Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ + โครงงานวิทยาศาสตร์

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ + โครงงานวิทยาศาสตร์

Published by น้องมาวิน, 2022-06-05 09:45:04

Description: ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ + โครงงานวิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

หนา้ 10







Scientific Method เปน็ วธิ ีการที่นักวทิ ยาศาสตร์ใชแ้ สวงหาความรู้ แกป้ ญั หา โดยมขี ั้นตอน ดังน้ี เผชญิ ปัญหา กาหนดขอบเขตของปัญหา ตง้ั สมมตฐิ าน ทดลองและรวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะหข์ ้อมลู สรุปผลและนาไปใช้ ความรูใ้ หม่



หมายถึง การใช้ประสาทสัมผสั ท้ัง 5 ในการสังเกต ไดแ้ ก่ ใช้ตาดรู ปู รา่ ง ใชห้ ฟู งั เสยี ง ใชล้ น้ิ ชมิ รส ใช้จมูกดมกลิ่น และใช้ผิวกายสัมผสั ความร้อนเยน็ การใช้ประสาทสมั ผัสเหล่านจ้ี ะใช้ทีละอยา่ งหรือหลายอย่างพร้อมกนั เพอื่ รวบรวมข้อมูลก็ได้โดยไม่เพ่มิ ความคดิ เห็นของผสู้ งั เกตลงไป

หมายถึง การเลือกและการใชเ้ ครอ่ื งมอื วัดปรมิ าณของสง่ิ ของออกมาเป็น ตวั เลขท่ีแนน่ อนไดอ้ ย่างเหมาะสม และถกู ต้องโดยมีหนว่ ยกากับเสมอ ในการวดั เพ่ือหาปริมาณของสง่ิ ทวี่ ดั ตอ้ งฝกึ ให้ผู้เรียนหาคาตอบ 4 ค่า จะวัดอะไร วัดทาไม ? ใช้เครอื่ งมอื อะไรวดั จะวัดได้อยา่ งไร

หมายถงึ การแบ่งพวกหรือการเรยี งลาดบั วตั ถุ หรือสง่ิ ท่อี ยใู่ นปรากฏการณ์ โดยการหาเกณฑห์ รอื สร้างเกณฑใ์ นการจาแนกประเภท ซึ่งอาจใช้เกณฑอ์ ย่างใด อย่างหน่ึงก็ได้ แล้วแตผ่ ูเ้ รยี นจะเลอื กใชเ้ กณฑ์ใด เกณฑท์ ใี่ ช้ในการจาแนกประเภทมี 3 อยา่ ง ได้แก่ ความเหมอื น ความแตกตา่ ง ความสมั พนั ธ์

อยู่ท้งั บนบกและในนำ้ อยู่บนต้นไม้ อยู่บนบก อยู่ตำมทะเลทรำย จระเข้ งูเขยี ว งูเห่ำ งูหำงกระดง่ิ ช้ำง อูฐ กบ กงิ้ ก่ำ

หมายถึง การนาเอาจานวนที่ได้จากการวัด การสังเกต และการทดลอง มาจัดกระทาให้เกิดค่าใหม่ เช่น การบวก ลบ คูณ หาร การหาค่าเฉล่ีย การหา ค่าต่างๆ ทางคณิตศาสตร์ เพ่ือนาค่าที่ได้จากการคานวณ ไปใช้ประโยชน์ใน การแปลความหมาย และการลงข้อสรุป

หมายถึง การควบคุมสิ่งอ่ืนๆ นอกเหนือจากตัวแปรอิสระ ท่ีจะทาให้ผล การทดลองคลาดเคล่ือน ถ้าหากว่าไม่ควบคุมให้เหมือนๆกัน และเป็นการ ป้องกนั เพ่ือมใิ หม้ ขี อ้ โตแ้ ย้ง ข้อผิดพลาดหรือตัดความไม่นา่ เชอื่ ถอื ออกไป ตัวแปรแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คือ ตัวแปรอิสระ หรือตัวแปรต้น คอื ตวั แปรที่เปน็ ตน้ เหตุของการเปลี่ยนแปลง ตวั แปรตาม คือ ตัวแปรทเ่ี ปลย่ี นไปตามการจัดการเปลีย่ นแปลงตวั แปรต้น ตัวแปรควบคมุ คอื ตัวแปรอืน่ ๆ นอกจากตัวแปรตน้ ท่มี ีผลทาให้ตวั แปรตาม เปลี่ยนแปลงได้ เราจง่ึ ตอ้ งควบคุม

กจิ กรรมเสริมทักษะ มอบหมายให้นกั เรยี นทากิจกรรม หน้า 19 ในหนงั สอื เรียน โดยการระบตุ วั แปร - ตวั แปรตน้ - ตวั แปรตาม - ตวั แปรควบคุม

กจิ กรรมเสริมทักษะ หนา้ 19 จากการทดลองปลูกข้าวโพดพันธุ์ซุปเปอร์สวีท ในแปลงทดลอง 3 แปลง โดยใช้ปุ๋ย 3 ชนิด คือ ปุ๋ย A ปยุ๋ B และ ปยุ๋ C ในปริมาณท่ีเทา่ กัน ผลปรากฏว่า ต้นข้าวโพดมีการเจริญเติบโต สีของใบ ขนาดของฝัก และความหวานของเมล็ดแตกต่างกัน จากผล การทดลอง จงระบุบอกชนดิ ของตวั แปร

รายการ ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคมุ ชนิดพันธุข์ ้าวโพด ชนิดของปุ๋ย  ปริมาณของปุ๋ยทีใ่ ห้  ความถีข่ องการใหป้ ยุ๋ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ ฯ  ขนาดของฝกั  ความสงู ของตน้ ขา้ วโพด  สขี องใบขา้ วโพด   

รายการ ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม ตวั แปรควบคุม ความหวานของเมล็ด ชนิดของดนิ  ขนาดของแปลง  การใหน้ ้า  การใหแ้ สงสว่าง  การพรวนดิน  การกาจัดวัชพืช  

หมายถึง การหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติต่างๆ ที่เก่ียวกับสถานที่ รปู ทรง ทศิ ทาง ระยะทาง พื้นท่ี เวลา ฯลฯ การหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับสเปส เช่น การหารูปร่าง ของวัตถุ โดยสังเกตจากเงาของวัตถุ เมื่อให้แสงตกกระทบวัตถุในมุม ตา่ งๆ กนั ฯลฯ

ตวั อย่าง ให้บอกรปู ที่เกิดจากการตดั วตั ถเุ ป็น 2 ส่วน ถ้าตดั รปู ทรงกระบอกตามแนว ดงั ภาพ จะเกิดรอยตดั เป็นรปู ใด ก. วงกลม ข. วงรี ค. ส่ีเหลี่ยม

คาตอบคือ ข้อ ข (วงรี)

หมายถึง การนาเอาข้อมูล ซึ่งได้มาจากการสังเกต การทดลอง ฯลฯ มาจดั กระทาเสยี ใหม่ การส่อื ความหมาย การจดั กระทาข้อมลู 1. ตาราง นามาจัดเรียงลาดบั 2. แผนภมู ิ ขอ้ มลู ดิบ หาคา่ ความถี่ 3. วงจร แยกประเภท 4. กราฟ 5. สมการ คานวณหาคา่ ใหม่ 6. บรรยาย

หมายถึง ความชานาญในการอธิบายสิ่งที่ได้จากการสังเกตเก่ียวกับวัตถุ หรือเหตุการณเ์ ฉพาะอยา่ ง -สามารถแยกความแตกต่างระหว่างการสงั เกต และการลงความคดิ เหน็ -แปลความหมายข้อมลู ท่บี นั ทึกไว้หรือได้มาทางออ้ มแลว้ นามาทานายเหตุการณจ์ ากข้อมูล -เป็นการอธิบายทอี่ าศยั ความรูห้ รือประสบการณเ์ ดิมหรือความคิดเหน็ สว่ นตวั เพม่ิ เตมิ ลงไปดว้ ย

หมายถึง การทานาย หรือ การคาดคะเนส่ิงที่เกิดขึ้นล่วงหน้า โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกต หรือปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนซ้าๆ หรือ ความรู้ท่ีเป็นความจริง หลักการ กฎ หรือทฤษฏีท่ีมีอยู่แล้วในเร่ืองนั้น มาช่วยสรุป

กำรสังเกต กำรวดั ข้อมูล กำรหำควำมสัมพนั ธ์ ของตัวแปรต่ำงๆ + ประสบกำรณ์ทมี่ ีอยู่ กำรพยำกรณ์/ทำนำย สิ่งท่ีจะเกดิ ขึน้

หมายถึง การคิดหาค่าคาตอบล่วงหน้าก่อนจะทาการทดลอง โดยอาศัย การสังเกต ความรู้ ประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คาตอบท่ีคิดล่วงหน้ายังไม่ เป็นหลกั การ กฎ หรอื ทฤษฎีมาก่อน คาตอบทีค่ ดิ ไวล้ ว่ งหน้านี้ มกั กล่าวไวเ้ ป็นขอ้ ความที่ บอกความสมั พันธ์ ระหวา่ งตัวแปรต้นกบั ตวั แปรตาม

หมายถึง การกาหนดความหมาย และขอบเขตของคาต่าง ๆ ท่ีมีอยู่ใน สมมติฐานท่ีจะทดลองให้มีความรัดกุม เป็นท่ีเข้าใจตรงกันและสามารถสังเกต และวดั ได้ ไกส่ มบรู ณ์ คอื ไก่ทม่ี นี ้าหนกั มาก ไกส่ มบูรณ์ คือ ไกท่ อ่ี ้วนมาก

หมายถึง กระบวนการปฏิบัติการโดยใช้ทักษะต่างๆ เช่น การสังเกต การวัด การพยากรณ์ การต้ังสมมติฐาน ฯลฯ มาใช้ร่วมกันเพ่ือหาคาตอบ หรือ ทดลองสมมตุ ฐิ านท่ีต้ังไว้ ซง่ึ ประกอบด้วยกิจกรรม 3 ข้ันตอน การออกแบบการทดลอง การปฏบิ ัติการทดลอง การบันทกึ ผลการทดลอง

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญจ่ ะอยู่ในรูปของลักษณะตาราง รูปภาพ กราฟ ฯลฯ การนาข้อมูลไปใช้จึงจาเป็นต้องตีความให้สะดวก ที่จะสือ่ ความหมายไดถ้ กู ตอ้ งและเข้าใจตรงกัน

หนา้ 33

โครงงานวิทยาศาสตร์ หมายถึง การศึกษาเพื่อพบ ข้อความรู้ใหม่ ๆ ส่ิงประดิษฐ์ใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์ด้วยตัว ของผ้เู รียนเอง โดยใช้วิธีการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการแก้ปัญหา โดยมีครูอาจารย์และผู้เชย่ี วชาญเปน็ ผูใ้ ห้คาปรกึ ษา

การทาโครงงานมุ่งหวังให้เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีดีงามเกิดข้ึน ในตวั ผ้เู รียน โดยหลักการสาคญั ของการทาโครงงาน ได้แก่ 1. เน้นการเสาะหาความร้ดู ้วยตนเอง 2. เน้นกระบวนการในการแสวงหาความรู้ 3. เนน้ ให้ผู้เรียน คิดเปน็ ทาเปน็ แกบ้ ญั หาเปน็ 4. ฝึกใหผ้ เู้ รยี นมีทักษะในการคิดแบบวทิ ยาศาสตร์



ประเภทของโครงงาน วทิ ยาศาสตร์

1. โครงงานประเภททดลอง โครงงานวทิ ยาศาสตร์ประเภททดลอง เป็นโครงงานเพื่อการศึกษา เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ โดยออกแบบในรูปผลการทดลอง เพ่ือศกึ ษา ตัวแปรหนึ่ง จะมีผลต่อตัวแปรท่ีต้องการศึกษาอย่างไร ด้วยการควบคุม ตัวแปร การทาโครงงานประเภทน้ี ต้องมีการจัดการกับตัวแปรท่ีมีผลต่อ การทดลอง ซึ่งตวั แปรมี 4 ประเภท คอื 1. ตัวแปรตน้ 2. ตัวแปรตาม 3. ตัวแปรควบคุม 4. ตวั แปรแทรกซอ้ น

ตวั อยา่ งช่ือโครงงานประเภททดลอง การเปลีย่ นเพศปลาหางนกยงู โดยใชไ้ รแดง การปลกู พืชโดยไม่ใชด้ ิน การศกึ ษาวัสดุท่ใี ชล้ อ่ และไลแ่ มลงวนั ทอง การใชฮ้ อรโ์ มนกบั กิ่งกุหลาบ การเปลยี่ นเพศปลาหางนกยูงโดยใชไ้ รแดง การปลูกพชื จากสารละลายมูลของสัตว์ การใช้เม็ดโฟมป้องกันหนอนผีเสอื้ กนิ ใบสม้ แสงมผี ลต่อการเจรญิ เตบิ โตของผักคะน้า ขงิ ชะลอการบดู การควบคุมการเจริญเติบโตของไมป้ ระดบั

2. โครงงานประเภทสารวจรวบรวมขอ้ มูล โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสารวจรวบรวมข้อมูล เป็นโครงงาน ท่ีมีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล เร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง แล้วนาข้อมูล เหล่าน้ันมาจาแนกหมวดหมู่ และนาเสนอในรูปแบบต่างๆเพื่อให้เห็น ลักษณะหรือความสัมพันธใ์ นเรอ่ื งที่ตอ้ งการศกึ ษาให้ชดั เจน

ตัวอยา่ งชอื่ โครงงานประเภทสารวจรวบรวมข้อมลู การสารวจหม่เู ลอื ดของนักเรยี น ปวช.2 การสารวจภาษาถ่นิ ในชุมชน การศึกษาโครงกระดกู สตั วเ์ ล้ยี งลูกดว้ ยนม การสารวจพชื สมนุ ไพรในทอ้ งถน่ิ การสารวจสตั ว์ในท้องถ่ิน การศึกษาการกนิ อาหารของนกแกว้ การศกึ ษาคน้ คว้าตารายาแผนโบราณ การศึกษาการเจรญิ เติบโตของผเี ส้ือ การสารวจภูมิปัญญาท้องถ่นิ ในด้านต่างๆ การศึกษาวสั ดุทีใ่ ช้ลอ่ และไล่แมลงวันทอง

3. โครงงานประเภททฤษฎี โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภททฤษฎี เป็นการใช้จินตนาการของ ตนเองมาอธิบายหลักการหรือแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งอธิบายในรูปของ สูตร หรือ สมการ หรืออธบิ ายปรากฎการณท์ ี่เกดิ ขึ้น และไม่สามารถอธบิ ายได้ โดยหลกั การเดิมๆ

ตัวอย่างชอ่ื โครงงานประเภททฤษฎี การเปลี่ยนเลขฐานสองเป็นเลขฐานสิบ การศกึ ษาคน้ คว้าตารายาแผนโบราณ โปรแกรมช่วยแบบและเขยี นโค้ดแปรอกั ษร ทฤษฎีสมั พันธภาพ ทฤษฎีความสูงสมั พันธ์ การอธบิ ายอวกาศแนวใหม่ ความมหศั จรรยข์ องเลข 9 กาเนดิ ของทวปี และมหาสมุทร การกาเนดิ ของแผน่ ดินไหวในประเทศไทย ไดโนเสารส์ ูญพันธเ์ุ พราะความร้อนของโลก

4. โครงงานประเภทสงิ่ ประดิษฐ์ โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทสิ่งประดิษฐ์ เป็นการนาความรู้ ทฤษฎี หลักการ มาประยุกต์ใช้ โดยประดิษฐ์เป็นเครื่องมือ เคร่ืองใช้ ต่างๆ เพ่ือประโยชน์ต่างๆ หรืออาจเป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือ ปรบั ปรุงของเดิมให้ดขี ้นึ กไ็ ด้

ตวั อยา่ งชอื่ โครงงานประเภทสง่ิ ประดษิ ฐ์ ตู้อบผ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การประดิษฐเ์ ครอื่ งสบู นา้ พลงั ลม แขนกลหว่านอาหารกุ้ง เครื่องหยอดปุย๋ เพือ่ สขุ ภาพ การประดษิ ฐเ์ ครือ่ งห่อผลไม้ เครือ่ งเตือนอคั คีภยั ระบบความดัน เครอ่ื งกลน่ั น้ามนั พลงั งานแสงอาทิตย์ เทคนิคการย้อมสีผ้าโดยใชภ้ ูมิปญั ญาไทย เทคนคิ การถนอมอาหารจากพืน้ บา้ น เครื่องกลน่ั นา้ พลังแสงอาทติ ย์

ข้ันตอน ในการจดั ทา โครงงานวิทยาศาสตร์



ประโยชนข์ อง โครงงานวทิ ยาศาสตร์

1. ทาให้ไดเ้ รียนรูเ้ ก่ียวกับการทางาน ประสานงาน และติดต่อกับหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการวาง แผนการทางาน

2. ทาให้กล้าคิด กล้าแสดงออก ต่อท่ีชุมชน มากขึ้น ทาให้รู้จักหน้าท่ี และนักเรียนสามารถมี ความรบั ผดิ ชอบมากขนึ้

3. ทาให้รู้จักการทางานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ทาให้รู้จักการเป็นผู้นา และผู้ตามที่ดี ทาให้เกิดการ พัฒนาความคิด และรู้จักรับฟังความคิดเห็นของ ผู้อนื่

4. ทาให้รู้จักการแบ่งเวลา และการตรงต่อ เวลา ทาให้รู้จักการแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทาให้รู้วิธีการทางานต่าง ๆ ของเครือ่ งคอมพวิ เตอร์ทีช่ ่วยในการทางาน

5. ทาให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และยังช่วย ส่งเสริมจุดมุ่งหมายของหลักสูตรและการเรียน วิทยาศาสตรใ์ ห้สัมฤทธิ์ผลสมบูรณ์ย่ิงขน้ั

6. ช่วยให้ นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรงในกระบวนการแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองโดยอาศัยวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์

7. ช่ ว ย พั ฒ น า ทั ก ษ ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ท า ง วิทยาศาสตร์ไดค้ รบถ้วนสมบูรณ์ย่ิงขึ้น และนกั เรียน มีโอกาสได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ บางทกั ษะซ่ึงไมใ่ คร่มีโอกาสในกิจกรรมการเรียนการ สอนตามปกติ