Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการโค้ช เพื่อพัฒนาทีมชุมชน

คู่มือการโค้ช เพื่อพัฒนาทีมชุมชน

Published by Nok San-in, 2020-10-26 10:35:42

Description: คู่มือการโค้ช เพื่อพัฒนาทีมชุมชน

ความสำเร็จของแต่ละคน แต่ละงาน จึงมีเบื้องหลัง แม้แต่ตัวเราเองก็เช่น
กัน อยู่ที่ว่าเรามองเห็นพลังที่เกื้อหนุนเราอยู่หรือไม่ มองเห็นคนที่เป็น “ลมใต้ปีก”
ของเรา เป็นใครบางคนที่ทำให้เราได้ค้นพบศักยภาพของตัวเราเอง ใครบ้างที่
สนับสนุนเราในบางก้าวและบางขั้น ให้เราได้เดินไปส่เู ป้าหมายที่มาได้ไกลกว่าจุดที่
เคยเริ่มต้นอย่างมากมายในวันนี้ คนเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เรียกตัวเองว่า “โค้ช” หรือ
“พี่เลี้ยง” แต่เขาอาจจะทำบางอย่างที่ทำให้เราเป็นเราเช่นทุกวันนี้

Keywords: coaching,coach,leadership,ผู้นำ,ภาวะผู้นำ

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การโคช้ เพอ่ื พฒั นาทมี ชมุ ชน 101 นนั้ มาวางแผนทำ� งานตอ่ ใหไ้ ดต้ ามเปา้ หมายทตี่ อ้ งการ การทบทวนเชน่ นี้ หาก มกี ารจดบนั ทกึ ไวก้ จ็ ะสามารถถอดออกมาเปน็ ความรู้ และสามารถนำ� ความรนู้ น้ั ไปใชใ้ นการทำ� งานครง้ั ตอ่ ไปได้ ไมต่ อ้ งลองผดิ ลองถกู ทกุ ครงั้ ในการทำ� งาน แต่ สามารถยกระดบั การทำ� งานใหด้ ขี น้ึ เรอ่ื ยๆ โดยใชบ้ ทเรยี นแตล่ ะครง้ั ของการ ทำ� งานใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ตวั อยา่ งคำ� ถามทจ่ี ะนำ� มาใชไ้ ดอ้ กี เชน่ 1. เราคาดหมายใหเ้ กดิ อะไรขน้ึ 2. แลว้ มอี ะไรทเี่ กดิ ขนึ้ บา้ ง 3. สงิ่ ทเ่ี ราคาดหมายกบั สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ มอี ะไรทแ่ี ตกตา่ งไปบา้ ง 4. เราไดเ้ รยี นรอู้ ะไรจากสง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ 5. เราจะใชก้ ารเรยี นรขู้ องเราในการทำ� งานครงั้ น้ี ไปวางแผน ทำ� งานตอ่ ไปอยา่ งไร 3. เทคนคิ การด์ ในการโคช้ ทมี บทบาทของโคช้ จะมมี ากขนึ้ ในสว่ นของการเปน็ ผเู้ ออื้ อำ� นวยการสนทนา เครอ่ื งมอื ทสี่ ำ� คญั ในการประชมุ ระดมความคดิ กค็ อื การใช้ เทคนคิ การด์ เพอ่ื ใหท้ กุ คนไดอ้ อกความเหน็ ไดใ้ นเวลาทจี่ ำ� กดั และเปน็ รปู ธรรม ทชี่ ดั เจน อยา่ งไรกต็ าม เทคนคิ การด์ นนั้ จะมคี วามคลอ่ งตวั ถา้ เปน็ การประชมุ กลมุ่ ยอ่ ย แตถ่ า้ เปน็ การประชมุ กลมุ่ ใหญ่ จำ� เปน็ ตอ้ งมที มี งานทช่ี ว่ ยรวบรวมประเดน็ เทคนคิ การด์ คอื การใชก้ ระดาษทพี่ อเหมาะในการตอบโจทยน์ นั้ ๆ ควร ใชก้ ระดาษสเี พอ่ื แบง่ ตามโจทยท์ ต่ี ง้ั ไว้ ในกรณที ม่ี หี ลายโจทย์ แตถ่ า้ โจทยเ์ ดยี ว จะเปน็ แบบคละสกี ไ็ ด้ เมอ่ื โคช้ ตงั้ คำ� ถามเปน็ โจทยข์ น้ึ มาใหช้ ว่ ยกนั ระดมความคดิ หรอื ความเหน็ ตอ่ เรอื่ งตา่ งๆ ผเู้ ขา้ ประชมุ กใ็ ชป้ ากกาเมจกิ เขยี นขอ้ ความตาม ความคดิ เหน็ ของตนเองลงไป เสรจ็ แลว้ เมอื่ โคช้ นำ� มาอา่ น กจ็ ะมาสรปุ ออกมา

102 คมู่ อื การโคช้ เพอื่ พฒั นาทมี ชมุ ชน เปน็ แตล่ ะประเดน็ วา่ ความคดิ เหน็ ทเ่ี ขยี นมาในการด์ นนั้ ประกอบดว้ ยประเดน็ อะไรบา้ ง แผน่ ไหนทแ่ี ยกตามประเดน็ ไมไ่ ดก้ แ็ ยกออกมาเปน็ ประเดน็ อนื่ ๆ จาก นนั้ นำ� ไปตดิ ไวบ้ นแผน่ กระดาษแผน่ ใหญแ่ บง่ ตามประเดน็ ใหเ้ หน็ ไดช้ ดั นำ� ไปตดิ ไวข้ า้ งฝา หากในกรณกี ม็ กี ารโหวตเลอื กประเดน็ สามารถใชว้ ธิ แี จกสตกิ เกอร์ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รว่ มนำ� สตกิ เกอรไ์ ปแปะในประเดน็ ทต่ี นเองเลอื กหรอื เหน็ ดว้ ย การใชเ้ ทคนคิ การด์ เหมาะกบั การระดมความคดิ ทต่ี อ้ งการใหท้ กุ คนได้ มสี ว่ นรว่ มอยา่ งเทา่ เทยี มกนั เพราะบางครง้ั การพดู อาจจะทำ� ใหบ้ างคนผกู ขาด การแสดงความคดิ เหน็ และบางคนไมก่ ลา้ แสดงออก ไมก่ ลา้ แสดงความเหน็ ตรงๆ หรอื พดู ไมเ่ กง่ อกี ทง้ั ชว่ ยใหก้ ารแสดงความเหน็ ไมม่ ขี อ้ จำ� กดั ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใสช่ อื่ วา่ เปน็ ความเหน็ ของใครกไ็ ด้ เปน็ การนำ� ความคดิ เหน็ มากองรวมกนั ชว่ ยใหใ้ นทป่ี ระชมุ ไดข้ อ้ มลู ความคดิ เหน็ ทห่ี ลากหลายในเวลาทจี่ ำ� กดั 11 สำ� หรบั โคช้ การใชเ้ ทคนคิ การด์ อาจจะทำ� ใหไ้ ดค้ วามคดิ ความเหน็ ของ โคช้ ชที่ โ่ี คช้ ไมเ่ คยไดร้ บั ฟงั มากอ่ น และทำ� ใหส้ ามารถดแู ลคนในทมี ไดอ้ ยา่ งทวั่ ถงึ ทสี่ ำ� คญั โคช้ ตอ้ งชว่ ยกระตนุ้ ใหค้ นทไ่ี มก่ ลา้ แสดงความคดิ เหน็ ไดแ้ สดงออกเทา่ ๆ กบั คนอน่ื ๆ ในทมี ตวั อยา่ งเทคนคิ การด์ 11 การประชมุ อยา่ งสร้างสรรค์ หน้า 108-110

คมู่ อื การโคช้ เพอ่ื พฒั นาทมี ชมุ ชน 103 4. แผนทคี่ วามคดิ (Mind mapping) การใชแ้ ผนทค่ี วามคดิ หรอื mind mapping บางคนเรยี กสนั้ ๆ วา่ mind map เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ทใ่ี ชใ้ นการประชมุ อยา่ งสรา้ งสรรค์ หรอื การสนทนา กนั ในกลมุ่ ยอ่ ย เครอื่ งมอื นเี้ ปน็ แนวคดิ ของ โทนี บซู าน (Tony Buzan) นกั คดิ ชาวองั กฤษทไ่ี ดค้ น้ ควา้ วจิ ยั เรอื่ งของสมอง แลว้ เหน็ วา่ เมอ่ื คนเราเรม่ิ คดิ เรอื่ งใด เรอื่ งหนง่ึ กจ็ ะคดิ แตกออกไปเรอื่ ยๆ เปน็ กง่ิ กา้ นสาขา ถา้ เราคดิ อยา่ งเดยี วโดย ไมท่ ำ� อะไรเลย ความคดิ กจ็ ะแวบไป แวบมา ไมม่ ที ศิ ทางทแ่ี นน่ อน จนมคี นกลา่ ว ไวว้ า่ จติ ของเรากไ็ มต่ า่ งอะไรจากลงิ ทอ่ี ยไู่ มส่ ขุ สนใจเรอ่ื งตา่ งๆ สลบั กนั ไปมา หากปลอ่ ยใหส้ มองทำ� งานไปตามธรรมชาติ ความคดิ ดๆี กจ็ ะกระจดั กระจาย ดงั นนั้ จงึ คดิ วา่ ควรทำ� แผนทค่ี วามคดิ ซงึ่ เลยี นแบบการแตกกง่ิ กา้ นสาขาเหมอื น กบั การทำ� งานของสมอง และเปน็ เชน่ เดยี วกบั ตน้ ไมท้ แ่ี ตกกงิ่ กา้ นสาขา การบนั ทกึ การประชมุ หรอื การสนทนาทมี่ คี นพดู กนั ไปมา เสนอความ คดิ กนั อยา่ งหลากหลาย การจะจดจำ� เรอ่ื งราวหรอื ประเดน็ ทแี่ ตล่ ะคนเสนอก็ ทำ� ไดย้ าก และขาดความตอ่ เนอื่ งไมส่ ามารถปะตดิ ปะตอ่ เปน็ ภาพรวมได้ อกี ทงั้ ไมเ่ หน็ การเชอื่ มโยงกนั ของแตล่ ะประเดน็ การใชแ้ ผนทคี่ วามคดิ กเ็ พอ่ื ใหท้ กุ คนไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และมกี าร บนั ทกึ ความคดิ เหน็ ไวใ้ หเ้ หน็ แตล่ ะประเดน็ และภาพรวม และการเชอ่ื มโยงของ ประเดน็ ตา่ งๆ ได้ สามารถนำ� ไปอภปิ รายขยายความใหช้ ดั เจนขน้ึ ได้ ประโยชนข์ องแผนทค่ี วามคดิ ในการประชมุ และการสนทนานน้ั จะชว่ ย ทกุ คนเหน็ ประเดน็ ตา่ งๆ อยา่ งถถี่ ว้ น มองเหน็ ภาพรวมอยา่ งชดั เจน เปน็ การ สรปุ การประชมุ รว่ มกนั ทท่ี กุ ความคดิ เหน็ มคี ณุ คา่ ปรากฎอยใู่ นแผน่ กระดาษ ทำ� ใหไ้ มต่ กหลน่ ความคดิ ดๆี ของใครคนใดคนหนง่ึ และไมใ่ ชก่ ารสรปุ เองทบี่ าง คร้ังอาจจะเข้าข้างตนเองว่าท่ีประชุมได้สรุปไว้แบบนั้นแบบน้ีตามท่ีตัวเอง ตอ้ งการ

104 คมู่ อื การโคช้ เพอื่ พฒั นาทมี ชมุ ชน ตวั อยา่ ง Mind mapping ทกั ษะสำ� คญั ของโคช้ ในการทำ� แผนทค่ี วามคดิ คอื การจบั ประเดน็ และ สรปุ ประเดน็ การจดั หมวดหมทู่ อ่ี า่ นแลว้ เหน็ ความเชอื่ มโยงของแตล่ ะประเดน็ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งใชก้ ารฟงั อยา่ งตง้ั ใจ และการทำ� กระบวนการสนทนาใหท้ กุ คนไดม้ ี สว่ นรว่ มอยา่ งทว่ั ถงึ และเทา่ เทยี ม กระบวนการสรา้ งทมี กลา่ วกนั วา่ การสรา้ งทมี ทด่ี ี เรมิ่ ท่ี การเลอื กคนทใ่ี ชเ่ ขา้ มาในทมี เพราะ การเปน็ ทมี นน้ั เปน็ เรอ่ื งของคน เรอื่ งของความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั เพราะ อปุ สรรคของการทำ� งานเปน็ ทมี นนั้ กค็ อื ความขดั แยง้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ภายในทมี ความแตกตา่ งระหวา่ งการทำ� งานเปน็ กลมุ่ กบั การทำ� งานเปน็ ทมี กค็ อื

คมู่ อื การโคช้ เพอ่ื พฒั นาทมี ชมุ ชน 105 การทำ� งานเปน็ ทมี นนั้ เปน็ การวางระบบการทำ� งาน มที ศิ ทางทชี่ ดั เจน มกี ารวางแผนการทำ� งานเพอ่ื ไปสเู่ ปา้ หมายเดยี วกนั ความสมั พนั ธข์ องคนในทมี จะมคี วามแนน่ แฟน้ การทำ� งานเปน็ กลมุ่ อาจจะไมไ่ ดม้ กี ารวางระบบ ไมไ่ ดว้ างทศิ ทาง ทกุ คนขบั เคลอ่ื นการทำ� งานของตนไดอ้ ยา่ งอสิ ระ มคี วามสมั พนั ธแ์ บบหลวมๆ ความสำ� คญั ของการสรา้ งทมี • ไมม่ ใี ครสามารถทำ� งานสำ� เรจ็ ไดด้ ว้ ยตวั เองเพยี งคนเดยี ว ไม่ วา่ เกง่ แคไ่ หน ในการทำ� งานเพอ่ื จดั การปญั หายากๆ หรอื การสรา้ งสรรค์ สงิ่ ใหมๆ่ ใหก้ บั ชมุ ชนนนั้ เราไมส่ ามารถทำ� งานสำ� เรจ็ ไดด้ ว้ ยตวั เอง เพยี งคนเดยี ว ยงิ่ ปญั หามคี วามซบั ซอ้ นยง่ิ ตอ้ งการทมี ทำ� งานทมี่ คี วาม หลากหลาย • การทำ� งานนนั้ มรี ะยะเวลาทต่ี อ้ งทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ ยงิ่ ปญั หาเรง่ ดว่ นยงิ่ ตอ้ งเรง่ แก้ แมเ้ รอ่ื งไมเ่ รง่ ดว่ นแตก่ ต็ อ้ งมรี ะยะเวลาในการสรา้ ง รากฐาน การทำ� งานใหเ้ สรจ็ ทนั การณย์ งิ่ ตอ้ งอาศยั คนเขา้ มารว่ มเปน็ ทมี ทำ� งานเพอ่ื ใหง้ านคบื หนา้ ลลุ ว่ งตามแผนทว่ี างไว้ • แตล่ ะงานตอ้ งอาศยั ความรู้ ความสามารถ ความเชย่ี วชาญ จากหลายฝา่ ย ทกั ษะทต่ี า่ งกนั จะชว่ ยกนั ได้ • การทำ� งานตอ้ งการความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ การชว่ ยกนั หา แนวทาง วธิ กี ารใหมๆ่ จะเปน็ ตอ้ งหาความคดิ ทห่ี ลากหลายจากคนในทมี การทำ� งานเปน็ ทมี (Teamwork) เปน็ อยา่ งไร 1. คนในทมี มคี วามสมั พนั ธท์ ดี่ ตี อ่ กนั มกี ารพดู คยุ ปรกึ ษา ชว่ ยเหลอื สอ่ื สารการทำ� งานระหวา่ งกนั การสอื่ สารและความสมั พนั ธต์ อ่ กนั สำ� คญั มาก หากไดร้ บั ขอ้ มลู ไมเ่ ทา่ กนั ไมส่ อ่ื สารกนั กส็ ง่ ผลตอ่ ความสมั พนั ธใ์ นทมี ได้ เพม่ิ ความสนทิ สนม สานสมั พนั ธ์ ใสใ่ จกนั และกนั กระบวนการทจี่ ะชว่ ยสรา้ งความ สมั พนั ธท์ ม่ี ตี งั้ แตก่ ารละลายพฤตกิ รรม การสนทนาเพอ่ื ทำ� ใหร้ จู้ กั กนั มากขน้ึ การทำ� กจิ กรรมทม่ี คี วามสขุ ดว้ ยกนั

106 คมู่ อื การโคช้ เพอื่ พฒั นาทมี ชมุ ชน 2. คนในทมี มเี ปา้ หมายเดยี วกนั มเี ปา้ หมายทตี่ อ้ งการทำ� ใหส้ ำ� เรจ็ รว่ มกนั หวั ใจสำ� คญั ของการทำ� งานเปน็ ทมี คอื มเี ปา้ หมายรว่ มกนั ทชี่ ดั เจน หาก เปา้ หมายไมช่ ดั เจน คนในทมี กจ็ ะไมร่ วู้ า่ ทำ� ไปทำ� ไม ไมร่ วู้ า่ ความสำ� เรจ็ อยตู่ รง ไหน ทที่ ำ� ไปนนั้ ใชท่ ศิ ทางทจี่ ะไปหรอื ไม่ ความไมช่ ดั เจนตอ่ เปา้ หมายสง่ ผลตอ่ ทิศทางที่จะเดินไปของทีม กระบวนการท่ีส�ำคัญของการท�ำให้มีเป้าหมาย เดยี วกนั คอื การสรา้ งเปา้ หมายรว่ ม ซง่ึ เปน็ เปา้ หมายทเี่ กดิ จากทกุ คนในทมี และ ทกุ คนในทมี ตอ้ งแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะบรรลเุ ปา้ หมายนน้ั 3. ทมี มรี ะบบการทำ� งานรว่ มกนั ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ มกี ตกิ าการทำ� งาน รว่ มกนั ทกุ คนรวู้ า่ ตนเองจะมสี ว่ นชว่ ยเหลอื ทมี ไดอ้ ยา่ งไร เขา้ ใจบทบาทของ ตนเองและคนอนื่ ทกุ คนเปน็ สว่ นหนง่ึ ของทมี หากระบบการทำ� งานในทมี ไม่ สมดลุ บางคนงานหนกั บางคนแทบไมม่ บี ทบาทอะไร ไมว่ า่ มากไปหรอื นอ้ ยไป กม็ ปี ญั หาตอ่ ความเปน็ ทมี ได้ การสรา้ งระบบทมี ทด่ี ตี อ้ งมาจากการสนทนากนั อยา่ งเปดิ ใจวา่ ใครมคี วามสามารถอะไร อยากทำ� อะไร หรอื สามารถทจี่ ะทำ� อะไร ได้ แมไ้ มไ่ ดอ้ ยใู่ นบทบาททถ่ี นดั แตห่ ากพดู คยุ กนั เพอ่ื นรว่ มทมี กจ็ ะรวู้ า่ จะชว่ ย เหลอื เกอ้ื กลู กนั อยา่ งไร และในทมี สามารถแลกเปลยี่ นเรยี นรกู้ ารทำ� งานจากกนั และกนั ได้ ชว่ ยกนั สนบั สนนุ เพม่ิ ศกั ยภาพของกนั และกนั ได้ รว่ มมอื กนั ผลกั ดนั กนั และกนั 4. คนในทมี มที ศั นคตใิ นการทำ� งานไปในทศิ ทางเดยี วกนั เรยี กไดว้ า่ เปน็ คนทมี่ อี ะไรคลา้ ยๆ กนั เชน่ เปน็ คนมงุ่ มน่ั ทำ� งานเหมอื นกนั ใจสไู้ มย่ อมแพ้ มคี วามพยายาม ชอบความทา้ ทาย ไมก่ ลวั ลม้ เหลว หากความมงุ่ มน่ั ไมพ่ อก็ ทำ� ใหค้ วามเปน็ ทมี แผว่ ลงไปได้ เรอื่ งทศั นคตใิ นการทำ� งานนนั้ สำ� คญั มากเพราะ มกั จะเปน็ ทมี่ าของความขดั แยง้ ในทมี จงึ ตอ้ งมกี ระบวนการทชี่ ว่ ยปรบั จนู แตล่ ะ คนใหเ้ ขา้ ใจกนั และกนั

คมู่ อื การโคช้ เพอื่ พฒั นาทมี ชมุ ชน 107 5. จรงิ ใจตอ่ กนั มคี วามไวว้ างใจตอ่ กนั เปดิ เผย ตรงไปตรงมา ความ สำ� เรจ็ ของทมี นนั้ วดั กนั ทใ่ี จ ทกุ คนในทมี เปดิ ใจกนั ยอมรบั กนั และกนั ตรงไป ตรงมาไมอ่ อ้ มคอ้ ม ทำ� งานชว่ ยเหลอื กนั ใหก้ ารสนบั สนนุ กนั และกนั ไมป่ ดิ บงั ขอ้ มลู ไมเ่ หน็ แกต่ วั ไมค่ ดิ เลก็ คดิ นอ้ ย ตอ้ งเหน็ ประโยชนส์ ว่ นรวมเปน็ ทต่ี งั้ ทกั ษะทจ่ี ำ� เปน็ ในการสรา้ งทมี (โดยเฉพาะโคช้ และแกนนำ� ในทมี ) • ทกั ษะการสอ่ื สาร ประสานงาน ภายในทมี ตอ้ งมกี ารสอื่ สาร กนั สมำ�่ เสมอ ทว่ั ถงึ สรา้ งความเขา้ ใจรว่ ม • ทกั ษะการสรา้ งความสมั พนั ธ์ มนษุ ยส์ มั พนั ธ์ ภายในทมี มี ความสมั พนั ธท์ ด่ี ตี อ่ กนั ใสใ่ จ ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู ดแู ลกนั • การเปน็ ผนู้ ำ� ภาวะผนู้ ำ� รบั ผดิ ชอบในการทำ� งาน มงุ่ มน่ั ทำ� งานใหส้ ำ� เรจ็ • ความคดิ สรา้ งสรรค์ การแกป้ ญั หา การตดั สนิ ใจ • การนำ� การประชมุ อยา่ งสรา้ งสรรค์ นำ� กระบวนการ สรปุ ประเดน็ นำ� เสนอประเดน็ • การบรหิ ารความขดั แยง้ ตอ้ งยอมรบั วา่ ความขดั แยง้ นนั้ เปน็ เรอื่ งทเ่ี กดิ ขนึ้ ได้ ไมใ่ ชท่ กุ ความขดั แยง้ จะตอ้ งเปน็ เรอ่ื งทต่ี อ้ งขจดั ออก ไปเทา่ นนั้ แตท่ ำ� อยา่ งไรใหก้ ารแกไ้ ขความขดั แยง้ เปน็ ไปในเชงิ สรา้ งสรรค์ ใหค้ วามขดั แยง้ ชว่ ยเสรมิ ความแขง็ แกรง่ ของทมี ความขดั แยง้ มสี อง แบบคอื แบบทตี่ อ้ งรบี ระงบั กบั แบบทจ่ี ะชว่ ยเสรมิ ประสทิ ธภิ าพในการ ทำ� งาน ความแตกตา่ งทางความคดิ อาจจะทำ� ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กนั ได้ แตก่ ารคดิ ตา่ งกนั กท็ ำ� ใหเ้ กดิ การสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหมๆ่ ได้ อาจทำ� ใหไ้ ด้ ทดลองสงิ่ ใหมๆ่ หรอื ทำ� ใหท้ มี ไดเ้ รยี นรสู้ งิ่ ใหมๆ่ ทแ่ี ตกตา่ งไปจากเดมิ

ส่ิงท่ีโค้ชควรทำ�และไม่ควรทำ� ส่งิ ท่ีโคช้ ควรทำ� ส่ิงท่โี คช้ ไม่ควรทำ� มกี ระบวนการสนทนาทส่ี ร้างสรรค์ ชวนคยุ ไปเรื่อยๆ ไมม่ ี วางเปา้ หมายในการสนทนา ใสใ่ จทงั้ การพดู เปา้ หมายการสนทนา และการฟงั โดยเฉพาะการฟังที่ต้องได้ยนิ ฟงั บา้ งไม่ฟังบ้าง ในสิ่งทผี่ ู้รับการโค้ชไม่ได้พูดออกมา ผรู้ บั การโค้ชมีส่วนรว่ มในการกำ�หนด มงุ่ การสนทนาไปแต่เฉพาะประเดน็ ประเดน็ การสนทนา สงิ่ ทอ่ี ยากจะโฟกัสใน ปญั หาและใจร้อนชวนกระโดด การสนทนาแต่ละครง้ั และใหเ้ วลาในการ เข้าไปแกป้ ญั หาทนั ที สนทนาให้เขา้ ใจตรงกันในประเด็นนนั้ ๆ ใหผ้ รู้ บั การโคช้ สามารถหาทางออกได้ดว้ ย ตวั เอง และอาจจะเปน็ หนทางทีเ่ หมาะสม กบั การใช้ศักยภาพของผู้รบั การโคช้ มากกวา่ ทางออกท่ีโคช้ คิดไว้ แม้โคช้ จะรูว้ า่ ควรแก้ ปัญหาอยา่ งไร ใหค้ วามสนใจกบั สถานการณ์ปัจจุบันของ ไมอ่ ัพเดทสถานการณ์ ไมส่ นใจ ผู้รับการโค้ช และถามความคิดเห็นตอ่ เร่ือง ว่าปจั จบุ ันผ้รู ับการโค้ชคิดอย่างไร ราวน้นั ๆ เตือนตนเองใหร้ ับฟงั ผูร้ บั การโค้ช เม่ือเจอกันกช็ แ้ี นะแนวทางทนั ที ก่อนเสมอ แมว้ ่าโคช้ จะรู้สถานการณ์มาบา้ ง ใช้คำ�ถามทีเ่ ปดิ กวา้ ง คำ�ถามปลายเปิด ใชค้ ำ�ถามทเี่ ป็นการถามนำ� คำ�ถาม เพอ่ื ให้ผรู้ บั การโค้ชไดค้ ร่นุ คิด แสดงความ ปลายปิด เพราะอยากให้ผ้รู บั การ คดิ เห็น แสดงเหตผุ ลและมมุ มองตา่ งๆ โคช้ ตอบตามทโี่ คช้ อยากไดย้ นิ ใช้การฟังอย่างลกึ ซึ้งเพื่อเขา้ ใจมมุ มองและ ฟังเพอ่ื หาขอ้ มูลท่ตี รงใจโค้ชหรือ เรอ่ื งราวที่แท้จรงิ ทผี่ รู้ ับการโค้ชพยายาม สนบั สนนุ มมุ มองของโคช้ เอง และ จะบอก โดยเฉพาะการโคช้ ทมี โค้ชจะรับ ฟังบางคนที่พดู ตรงกับมมุ มองของ ฟงั ในส่งิ ท่ีผู้รบั การโคช้ ทุกคนในทมี อยาก โค้ชเท่าน้ัน จะบอก

คมู่ อื การโคช้ เพอื่ พฒั นาทมี ชมุ ชน 109 ส่งิ ทโี่ คช้ ควรทำ� สงิ่ ทโี่ คช้ ไม่ควรทำ� สังเกตสิ่งท่ีผู้รบั การโค้ชไม่ไดพ้ ดู สรุปจากสิ่งทไ่ี ด้ยนิ และพดู คุยกนั ออกมา เช่น ความรูส้ ึก โคช้ ตอ้ งอ่าน เฉพาะเร่อื งทผ่ี ู้รบั การโคช้ พูดออก ภาษากาย ท่าที นำ้� เสียง เพ่อื ให้รู้วา่ ผรู้ ับ มาเท่านนั้ เรื่องไหนท่ไี ม่พูดออกมา การโค้ชรูส้ กึ อยา่ งไร ส่ิงที่พูดออกมาน้ันเป็น ก็ไมใ่ หค้ วามสนใจ ความรู้สึกท่ีแท้จริงของผู้รับการโค้ชหรือ ให้ความสำ�คญั แต่สง่ิ ท่ีได้ยินเท่านั้น เปลา่ ไมด่ ่วนสรปุ จากสงิ่ ท่ไี ด้ยนิ เท่านั้น เช่อื มน่ั ว่าผูร้ ับการโคช้ มศี กั ยภาพและ ไดย้ ินหรอื มองเห็นแตข่ อ้ บกพรอ่ ง สามารถมองเหน็ ศกั ยภาพของผ้รู บั การโค้ช ของผู้รับการโค้ช ไมใ่ หเ้ วลากับการ ได้ พรอ้ มทงั้ ใหเ้ วลาช่วยใหผ้ ้รู บั การโค้ชมอง คน้ หาศักยภาพของผู้รบั การโคช้ เห็นศกั ยภาพของตนเองด้วยการต้งั คำ�ถาม มุ่งแตจ่ ะแก้หรือเติมศักยภาพ โดย กระตุ้นความคิด เสริมพลงั ไมส่ นใจว่าจริงๆ แลว้ ผูร้ บั การโค้ชมี ไมป่ ล่อยใหผ้ ู้รบั การโค้ชรูส้ ึกไม่มั่นใจ ศกั ยภาพทีซ่ อ่ นอยู่ จติ ตก มองเห็นแต่ข้อบกพร่องของตนเอง เปิดโอกาสให้ผู้รบั การโค้ชได้พดู เกยี่ วกบั โค้ชใหค้ วามเหน็ เอง เป็นคนพดู เสยี ความเหน็ ในการแก้ปญั หาของตนเอง ให้ สว่ นใหญว่ ่าควรแกป้ ญั หาอยา่ งไร วางแผนและคน้ หาวธิ ีการด้วยตัวเอง โดยโค้ชใช้ประสบการณ์ของตนเอง หากเปน็ ทมี กใ็ ห้เวลากบั กระบวนการระดม มาบอกวิธีการ เพราะต้องการแก้ ความคดิ เพือ่ ช่วยกนั หาทางออกของปญั หา ปญั หาให้สำ�เร็จโดยเร็ว สนับสนนุ ใหผ้ ูร้ ับการโคช้ คิดหาทางออกหรอื เร่งรดั ใหผ้ ู้รบั การโค้ชคิดหาทางออก ทางเลือกต่างๆ อย่างน้อย 3 ทาง ก่อน และรบี สรปุ เพ่ือใหล้ งมอื ปฏบิ ัติการ การวางแผนเพอ่ื ลงมอื ปฏิบัติการ ในช่วง ท้ังๆ ทเ่ี พิง่ จะคน้ หาทางออกแรกได้ ของการคดิ วเิ คราะห์เพอ่ื หาทางออกหรอื เทา่ น้นั ออกแบบการทำ�งาน การคดิ หาทางออกไว้ หลายๆ ทาง จะช่วยให้ผ้รู ับการโค้ชคบ้ พบ ทางออกทเี่ หมาะสม

110 คมู่ อื การโคช้ เพอ่ื พฒั นาทมี ชมุ ชน ส่งิ ท่ีโคช้ ควรทำ� ส่ิงทโ่ี คช้ ควรทำ� ให้ผ้รู บั การโคช้ ประเมินศักยภาพและความ กดดนั ให้ผรู้ บั การโคช้ ตอ้ งลงมอื พรอ้ มของตัวเองก่อนลงมอื ปฏบิ ัติการ ปฏบิ ตั ิการทนั ทโี ดยยงั ไมร่ ูว้ า่ ตนเอง โดยใชก้ ระบวนการทชี่ ว่ ยใหผ้ ้รู ับการโคช้ ได้ มีศกั ยภาพทีจ่ ะทำ�ไดห้ รอื ไม่ มองเหน็ และประเมนิ ตนเองวา่ อยูใ่ นขัน้ ตอน ใดของการเปลย่ี นแปลงหรือการทำ�งาน ในเร่ืองน้ี โคช้ ให้ความสนใจในเร่ืองของพฒั นาการ สนใจแตเ่ ร่ืองของความคืบหนา้ และการเติบโต (growth) ในด้านตา่ งๆ ของงานหรือกจิ กรรมเทา่ นัน้ ของผรู้ ับการโค้ช ตดิ ตามการทำ�งานของผูร้ ับการโค้ช เพ่อื เมอ่ื วางแผนเพื่อปฏิบตั กิ ารแลว้ ก็ กระตุ้นความรับผิดชอบและเพอื่ ให้การ ปล่อยให้ผู้รับการโค้ชลงมอื ทำ�เอง สนับสนนุ ผรู้ บั การโค้ช โดยไมไ่ ด้ติดตามสนบั สนนุ ก�ำหนดชว่ งเวลาเพ่อื พดู คุยกนั สม่ำ� เสมอ ไม่สนใจพฒั นาการ โอกาส หรอื เกยี่ วกบั พฒั นาการและโอกาสในการเติบโต แนวโนม้ ความเปล่ียนแปลงท่จี ะเกดิ ของผู้รับการโคช้ ในอนาคต แนวโนม้ ต่างๆ ขึน้ จากการทำ�งานของผูร้ บั การโค้ช ที่จะเกิดขึ้นจากการท�ำงานของผู้รับการโค้ช หรือพูดถงึ ความกา้ วหน้าของงาน ให้ผู้รบั การโค้ชไดม้ องเหน็ ความกา้ วหน้า บ้างนานๆ คร้ัง หรอื การเปล่ียนแปลงท้งั ในตัวเองและในสิ่ง ทผ่ี รู้ บั การโค้ชลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง

หนงั สอื และแหลง่ ขอ้ มลู ประกอบการเขยี น กรรณจรยิ า สขุ รงุ่ และ ชยั วฒั น์ ถริ ะพนั ธ.์ุ เลก็ กล็ ม้ ใหญไ่ ด้ ถา้ ใจถงึ : พมิ พค์ รง้ั ที่ 1 กรงุ เทพฯ : สถาบนั การเรยี นรแู้ ละพฒั นาประชาสงั คม, 2558 กรรณจรยิ า สขุ รงุ่ , ชยั วฒั น์ ถริ ะพนั ธ์ุ และสภุ าพ สริ บิ รรสพ. เมลด็ พนั ธช์ุ วี ติ บรู ณาการ. พมิ พค์ รง้ั ที่ 3 กรงุ เทพฯ : ตถาดา,2555 ชยั วฒั น์ ถริ ะพนั ธ์ุ และ ดร.ปารชิ าต สถาปติ านนท.์ การประชมุ อยา่ งสรา้ งสรรค์ ศลิ ปะแหง่ การสรา้ งพลงั เพอ่ื การเปลยี่ นแปลง: พมิ พค์ รงั้ ท่ี 3. กรงุ เทพฯ: สถาบนั การเรยี นรแู้ ละพฒั นาประชาสงั คม, 2547 เบรติ เลกี้ และคณะ. ลอ่ งแพในกระแสเชยี่ ว บม่ เพาะภาวะผนู้ ำ� การนำ� และแนวทางสรา้ งองคก์ รในหว้ งยาม ความเปลย่ี นแปลง: พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1 กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พข์ องเรา,2558 ประเวศ วะส.ี ยทุ ธศาสตร์ อบต. จดุ เปลยี่ นประเทศไทย. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง เสรมิ สขุ ภาพ,2551 ปยิ นาถ ประยรู . วธิ คี ดิ กระบวนระบบ: พมิ พค์ รงั้ ท่ี 2, กรงุ เทพฯ: โครงการเสรมิ สรา้ งการเรยี นรเู้ พอื่ ชมุ ชน เปน็ สขุ (สรส.), 2548. ปเี ตอร์ เซงเก้ และคณะ. โรงเรยี นแหง่ การเรยี นร:ู้ แปลโดย กติ ตพิ ล เอย่ี มกมล. กรงุ เทพฯ : สำ� นกั พมิ พ์ สวนเงนิ มมี า, 2560 มารก์ าเรต็ เจ. วตี เลย.์ หนั หนา้ เขา้ หากนั . แปลโดย บลุ ยา. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พส์ วนเงนิ มมี า, 2549 เอกสารประกอบการอบรม การเปน็ โคช้ และกลั ยาณมติ ร. โครงการภาวะผนู้ ำ� องคก์ รสมยั ใหม.่ สถาบนั การ เรยี นรแู้ ละพฒั นาประชาสงั คม,2560 เอมลิ ี เอสฟาฮานี สมธิ . อะไรทำ� ใหช้ วี ติ คนเรามคี วามหมาย. แปลโดย อรวรรณ คหู เจรญิ นาวายทุ ธ. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พโ์ อม้ ายกอ้ ด,2560 เอกสารออนไลน์ ธาดา เศวตศลิ า. http://coachthada.com/โคช้ -coach-คอื อะไร/ ดร.เมธยา ปอ้ มสวุ รรณ. โคช้ ชวี ติ (Life Coach). https://www.livingwisecoaching.com/ http://www.smartcoachthailand.com/what-is-coaching/ ศศมิ า สขุ สวา่ ง. https://www.hcdcoaching.com/17013723/การโคช้ คอื อะไร-what-is-coaching การโคช้ นกั กฬี า. https://th.wikipedia.org/wiki/ผฝู้ กึ สอน https://coachbee.wordpress.com/2013/05/27/the-spirit-of-coaching-part2 https://thaiappreciative.wordpress.com/2017/01/31/การโคช้ https://thaiappreciative.wordpress.com/2017/01/31/

112 คมู่ อื การโคช้ เพอ่ื พฒั นาทมี ชมุ ชน คนท่ีต่างภารกิจ ต่างวัฒนธรรมองค์กร มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการทำ�งาน ในหน้าที่ของตนมาพอสมควร เราจะทำ�อย่างไร หรือมีกระบวนการอย่างไร ให้เขาเหล่านี้รู้สึกตระหนักต่อปัญหา เห็นเป้าหมายร่วม แล้วอยากลุกข้ึนมาทำ�บางอย่าง เพ่ือจัดการกับปัญหาน้ันร่วมกัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook