รายงานผลการนเิทศ บรูณาการโดยใชเครอืขายโรงเรยีนเปนฐานเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปการศกึษา2562เครือขายโรงเรยีนอำเภอชาติตระการ3 นายวนิยั ปานโท ศึกษานิเทศกชำนาญการพิเศษ เอกสารหมายเลข25/2563 กลมุนเิทศตดิตามและประเมนิผลการจัดการศึกษา สำนกังานเขตพนื้ท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณโุลกเขต3 สำนกังานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
คำนำ รายงานผลการนิเทศบูรณาการโดยใชเ้ ครือขา่ ยโรงเรียนเป็นฐานเพือ่ พัฒนาคุณภาพการศึกษา ปีการศึกษา 2562 เครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 ฉบับนี้ เป็นการรายงานผลการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการของโรงเรียนใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การนิเทศการจัดการเรียนการสอน ดา้ นวทิ ยาการคำนวณ 2) การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรเู้ ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้ การเรยี นการสอนผ่านโครงงานมัลติมีเดีย 3) ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผ้บู ริหารสถานศึกษา (MOU) และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริหาร ครูผู้สอนท่ีมีต่อการนิเทศ ติดตามของ ศกึ ษานิเทศก์ประจำเครือข่าย รายงานประกอบด้วยเน้ือหา 5 บท คือ บทท่ี 1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ประกอบด้วยความมุ่งหมายของการศึกษา ขอบเขตการศึกษา นิยามคำศัพท์เฉพาะ ประโยชน์ท่ี คาดว่าจะได้รับ บทที่ 2 เอกสาร แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทท่ี 3 วิธีดำเนินการ ประกอบด้วย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมิน การหาคุณภาพเครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล และบทท่ี 5 สรุป อภปิ รายและข้อเสนอแนะ ผ้รู ายงานขอขอบคุณ ผ้ทู ่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง ทุกฝ่ายท่ีชว่ ยให้การนิเทศบูรณาการโดยใช้เครือข่าย โรงเรียนเป็นฐานเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ขอ้ มลู ทไ่ี ด้นำเสนอจะเป็นประโยชนต์ อ่ การวางแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาในภาพรวมตอ่ ไป นายวินยั ปานโท้
ช่ือรายงาน : รายงานผลการนิเทศบูรณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรยี นเปน็ ฐาน เพือ่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2562 เครอื ข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 ชอ่ื ผู้รายงาน ปกี ารศกึ ษา : นายวินยั ปานโท้ : 2562 บทสรุปสำหรับผบู้ ริหาร รายงานน้มี ีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานผลการนิเทศบูรณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรียนเป็น ฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ปีการศึกษา 2562 เครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 ในเรื่อง 1) การนเิ ทศการจัดการเรียนการสอนด้านวทิ ยาการคำน วณ 2) การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การ เรียนการสอนผ่านโครงงานมัลติมีเดีย 3) ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา (MOU) และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริหาร ครูผู้สอนท่ีมีต่อการนิเทศ ติดตามของ ศึกษานิเทศก์ประจำเครือข่าย กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ในเครือข่าย โรงเรียนชาติตระการ 3 สังกดั สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 54 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาวิเคราะห์เน้ือหา (Content Analysis) หา คา่ เฉลย่ี ( X ) คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน ( S.D.) ผลการศึกษาสรุปไดด้ ังนี้ 6.1 ผลการการนเิ ทศการจดั การเรียนการสอนดา้ นวทิ ยาการคำนวณ พบว่า ในการดำเนินการ จดั การเรียนการสอนด้านวิทยาการคำนวณ โรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดำเนินจัดทำโครงสรา้ งหลักสูตร ในส่วนของชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 , 5 และมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 การสอนยงั ไม่ครบองค์ประกอบ 3 ด้าน คือ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ (CS) ด้านไอซีที (ICT) และ ด้านการรู้ดิจิทัล (DL) ที่มีการสอนมาก ได้แก่ด้านไอซีที (ICT) ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ในส่วนการเขียนโปรแกรมโดยใช้บัตรคำสั่งยังไม่ได้ ดำเนินการ เน่ืองจากครูไม่มีความรู้ การใช้เว็บไซต์ Code.org ประกอบการเรียนการสอนมีน้อย โดยโรงเรียนที่ดำเนนิ การไดแ้ ก่ โรงเรยี นบ้านแกง่ บวั คำ 6.2 ผลการพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรยี น การสอนผา่ นโครงงานมัลติมเี ดีย พบวา่ 6.2.1 ผลสัมฤทธ์ิด้านความรู้ก่อนการฝึกอบรมและหลังการฝึกอบรมแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยคะแนนผลสัมฤทธิ์ด้านความรู้ที่ได้จากการทดสอบหลังการ ฝกึ อบรมมีค่าสูงกวา่ ก่อนการฝกึ อบรม 6.2.2 ผลการประเมินสมรรถนะด้านทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรียนการสอนผ่านโครงงานมัลติมีเดีย พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ คุณภาพดี (คะแนน 24-30 คะแนน) จำนวน 23 ผลงาน คิดเป็นร้อยละ 76.67 อยู่ในระดับคุณภาพ พอใช(้ คะแนน 15-23 คะแนน) จำนวน 7 ผลงาน คดิ เปน็ ร้อยละ 23.33 6.3 ผลการดำเนนิ งานตามขอ้ ตกลงของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา (MOU) พบวา่
6.3.1 ดา้ นผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น พบว่า โรงเรยี นขนาดเลก็ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นดกี ว่า โรงเรียนขยายโอกาส โดยโรงเรยี นบ้านหว้ ยหมากหล่ำมผี ลสัมฤทธ์ิรวมสงู กวา่ ระดับประเทศ กลุ่มสาระ การเรียนรู้ที่มีค่าเฉลีย่ สูงกว่าระดับประเทศในโรงเรยี นขนาดเล็ก ได้แก่ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย และกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ 6.3.2. ผลการประเมินทักษะการอ่านของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ท่ีอ่านคล่อง ในระดบั ดขี น้ึ ไปคิดเปน็ รอ้ ยละ 85.18-97.80 6.3.3 ผลการจัดกิจกรรมลกู เสือแบบเข้ม (Scout all day) โรงเรียนสว่ นใหญ่จัดกิจกรรม ลกู เสอื แบบเขม้ ตามแนวกิจกรรม Scout all day ทุกสัปดาห์ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา มสี ่วนรว่ มในการเรียนการสอนทุกคน รอ้ ยละ 80-100 6.4 ผลศึกษาความพึงพอใจของผู้บริหาร ครูผู้สอนท่ีมีต่อการนิเทศ ติดตามของศึกษานิเทศก์ ประจำเครือข่าย พบว่า ความพึงพอใจของครู ผบู้ ริหารโรงเรียนและบุคลากรทางการศึกษาเครือข่าย โรงเรียนอำเภอชาติตระการ 3 ที่มีต่อการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา ประจำปี การศึกษา 2562 ของศึกษานิเทศก์ประจำเครือข่าย ในภาพรวม พบว่า ครู ผู้บริหารโรงเรียนและ บุคลากรทางการศึกษามีความพึงพอใจต่อการนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา อยู่ใน ระดับมากที่สุด รายการท่ีมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุดคือ การใช้ภาษาและคำพูดที่ เหมาะสม รองลงมา คือ การมีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี ผู้นิเทศมีการปฏิบัติตนท่ีดี และผู้นิเทศรับฟัง ความคิดเหน็ ของผ้รู ับการนเิ ทศ
สารบญั หน้า บทที่ ก ข คำนำ………..……………………………………………………………………………………………. จ บทสรุปสำหรับผู้บริหาร................................................................................................ 1 1 สารบญั ตาราง…………………………………………………………………………………………. 2 1. บทนำ……………………………………………………………………………………………………………. 2 3 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา.............................................................. 3 ความมุ่งหมายของการศกึ ษา.............………………..…..……………………………………. 4 ขอบเขตของการศึกษา........………………………………………………….......................... 4 7 นิยามศัพท์เฉพาะ…………………………………………………………................................. ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ.........………………………………………………………………. 18 23 2. เอกสาร แนวคดิ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง…………………………………………………………….………………. 41 การนิเทศบรู ณาการโดยใช้พน้ื ที่เป็นฐานเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา…………… 41 การเรยี นการสอนด้านวทิ ยาการคำนวณ…………………..............................…….. 42 42 การจัดการเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) โดยใช้การสอนดว้ ยโครงงาน 45 มัลตมิ เี ดีย…………………………………………………………………………..…………………. 51 51 การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา………….................................................................. 53 3. วธิ ดี ำเนนิ การ............................................................…………………………..……………. 53 ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง............................................................................. 55 59 เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการศกึ ษา................................................................................ การหาคุณภาพเครื่องมอื ทีใ่ ช้ในการศึกษา........................................................ 65 วธิ ดี ำเนนิ การนเิ ทศ .......................................................................................... การวเิ คราะห์ขอ้ มลู .......................................................................................... สถติ ิท่ีใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ....................................................................... 4. ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล....………………………………………………………………………………. ตอนท่ี 1 ผลการนเิ ทศการจัดการเรียนการสอนด้านวทิ ยาการคำนวณ......... ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนาครูผู้สอนด้านการจดั การเรยี นร้เู ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรยี นการสอนผา่ นโครงงานมัลติมีเดีย............................. ตอนท่ี 3 ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา ................ ตอนท่ี 4 ผลการศึกษาความพงึ พอใจของผ้บู ริหาร ครูผู้สอนทม่ี ีต่อการนิเทศ ตดิ ตามของศกึ ษานเิ ทศกป์ ระจำเครอื ข่าย..........................................
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ บทที่ 67 5. สรุป และข้อเสนอแนะ………………..……..………………………………..…........................ 69 สรุปผลการศกึ ษา………………………..…………………………………………………………… 70 ข้อเสนอแนะ……………………………..……………………………...................................... 71 72 บรรณานุกรม……………………………………..………………………………………………………….. ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………..….
สารบัญตาราง หนา้ ตาราง 45 46 1 ข้อมูลสถานศึกษาเครือข่ายโรงเรียนอำเภอชาติตระการ 3...................... ........ 47 2 ผลการวิเคราะห์ผลการทดสอบ O-NET ชั้น ป. 6 .......................................... 48 3 ผลการวเิ คราะหผ์ ลการทดสอบ O-NET ช้นั ม. 3............................................ 49 4 ผลการวเิ คราะห์ผลการทดสอบ NT ชัน้ ป. 3.……………………………………....... 50 5 การวเิ คราะห์ SWOT เครือขา่ ยโรงเรยี นอำเภอชาติตระการ 3……………....... 6 ปฏิทินการนิเทศเครือข่ายโรงเรียนอำเภอชาติตระการ 3.……………………....... 57 7 ผลการทดสอบความแตกตา่ งระหว่างคะแนนกอ่ นการฝึกอบรม 58 และหลงั การฝึกอบรม………………………………………………………………………….. 8 ผลการประเมนิ สมรรถนะด้านทกั ษะการออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ 65 (Active Learning) โดยใชก้ ารเรียนการสอนผา่ นโครงงานมัลติมีเดยี ............. 9 คา่ เฉลย่ี และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานความพึงพอใจของครู ผู้บรหิ ารโรงเรียน และบคุ ลากรทางการศึกษาทีม่ ตี อ่ การนิเทศ ติดตามและประเมินผล การจัดการศกึ ษา…………………………………………………………………………………...
บทท่ี 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา การพัฒนาคุณภาพศึกษาให้เกิดคุณภาพนั้น ส่ิงหน่ึงท่ีเป็นคุณภาพของผู้เรียน ท่ีเชื่อม่ันว่า คุณภาพผู้เรียนจะเกิดได้และบรรลุหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และ มาตรฐาน การเรียนรู้และตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ นัน้ จะตอ้ งมกี ระบวนการสู่ความสำเรจ็ มอี งคป์ ระกอบและปัจจัยคือ คุณภาพของ ผู้เรียน ที่โรงเรยี นต้องประกันคณุ ภาพต่อผู้ปกครอง และผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ว่า ผ้เู รียนจะตอ้ งมคี ุณภาพ และมาตรฐานตามหลกั สูตร มีทักษะท่ีจำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ ดงั นั้นการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนจะต้อง มีกระบวนการสู่ความสำเร็จในการพฒั นา ๓ กระบวนการ คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการเรียน การสอน และกระบวนการนเิ ทศการศกึ ษา ในปีการศึกษา 2562 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ไดใ้ ห้แนวทางการนเิ ทศ บูรณาการโดยใช้พน้ื ที่เปน็ ฐานเพื่อพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาสู่การนเิ ทศภายในโรงเรยี นโดยใช้หอ้ งเรยี น เป็นฐาน เพื่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน โดยกำหนดให้ “ปี พ.ศ. 2562 เป็นปีทองแห่งการนิเทศ ภายใน ห้องเรียนเปน็ ฐานเพื่อการพฒั นาคุณภาพของผ้เู รียน”ภารกิจจำเป็นต่อการจดั การศกึ ษาที่ตอ้ ง อาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย โดยเฉพาะทางด้านการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน บุคลากรที่เก่ียวข้องในหน่วยงานจัดการศึกษา จำเป็นต้องพัฒนาและปรับปรุงตนเองให้ทันต่อ การเปล่ียนแปลง เพ่ือให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงการนิเทศการศึกษา เป็นกระบวนการหน่ึงที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือ ชี้แนะและพัฒนางานให้ประสบผลสำเร็จ ทันต่อ สภาพ การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้นึ อีกทั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญท่ีช่วยเหลือสนับสนุนให้กระบวนการ บริหาร และกระบวนการเรียนการสอนมีคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของประเทศ ทั้งยังเป็นสว่ น สำคัญในการส่งเสริมระบบประกันคณุ ภาพการศึกษา ที่ต้องพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็น ในศตวรรษท่ี ๒๑ เพอื่ เข้าสู่การปฏิรปู การศึกษาและการจัดการศึกษาในยคุ ประเทศไทย ๔.๐ ตลอดทั้ง มาตรฐานการศึกษาของชาติ ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีคุณภาพ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะ วิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต ทักษะการเป็นผู้นำ และทักษะการนำไปสู่การสร้างนวัตกร กระบวนการขับเคล่ือนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน การนิเทศการศึกษาจึงมีความสำคัญ ต่อการพฒั นา ปรบั ปรุง และเพ่มิ ประสิทธิภาพในการจัดการการศึกษา ในสถานศึกษา เพ่อื ให้ผบู้ รหิ าร และครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจในด้านการบริหารจัดการ ด้านหลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียน การสอนทีม่ ีประสทิ ธิภาพ รวมท้ังการปฏบิ ตั ิงานอ่ืน ๆ ทส่ี ่งผลต่อการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ในปีการศึกษา 2562 ทางสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ไดด้ ำเนนิ โครงการนเิ ทศบูรณาการโดยใช้พื้นที่เปน็ ฐานเพอื่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา โดยศกึ ษานเิ ทศก์ ประจำเครือข่ายร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหา หาแนวทางแก้ไขและวางแผน การนเิ ทศภายใน และประเมนิ ผลการจัดการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาให้บรรลุตาม เป้าหมายต่อไป
2 ความมุ่งหมายของการศึกษา เพ่ือรายงาน ผลการนิเทศบูรณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรียนเป็น ฐาน เพื่อพัฒ น าคุณ ภาพ การศกึ ษา เครอื ขา่ ยโรงเรยี นชาตติ ระการ 3 ดังน้ี 1. การนเิ ทศการจัดการเรียนการสอนด้านวทิ ยาการคำนวณ 2. การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรียน การสอนผ่านโครงงานมัลติมีเดยี 3. ผลการดำเนนิ งานตามขอ้ ตกลงของผู้บรหิ ารสถานศึกษา (MOU) 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บรหิ าร ครูผู้สอนที่มีต่อการนิเทศ ติดตามของศึกษานิเทศก์ ประจำเครอื ขา่ ย ขอบเขตของการศกึ ษา 1. ขอบเขตด้านประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ระยะที่ 1 : การนิเทศการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณด้วยการเยี่ยม ชัน้ เรยี น (Lesson Study) รว่ มกบั ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ โรงเรียนบ้านสวนเมี่ยง โรงเรยี นบ้านห้วย ช้างแทง โรงเรียนบ้านห้วยหมากหล่ำ โรงเรยี นบา้ นหนองขาหย่าง และโรงเรยี นบ้านแก่งบัวคำ 1) ผูบ้ ริหารสถานศึกษา เครอื ข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 จำนวน 4 คน 2) ครูผู้สอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1,2,4,5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 24 คน ระยะที่ 2 : การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรกุ (Active Learning) โดยใช้ การเรยี นการสอนผา่ นโครงงานมัลติมเี ดีย ประชากร ไดแ้ ก่ ครผู ู้สอนในเครือขา่ ยโรงเรยี นชาติตระการ 3 สงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 50 คน กลุ่มตัวอย่าง ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ระยะที่ 3 : ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา (MOU) การจัดทำ SAR ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 สงั กัดสำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 54 คน กลุ่มตัวอย่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาพษิ ณโุ ลก เขต 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน
3 2. ขอบเขตดา้ นเนื้อหา ขอบข่ายด้านเน้ือหาการนิเทศ ได้แก่ การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรียนการสอนผ่านโครงงานมัลติมีเดีย ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา (MOU) และความพึงพอใจท่ีมีต่อการนิเทศ ของศึกษานเิ ทศก์ประจำเครือขา่ ย นิยามศัพทเ์ ฉพาะ 1. การนิเทศบูรณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรียนเป็นฐาน หมายถึง การให้คำแนะนำ ชว่ ยเหลือ ชแี้ นะ เพื่อแก้ไข ปรับปรุงการดำเนินงาน การบรหิ ารสถานศึกษาตามนโยบายและจุดเน้น สำคัญเพ่ือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาท้ังในระดับโรงเรียน ระดับห้องเรียน พัฒนาคุณภาพ การจัดการเรียนรู้ของครูที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่าง ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ด้วยการประสานงาน ประสานคน ประสานวิธีการ ทำงาน และประสานงบประมาณการทำงานรว่ มกัน เพื่อลดความซ้ำซอ้ นในการดำเนินงานการพฒั นา คณุ ภาพการศึกษา 2. การดำเนิ น งาน ตามข้อตกล งขอ งผู้ บ ริห ารส ถาน ศึกษ า (MOU) ห มายถึง การบริหารงานด้านการศึกษาของผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ตามข้อตกลง 3 ด้านได้แก่ 1) การพัฒนาการอ่าน และการเขียนของ นักเรยี น 2) การยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน และ 3) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนลูกเสือใน โรงเรียน 3. โครงงานมลั ตมิ ีเดยี หมายถึง การจัดเรียนการสอนทเ่ี ปิดโอกาสให้เดก็ ไดศ้ กึ ษาเรื่องใด เรื่องหนง่ึ อย่างลมุ่ ลึก โดยเรอื่ งท่เี รยี น และประเด็นปัญหาทศ่ี กึ ษามาจากความสนใจของตัวเด็กเอง เพ่ือค้นพบความร้ใู หม่ สงิ่ ประดษิ ฐ์ใหมแ่ ละวธิ ีการใหม่ ดว้ ยตวั เองโดยใช้ทักษะกระบวนการหลาย ๆ ด้าน มวี ธิ ศี กึ ษาอย่างเป็นระบบ ภายใตค้ ำแนะนำ ปรกึ ษาของครูหรอื ผู้เช่ียวชาญ โดยใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสือ่ สารเป็นเครื่องมอื ในการเรียนรู้ การสร้างช้ินงานและนำเสนอ เผยแพรผ่ ลงาน ใน 3 รปู แบบ ได้แก่ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เว็บไซต์ และวดี ิทัศน์ ประกอบดว้ ย ประกอบดว้ ย 6 ข้ันตอน คือ 1) ให้ความรูพ้ นื้ ฐานเรอื่ งโครงงานมัลติมเี ดยี 2) เลอื กหวั ขอ้ โครงงาน/ ปัญหาที่จะศึกษา 3) วางแผน 4) ลงมือปฏบิ ตั ิ 5) เขียนรายงาน และ 6) นำเสนอผลงาน ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั 1. ผู้บรหิ าร มีความรูแ้ ละสามารถทำการนิเทศภายในด้านวิทยาการคำนวณไดอ้ ย่างม่นั ใจ 2. ครสู ามารถวิเคราะหห์ ลกั สูตร ตวั ช้ีวัด และนำไปออกแบบการจดั การเรยี นรู้นำเชงิ รกุ โดยใช้ โครงงานมัลตมิ เี ดยี ได้อย่างเหมาะสม 3. นกั เรยี นได้พฒั นากระบวนการคิด เกดิ การเรียนรตู้ ามแนวทางในศตวรรษที่ 21 4. ครแู ละนกั เรยี นมที ักษะการใชเ้ ทคโนโลยีในการค้นควา้ หาความรู้ และสรา้ งชนิ้ งาน
บทท่ี 2 เอกสาร แนวคิดท่ีเกีย่ วข้อง รายงานผลการนิเทศบรู ณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรียนเป็นฐานเพ่อื พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา เครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ปีการศึกษา 2562 ผู้รายงานได้ศึกษาวิเคราะห์และสรุปองค์ความรู้จากเอกสาร แนวคิดท่ีเก่ียวข้อง ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. การนิเทศบูรณาการโดยใช้พน้ื ที่เปน็ ฐานเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา 2. การเรยี นการสอนด้านวทิ ยาการคำนวณ 3. การจัดการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) โดยใชก้ ารสอนด้วยโครงงานมัลตมิ เี ดยี 4. การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา 1. การนเิ ทศบรู ณาการโดยใช้พ้ืนที่เปน็ ฐานเพื่อพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา การพัฒนาคุณภาพการศึกษา จะสำเร็จได้ตามเป้าหมาย จำเป็นต้องมีองค์ประกอบสำคัญ ในการพัฒนา คือ กระบวนการบริหาร กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการนิเทศ ท่ีต้อง ร่วมกันสนับสนุนส่งเสริมไปด้วยกันในลักษณะของ “เกลียวเชือก” กระบวนการนิเทศการศึกษา เปน็ กระบวนการ ท่ีทำให้เกิดการพฒั นาและปรับปรงุ กระบวนการเรียนการสอนของครู โดยมุ่งให้เกิด การจดั การเรยี นรู้ ทีม่ ีประสทิ ธิภาพส่งผลถึงคณุ ภาพของผู้เรยี น กระบวนการนเิ ทศการศึกษาชว่ ยทำให้ เกิดการพัฒนาคน พัฒนางาน สร้างการประสานสัมพันธ์ และขวัญกำลังใจ ซ่ึงต้องดำเนินงานให้ ประสานสมั พันธ์กับกระบวนการอื่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้บรรลุตามเป้าหมาย ทำให้เกิด การพัฒนาที่ย่งั ยนื ถาวร ดังท่ีสำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน (สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน, 2549 : 52) กล่าวว่า “การจัดการที่ดเี ป็นกุญแจนำไปส่คู วามสำเร็จขององค์กร การนเิ ทศที่ดีนำไปสู่การจดั การท่ีด”ี นอกจากนั้นกระบวนการนิเทศการศึกษา ในระดับสถานศึกษา คือ การนิเทศภายในโรงเรียน ซ่ึงเป็นกิจกรรมสำคัญในการสนับสนุนการเรียนการสอนภายในโรงเรียน ให้ดำเนินไปอย่างมี ประสิทธิภาพ ของผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งเป็นหน้าท่ีที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหารสถานศึกษาต้อง ดำเนินการใหเ้ กิดขึ้น ภายในโรงเรยี นและครไู ด้ปรบั ปรงุ คณุ ภาพการเรียนการสอนภายในช้นั เรยี นและ โรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน รวมทั้งเป็นกระบวนการประกันคุณภาพของโรงเรียนว่า โรงเรียน สามารถบริการจัดการภายในโรงเรียนจนถึงเป้าหมายสุดท้ายคือ คุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐาน หลักสูตรและเป้าหมายที่ต้ังไว้ หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ได้กำหนดกระบวนการการนิเทศบูรณาการโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ในการนิเทศการศึกษาของสำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน เปน็ 5 ขน้ั ตอน ดังน้ี
5 ขั้นที่ 1 การศกึ ษาสภาพปัจจุบนั ปัญหาและความตอ้ งการ เป็นการกำหนดปัญหาและความต้องการในแก้ปญั หาหรือพัฒนา ดังน้ี 1.1 การจดั ทำข้อมลู สารสนเทศพนื้ ฐาน เพื่อเป็นข้อมลู ในการพจิ ารณาวางแผน การดำเนนิ งาน 1.2 การแลกเปลี่ยนระดมความคิด วิเคราะห์เพ่ือหาสภาพปัญหาที่เกิดข้ึนและความต้องการใน การพัฒนาตามบริบทของหน่วยงาน 1.3 การจัดลำดับปัญหาและเลือกปัญหาท่ีเป็นความจำเป็นหรือต้องการในลำดับเร่งด่วนหรือ ลำดบั ที่เห็นวา่ สำคญั ทสี่ ดุ 1.4 การสร้างการรับรู้ระหว่างผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การประชุม การสัมมนา ฯลฯ เพือ่ สร้างวสิ ัยทศั นห์ รอื สรา้ งเป้าหมายร่วมกนั ในการดำเนินงาน ขั้นท่ี 2 การวางแผนการนิเทศ เป็นการนำปัญหาและความตอ้ งการ กำหนดรายละเอยี ดของกิจกรรมในการจัดทำแผนนเิ ทศ ดังน้ี 2.1 กำหนดแนวทาง/วิธีการการพัฒนาท่ีหลากหลายตามปัญหาที่เกิดข้ึน ตามความต้องการและ จำเป็น มีการใชก้ ระบวนการชมุ ชนการเรียนร้วู ิชาทางวชิ าชีพ (Professional Learning Community : PLC) และการศึกษาชน้ั เรียน (Lesson Study) เป็นเครือ่ งมือสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพครูและการ พัฒนาผู้เรยี นอยา่ งเปน็ ระบบและต่อเนือ่ ง 2.2 เลอื กแนวทาง/วธิ กี ารในการพัฒนาโดยการมสี ่วนร่วมของทุกฝา่ ยทเี่ กย่ี วข้อง 2.3 วางแผนการดำเนนิ งานพัฒนา 1) การประชมุ เตรียมการนเิ ทศ เพือ่ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจร่วมกนั 2) สรา้ งคณะนเิ ทศ เป็นทมี งานในการนิเทศร่วมกัน 3) กำหนดประเด็นการนิเทศ เป็นการกำหนดเนอื้ หาทจ่ี ะนเิ ทศ 4) กำหนดระยะเวลาในการนิเทศ โดยกำหนดระยะเวลาในการนิเทศท่ีเหมาะสมกับการ แก้ปัญหาและการพัฒนา 5) กำหนดวิธีการนิเทศและกิจกรรมการนิเทศท่เี หมาะสมตามสภาพปัญหาและความต้องการ เช่น การประชมุ สมั มนา การแลกเปลีย่ นเรียนรู้ การสังเกตช้นั เรียน การสาธิต การบันทกึ วิดีโอและการ ถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ การ Coaching & Mentoring ฯลฯ โดยเน้นการใช้ ICT ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ Conference การใช้ Video Line You Tube Facebook Live เป็นตน้ 2.4 จัดทำแผนนิเทศ ประกอบด้วย หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แผนการ ดำเนินการ กิจกรรมสำคัญ ปฏทิ ินการปฏิบตั ิงาน ทรพั ยากรทต่ี ้องการ เคร่อื งมือนิเทศ ผลที่คาดว่าจะ ได้รบั
6 ขั้นที่ 3 การสรา้ งสื่อและเครอ่ื งมอื นิเทศ ส่ือและเคร่อื งมือนิเทศเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การนเิ ทศมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นสิ่ง ที่จะช่วยเก็บรายละเอียดที่ผู้รับการนิเทศไม่สามารถแสดงออกมาได้ และสามารถเก็บข้อมูลนำมา เปรียบเทียบผลท่ีเกิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และสิ่งที่ทำให้มีความเข้าใจตรงกันระหว่าง ผู้นเิ ทศและผรู้ ับการนิเทศ 3.1 สร้างสอื่ การนิเทศท่ที ำให้การนเิ ทศบรรลุวัตถุประสงค์ เช่น วิธกี ารนเิ ทศ ทักษะการนิเทศ เทคนิคการนิเทศ โดยเป็นสื่อท่ีสอดคล้องคลอ้ งในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ เน้นการใช้ ICT ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้ Line Application การใช้ Clip Video การ Conference การใช้ Video Line You Tube Facebook Live เปน็ ตน้ 3.2 สรา้ งเครอื่ งมอื การนิเทศเพ่อื เก็บข้อมูลเป็นแนวทางในการแก้ปญั หาและพัฒนาตรวจสอบ ตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของการดำเนินงาน และการประเมนิ ผลการดำเนนิ งาน ซง่ึ เปน็ เคร่อื งมือท่ีมี คณุ ภาพ ใช้งา่ ย สามารถเก็บข้อมลู ที่ตอบประเดน็ ปัญหาความตอ้ งการ และเปน็ ประโยชนใ์ นการ แก้ปญั หา ปรบั ปรุงและพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ขน้ั ท่ี 4 การปฏิบัติการนเิ ทศ ดำเนินการนิเทศตามวิธีการการนเิ ทศและกจิ กรรมการนิเทศทกี่ ำหนด 4.1 ประชมุ เตรยี มการกอ่ นการนิเทศ เพือ่ สรา้ งความเขา้ ใจของผนู้ ิเทศ ให้การนเิ ทศเป็นไป อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4.2 นเิ ทศตามขัน้ ตอน ระยะเวลา และใช้เครอื่ งมอื ตามทกี่ ำหนด 4.3 การสะท้อนผลการนิเทศ 4.4 ปรับปรุงและพัฒนาการดำเนนิ งาน แนวทางการนิเทศบูรณาการโดยใช้พน้ื ทเ่ี ป็นฐานเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาส่กู ารนิเทศภายใน โรงเรียนโดยใชห้ อ้ งเรียนเป็นฐาน เพ่ือการพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรียน “2562 ปีทองแห่งการนิเทศ ภายใน หอ้ งเรียนเปน็ ฐานเพื่อการพฒั นาคณุ ภาพของผู้เรยี น” ขนั้ ที่ 5 การประเมนิ ผลและรายงานผล 5.1 ประเมนิ ความกา้ วหนา้ ของการดำเนินงาน เช่น การดำเนินงานของผู้รับการนิเทศ เพื่อนำผลไปปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน 5.2 ประเมินผลการนเิ ทศเมอ่ื เสร็จสิน้ การปฏบิ ัตกิ ารนิเทศตามระยะเวลาท่ีตอ้ งการในการนำ ผลไปใช้ในการพัฒนา หรือในแตล่ ะปกี ารศกึ ษา 5.3 รายงานผลการนเิ ทศต่อผู้เก่ียวข้อง 5.4 นำผลการนเิ ทศทีเ่ ปน็ ปญั หา อุปสรรคและข้อเสนอแนะไปพฒั นาการนิเทศในคร้ังต่อไป หรือในปกี ารศกึ ษาตอ่ ไป
7 2. การเรยี นการสอนด้านวทิ ยาการคำนวณ สาระการเรียนรูเ้ ทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มงุ่ หวงั ให้ผ้เู รียนไดเ้ รียนรแู้ ละมที กั ษะการ คิดเชิงคำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใชค้ วามรู้ดา้ นวิทยาการ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ โดยได้กำหนดสาระสำคัญดังนี้ วิทยาการคอมพิวเตอร์ การแกป้ ัญหาอย่างเป็นขั้นตอน และเปน็ ระบบ การใช้แนวคิดเชิง คำนวณในการแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวัน การบูรณาการกบั วิชาอื่น การเขียนโปรแกรม การคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหาข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือ พัฒนาโครงงานอย่างสร้างสรรค์เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตจริง วิทยาการคำนวณ สอนให้คิดเป็น ใช้เป็น และรู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อเป็นพ้ืนฐานของความคิดอย่างเป็นระบบ (Systematic) มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ คดิ แบบนามธรรมเปน็ วิชาน้คี อื การพัฒนาความคิดของผูเ้ รยี น ขอบเขตของการ เรียนการสอนวชิ าวทิ ยาการคำนวณเนน้ ใน 3 องค์ความรู้ ดังน้ี (รศ.ยืน ภู่วรวรรณ ผู้ทรงคณุ วุฒพิ ิเศษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) 1. การคิดเชิงคำนวณ (computational thinking) เป็นวิธีคิดและแก้ปัญหาเชิงวิเคราะห์ สามารถใช้จินตนาการมองปัญหาด้วยความคิดเชิงนามธรรม ซึ่งจะทำให้เห็นแนวทางในการแก้ปัญหา อย่างเป็นข้ันตอนและมีลำดับวิธีคิด โดยวิธีคิดแบบวิทยาการคำนวณนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเขียน โปรแกรม เพราะภาษาโปรแกรมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่จุดประสงคท์ ี่สำคัญกวา่ คอื การสอน ให้เด็กคดิ และเช่อื มโยงปัญหาตา่ ง ๆ เปน็ จนสามารถแกป้ ัญหาได้อย่างเปน็ ระบบ 2. พื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (digital technology) เป็นการสอนให้รู้จักเทคนิค วิธีการต่าง ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิตัล โดยเฉพาะในยุค 4.0 จะเน้นในด้านระบบอัตโนมัติ (automation) ที่อยใู่ นชีวิตประจำวนั ไมว่ ่าจะเปน็ ดา้ นการเกษตร อุตสาหกรรม หรือคมนาคม ให้เด็ก ไดเ้ รียนรู้อยา่ งรอบดา้ น และประยุกตส์ รา้ งสรรค์งานได้อยา่ งเหมาะสม 3. พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (media and information literacy) เป็นทักษะ เกี่ยวกับการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล แยกแยะได้ว่าข้อมูลใดเป็นความจริงหรือความคิดเห็น โดยเฉพาะข้อมูลบนส่ือสังคมออนไลน์ นอกจากน้ันยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ รกู้ ฎหมายและลขิ สิทธิ์ทางปญั ญาตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้เด็กใช้ชอ่ งทางนไ้ี ด้อยา่ งร้เู ทา่ ทันและปลอดภยั เปา้ หมายของหลักสูตร การจดั การเรยี นการสอนวชิ าวิทยาการคำนวณ มเี ป้าหมายท่สี ำคญั ในการพฒั นาผเู้ รยี น ดังนี้ 1. เพื่อใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ
8 2. เพื่อให้มีทักษะในการค้นหาข้อมูลหรือสารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์สังเคราะห์ และนำสารสนเทศไปใช้ในการแกป้ ญั หา 3. เพื่อประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสาร ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพ่ือประโยชน์ต่อตนเอง หรือสงั คม 4. เพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม สาระการเรยี นรูเ้ ทคโนโลย(ี วทิ ยาการคำนวณ) มงุ่ หวังใหผ้ เู้ รียนได้เรียนร้แู ละมีทักษะ การคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ ดา้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยได้กำหนดสาระสำคญั ดงั น้ี 1. วิทยาการคอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิง คำนวณในการแก้ปญั หาในชวี ิตประจำวนั การบูรณาการกับวิชาอื่น การเขียนโปรแกรมการคาดการณ์ ผลลัพธ์การตรวจหาข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือพัฒนาโครงงาน อย่างสร้างสรรค์เพื่อ แก้ปัญหาในชวี ติ จริง 2. เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร การรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การประเมนิ ผล การนำเสนอข้อมูลหรือสารสนเทศเพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตจริง การค้นหาข้อมูลและแสวงหาความรู้บน อินเทอรเ์ นต็ การประเมินความนา่ เชื่อถือของข้อมลู การเลอื กใช้ซอฟต์แวร์หรอื บรกิ ารบนอินเทอร์เน็ต ข้อตกลงและข้อกำหนดในการใช้สื่อหรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์และ เทคโนโลยีการสือ่ สาร 3. การรู้ดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอย่างปลอดภัย การจัดการ อัตลักษณ์การรู้เท่าทันสื่อ กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธ์ิของผู้อื่นโดยชอบธรรม นวัตกรรมและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม และวฒั นธรรม มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 น้ี ไดก้ ำหนด สาระการเรียนรู้ ออกเปน็ 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
9 สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ สาระท่ี 4 เทคโนโลยี สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และสงิ่ แวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ข้ันตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม คุณภาพผเู้ รยี น จบชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 ❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสือ่ สารเบ้อื งต้น รักษาขอ้ มลู สว่ นตวั จบช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ❖ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเช่ือถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้ เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการทำงานร่วมกนั เขา้ ใจ สทิ ธแิ ละหนา้ ท่ขี องตน เคารพสิทธิของผูอ้ ืน่ จบชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ❖นำข้อมูลปฐมภูมิเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สารสนเทศได้ตามวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงและเขียน โปรแกรมอยา่ งง่ายเพอ่ื ชว่ ยในการแกป้ ัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอย่างรู้เท่าทันและ รับผดิ ชอบตอ่ สังคม จบชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ❖ ใช้ความรทู้ างด้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สอ่ื ดิจิทลั เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร เพ่ือรวบรวมข้อมูลในชีวิตจรงิ จากแหล่งต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อ่ืน มาประยุกต์ใช้สร้างความรู้ ใหม่ เข้าใจการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีท่ีมีผลต่อการดำเนินชวี ิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้ อยา่ งปลอดภยั มีจริยธรรม โครงสร้างเวลาเรียน สถานศึกษาสามารถนำหลักสูตรนี้ไปจัดการเรียนรู้โดยกำหนดจำนวนช่ัวโมงได้ตาม ความเหมาะสมและความพร้อมของสถานศึกษา ท้ังน้ีเพ่ือให้ผู้เรียนได้มีเวลาในการศึกษาเน้ือหา
10 ฝึกทักษะและสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างเพียงพอ จนสามารถบรรลุตัวชี้วัดตามเป้าหมาย ของหลกั สตู ร ควรจัดจำนวนชัว่ โมงข้นั ตำ่ ดังนี้ ระดบั ชัน้ เวลาเรียนจำนวนช่วั โมงตอ่ ปี มาตรฐานการเรยี รู้ ป.1 - ป.3 20 ว 4.2 ป.4 - ป.6 40 ว 4.2 ม.1 - ม.3 40 ม.4 – ม.5 40 ว 4.1 ว 4.2 ว 4.1 ว 4.2 ม.6 ว 4.2 * หมายเหตุสามารถเพิ่มหรือลดจำนวนช่ัวโมงจากที่แนะนำได้ตามจุดเน้นและบริบทของ สถานศกึ ษา ทักษะการคดิ เชงิ คำนวณ ทักษะการคดิ เชิงคำนวณ (computational thinking) เป็นกระบวนการในการแกป้ ัญหาการ คดิ วิเคราะห์อยา่ งมีเหตุผลเป็นขั้นตอน เพ่ือหาวิธีการแกป้ ัญหาในรูปแบบท่ีสามารถนำไปประมวลผล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะน้ีมีความสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์ นอกจากน้ียังสามารถนำไปใช้ แก้ปัญหาในศาสตร์อ่ืน ๆ และปัญหาในชีวิตประจำวันได้ดว้ ย ทักษะการคิดเชิงคำนวณมีองค์ประกอบ ดงั ตอ่ ไปนี้ - การแบ่งปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหา/งานย่อย (decomposition) เป็นการพิจารณา และ แบ่งปญั หา/งาน/สว่ นประกอบ ออกเปน็ ส่วนย่อย เพอ่ื ใหจ้ ัดการกับปัญหาได้ งา่ ยขึน้ -การพิ จารณ ารูป แบ บ ของปัญ หาหรือวิธีการแก้ปัญ หา (pattern recognition) การพิจารณารูปแบบ แนวโน้ม และลักษณะทั่วไปของปัญหา/ข้อมูล โดยพิจารณาว่าเคยพบปัญหา ลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ หากมีรูปแบบของปัญหาที่คล้ายกันสามารถนำวิธีการแก้ปัญหานั้นมา ประยุกต์ใช้ และพิจารณารูปแบบปัญหาย่อยซึ่งอยู่ภายในปัญหาเดียวกัน ว่ามีส่วนใดที่เหมือนกัน เพ่ือใช้วิธีการแก้ปัญหาเดียวกันได้ ทำให้จัดการกับปัญหาได้ง่ายขึ้น และการทำงานมีประสิทธิภาพ เพ่ิมข้ึน -การพิจารณาสาระสำคญั ของปัญหา (abstraction) เป็นการพิจารณารายละเอียดที่สำคัญ ของปัญหา แยกแยะสาระสำคัญออกจากส่วนท่ไี มส่ ำคญั -การออกแบบอัลกอริทึม (algorithms) ขั้นตอนในการแก้ปัญหาหรือการทำงานโดยมีลำดับ ของคำสงั่ หรือวิธกี ารทช่ี ัดเจนท่คี อมพิวเตอรส์ ามารถปฏิบัตติ ามได้
11 การวางแผนการจัดการเรยี นรู้สาระเทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) สาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เนน้ พัฒนากระบวนการคดิ ทักษะการแก้ปัญหาและนำ ความรดู้ ้านวิทยาการคำนวณ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารไปใช้แก้ปัญหามากกวา่ เรียนรเู้ พ่ือ เปน็ ผู้ใช้งาน สำหรับตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ และสาระการเรียนร้ทู กี่ ำหนดข้นึ เป็นขอ้ กำหนดขนั้ ตำ่ โดย สามารถเพิ่มเติมรายละเอียดอ่ืนท่ีเหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษาสภาพแวดล้อมของผู้เรียนและ คุณลกั ษณะของผู้เรียน การนำสาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มาจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา เพ่ือนำไปสู่การ ออกแบบแผนการจดั การเรยี นรู้ มีสิง่ ที่ควรคำนงึ ถงึ ดงั นี้ ความตอ่ เนื่องในการเรียนรู้ (progression) การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ต้องพจิ ารณาถึงการจัดหลักสูตรในภาพรวมตลอดระยะเวลาท่ี ผู้เรียนอยู่ในหลักสูตรของแตล่ ะสถานศึกษา รวมถงึ รอยต่อระหว่างการเปล่ียนระดับการศึกษา ซง่ึ แต่ ละสถานศึกษาอาจกำหนดสาระการเรยี นรูท้ ีแ่ ตกต่างกัน ทำให้ผูเ้ รยี นมีพืน้ ฐานทต่ี ่างกันสถานศึกษาจึง ควรจดั กิจกรรมปรับพ้ืนฐานใหแ้ กผ่ เู้ รียน ในแตล่ ะชั้นปี การเลือกเน้ือหาหรอื กจิ กรรมควรกำหนดให้สอดคล้องกับปัญหาโจทย์ กิจกรรม ในวิชาอ่นื ที่ผูเ้ รียนกำลังศึกษา หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพ จะช่วยทำให้ผเู้ รียนเห็นความเช่ือมโยง ของความรชู้ ัดเจนขนึ้ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ (Scheme of Work) แนวทางในการออกแบบการจดั การเรียนรู้ สามารถทำไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การออกแบบจากบนลงล่าง (Top down) เป็นการออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเร่ิมจาก มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ จากน้ันจึงออกแบบแผนการจดั การเรยี นรู้ การออกแบบจากล่างข้ึนบน (Bottom up) เป็นการออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเริ่มจาก หน่วยการเรียนรหู้ รือโครงงาน โดยกำหนดธีมสำหรับแต่ละระดับช้ัน จากนั้นพิจารณาถึงตัวชี้วัด/ผล การเรียนรู้ และสาระการเรียนรทู้ ่เี ก่ยี วข้องที่ผู้เรยี นจะต้องนำมาใช้ในการทำโครงงาน การออกแบบจากแผนสำเร็จรูป (Off the shelf) เป็นการนำแผนการจัดการเรียนรู้ทีม่ ีอยูแ่ ล้ว มาประยุกตใ์ ช้ให้เข้ากบั บรบิ ทในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรูข้ องโรงเรยี น นอกจากน้อี าจใช้การออกแบบโดยเน้นผู้เรียนเปน็ สำคัญ (Student-centered)การออกแบบ โดยใช้คำถาม (Enquiry-based) โดยให้นักเรียนทำโครงงานจากหัวข้อท่ีสนใจหรือการตั้งคำถาม เพ่ือให้ได้แนวทางในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามการออกแบบน้ีต้องส่งผลให้ผู้เรียนบรรลุตัวชี้วัด/ผล การเรียนรู้ตามที่กำหนด การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Assessment) สถานศึกษาจะต้องกำหนดการวัดและประเมินผล โดยมีเกณฑ์การประเมินท่ีสอดคล้องกับ ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ และมคี วามชัดเจน เวลาเรียน (Timings) การกำหนดโครงสร้างเวลาในการจดั การเรยี นรู้สำหรับแต่ละช้ันปี ใหค้ ำนงึ ถึงกรอบเวลาทรี่ ะบุ ไว้ สาระนี้ต้องการเวลาในการฝกึ ทักษะจึงควรกำหนดเวลาในการฝึกปฏิบัติให้เพียงพอ เพ่ือให้ผู้เรียน
12 เกิดทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ ถ้าสถานศึกษาใดต้องการมุ่งเน้นพัฒนาความรู้และทักษะของ ผูเ้ รยี นอย่างเข้มข้น สามารถเพม่ิ เวลาเรียนได้ โครงสรา้ งพนื้ ฐาน ฮารด์ แวร์ และซอฟตแ์ วร์ แหล่งเรียนรดู้ ้านวิทยาการคำนวณ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการรู้ดิจิทัลมี อยู่มากมาย การพิจารณานำมาใช้ประกอบการเรียนการสอนจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ในหัวขอ้ นีจ้ ะกล่าวถึงการจดั เตรียมโครงสรา้ งพนื้ ฐาน แนะนำสื่อและแหลง่ เรียนรู้รวมถึง แนวทางในการเลอื กใชใ้ ห้เหมาะสมกับการจัดการเรียนรู้ โครงสร้างพ้ืนฐาน (Infrastructure) การเรียนรู้สาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) น้ัน จำเป็นจะต้องมีการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ผู้เรียนควรจะ เข้าถึงเคร่ืองคอมพิวเตอร์ได้ในตลอดช่วงเวลาเรียน และหากสามารถเข้าถึงได้เพิ่มเติมจากช่วงเวลา ดังกลา่ วด้วยกจ็ ะสง่ ผลดีตอ่ การเรยี นรยู้ ิ่งขึน้ นอกจากน้ีควรจัดเตรียมอินเทอร์เน็ตและระบบรักษาความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์เช่น ไฟร์วอล โปรแกรมป้องกันไวรัสหรอื ระบบป้องกันการใช้งานคอมพิวเตอร์ท่ีผิดวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ ตามจะต้องไม่จำกัดการใช้งานของผู้เรียนจนไม่สามารถเรยี นรู้ได้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะถูกใช้ งานร่วมกันหลายวิชา ซึ่งแต่ละวิชาจะมีข้อกำหนดแตกต่างกันทั้งระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ และ ฮาร์ดแวร์ จึงจำเป็นต้องสามารถปรับเปล่ียนระบบให้สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วซึ่งอาจทำได้โดย การติดต้ังระบบปฏิบัตกิ ารมากกว่าหน่ึงระบบ หรอื การออกแบบระบบที่กำหนดสิทธิในการใช้งานของ แต่ละบคุ คล ฮาร์ดแวร์ การเรียนรู้สาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ได้เน้นพัฒนากระบวนการคิด และ ทักษะการแก้ปัญหา ซึ่งต้องใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เทคโนโลยีอ่ืน ๆ เป็นเคร่ืองมือดังน้ัน สถานศึกษาควรจะต้องจัดให้มีเครื่องคอมพวิ เตอร์ท่ีสามารถใชง้ านการเขยี นโปรแกรมขั้นพ้ืนฐาน และ มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อค้นคว้าข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันนอกจากน้ีควรฝึกให้ ผู้เรยี นสามารถทำงานตามวตั ถปุ ระสงคภ์ ายใต้ฮารด์ แวรท์ ม่ี ีอยู่อย่างจำกัดและมีคุณลักษณะที่ต่างกัน ซอฟต์แวร์ เพ่ือให้การจัดการเรียนรไู้ ด้ผลตามที่หลักสตู รฯ ได้กำหนดไว้ ผ้เู รยี นจะต้องใช้งาน ซอฟต์แวร์ท่ีหลากหลาย ซ่ึงซอฟต์แวร์เหล่าน้ีอาจมีค่าใช้จ่าย สถานศึกษาจึงควรฝึกให้ผู้เรียนใช้งาน ซอฟต์แวรโ์ อเพน่ ซอรส์ เพ่ือเป็นทางเลือก เช่น Linux, OpenOffice นอกจากนอ้ี าจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ ที่ผ้เู รียนสามารถใช้งานไดท้ งั้ ที่โรงเรยี นและท่บี า้ น การจัดการเรียนรู้ การพฒั นาผู้เรียนให้สามารถสรา้ งองค์ความรู้ได้ด้วยตนเองอยา่ งมปี ระสิทธิภาพในการจดั การ เรยี นร้สู าระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ผ้สู อนอาจใช้วิธกี ารต่อไปนี้ 1. ส่งเสริมการเรียนรู้แบบเพ่ือนสอนเพ่ือน เม่ือผู้เรียนแก้โจทย์ปัญหาหรือทำงานที่ได้รับ มอบหมายเสร็จก่อนผอู้ ื่น อาจให้ผู้เรียนช่วยอธิบายแลกเปลี่ยนวธิ ีการหรือนำเสนองานของตนเองให้ เพื่อนฟัง 2. ส่งเสริมการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างช้ินงาน ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างสรรคช์ น้ิ งานอย่างมปี ระสิทธภิ าพ เชน่ งานนำเสนอ เว็บไซต์ วีดิทศั น์ โครงงาน ทส่ี ่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นใชค้ วามคดิ สร้างสรรค์ ไมต่ กี รอบปิดกน้ั แนวคิดในการสร้างชน้ิ งาน
13 3. ส่งเสริมให้ผู้เรียนเผยแพร่ส่ิงท่ีเรียนรู้ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เผยแพร่สิ่งท่ีได้เรียนรู้ ให้กบั ผู้อ่ืน ผ่านการนำเสนอหน้าชนั้ เรียน การเขียนบันทกึ การเขยี นบลอ็ ก จะชว่ ยให้ผู้เรียนเข้าใจและ พัฒนาการรดู้ ิจิทลั ได้ดีย่ิงขนึ้ และยงั สง่ เสริมการสรา้ งจติ สำนึกในการแบ่งปนั ความรู้ให้แก่ผอู้ น่ื 4. ให้ผู้เรียนทำงานเด่ียวและงานกลุ่ม การกำหนดภาระงานให้แก่ผู้เรียน ควรมีท้ังงานเดี่ยว และงานกลุ่ม การทำงานเดี่ยวเพ่ือให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกฝนพัฒนาทักษะ สร้างความเข้าใจ และ สร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเอง ส่วนการทำงานเป็นกลุ่มจะช่วยใหผ้ ู้เรียนได้ฝึกทักษะในการสื่อสารและ การทำงานร่วมกับผู้อืน่ 5. ให้ผู้เรียนสร้างช้ินงานท่ีเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันกำหนดให้ผู้เรียนสร้าง ช้ินงานหรือแก้ปัญหาท่ีเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันตามสภาพแวดล้อมของผู้เรียน สิ่งท่ีผู้เรียนสนใจ และอาจต้องใชค้ วามรู้จากวชิ าอนื่ เพอื่ ให้ผู้เรียนเห็นแนวทางในการนำความรไู้ ปใช้แกป้ ญั หา เชน่ การ ทำบัญชคี รวั เรอื น การเขียนโปรแกรมเกมทายคำศพั ทภ์ าษาอังกฤษ การหาเส้นทางที่ใช้เวลาน้อยท่ีสุด ในการเดนิ ทางจากบา้ นถึงโรงเรียน ในการจัดการเรียนรู้สาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) มีแนวทางและสิ่งท่ีต้องนำมา พิจารณาประกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ดังนี้ 1) การสอนวทิ ยาการคำนวณโดยไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์ จากเป้าหมายของสาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) เน้นการพัฒนาทักษะกระบวนการคิด วเิ คราะห์ แก้ปญั หา ซง่ึ การพัฒนาทักษะเหลา่ นีอ้ าจไมจ่ ำเปน็ ต้องใชค้ อมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนก็ ได้ ผูส้ อนสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กลวธิ ีการสอน เชน่ การสอนอลั กอรทิ มึ โดยใช้กจิ กรรมท่ี ผู้สอนสร้างข้ึน การให้ผู้เรียนแสดงบทบาทสมมุติตามเรื่องราวท่ีเขียนอย่างสร้างสรรค์ การเขียน ข้ันตอนการแก้ปัญหาลงในกระดาษ นอกจากน้ียังสามารถใช้โจทย์ปัญหาเก่ียวกับการเขียนโปรแกรม จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ CS Unplugged(www.csunplugged.org) เว็บไซต์ CS4FN (www.cs4fn.org) เ ว็ บ ไ ซ ต์ Code.org (www.code.org) เ ว็ บ ไ ซ ต์ CASBarefoot (barefootcas.org.uk) 2) การสอนการเขยี นโปรแกรม สำหรับผู้เรียนที่เริ่มตน้ เขียนโปรแกรมอาจไมค่ ุ้นเคยกบั การแก้ปญั หาหรอื การเขยี นโปรแกรม ทีต่ อ้ งใช้เวลาในการค้นหาหรือแกไ้ ขข้อผิดพลาดในการทำงานของโปรแกรมซำ้ หลายคร้ัง ผู้สอนจึงตอ้ ง สร้างสภาพแวดลอ้ มในชน้ั เรียนใหเ้ กดิ การเรียนรู้ ท่ีมเี ป้าหมายร่วมกันเคารพซ่งึ กันและกนั และยอมรับ ไดว้ ่าทกุ คนสามารถเรียนรจู้ ากความผดิ พลาดที่เกดิ ขึ้นได้ ผู้สอนควรฝึกให้ผู้เรียนเขียนโปรแกรมโดยทำความเข้าใจกับข้อความที่แสดงความผิดพลาด ของโปรแกรม แนะนำเทคนิคในการตรวจหาข้อผิดพลาดและแกไ้ ข เมอื่ ผู้เรยี นต้องการความช่วยเหลือ ในการดีบักโปรแกรม ควรให้ผู้เรียนได้หาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเองให้เพื่อนช่วยแนะนำ หรือให้ค้นหา วธิ ีการแก้ปัญหาจากหนงั สือหรอื อินเทอรเ์ น็ต นอกจากนี้ผู้สอนสามารถพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สูงข้ึน โดยให้ผู้เรียนศึกษาการเขียน โปรแกรมจากแหล่งเรียนรู้บนเว็บไซต์ด้วยตนเอง แสดงความเข้าใจโดยการอธิบายการทำงานของ โปรแกรมทีละบรรทัด เพ่ิมเงื่อนไขหรือความยากของโจทย์ให้ผู้เรียนได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง หรือทำ การโปรแกรมตามข้ันตอนทผ่ี ู้สอนกำหนด
