนุน บริษัท ไอ-โมบิลิตี้ จำกัด ในโครงการ“แปลงเทคโนโลยเี ปน็ ทนุ ” เพอ่ื ทำการผลติ “I-MO”…พาหนะสว่ นบคุ คล 2 ลอ้ ฝมี อืคนไทย โดยมมี ลู คา่ การลงทนุ ในธรุ กจิ 680,000 บาท นบั เปน็ นวตั กรรมระดบั ประเทศด้านผลิตภัณฑ์ยานพาหนะสองล้อ ทรงตัวเองอัตโนมัติ วัดความเอียงด้วยเซนเซอร์ควบคุมและสั่งการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัว ส่งคำสั่งไปยังมอเตอร์ที่ล้อทั้งสองทำให้รับรู้คำสั่งการเคลื่อนที่ของผู้ขับขี่ด้วยการโน้มตัวไปด้านหน้าเพื่อเร่งความเร็วและโน้มตัวไปด้านหลังเพอ่ื หยดุ รถ ใชแ้ หลง่ พลงั งานไฟฟา้ จากแบตเตอรท่ี ซ่ี อ่ นไวใ้ ตฐ้ านของรถ สามารถขบั ขไ่ี ดร้ ะยะทาง 30 กม.ตอ่ การประจไุ ฟ 1 ครง้ั วสั ดทุ ใ่ี ชเ้ ปน็ อลมู เิ นยี มออกแบบตามหลกั วศิ วกรรมจงึ มนี ำ้ หนกั เพยี ง 25 กโิ ลกรมัสามารถยกขน้ึ ใสท่ า้ ยรถอยา่ งไมล่ ำบาก หลงั จากทไ่ี ดพ้ ฒั นารถตน้ แบบและไดจ้ ดั งานแถลงขา่ วเปดิ ตวั ไปแลว้ นน้ั บรษิ ทั ไอ-โมบลิ ติ ้ี จำกดัเล็งเห็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย “I-MO” โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้มีกำลังซื้อสูงเจ้าของโรงงานที่ใช้เพื่อการตรวจงาน หรือใช้เพื่อขับขี่พักผ่อนในสวนสาธารณะและหมู่บ้านขนาดใหญ่อาจใช้ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ให้คนนำเสนอขับรถนี้เข้ามาเพื่อดึงความสนใจก็ได้เช่นเดียวกันตง้ั เปา้ ไวท้ ใ่ี นปี 2552 จะจำหนา่ ยประมาณ 30 คนั แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นอาจจะมียอดขายไม่มากนัก ด้วยความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจงึ ยากตอ่ การทผ่ี พู้ ฒั นารายใหมจ่ ะเขา้ มาแขง่ ขนั คาดวา่ ในปแี รกจะเกดิ รายไดป้ ระมาณ 30 ลา้ นบาท และจะขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยจุดขายที่ใช้พลังงานสะอาด ไม่มีการปลดปล่อยมลภาวะ และมีความโดดเด่นดา้ นการใชง้ าน ดว้ ยราคาจำหนา่ ยทไ่ี มส่ งู มากจงึ คาดวา่ จะทำใหเ้ กดิ ธรุ กจิ นวตั กรรมไดอ้ ยา่ งเขม้ แขง็

การพฒั นาระบบโทรมาตรขนาดเลก็ เพอ่ื ตรวจวดั ระดบั นำ้ และสภาพอากาศ สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) สถาบนั สารสนเทศทรพั ยากรนำ้ และการเกษตร (องคก์ ารมหาชน) หรอื สสนก. ไดพ้ ฒั นาระบบ โทรมาตรเพื่อตรวจวัดข้อมูลระยะไกล ซึ่งมีขนาดเล็กและติดตั้งง่าย สามารถวัด ระดับน้ำ ปริมาณน้ำฝน อณุ หภมู ิ ความชน้ื ความกดอากาศ ความเขม้ แสง ความเรว็ ลม และเชอ่ื มโยงขอ้ มลู อตั โนมตั ทิ นั ทผี า่ นเครอื ขา่ ย โทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี GPRS รวมทง้ั มกี ารแสดงผลขอ้ มลู ในรปู ของภมู ศิ าสตรส์ ารสนเทศบนเครอื ขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ โดยไดม้ คี วามรว่ มมอื กบั กรมชลประทาน บรษิ ทั แอดวานซ์ อนิ โฟร์ เซอรว์ สิ จำกดั (มหาชน) และจงั หวดั นนทบรุ ี ดำเนนิ การตดิ ตง้ั อปุ กรณด์ งั กลา่ วในพน้ื ทต่ี า่ งๆ ทว่ั ประเทศ มาตง้ั แตป่ ี 2547 ปัจจุบัน สสนก. ยังคงพัฒนารูปแบบการใช้งาน โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ เช่น การรบั สง่ ขอ้ มลู 2 ทาง เพอ่ื ควบคมุ อปุ กรณป์ ลายทางได้ การพฒั นาใหอ้ ปุ กรณป์ ระหยดั พลงั งานโดยใชแ้ ผง โซล่าร์เซลขนาดเล็ก การเพิ่มประสิทธิภาพของชุดหัววัด การแปลงสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมชี อ่ งตอ่ หวั วดั มากขน้ึ การพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะชว่ ยใหผ้ ใู้ ชง้ านไดร้ บั ขอ้ มลู ทร่ี วดเรว็ สมำ่ เสมอ เพอ่ื การ บรหิ ารและจดั การทรพั ยากรนำ้ ของประเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไป

ผลการดำเนนิ งานกลมุ่ เปา้ หมายทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ ดงั น้ี ตดิ ตง้ั สถานโี ทรมาตรตรวจวดั ระดบั นำ้ และสภาพอากาศทว่ั ประเทศแลว้ จำนวน 646 สถานี ให้บริการข้อมูลจากระบบโทรมาตร ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต www.thaiweather.netเพอ่ื ใหเ้ กดิ การใชง้ านอยา่ งกวา้ งขวางยง่ิ ขน้ึ โดยมจี ำนวนการเขา้ เยย่ี มชมเวบ็ ไซต์ www.thaiweather.netในปี 2551 รวมทง้ั สน้ิ 3.94 ลา้ นครง้ั ระบบแจง้ เตอื นภยั ปรมิ าณนำ้ ฝน (จากระบบโทรมาตร) ผา่ นขอ้ ความสน้ั (SMS) ทางโทรศพั ท์เคลอ่ื นท่ี ใหก้ บั กรมชลประทาน กรมทรพั ยากรธรณี มลู นธิ ริ าชประชานเุ คราะห์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ และจงั หวดั นนทบรุ ี ข้อมูลจากระบบสามารถใช้งาน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนบริหารจัดการทรพั ยากรนำ้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพในทกุ ระดบั ตง้ั แตภ่ าครฐั ภาคเอกชน จนถงึ ระดบั ชมุ ชนได้ เพอ่ื ลดปญั หานำ้ ทว่ ม นำ้ แลง้ ทท่ี ำใหเ้ กดิ ความสญู เสยี ทางเศรษฐกจิ และสงั คม การดำเนนิ งานในอนาคตของโครงการ ขยายการตดิ ตง้ั สถานโี ทรมาตร ใหค้ รอบคลมุ พน้ื ทท่ี ว่ั ประเทศมากขน้ึ ปรบั ปรงุ และพฒั นาประสทิ ธภิ าพการทำงานของระบบโทรมาตรใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ ซอ่ มแซมและบำรงุ รกั ษาอปุ กรณโ์ ทรมาตรทด่ี ำเนนิ การตดิ ตง้ั ไปแลว้ชอ่ื ผรู้ บั ผดิ ชอบ นายสนุ ยั แผน่ ทอง โทรศพั ท์ 0 2642 7132 ตอ่ 102

ผลงานดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา สถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2551 นกั วจิ ยั ของสถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน (องคก์ ารมหาชน) ไดผ้ ลติ ผลงานวจิ ยั และพฒั นาระดบั แนวหนา้ ดา้ นตา่ งๆ รว่ มกบั นกั วจิ ยั ในสถาบนั วจิ ยั และมหาวทิ ยาลยั ซง่ึ มกี าร เผยแพรด่ ว้ ยรปู แบบตา่ งๆ ในวารสารวชิ าการ และการประชมุ ทง้ั ระดบั ชาติ และนานาชาติ รวมกวา่ 45 ผลงาน โดยผลงานเหลา่ นเ้ี กดิ จากการวจิ ยั โดยใชแ้ สงซนิ โครตรอนของสถาบนั ฯ หรอื เกย่ี วขอ้ งกบั การใชแ้ สงซนิ โครตรอน ตวั อยา่ งผลงานวจิ ยั ทส่ี ำคญั และนา่ สนใจ ไดแ้ ก่ การระบโุ ครงสรา้ งผลกึ ของแวน่ ตานาโน นกั วจิ ยั ของสถาบนั ฯ ไดร้ ว่ มมอื กบั กลมุ่ วจิ ยั จากวทิ ยาลยั นาโนเทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ลาดกระบงั นำโดย รศ.ดร.จติ ิ หนแู กว้ ในการศกึ ษาฟลิ ม์ บางผลกึ นาโนอนิ เดยี มออกซไี นไตรด์ (InO N ) ทง้ั นก้ี ลมุ่ วจิ ยั x 1-x ดังกล่าวได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคนิคการเคลือบฟิล์มบางผลึกนาโนอินเดียมออกซีไนไตรด์ ใหส้ ามารถควบคมุ การดดู กลนื แสงในชว่ งตา่ งๆ ทำใหไ้ ดร้ บั สทิ ธบิ ตั รจากประเทศสหรฐั อเมรกิ า ในโครงการวจิ ยั ทร่ี ว่ มมอื กนั น้ี ทางกลมุ่ นกั วจิ ยั ไดท้ ำการศกึ ษาโครงสรา้ งผลกึ ของฟลิ ม์ บางดงั กลา่ วโดยอาศยั เทคนคิ การ ดูดกลืนแสงซินโครตรอนย่านรังสีเอกซ์ (Synchrotron x-ray absorption spectroscopy) ซึ่งทำการ ทดลองทร่ี ะบบลำเลยี งแสงท่ี 8 (Bฺ emaline #8 หรอื X-ray Absorption Beamline) ของหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร แสงสยาม ประกอบกบั การวเิ คราะหท์ างทฤษฎเี ชงิ ลกึ ทำใหส้ ามารถระบโุ ครงสรา้ งการเรยี งตวั ระดบั อะตอม ของผลกึ นาโนกลมุ่ นเ้ี มอ่ื มสี ดั สว่ นของออกซเิ จนตอ่ ไนโตรเจนแตกตา่ งกนั ความรนู้ จ้ี ะชว่ ยใหส้ ามารถควบคมุ คุณสมบัติทางแสงของฟิล์มได้ดีขึ้น ผลงานที่ได้จากการศึกษาวิจัยในโครงการนี้นับว่าเป็นองค์ความรู้ใหม่ ในระดบั สากล ไดร้ บั การยอมรบั ใหต้ พี มิ พเ์ ผยแพรใ่ นวารสารวชิ าการดา้ นฟสิ กิ สป์ ระยกุ ตท์ ไ่ี ดร้ บั การยอมรบั สงู สดุ ในโลก คอื วารสาร Applied Physics Letters นอกจากนน้ั ผลการศกึ ษาวจิ ยั นจ้ี ะชว่ ยใหส้ ามารถ ควบคมุ คุณภาพการผลิตฟิลม์ นาโนสำหรบั การประยุกตใ์ ช้งานด้านตา่ งๆ อาทิ เชน่ แว่นตานาโนคริสตอล ทางนติ วิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และอตุ สาหกรรม เปน็ ตน้ รูปเปรียบเทียบการสเปกตรัมการดูดกลืน แสงซินโครตรอนย่านรังสีเอกซ์ของแผ่นฟิล์ม InO N ทม่ี สี ดั สว่ น O ตอ่ N ตา่ งๆ กนั (ซา้ ย) x 1-x กบั สเปกตรมั ทไ่ี ดจ้ ากการคำนวณ (ขวา)

การบำบดั นำ้ เสยี โดยใชข้ ยุ มะพรา้ ว ปัญหามลภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหามลภาวะทางนำ้ ไดข้ ยายตวั ขน้ึ อยา่ งมากจากการเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ของโรงงานอตุ สาหกรรมขนาดยอ่ มทย่ี งัขาดระบบการบำบดั นำ้ เสยี ทไ่ี ดม้ าตรฐานกอ่ นปลอ่ ยลงสแู่ หลง่ นำ้ ตามธรรมชาติ เพราะการสรา้ งระบบบำบดัมคี า่ ใชจ้ า่ ยคอ่ นขา้ งสงู รศ.ดร.ไพทพิ ย์ ธรี เวชญาณ จากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ีได้ศึกษากลไก การดูดซับโลหะนิกเกิลและโครเมียมของขุยมะพร้าว เพื่อมุ่งหวังทจ่ี ะลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการบำบดั นำ้ เสยี จากโรงงานอตุ สาหกรรม อาทเิ ชน่ อตุ สาหกรรมการชุบโลหะในขั้นตอนการชุบนิกเกิลหรือโครเมียม เพราะขุยมะพร้าวเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีองค์ประกอบหลักคือเซลลูโลส และลิกนิน ซึ่งสามารถใช้ในการดดู ซบั นกิ เกลิ หรอื โครเมยี มได้ โดยผลการวจิ ยั พบวา่ ขยุ มะพรา้ วปกตมิ ปี ระสทิ ธภิ าพการดดู ซบั นกิ เกลิ 9.5 มลิ ลกิ รมั ตอ่ กรมั แตห่ ากขยุ มะพรา้ วผา่ นปรบั สภาพดว้ ยโซเดยี มไฮดรอกไซด์ ประสทิ ธภิ าพการดดู ซบั จะเพม่ิ เปน็ 38.9 มลิ ลกิ รมั ตอ่ กรมั เพอ่ื ใหเ้ ขา้ ใจถึงกลไกการดูดซับและสถานะของโลหะที่ถูกดูดซับ กลุ่มวิจัยได้ประยุกต์ใช้เทคนิคการดดู กลนื รงั สเี อกซจ์ ากเครอ่ื งกำเนดิ แสงซนิ โครตรอน ณ หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารแสงสยามศกึ ษาโลหะทถ่ี กู ดดู ซบั พบวา่ นกิ เกลิ ทถ่ี กู ดดู ซบั มเี ลขออกซเิ ดชนั +2 และมโี ครงสรา้ งพนั ธะแบบ Octahedral นอกจากนย้ี งั พบวา่ กลไกการดดู ซบั นกิ เกลิ ดว้ ยขยุ มะพรา้ วนน้ัเกี่ยวข้องกับหมู่ไฮดรอกซิลคาร์บอกซิล และเมทอกซี ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของขุยมะพร้าว ความรู้นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการตัวดูดซับสำหรับอุตสาหกรรมต่อไป การใช้ขุยมะพร้าวนี้นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระบบบำบัดนำ้ เสยี แลว้ ยงั สามารถชว่ ยเพม่ิ มลู คา่ ของวสั ดทุ างการเกษตรอกี ดว้ ยการตรวจจำแนกเซลลป์ ระสาททพ่ี ฒั นามาจากเซลลต์ น้ กำเนดิ ปจั จบุ นั เทคโนโลยสี ำหรบั การรกั ษาผปู้ ว่ ยโดยใชเ้ ซลลต์ น้ กำเนดิ หรอื สเตม็ เซลล์ (Stem cell) มคี วามกา้ วหนา้ เปน็ อยา่ งมาก ในประเทศไทยไดป้ ระสบความสำเรจ็ ในการใชเ้ ซลลต์ น้ กำเนดิ ในการรกั ษาแผลทเ่ี กดิ จากโรคเบาหวาน และรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยโรงพยาบาลหลายแห่ง นอกจากนั้นเซลล์ต้นกำเนิดยงั สามารถพฒั นาไปเปน็ เซลลป์ ระสาท ซง่ึ เซลลเ์ หลา่ นเ้ี ปน็ ความหวงั สำคญั ในการรกั ษาโรคทางสมองตา่ งๆไมว่ า่ จะเปน็ โรคพากนิ สนั โรคอลั ไซเมอร์ และโรคทางสมองอน่ื ๆ ในกระบวนการเพาะเลย้ี งเซลลต์ น้ กำเนดิและการกระตุ้นให้เปลี่ยนไปเป็นเซลล์ประสาท หรือ ในขั้นตอนการคัดเลือกเซลล์ประสาทเพื่อนำไปใช้ในการรักษานั้น จำเป็นต้องมีกระบวนการตรวจสอบคัดเลือกเซลล์ที่ถูกต้องและสมบูรณ์ หาไม่แล้วจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการรักษา ปัจจุบัน การคัดเลือกเซลล์ประสาทจะใช้เทคนิคการย้อมเซลล์ด้วยแอนติบอดีที่ติดกับสารเรืองแสง (Immuno-hisotchemical Staining) อย่างไรก็ตามได้มีรายงานถึงปญั หาตา่ งๆ หลายดา้ นเกย่ี วกบั เทคนคิ น้ี ไดแ้ ก่ ความไมเ่ หมาะตอ่ การใชง้ านทางการแพทย์ ความคลาดเคลอ่ื นของผลทไ่ี ด้ ใชเ้ วลานานในการตรวจสอบ และ ตน้ ทนุ การตรวจสอบสงู

กลมุ่ นกั วจิ ยั ของสถาบนั ฯ รว่ มมอื กบั อาจารยจ์ ากมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี และ Monarch University ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการทดลองและพัฒนาเทคนิคในการตรวจจำแนกเซลล์ประสาท ทพ่ี ฒั นามาจากเซลลต์ น้ กำเนดิ ของหนู โดยอาศยั แสงซนิ โครตรอนในยา่ นรงั สอี นิ ฟราเรด (เทคนคิ Synchrotron FT-IR microspectroscopy) ซง่ึ จากผลการศกึ ษาพบวา่ เทคนคิ นส้ี ามารถใชใ้ นการตรวจวเิ คราะหเ์ ซลลไ์ ดใ้ น ระดบั เซลลเ์ ดย่ี วๆ และสามารถตรวจจำแนกเซลลป์ ระสาทออกจากเซลลต์ น้ กำเนดิ ไดเ้ ดน่ ชดั อกี ทง้ั ใชเ้ วลา ในการวิเคราะห์สั้น และไม่มีความยุ่งยากในการเตรียมตัวอย่าง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเทคนิคนี้ ใหผ้ ลการจำแนกทด่ี กี วา่ เทคนคิ การยอ้ มเซลลซ์ ง่ึ ใชก้ นั อยใู่ นปจั จบุ นั RADARSAT-2 นวตั กรรมการสำรวจระยะไกลดว้ ยดาวเทยี มระบบเรดาร์ สำนกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน) (สทอภ.) ไดใ้ หบ้ รกิ ารขอ้ มลู ดาวเทยี มระบบเรดารแ์ กผ่ ใู้ ชท้ ง้ั ในประเทศและภมู ภิ าคมาเปน็ เวลานบั 10 ปี เพอ่ื ใชใ้ นการสำรวจทรพั ยากรปา่ ไม้ แหลง่ นำ้ ทรพั ยากรธรณี พน้ื ทก่ี ารเกษตร การปรบั ปรงุ แผนท่ี ดา้ นความมน่ั คง สง่ิ แวดลอ้ ม และโดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ การวางแผนปอ้ งกนั แกไ้ ข ตดิ ตาม และบรรเทาภยั พบิ ตั ิ เชน่ อทุ กภยั แผน่ ดนิ ถลม่ เปน็ ตน้ สทอภ. ได้สนับสนุนข้อมูลดาวเทียมระบบเรดาร์ให้แก่หน่วยงานที่มีภารกิจในการติดตามและบรรเทาภัยพิบัติของ ประเทศไทยกวา่ 20 หนว่ ยงาน ประเทศแคนาดาประสบความสำเร็จในการส่งดาวเทียม RADARSAT-2 ขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 14 ธนั วาคม 2550 เพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารทดแทนดาวเทยี ม RADARSAT-1 ซง่ึ ปฏบิ ตั กิ ารเปน็ เวลานานกวา่ 10 ปี สทอภ. ได้ดำเนินการปรับปรุงสถานีรับสัญญาณดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เพื่อรับสัญญาณ และผลติ ขอ้ มลู ดาวเทยี ม RADARSAT-2 โดยคาดวา่ จะแลว้ เสรจ็ และพรอ้ มสำหรบั ใหบ้ รกิ ารภายในปี 2552 ทั้งนี้ ศูนย์ดาวเทียมภาคพื้นดินของ สทอภ. ยังเป็นสถานีรับสัญญาณแห่งแรกที่รับสัญญาณโดยตรงจาก ดาวเทยี ม RADARSAT-2 เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารแกผ่ ใู้ ชข้ อ้ มลู ทง้ั ในประเทศและภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้

ภาพจากดาวเทยี ม RADARSAT-2 Ultra-Fine Beam (HV) รายละเอยี ด 3 เมตร บรเิ วณทา่ อากาศยานสวุ รรณภมู ิ จงั หวดั สมทุ รปราการ บนั ทกึ เมอ่ื วนั ท่ี 28 พฤษภาคม 2551 ดาวเทียม RADARSAT-2 ถ่ายภาพด้วยระบบเรดาร์ ช่วงคลื่น C-band เป็นดาวเทียมที่มีสมรรถนะสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับดาวเทียมสำรวจทรัพยากรระบบเรดาร์ที่อยู่ในวงโคจรปัจจุบันสามารถถา่ ยภาพไดห้ ลายโหมด (Imaging Mode) ซง่ึ ประกอบดว้ ย SpotLight Beam, Fine Beam,Standard Beam, Wide Beam, Low Incidence Beam, High Incidence Beam, ScanSAR WideBeam, ScanSAR Narrow Beam, Standard Quad Polarization Beam, Fine Quad PolarizationBeam, Ultra-Fine Beam และ Triple Fine (Multi-Look Fine) Beam ประกอบกับสมรรถนะในการถา่ ยภาพในรายละเอยี ดทต่ี า่ งกนั ไดแ้ ก่ SpotLight Beam สามารถถา่ ยภาพรายละเอยี ดสงู (GSD)1 เมตร ขนาดภาพ 18x8 กิโลเมตร, Ultra-Fine Beam สามารถถ่ายภาพรายละเอียดสูง 3 เมตรความกว้างแนวถ่ายภาพ (Swath Width) 20 กิโลเมตร, ScanSAR Wide Beam สามารถถ่ายภาพรายละเอียด 100 เมตร ความกว้างในการถ่ายภาพ 500 กิโลเมตร และโหมดของการถ่ายภาพอื่นๆที่มีรายละเอียดและคุณลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะถ่ายภาพและใช้ข้อมูลเพื่อการประยุกต์ใช้ตามวัตถุประสงค์ของงานหรือภารกิจที่แตกต่างได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพแบบ Multi-Polarization Modes ซึ่งเป็นการถ่ายภาพด้วยสัญญาณเรดาร์ที่มีรูปแบบของสัญญาณแตกต่างกัน (HH, VV, VH, HV) แล้วนำภาพที่ได้มาสร้างเป็นภาพสีผสม (ColorComposite) ทำใหไ้ ดภ้ าพถา่ ยดาวเทยี มสี ซง่ึ งา่ ยตอ่ การแปลตคี วาม (Classification) โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิการประยกุ ตใ์ ชด้ า้ นเกษตรกรรม การใชท้ ด่ี นิ และปา่ ไม้ภาพท่ี 1 การถา่ ยภาพดว้ ยดาวเทยี ม RADARSAT-2 (RADARSAT-2 Beam Modes)

การใชข้ อ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศเพอ่ื การตดิ ตามพน้ื ทป่ี ระสบอทุ กภยั ของประเทศไทย สำนกั งานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน) (สทอภ.) ไดน้ ำขอ้ มลู ดาวเทียมวิเคราะห์พื้นที่น้ำท่วมและติดตามสถานการณ์น้ำ ซึ่งประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัยมากขึ้น ตอ่ เนอ่ื งเปน็ ประจำทกุ ปี เปน็ เหตใุ หม้ ผี บู้ าดเจบ็ และเสยี ชวี ติ รวมทง้ั ทรพั ยส์ นิ สาธารณปู โภค พน้ื ทก่ี ารเกษตร ตลอดจนอาคารทอ่ี ยอู่ าศยั ไดร้ บั ความเสยี หาย เนอ่ื งจากตำแหนง่ ทต่ี ง้ั ของประเทศไทยทต่ี ง้ั อยใู่ นเขตมรสมุ และการเปลย่ี นแปลงของสภาพภมู อิ ากาศทว่ั โลก ดงั นน้ั เทคโนโลยภี มู สิ ารสนเทศจงึ มบี ทบาทสำคญั ในการ วเิ คราะหก์ ำหนดขอบเขตพน้ื ทป่ี ระสบภยั เพอ่ื นำมาชว่ ยเหลอื และชดเชยความเสยี หายแกผ่ ปู้ ระสบภยั สทอภ. ไดน้ ำขอ้ มลู ดาวเทยี ม RADARSAT-1, LANDSAT-5 ระบบ TM, SPOT-2,4,5, ALOS และ TERRA ซง่ึ ดำเนนิ การรบั สญั ญาณตง้ั แตเ่ ดอื นพฤษภาคมถงึ ธนั วาคม ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะหแ์ ลว้ นน้ั ได้ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ข้อมูลดาวเทียมที่ปรับแก้ความถูกต้องแล้ว ข้อมูลขอบเขต พน้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม และรายงานการวเิ คราะหพ์ น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม เพอ่ื นำไปใชใ้ นการประกอบการพจิ ารณาประเมนิ ความเสยี หาย และใชใ้ นการวางแผนชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั จากเหตกุ ารณอ์ ทุ กภยั ในพน้ื ทต่ี า่ งๆ ดงั น้ี ภาพท่ี 1 แผนทพ่ี น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ มจากขอ้ มลู ดาวเทยี ม RADARSAT-1 บรเิ วณจงั หวดั รมิ ฝง่ั แมน่ ำ้ โขง เดอื นสงิ หาคม 2551 เกดิ เหตกุ ารณฝ์ นตกและแมน่ ำ้ โขงลน้ ตลง่ิ บรเิ วณจงั หวดั หนองคาย อดุ รธานี นครพนม สกลนคร และมกุ ดาหาร สทอภ. ไดด้ ำเนนิ การวเิ คราะหพ์ น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม ดงั ภาพท่ี 1ภาพที่ 2 ขอ้ มลู ดาวเทยี ม RADARSAT-1 ภาพท่ี 3 แผนทพ่ี น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ มจากขอ้ มลู ดาวเทยี ม SPOT-5 เปรยี บเทยี บพน้ื ทน่ี ำ้ ทว่ มขงั อยา่ งรนุ แรง บรเิ วณจงั หวดั ลพบรุ ี บริเวณจังหวัดนครราชสีมา

- เดอื นกนั ยายน ถงึ เดอื นตลุ าคม 2551 เหตกุ ารณฝ์ นตกหนกั ตอ่ เนอ่ื ง ทำใหเ้ กดิ นำ้ ปา่ ไหลหลากและนำ้ ทว่ มขงั ทำใหพ้ น้ื ทก่ี ารเกษตร และแหลง่ ชมุ ชน บรเิ วณลมุ่ นำ้ เจา้ พระยา ลมุ่ นำ้ มลู ลมุ่ นำ้ ชี ลมุ่ นำ้ปราจนี บรุ ี ไดร้ บั ความเสยี หายเปน็ บรเิ วณกวา้ ง โดยเฉพาะจงั หวดั พจิ ติ ร ลพบรุ ี ปราจนี บรุ ี จนั ทบรุ ี ขอนแกน่ดงั ภาพท่ี 2 และ 3 - เดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม 2551 เนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือทำใหฝ้ นตกหนกั บรเิ วณภาคใต้ สง่ ผลใหเ้ กดิ นำ้ ทว่ มขงั ในหลายพน้ื ทโ่ี ดยเฉพาะลมุ่ นำ้ ตาปี ลมุ่ นำ้ ปากพนงัลุ่มน้ำปัตตานี และก่อให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีนครศรธี รรมราช พทั ลงุ สงขลา ปตั ตานี และนราธวิ าส ดงั ภาพท่ี 4ภาพท่ี 4 แผนทพ่ี น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ มจากขอ้ มลู ดาวเทยี ม RADARSAT-1 บรเิ วณจงั หวดั สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช ปตั ตานี และนราธิวาสตารางท่ี 1 ขอ้ มลู ดาวเทยี มทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหพ์ น้ื ทน่ี ำ้ ทว่ ม ตง้ั แตเ่ ดอื นพฤษภาคม ถงึ ธนั วาคม 2551*บนั ทกึ บรเิ วณพน้ื ทป่ี ระสบอทุ กภยั จากพายไุ ซโคลนนารก์ สี ประเทศสหภาพพมา่

ดาวเทยี ม THEOS ดาวเทยี มสำรวจทรพั ยากรดวงแรกของไทย ดว้ ยตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการใชป้ ระโยชนข์ อ้ มลู ดาวเทยี มสำรวจทรพั ยากร ในการบรหิ ารจัดการทรัพยากรของประเทศ รัฐบาลจึงอนุมัติให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องคก์ ารมหาชน) (สทอภ.) เปน็ หนว่ ยงานดำเนนิ โครงการพฒั นาดาวเทยี มสำรวจทรพั ยากรดวงแรกของไทยTHEOS (Thailand Earth Observation System) รว่ มกบั บรษิ ทั EADS Astrium ประเทศฝรง่ั เศสโดยไดม้ กี ารลงนามในขอ้ ตกลงรว่ มกนั เมอ่ื วนั ท่ี 19 กรกฎาคม 2547 ดาวเทยี ม THEOS กำหนดสง่ ขน้ึสู่วงโคจรในปี 2551 อันจะทำให้ประเทศไทยมีดาวเทียมสำรวจทรัพยากรเป็นของตนเอง และสามารถสั่งถ่ายภาพบริเวณที่ต้องการในเวลาที่กำหนดได้มากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศดา้ นตา่ ง ๆ รวมทง้ั เพอ่ื แกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ เชน่ กรณเี กดิ ภยั พบิ ตั ิ ซง่ึ จำเปน็ ตอ้ งไดข้ อ้ มลู ดว้ ยความรวดเรว็ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ สำหรับการสร้างดาวเทียมธีออส สทอภ. ใช้เวลาประมาณ 3 ปี ปัจจุบัน ดาวเทยี มธอี อสไดผ้ า่ นการทดสอบสถานภาพ (Health Check) ครง้ั สดุ ทา้ ย เพอ่ื เปน็ การยนื ยนั วา่ ดาวเทยี มจะสามารถปฏบิ ตั งิ านในวงโคจรไดต้ รงตามเปา้ หมาย จากนน้ั จะทำการขนส่งดาวเทียมธีออสจากเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ไปยังฐานส่งจรวด ทเ่ี มอื งยาสนี (Yasny) ประเทศรสั เซยี ดาวเทยี มธอี อสกำหนดสง่ ขน้ึ สวู่ งโคจรในวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2551การขนส่งดาวเทียมธีออสไปยังฐานส่งจรวด การตดิ ตง้ั ดาวเทยี มธอี อสในหวั จรวด DNEP

การใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ดาวเทยี มธอี อส สทอภ. ไดม้ คี วามรว่ มมอื กบั หนว่ ยงานทง้ั ภายในประเทศในการให้บริการข้อมูลดาวเทียมธีออส เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ใช้ประโยชน์ข้อมูลดาวเทียมธีออสในการพัฒนาประเทศไดห้ ลายดา้ น เชน่ การเกษตร ปา่ ไม้ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ แหลง่ นำ้ การวางแผนการใชท้ ด่ี นิการสำรวจและการทำแผนท่ี เปน็ ตน้ นอกจากน้ี สทอภ. ยงั ไดร้ เิ รม่ิ โครงการความรว่ มมอื การใชป้ ระโยชน์ข้อมูลดาวเทียมธีออส เพื่อตอบสนองภารกิจภาครัฐ โดยได้เข้าพบผู้บริหารของหน่วยงานผู้ใช้ข้อมูลต่างๆได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหมกรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง ธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร เพอ่ื นำเสนอเกย่ี วกบั การใชป้ ระโยชน์ขอ้ มลู ดาวเทยี มธอี อส การส่งเสริมการประยุกต์ใช้ข้อมูลดาวเทียมธีออส สทอภ. ได้ร่วมกับบริษัท EADS Astriumสง่ เสรมิ การประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู ดาวเทยี มธอี อสแกห่ นว่ ยงานผใู้ ช้ สำหรบั โครงการนำรอ่ ง THEOS Pilot Projectมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สง่ เสรมิ การประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู ดาวเทยี มธอี อส เพอ่ื ใชใ้ นการตดิ ตามวางแผน บรหิ ารจดั การทรพั ยากรและสง่ิ แวดลอ้ มแบบบรู ณาการ ทง้ั ภาคพน้ื ดนิ และชายฝง่ั ทะเล รวมทง้ั การพฒั นาทางดา้ นเทคนคิและแบบจำลองในการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม ธีออสในด้านต่างๆ ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ข้อมูลดาวเทยี มธอี อส และสนบั สนนุ ขอ้ มลู ใหแ้ กห่ นว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ซง่ึ มหี นว่ ยงานทร่ี ว่ มโครงการ จำนวน 7 หนว่ ยคอื กรมแผนทท่ี หาร กรมวชิ าการเกษตร กรมประมง กรมชลประทาน กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่และพนั ธพ์ุ ชื ศนู ยภ์ มู ภิ าคเทคโนโลยอี วกาศและภมู สิ ารสนเทศ ภาคเหนอื ตอนลา่ ง มหาวทิ ยาลยั นเรศวรและศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา โครงการดงั กลา่ วแบง่ ออกเปน็ 3 สาขา ประกอบดว้ ย การเกษตร ปา่ ไม้ และแหลง่ นำ้ ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี - การเกษตร โครงการการพยากรณ์ผลผลิตข้าวนาปรัง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โครงการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการรับรู้ระยะไกลและระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรใ์ นการระบสุ ภาพเสอ่ื มโทรมของสวนสม้โครงการการศึกษาความเป็นไปได้ของการนำข้อมูลจากดาวเทียม SPOT 5เพื่อใช้ประเมินสถานะบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล บริเวณอำเภอแกลง จังหวัดระยองและโครงการศกึ ษาสภาพพน้ื ท่ี และประเมนิ มลู คา่ ทด่ี นิ รายแปลง - ปา่ ไม้ โครงการการประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ มลู จากดาวเทยี ม SPOT ในการจำแนกประเภทและตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงพน้ื ทป่ี า่ ไม้ - แหล่งน้ำ โครงการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและดินแบบบรู ณาการในลมุ่ นำ้ ยอ่ ยคลองวงั โตนดของลมุ่ นำ้ ภาคตะวนั ออก โครงการ Cartographic Pilot Project เปน็ การทำแผนทพ่ี น้ื ทจ่ี งั หวดั ระนอง 1: 25000 ผลบางส่วนจากการดำเนินโครงการพัฒนาวิธีการทำนาย ผลผลติ ขา้ ว (Rice yield prediction) และโครงการติดตามแหล่งเพาะเลี้ยงกุ้ง

การให้บริการข้อมูลดาวเทียมธีออส ปัจจุบันมีองค์การระหว่างประเทศสนใจเข้าร่วมเป็นสถานี เครอื ขา่ ยเพอ่ื รบั สญั ญาณจากดาวเทยี ม อาทิ แคนาดา, ออสเตรเลยี , ญป่ี นุ่ , สาธารณรฐั ประชาชนจนี , เยอรมน,ี รัสเซีย และ European Space Agency รวมถึง United States Geological Survey (USGS) ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ภายหลังจากที่ดาวเทียมธีออสขึ้นสู่วงโคจรและปฏิบัติงานแล้ว ประเทศไทยได้รับประโยชน์จาก ดาวเทียมธีออส หลายด้าน นับตั้งแต่การวางรากฐาน การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและสร้างองค์ความรู้ การพฒั นาบคุ ลากรของไทยใหม้ ศี กั ยภาพดา้ นเทคโนโลยอี วกาศ และการมดี าวเทยี มของตนเองสามารถนำ ขอ้ มลู ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการพฒั นาประเทศ ตลอดจนใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู แกผ่ ใู้ ชท้ ว่ั โลก รวมทง้ั ขอ้ มลู ดาวเทยี มธอี อส สามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในดา้ นตา่ งๆ ไดแ้ ก่ การเกษตร การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ การทำแผนที่ การวางผังเมือง ป่าไม้ ความมั่นคง การเก็บภาษี อุทกภัย การสำรวจหาพื้นที่ที่เกิดไฟป่า การสำรวจหาพน้ื ทท่ี เ่ี กดิ ภยั แลง้ เปน็ ตน้ ทง้ั น้ี เพอ่ื พฒั นาประเทศไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและทนั เหตกุ ารณ์ การสง่ ดาวเทยี มธอี อส ดาวเทยี มสำรวจทรพั ยากรดวงแรกของไทยครง้ั น้ี นบั เปน็ ความภาคภมู ใิ จ ของคนไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และเป็นการเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีอวกาศโลก จากการสั่งซื้อภาพจากดาวเทียมมาเป็นเจ้าของดาวเทียมที่สามารถควบคุมและสั่งถ่ายภาพ ตลอดจน ใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู ดาวเทยี มแกผ่ ใู้ ชใ้ นประเทศ ซง่ึ สามารถนำขอ้ มลู ไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นตา่ งๆ ไดแ้ ก่ ปา่ ไม้ การเกษตร การทำแผนที่ ผังเมือง การจัดการแหล่งน้ำ ความมั่นคง และภัยพิบัติ นอกจากนี้ ยังให้ บริการข้อมูลดาวเทียมธีออสแก่ผู้ใช้ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการพัฒนา เทคโนโลยอี วกาศของประเทศไทย ชดุ ตรวจวนิ จิ ฉยั ไขห้ วดั นกรนุ่ ใหมโ่ ดยหลกั การไบโอเซนเซอร์ ทม่ี คี วามไวกวา่ เดมิ ถงึ 100 เทา่ ใชเ้ วลาตรวจเพยี ง 15 นาที เมื่อวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน 2550 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ศนู ยพ์ นั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยชี วี ภาพแหง่ ชาติ (ศช.) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) ไดแ้ ถลงขา่ วความสำเรจ็ “ชดุ ตรวจวนิ จิ ฉยั ไขห้ วดั นก รนุ่ ใหมโ่ ดยหลกั การไบโอเซนเซอรช์ ดุ แรกของโลก” โดยความสำเรจ็ นถ้ี อื เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการบรรเทาปญั หาสำคญั ดา้ นสาธารณสขุ ของหลายประเทศทว่ั โลก นน่ั คอื “การตดิ เชอ้ื ไขห้ วดั นกในสตั ว”์ ซง่ึ มกี ารแพรก่ ระจายอยา่ งรวดเรว็ ของเชอ้ื ไวรสั ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ศช.) ร่วมกับบริษัท อินโนวา ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง สวทช. กับนักวิชาการและภาคเอกชน ร่วมดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนา “ชุดตรวจวินิจฉัยไข้หวัดนกรุ่นใหม่โดยหลักการไบโอเซนเซอร์” โดยมุ่งเน้นการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยที่มีความจำเพาะต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจากการใช้โมโนโคลนัล แอนติบอดีที่พัฒนาขึ้นได้ในประเทศไทย และมีความจำเพาะต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5 ที่กำลัง แพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก ชุดตรวจนี้ใช้เทคโนโลยีไบโอเซนเซอร์ ซึ่งใช้อนุภาคแม่เหล็กนาโน เชื่อมต่อ เข้ากับแอนติบอดี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ของโลก จากการประเมินประสิทธิภาพในการตรวจสอบ พบว่า ชดุ ตรวจมคี วามไวในการตรวจสงู กวา่ ชดุ ตรวจแบบเดมิ ถงึ 100 เทา่ โดยใชเ้ วลาตรวจเพยี ง 15 นาที ไดท้ ำ

การผลติ ระดบั อตุ สาหกรรมในชอ่ื INNOVA Platinum® H5 Biosensor และ AIV Biosensor (ราคาประมาณชดุ ละ 300 บาท) นบั เปน็ “ชดุ ตรวจไขห้ วดั นกแบบไบโอเซนเซอรท์ ผ่ี ลติ ไดใ้ นเชงิ พาณชิ ยช์ ดุ แรกของโลก” ขณะนี้ได้ทำการประเมินประสิทธิภาพของชุดตรวจอย่างเข้มงวดตามหลักวิทยาศาสตร์ในระดับสากลในหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารและภาคสนาม และไดย้ น่ื จดทะเบยี นสทิ ธบิ ตั รแลว้หวั หนา้ โครงการ: ศริ ทิ พิ ย์ วริ ยิ ะวจิ ติ ราระยะเวลาโครงการ: 1.5 ปี (ม.ิ ย. 2549 - พ.ย. 2550)งบประมาณโครงการ: 3.75 ลา้ นบาท (โครงการรว่ มวจิ ยั ) ชดุ ตรวจสอบเอนไซม์ ENZhance ใชส้ ำหรบั ตรวจสอบกจิ กรรมของเอนไซมท์ ผ่ี ลติ จากแบคทเี รยี หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเอนไซมเ์ ทคโนโลยี หนว่ ยปฏบิ ตั กิ าร Bioresource Unit ศนู ยพ์ นั ธวุ ศิ วกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ศช.) โดย ดร.ลิลี่ เอื้อวิไลจิตร และคณะวิจัย ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาชดุ ตรวจสอบเอนไซม์ ENZhance ใชส้ ำหรบั ตรวจสอบกจิ กรรมของเอนไซมท์ ผ่ี ลติ จากแบคทเี รยี ไดส้ ำเรจ็และได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2551 ระดับชมเชย (สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอตุ สาหกรรมวจิ ยั ) จากสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ ปจั จบุ นั ชดุ ตรวจสอบเอนไซมท์ พ่ี ฒั นาขน้ึ ไดร้ บั การผลติ ในลกั ษณะต้นแบบในชื่อ ENZhance Complete Kit ซึ่งประกอบไปด้วยสารละลาย ENZhance และสารตั้งต้นของเอนไซมห์ ลกั ทใ่ี ชก้ นั ในอตุ สาหกรรมซง่ึ ไดแ้ ก่ amylase, cellulase, xylanase และ protease โดย ศช.ไดต้ กลงรว่ มกบั บรษิ ทั เอกชนในกลมุ่ อตุ สาหกรรมผลติ ชดุ ตรวจวนิ จิ ฉยั เพอ่ื รบั ถา่ ยทอดเทคโนโลยผี ลติ ภณั ฑ์ชุดตรวจสอบเอนไซม์ ENZhance ดังกล่าว และลงนามในสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิร่วมกันเมื่อวันที่1 กมุ ภาพนั ธ์ 2551 เปน็ ระยะเวลา 1 ปี ชุดตรวจสอบเอนไซม์แบบเททับ ชุด A (ENZhance Complete) Kit A เป็นชุดตรวจสอบกิจกรรมเอนไซม์ของแบคทีเรียโดยอาศัยหลักการเพิ่มรูพรุนบนผนังเซลล์แบคทีเรียด้วยสารละลาย“ENZhance” ที่ได้พัฒนาขึ้นโดยห้องปฏิบัติการเอนไซม์เทคโนโลยี (ยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศแล้ว)ร่วมกับเทคนิคการเททับ (overlay) ด้วยสารตั้งต้น ทำให้สามารถเพิ่มความไว (sensitivity) ในการตรวจสอบกิจกรรมเอนไซม์ โดยสามารถตรวจสอบได้ทั้งเอนไซม์ที่อยู่ภายในเซลล์ (intracellular) และเอนไซมท์ ห่ี ลง่ั ออกมาภายนอก (extracellular) ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สะดวก และรวดเรว็ ดว้ ยราคาทไ่ี มแ่ พงและสามารถตรวจสอบกิจกรรมเอนไซม์ที่สภาวะรุนแรงได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบกิจกรรมเอนไซม์ของแบคทีเรียในอุตสาหกรรม ทั้งเพื่อการควบคุมคุณภาพในกระบวนการ หรือผลิตภัณฑ์ ทั้งในลักษณะของสายพันธุ์บริสุทธิ์หรือหัวเชื้อผสมที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การหมักอาหารสัตว์ และการบำบดั ของเสยี นอกจากนย้ี งั มปี ระโยชนใ์ นการศกึ ษาวจิ ยั ทางเทคโนโลยชี วี ภาพเพอ่ื หาเอนไซมช์ นดิ ใหม่ทม่ี ศี กั ยภาพทางอตุ สาหกรรม

ทั้งนี้ จากผลงานเรื่อง “ชุดตรวจสอบเอนไซม์แบบเททับ” สำหรับตรวจสอบเอนไซม์เพื่อใช้ใน อุตสาหกรรม ทำให้คณะนักวิจัยห้องปฏิบัติการเอนไซม์เทคโนโลยี หน่วยปฏิบัติการ Bioresources Technology ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2551 ระดบั ชมเชย (สาขาวศิ วกรรมศาสตรแ์ ละอตุ สาหกรรมวจิ ยั ) จากสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ เมอ่ื วนั ท่ี 2-5 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งรางวัลดังกล่าว จะมอบให้กับนักประดิษฐ์ในสาขาต่างๆ ที่คิดค้น เสนอผลงานซึ่งเป็นผลิตผล ผลิตภัณฑ์ กรรมวิธี กระบวนการ วิธีการ มาตรการ หรือระบบ ตลอดจน วทิ ยาการตา่ งๆ ทด่ี เี ดน่ และพสิ จู นแ์ ลว้ วา่ เปน็ ประโยชนแ์ กป่ ระเทศชาติ ทง้ั ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสงั คมศาสตร์ การพฒั นาและออกแบบวสั ดแุ ละระบบโครงสรา้ งโรงเรอื นเพาะชำแบบครบวงจร การพฒั นาพลาสตกิ เลอื กแสงคลมุ โรงเรอื นเพาะปลกู เพอ่ื เพม่ิ คณุ ภาพของพชื ผลทางการเกษตร ในสภาวะอากาศทแ่ี ปรปรวนในปจั จบุ นั ทง้ั อากาศรอ้ นจดั หรอื ในบางครง้ั เกดิ ฝนตกมากเกนิ ไป ทำใหเ้ กดิ ความเสยี หายในการผลติ พชื ตา่ งๆ ดงั นน้ั เทคโนโลยโี รงเรอื นจงึ มบี ทบาทและความจำเปน็ มากขน้ึ ในการนำมาใช้เพื่อการผลิตพืช รวมทั้งสามารถป้องกันแมลงที่เป็นศัตรูพืชหรือแมลงพาหะนำโรคต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายของผลผลิตได้ นอกจากนี้การใช้โรงเรือนเพาะปลูกที่คลุมด้วยพลาสติกที่มี สมบตั ใิ นการเลอื กแสงผนวกกบั การออกแบบโครงสรา้ งโรงเรอื นทเ่ี หมาะสมกบั สภาพอากาศในประเทศไทย ในแตล่ ะพน้ื ท่ี จะชว่ ยเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ พชื ตอ่ หนว่ ยพน้ื ทใ่ี หส้ งู ขน้ึ ได้ คณะผู้วิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้ทำการพัฒนาพลาสติกคัดเลือกแสงสำคัญจากดวงอาทิตย์สำหรับ คลุมโรงเรือนเพาะปลูก ที่มีคุณสมบัติลดการส่องผ่านของรังสียูวี ลดรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิภายในโรงเรือน ขณะเดียวกันยอมให้รังสีที่พืชต้องการใช้เป็นพลังงาน ในการสังเคราะห์แสงส่องผ่านได้ในปริมาณที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช พลาสติกที่พัฒนาขึ้น ดงั กลา่ วมสี มบตั กิ ารกระเจงิ แสงดี ทำใหพ้ ชื ไดร้ บั แสงอยา่ งสมำ่ เสมอและทว่ั ถงึ และทำใหพ้ ชื มกี ารสงั เคราะห์ แสงได้ดี ส่งผลให้มีการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี ได้ทดสอบพลาสติกคลุมโรงเรือนเพาะปลูก ทไ่ี ดพ้ ฒั นารว่ มกบั มลู นธิ โิ ครงการหลวงในพน้ื ทจ่ี งั หวดั เชยี งใหม่ ในการผลติ พรกิ หวาน เมลอ่ น มะเขอื เทศ และผักสลัดเรดโครอล ผลการศึกษาพบว่า พืชที่ปลูกภายใต้โรงเรือนที่ใช้พลาสติกโดยการพัฒนาของ เอม็ เทค มกี ารใหผ้ ลผลติ ดกี วา่ เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ไดน้ านกวา่ อณุ หภมู ภิ ายในโรงเรอื นตำ่ กวา่ 2 - 3 องศา เซลเซยี ล เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั การใชพ้ ลาสตกิ โรงเรอื นในทอ้ งตลาดทว่ั ไป ผลการทดสอบพลาสตกิ เลอื กแสงคลมุ โรงเรอื นในการผลติ พรกิ หวาน สถานหี นองหอย จ.เชยี งใหม่ การปลูกพริกหวานภายใต้โรงเรือนที่คลุมด้วยพลาสติกเลือกแสง จะติดดอกทุกข้อ ขณะเดียวกัน ผวิ พรกิ หวานจะขน้ึ สแี ดงเรว็ กวา่ พรกิ หวานทป่ี ลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทว่ั ไป 10 วนั นอกจากน้ี สามารถเกบ็ ผลติ ผลพรกิ หวานไดม้ ากกวา่ ทป่ี ลกู ภายใตโ้ รงเรอื นคลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทว่ั ไป

รปู ท่ี 1 เปรยี บเทยี บการขน้ึ สขี องพรกิ หวานทป่ี ลกู ในโรงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ เลอื กแสง (เอม็ เทค)ผลการทดสอบพลาสตกิ เลอื กแสงคลมุ โรงเรอื นในการปลกู เมลอ่ น สถานวี จิ ยั แมส่ าใหม่เมลอ่ นทป่ี ลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ เลอื กแสง มนี ำ้ หนกั ผลมากทส่ี ดุ คอื 1,982.20 กรมั ตอ่ ผลสว่ นนำ้ หนกั ผลผลติ ของเมลอ่ นปลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทว่ั ไปมนี ำ้ หนกั ผลเฉลย่ี 1,416.00กรมั ตอ่ ผล (a) (b) (a) (b) รปู ท่ี 2 ภาพการเปรยี บเทยี บเมลอนปลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ย (a) พลาสตกิ เลอื กแสง (เอม็ เทค) (b) พลาสตกิ ทว่ั ไป

ที่ระดับความสูง 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สถานวี จิ ยั หนองหอย มลู นธิ ิโครงการหลวง มสี ภาพภมู อิ ากาศและสภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมตอ่ การปลกู ผกั สลดั สแี ดงเรดโครอลและมะเขอื เทศดอยคำ ผลการปลูกเรดโครอล พบว่าผักสลัดแดงเรดโครอลที่ปลูกภายใต้โรงเรือนที่คลุมด้วยพลาสติกเลือกแสง จากเอม็ เทค รปู 3 (b) จะมสี แี ดงเขม้ สดกวา่ ขนาดทรงพมุ่ กวา้ งกวา่ และมกี ารกระจายตวั ของสแี ดงไปยงั กา้ นผกั มากกวา่ ผกั สลดั เรดโครอลทป่ี ลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทม่ี ขี ายทว่ั ไป รปู 3 (a) (a) (b) รปู ท่ี 3 ผกั สลดั แดงเรดโครอลปลกู ภายใตโ้ รงเรอื น (a) คลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทว่ั ไป (b) คลมุ ดว้ ยพลาสตกิ เลอื กแสง ผลการปลูกมะเขือเทศ พบว่ามะเขือเทศที่ปลูกภายใต้โรงเรือนที่คลุมด้วยพลาสติกเลือกแสง จะตดิ ดอกเรว็ กวา่ โรงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทม่ี ขี ายทว่ั ไป อกี ทง้ั ยงั มกี ารเปลย่ี นสผี ลครง้ั แรกทอ่ี ายุ 72 วนั หลงั ยา้ ยปลกู ขณะทม่ี ะเขอื เทศทป่ี ลกู ภายใตโ้ รงเรอื นทค่ี ลมุ ดว้ ยพลาสตกิ ทม่ี ขี ายทว่ั ไป จะเปลย่ี นสผี ลเมอ่ื 74 วัน หลังย้ายปลูกซึ่งช้ากว่ามะเขือเทศที่ปลูกในโรงเรือนคลุมด้วยพลาสติกเลือกแสง ดังนั้นจึงเป็นการ ใชป้ ระโยชนจ์ ากการเลอื กแสงจากดวงอาทติ ยใ์ หส้ ามารถเรง่ การขน้ึ สขี องผลติ ผลสดไดโ้ ดยไมต่ อ้ งใชส้ ารเคมี อนั ตราย ดงั แสดงในรปู ท่ี 4-5 รปู ท่ี 4 ภาพแสดงความเขม้ และความสมำ่ เสมอของสผี ลมะเขอื เทศ

รปู ท่ี 5 ภาพการปลกู มะเขอื เทศภายในโรงเรอื นทดสอบ ณ สถานหี นองหอย สวทช. โดย เอม็ เทค และไบโอเทค ไดม้ คี วามรว่ มมอื กบั บรษิ ทั ควอลติ ้ี แพคพรน้ิ ตง้ิ 2000 จำกดัในการผลิตพลาสติกที่ลดการส่องผ่านของรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ เพื่อใช้ในโครงการทดสอบพลาสติกคลุมโรงเรือนภาคสนามร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ เช่น มูลนิธิโครงการหลวง, บริษัทเซมนิ สี เวเจท็ เทเบล้ิ สดี ส์ จำกดั , บรษิ ทั ซาคาตะ สยาม ซดี จำกดั เพอ่ื ดำเนนิ การทดสอบพลาสตกิ โรงเรอื นเพอ่ื การผลติ พชื และเมลด็ พนั ธ์ุ เพอ่ื เตรยี มความพรอ้ มสำหรบั การพฒั นาพลาสตกิ เลอื กแสงสเู่ ชงิ พาณชิ ย์ตอ่ ไป นอกจากนโ้ี ครงการไดท้ ลู เกลา้ ถวายพลาสตกิ จำนวน 1,000 กโิ ลกรมั แดส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯเพอ่ื ใชใ้ นกจิ กรรมของมลู นธิ โิ ครงการหลวง คดิ เปน็ มลู คา่ 217,800 บาท ขณะนอ้ี ยรู่ ะหวา่ งการเจรจาถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ master batch ใหก้ บั เอกชน ไดร้ บั รางวลั “กลมุ่ นกั เทคโนโลยดี เี ดน่ ” จากมลู นธิ สิ ง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ ประจำปี 2551 ขณะนก้ี ารพฒั นาฟลิ ม์ โพลเี ทคพลาสตกิ ไดอ้ ยรู่ ะหวา่ งการทดลองภาคสนาม โดยขยายขอบเขตการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ร่วมมือกับบริษัทผลิตน้ำผลไม้สดเพื่อการส่งออก ทดลองใช้ฟิล์มโพลเี ทคพลาสตกิ หมุ้ ขวดบรรจเุ พอ่ื ลดการซดี จางของสนี ำ้ ผลไมเ้ มอ่ื ถกู แสง โครงการมผี ลงานยน่ื จดสทิ ธบิ ตั ร 3 เรอ่ื ง และไดร้ บั รางวลั “กลมุ่ นกั เทคโนโลยดี เี ดน่ ” จากมลู นธิ ิสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี นพระบรมราชปู ถมั ภ์ ประจำปี 2551หวั หนา้ โครงการ: จติ ตพ์ิ ร เครอื เนตรระยะเวลาโครงการ: 5 ปี (2549-2553)งบประมาณโครงการ: 12 ลา้ นบาท (สะสม ณ ปปี จั จบุ นั )

พฒั นาระบบสกดั นำ้ มนั ปาลม์ แบบไมใ่ ชไ้ อนำ้ ตน้ แบบระดบั ชมุ ชน ศนู ยเ์ ทคโนโลยแี ละวสั ดแุ หง่ ชาติ (เอม็ เทค็ ) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) ปจั จบุ นั กระบวนการสกดั นำ้ มนั ปาลม์ โดยทว่ั ไปนน้ั มี 2 แบบ คอื แบบหบี แยกกะลาเมด็ ในโดยใชไ้ อนำ้ และแบบหบี รวมกะลาเมด็ ในโดยไมใ่ ชไ้ อนำ้ ซง่ึ กระบวนการเหลา่ นน้ั มขี อ้ จำกดั คอื กระบวนการแบบหบี แยก กะลาเม็ดในแบบใช้ไอน้ำนั้น เหมาะสำหรับการผลิตในโรงงานขนาดใหญ่ และไอน้ำที่ใช้มีผลต่อการเพิ่ม ปรมิ าณนำ้ ผสมในนำ้ มนั และอณุ หภมู สิ งู จากการใชไ้ อนำ้ ในขน้ั ตอนการแยกผลจากทะลายปาลม์ เปน็ ผลให้ กากทเ่ี หลอื จากการหบี มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการตำ่ ลง และกอ่ ใหเ้ กดิ นำ้ เสยี เปน็ ปรมิ าณมาก นอกจากนต้ี อ้ งใช้ ไอนำ้ และไฟฟา้ ปรมิ าณมากในกระบวนการสกดั นำ้ มนั ปาลม์ ทำใหก้ ารตง้ั โรงงานสกดั นำ้ มนั ปาลม์ ตอ้ งใชเ้ งนิ ลงทุนสูง และต้องมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 15 ตันทะลายปาล์มสดต่อชั่วโมง (ประมาณ 30,000 ไร่) ส่วนกระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มแบบรวมโดยไม่ใช้ไอน้ำ มีผลให้น้ำมันที่ได้เป็นน้ำมันผสมระหว่าง น้ำมันเม็ดในปาล์มและน้ำมันจากเนื้อปาล์ม ซึ่งเป็นน้ำมันเกรดบีที่มีราคาจำหน่ายต่ำกว่าน้ำมันที่ได้จาก กระบวนการหบี แยกเมด็ ในปาลม์ งานวจิ ยั กระบวนการสกดั นำ้ มนั ปาลม์ แบบไมใ่ ชไ้ อนำ้ ทพ่ี ฒั นาได้ เปน็ การแยกเนอ้ื ปาลม์ ดว้ ยแหลง่ ความร้อนจากการเผาไหม้ของก๊าซปิโตรเลียมเหลว โดยไม่มีการสัมผัสกับเนื้อปาล์ม วิธีนี้จะช่วยลดการ ใชพ้ ลงั งาน ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ นำ้ เสยี ผลติ นำ้ มนั ปาลม์ เกรดเอ และกากเหลอื จากกระบวนการสกดั สามารถนำไป เป็นอาหารสัตว์ได้ นอกจากนี้โรงงานที่ใช้ระบบแบบนี้ยังสามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดที่มีวัตถุดิบได้ ถอื วา่ เปน็ ระบบหบี ปาลม์ ทเ่ี หมาะกบั ชมุ ชน ทำใหส้ ามารถลดการขนสง่ ปาลม์ ทง้ั ระยะทางและเวลา สถานภาพปัจจุบัน คณะผวู้ จิ ยั ไดด้ ำเนนิ การยน่ื ขอรบั ความคมุ้ ครอง ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา สทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์ เรอ่ื ง “กระบวนการสกัดน้ำมันปาล์มแบบแยกกะลา เม็ดในโดยไม่ใช้ไอน้ำ” เรียบร้อยแล้ว เลขที่ คำขอ 0801002859 หวั หนา้ โครงการ: เอกรฐั ไวยนติ ย์ ระยะเวลาโครงการ: 6 เดอื น (ก.พ. 2551- ก.ค.2551) งบประมาณโครงการ: 4.0 ลา้ นบาท

ผลงานวจิ ยั : เครอ่ื งรบกวนสญั ญาณโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี T-Box 3.0 เครอ่ื งรบกวนสญั ญาณเครอ่ื งควบคมุ ระยะไกล T-Box 3.0R ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาติ (Nectec) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยหน่วยปฏิบัติการวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความมั่นคงของประเทศ วิจัยและพัฒนาเครื่องตัดสัญญาณระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ T-Box รุ่น 3.0ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงทัดเทียมและดีกว่าต่างประเทศ เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานเพื่อความมั่นคงและการปอ้ งกนั ประเทศ เพอ่ื ใชใ้ นภารกจิ ปอ้ งกนั และปราบปรามกลมุ่ ผกู้ อ่ ความไมส่ งบใน 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้สามารถชว่ ยลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการนำเขา้ อปุ กรณจ์ ากตา่ งประเทศ และชว่ ยชวี ติ ผปู้ ฎบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ดเ้ ปน็ จำนวนมากไดร้ บั รางวลั ดเี ยย่ี ม ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละอตุ สาหกรรม จากสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ ผลงานเรอ่ื ง “เครอ่ื งรบกวนสญั ญาณโทรศพั ทเ์ คลอ่ื นท่ี (T-box3.0)” โดย ดร.โกเมน พบิ ลู ยโ์ รจน์,ดร.ศวิ รกั ษ์ ศวิ โมกษธรรม (สาขาวศิ วกรรมศาสตรแ์ ละอตุ สาหกรรมวจิ ยั ) ไดร้ บั รางวลั ดเี ยย่ี ม ดา้ นวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม จากคณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ วช. ซึ่งได้แถลงข่าวรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ: รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2552 และการจัดงาน “วันนักประดิษฐ์” และ“วนั นกั ประดษิ ฐน์ านาชาต”ิ ประจำปี 2552 โดยมรี องเลขาธกิ ารคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ เปน็ ประธานฯเมอ่ื วนั ท่ี 16 มกราคม 2552 ณ หอ้ งจปู เิ ตอร์ ชน้ั 3 โรงแรมมาราเคลิ แกรนด์ คอนเวนชน่ั กรงุ เทพฯการถา่ ยทอดผลงานวจิ ยั สภู่ าคอตุ สาหกรรม สง่ มอบใหเ้ ฉพาะหนว่ ยงานความมน่ั คงของประเทศไทยผรู้ บั ผดิ ชอบ ดร.ศวิ รกั ษ์ ศวิ โมกธรรม ผอู้ ำนวยการฝา่ ย หนว่ ยปฎบิ ตั กิ ารวจิ ยั เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเพอ่ื ความมน่ั คงของประเทศ โทร. 0 2564 6900 ตอ่ 2521 [email protected]

เครอ่ื งวดั ความชน้ื ในผลติ ผลการเกษตรประเภทเมลด็ ขา้ วและถว่ั ศนู ยเ์ ทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนกิ สแ์ ละคอมพวิ เตอรแ์ หง่ ชาติ (Nectec) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) ความชน้ื เปน็ ปจั จยั สำคญั ในผลติ ผลการเกษตร โดยเฉพาะผลผลติ ประเภทเมลด็ ทจ่ี ะสง่ ผลกระทบ ตอ่ การเกบ็ รกั ษาและคณุ ภาพ ชดุ อเิ ลก็ โทรดทพ่ี ฒั นาขน้ึ น้ี ไดอ้ อกแบบใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านของเกษตรกร ในการวดั ความชน้ื ของเมลด็ ขา้ วเปลอื กและเมลด็ ถว่ั โดยใชก้ ารวดั สมบตั ทิ างไฟฟา้ (dielectric constant) ซง่ึ เปน็ วธิ กี ารวดั ทร่ี วดเรว็ โดยมคี วามคลาดเคลอ่ื นบวกลบไมเ่ กนิ 1% และเครอ่ื งมอื มรี าคาไมแ่ พง เพอ่ื ชว่ ย ในการจดั การผลผลติ ของเกษตรกร เชน่ เวลาในการเกบ็ เกย่ี ว เวลาในการเกบ็ ในยงุ้ ฉาง เวลาหรอื กระบวนการ ในการลดความชน้ื เพราะความชน้ื เปน็ ตวั แปรหนง่ึ ทส่ี ำคญั ซง่ึ มผี ลตอ่ คณุ ภาพและราคาของผลผลติ ผลงานวิจัยได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรในประเทศ 2 เรื่อง 1). ชุดอิเล็กโทรดสำหรับการวัดความชื้น ของเมล็ดหรือเม็ดวัสดุที่มีรูปร่างที่ไม่เป็นทรงกลม (วันยื่น 06/07/2550 เลขที่คำขอ 701003393) 2). ชดุ อเิ ลก็ โทรดสำหรบั การวดั ความชน้ื ของเมลด็ หรอื เมด็ วสั ดทุ ม่ี รี ปู รา่ งทเ่ี ปน็ ทรงกลม (วนั ยน่ื 06/07/2550 เลขที่คำขอ 701003394) ปัจจุบันได้มีการขายสิทธิให้เอกชนจำนวน 1 บรษิ ทั ในการใชเ้ ทคโนโลยชี ดุ อเิ ลค็ โทรดทพ่ี ฒั นาขน้ึ เพอ่ื วดั ความชน้ื ผลติ ผลทางการเกษตรทม่ี ีรปู รา่ งไมเ่ ปน็ ทรงกลม โดยทางบรษิ ทั ฯ ตอ้ งพฒั นาตอ่ ยอดสว่ นของ วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การวดั คา่ ความจไุ ฟฟา้ และตอ้ งมกี ารออกแบบผลติ ภณั ฑเ์ พอ่ื ใหส้ ามารถใชง้ าน ไดอ้ ยา่ งสะดวกและมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ และอาจพฒั นา ใหว้ ดั ความชน้ื ของผลติ ภณั ฑท์ ห่ี ลากหลายมากขน้ึ เชน่ วดั ความชน้ื ในปลากรอบ ทราย และถา่ นหนิ ซง่ึ คาดวา่ อกี ประมาณ 1 ปี จะมผี ลติ ภณั ฑอ์ อกสตู่ ลาด และจะมี ราคาจำหนา่ ยถกู กวา่ ทน่ี ำเขา้ จากตา่ งประเทศอยา่ งนอ้ ย 30% หวั หนา้ โครงการ: ไพศาล เสตสวุ รรณ ระยะเวลาโครงการ: 1 ปี (ม.ค.2549 – ม.ค. 2550) งบประมาณโครงการ: 400,000.00 บาท

การพฒั นาหนา้ กากสำหรบั ปอ้ งกนั มลพษิ ทางอากาศดว้ ยไททาเนยี มไดออกไซด์ ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (NANOTEC) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) โครงการนอ้ี ยใู่ นโปรแกรม B6-1 สง่ิ ทอทม่ี สี มบตั พิ เิ ศษเฉพาะทาง ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ของโปรแกรมทต่ี อ้ งการพฒั นาสง่ิ ทอทม่ี สี มบตั พิ เิ ศษประยกุ ตด์ า้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ โครงการวจิ ยั นม้ี งุ่ เนน้ ทจ่ี ะเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพของหนา้ กากผา้ ใหส้ ามารถกำจดั มลพษิ ทางอากาศเพอ่ืประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพของมนษุ ยเ์ ปน็ หลกั โดยนำไททาเนยี มไดออกไซดม์ าเคลอื บตดิ บนหนา้ กากผา้ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งตลาด ซง่ึ จากลกั ษณะของหนา้ กากผา้ ทเ่ี ปน็ ประเภทของ non-woven fabric และทำมาจาก polyesterจะทำให้อนุภาคไททาเนียมไดออกไซด์ซึ่งมีขนาดเล็กนั้นสามารถแทรกและยึดติดเข้าไปในเนื้อผ้า โดยไม่ขัดขวางลักษณะการกรองของหน้ากากผ้าที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้จากการที่ไททาเนียมไดออกไซด์โดยทั่วไปแล้วจะสามารถทำปฏิกิริยาได้ดีกับแสงอัลตราไวโอเล็ต (UV) ในงานวิจัยนี้ไททาเนียมไดออกไซด์ที่ใช้จะเป็นไททาเนียมไดออกไซด์ที่สังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้ใช้กับแสงที่ตามองเห็นได้ หรือ visible light โดยเฉพาะหน้ากากผ้าที่มีไททาเนียมไดออกไซด์อยู่นี้จึงสามารถเกิดปฏิกิริยาได้ดีกับแสงอาทิตย์โดยตรง และจากการสังเคราะห์ไททาเนียมไดออกไซด์ในหลายสภาวะ จึงพบไททาเนียมไดออกไซด์ที่มีความเหมาะสมเนอ่ื งจากเปน็ ไททาเนยี มไดออกไซดท์ ม่ี แี นวโนม้ ทจ่ี ะสามารถนำไปใชใ้ นการยดึ ตดิ บนหนา้ กากผา้ และสามารถกำจดั กา๊ ซพษิ ภายใตแ้ สงวซิ เิ บลิ ภาพ SEM ของ Fabric ทเ่ี คลอื บดว้ ย TiO2 ขณะนไ้ี ดม้ บี รษิ ทั ทอ๊ ปโฮลซมั เอนเตอรไ์ พรซ์ (Topwholesum Enterprise Co.,Ltd.) ทเ่ี ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในงานวจิ ยั และจะนำเทคโนโลยนี ไ้ี ปทดลองผลติ ในโรงงานตอ่ ไปหวั หนา้ โครงการ : พวงรตั น์ ขจติ วชิ ยานกุ ลุระยะเวลาโครงการ : 1.5 ปี (ก.ย. 50 – ม.ี ค. 52)งบประมาณโครงการ : 0.99 ลา้ นบาท

การขยายผลการวจิ ยั และพฒั นา Technical Textile ศนู ยน์ าโนเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (NANOTEC) สำนกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) โครงการนเ้ี ปน็ การนำผลวจิ ยั จากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทส่ี ถาบนั พฒั นาอตุ สาหกรรมสง่ิ ทอดำเนนิ การ ไดแ้ ก่ การพัฒนาเส้นใย nylon 6 และ cotton ผสมอนุภาคนาโน เสื้อกีฬาเคลือบอนุภาคนาโน ไปสู่การ ทดลองการผลติ ในภาคอตุ สาหกรรม ซง่ึ ไดผ้ ลลพั ธท์ เ่ี ปน็ ตน้ แบบระดบั อตุ สาหกรรมทส่ี ามารถถา่ ยทอดไปสู่ ภาคอตุ สาหกรรมได้ โดยมตี น้ แบบระดบั อตุ สาหกรรม เสน้ ใย Nylon6 ผสมอนภุ าคนาโน เสน้ ใย Cotton เคลอื บอนภุ าคนาโน และเสอ้ื กฬี าเคลอื บอนภุ าคนาโน ซง่ึ ขณะนม้ี โี รงงานทใ่ี หค้ วามสนใจในการนำไปใชเ้ พอ่ื ผลติ ขายในเชงิ พานชิ ย์ หวั หนา้ โครงการ : ชาญชยั สริ เิ กษมเลศิ ระยะเวลาโครงการ : 15 เดอื น (ก.ย. 49-ธ.ค.50) งบประมาณโครงการ : 2.5 ลา้ นบาท ซอฟตแ์ วรพ์ ารค์ จดั งาน SPI@ease Achievement Series พรอ้ มประกาศเกยี รตคิ ณุ แกผ่ ปู้ ระกอบการซอฟตแ์ วรท์ ไ่ี ดร้ บั รองมาตรฐาน CMMI ศนู ยบ์ รหิ ารจดั การเทคโนโลยี (TMC) ในฐานะกำกบั ดแู ลเขตอตุ สาหกรรม ซอฟตแ์ วรป์ ระเทศไทย (Software Park) และโครงการสนบั สนนุ การพฒั นาเทคโนโลยี ของอตุ สาหกรรมไทย (iTAP) กบั การสนบั สนนุ คลสั เตอรอ์ ตุ สาหกรรมซอฟตแ์ วรไ์ ทย ได้ร่วมกันจัดทำ “โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ในการปรับปรุง กระบวนการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ หรอื SPI @ ease Program” ขน้ึ เพอ่ื เปน็ การเตรยี ม ความพร้อมให้กับบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ไทย และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ ไดร้ บั การประเมนิ และไดร้ บั การรบั รองมาตรฐาน CMMI CMMI หรอื Capability Maturity Model Integration เปน็ แนวทางพฒั นากระบวนการผลติ ซอฟตแ์ วรใ์ หม้ คี ณุ ภาพ รวมถงึ วธิ กี ารวดั ผลหรอื ประเมนิ กระบวนการผลติ ซอฟตแ์ วรท์ พ่ี ฒั นาโดย Software

Engineering Institute (SEI) แหง่ มหาวทิ ยาลยั Carnegie Mellon สหรฐั อเมรกิ า ทน่ี ยิ มใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายทว่ั โลก และเพอ่ื เปน็ การวางรากฐานและยกระดบั ขดี ความสามารถของบรษิ ทั ซอฟตแ์ วรไ์ ทยใหพ้ รอ้ มแข่งขันในเวทีการค้าเสรีและในระดับสากล ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้บริษัทซอฟต์แวร์มีความสนใจในเรอ่ื ง Software Process Improvement และเขา้ รบั การประเมนิ CMMI กนั แพรห่ ลายมากกวา่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการ Outsource งานจากต่างประเทศซึ่งเป็นแหล่งสร้างงานและรายไดแ้ กป่ ระเทศไดอ้ กี ทางหนง่ึ แตใ่ นการเตรยี มความพรอ้ มในการประเมนิ CMMI จะตอ้ งใชเ้ วลาและคา่ ใชจ้ า่ ยทส่ี งู มากสำหรบัการลงทุนของบริษัทซอฟต์แวร์ไทย และเพื่อเป็นแรงจูงใจให้เอกชนสนใจที่จะพัฒนาคุณภาพอย่างจริงจังSoftware Park และ iTAP และ จึงได้ริเริ่มโครงการ SPI@ease ขึ้นเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการเตรยี มความพรอ้ มและเขา้ รบั การประเมนิ CMMI ใหแ้ กบ่ รษิ ทั ซอฟตแ์ วร์ ทง้ั นเ้ี พอ่ื รองรบั ความตอ้ งการของอตุ สาหกรรมซอฟตแ์ วรใ์ นเรอ่ื งการพฒั นากระบวนการผลติ ทจ่ี ะเพม่ิ ขน้ึ ในอนาคต ปจั จบุ นั ประเทศไทยมบี รษิ ทั ทป่ี ระเมนิ ผา่ นมาตรฐาน CMMI รวมทง้ั สน้ิ 23 บรษิ ทั ซง่ึ เพม่ิ จากเดมิ เกอื บ 4 เทา่ ตวั ภายในระยะเวลาเพยี งปคี รง่ึ โดยเปน็ บรษิ ทั ในโครงการ SPI@ease ถงึ 14 ราย (คดิ เปน็60% ของทั้งหมด) ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ และความตง้ั ใจจรงิ ของบรษิ ทั ซอฟตแ์ วรภ์ ายใตโ้ ครงการ SPI@ease ทร่ี ว่ มกนั ผลกั ดนั ทำใหป้ ระเทศไทยมบี รษิ ทัที่ประเมินผ่าน CMMI มากเป็นประเทศอันดับที่ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากมาเลเซีย และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ทม่ี บี รษิ ทั ผา่ นการประเมนิ มาตรฐานดงั กลา่ วถงึ 50 และ 25 ราย ตามลำดบั และในขณะนป้ี ระเทศไทยกำลงั เปน็ ทจ่ี บั ตามองจากทว่ั โลก โดยเมอ่ื เดอื นธนั วาคม 2551ทผ่ี า่ นมาGartner ประกาศผลการจดั อนั ดบั Top 30 Countries for Offshore Services หรอื 30 ประเทศทใ่ี หบ้ รกิ ารOffshore ที่ดีที่สุดในโลก และปีนี้เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ติดอันดับ ซึ่ง Gartner ได้คัดเลือกและจัดอันดับจาก 72 ประเทศ ทั่วโลก โดยส่วนหนึ่งก็เป็นผลจากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนและผลักดันบริษัทซอฟต์แวร์ไทยอย่างจริงจังในเรื่องมาตรฐานการผลิตและคุณภาพซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยเติบโต เข้มแข็งและยั่งยืน รวมถึงมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยปักธงในเวทีซอฟต์แวร์ระดับสากล และเริ่มมีส่วนแบ่งในตลาด Outsource เพม่ิ ขน้ึ โดยคาดวา่ ภายในปี 52 น้ี เราจะมบี รษิ ทั ทผ่ี า่ นการประเมนิ CMMI ไมน่ อ้ ยกวา่40 บรษิ ทั เพอ่ื สรา้ งความนา่ เชอ่ื ถอื ใหอ้ ตุ สาหกรรมซอฟตแ์ วรไ์ ทย ใหเ้ ปน็ ทร่ี จู้ กั และยอมรบั ในระดบั สากลมากขน้ึ สำหรบั โครงการ SPI@ease นอกจากจะชว่ ยผลกั ดนั ใหบ้ รษิ ทั ซอฟตแ์ วรผ์ ลติ ซอฟตแ์ วรท์ ม่ี ีคณุ ภาพผา่ นมาตรฐาน CMMI แลว้ ยงั สรา้ งโอกาส สรา้ งงาน และรายไดใ้ หก้ บั CMMI Service Providerมมี ลู คา่ มากกวา่ 30 ลา้ นบาท อกี ดว้ ย โดยมี CMMI Service Provider ไทยรายใหมเ่ พม่ิ ขน้ึ ถงึ 5 ราย

⌫ ⌫⌫ โครงการจดั ประกวดสง่ิ ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำนกั สง่ เสรมิ และถา่ ยทอดเทคโนโลยี สำนกั งานปลดั กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมูลนิธิธนาคารกรุงเทพ ได้เล็งเห็นความสำคัญของ ผู้ที่มีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยส่วนรวม ซง่ึ สมควรไดร้ บั รางวลั ตอบแทน เพอ่ื เปน็ ขวญั กำลงั ใจและเชดิ ชเู กยี รติ ดงั นน้ั จงึ ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารประกวด สง่ิ ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยขี น้ึ การประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ประเทศ จึงได้จัดให้มีโครงการจัดประกวดสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2551 โดยกำหนดหวั ขอ้ สำหรบั การประกวด คอื “เครอ่ื งจกั รกล พลงั งานและสง่ิ แวดลอ้ มเพอ่ื การ เกษตร ประจำปี พ.ศ. 2551 รางวลั ท่ี 1 ถงุ หมกั กา๊ ซชวี ภาพ รางวลั เชดิ ชเู กยี รติ เครอ่ื งปอกกระเทยี ม เครอ่ื งคดั ไข่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook