24 1.3 แหลง่ ทรพั ยากรธรณี และศกั ยภาพแหล่งหิน/แร่ แหล่งทรพั ยากรแร่ ไทยเป็นแหล่งผลิตแร่ที่สาคัญประมาณ 40 ชนิด ปริมาณ การผลิตแร่อยู่ท่ีประมาณ 120 ล้านตันในปี 2560 ขณะท่ีการประกอบการปัจจุบันแบ่งเป็นเหมืองแร่และ เหมอื งหินจานวน 1,169 แปลงประทานบตั ร มีโรงแต่งแร่ 239 ราย โรงโม่หนิ 315 ราย และโรงประกอบโลหกรรม 28 ราย ผลผลิตส่วนใหญ่เป็นหินอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประมาณ 80% หินปูนผลิตซีเมนต์ราว 33% และลิกไนต์ ราว 6% เหมืองแร่ไทยท่ีเปิดทาเหมืองปัจจุบันจานวน 585 เหมือง เหมืองแร่ที่มีมูลค่าการผลิตสูงท่ีสุดได้แก่ หินปูน ลิกไนต์ และยิปซัม ผลผลิตแร่ท่ีสามารถส่งออกได้สูงสุด ได้แก่ ยิปซัม แอนไฮไดร์ตเฟลสปาร์ ประเทศไทยมีแร่ชนิดต่าง ๆ กระจายกนั อยู่ท่ัวประเทศ เชน่ • แรล่ กิ ไนต์ พบมากที่ จ.กระบ่ี จ.ลาปาง จ.ลาพูน • หนิ น้ามัน พบมากที่ อ.แม่สอด จ.ตาก • แร่เกลือหินโพแทซพบกระจัดกระจายท่ัวไปในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ • แร่รัตนชาติ พบมากแถบภาคตะวันออกและ ตะวันตกของประเทศไทย • แรด่ ีบกุ พบมากท่ี จ.พงั งา และหลายจังหวดั ใน ภาคใต้ของประเทศไทย
25 แร่โลหะ (metallic minerals) แร่โลหะ (Metallic Mineral) คือ แร่ที่มีธาตุโลหะเปน็ สว่ นประกอบสาคัญ สามารถนาไปถลุงหรือแยกเอา โลหะในแร่มาใช้ประโยชน์ เช่น แร่ทองคา ดีบุก สังกะสี เหล็ก เงิน ตะกั่ว ฯลฯ แร่โลหะสามารถแบ่งตามการใช้ ประโยชนอ์ อกไดเ้ ปน็ 1) แรโ่ ลหะมคี า่ (precious metals) ไดแ้ ก่ ทองคา เงิน และทองคาขาว บรเิ วณท่ีมีแรท่ องคากระจายตัวอยู่ทวั่ ไปในหลายจังหวัด พื้นทที่ มี่ ีศักยภาพของแร่ทองคาสงู จะมี 2 บรเิ วณ คือ ขอบตะวันตกของท่ีราบสูงโคราช ต้ังแต่จังหวัดเลย หนองคาย เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี ปราจนี บรุ ี สระแก้ว ชลบุรี และระยอง และทางภาคเหนือต้ังแต่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลาปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และตาก ส่วนพ้ืนที่อ่ืน ๆ พบทองคากระจัดกระจายอยู่ท่ัวไป เช่น บริเวณบ้านป่าร่อน อาเภอบางสะพาน จังหวัด ประจวบคีรขี ันธ์ แหลง่ โต๊ะโมะอาเภอสุคริ ิน จังหวัดนราธิวาส อาเภอปาย จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอนและอาเภอทองผาภูมิ จงั หวัดกาญจนบรุ ี แร่เงินเป็นแร่พลอยได้จากการทาเหมืองแร่ตะกั่วที่อาเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีโดยพบว่าจะมีเงิน ปะปนประมาณ 0.12 เปอร์เซ็นต์ นอกจากน้ียังพบว่ามีแร่เงินเกิดร่วมกับแร่ทองคาท่ีบริเวณรอยต่อของจังหวัด พิจิตร-เพชรบูรณ์ โดยมีประมาณ 5 เท่าของปริมาณทองคา และพบว่ามีแร่เงินปะปนอยู่ประมาณ 27 กรัมต่อตัน ในแหล่งแรโ่ ลหะซลั ไฟดท์ บี่ า้ นยางเกี๋ยง อาเภออมก๋อย จงั หวัดเชียงใหม่ แหล่งทองคาขาวเกิดแบบทุติยภูมิเป็นแหล่งลานแร่สะสมตัวอยู่ในตะกอนกรวดทรายตามลาน้า พบแหล่ง เดียวท่ีบ้านคาด้วง อาเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี แต่ไม่มีศักยภาพ อย่างไรก็ตามบริเวณที่พบหินอัคนีชนิดหินอัล ตราเมฟิกซึ่งเป็นหินต้นกาเนิดของทองคาขาวที่อาจนับเป็นพื้นท่ีศักยภาพของแหล่งแร่น้ีด้วย เช่น พ้ืนท่ีที่พบใน จงั หวัดอุตรดติ ถ-์ นา่ น ปราจีนบรุ ี-สระแก้ว เลย และเชียงราย แร่ทองคา 2) แรโ่ ลหะทีไ่ มใ่ ช่โลหะเหล็ก (nonferrous metals) ไดแ้ ก่ แรท่ องแดง สงั กะสี ตะก่ัว ดบี ุกและอลูมิเนียม แหล่งแร่ทองแดงท่ีพบส่วนใหญ่มีการกาเนิดหลายประเภทแบบฝังประในหินพอฟีรี เช่น ที่ภูหินเหล็กไฟ และภูทองแดง อาเภอเมือง จังหวัดเลย แบบฝังประในหินชสี ต์ เช่นท่ีบริเวณเขาดิน เขาตาจ๊ีด อาเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แบบเกิดในเขตแปรสัมผัส ระหว่างหินไดออ-ไรต์และหินปูน เช่นที่เขาพุคา อาเภอโคกสาโรง เขาพระงามและเขาพระบาทน้อย อาเภอเมือง จังหวัดลพบรุ ี และท่ีภูโล้น อาเภอสังคม จงั หวดั หนองคาย และแบบ เกิดเป็นสายแรแ่ ยกจากหินอคั นชี นดิ ไดออไรต์ เชน่ ทบี่ ้านจันทกึ อาเภอปากชอ่ ง จังหวดั นครราชสีมา
26 แหล่งแร่ตะกว่ั -สังกะสี พบในลักษณะแหลง่ แรส่ ะสมตวั ในชน้ั หินอุม้ แร่ (strataboundmassivesulfide deposit) เช่น แหล่งแร่ตะก่ัว-สังกะสี บ้านสองท่อ อาเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในลักษณะของแหล่งแร่ แบบสการ์น (skarn deposit) ซ่ึงเกิดจากกระบวนการแปรสภาพโดยการแทนท่ี ระหว่างหินอัคนีแทรกซอนกับ หินปูนเช่นที่แหล่งตะกั่ว-สังกะสีซัลไฟด์ ภูขุม บ้านโคกมน อาเภอเมือง จังหวัดเลย บ้านเมืองกี๊ด อาเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และเขาถ้าทะลุ อาเภอบันนังสตาร์ จังหวัดยะลา และในลักษณะของแหล่งแร่แบบสายแร่ ส่วนใหญ่เป็นแร่ตะกั่ว-สังกะสีซัลไฟด์ ซึ่งเกิดในสายแร่ที่น้าแร่แยกตัวออกจากหินอัคนี เช่นท่ีภูช้าง บ้านโคกใหญ่ อาเภอทา่ ลจ่ี งั หวดั เลย ท่ีบา้ นแมก่ ะใน บา้ นดงหลวง อาเภอแมส่ ะเรยี ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน แหล่งแร่ตะกั่ว-สังกะสีท่ีเกิดจากกระบวนการแปรสภาพเปลี่ยนจากแร่ซัลไฟด์เป็นแร่ที่เป็น สารประกอบของออกไซด์ คาร์บอเนต และซิลิเกต ได้แก่แหล่งแร่ตะก่ัวคาร์บอเนต-เซรสั ไซต์ ท่ีบ้านบ่องาม อาเภอ ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี และแหล่งแร่สังกะสีซิลิเกต-เฮมิมอร์ไฟต์ สังกะสีออกไซด์-ซิงค์ไคต์ และสังกะสี คาร์บอเนต-สมิทซอไนต์ ทด่ี อยผาแดง อาเภอแม่สอด จงั หวัดตาก แหล่งแร่ดีบุกมักมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหินอัคนีแกรนิต ในลักษณะสายแร่แบบน้าร้อน และเปน็ กอ้ นหรือผลึกเล็กๆ ฝงั ในหนิ เพกมาไทต์ หนิ สการ์น รวมถงึ ในหนิ แกรนิตท่ีอยู่ใกล้เคียง นอกจากนีย้ งั พบใน ลักษณะของลานแร่ตามเชิงเขาหรือแอ่งและที่ราบลุ่มต่าง ส่วนใหญ่แหล่งแร่ดีบุกพบทางซีกด้านตะวันตกของ ประเทศติดกับชายแดนประเทศสหภาพพม่า โดยพบในภาคใต้ทุกจังหวัด ภาคกลางมีที่จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรีภาคเหนือพบในจังหวัดกาแพงเพชร ตาก เชียงใหม่ ลาปาง เชียงราย และแมฮ่ ่องสอน สว่ นภาคตะวันออกพบท่จี งั หวดั ชลบุรี ผลึกแรด่ ีบกุ แรท่ องแดง 3) แร่โลหะเหล็กและโลหะผสมเหลก็ แร่โลหะเหลก็ ได้แก่ แร่แมกนีไทต์ ฮีมาไทต์ ไลมอไนต์และซิเดอร์ไรต์ แร่โลหะผสมเหล็ก ได้แก่แร่ของโลหะแมงกานิส นิกเกลิ โครเมยี ม โมลิบดีนัม ทงั สเตน แมกนีเซยี ม ปรอท และไทเทเนียมเปน็ ต้น แหลง่ แร่เหล็กท่พี บในประเทศไทยมลี กั ษณะการเกิดหลายประเภทเช่น 1) เกิดแบบแทนท่ี (replacement deposit) ในหินคาร์บอเนตท่ีสัมผัสกับหินแกรนิต 2) เกิดแบบสายแร่ในหินช้ันและหินแปรซึ่งมีอายุในช่วงมหายุค พาลีโอโซอิก 3) เกิดเป็นชนั้ รว่ มกับหินช้นั (stratiform deposit) ตัดผา่ นในหินซึง่ คาดวา่ มอี ายุในยุคพรแี คมเบรียน แ ล ะ เ กิ ด แ บ บ ต ก ต ะ ก อ น ทั บ ถ ม อ ยู่ กั บ ที่ ( residualdeposit) ใ น ลั ก ษ ณ ะ ศิ ล า แ ล ง ( laterite) โดยเกิดจากการผพุ งั ของหนิ ชนดิ ต่างๆ ซง่ึ มธี าตเุ หลก็ ในปรมิ าณสงู
27 แร่เหล็กพบที่จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี กาแพงเพชร จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี เชียงใหม่ ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พัทลุง เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ระนอง ระยอง ลพบุรี ลาปาง นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ เลย สระบุรี และสโุ ขทัย แหล่งแร่แมงกานีสในประเทศไทยมีการกาเนิด 3 แบบคือเกิดเป็นชั้นร่วมกับหินชั้น เกิดแบบสายแร่ในหนิ ช้ันหรือหินแปร และเกิดแบบตกตะกอนทับถมอยู่กับท่ีเป็นช้ัน ตามผิวหน้าที่มีการผุกร่อนของหินเดิมหรือเกิดใน เขตชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย แหล่งในประเทศพบท่ีจังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เพชรบรู ณ์ แพร่ แม่ฮอ่ งสอน ยะลา ระยอง ลาปาง ลาพนู เลย สงขลา สโุ ขทัย และอทุ ัยธานี แรเ่ หล็ก แร่อโลหะ (Non-metallic Mineral) แร่อโลหะ คือ แร่ที่ไม่มีธาตุโลหะเป็นส่วนประกอบสาคัญ ส่วนมาก นามาใช้ประโยชน์ ได้โดยตรง หรือมี การปรับปรุงคุณภาพเล็กน้อย เช่น แร่ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ ยิปซัม โดโลไมต์ แบไรต์ ฯลฯ แร่อโลหะสามารถแบ่ง ตามการใชป้ ระโยชนอ์ อกได้เป็น - แรท่ ใี่ ชใ้ นอุตสาหกรรมเซรามิก ได้แก่ แร่ดินขาว เฟลด์สปาร์ ควอตซ์ บอกไซตแ์ ละแอนดาลูไซต์ - แร่ทีใ่ ช้ในอตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง ได้แก่ ยปิ ซม่ั แมกนีไซต์ แร่ใยหิน - แร่ทใ่ี ช้ในอตุ สาหกรรมถลุงโลหะ ได้แก่ แร่ฟลูออไรต์ โดโลไมต์ แกรไฟต์ บอกไซต์ดินเบา - แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเคมี ได้แก่ แร่เกลือหิน โพแทซ บอเรต กามะถัน ไพไรต์ เลพิโดไลต์ ฟลอู อรไ์ รต์ แมกนีไซต์ และแร่ฟอสเฟต - แร่ที่ใชใ้ นอุตสาหกรรมปุ๋ย ได้แก่ แร่โพแทซ ไนเตรต ฟอสเฟต ยปิ ซ่มั หินปูน และกามะถัน - แรท่ ี่ใช้ในการทาวัสดุขัดถู ไดแ้ ก่ เพชร คอรันดัม และควอตซ์ - แร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหัตถกรรม ได้แก่ แร่ใยหิน ไมกา สปอดูมิน ฟลูออร์ไรต์ แบไรต์ วิเทอร์ ไรต์ ทัลก์ เปน็ แร่ที่ใชเ้ ป็นตวั เติมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การทาสียาง กระดาษ และเครือ่ งสาอางต่าง ๆ แรบ่ าง ชนิดใช้ในการกรองหรือทาให้บริสุทธ์ิ เช่น ในอุตสาหกรรมน้ามัน น้าตาลหรืออุตสาหกรรมเครื่องดื่ม แร่ท่ีใช้ ประโยชน์ดังกล่าว ไดแ้ ก่ แรด่ นิ เบา เบนทอไนต์ และบอกไซต์
28 แรค่ วอตซ์ แร่แบไรต์ แรเ่ ชื้อเพลิง (Mineral Fuels) แร่เช้ือเพลิง คือ วัสดุที่มีกาเนิดมาจากการทับถมตัวของพวกพืช สัตว์ และอินทรียสารอื่น ๆ จนสลายตัว และเกิดปฏิกิริยากลายเป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติ นิยมจัดเป็นแร่โดยอนุโลม ได้แก่ถ่านหิน หินน้ามัน น้ามันดิบ และ กา๊ ซธรรมชาติ ถา่ นหิน หินนา้ มนั แร่รัตนชาติ (Gems หรือ Gemstones) แร่รัตนชาติ คือ แร่หรือหินท่ีมีคุณค่าความสวยงามหรือเมื่อนามาเจียระไน ตัด ฝนหรือขัดมันแล้วสวยงาม เพ่ือนามาใช้เป็นเครื่องประดับได้โดยต้องมีคุณสมบัติที่สาคัญอยู่ 2 ประการ คือสวยงาม ทนทาน และหายาก โดยท่วั ไปสามารถจาแนกออกเปน็ 2 กล่มุ ใหญ่ ๆ ได้แก่ เพชร (Diamond) และพลอย (Coloured Stones)
29 เพชร (Diamond) คาว่าเพชรนั้นมาจากภาษากรีกว่า “ADAMAS” แปลว่า แข็งแกร่งเอาชนะทาลายไม่ได้แข็งมาก ดังน้ันเพชรจึงมี ความแขง็ มากทสี่ ดุ (แขง็ 10 ในโมล์สเกล) เพชรเป็นอัญรูปหนึ่งของถ่าน(C) ที่บริสุทธิ์มากกว่า 99.95% ถูกทบั ถมอยู่ใตผ้ ิวโลกเปน็ เวลานานด้วยแรงกด กว่า 3,000 ตัน คว ามร้อน 2,500 - 6,000 OC เพชรมรี ูปผลึก 8 เหลี่ยมหรือ 12 เหล่ยี ม มีความโปร่งใส โปร่งแสง มีประกาย มีความวาว ความแข็ง มีคุณภาพ ถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง มีความถ่วงจาเพาะ 3.25 ประเทศอินเดียเป็นประเทศแรกที่รู้จักการเจียรนัย ในปัจจุบัน สามารถเจียรนัยได้ 144 เหล่ียม ทาให้แสงสะท้อนแรงและแวววาวมาก แต่เหล่ียมเจียระไนท่ีเป็นท่ีนิยมท่ีสุดคือ “เหลี่ยมเกสร” ซึ่งมี 58 เหลี่ยม เพชรในยุคปัจจุบันมีทั้งเพชรแท้และเพชรเทียมราคาต่างกันมาก เพชรเทียมส่วน ใหญ่เป็นสารสังเคราะห์จากธาตุเซอร์โคเนียม (ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “เพชรรัสเซีย”) เพชรแท้ท่ีเป็นเพชรดิบยัง ไม่ได้เจียระไนซ่ึงมีขนาดใหญ่ท่ีสุดในโลกพบที่ประเทศบราซิล อเมริกาใต้มีขนาด 1,380,000 กะรัต (1 กะรัต = 0.2 กรัม) เพชรเมด็ น้ีก็จะมนี า้ หนกั 276,000 กรัม หรือ 276 กิโลกรมั ขณะนเ้ี ก็บรกั ษาไว้ทพ่ี ิพธิ ภณั ฑ์ธรรมชาติ วิทยากลางกรุงนิวยอร์ค ส่วนเพชรที่เจียรนัยแล้วและใหญ่ที่สุดในโลกคือ เพชรคัลลินัน พบท่ีอเมริกาใต้ มีขนาด 15,115 กะรัต หรือ 3,023 กรัม เมื่อพูดถึงอัญมณีศูนย์กลางการเจียรนัยอัญมณีอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมประเทศ เนเธอร์แลนด์ ส่วนตลาดกลางการค้าอัญมณีโดยเฉพาะตลาดกลางเพชรอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล นอกจากเพชรยังมีอัญมณีเปน็ ทีน่ ยิ ม ไดแ้ ก่ ตระกลู พลอยคอรันดัม (Al2O3) เชน่ ไพลิน ทบั ทมิ และบุษราคมั เป็น ตน้ พลอยสนี า้ เงิน (Blue sapphire) หรือ ไพลิน เป็นพลอยท่ีมีสีน้าเงินเพราะตัวเนื้อพลอยมีสารมลทิน ปนเปื้อนเป็นธาตุเหล็ก (Fe) และธาตุไทเทเนียม (Ti) เป็นตัวให้สีน้าเงิน และถ้าหากทาให้สารมลทินเหล่านั้น กระจายไปท่ัวเน้ือด้วยการเผาหรือหุงก็จะให้สีเสมอสวย มีประกายท่เี รยี กว่า นา้ งามส้ไู ฟ ไพลนิ เป็นชื่อแหล่งพลอย จากเมืองไพลิน ประเทศสาธารณะรัฐสังคมนิยมกัมพูชา อยู่ใกล้และตรงกันข้ามกับอาเภอโป่งน้าร้อนจังหวัด จนั ทบุรี
30 พลอยสีแดง (Ruby) หรือ ทับทิม มีสีแดงเพราะตัวเน้ือพลอย มีสารมลทินปนเปื้อนเป็นธาตุโครเมียม (Cr) ตัวให้สแี ดงและถ้าหากทาใหส้ ารมลทนิ เหล่านัน้ กระจายไปทว่ั เน้ือก็จะทาให้ สีเสมอสวย สีที่ถือว่าสวยมากมีราคาแพงคือ “สีแดงแก่กล่า” พลอยแดงท่ี ถือวา่ สวยทส่ี ดุ ในโลกมีชื่อตดิ ตลาดว่า “ทบั ทมิ สยาม” พลอยสีเหลอื ง (Yellow sapphire) หรือ บษุ ราคัม ท่มี สี เี หลืองเพราะตวั เนื้อพลอยมสี ารมลทินปนเป้ือนเป็นธาตุ เหลก็ (Fe) เป็นตวั ใหส้ เี หลอื งและถา้ หากทาใหส้ ารมลทนิ เหลา่ น้ันกระจายไปท่วั เนื้อก็จะใหส้ เี สมอสวยมปี ระกาย
31 1.4 แผนที่สารสนเทศทรัพยากรธรณี (GIS) : เหมืองแร่ในอดีต,เหมอื งแร่ในปัจจุบนั และ การพัฒนาในอนาคต ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (Geographic Information System: GIS) ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ Geographic Information System : GIS คือ กระบวนการทางาน เก่ียวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ท่ีใช้กาหนดข้อมูลและสารสนเทศ ท่ีมีความสัมพันธ์กับตาแหน่ง ในเชิงพ้ืนที่ (รูปที่ 1.4-1) เช่น ท่ีอยู่ บ้านเลขท่ี สัมพันธ์กับตาแหน่งในแผนท่ีตาแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง ข้อมูลและ แผนที่ใน GIS เป็นระบบข้อมูลสารสนเทศที่อยู่ในรูปของตารางข้อมูลและฐานข้อมูลท่ีมีส่วนสัมพันธ์กับข้อมูลเชิงพ้ืนที่ (Spatial Data) ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นท่ีท้ังหลาย จะสามารถนามาวิเคราะห์ด้วย GIS และ ทาให้ส่ือความหมายในเร่ืองการเปลี่ยนแปลงท่ีสัมพันธ์กับเวลาได้ เช่น การแพร่ขยายของโรคระบาด การเคลื่อนย้าย ถ่ินฐาน การบุกรุกทาลาย การเปล่ียนแปลงของการใชพ้ ื้นที่ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ เมื่อปรากฏบนแผนท่ีทาให้สามารถ แปลและสื่อความหมาย ใช้งานไดง้ า่ ย รปู ท่ี 1.4-1 ข้อมลู และสารสนเทศ ทมี่ ีความสมั พนั ธ์กับตาแหนง่ ในเชงิ พ้นื ที่ GIS เป็นระบบข้อมูลข่าวสารที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่สามารถแปลความหมายเชื่อมโยงกับสภาพ ภูมิศาสตร์อื่น ๆ สภาพท้องท่ี สภาพการทางานของระบบสัมพันธ์กับสัดส่วนระยะทางและพื้นที่จริงบนแผนที่ ข้อแตกต่างระหว่าง GIS กับ MIS น้ันสามารถพิจารณาได้จากลักษณะของข้อมูล คือ ข้อมูลท่ีจัดเก็บใน GIS มีลักษณะเป็นข้อมูลเชงิ พื้นที่ (Spatial Data) ท่ีแสดงในรูปของภาพ (graphic) แผนที่ (map) ท่ีเช่ือมโยงกับข้อมลู เชิงบรรยาย (Attribute Data) หรือฐานข้อมูล (Database) การเชื่อมโยงข้อมูลท้ังสองประเภทเข้าด้วยกัน จะทาให้ผู้ใช้สามารถที่จะแสดงข้อมูลท้ังสองประเภทได้พร้อม ๆ กัน เช่นสามารถจะค้นหาตาแหน่งของจุดตรวจ วัดควันดา - ควันขาวได้โดยการระบุชื่อจุดตรวจ หรือในทางตรงกันข้าม สามารถท่ีจะสอบถามรายละเอียดของ
32 จุดตรวจจากตาแหน่งท่ีเลือกข้ึนมา ซึ่งจะต่างจาก MIS ท่ีแสดง ภาพเพียงอย่างเดียว โดยจะขาดการเช่ือมโยงกับ ฐานข้อมูลท่ีเชื่อมโยงกับรปู ภาพน้ัน เช่นใน CAD (Computer Aid Design) จะเป็นภาพเพียงอย่างเดียว แต่แผนท่ี ใน GIS จะมีความสัมพันธ์กับตาแหน่งในเชิงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ คือค่าพิกัดท่ีแน่นอน ข้อมูลใน GIS ท้ังข้อมูลเชิง พื้นที่และข้อมูลเชิงบรรยายสามารถอ้างอิงถึงตาแหน่งท่ีมีอยู่จริงบนพ้ืนโลกได้โดยอาศัยระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ (Geocode) ซึ่งจะสามารถอ้างอิงได้ท้ังทางตรงและทางอ้อม ข้อมูลใน GIS ท่ีอ้างอิงกับพ้ืนผิวโลกโดยตรง หมายถึง ข้อมูลที่มีค่าพิกัดหรือมีตาแหน่งจริงบนพื้นโลกหรือในแผนที่ เช่น ตาแหน่งอาคาร ถนน ฯลฯ สาหรับข้อมูล GIS ที่จะอ้างองิ กับข้อมลู บนพืน้ โลกไดโ้ ดยทางอ้อมไดแ้ ก่ ขอ้ มลู ของบ้าน (รวมถงึ บา้ นเลขท่ี ซอย เขต แขวงจังหวัด และ รหสั ไปรษณยี )์ โดยจากขอ้ มลู ท่ีอยู่ เราสามารถทราบได้วา่ บา้ นหลังนมี้ ีตาแหน่งอยู่ ณ ท่ีใดบนพน้ื โลก เนอื่ งจากบ้าน ทกุ หลงั จะมที อี่ ยูไ่ มซ่ ้ากนั (รปู ท่ี 1.4-2) รูปท่ี 1.4-2 ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ ดังน้ัน GIS จึงเป็นเครื่องมือท่ีมีประโยชน์เพื่อใช้ในการจัดการ และบริหารการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และสามารถติดตามการเปล่ียนแปลงข้อมูลด้านพ้ืนที่ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็น ระบบที่เก่ียวข้องกับระบบการไหลเวียนของข้อมูลและการผสานข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลปฐมภูมิ (primary data) หรอื ข้อมลู ทตุ ยิ ภมู ิ (secondary data) เพื่อใหเ้ ป็นขา่ วสารที่มคี ณุ ค่า องค์ประกอบของ GIS (Components of GIS) องค์ประกอบหลักของระบบ GIS จัดแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ ๆ คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) โปรแกรม (Software) ข้อมูล (Data) บุคลากร (People) และข้ันตอนการทางาน (Methods) (รูปที่ 1.4-3) โดยมรี ายละเอียดของแตล่ ะองค์ประกอบดังตอ่ ไปนี้ 1. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) คือ เคร่ืองคอมพิวเตอร์รวมไปถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น Digitizer, Scanner, Plotter, Printer หรืออื่น ๆ เพ่ือใช้ในการนาเข้าข้อมูล ประมวลผลแสดงผล และผลิต ผลลัพธข์ องการงาน 2. โปรแกรม (Software) คือชุดของคาสั่งสาเร็จรูป เช่น โปรแกรม Arc/Info,MapInfo ฯลฯ ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ช่ัน การทางานและเครื่องมือที่จาเป็นต่าง ๆ สาหรับนาเข้าและปรับแต่งข้อมูล, จัดการระบบ ฐานข้อมลู , เรียกคน้ , วเิ คราะห์ และ จาลองภาพ 3. ข้อมูล (Data) คือข้อมูลต่าง ๆ ท่ีจะใช้ในระบบ GIS และถูกจัดเก็บในรูปแบบของฐานข้อมูล โดยได้รับการดูแล จากระบบจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS ข้อมูลจะเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญรองลงมาจาก บุคลากร
33 4. บุคลากร (People) คือ ผู้ปฏิบัติงานซ่ึงเก่ียวข้องกับระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ เช่น ผู้นาเขา้ ข้อมูล ช่างเทคนิค ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญสาหรับวิเคราะห์ข้อมูล ผู้บริหารซึ่งต้องใช้ข้อมูลในการ ตัดสินใจ บุคลากรจะเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญที่สุดในระบบ GIS เนื่องจากถ้าขาดบุคลากรข้อมูลท่ีมีอยู่มากมาย มหาศาลนัน้ กจ็ ะเป็นเพยี งขยะไม่มีคุณค่าใดเลยเพราะไม่ได้ถูกนาไปใช้งาน อาจจะกล่าวได้ว่า ถา้ ขาดบุคลากรก็จะ ไม่มรี ะบบ GIS 5. วิธีการหรือขั้นตอนการทางาน (Procedures/Methods) คือวิธีการท่ีองค์กรน้ัน ๆ นาเอา ระบบ GIS ไปใช้งานโดยแต่ละระบบแตล่ ะองค์กรย่อมีความแตกต่างกันออกไป ฉะน้ันผู้ปฏิบัตงิ านต้องเลือกวิธกี าร ในการจดั การกับปัญหาทเี่ หมาะสมที่สุดสาหรับของหน่วยงานน้นั ๆ รูปท่ี 1.4-3 องคป์ ระกอบของ GIS (Components of GIS) หน้าทีข่ อง GIS (How GIS Works) ภาระหนา้ ทหี่ ลกั ๆ ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตรค์ วรจะมีอยูด่ ้วยกัน 5 อย่างดงั น้ี 1. การนาเข้าข้อมูล (Input) คือ กระบวนการบันทึกข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ การสร้าง ฐานข้อมลู ทีล่ ะเอียด ถกู ตอ้ ง กอ่ นทีข่ อ้ มูลทางภูมิศาสตร์จะถูกใชง้ านได้ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตรข์ ้อมลู จะต้อง ได้รับการแปลง ให้มาอยู่ในรูปแบบของข้อมูลเชิงตัวเลข (digital format) เสียก่อน เช่น จากแผนที่กระดาษไปสู่ ข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลหรือแฟ้มข้อมูลบนเคร่ืองคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ท่ีใช้ในการนาเข้า เช่น Digitizer Scanner หรือ Keyboard เปน็ ต้น 2. การปรับแต่งข้อมูล (Manipulation) ข้อมูลที่ได้รับเข้าสู่ระบบบางอย่างจาเป็นต้องได้รับ การปรับแต่งให้เหมาะสมกับงาน เช่น ข้อมูลบางอย่างมีขนาด หรือสเกล (scale) ท่ีแตกต่างกัน หรือใช้ระบบพิกัด แผนทีท่ ี่แตกตา่ งกัน ขอ้ มูลเหล่านี้จะต้องได้รบั การปรบั ให้อยู่ใน ระดบั เดยี วกันเสยี กอ่ น 3. การบริหารข้อมูล (Management) ระบบจัดการฐานข้อมูลหรือ DBMS จะถูกนามาใช้ใน การบริหารข้อมูลเพ่ือการทางานท่ีมีประสิทธิภาพในระบบ GIS DBMS ที่ได้รับการเชื่อถือและนิยมใช้กันอย่าง กว้างขวางที่สุดคือ DBMS แบบ Relational หรือระบบจัดการฐานข้อมูลแบบสัมพัทธ์ (DBMS) ซึ่งมีหลักการ ทางานพื้นฐานดงั นีค้ อื ข้อมลู จะถูกจัดเก็บในรูปของตารางหลาย ๆ ตาราง
34 4. การเรียกค้นและวิเคราะห์ข้อมูล (Query and Analysis) การเรียกค้น หรือ Query หมายถึง การสอบถามหรือเรียกค้นดูข้อมูลตามความต้องการของผู้ใช้ (Customized data inquiry) ซ่ึงผู้ใช้ สามารถต้ังคาถามได้ตามต้องการ เช่น ต้องการทราบยอดขายของสินค้าในแต่ละปี เป็นต้น ตัวอย่างการสอบถาม อย่างง่าย ๆ เช่น การค้นหาทางเลือกช้ีเมาส์ไปในบริเวณที่ต้องการแล้วเลอื ก (point and click) เพื่อสอบถามหรือ เรียกค้นข้อมูล นอกจากนี้ระบบ GIS ยังมีเคร่ืองมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงประมาณค่า (Proximity หรอื Buffer) การวเิ คราะหเ์ ชิงซ้อน (OverlayAnalysis) เป็นตน้ (รปู ที่ 1.4-4) รปู ท่ี 1.4-4 ตวั อย่างหน้าจอผลการวิเคราะหเ์ ชิงประมาณคา่ (Proximity หรอื Buffer) และการวิเคราะหเ์ ชิงซ้อน (Overlay Analysis) 5. การนาเสนอข้อมูล (Visualization) จากการดาเนินการเรียกค้นและวเิ คราะหข์ ้อมลู ผลลพั ธ์ ท่ีไดจ้ ะอยู่ในรูปของตวั เลขหรือตวั อักษร ซ่ึงยากต่อการตีความหมายหรือทาความเข้าใจ การนาเสนอข้อมลู ทีด่ ี เช่น การแสดงชาร์ต (chart) แบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ รูปภาพจากสถานท่ีจริงภาพเคลื่อนไหว แผนท่ี หรือแม้กระทั้ง ระบบมัลติมีเดียสื่อต่าง ๆ เหล่าน้ีจะทาให้ผู้ใชเ้ ข้าใจความหมายและมองภาพของผลลพั ธ์ท่ีกาลังนาเสนอได้ดียงิ่ ขน้ึ อกี ท้ังเปน็ การดงึ ดูดความสนใจ (รปู ท่ี 1.4-5) รปู ที่ 1.4-5 ตวั อยา่ งการนาเสนอข้อมูลผลลัพธใ์ นรูปแบบ 2 มติ ิ หรอื 3 มติ ิ รปู ภาพจากสถาน ทจี่ ริง ภาพเคล่อื นไหว หรอื แผนท่ี
35 ประโยชน์ของ GIS ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดเก็บ ระบบขอ้ มูลซงึ่ มีอยมู่ ากมายในปัจจุบนั ไดม้ ีการพัฒนาท้ังด้านฮารด์ แวร์ และซอฟตแ์ วร์ ทาให้ในปัจจุบนั ได้มีการนา GIS มาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน การใช้งานระบบสารสนเทศจะมีประโยชน์ มากในการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ ถา้ รจู้ ักการใช้งาน การใชง้ านระบบสารสนเทศภูมิศาสตรจ์ ะต้องมีเป้าหมายชัดเจน รู้จักคัดเลือกข้อมูลมาวิเคราะห์ การใช้งานจะต้องวางแผนงานในการกาหนดคุณภาพ มาตราส่วนของข้อมูลและ ท่ีสาคัญคือ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลนาไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา การบูรณาการข้อมลู หลายรูปแบบเข้าดว้ ยกัน และสามารถสร้างแบบจาลองทดสอบเปรียบเทยี บข้อมลู ก่อนที่มีการ ลงมือปฏิบตั ิจริง การใชร้ ะบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ทีส่ าคญั ได้แก่ (ท่ีมา: http://www.kru-aoy.com/gis2-4.html) 1. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การกาหนดพ้ืนท่ีป่าไม้ แหลง่ น้า ทั้งบนผิวดินและใต้ดิน ธรณีวิทยาหนิ และแร่ ชายฝ่ังทะเลและภมู อิ ากาศ 2. ดา้ นการจดั การทรัพยากรเกษตร เช่น การแบ่งชน้ั คุณภาพพน้ื ท่ีเกษตร ดนิ เคม็ และดินปัญหาอ่ืน ความเหมาะสมของพชื ในแตล่ ะพ้นื ท่ี การจดั ระบบน้าชลประทาน การจัดการด้านธาตุอาหารพชื 3. ดา้ นการจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น การแพร่กระจายของฝนุ่ และกา๊ ซ การกาหนดจุดเกบ็ ตวั อย่าง จากโรงงาน การป้องกันความเสียหายของโบราณสถานหรือสถานท่ีท่องเทย่ี ว การปอ้ งกนั ไฟไหมป้ า่ เปน็ ต้น 4. ด้านสังคม เช่น ความหนาแน่นของประชากร เพศ อายุ การศึกษา แรงงาน ตาแหน่งของ โรงเรียนและการเดินทางของนักเรียน เปน็ ตน้ 5. ด้านเศรษฐกิจ เช่น รายได้ของประชากรของหมู่บ้าน ตาบล สินค้าหลัก ตาแหน่งท่ีตั้งของ โรงงานประเภทต่าง ๆ เป็นตน้ การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์เพือ่ การวิเคราะหก์ ารจาแนกเขตทรพั ยากรแร่ เน่ืองจากจานวนข้อมูลที่นามาใช้ในการดาเนินการวิเคราะห์จาแนกเขตทรัพยากรแร่ มีจานวนมาก จึงได้ประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ซึ่งมีความสามารถในด้านการนาเข้าข้อมูล การปรับแต่งข้อมูล การบริหารข้อมูล การเรียกค้นและวิเคราะห์ข้อมูล และการนาเสนอข้อมูล มีความเหมาะสาหรับการจาแนกเขต ทรัพยากรแร่ ซ่ึงเป็นการหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลปัจจัยเชิงพื้นท่ีต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง ด้วยโปรแกรม ArcGIS โดยมขี ้ันตอนการวิเคราะหข์ อ้ มลู การจาแนกเขต 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. การรวบรวมขอ้ มลู พน้ื ฐานของปจั จัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง และนาเข้าข้อมูล 2. การวิเคราะหข์ ้อมลู ทรัพยากรแร่ 3. การจาแนกเขตทรัพยากรแร่ ซ่ึงเป็นการหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลปัจจัยเชิงพ้ืนท่ีต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งและวิธีการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ ใชก้ ารซอ้ นทบั ชั้นข้อมูลแบบ (Union) โดยนาช้ันขอ้ มูลปัจจัยทุกช้ันข้อมูล ท่ีเกี่ยวข้องมาทาการซ้อนทับ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์เชิงพ้ืนท่ีและเชิงอรรถสาหรับนามาสอบถาม คัดแยกข้อมูล และแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบแผนที่จาแนกเขตพื้นที่ทรัพยากรแร่ สามารถจาแนกออกเป็น 3 เขต คือ เขตสงวน ทรัพยากรแร่ เขตอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ และเขตพัฒนาทรัพยากรแร่ เพ่ือเป็นข้อมูลพื้นฐานการบริหารจัดการพ้ืนท่ี ทรัพยากรแร่ตามหลักเกณฑก์ ารจาแนกทรัพยากรธรณี
36 ขน้ั ตอนการวิเคราะห์ข้อมลู การจาแนกเขตทรพั ยากรแร่ ข้ันตอนการวเิ คราะห์ขอ้ มลู การจาแนกเขตทรพั ยากรแร่ มี 3 ข้นั ตอน (รูปท่ี 1.4-6) รายละเอยี ด ดงั น้ี 1. การรวบรวมข้อมูลพนื้ ฐานของปจั จัยท่ีเก่ียวข้อง และนาเขา้ ข้อมูล ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์การ จาแนกเขตทรัพยากรแร่ และเตรียมช้ันข้อมูลของปัจจัยดังกล่าวโดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยแปลงชั้น ขอ้ มูลของปจั จยั ท่เี ก่ียวข้องดังกลา่ วให้อยใู่ นรปู แบบเชิงพืน้ ท่ี (Spacial data) รวมท้งั หมดจานวน 22 ปัจจยั ไดแ้ ก่ (1) เขตอทุ ยานแห่งชาติ (2) เขตรักษาพันธุ์สตั วป์ า่ (3) เขตหา้ มลา่ สัตวป์ ่า (4) เขตปา่ ชายเลน (5) เขตวนอุทยาน (6) เขตพนื้ ทช่ี ุม่ นา้ (7) เขตพ้ืนทซี่ ึง่ เปน็ ท่ตี งั้ แหลง่ ธรรมชาติอันควรอนุรกั ษ์ (buffer 1 กม.จากจดุ ตาแหนง่ ) (8) เขตพน้ื ที่ซง่ึ เปน็ ที่ตงั้ แหลง่ ซากดึกดาบรรพ์ (buffer 1 กม.จากจุดตาแหนง่ ) (9) เขตพน้ื ที่ซ่ึงเป็นท่ีต้งั แหลง่ โบราณสถาน (buffer 1 กม.จากจุดตาแหน่ง) (10) เขตพื้นทีป่ า่ ท่ีเหมาะสมตอ่ การเกษตร (A) (11) เขตพนื้ ทป่ี า่ ท่สี งวนเพ่ือการอนุรักษ์ (C) (12) เขตพ้นื ทป่ี า่ เพือ่ เศรษฐกจิ (E) (13) เขตลุม่ นา้ ช้นั ท่ี 1 (14) เขตพ้นื ทค่ี มุ้ ครองส่งิ แวดล้อม (15) เขตปฏิรูปท่ีดนิ เพื่อเกษตรกรรม (16) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคหนงึ่ (17) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง (18) เขตประกาศตามมาตรา 6 จตั วา (19) เขตพื้นทแ่ี หลง่ แร่ (20) เขตพ้นื ที่ประทานบตั ร (21) เขตพน้ื ที่คาขอประทานบตั ร (22) เขตพน้ื ท่ีประกาศกาหนดแหลง่ หินอุตสาหกรรม
37 รูปท่ี 1.4-6 ข้นั ตอนการวิเคราะหข์ ้อมูลการจาแนกเขตทรพั ยากรแร่ 2. การวิเคราะห์ข้อมูลทรัพยากรแร่ (Data processing) กับปัจจัย โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชงิ พื้นที่ (special overly analysis) ด้วยการซ้อนทับช้ันข้อมูล (Overlay Function) แบบ Union โดยนาชั้นข้อมูล ทุกช้ันข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาทาการซ้อนทับ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์เชิงพ้ืนที่และเชิงอรรถสาหรับนามาสอบถาม (query) และคัดแยกข้อมูลก่อนดาเนินการซ้อนทับช้ันข้อมูลปัจจัย ควรดาเนินการสร้างข้อมูลหลัก (Key field 1) สาหรบั อา้ งอิงในแต่ละชัน้ ข้อมูลรายละเอียดชัน้ ขอ้ มูลชอ่ื Key field และคาที่ใช้ ดังรูปที่ 1.4-7 และตารางท่ี 1.4-8
38 (ก) เปิดตารางขอ้ มูล ด้วยการคลิกขวาแลว้ ใช้ไอคอน (ข) สรา้ งขอ้ มูลหลัก ด้วยการคลกิ ที่ option Open Attribute Table ของตารางแล้วใชไ้ อคอน Add field (ค) ใส่ชอื่ ข้อมูลหลกั และชนดิ ของขอ้ มูล รูปท่ี 1.4-7 แสดงข้ันตอนการสรา้ งข้อมูลหลัก
39 ตารางแสดงช่ือขอ้ มูลหลกั (key field1) ในแตล่ ะช้ันขอ้ มลู ของปจั จยั (key field1) คาท่ีใช้ PARK park ช้นั ข้อมลู ของปจั จัย ขอ้ มูลหลกั WLF wlf (1) เขตอทุ ยานแห่งชาติ NHW nhw (2) เขตรกั ษาพันธ์สุ ัตว์ป่า MGR mgr (3) เขตหา้ มล่าสตั ว์ปา่ NPRK nprk (4) เขตปา่ ชายเลน WETLN wetln (5) เขตวนอุทยาน GEPARK gepark (6) เขตพน้ื ที่ชุ่มนา้ (7) เขตพื้นที่ซึ่งเป็นทตี่ งั้ แหลง่ ธรรมชาติอันควรอนุรกั ษ์ FOSSIL fossil (buffer 1 กม.จากจุดตาแหนง่ ) (8) เขตพื้นทซ่ี ง่ึ เปน็ ที่ต้ังแหลง่ ซากดึกดาบรรพ์ HISST hisst (buffer 1 กม.จากจดุ ตาแหนง่ ) (9) เขตพนื้ ทซ่ี ึ่งเป็นที่ตัง้ แหล่งโบราณสถาน FOREST_U A (buffer 1 กม.จากจดุ ตาแหนง่ ) (10) เขตพื้นท่ปี ่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร (A) FOREST_U C (11) เขตพ้ืนทป่ี า่ ทสี่ งวนเพื่อการอนุรักษ์ (C) (12) เขตพน้ื ที่ปา่ เพอื่ เศรษฐกิจ (E) FOREST_U E (13) เขตลุ่มน้าชนั้ ท่ี 1 (14) เขตพื้นทค่ี ุ้มครองสง่ิ แวดลอ้ ม WSH wsh (15) เขตปฏิรปู ทด่ี นิ เพอื่ เกษตรกรรม (16) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคหนงึ่ EVM_RES evm (17) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง (18) เขตประกาศตามมาตรา 6 จัตวา SPK spk (19) เขตพนื้ ทแี่ หล่งแร่ (20) เขตพ้นื ทีป่ ระทานบัตร AR6T1 ar6t1 (21) เขตพื้นที่คาขอประทานบัตร (22) เขตพื้นทป่ี ระกาศกาหนดแหลง่ หินอุตสาหกรรม AR6T2 ar6t2 (23) เขตพน้ื ท่จี าแนกเขตทรพั ยากรแร่ AR6J ar6j MAREA marea PTAN ptan KTAN ktan INDY indy Zone_code A, B,or C
40 การซ้อนทับช้ันข้อมูลแบบ Union (รูปที่ 1.4-8) หลังจากการสร้างข้อมูลหลัก โดยนาช้ันข้อมูล ทุกช้ันข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาทาการซ้อนทับ เพ่ือให้เกิดความสัมพันธ์เชิงพ้ืนท่ี และเข้าสู่กระบวนการสอบถาม (Query2) (ก) การซอ้ นทบั ดว้ ยเมนู ArcToolbox (ข) หน้าจอแสดงกระบวนการซ้อนทับขอ้ มูล รูปที่ 1.4-8 แสดงขนั้ ตอนการซอ้ นทบั ช้ันข้อมลู ด้วย ArcToolbox เลือก Overay \\Union กระบวนการสอบถาม (Query2) (รูปท่ี 1.4-9 รูปที่ 1.4-10 และรูปที่ 1.4-11) เพอ่ื จาแนกเขต พื้นที่ต่างๆ สาหรับเก็บข้อมูลลงใน “Zone_code” ซ่ึงกาหนดเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์การจาแนกเขต ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.1 เขตสงวนทรัพยากรแร่ (Zone_code = C) เขตสงวนทรัพยากรแร่ หมายถึง พื้นท่ีทรัพยากรแร่ท่ีอยู่ในเขต (1) เขตอุทยานแห่งชาติ (2) เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า (3) เขตห้ามล่าสัตว์ป่า (4) เขตป่าชายเลน (5) เขตวนอุทยาน (6) เขตพื้นท่ีชุ่มน้า (7) เขตพื้นที่ซึ่งเป็นท่ีตั้งแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ (8) เขตพ้ืนท่ีซึ่งเป็นท่ีตั้งแหล่งซากดึกดาบรรพ์ (9) เขตพ้ืนที่ซึ่งเป็นท่ีตั้งแหล่งโบราณสถาน และ (10) เขตพื้นท่ีป่าท่ีสงวนเพื่อการอนุรักษ์ (C) (ยกเว้นพื้นที่ คุณภาพลุ่มน้าชั้นที่ 1 ยกเว้นพื้นท่ีประทานบัตร ยกเว้นพ้ืนที่คาขอประทานบัตร ก่อนวันที่ 8 มีนาคม 2548 และยกเว้นพ้ืนที่ประกาศกาหนดแหล่งหินอุตสาหกรรม) และให้ค่า Zone_code = C โดยมีคาส่ังในกระบวน สอบถาม ดงั นี้ ((“PARK” = ‘park’ OR “NPRK” = ‘nprk’ OR “WLF” = ‘wlf’ OR “NHW” = ‘nhw’ OR “MGR” = ‘mgr’ OR “WETLN” = ‘wetln’ OR “GEPARK” = ‘gepark’ OR “FOSSIL” = ‘fossil’ OR “HISST” = ‘hisst’ OR “FOREST_U” = ‘C’)) AND (“WSH” < > ‘wsh’ AND “PTAN” < > ‘ptan’ AND “KTAN” < > ‘ktan’ AND “INDY” < > ‘indy’)
41 การสอบถาม ด้วยเมนู Selection เลือก Select By Attributesแล้วเขียนคาส่ังในกระบวนสอบถาม ตามเงื่อนไข ของหลกั เกณฑก์ ารจาแนกเขตฯ รปู ที่ 1.4-9 แสดงกระบวนการสอบถาม (Query) เพอ่ื จาแนกเขตสงวนทรพั ยากรแร่ ตามหลักเกณฑ์การจาแนกเขตฯ 1.2 เขตอนุรักษท์ รพั ยากรแร่ (Zone_code = B) เขตอนุรักษท์ รัพยากรแร่ หมายถงึ พื้นที่ทรัพยากรแรน่ อกเขตพ้ืนท่เี ขตทรัพยากรแรเ่ พ่ือการสงวน ท่ีอยู่ในพื้นท่ี (10) เขตพ้ืนท่ีป่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร (A) (13) เขตลุ่มน้าชั้นที่ 1 (14) เขตพ้ืนท่ีคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม (15) เขตปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม และ (16) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคหนึ่ง (ยกเว้น พ้ืนท่ีประทานบัตร ยกเว้นพ้ืนที่คาขอประทานบัตร ก่อนวันท่ี 8 มี.ค. 2548 และยกเว้นพ้ืนท่ีประกาศกาหนด แหล่งหนิ อุตสาหกรรม) และใหค้ ่า Zone_code = B โดยมคี าส่งั ในกระบวนสอบถาม ดังนี้ (“Zone_code” < > ‘C’) AND (“WSH” = ‘wsh’ OR “EVM_RES” = ‘evm’ OR “SPK” = ‘spk’ OR “FOREST_U” = ‘A’ OR “AR6T1” = ‘ar6t1’) AND (“PTAN” < >‘ptan’ AND “KTAN” < > ‘ktan’ AND “INDY” < > ‘indy’)
42 รูปท่ี 1.4-10 แสดงกระบวนการสอบถาม (query) เพื่อจาแนกเขตอนุรกั ษ์ทรพั ยากรแรต่ ามหลักเกณฑก์ าร จาแนกเขต 1.3 เขตพัฒนาทรัพยากรแร่ (Zone_code = A) เขตพัฒนาทรัพยากรแร่ หมายถึง พื้นที่แหล่งแร่ท่ีอยู่นอกเขตพื้นท่ีกาหนดให้เป็นเขตสงวน ทรัพยากรแร่ เขตอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ เป็นพื้น (12) เขตพ้ืนท่ีป่าเพ่ือเศรษฐกิจ (E) (17) เขตประกาศตามมาตรา 6 ทวิ วรรคสอง (18) เขตประกาศตามมาตรา 6 จัตวา (20) พ้ืนท่ีประทานบัตร รวมถึงพื้นที่คาขอประทานบัตร ก่อนวันที่ 8 มีค. 2548 พ้ืนท่ีประกาศกาหนดแหล่งหินอุตสาหกรรมและพ้ืนท่ีทรัพยากรแร่ในเขตแหล่งแร่ตาม มาตรา 6 จัตวา ของ พ.ร.บ. พ.ศ. 2510 และใหค้ ่า Zone_code = A โดยมีคาส่งั ในกระบวนสอบถาม ดังน้ี “Zone_code” < > ‘C’ AND “Zone_code” < > ‘B’
43 รูปที่ 1.4-11 แสดงกระบวนการสอบถาม (Query) เพื่อจาแนกเขตพัฒนาทรัพยากรแร่ตามหลักเกณฑ์การ จาแนกเขต เมอื่ ไดช้ น้ั ข้อมลู “Zone_code” ทจ่ี าแนกแล้วเสร็จ ข้นั ตอนต่อไปเข้าสู่กระบวนการการรวบรวม ข้อมูล (Dissolve3) และให้นาชั้นข้อมูล เขตพื้นที่แหล่งแร่ (MAREA) มาซ้อนทับกับ“Zone_code” ที่ Dissolve แล้วน้ัน ด้วยคาสั่ง Intersect เพ่ือให้ได้ข้อมูลพื้นท่ีแหล่งแร่ที่มีการจาแนกเขตและมีเน้ือที่ท่ีแยกย่อยตามชนิดแร่ ชนดิ การจาแนกเขต (รูปที่ 1.4-12) รปู ท่ี 1.4-12 แสดงกระบวนการรวบรวมข้อมูล (Dissolve3) (ก) การ Dissolve ดว้ ยเมนู ArcToolbox เลอื ก Data Management Tool \\Generalization\\Dissolve เลือกท่ี Zone_Code
44 (ข) พนื้ ท่ีจาแนกเขตพน้ื ทีห่ ้วงห้ามทางกฎหมายก่อนการ Dissolve (ค) พน้ื ทีจ่ าแนกเขตพืน้ ท่หี ้วงหา้ มทางกฎหมายหลงั การ Dissolve
45 3. การจาแนกเขตทรัพยากรแร่ โดยนาเขตพ้ืนที่แหล่งแร่ (MAREA) มาซ้อนทับกับ พืน้ ทจี่ าแนก เขตของพื้นท่ีห้วงห้ามทางกฎหมายที่ Dissolve แล้วน้ัน ด้วยคาส่ัง Intersect4 เพื่อให้ได้ข้อมูลพ้ืนท่ีแหล่งแร่ท่ีมี การจาแนกเขตและมีเน้ือที่ทีแ่ ยกย่อยตามชนิดแร่ ชนิดการจาแนกเขต (รูป 1.4-13) รปู ท่ี 1.4-13 แสดงกระบวนการซ้อนทบั ข้อมูลแบบ Intersect ระหว่างข้อมลู พนื้ ท่จี าแนกเขตพนื้ ทีห่ ้วงหา้ ม ตามกฎหมายและพ้นื ที่แหล่งแร่ ทรัพยากรมมี ูลค่าในพ้นื ทต่ี ่างๆ จาแนกเขตทรัพยากรธรณีของกรมทรัพยากรธรณี ประเทศไทยมีแร่ธาตุต่างๆ อยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ โดยสามารถพบแรธ่ าตุชนดิ ต่างๆ กระจายกนั อยทู่ ่วั ประเทศ เชน่ -แร่ลกิ ไนต์ พบมากที่ จ.กระบี่ จ.ลาปาง จ.ลาพนู -หินนา้ มัน พบมากท่ี อ.แมส่ อด จ.ตาก -แร่เกลอื หนิ โพแทซ พบกระจัดกระจายทวั่ ไปในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย -แร่รัตนชาติ พบมากแถบภาคตะวนั ออกและตะวนั ตกของประเทศไทย -แร่ดบี กุ พบมากที่ จ.พงั งา และหลายจงั หวัดในภาคใต้ของประเทศไทย
46 ตัวอยา่ งเหมืองแรใ่ นประเทศไทย เหมืองผาแดง ตาบลพระธาตุผาแดง อาเภอแม่สอด จงั หวดั ตาก เหมอื งแม่เมาะ เหมืองแม่เมาะ หรือเหมืองลิกไนต์ท่ีใหญ่ท่ีสุดในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ เป็นแหล่งถ่านหินซึ่งค้นพบเม่ือ พ.ศ. 2460 มีปริมาณถึง 630 ล้านตัน และมีอายุประมาณ 40 ล้านปี ผลิตและส่งถ่านปีละ 16ล้านตัน เพื่อใช้ เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟา้ ของโรงไฟฟา้ แม่เมาะ เหมอื งแม่เมาะได้มีการจัดการควบคุมและป้องกันผลกระทบด้านสิง่ แวดล้อมจากการทาเหมือง และปฏิบัติ ตามมาตรการ EIA อย่างเคร่งครัด ตลอดจนดาเนินการฟื้นฟูสภาพเหมือง ควบคู่กับการทาเหมือง จนได้รับรางวัล ต่าง ๆ ในการจดั การดา้ นส่ิงแวดลอ้ มมากมาย
47 เหมอื งยิปซัม นครสวรรค์ เหมืองหินปูน
48 1.5 ธรณพี ิบตั ภิ ัยกบั ชีวิตประจาวนั ดินสไลด์/ด่นิ ถล่ม 9 พ.ย.2563) เกิดเหตุดินสไลด์ตามแนวเขาในเขต ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้าเขียว จ.นคราชสีมา กว่า 20 จุด ซ่ึงจุดที่ดินสไลด์ และหนิ ถลม่ อย่หู ากจากชุมชนเพยี ง 300 - 400 เมตร เท่านนั้ ส่งผลให้ ชาวบ้านเร่ิมวิตกกังวลว่าหินจะถล่มและสไลด์เข้าทับบ้านเรือนได้รับ ความเสยี หาย ซ่ึงเจ้าหน้าที่ อบต.ไทยสามัคคไี ด้นาป้ายแจ้งเตือนระวังดิน ถล่มมาติดไว้อยู่หลายจุด และแจ้งให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อมสาหรับ การอพยพตลอด 24 ชั่วโมง หากเกดิ เหตดุ ินถล่มซ้า จาก Thai PBS NEWS https://news.thaipbs.or.th/content/298164 ขา่ วไทยรฐั ออนไลน์ เม่ือวันท่ี 13 ก.ค.63 เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นท่ี จังหวัดแพร่ ตลอดท้ังคืน โดยเฉพาะอาเภอเด่นชัย จังหวัด https://www.thairath.co.th/news/local/north/1888229 แพร่ ทาให้เกิดดินโคลนสไลด์ลงมาปิดถนนสายเด่นชัย- อุตรดิตถ์ ช่วงเส้นทางจราจรบริเวณทางหลวงหมายเลข 11 บริเวณ กม.354+900 ก่อนข้ึนเขาพลึง ซ่ึงเป็นจุดที่กาลังมี การก่อสร้าง เนื่องจากมีดินสไลด์ลงมาก่อนหน้าน้ีแต่ไม่มาก ทาให้แขวงทางหลวงแพร่ได้ซ่อมแซมจุดบริเวณดังกล่าว แต่ หลังจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักทาให้ดินสไลด์ลงมาปิด ช่องทางจราจรฝ่ังขาล่อง รถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องปดิ เสน้ ทางจราจร ใหร้ ถเบีย่ งเลน หลมุ ยุบ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เว็บไซต์ข่าวเดลี เมล รายงานว่า มีหลุมยุบขนาด ใหญ่เกิดข้ึนบริเวณทุ่งนา ในเมืองฮวน ซี โบนิลลา ในรัฐปวยบลา ทาง ตะวันออกเฉียงใตข้ องเม็กซิโก โดยหน่งึ ในเจ้าของท่ีดนิ เปิดเผยว่า ได้ยนิ เสียง ดังเหมือนฟ้าร้อง พอออกมาดูข้างนอกก็พบหลุมขนาดใหญ่ ขณะที่ชาวบ้าน ในบรเิ วณน้นั เปิดเผยว่า ในตอนแรกจู่ๆ ดินกย็ บุ ตวั ลงไปความกว้างประมาณ 5 เมตร และต่อมาก็เริ่มขยายวงกว้างออกเร่ือยๆ จนเกือบ 100 เมตรและ ลึกเกือบ 20 เมตรแลว้ ข่าวไทยรัฐ ออนไลน์ https://www.thairath.co.th/news/foreign/2112562
49 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 คุณคา่ ของทรพั ยากรธรณี กับโอกาสในการพฒั นา 2.1 ทรัพยากรธรณี การสารวจ และการใช้ประโยชน์ การขออนญุ าตสารวจแร่ การสารวจแร่ ตามท่ีระบุในกฎหมายหมายถึง \"การเจาะหรือชุด หรือกระทาด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนง่ึ หรือหลายวิธี เพ่ือให้รู้ว่าในพ้ืนที่มีแร่อยู่หรือไม่เพียงใด\" โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือคันหาชนิดแร่ที่ต้องการแล ะ ตรวจสอบปริมาณแร่ วิธีการที่ใช้ในการสารวจแร่นั้นจะครอบคลุมการตรวจดูลกั ษณะธรณีวทิ ยาแหลง่ แร่ ธรณีเคมี ธรณีฟิสิกซ์ การเจาะหลุมสารวจ การขุดหลุมหรือร่องสารวจเพื่อเก็บตัวอย่างแร่ไปวิเคราะห์ และวิธีอ่ืน ๆ เป็นต้น ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญตั ิ พ.ศ.2510 ห้ามมิให้ผใู้ ดสารวจแร่ในที่ใด ไมว่ ่าที่นน้ั จะเป็นสิทธขิ องบุคคลใด หรอื ไม่ เวน้ แต่จะไดร้ บั อาชญาบตั รสารวจแร่ 3 ประเภทคอื -อาชญาบัตรสารวจแร่ -อาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ หรอื -อาชญาบตั รพิเศษ ในบทน้ีจะได้กลา่ วถึงรายละเอียดของการขออาชญาบตั รทั้งสามประเภท 1. อาชญาบตั รสารวจแร่ อาชญาบัตรสารวจแร่ เป็นหนังสือสาคัญที่ออกให้เพ่ืออนุญาตให้สารวจแร่ภายในพ้ืนที่ซึ่งระบุไว้ตามเขต ปกครองเป็นอาเภอ ซึ่งเป็นการอนุญาตที่ไม่ผูกขาดการสารวจแร่ เจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่เป็นผู้ ออกอาชญาบตั รสารวจแร่ ซงึ่ จะมีอายุ 1 ปี คุณสมบัติของผู้ยน่ื คาขออาชญาบัตรสารวจแร่ ผู้ท่ีประสงค์จะย่ืนคาขออาชญาบัตรสารวจแร่ จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลท่ีมีวัตถุประสงค์ใน การสารวจแร่ ขั้นตอนและวธิ ีการขออาชญาบตั รสารวจแร่ 1) กรอกคาขอตามแบบท่ีกาหนด และย่ืนคาขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องท่ี พรอ้ มกับแนบเอกสารทวั่ ไปประกอบคาขอ (ระบไุ วใ้ นบทที่ 1) 2) เจ้าพนักงานตรวจสอบคาขอ เอกสารหลักฐาน ตรวจเขตพื้นที่ขอสารวจแร่ว่าไม่เป็นพื้นท่ี ตอ้ งห้าม เชน่ ไม่อยู่ในเขตศกึ ษาวิจัยทีก่ าหนดโดยรฐั มนตรตี ามมาตรา 6 ทวี เป็นตัน 3) ชาระเงนิ คาาธรรมเนยี มคาขอฉบับละ 20 บาท และคา่ อาชญาบตั รสารวจแห่ 100 บาท 4) เจา้ พนกั งานลงทะเบยี นรับคาขอ และพิจารณาออกอาชญาบัตรสาราจแร่
50 ขอ้ กาหนดในการสารวจแร่ตามอาชญาบตั รสารวจ ㆍตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามเง่ือนไรท่ีกาหนดไวใ้ นอาชญาบัตรสารวจแร่ ㆍให้สารวจตัวยวิธตี รวจดลู กั ษณะทางธรณีวิทยา ธรณเี คมี และธรณีฟิสิกซเ์ ท่าน้นั จะขุดหลมุ หรือรอ่ งสารวจ หรือเจาะสารวจเพ่อื เก็บตวั อยา่ งแรไม่ใด้ ㆍการสารวจแร่ตามอาชญาบัตรประเภทนี้ ไม่ต้องส่งรายงานการสารวจแร่ 2. อาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ คือหนังสือสาคัญท่ีอนุญาตให้ผูกชาดสารวจแร่ภายในเขตท่ีกาหนดให้ การ ขออาชญาบัตรผกู ขาดสารวจแรใหย้ ื่นคาขอตอ่ เจา้ หนักงานอตุ สาหกรรมแรป่ ระจาท้องที่ รัฐมนตรหี รอื ผ้ซู ง่ึ รฐั มนตรี มอบหมายเปน็ ผอู้ อกอาชญาบัตรผกู ชาดสารวจแร่ อาชญาบตั รผกู ขาดสารวจแรม่ ี 2 ประเภท คอื 1) อาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่บนบก แต่ละบุคคลจะขอได้ไม่เกิน 2,500 ไร่ (นโยบาย กระทรวงอุตสาหกรรม จะออกให้ไม่เกิน 1,250 ไร่ เว้นแต่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนซึ่งส่งเสริมให้สารวจ หรือทาเหมืองสาหรับแรช่ นดิ นน้ั และได้รับอนุญาตให้ประกอบโลหะกรรมหรือกิจการโรงงานซึ่งใช้แร่ท่ีขอสารวจนั้น เป็นวตั ถตุ บิ ) อาชญาบตั รผูกขาดสารวจแร่มีอายุ 1 ปีนบั แต่วนั ออก 2) อาชญาบตั รผกู ขาดสารวจแร่ในทะเล ซง่ึ แตล่ ะคาขอจะขอได้ไมเ่ กนิ 500,000 ไร่ (นโยบาย กระทรวงอุตสาหกรรม จะออกให้ไม่เกิน 20,000 ไร่ ซ่ึงถ้าจะขอเกินจะต้องขออาชญาบัตรพิเศษ) และกาหนด อายอุ าชญาบตั รไดไ้ มเ่ กนิ 2 ปีนบั แตว่ ันออก นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีนโยบายไม่ออกอาชญาบัตรผูกขาคสารวจแร่หินอุดสาหกรรม หิน ประดับ หินอ่อน และแร่โดโลไมต์ให้แก่บุคคลใด เนื่องจากส่วนราชการท่ีเกี่ยวข้องได้สารวจและจัดทาแผนท่ีแหล่ง หนิ ไวท้ ัว่ ประเทศแลว้ คณุ สมบตั ิของผู้ยนื่ คาขออาชญาบัตรผกู ขาดสารวจแร่ ผูท้ ี่ประสงคจ์ ะยน่ื คาขออาชญาบัตรผกู ขาดสารวจแร่ จะตอ้ งเป็นบุคคลธรรมดาหรอื นิตบิ ุคคลที่มคี ุณสมบัติ ตามท่กี าหนดในกฎกระทรวงฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2516) แกไ้ ขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 64 (พ.ศ. 2530) ข้ันตอนและวิธีการขออาชญาบตั รผกู ขาดสารวจแร่ 1) กรอกคาขอตามแบบท่ีกาหนด และชื่นคาขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ พรอ้ มกบั แนบเอกสารทั่วไปประกอบคาขอ และเอกสารประกอบการพจิ ารณาอนญุ าต 2) เจา้ พนักงานตรวจสอบคาขอ ความครบถ้วนของเอกสารประกอบคาขอ คณุ สมบตั ิของผู้อื่นคาขอ ตรวจแผนที่แสดงเขตท่ขี อสารวจตรวจสอบเขตพืน้ ทวี่ ่าไมเ่ ป็นพ้ืนที่ต้องหา้ มตามพระราชบัญญตั ิแร่และกฎหมายอื่น และแผนงานวิธกี ารสารวจแร่ 3) ชาระเงินค่าธรรมเนียมคาขอฉบับละ 20 บาท คาอาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ฉบับละ 500 บาท และคา่ ธรรมเนียมลว่ งหนา้ เป็นค่าใชเ้ นื้อที่ 5 บาทต่อไรต่ อ่ ปี 4) เจ้าพนกั งานลงทะเบียนรับคาขอไว้และเสนอเรอื่ งพรอ้ มความเหน็ ของผู้วา่ ราชการจงั หวดั ไปท่ี กพร.
51 5) กพร. เสนอคาขอให้คณะกรรมการพิจารณาเก่ียวกับการขออนุญาตสารวจและทาเหมืองแร่ และคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่เพ่ือให้ความเห็นชอบตามลาตับ ก่อนนาเสนอให้รัฐมนตรีออกอาชญาบัตร ผกู ชาดสารวจแร่ต่อไป เอกสารประกอบการพจิ ารณาออกอาชญาบตั รผกู ขาดสารวจแร่ 1. แผนท่ีแสดงเขตสารวจแร่โดยจะต้องยื่นคาขอคัดแผนท่ีก่อนยื่นคาขอ และเจ้าพนักงานจะทา แผนท่แี สดงเขตคาขอให้ 2. แผนงานและวิธีการสารวจแร่ โดยมีนักธรณีวิทยาหรือวิศวกรเหมืองแร่ท่ีอธิบดีเห็นชอบ เปน็ ผลู้ งนามรบั รองความถูกตอ้ ง 3. รายละเอียดเก่ียวกับคาขออาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ คาขออาชญาบัตรพิเศษ และคาขอ ประทานบัตร แปลงอน่ื ๆ ท่ีผูข้ อได้ยื่นคาขอไวก้ อ่ นแล้ว หรือทีผ่ ขู้ อถืออยู่ในขณะยนื่ คาขอ 4. หลักฐานแสดงทุนทรัพย์ในการสารวจแร่โดยใช้หนังสือค้าประกันของธนาคารหรือสถาบัน การเงิน (หลักฐานน้ีจะใช้ในขั้นตอนก่อนวันมอบอาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ภายหลังจากได้รับอนุญาตแล้ว) สาหรบั วงเงนิ ทุนทรัพย์เปน็ คา่ ใชง้ ่ายในการสารวจแร่ซงึ่ กพร. กาหนดตามวธิ กี ารทยี่ น่ื ขอสารวจคอื -วธิ เี จาะสารวจ ตอ้ งมที นุ ทรพั ยไ์ ม่น้อยกว่าไร่ละ 60 บาท -วธิ ขี ุดรอ่ งสารวจ ตอ้ งมที นุ ทรพั ยไ์ มน่ อ้ ยกว่าไรล่ ะ 40 บาท -วิธขี ุดหลมุ สารวจ ตอ้ งมีทนุ ทรัพย์ไม่น้อยกว่าไรล่ ะ 30 บาท แผนงานและวธิ กี ารสารวจแร่ เอกสารแผนงานและวิธกี ารสารวจแร่ มรี ายละเอียดดังนี้ 1. แผนท่ีภมู ปิ ระเทศ มาตราสว่ น 1:25,000 หรือใหญ่กว่า 2. เนอ้ื ท่ีสารวจแตล่ ะแปลง 3. ชนดิ แร่ และวิธกี ารสารวจแร่แตล่ ะชนั้ 4. ชนดิ ขนาด จานวนของเคร่ืองจกั รและอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการสารวจ 5. เงนิ ลงทุนและข้อผูกพนั สาหรบั การสารวจแตล่ ะปี 6. จานวนคนงานทใ่ี ช้ การลงมือสารวจและการรายงานผลการสารวจ การสารวจแร่ต้องเป็นไปตามแผนงานและวิธีการสารวจแร่ที่ได้รับอนุญาต ภายใต้การควบคุมของ นักธรณีวิทยาหรือวิศวกรเหมืองแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ต้องลงมือสารวจแร่ภายใน 60 วัน และต้อง รายงานผลการสารวจคร้ังแรกภายใน 30 วัน หลังจากได้ดาเนินงานท้ังหมดไปในระยะเวลาเวลา 180 วัน นับแต่ วันได้รับอาชญาบัตร และต้องรายงานผลการสารวจคร้ังสุดท้ายที่ได้กระทาไปภายหลังนั้นภายใน 30 วัน ก่อนอาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่สิ้นอายุ รายงานต้องเป็นไปตามแบบที่กาหนด โดยย่ืนรายงานต่อเจ้าพนักงาน อตุ สาหกรรมแรป่ ระจาทอ้ งที่
52 การเพิกถอนอาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ รัฐมนตรีหรือผูซ้ ึ่งรัฐมนตรีมอบหมายมีอานาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรผูกชาดสารวจแรได้ ถา้ ผถู้ ืออาชญาบัตร ผูกขาดสารวจแร่ไมป่ ฏิบตั ติ ามเง่อื นไขท่ีกาหนดไวใ้ นอาชญาบตั รผกู ขาดสารวจแร่ 3. อาชญาบตั รพเิ ศษ อาชญาบัตรพิเศษ คือหนังสือสาคัญท่ีอนุญาตให้ผูกขาดสารวจแร่เป็นกรณีพิเศษภายในเขตพ้ืนท่ี ท่ีกาหนดให้ ผู้อ่ืนคาขออาชญาบตั รพิเศษจะต้อง ㆍกาหนดข้อผูกพันสาหรับการสารวจแร่ โดยแจ้งปริมาณงานและจานวนเงินท่ีจะใช้เพ่ือการสารวจ สาหรบั แต่ละปี ตลอดอายุของอาชญาบัตรพเิ ศษ และ ㆍเสนอให้ผลประโยชน์พิเศษให้แก่รัฐตามหลักกาหนด ผลประโยชน์พิเศษน้ีจะมีผลผูกพันผู้ถืออาชญา บัตรพิเศษต่อไปในภายหลังเมื่อได้รับประทานบัตรชั่วคราวหรือประทานบัตรสาหรับทาเหมืองในเขตพ้ืนท่ี ท่ีได้รับ อาชญาบตั รพเิ ศษน้ัน คาขออาชญาบัตรพิเศษแต่ละคาขอจะต้องครอบคลุมเน้ือที่ท่ีสามารถสารวจได้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนด แต่ทั้งนี้ให้ขอได้ไม่เกินคาขอละ 10,000 ไร่ รัฐมนตรีเป็นผู้ออกอาชญาบัตรพิเศษ ซึ่งมีอายุ 5 ปี และไมส่ ามารถรอต่ออายุไดอ้ ีก
53 คุณสมบัตขิ องผู้ยน่ื คาขออาชญาบตั รพเิ ศษ ผู้ที่ประสงค์จะย่ืนคาขออาชญาบัตรพิเศษสารวจแร่ชนิดอ่ืนที่ไม่ใช่แร่ทองคา จะต้องเป็นบุคคลธรรมดา หรือนติ บิ คุ คลทีม่ คี ณุ สมบตั ิดังท่กี ลา่ วไว้ในบทที่ 1 สาหรับผู้ท่ีประสงค์จะยื่นคาขออาชญาบตั รพิเศษสาหรบั สารวจแรท่ องคา จะมี 2 กรณี คือกรณีขอสารวจ แร่ทองคาในพื้นท่ีท่ีกระทรวงอุตสาหกรรมกาหนด และกรณีขอสารวจแร่ทองคาในพื้นที่ทั่วไปนอกเขตที่กระทรวง อุตสาหกรรมกาหนด จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันดามท่ีกาหนดโดยกฎกระทรวงฉบับท่ี 19 (พ.ศ. 2516) แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ 64 (พ.ศ. 2530) ดงั ที่กลา่ วไว้ในบทที่ 1 เชน่ กัน ข้ันตอนและวิธกี ารขออาชญาบัตรพิเศษ 1) กรอกคาขอตามแบบท่ีกาหนด และย่ืนคาขอต่อเจ้าพนักงานอุตสาหกรรมแร่ประจาท้องที่ พรอ้ มกบั แนบเอกสารท่วั ไปประกอบคาขอ และเอกสารประกอบการพิจารณาอนุญาต 2) เจ้าพนักงานตรวจสอบคาขอ เอกสารประกอบคาขอ คณุ สมบัติของผู้อ่ืนคาขอ ตรวจสอบแผน ท่ีแสดงเขตที่ขอสารวจและพิจารณาว่าเขตพื้นท่ีขอสารวจแร่ไม่เป็นพ้ืนที่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติแร่และ กฎหมายอื่น (อาชญาบัตรพิเศษจะต้องไม่ออกทับซ้อนเขตเน้ือท่ีซ่ึงมีผู้ใด้รับอาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ อาชญา บัตรพิเศษ ประทานบตั รชวั่ คราว หรือประทานบัตรอยู่แล้ว)
54 3) ชาระเงินค่าธรรมเนยี มคาขอฉบบั ละ 20 บาท ค่าอาชญาบตั รพเิ ศษฉบับละ 1,000 บาทและ คา่ ธรรมเนยี มล่วงหน้าเป็นคาใช้เนอ้ื ท่ี 5 บาทต่อไร่ต่อปี 4) เจ้าพนกั งานลงทะเบียนรับคาขอไว้และเสนอเร่ืองพร้อมความเหน็ ของผูว้ ่าราชการจังหวัดไปที่ กพร. เพ่อื ให้หน่วยงานพิจารณาคาขอและขอ้ เสนอผลประโยชนพ์ ิเศษ 5) กพร. เสนอคาขอให้คณะกรรมการพิจารณาเก่ียวกับการขออนุญาตสารวจและทาเหมืองแร่ และคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่เพื่อให้ความเห็นชอบตามลาดับ ก่อนนาเสนอให้รัฐมนตรีออกอาชญา บัตรพเิ ศษ เอกสารประกอบการพิจารณาออกอาชญาบตั รพิเศษ 1. แผนงานและวธิ กี ารสารวจแร่ เหมือนกบั การขออาชญาบตั รผูกขาดสารวจแร่ 2. รายละเอียดเก่ียวกับคาขออาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ คาขออาชญาบัตรพิเศษ และคาขอ ประทานบัตร แปลงอ่ืน ๆ ที่ผู้ขอไดย้ ืน่ คาขอไวก้ อ่ นแล้ว หรือท่ีผขู้ อถืออยใู่ นขณะยืน่ คาขอ 3. ขอ้ ผูกพันสาหรบั การสาราจแร่ โดยแจ้งจานวนเงินท่จี ะใชเ้ พื่อการสารวจในแต่ละปี ตลอดอายุ ของอาชญาบัตรพเิ ศษ 4. รายการขอ้ เสนอผลประโยชน์พิเศษที่ประสงคจ์ ะให้แกร่ ฐั เม่ือได้รบั มอบอาชญาบตั รพเิ ศษ 5. หลักฐานแสดงทุนทรัพย์ในการสารวจแร่โดยใช้หนังสือค้าประกันของธนาคารหรือสถาบัน การเงิน ตามวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการสารวจแร่ ซึ่ง กพร. ได้กาหนดไว้ 30-60 บาทต่อไร่ ข้ึนอยู่กับ วธิ ีการที่ยื่นขอสารวจ หลกั ฐานน้ีจะใช้ในขั้นตอบก่อนรบั มอบอาชญาบัตรพเิ ศษภายหลังจากได้รบั อนุญาตแล้ว
55 หลักเกณฑ์การเสนอผลประโยชนพ์ เิ ศษแก่รัฐ ผู้ยื่นคาขออาชญาบัตรพิเศษจะต้องเสนอผลปะโยชน์พิเศษแก่รัฐ ตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดคือ แร่ถ่านหิน ไร่ละ 183 บาท สาหรบั แร่ชนิดอน่ื ไรล่ ะ 28 บาท การลงมือสารวจและรายงานผลสารวจ การสารวจแร่ต้องทาตามแผนงานและวิธีการสารวจแร่ท่ีได้รับอนุญาต ภายใต้การควบคุมของ นักธรณีวิทยาหรือวิศวกรเหมืองแร่ ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษต้องลงมือสารวจแร่ภายใน 90 วันและต้องรายงานผล การดาเนนิ งานและการสารวจแรใ่ ห้ กพร. ทราบ ทกุ รอบระยะเวลา 120 วนั การจา่ ยเงินตามข้อผูกพัน ข้อผูกพันสาหรับการสารวจแร่ คอื ปรมิ าณงานและจานวนเงนิ ค่าใชจ้ า่ ยในการสารวจทร่ี ะบุไว้ในอาชญาบัตร พิเศษ เม่ือสิ้นรอบปีข้อผูกพันใดถ้าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษทาการสารวจแรไม่ครบตามปริมาณงานในรอบปีน้ัน จะต้องจ่ายเงินเท่ากับจานวนท่ียังไม่ได้ใช้จ่ายเพื่อการสารวจในรอบปีน้ันให้แก่ กพร. ภายใน 30 วัน นับแต่วันสิ้น รอบปีดังกล่าว แต่ถ้าได้สารวจและใช้จ่ายเกินข้อผูกพันที่กาหนดไวส้ าหรับรอบปีนัน้ ให้นาจานวนเงินสว่ นท่เี กนิ น้นั ไปหักออกจากขอ้ ผูกพนั สาหรับการสารวจแรใ่ นรอบปตี ่อไปได้ การขอเวนคนื อาชญาบตั รพเิ ศษหรอื ขอคนื พ้นื ทบ่ี างส่วน ผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษอาจขอเวนคืนอาชญาบัตร หรือขอคืนพ้ืนท่ีสารวจบางส่วนได้ ถ้าได้ปฏิบัติตาม เงื่อนไขและข้อผูกพันการสารวจแร่แล้ว และปรากฎผลว่าพื้นท่ีน้ันไม่มีแร่ชนิดที่ประสงค์จะทาเหมือง หรือพบแร่ ชนิดน้ันในปริมาณที่ไม่เพียงพอในเชิงพาณิชย์ที่จะเปิดการทาเหมืองในพื้นที่ดังกล่าว โดยต้องย่ืน คาขอต่อ เจา้ พนกั งานอตุ สาหกรรมแร่ประจาท้องท่ี และอาชญาบัตรพิเศษหรือการคนื พ้นื ท่บี างส่วนน้ันจะมีผลนับแต่วันที่ยื่น คาขอดังกล่าว ซึ่งจะทาให้ยุติข้อผูกพันการสารวจแร่สาหรับปีที่เหลืออยู่หรือยุติข้อผูกพันสาหรับพ้ืนที่ส่วนท่ีคืนน้นั แลว้ แต่กรณี การเพิกถอนอาชญาบตั รพเิ ศษ รัฐมนตรีมีอานาจสั่งเพิกถอนอาชญาบัตรพิเศษได้ ถ้าผู้ถืออาชญาบัตรพิเศษไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับใน พระราชบัญญัติแร่ หรือตามเงื่อนไขและข้อผูกพันการสารวจแร่ท่ีกาหนดไว้
56 การรังวัดเขตและการยกคาขออาชญาบตั ร เม่อื ได้รบั คาขออาชญาบัตรผูกชาดสารวจแร่หรืออาชญาบัตรพิเศษแลว้ พนักงานเจา้ หน้ทจี่ ะได้กาหนดเขต พืน้ ท่ตี ามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารที่กาหนดในกฎกระทรวงฉบับท่ี 20 (พ.ศ. 2516) ซึ่งมีวธิ กี ารดังน้ี 1. การรงั วดั ซ่ึงจะใช้เม่อื มีข้อพิพาทขัดแย้ง หรอื กรณมี ีความคลาดเคล่ือน 2. กาหนดเขตลงในแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร มาตราส่วน 1:60,000 3. กาหนดเขตโดยการสรา้ งหมดุ หลกั ฐานหาคาพิกดั มมุ ฉากสากลและค่ากรดิ อาซิมุท ในกรณที ่ีมกี ารกาหนดเขตโดยการรงั วัด ผ้ยู ื่นคาขอจะต้องเป็นผู้ออกคาาใชจ้ า่ ยในการรงั วัดและมอบหมาย ใหม้ ีตัวแทนมานารังวดั ตามวัน เวลา และสถานท่ี ซง่ึ เจา้ พนักงานได้แจ้งเป็นหนงั สือ อธิบดีมีอานาจสั่งยกคาขออาชญาบัตรผูกขาดสารวจแร่ หรอื คาขออาชญาบตั รพิเศษได้ ถา้ ผูย้ ื่นคาขอ > ไม่มาตามนดั ในการนารงั วัดโดยไม่มีเหตุอันสมควร หรอื > ละเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติดามคาสั่งของเจ้าพนักงานในการดาเนินการเพ่ือออกอาชญาบัตรผูก ชาดสารวจแร่หรอื อาชญาบัตรพเิ ศษ หรอื > กระทาการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติดามข้อบังคับในพระราชบัญญัติแร่ ในหมวด 3 ว่าด้วยการ สารวจและการผกู ขาดสารวจแร่ หรอื หมวด 1 วา่ ด้วยการทาเหมือง หรอื รเู้ ห็นเป็นใจในการกระทาดังกล่าว การสารวจแร่ - เป็นการศึกษาทางธรณีวิทยา เพ่ือให้รู้ว่าพ้ืนท่ีใด ๆ มีโครงสร้างทางธรณีวิทยาเป็นอย่างไร มีแร่สะสมตัวอยู่มากน้อยเพียงใด เกรดหรือคุณภาพเป็นอย่างไร หากลงทุนทาเหมืองแร่จะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หรอื ไม่ - การสารวจแร่มีข้ันตอนการสารวจเบื้องต้นและสารวจในขั้นรายละเอียด ซึ่งจะต้องมีการศึกษา เพ่ิมเติม ทั้งด้านธรณีเคมี ธรณีฟิสิกส์ รวมถึงการเจาะสารวจวา่ บริเวณใดมีแหล่งแร่อยู่หรือไม่ มีปริมาณสารองมาก น้อยเพยี งใด เกรดหรือคณุ ภาพแรเ่ ปน็ อย่างไร หากลงทนุ ทาเหมอื งจะค้มุ คา่ ทางเศรษฐกจิ หรือไม่ - การสารวจแร่ในขั้นรายละเอียดเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีค่าใช้จ่ายสูง ดังน้ัน การบรหิ ารจดั การของภาครฐั โดยทว่ั ไปจะสารวจแหล่งแรใ่ นขน้ั ตน้ สว่ นการสารวจในรายละเอยี ดจะใหภ้ าคเอกชน ดาเนนิ การ
57 2.2 ทรัพยากรธรณกี บั การพัฒนาประเทศ แหล่งทรัพยากรปโิ ตรเลียมในประเทศไทย
58 คา่ ภาคหลวง ปี 2562 รายได้ของรัฐที่จัดเก็บจากผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมตามข้อกาหนดของกฎหมาย ได้แก่ ค่าภาคหลวง ค่าธรรมเนียมจากการใช้ทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศ จัดเก็บภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม โดยกรม เชื้อเพลงิ ธรรมชาติ
59 10 แร่ ท่มี ีคณุ คา่ สรา้ งประโยชนใ์ ห้กบั ประเทศ
60 การทาเหมืองแรใ่ นประเทศไทย คือการสกัดเอาแร่ท่ีมีค่า หรือ วัสดทุ างธรณีวทิ ยาอื่น ๆ จากใตผ้ นื แผน่ ดนิ ปกตขิ ดุ ท่ีตัวแหลง่ แร่หรอื สาย แร่ที่อยู่ใต้ดินประเภทของการทาเหมืองแร่ - เหมอื งเปิด (Open Pit) - เหมอื งใต้ดิน - เหมอื งฉดี - เหมอื งเรือขุด เป็นอุตสาหกรรมทสี่ รา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่รัฐและท้องถิ่น โดยคา่ ภาคหลวงร้อยละ 40 จดั เก็บเป็นรายไดแ้ ผน่ ดิน ร้อยละ 60 จะถูกจัดสรรกลับคืนสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่เป็นท่ีต้ังของประทานบัตร และองค์กรปกครอง สว่ นทอ้ งถ่นิ ทั่วประเทศ มูลคา่ ของทรพั ยากรแร่
61 2.3 ความสาคัญของทรพั ยากรธรณี ต่อประเทศด้านตา่ ง ๆ ด้านเศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม การเมอื ง สถานการณ์อตุ สาหกรรมเหมอื งแร่ของไทยปี 2563 และแนวโน้มในระยะตอ่ ไป 1. การผลติ ถึงแม้ว่าในช่วงปี ๒๕๕3 - ๒๕62 มูลค่าการผลิตแร่ในประเทศไทยมีการปรับตัวเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง จาก 57,004 ล้านบาท ในปี 2553 เป็น 74,617 ล้านบาท ในปี ๒๕62 แต่ถ้าพิจารณาในช่วงปี ๒๕60 - ๒๕62 กลับพบว่ามูลค่าการผลิตแร่ลดลงเฉลี่ยร้อยละ 5.1 ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงในด้านปริมาณเป็น สาคัญ โดยแรท่ ่มี ลู คา่ การผลิตสงู ทีส่ ดุ 5 อนั ดบั แรก ในชว่ งปี 2560 - 2562 คอื หนิ ปนู ถ่านหินลกิ ไนต์ ยิปซมั เกลอื หิน และหินแกรนิต ตามลาดับ ซึ่งแร่ 5 ชนิดนี้มีสัดส่วนรวมกันมากกว่าร้อยละ 82 ของมูลค่าการผลิตแร่ท้ังหมด สาหรับสถานการณ์ในปี 2563 การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วประเทศ ทาให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับสาขาการผลิตอื่น จากข้อมูล เบื้องต้นซ่ึงอยู่ ระหว่างการรวบรวมยังไมแ่ ล้วเสรจ็ พบวา่ แรท่ ี่มกี ารผลิตไปแล้วในปี 2563 มมี ลู คา่ เพยี ง 47,453 ลา้ นบาท ภาพทที่ 1 มูลค่าการผลติ แร่และอัตราการขยายตัว ปี 2553-2563 หนว่ ย : ล้านบาท 100,000 มูลค่าการผลติ แร่ และอตั ราการขยายตวั 50. 90,000 400. 80,000 87,746 77,328 77,090 74,617 300. 70,000 63,630 020. 60,000 57,004 59,818 61,265 60,724 64,183 010. 50,000 +37.9% 00. 40,000 47,453 -0 30,000 1- 0.0 20,000 +8.6% +4.9% +2.4% -0.9% +5.7% -0.9% -11.9% -0.3% -3.2% 20.0 10,000 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563* 0 ทม่ี า : ศูนยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร, กรมอตุ สาหกรรมพ้นื ฐานและการเหมอื งแร่ หมายเหตุ : ขอ้ มลู ปี 2563 เปน็ ขอ้ มลู ทีอ่ ยู่ระหว่างการรวบรวมยงั ไม่แล้วเสร็จ ประเทศไทยสามารถผลิตแร่ได้ประมาณ 47 ชนิด โดยในช่วงปี 2553-2562 ปริมาณการผลิตแร่ รวม ทุกชนิดเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ืองจาก 195.7 ล้านตัน ในปี 2553 เป็น 259.9 ล้านตัน ในปี ๒๕62 หรือเพิ่มขึ้นเฉล่ียร้อยละ 2.9 ต่อปี สอดคล้องกับความต้องการใช้แร่สาหรับอุตสาหกรรมต่อเน่ืองภายในประเทศ ท่ีมีแนวโน้มเพ่ิมสูงขึ้นอย่างต่อเน่ืองเช่นเดียวกัน ซ่ึงปริมาณการผลิตแร่สาหรับใช้ในประเทศของไทยส่วนใหญ่ จะเป็นแร่จาพวกหินอุตสาหกรรม เช่น หินปูน หินแกรนิต หินบะซอลต์ และแร่เชื้อเพลิง คือ ถ่านหินลิกไนต์ ส่วน แร่ที่ผลิตเพื่อการส่งออก เช่น ยิปซัม มีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2560 แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรม เหมอื งแร่ของไทยเรมิ่ ปรบั ทศิ ทางไปสู่การผลติ แร่เพอื่ ใช้สาหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศเพ่ิมมากขึน้
62 เม่ือจาแนกการผลิตตามกลุม่ แร่ในปี 2562 พบว่า แร่เช้ือเพลิงผลิตได้เพียงชนิดเดียว คือ ถ่านหินลิกไนต์ 14.1 ล้านตัน แร่อโลหะที่มีการผลิตสูงที่สุด ได้แก่ หินปูน 180 ล้านตัน หินบะซอลต์ 13.9 ล้านตัน และ หินแกรนิต 13.5 ล้านตัน ส่วนแร่โลหะมีการผลิตน้อยมาก โดยแร่ที่ผลิตมากท่ีสุด คือ แร่เหล็ก มีการผลิต เพียง 17,660 ตนั (ตารางที่ 1) สาหรบั ปี 2563 จากข้อมลู เบื้องตน้ พบว่ามกี ารผลิตแรไ่ ปแลว้ 169.1 ล้านตัน โดยแร่ ท่ีปริมาณการผลิตมากท่ีสุด 5 อันดับแรก คือ หินปูน หินแกรนิต ถ่านหินลิกไนต์ หินบะซอลต์ และดิน ซีเมนต์ ตามลาดบั ตารางที่ 1 ปริมาณการผลติ แร่ของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หนว่ ย : ลา้ นตัน 2558 2559 2560 2561 2562 2563* แร่เชื้อเพลิง ลิกไนต์ 15.2 17.0 16.3 14.9 14.1 7.8 แร่อโลหะ หนิ ปูน 176.6 177.3 177.5 181.2 180.0 117.9 หนิ บะซอลต์ 8.1 9.5 9.0 11.3 13.9 7.2 หนิ แกรนิต 12.9 13.6 12.7 14.3 13.5 11.9 แร่โลหะ (ตัน) แร่เหลก็ 16,483 - 135 - 17,660 93,125 แรแ่ มงกานีส 9,000 9,150 8,020 4,000 4,800 6,413 รวมทุกชนดิ แร่ 251.5 257.7 253.4 263.6 259.9 169.1 ท่มี า : ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร, กรมอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หมายเหตุ : ขอ้ มลู ปี 2563 เป็นขอ้ มูลที่อยรู่ ะหวา่ งการรวบรวมยังไม่แลว้ เสรจ็ 2. การใช้ ในช่วงปี 2553 - 2562 ปริมาณการใช้แร่ท่ีผลิตได้ในประเทศมีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นตามความต้องการใช้แร่ สาหรับอุตสาหกรรมต่อเน่ืองภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ืองเช่นเดียวกัน เช่น อุตสาหกรรม ผลิต ไฟฟ้า อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเซรามิก อุตสาหกรรมแก้วและกระจก เป็นต้น โดยในช่วงปี 2553-2557 ปริมาณการใช้แร่มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 5.4 ต่อปี ก่อนท่ีจะ ชะลอตัวลงในช่วงปี 2558-2562 มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 2.2 ต่อปี ทา ให้การผลิตแร่ของไทย ถูกใช้ สาหรับอุตสาหกรรมภายในประเทศเพ่ิมมากขึ้นเร่ือย ๆ จากสัดส่วนร้อยละ 91.6 ของการผลิตแร่ทั้งหมด ในปี 2553 เพิม่ ขึน้ เป็นรอ้ ยละ 97.3 ในปี 2562
63 ภาพที่ 2 ปริมาณการใช้แร่และอตั ราการขยายตวั ปี 2553-2563 หน่วย : ลา้ นตัน มูลค่าการผลติ แร่ และอตั ราการขยายตวั 300 12. +9.8% 250 217 227 233 246 244 245 253 010. 200 192 184 08. 198 200 +8.3% 150 06. +3.1% +4.5% +5.3% 04. 100 +1.3% 20. +2.9% +3.0% 00. 50 +0.5% -0 -0.6% 0 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563* 2.0 ท่ีมา : ศนู ย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร, กรมอุตสาหกรรมพน้ื ฐานและการเหมืองแร่ หมายเหตุ : ขอ้ มูลปี 2563 เปน็ ข้อมลู ทอ่ี ยรู่ ะหว่างการรวบรวมยังไมแ่ ล้วเสร็จ แร่ทม่ี ีปรมิ าณการใชส้ ูงที่สุดในปี 2562 คือ หินปูน ๑๗๖.1 ลา้ นตัน ส่วนใหญ่ใช้ในอตุ สาหกรรม กอ่ สร้าง และอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ รองลงมา คือ ถ่านหินลิกไนต์ 14 ล้านตัน ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ส่วน หินแกรนิตและ หินบะซอลต์มีปรมิ าณการใช้ ๑๒.3 และ 12.2 ล้านตัน ตามลาดับ ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรม ก่อสร้าง สาหรับปี 2563 จากข้อมูลเบ้อื งต้น พบวา่ มีการใชแ้ รไ่ ปแลว้ เพียง 184.1 ล้านตัน ลดลงจากปี 2562 มากถงึ ร้อยละ 27.2 เน่ืองจากอุตสาหกรรมต่อเน่ืองภายในประเทศหดตัวตามภาวะเศรษฐกจิ ที่ได้รับ ผลกระทบจากการแพรร่ ะบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม แร่ท่ีมีปริมาณการใช้มากที่สุด 5 อันดับแรก ยังคงเป็นแร่ชนิดเดิม คือ หินปูน ถ่านหิน ลกิ ไนต์ หินแกรนิต หนิ บะซอลต์ และดนิ ซเี มนต์ ตามลาดบั (ตารางที่ 2) ตารางท่ี 2 ปริมาณการใช้แร่ที่ส าคญั ของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หน่วย : ลา้ นตัน 2558 2559 2560 2561 2562 2563* หนิ ปนู 170.4 176.5 178.6 176.3 176.1 131.6 ลิกไนต์ 15.4 16.9 16.2 14.4 14.0 13.4 10.3 หินแกรนิต 7.9 8.4 8.9 11.6 12.3 8.7 5.0 หนิ บะซอลต์ 12.1 12.9 12.8 12.5 12.2 ดินซเี มนต์ 4.8 4.3 3.1 5.8 8.6 ทมี่ า : ศนู ยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร, กรมอุตสาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ หมายเหตุ : ข้อมลู ปี 2563 เป็นขอ้ มลู ท่อี ยู่ระหวา่ งการรวบรวมยังไม่แล้วเสรจ็
64 3. การนาเขา้ นอกจากการใช้แร่ที่ได้จากการผลิตภายในประเทศแล้ว ประเทศไทยยังมีความจาเป็นท่ีจะต้องนาเข้า แร่ จากต่างประเทศ เน่ืองจากแร่บางชนิดไม่สามารถผลิตได้เอง หรือผลิตได้แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทาให้ประเทศไทยต้องนาเข้าสินค้าแรเ่ ป็นจานวนมาก โดยกลุ่มแร่นาเข้าที่สาคัญคือ แร่เช้ือเพลิง ซ่ึงคิดเป็นสดั ส่วน มากกว่ารอ้ ยละ 70 ของมลู ค่าการนาเขา้ ท้ังหมด เน่อื งจากไทยสามารถผลิตถ่านหินลกิ ไนตไ์ ดเ้ พยี งชนิดเดยี ว แร่เช้ือเพลิงท่ีนาเข้ามาจะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ถ่านหิน แอนทราไซต์ ถ่านหินบิทูมินัส ถ่านหินโค้ก และถ่านหินชนิดอ่ืน ๆ ซึ่งแร่เช้ือเพลิงเหล่าน้ีต้องซื้อขาย โดยอ้างอิงราคาตลาดโลก ทาให้มูลค่าการนาเข้าในภาพรวมในช่วงปี 2553-2563 ค่อนข้างผันผวนตามปริมาณ การนาเข้า และราคาของแร่แต่ละชนดิ ในแตล่ ะปี ภาพท่ี 3 มูลคา่ การนำเขา้ แรแ่ ละอัตราการขยายตัว ปี 2553-2563 หน่วย : ล้านบาท 80,000 มูลค่าการผลติ แร่ และอตั ราการขยายตวั 20. 70,000 015. 60,000 59,158 62,900 63,440 61,978 57,874 66,110 72,820 62,190 56,844 010. 50,000 +5.3% +6.3% +14.3% 50. 40,000 56,163 55,514 +14.2% 00. 30,000 +2.9% +10.1% 0- 20,000 -5.0 10,000 -2.3% -8.6% -10.0 -6.6% 1- 5.0 0 20.0 -11.7% -14.6% 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ท่ีมา : ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร, กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ ถึงแม้ว่ามูลค่าการนาเข้าแร่ในช่วง 3 ปีหลังสุด (ปี 2561-2563) จะมีแนวโน้มลดลงเฉล่ียร้อยละ 4.4 ต่อปี แต่ในปี 2563 ก็ยังมีการนาเข้าแร่มากกว่า 70 ชนิด และมีมูลค่าการนาเข้าสูงถึง 56,844 ล้านบาท โดย สนิ ค้าแรน่ าเข้าท่สี าคัญในปี 2563 ไดแ้ ก่ ถา่ นหนิ ชนิดอื่น 21,538 ล้านบาท ถ่านหนิ บิทูมนิ สั 19,369 ลา้ นบาท แร่ดีบกุ 4,782 ล้านบาท แรไ่ นโอเบยี มและวานาเดียม 1,149 ล้านบาท ทลั ก์ 1,220 ลา้ นบาท และโมลิบดิไนต์ 1,331 ล้านบาท ตามลาดบั (ตารางท่ี 3)
65 ตารางท่ี 3 มลู ค่าการนำเขา้ แรท่ ีส่ ำคัญของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หนว่ ย : ลา้ นบาท 2558 2559 2560 2561 2562 2563 21,538 ถา่ นหนิ ชนิดอ่นื 18,241 17,816 23,170 31,070 22,298 19,369 4,782 ถ่านหนิ บิทมู นิ ัส 25,968 23,062 25,517 21,389 21,749 1,149 1,220 แรด่ ีบุก 1,732 2,738 4,237 4,494 3,586 1,331 7,455 แรไ่ นโอเบยี มและวานาเดยี ม 1,100 1,658 1,137 2,086 1,243 56,844 ทัลก์ 1,625 1,647 1,634 1,644 1,628 โมลิบดไี นต์ 756 967 916 1,810 2,563 แร่อื่น ๆ 12,556 9,987 9,498 10,326 9,124 รวม 61,978 57,874 66,110 72,820 62,190 ทีม่ า: ศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร, กรมอตุ สาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมอื งแร่ ในขณะท่ีมูลค่าการนาเข้าแร่มีแนวโน้มค่อนข้างผันผวนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่เม่ือพิจารณาในเชิง ปริมาณกลับพบว่าปริมาณการนาเข้าแร่มีแนวโน้มเพิ่มข้ึน โดยเพ่ิมข้ึนจาก 17.8 ล้านตัน ในปี 2554 เป็น 25.4 ล้านตัน ในปี 2563 หรือเพ่ิมข้ึนถึงร้อยละ 47.8 โดยในปี 2563 กลุ่มแร่เช้ือเพลิงที่มีปริมาณ การนาเข้าสูงทสี่ ดุ คือ ถ่านหินชนิดอ่ืน 15.4 ล้านตัน นาเข้าจากอินโดนีเซียและรัสเซีย แร่อโลหะที่มีปริมาณการนาเข้าสูงสุด คือ หินฟลินต์ ๐.33 ล้านตัน นาเข้าจาก สปป.ลาว ส่วนแร่โลหะที่มีปริมาณการนาเข้าสูงสดุ คือ แมงกานีส 0.07 ลา้ นตนั นาเขา้ จากเมยี นมา (ตารางที่ 4) ตารางท่ี 4 ปริมาณการนำเข้าแรท่ ่สี ำคญั ของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หน่วย: ตนั แร่เชอื้ เพลิง (ล้านตัน) 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ถา่ นหนิ ชนิดอ่ืน ถ่านหินบิทูมินสั 11.1 11.3 12.1 16.8 13.0 15.4 ถ่านหินแอนทราไซต์ 10.6 10.2 9.9 7.9 8.1 8.2 0.17 0.18 0.14 0.17 0.13 0.15
66 แรอ่ โลหะ หนิ ฟลนิ ต์ 31,214 19,705 303,909 414,793 484,595 330,123 แบไรต์ 98,358 86,651 81,133 90,092 161,560 128,380 เบนทอไนต์ 104,547 107,646 120,287 127,807 137,667 122,247 แร่โลหะ แร่แมงกานสี 18,562 21,027 36,428 71,362 135,616 73,199 แรไ่ นโอเบยี มและวานาเดยี ม 13,605 16,278 6,771 21,771 22,344 61,478 แร่ดีบกุ 5,742 7,870 10,877 12,261 10,559 16,136 ท่มี า: ศนู ยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร, กรมอุตสาหกรรมพนื้ ฐานและการเหมอื งแร่ 4. การสง่ ออก การส่งออกสินค้าแร่ของไทยมีทั้งการส่งออกในรูปแร่ดิบเน่ืองจากผลิตได้มากเกินกว่าความต้องการ ภายในประเทศ เช่น ยิปซัม แอนไฮไดรต์ และการนาเข้าแร่ดิบมาเพ่ิมมูลค่าก่อนส่งออก เช่น โลหะดีบุก ซึ่งการ ส่งออกสินค้าแร่ของไทยในช่วงปี 2553-2557 มีมูลค่าประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท แต่หลังจากนั้น ในช่วงปี 2560-2563 การส่งออกสินค้าแร่ของไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเน่ืองจนเหลือเพียง 12,000 - 13,000 ล้านบาท เน่ืองจากมีคู่แข่งรายใหม่ในตลาดส่งออกยิปซัมที่สาคัญของไทยและการระงับการประกอบ กิจการเหมืองแร่ทองคาเอาไว้ก่อนต้ังแต่ปี 2560 รวมถึงแนวโน้มการผลิตแร่ท่ีมีเป้าหมายเพื่อใช้สาหรับ อุตสาหกรรมภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ สินค้าแร่ส่งออกท่ีสาคัญของไทยในช่วงปี 2560-2563 ได้แก่ โลหะดบี ุก ยิปซมั แอนไฮไดรต์ โซเดียมเฟลด์สปาร์ และโดโลไมต์ โดยในปี 2563 มกี ารสง่ ออกสินค้าแรร่ วมทั้งสิ้น 11,907 ลา้ นบาท ลดลงจากปี 2562 มากถงึ รอ้ ยละ 10.1 ตารางท่ี 5 มลู ค่าการสง่ ออกสินค้าแรท่ ่สี ำคัญของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หน่วย: ล้านบาท 2558 2559 2560 2561 2562 2563 โลหะดบี ุก 4,275 5,188 5,481 5,504 5,544 5,512 ยปิ ซัม 5,018 4,336 3,675 3,668 3,205 2,927 แอนไฮไดรต์ 674 880 896 913 798 813 โซเดียมเฟลดส์ ปาร์ 708 569 610 593 1,397 637 โดโลไมต์ 469 555 487 509 395 480 แร่อน่ื ๆ 6,292 8,612 1,730 1,707 1,912 1,538 รวม 17,436 20,140 12,879 12,895 13,250 11,907
67 สินค้าแร่ท่ีส่งออกในปริมาณมากส่วนใหญ่จะเป็นแร่อโลหะเกือบท้ังหมด โดยในปี 2563 ไทยมีการ ส่งออกยิปซัมมากท่ีสุด 4.58 ล้านตัน และไทยเป็นผู้ส่งออกยิปซัมรายใหญ่ของโลกมาโดยตลอด มีตลาดส่งออกที่ สาคัญ คือ อนิ โดนีเซยี เวียดนาม มาเลเซีย และญี่ปุ่น รองลงมา ได้แก่ โดโลไมต์ 1.39 ล้านตัน แอนไฮไดรต์ 1.37 ลา้ นตนั โซเดยี มเฟลด์สปาร์ 0.82 ล้านตัน และหินปูน 0.27 ลา้ นตนั ตามลาดบั (ตารางที่ 6) ตารางที่ 6 ปริมาณการสง่ ออกแร่ท่ีสำคัญของไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หนว่ ย : ล้านตนั 2558 2559 2560 2561 2562 2563 ยิปซมั 7.82 6.46 5.74 5.70 5.29 4.58 โดโลไมต์ 1.21 1.27 1.08 1.27 1.17 1.39 แอนไฮไดรต์ 1.03 1.35 1.45 1.53 1.37 1.37 โซเดียมเฟลดส์ ปาร์ 0.77 0.64 0.70 0.70 1.14 0.82 หนิ ปูน 0.61 0.61 0.56 0.24 0.44 0.27 ทมี่ า: ศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร, กรมอตุ สาหกรรมพื้นฐานและการเหมอื งแร่ 5. คา่ ภาคหลวงแร่ ค่าภาคหลวงแร่ท่ีรัฐจัดเก็บได้ในช่วงปี 2560-2563 มีแนวโน้มแกว่งตัวอยู่ในช่วง 3,700-3,900 ล้านบาท เน่ืองจากค่าภาคหลวงแร่จะแปรผันไปตามปริมาณและราคาแร่แต่ละชนิดท่ีมีการผลิตในแต่ละปี โดยในปี 2563 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่สามารถจัดเก็บค่าภาคหลวงแร่ได้ 3,730 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 4.2 โดยแร่ท่ีสามารถจัดเก็บค่าภาคหลวงได้มากท่ีสุด คือ หินปูน 2,061 ล้านบาท รองลงมา คือ ลิกไนต์ 515 ล้านบาท ยิปซัม 256 ล้านบาท เกลอื หนิ 113 ล้านบาท และหินแกรนิต 109 ล้านบาท ตามลาดับ ค่าภาคหลวงจากแร่ท้ัง 5 ชนิดนี้มีมูลค่ารวมกันถึง 3,054 ล้านบาท หรือ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 81.9 ของค่าภาคหลวงแรท่ ีจ่ ัดเกบ็ ไดท้ งั้ หมด (ตารางที่ 7) ตารางท่ี 7 การจัดเก็บค่าภาคหลวงแรข่ องไทย ปี พ.ศ. 2558-2563 หนว่ ย: ลา้ นบาท 2558 2559 2560 2561 2562 2563 หินปูน 1,165 2,068 2,110 2,113 2,103 2,061 ลิกไนต์ 589 648 624 554 537 515 ยิปซัม 298 275 246 253 309 256 เกลือหิน 85 105 116 118 121 113 หนิ แกรนติ 50 748 78 105 114 109 อืน่ ๆ 853 659 662 645 712 676 รวม 3,040 4,503 3,836 3,789 3,896 3,730 ท่ีมา: ศูนยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร, กรมอุตสาหกรรมพืน้ ฐานและการเหมืองแร่
68 เม่ือวันท่ี 1 ตุลาคม 2561 กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกกฎกระทรวงกาหนดพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. 2561 ซึ่งออกตามความมาตรา 5 วรรคสี่ และมาตรา 132 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ได้กาหนดให้คิดอัตราค่าภาคหลวงจากราคาตลาดที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ประกาศ กาหนด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงคร้ังสาคัญของอัตราการเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ของไทย โดยแร่ส่วนใหญ่ มี อัตราค่าภาคหลวงตั้งแต่ร้อยละ 4 ถึงร้อยละ 10 และแร่โลหะบางชนิดท่ีมีราคาสูง (แร่ดีบุก แร่ทองคา แร่ตะกั่ว แร่ท่ีมีทังสติกออกไซด์ และแร่สังกะสี) จะเรียกเก็บในอัตราก้าวหน้าตั้งแต่ร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 20 ตามช่วง ระดับ ราคา นอกจากน้ี ยังกาหนดอัตราค่าภาคหลวงสาหรับแร่ที่ส่งออกในอัตราท่ีสูงกว่าแร่ท่ีใช้เพื่ออุตสาหกรรม ภายในประเทศ ค่าภาคหลวงแร่ท่ีจัดเก็บได้จากประทานบัตรแต่ละแปลงจะถูกออกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก จะ ถูกนาส่งเป็นรายได้ของรัฐร้อยละ 40 และส่วนท่ีเหลืออีกร้อยละ 60 จะถูกจัดสรรให้กับองค์กรปกครอง ส่วน ท้องถ่ินตามท่ีได้กาหนดอัตราท่ีได้รับการจัดสรรไว้ในพระราชบัญญัติกาหนดแผนและขั้นตอนการกระจาย อานาจ ให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ พ.ศ. 2542 เพ่อื นาไปใช้ในการพัฒนาทอ้ งถน่ิ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คอื ร้อย ละ 20 จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดท่ีประทานบัตรตั้งอยู่, ร้อยละ 20 จัดสรรให้แก่ องค์การบริหาร ส่วนตาบลหรือเทศบาลที่ประทานบัตรต้ังอยู่, ร้อยละ 10 จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนตาบล หรือเทศบาลอ่ืน ในจังหวัดเดียวกับท่ีประทานบัตรตั้งอยู่ และร้อยละ 10 จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วนตาบล หรือเทศบาลใน จังหวัดอ่นื ทั้งนี้ เพื่อให้มีการกระจายผลประโยชน์จากการประกอบกิจการเหมืองแร่อย่างเป็นธรร มมากยิ่งข้ึน พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ได้กาหนดให้มีการจัดสรรผลประโยชน์พิเศษให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่ี เป็นท่ีต้ังของเขตพ้ืนที่การทาเหมือง และองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นทมี่ ีเขตติดต่อกับเขตพืน้ ที่การทาเหมือง ท่อี าจ ได้รับผลกระทบจากการทาเหมืองด้วย แนวโนม้ อุตสาหกรรมเหมอื งแรไ่ ทยในระยะต่อไป ปัจจยั ท่สี ่งผลกระทบทางบวก (1) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยสานักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสท่ี 4 ของปี 2563 ปรับตัวดีข้ึนจากไตรมาสก่อน โดยท้ังปี 2563 เศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 6.1 ใกล้เคียงกับข้อมูลของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทนุ การเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ทป่ี ระเมิน วา่ จะหดตัวรอ้ ยละ 6.6 สาหรบั แนวโน้มเศรษฐกจิ ไทยในระยะต่อไป ธนาคารแหง่ ประเทศไทย และกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ เห็นสอดคล้องกันว่าเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวในปี 2564 และเร่งตัวข้ึน จนกลับมาอยู่ใน ระดับใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ภายใน ปี 2565 ทั้งน้ี การขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยย่อมส่งผลกระทบทางบวกเชื่อมโยงไปยัง ทุกภาคส่วนของระบบ เศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมเหมืองแร่ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้า และมีอุปสงค์ สืบเน่ืองมาจาก อตุ สาหกรรมพนื้ ฐานท่ีใช้แร่เป็นวัตถดุ บิ
69 ตารางท่ี 8 ประมาณการอตั ราการขยายตัว ภาพท่ี 4 แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทางเศรษฐกจิ ไทยในชว่ งปี 2563-2565 ในช่วงปี 2563-2565 หน่วย : ร้อยละ หนว่ ยงาน 2563 2564 2565 สศช.1 -6.1 2.5-3.5 - ธปท.2 -6.6 3.2 4.8 IMF3 -6.6 2.7 4.6 ทีม่ า : ท่มี า : รายงานนโยบายการเงิน ธันวาคม 2563 1. ภาวะเศรษฐกจิ ไทยปี 2563 และแนวโนม้ ปี 2564 2. รายงานนโยบายการเงิน ธันวาคม 2563 3. World Economic Outlook, January 2021 (2) การผลิตแร่สาหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น โดยศูนย์วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดการณ์ว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเติบโตเร่งข้ึน สอดคล้องกับ มูลค่าการลงทุนก่อสร้างโดยรวมท่ีคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5-5.0 ในปี 2564 และร้อยละ 5.0-5.5 ในปี 2565-2566 โดยมีปัจจัยขับเคล่ือนหลักมาจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ ที่เก่ียวเน่ืองกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridors: EEC) รวมถึงภาวะ เศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวและหนุนการก่อสร้างท่ีอยู่อาศัย ทาให้การผลิตแร่สาหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างและ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ น่าจะเพ่ิมข้ึนตามไปด้วยเช่นเดียวกัน เน่ืองจากปริมาณงานก่อสร้างในโครงการลงทุน ภาครัฐส่วนใหญจ่ ะเน้นการใชว้ สั ดุกอ่ สรา้ งประเภทปูนซเี มนต์และคอนกรตี ในปริมาณมาก (3) การอนุญาตประทานบัตรใหม่ จากฐานข้อมูลใบอนุญาตประทานบัตร พบว่าในช่วงปี 2563 - 2564 มีการอนุญาตประทานบัตร จานวน 48 แปลง ได้แก่ หินเพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้างจานวน 34 แปลง ยปิ ซมั จานวน 6 แปลง หนิ ประดับ จานวน 1 แปลง และฟลอู อไรด์ จานวน 1 แปลง แสดงใหเ้ ห็นว่า การผลติ หิน เพ่ืออตุ สาหกรรมก่อสร้างนา่ จะมแี นวโน้มเพ่ิมข้ึน เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมก่อสร้าง ท่จี ะขยายตัวตามธุรกิจรบั เหมาก่อสรา้ ง (4) อัตราดอกเบ้ียยังคงอยู่ในระดับต่อนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบ้ียนโยบายไว้ท่ีร้อยละ 0.50 ต่อปี เพ่ือสนับสนุนการฟ้ืนตัวของเศรษฐกิจท่ียังมีความไม่แน่นอน สูง ทาให้ธนาคารพาณิชย์มีน่าจะยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะอัตราดอกเบ้ีย สาหรับการ กู้ยมื เงนิ ทจี่ ะส่งผลต่อต้นทนุ ทางการเงนิ ของผ้ปู ระกอบการ
70 ปจั จัยท่สี ง่ ผลกระทบทางลบ (1) การผลติ ถ่านหินลกิ ไนต์มแี นวโนม้ ลดลง เนอื่ งจากการลดลงของผลิตถ่านหินลิกไนต์ของเหมืองแม่เมาะ ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตถ่านหินลิกไนต์มากกว่าร้อยละ 95 ของทั้งประเทศ ตามแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของ ประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ได้กาหนดแผนการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในช่วงปี 2564-2569 โดยใช้ถ่านหินลิกไนตเ์ ป็นเชอ้ื เพลงิ จานวน 16 ล้านตันในปี 2564, จานวน 14 ล้านตัน ในช่วง ปี 2565-2567, จานวน 7 ล้านตัน ในปี 2568 และจานวน 6 ล้านตัน ในปี 2569 ตามลาดับ ซ่ึงลดลงจาก จานวน 14 ล้านตัน ในช่วงปี 2561-2563 ซึ่งสอดคล้องกับแนวโมของโลกท่ีมุ่งลดการปลดปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ โดยลดการใช้พลงั งานฟอสซิลและเพมิ่ สดั สว่ นการใชพ้ ลงั งานหมนุ เวียน (2) การส่งออกยิปซัมมีแนวโน้มลดลง เน่ืองจากประเทศที่เป็นตลาดส่งออกหลักของไทยมีกาลังซื้อลดลง จากผลกระทบจากการแพรร่ ะบาดของ COVID-19 และต้องเผชญิ กบั ค่แู ขง่ สาคญั อย่างโอมานทมี่ นี โยบายเร่งผลิต และส่งออกยิปซัม เพื่อลดการพ่ึงพาการส่งออกน้ามันดิบและก๊าซธรรมชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของประเทศ ทาใหโ้ อมานสามารถแย่งสว่ นแบง่ ตลาดในตลาดส่งออกหลักไปจากไทยไดใ้ นช่วง 4-5 ปีทผ่ี า่ นมา ขอ้ สรุป ถึงแม้ว่าปัจจัยท่ีส่งผลกระทบด้านบวกจะทาให้เกิดแนวโน้มท่ีดีต่อการเพ่ิมข้ึนของการผลิตแร่สาหรับ อุตสาหกรรมก่อสร้างและแร่สาหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์ โดยเฉพาะหินเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีสัดส่วน มากกว่าร้อยละ 50 ของปริมาณการผลิตแร่ท้ังหมด แต่การเพ่ิมข้ึนเหล่าน้ันอาจจะชดเชยการลดลงของการผลิต ถ่านหินลิกไนต์และยิปซัมเพ่ือส่งออกได้ไม่ท้ังหมดรวมถึงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศที่ต้องใช้เวลาในการ ฟื้นตัวเพ่ือกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทาให้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของ ไทยน่าจะมแี นวโน้มคอ่ นขา้ งทรงตวั ในชว่ ง 1-2 ปขี ้างหนา้
71 2.4 การมสี ว่ นร่วมอนรุ ักษ์ และการฟ้ืนฟเู กี่ยวกบั ทรัพยากรธรณี ข้อดี ข้อเสยี ของการทาเหมือง ขอ้ ดี ข้อเสีย - ชาวบา้ นมงี านทาและความเปน็ อย่ทู ่ดี ีขนึ้ - ครอบครัวอยูด่ ว้ ยกัน ไมต่ ้องไปทางานไกลบา้ น - อาจก่อให้เกดิ ผลกระทบต่อส่งิ แวดลอ้ ม สงั คมและ สุขภาพในหลายมิติ - ความเจรญิ เข้าสทู่ ้องถ่นิ เศรษฐกจิ ดขี ึ้น มีผปู้ ระกอบการ ร้านค้า และธรุ กิจเอกชนผุดข้นึ มา - เชน่ มลพิษปนเปอื้ น/ฟุ้งกระจาย เสียง ฝนุ่ และ เพอื่ รองรับความเจรญิ ที่เขา้ มา แรงสัน่ สะเทือนจากการระเบิดสง่ ผลใหแ้ หลง่ น้าตาม - งบประมาณลงสู่ทอ้ งถ่ิน โดยคิดค่าภาคหลวง ธรรมชาติ ถกู ทาลาย และปนเปื้อนไปด้วย การสูบ น้าผิวดนิ และนา้ ใต้ดิน จนส่งผลใหส้ ขุ ภาพของคน และสิ่งมชี ีวิตอื่นๆเส่ือมโทรม กรณศี กึ ษา การใช้ทรพั ยากรธรณี ท่เี ป็นการพัฒนาอยา่ งยง่ั ยนื ตัวอย่างของการพัฒนาพ้ืนท่ีอุทยานธรณีท่ีก่อให้เกิดการร่วมมือของทั้งภาครัฐและภาคประชาชนของคน ในพ้ืนท่ี สร้างความหวงแหนแหล่งทรพั ยากรและธรรมชาติ และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างรายได้ใหก้ ับชุมชน อย่างมั่นคงและยัง่ ยืน กรณศี ึกษาการใช้ทรพั ยากรธรณที เ่ี ปน็ การพัฒนาอย่างยั่งยนื เหมืองแร่สีเขียว เหมืองแรส่ ีเขยี ว (Green Mining) เป็นการส่งเสริมใหผ้ ้ปู ระกอบการเขา้ สู่มาตรฐานโดยการพัฒนาแร่ข้ึนมา ใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม โดยก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมน้อยที่สุดและเป็นการพัฒนาแร่อย่างยั่งยืน โดยมหี ลกั เกณฑด์ งั นี้ 1. มีความรับผดิ ชอบตอ่ สง่ิ แวดล้อมและสังคม 2. ลด ปอ้ งกัน และแก้ไขผลกระทบส่งิ แวดลอ้ ม 3. ดแู ลความปลอดภยั และสุขภาพอนามยั ของคนงานและชมุ ชนทอี่ ยูอาศยั ใกลเ้ คียง 4. มีพื้นทสี่ เี ขยี วและทศั นยี ภาพเรียบรอ้ ย สะอาดตา 5. โปร่งใส ตรวจสอบได้ 6. ใชท้ รพั ยากรแรอ่ ย่างคุ้มคา่ โดยใชห้ ลัก 3R (Reduce Reuse Recycle)
72 แนวทางการใช้ประโยชน์ ขุมเหมืองเก่า กรณศี กึ ษา การใชท้ รพั ยากรธรณี ทเี่ ปน็ การละเมิดหรอื ผิดกฎหมาย กรณีศกึ ษาบรษิ ัท ตะกั่ว คอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จากัด ปัญหาการปนเป้ือนสารตะกั่วในห้วยคลิต้ีและพื้นท่ีใกล้เคียง ใน อ. ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มีสาเหตุจาก การปล่อยน้าเสียท่ีมีสารตะกั่วปนเป้ือนจากบ่อกักเก็บตะกอนหางแร่ของโรงแต่งแร่ของ บริษัท ตะก่ัวคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จากัด ลงสู่ลาห้วยคลิตี้ เม่ือปี พ.ศ. 2541 ส่งผลให้เกิดการปนเป้ือนของสารตะกั่วในส่ิงแวดล้อม ไดแ้ ก่ น้าตะกอนดนิ และสตั ว์นา้ เกินค่ามาตรฐาน แนวทางการป้องกัน (ชั่วคราว) การชะตะกอนหางแร่จากหลมุ ฝงั กลบและการชะหนา้ ดินจากพื้นทร่ี อบหลมุ ฝงั กลบท่ี ปนเปอ้ื นสารตะกวั่ ลงสลู่ าหว้ ยคลิตี้
73 ถอดบทเรยี น ผลกระทบดา้ นส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ส่กู ารทาเหมืองทป่ี ลอดภยั เหมืองซามาร์โก เหมืองแร่เหล็ก ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท วาเล จากดั ของบราซิล และ บริษัท บีเอชพี บลิ ลิตันจากัด สญั ชาตอิ อสเตรเลยี เข่ือนกักเก็บกากแร่แตก น้าและดินโคลนสีแดงท่ีปนเป้ือนสารเคมีไหลลงสู่หมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง กระทบ ต่อระบบนิเวศน์ สัตว์ป่า ธุรกิจท่องเท่ียว และการประมง เหมืองยอมความรัฐบาลบราซิล ยินยอมจ่ายค่าเสียหาย มลู คา่ 6,200ล้านดอลลารส์ หรัฐ เหมอื งแร่ทองคานิวมอนตม์ ินาฮาชารายา เกาะสุลาวาสี อนิ โดนีเซีย มีการปนเปื้อนสารปรอท มีผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร มีการปนเป้ือนของสารปรอท พบผู้ป่วยที่มีอาการ คล้ายโรคมนิ ามาตะ ผปู้ ระกอบการยินยอมจ่ายคา่ เสียหายนอกศาลใหแ้ กร่ ัฐบาลอินโดนเี ซยี 30 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ ถอดบทเรียน ผลกระทบดา้ นสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน สกู่ ารประกอบการทเี่ ข้มงวดและปลอดภัย - อุตสาหกรรมเหมืองแร่นับเป็นกิจกรรมท่ีมีความสาคัญต่อความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม แตอ่ าจส่งผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมและสขุ ภาพของประชาชน - พระราชบญั ญตั ิแร่ พ. ศ. 2560 จึงกาหนดหลกั เกณฑก์ ารพิจารณาที่เข้มงวดโดยพิจารณาถึงความคุ้มค่า ในทางเศรษฐกจิ ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทาเหมืองความเหมาะสมของมาตรการป้องกันผลกระทบ ต่ อ คุ ณ ภ า พ ส่ิ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ สุ ข ภ า พ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ร ว ม ทั้ ง แ ผ น ก า ร ฟ้ื น ฟู ก า ร พั ฒ น า ก า ร ใชป้ ระโยชน์และการเฝ้าระวงั ผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มและสุขภาพของประชาชน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394