14 3) ภาษาโปรแกรม (Programming Language) การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นทักษะท่ีสำคัญอย่างหนึ่งของการเรียนสาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ภาษาโปรแกรมมีอยู่มากมาย ซ่ึงแต่ละภาษามีความเหมาะสมกับผู้เรียนใน ระดบั ชัน้ ท่ีแตกต่างกนั ภาษาโปรแกรมที่เหมาะกับผู้เรยี นระดับประถมศกึ ษาควรใช้งานง่าย มีกราฟิกที่กระตุ้นความ สนใจของผ้เู รียน เนน้ ใหเ้ ข้าใจพ้ืนฐานของการสง่ั งานคอมพวิ เตอร์ซึ่งทำงานตามลำดบั ขั้นตอน ตวั อย่าง ภาษาโปรแกรมและแหล่งเรียนรู้ มีดงั นี้ โปรแกรม Scratch พัฒ นาโดย MIT (Massachusetts Institute of Technology)เป็น โปรแกรมภาษาแบบภาพ (Visual Programming Language) เหมาะสำหรับใช้สร้างภาพเคล่ือนไหว หรือเกมอย่างง่าย ข้อดีของโปรแกรม Scratch คือผู้เรียนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ง่าย และเห็น ผลลพั ธ์การทำงานของโปรแกรมเป็นภาพทเ่ี ป็นรูปธรรมจงึ ช่วยกระตนุ้ ความสนใจของผเู้ รียน เว็บไซต์ Code.org เป็นเว็บไซต์ที่มีเป้าหมายเพ่ือฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมซึ่งเป็น โปรแกรมภาษาแบบภาพทมี่ ีโครงสรา้ งคล้ายโปรแกรม Scratch ในเวบ็ ไซต์ Code.orgมีทรัพยากรการ เรียนรเู้ กีย่ วกบั การเขียนโปรแกรมสำหรบั ครู ผู้เรียน และผสู้ นใจ ให้เข้าไปศกึ ษาเรยี นรไู้ ด้อย่างอิสระ สำหรับระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษา สามารถเลือกใช้ภาษาโปรแกรมและแหล่งเรียนรู้ได้เช่นเดียวกับ ระดับประถมศึกษา แต่ควรเลือกเน้ือหาท่ีเหมาะสำหรับผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษา และอีกแนวทาง หนึ่งคอื การเลอื กใช้โปรแกรมภาษาแบบขอ้ ความ (text based programming language) ซ่งึ จะเป็น การเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในเขียนโปรแกรมเพ่ือการใช้งานจริง ตัวอย่างของภาษาโปรแกรม สำหรับระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษา ภาษาโปรแกรม Logo เป็นภาษาท่ีนิยมนำมาใช้ในการเรมิ่ ต้นเขียนโปรแกรมเพ่ือควบคุมการ ลากเสน้ ให้เป็นรูปตา่ ง ๆ ภาษาโปรแกรมอ่ืน ๆ เช่น Python, C#, C/C++, R, App Inventor ซึ่งเป็นโปรแกรมภาษา ท่ีมีความสามารถสูง ผูเ้ รียนสามารถนำไปพัฒนาโครงงานคอมพวิ เตอร์หรือบูรณาการกบั วชิ าอืน่ ได้ การเลือกใช้ภาษาโปรแกรมน้นั ควรจะคำนงึ ถงึ ประเดน็ ตา่ ง ๆ ต่อไปนี้ ความเชย่ี วชาญของผู้สอนในภาษานั้น ๆ คุณภาพของแหล่งเรียนรู้ และชุมชนของนักเขียนโปรแกรม ซึ่งถ้าผู้สอนมีปัญหาในการใช้ ภาษาดงั กลา่ วสามารถขอคำปรึกษาหรอื ขอความชว่ ยเหลือได้งา่ ย ความยากงา่ ยในการเขา้ ถึงแหล่งเรยี นรู้ หรอื การใช้งานท้ังทบ่ี ้านและทีโ่ รงเรยี นของผู้เรยี น 4) การเพ่มิ โอกาสในการเรยี นรู้ ผสู้ อนสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น เว็บไซต์กระดาน ปฏสิ มั พนั ธ์ สภาพแวดล้อมการเรยี นร้เู สมอื น การประชมุ ผา่ นวดิ โี อ บล็อก วิกิ วดิ ีโอ เทคโนโลยีเหล่าน้ี ได้เพิม่ โอกาสในการเรยี นรแู้ ก่ผู้เรียนดังน้ี ความไมเ่ ทา่ เทียมในการเข้าถงึ อปุ กรณด์ ิจทิ ลั ผู้เรียนอาจมีพ้ืนฐานความรู้และฐานะท่ีแตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีท่ีมี บทบาทในชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างเท่าเทียม สถานศึกษาควรจัดใหม้ เี ครื่องคอมพวิ เตอร์ทีผ่ ู้เรยี นสามารถ เข้าถึงได้ทั้งในและนอกเวลาเรียน ซ่ึงทำได้โดยจัดกิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ จัดคอมพิวเตอร์ไว้ใน
15 ห้องสมุด เลือกใช้โปรแกรมที่มีลขิ สิทธิ์ถกู ตอ้ งหรือใช้โปรแกรม Open source ที่ผ้เู รียนสามารถใชไ้ ด้ท่ี บา้ น เพื่อให้เขา้ ถึงได้อย่างเท่าเทยี มกัน ความแตกตา่ งทางเพศ คนทั่วไปมักมองว่างานด้านคอมพิวเตอร์เปน็ ของผู้ชาย แตใ่ นปัจจุบันมีผหู้ ญิงท่ีทำงานในด้าน นี้มากขึ้น ผู้สอนควรสนับสนุนท้ังผู้เรียนหญิงและผู้เรียนชายให้เรียนด้านวิทยาการคำนวณโดยจัด กจิ กรรมการเรียนรู้ หรอื การกำหนดโจทย์ปัญหา โครงงานท่ีเหมาะสม และกระตุ้นความสนใจสำหรับ ทุกเพศ ความตอ้ งการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก สำหรับผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย ผู้เรียนท่ีมีความบกพร่องในการเรียนรู้ สถานศึกษาควรจัดหาเทคโนโลยีท่ีอำนวยความสะดวกท้ังอุปกรณ์และโปรแกรม เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึง ส่ิงท่ีตอ้ งการเรียนรู้ในสาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) และสาระอื่นได้ ตัวอย่างเช่น คีย์บอร์ดที่มี ตวั อักษรเบลล์ หรือโปรแกรมช่วยอ่านหนงั สอื ผู้เรยี นที่มคี วามสามารถพิเศษ ผูเ้ รียนทม่ี ีความสามารถพิเศษหรือความสนใจพิเศษ สามารถฝึกฝนหรือเรียนรู้ด้านวิทยาการ คำนวณด้วยตนเองจนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และทักษะสูงกว่าตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ท่ีกำหนด ผู้สอนจงึ ควรสนับสนุนผู้เรยี นตามความสนใจพเิ ศษ และกระต้นุ ให้ผเู้ รียนกลุ่มน้ี แสดงความสามารถที่ มีอยู่ โดยการให้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อ่ืน และจัดหาผู้เช่ียวชาญเฉพาะด้านมาให้คำแนะนำในการ จัดทำโครงงาน ซึ่งผู้สอนสามารถแนะนำให้ผู้เรียนฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมจากเว็บไซต์ เช่น programming.in.th ห รือ เรี ย น รู้ เรื่อ ง อื่ น ๆ ท่ี ส น ใจ จ าก เว็ บ ไซ ต์ http://oho.ipst.ac.th, www.khanacademy.org ในการสอนผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษนั้น ไม่ควรเร่งรัดหรือจำกัดเวลาในการเรียนรู้ แต่ควรจะเพ่ิมประสบการณ์ในการเรียนรู้และพัฒนาเชิงลึกในหัวข้อเฉพาะท่ีผู้เรียน มีความสนใจ ซง่ึ อาจรวมถึงการแกป้ ญั หาทมี่ ีประสิทธิภาพ หรือหาวธิ ีท่ีแตกตา่ งกนั ในการแก้ปัญหา การจัดการเรยี นร้สู ำหรบั ผู้เรียนทีไ่ ม่ใช่สายวทิ ยาศาสตร์ ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ที่กำหนดไว้น้ีเป็นคุณลักษณะทั่วไปที่ต้องการให้เกิดกับ ผู้เรียนใน ระดบั ช้ันต่าง ๆ ผสู้ อนควรปรบั กระบวนการและช้ินงานใหเ้ หมาะสมกบั ผ้เู รียนแต่ละกลุม่ เช่น ตัวชวี้ ดั / ผลการเรียนรู้ในชั้น ม. 4 กำหนดไว้ว่า “ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการพัฒนาโครงงานท่ีมี การบูรณาการกับวิชาอ่ืนอย่างสร้างสรรค์และเชื่อมโยงกับชีวิตจริง”สำหรับผู้เรียนสายอื่นท่ีไม่ใช่สาย วทิ ยาศาสตร์ผู้สอนควรกำหนดโจทย์ สถานการณ์ ในกิจกรรมการเรียนรู้ตามความสนใจเหมาะสมกับ ความสามารถของผู้เรียน เปน็ โครงงานที่ไม่เน้นการเขียนโปรแกรม แตเ่ ป็นการประยุกต์ใช้แนวคิดเชิง คำนวณและใช้เทคโนโลยีเปน็ เครอ่ื งมอื ในการแก้ปัญหา 5) การเรยี นรตู้ ามอัธยาศยั ผ้เู รยี นสามารถเรยี นรเู้ พิ่มเติมเก่ียวกับวิทยาการคำนวณได้ตามความสนใจท้ังในชั้นเรียนและ แบบออนไลน์ มีโปรแกรมและเอกสารให้ศกึ ษาจำนวนมาก ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นผู้สรา้ งงานดจิ ิทัลบน เว็บไซต์ต่าง ๆ โปรแกรมเชิงพานิชย์บางโปรแกรมจะอนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
16 ชุมชนออนไลน์หลายแห่งจะมีผ้เู รียนหรือนักพัฒนาซอฟต์แวรม์ าแบง่ ปันแนวคดิ การเรียนรู้ การสร้าง สิ่งประดิษฐ์ทางดิจิทัล ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Scratch (http://scratch.mit.edu) เว็บไซต์ programming.in.th นอกจากนี้ ผู้สอนควรแนะนำผู้เรียนได้พัฒนาความรู้และทักษะเพ่ิมเติม ส่งเสริมให้เข้าร่วม แข่งขันในโครงการต่าง ๆ เช่น การประกวดโครงงานสะเต็ม การแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกงาน ศลิ ปหัตถกรรมผูเ้ รียน การแขง่ ขนั RoboCup Thailand การวดั และประเมินผล การวัดและประเมนิ ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้ เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการ จัดการเรียนรู้ ผลการประเมินแสดงถึงพฒั นาการในการเรยี นรู้และสามารถนำมาใช้ตัดสินผลการเรียน ได้ด้วย การประเมินผู้เรียนควรเป็นการประเมินตามสภาพจริง (authentic assessment) ที่ สอดคล้องกับเป้าหมายของหลกั สตู ร คุณภาพผ้เู รียน มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ัด/ผลการเรียนร้ทู ่ี กำหนด การวัดและประเมินตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ ต้องเลือกใช้เครื่องมือวัดท่ีเหมาะสม มีคุณภาพ ดำเนินการด้วยวิธีที่ถูกต้องและหลากหลาย รวมทั้งพิจารณาถึงความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละกลุ่ม และแตล่ ะระดับ การประเมนิ เพือ่ ปรบั ปรงุ การเรยี นรู้ (formative assessment) คอื การติดตามตรวจสอบการ เรียนรู้ของผู้เรียนระหว่างท่ีผู้สอนจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ได้ข้อมูลไปพัฒนาผู้เรียนและปรับปรุงวิธีการ สอนต่อไป การวดั และประเมนิ ผลเพอื่ ปรบั ปรงุ การเรียนรู้ทำได้หลายรูปแบบ ดงั น้ี 1) การประเมินตนเอง (self-assessment) เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนตรวจสอบความก้าวหนา้ ของ ตนเองและประเมนิ ผลเปรยี บเทียบกับเป้าหมายที่กำหนด ในลักษณะของการสะทอ้ นตัวชี้วัด/ผลการ เรียนรู้ของตนเอง เช่น การเขียนผังความคิด การเขียนผังมโนทัศน์การเขียนรายงาน การเขียนบล็อก การสรา้ งวีดทิ ัศน์ การทำแบบประเมนิ ตนเอง การเขียนบล็อก เป็นการให้ผู้เรียนบันทึกสิ่งท่ีทำ สิ่งท่ีได้เรียนรู้ และส่ิงที่ควรปรับปรุงในการ ทำงานแต่ละครั้ง ความกา้ วหน้าในการเรียนเปรยี บเทียบกับเป้าหมายท่ีวางไว้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นวิธี คิด พฒั นาการ หรอื ปัญหาทีเ่ กิดขึ้นในระหว่างเรยี น การใช้แบบประเมินตนเอง เพื่อประเมินความรู้และทักษะในด้านใดด้านหน่ึงเช่น ทักษะการ เขียนโปรแกรม โดยมีการกำหนดหวั ข้อการประเมนิ และเกณฑ์การให้คะแนนทชี่ ัดเจน ซ่ึงผู้เรยี นจะใช้ ตรวจสอบประเมินทักษะของตนเองทำให้รู้จดุ เด่นและจุดที่ตอ้ งปรับปรุง ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ และมองเหน็ แนวทางในการพัฒนาตนเองได้ การเขยี นผังมโนทัศน์ เป็นการเขียนเพื่อให้ผู้เรียนไดท้ บทวน ตรวจสอบความเข้าใจในเน้ือหา ของแตล่ ะบทเรียนดว้ ยตนเอง โดยนำผังมโนทัศน์ท่ีผูเ้ รยี นเขยี นขึน้ มาเทียบกับผังมโนทศั น์ทีผ่ ูส้ อนสร้าง 2) การประเมินโดยเพ่ือน (peer-assessment) เปน็ การร่วมกันอภิปราย การให้ข้อมูลย้อนกลับเพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ร่วมกัน ซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาผลงาน ตนเองจากความคิดเห็นของผู้อื่น สามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ช่วยในการร่วมกันประเมินเช่น ชุมชน ออนไลน์ เวบ็ บลอ็ ก
17 ตัวอยา่ งของการประเมนิ โดยเพื่อน เช่น ใหผ้ ู้เรียนเขียนโปรแกรม Scratchแลว้ แบ่งปนั ผลงาน ในชุมชมออนไลน์ เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ทำให้ผู้เรียนได้รับฟังความ คดิ เห็นของผู้อน่ื เกดิ การเรียนรแู้ ละปรับปรงุ ผลงานใหด้ ีข้นึ 3) การใช้คำถาม การพัฒนาทักษะและความเข้าใจในสาระเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ควรจัดการเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์โดยใช้การต้ังคำถามให้ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์เช่น การใช้คำถาม “เพราะเหตุใด” หรือ “อย่างไร” เพ่ือให้ผู้เรียนได้อภิปรายแสดงความคดิ เห็นพรอ้ มทั้งใหเ้ หตุผลอยา่ ง อิสระ ตัวอย่างคำถาม เช่น “เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของ ผูเ้ รียนอย่างไร” “เพราะเหตุใดจงึ คดิ ที่จะสรา้ งชิ้นงานน้ี และจะสร้างชนิ้ งานนอี้ ย่างไร” “มีวิธกี ารอ่ืน ในการแกป้ ญั หาน้ีหรือไม่ และทำอยา่ งไร” 4) การใชก้ ลวธิ ี KWL (know, want to know, learned) เปน็ กลวิธีที่ให้ผู้เรียนสรุป ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยใช้คำถามว่า ผู้เรียนรู้อะไร อยากรู้อะไร และได้เรียนรู้อะไรไป แล้ว เพ่ือให้ผู้เรียนประเมินตนเอง และผู้สอนนำข้อสรุปไปเตรียมและปรับปรุงการสอนในบทเรียน ตอ่ ไป 12.2 การประเมินเพ่อื สรปุ ผลการเรยี นรู้ (summative assessment) คือ การประเมินตัวชี้วัด /ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเม่ือส้ินสุดการเรียนการสอนด้วยการ เปรยี บเทียบกบั มาตรฐานท่ีกำหนดไว้ ภายใต้กรอบการประเมินทั้งด้านความรู้ ทกั ษะ และเจตคติ เพื่อ ตัดสินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและอาจใช้เสนอแนะแนวทางการศึกษาต่อ ในการตัดสินผลการเรียน อาจใช้คะแนนสอบร่วมกับผลการประเมินจากเคร่ืองมอื อื่น ๆ เชน่ แฟ้มสะสมผลงาน ชนิ้ งาน โครงงาน การประเมินจากแฟ้มสะสมผลงาน (learning portfolio) แฟ้มสะสมผลงานเป็นเอกสารที่ รวบรวมผลงาน รายงาน ชิ้นงาน ท่ีเป็นผลผลิตซึ่งเกิดข้ึนระหว่างการเรียน ซึ่งสามารถนำไป ประกอบการประเมินตวั ชวี้ ัด/ผลการเรยี นรู้ได้ การวัดตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ด้วยแบบทดสอบ เป็นการวัดผลผู้เรียนด้วยแบบทดสอบ ท่ีมี ลักษณะคำถามปลายเปดิ หรือปลายปิด หรือท้ัง 2 แบบโดยผูส้ อนจัดทำแบบทดสอบและเกณฑ์การให้ คะแนน พรอ้ มท้งั รวบรวมคะแนน จากนน้ั ประเมนิ ผลเพ่ือตดั สนิ ผลการเรียน การวัดตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้จากโครงงาน หรือนวัตกรรม เป็นการวัดผลท่ีให้ผู้เรียนพัฒนา ช้ินงานรายบุคคล หรือรายกลุ่ม เพ่ือให้ได้ชิ้นงานตามความสนใจของตนเอง ผู้สอนเป็นผู้กำหนด แนวทางและเกณฑ์การวัดและประเมินผลโครงงานที่ครอบคลมุ ทุกด้าน รวมทั้งการประเมนิ พฤติกรรม การทำงาน ซึง่ อาจให้ประเมินด้วยตนเอง เพ่อื น หรอื ผู้สอน การประเมินผลจากการปฏิบัติ เป็นการประเมินผลโดยกำหนดโจทยห์ รอื สถานการณใ์ ห้ผเู้ รียน ปฏิบัติ โดยผู้สอนกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนท่ีเหมาะสมและมีการวัดอย่างต่อเน่ือง เพ่ือสะท้อนผล การปฏบิ ตั ขิ องผเู้ รียนแลว้ ตดั สนิ ผลจากพัฒนาการในการเรยี นรู้ทีเ่ พิ่มข้ึนของผู้เรยี น
18 3. การจดั การเรียนร้เู ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การสอนด้วยโครงงานมัลติมเี ดีย โครงงานมัลตมิ ีเดีย โครงงานมัลติมีเดียอาจมีได้หลายรูปแบบ เน่ืองจากมัลติมีเดียมีความหมายครอบคลุมถึง การประสมประสานกันของข้อมูลท่ีเป็นข้อความ เสียง ภาพ วีดิทัศน์ ภาพเคล่ือนไหว และการมี ปฏิสัมพันธ์และข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลดิจิทัล ผลิตและสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ การเรยี นการสอนไม่เน้นการให้ครูอธบิ ายวธิ ีการท้ังหมด แล้วให้นักเรยี นสร้างตามแบบ แต่เน้นให้นักเรียนลงมือสร้างชิ้นงานไปพร้อมกับการเรียนรู้วิธีการสร้างหรือทำโครงงานนั้นจะทำให้ นกั เรียนเกิดการเรียนรทู้ ้ังวิธีการและเนื้อหาน้ัน ๆ ไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะนักเรียนจะต้องศึกษาโดยการ คน้ คว้าหาข้อมูลและสารสนเทศ และศึกษาเพื่อวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดการกับเนอื้ หาที่นำมาทำ โครงงานน้ัน แหล่งความรู้จึงไม่อยทู่ ี่ครูเพียงคนเดียว แต่ทุกคนในชัน้ เรยี นจะเป็นแหล่งของความรู้ซึ่ง กนั และกันเป็นบรรยากาศท่ีร่วมกันเรียน ร่วมกันคิดและร่วมกันแก้ปัญหา หรอื เรียนไปด้วยกันทั้งครู กับนกั เรียน และนกั เรยี นกบั นกั เรยี น (สำนกั เทคโนโลยเี พื่อการเรียนการสอน, 2552) ทีม่ า : http://www.tcoe.org/FrontPageFeatures/140207PBL. การทำโครงงานมลั ติมเี ดียของนกั เรยี นควรมีความสัมพนั ธ์กับสิง่ ที่เปน็ อยู่จรงิ ในชวี ติ โดยอาจ ใหน้ ักเรยี นในฐานะผู้สรา้ งสวมบทบาทหรอื เลยี นแบบส่งิ ทเี่ ปน็ อยใู่ นชีวิตจรงิ เชน่ ➢ เปน็ นักเขยี นเรื่อง แลว้ จดั ทำเปน็ วารสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ➢ เปน็ ผู้พัฒนาบทเรียนมลั ตมิ เี ดยี ➢ เป็นนกั ออกแบบเว็บ ทีร่ วบรวมจัดหาข้อมูลท่ีเหมาะสมมาสร้างเป็นเวบ็ เพจ ➢ เปน็ นักประชาสัมพนั ธ์ จดั ทำเวบ็ เพจเชิญชวน หรอื แจง้ ขา่ วสาร ➢ เปน็ นักสร้างภาพยนตร์ จดั ทำเป็นวีดิโอดิจิทัล ทั้งน้ีโครงงานมัลติมีเดียที่จัดทำในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ย่อมข้ึนอยู่กับจุดประสง ค์ การเรียนรู้ในแตล่ ะวชิ าและการบรู ณาการระหวา่ งวชิ า องคป์ ระกอบของการเรียนรดู้ ้วยโครงงานมลั ติมีเดีย โครงการมัลติมีเดยี มีองค์ประกอบสำคัญ 7 ประการ ทีใ่ ชใ้ นการอธิบาย ประเมนิ และวางแผน สำหรับโครงงานมัลตมิ ีเดยี ประกอบด้วย (สำนกั เทคโนโลยเี พือ่ การเรียนการสอน, 2552)
19 1. เน้ือหาหลักสูตร เนื้อหาตามหลักสูตรเป็นส่ิงที่ครูและนักเรียนมักให้ความสำคัญ การทำ โครงงานท่ีสัมพันธ์กับมาตรฐานการเรยี นรู้ ตามสาระวิชา มีเป้าหมายชัดเจนเพ่ือสนับสนุนการเรียนรู้ สาระนัน้ ดังน้ันหากได้มีการนำโลกความเป็นจรงิ มาสู่การจดั ทำโครงงาน จะช่วยใหน้ ักเรยี นเหน็ ความ เชื่อมโยงในการเรียนรู้สู่การนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ในการเรียน การสอนกลุม่ สาระการเรียนวทิ ยาศาสตร์ เพ็ญพร เสนอโครงงาน เรื่อง เม็ดโฟมป้องกันหนอนใบส้ม เน่ืองจากครอบครัวของเพ็ญพร มีสวนส้ม และประสบปัญหา หนอนกินใบส้ม เพ็ญพรไม่ต้องการใช้สารเคมี และสังเกตเห็นลักษณะ ของไขห่ นอน มลี ักษณะเล็ก ๆ กลม ๆ คล้ายเม็ดโฟม จึงต้องการศกึ ษาวา่ ถ้าทดลองนำเมด็ โฟมไปวางที่ ใบส้ม นอนจะวางไข่ทีใ่ บส้มนั้นอีกหรือไม่ ยุทธนา เสนอโครงงานเคร่ืองออกกำลังกายของไก่ชน เน่ืองจากที่บ้านยุทธนาเลี้ยงไก่ชน ยุทธนาต้องช่วยพ่อล่อไก่ชน ให้วิ่งเป็นการออกกำลังกาย และรู้สึกเหนื่อย จึงมีความคิดว่าน่าจะมี เคร่ืองออกกำลังกายของไกช่ น จะทำให้ลดภาระของตนเองได้ จงึ เสนอโครงงานนข้ี นึ้ 2. มัลติมีเดีย มัลติมีเดียให้โอกาสนักเรียนในการใช้เทคโนโลยีท่ีหลากหลายอย่าง มี ประสิทธภิ าพ เพ่อื เป็นเคร่ืองมือในการวางแผน พัฒนา หรือนำเสนอโครงงานของตน ถงึ แมเ้ ทคโนโลยี มลั ตมิ ีเดียจะไดร้ บั การมองว่าเป็นจุดเน้นสำคญั ในการทำโครงงาน แตจ่ ุดแข็งท่แี ท้จริงของมลั ติมเี ดยี อยู่ ที่การบูรณาการกบั เน้อื หาในหลกั สูตร และการใชง้ านจริงในกระบวนการผลติ 3. นักเรียนควบคุมกำกับ องค์ประกอบของการทำโครงงานมัลติมีเดีย ออกแบบเพ่ือให้ นักเรียนมีโอกาสในการตัดสินใจและประเมิน ผู้ริเร่ิมตลอดการทำโครงงาน ตั้งแต่การตัดสินใจเลือก หัวข้อการออกแบบ การผลิต และการนำเสนอ การเรียนรู้ด้วยโครงงานมัลติมีเดีย จึงควรมีการให้ ข้อมูลป้อนกลับ เพื่อช่วยใหน้ ักเรียนในการคดิ ไตร่ตรองและปรับปรงุ โครงงาน การบันทึกการตัดสินใจ ของนักเรียน การปรับปรุง และการริเริ่มของนักเรียน ทำให้ครูได้รับข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการ ประเมนิ งานและความกา้ วหนา้ ของนกั เรียน 4. การร่วมมือกัน การเรียนรู้ด้วยโครงงาน จะเป็นการกำหนดและส่งเสริมให้มีความร่วมมือ ระหว่างนกั เรียนกับนักเรียน ระหว่างนักเรียนกับครูและระหวา่ งนักเรียนกับชุมชนต่าง ๆ มุ่งให้โอกาส นักเรียนได้เรยี นรทู้ ักษะความรว่ มมือ เช่น การติดสินใจของกลุ่ม การมีส่วนรว่ มในงานท่ที ำ การบูรณา การขอ้ คิดเห็นของเพ่อื นและผูใ้ ห้คำแนะนำ การใหค้ ำแนะนำท่ีเป็นประโยชนแ์ กเ่ พ่อื น 5. การเช่อื มโยงกับโลกท่ีเป็นจรงิ เป็นส่วนประกอบท่ีทำได้หลายรปู แบบ ข้ึนอยู่กับเป้าหมาย ของโครงงาน และประเด็นปัญหาวา่ เก่ยี วเน่ืองกับชีวิตนักเรียนหรอื ชุมชนที่นักเรียนอยู่ โครงงานอาจ เช่ือมกับสิง่ ทีเ่ ป็นจรงิ จากการใชว้ ธิ ีการท่ีเหมือนกบั การใชง้ านนนั้ จริง ๆ การเช่อื มโยงโลกทเ่ี ปน็ จรงิ อาจ ทำได้โดยการติดต่อส่ือสารกับโลกภายนอกห้องเรียน ผ่านอินเทอรเ์ น็ต หรือการร่วมมอื กับชมุ ชนและ ผู้ให้คำปรึกษา เช่น วสันต์ เสนอโครงงาน เร่ือง การใช้คลื่นความถ่ีวิทยุ ในการตัดต่อสวิทซ์ เคร่ืองปรับอากาศ เน่ืองจากครอบครัวของวสันต์ ขายเครื่องมือด้านอิเลกทรอนิกส์ บิดาของปรีชามี ความรู้ด้านอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ทำให้ปรชี าเกดิ ความสนใจ ดา้ นอเิ ล็กทรอนิกส์ 6. การขยายกรอบเวลา เป็นการสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนในการวางแผน ปรับปรุง และ พินิจพิจารณาไตร่ตรองการเรียนรู้ของตนเอง แม้เวลาและขอบเขตของโครงการอาจมีกว้างขวาง
20 หลากหลาย ควรให้เวลา และวัสดุที่พอเพียงต่อการสนับสนุนการเรียนรู้และการกระทำอย่างมี ความหมายต่อตัวผเู้ รียน 7. การประเมิน การประเมินการเรียนรู้ ต้องเป็นลักษณะท่ีหลากหลายวิธีการ และบ่อยครั้ง ทัง้ ครปู ระเมิน เพื่อนประเมนิ ประเมนิ ตนเอง และป้อนกลบั ความคิดเห็น การประเมินควรประเมนิ ให้ ครอบคลุมทุกองค์ประกอบและนกั เรียนควรเขา้ ใจด้วยว่าจะประเมินอะไร และให้โอกาสนักเรยี นได้มี สว่ นร่วมในกระบวนการประเมิน หลังจบโครงงานหรือระหวา่ งดำเนินการครู ต้องชวนนักเรียนทบทวนการเรียนรู้ (reflection หรือ AAR) เพื่อทำให้เข้าใจหรือตีความว่า สถานการณ์ท่ีได้ผ่านพบในช่วงทำโครงงานนั้นให้ความรู้ อะไรแก่นักเรียนบ้าง ตลอดจนการทบทวนการเรยี นรู้ร่วมกันภายในกลุ่มจะชว่ ยเพิ่มความเชื่อมโยงและ ความเข้าใจทลี่ ึกซ้งึ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี กรณศี ึกษา อาจารย์รัชนี เขียวเงิน โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยพิษณุโลก ได้จัดการเรียนกลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ในโครงการก้าวเท้าตามรอยพ่อ กล้วยแตกหน่อ อย่างพอเพียง (เว็บไซต์ : 2555) ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนจังหวัดพิษณุโลก ท่ีมีกล้วยเป็นพืช เศรษฐกิจ โดยโช้กิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการใช้ ICT ในลักษณะโครงการมัลติมีเดีย 2 ช้ินงาน คือ งานที่ 1 ทำงานนำเสนอการปลูกกล้วย ซึ่งในการ ปลูกกล้วยนักเรียนจะต้องไปค้นคว้าถึงวิธีการ ปลูกกล้วย ทั้งจากอินเทอร์เน็ต สอบถามพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น หลังจากนั้นจึง ดำเนินการปลูก และถ่ายภาพการปลูก เพ่ือไปใช้ในการนำเสนอขั้นตอนการปลูกกล้วยของนักเรียน ผ่านทาง Google ไดรฟ์ พรอ้ มท้งั ใหผ้ ู้ปกครองประเมินผลงาน ดังภาพ ภาพ 1 การนำเสนอวิธีการปลูกกล้วยของนกั เรยี น ผา่ น Google ไดรฟ์ ในสว่ นงานที่ 2 คอื การทำวดี โิ อดจิ ิทลั ผลิตภณั ฑ์การแปรรูปจากกล้วย ซ่ึงแบ่งกลมุ่ นักเรยี น ออกเป็นกลุ่มกลมุ่ ละ 3 คน ซง่ึ ในส่วนนน้ี กั เรยี นจะตอ้ งปรึกษาตั้งแตก่ ารเลอื กผลิตภัณฑ์เชน่ การทำ กลว้ ยฉาบ การทำเค้กกลว้ ย การทำกลว้ ยตากเคลือบชอ็ กโกแลต เป็นตน้ ตวั อย่างผลงานดงั ภาพ
21 ภาพ 2 การนำวดี ิโอดิจิทัลของนกั เรยี นผา่ น You Tube ทม่ี า: http://www.youtube.com/watch?v=JNGJJXUstJE การเรยี นด้วยโครงงานมัลติมเี ดยี จำเปน็ ตอ้ งมีซอฟต์แวร์การเรียนร้เู ป็นเครือ่ งมือในการสรา้ ง ช้ินงานมัลติมีเดีย หรือทำโครงการมัลติมีเดีย ครผู ู้สอนมีหน้าที่เตรียมแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้และ เครอื่ งมือ ตลอดจนแหลง่ ทรัพยากรการเรียนรู้ เครื่องมือท่ีใช้ได้แก่ โปรแกรมสร้างเว็บเพจ โปรแกรม สร้างมัลติมีเดยี โปรแกรมสร้างวีดิโอ เป็นต้น นักเรยี นใช้เครอ่ื งมือเหลา่ นี้ในการนำสารสนเทศมาสรา้ ง ในรูปแบบใหม่ ดังนั้นครูต้องระวังในเรื่องลิขสิทธ์ิ แนวหนึ่งที่ช่วยได้คือการใช้ระบบประมวลผลแบบ กลุ่มเมฆ (Cloud Computing) เป็นการพัฒนาล่าสุดของระบบคอมพิวเตอร์ท่ีรวมเอาการจัดการ ระบบที่ หลากหลายมาไว้ด้วยกัน เป็นรูปแบบการให้ความสะดวกในการใช้เครือข่ายตามต้องการ เพ่ือให้ เข้าถึงกลุ่มทรัพยากรต่าง ๆ ได้ ได้แก่ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูล แอพพลิเคช่ัน บริการเชน่ Google, Amazon, Yahoo, IBM, Microsoft เป็นต้น สรุป การเรียนการสอนแบบโครงงานมัลติมีเดีย เป็นรูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ไอซีทีเป็น เคร่ืองมือในการสร้างหรือผลิตช้ินงาน ตามทฤษฎี “Constructionism ” เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ ผู้เรยี นมบี ทบาทเป็นผู้ปฏิบัติ ใช้ความคิดกับการสรา้ งสรรค์งานออกแบบ ค้นคว้า จัดการ ปฏบิ ัติ และ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเน่ืองในขณะท่ีสร้างหรือผลิตชิ้นงานน้ัน ทำให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะการคิด ข้ันสูงมากกว่าทักษะการคิดข้ันจำและเข้าใจ ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงท่ีอยู่รอบตัวโดยการสังเกต เลียนแบบ ถาม สอน อธิบาย ช่วยกันคิด แบ่งปันสิ่งที่รู้ แลกเปล่ียนความคิดเห็น ปรึกษา พูดคุยกัน ถือไดว้ า่ เป็นอกี หนง่ึ แนวทางที่เหมาะกับครใู นการนำไปใช้ในการเรียนการสอนในโลกยคุ ดิจทิ ลั 4. การประกันคุณภาพการศกึ ษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มี การกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภท และ มาตรา 48 ให้หนว่ ยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจดั ให้มรี ะบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาและ ให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่าง ต่อเน่ือง และมีประกาศใช้กฎกระทรวง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง เรอ่ื ง ให้ใช้มาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวัย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
22 และระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานศูนย์การศึกษาพิเศษ เม่ือวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ประกอบกับ ยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ ในด้านการปฏิรูประบบการประเมินและการประกันคุณภาพ การศึกษา ได้ให้ความสำคัญกับการประเมินคุณภาพการศึกษาและการประกันคุณภาพการศึกษา มุ่งเน้นให้มีการนำผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษา มาใช้เป็นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่าง ต่อเนื่อง และได้มีการประกาศนโยบายด้านการศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและ วฒั นธรรม การเน้นค่านิยม 12 ประการ การกำหนดเป้าหมายของหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่มุ่ง พัฒนาผู้เรียนให้สามารถคิด วิเคราะห์ และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ตาม หลักสูตร และทักษะท่ีจำเป็นสาหรับโลกศตวรรษท่ี 21 รวมท้ังจากการศึกษาสภาพปัญหาและ ขอ้ เสนอแนะเก่ยี วกบั การประเมินและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสถานศึกษาของคณะกรรมการติดตาม และพัฒนาคุณภาพมาตรฐานสถานศึกษากระทรวงศึกษาธิการ ผลจากการศึกษา พบว่า มีสภาพ ปัญหาเก่ียวกับการประเมินใน 3 ด้าน คือ 1) ด้านมาตรฐานและตัวบ่งชี้ของการประเมิน 2) ด้าน มาตรฐานของผู้ประเมิน และ 3) ด้านมาตรฐานของวิธีการประเมิน ซ่ึงจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุง มาตรฐานและตัวช้ีวัดให้น้อยลง กระชับ และสะท้อนถึงคุณภาพอย่างแท้จรงิ เน้นการประเมินสภาพ จรงิ ไม่ยุง่ ยาก สร้างมาตรฐานระบบการประเมินเพือ่ ลดภาระการจัดเกบ็ ข้อมูล ลดการจัดทำเอกสารท่ี ใช้ในการประเมิน รวมท้ังให้มีการพัฒนาผู้ประเมินคุณภาพภายในให้มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ได้รบั การยอมรับจากสถานศกึ ษา และได้รับการรบั รองจากกระทรวงศึกษาธกิ าร กฎกระทรวง การประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2561 ข้อ 3 ไดร้ ะบวุ ่า ใหส้ ถานศกึ ษาแต่ละ แหง่ จดั ให้มีระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศกึ ษาโดยการกำหนดมาตรฐานการศกึ ษา ของสถานศึกษาใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาแต่ละระดับและประเภทการศึกษาท่ีรฐั มนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการประกาศกำหนด พร้อมท้ังจดั ทำแผนพฒั นาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาทีม่ ุ่ง คุณภาพตามมาตรฐานก ารศึกษาและดำเนิ น การตามแผน ท่ีก ำหน ด ไว้จัดให้มีการประเมินผลและ ตรวจสอบคณุ ภาพการศกึ ษาภายในสถานศึกษา ติดตามผลการดำเนนิ การเพ่ือพัฒนาสถานศึกษาให้มี คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา และจัดส่งรายงานผลการประเมินตนเอง ให้แก่หน่วยงานต้นสังกัด หรอื หน่วยงานท่ีกำกับดูแลสถานศึกษาเป็นประจำทุกปี โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวง ฉบับนี้ คือ แนวทางในการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกัน คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553 ไม่สอดคล้องกบั หลักการประกันคณุ ภาพการศึกษาท่ีแท้จริง จึงส่งผล ให้การดำเนินการประกันคุณภาพการศึกษาท้ังภายในและภายนอกไม่สัมพันธ์กัน เกิดความซ้ำซ้อน และคลาดเคล่อื นจากการปฏิบตั ิ ทำให้ไม่สะท้อนความเป็นจรงิ และเป็นการสรา้ งภาระแก่สถานศึกษา และบุคลากรในสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่กำกับดูแล และหน่วยงาน ภายนอกเกินความจำเป็น สมควรปรับปรุงระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา เพ่ือให้มีกลไกการปฏิบัติท่ีเอื้อต่อการดำเนินการตามมาตรฐานการศึกษาของแต่ละระดับ และเกิด ประสิทธภิ าพในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวง การประกันคุณภาพ การศึกษา พ.ศ. 2561
23 มาตรฐานการศกึ ษา คำอธบิ าย และระดบั คุณภาพ การพัฒนามาตรฐานการศกึ ษา มแี นวคดิ วา่ ต้องเป็นมาตรฐานท่ีสถานศกึ ษาปฏิบัติได้จรงิ ประเมิน ได้จริง กระชบั และจำนวนน้อย แต่สามารถสะทอ้ นบริบทของสถานศกึ ษาและคุณภาพ การศกึ ษาได้จริง ข้อมลู ที่ได้เกิดประโยชนใ์ นการพัฒนาการศกึ ษาทุกระดับ ต้งั แตร่ ะดับสถานศึกษา ระดับเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา ระดับหนว่ ยงานตน้ สงั กัด และระดับชาติ ดงั นน้ั การกำหนดมาตรฐาน การศกึ ษาจงึ เน้นทีค่ ุณภาพผเู้ รียน คณุ ภาพผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา และคณุ ภาพครู มีความสอดคล้องกบั มาตรฐานการศึกษาชาติ และข้อกำหนดในกฎกระทรวงการประกนั คุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561 มาตรฐานการศกึ ษาในแตล่ ะระดบั กำหนดเกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพของมาตรฐานมี 5 ระดบั คือ ระดบั กำลงั พัฒนา ระดบั ปานกลาง ระดับดี ระดับดเี ลิศ และระดับยอดเยีย่ ม รายละเอียด ของมาตรฐานการศกึ ษาแต่ละระดบั ประเด็นพจิ ารณา และระดับคุณภาพ ดังนี้ (สำนกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน, 2561 : 6-30) มาตรฐานการศกึ ษาระดบั ปฐมวยั มาตรฐานการศกึ ษา ระดบั ปฐมวยั พ.ศ. 2561 มีจานวน 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของเด็ก มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจัดการ มาตรฐานท่ี 3 การจดั ประสบการณ์ทเ่ี น้นเด็กเปน็ สำคัญ รายละเอยี ดแต่ละมาตรฐาน มดี ังน้ี มาตรฐานที่ 1 คณุ ภาพของเดก็ 1.1 มพี ฒั นาการด้านร่างกาย แขง็ แรง มีสขุ นสิ ัยที่ดี และดูแลความปลอดภัยของตนเองได้ 1.2 มพี ัฒนาการด้านอารมณ์ จติ ใจ ควบคุม และแสดงออกทางอารมณไ์ ด้ 1.3 มีพฒั นาการดา้ นสังคม ช่วยเหลือตนเอง และเปน็ สมาชกิ ท่ีดีของสังคม 1.4 มีพฒั นาการด้านสตปิ ัญญา สอ่ื สารได้ มที ักษะการคิดพน้ื ฐาน และแสวงหาความรู้ได้ คำอธิบาย มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของเด็ก ผลพัฒนาการเดก็ ในด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสตปิ ัญญา 1.1 มีพฒั นาการดา้ นร่างกาย แข็งแรง มีสุขนสิ ัยท่ีดี และดแู ลความปลอดภัยของ ตนเองได้ เดก็ มีน้ำหนัก สว่ นสงู ตามเกณฑ์มาตรฐาน เคลอ่ื นไหวร่างกายคล่องแคลว่ ทรงตัวได้ ดี ใช้มอื และตาประสานสัมพนั ธ์ไดด้ ี ดูแลรกั ษาสุขภาพอนามยั ส่วนตนและปฏบิ ตั ิจนเป็นนสิ ัย ปฏบิ ัติ
24 ตนตามขอ้ ตกลงเกี่ยวกบั ความปลอดภัย หลีกเลย่ี งสภาวะทีเ่ สีย่ งต่อโรค สง่ิ เสพติด และระวงั ภัยจาก บคุ คล สิ่งแวดลอ้ ม และสถานการณ์ท่ีเสย่ี งอันตราย 1.2 มพี ฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ ควบคุมและแสดงออกทางอารมณไ์ ด้ เด็กร่าเริงแจม่ ใส แสดงอารมณค์ วามรสู้ ึกไดเ้ หมาะสม ร้จู ักยับยง้ั ชัง่ ใจ อดทนในการ รอคอย ยอมรับและพอใจในความสามารถ และผลงานของตนเองและผ้อู ืน่ มจี ิตสำนึกและค่านยิ มที่ดี มีความม่นั ใจ กล้าพดู กล้าแสดงออก ช่วยเหลือแบ่งปนั เคารพสิทธิ รู้หนา้ ท่ีรับผิดชอบ อดทนอดกลั้น ซอ่ื สัตยส์ จุ ริต มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมตามท่ีสถานศกึ ษากำหนดช่นื ชมและมคี วามสุขกับศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว 1.3 มีพัฒนาการด้านสังคม ช่วยเหลือตนเอง และเป็นสมาชิกท่ดี ขี องสงั คม เดก็ ช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบัติกจิ วัตรประจาวัน มวี ินัยในตนเอง ประหยัดและ พอเพียง มสี ่วนรว่ มดูแลรักษาสง่ิ แวดล้อมในและนอกห้องเรียน มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย เชน่ การ ไหว้ การยิ้มทกั ทาย และมสี มั มาคารวะกบั ผูใ้ หญ่ เปน็ ตน้ ยอมรับหรอื เคารพความแตกต่างระหวา่ ง บคุ คล เชน่ ความคิด พฤติกรรม พ้ืนฐานครอบครัว เชอื้ ชาติ ศาสนา วฒั นธรรม เป็นต้น เลน่ และ ทำงานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้ แกไ้ ขขอ้ ขดั แย้ง โดยปราศจากการใชค้ วามรุนแรง 1.4 มพี ัฒนาการด้านสตปิ ญั ญา ส่อื สารได้ มที กั ษะการคิดพืน้ ฐาน และแสวงหา ความรไู้ ด้ เดก็ สนทนาโต้ตอบและเล่าเรอื่ งใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจ ตัง้ คำถามในส่ิงที่ตนเองสนใจหรือสงสัย และพยายามคน้ หาคำตอบ อ่านนิทานและเล่าเรื่องท่ตี นเองอา่ นได้เหมาะสมกบั วยั มี ความสามารถในการคดิ รวบยอด การคิดเชิงเหตุผลทางคณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การคดิ แกป้ ัญหาและสามารถตดั สินใจในเร่ืองง่ายๆ ได้ สร้างสรรคผ์ ลงานตามความคดิ และจนิ ตนาการ เช่น งานศิลปะ การเคล่อื นไหวทา่ ทาง การเลน่ อิสระ เปน็ ตน้ และใช้สอ่ื เทคโนโลยี เชน่ แวน่ ขยาย แม่เหลก็ กล้องดจิ ติ อล เป็นตน้ เปน็ เครอ่ื งมือในการเรียนรูแ้ ละแสวงหาความรู้ได้ การใหร้ ะดบั คณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ประเด็นพิจารณา กำลังพฒั นา มีพฒั นาการด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา ยังไม่บรรลตุ าม ปานกลาง เปา้ หมายทส่ี ถานศึกษากำหนด ดี มพี ฒั นาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา ยังไมบ่ รรลตุ าม เป้าหมายท่ีสถานศกึ ษากำหนด มกี ารจัดประสบการณก์ ารเรียนรตู้ ามหลักสูตรและมแี ผนงาน/โครงการ/ กจิ กรรมเสรมิ ในการพัฒนาเดก็ ท่ียงั ไมบ่ รรลุตามเป้าหมายที่สถานศึกษา กำหนด มพี ฒั นาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปญั ญา บรรลุตาม เป้าหมายทส่ี ถานศกึ ษากำหนด
25 ระดับคุณภาพ ประเดน็ พจิ ารณา ดีเลศิ มีพัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสติปญั ญา บรรลุตาม ยอดเยยี่ ม เป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด มกี ารจดั ประสบการณ์การเรยี นร้ตู ามหลักสูตรและมแี ผนงาน/โครงการ/ กิจกรรมเสริมในการพฒั นาเดก็ อยา่ งเปน็ ระบบและตอ่ เน่อื ง มีพัฒนาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปัญญา บรรลุตาม เปา้ หมายทส่ี ถานศึกษากำหนด มีความพรอ้ มในการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา มกี ารจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามหลกั สูตรและมแี ผนงาน/โครงการ/ กิจกรรมเสรมิ ในการพฒั นาเดก็ อยา่ งเปน็ ระบบและต่อเน่ือง มสี ่วนรว่ มของพอ่ แมค่ รอบครัว ชุมชน และทกุ ฝา่ ยท่ีเกยี่ วข้องในการสง่ เสริม พัฒนาการของเด็ก มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ 2.1 มีหลักสูตรครอบคลุมพัฒนาการทัง้ 4 ดา้ น สอดคล้องกบั บรบิ ทของทอ้ งถิ่น 2.2 จดั ครูใหเ้ พยี งพอกบั ช้นั เรยี น 2.3 สง่ เสรมิ ให้ครมู ีความเชย่ี วชาญด้านการจดั ประสบการณ์ 2.4 จัดสภาพแวดล้อมและสือ่ เพื่อการเรียนรู้ อย่างปลอดภัย และเพียงพอ 2.5 ให้บรกิ ารส่อื เทคโนโลยีสารสนเทศและส่อื การเรียนร้เู พอื่ สนบั สนนุ การจดั ประสบการณ์ 2.6 มรี ะบบบริหารคณุ ภาพท่ีเปิดโอกาสให้ผเู้ กี่ยวข้องทุกฝ่ายมีส่วนร่วม คำอธบิ าย มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบรหิ ารและการจดั การ สถานศกึ ษาดำเนินการบริหารและจดั การสถานศึกษาท่คี รอบคลุมด้านวิชาการ ด้านครู และบุคลากรด้านขอ้ มูลสารสนเทศ ด้านสภาพแวดล้อมและส่ือเพ่ือการเรียนรู้ และด้านระบบประกนั คุณภาพภายใน โดยเปดิ โอกาสให้ผู้เกยี่ วข้องทุกฝ่ายมสี ่วนรว่ มในการจดั การศกึ ษา มกี ารกำกับติดตาม การดาเนินงานอย่างเป็นระบบและต่อเนอื่ ง เพื่อสรา้ งความม่ันใจตอ่ คุณภาพการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา 2.1 มหี ลกั สูตรครอบคลุมพฒั นาการทง้ั 4 ด้าน สอดคล้องกับบรบิ ทของทอ้ งถ่นิ สถานศึกษามหี ลักสูตรสถานศึกษาท่ยี ดื หยนุ่ และสอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัย โดยสถานศกึ ษาออกแบบการจดั ประสบการณ์ทเี่ ตรียมความพรอ้ มและไม่เร่งรัดวิชาการ เนน้ การเรียนรู้ ผา่ นการเล่นและการลงมือปฏิบตั ิ ตอบสนองความตอ้ งการและความแตกต่างของเดก็ ปกติ และกลุม่ เป้าหมายเฉพาะ และสอดคลอ้ งกบั วิถชี ีวิตของครอบครวั ชมุ ชนและทอ้ งถ่นิ
26 2.2 จดั ครูใหเ้ พยี งพอกบั ชัน้ เรยี น สถานศกึ ษาจดั ครูใหเ้ หมาะสมกับภารกจิ การเรียนการสอนหรอื จดั ครทู ่จี บการศึกษา ปฐมวัยหรือผา่ นการอบรมการศกึ ษาปฐมวยั อยา่ งพอเพยี งกบั ชั้นเรยี น 2.3 ส่งเสรมิ ให้ครมู ีความเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณ์ พัฒนาครูและบุคลากรใหม้ ีความร้คู วามสามารถในการวิเคราะหแ์ ละออกแบบ หลักสูตรสถานศึกษา มที ักษะในการจดั ประสบการณ์และการประเมินพฒั นาการเด็ก ใชป้ ระสบการณ์ สำคัญในการออกแบบ การจัดกจิ กรรม มีการสังเกตและประเมินพฒั นาการเด็กเปน็ รายบคุ คล มี ปฏสิ มั พันธ์ท่ดี ีกับเดก็ และครอบครวั 2.4 จดั สภาพแวดล้อมและสื่อเพอ่ื การเรียนรู้ อยา่ งปลอดภยั และเพยี งพอ สถานศึกษาจดั สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกห้องเรียนทค่ี ำนงึ ถงึ ความ ปลอดภยั สง่ เสรมิ ใหเ้ กิด การเรยี นร้เู ป็นรายบุคคลและกลุ่ม เล่นแบบรว่ มมอื รว่ มใจ มีมมุ ประสบการณ์ หลากหลาย มีสือ่ การเรียนรู้ เช่น ของเล่น หนงั สอื นทิ าน สอื่ จากธรรมชาติ ส่ือสำหรบั เด็กมดุ ลอด ปีน ป่าย สือ่ เทคโนโลยี สื่อเพ่ือการสืบเสาะหาความรู้ 2.5 ให้บริการสอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศและสอ่ื การเรยี นรเู้ พือ่ สนบั สนนุ การจัด ประสบการณ์สำหรบั ครู สถานศกึ ษาอำนวยความสะดวก และให้บรกิ ารสอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศวสั ดุ และ อปุ กรณ์ เพ่อื สนับสนุนการจดั ประสบการณ์และพัฒนาครู 2.6 มรี ะบบบริหารคุณภาพท่เี ปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวขอ้ งทกุ ฝ่ายมีส่วนร่วม สถานศึกษากำหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกบั มาตรฐาน การศกึ ษาปฐมวยั และอัตลกั ษณท์ ่สี ถานศกึ ษากำหนดจัดทำแผนพัฒนาการศกึ ษาของสถานศกึ ษาท่ี สอดรบั กับมาตรฐาน ที่สถานศกึ ษากำหนดและดำเนนิ การตามแผน มกี ารประเมินผลและตรวจสอบ คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ตดิ ตามผลการดำเนนิ งานและจัดทำรายงานผลการประเมินตนเอง ประจำปี นำผลการประเมนิ ไปปรับปรงุ และพัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษา โดยผู้ปกครองและผู้เกีย่ วข้อง ทุกฝา่ ยมีส่วนร่วมและจดั สง่ รายงานผลการประเมนิ ตนเองให้หนว่ ยงานต้นสงั กัด การให้ระดบั คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ ประเดน็ พจิ ารณา กำลงั พฒั นา • มหี ลักสูตรสถานศึกษาทไี่ มย่ ดื หยนุ่ ไมส่ อดคล้องกบั หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย ปานกลาง และบรบิ ทของทอ้ งถนิ่ • มีระบบบริหารคณุ ภาพ แตไ่ ม่ส่งผลต่อการพัฒนาคณุ ภาพเด็กปฐมวยั • มีหลักสตู รสถานศกึ ษาทย่ี ืดหยุ่น สอดคลอ้ งกบั หลักสตู รการศึกษาปฐมวัยและ บรบิ ทของทอ้ งถิน่ • มีระบบบรหิ ารคุณภาพ แตไ่ มส่ ง่ ผลตอ่ การพัฒนาคุณภาพเดก็ ปฐมวยั
27 ระดับคุณภาพ ประเด็นพิจารณา ดี • มหี ลักสูตรสถานศึกษาทยี่ ืดหยุ่น สอดคลอ้ งกบั หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั และ ดีเลศิ บริบทของท้องถน่ิ ยอดเย่ยี ม • จัดครูให้เพียงพอและเหมาะสมกบั ช้นั เรียน • มกี ารสง่ เสริมให้ครูมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดประสบการณท์ สี่ ง่ ผลตอ่ คณุ ภาพเด็กเป็นรายบุคคล • จดั สภาพแวดล้อมอย่างปลอดภัย และมีส่อื เพือ่ การเรียนรู้อยา่ งเพยี งพอและ หลากหลาย • ใหบ้ รกิ ารสอ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการเรยี นรเู้ พ่ือสนบั สนนุ การจัด ประสบการณเ์ หมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศึกษา • มรี ะบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษาท่สี ่งผลต่อคุณภาพตาม มาตรฐานของสถานศกึ ษาและเปิดโอกาสให้ผ้เู ก่ยี วขอ้ งทกุ ฝ่ายมีสว่ นรว่ ม • มีการประเมินและพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา ให้สอดคล้องกบั หลกั สูตร การศกึ ษาปฐมวยั และบรบิ ทของทอ้ งถิน่ • จดั ครูให้เพยี งพอและเหมาะสมกับชนั้ เรยี น • มีการส่งเสริมให้ครมู ีความเชยี่ วชาญดา้ นการจัดประสบการณ์ท่สี ่งผลต่อ คณุ ภาพเดก็ เปน็ รายบุคคล ตรงความต้องการของครแู ละสถานศึกษา • จัดสภาพแวดล้อมอย่างปลอดภยั และมีส่ือเพ่อื การเรยี นรอู้ ย่างเพียงพอและ หลากหลาย • ใหบ้ รกิ ารสือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและสอ่ื การเรียนรู้เพ่ือสนบั สนุนการจดั ประสบการณเ์ หมาะสมกบั บริบทของสถานศึกษา • มีระบบบริหารจดั การคุณภาพของสถานศกึ ษา การช้ีแนะระหวา่ งการ ปฏบิ ตั ิงานทสี่ ง่ ผลตอ่ คุณภาพตามมาตรฐานของสถานศกึ ษา บูรณาการการ ปฏิบตั งิ านและเปิดโอกาสให้ผเู้ กย่ี วขอ้ งทกุ ฝ่ายมีส่วนร่วม • มีการประเมินและพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลกั สูตร การศกึ ษาปฐมวัยและบรบิ ทของท้องถ่ิน • จดั ครใู ห้เพยี งพอและเหมาะสมกบั ชนั้ เรียน • มีการส่งเสริมให้ครมู ีความเชี่ยวชาญดา้ นการจัดประสบการณท์ สี่ ง่ ผลตอ่ คุณภาพเดก็ เป็นรายบคุ คล ตรงความต้องการของครูและสถานศกึ ษา และจัด ใหม้ ีชุมชนการเรยี นรู้ทางวิชาชีพ • จดั สภาพแวดลอ้ มอยา่ งปลอดภัย และมีสื่อเพื่อการเรียนรอู้ ย่างเพียงพอและ หลากหลาย • ให้บรกิ ารสือ่ เทคโนโลยสี ารสนเทศและส่ือการเรยี นรู้เพ่ือสนับสนนุ การจดั ประสบการณ์เหมาะสมกบั บริบทของสถานศกึ ษา
28 ระดบั คุณภาพ ประเดน็ พจิ ารณา • มีระบบบริหารจัดการคณุ ภาพของสถานศกึ ษา ท่ีเหมาะสมและตอ่ เน่ือง มีการ ชีแ้ นะระหว่างการปฏบิ ตั ิงานส่งผลตอ่ คณุ ภาพตามาตรฐานของสถานศึกษา บูรณาการการปฏิบัติงานและเปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ ก่ียวข้องทกุ ฝา่ ยมีสว่ นรว่ มจน เป็นแบบอยา่ งที่ดแี ละได้รบั การยอมรับจากชุมชนและหน่วยงานท่ีเกยี่ วข้อง มาตรฐานที่ 3 การจัดประสบการณ์ทเ่ี นน้ เด็กเป็นสำคัญ 3.1. จดั ประสบการณ์ท่สี ง่ เสริมใหเ้ ดก็ มพี ฒั นาการทุกด้านอยา่ งสมดลุ เต็มศกั ยภาพ 3.2 สร้างโอกาสให้เด็กไดร้ ับประสบการณต์ รง เล่นและปฏิบัตอิ ยา่ งมีความสุข 3.3 จัดบรรยากาศทีเ่ อือ้ ตอ่ การเรยี นรใู้ ช้สอ่ื และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวยั 3.4 ประเมินพฒั นาการเดก็ ตามสภาพจรงิ และนำผลการประเมินพฒั นาการเด็กไป ปรบั ปรงุ การจดั ประสบการณแ์ ละพฒั นาเดก็ คำอธบิ าย มาตรฐานท่ี 3 การจัดประสบการณ์ทีเ่ นน้ เดก็ เปน็ สำคญั ครจู ดั ประสบการณ์ใหเ้ ด็กมพี ฒั นาการทุกด้านอยา่ งสมดลุ เต็มศักยภาพ รจู้ กั เด็กเปน็ รายบคุ คลและสร้างโอกาสให้เดก็ ทกุ คนได้รบั ประสบการณต์ รง เลน่ และลงมอื กระทำ ผา่ นประสาท สมั ผัส จดั บรรยากาศท่ีเอ้ือตอ่ การเรียนรู้ ใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัย มีการตดิ ตามและ ประเมนิ ผลพฒั นาการเดก็ อยา่ งเปน็ ระบบ 3.1 จดั ประสบการณ์ทส่ี ่งเสริมใหเ้ ดก็ มีพฒั นาการทุกด้านอย่างสมดุลเตม็ ศักยภาพ ครวู เิ คราะหข์ อ้ มูลเด็กเป็นรายบุคคล จดั ทาแผนการจดั ประสบการณ์ จากการ วิเคราะหม์ าตรฐานคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ในหลักสตู รสถานศกึ ษา โดยมีกจิ กรรมท่ีส่งเสริม พัฒนาการเด็กครบทกุ ด้าน ทง้ั ดา้ นร่างกาย ด้านอารมณ์ จติ ใจ ดา้ นสังคม และดา้ นสติปัญญา ไม่ ม่งุ เนน้ การพฒั นาดา้ นใดดา้ นหน่ึงเพยี งดา้ นเดยี ว 3.2 สรา้ งโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรง เล่น และปฏิบตั อิ ย่างมีความสขุ ครจู ัดประสบการณ์ที่เช่ือมโยงกบั ประสบการณเ์ ดิม ใหเ้ ด็กมีโอกาสเลอื กทำกิจกรรม อย่างอิสระ ตามความตอ้ งการ ความสนใจ ความสามารถ ตอบสนองตอ่ วธิ กี ารเรียนร้ขู องเดก็ เป็น รายบุคคลหลากหลายรูปแบบ จากแหล่งเรียนรูท้ ่หี ลากหลาย เด็กได้เลือกเล่น เรียนรู้ ลงมือ กระทำ และสร้างองคค์ วามรูด้ ว้ ยตนเอง 3.3 จดั บรรยากาศท่เี อ้ือตอ่ การเรยี นรู้ ใช้สอ่ื และเทคโนโลยีทเี่ หมาะสมกบั วยั ครจู ดั ห้องเรยี นใหส้ ะอาด อากาศถา่ ยเท ปลอดภยั มพี นื้ ทแ่ี สดงผลงานเด็ก พน้ื ท่ี สำหรับมุมประสบการณ์และการจดั กิจกรรม เดก็ มีส่วนร่วม ในการจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียน เชน่ ป้ายนเิ ทศ การดูแลต้นไม้ เป็นตน้ ครูใช้สื่อและเทคโนโลยีทเี่ หมาะสมกับชว่ งอายุ ระยะความสนใจ และวิถกี ารเรียนร้ขู องเด็ก เชน่ กลอ้ งดิจิตอล คอมพิวเตอรส์ าหรับการเรียนรู้กลุ่มยอ่ ย สือ่ ของเล่นท่ี กระตุ้นให้คดิ และหาคำตอบ เปน็ ต้น
29 3.4 ประเมินพัฒนาการเดก็ ตามสภาพจริง และนำผลการประเมินพฒั นาการเดก็ ไป ปรับปรุง การจัดประสบการณแ์ ละพฒั นาเด็ก ครูประเมนิ พัฒนาการเดก็ จากกจิ กรรมและกิจวัตรประจาวนั ดว้ ยเครอื่ งมือและ วิธีการท่หี ลากหลาย ไม่ใช้แบบทดสอบ วิเคราะห์ผล การประเมนิ พัฒนาการเด็ก โดยผู้ปกครองและ ผู้เก่ียวขอ้ ง มีสว่ นรว่ ม และนำผลการประเมินท่ีได้ไปพฒั นาคณุ ภาพเดก็ และแลกเปลย่ี นเรียนรู้การจัด ประสบการณท์ ี่มีประสทิ ธิภาพ การให้ระดบั คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ ประเด็นพจิ ารณา กำลงั พฒั นา จดั ประสบการณท์ ี่สง่ เสรมิ ให้เดก็ มพี ัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม ปานกลาง และสติปญั ญา ไมส่ มดุล ดี ไมส่ รา้ งโอกาสให้เด็กไดร้ บั ประสบการณต์ รง เล่นและปฏบิ ัตกิ ิจกรรมอย่างอสิ ระ ตามความต้องการ ความสนใจและความสามารถของเด็ก ดีเลศิ จัดประสบการณ์ท่ีสง่ เสรมิ ให้เด็กมีพฒั นาการด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สงั คม และสตปิ ญั ญา อยา่ งสมดุล สร้างโอกาสใหเ้ ด็กได้รบั ประสบการณต์ รง เล่นและปฏบิ ัติกิจกรรมอย่างอิสระตาม ความตอ้ งการ ความสนใจและความสามารถของเดก็ จัดประสบการณ์ท่ีสง่ เสรมิ ให้เด็กมพี ัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา อย่างสมดุล เตม็ ศกั ยภาพของเด็กเปน็ รายบคุ คล สรา้ งโอกาสใหเ้ ด็กได้รบั ประสบการณต์ รง เล่นและปฏิบัติกิจกรรม เรยี นรลู้ งมือทำ และสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเองอยา่ งมคี วามสขุ จดั บรรยากาศและสภาพ แวดล้อมในหอ้ งเรียนที่เอ้ือตอ่ การเรียนรู้ ใช้สื่อและ เทคโนโลยที ี่เหมาะสมกบั วยั ครูประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพจรงิ ดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย โดยผู้ปกครอง และผ้เู กย่ี วขอ้ งมีสว่ นรว่ ม นำผลการประเมินท่ไี ดไ้ ปปรับปรุงการจัดประสบการณ์ และ พฒั นาเดก็ จัดประสบการณท์ ี่สง่ เสริมให้เด็กมพี ฒั นาการด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสตปิ ญั ญา อยา่ งสมดุล เต็มศกั ยภาพโดยความร่วมมือของพ่อแม่และครอบครวั ชมุ ชนและผเู้ ก่ียวขอ้ ง สรา้ งโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรง เลน่ และปฏิบัติกจิ กรรม เรยี นรู้ลงมือทำ และสรา้ งองคค์ วามรู้ด้วยตนเองอย่างมคี วามสุข • จัดบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มในหอ้ งเรยี นท่ีเออื้ ต่อการเรยี นรโู้ ดยเด็กมีสว่ นรว่ ม ใชส้ อ่ื และเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับวัย • ครปู ระเมนิ พฒั นาการเด็กตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลาย โดยผู้ปกครองและ ผู้เก่ียวข้องมีสว่ นร่วม นำผลการประเมนิ ที่ไดไ้ ปปรับปรงุ การจดั ประสบการณ์และ พัฒนาเด็ก
30 ระดบั คุณภาพ ประเดน็ พิจารณา ยอดเย่ยี ม • จดั ประสบการณ์ทส่ี ่งเสริมใหเ้ ด็กมีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และ สตปิ ญั ญา อยา่ งสมดุล เตม็ ศักยภาพโดยความร่วมมอื ของพ่อแม่และครอบครวั ชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง และเป็นแบบอย่างท่ดี ี • สร้างโอกาสใหเ้ ดก็ ไดร้ ับประสบการณ์ตรง เล่นและปฏิบตั ิกจิ กรรม เรยี นรู้ลงมือทำ และสร้างองค์ความรูด้ ว้ ยตนเองอยา่ งมีความสุข • จัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในหอ้ งเรยี นทีเ่ อือ้ ตอ่ การเรยี นรโู้ ดยเดก็ มีสว่ นรว่ ม ใช้ส่อื และเทคโนโลยีท่เี หมาะสมกบั วยั • ครูประเมนิ พฒั นาการเดก็ ตามสภาพจริงด้วยวิธกี ารทีห่ ลากหลาย โดยผปู้ กครองและ ผู้เกยี่ วข้องมสี ว่ นรว่ ม นำผลการประเมินท่ีได้ไปปรบั ปรงุ การจดั ประสบการณ์และ พฒั นาเด็ก
31 มาตรฐานการศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน มาตรฐานการศกึ ษา ระดับการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2561 มีจำนวน 3 มาตรฐาน ไดแ้ ก่ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรยี น 1.1 ผลสมั ฤทธิ์ทางวชิ าการของผู้เรยี น 1.2 คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ของผเู้ รยี น มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญ รายละเอยี ดแต่ละมาตรฐาน มดี งั น้ี มาตรฐานท่ี 1 คุณภาพของผู้เรยี น 1.1 ผลสัมฤทธ์ิทางวิชาการของผู้เรยี น 1) มีความสามารถในการอา่ น การเขียน การส่ือสาร และการคิดคำนวณ 2) มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คิดอย่างมวี ิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ และแก้ปญั หา 3) มคี วามสามารถในการสร้างนวตั กรรม 4) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร 5) มีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นตามหลกั สตู รสถานศึกษา 6) มคี วามรู้ ทกั ษะพนื้ ฐาน และเจตคติทด่ี ีต่องานอาชพี 1.2 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ของผู้เรียน 1) การมีคุณลกั ษณะและค่านยิ มทีด่ ีตามทสี่ ถานศึกษากำหนด 2) ความภมู ิใจในทอ้ งถน่ิ และความเปน็ ไทย 3) การยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างและหลากหลาย 4) สขุ ภาวะทางร่างกาย และจติ สงั คม คำอธบิ าย มาตรฐานท่ี 1 ด้านคณุ ภาพผูเ้ รยี น ผลการเรียนรทู้ เี่ ปน็ คุณภาพของผูเ้ รียนทง้ั ด้านผลสัมฤทธท์ิ างวิชาการ ประกอบด้วย ความสามารถใน การอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคดิ คำนวณ การคิดประเภทตา่ งๆ การสร้าง นวัตกรรม การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสาร ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นตามหลักสตู ร การ มคี วามรู้ ทกั ษะพน้ื ฐานและเจตคติที่ดีต่อ วชิ าชพี และด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ท่ีเป็นคา่ นิยมท่ี ดตี ามที่สถานศึกษากำหนด ความภมู ิใจในทอ้ งถนิ่ และ ความเปน็ ไทยการยอมรับท่ีจะอย่รู ว่ มกันบน ความแตกต่างและหลากหลาย รวมท้ังสุขภาวะทางร่างกายและ จติ สังคม 1.1 ผลสมั ฤทธิท์ างวชิ าการของผู้เรียน 1) มคี วามสามารถในการอ่าน การเขยี น การส่ือสาร และการคดิ คำนวณ ผู้เรียนมีทกั ษะในการอา่ น การเขียน การสือ่ สาร และการคิดคำนวณตามเกณฑ์ ท่ีสถานศึกษา กำหนดในแต่ละระดับช้ัน
32 2) มคี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปราย แลกเปลี่ยนความ คดิ เหน็ และแก้ปญั หา ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการคิดจำแนกแยกแยะ ใคร่ครวญไตร่ตรอง พจิ ารณา อยา่ งรอบคอบ โดยใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ มีการอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น และ แก้ปญั หาอย่างมีเหตผุ ล 3) มคี วามสามารถในการสรา้ งนวัตกรรม ผเู้ รียนมีความสามารถในการรวบรวมความรู้ได้ท้ังดว้ ยตวั เองและการทำงานเปน็ ทีม เชือ่ มโยง องค์ความรู้ และประสบการณม์ าใช้ในการสร้างสรรค์สิง่ ใหม่ๆ อาจเป็นแนวความคิด โครงการ โครงงาน ช้นิ งาน ผลผลติ 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร ผูเ้ รยี นมคี วามสามารถในใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารเพื่อการพฒั นา ตนเองและ สงั คมในด้านการเรียนรู้ การสอื่ สาร การทำงาน อย่างสรา้ งสรรค์ และมคี ณุ ธรรม 5) มผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา ผเู้ รียนบรรลุและมีความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรสถานศกึ ษาจาก พ้ืนฐานเดมิ ใน ด้านความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ กระบวนการตา่ งๆ รวมทัง้ มีความกา้ วหน้าในผลการ ทดสอบระดับชาติ หรอื ผล การทดสอบอ่นื ๆ 6) มีความรู้ ทักษะพนื้ ฐาน และเจตคติทดี่ ีตอ่ งานอาชพี ผู้เรยี นมีความรู้ ทักษะพื้นฐานในการจดั การ เจตคติทีด่ ีพร้อมท่จี ะศกึ ษาตอ่ ใน ระดบั ช้ันที่ สูงขึน้ การทำงานหรืองานอาชีพ 1.2 คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น 1) มคี ุณลกั ษณะและค่านยิ มทดี่ ีตามท่ีสถานศึกษากำหนด ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมเป็นผทู้ มี่ ีคุณธรรม จรยิ ธรรม เคารพในกฎกตกิ า มคี ่านยิ ม และจติ สำนึก ตามท่ีสถานศกึ ษากำหนดโดยไม่ขดั กบั กฎหมายและวัฒนธรรมอนั ดีของสังคม 2) มคี วามภูมิใจในท้องถิน่ และความเป็นไทย ผู้เรยี นมคี วามภมู ิใจในท้องถ่นิ เหน็ คณุ คา่ ของความเปน็ ไทย มีส่วนร่วมในการ อนรุ กั ษ์ วฒั นธรรมและประเพณีไทย รวมท้งั ภูมิปญั ญาไทย 3) ยอมรบั ที่จะอยู่รว่ มกนั บนความแตกตา่ งและหลากหลาย ผู้เรียนยอมรบั และอย่รู ่วมกันบนความแตกต่างระหวา่ งบุคคลในด้าน เพศ วยั เช้อื ชาติ ศาสนา ภาษาวัฒนธรรม ประเพณี 4) มสี ขุ ภาวะทางรา่ งกาย และจติ สังคม ผู้เรียนมีการรกั ษาสขุ ภาพกาย สขุ ภาพจิต อารมณ์ และสงั คม และแสดงออก อย่างเหมาะสม ในแต่ละชว่ งวัยสามารถอย่รู ว่ มกบั คนอื่นอยา่ งมีความสุข เข้าใจผูอ้ น่ื ไมม่ ีความขัดแย้งกับ ผู้อ่นื
33 ระดับคุณภาพ ประเด็นพจิ ารณา กำลงั พฒั นา 1.1 ผลสัมฤทธ์ทิ างวิชาการของผูเ้ รียน ปานกลาง ผูเ้ รยี นมคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การส่อื สาร และการคดิ คำนวณ ดี ต่ำกว่า เป้าหมายที่สถานศึกษากำหนด ผู้เรียนมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนตามหลักสตู รสถานศกึ ษาต่ำกว่าเป้าหมายที่ สถานศกึ ษากำหนด 1.2 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ของผเู้ รยี น ผู้เรียนมีคุณลักษณะและคา่ นิยมที่ดีต่ำกวา่ เปา้ หมายที่สถานศกึ ษากำหนด ผู้เรียนมีสุขภาวะทางร่างกาย และจิตสังคมต่ำกว่าเปา้ หมายที่สถานศึกษากำหนด 1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผเู้ รยี น ผู้เรยี นมีความสามารถในการอา่ น การเขยี น การส่ือสาร และการคดิ คำนวณ เป็นไป ตามเป้าหมายท่ีสถานศึกษากำหนด ผเู้ รียนมผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลักสตู รสถานศกึ ษาเปน็ ไปตาม เป้าหมายที่ สถานศกึ ษากำหนด 1.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผ้เู รยี น ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะและค่านยิ มที่ดีเป็นไปตามเปา้ หมายท่สี ถานศกึ ษากำหนด ผเู้ รยี นมสี ุขภาวะทางรา่ งกาย และจิตสงั คมเป็นไปตามเปา้ หมายทส่ี ถานศกึ ษา กำหนด 1.1 ผลสัมฤทธิท์ างวชิ าการของผูเ้ รยี น ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการอ่าน การเขียน การส่ือสาร และการคิดคำนวณ เป็นไป ตาม เป้าหมายท่ีสถานศกึ ษากำหนด ผู้เรยี นมีผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นตามหลกั สตู รสถานศกึ ษาเปน็ ไปตาม เปา้ หมายท่ี สถานศึกษากำหนด ผู้เรียนมคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปราย แลกเปล่ียน ความคิดเหน็ และแกป้ ญั หาได้ ผู้เรียนมคี วามรู้ และทกั ษะพ้นื ฐานในการสรา้ งนวตั กรรม ผู้เรยี นมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารเพ่ือ พัฒนาตนเอง ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ปลอดภัย ผเู้ รียนมีความรู้ ทกั ษะพ้นื ฐาน และเจตคตทิ ี่ดตี ่องานอาชพี 1.2 คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงคข์ องผเู้ รยี น ผเู้ รยี นมีคุณลักษณะและค่านิยมที่ดีเปน็ ไปตามเป้าหมายที่สถานศกึ ษากำหนด ผเู้ รียนมีความภูมิใจในท้องถิน่ เห็นคุณค่าของความเป็นไทย มสี ่วนรว่ มในการ อนรุ กั ษ์วฒั นธรรม ประเพณี และภูมปิ ัญญาไทย ผ้เู รยี นสามารถอยู่รว่ มกันบนความแตกตา่ งและหลากหลาย ผู้เรยี นมีสุขภาวะทางรา่ งกายและจิตสังคมสูงกวา่ เป้าหมายท่ีสถานศึกษากำหนด
34 ระดับคุณภาพ ประเดน็ พิจารณา ดีเลิศ 1.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างวชิ าการของผเู้ รยี น ยอดเยยี่ ม ผู้เรียนมีความสามารถในการอา่ น การเขียน การสื่อสาร และการคดิ คำนวณ สูงกว่า เปา้ หมายทสี่ ถานศึกษากำหนด ผเู้ รียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามหลกั สตู รสถานศกึ ษาสงู กว่าเป้าหมายท่ี สถานศกึ ษากำหนด ผเู้ รียนมีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ อภิปราย แลกเปลย่ี น ความคิดเห็น โดยใช้เหตผุ ลประกอบการตัดสนิ ใจ และแก้ปญั หาได้ ผเู้ รียนมีความสามารถในการสรา้ งนวตั กรรม ผู้เรยี นมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารเพือ่ พัฒนาตนเอง และสงั คมในด้านการเรยี นรู้ การสือ่ สาร การทางาน ผ้เู รยี นมคี วามรู้ ทกั ษะพืน้ ฐาน และเจตคตทิ ่ีดพี รอ้ มทจี่ ะศกึ ษาตอ่ ในระดับชั้น ท่ีสงู ขนึ้ และการทางานหรืองานอาชพี 1.2 คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงคข์ องผู้เรยี น ผู้เรยี นมีคุณลกั ษณะและค่านิยมท่ีดีสงู กวา่ เป้าหมายที่สถานศกึ ษากำหนด ผเู้ รยี นมีความภมู ใิ จในทอ้ งถิ่น เห็นคุณคา่ ของความเปน็ ไทย มีส่วนร่วมในการ อนรุ ักษ์วัฒนธรรม ประเพณี และภมู ปิ ัญญาไทย ผเู้ รียนสามารถอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างและหลากหลาย ผเู้ รยี นมีสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคมสงู กว่าเป้าหมายท่ีสถานศึกษากำหนด 1.1 ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน ผเู้ รยี นมีความสามารถในการอา่ น การเขียน การสอื่ สาร และการคดิ คำนวณ สูงกว่า เป้าหมายทสี่ ถานศกึ ษากำหนด ผ้เู รียนมีผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนตามหลกั สูตรสถานศึกษาสูงกวา่ เป้าหมายท่ี สถานศกึ ษากำหนด ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวจิ ารณญาณ อภิปราย แลกเปลีย่ น ความคิดเหน็ โดยใชเ้ หตุผลประกอบการตดั สนิ ใจ และแกป้ ญั หาได้ ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการสร้างนวตั กรรม มกี ารนำไปใช้และเผยแพร่ ผเู้ รยี นมคี วามสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารเพือ่ พัฒนาตนเอง และสงั คมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทำงาน อยา่ ง สรา้ งสรรค์ และมคี ุณธรรม ผูเ้ รยี นมคี วามรู้ ทักษะพน้ื ฐาน และเจตคติท่ีดีพร้อมทจี่ ะศกึ ษาต่อในระดบั ช้นั ทสี่ งู ขึ้น และการทำงานหรืองานอาชีพ
35 ระดับคณุ ภาพ ประเด็นพิจารณา 1.2 คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของผเู้ รียน ผเู้ รียนมคี ุณลักษณะและค่านยิ มทีด่ ีสูงกวา่ เปา้ หมายทส่ี ถานศึกษากำหนดเปน็ แบบอย่างได้ ผเู้ รยี นมคี วามภูมใิ จในท้องถิน่ เห็นคณุ ค่าของความเปน็ ไทย มสี ่วนร่วมในการ อนุรกั ษ์ วัฒนธรรม ประเพณแี ละภูมิปัญญาไทย ผู้เรยี นสามารถอยูร่ ่วมกนั บนความแตกต่างและหลากหลาย ผูเ้ รียนมีสุขภาวะทางรา่ งกาย และจิตสังคมสูงกวา่ เปา้ หมายที่สถานศึกษากำหนด มาตรฐานท่ี 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ 2.1 มเี ป้าหมายวิสยั ทศั น์และพนั ธกจิ ทสี่ ถานศึกษากำหนดชัดเจน 2.2 มีระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษา 2.3 ดำเนนิ งานพัฒนาวิชาการท่ีเนน้ คณุ ภาพผู้เรยี นรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศึกษา และทุกกลุ่มเป้าหมาย 2.4 พฒั นาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ีความเชีย่ วชาญทางวชิ าชีพ 2.5 จดั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอ้ือต่อการจัดการเรยี นรู้อย่างมีคุณภาพ 2.6 จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื สนับสนุนการบริหารจดั การและการจัดการเรียนรู้ คำอธบิ าย มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ เป็นการจดั ระบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศกึ ษา มกี ารกำหนดเป้าหมายวิสยั ทัศน์ และ พนั ธกจิ อย่างชัดเจน สามารถดำเนนิ งานพัฒนาวิชาการที่เน้นคณุ ภาพผูเ้ รียนรอบดา้ นตาม หลักสูตรสถานศึกษาในทกุ กลุ่มเป้าหมาย จัดทำแผนพฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษา ดำเนินการ พฒั นาครูและบุคลากรให้มี ความเชย่ี วชาญทางวชิ าชีพ และจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อ สนบั สนุนการบรหิ ารจัดการและการเรียนรู้ รวมทงั้ จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมทเี่ อ้ือต่อ การจัดการเรียนรู้ 2.1 มเี ป้าหมาย วสิ ัยทศั น์ และพนั ธกจิ ท่ีสถานศกึ ษากำหนดชัดเจน สถานศึกษากำหนดเปา้ หมาย วสิ ัยทศั น์ และพนั ธกิจ ไวอ้ ย่างชัดเจน สอดคล้องกบั บริบทของสถานศึกษา ความตอ้ งการของชุมชน ท้องถนิ่ วัตถุประสงคข์ องแผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ นโยบายของรัฐบาลและของต้นสงั กัดรวมทงั้ ทันต่อการเปล่ยี นแปลงของสังคม 2.2 มีระบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษา สถานศึกษาสามารถบริหารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษาอยา่ งเป็นระบบทัง้ ในส่วน การวางแผนพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษา การนำแผนไปปฏบิ ตั เิ พ่ือพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา มกี าร ตดิ ตามตรวจสอบประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ พฒั นางานอย่างตอ่ เน่ือง มกี ารบรหิ ารอตั รากำลัง ทรพั ยากร
36 ทางการศกึ ษา และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรยี น มีระบบการนิเทศภายใน การนำขอ้ มลู มาใช้ในการ พัฒนา บุคลากรและผู้ทเี่ ก่ียวข้อง ทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ มการวางแผน ปรบั ปรุง และพัฒนา และ รว่ มรบั ผดิ ชอบตอ่ ผลการจัดการศกึ ษา 2.3 ดำเนินงานพฒั นาวิชาการทเ่ี นน้ คุณภาพผเู้ รยี นรอบด้านตามหลักสูตรสถานศึกษา และ ทุกกล่มุ เป้าหมาย สถานศกึ ษาบรหิ ารจดั การเกย่ี วกับงานวิชาการ ทัง้ ด้านการพัฒนาหลกั สตู ร กจิ กรรม เสรมิ หลกั สูตร ท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบดา้ น เช่อื มโยงวถิ ชี ีวติ จรงิ และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย หมายรวมถงึ การจัด การเรียนการสอนของกลุ่มท่ีเรียนแบบควบรวมหรอื กล่มุ ท่ีเรียนรว่ มด้วย 2.4 พัฒนาครแู ละบุคลากรใหม้ คี วามเชีย่ วชาญทางวิชาชพี สถานศึกษาส่งเสริม สนบั สนนุ พัฒนาครู บุคลากร ให้มคี วามเชย่ี วชาญทางวิชาชีพ และจดั ใหม้ ีชมุ ชนการเรียนรทู้ างวชิ าชพี มาใช้ในการพัฒนางานและการเรียนรู้ของผู้เรยี น 2.5 จัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เออ้ื ต่อการจัดการเรียนรู้ สถานศึกษาจดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพท้ังภายในและภายนอกห้องเรยี น และ สภาพแวดล้อมทางสังคม ท่เี อ้อื ตอ่ การจัดการเรียนรู้ และมีความปลอดภยั 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือสนบั สนนุ การบริหารจัดการและการจัดการ เรียนรู้ สถานศกึ ษาจัดระบบการจดั หา การพฒั นาและการบรกิ าร เทคโนโลยีสารสนเทศเพอ่ื ใชใ้ นการบรหิ ารจัดการและการจัดการเรียนรู้ ทเ่ี หมาะสมกับสภาพของสถานศึกษา การให้ระดบั คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ ประเดน็ พจิ าณา กำลงั พฒั นา เป้าหมายวิสัยทัศนแ์ ละพนั ธกิจที่สถานศึกษากำหนดไม่ชดั เจน ปานกลาง มีระบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศกึ ษาแต่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพตาม ดี มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา เป้าหมายวิสยั ทัศน์และพันธกิจทีส่ ถานศึกษากำหนดชัดเจน เปน็ ไปได้ในการ ปฏบิ ัติ มีระบบบรหิ ารจัดการคุณภาพของสถานศกึ ษาทีส่ ่งผลต่อคุณภาพตาม มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา เป้าหมายวิสัยทัศน์และพนั ธกิจทส่ี ถานศึกษากำหนดชัดเจน สอดคล้องกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา เปน็ ไปได้ในการปฏบิ ัติ มรี ะบบบริหารจดั การคณุ ภาพของสถานศึกษาที่ชัดเจน ส่งผลตอ่ คณุ ภาพตาม มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ดำเนนิ งานพฒั นาวชิ าการทเ่ี นน้ คณุ ภาพผู้เรียนรอบดา้ นตามหลกั สูตร สถานศึกษา และทุกกล่มุ เปา้ หมาย • พัฒนาครแู ละบคุ ลากรใหม้ ีความเชีย่ วชาญทางวิชาชีพ
37 ระดบั คุณภาพ ประเด็นพจิ าณา ดีเลศิ จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสงั คมท่ีเออื้ ต่อการจดั การเรยี นรู้อยา่ งมี ยอดเยีย่ ม คุณภาพ จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื สนบั สนุนการบริหารจัดการและการ จดั การเรียนรู้ มีเปา้ หมายวิสัยทัศนแ์ ละพันธกจิ ท่สี ถานศกึ ษากำหนดชดั เจน สอดคล้องกับ บริบทของสถานศกึ ษา ความตอ้ งการชมุ ชน นโยบายรัฐบาล แผนการศกึ ษา แห่งชาติ เปน็ ไปไดใ้ นการปฏิบตั ิ มีระบบบรหิ ารจดั การคณุ ภาพของสถานศกึ ษาทช่ี ัดเจน มปี ระสทิ ธภิ าพ ส่งผล ต่อคณุ ภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา โดยความร่วมมือของ ผู้เกยี่ วขอ้ งทุกฝ่าย ดำเนินงานพฒั นาวชิ าการทเี่ น้นคณุ ภาพผ้เู รียนรอบด้านตามหลักสูตร สถานศึกษา และ ทกุ กลุ่มเป้าหมาย เชือ่ มโยงกบั ชีวิตจรงิ พัฒนาครูและบคุ ลากรให้มีความเช่ียวชาญทางวิชาชีพตรงตามความตอ้ งการ ของครู และสถานศกึ ษา จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คมท่เี อ้ือตอ่ การจดั การเรียนรู้อยา่ งมี คุณภาพ และ มคี วามปลอดภัย จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือสนบั สนุนการบริหารจัดการและการ จดั การเรยี นรู้ ทเ่ี หมาะสมกบั สภาพของสถานศกึ ษา มีเปา้ หมายวิสยั ทัศน์และพันธกิจทส่ี ถานศึกษากำหนดชัดเจน สอดคล้องกับ บรบิ ทของสถานศึกษา ความต้องการชมุ ชน นโยบายรัฐบาล แผนการศกึ ษา แหง่ ชาติ เป็นไปไดใ้ นการปฏิบัติ ทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง มีระบบบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษาท่ชี ดั เจน มีประสทิ ธภิ าพ ส่งผล ตอ่ คุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา โดยความร่วมมอื ของ ผ้เู กี่ยวข้องทุกฝ่าย มีการนำข้อมูลมาใชใ้ นการปรบั ปรงุ พฒั นางานอย่าง ต่อเนือ่ ง และเป็นแบบอย่างได้ ดำเนนิ งานพฒั นาวชิ าการท่ีเน้นคณุ ภาพผ้เู รียนรอบดา้ นตามหลกั สูตร สถานศึกษา และทกุ กลุม่ เป้าหมาย เช่ือมโยงกับชีวิตจริง และเปน็ แบบอย่างได้ พัฒนาครแู ละบุคลากรใหม้ คี วามเช่ยี วชาญทางวชิ าชีพตรงตามความตอ้ งการ ของครูและสถานศึกษา และจัดใหม้ ีชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชีพเพ่อื พัฒนางาน จัดสภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคมที่เอือ้ ตอ่ การจัดการเรียนรู้อย่างมี คณุ ภาพ และมคี วามปลอดภัย จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนบั สนุนการบริหารจัดการและการ จดั การเรยี นรทู้ เี่ หมาะสมกับสภาพของสถานศกึ ษา
38 มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนทเี่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สำคัญ 3.1 จัดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตได้ 3.2 ใชส้ ่ือ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรูท้ เ่ี อ้อื ต่อการเรียนรู้ 3.3 มกี ารบริหารจัดการชัน้ เรียนเชิงบวก 3.4 ตรวจสอบและประเมนิ ผเู้ รียนอย่างเป็นระบบ และนำผลมาพัฒนาผูเ้ รยี น 3.5 มกี ารแลกเปล่ยี นเรยี นรแู้ ละให้ขอ้ มลู สะท้อนกลับเพ่อื พฒั นาและปรับปรงุ การจัดการ เรียนรู้ คำอธิบาย มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั เป็นกระบวนการจัดการเรยี นการสอนตามมาตรฐานและตวั ช้วี ัดของหลักสูตรสถานศกึ ษา สรา้ งโอกาสให้ผเู้ รียนมีส่วนร่วมในการเรยี นรู้ผ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิจริงมีการบรหิ ารจัดการ ชั้นเรียนเชิงบวก สร้างปฏสิ มั พันธท์ ี่ดี ครรู จู้ กั ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล ดำเนินการตรวจสอบและประเมนิ ผู้เรียนอยา่ งเป็นระบบและนำผลมาพฒั นาผเู้ รยี น รวมทงั้ รว่ มกันแลกเปลีย่ นเรียนรแู้ ละนำผลทไ่ี ดม้ าให้ ข้อมลู ป้อนกลบั เพอื่ พฒั นาและปรับปรงุ การจัดการเรยี นรู้ 3.1 จดั การเรียนรู้ผา่ นกระบวนการคดิ และปฏิบัติจรงิ และสามารถนำไปประยกุ ต์ใชใ้ น การดำเนนิ ชวี ิต จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชวี้ ัดของหลักสตู รสถานศึกษาที่ เน้นให้ผ้เู รยี นไดเ้ รียนร้โู ดยผ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติจรงิ มีแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ีสามารถนำไป จัดกิจกรรมไดจ้ ริง มรี ูปแบบการจดั การเรยี นรู้เฉพาะสำหรับผู้ที่มคี วามจำเป็นและตอ้ งการความ ชว่ ยเหลือพเิ ศษ ผู้เรียนไดร้ ับ การฝกึ ทักษะ แสดงออกแสดงความคิดเห็น สรปุ องค์ความรู้ นำเสนอ ผลงานและสามารถนำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตได้ 3.2 ใชส้ ่อื เทคโนโลยสี ารสนเทศ และแหลง่ เรียนรทู้ เี่ ออื้ ตอ่ การเรยี นรู้ มีการใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ รวมทง้ั ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ มาใช้ใน การจดั การเรยี นรู้ โดยสร้างโอกาสให้ผเู้ รยี นได้แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากสือ่ ท่ีหลากหลาย 3.3. มีการบริหารจัดการชั้นเรยี นเชิงบวก ครผู ู้สอนมีการบริหารจดั การช้นั เรียน โดยเนน้ การการมีปฏสิ ัมพันธเ์ ชงิ บวก ให้เด็ก รักครู ครูรักเดก็ และเด็กรักเด็ก เด็กรักท่จี ะเรยี นรู้ สามารถเรียนรรู้ ่วมกนั อย่างมีความสุข 3.4 ตรวจสอบและประเมินผเู้ รยี นอย่างเปน็ ระบบ และนำผลมาพัฒนาผ้เู รยี น มกี ารตรวจสอบและประเมินคุณภาพการจดั การเรียนรู้อยา่ งเป็นระบบ มีข้นั ตอนโดย ใช้เคร่ืองมือและวิธีการวดั และประเมนิ ผลที่เหมาะสมกับเป้าหมายในการจัดการเรียนรู้ และใหข้ อ้ มูล ย้อนกลับแก่ผู้เรียนเพื่อนำไปใช้พฒั นาการเรยี นรู้
39 3.5 มีการแลกเปลยี่ นเรยี นรแู้ ละให้ขอ้ มลู ปอ้ นกลับเพอื่ ปรบั ปรุงและพัฒนาการจัดการ เรียนรู้ ครแู ละผ้มู สี ่วนเกยี่ วข้องร่วมกนั แลกเปลยี่ นความรู้และประสบการณ์รวมท้งั ใหข้ ้อมูล ปอ้ นกลบั เพอ่ื นำไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการจดั การเรียนรู้ การให้ระดบั คณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ประเด็นพจิ ารณา กำลงั พัฒนา จัดการเรยี นรู้ท่ีไมเ่ ปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดใ้ ชก้ ระบวนการคิดและปฏบิ ตั ิจริง ปานกลาง ใช้สอื่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหล่งเรียนรู้ทไ่ี ม่เอื้อตอ่ การเรียนรู้ ตรวจสอบและประเมนิ ผูเ้ รียนอยา่ งไม่เป็นระบบ ดี จัดการเรยี นรูผ้ ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ตั ิจริง ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ดีเลศิ ตัวชี้วัดของหลักสูตรสถานศึกษา และสามารถนำไปประยกุ ตใ์ ช้ในการ ดำเนนิ ชีวิต ใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนรทู้ เ่ี อื้อตอ่ การเรียนรู้ ตรวจสอบและประเมินผ้เู รยี นอย่างเปน็ ระบบ และนำผลมาพฒั นาผเู้ รยี น จดั การเรียนรูผ้ ่านกระบวนการคิดและปฏบิ ัติจริงตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ของหลักสูตรสถานศกึ ษา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการ ดำเนินชีวิต ใชส้ อ่ื เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนร้ทู ่ีเออื้ ต่อการเรียนรู้ ตรวจสอบและประเมินผเู้ รยี นอย่างเป็นระบบ และนำผลมาพัฒนาผู้เรียน มีการบริหารจดั การช้ันเรียนเชิงบวก มกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรูแ้ ละให้ขอ้ มูลสะท้อนกลบั เพ่ือพฒั นาและปรบั ปรุง การจดั การเรียนรู้ จัดการเรยี นร้ผู ่านกระบวนการคดิ และปฏิบตั จิ ริงตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั ของหลักสูตรสถานศึกษา มีแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่สามารถนำไป จัดกิจกรรมไดจ้ รงิ และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตได้ ใชส้ อื่ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรยี นรู้ รวมทงั้ ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นท่ี เอือ้ ตอ่ การเรยี นรู้ ตรวจสอบและประเมินผเู้ รียนอยา่ งเปน็ ระบบ มขี ้นั ตอนโดยใชเ้ คร่ืองมือ และวธิ ีการวัดและประเมนิ ผลที่เหมาะสมกับเปา้ หมายในการจัดการเรียนรู้ ใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับแก่ผเู้ รยี น และนาผลมาพฒั นาผู้เรยี น มีการบรหิ ารจดั การชน้ั เรียนเชิงบวก เดก็ รกั ที่จะเรยี นรู้ และเรยี นรูร้ ว่ มกนั อย่างมคี วามสขุ มชี ุมชนแหง่ การเรยี นรู้ทางวชิ าชพี ระหว่างครเู พอื่ พัฒนาและปรบั ปรงุ การ จดั การเรียนรู้
40 ระดับคณุ ภาพ ประเด็นพจิ ารณา ยอดเยี่ยม จดั การเรียนรผู้ า่ นกระบวนการคดิ และปฏิบตั จิ ริงตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วดั ของหลักสูตรสถานศกึ ษา มแี ผนการจัดการเรยี นรูท้ ่สี ามารถนำไปจดั กจิ กรรมได้จริง และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตได้ มีนวตั กรรมในการ จดั การเรยี นรแู้ ละมีการเผยแพร่ ใช้สื่อ เทคโนโลยีสารสนเทศ และแหลง่ เรียนรู้ รวมทั้งภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ที่เออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ โดยสร้างโอกาสให้ผเู้ รียนได้แสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง ตรวจสอบและประเมินผ้เู รยี นอย่างเป็นระบบ มขี ั้นตอนโดยใช้เครอ่ื งมือและ วิธีการวัดและประเมินผลทเ่ี หมาะสมกับเปา้ หมายในการจดั การเรียนรู้ ใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลับแกผ่ ู้เรยี น และนำผลมาพัฒนาผู้เรียน มกี ารบริหารจดั การช้นั เรียนเชิงบวก เด็กรักทจี่ ะเรยี นรู้ และเรยี นรูร้ ว่ มกัน อยา่ งมีความสขุ มีชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้ทางวชิ าชพี ระหว่างครูและผเู้ กยี่ วข้องเพอื่ พฒั นาและ ปรบั ปรุงการจดั การเรียนรู้ ครู และผู้เกย่ี วขอ้ งมีการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้และ ใหข้ ้อมูลสะท้อนกลับเพอื่ พฒั นาและปรับปรุงการจดั การเรียนรู้ ข้อควรปฏบิ ัตขิ องการประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา 1. ศึกษามาตรฐาน หลักเกณฑ์ วิธีการประเมนิ วิธีการตดั สนิ ระดับคณุ ภาพ วิธกี ารเก็บ รวบรวมข้อมลู รูปแบบการเขียนรายงานการประเมนิ ตนเอง และคมู่ ือสำหรับผู้ประเมนิ คณุ ภาพ การศึกษาภายในให้เข้าใจอยา่ งถ่องแท้ 2. ศกึ ษาและวเิ คราะห์ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษาลว่ งหนา้ เชน่ รายงานการประเมนิ ตนเองของหน่วยงาน ผลการประเมนิ คุณภาพการศึกษาภายในของหนว่ ยงานรอบปีทผี่ ่านมา พรอ้ ม สรุปขอ้ เสนอแนะและทิศทางการพฒั นาหนว่ ยงานเพ่อื เป็นข้อมูลประกอบการประเมิน 3. ผู้ประเมนิ มคี วามรับผดิ ชอบในงานท่ไี ด้รับมอบหมายและปฏบิ ตั ิงานเตม็ ความรู้ ความสามารถของตนและรับฟังความคดิ เห็นจากคณะผู้ประเมนิ ทไ่ี ปประเมินด้วยกันไมค่ วรถือความคดิ ของตนเองเปน็ หลัก 4. ให้ข้อเสนอแนะท่ชี ดั เจนต่อสถานศึกษาอยา่ งมีคุณค่า สามารถนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ 5. กำหนดระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการประเมนิ ให้เหมาะสมตามสภาพการดำเนนิ งานของ สถานศึกษา และใช้วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ตามสภาพจรงิ เชน่ การสอบถาม การสังเกต การ สมั ภาษณ์ ตรวจสอบเอกสารและชนิ้ งานเดิม เพอ่ื ลดการใช้กระดาษจำนวนมาก 6. ไม่สร้างสร้างเอกสารหลกั ฐานเพมิ่ เตมิ เพ่ือรองรับการประเมินนอกเหนอื จากเอกสาร ท่ีเป็นร่องรอยการดำเนินงานตามปกติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน, 2560 : 61)
บทที่ 3 วิธีดำเนินการ รายงานผลการนเิ ทศบูรณาการโดยใช้เครอื ข่ายโรงเรียนเป็นฐานเพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา ปีการศกึ ษา 2562 เครือขา่ ยโรงเรยี นอำเภอชาติตระการ 3 แบ่งการนเิ ทศออกเปน็ 3 ระยะ ดังน้ี ระยะท่ี 1 เป็นการ และระยะที่ 2 เป็นการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเชงิ คุณภาพโดยการตรวจเยีย่ มพนื้ ที่ (Site Visit) มวี ิธดี ำเนินการตามลำดับหวั ข้อดงั นี้ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 2. เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการพฒั นา 3. การสร้างและหาคุณภาพของเครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการพฒั นา 4. วิธีดำเนินการ 5. การวเิ คราะหข์ ้อมลู 6. สถิติที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล 1. ขอบเขตด้านประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง ระยะที่ 1 : การนิเทศการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณด้วยการเยี่ยม ชนั้ เรียน (Lesson Study) รว่ มกบั ผู้บริหารสถานศกึ ษา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียนบ้านโคกใหญ่ โรงเรยี นบ้านสวนเม่ียง โรงเรียนบ้านห้วย ชา้ งแทง โรงเรียนบ้านห้วยหมากหลำ่ โรงเรียนบา้ นหนองขาหยา่ ง และโรงเรยี นบา้ นแก่งบวั คำ 1) ผู้บรหิ ารสถานศึกษา เครอื ข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 จำนวน 4 คน 2) ครูผู้สอนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1,2,4,5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 24 คน ระยะที่ 2 : การพัฒนาครูผู้สอนด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใชก้ ารเรียนการสอนผา่ นโครงงานมัลติมเี ดยี ประชากร ไดแ้ ก่ ครผู ู้สอนในเครอื ข่ายโรงเรยี นชาติตระการ 3 สงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 3 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 จำนวน 50 คน กลุ่มตัวอย่าง ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4-6 และช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 30 คน ระยะที่ 3 : ผลการดำเนินงานตามข้อตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา (MOU) การจัดทำ SAR ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 54 คน
42 กลุ่มตัวอย่าง ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนในเครือข่ายโรงเรียนชาติตระการ 3 สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562 จำนวน 30 คน 2. เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการศกึ ษา นิเทศบรู ณาการโดยใช้เครือขา่ ยโรงเรียนเป็นฐานเพ่อื พฒั นาคุณภาพการศึกษา ปีการศึกษา 2562 เครือข่ายโรงเรยี นอำเภอชาติตระการ 3 มีเคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลดังน้ี 2.1 แบบนิเทศตดิ ตาม ประเมนิ ผลการจัดการเรียนการสอนดา้ นวิทยาการคำนวณ 2.2 แบบทดสอบก่อน-หลงั เรยี นการจัดการเรียนร้เู ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การ เรียนการสอนผา่ นโครงงานมัลตมิ เี ดีย 2.3 แบบประเมินผลการดำเนินงานตามขอ้ ตกลงของผู้บริหารสถานศึกษา (MOU) 2.4 แบบประเมินความพงึ พอใจออนไลน์ที่มตี ่อศกึ ษานิเทศกป์ ระจำเครอื ขา่ ย 3. การหาคณุ ภาพของเครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา เครื่องมือที่ใชใ้ นการนเิ ทศบรู ณาการโดยใช้เครือข่ายโรงเรียนเป็นฐานเพื่อพฒั นาคุณภาพ เปน็ แบบสงั เกต ซึง่ มีรายละเอยี ดของเครือ่ งมือ ดังนี้ 3.1 แบบนิเทศติดตาม ประเมินผลการจัดการเรียนการสอนดา้ นวิทยาการคำนวณ เป้าหมาย ผูร้ บั การนเิ ทศคอื ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน และครูผู้สอนด้านวิทยาการคำนวณ ระดบั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1,2,4,5 และระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1,2 ขอบข่ายและรายการนเิ ทศ แบง่ เปน็ 2 ตอน คือ ตอนท่ี 1 เป็นการบริหารจัดการ แบ่งออกเปน็ 5 รายการ ได้แก่ ประเด็นท่ี 1 การจดั โครงสร้างหลกั สูตร ประเดน็ ที่ 2 การจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาการคำนวณ - การวิเคราะห์หลักสตู ร ตวั ชีว้ ดั และนำมาการจดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้ - ความร้คู วามเข้าใจและการดำเนินการสอนตามขอบเขตของวิทยาการคำนวณ 3 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ (CS) ดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร (ICT) ดา้ นการรูด้ จิ ทิ ัล (DL) ประเด็นท่ี 3 การจัดครูผสู้ อน ประเด็นท่ี 4 ส่ือและแหลง่ เรียนรู้ ประเด็นท่ี 5 การวดั และประเมินผล ตอนท่ี 2 เปน็ แบบสังเกตการจดั การเรียนการสอนดา้ นวิทยาการคำนวณครูทส่ี อนแต่ละ โรงเรยี น โดยมเี กณฑก์ ารประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน พจิ ารณาระดบั คุณภาพ 5 ระดบั คือ ระดับ 5 หมายถึง ดำเนินการมาแล้วมากกว่ารอ้ ยละ 70 ระดับ 4 หมายถงึ ดำเนินการมาแลว้ มากกว่าร้อยละ 50 ระดบั 3 หมายถึง ดำเนินการมาแล้วแต่ยังไม่ถึงร้อยละ 50
43 ระดบั 2 หมายถงึ มีการวางแผนแลว้ แต่ยงั ไมไ่ ด้ดำเนินการ ระดับ 1 หมายถึง ยังไม่ไดว้ างแผนการดำเนนิ การ นำไปให้ผู้เชย่ี วชาญดา้ นการนิเทศ ด้านการจัดการเรียนการสอน และดา้ นวดั และประเมินผล ตรวจสอบความตรง 3.2 แบบทดสอบความรเู้ ก่ียวกับการเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) โดยใช้การเรียนการ สอนผา่ นโครงงานมัลตมิ เี ดีย ดำเนินการดังน้ี 3.2.1 ศกึ ษา วิเคราะห์ เพื่อกำหนดลกั ษณะของแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ ดา้ นความรู้ความเข้าใจจากตำราเรยี น เอกสารประกอบการเรยี น เอกสารคำสอนเก่ยี วกบั การวัดและ ประเมินผล โดยเน้นการวดั ความรูเ้ กีย่ วกบั การออกแบบการเรียนการสอนแบบโครงงาน 3.2.2 จัดทำตารางวิเคราะหเ์ นือ้ หา เพือ่ กำหนดนำ้ หนกั ของคะแนนและจำนวน ขอ้ สอบท่ีเหมาะสมสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ของการวัดผลสัมฤทธดิ์ ้านความร้คู วามเข้าใจ 3.2.3 ลงมือสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิดา้ นความรคู้ วามเข้าใจซง่ึ มีลกั ษณะเป็น แบบทดสอบแบบเลือกตอบ (Multiple choice) 4 ตวั เลอื ก จำนวน 50 ข้อ (ใช้จริง 30 ข้อ) 3.2.4 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิด้านความรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกบั การเรยี นรเู้ ชิงรุก (Active Learning) โดยใช้การเรียนการสอนผา่ นโครงงานมัลตมิ ีเดีย ไปใหผ้ เู้ ช่ียวชาญพจิ ารณาความ ตรงเชงิ เน้ือหา (Content validity) ด้วยการตรวจสอบความตรงเชิงเนอ้ื หา โดยมีเกณฑค์ ะแนนเฉล่ีย ตั้งแต่ 0.60 ถึง 1.00 แสดงว่า ขอ้ คำถามนน้ั วัดไดค้ รอบคลุมเนอ้ื หา เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนดงั นี้ ให้นำ้ หนักคะแนน +1 ถา้ ข้อคำถามนน้ั มีความเหมาะสม ให้น้ำหนกั คะแนน 0 ถ้าไมแ่ นใ่ จสงสัยว่าข้อคำถามนนั้ เหมาะสม ให้นำ้ หนักคะแนน -1 ถ้าแนใ่ จวา่ ข้อคำถามน้ันไม่มีความเหมาะสม 3.2.5 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิด้านความรูค้ วามเขา้ ใจไปทดลองใช้ (Try out)กับครผู ู้สอนในโรงเรียนที่ไมใ่ ช่กลุม่ ตัวอยา่ ง ผา่ นการฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบตั กิ ารสอน แบบโครงงานมลั ติมเี ดีย จำนวน 30 คน คดั เลือกข้อสอบทีม่ ีคุณภาพตามเกณฑ์คอื คา่ ความยาก (p) อย่รู ะหวา่ ง 0.20 ถึง 0.80 คา่ อำนาจจำแนก (r) อยูร่ ะหวา่ ง 0.20 ถงึ 1.00 มคี า่ ความเชื่อมนั่ เทา่ กับ 0.9295 3.3 แบบประเมินผลการดำเนนิ งานตามขอ้ ตกลงของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (MOU) เปน็ แบบ ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศกึ ษา โดยฝ่ายบรหิ ารการศึกษาของสำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 3 ใน 3 ขอ้ โดยมีเกณฑ์การใหค้ ะแนนการประเมิน 50 คะแนน ดงั นี้ ข้อ 1 ผลสัมฤทธ์ิ O-NET ป.6 ปีการศกึ ษา 2562 (25 คะแนน) (1) ค่าเฉลย่ี รวม เท่ากบั หรือสูงกว่าระดบั ประเทศ หรือมีค่าเฉลีย่ รวมสงู กวา่ ปกี ารศกึ ษา 2561 ต้ังแตร่ ้อยละ 3 ข้ึนไป คะแนน 25 คะแนน (2) ค่าเฉลีย่ รวม สูงกวา่ ปกี ารศึกษา 2561 ร้อยละ 2.00-2.99 คะแนน 23 คะแนน (3) ค่าเฉลี่ยรวม สงู กว่าปกี ารศึกษา 2561 ร้อยละ 1.00-1.99 คะแนน 21 คะแนน (4) ค่าเฉลย่ี รวม สงู กว่าปกี ารศึกษา 2561 รอ้ ยละ 0.01-0.99 คะแนน 23 คะแนน (5) คา่ เฉลี่ยรวม เท่ากบั ปกี ารศึกษา 2561 คะแนน 17 คะแนน (6) ค่าเฉลย่ี รวมลดลงจากปกี ารศกึ ษา 2561 คะแนน 15 คะแนน
Search