Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู หน้าที่พลเมือง ม.3

คู่มือครู หน้าที่พลเมือง ม.3

Published by weerayot, 2020-06-22 07:30:24

Description: คู่มือครู หน้าที่พลเมือง ม.3

Search

Read the Text Version

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครแู บง กลุมนกั เรียนออกเปน ๑) ต้ังโรงกษาปณข์ ้นึ ในปี พ.ศ. ๒๔๐๓ เพ่ือผลติ เงนิ ตราใชเ้ ป็นสอ่ื กลางในการ 4 กลมุ ใหไ ปศึกษาคน ควาประวตั ิ ความเปนมา และการรเิ รม่ิ ของการ แลกเปลี่ยนสินค้า ซ่ึงมีใช้กันอย่างกว้างขวางภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง และมีการ ตง้ั โรงกษาปณ การคมนาคมขนสง ปฏิรูปด้านการคลัง ภาษีอากร รวมท้ังมีการจัดตั้งธนาคารช่ือ “แบงก์สยามกัมมาจลทุน จ�ากัด” การแพทยแ ละสาธารณสุข และ ข้ึนเปน็ ธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย การปฏริ ูปการศกึ ษา โดยใหตัวแทน ออกมาจับสลากเลอื กหัวขอกลมุ ละ ๒) ปรบั ปรงุ การคมนาคมขนส่ง เช่น สร้างรถราง รถไฟ และน�ารถยนตเ์ ข้ามาใช้ 1 หวั ขอ ในประเทศ อีกทัง้ ได้จดั ตัง้ กจิ การโทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า และการประปา อธบิ ายความรู ๓) ปรบั ปรุงการแพทย์และการสาธารณสุขสมยั ใหม ่ ด้วยการจัดต้งั โรงพยาบาล ใหแตละกลุมทที่ าํ การศกึ ษา คนควา สงตัวแทนออกมานําเสนอ วังหลัง (ศิริราช) สภาอุณาโลมแดง (สภากาชาดไทย) โรงเรียนสอนแพทย์ โรงเรียนผดุงครรภ์ ขอ มูลของกลุมตนเอง จากนน้ั รวมกัน และพยาบาล เป็นต้น อภปิ รายสรุปถงึ ประโยชนท ไี่ ดรบั จาก การคน ควาในครัง้ นี้ ๔) มีการปฏิรูปการศึกษา โดยเร่ิมแรกได้มีการจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดข้าราชการ ขยายความเขา ใจ พลเรือน (โรงเรียนมหาดเล็กหลวง) ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เม่ือพ.ศ. ๒๔๔๒ มีจุดประสงค์ เพื่อฝกึ คนให้เขา้ รับราชการ โดยมกี ารสอนวชิ าภาษาไทย คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ถือเป็น นกั เรยี นเขยี นวเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บ จดุ เรม่ิ ตน้ สา� คญั ทางการศกึ ษา ซง่ึ ตอ่ มาไดส้ ถาปนาเปน็ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั และสรา้ งโรงเรยี น แนวทางการปฏริ ูปประเทศโดยการ สามัญศึกษาขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งได้ส่งพระราชโอรสและพระบรมวงศานุวงศ์ไปศึกษายังต่าง รับวฒั นธรรมสากลในสมัยรัชกาล ประเทศ จดุ มุ่งหมายของการจัดการศึกษา กเ็ พ่ือฝึกอบรมใหม้ ีความรู้สา� หรบั เขา้ รบั ราชการ โดยได้ ที่ 5 กบั ยคุ ปจ จบุ ันวา เราสามารถ วา่ จา้ งชาวตา่ งชาตเิ ข้ามาเป็นท่ีปรึกษา สอนหนังสือ และรับราชการเพ่ือน�าความรู้ที่เป็นสากลมา นาํ แนวทางในสมัยนนั้ มาใชในยคุ ปรับปรุงประเทศ สมัยนีไ้ ดอ ยา งไร นบั ตัง้ แต่น้ันมา วฒั นธรรมสากลไดแ้ พรก่ ระจายเขา้ ไปในทกุ ส่วนของสงั คม โดย คนไทยไดป้ รบั ใชค้ วบคไู่ ปกบั วฒั นธรรมและประเพณดี ง้ั เดมิ ของไทย ทา� ใหป้ ระเทศไทยรอดพน้ จาก นักเรยี นควรรู การถกู ยดึ ครองเปน็ อาณานคิ มของชาตติ ะวนั ตก และเกดิ ความเจรญิ กา้ วหนา้ ทนั สมยั ในสงั คมของ เรามาจนทุกวันนี้ สภากาชาดไทย จดั ตั้งขึ้นเมอ่ื พ.ศ. 2436 มจี ุดมงุ หมายแรกเร่ิม ๒.๒ การกา� เนดิ วฒั นธรรมสากล เพือ่ เปนองคก รการกศุ ลเพอื่ พยาบาล และบรรเทาทกุ ขท หารทไ่ี ดร บั บาดเจบ็ จุดก�าเนิดของวัฒนธรรมสากล เริ่มจากความรู้และภูมิปัญญาท่ีนักปราชญ์ชาวกรีก-โรมัน จากสงคราม กรณีพพิ าทระหวาง ได้คดิ สรา้ งสรรคข์ นึ้ ตง้ั แตก่ อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช โดยมกี ารสง่ั สม พฒั นา อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเรอ่ื ยมาจนถึง ประเทศไทยกับฝรัง่ เศส ชว่ งตน้ ของคริสตกาล ซึ่งเออ้ื ประโยชนใ์ หม้ กี ารคิด ประดิษฐ ์ และสรา้ งสรรค์สิ่งที่เปน็ ประโยชน์ต่อ ผู้คนทว่ั ท้ังยโุ รปและมนษุ ยชาต ิ การกา� เนิดวฒั นธรรมสากลแบ่งออกได้เป็น ๒ ลักษณะ ดงั น้ี ๑) การค้นพบ มักเริ่มต้นจากการสังเกตและความเช่ือของนักคิดยุคโบราณซ่ึงน�า ไปส่กู ารค้นพบ เชน่ ความเช่อื วา่ โลกกลมกน็ �าไปสูก่ ารออกเดนิ ทางของมารโ์ คโปโล ไปยังเมืองจนี ในคริสต์ศตวรรษท่ี ๑๓ การเดินทางของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ไปยังหมู่เกาะอินเดียตะวันตก 44 ในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๕ รวมทัง้ ชาลส์ ดาร์วิน ท่เี ดนิ ทางรอบโลกในครสิ ต์ศตวรรษที ่ ๑๙ @ มมุ IT ศึกษาคนควา ขอมูลเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั จุฬาลงกรณม หาวิทยาลัย ไดท ี่ http://www.chula.ac.th 44 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate การค้นพบดนิ แดนใหมใ่ นทวปี ต่างๆ ของโลก สง่ ผลใหน้ กั วทิ ยาศาสตรน์ า� ความรู้ท่ีได้ สาํ รวจคนหา ไปพสิ จู นแ์ ละเปรยี บเทยี บกบั สงิ่ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในตา่ งถนิ่ ทมี่ ลี กั ษณะทางกายภาพ ภมู อิ ากาศ สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรมความเชื่อที่ไมเ่ หมือนกัน ก่อให้เกิดการค้นพบทฤษฎีใหม่ๆ ที่เปน็ ประโยชน์ตอ่ มวล นักเรยี นสํารวจคน หาวา ในชีวิต มนษุ ยชาตมิ ากมายในกาลตอ่ มา ประจําวนั ของนักเรียนมีความ เกย่ี วของกบั ประดษิ ฐกรรมสากล ๒) ประดษิ ฐกรรม การประดษิ ฐ์ ชนดิ ใดบา ง เขยี นอธบิ ายลงใน คิดค้นทางวิทยาศาสตร์เป็นผลมาจากความรู้ที่ กระดาษ A4 แลว นาํ สงครู นักปราชญ์รุ่นเก่าได้สั่งสมกันเร่ือยมานับแต่ ครงั้ โบราณกาล ความรเู้ หลา่ นเี้ ปน็ พนื้ ฐานสา� คญั อธิบายความรู ในการคิดประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้ส�าหรับ การด�าเนินชีวิตประจ�าวัน อีกท้ังยังพัฒนาให้มี นักเรยี นรวมกนั อภปิ รายวา คณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพสงู ขนึ้ เรอื่ ยๆ จนนา� พา ประดิษฐกรรมท้ังหลายทีม่ นุษยส รา ง มนุษย์ก้าวไปสู่ยุคใหม่ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ข้ึนมาน้นั สง ผลดีและผลเสียอยางไร และสหัสวรรษใหม่ในปัจจบุ ัน ในที่นี้ จะกลา่ วถึง ตอ เราบา ง และเรามแี นวทางในการ ตัวอย่างนักประดิษฐ์บางคนท่ีพยายามน�า รถจกั รยานยนต Harley-Davidson ถอื เปน รถจกั รยานยนต เลอื กใชสิง่ ประดษิ ฐเ หลานนั้ อยา งไร ภูมิปัญญาที่ส่ังสมมาแต่อดีตกาลมาใช้ประดิษฐ์ คันแรกของโลก และกลายเปนตนแบบในการพัฒนา ใหเกิดประโยชนสูงสดุ พรอมยก สงิ่ ของทเี่ ป็นประโยชน์ รถจกั รยานยนตม าถึงยคุ ปจ จบุ ัน ตวั อยา ง ๒.๑) เคร่ืองบิน มนุษย์เราใฝฝันท่ีจะบินได้เหมือนนกมานานแล้ว ดังน้ัน ขยายความเขาใจ นกั วทิ ยาศาสตรใ์ นอดตี ไดแ้ ก ่ เลโอนารโ์ ด ดา วนิ ช ี และออตโต ลเิ ลยี นทาล ไดค้ ดิ ประดษิ ฐเ์ ครอื่ งรอ่ น ชว่ ยในการบนิ ซงึ่ กไ็ ดร้ บั ความสา� เรจ็ ในระดบั หนงึ่ ครูใหนักเรยี นรว มกนั อภิปราย สว่ นผทู้ ไี่ ดช้ อ่ื วา่ ประสบความสา� เรจ็ ในการประดษิ ฐ์ ถึงการนาํ วฒั นธรรมไทยมาสรา ง เครอื่ งบนิ ไดเ้ ปน็ คนแรก คอื ออรว์ ลิ และวลิ เบอร์ เปน ประดษิ ฐกรรมท่เี ปน ท่ียอมรับ ไรท์ ทั้งสองคนให้ความสนใจเครื่องร่อนมา ของตา งประเทศ แลวชวยกนั สรปุ ต้ังแต่เป็นเด็ก พวกเขาจึงท�าการศึกษาหา การอภปิ ราย เขยี นเปน รายงานสรปุ ความรู้เก่ียวกับเร่ืองน้ีจากหนังสือและวารสาร สงครู ต่างๆ ในคริสต์สตวรรษท่ี ๒๐ ทั้งคู่ได้สร้าง เครื่องร่อนและติดตั้งเครื่องยนต์ โดยตั้งช่ือ เกร็ดแนะครู เครอ่ื งรอ่ นนว้ี า่ ไฟลเออร ์ ซงึ่ เครอื่ งรอ่ นนส้ี ามารถ บินลอยสงู จากพื้นดิน ๓ เมตร บินไดไ้ กล ๓๖ ครูใหนักเรียนชว ยกนั สืบคนประวตั ิ เมตร จงึ ถอื วา่ พวกเขาไดส้ รา้ งเครอื่ งบนิ ขน้ึ เปน็ เคร่ืองบินในยุคปจจุบัน มีการพัฒนาใหมีสมรรถนะสูง ความเปนมาของสิ่งประดษิ ฐท ี่ เพอ่ื ตอบสนองการบนิ เชงิ พาณชิ ยท เี่ นน ความสะดวก รวดเรว็ กลายมาเปนวฒั นธรรมสากล ในการถึงท่หี มาย แลว รว มกนั วเิ คราะหถ ึงประโยชน ลา� แรกของโลก และขอ ดี-ขอ เสีย ของวฒั นธรรม สากลเหลา น้นั 4๕ @ มุม IT ศกึ ษาคนควาขอ มูลเพ่มิ เติมเก่ยี ว กับรถมอเตอรไซคค ันแรกของโลก ไดท่ี http://www.trangzone.com/webboard_show.php?ID=23824 และ http://www.school.net.th/schoolnet/article/articles_member_read. php?article_id=320 คูมือครู 45

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สํารวจคน หา (ยอจากฉบับนกั เรยี น 20%) ครใู หนกั เรียนชว ยกันสบื คน ขอมูล ต่อมาเคร่ืองบินได้มีการพัฒนาสมรรถนะให้ดีย่ิงข้ึน และกลายเป็นพาหนะท่ีส�าคัญ เกี่ยวกบั การกําเนดิ ไฟฟา แลว นาํ ส�าหรับการคมนาคม เนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว ท�าให้เกิดการบินเชิงพาณิชย์ไปทั่วโลก ขอมูลท่ไี ดม าอภิปรายหนา ช้นั เรียน อธบิ ายความรู เครอื่ งบนิ กลายเปน็ สง่ิ จา� เปน็ สา� หรบั ชวี ติ มนษุ ยใ์ นการเดนิ ทาง รวมถงึ การขนสง่ ตา่ งๆ ซงึ่ ในปจั จบุ นั เราจะเห็นวา่ มสี ายการบินจา� นวนมากท่ีให้บรกิ ารและมกี ารแข่งขันกันสูง ใหน กั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหป ระเดน็ ๒.๒) ไฟฟา อะเล็กซานโดร โวลต้า เรอื่ ง การคน พบกระแสไฟฟา โดยมงุ นักฟสิกส์และเคมีชาวอิตาลี ผู้ค้นพบกระแส แสดงความคิดเหน็ ถงึ การพฒั นาทาง ไฟฟ้าท่ีสามารถน�ามาใช้ประโยชน์ และเป็นผู้ ดา นไฟฟา จนกลายเปน สง่ิ ทจ่ี ําเปน ประดิษฐ์แบตเตอร่ีไฟฟ้าข้ึน จนได้รับเกียรติให้ ตอโลกสากล น�าช่ือของเขามาเป็นช่ือหน่วยวัดแรงเคลื่อน ของกระแสไฟฟา้ คอื โวลต ์ เขาเปน็ ผูค้ น้ พบวา่ ความช้ืนระหว่างโลหะจะท�าให้เกิดการไหล ขยายความเขา ใจ ของกระแสไฟฟา้ ขน้ึ ไดจ้ ากการเชอ่ื มปลายโลหะ ต่างชนิดทั้งสองอันเข้าด้วยกัน จากหลักการนี้ นกั เรียนเช่ือมโยงความรูจ ากการ แสงสวางจากไฟฟากลายเปนส่ิงจําเปนที่มนุษยท่ัวโลก เขาจงึ ประดษิ ฐแ์ บตเตอรไี่ ฟฟา้ โดยเอาคารบ์ อน ศกึ ษาเร่ืองการคนพบกระแสไฟฟา จะขาดเสียมิได และสงั กะสมี าทา� เปน็ ขวั้ กบั นวัตกรรมของไทยวา ทาํ อยางไร ท่ีคนไทยจะสรางนวัตกรรมท่มี ีการ จากความรเู้ รอ่ื งกระแสไฟฟา้ นเ้ี อง ทา� ใหโ้ จเซฟ สวอน ชาวอเมรกิ นั ประดษิ ฐห์ ลอดไฟฟา้ พัฒนาจนกลายเปน นวตั กรรมสากล ขึน้ เปน็ คนแรก ในครสิ ต์ศตวรรษท ่ี ๑๙ โดยใชแ้ ทง่ คาร์บอนเลก็ ๆ ติดในกระเปาะแกว้ แล้วทา� ให้ ทไี่ ดร ับการยอมรบั ทั่วไป แลวเขียน แท่งคาร์บอนร้อนด้วยไฟฟ้า ก่อให้เกิดแสงสว่างข้ึน เพราะคาร์บอนไม่เหมือนกับโลหะทั้งหลาย สรปุ สง ครู สามารถท�าให้ร้อนพอท่ีจะให้แสงสว่างโดยไม่หลอมละลาย แต่หลอดไฟนี้ให้แสงสว่างน้อยเกินไป ไมส่ ามารถน�ามาใชป้ ระโยชน์ได ้ ในเวลาตอ่ มา ทอมสั แอลวา เอดสิ นั เพอื่ นรว่ มงานชาวอเมรกิ นั จงึ ไดป้ รบั ปรงุ สงิ่ ประดษิ ฐ์ นักเรียนควรรู นี้ให้ดีขึ้น ด้วยการท�าให้หลอดแก้วเป็นสุญญากาศ แท่งคาร์บอนหรือเส้นลวดก็จะให้แสงสว่างที่ สวา่ งกวา่ โดยทไ่ี มท่ า� ใหห้ ลอดแกว้ รอ้ นเกนิ ไป จากนนั้ เปน็ ตน้ มาหลอดไฟจงึ กลายเปน็ สงิ่ จา� เปน็ ใน ทอมัส แอลวา เอดิสัน คอื ชีวิตมนษุ ยจ์ นถงึ ทกุ วนั น้ี นักประดิษฐค นสําคัญของโลก จากความรู้เรื่องกระแสไฟฟ้านี้ท�าให้เกิดการพัฒนาทางด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าจ�านวนมาก ผลงานทส่ี ําคัญคือการประดษิ ฐ เช่น ทอมสั แอลวา เอดสิ นั ไดท้ �าการประดิษฐห์ ลอดไฟฟ้าท่มี คี ณุ ภาพสงู เพอื่ ใหแ้ สงสวา่ งแทน หลอดไฟฟา นอกจากนก้ี ย็ ังมี ตะเกียง และเทียนไข ถือเป็นการปฏิวัติทางด้านส่ิงประดิษฐ์และเป็นรากฐานของการต้ังโรงผลิต สิ่งประดิษฐอ ื่นๆ อีกมากมาย ทีเ่ ขา ไฟฟ้าไปสู่บ้านเรือน ซ่ึงจนถึงยุคปัจจุบันนี้มนุษย์จ�าเป็นต้องพึ่งพาแสงสว่างจากไฟฟ้าในการ จดสิทธิบัตรไวม ากกวาหนึ่งพนั ชน้ิ ด�าเนินชีวติ หากไม่มไี ฟฟา้ มนษุ ยค์ งตอ้ งเผชิญกับความยากลา� บากในการใชช้ วี ติ ประจ�าวนั @ มมุ IT 4๖ ศกึ ษาคน ควาขอ มลู เพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั อะเล็กซานโดร โวลตา ไดท่ี http://www.rmutphysics 46 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒.๓ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมสากลทมี่ ผี ลตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คมไทย กระตุนความสนใจ ในปัจจบุ ันวฒั นธรรมสากลไดเ้ ขา้ มามีบทบาทต่อการด�าเนินชีวิตประจา� วันอย่างมาก เราจะ เหน็ ไดว้ า่ มวี ฒั นธรรมสากลจา� นวนมากอยรู่ อบตวั เรา และจา� เปน็ ตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั วฒั นธรรมสากล ครูสมุ นกั เรยี นออกมาหนา ช้นั อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกลายเป็นส่วนหน่ึงของชีวิต ในทุกๆ วัน วัฒนธรรมสากลได้แทรกซึม แลวใหน ักเรยี นยกตวั อยา งอิทธิพล ตอ่ การดา� เนินชีวติ ในดา้ นต่างๆ ดงั นี้ ของวฒั นธรรมสากล ทีม่ ีผลตอการ ดาํ เนนิ ชวี ติ ของนกั เรยี นคนละ 1 อยา ง ๑) วัฒนธรรมด้านท่ีอยู่อาศัย ในอดตี การสรา้ งบา้ นเรอื นของคนไทยนน้ั มกี าร สํารวจคน หา ออกแบบให้สอดคล้องกับลักษณะภูมิอากาศ ภมู ิประเทศ และการด�ารงชีวติ เช่น เมืองไทย ครูใหนกั เรยี นแบงกลุม แลวเลอื ก เปน็ เมอื งรอ้ นจงึ สรา้ งบา้ นทม่ี หี ลงั คาสงู โปรง่ เพอื่ ศกึ ษาวัฒนธรรมสากลทม่ี ีผลตอการ ใหอ้ ากาศถา่ ยเทไดด้ ี แตใ่ นปจั จบุ นั การสรา้ งบา้ น ดําเนนิ ชวี ิตประจาํ วัน กลุมละ 1 ดา น ของคนไทยมีลักษณะที่เปล่ียนไป โดยเฉพาะ โดยมงุ คนควาในประเดน็ ท่ีวา อย่างย่ิงในสังคมเมืองที่มีโครงการบ้านจัดสรร วฒั นธรรมเหลาน้ันมผี ลตอคนใน จ�านวนมากซ่ึงล้วนแต่สร้างบ้านท่ีมีรูปทรงตาม สังคมไทยอยา งไร แบบของชาติตะวนั ตกเปน็ ส่วนใหญ่ ท่ีอยูอาศัยในปจจุบันมักมีรูปแบบที่ประยุกตมาจาก ตะวนั ตก แลว นาํ มาปรบั ใหเ หมาะกบั สภาพแวดลอ มไทย อธบิ ายความรู ๒) วฒั นธรรมดา้ นการแตง่ กาย เปน็ สง่ิ ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ สงั คมไทยอยา่ งมาก เพราะ นกั เรยี นแตล ะกลมุ ทศี่ ึกษาเรือ่ ง วัฒนธรรมสากลทม่ี ีผลตอ การดาํ เนิน เคร่ืองแต่งกายที่เราสวมใส่อยู่ทุกวันน้ีก็มักจะเป็นเครื่องแต่งกายท่ีมีจุดก�าเนิดจากต่างชาติทั้งส้ิน ชวี ิตประจาํ วนั นาํ ความรทู สี่ ืบคนได เช่น เส้ือยดื คอกลม เสอ้ื เชติ้ กระโปรง กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ รองเท้าสน้ สงู เป็นต้น ซึง่ สิง่ มาวเิ คราะหแ ละสนทนาแลกเปลย่ี น เหลา่ นไ้ี ดก้ ลายมาเปน็ “แฟชน่ั ” ทคี่ นในสงั คมไทยยดึ ถอื เปน็ คา่ นยิ ม จนบางครงั้ อาจลมื เลอื นเครอ่ื ง ภายในกลมุ จากน้ันแตล ะกลมุ จัด แต่งกายในแบบของไทย เช่น เสอ้ื มอ่ ฮ่อม ผ้าขาวมา้ ผ้าถงุ เป็นตน้ ทําขอสรปุ แลว สงตัวแทนออกมา รายงานหนา ชน้ั ๓) วัฒนธรรมด้านอาหาร นกั เรียนควรรู สังคมไทยมีวัฒนธรรมด้านอาหารที่เป็น เอกลักษณ์ มีรสชาติที่จัดจ้านเป็นท่ียอมรับไป กางเกงยนี กางเกงยนี ท่วี ยั รนุ ไทย ทั่วโลก แต่ในปัจจุบันสังคมไทยก็มีวัฒนธรรม นยิ มสวมใสก ันแพรห ลายนั้น มีตน ด้านอาหารที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้าน กาํ เนดิ มาจากประเทศสหรฐั อเมริกา พฤติกรรมการรับประทานอาหารและประเภท โดยในยุคแรกท่ผี ลติ ออกมาน้ัน ของอาหารที่เลือกรับประทาน กล่าวคือ ในแง่ ไดร บั ความนยิ มจากคนงานทีท่ ํางาน ของพฤติกรรมนั้น จากเดิมท่ีคนไทยมักจะ แฮมเบอรเกอร คือตัวอยางหน่ึงของวัฒนธรรมดานอาหาร ในเหมอื ง รวมถึงผทู ่ีใชแรงงานทวั่ ไป ประกอบอาหารรับประทานกันเองภายใน แบบฟาสตฟ ดู ของตะวนั ตกทเี่ ขา มาเผยแพรใ นสงั คมไทย เน่ืองจากมคี วามทนทานฉีกขาดยาก 4๗ @ มุม IT ศึกษาคนควาขอมลู เพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั เสือ้ มอ ฮอ ม ไดท ี่ http://www.royin.go.th คูมอื ครู 47

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) ครเู ลา ถึงสภาพการรับวัฒนธรรม ครวั เรอื น แตใ่ นปจั จบุ นั กน็ ยิ มทจี่ ะรบั ประทานอาหารนอกบา้ น ไมว่ า่ จะเปน็ รา้ นอาหาร หอ้ งอาหาร สากลของสงั คมไทยในปจจบุ ัน ภตั ตาคาร เน่ืองจากได้รบั ความสะดวกสบายมากกว่า แลว ตงั้ คําถามวาหากคนในสังคม รับวฒั นธรรมสากลอยา งไมมี นอกจากนี้ ในส่วนประเภทของอาหารก็มีความนิยมรับประทานอาหารต่างชาติ ขอบเขต จะสงผลอยางไรบา ง มากขน้ึ ซงึ่ มหี ลากหลายชนดิ ใหเ้ ลอื กรบั ประทาน เชน่ แฮมเบอรเ์ กอร ์ พซิ ซา่ ซชู ิ โซบะ เฝอ เปน็ ตน้ สาํ รวจคน หา ๔) วฒั นธรรมดา้ นภาษา แมว้ า่ ประเทศไทยจะมภี าษาไทยเปน็ ของตนเอง ซง่ึ เปน็ นกั เรยี นสาํ รวจตนเองวา สงิ่ ทชี่ าวไทยทกุ คนภาคภมู ใิ จ แตก่ ไ็ มอ่ าจปฏเิ สธไดว้ า่ ในยคุ ปจั จบุ นั ทม่ี ลี กั ษณะของโลกไรพ้ รมแดน มพี ฤตกิ รรมการเลอื กรบั วัฒนธรรม การตดิ ตอ่ สอื่ สารระหวา่ งประเทศมคี วามสา� คญั อยา่ งยงิ่ ดงั นนั้ คนไทยจา� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งเรยี นรภู้ าษา สากลอยา งไร แลวใหนักเรยี นเขยี น สากล เช่น ภาษาองั กฤษ ภาษาฝรัง่ เศส ภาษาจนี กลาง เป็นต้น แตค่ นไทยกต็ ้องอนุรักษ์ภาษาไทย บรรยายลงในกระดาษ A4 แลวนาํ ให้คงอยู่ตอ่ ไป เพราะภาษาไทยคอื วฒั นธรรมประจา� ชาติทบ่ี ่งบอกความเปน็ คนไทย สง ครู ๕) วัฒนธรรมด้านแนวคิดและองค์ความรู้ สังคมไทยจ�าเป็นต้องน�าแนวคิด อธบิ ายความรู ทฤษฎี และองค์ความรู้ที่เป็นสากล มาใช้ในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญ ซ่ึงองค์ความรู ้ นักเรยี นรว มกันประชุมกลุมยอย สว่ นใหญม่ กั มตี น้ กา� เนดิ มาจากประเทศตะวนั ตก เปน็ วทิ ยาการทมี่ คี วามทนั สมยั ครอบคลมุ ในหลายๆ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ เรอื่ งความ ดา้ น เชน่ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ การเมืองการปกครอง ระบบเศรษฐกจิ การศกึ ษา เป็นต้น สําคญั และประโยชนข องการเลือก ซ่ึงถ้าหากคนไทยสามารถเรียนรู้ให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสามารถน�ามาประยุกต์ใช้ให้ รับวฒั นธรรมสากลเพ่อื ใชใ นชีวติ เหมาะกับสภาพสังคมไทย ก็จะช่วยให้ประเทศไทยมีการพัฒนา มีความเจริญ สามารถแข่งขัน ประจาํ วนั อยางเหมาะสม จากนั้น กบั ประเทศชนั้ น�าในโลกสากลได้ สง ตัวแทนออกมานําเสนอผลสรปุ จากการประชุม ในปัจจุบันวัฒนธรรมสากลมีอิทธิพลโดยตรงต่อการด�าเนินชีวิตของคนในสังคมไทย ซงึ่ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งมาก แตเ่ ราควรรจู้ กั เลอื กรบั วฒั นธรรมทจี่ า� เปน็ และเหมาะสมกบั การดา� รงชวี ติ นักเรียนควรรู ของเรา มาประยุกต์ใชใ้ ห้เหมาะสมโ ดยท่ีไม่ลมื วัฒนธรรมไทย การเลอื กรบั วฒั นธรรมสากล เปน ๒.4 แนวทางการเลือกรับวฒั นธรรมสากลอยา่ งเหมาะสม สงิ่ ท่ีสําคญั ทีค่ นไทยจะตองตระหนัก ซึง่ เราอาจจะปฏิเสธวัฒนธรรมสากล แม้ว่าการเผยแพร่วัฒนธรรมสากลเข้าสู่สังคมไทย จะเป็นผลมาจากความจ�าเป็นที่ต้อง ไมได แตเ ราก็ไมค วรลืมวฒั นธรรม พัฒนาประเทศให้มีวัฒนธรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงจ�าเป็นท่ีจะต้องเลือกรับ ไทยซ่ึงเปน มรดกท่มี ีคณุ คา เปนสิ่งท่ี วฒั นธรรมเหลา่ นี้ ทีส่ ามารถนา� มาปรับใชใ้ หส้ อดคล้องกับสงั คมไทย โดยพจิ ารณา ดังน้ี แสดงถงึ ความดีงามของประเทศ ๑) เลือกรับวัฒนธรรมสากลทีจ่ �าเป็นตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ประจา� วนั วฒั นธรรม สากล เช่น ภาษาต่างประเทศ คอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ ือถือ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนระบบระเบียบการค้าขายระหว่างประเทศ มีความส�าคัญในการติดต่อสัมพันธ์ระหว่าง คนไทยและคนต่างชาติอย่างมาก จึงจ�าเป็นต้องศึกษาหาความรู้อย่างถ่องแท้เพื่อเป็นประโยชน ์ ตอ่ การด�าเนนิ ชวี ิตของคนไทยในยุคปจั จุบนั 48 48 คมู อื ครู เบศรู รณษาฐกกาจิ รพอเพยี ง ในปจ จบุ นั กระแสวฒั นธรรมเขามามีอทิ ธิพลตอ เราอยา งมาก หากเราไมรูจักเลือกรับวฒั นธรรม สากลไดอยางเหมาะสมก็อาจสง ผลใหเ กิดปญหาได ครูใหนักเรียนยกตัวอยางการนําหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งเขา มาชวยในการเลือกรบั วฒั นธรรมสากลอยา งเหมาะ โดยครสู ุม เลอื ก นักเรยี นใหออกมาพูดหนา ช้ันเรียน

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore ๒) พจิ ารณาถงึ ข้อดีและข้อเสยี ควบคกู่ ันไป เนอ่ื งจากส่งิ ประดิษฐแ์ ละนวตั กรรม อธบิ ายความรู จากวัฒนธรรมภายนอกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ก่อให้เกิดคุณอนันต์และ นกั เรยี นแบง กลมุ แลว จดั กลุม โทษมหนั ต์ ซ่งึ ถา้ หากเราศกึ ษาใหด้ ใี ชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชนก์ จ็ ะกอ่ ให้เกิดความสะดวกสบาย ช่วยแกไ้ ข อภปิ รายเรื่องการเลือกรับวัฒนธรรม ปัญหาได้ทันท่วงที และตอบสนองความต้องการในด้านต่างๆ ได้ดังใจ แต่ผลเสียก็มีอยู่มาก สากลอยางเหมาะสมพรอ มทงั้ นาํ เช่น ท�าให้มนุษย์เกิดความฟุ้งเฟ้อ ให้ความส�าคัญทางด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ เกิดการแก่งแย่ง เสนอหนาช้นั เรยี น แข่งขันกัน อีกทั้งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมาก และมีการปล่อยของเสียออกมาเป็นจา� นวนมาก ขยายความเขาใจ ๓) มกี ารร่วมมือกนั ค้นควา้ เผยแพร่ รวมถึงการประยุกต์ใชภ้ มู ปิ ญั ญาไทย 1. ครูใหนกั เรยี นเขียนแสดงทัศนะ เกยี่ วกับลักษณะการเลือกรบั โดยสืบค้นจากค�าบอกกล่าวของผู้เฒ่า ผู้อาวุโส และผู้รู้ จากนิยาย นิทานชาวบ้าน คัมภีร ์ วัฒนธรรมสากลของคนใน ทางศาสนา วรรณคดีประเภทตา่ งๆ ค�าคม สุภาษติ คา� พงั เพย รวมถงึ การสงั เกตและเปรยี บเทียบ สังคมไทย การด�าเนินชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม และความสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อม โดยได ้ จัดระบบความรู้ เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้ข้ึน พร้อมทั้งเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึง 2. นกั เรียนอภปิ รายถงึ บทบาทหนา ท่ี ความสา� คัญของภมู ปิ ญั ญาไทย ของนักเรยี น ท่จี ะสามารถมี ความรู้ที่ได้รับจากภูมิปัญญาไทย ควรน�าไปศึกษาวิเคราะห์ตามหลักวิทยาศาสตร ์ สว นรว มชวยใหคนในสงั คมไทย และหาแนวทางใช้ฐานความรู้นั้นต่อยอด เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ีเหมาะสมกับทรัพยากร มีการเลอื กรบั วัฒนธรรมสากลได และส่ิงแวดล้อมท้ังของประเทศไทยและของโลก ตลอดจนเผยแพร่ให้สังคมโลกล่วงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ อยางเหมาะสม แลวทาํ รายงาน เป็นฝีมือของคนไทย สรุปการอภิปราย ๔) มีการพัฒนาและผสมผสานวัฒนธรรมไทยให้เหมาะสมกับสมัยปัจจุบัน ตรวจสอบผล เราจะเห็นได้ว่า ภูมิปัญญาไทยหลายเรื่องได้กลายเป็นภูมิปัญญาสากล เช่น อาหารไทยได้รับ ครคู วรตรวจสอบความรู ความนิยมไปท่ัวโลก มีการผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับภูมิปัญญาตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเขา ใจของนักเรียน โดยการ ด้านสถาปัตยกรรม เช่น โบสถ์วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาทใน จัดประชุมสมั นาเพ่ือแลกเปล่ยี น พระบรมมหาราชวัง พระทนี่ ั่งอนันตสมาคม และสถาปัตยกรรมแบบชโิ น-โปรตุกสี ในจงั หวัดภเู กต็ ความคิดเห็น และหาขอสรปุ เกีย่ วกับ เปน็ ตน้ การผสมผสานอยา่ งลงตวั ของภมู ปิ ญั ญาไทยกบั ภมู ปิ ญั ญาสากล ไดก้ ลายเปน็ มรดกสา� คญั ประเด็นเน้ือหาในบทเรยี น ของวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทย B พ้นื ฐานอาชีพ กล่าวสรุปไดว้ า่ B ในยุคปัจจุบันวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล ต่างก็มีความส�าคัญและเข้ามามี ครใู หนักเรยี นนําวฒั นธรรมไทย บทบาทต่อการด�าเนินชีวิตอย่างมาก ถึงแม้ว่าในแต่ละวัฒนธรรมจะมีความแตกต่างกัน และวัฒนธรรมสากลมาผสมผสาน แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับวัฒนธรรมได้อย่างเหมาะสมและสามารถน�าวัฒนธรรมเหล่านั้น เพอ่ื ใหเกิดส่งิ ประดิษฐ ท่สี ามารถนาํ มาผสมผสานเพื่อประยุกต์ใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะส่งผลให้วัฒนธรรมมีประโยชน์ต่อการ มาสรา งอาชพี เสรมิ ใหแกตนเองได พัฒนาสงั คมและคณุ ภาพชีวติ ของเรา 49 คูมือครู 49

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage เกร็ดแนะครู (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) (แนวตอบ คาํ ถามประจํา ¤Ó¶ÒÁ»ÃШÓ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹Ì٠หนวยการเรียนรู ๑ วัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาไทยมปี ระโยชน์ตอ่ การด�าเนนิ ชีวติ ของนักเรียนอยา่ งไรบา้ ง 1. มีประโยชนเนอื่ งจากเปน ๒ ในสงั คมไทยมอี ะไรบา้ งทแี่ สดงถงึ การผสมผสานระหวา่ งวฒั นธรรมไทยกบั วฒั นธรรมสากล แบบแผนรวมถึงเปน แนวทางใน ๓ การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยมีความจ�าเป็นอยา่ งไรและใครบา้ งควรมบี ทบาทในเรอ่ื งน�้ การปฏิบตั ิ เพอ่ื ใหดาํ เนินชีวติ ไดใน ๔ ยกตัวอยา่ งวฒั นธรรมสากลท่ีมีข้อดีและมีประโยชน์ต่อชวี ติ ของนกั เรียน สงั คมไทยอยา งเหมาะสม อีกทง้ั เปน ๕ นกั เรียนมวี ิธเี ลอื กรบั วัฒนธรรมสากลอย่างไร เอกลักษณท ี่มคี ณุ คาทีส่ ะทอ นถงึ ๖ จงยกตัวอย่างวัฒนธรรมไทยท่ีนักเรียนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และมีวิธีการอนุรักษ์ วิถอี ันดงี าม ไดอ้ ยา่ งไร 2. ที่อยอู าศัย สถาปต ยกรรมตา งๆ ¡Ô¨¡ÃÃÁÊÃÒŒ §ÊÃ侏 Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ หรือแมแตภ าษาไทยในบางคํา ก็มี การประยุกตม าจากภาษาสากล กจิ กรรมที่ นักเรียนแบ่งกลุ่ม ไปส�ารวจและสืบค้นเก่ียวกับภูมิปัญญาชาวบ้าน ของไทยที่น่าสนใจ จัดท�าเป็นสมุดภาพประกอบค�าบรรยาย แล้ว 3. การอนรุ กั ษวฒั นธรรมไทยมี ๑ น�าเสนอหนา้ ช้นั เรยี น ความจําเปนอยา งมาก เปนสิ่งท่ี นักเรียนออกมาเล่าถึงภูมิปัญญาท่ีน่าสนใจในท้องถิ�นของตนเอง จะชวยใหว ัฒนธรรมยังคงอยู กจิ กรรมท่ี หนา้ ชั้น คนละ ๑ ภูมปิ ญั ญา ไมส ญู หาย และเปนหนา ท่ีของ คนไทยทกุ คนทจี่ ะตองรวมมือกัน ๒ นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ศกึ ษาผลงานของปราชญช์ าวบา้ นหรอื ครภู มู ปิ ญั ญา ในการอนุรกั ษวัฒนธรรมไทย ของไทย แลว้ น�าขอ้ มลู มาจดั ทา� ปา้ ยนิเทศ กจิ กรรมที่ นักเรียนยกตัวอย่างวัฒนธรรมสากลท่ีมีอิทธิพลในสังคมไทย แล้ว 4. เครือขา ยอนิ เทอรเ นต็ เปน วิเคราะห์ถึงข้อดี ข้อเสีย และแนวทางในการเลือกรับวัฒนธรรม วัฒนธรรมสากลท่ีมีประโยชนต อ เรา ๓ ดังกล่าว อยา งมากในหลายๆ ดา น เชน กจิ ก๔รรมที่ การศกึ ษาคน ควา ขอมลู ตา งๆ 5. เลือกรับวัฒนธรรมสากลตาม ความจาํ เปน และตอบสนองความ ตองการไดอ ยางดี 6. ภาษไทยเปน สิ่งที่นักเรียน สามารถมสี ว นรวมในการอนุรักษได เพราะเปนส่งิ ทีใ่ กลต ัว ซงึ่ นักเรียน สามารถชว ยอนุรกั ษภ าษาไทยได โดยการพูด อาน เขียน ภาษาไทยให ถูกตองตามหลักไวยากรณ รวมถงึ ถายทอดความรูเกย่ี วกบั ภาษาไทย ใหผ อู ืน่ ทราบ) หแสลดักงฐผานลการเรียนรู ๕๐ รายงาน วิเคราะห การผสมผสาน วัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมสากล และการวเิ คราะหก ารเลือกรบั วัฒนธรรมสากลในสงั คมไทย 50 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๔หนว่ ยการเรียนรู้ท ่ี เปา หมายการเรยี นรู สงั คมไทย 1. อธบิ ายลกั ษณะสงั คมไทยได 2. สามารถวิเคราะหล ักษณะของ สถาบันทางสงั คมไทยได 3. วิเคราะหป จจัยทกี่ อ ใหเ กดิ ความ ขดั แยง และเสนอแนวทางแกไขได 4. วิเคราะหปจ จยั ทีส่ ง เสรมิ การดาํ รง ชวี ติ ใหเ ปนสขุ ตวั ช้วี ดั กระตุนความสนใจ ● วเิ คราะหป์ จ จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปญ หาความขดั แยง้ ครูเกร่นิ นาํ เกย่ี วกบั ลักษณะสําคัญ ในประเทศ และเสนอแนวคดิ ในการลดความ ทางสงั คมไทย แลวครูตงั้ คาํ ถาม เชน ขัดแยง้ (ส ๒.๑ ม.๓/๔) • เม่อื นกั เรียนคดิ ถงึ สังคมไทย ● เสนอแนวคดิ ในการดา� รงชวี ติ อยา่ งมคี วามสขุ นักเรียนคิดถึงลกั ษณะเดน ในประเทศและสังคมโลก (ส ๒.๑ ม.๓/๕) อะไรบาง (แนวตอบ การมพี ระมหากษัตรยิ  สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ã¹Êѧ¤Áä·Â»ÃСͺ仴ŒÇ¤¹¨Òí ¹Ç¹ÁÒ¡·ÁÕè Õ¤ÇÒÁ ทรงเปน ประมุข การไหว การยมิ้ ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ã¹´ŒÒ¹µ‹Ò§æ äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໚¹¤ÇÒÁ¤Ô´ ¤ÇÒÁàª×èÍ การทาํ การเกษตรกรรม) ● ปจ จัยท่ีก่อใหเ้ กดิ ความขัดแยง้ เชน่ การเมือง °Ò¹Ð àªé×ÍªÒµÔ «èÖ§àÁè×͵ŒÍ§´íÒà¹Ô¹ªÕÇÔµÍÂًËÇÁ¡Ñ¹¡ç‹ÍÁ การปกครอง เศรษฐกจิ สงั คม ความเช่อื à¡Ô´»˜ÞËÒ¤ÇÒÁ¢Ñ´áÂŒ§áÅл˜ÞËÒÊѧ¤Áã¹´ŒÒ¹µ‹Ò§æ ครโู ยงเขาสูบ ทเรียน เรอ่ื ง ลักษณะ «Ö觶×Í໚¹àÃè×ͧ¸ÃÃÁ´Ò áÅÐ໚¹ÊèÔ§·Õ褹ä·Â¨ÐµŒÍ§·íÒ สําคญั ของสังคมไทย โดยครซู กั ถาม ● สาเหตุปญหาทางสังคม เช่น ปญหา ¤ÇÒÁà¢ÒŒ ã¨à¾Íè× ·¨Õè дÒí à¹¹Ô ªÇÕ µÔ µÒÁá¹Ç·Ò§·àÕè ËÁÒÐÊÁµÍ‹ ä» และอธบิ ายขยายความจากส่ิงท่ี สง่ิ แวดลอ้ ม ปญ หายาเสพตดิ ปญ หาการทจุ รติ นกั เรียนตอบ ปญ หาอาชญากรรม เกร็ดแนะครู ● แนวทางความร่วมมือในการลดความขัดแย้ง และการสรา้ งความสมานฉันท์ ครูควรจัดการเรียนรโู ดยให นักเรยี นทาํ กิจกรรมตอ ไปนี้ ● ปจจัยที่ส่งเสริมการด�ารงชีวิตให้มีความสุข เชน่ การอยู่ร่วมกันอยา่ งมีขันตธิ รรม • คน ควา ขอมูลทเี่ ก่ยี วกบั ลกั ษณะ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สําคัญและสภาพสังคมไทย เห็นคุณค่าในตนเอง รู้จักมองโลกในแง่ดี สรา้ งทกั ษะทางอารมณ์ รจู้ กั บรโิ ภคดว้ ยปญ ญา • ติดตามขา วสารขอมูลทเี่ กีย่ วกับ เลือกรับปฏิเสธข่าวและวัตถุต่างๆ ปรับปรุง ประเด็นในสังคมไทย ตนเองและส่ิงตา่ งๆ ใหด้ ขี ้ึนอยเู่ สมอ • รวมกนั วิเคราะหถ งึ ปญหาสงั คม ไทยและเสนอแนะแนวทางแกไ ข คูมือครู 51

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุน ความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ครูอธบิ ายทบทวนความรแู ก ñ. Å¡Ñ É³Ð¢Í§Ê§Ñ ¤Áä·Â นักเรียนเก่ียวกับสภาพสงั คมไทย โดยรวม เพื่อท่ีจะโยงเขา สเู น้อื หา สังคมไทยมีความหมายครอบคลุมถึงการอยูรวมกันของคนทุกกลุม ท่ีมีวัฒนธรรมไทยเปน จากน้นั ครตู งั้ คาํ ถาม พนื้ ฐานในการดาํ รงชวี ติ อาศยั อยบู นผนื แผน ดนิ ไทย ชนชาตไิ ทยเปน ชนกลมุ ใหญข องประเทศอาศยั • เหตุใดประเทศไทยจงึ มีความ โดดเดน ในดา นการเปน ประเทศ อยูรวมกับชนกลุมตางๆ ท่ีมีเช้ือชาติ ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณีบางอยางที่แตกตางกัน เกษตรกรรม (แนวตอบ เน่ืองจากประเทศไทย ออกไป แตช นทกุ กลมุ มคี วามเกยี่ วขอ งผกู พนั ตอ กนั รวมทง้ั ยอมรบั และปฏบิ ตั ติ ามวถิ กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ ต้ังอยูใ นบรเิ วณทมี่ ลี ักษณะ ภูมิประเทศและภูมอิ ากาศ ทางสังคมและวฒั นธรรมไทย เหมาะสมกบั การเพาะปลูก แมวาในสังคมไทยจะประกอบไปดวยคนจํานวนมาก ซง่ึ มีความแตกตา งกันไปในดานตางๆ ผลผลิตทางการเกษตรท่ีไดจ งึ มี แตก ส็ ามารถอยรู ว มกนั ได และยงั มลี กั ษณะทเ่ี ปน เอกลกั ษณท างสงั คมอยา งชดั เจน ลกั ษณะสาํ คญั ปรมิ าณมาก มีคณุ ภาพดี เปน ที่ ของสังคมไทย มดี งั น้ี ตองการของทวั่ โลก) ò. ÁÕ ¾ à Р¾Ø · ¸ - ñ. à¤Òþà·Ô´·Ù¹ • การที่คนในสงั คมไทยใหความ ÈÒʹÒ໚¹ÈÒÊ¹Ò เคารพเทดิ ทนู พระมหากษตั รยิ  ʶҺ¹Ñ ¾ÃÐÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ  ËÅ¡Ñ ¤¹ä·ÂÊÇ‹ ¹ãËÞ‹ ต้งั แตอ ดตี จนถงึ ปจ จุบนั มาจาก à¾ÃÒÐ椄 ¤Áä·ÂµÃÐ˹¡Ñ ໚¹¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ สาเหตใุ ด 㹡ÒÃàÊÕÂÊÅÐ «Öè§ ÁÇÕ ¸Ô ¤Õ ´Ô áÅСÒû¯ºÔ µÑ Ô (แนวตอบ เน่ืองจากสถาบัน ʶҺ¹Ñ ¾ÃÐÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ  µ¹µÒÁá¹Ç·Ò§ พระมหากษัตรยิ ไดใหค วาม ä´Œª‹ÇÂàËÅ×ÍÊѧ¤Áä·Â ¾Ãо·Ø ¸ÈÒʹÒ໹š ËÅ¡Ñ ã¹¢³Ð·ÁÕè ¼Õ ¤ŒÙ ¹ºÒ§ÊÇ‹ ¹àÅÍ× ¡¹ºÑ ¶Í× ชวยเหลอื และอยเู คียงขาง ÍÂÒ‹ §µ‹Íà¹×èͧáÅÐÍ‹Ùà¤ÂÕ §¢ÒŒ §»ÃЪҪ¹µÅÍ´ÁÒ ÈÒʹÒÍ×è¹æ હ‹ ÈÒʹҤÃÔʵ ÈÒʹҾÃÒËÁ³-Î¹Ô ´Ù ประชาชนมาโดยตลอด ÈÒʹÒÍÊÔ ÅÒÁ ÈÒʹÒÊ¢Ô «§èÖ µÒ‹ §¡Íç ÂË٠Nj Á¡¹Ñ ÍÂÒ‹ §Ê¹Ñ µÊÔ ¢Ø ประชาชนชาวไทย จึงให ô. ÃÑ¡¤ÇÒÁ໚¹ ความเคารพเทดิ ทนู สถาบัน ó. ÁÕ¤ÇÒÁÃÑ¡ã¹ พระมหากษตั รยิ ต ลอดมา) ÍÔÊÃÐáÅÐÁÕàÊÃÕÀÒ¾ ¶èÔ¹°Ò¹ºŒÒ¹à¡Ô´¢Í§ ʋǹºØ¤¤Å ÁÕ¡Òà สาํ รวจคนหา µ¹ ¤¹ä·ÂÁÕ¤ÇÒÁ ¼Í‹ ¹»Ã¹ã¹àÃÍ×è §µÒ‹ §æ ¼Ù¡¾Ñ¹¡Ñº¶Ô蹡íÒà¹Ô´ «è֧໚¹Ê‹Ç¹Ë¹èÖ§¢Í§ นกั เรียนแบงกลุมเพ่ือชว ยกนั ¢Í§µ¹ ·íÒãËŒÁÕ¤ÇÒÁ ÃкºÍØ»¶ÑÁÀ ¨¹äÁ‹ คน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั ลกั ษณะทส่ี าํ คญั Ëǧá˹㹻ÃÐà·È ¤‹ÍÂÃÑ¡ÉÒÃкº ÃÐàºÕº ¡®à¡³±Í‹ҧà¤Ã‹§¤ÃÑ´ ของสงั คมไทย กลุม ละ 1 ลักษณะ ªÒµÔ áÁŒÇ‹Ò¨ÐÍÂÙ‹·èÕã´ ËÒ¡¤¹ä·Â´íÒà¹Ô¹ªÕÇԵ͋ҧàÊÃÕÀÒ¾ÀÒÂ㵌¡®ËÁÒ จากน้นั จดั ทาํ เปนรปู เลมรายงานให ¡µç ÒÁ¡çÂѧ¤§Á¤Õ ÇÒÁÃÑ¡áÅй֡¶§Ö »ÃÐà·È¢Í§µ¹àÊÁÍ ¡ç¨ÐÊÌҧÊѧ¤Á·ÕÁè ÕÃÐàºÕºÁÒ¡¢Öé¹ สวยงาม แลว นําเสนอหนา ช้นั เรียน õ. ໚¹Êѧ¤Áà¡ÉµÃ- ö. ÁÕ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑè¹ã¹ นักเรยี นควรรู ¡ÃÃÁ »ÃÐà·Èä·ÂÁÕ ¤ Ç Ò Á ÍØ ´ Á Ê Á ºÙ à ³  » Ã Ð à ¾ ³Õ ÍÑ ¹ ´Õ § Ò Á àËÁÒÐá¡‹¡Ò÷íÒà¡ÉµÃ ¤¹ä·ÂʋǹãËÞ‹ »ÃЪҡÃʋǹãËÞ‹¨Ö§ ÂÖ´¶×Í¢¹º¸ÃÃÁà¹ÕÂÁ ÁÕÍҪվ໚¹à¡ÉµÃ¡Ã »ÃÐà¾³Õ áÅÐÇ²Ñ ¹¸ÃÃÁ ÁÕªÇÕ µÔ àÃÂÕ º§Ò‹  µÍ‹ ÁÒ椄 ¤Áä·ÂÁÅÕ ¡Ñ ɳÐ໹š 椄 ¤ÁàÁÍ× §ÁÒ¡¢¹Öé ä·Â ÃÇÁ·Ñé§ÁÕ¤ÇÒÁ ·íÒãËŒà¡ÉµÃ¡ÃºÒ§Ê‹Ç¹à»ÅÕè¹ÃٻẺ¡ÒûÃСͺÍÒªÕ¾ À Ò ¤ ÀÙ ÁÔ ã ¨ ã ¹ ¤ Ç Ò Á ÍصÊÒË¡ÃÃÁáÅкÃÔ¡Òà ᵋ¡Ò÷íÒà¡ÉµÃ¡çÂѧ¤§à»š¹ÍÒªÕ¾ ໚¹ªÒµäÔ ·Â ËÅÑ¡¢Í§¤¹ä·Â ๕๒ ศาสนาอนื่ ๆ ศาสนาในประเทศไทย @ มมุ IT ท่ีรัฐบาลใหค วามอุปถมั ภ มี 5 ศาสนา ไดแก ศาสนาพทุ ธ ศาสนาครสิ ต ศาสนาอิสลาม ศาสนาพราหมณ-ฮนิ ดู และศาสนาสิข แมว าในสงั คมไทย ศึกษาคน ควาขอ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ยี วกับพระราชกรณียกิจของ จะมผี ทู ี่นับถือศาสนาที่หลากหลาย แตก ส็ ามารถอยูรว มกันไดอยางสงบสุข พระมหากษัตรยิ  ไดท่ี http://kanchanapisek.or.th ตลอดมา ซ่งึ ถอื เปน ลกั ษณะเดน ทีค่ นไทยทกุ คนควรรกั ษาไว 52 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate นอกจากนี้ ส่ิงท่ีสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของสังคมไทยได้อย่างชัดเจน คือ ลักษณะของ สาํ รวจคนหา สถาบนั ทางสงั คมไทย เนอ่ื งจากเปน็ โครงสรา้ งหลกั ในการผลกั ดนั ใหส้ งั คมมกี ารพฒั นา ซง่ึ สถาบนั ทางสังคมไทยมลี ักษณะเฉพาะ ดงั น้ี 1. นกั เรียนชว ยกันสาํ รวจวาใน สังคมไทยปจ จบุ ัน มปี ระเด็น สถาบัน ลักษณะของสถาบันทางสงั คมไทย ความขดั แยง ในดานใดบาง ครอบครวั และความขดั แยงนน้ั เกดิ ขนึ้ สถาบนั เป็นสถาบันที่มีความส�าคัญท่ีสุด ท�าหน้าท่ีอบรมสั่งสอนสมาชิกในครอบครัวให้รู้จักแบบแผน จากปจ จัยใด การศกึ ษา ของสังคม ในปัจจุบันครอบครัวไทยมีลักษณะท่ีเป็นครอบครัวเด่ียวมากข้ึน แต่ยังคงมี สถาบัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว มีลักษณะการยอมรับนับถือผู้ใหญ่ 2. นกั เรยี นสบื คน ขอ มลู ที่เก่ียวกับ ศาสนา ความเออื้ อาทร และความรักท่มี ีต่อกนั สถาบันทางสังคมในประเทศไทย มีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และวัฒนธรรมต่างๆ ให้กับสมาชิกในสังคม ในปัจจุบันมีการแยก จากแหลงขอ มลู ตางๆ จากนัน้ นาํ สถาบนั การศึกษาอยา่ งเป็นระบบ มคี ณาจารยผ์ ูเ้ ชี่ยวชาญในสาขาวชิ าต่างๆ ถา่ ยทอดความรู้ ขอ มลู ทีไ่ ดม าแลกเปลยี่ นกันศึกษา และจัดการเรียนการสอนท่ีชัดเจน และสามารถเข้าถึงได้หลายทาง เช่น หนังสือ เอกสาร ภายในชั้นเรียน วชิ าการ วิทยโุ ทรทศั น์ อินเทอร์เน็ต เปน็ ต้น มีหน้าท่เี สรมิ สรา้ งคุณธรรมจรยิ ธรรมและค่านิยมทีด่ ใี ห้คนในสังคม ในสงั คมไทยมีการนบั ถอื อธบิ ายความรู ศาสนาทีแ่ ตกตา่ งกนั เชน่ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู ฯลฯ มหี ลกั ปฏบิ ัติและความเช่ือทีแ่ ตกตา่ งกนั แต่ก็สามารถอยู่รว่ มกนั ได้อย่างสันตเิ สมอมา นกั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 7 กลมุ จากนนั้ สง ตวั แทนออกมาจบั สลาก สถาบัน มีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสมาชิกในสังคมด้านปัจจัยส่ี สังคมไทยในปัจจุบันมี เพอ่ื เลอื กสถาบนั ทางสงั คม จากนนั้ เศรษฐกจิ รายได้หลักของประเทศมาจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม แต่ก็ยังคงผลิตสินค้าทาง ใหส มาชกิ ในกลมุ ประชมุ อภปิ ราย การเกษตรส�าหรับบริโภคและส่งออกในระดับสูง สินค้าทางการเกษตรท่ีส�าคัญ เช่น ข้าว เกย่ี วกบั สถาบนั ทางสงั คมของกลมุ ยางพารา ข้าวโพด เป็นต้น นอกจากนี้สังคมไทยยังได้น้อมน�าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ ตนเอง แลว สง ตวั แทนออกมาสรปุ ผล พอเพียงมาประยกุ ต์ใช้ในการด�ารงชวี ิตประจา� วัน การอภปิ รายหนา ชนั้ เรยี น สถาบนั มีหน้าท่ีรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย นักเรยี นควรรู การเมือง อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ประชาชนสามารถเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการปกครองทง้ั ใน การปกครอง ระดบั ชาตแิ ละระดบั ทอ้ งถน่ิ สามารถแสดงความคดิ เหน็ รวมถงึ เสนอเปา้ หมายและแผนพฒั นา สถาบนั ครอบครวั ครอบครัวไทย ตลอดจนกฎหมายตา่ งๆ ในสมยั กอน มักมีลกั ษณะเปน ครอบครวั ขยาย ทป่ี ระกอบดว ย สถาบนั มีหน้าท่ีในการให้ความบันเทิง ส่งเสริมให้คนในสังคมรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สมาชกิ หลายคน เชน พอ แม ลูก นันทนาการ ห่างไกลอบายมุข กิจกรรมนันทนาการที่ส�าคัญ เช่น การละเล่นพื้นบ้าน เพลง ละคร ปู ยา นา อา อาศยั อยรู ว มกนั เกมออนไลน์ ที่ก�าลังแพร่หลายและได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งแต่ละภูมิภาคก็จะมี แตในยคุ ปจจบุ นั ครอบครัวไทย กจิ กรรมแตกตา่ งกันไป มีลกั ษณะทเ่ี ปน ครอบครวั เดี่ยว เปน สว นใหญ โดยสาํ นกั งานสถติ แิ หงชาติ มหี นา้ ทใี่ นการถา่ ยทอดขา่ วสารขอ้ มลู ตา่ งๆ สคู่ นในสงั คม ในปจั จบุ นั สงั คมไทยเปน็ สงั คมแหง่ ไดท าํ การสาํ รวจพบวา ครอบครวั เดยี่ ว สถาบนั ขา่ วสารขอ้ มลู สถาบันสือ่ สารมวลชนมีการพัฒนาเทคโนโลยแี ละรปู แบบการน�าเสนอ มกี าร ทป่ี ระกอบดว ย สามี ภรรยา และลูก สอ่ื สารมวลชน แข่งขันกันระหว่างส่ือมวลชนด้วยกันในระดับสูง ท�าให้คนไทยสามารถเข้าถึงแหล่งข่าวสาร มีจํานวนรอยละ 50 ซึง่ ถือวาลดลง ข้อมลู ไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเร็ว จากป 2545 ทีม่ ีจาํ นวนรอยละ 56 53 นักเรยี นควรรู คมู ือครู 53 ขา วสารขอ มลู สงั คมไทยปจ จบุ นั เปน สงั คมแหง ขา วสารขอ มลู สอ่ื ตา งๆ มกี ารพฒั นาแขง ขนั กนั เพอื่ ทจี่ ะนาํ เสนอขา วอยา งทนั เหตกุ ารณ จงึ ถอื เปน เรอื่ งดที เี่ ราจะไดร บั ขา วสารขอ มลู ทห่ี ลากหลาย แตส่งิ ที่สาํ คญั ท่สี ุด คอื เราจะตอ งใชวจิ ารณญาณในการรบั ขา วสารขอมูลตางๆ โดยมุง เนน ใน เรอ่ื งของขอ เท็จจรงิ

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) นักเรยี นศึกษาคนควา เกีย่ วกับ ๒. ปัจจยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ การเมอื งการปกครองของไทย โดยเร่ิมตัง้ แตส มัยเปลย่ี นแปลง เมอ่ื พจิ ารณาลกั ษณะของสถาบนั ทางสงั คมไทย จะเหน็ ไดว้ า่ สงั คมไทยมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั การปกครอง พ.ศ. 2475 จนถงึ แตก่ ็มคี วามแตกต่างกนั ปรากฏอยู่ และอาจนา� ไปสูค่ วามขดั แยง้ ทางสังคม กอ่ ให้เกิดความแตกแยก ยคุ ปจจุบัน บางครงั้ มีความขัดแยง้ จนสังคมเกดิ ความระส�่าระสาย เน่อื งจากขาดความสมานฉนั ท์ สมาชกิ เกิด ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเราสามารถจ�าแนกปัจจัยที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง อธบิ ายความรู ในสงั คมไทยในแต่ละดา้ นได้ ดงั น้ี นกั เรยี นนาํ ขอ มลู ทไ่ี ดจ ากการ ๒.๑ การเมอื งการปกครอง คน ควา รว มกนั วเิ คราะหเ ปรยี บเทยี บ ววิ ฒั นาการดา นการเมอื งการปกครอง ในอดตี สงั คมไทยมคี วามขดั แยง้ ในระบอบการเมอื งการปกครองภายในประเทศ ซงึ่ เปน็ ความ ของไทย จากนนั้ อภปิ รายถงึ ความ ขดั แยง้ ระหวา่ งประชาชนกบั ผมู้ อี า� นาจในการบรหิ ารประเทศ เนอ่ื งจากผบู้ รหิ ารประเทศมกั ใชอ้ า� นาจ ขดั แยง และปญ หาดา นการเมอื ง ในทางมชิ อบ ไมว่ า่ จะเปน็ การทจุ รติ ความไมโ่ ปรง่ ใสในการบรหิ ารประเทศ การจา� กดั สทิ ธเิ สรภี าพ การปกครองของไทย ตง้ั แตอ ดตี จนถงึ ของประชาชน ซึ่งเป็นลักษณะท่ีขัดกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แตใ่ นที่สุดผู้คนก็ได้ ปจ จบุ นั ตระหนกั ถงึ การอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสนั ติ และตา่ งเหน็ วา่ การเมอื งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมาะสมกับสังคมไทย ท�าให้ความขัดแย้งทางการเมือง ขยายความเขาใจ ลดลงไปบา้ ง แตป่ จั จบุ นั กย็ งั คงมปี ญั หาความขดั แยง้ ทางการเมอื งอย ู่ ซง่ึ มาจากสาเหตสุ า� คญั ไดแ้ ก่ ใหน กั เรยี นรว มกนั สรปุ ความขดั แยง ๑) ความแตกต่างทางความคิดด้านการเมือง ในยุคปัจจุบันคนไทยมีอิสรภาพ ทางดา นการเมอื งการปกครองใน สงั คมไทย แลวชวยกนั วเิ คราะห ทางความคิดมากขึ้น และสามารถแสดงออกทางการเมืองได้อย่างกว้างขวาง จึงท�าให้เกิดภาพ ถงึ แนวโนม ความขัดแยง รวมถงึ ความขัดแย้งกันอย่างชัดเจนจนบางคร้ังก็น�าไปสู่ความรุนแรง ซึ่งคนในสังคมจะต้องพยายามหา พฒั นาการดา นการเมืองการปกครอง แนวทางเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปกครอง และต้องอยู่ร่วมกันโดยใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาโดย ในอนาคต จากนนั้ จดั ทาํ เปน ผงั ความคดิ ยึดหลักการประนีประนอม สมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชนต้องตระหนักในหน้าท่ีและ เพอื่ อธิบายใหเขา ใจโดยงาย ปฏบิ ตั งิ านใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ประชาชน ตลอดจนการบงั คบั ใชก้ ฎหมายของเจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ตอ้ งชดั เจน มีประสทิ ธิภาพ และยตุ ิธรรม เพ่อื ให้สังคมไทยเกิดสันตสิ ขุ และมีการพฒั นาตอ่ ไป นกั เรียนควรรู ๒) ความแตกตา่ งทางดา้ นเชอื้ ชาติ ความแตกตา่ งทางดา้ นเชอื้ ชาตมิ ผี ลทา� ใหเ้ กดิ มีสวนรว มในการปกครอง ประชาชนชาวไทยควรมีสวนรว มใน ความขดั แยง้ ในการปกครอง เพราะอาจเกดิ อคตติ อ่ คนตา่ งเชอื้ ชาต ิ และนา� ไปสปู่ ญั หาทางการเมอื งได้ การปกครอง ซงึ่ ถือเปน สงิ่ สําคญั ท่ีจะ ชว ยใหก ารปกครองไทยมีการพัฒนา ๓) ปัญหาการคอร์รัปชั่น ถือเป็นปัญหาส�าคัญอย่างมาก เนื่องจากผู้ท่ีเข้าไปมี แตใ นการมสี ว นรว มน้ัน จะตอ งคํานงึ ถงึ ความถูกตอ ง ใชเ หตผุ ล หลีกเลย่ี ง บทบาทในการบริหารบ้านเมืองยังคงมีพฤติกรรมท่ีทุจริตเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน การใชค วามรุนแรง และไมตกเปน และหมคู่ ณะ สรา้ งความเสียหายแก่ประเทศชาตแิ ละประชาชนโดยส่วนรวมอยา่ งมาก เคร่อื งมือของผูใดผูหน่งึ หรอื กลมุ ใด กลมุ หน่งึ ๔) ความไมเ่ ท่าเทียมกนั ในสงั คม สงั คมไทยยังคงมีความเหลือ่ มล้�าในด้านตา่ งๆ ส่งผลให้คนไทยเกิดความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น ฐานะทางเศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถึง ทรัพยากร จึงท�าให้คุณภาพชีวิตแตกต่างกันท�าให้เกิดความคิด ความเช่ือ และความต้องการท่ี แตกต่างกันไป ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจทางการเมอื ง รวมถงึ การเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งใน รปู แบบตา่ งๆ จนบางครงั้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ และบางกลมุ่ อาจกลายเปน็ เหยอื่ ของคนบางกลมุ่ 54 จนนา� ไปสคู่ วามแตกแยกภายในสังคม @ มมุ IT ศกึ ษาคนควา ขอ มูลเพ่มิ เติมเกีย่ วกับมาตรการปองกันการทจุ รติ ไดท ่ี http://www.nacc.go.th 54 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๒.๒ เศรษฐกิจและสังคม สํารวจคน หา สภาพเศรษฐกจิ และสงั คมไทยเปน็ ปจั จยั สา� คญั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ภายในสงั คม ซงึ่ มาจาก นกั เรยี นสบื คน ขา วจากหนงั สอื พมิ พ สาเหต ุ เชน่ หรืออนิ เทอรเน็ตทีแ่ สดงถงึ ความ ขัดแยง ทางดานเศรษฐกิจและสงั คม ๑) ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดชนช้ันทางสังคมอย่างชัดเจน จากน้นั เขียนสรปุ ขา วพอสงั เขป พรอ มทง้ั บอกแหลง อางอิงทีม่ า ระหวา่ งคนรวยกับคนจน และสง่ ผลให้เกิดการเอารดั เอาเปรยี บทางสงั คม เชน่ คนในชนบทตอ้ ง ของขาว ขายผลผลิตทางการเกษตรในราคาต่�า แต่ต้องซ้ือสินค้าอุตสาหกรรมในราคาสงู ทา� ให้เกษตรกรมี รายได้และฐานะทางเศรษฐกจิ ตา�่ กวา่ ผปู้ ระกอบการและพอ่ คา้ ในเมอื ง อธิบายความรู ๒) เกิดการผูกขาดทางการค้า ในบางกรณีผู้ประกอบการบางกลุ่มผูกขาดสินค้า นักเรียนนําขาวที่สืบคน ได มาวเิ คราะหถงึ สาเหตุของปญ หา และบรกิ าร ทา� ใหส้ ามารถสรา้ งผลกา� ไรมหาศาลใหก้ บั ธรุ กจิ ของตนและพวกพอ้ ง เมอ่ื ฐานะทางเศรษฐกจิ ตามเน้ือขา ว จากนั้นอภิปรายเสนอ มคี วามแตกตา่ งกนั มาก โอกาสของการครอบครองปจั จยั การผลติ โดยเฉพาะทดี่ นิ มกั เปน็ ของนายทนุ แนะแนวทางการแกไข เกษตรกรบางคนไม่มีท่ีดินเป็นของตนเอง ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น เช่น การแย่งชิงผลประโยชน ์ ประชาชนส่วนใหญ่ยากจน และมีโจรผรู้ า้ ยชุกชุม เปน็ ต้น นกั เรียนควรรู ๓) ปญั หาการว่างงาน จากภาวะทางดา้ นเศรษฐกจิ ทง้ั ภายในและภายนอกประเทศ ชนชนั้ ทางสังคม เปนลกั ษณะ ของการแบง กลุมคนในสังคม โดยมี ไมว่ า่ จะเปน็ การชะลอตวั หรอื การถดถอยทางเศรษฐกจิ สง่ ผลใหผ้ ปู้ ระกอบการหลายรายจา� เปน็ ตอ้ ง ผลมาจากคานิยม ความสนใจ และ ลดกา� ลงั การผลติ มกี ารเลกิ จา้ ง หรอื ปลดพนกั งานออก จงึ เกดิ การวา่ งงานมากขนึ้ ซง่ึ สภาพดงั กลา่ ว พฤติกรรมที่แตกตา งกันไปในแตล ะ น�าไปสู่ความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้างได้ ดังจะเห็นได้จากการท่ีมีกลุ่มลูกจ้างออกมา สงั คม การแบง ชนช้ันทางสังคม รวมตวั กนั เพอื่ ตอ่ ตา้ นการประกาศเลกิ จา้ งหรอื ปลดพนกั งานตา่ งๆ อาจแบงโดยใชเ กณฑต างๆ มาเปน ตวั กําหนด เชน ฐานะทางเศรษฐกจิ ๔) ปญั หาแรงงานต่างดา้ ว แรงงานตา่ งดา้ วทลี่ กั ลอบเขา้ มาทา� งานในประเทศไทย การศึกษา ชาตติ ระกูล เปน ตน อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ สงั คมไทยดา้ นตา่ งๆ เชน่ การกอ่ อาชญากรรม การแพรร่ ะบาดของโรค รวมไปถึงผลกระทบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซ่ึงผลกระทบต่างๆ เหล่านี้อาจก่อให้เกิด ความขดั แยง้ ระหวา่ งคนในสงั คมไทยกบั คนทเี่ ปน็ ชาวตา่ งดา้ วได้ ๒.๓ ความเช่อื ศาสนา ลทั ธ ิ ความเชอ่ื อาจนา� ไปสคู่ วามขดั แยง้ ทางสงั คมได ้ ซง่ึ โดยทวั่ ไปมกั เกดิ จากสาเหตุ สา� คญั ไดแ้ ก ่ ๑) มคี วามยดึ มนั่ ในศาสนาของตนเอง เปน็ ลกั ษณะของการยดึ มน่ั ในศาสนาอยา่ ง เคร่งครัดจนเกนิ พอดี และไม่เปิดรับศาสนาอื่นๆ ๒) ความมอี คต ิ คอื การมอี คตติ อ่ คนทน่ี บั ถอื ศาสนาและความเชอ่ื ทแ่ี ตกตา่ งไปจาก ตน อกี ทั้งไม่ยอมรบั และตอ่ ต้านจารตี ประเพณขี องศาสนาอืน่ ดงั ตวั อย่างความขัดแยง้ ทางศาสนา และนา� ไปสกู่ ารทา� สงคราม เชน่ สงครามครเู สด ซงึ่ เปน็ สงครามศาสนาระหวา่ งชาวครสิ ตแ์ ละชาวมสุ ลมิ ระหวา่ งปี ค.ศ. ๑๐๙๕ - ๑๑๙๒ คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าความขัดแย้งเป็นสถานการณ์ท่ีไม่น่าพอใจ เพราะมีลักษณะใทาง 55 ทา� ลาย ก่อให้เกิดความเสยี หาย ในขณะเดียวกนั ความขัดแย้งบางเรื่องยังมีประโยชน์หรอื เป็นข้อดี ตอ่ สงั คมเชน่ กนั เชน่ คนกลมุ่ หนงึ่ เหน็ วา่ ควรตดั ไมท้ า� ลายปา่ เพอ่ื ใชเ้ ผาถา่ นหรอื ปลกู พชื เศรษฐกจิ คนอีกกลุ่มหน่ึงเห็นว่าไม่ควรท�าเพราะจะท�าให้ระบบนิเวศเปล่ียนไป เป็นต้น หากความขัดแย้ง บเศรู รณษาฐกกาจิ รพอเพียง ครูต้งั ประเด็นคําถามวา หากคนไทยดาํ เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแลว จะชว ยลด ปญ หาความขดั แยงทางดา นเศรษฐกจิ และสังคมอยางไรบาง โดยใหนักเรยี นอธิบายเปน ผงั ความคดิ แลว นําสงครผู สู อน คูม อื ครู 55

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) 1. ครใู หน ักเรียนออกมาเขียนปญหา ดา� เนนิ ไปอยา่ งเหมาะสม คือใช้เหตุผลในการแก้ปญั หา หลีกเลี่ยงความรุนแรง กจ็ ะท�าให้สมาชิก สังคมบนกระดานคนละ 1 ปญหา ในสังคมรับรู้และเข้าใจปัญหา สามารถหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อท�าให้สังคมด�ารงอยู่ได้ จากนนั้ ครสู รปุ ภาพรวมของปญ หา อย่างสงบสุข สงั คม ó. ปัÞหาสงั คมและแนวทางแกä้ ข 2. ครูนาํ ขา วจากหนงั สือพิมพ วิทยุ พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๙ ให้ค�าจ�ากัดความของ โทรทศั น ท่เี ปนประเดน็ เกย่ี วกบั ปัญหาสังคมว่า “ภาวะใดๆ ในสังคมที่คนจํานวนมากถือวาเปนส่ิงผิดปกติ ไมพึงปรารถนา และ ปญ หาสังคม แลวรว มกนั อภิปราย ตอ งการแกไ ขใหก ลบั คนื สภู าวะปกติ เชน ปญ หายาเสพตดิ ปญ หาการทจุ รติ ในวงราชการ ฯลฯ ปญ หา เพือ่ แสดงความคิดเหน็ สังคมเปนผลมาจากกระบวนการทางสังคม รวมถึงการประเมินพฤติกรรมของคนในสังคมดวย มาตรฐานศลี ธรรมในขณะนน้ั ” สํารวจคนหา ปญั หาสงั คมส่งผลกระทบตอ่ การดา� เนินชวี ติ ของคนในสังคม ส่งิ ทสี่ า� คัญท่ีสุดกค็ ือ เมื่อเกิด นักเรยี นศกึ ษาคนควา เกย่ี วกับ ปญั หาทางสังคมขึน้ คนในสังคมต้องไมน่ ิง่ ดูดาย จะตอ้ งมสี ่วนร่วมในการคิดและปฏบิ ตั ิเพ่อื แกไ้ ข ปญหาสงิ่ แวดลอม ท่ีกาํ ลงั เปน ปัญหาเหลา่ น้ัน ในประเทศไทยมีปญั หาสงั คมทส่ี า� คัญ ดงั นี ้ ประเด็นสาํ คญั ในประเทศไทย แลว เขยี นสรุปปญหานน้ั ลงในกระดาษ 3.๑ ปัญหาส่งิ แวดลอ้ ม สาเหตทุ ีท่ �าใหเ้ กิดปัญหาส่งิ แวดล้อม A4 นําสงครู แต่เดิมนั้นประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม ๑) ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อธิบายความรู ท่ีสมบูรณ์อย่างมาก เม่ือสภาพแวดล้อมดี รวมทง้ั มกี ารอพยพจากชนบทเขา้ สเู่ ขตเมอื ง ย่อมส่งผลให้ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ ์ เมอ่ื ประชากรเพมิ่ จา� นวนมากขนึ้ การบรโิ ภค นกั เรยี นจดั กลุม สัมมนาเร่อื ง ดังคา� กล่าวท่ีว่า “ในน้ํามีปลา ในนามีขาว” แต่ และการใชท้ รพั ยากรกเ็ พม่ิ ขนึ้ เชน่ กนั เมอื่ ใช้ ประเดน็ ปญหาสงิ่ แวดลอ มใน เมอ่ื กาลเวลาเปลย่ี นไปสงั คมไทยมกี ารขยายตวั ทรพั ยากรนา�้ กป็ ลอ่ ยนา้� เสยี และของเสยี ลงไป ประเทศไทย โดยมุงประเด็นถงึ และมีความเจริญมากขึ้น สภาพแวดล้อมก็ ในแมน่ า�้ ลา� คลอง โดยไมไ่ ดบ้ า� บดั เอาของเสยี สาเหตุของปญหาและผลเสยี ท่ี เปล่ียนไปอันเน่ืองมาจากการตัดไม้ท�าลายป่า ออกอยา่ งถกู ตอ้ ง รวมทง้ั ทงิ้ ขยะไมเ่ ปน็ ทเี่ ปน็ เกิดขึ้นตอ สังคมไทย การตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ท�าให้เกิดมลพิษที่ ทาง ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ก่อให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อคนใน และไมม่ กี ารปลูกต้นไม้ขึ้นเพ่อื ทดแทน นักเรยี นควรรู สังคม เช่น อากาศเป็นพิษ น�้าเสีย เสียงดัง สารพษิ ปนเป้อื น อีกท้ังเกิดภยั พบิ ตั ิรุนแรง เช่น ปรมิ าณขยะ กรมควบคมุ มลพิษ น�้าท่วม ฝนแล้ง อันเป็นผลมาจากการตัดไม้ ไดส รปุ สถานการณขยะในป 2558 วา ท�าลายป่า เป็นต้น ปัญหาเหล่าน้ีล้วนเป็นผล มปี รมิ าณขยะเกิดขน้ึ 29.09 ลานตัน มาจากการกระท�าของมนุษย์ท่ีใช้ประโยชน์ กวา 1 ใน 4 ถกู กําจัดอยา งผิดวธิ ี จากทรัพยากรอย่างส้ินเปลือง และไม่เอาใจใส่ ซึง่ กอใหเ กดิ ปญหามลพษิ ตามมา ท�านุบ�ารุงให้ธรรมชาติคืนสู่สภาพปกติ ปัญหา ปญหาปริมาณขยะล้นเมือง เป็นผลมาจากจ�านวน มากมาย 56 ดงั กล่าวจึงสง่ ผลรา้ ยต่อคนในสังคม ประชากรทเ่ี พิม่ มากขน้ึ @ มุม IT ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพิ่มเตมิ เกีย่ วกับมลพษิ ไดที่ http://www.pcd.go.th 56 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Explore Explain Expand Engage ๒) การพัฒนาอุตสาหกรรมและการ สาํ รวจคน หา คมนาคมขนส่ง ท�าให้เกิดปัญหาส่ิงแวดล้อม ตามมา เช่น ปัญหาน้�าและอากาศเสียเป็น นกั เรยี นสาํ รวจภายในชุมชนของ ผลมาจากการปล่อยมลพิษจากกิจกรรมทาง นกั เรียนวา กาํ ลังประสบปญหา สิ่งแวดลอมในดานใดบาง แลวเขียน บันทึกการสํารวจลงในกระดาษ A4 พรอ มทัง้ อภปิ รายหนาชนั้ เรียน ด้านอุตสาหกรรมและการขนส่ง ในขณะท่ี อธิบายความรู เสียงดังจากรถยนต์และเคร่ืองบิน สร้าง มลภาวะทางเสียงต่อผู้ท่ีอาศัยอยู่ในบริเวณ นักเรยี นแบง กลมุ อภิปราย ถึงผล ใกลเ้ คยี ง สง่ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพรา่ งกายและจติ ใจ กระทบท่เี กิดจากปญหาสงิ่ แวดลอ ม ๓) การพัฒนาเกษตรกรรม วิธีการเพ่ิม ในดา นตางๆ จากนั้นสรปุ ผลการ ผลผลิตทางด้านการเกษตรท่ีใช้กันทั่วไป อภปิ ราย แลว จดั ทาํ เปนผงั ความคิด ได้แก่ การใช้ปุยเคมีและการใช้ยาฆ่าแมลง นําเสนอหนา ชัน้ เรียน และวชั พชื ในขณะเดยี วกนั มกี ารแผว้ ถางปา่ โรงงานอุตสาหกรรมเป็นแหล่งที่สร้างมลภาวะทาง อากาศท่สี �าคัญแหลง่ หน่งึ เนอ่ื งจากมีการปล่อยควนั พิษ ต้นน�้า ป่าไม ้ และปา่ ชายเลน เพอ่ื ขยายพนื้ ท่ี จ�านวนมาก เพาะปลกู กอ่ ใหเ้ กดิ นา�้ ปา่ ไหลหลากในชว่ งฤดฝู น ขยายความเขาใจ ผลกระทบจากปัญหาสิง่ แวดลอ้ ม จากผลกระทบตา งๆ ทเี่ กิดจาก ปญ หาสง่ิ แวดลอ ม ใหน กั เรยี นรว มกนั ๑) ท่ีอยู่อาศัยไม่เพียงพอ ท�าให้เกิดเป็น จดั ทาํ ขอ เสนอแนะเปน รปู เลม รายงาน แหล่งเส่ือมโทรม ผู้คนอาศัยอยู่อย่างแออัด เกย่ี วกบั แนวทางในการแกป ญหาจาก ไม่มีสุขอนามัยท่ีดีพอ ท�าให้สภาพแวดล้อม ผลกระทบท่ีเกดิ จากส่งิ แวดลอม เสื่อมโทรม รวมทัง้ เป็นแหล่งแพรเ่ ช้ือโรคชนดิ รวมถึงแสดงบทบาทการมสี วนรวม ต่างๆ ของนกั เรยี นในการชว ยแกไ ขปญ หาน้ี ๒) ผู้คนมีสุขภาพไม่ดี เน่ืองจากได้รับ สารพิษจากแหล่งต่างๆ เช่น ควันพิษจาก รถยนต ์ นา้� เสยี จากโรงงานอตุ สาหกรรม สารพษิ นกั เรยี นควรรู ปนเปอ้ื นในพชื ผกั ผลไม ้ และเนอ้ื สตั ว ์ ทา� ให้ เกิดโรคหลายชนิด เช่น โรคทางเดินหายใจ ปาชายเลน มีความสําคัญอยา ง โรคภูมแิ พ้ โรคมะเรง็ เปน็ ตน้ มาก เนื่องจากเปน แหลงท่ีชวยรกั ษา ปญหาท่ีอยู่อาศัยไม่เพียงพอก่อให้เกิดชุมชนแออัด ความสมดุลของระบบนิเวศ เปน ๓) เกดิ ภยั พิบตั ทิ างธรรมชาติ สาเหตหุ ลกั เป็นแหลง่ เสือ่ มโทรม ส่งผลเสียตอ่ สภาพแวดล้อม แหลงทอ่ี ยูอ าศยั ของสัตวนาํ้ หลาย มาจากการท�าลายธรรมชาติ เช่น การตัดไม้ท�าลายป่าธรรมชาติ แล้วน�าไปปลูกพืชเศรษฐกิจ ชนดิ อกี ทั้งยงั ชว ยปอ งกันการพัง เช่น ยางพารา ส่งผลใหเ้ กดิ นา�้ ทว่ ม ดินถล่ม ความแห้งแล้งเนอื่ งจากฝนไมต่ กตอ้ งตามฤดกู าล ทลายของชายฝง ทะเล และชวยลด สร้างความเดือดร้อนในการดา� เนนิ ชีวติ เป็นอยา่ งมาก แรงของกระแสนํา้ ท่ีพัดเขา มา 57 ปา ชายเลนจงึ ถือไดว า มีประโยชนต อ การรักษาสิง่ แวดลอมอยา งมหาศาล เราจึงควรรว มกันรกั ษาปา ชายเลน ใหอ ยูในสภาพทส่ี มบูรณที่สุด @ มุม IT ศกึ ษาคนควาขอ มลู เพม่ิ เติมเกี่ยวกับภัยพบิ ัติ ไดที่ http://www.ndwc.go.th คมู ือครู 57

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%) นักเรยี นศกึ ษาคน ควา เกี่ยวกบั แนวทางในการแกไ้ ขและปองกนั ปัญหา ปญหาสิ่งแวดลอมที่กําลังเปน ส่งิ แวดล้อม ประเด็นสําคัญในประเทศไทย แลว เขียนสรุปปญหานัน้ ลงใน ๑) มีมาตรการลดอัตราการเพิ่มประชากร กระดาษ A4 แลวนาํ สง ครู กระจายความเจรญิ ทางดา้ นการศกึ ษาและแหลง่ ประกอบการในชนบท และสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารบา� บดั อธบิ ายความรู น้�าเสียทุกครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรม ตา่ งๆ ก่อนปล่อยลงในแมน่ ้า� และคูคลอง ต้อง นกั เรยี นอภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น เก็บและแยกขยะก่อนใส่ลงในถังขยะท่ีมีฝาปิด ถึงการนาํ แนวทางแกไขปญหา มิดชิด และช่วยกันบ�าบัดน�้าเสียตามคูคลอง ส่ิงแวดลอ มมาปรับใชใน ดว้ ยการเติมสารชวี ภาพลงไป ชวี ติ ประจําวันไดอยางเหมาะสม ๒) รณรงค์การขจัดมลพิษทางอากาศ การแยกขยะ เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยในการลดปญหา น้�า และเสียง เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ที่ ส่ิงแวดลอ้ มอย่างได้ผล ขยายความเขา ใจ เกีย่ วข้องมีความตระหนกั ในการปฏิบตั ิตามกฎหมายสง่ิ แวดลอ้ มอย่างเครง่ ครัด นกั เรยี นชวยกันจดั ปายนเิ ทศเพอื่ ๓) ร่วมกันปลูกป่า มีการรณรงค์ไม่ให้แผ้วถางและตัดต้นไม้ นอกจากน้ี ควรส่งเสริมการ อธิบายความรเู ก่ยี วกับแนวทางตา งๆ ท�ากิจกรรมในการทา� นบุ า� รุงปรับปรุงสภาพของทรพั ยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ท่ีดิน แหลง่ น�้า ท่จี ะชว ยแกไขปญ หาสิ่งแวดลอม การทา� ประมง ตามโครงการต่างๆ เช่น โครงการอนรุ กั ษพ์ น้ื ทต่ี ้นนา้� ลา� ธาร โครงการป่ารกั น�้า จากน้นั ใหนักเรียนชวยกนั อธิบาย โครงการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า โครงการพัฒนาและรณรงค์การปลูกหญ้าแฝกอันเน่ืองมาจาก สรุปสาระสําคัญของปา ยนเิ ทศ พระราชด�าริ เพ่ือป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เป็นต้น เพ่ือให้พ้ืนที่และทรัพยากร กลับคืนสู่สภาพเดิม และร่วมกันรณรงค์ให้รู้จักการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จ�ากัดอย่างประหยัดและ นักเรียนควรรู เกดิ ประโยชนส์ งู สดุ เพอื่ ใหเ้ ปน็ การพฒั นาแบบยงั่ ยนื เชน่ การปดิ ไฟดวงทไี่ มใ่ ช ้ การใชก้ ระดาษ อย่างคุ้มค่าโดยใช้ท้ังสองหน้า ใช้อุปกรณ์ช่วยประหยัดน้�า เช่น ชักโครกประหยัดน้�า ฝักบัว สารชีวภาพ ท่ีนําไปใชใ นการ ประหยัดนา�้ เป็นตน้ บาํ บดั นํ้าเสยี ตาม คู คลอง น้ัน เรียกวาสาร EM (Effective Micro- 3.๒ ปญั หายาเสพติด organisms) เกดิ จากการนาํ กาก นํา้ ตาลมาผสมกบั นํ้า แลวหมักตาม ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ส�าคัญของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยที่มีผู้ติดยา ระยะเวลาท่ีเหมาะสม มลี กั ษณะเปน เสพตดิ จา� นวนมาก และท่ีนา่ ตกใจคอื ผ้เู สพมีอายุนอ้ ยลง ถอื เป็นเป็นปัญหาสงั คมร้ายแรงทท่ี ุกคน ของเหลวสนี ํา้ ตาลท่ปี ระกอบไปดวย ตา่ งตอ้ งรว่ มมอื กนั แกไ้ ข เพราะเปน็ ปญั หาทก่ี ระทบตอ่ บคุ ลากรของชาตซิ งึ่ เปน็ กา� ลงั สา� คญั ในการ เช้อื จลุ นิ ทรีย มปี ระสทิ ธภิ าพสงู ใน พฒั นาประเทศ การบาํ บัดนาํ เสียและไมเปนอนั ตราย ยาเสพตดิ หรอื สงิ่ เสพตดิ คอื สารหรอื ยาซงึ่ บคุ คลเสพเขา้ สรู่ า่ งกายโดยวธิ กี ารใดวธิ กี ารหนง่ึ ตอมนุษยและสง่ิ มีชวี ติ อนื่ ๆ เช่น กิน สูบ ดม หรือฉดี ติดต่อกนั ชวั่ ระยะเวลาหนงึ่ ก่อใหเ้ กดิ ผลตอ่ รา่ งกายและจิตใจของผ้เู สพ ทา� ใหเ้ กิดสภาพเป็นพษิ เร้อื รงั 5๘ @ มุม IT ศึกษาคน ควา ขอมูลเพิม่ เตมิ เก่ียวกับแนวทางการแยกขยะ ไดท ่ี http://www.sichon.wu.ac.th 58 คูม ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ยาเสพติด อาจจ�าแนกเป็นประเภทได้ เรื่องน่ารู้ สํารวจคน หา หลายลักษณะ เช่น จ�าแนกตามแหล่งก�าเนิด ตามอาการท่ีออกฤทธ์ิต่อระบบประสาท หรือ พระราชบัญญตั เิ ก่ียวกับยาเสพตดิ นกั เรยี นสืบคน ขอมูลทางสถติ ิ จ� า แ น ก ต า ม ลั ก ษ ณ ะ ข อ ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ทแี่ สดงถงึ ปริมาณการระบาดของ ยาเสพติดใหโ้ ทษ ในทน่ี ้ีจะกลา่ วถงึ ประเภทของ ไดม้ กี ารแบง่ ยาเสพตดิ ออกเปน็ ๕ ประเภท ไดแ้ ก่ ยาเสพติดในสงั คมไทย ยาเสพติดโดยจา� แนกตามแหลง่ กา� เนดิ ดงั น้ี ยาเสพติดใหโ้ ทษ ประเภท ๑ คือ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษชนดิ รา้ ยแรง เชน่ เฮโรอนี แอมเฟตามนี ยาบา้ อธิบายความรู ยาเสพตดิ ธรรมชาติ หมายถงึ สารทส่ี กดั เปน็ ตน้ หรือกล่ันได้จากพืชบางชนิด เช่น ฝิ่น กัญชา ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภท ๒ คอื ยาเสพตดิ นักเรยี นเขยี นรายงานสภาพปญหา ใบกระทอ่ ม โคเคอนี รวมทงั้ นา� สารนน้ั มาแปรรปู ให้โทษทั่วไป ซึ่งยาเสพติดประเภทนี้สามารถน�าไปใช้ ยาเสพตดิ ในประเทศไทย พรอมทง้ั เป็นอย่างอืน่ โดยกรรมวิธที างเคมี เช่น เฮโรอีน ประโยชนท์ างการแพทยไ์ ด้ แตต่ อ้ งใชภ้ ายใตก้ ารควบคมุ วเิ คราะหสาเหตุสาํ คญั ท่ที ําใหเ กดิ มอรฟ์ ีน เปน็ ต้น ของแพทยแ์ ละใชเ้ ฉพาะกรณที จี่ �าเป็นเท่านั้น เช่น ฝ่นิ ปญ หา และผลกระทบทที่ าํ ใหเกดิ มอรฟ์ นี โคเคน โคเคอนี และเมทาโดน เปน็ ตน้ ผลเสียในแตล ะดา น ยาเสพตดิ สงั เคราะห ์ หมายถงึ สารทผ่ี ลติ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภท 3 คอื ยาเสพตดิ ข้ึนได้ในห้องปฏิบัติการด้วยกรรมวิธีทางเคมี ใหโ้ ทษทม่ี ลี กั ษณะเปน็ ตา� รบั ยาและมยี าเสพตดิ ประเภท ขยายความเขา ใจ สามารถน�ามาใช้เป็นยาเสพติดเพราะออกฤทธิ์ ๒ ผสมอยดู่ ว้ ย เชน่ ยาแกไ้ อ ยาแกท้ อ้ งเสยี และยาฉดี เหมือนยาเสพติดธรรมชาติ สารสังเคราะห์ ระงบั อาการปวด เปน็ ตน้ นกั เรียนจัดประชุมกลุมยอ ยแสดง เหล่านี้มีมากกว่าร้อยชนิดในรูปของผง เม็ด ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภท 4 คอื สารเคมที ใี่ ช้ ความคดิ เห็นเพอ่ื หาแนวทางในการ แคปซลู ขนม ลกู กวาด เชน่ ยาบา้ ยาอ ี โคเคน ผลติ ยาเสพตดิ ประเภท ๑ และประเภท ๒ เชน่ อาเซตคิ ลดและปอ งกันปญ หายาเสพตดิ อยาง ทนิ เนอร ์ เปน็ ตน้ แอนไฮไดรด์ และอาเซตลิ คลอไรด์ เปน็ ตน้ ยง่ั ยนื จากนน้ั นําขอสรปุ ท่ีไดจ ากการ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ประเภท 5 คอื ยาเสพตดิ ประชมุ จดั ทาํ เปน รายงาน แลว ออกมา ใหโ้ ทษทไ่ี มไ่ ดเ้ ขา้ อยใู่ นประเภท ๑ ถงึ ๔ เชน่ กญั ชา นาํ เสนอหนา ช้ันเรียน ใบกระทอ่ ม เปน็ ตน้ นกั เรยี นควรรู สาเหตุท่ที า� ให้เกดิ ปัญหายาเสพติด 59 ทนิ เนอร เปน สารระเหยประเภท ๑) ตวั ผเู้ สพ เกดิ จากความอยากร ู้ อยากลอง และคกึ คะนอง โดยเฉพาะวยั รนุ่ ทขี่ าดความ หนึง่ หากสูดดมเขา รางกาย จะสง ผล ย้ังคิด จึงทดลองเสพโดยคิดว่าคงไม่ติดง่ายๆ หรือเห็นเป็นเรื่องโก้เก๋ บางคนมีความเชื่อที่ผิด ตอระบบประสาท ทําใหเกิดอาการ คดิ วา่ ยาเสพตดิ สามารถแกไ้ ขปญั หาของตน จงึ เสพยาเพอื่ ใหล้ มื ปญั หาตา่ งๆ แตห่ ลงั จากเสพยา วงิ เวยี น มือส่ัน ตวั สนั่ หลงลมื เขา้ ไปในระยะหน่งึ กจ็ ะตดิ ยานั้น เซ่ืองซมึ ความคดิ อา นชา ลง สบั สน ๒) สง่ิ แวดลอ้ ม สาเหตสุ า� คญั คอื การถกู ชกั จงู จากเพอ่ื นฝงู ทต่ี ดิ ยา หรอื ถกู หลอกลอ่ ใหท้ ดลอง นิสัยและอารมณเ ปลีย่ นแปลง เสพยา ทา� ใหผ้ รู้ ู้เท่าไม่ถึงการณ์หลงเชื่อ ในบางกรณีที่ครอบครัวแตกแยกหรือพอ่ แมไ่ มม่ ีเวลา การรบั รูเปลีย่ นแปลงไป เชน ดแู ลเอาใจใส ่ หรอื ครอบครวั อาศยั อยใู่ นชมุ ชนแออดั ทแ่ี วดลอ้ มไปดว้ ยยาเสพตดิ จงึ อาจผลกั ดนั การมองเห็น อาจทําใหเ ห็นภาพซอน ให้เดก็ หันเข้าหายาเสพติดไดง้ ่าย การไดก ลนิ่ ผิดปกติไป หรืออาจเกดิ ๓) ดา้ นเศรษฐกจิ ปจั จบุ นั คา่ ครองชพี ไดเ้ พมิ่ สงู ขนึ้ อยา่ งรวดเรว็ ทา� ใหค้ นปรบั ตวั เขา้ กบั ภาวะ อาการปลายประสาทอักเสบ ชาตาม เศรษฐกจิ ไมท่ นั กอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาตา่ งๆ ตามมา เชน่ ความยากจน การวา่ งงาน จงึ มคี วามจา� เปน็ มอื และปลายเทา ตอ้ งหารายไดเ้ พมิ่ บางคนกห็ นั ไปคา้ ยาเสพตดิ โดยขายใหแ้ กเ่ ดก็ วยั รนุ่ และผหู้ ลงผดิ ทา� ใหเ้ กดิ การแพรก่ ระจายยาเสพตดิ ทั่วไปในวงกวา้ ง @ มมุ IT ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เติม เกี่ยวกบั พระราชบญั ญัตยิ าเสพตดิ ไดที่ http://www.fda.moph.go.th คมู ือครู 59

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate สาํ รวจคนหา (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) นกั เรียนจบั กลมุ แลวคนหาขา ว ผลกระทบจากปญั หายาเสพติด จากสื่อตา งๆ ท่เี กยี่ วกับผลกระทบ จากปญหายาเสพตดิ จากน้นั สรปุ ๑) ส่งผลเสียต่อตัวผู้เสพติด ได้แก่ สุขภาพร่างกายและจิตใจไม่ปกติเนื่องจากการท�างาน ใจความสําคัญของขาว พรอ มทัง้ ระบุ ของสมองและประสาทเส่ือมลง กระเพาะอาหารและล�าไส้พิการ มีความต้านทานโรคน้อยลง แหลงทม่ี าของขาว เกดิ อาการประสาทหลอน และสิง่ ท่ีร้ายแรงท่ีสดุ คือเกดิ อาการคลมุ้ คล่งั อาละวาด ท�าร้ายตัวเอง และผู้อนื่ อธบิ ายความรู ๒) สง่ ผลเสยี ทางดา้ นเศรษฐกจิ ไดแ้ ก ่ บนั่ ทอนประสทิ ธภิ าพในการผลติ สญู เสยี แรงงานหรอื ใหน ักเรียนนําขา วทคี่ นหาได บุคลากรโดยเปล่าประโยชน ์ กระทบตอ่ รายได ้ และเสียงบประมาณในการบ�าบดั ผ้ตู ดิ ยาเสพติด มาชวยกันวิเคราะหวา ขา วนนั้ สง รวมถงึ ความเจริญก้าวหนา้ และการพฒั นาอาชพี ผลกระทบตอสงั คมในดา นใดบาง พรอ มทัง้ รวมกนั หาแนวทางในการ ๓) สง่ ผลเสยี ตอ่ สงั คม ไดแ้ ก ่ กอ่ ใหเ้ กดิ อาชญากรรม สงั คมระสา�่ ระสาย ผคู้ นไมม่ คี วามมนั่ ใจ แกไขปญหาดังกลาวอยางเหมาะสม ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ รฐั ตอ้ งสญู เสยี งบประมาณและเพม่ิ ภาระใหก้ บั เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ในการปราบ ปราม เป็นตน้ ขยายความเขาใจ แนวทางในการแก้ไขและปองกันปญั หา นักเรียนรว มกนั เสนอแนะแนวทาง ยาเสพติด การปอ งกนั และลดปญหายาเสพตดิ อยา งย่ังยนื จากนน้ั ชวยกนั จัดปา ย ๑) การมีส่วนร่วมของสมาชิกในครอบครัว นเิ ทศ เพอื่ ใหค วามรแู กค นท่วั ไป ครอบครัวคือสถาบันทางสังคมที่มีบทบาท ส�าคัญอย่างมากต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด นักเรียนควรรู ครอบครัวที่อบอุ่นเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน มใิ ห้สมาชกิ หลงผิดหันไปหายาเสพตดิ ดังนั้น ใชเ วลาวางใหเปน ประโยชน จึงต้องสร้างความรัก ความเข้าใจ และความ มกี จิ กรรมมากมายทจ่ี ะทําใหเ รา สงบสุข รวมท้ังร่วมกันแก้ไขปัญหาด้วยสติ รูสกึ สนุกสนาน ผอ นคลาย และเกิด ปัญญาและความรอบคอบ ครอบครวั ทอี่ บอนุ่ ประโยชนตอตนเอง เชน เลน ดนตรี จะอบรมสงั่ สอนลกู หลานให้เป็นคนดี มีความ เลนกฬี า วาดภาพ เปน ตน ซ่ึงการ ประพฤตชิ อบถงึ แมว้ า่ สภาพแวดลอ้ ม ทอ่ี ยอู่ าศยั ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมท่ีมีความส�าคัญใน ใชเ วลาวา งในการทํากิจกรรมที่ จะเป็นแหล่งเสื่อมโทรมก็ตาม โดยพยายาม การปองกันปญหายาเสพตดิ สรางสรรค จะชว ยใหเ ราหา งไกล ปลูกฝังความคิดให้เดก็ รูว้ ่า “คนเราอาจเลอื กเกิดไมได แตส ามารถเลอื กท่จี ะเปน คนดีได” จากยาเสพติดไดเ ปน อยางดี ๒) ร้เู ทา่ ทนั ในพิษภัยของยาเสพตดิ ทกุ คนควรศกึ ษาหาความรู้เก่ียวกบั ยาเสพติดเพอื่ ให้รู้ เท่าทันถึงภยั อนั ตรายของยาเสพติด ไมค่ วรคึกคะนองทดลองใช้ และควรเรียนรเู้ ท่าทนั คนอน่ื หรอื มจิ ฉาชพี ทจี่ ะชกั จงู ไปในทางทผ่ี ดิ ควรรจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน ์ เชน่ ออกกา� ลงั กาย อา่ นหนงั สอื ทา� งานบา้ น เปน็ ตน้ นอกจากน ้ี ควรรจู้ กั เลอื กคบเพอื่ นชกั ชวนกนั ไปท�ากิจกรรม ทด่ี ี ทีส่ รา้ งสรรค์ รู้จักแก้ไขปัญหาในทางทถี่ กู ตอ้ ง ไม่พึ่งพายาเสพตดิ 6๐ 60 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๓) การมีส่วนร่วมของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้อง ส่ือมวลชน สถาบัน กระตุนความสนใจ การศึกษา และสถาบันศาสนา ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนรับรู้ถึงปัญหายาเสพติดและพิษร้าย ของยาเสพติดอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ในขณะท่ีเจ้าหน้าท่ีต�ารวจต้องบังคับใช้กฎหมาย ครูนาํ ขา วอาชญากรรมจาก ลงโทษผู้กระท�าผิดโดยไม่มีการยกเว้น นอกจากน้ี สถานบ�าบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดและฟื้นฟู หนงั สอื พมิ พม าใหน กั เรยี นดู พรอ มทงั้ สมรรถภาพผู้ติดยา ท้ังของรัฐและเอกชนได้ด�าเนินกิจกรรมอย่างจริงจังท่ัวทุกภูมิภาคของ อธิบายเนอื้ หาของขาวโดยสรุป แลว ประเทศ ด้วยวิธีการหักดิบ (เลิกเสพยาทันทีทันใดโดยไม่ใช้ยาชนิดอื่นทดแทน) และการถอน ใหนกั เรียนชว ยกันแสดงความคดิ เห็น พษิ ยาดว้ ยการรบั ประทานยาตามเวลาทก่ี า� หนด สว่ นการฟน้ื ฟสู มรรถภาพ หมายถงึ กระบวนการ ที่มตี อ ขา วน้นั บ�าบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง เพ่ือฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ติดยาให้ปรับเปลี่ยนลักษณะ นสิ ยั บคุ ลกิ ภาพ และพฤติกรรมใหเ้ กิดความเขม้ แขง็ มน่ั คงในจิตใจ สามารถกลบั ไปดา� เนนิ ชีวติ สาํ รวจคนหา ได้อยา่ งปกติสขุ โดยไม่หวนกลับไปใช้ยาเสพตดิ ซ้�าอกี นอกจากน้ี องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือกลุ่มต่างๆ ควรจัดกิจกรรมนันทนาการให้กับ นักเรยี นแบง กลุมออกเปน 5 กลุม เด็กวัยรุ่นได้แสดงความสามารถในทางที่ถูก เช่น การเล่นกีฬา การร้องเพลง การเล่นดนตรี แลว เลอื กศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั เป็นตน้ คดอี าชญากรรมกลมุ ละ 1 ดาน โดยหาขา วทเ่ี กีย่ วกบั คดีอาชญากรรม 3.3 ปญั หาอาชญากรรม ในดานนัน้ มานาํ เสนอในรูปแบบท่ี นาสนใจ อาชญากรรม หมายถึง การกระท�าความผิดของบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งขัดต่อกฎหมาย อนั ไดบ้ ญั ญตั เิ ปน็ ขอ้ หา้ มไว ้ ผปู้ ระกอบอาชพี อาชญากรรมกระทา� โดยเจตนาละเมดิ กฎหมายอาญา อธบิ ายความรู หรือมีเจตนาละเวน้ ไมก่ ระทา� ในสิ่งทก่ี ฎหมายบงั คบั ไว ้ โดยไมม่ ขี อ้ แกต้ ัวทีส่ มเหตุสมผล จะต้องได้ รับโทษ สา� นักงานต�ารวจแหง่ ชาติ ได้ก�าหนดให้มีการแบ่งคดอี าชญากรรมออกเปน็ ๕ กลุ่ม ดังน้ ี นกั เรียนแตล ะกลุมสงตัวแทน ออกมารายงานผลการศึกษาคน ควา ค ีดอาชญากรรม ้ทัง ๕ ก ุล่ม แคลดะีอสกุ ะฉเกทรือรนจข์ วญั เช่น ฆา่ โดยเจตนา วางเพลิง ปลน้ ทรพั ย์ เปน็ ต้น โดยใชรปู แบบการนาํ เสนอที่นา สนใจ คดีประทษุ ร้ายต่อชวี ิต เชน่ ฆ่า พยายามฆ่า ท�ารา้ ยร่างกาย ขม่ ขนื เปน็ ต้น นักเรยี นควรรู คดีประทษุ ร้ายต่อทรัพย์ ขเชอ่นงโจปรล้นเปท็นรพัตย้น์ ชงิ ทรัพย์ ลกั ทรพั ย์ กรรโชกทรัพย์ ท�าให้เสยี ทรพั ย์ และรับ ปญหาการหยารา ง ในปจ จุบนั การ คดที ่นี า่ สนใจ เช่น ข่มขืนและฆ่า โจรกรรมรถ ฉอ้ โกง ยกั ยอก เปน็ ตน้ หยา รา งมีจาํ นวนมากขึน้ เนือ่ งจาก คดที ีร่ ัฐเป็นผเู้ สยี หาย เลชาน่ มกกามรีอพานวันุธปแลนื ะคสรลอาบกคกรินอรงวโดบยผยิดาเกสฎพหตมิดายคา้ เปปร็นะตเ้นวณี มีและเผยแพรว่ ัตถุ สภาวะความเปลีย่ นแปลงในสังคม หลายดา น การที่มกี ารหยารา งมาก สา� หรับการกระทา� ผดิ ของเดก็ และเยาวชนในคดีอาญานนั้ การดา� เนนิ การตามกระบวนการ สะทอนใหเห็นถงึ ความลมเหลวของ ยุตธิ รรมจะไมเ่ หมือนกับการกระทา� ผดิ ของผใู้ หญ ่ โดยผู้กระท�าผดิ จะถูกพจิ ารณาคดีทีศ่ าลเยาวชน สถาบันทางสังคม ซ่ึงเราจะตอง และครอบครัว ท้ังนี้การกระท�าผิดของเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่นั้นมักจะมาจากความบกพร่อง ตระหนกั ถงึ การสรา งความรกั ความ ทางครอบครวั เชน่ พ่อแมไ่ ม่มเี วลาดูแลลกู ปัญหาการหยา่ รา้ ง และสภาพแวดล้อมตา่ งๆ เขาใจ และความอบอุน ใหเกดิ ขน้ึ ภายในครอบครัว 6๑ @ มุม IT ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั สํานักงานตาํ รวจแหง ชาติ ไดท ่ี http://www.royalthaipolice.go.th คูม ือครู 61

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate อธิบายความรู (ยอจากฉบบั นักเรยี น 20%) นักเรียนแบง กลมุ ออกเปน 3 กลุม สาเหตุท่ที �าใหเ้ กิดปัญหาอาชญากรรม แลว แยกศกึ ษา สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ กดิ ปญ หาอาชญากรรม กลมุ ละ 1 ดา น ๑) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เช่น ความยากจนแร้นแค้น เศรษฐกิจตกต่�า ความเหลื่อมล�้า จากนนั้ ใหต วั แทนของแตละกลมุ ทางฐานะเศรษฐกิจ และค่าครองชพี สงู เป็นตน้ ออกมาอภิปรายหนาชนั้ เรยี น ๒) ปจั จยั ดา้ นครอบครวั และสงั คม เชน่ การอบรมสง่ั สอนของพอ่ แมใ่ นทางทผ่ี ดิ หรอื มาจาก ขยายความเขา ใจ ครอบครวั ท่เี ด็กมปี ัญหา ถกู เพื่อนฝูงชักจูงใหก้ ระท�าผิดรูปแบบตา่ งๆ เปน็ ต้น นกั เรยี นรว มกนั วเิ คราะหผ ลกระทบ ๓) ปัจจัยทางชีวภาพและจิตวิทยา เช่น ทเ่ี กดิ จากปญหาอาชญากรรม พรอม ความบกพรอ่ งของสมองหรอื สภาพปญั ญาออ่ น ทงั้ เสนอแนะแนวทางการแกไ ขปญ หา ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่มีฮอร์โมน อาชญากรรม แลว จดั ทาํ เปนผงั แอนโดรเจนมากเกินไป ท�าให้มีพฤติกรรม ความคิดเพอื่ นําเสนอหนาชนั้ เรยี น ก้าวรา้ วและอาการโรคจิต เป็นตน้ นักเรยี นควรรู ผลกระทบจากปญั หาอาชญากรรม ๑) คนในสังคมเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย อาชญากรรม นักเรียนสามารถ อาชญากรรมที่เกิดข้ึนจะส่งผลให้ประชาชน มีสว นรว มในการชว ยลดปญ หา เกดิ ความรสู้ กึ ไมป่ ลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ อาชญากรรมได โดยการชวยกัน เพราะเปน็ การกระทา� ผดิ ตอ่ กฎหมายบา้ นเมอื ง สงั เกต ผทู ม่ี พี ฤตกิ รรมกอ อาชญากรรม สรา้ งความหวาดหวน่ั สะเทอื นขวญั และมแี นว แลวแจงใหเ จา หนา ท่ีผเู ก่ยี วของทราบ โนม้ ที่จะทวคี วามรนุ แรงข้ึนเรือ่ ยๆ โดยเฉพาะ การก่ออาชญากรรม สร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างยิ่ง อยา่ งยงิ่ ในยุคท่ีสังคมเผชญิ กับวกิ ฤตเศรษฐกิจ ท้งั ดา้ นความปลอดภยั และความมั่นคงของชาติ ๒) ประเทศชาตไิ มม่ น่ั คง อาชญากรรมมผี ลกระทบตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของคนในสงั คม ไมว่ า่ จะเปน็ ด้านการเมือง เศรษฐกจิ สังคม และความมั่นคงของชาต ิ นอกจากนี ้ ยงั เปน็ สิ่งขัดขวาง ความเจรญิ ของสงั คม เพราะตอ้ งเสยี งบประมาณในการปราบปราม เปน็ การทา� ลายความสงบสขุ และความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยของสังคม ท�าใหส้ ังคมขาดความมั่นคง ๓) กระทบต่อกระบวนการทางกฎหมาย เม่ือมีผู้กระท�าความผิดทางอาชญากรรมย่อม ส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย โดยจะต้องด�าเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องอาศัย งบประมาณและบุคลากรจ�านวนมาก ซ่ึงถ้าหากประเทศมีการก่ออาชญากรรมในระดับสูง ก็ย่อมส่งผลให้กระบวนการทางกฎหมายต้องท�างานอย่างหนัก เป็นการเสียงบประมาณของ ประเทศชาติอยา่ งมาก แนวทางในการแก้ไขและปองกนั ปญั หาอาชญากรรม ๑) ส่งเสริมให้ประชาชนมีงานท�าและจัดระเบียบสังคม ผลักดันให้มีระบบการควบคุม โดยน�ากฎระเบียบเข้ามาบังคับใช้กับพฤติกรรมของคนในสังคม เสริมสร้างการจัดกิจกรรม 6๒ สรา้ งสรรคเ์ พือ่ ใหเ้ กดิ ความสามัคค ี ให้ทุกคนรักสังคมทตี่ วั เองอาศัยอยู่ 62 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate ๒) การสนับสนุนทางสงั คม ให้สมาชกิ ในสงั คมเรยี นรู้บรรทัดฐานและปฏิบตั ิตัวอย่างถูกตอ้ ง สํารวจคนหา รู้วา่ พฤตกิ รรมใดดแี ละเหมาะสม ผ่านกระบวนการขดั เกลาทางสังคม โดยครอบครวั โรงเรียน สอื่ มวลชน เปน็ ผมู้ บี ทบาทสา� คญั ในการสนบั สนนุ ใหก้ า� ลงั ใจ และฟน้ื ฟคู วามสมานฉนั ทใ์ นสงั คม นักเรยี นคน ควาขอมูลเกย่ี วกบั ในขณะเดียวกันรัฐก็ต้องก�าหนดนโยบายการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อให้ทุกคนอยู่ดี ลกั ษณะของการทุจริตฉอราษฎร กินดี และกระจายการพัฒนาไปสู่คนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ให้การสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส บังหลวงจากแหลง ตา งๆ ไมว าจะ และคนยากจนให้มงี านทา� และให้มชี วี ิตความเป็นอยทู่ ่ีดี เปน หนังสอื พิมพ อินเทอรเนต็ ๓) การลดช่องโอกาสของการเกิดอาชญากรรม เช่น การเพ่ิมแสงสว่างและตัดต้นไม้ท่ีรก แลว นํามาอธบิ ายหนา ช้ันเรียน บรเิ วณทางเขา้ หมบู่ า้ นและในชมุ ชน จดั เวรยามดแู ลชมุ ชน ตลอดจนการมตี า� รวจออกตรวจตรา บริเวณที่มักมีอาชญากรรม หรือตั้งกลุ่มเพื่อนบ้าน-ต�ารวจ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมและมี อธิบายความรู บทบาทในการดูแลสวสั ดิภาพของชุมชน นกั เรียนอภิปรายถงึ สาเหตสุ ําคญั ๔) ใหก้ ารดแู ลผู้ปว่ ยจิตเวชไม่ให้ออกไปกอ่ อาชญากรรม โดยการส่งเสริมสถานบา� บัดรักษา ที่ทาํ ใหเกิดการทจุ รติ ฉอราษฎร ท้ังของรัฐและเอกชนให้มีบทบาทดูแลรักษาผู้ป่วยทางร่างกายและจิตใจอย่างใกล้ชิด ไม่ให้ บังหลวงในประเทศไทย แลว บอกถึง ออกไปกอ่ อาชญากรรม ผลกระทบและผลเสยี ทจี่ ะเกดิ ข้นึ กับ สงั คมไทย 3.4 ปัญหาทจุ ริตฉ้อราษฎรบ์ ังหลวง ขยายความเขาใจ การฉอ้ ราษฎร ์ หมายถงึ การเบยี ดบงั เอาผลประโยชนข์ องราษฎร (ประชาชน) ไปโดยมชิ อบ หรือการโกงประชาชน นักเรยี นนําลกั ษณะหรอื พฤตกิ รรม การบังหลวง หมายถึง การกระทา� ดว้ ยวิธีการหนง่ึ วธิ ีการใด ท่นี า� ผลประโยชนจ์ ากราชการ การทจุ รติ ฉอ ราษฎรบ ังหลวงทีส่ ืบคน ไปใช้ส่วนตวั หรอื การเบียดบงั ของหลวงหรอื ของทางราชการไปเปน็ สมบัติของตนเอง ไดม าวิเคราะห แลว หาแนวทางการ นอกจากน้ี การฉ้อราษฎร์บังหลวงยังหมายความครอบคลุมไปถึงการใช้เวลาราชการไป ปองกันหรือลดปญหาน้ี โดยเขียน ทา� งานส่วนตัว เช่น ไปดูหนงั ไปซื้อของ รวมทง้ั การเอาของราชการไปใช้ส่วนตัว การรบั สินบน ลงในกระดาษ A4 สง ครู การซ้ือของในงานราชการสูงกว่าราคาปกติเพื่อรับเงินส่วนเกินจากผู้ขาย การรับอามิสสินจ้าง ตลอดจนการเลอื กทรี่ กั มกั ทีช่ งั อันเป็นการลดิ รอนความเป็นธรรมและความถูกต้องตามกฎหมาย นกั เรยี นควรรู สาเหตทุ ี่ทา� ให้เกิดปัญหาทุจรติ ฉ้อราษฎรบ์ งั หลวง สินบน ในชีวติ ประจําวัน เรา สามารถพบเหน็ พฤตกิ รรมการติด ๑) คา่ นิยมของสังคม คนสว่ นหนง่ึ ยึดถือเงิน ต�าแหนง่ วัตถ ุ และผลประโยชน์ของพวกพอ้ ง สินบนไดท ั่วไป โดยมากจะเปนการ ว่าเป็นสิ่งส�าคัญ และเห็นว่าเป็นส่ิงท่ีถูกต้อง โดยไม่สนใจว่าทรัพย์สินเงินทองน้ันจะได้มาโดย ติดสินบนเจาพนกั งานของรัฐเพอ่ื ให วิธีการใด จึงกลายเป็นค่านิยม ก่อให้เกิดการทุจริตในหมู่ข้าราชการ ซึ่งบางกลุ่มบางคนใช้ ชว ยดําเนนิ การตา งๆ ใหเกิดความ ตา� แหนง่ ในการทุจริตเพอ่ื ส่ังสมสรา้ งฐานะและอิทธพิ ลของตน สะดวกรวดเรว็ หรอื หลีกเลยี่ งการ ดาํ เนินการลงโทษตามกฎหมาย 63 ถอื เปน สิง่ ทบ่ี อนทาํ ลายระเบียบ ทางสังคม อกี ท้ังยงั เปน การสง เสรมิ คา นยิ มทีผ่ ิดใหกับคนทวั่ ไป นักเรยี นควรรู ตาํ แหนง คา นยิ มในสังคมไทยอยางหนึง่ คอื ความตองการทีจ่ ะอยูในตาํ แหนง หนาทีก่ ารงาน ทส่ี งู ซง่ึ เมอื่ มตี าํ แหนง สงู กย็ อ มมอี าํ นาจในการบงั คบั บญั ชาหรอื สงั่ การตา งๆ แตส ง่ิ ทส่ี าํ คญั คอื จะตองใชอาํ นาจใหอ ยใู นขอบเขตของตําแหนง ไมใ ชอ าํ นาจในทางทุจรติ หรือประพฤติมชิ อบ คูม ือครู 63

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate สาํ รวจคน หา (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) นักเรยี นแบง กลมุ แลวชว ยกนั ๒) ความบีบค้ันทางเศรษฐกิจ บุคคลบางคนตองทุจริตดวยความจําเปนเพราะถูกภาวะทาง สืบคน สาเหตุและปจจยั ตางๆ ที่ เศรษฐกจิ ของครอบครวั และสงั คมบบี คนั้ ใหก ระทาํ เชน มรี ายไดต าํ่ แตจ าํ เปน ตอ งใชจ า ยเงนิ ทอง ทาํ ใหเกิดปญหาการทุจรติ ฉอราษฎร มาก อาจเปน ผลมาจากการมลี ูกมาก หรือตอ งใชจายในการรักษาอาการเจ็บปว ย เมือ่ ทาํ การ บังหลวง จากนนั้ ใหนกั เรยี นรว มกนั ทจุ รติ คร้ังแรกได กก็ อ ใหเ กดิ นสิ ยั ไมด ีและกระทําตอๆ ไป จนกลายเปนเรอ่ื งปกติ อภิปรายภายในกลมุ ของตนเอง รว มแสดงความคดิ เหน็ เพอื่ หาแนวทาง ๓) ระบบราชการเปดโอกาสและอํานวยให ปองกนั ปญ หาการทจุ ริตตอไป ระบบราชการใชความสัมพันธท่ีมีความสลับ ซับซอนและใหอํานาจแกเจาหนาท่ีของรัฐ อธิบายความรู จึงเปนการเปดโอกาสใหขาราชการบางคนที่ ขาดจิตสํานึกใชเปนชองทางในการแสวงหา นักเรียนวิเคราะหว า เพราะเหตใุ ด ผลประโยชนแกตนและหมูคณะได ในบาง ระบบราชการไทยจึงเอ้ือใหเกดิ การ กรณี ผูบังคบั บญั ชาละเวน และไมส นใจตอ การ ทุจริตไดง า ย จากนั้นออกมาอธบิ าย ปองกันการคอรรัปชันของผูใตบังคับบัญชา หนาชัน้ เรยี น จึงไมเอาใจใส ปลอยใหผูใตบังคับบัญชากลา กระทําการทุจริต ขยายความเขา ใจ ๔) ขาดการลงโทษท่ีเด็ดขาด แมวากฎ นกั เรยี นวิเคราะหบ ทบญั ญัติของ ระเบยี บจะมกี ารกาํ หนดโทษทร่ี นุ แรงแตใ นทาง ขาราชการท่ีดีเปนพลังสําคัญในการชวยลดปญหาการ กฎหมายไทยถงึ ความเหมาะสมใน ปฏิบัตินั้นไมมีการลงโทษตอผูกระทําผิดอยาง ทจุ ริตฉอราษฎรบงั หลวง การลงโทษผูม ีพฤตกิ รรมการทจุ ริต จริงจัง ทาํ ใหการทุจริตมปี รากฏอยตู ลอดเวลา ฉอราษฎรบ งั หลวง จากนัน้ เขยี น รายงานสรปุ วเิ คราะห พรอ มทง้ั แสดง ๕) ความยนิ ยอมของประชาชนบางกลุม เชน นักธุรกิจ พอคาหลายสาขาที่ตองการความ ความคดิ เหน็ ทเี่ ปนประโยชนต อการ สะดวกในการติดตองานราชการ หรือบางคนกระทําผิดแตไมตองการรับโทษ มักจะใหเงินและ พัฒนากฎหมายเกี่ยวกบั การทจุ ริตมี สง่ิ ของแกเ จา หนา ทข่ี องรฐั บางคนทสี่ ามารถอาํ นวยผลประโยชนบ างอยา งใหแ กต นตามทต่ี อ งการ กอ ใหเกิดการใหอ ามิสสนิ จา งตามมา นกั เรียนควรรู ผลกระทบจากการทจุ ริตฉอ ราษฎรบงั หลวง การผกู ขาด เปน ชอ งทางในการทาํ กาํ ไร ซง่ึ เปน ทางลดั ทจ่ี ะชว ยทาํ กาํ ไร ๑) รัฐเสียผลประโยชน กอใหเกิดระบบการสมยอมและหลอกลวง ทําใหรัฐตองสูญเสียเงิน ใหธ รุ กจิ ไดอ ยา งมหาศาล และรวดเรว็ ซ้อื สนิ คา ในราคาสูงกวาความเปนจริง รัฐไมมีโอกาสไดเ ลือกสนิ คาที่มีคุณภาพเหมาะสมเพราะ แตถ อื เปน วธิ กี ารทท่ี าํ ลายระบบ เกดิ การผกู ขาดการขายใหแ กร าชการ และเปน การบอ นทาํ ลายความมน่ั คงและการพฒั นาประเทศ เศรษฐกจิ ผทู ผ่ี กู ขาดสนิ คา สามารถ เพราะแทนที่จะนํางบประมาณไปพัฒนาประเทศแบบเต็มเม็ดเต็มหนวย กลับถูกขาราชการท่ี จะปรบั ขน้ึ ราคาสนิ คา จาํ กดั การผลติ ทุจรติ เบียดบังเงนิ และสง่ิ ของไปใชสวนตัว เปน เหตใุ หก ารกอสรางถนน อาคารสถานทบี่ างแหง หรอื กกั ตนุ สนิ คา ได เพอื่ ผลประโยชน สรา งผดิ สัญญาและไมไดมาตรฐาน เปนตน ทางธุรกิจ แตผทู ี่จะไดร ับความ เดอื ดรอ นคอื ประชาชนทัว่ ไป ๖๔ ซึ่งสงผลใหเ กดิ ปญหาเศรษฐกจิ ตามมา เกรด็ แนะครู 64 คมู อื ครู ครคู วรตั้งประเด็น ใหนกั เรยี นชวยกนั แสดงความคดิ เหน็ ทมี่ ีตอสภาพปญ หาการทุจรติ ใน สังคมไทย พรอมทัง้ ใหนักเรียนบอกถึงบทบาทของนักเรียน ในการมสี ว นรวมเพ่อื ทจ่ี ะปองกัน ปญหาการทจุ ริตฉอ ราษฎรบ ังหลวง

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒) ผลเสียต่อระบบราชการ หากผู้ท่ีท�าการทุจริตมีพวกพ้องร่วมทุจริตด้วยกันมากก็จะมี สาํ รวจคนหา ขา้ ราชการทไ่ี มม่ คี ณุ ภาพ มกี ารรกั ษาผลประโยชนข์ องกลมุ่ ตน ทา� ใหค้ นดที ม่ี คี วามสามารถไมม่ ี โอกาสเข้ารับราชการ นอกจากน้ี การทุจริตยังบั่นทอนก�าลังใจของข้าราชการท่ีต้ังใจท�างาน นักเรียนสืบคน ขอ มูลทเี่ ก่ียวกบั ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพราะคนท่ีท�าช่ัวกลับได้ดี มีทรัพย์สินเงินทองเพิ่มข้ึนจ�านวนมาก โครงสรางของระบบราชการไทย วามีองคประกอบอะไรบา ง จากนัน้ นําขอมูลทีไ่ ดมาศกึ ษาเพ่ือทําความ เขาใจ ขา้ ราชการทสี่ จุ รติ จงึ ขาดกา� ลงั ใจในการทา� งาน และกอ่ ใหเ้ กดิ ระบบการทา� งาน ทเี่ รยี กวา่ เชา้ ชาม อธิบายความรู เยน็ ชาม คอื ไม่ตง้ั ใจท�างาน เพราะคดิ วา่ ถึงท�าดอี ย่างไรก็คงไม่เกดิ ประโยชน์ ๓) ผลเสียต่อประชาชน เช่น เม่ืองบ นักเรียนนาํ ขอ มูลโครงสรา งระบบ ประมาณของประเทศถูกทุจริตไปบางส่วน ราชการไทยท่คี นควา และศกึ ษามา ทา� ใหก้ ารสรา้ งสาธารณปู โภค เชน่ ถนน เขอ่ื น อยางดแี ลว มาอภิปรายหนาช้นั เรียน อาคาร โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ไม่ได้ จากน้ันใหนักเรยี นชวยกันตั้งประเด็น มาตรฐาน เพราะใช้ต้นทุนในการผลิตต�่า ที่นา สนใจจากขอมูลทไ่ี ด เพอื่ ทาํ ประชาชนก็จะได้รับผลการพัฒนาไม่เต็มท่ี การสัมมนากลุม ตอ ไป ก่อให้เกิดความเส่ือมศรัทธาต่อหน่วยงาน ราชการ นอกจากนี้ประชาชนยังไม่ได้รับ ความเปน็ ธรรม เพราะคนทส่ี จุ รติ จะถกู กดี กนั ขยายความเขา ใจ ไม่ให้เกี่ยวข้องกับการซ้ือขายกับองค์กรของ การทุจริตย่อมส่งผลเสียโดยตรงต่อประชาชน เช่น การทุจริตในการสร้างถนนท�าให้ถนนเกิดความช�ารุด จากการอภิปรายหนา ช้นั เรียน เสยี หายกอ่ นเวลาอันควร ใหน กั เรียนรว มกันกาํ หนดหวั ขอ รฐั เพราะไมใ่ ชพ่ วกพ้อง เป็นต้น เพ่ือทําการสัมมนากลุม ในประเดน็ ที่ นาสนใจ เกี่ยวกับระบบราชการไทย แนวทางในการแกไ้ ขและปอ งกนั ปญั หาทจุ รติ ฉอ้ ราษฎรบ์ งั หลวง กับการทจุ ริต จากนัน้ ใหส รุปผลการ สัมมนากลุมแลว เขยี นรายงานสง ครู ๑) สร้างค่านิยมและปลูกจิตส�านึกในการปฏิบัติตนของเยาวชน ให้อยู่บนพ้ืนฐานของ ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ มีความละอายตอ่ การกระท�าใดๆ ท่นี �าไปสู่การทุจริต และมคี วามตระหนกั ที่ นักเรียนควรรู จะหลกี เลย่ี งการฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวง รวมถงึ ไมย่ อมรับพฤตกิ รรมการทุจริตในระบบราชการ เชา ชามเยน็ ชาม เปน คาํ เปรยี บเทยี บ ๒) ใชม้ าตรการลงโทษ จะตอ้ งมมี าตรการเพอื่ ปอ้ งกนั การทจุ รติ อยา่ งรดั กมุ และมบี ทลงโทษ ที่สะทอ นการทํางานในลักษณะที่ ต่อผูก้ ระทา� การทุจรติ อย่างรุนแรง นอกจากนม้ี าตรการตา่ งๆ ทว่ี างไวจ้ ะตอ้ งมกี ารน�าไปใช้จรงิ เฉื่อยชา ไมม คี วามกระตอื รือรน โดยไม่เลอื กปฏบิ ัติ จึงจะทา� ให้มาตรการเหล่านั้นมีประสทิ ธภิ าพ ไมเอาใจใสใ นงาน ซ่ึงพฤติกรรม ดงั กลา วจะสง ผลเสยี ตอระบบการ ๓) การนา� เสนอขอ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ งของสอ่ื มวลชน สอื่ มวลชนยอ่ มมหี นา้ ทโ่ี ดยตรงในการนา� เสนอ ทาํ งานและหนว ยงาน ข่าวสาร ข้อมูล ท่ีเกี่ยวกับการกระท�าทุจริตอย่างตรงไปตรงมา เป็นกลาง เป็นจริง เพ่ือให้ ประชาชนไดร้ บั ทราบในสง่ิ ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ขึ้น และจะได้ใช้วิจารณญาณต่อไป 65 ๔) ปรบั เปลยี่ นการดา� รงตา� แหนง่ ขา้ ราชการ ควรมกี ารหมนุ เวยี นเปลย่ี นเจา้ หนา้ ทขี่ า้ ราชการ @ มมุ IT ในตา� แหนง่ ทม่ี อี า� นาจในการตดั สนิ ใจอนมุ ตั กิ ารใชจ้ า่ ยเงนิ งบประมาณ มกี ารกระจายอา� นาจและ แสดงทรัพย์สนิ ส่วนตวั ทั้งกอ่ นและหลังการดา� รงต�าแหน่ง ศึกษาคน ควา ขอมลู เพิ่มเตมิ เกีย่ วกับงบประมาณแผนดิน ไดท ่ี นักเรยี นควรรู http://www.bb.go.th วจิ ารณญาณ การใชวิจารณญาณในการรับชมรบั ฟงขา วสาร เปน ส่งิ ท่มี คี วามจาํ เปนตอการ คูม ือครู 65 มีสวนรว มในการปองกันการทจุ รติ จากภาคประชาชน เน่ืองจากขา วสารขอ มลู ในยุคปจ จุบันมี ความหลากหลาย ซึง่ การทเ่ี รานาํ ขา วทไี่ ดร ับมาวิเคราะหอ ยางเปนเหตเุ ปนผล และตงั้ อยูบน พื้นฐานของขอ เท็จจริงก็จะทาํ ใหเ ราไดรับทราบพฤตกิ รรมการทจุ ริต อกี ทง้ั สามารถเสนอแนะ แนวทางการแกไขไดอ ยา งถกู ตอง

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Explore Explain Expand Engage สํารวจคนหา (ยอ จากฉบบั นักเรียน 20%) นักเรียนศกึ ษาประเด็นความ ๕) การปรบั เงนิ เดอื น คา่ ตอบแทน และสวสั ดกิ ารใหเ้ หมาะสม จากสภาพเศรษฐกจิ และสงั คม ขดั แยงในสังคมไทยต้งั แตอดตี ทมี่ กี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนือ่ ง สง่ ผลให้ค่าครองชีพสงู ขึ้น ภาครัฐจงึ ควรมีนโยบายหรอื มาตรการ จนถึงปจจบุ ัน แลว นําขอ มลู ทีไ่ ดมา ตา่ งๆ ทจ่ี ะชว่ ยเพมิ่ รายไดแ้ ละสง่ เสรมิ สวสั ดกิ ารตา่ งๆ ทช่ี ว่ ยใหป้ ระชาชนสามารถดา� เนนิ ชวี ติ ได้ แลกเปลย่ี นศึกษากันภายในช้ันเรยี น อยา่ งสงบสุขและมคี ุณภาพชวี ติ ที่ดี อธบิ ายความรู ๖) การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน ประชาชนจะต้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตาสอดส่อง พฤติกรรมการกระท�าทุจริตในรูปแบบต่างๆ และแจ้งแก่เจ้าหน้าท่ีต�ารวจหรือเจ้าหน้าท่ี นักเรยี นอภปิ รายถงึ ประเด็น ท่ีเก่ียวข้อง เช่น ส�านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพ่ือให้ แนวทางท่จี ะชว ยลดความขัดแยง ด�าเนนิ การตรวจสอบและลงโทษผกู้ ระท�าผิดตอ่ ไป ทเ่ี กดิ ขึน้ ภายในสังคม จากน้นั สรุป เปน ผงั ความคดิ แลวออกมานาํ เสนอ ๔. แนวทางความร่วมมือในการลดความขัดแย้งและสร้างความ หนา ชั้นเรียน สมานฉนั ท์ ขยายความเขา ใจ สังคมยุคปัจจุบันมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม นกั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 5 กลุม และการเมืองการปกครอง การที่สังคมประกอบไปด้วยคนจ�านวนมากท่ีต้องอยู่ร่วมกัน ซึ่งก็มี แลว เลือกกรณศี กึ ษาจากประเดน็ ความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ประกอบกับสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ ส่งผลให้เกิดปัญหา ปญ หาความขดั แยง ในสังคมไทย ความขัดแย้งหลากหลายรูปแบบ จึงมีความจ�าเป็นท่ีจะต้องหาวิธีจัดการเพ่ือลดและขจัดความ กลมุ ละ 1 เรือ่ ง จากนนั้ ใหร ว มกัน ขดั แย้งด้วยการแกไ้ ขปญั หาที่ตน้ เหต ุ โดยการพิจารณาว่า อะไรเปน็ ปัจจยั ตน้ เหตหุ รือเป็นรากฐาน วิเคราะหถ ึงสาเหตแุ ละปจ จยั ทีท่ าํ ให ของปัญหาของขอ้ ขดั แยง้ นัน้ ๆ เพ่อื ทีจ่ ะแก้ไขต่อไป เกิดปญ หาความขัดแยง ดงั กลา ว พรอมท้ังเสนอแนะแนวทางการแกไข 4.๑ แนวทางในการลดความขัดแย้ง โดยจัดทาํ เปน รูปเลม รายงาน สมาชิกในสงั คมสามารถลดความขัดแย้งได้ โดยมแี นวทางปฏิบัติ ดังน้ ี นักเรยี นควรรู ๑. ฟ้นื ฟูความไวว้ างใจซ่งึ กันและกันระหว่างกลุ่มหรือฝ่ายต่างๆ ในสังคม ๒. ลดเง่ือนไขที่จะน�าไปสู่ความรู้สึกอคติหรือความเกลียดชัง ด้วยการให้ความส�าคัญ ความขดั แยง ในทกุ สงั คมยอ มมี และการยอมรับคุณค่าทีม่ องเห็นความหลากหลายและความแตกตา่ งทางวัฒนธรรม ความขดั แยง เกดิ ขนึ้ ได เนอ่ื งจากคนใน ๓. ส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรพร้อมท้ังจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยให้มีการ สงั คมมคี วามแตกตา งกนั ไมว า จะเปน ศึกษาและฝกึ อบรมเพ่ือส่งเสรมิ ความเข้าใจดว้ ยสันตวิ ิธี ดานความคดิ ความเชอ่ื คานิยม ๔. สรา้ งความรว่ มมอื กบั ทกุ ฝา่ ยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ในกรณที ส่ี ถานการณค์ วามขดั แยง้ มคี วามรนุ แรง แตสง่ิ ทส่ี าํ คญั คอื เมอื่ เกดิ ความ ๕. ดา� เนนิ การจดั หาแนวทางหรอื วธิ กี ารในการขบั เคลอ่ื นใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ ม ขดั แยง ขนึ้ เราจะตอ งแกปญ หาความ หรือเปน็ ห้นุ สว่ นในการป้องกนั แกไ้ ข ควบคมุ ลด และเยยี วยาปญั หาความขัดแย้ง ขดั แยงโดยใชเ หตผุ ล หลกี เลยี่ งความ รนุ แรง ซ่งึ จะชว ยใหป ญ หาความ 66 ขดั แยง คลค่ี ลายลงได และคนในสงั คม สามารถอยูรว มกันอยา งสันตสิ ุข เกรด็ แนะครู ครคู วรต้งั ประเดน็ ใหน ักเรยี นแสดงความคดิ เห็น โดยใหน ักเรียนยกตวั อยา งประสบการณของนักเรยี นในการพบเจอปญหาความขัดแยง พรอมทัง้ บอก ถึงวธิ กี ารแกป ญหาในแบบของนกั เรยี น โดยครูรวมแสดงความคดิ เหน็ และเสนอแนะ 66 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate 4.๒ แนวทางในการแก้ไขปญั หาความขดั แยง้ สํารวจคน หา หากสังคมไม่เกิดความขัดแย้งคงเป็นสิ่งท่ีดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นแล้ว มแี นวทางในการแกไ้ ขปญั หาความขดั แย้ง ดงั นี้ นกั เรียนแบง กลุม 3-5 กลมุ ๑. การเจรจาตอ่ รอง เปน็ กระบวนการพดู แลวสืบคนขา วท่ีเปน ประเด็นความ คุย เจรจาต่อรองให้แก่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล ขัดแยง ในสังคมไทย โดยมงุ สบื คน ทงั้ สองฝา่ ย เพ่ือจัดการแก้ไขปัญหา โดยกระท�า ในประเดน็ วธิ ีการแกป ญ หาเหลานน้ั ด้วยความสมัครใจ ไม่มีการบังคับ และไม่มี จากน้ันชว ยกนั เขียนสรปุ ขา วพรอ ม รูปแบบของการเจรจา วิธีการนี้เป็นวิธีการท่ี บอกแหลงท่ีมา สะดวกและรวดเร็ว ๒. การไกล่เกล่ีย เป็นกระบวนการที่มี อธบิ ายความรู บุคคลที่สามเปน็ คนกลางเขา้ ให้ค�าแนะน�า และ ช่วยเหลือคกู่ รณใี นการเจรจาต่อรอง นกั เรยี นนําขา วที่สืบคน และสรุปได ๓. อนญุ าโตตุลาการ เป็นกระบวนการท่ี มาทําการอภิปรายกลุม เพ่ือวิเคราะห คู่กรณีตกลงให้บุคคลท่ีสามเข้ามาเป็นผู้ช้ีขาด วิธีการแกไขปญ หาความขัดแยง ตาม ขอ้ พพิ าท โดยตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ กฎหมาย คนในชุมชนควรมีส่วนร่วมในการคิดหาแนวทางเพ่ือแก้ไข เนือ้ ขาว จากนนั้ ใหวิจารณถ งึ วธิ กี าร ปญ หาต่างๆ ในชุมชนเพื่อสรา้ งความสมานฉันท์ แกไ ขปญ หาน้นั วา มคี วามเหมาะสม เพียงใด และวธิ ีการที่ก�าหนด ๔. ฟ้องคดีต่อศาล เป็นกระบวนการตามกฎหมายท่ีคู่กรณีน�าคดีข้ึนฟ้องร้องต่อศาล ขยายความเขาใจ เพ่ือระงับขอ้ พพิ าท นักเรียนชวยกนั แสดงความคดิ เหน็ 4.3 การสรา้ งความสมานฉันท์ในชุมชน ถึงการเขาไปมีสวนรวมในการสราง การสร้างความสมานฉันท์ คือการที่คนในชุมชนมีความสามัคคี มีค่านิยมร่วมท่ีจะไม่ ความสมานฉนั ทใ นชมุ ชนของ เอารัดเอาเปรียบ รู้จักยอมรับเหตุผล และยอมรับความแตกต่างด้านชาติพันธุ์ ศาสนา ภาษา นักเรยี น โดยเขียนเปนบนั ทึก และความคิดเหน็ ทางด้านการเมืองการปกครอง รวมถงึ ประเดน็ อนื่ ๆ โดยไมใ่ ชค้ วามรนุ แรงในการ คําอธบิ ายถงึ หลักการหรือขั้นตอน แก้ปัญหา น่ันหมายถึง ความร่วมมือ ลดความขัดแย้งในความคิด ไม่ยึดติดหรือมีอคติ และใช้ ตางๆ ใหเขา ใจไดโดยงาย ปญั ญาในการแกไ้ ขปัญหาเพือ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ร่วมกนั วิธีการสรา้ งความสมานฉันทใ์ นชุมชน ไดแ้ ก่ @ มมุ IT ๑. ตัง้ องค์กรทป่ี ระกอบดว้ ยภาครัฐและภาคประชาสงั คม เพอื่ ท�าหนา้ ทีส่ ง่ เสริมสนั ตวิ ิธี ๒. ให้โรงเรยี นหรือสถานศึกษาเป็นศูนยก์ ลางในการสรา้ งความสามัคคีในชุมชน ศึกษาคน ควาขอมลู เพิ่มเตมิ ๓. ให้ประชาชนเข้าร่วมท�ากิจกรรม เพื่อพูดคุยแลกเปล่ียน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็น เก่ยี วกับพระราชบัญญตั ิ ระหว่างกนั อนั จะช่วยลดช่องว่างความขัดแย้งให้แคบลงและเกดิ ความสามคั คีของคนในชมุ ชน อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2554 ไดท ี่ http://www.thaiconsulat- echicago.org 67 คมู ือครู 67

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) 1. ครูนําขา วหรอื เหตกุ ารณท ี่สะทอน õ. »¨˜ ¨ÂÑ Ê‹§àÊÃÁÔ ¡ÒôÓçªÕÇÔµãËŒÁÕ¤ÇÒÁ梯 ถงึ ปจจยั ทส่ี งเสรมิ การดํารงชีวติ ใหม คี วามสขุ เชน เกษตรกรท่นี าํ ในการดํารงชีวิตของคนเรานั้น ทุกคนตางใฝฝนท่ีจะใหเกิดความสุขท้ังทางกายและใจ แนวทางของเกษตรทฤษฎใี หม มาใช หรือบคุ คลท่ดี าํ เนนิ ชีวติ ตาม สามารถอยูร วมกบั ญาติมติ ร เพือ่ นพอ ง และคนอน่ื ไดอยางสันติ มคี วามรักสมัครสมานสามคั คี และ หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แลว เกิดความสุขในชวี ิต มชี วี ติ ท่มี ั่นคง ในดา นความสุขทางกายนั้น ไดแก การมีรา งกายแข็งแรง ไรโรคภัยไขเจบ็ มคี วามสุข 2. ครูตั้งประเด็นเพอื่ ใหน กั เรยี น จากการทาํ งาน แสวงหาทรพั ยส นิ และความเจรญิ กา วหนา มาสตู นและครอบครวั โดยใหอ ยใู นระดบั รวมกันแสดงความคดิ เห็นวา นักเรยี นคดิ วาปจจยั สําคญั ท่ีจะ ทไ่ี มเดอื ดรอ นหรอื ขัดสนจนเกนิ ไป ชวยใหก ารดาํ รงชวี ิตของนักเรยี น มีความสขุ มีอะไรบา ง สวนในดานความสุขทางใจ เปนส่ิงที่มีความจําเปนอยางยิ่ง โดยเราจะสามารถแสวงหา 3. ครสู รปุ การแสดงความคดิ เห็น ความสขุ ทางใจไดโ ดยการคดิ ดี มอี ารมณส ดชน่ื รา เรงิ ไมท าํ ใหจ ติ ใจเกดิ ความกงั วลและความเครยี ด ของนกั เรียน โดยเชื่อมโยงใหเ ขา กับเนือ้ หาเพื่อนาํ เขาสูบ ทเรยี น ไมห ลงมัวเมาไปกับอบายมขุ ทงั้ หลาย ไมค ดิ อิจฉาริษยา หรือมงุ รายตอผูอ่นื มจี ิตใจเมตตากรณุ า สาํ รวจคน หา เอื้อเฟอแกคนรอบขาง มีความปรารถนาดีตอผูอ่ืน อีกท้ังประพฤติปฏิบัติตนใหเปนประโยชน นักเรียนสาํ รวจตนเองวา การ ตอสงั คม ดําเนนิ ชีวติ ประจาํ วันของตนเองนน้ั นักเรียนมวี ธิ ีการอยางไรทจ่ี ะชวย การดาํ รงชวี ติ ใหม คี วามสขุ อยา งแทจ รงิ จะตอ งเกดิ ความสขุ ทง้ั กายและจติ ใจ คนทกุ คนยอ ม ทาํ ใหชีวติ มคี วามสุข จากนนั้ บันทึก ลงในกระดาษ A4 สง ครู ปรารถนาที่จะทําใหชีวิตของตนมีความสุข ซึ่งการจะดํารงชีวิตไดอยางมีความสุขน้ันมักประกอบ อธิบายความรู ดว ยปจจัย ดงั น้ี นกั เรียนชวยกนั ยกตวั อยาง ๕.๑ การอยรู ว มกนั อยางมขี ันตธิ รรม ขนั ตธิ รรม คอื การมคี วามอดทน อดกลน้ั หลักธรรมทสี่ ามารถนํามาประยุกต ใชใ นการดําเนินชวี ติ ประจาํ วัน ตอสงิ่ ที่ตนไมช อบ ไมเหน็ ดว ย โดยการยอมรับ ใหม คี วามสุข จากน้ันจัดทําเปน ผังความคิดอธิบายหนา ชั้นเรยี น ความแตกตา ง เชน คา นยิ ม ศาสนา ลทั ธิ ความเชอ่ื ระบบการเมอื งการปกครอง และทศั นคติ เปน ตน การศกึ ษาหาความรอู ยางกวา งขวางและ ลึกซ้ึงจะทําใหเรารอบรู เพ่ิมวิสัยทัศนในการ มองโลก อีกท้ังการรูจักเจรจา พูดคุย อันเปน การติดตอส่ือสารที่ดีกับผูอ่ืนและคนตางกลุม ในสภาวะอุทกภัย ประชาชนตองอดทนตอความทุกขยาก กอใหเกิดความเขาใจที่ดีตอกัน นอกจากน้ี แตก ไ็ ดก าํ ลงั ใจจากการทคี่ นในสงั คมมเี มตตา มกี ารชว ยเหลอื ควรรูจักการประนปี ระนอม มมี นษุ ยสมั พนั ธทีด่ ี เกื้อกูลกันในยามที่ประสบปญหา เปนการสรางความ มีเมตตาตอผอู ่ืน รูจกั สามัคคี รบู าปบญุ คุณโทษ สมั พันธอ นั ดีตอกัน ทาํ ใหอ ยรู วมกันไดอยางมคี วามสุข ทําใหส ามารถอยูร ว มกบั คนอนื่ อยางมีความสขุ @ มุม IT ๖๘ ศกึ ษาคน ควาขอมลู เพมิ่ เติม เก่ยี วกับหลักขนั ติธรรม ไดท่ี http://www.buddha.dmc.tv 68 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate 5.๒ การใชช้ ีวิตตามปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สาํ รวจคน หา โดยการด�ารงชีวิตท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานทางสายกลาง ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรมประกอบกับ นักเรยี นคน ควา หาตัวอยา งกรณี การวางแผนการตัดสินใจและการกระท�ากิจกรรมต่างๆ ซึ่งหลักส�าคัญของปรัชญาของเศรษฐกิจ ศกึ ษา เกี่ยวกบั บุคลทีด่ าํ เนินชวี ิต พอเพียง ไดแ้ ก่ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกนิ ไป พอเพยี ง โดยนาํ ขอ มูลทไี่ ดมาจดั ทํา ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจระดับของความพอเพียง จะต้องเป็นไปอย่างมี เปน รปู เลม รายงาน พรอมทงั้ หาภาพ เหตุผล โดยคดิ คา� นึงถงึ ผลที่จะเกิดขน้ึ จากการกระท�านัน้ ๆ อย่างรอบคอบ ประกอบใหส วยงามแลว นาํ สงครู การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมท่ีจะรับผลกระทบและการ เปล่ยี นแปลงของสถานการณต์ า่ งๆ ที่คาดวา่ จะเกดิ ขึน้ ในอนาคต อธบิ ายความรู การด�าเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การใช้จ่ายสมกับฐานะ ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักอดออม ไม่อยากได้ในส่ิงของที่เกินตัวหรือไม่มีความจ�าเป็น และใช้ทรัพยากร นักเรียนศึกษาหลกั ปรชั ญาของ ท่ีมอี ยอู่ ย่างประหยดั และเกิดประโยชน์สูงสดุ ซง่ึ นักเรยี นสามารถน�ามาปรับใชไ้ ด้ เศรษฐกจิ พอเพียง แลวทาํ การจับ การตัดสินใจและการด�าเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยความรู้ กลมุ อภปิ รายถงึ ขอดแี ละประโยชน หรอื วชิ าการท่เี กีย่ วข้องอย่างรอบด้าน รวมถึงคณุ ธรรม ซ่ึงได้แก่ ความซ่อื สัตย์ สจุ รติ ขยัน อดทน ทไ่ี ดร บั จากการดาํ เนินชีวิตตามหลกั สตปิ ัญญา ท้งั นีเ้ พือ่ ให้การดา� รงชวี ิตเกิดความสมดุล มนั่ คง และยงั่ ยนื ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5.3 การเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง ขยายความเขาใจ คนเราทกุ คนทเี่ กดิ มายอ่ มมคี ณุ คา่ ทอ่ี ยใู่ นตนเอง สงิ่ ทสี่ า� คญั คอื เราสามารถทจ่ี ะปฏบิ ตั ติ น ให้มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและคนในสังคมได้อย่างไร ซ่ึงถ้าหากคนทุกคนในสังคมรู้จักคุณค่าของ นักเรียนเสนอแนวทางการนําหลัก ตนเอง และน�ามาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็จะก่อให้ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกดิ ผลดีต่อสงั คมโดยรวม การทเี่ ราจะมองเห็น มาประยกุ ตใชใ หเกดิ ประโยชนใน คณุ ค่าในตนเองไดน้ นั้ เราไมค่ วรประเมนิ คา่ ของ การดาํ เนินชีวติ ประจําวัน โดยเขียน ตนเองให้ต่�าต้อย โดยเปรียบเทียบกับคนอ่ืนท่ี ลงในกระดาษ A4 แลวนําสงครู ดกี วา่ เดน่ กวา่ แลว้ นา� มาเปน็ เรอ่ื งทท่ี า� ใหต้ นเอง กลัดกลุ้ม หรือย�้าคิดแต่ว่าภูมิหลังของตนอยู่ เกร็ดแนะครู ในระดับต่�า ท�าให้ไม่อาจแข่งขันกับคนอื่นท่ีมี ภูมิหลังท่ีดีกว่าได้ เราควรตระหนักว่าทุกคนมี ครูควรจัดใหนกั เรียนไดมกี าร ความแตกต่างกัน และแต่ละคนมีคุณค่าในตัว แสดงความคดิ เห็น เก่ยี วกับหลัก สามารถเจริญก้าวหน้าได้หากศึกษาเล่าเรียน ทักษะความสามารถในตัวเราถือเป็นคุณค่าในตนเองท่ีเรา ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และขยันขันแข็ง เอาจริงเอาจังในการท�างาน จะต้องตระหนักถึง แล้วน�าความสามารถเหล่านั้นไปใช้ให้ ในประเด็นของประโยชนทจี่ ะไดรับ รูจ้ ักอดออม มัธยสั ถ ์ เกิดประโยชนต์ ่อสงั คม จากการนํามาใชในการดาํ เนินชวี ิต 69 @ มมุ IT ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเพ่มิ เติม เกยี่ วกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ไดที่ http://www.pcru.ac.th คมู ือครู 69

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Engage Evaluate อธิบายความรู (ยอ จากฉบับนักเรยี น 20%) ใหกลมุ นกั เรยี นศกึ ษาและอภิปราย àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ ¡ÒùÒí à¡ÉµÃ·ÄÉ®ãÕ ËÁ‹่ เรือ่ ง กระบวนการของเกษตรทฤษฎี ÁÒ»ÃÐÂØ¡µã ªŒã¹¡ÒôÒí à¹Ô¹ªÇÕ Ôµ ใหม แลว นาํ มาเสนอผลการศกึ ษา และผลการอภปิ รายในกลุมตอ ·ÄÉ®ãÕ ËÁ‹ ¤×Í µÇÑ ÍÂÒ‹ §Ë¹§èÖ ¢Í§¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÇÕ µÔ µÒÁËÅ¡Ñ »ÃѪÞҢͧàÈÃÉ°¡¨Ô ¾Íà¾ÂÕ § «è§Ö ໹š ËÅÑ¡¡Ò÷Õè หนาชนั้ เรียน ถึงขอดีและประโยชน ¾ÃкҷÊÁà´¨ç ¾ÃлÃÁ¹Ô ·ÃÁËÒÀÁÙ ¾Ô ÅÍ´ÅØ Âà´ª ¾ÃÐÃÒª·Ò¹á¡à‹ ¡ÉµÃ¡Ãä·Â ·ÄÉ®ãÕ ËÁ‹ ¤Í× ËÅ¡Ñ ¡ÒÃ㹡ÒúÃËÔ Òà ทจ่ี ะไดร ับ พรอ มทัง้ จัดทําเปน ¨´Ñ ¡ÒÃ·Ã¾Ñ Âҡ÷´èÕ ¹Ô áÅÐ·Ã¾Ñ ÂҡùÒéí ÍÂÒ‹ §Á»Õ ÃÐÊ·Ô ¸ÀÔ Ò¾ à¾Í×è ãËàŒ ¡ÉµÃ¡ÃÃÁã¹¾¹é× ·¢èÕ ¹Ò´àÅ¡ç à¡´Ô »ÃÐ⪹ʏ §Ù Ê´Ø ผงั ความคดิ เพือ่ อธบิ ายสรุปใหเขา ใจ áÅÐÂѧª‹ÇÂãËŒà¡ÉµÃ¡ÃÊÒÁÒö¾èÖ§¾Òµ¹àͧ䴌 ÃÇÁ¶Ö§ÁÕÀÙÁԤ،Á¡Ñ¹·Õè´Õ àµÃÕÂÁ¾ÃŒÍÁÃѺÁ×ÍàÁ×è͵ŒÍ§à¼ªÔޡѺ โดยงา ย »Þ˜ ËÒµ‹Ò§æ äÁ‹Ç‹Ò¨Ð໹š ÀѸÃÃÁªÒµÔ ÀÑÂáÅŒ§ ËÃ×Í»˜¨¨ÂÑ Í×¹è æ ·èըСÃзºµ‹Í¼Å¼ÅµÔ ·Ò§¡ÒÃà¡ÉµÃ ขยายความเขาใจ 㹡ÒôÒí à¹Ô¹¡ÒõÒÁ·ÄÉ®ÕãËÁ‹ ÁÕ ó ¢Ñ鹵͹ ¡ÒôíÒà¹Ô¹§Ò¹µÒÁ·ÄÉ®ÕãËÁ‹¹Ñé¹ ¢éѹµÍ¹·èÕ ´Ñ§¹Õé ÊÒí ¤ÞÑ ·ÊèÕ ´Ø ¤Í× ¢¹éÑ ·Õè ñ «§Öè ÁËÕ Å¡Ñ ¡ÒÃÊÒí ¤ÞÑ Í·ً ¡èÕ ÒúÃËÔ Òà นักเรยี นแบง กลุมออกเปน 5 กลมุ ¨´Ñ ¡Ò÷´Õè ¹Ô â´Âầ‹ ·´èÕ ¹Ô Í͡໹š ÊÇ‹ ¹à¾Í×è 㪻Œ ÃÐ⪹ แลว จดั ทํากรณีศึกษา โดยใหน กั เรียน ñ. ¡ÒÃ¼ÅµÔ à¹¹Œ ¡Òþ§èÖ ¾Òµ¹àͧ ¤Í‹ Â໹š ¤Í‹  ã¹áµÅ‹ дŒÒ¹ ´Ñ§¹Õé วางแผนการทําเกษตรโดยใชว ธิ ี 仵ÒÁ¡íÒÅѧ ã˾Œ ÍÍÂÙ¾‹ Í¡¹Ô เกษตรทฤษฎใี หมมาประยกุ ตใ ช จาก ò. ¡ÒÃÃÇÁ¡ÅØ‹Á¡Ñ¹ã¹ÃٻẺÊˡó ໚¹ นัน้ ใหเ ขียนแผนการดาํ เนินการ การ ÅѡɳТͧ¡ÒÃËÇÁÁ×Í㹡Ãкǹ¡ÒüÅÔµ ¡ÒõÅÒ´ บรหิ ารจัดการ ตามลําดบั ขั้น จัดทํา ¤ÇÒÁ໚¹Í‹٠ÊÇÑÊ´¡Ô Òà ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ Êѧ¤Á áÅÐÈÒÊ¹Ò ÊóÃðй%íÒé ¾¾óª× תðÊä%Çù‹ เปนรูปเลมรายงานแลวออกมานํา เสนอหนาชน้ั เรียน ó. ¡ÒôÒí à¹¹Ô ¸ÃØ ¡¨Ô â´Â¡Òõ´Ô µÍ‹ »ÃÐÊÒ¹§Ò¹ ¹Ò¢ÒŒ Ç óð% ·ÍèÕ ñÂðÍ‹Ù %ÒÈÑ ÃÇÁ¶Ö§¡Òè´Ñ ËÒáËÅ‹§à§¹Ô ·Ø¹ ¡ Ò Ã ·í Ò à ¡ É µ à µ Ò Á · Ä É ®Õ ã Ë Á‹ ã ËŒ à ¡Ô ´ ¼Å´Õ¹éѹ ÁÕËÅÑ¡ÊíÒ¤ÑÞÍ‹ٷèÕ¡ÒþÖ觾ҵ¹àͧ »ÃÐË嫄 ´Òí à¹¹Ô ªÇÕ µÔ µÒÁËÅ¡Ñ »ÃªÑ ÞҢͧàÈÃÉ°¡¨Ô ·ÕÁè Ò : http://www.chaipat.or.th ¾Íà¾Õ§ ÁÕ¡ÒèѴ¡Ò÷ÃѾÂҡøÃÃÁªÒµÔÍ‹ҧ @ มมุ IT ÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾áÅÐÃÑ¡ÉÒÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¡‹ÍãËŒà¡Ô´ ¾é×¹°Ò¹¢Í§¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ·èÕÂÑè§Â×¹ ÊÒÁÒöËÒ ศกึ ษาคน ควา ขอ มูลเพ่ิมเติม àÅÕ駪վ䴌ÍÂÒ‹ §àËÁÒÐÊÁ เก่ียวกบั ทฤษฎใี หม ไดที่ http://www.chaipat.or.th B พ้นื ฐานอาชีพ B ครใู หน ักเรียนนาํ ความรูจ าก การศึกษาเกษตรทฤษฎใี หมมาใช เพือ่ ผลติ สินคาทางการเกษตรท่มี ี คุณภาพออกสตู ลาด ๗๐ 70 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Explain Engage Explore 5.4 มองโลกในแงด่ ี สร้างทักษะทางอารมณ ์ ขยายความเขาใจ การมองเหน็ คณุ ค่าของตนเอง มีความคิดในเชงิ บวก พยายามดงึ ศกั ยภาพของตนเองมาใช้ 1. ครูใหนกั เรยี นยกตัวอยา งวธิ คี ิด ในทางสร้างสรรค ์ ใหก้ า� ลังใจต่อตนเอง รวมท้งั ปฏิบตั ิตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและสังคม ใน หรือพฤตกิ รรม ท่สี ะทอ นถึงการ ขณะเดียวกนั กม็ องผู้อ่ืนในดา้ นดี หวงั ด ี ไม่คดิ หาผลประโยชนจ์ ากผูอ้ ่นื ให้อภัย มีเมตตา ใหค้ วาม มองโลกในแงด ี ช่วยเหลือผู้อ่ืนตามก�าลังความสามารถของตน รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ ส่วนตนและพวกพอ้ ง มสี ต ิ รู้จักรบั ฟังความคดิ เห็นของคนรอบข้าง รจู้ ักใช้เหตผุ ลในการแกป้ ญั หา 2. ใหน ักเรียนเขียนรายงานแนวทาง หลกี เลย่ี งการใชค้ วามรนุ แรงทกุ รปู แบบรวมทง้ั ยอมรบั เหตกุ ารณท์ งั้ ทเ่ี ปลย่ี นแปลงและไมส่ ามารถ การบรโิ ภคดว ยปญ ญา แลว อธบิ าย เปลยี่ นแปลงได ้ และพยายามหาแนวทางแกไ้ ขปญั หาโดยใชเ้ หตผุ ล นอกจากนค้ี วรสรา้ งทกั ษะทาง ถึงขอดีและประโยชนทจี่ ะไดรับ อารมณด์ ว้ ยการฝกึ สมาธ ิ มสี ตกิ บั ความคดิ รวู้ า่ กา� ลงั คดิ อะไรอย ู่ มคี วามเขา้ ใจความคดิ ของตนเอง จากการปฏิบตั ิ รู้จักการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน ์ เชน่ ออกกา� ลงั กายสมา่� เสมอ ฟังเพลง ท�ากิจกรรมด้านศิลปะ เพอ่ื ผอ่ นคลายความเครง่ เครยี ดจากการเรยี นและการทา� งาน เป็นต้น ตรวจสอบผล 5.5 ร้จู กั บรโิ ภคดว้ ยปัญญา ครตู รวจสอบความรูความเขาใจ ของนักเรียน โดยใหนักเรยี นจัด ในยคุ ปจั จบุ นั มคี วามเจรญิ ทางดา้ นวตั ถอุ ยา่ งมาก มกี ารประดษิ ฐค์ ดิ คน้ อปุ กรณ ์ สง่ิ ของตา่ งๆ ประชมุ เสวนาสรปุ เนื้อหาทไ่ี ด ทจ่ี ะสามารถอา� นวยความสะดวกใหแ้ กม่ นษุ ย ์ ดว้ ยสภาพดงั กลา่ ว ทา� ใหม้ นษุ ยม์ กั ยดึ ตดิ ในความเจรญิ เรยี นมา ทางด้านวตั ถุเป็นหลัก เป็นลกั ษณะของบริโภคนิยม ซง่ึ การที่เราจะด�ารงชีวิตให้มีความสุขไดอ้ ย่าง แทจ้ ริงนั้น เราควรบริโภคสิ่งตา่ งๆ อยา่ งพอประมาณ ตามความจ�าเป็นของรา่ งกายและเหมาะสม เกร็ดแนะครู กบั ฐานะของตนเอง รู้จักเลือกใช้ของทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ไมฟ่ ุ่มเฟือย ควรจดบันทึกรายรบั -รายจ่าย ของตนเองและครอบครวั ด้วย ครคู วรใหนักเรยี นรว มกนั สรปุ ถงึ ลกั ษณะสําคญั ของสงั คมไทย รวมถงึ แนวทางทเี่ หมาะสม ในการปฏบิ ัติตน เพอื่ ชว ยใหส ามารถดําเนนิ ชวี ติ อยูใน สงั คมไทยไดอยางมคี วามสขุ กล่าวสรุปไดว้ ่า สงั คมไทยมีลักษณะทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตวั ในหลายๆ ด้าน ที่แสดงออกถงึ คณุ คา่ และ ความดีงาม ซงึ่ แมว้ า่ ในปัจจุบนั สังคมไทยจะเผชิญกับความขัดแยง้ และมปี ญั หาสังคมมากมาย ก็ตาม แต่ถ้าหากเรารู้จักปรับตัวให้เหมาะสมกับการเปล่ียนแปลงรอบด้าน อยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ และด�าเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะท�าให้ชีวิตของเรามี ความสุข 7๑ คมู ือครู 71

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Engage Explore Expand Evaluate เกร็ดแนะครู (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) (แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวย ¤Ó¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹Ì٠การเรยี นรู ๑ ประเทศไทยมปี ญหาสงั คมดา นใดบางที่ตอ งเรงแกไ ข 1. ปญ หายาเสพตดิ ปญหา ๒ นกั เรียนมสี ว นชว ยลดปญ หาสังคมไดอยางไรบาง อาชญากรรม ปญ หาความขดั แยง ๓ ความขดั แยง ในสงั คมสง ผลกระทบตอการอยูร ว มกันอยา งไร ของคนในสังคม ปญหาการทจุ ริต ๔ ในการดาํ เนนิ ชวี ติ ของนกั เรยี นเคยเกดิ ความขดั แยง กบั ผอู น่ื อยา งไร และนกั เรยี นมวี ธิ แี กไ ข ปญ หาดา นส่งิ แวดลอม ความขดั แยงน้ันอยา งไร 2. ปฏิบตั ิตามบทบาทหนา ท่ขี อง ๕ ปจจัยใดท่ีกอใหเกิดความขัดแยงในสังคมไทย และวิธีการลดความขัดแยงที่เหมาะกับ ตนอยางเครง ครัด เคารพกฎหมาย และดําเนินชีวิตอยา งพอเพยี ง สภาพสังคมไทยในปจ จบุ นั ทําไดอยางไรบา ง ๖ นักเรียนสามารถนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกตใชในชีวิตประจําวันได 3. กอ ใหเ กิดความไมเขา ใจกัน ซ่ึงนาํ ไปสคู วามแตกแยกในสงั คม อยางไร และอาจกอ ใหเ กดิ ความรุนแรง จนสรางความเสียหายได ¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃ䏾Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ 4. ความขัดแยง ท่ีเกดิ ขน้ึ เชน กจิ ก๑รรมท่ี นักเรียนแบงกลมุ ประมาณ ๓ - ๕ คน ชวยกนั หาภาพทีแ่ สดงถงึ ความคิดเหน็ ไมตรงกนั ซึง่ สามารถ ลกั ษณะของสงั คมไทย แลว นาํ ภาพมาจดั ทาํ เปน สมดุ ภาพ โดยเขยี น แกไ ขไดโ ดยการใชเหตุผล พูดคุย กจิ กรรมที่ คําอธิบายใตภาพพอสังเขป แลวนําสง ครูผูสอน เพือ่ ปรบั ความเขา ใจตอ กัน นกั เรยี นสบื คน ขา วจากเรอ่ื งตา งๆ ทเี่ กยี่ วกบั ความขดั แยง ในสงั คมไทย ๒ โดยทาํ การวเิ คราะหแ ละสรปุ ขา ว จากนน้ั ออกมาอภปิ รายหนา ชน้ั เรยี น 5. ปจจยั ทกี่ อใหเกิดความขดั แยงในสงั คมไทย ไดแก ปจ จยั ดาน กิจกรรมที่ นกั เรยี นแบง กลมุ เลอื กประเดน็ ปญ หาทางสงั คมไทย กลมุ ละ ๑ ประเดน็ การเมืองการปกครอง ปจ จัยดาน จากนน้ั ทาํ การอภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กนั เพอ่ื หาแนวทาง เศรษฐกิจและสังคม ปจจยั ดาน ๓ ในการแกไขปญหาเหลา น้ัน ความเชอ่ื ซ่งึ วธิ ีลดความขัดแยง คอื นักเรียนแบงกลุม ศึกษาหลักการปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจ เราตอ งยอมรับความแตกตางของ กิจกรรมท่ี พอเพยี งในครอบครวั และโรงเรียน แลวนํามาจัดปายนเิ ทศ คนทั่วไป และสรา งความสมานฉันท มสี ว นรว มในการคิด หรือตัดสนิ ใจ ๔ ในเร่อื งประโยชนส วนรวม 6. การรจู กั ประหยัด อดออม ไมอ ยากไดใ นสงิ่ ทเ่ี กนิ ตัว ใชช ีวติ เรยี บงา ย และทาํ หนาทขี่ องตนเอง อยางสมบูรณ) ผหลลกกั าฐราเนรแียสนดรูง ๗๒ รายงาน แนวทางและขอ เสนอแนะ ในการนําหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยกุ ตใ ชใ นชวี ิต ประจําวัน 72 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๕หน่วยการเรียนรู้ท่ี เปา หมายการเรยี นรู ใกนายรคุกปปากจรคเจมรบุ ออื นังง 1. อธบิ ายระบอบการปกครองแบบ ตา งๆ ในปจจบุ นั 2. วิเคราะหเปรียบเทียบการปกครอง ของไทยกบั ประเทศอน่ื 3. วเิ คราะหรฐั ธรรมนญู ทเี่ กยี่ วกับ การเลือกต้งั การมีสว นรว ม และ การตรวจสอบการใชอาํ นาจรฐั 4. วิเคราะหอปุ สรรคตอ การพัฒนา ประชาธปิ ไตย พรอ มเสนอแนวทาง แกไ ข ตัวชี้วดั กระตุน ความสนใจ ● อธิบายระบอบการปกครองแบบตางๆ ท่ีใช ใหน กั เรยี นดูภาพหนาหนว ย ครูต้งั ในยุคปจจุบนั (ส ๒.๒ ม.๓/๑) คําถาม เชน ● วิเคราะห เปรียบเทียบระบอบการปกครอง • ภาพน้สี ะทอ นใหเหน็ ถงึ สภาพ ของไทยกับประเทศอ่ืนๆ ที่มีการปกครอง สงั คมประชาธิปไตยอยา งไร ระบอบประชาธปิ ไตย (ส ๒.๒ ม.๓/๒) (แนวตอบ ประชาชนมเี สรภี าพ ในการทํากิจกรรมทางการเมือง ● วิเคราะหรัฐธรรมนูญฉบับปจจุบันในมาตรา และมีสวนรวมในกิจกรรมทาง ตา งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การเลอื กตงั้ การมสี ว นรว ม การเมอื ง) และการตรวจสอบการใชอํานาจรฐั (ส ๒.๒ ม.๓/๓) • นกั เรียนเคยเขารวมกจิ กรรม ทางการเมอื งอะไรบาง ● วิเคราะหประเด็นปญหาท่ีเปนอุปสรรคตอ การพฒั นาประชาธปิ ไตยของประเทศไทยและ เกรด็ แนะครู เสนอแนวทางแกไ ข (ส ๒.๒ ม.๓/๔) ครูควรจดั การเรยี นรูโดยให นกั เรยี นทาํ กจิ กรรมตอ ไปนี้ สาระการเรียนร้แู กนกลาง »˜¨¨ØºÑ¹»ÃÐà·Èµ‹Ò§æ ã¹âÅ¡ÁÕÃкͺ¡ÒÃàÁ×ͧ ¡Òû¡¤Ãͧ¢Í§µ¹àͧà¾è×Í໚¹áººá¼¹ã¹¡Òû¯ÔºÑµÔ • สืบคน ขอ มลู เกี่ยวกับการเมือง ● ระบอบการปกครองแบบตางๆ ที่ใชในยุค ÃÇÁ¶Ö§¢ŒÍµ¡Å§ÃÐËÇ‹Ò§ÃÑ°¡Ñº»ÃЪҪ¹ «Ö觨ÐÊ‹§¼Åµ‹Í การปกครองของไทย ปจจุบัน เชน การปกครองระบอบเผด็จการ ¡ÒþѲ¹Ò»ÃÐà·ÈªÒµÔ Ãкͺ¡Òû¡¤Ãͧã¹áµ‹ÅÐ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย »ÃÐà·ÈÁÕ¤ÇÒÁᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ä»ã¹ÃÒÂÅÐàÍÕ´ ¢Öé¹ÍÂÙ‹¡Ñº • ติดตามสถานการณทาง á¹Ç¤Ô´ËÃ×ÍÍØ´Á¡Òó·Ò§¡ÒÃàÁ×ͧ¢Í§»ÃÐà·È¹Ñé¹æ «èÖ§¶ŒÒ การเมอื งในปจ จุบันจากสอ่ื ● ความแตกตาง ความคลายคลึงของการ ËÒ¡Áͧã¹ÀÒ¾ÃÇÁáÅÇŒ Ãкͺ¡Òû¡¤Ãͧã¹âÅ¡¹·Õé àÕè ´¹‹ ª´Ñ ตางๆ เชน รายการขา ว ปกครองของไทยกับประเทศอ่ืนๆ ท่ีมีการ Á´Õ ŒÇ¡¹Ñ ò Ãкͺ ¤×Í Ãкͺ»ÃЪҸ»Ô äµÂáÅÐÃкͺ หนงั สอื พิมพ อนิ เทอรเ นต็ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ༴¨ç ¡Òà • รวมกนั อภิปรายประเดน็ ตา งๆ ● บทบญั ญัติของรฐั ธรรมนูญในมาตราตางๆ ท่ี และสถานการณทางการเมอื ง เก่ียวของกบั การเลอื กตั้ง การมสี วนรว ม และ การตรวจสอบการใชอ ํานาจรฐั ● อาํ นาจหนา ทีข่ องรฐั บาล ● บทบาทสําคัญของรัฐบาลในการบริหาร ราชการแผน ดิน ● ความจําเปนในการมีรัฐบาลตามระบอบ ประชาธิปไตย ● ประเดน็ ปญ หา และผลกระทบทเี่ ปน อปุ สรรค ตอการพัฒนาประชาธปิ ไตยของประเทศไทย ● แนวทางการแกไขปญหา คูมอื ครู 73

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%) 1. ครยู กตวั อยา งเหตุการณท าง ñ. û٠Ẻ¡Òû¡¤Ãͧã¹Â¤Ø »˜¨¨Øº¹Ñ การเมอื งของตา งประเทศ เชน การสรู บในลเิ บยี เพื่อโคนอาํ นาจ ผนู ําเผดจ็ การ การประทวงใน การปกครองเปนส่ิงท่ีมีความสําคัญอยางมากที่ประเทศทั่วโลกจะตองกําหนดเปนแบบแผน อยี ิปตและประเทศในเอเชีย เพือ่ ใหป ระเทศมีกระบวนการบริหารจดั การทเี่ ปน ระบบ ระบอบการปกครองอาจมคี วามเหมือนหรือ ตะวนั ตกเฉียงใต แลวถามคาํ ถาม แตกตา งกนั ไปตามภมู หิ ลงั ทางประวตั ศิ าสตรแ ละปจ จยั สง่ิ แวดลอ มทางสงั คมของประเทศนนั้ ๆ ซงึ่ ไม • ทําไมจึงเกิดเหตกุ ารณป ระทว ง วาระบอบการปกครองจะเปนในรูปแบบใดก็ตาม สมาชิกในสังคมแตละภาคสวนคือตัวจักรสําคัญ ในหลายประเทศทีอ่ ยใู นบาง ท่ีจะตองปฏิบัติตามบทบาทหนาท่ีของตนอยางสมบูรณ ก็จะสงผลใหการเมืองการปกครองมี ภมู ภิ าค เสถียรภาพและประเทศสามารถพัฒนาไปไดอ ยา งย่ังยนื (แนวตอบ เพราะกระแสโลกา- ๑.๑ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ภวิ ัตนกระจายไปทั่วโลก มกี าร เขาถงึ ขาวสารและเนน เรอื่ งสทิ ธิ การปกครองระบอบประชาธิปไตยเปนรูปแบบการปกครองท่ีมีแนวคิดหรืออุดมการณท่ีวา มนษุ ยชน ดงั น้ัน ในประเทศทยี่ ัง อํานาจอธิปไตยซ่ึงเปนอํานาจสูงสุดในการปกครองประเทศเปนของประชาชน โดยมีคณะบุคคล คงมีการจาํ กัดสิทธิ ประชาชน ท่เี ปน ตวั แทนประชาชนท้งั หลายเขา ไปทาํ หนาทีบ่ รหิ ารบานเมอื ง เรยี กวา รัฐบาล ซึ่งไดร บั เลอื ก จงึ ออกมาเคลือ่ นไหวใหม ีการ มาจากประชาชนตามกระบวนการเลอื กตงั้ อยางโปรงใส บรสิ ทุ ธ์ิ และยุติธรรม เปน ไปตามกติกา เปดกวางเรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชน) หรือกฎหมายที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว รัฐบาลมีบทบาทหนาท่ีดําเนินการใหประชาชนไดรับสิทธิ • ทาํ ไมเหตกุ ารณจึงลกุ ลามไป ประโยชนต า งๆ เพอ่ื คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี มสี ทิ ธิ เสรภี าพอยา งเสมอภาคโดยทว่ั ถงึ หลายประเทศ การปกครองระบอบประชาธิปไตย เปน (แนวตอบ มีลกั ษณะการปกครอง ระบอบทม่ี ุงสงเสริมและสนับสนุนใหประชาชน ท่คี ลายกนั และการสอ่ื สาร เชน มีสวนรวมทางการเมืองการปกครองอยาง ñ »ÃÃ°Ñ ÐʪÀÒÒ¸Ô»äµÂã¹Ãкº Facebook, Twitter ทาํ ใหค น แทจริง ไมวาจะเปนการมีสวนรวมแสดง ● Á¾Õ ÃÐÁËÒ¡ÉµÑ ÃÂÔ Ë ÃÍ× กลา แสดงความคดิ เห็นและ »ÃиҹҸºÔ ´àÕ »š¹»ÃÐÁØ¢ รวมตัวกนั ไดอ ยา งรวดเรว็ ) ความคิดเห็น การตัดสินใจ การแสดงออก ¢Í§Ã°Ñ áµä‹ Á‹ÁËÕ ¹ŒÒ·èÕ 2. ใหน ักเรียนอภปิ รายรูปแบบ ทางการเมือง การเขา ไปมบี ทบาทในการบรหิ าร บา นเมอื ง ÃٻẺ ÃºÑ ¼´Ô ªÍº·Ò§¡ÒÃàÁÍ× § การเมอื งการปกครองของ ¢Í§¡Òû¡¤ÃͧÃкͺ ● Á»Õ ÃÐÁ¢Ø ½Ò† ºÃËÔ Òà ¤Í× ประเทศแถบนนั้ รู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร ป ก ค ร อ ง ร ะ บ อ บ ประชาธิปไตย โดยใชหลักการรวมอํานาจและ »ÃЪҸԻäµÂ ¹ÒÂ¡Ã°Ñ Á¹µÃ·Õ Òí ˹Ҍ ·Õè การกระจายอํานาจ สามารถแบงการปกครอง ò ºÃËÔ ÒÃÃÒª¡ÒÃá¼¹‹ ´Ô¹ »ÃЪҸ»Ô äµÂ ã¹Ãкº »ÃиҹҸºÔ ´Õ ระบอบประชาธิปไตยได ดงั นี้ ● Á»Õ ÃиҹҸԺ´Õ ໹š »ÃÐÁ¢Ø ó ¢Í§Ã°Ñ áÅлÃÐÁ¢Ø ½Ò† ºÃËÔ Òà NET ขอสอบ ป 52 »ÃЪҸ»Ô äµÂã¹Ãкº ÍÂÙ‹ã¹µÑǤ¹à´ÕÂǡѹ áÅÐÁÕ ¡Ö§è »ÃиҹҸºÔ ´Õ ÃÑ°Á¹µÃÕ໚¹¼ÙŒª‹ÇÂ㹡Òà ขอ สอบออกเกี่ยวกบั ลกั ษณะที่ ´Òí à¹¹Ô ¡ÒôŒÒ¹µ‹Ò§æ สอดคลอ งกับหลักการปกครองใน ระบอบประชาธปิ ไตย โดยถามวา ¡Öè§Ã°Ñ ÊÀÒ ● ÁÕ»ÃиҹҸԺ´Õ໚¹»ÃÐÁØ¢¢Í§ÃÑ° «Ö觨ÐËÇÁºÃÔËÒûÃÐà·È ¡Ñº¤³ÐÃ°Ñ Á¹µÃ´Õ ÇŒ  áµä‹ Á‹µÍŒ §ÃѺ¼Ô´ªÍºâ´ÂµÃ§µÍ‹ ÃÑ°ÊÀÒ การกระทําขอใดสอดคลอ งกับหลกั การในระบอบประชาธิปไตย 1. “พรรคการเมอื งเทอดไท” ๗๔ ประกาศนโยบายตอ ตา นรฐั บาล ทกุ รปู แบบ 2. หนงั สอื พมิ พ “ถน่ิ ไทย” ลงขา ววจิ ารณก ารทาํ งานของรฐั บาลอยา งตรงไปตรงมา 3. กลมุ ผชู ุมนุมประทวงรฐั บาลปด ประตูหา มขา ราชการเขาออก 4. “พรรคการเมืองมุงไท” ประกาศไมย อมรับคําตดั สินของตุลาการศาลรัฐธรรมนญู ในกรณียุบพรรค (วิเคราะหค ําตอบ เมอื่ พิจารณาจากคาํ ถาม จะพบวาหลักการประชาธิปไตยน้นั ประชาชนมสี ิทธิที่จะแสดงความคดิ เห็น หรือนาํ เสนอขอ เทจ็ จรงิ ที่มี เหตผุ ลไดอ ยา งเสรี คําตอบทถ่ี ูกตอ ง คือ ขอ 2) 74 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๑) การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา มอี งคป ระกอบสาํ คญั ดงั นี้ สํารวจคน หา ๑.๑) ประมขุ ของรฐั การมปี ระมขุ ของรฐั จะเปน ไปตามคตนิ ยิ มเชงิ ประวตั ศิ าสตร ของประเทศน้ันๆ ประมุขของรัฐนี้ มี ๒ ลกั ษณะ ไดแก 1. นกั เรียนศกึ ษาเรื่อง ลักษณะ ๑. แบบพระมหากษตั รยิ  สาํ คัญของการปกครองระบอบ ภายใตร ฐั ธรรมนญู พระมหากษตั ริยทรงมีฐานะ ประชาธิปไตย จากนนั้ รวบรวม เปนประมุขของรัฐ ท่ีเรียกวา “ราชอาณาจกั ร” ขอ มลู นาํ มาอภปิ รายรวมกัน พระมหากษตั รยิ ใ นการปกครองระบอบน้ี ทรงเปน กลางทางการเมอื ง ไมต อ งมหี นา ทร่ี บั ผดิ ชอบใน 2. ครูต้ังคาํ ถามเพ่อื ใหนักเรยี น คน หาคาํ ตอบ ไดแก • การปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยในระบบรัฐสภา มลี กั ษณะสําคัญอยา งไร ทางการเมืองแตประการใด เพราะมฝี า ยบริหาร อธิบายความรู หรือรัฐบาลรับผิดชอบแทนอยูแลว การใช พระราชอาํ นาจในฐานะประมขุ ของรฐั และในฐานะ 1. นกั เรยี นทาํ ความเขา ใจการปกครอง อนื่ ๆ ก็เปน ไปตามบทบัญญัติของรฐั ธรรมนูญ ระบอบประชาธปิ ไตย จากนั้น ประเทศทใี่ ชก ารปกครอง เปรียบเทียบความเหมือนและ ในรปู แบบนี้ เชน ประเทศไทย ญีป่ ุน กมั พชู า ความแตกตา งของการปกครอง มาเลเซีย องั กฤษ เปน ตน ท้ัง 2 ลักษณะ สรุปเปนตารางหรือ อังกฤษถือเปนประเทศตนแบบแหงหน่ึงของการปกครอง ผังความคดิ ๒. แบบประธานาธิบดี ระบอบประชาธปิ ไตยในระบบรฐั สภา โดยมพี ระมหากษตั รยิ  เปนการปกครองในลกั ษณะ “สาธารณรัฐ” เปน ทรงเปนประมขุ ของประเทศ 2. นักเรยี นนาํ ตารางหรือผงั ความคดิ มาอภิปรายลกั ษณะสาํ คัญของ ระบบรฐั สภาทมี่ ปี ระธานาธบิ ดเี ปน ประมขุ ของรฐั ซง่ึ มที ง้ั ทม่ี าจากการเลอื กตงั้ โดยตรงจากประชาชน การปกครองทั้ง 2 ลกั ษณะ และการเลือกทางออมจากรัฐสภา โดยท่ัวไปประธานาธิบดีในรูปแบบน้ีมีฐานะเปนประมุขของรัฐ คลายกับพระมหากษตั รยิ  คอื ไมตอ งรบั ผิดชอบในทางการเมอื ง เพราะจะมีนายกรฐั มนตรซี ง่ึ เปน 3. ครถู ามวา พระมหากษตั รยิ ท รงเปน ประมุขฝา ยบริหารทําหนา ทร่ี บั ผิดชอบทางการเมืองการปกครอง กลางทางการเมอื ง หมายความวา ประเทศที่ใชการปกครองในรูปแบบนี้ เชน ประเทศลาว บังกลาเทศ อยางไร ฟน แลนด โปรตเุ กส เปนตน (แนวตอบ ทรงใชอ าํ นาจนติ บิ ญั ญตั ิ ๑.๒) ประมขุ ฝา ยบรหิ าร คอื “นายกรฐั มนตร”ี เปน หวั หนา คณะรฐั มนตรี ทาํ หนา ท่ี ผา นทางรัฐสภา อาํ นาจบริหาร ฝา ยบรหิ ารและรับผดิ ชอบตอ สภาในการบรหิ ารราชการแผนดิน ผานทางคณะรัฐมนตรี และอํานาจ ๑.๓) รฐั สภา เปน สถาบนั หลกั ทม่ี คี วามสาํ คญั อยา งมากทางการเมอื ง มที งั้ อาํ นาจ ตลุ าการผา นทางศาล) นติ บิ ญั ญัตแิ ละอาํ นาจควบคุมฝายบรหิ ารเปนหวั ใจสาํ คัญ ๑.๔) หลักการใชอํานาจ ใหความสาํ คัญตอหลกั การใชอํานาจ ซึง่ ประกอบดว ย หลัก ๒ ประการ คอื นักเรียนควรรู ๑. หลกั การเชอ่ื มโยงอํานาจ เปน การเชื่อมโยงระหวา งอาํ นาจนติ ิบญั ญตั ิ และอํานาจบริหาร หมายถึง ฝายนิติบัญญัติมีอํานาจในทางนิติบัญญัติ คือ จัดทําและพิจารณา ราชอาณาจักร เปนคาํ ที่ใชใ น พธิ ีการหรือทางการ เชน รฐั ธรรมนญู ๗๕ แหง ราชอาณาจกั รไทย ซง่ึ สนธสิ ญั ญา ระหวา งประเทศไทยกบั ตา งชาติ ต้ังแต พ.ศ. 2500 เปน ตนมา ใชคําวา The Kingdom of Thailand คูมือครู 75

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอ จากฉบบั นกั เรียน 20%) 1. ครตู ง้ั คาํ ถามเก่ียวกบั การปกครอง กฎหมาย มอี า� นาจควบคมุ ฝา่ ยบรหิ าร เรม่ิ ตง้ั แตใ่ หค้ วามเหน็ ชอบผทู้ จ่ี ะดา� รงตา� แหนง่ นายกรฐั มนตรี ของสหรัฐอเมรกิ า ให้ความเห็นชอบนโยบายของฝ่ายบริหารและควบคุมการท�างานของฝ่ายบริหารได้ตลอดเวลา • ระบบการเมอื งการปกครองของ ซึ่งอาจน�าไปสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงการตั้งกระทู้ถามในประเด็นต่างๆ ที่ สหรฐั อเมรกิ าเปนอยา งไร เก่ยี วกับการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (แนวตอบ ตน แบบของสหพันธรัฐ ที่มรี ฐั มารวมกันมากที่สุด คือ ๒. หลักดุลแห่งอ�านาจ เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองด�าเนินไปได้อย่างมี มจี าํ นวนท้ังส้ิน 50 รัฐ เปนตน ประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประมุขฝ่ายบริหารมีอ�านาจในการยุบสภา ส่งผลให้สภา แบบของหลกั สทิ ธิมนุษยชน ต้องสิ้นสุดลง แต่ตัวนายกรัฐมนตรียังคงด�ารงต�าแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ เพื่อด�าเนินการ เปนประเทศท่มี ีวฒั นธรรม ไปสกู่ ารเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรในคร้ังตอ่ ไป ทางการเมืองเขมแขง็ ใชเ หตผุ ล นําความเชือ่ ) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา จึงมีลักษณะเฉพาะตัว • ประธานาธิบดขี องสหรัฐอเมริกา คอื ฝ่ายบริหารหรือฝา่ ยนิติบัญญัติอาจไมไ่ ด้ดา� รงอยจู่ นครบวาระ ๔ ปี หรอื ๕ ปีตามทกี่ า� หนดไว้ มที มี่ าและมอี าํ นาจอยางไร ในรัฐธรรมนูญแตล่ ะประเทศ (แนวตอบ ประธานาธบิ ดี สหรัฐอเมรกิ ามาจากการ ๒) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธิบดี มีองค์ประกอบ เลอื กตั้งแบบ 2 ข้นั ตอน ข้นั แรก คือ popular vote เปนการที่ สา� คญั ดงั นี้ ประชาชนเลอื กตัวแทนเพ่อื ไป ๒.๑) ประมุขของรัฐ คอื ผู้ท่ดี า� รงต�าแหนง่ ประธานาธิบดี เปน็ ท้งั ประมุขของรฐั ชิงตาํ แหนง ประธานาธิบดี ขัน้ ตอมา คือ electoral vote และประมขุ ฝ่ายบรหิ ารอยใู่ นบคุ คลคนเดียวและมาจากการเลือกตงั้ ของประชาชน มอี �านาจในการ ซ่งึ เปน การเลอื กโดยตัวแทน ปกครองประเทศอยา่ งแทจ้ รงิ เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบตอ่ ประชาชนโดยตรงเพราะไดร้ บั เลอื กจากประชาชน ของ ส.ส. ในแตละรฐั ) แตไ่ มต่ อ้ งรบั ผดิ ชอบตอ่ รฐั สภา มรี ฐั มนตรเี ปน็ ผชู้ ว่ ยในการดา� เนนิ การดา้ นตา่ งๆ ตามสงั กดั กระทรวง 2. ครูและนกั เรียนรว มกนั กาํ หนด โดยประธานาธบิ ดมี อี า� นาจแตง่ ตง้ั ซงึ่ รบั รองจาก ประเด็นในการเรียน เรือ่ ง สภาหรืออาจมาจากการเลือกสรรของรัฐสภา การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ก็ได้ ทั้งน้ีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีเป็นเร่ือง ในระบบประธานาธิบดีและกงึ่ ปกติ ซ่ึงแตกตา่ งจากระบบรฐั สภาทถี่ อื หลกั การ ประธานาธบิ ดี บรหิ ารในรูปแบบคณะรฐั มนตรี ดังนนั้ รัฐมนตรี ในระบบนีจ้ ะรับคา� ส่ังโดยตรงจากประธานาธบิ ดี สาํ รวจคนหา ๒.๒) รฐั สภา เปน็ สถาบนั นติ บิ ญั ญตั ิ ครแู ละนกั เรยี นรว มกันตง้ั คําถาม อาจมีสภาเดียวหรือสองสภาก็ได้ขึ้นอยู่กับ เพอ่ื รวมกันหาคําตอบ เชน ประเทศ วิธีการของแต่ละประเทศ สมาชิกสภามาจาก สหรัฐอเมรกิ ามลี ักษณะการปกครอง การเลือกต้ังของประชาชน แต่จะเข้าไปด�ารง อยางไร โดยนกั เรียนสบื คน ขอ มลู ตา� แหนง่ ฝ่ายบริหารในขณะเดียวกันเหมือนกับ จากแหลง ขอ มลู ตา งๆ อาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา คือสัญลักษณอยางหนึ่งของ ระบบรัฐสภาไมไ่ ด้ สมาชิกสภามบี ทบาทหนา้ ที่ การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบประธานาธบิ ดี หลักทางด้านนิตบิ ัญญัตเิ ป็นสา� คัญ 7๖ นักเรียนควรรู สหรฐั อเมรกิ า ประเทศสหรฐั อเมรกิ าปกครองดว ยระบอบประชาธปิ ไตยท่ีมีประธานาธิบดีเปน ประมุขของรฐั เปนประเทศทีใ่ หความสําคัญตอ หลกั สทิ ธิ เสรีภาพอยางมาก และถือเปนประเทศทม่ี ีระบบการเมอื งการปกครองท่เี ขมแข็งและมีประสิทธิภาพสงู 76 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๒.๓) หลกั การใชอ้ า� นาจ ยึดหลักการใช้อ�านาจ ๒ ประการ คือ สาํ รวจคน หา ๑. หลกั การแยกอา� นาจ เปน็ การแยกอา� นาจระหวา่ งฝา่ ยบรหิ าร คอื ประธานาธบิ ดี นกั เรยี นศึกษาลกั ษณะสาํ คญั ของ กบั ฝา่ ยนิตบิ ญั ญตั ิ คือ รฐั สภา ซึง่ ทัง้ สองฝา่ ยมาจากการเลอื กตั้งโดยประชาชน ประธานาธบิ ดจี ึง การปกครองระบอบประชาธิปไตยใน มีอา� นาจการบริหารอย่างแท้จริง สว่ นฝา่ ยสมาชกิ สภาก็มอี �านาจในการออกกฎหมาย โดยทัง้ สอง ระบบกึง่ ประธานาธิบดี เพื่อเตรียม ฝา่ ยตา่ งดา� เนนิ ภารกจิ ของตนไปตามกระบวนการทก่ี า� หนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู สมาชกิ สภาไมม่ อี า� นาจ อภปิ ราย ในการลงมติไมไ่ ว้วางใจฝา่ ยบริหาร และประธานาธบิ ดกี ไ็ มม่ อี �านาจในการยบุ สภา อธิบายความรู ๒. หลกั การยบั ยงั้ และถว่ งดลุ อา� นาจ คอื การทปี่ ระธานาธบิ ดมี อี า� นาจในการยบั ยงั้ กฎหมายท่ีออกโดยรัฐสภาได้ ในทางกลับกัน สภาก็มีอ�านาจในการถอดถอนประธานาธิบดีได้ใน นกั เรียนอภิปรายความรูจากการ กรณที มี่ คี วามผดิ รา้ ยแรง สบื คน ขอ มลู ครตู ั้งคําถาม ส�าหรับวาระในการดา� รงต�าแหน่งประธานาธิบดีและสมาชิกสภาในแต่ละประเทศ • ในระบบกึ่งประธานาธบิ ดี มีความแตกต่างกันไป เช่น สหรฐั อเมริกา มีวาระ ๔ ปี ประเทศอินโดนเี ซยี มวี าระ ๕ ปี ประเทศ น้ัน ประธานาธิบดแี ละนายก- ฟลิ ปิ ปนิ ส์ มวี าระ ๖ ปี เปน็ ตน้ ซง่ึ โดยทว่ั ไปการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในระบบประธานาธบิ ดี รฐั มนตรมี ีอํานาจหนา ที่ น้ีจะมเี สถียรภาพและม่ันคง ดังน้นั รัฐบาลจึงมักอยู่ครบวาระเปน็ ส่วนใหญ่ แตกตางกนั อยา งไร (แนวตอบ ประธานาธิบดี เปน ประเทศทใ่ี ชก้ ารปกครองในรูปแบบน้ี เชน่ สหรัฐอเมรกิ า เปน็ ต้น ประมุขของรัฐมอี ํานาจในการ กําหนดนโยบายบริหารประเทศ ๓) การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบก่ึงประธานาธิบดีก่ึงรัฐสภา นายกรฐั มนตรี มหี นา ทใ่ี นการ บริหารประเทศใหเ ปนไปตาม มอี งค์ประกอบส�าคญั ดงั นี้ นโยบายท่ีประธานาธิบดี ๓.๑) ประมุขของรัฐ ประธานาธิบดีอยู่ในฐานะประมุขของรัฐ ร่วมบริหาร กาํ หนดไว) ประเทศกับคณะรัฐมนตรีในฐานะประธานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเท่ากับว่าประธานาธิบดีเป็น นักเรียนควรรู ประมุขฝ่ายบริหารอีกต�าแหน่งด้วย เนื่องจากเป็นผู้มีอ�านาจก�าหนดนโยบายทางการเมืองใน ดา้ นตา่ งๆ เชน่ การปกครอง การตา่ งประเทศ การทหาร รวมถงึ นโยบายสา� คญั อนื่ ๆ ประธานาธบิ ดี ระบบกง่ึ ประธานาธบิ ดี ประเทศ ในระบบนีไ้ ม่ตอ้ งรบั ผิดชอบทางการเมืองโดยตรงตอ่ รัฐสภา ฝร่ังเศส ถือเปนประเทศตน แบบท่ี ปกครองดวยระบอบประชาธิปไตย วาระการดา� รงตา� แหนง่ ของประธานาธบิ ดใี นแตล่ ะประเทศอาจแตกตา่ งกนั ในระบบก่ิงึ ประธานาธิบดี ซง่ึ แตเดมิ เชน่ ประเทศฝรัง่ เศส และประเทศเกาหลใี ต้ มวี าระ ๕ ปี หรอื ในประเทศศรีลังกา มีวาระ ๖ ปี นน้ั ประเทศฝร่งั เศสกเ็ คยปกครอง เปน็ ต้น ดวยระบอบประชาธปิ ไตยทงั้ ในระบบ รัฐสภา และระบบประธานาธิบดี ๓.๒) คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซ่ึงได้รับการ แตสุดทายก็มีการปรบั เปล่ียนมาเปน แต่งต้ังจากประธานาธิบดี และประธานาธิบดีมีอ�านาจถอดถอนผู้ดา� รงต�าแหน่งดังกล่าวออกจาก ระบบก่งึ ประธานาธิบดี เพอ่ื ให ต�าแหน่งได้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีอ�านาจในการบริหารประเทศอย่างแท้จริง โดยมี เหมาะสมกับสภาพทางสงั คม นายกรัฐมนตรีเปน็ หัวหน้ารัฐบาล และมีรฐั มนตรีท�าหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบต่อรฐั สภา 77 ๓.๓) รฐั สภา เปน็ สภานติ บิ ญั ญตั ทิ มี่ าจากการเลอื กตงั้ โดยประชาชน ซงึ่ โดยทวั่ ไป จะเปน็ ระบบสองสภา ทา� หนา้ ทค่ี วบคมุ ฝ่ายบรหิ ารหรอื รัฐมนตรี ๓.๔) หลักการใชอ้ า� นาจ แบ่งออกไดเ้ ป็น ๒ ประการ ดังน้ี คมู ือครู 77

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตุนความสนใจ (ยอจากฉบบั นกั เรียน 20%) 1. ครเู ลาเหตุการณค วามรนุ แรง ๑. หลกั การแยกอา� นาจ เปน็ การแยกอา� นาจระหวา่ งประธานาธบิ ดใี นฐานะ ทางการเมอื งในประเทศที่ปกครอง ฝ่ายบริหาร กับรัฐสภาในฐานะฝา่ ยนติ ิบัญญัติ ดว ยระบอบเผดจ็ การ เชน เยอรมนี ๒. หลกั การเชือ่ มโยงอ�านาจ คือ การที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรซี ง่ึ ท�า ในชวงทฮ่ี ติ เลอรค รองอาํ นาจ และ หนา้ ทฝ่ี า่ ยบรหิ ารมาจากการแตง่ ตง้ั ของประธานาธบิ ดโี ดยผา่ นการเหน็ ชอบจากรฐั สภาและรฐั สภา กระตนุ การคิดดวยคําถาม มอี �านาจควบคมุ การบรหิ ารของคณะรฐั มนตรีควบคไู่ ปกบั การทา� หนา้ ท่ใี นฝา่ ยนิตบิ ัญญัติ • ทาํ ไมฮิตเลอรสามารถครอง ประเทศทใ่ี ชก้ ารปกครองในรปู แบบนี้ เชน่ อนิ เดยี มองโกเลยี ฝรง่ั เศส เปน็ ตน้ อํานาจในการบริหารประเทศ เยอรมนีไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ ๑.๒ การปกครองระบอบเผดจ็ การ ในชว ง ค.ศ. 1933-1945 ค�าว่า “เผด็จการ” หมายถึง พฤตกิ รรมหรือการตัดสนิ ใจในเรอื่ งต่างๆ ภายใตอ้ า� นาจของ (แนวตอบ เนื่องจากฮิตเลอร ผนู้ า� เพยี งคนเดยี ว หรอื กลมุ่ ชนชนั้ นา� เพยี งกลมุ่ เดยี วทไ่ี มย่ อมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ ผลจาก ไดฟน ฟูประเทศเยอรมนี การตดั สนิ ใจของผนู้ า� เผดจ็ การอาจสง่ ผลดหี รอื ผลเสยี ตอ่ สงั คม ขนึ้ อยกู่ บั บคุ ลกิ ภาพ ความมเี หตผุ ล จากประเทศท่ปี ระสบปญหา ของผูน้ �า รวมไปถึงสภาพทางวัฒนธรรมของสงั คมน้ันๆ เศรษฐกิจและประเทศแพ ในยุคปจั จบุ ัน การจา� แนกการปกครองระบอบเผด็จการ ใชห้ ลักการพจิ ารณาจากขอบเขต สงคราม ใหม ีความเจริญ การใชอ้ �านาจมาเป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น ๒ รปู แบบ ดงั น้ี กาวหนาจนกลายเปนประเทศ มหาอาํ นาจ รวมถงึ มกี ารปลกู ฝง ๑) ระบอบเผด็จการแบบอ�านาจนิยม เป็นระบอบท่ีเน้นอ�านาจเป็นหลักส�าคัญ เรือ่ งชาตินิยม) โดยทั่วไปมักเกิดจากตัวผู้น�าหรือคณะบุคคลท่ีอาศัยก�าลังอ�านาจหรือการสนับสนุนจากกองทัพ • ประเทศทปี่ กครองดวยระบอบ เขา้ ท�าการยึดอา� นาจดว้ ยการท�ารฐั ประหารรฐั บาลเดิม เพอื่ เข้าเป็นรัฐบาลแทน การออกประกาศ เผด็จการ ประชาชนจะมี หรือค�าส่ังของคณะรัฐประหารเปรียบเสมือนเป็นกฎหมายในการปกครองประเทศโดยชอบธรรม ความเปน อยูอยางไร ระบอบเผด็จการอา� นาจนิยมมลี ักษณะส�าคญั ดงั นี้ (แนวตอบ ถูกจาํ กดั สิทธเิ สรีภาพ ๑.๑) มงุ่ ควบคมุ กจิ กรรมทางการเมอื งเปน็ หลกั เปน็ ระบอบการปกครองทมี่ วี ตั ถปุ ระสงค์ ทางการเมือง เศรษฐกิจตกต่ํา หลกั ในการบรหิ ารและตดั สนิ ใจทางการเมอื งแต่ ความยตุ ิธรรมมีนอ ย อาํ นาจ ñ เผดจ็ การอา� นาจนยิ ม เพียงผู้เดียว ผู้ปกครองไม่เปิดกว้างในสิทธิ และความมัง่ ค่งั อยใู นมอื ของคน ● เกดิ จากตวั ผนู้ า� หรอื คณะบคุ คล เสรภี าพทางการเมอื งรวมถงึ สทิ ธมิ นษุ ยชนใหแ้ ก่ เพยี งไมกี่กลมุ ) ทไี่ ดร้ ับการสนับสนุนจาก ประชาชนภายในประเทศ กองทพั เขา้ ท�าการยดึ 2. ครูตั้งคาํ ถามเพือ่ การสาํ รวจความรู อ�านาจ ๑.๒) ไม่มีนโยบายควบคุมสถาบัน • การปกครองในระบอบเผดจ็ การ รูปáบบ ทางสงั คม ไมว่ า่ จะเปน็ สถาบนั ครอบครวั สถาบนั มีขอ ดอยอยา งไร และจะสง ของการปกครองระบอบ ò เบเผ็ดดเส็จรก็จาร การศกึ ษา สถาบนั ศาสนา หรอื สถาบนั เศรษฐกจิ ผลตอการดาํ เนินชวี ติ ของ ● เน้นอา� นาจการ สามารถด�าเนินกจิ กรรมต่างๆ ได้ตามปกติ แต่ ประชาชนอยางไรบา ง เผด็จการ ปกครองทั้งดา้ นการเมอื ง จะต้องไม่สร้างความกระทบกระเทือนต่อ สาํ รวจคนหา เศรษฐกจิ สงั คม ไวใ้ น ตัวผนู้ า� ฝ่ายเดยี ว นักเรียนไปศกึ ษาคนควาขอ มูล การปกครองระบอบเผด็จการ ภาพลักษณ์ หรือเสถียรภาพทางการเมือง การปกครองของคณะรฐั ประหาร 78 @ มมุ IT ศกึ ษาคน ควาขอ มูลเพมิ่ เติมเก่ยี วกับระบอบ เผดจ็ การ ไดท ่ี http://www.idis.ru.ac.th 78 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Evaluate Explain Expand Engage Explore ๑.๓) มีการใช้อ�านาจรัฐเข้าแทรกแซง เพ่ือท�าการตรวจสอบหน่วยงานหรือ อธิบายความรู องคก์ รตา่ งๆ ท่ีมีการดา� เนนิ การสอ่ ไปในทางขดั หรือบ่ันทอนความมั่นคงของรฐั นกั เรียนอภิปรายลักษณะการ ๑.๔) ครอบง�ากระบวนการ ปกครองระบอบเผดจ็ การในประเด็น ยตุ ธิ รรม กระบวนการยตุ ธิ รรมสามารถดา� เนนิ การ และคงอยู่เป็นหลักส�าคัญ แต่ในขณะเดียวกัน - บทบาท หนา ทขี่ องผนู ํา ก็อาจมีการออกประกาศหรือคา� สงั่ เพม่ิ เตมิ เพอื่ - ขอ ดี ขอ เสยี ใชเ้ ฉพาะกจิ เชน่ กฎอยั การศกึ เป็นตน้ ซง่ึ อาจ - เปรียบเทยี บการปกครอง น�าไปสู่การลิดรอนสิทธิเสรีภาพ รวมไปถึงการ ลงโทษท่รี นุ แรงโดยชอบธรรม ระบอบประชาธิปไตยกับระบอบ เผด็จการ ๑.๕) ก�าหนดบทบาทและ ครูตง้ั คําถาม ควบคุมพฤติกรรมของพลเมืองอย่างชัดเจน • ในปจจบุ ันประชาชนในหลายๆ ประชาชนในประเทศมีหน้าท่ีเช่ือฟังและปฏิบัติ ประเทศ ท่ปี กครองดวยระบอบ ตามผู้น�า โดยจะต้องไม่ท�าตนเป็นอุปสรรค เผดจ็ การอํานาจนิยมมคี วาม ขดั ขวางทางการเมือง พยายามออกมาเคลอ่ื นไหว ประทว งเพราะเหตใุ ด ในปัจจุบันยังคงมีประเทศท่ี กองทัพเปนฐานอํานาจสําคัญของการปกครองระบอบ (แนวตอบ เพราะประชาชน ปกครองด้วยระบอบเผด็จการแบบอ�านาจนิยม เผดจ็ การแบบอาํ นาจนยิ ม ตอ งการสทิ ธิเสรีภาพในการ เชน่ ประเทศนกิ ารากวั ควิ บา กานา ไนจีเรีย จอร์แดน อหิ รา่ น ลิเบีย เป็นต้น และเนอื่ งจากในยุค ดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั รวมถึง ปัจจุบัน กระแสโลกสากลให้การยอมรับการปกครองระบอบประชาธิปไตยว่าเป็นระบอบที่ดีและ การเขา ไปมีสวนรว มทาง เหมาะสมทสี่ ดุ เราจะเหน็ ไดว้ า่ มหี ลายประเทศทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบเผดจ็ การ การเมอื งการปกครอง) อ�านาจนิยมมาเป็นระบอบประชาธิปไตย หรือแม้แต่ในบางประเทศท่ีปัจจุบันยังคงปกครองด้วย • จากการท่ีประชาชนในประเทศ ระบอบเผด็จการอ�านาจนิยมอยู่ ก็ยังมีการเคล่ือนไหวจากประชาชนจ�านวนมากเพื่อเรียกร้อง ตางๆ ทีป่ กครองดวยระบอบ เสรีภาพและประชาธิปไตย แม้ว่าการเคลื่อนไหวของประชาชนในหลายประเทศจะน�ามาซ่ึง เผดจ็ การอาํ นาจนิยม ออกมา ความสูญเสีย การบาดเจ็บล้มตาย แต่ก็เป็นส่ิงที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของประชาชน เรียกรอ งประชาธปิ ไตยสงผล ทจี่ ะต่อตา้ นระบอบเผดจ็ การ และความตอ้ งการท่ีจะท�าใหป้ ระเทศของตนมีการปกครองในระบอบ อยา งไร ประชาธปิ ไตย เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซงึ่ สทิ ธิ เสรภี าพขน้ั พน้ื ฐานทที่ กุ คนควรจะไดร้ บั รวมไปถงึ การเปดิ กวา้ ง (แนวตอบ เกดิ ความไมสงบและ ใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มทางการเมือง มกี ารแสดงความคิดเหน็ และใชเ้ หตผุ ลในการตัดสนิ มีความสญู เสยี ทั้งชีวติ และ ปญั หาตา่ งๆ สง่ ผลให้ประเทศเกิดความสงบสขุ ปราศจากความรนุ แรง ทรัพยส นิ แตก เ็ ปน ส่งิ ที่สะทอน ถงึ ความตอ งการประชาธิปไตย) จากสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นท�าให้เห็นได้ว่าประชาชนจ�านวนมากไม่ยอมรับการ ปกครองระบอบเผดจ็ การ เนอ่ื งจากมกี ารจา� กดั สทิ ธเิ สรภี าพในหลายดา้ น ซง่ึ แตกตา่ งจากหลกั การ ขยายความเขาใจ ของระบอบประชาธิปไตยอย่างส้ินเชิง จึงมีแนวโน้มท่ีในอนาคตจะมีหลายประเทศท่ีเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบเผดจ็ การมาเปน็ ประชาธปิ ไตย นกั เรียนจบั กลุมรวมกันจดั ทาํ รายงานในประเดน็ ปจ จบุ นั มปี ระเทศ ใดบางที่ยงั คงจํากดั สิทธเิ สรภี าพของ ประชาชน 79 นกั เรยี นควรรู กฎอยั การศกึ คอื กฎหมายซงึ่ ตราขนึ้ ไวส าํ หรบั ประกาศใชเ มอ่ื มเี หตจุ าํ เปน เพอื่ รกั ษาความสงบ เรยี บรอยในบานเมือง เชน ในกรณที ่ีเกดิ สงคราม การจลาจล ในเขตทีป่ ระกาศใชก ฎอยั การศกึ เจา หนาท่ฝี ายทหารมอี ํานาจหนา ท่เี หนือเจาหนา ท่ฝี า ยพลเรอื นในสวนทเ่ี กย่ี วกับการยทุ ธ คูมือครู 79

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สํารวจคนหา (ยอ จากฉบับนกั เรียน 20%) นักเรียนคนควาขอ มูลเก่ียวกบั ๒) ระบอบเผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ เปน็ ระบอบทเ่ี นน้ อา� นาจทงั้ หมดในการปกครอง ประเทศทม่ี ีการปกครองระบอบ ซ่ึงได้แก่ กิจกรรมทางการเมืองการปกครอง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และกิจกรรมทางสังคม เผดจ็ การแบบเบด็ เสร็จ แลวนาํ ขอมูล และวัฒนธรรม รวมไว้ในตัวผู้น�าหรือชนช้ันน�า ที่ไดม าแลกเปลย่ี นกนั ศกึ ษา ฝา่ ยเดียวอยา่ งเดด็ ขาด ระบอบเผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ มกั เกดิ มา อธิบายความรู จากแนวคิดหรืออุดมการณ์ที่เปรียบเสมือน กฎหมายสงู สดุ ในการควบคมุ เพอ่ื จดั ระเบยี บทาง นักเรียนรวมกันอภปิ รายกลุม สงั คมทกุ ด้าน มลี กั ษณะสา� คัญ ดังนี้ เก่ียวกับโครงสรา งของการปกครอง ๒.๑) ยึ ด มั่ น ใ น อุ ด ม ก า ร ณ ์ ข อ ง ผู ้ น� า ระบอบเผด็จการแบบเบด็ เสรจ็ แลว ผู้น�าได้วางอุดมการณ์หรือแนวคิดหลักไว้เพื่อ วเิ คราะหจดุ เดน และจดุ ดอ ยของการ เป็นแนวทางปฏิบัติของประชาชนและปลูกฝัง ปกครองระบอบน้ี จากนน้ั สง ตัวแทน ให้เชื่อฟังผู้น�าและปฏิบัติตามค�าส่ังของผู้น�า ออกมารายงานหนา ชนั้ เรยี น ทกุ ประการ ประชาชนเปรียบเสมือนเคร่ืองมือ ในอดีต รัฐบาลนาซีเยอรมันใชอํานาจเบ็ดเสร็จในการ ของรัฐที่จะต้องปฏิบัติตามอุดมการณ์ของรัฐ เกรด็ แนะครู .ปกครองประเทศ ซึ่งอํานาจท้ังหมดจะอยูท่ีผูนําประเทศ ทผ่ี นู้ า� กา� หนดไว้ เพียงคนเดยี ว ครูควรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั ๒.๒) ให้การยกย่องผู้น�า ผู้ถูกปกครอง การดําเนินนโยบาย ท่ีมลี ักษณะ จะต้องเช่ือฟังค�าส่ังของผู้น�าและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝนก็จะถูกลงโทษอย่าง ความเปน ชาตนิ ยิ มของพรรคนาซี รุนแรง ซ่งึ การลงโทษนม้ี ิตอ้ งคา� นงึ ถงึ สทิ ธมิ นุษยชนหรือความยตุ ธิ รรมสากลใดๆ ทัง้ ส้ิน เชน การพฒั นาประเทศเพือ่ กา วสู ๒.๓) มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว โดยถือว่าเป็น “พรรคมวลชน” ที่มี มหาอํานาจของโลก กระบวนการถ่ายโอนอ�านาจภายในพรรค ซึ่งเป็นการพิจารณากันเอง ประชาชนไม่สามารถมี ส่วนรว่ มในการตัดสนิ ใจได้ นักเรยี นควรรู ๒.๔) มีการผูกขาดและแทรกแซงสื่อมวลชนทุกประเภท เพื่อป้องกันมิให้มีการ เผยแพร่ข่าวสารข้อมูลหรือความเคล่ือนไหวต่างๆ ท่ีขัดต่ออุดมการณ์ของผู้น�า ในขณะเดียวกัน นาซเี ยอรมนั เปน ยุคทพ่ี รรคนาซี รัฐบาลก็ใช้สถาบันสอ่ื สารมวลชนท�าหนา้ ทโ่ี ฆษณาชวนเช่ือแนวคดิ นโยบายตา่ งๆ ของผ้นู า� เรืองอาํ นาจและมีความเขม แขง็ ๒.๕) ม่งุ เนน้ หลักกา� ลังอ�านาจ ให้ความสา� คญั ตอ่ การเสริมสร้างความแขง็ แกรง่ อยใู นชวงป ค.ศ. 1933-1945 ของรัฐและกองทัพ มคี วามเชื่อวา่ การใช้ความรุนแรงอย่างเฉยี บขาดเปน็ ส่งิ ทถ่ี ูกตอ้ ง เปน ชวงที่มีการปกครองประเทศ ๒.๖) ประชาชนเปน็ เพียงกลไกของรัฐ ไม่มีสทิ ธเิ สรภี าพ มเี พียงหน้าทที่ ีจ่ ะต้อง ในระบอบเผด็จการภายใตการนาํ ปฏิบัติต่อรัฐ ต้องแสดงความจงรักภักดีท้ังทางด้านการกระท�าและทางด้านจิตใจเพ่ือสนับสนุน ของ อดอลฟ ฮิตเลอร และมีการนาํ รัฐบาลของผู้นา� สญั ลกั ษณของพรรคนาซี คือรูป สวัสดกิ ะ มาอยูบนธงชาติ 80 นกั เรยี นควรรู อดุ มการณ เปนความเชอ่ื ความศรทั ธา ที่เปน หลักในการปฏบิ ตั ิ ซ่ึงอดุ มการณทางการเมืองการปกครองกค็ ือแนวความคดิ ความเชื่อ ท่ีนาํ มาใชใ น การปกครองประเทศ เชน อดุ มการณพรรคนาซีทเ่ี ชอ่ื วา เยอรมนเี ปนชาตทิ สี่ มบรู ณแ บบท่ีสดุ 80 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate การปกครองระบอบเผดจ็ การแบบเบด็ เสรจ็ จา� แนกออกเปน็ ๒ รปู แบบ ดังนี้ อธบิ ายความรู ñ ระบอบเผดจ็ การแบบ¿าส«ิสต์ นักเรยี นอภิปรายกลมุ เพ่ือ วเิ คราะหเ ปรยี บเทียบการปกครอง ระบอบเผด็จการแบบเบด็ เสรจ็ ทั้ง 3 รูปแบบ แลวสรปุ ผลการอภปิ ราย ลงในสมดุ บนั ทึกเพ่อื นําสงครู รูปáบบ การปกครองประเทศทใ่ี ชค้ วามเดด็ ขาด ผนู้ า� ประเทศมบี ทบาทสา� คญั áขบอเบงบกเ็ดาผรเปดสกจ็รคจ็กรอางร เป็นผตู้ ดั สินใจแต่เพียงผูเ้ ดียว ในการจะนา� พาประเทศไปสู่ ทศิ ทางใด นักเรยี นควรรู ò ระบอบเผด็จการแบบคอมมิวนิสต์ คอมมวิ นสิ ต เกิดมาจากแนวความ เกิดขึ้นจากแนวความคิดของนักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมนั คิดทีม่ ุงเนน สรา งความเทาเทยี มกนั ในภายหลังได้มีการน�าแนวคิดนี้มาใชใ้ นการปกครองประเทศรัสเซีย ของคนในสงั คม เปน สงั คมทปี่ ราศจาก เปน็ แห่งแรก ชนชั้น ซึง่ แนวความคดิ คอมมวิ นิสต นี้ สังคมในระยะแรกจะเริ่มจากการ เผด็จการ¿าส«สิ ต์ เผด็จการคอมมิวนิสต์ ทําลายระบบทนุ นิยม จากนนั้ จะเปน ลกั ษณะของสงั คมนยิ ม และพฒั นาไป เกิดข้ึนครั้งแรกในประเทศอิตาลีโดยมีเบนิâต มุสâสลินี เป็นผู้น�าในช่วงที่ แนวความคิดของ คารล์ มากซ์ มุ่ง สูส งั คมที่สมบูรณแบบ แนวความคดิ ประเทศเปลี่ยนแปลงทางสังคมสู่ระบบอุตสาหกรรม มุสโสลินีน�านโยบาย ศึกษาประเด็นความขัดแย้งระหว่าง คอมมิวนสิ ตไดกลายมาเปน ระบอบ การโ¦ษณาชวนเชื่อและสร้างภาพลักษณ์ให้ ชนชั้น โดยถือว่าชนชั้นกรรมาชีพ การเมืองการปกครองรูปแบบหน่งึ ยึดมั่นในตัวผู้น�าที่จะน�าประเทศไป เป็นพลังส�าคัญท่ีจะสร้างสังคมให้ ทแี่ พรหลายไปท่วั โลก โดยเฉพาะ รอดได้ โดยถือว่า “ถาเช่ือผูนํา มีความชอบธรรม ผู้คนมีความ อยางย่ิงชว งหลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 ชาติไมแตกสลาย” เน้นรักชาติ เท่าเทียมกัน มุ่งท�าลายล้างระบบ หรอื ชาตนิ ยิ มทร่ี นุ แรง สง่ เสรมิ กลมุ่ ทุนนยิ ม โดยมพี รรคคอมมิวนิสต์ซ่ึง นักเรียนควรรู นายทุนมีความเช่ือว่าสงคราม ถือว่าเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว เป็นสิง่ ท่ชี อบธรรม ที่เป็นตัวแทนของชนช้ันกรรมาชีพ ชนชน้ั กรรมาชพี ใชเรยี กชนช้นั มบี ทบาทในการปกครองประเทศและ กรรมกรหรือลูกจา งผหู าเล้ียงชีพ เบนิโต มสุ โสลิน� ขจดั ปญั หาความเหลอ่ื มลา�้ ทางสงั คม ดว ยคา จางแรงงาน ซงึ่ ตามแนวคดิ ใหห้ มดสน้ิ ไป คอมมวิ นสิ ต ถือวาชนช้นั กรรมมาชพี และในเวลาตอ่ มา อดอลฟ์ Îติ เลอรก์ ไ็ ดน้ า� เอาแนวความคดิ ของระบอบฟาสซสิ ต์ เปน กลุมท่ถี ูกเอารดั เอาเปรยี บจาก มาใช้ปกครองประเทศเยอรมนี แต่จะมีลักษณะเฉพาะตัว ท่ีเน้นความเป็น คารล มากซ กลุมนายทนุ ชาตนิ ยิ ม ปลกู ฝงั ใหป้ ระชาชนมคี วามศรทั ธา เคารพเชอื่ ฟงั ผนู้ า� และปลกู จติ สา� นกึ ให้มีความภาคภมู ใิ จในชาติ มีความเช่ือมนั่ วา่ ชาตขิ องตนมคี วามสมบรู ณแ์ บบทสี่ ดุ เหมาะสม อดอลฟ ฮติ เลอร ทจ่ี ะเป็นผูน้ า� ของโลกในอนาคต 8๑ นกั เรียนควรรู อดอลฟ ฮติ เลอร เปนผูน าํ เผด็จการแหงเยอรมนี ใชอาํ นาจ เดด็ ขาดในการปกครองประเทศ แตเพยี งผเู ดยี ว เนน นโยบายที่มี ความเปนชาตินิยมอยา งรนุ แรง ถือเปน ผนู ําทีท่ รงอทิ ธิพลมากท่สี ุด คนหน่ึงของโลก คมู ือครู 81

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explore Explain Engage Evaluate สํารวจคนหา (ยอจากฉบบั นกั เรยี น 20%) นกั เรยี นแบง กลมุ กลุม ละ 3-5 คน àÊÃÁÔ ÊÒÃÐ จากแนวคดิ สรู ะบอบปกราากรฏเมกาอื รณงกค าอรมปมกิวคนริสอตง คน ควา เรื่อง ประเทศคอมมวิ นสิ ตใน สมยั สงครามเยน็ กลมุ ละ 1 ประเทศ การปฏิวัติอุตสาหกรรมในคริสตศตวรรษ ท่ี 18 - 19 ไดเ ปลยี่ นรปู แบบการผลติ จากครัวเรือน อธิบายความรู เปนระบบโรงงาน สง ผลใหระบบทุนนยิ มเติบโตขึน้ แตคุณภาพชีวิตของกรรมกรกลับมีความเปนอยู นกั เรยี นวเิ คราะหถ งึ การเปลยี่ น ท่ีแรนแคนเชนเดิม สิทธิ และเสรีภาพข้ันพ้ืนฐาน แปลงทางการเมอื งในชว งนน้ั รว มกนั ไมไ ดร บั การพดู ถงึ การมองเหน็ ขอ บกพรอ งดงั กลา ว ทาํ ใหค ารล มากซ ออกแถลงการณพ รรคคอมมวิ นสิ ต นกั เรยี นควรรู (Communist Manifesto) เพ่ือทวงถามถึงความ เทาเทียม ความมีเสรีภาพ และการสรางสังคมท่ี สงครามเยน็ (Cold War) ค.ศ. ปราศจากชนช้ัน 1945-1991 เปน การตอ สรู ะหวาง นับแต ค.ศ. ๑๘๔๘ เปนตนมา ความตองการของคารล มากซ ตามท่ีระบุไวใน แถลงการณพรรค กลุมประเทศ 2 กลุม ที่มีอุดมการณ คอมมิวนิสต ก็ยังคงไมปรากฏใหเห็น จนกระทั่งเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๗ พรรคบอลเชวิคในรัสเซียประกาศ ทางการเมืองและระบอบการเมือง ยึดอํานาจและนําแนวทางคอมมิวนิสตของคารล มากซ มาใชปกครองประเทศ โดยหลังจากการส้ินสุดของ ตา งกนั เกดิ ขน้ึ ในชว งหลงั สงครามโลก สงครามโลกครงั้ ที่ ๒ จนถงึ ชว งกลางสงครามเยน็ แนวความคดิ แบบคอมมวิ นสิ ตไ ดข ยายตวั อยา งตอ เนอื่ ง ในบรเิ วณ ครั้งท่ี 2 ฝายหน่ึงคือ สหภาพโซเวียต สหภาพโซเวยี ต ไมว า จะเปน รัสเซยี ยเู ครน เรยี กวา คายตะวนั ออก ปกครองดวย ประเทศท่ปี กครองในระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน จอรเจีย รวมถึง ระบอบคอมมวิ นิสต กบั อีกฝา ยหน่งึ คอื สหรฐั อเมริกาและกลุมพันธมติ ร ประเทศอื่นๆ ที่ติดกับพรมแดนตะวันตก เรียกวา คายตะวันตก ปกครองดวย และตะวันตกเฉียงใตของรัสเซีย นอกจากนี้ ระบอบเสรีประชาธิปไตย ซง่ึ ในชวง บางประเทศแถบยุโรปตะวันออก แอฟริกา เวลาดังกลาวท้ังสองฝายไดแ ขงขนั เอเชยี ตะวนั ออก และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ในดานการสะสมอาวุธ เทคโนโลยี กไ็ ดม กี ารเปลยี่ นแปลงการปกครองเปน ระบอบ อวกาศ การจารกรรม เศรษฐกจิ เผดจ็ การคอมมวิ นสิ ต และการทาํ สงครามผา นตัวแทน หลังจากสหภาพโซเวียตลมสลาย ยคุ สงครามเยน็ ใน ค.ศ. ๑๙๙๑ ซึ่งเปน ปท่สี งครามเยน็ จบลง กวา ง 8.8 ซม. ประเทศตางๆ ไดเร่ิมยกเลิกระบอบการ ปกครองแบบเผด็จการคอมมิวนิสตและ เปล่ียนมาใชระบอบประชาธิปไตย อยางไร ก็ตามยังคงมีบางประเทศท่ีปกครองใน ระบอบเผด็จการคอมมิวนิสตแบบดั้งเดิมอยู แตบางประเทศกม็ ีการปรบั ตัวดานตา งๆ ให เขา กบั ยคุ ปจ จบุ นั ไมว า จะเปน เวยี ดนาม ควิ บา ยุคปจจุบนั ลาว รวมไปถงึ จนี ๘๒ 82 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Expand Evaluate Engage Explore Explain แมว้ า่ การปกครองระบอบเผดจ็ การจะมรี ปู แบบแตกตา่ งกนั ออกไป แตก่ ม็ ลี กั ษณะ ขยายความเขาใจ ร่วมทม่ี ีความคลา้ ยคลึงกนั ดงั น้ี 1. ครใู หน กั เรียนเขยี นผังมโนทัศน ลักษณะรว่ มของระบอบเผดจ็ การ สรปุ ลักษณะสําคญั ของการ ปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไม่คำ� นงึ ถงึ ไมย่ อมรบั ศักดิศ์ รีของความเปน็ มนุษย์ แบ่งคนเป็น ๒ กลมุ่ ได้แก่ กลุ่มผู้น�า ซงึ่ ถอื ว่าเป็นฝา่ ย และระบอบเผดจ็ การ หลกั สทิ ธิ มศี กั ดศิ์ รี มคี วามถกู ตอ้ งและอยเู่ หนอื กวา่ มคี วามเชอ่ื มนั่ ทจี่ ะสรา้ งประเทศใหม้ คี วามสมบรู ณแ์ บบ มนุษยชน กลุ่มประชาชนท่ัวไปถูกมองว่าเป็นผู้ไร้ความสามารถ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่อาจเข้า 2. ใหน ักเรียนเปรียบเทียบขอ ดี มามีสว่ นรว่ มในการปกครองได้ ตอ้ งฟงั ผนู้ �าเพยี งผู้เดยี ว ขอเสีย ของการปกครองทัง้ สอง ระบอบ เขยี นลงในกระดาษ A4 มกี ำรจำ� กดั สทิ ธิ มีการจ�ากัดสิทธิในระดับสูงหรือต่�าข้ึนอยู่กับรูปแบบเผด็จการในแต่ละประเทศ ถือหลักว่า แลว นําเสนอผลงานสง ครู จากน้ัน เสรีภาพของ เสรภี าพของบคุ คลสา� คญั นอ้ ยกว่าอา� นาจรัฐ ซึง่ ตรงกนั ข้ามกับระบอบประชาธิปไตย สมุ ตวั แทนนกั เรยี น ออกมานาํ เสนอ บุคคล ผลงาน คตินยิ ม ผู้น�าเผด็จการจะสถาปนาตนเองหรือกลุ่มอ�านาจของตนเองขึ้นมา โดยไม่มีสถาบันใดๆ ตรวจสอบผล ของระบอบ ตรวจสอบและถว่ งดุลอา� นาจ มักจะไม่มกี ารกา� หนดระยะเวลาของการครองอ�านาจ หรืออาจ เผดจ็ การ แฝงตัวกุมอ�านาจการปกครอง เพ่ือสร้างกติกาของตนที่ใช้เป็นเหตุผลหรือข้ออ้างท่ีแยบยล 1. ครตู รวจสอบความถกู ตองของ โดยละเลยหลักนิติธรรมสากล เพือ่ รวบอา� นาจไว้ในกลุ่มของตนให้นานทีส่ ดุ เทา่ ท่ีจะท�าได้ ผงั มโนทัศน สรปุ ลักษณะสาํ คญั ของการปกครองระบอบเผด็จการ ไม่ประสงคใ์ ห้ ปิดก้ันกลไกท่ีส่งเสริมให้ประชาชนได้แสดงออกในกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนอย่าง และระบอบประชาธปิ ไตย ประชำชนมี สิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของประชาชนเพื่อน�าไปสู่การปฏิบัติเชิงนโยบาย การมี สว่ นร่วมทำง ส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เป็นสิ่งท่ีระบอบเผด็จการถือว่าจะส่งผลร้ายมา 2. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของงาน การเมือง สู่การปกครอง ผู้ใดที่กระท�าการดังกล่าวจะถูกลงโทษอย่างรุนแรงด้วยข้อหาเป็นศัตรู เขียนเปรยี บเทียบขอดี ขอ เสียของ กำรปกครอง บ่อนท�าลายความมั่นคงของชาติ ไม่ต้องการให้มีฝ่ายค้าน เพ่ือคงรักษาให้ผู้น�าเผด็จการมี การปกครองทั้ง 2 ระบอบ อา� นาจมากทส่ี ดุ ปดิ กน้ั ทางความคดิ ไมย่ อมรบั เหตผุ ล ซง่ึ ในสงั คมประชาธปิ ไตยถอื เปน็ ปจั จยั สง่ เสริมความเจริญก้าวหนา้ นกั เรยี นควรรู อย่างไรก็ตามในประเทศท่ีปกครองด้วยระบบเผด็จการทุกรูปแบบก็ต้องการให้ นติ ิธรรม เปน หลกั การปกครอง ประชาชนมีวินัยและรับผิดชอบต่อสังคม เช่นเดียวกับประเทศประชาธิปไตย ซ่ึงประชาชนต้องมี ที่ยึดหลกั กฎหมาย ระเบียบ และ วนิ ัยสงู และรบั ผิดชอบต่อสงั คม รู้สทิ ธปิ ระโยชนข์ องตนจึงจะช่วยใหป้ ระเทศมีความเจริญกา้ วหน้า ขอ บังคบั ตา งๆ ใหม คี วามเปนธรรม เปน ทย่ี อมรับของคนในสังคม โดยมี ๑.๓ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยในประเทศไทย การยนิ ยอมพรอ มใจ และใหถ อื ปฏบิ ตั ิ รวมกนั อยางเสมอภาค ไมมกี าร ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ปฏิบตั ิตามอาํ เภอใจของผใู ดผูหนง่ึ พระมหากษัตรยิ ท์ รงอยู่เหนอื การเมอื งและทรงใชอ้ า� นาจอธปิ ไตยแทนประชาชน พระมหากษตั รยิ ์ หรอื คณะใดคณะหนง่ึ ทรงใชอ้ �านาจนิติบญั ญตั ผิ า่ นทางรฐั สภา อา� นาจบรหิ ารผ่านทางคณะรฐั มนตรี และอ�านาจตุลาการ ผา่ นทางศาล รวมถึงปฏิบตั พิ ระราชกรณียกจิ อนื่ ๆ ตามทีร่ ฐั ธรรมนูญกา� หนดไว้ 8๓ @ มมุ IT ศึกษาคน ควาขอมลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกับอํานาจอธปิ ไตย ไดที่ http://www.thaipoliticsgovern- ment.org สถาบันพระปกเกลา คูม ือครู 83

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) 1. ครนู ําขาวจากหนังสอื พมิ พ วิทยุ ๑) การใช้อ�านาจนิติบัญญัติทางรัฐสภา รัฐสภาไทยมีลักษณะที่ประกอบด้วย โทรทศั น ท่ีเปนประเดน็ ทาง การเมอื งทสี่ ําคัญ แลว รว มกนั สองสภา คอื สภาผูแ้ ทนราษฎร และวุฒสิ ภา ซ่งึ มีอ�านาจหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกันไป ดังนี้ อภิปรายกับนกั เรียน ใหน ักเรยี น ๑.๑) อ�านาจหน้าท่ีในการเสนอช่ือบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ของ แสดงความคิดเห็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยบุคคลที่ได้รับการเสนอช่ือจะต้องเป็นผู้ท่ีได้รับเสียงข้างมากจาก 2. ครแู ละนักเรียนสนทนาถงึ การ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรเหน็ สมควรใหเ้ ป็นนายกรฐั มนตรี เลอื กต้งั ท้ังในระดบั ชาติและใน ระดบั ทอ งถ่นิ ๑.๒) อา� นาจหนา้ ทใี่ นการตรากฎหมาย โดยเนน้ การทา� หนา้ ทร่ี ว่ มกนั ทงั้ สองสภา แต่ผู้มีอ�านาจในการริเร่ิมการตรากฎหมาย คือ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 3. กําหนดขอบเขตและประเดน็ ที่จะ ผา่ นรา่ งกฎหมายนนั้ แลว้ หากวฒุ สิ ภาเหน็ วา่ รา่ งกฎหมายนนั้ ดแี ลว้ กม็ มี ตใิ หผ้ า่ นรา่ งกฎหมายนนั้ ศกึ ษา ไดแก แตห่ ากเหน็ วา่ กฎหมายนนั้ ยงั มขี อ้ บกพรอ่ งอยกู่ จ็ ะมมี ตใิ หแ้ กไ้ ข แตห่ ากเหน็ วา่ กฎหมายไมส่ มควร • การปกครองของไทยในปจจุบนั ทจี่ ะประกาศใช้ วฒุ สิ ภากม็ ีอา� นาจยับยง้ั รา่ งกฎหมายนน้ั ตามช่วงเวลาทร่ี ฐั ธรรมนญู ก�าหนดไว้ มีลกั ษณะสําคัญอยางไร • การเลือกต้ังมีความสาํ คัญ ๑.๓) อา� นาจหนา้ ทใ่ี นการควบคมุ รฐั บาล เปน็ อา� นาจหนา้ ทข่ี องสภาผแู้ ทนราษฎร ตอ การปกครองของไทย ท้งั ใน เกอื บทงั้ หมด สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมสี ทิ ธติ ง้ั กระทถู้ ามคณะรฐั มนตรหี รอื ขอเปดิ อภปิ รายทว่ั ไป ระดบั ชาติ และระดับทอ งถ่นิ เพอ่ื ลงมตไิ มไ่ วว้ างใจนายกรฐั มนตรแี ละคณะรฐั มนตรี สว่ นวฒุ สิ ภามสี ทิ ธขิ อเปดิ อภปิ รายทวั่ ไปเพอื่ อยา งไร ใหค้ ณะรฐั มนตรแี ถลงข้อเท็จจริง และมสี ทิ ธติ ง้ั กระท้ถู ามการบริหารราชการของคณะรฐั มนตรี • ผูที่ไดรับเลอื กตง้ั มีหนาที่ อยา งไร ๒) การใชอ้ า� นาจบรหิ ารทางคณะรฐั มนตรี คณะรฐั มนตรเี ปน็ คณะบคุ คลทมี่ อี า� นาจ หน้าท่ีส�าคญั ในการบรหิ ารประเทศ ดงั น้ี สาํ รวจคนหา อ�านาใจนหกาน้ราบที่ริขหอางรคปรณะะเรัทฐศมนตรี ก�าหนดนโยบาย ในการบริหารราชการแผ่นดินและท�าการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไป ตามนโยบายที่แถลงไวต้ อ่ รัฐสภา นกั เรยี นไปศึกษาลกั ษณะสําคัญ แรักลษะคากวาฎมหสมงาบย เพ่ือให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยและสามารถด�าเนินชีวิตได้อย่าง ของการปกครองไทย ในประเด็น เรยี บร้อย สงบสขุ การใชอาํ นาจนติ บิ ญั ญัติ และอํานาจ คข้าวรบาคชมุ การ เพ่อื ให้ขา้ ราชการประจ�าน�านโยบายไปปฏิบัตใิ หเ้ กดิ ผลดี บรหิ ารตุลาการ แลวนาํ มาอภปิ ราย ในชน้ั เรียน นักเรียนควรรู กปรระะทสารวนงงตาา่นงกๆับ เพอ่ื ใหด้ �าเนินงานไปได้อย่างสอดคลอ้ งและมปี ระสิทธภิ าพ นายกรัฐมนตรี เปนตําแหนงผูน ํา ออกมตติ า่ งๆ เพือ่ ให้กระทรวง กรม ถือปฏิบตั ิ รฐั บาลทมี่ ีอํานาจสูงสุดในการบริหาร ประเทศ ซ่ึงประเทศไทยไดบ ัญญัติ 84 ใหมตี ําแหนงนายกรฐั มนตรขี นึ้ ภายหลังจากเหตกุ ารณเ ปล่ียนแปลง @ มุม IT การปกครอง พ.ศ. 2475 โดยใน ครั้งแรกใชช ่ือตําแหนงวา ประธาน ศึกษาคน ควาขอมลู เพ่ิมเติมเก่ยี วกบั สภาผูแทนราษฎรและวุฒสิ ภา ไดท่ี คณะกรรมการราษฎร แลวจึงเปล่ียน http://www.thaipolitics-government.org สถาบันพระปกเกลา ชื่อมาเปน นายกรัฐมนตรใี นภายหลัง 84 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate ๓) การใช้อ�านาจตุลาการทางศาล ศาลท�าหน้าท่ีในการให้ความยุติธรรมแก่ อธบิ ายความรู ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ศาลจึงเป็นสถาบันท่ีมี ใหก ลมุ นักเรยี นศึกษาและอภิปราย ความสา� คญั อยา่ งมากในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของไทย โดยศาลไทยมี ๔ ประเภท ดงั น้ี กรณตี วั อยา ง การทําหนา ท่ีของศาล แตล ะประเภท แลว นาํ มาเสนอผลการ ศาลท้ัง ๔ ประเภทในประเทศไทย ศกึ ษาและผลการอภิปรายในกลุม ตอ หนา ชัน้ เรยี น ครแู ละนักเรยี น ศาลรัฐธรรมนูญ มีอ�ำนำจหลักในกำรพิจำรณำวินิจฉัยคดีเก่ียวกับควำมชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมำย คนอน่ื ๆ รว มสรปุ สาระสาํ คญั ของเรอื่ ง กำรพิจำรณำวินิจฉัยควำมขัดแย้งท่ีเก่ียวกับอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงรัฐสภำ คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรตำม รฐั ธรรมนูญท่ีไม่ใช่ศำลตงั้ แต่สององค์กรขนึ้ ไป และกรณอี น่ื ๆ ตำมท่รี ัฐธรรมนญู และพระรำชบัญญัตปิ ระกอบ เกร็ดแนะครู รฐั ธรรมนูญบญั ญตั ิไว้ ศาลยตุ ธิ รรม มีอำ� นำจพจิ ำรณำพพิ ำกษำคดที งั้ ปวง ทร่ี ัฐธรรมนูญหรือกฎหมำยมิได้บญั ญัตใิ หอ้ ยู่ในอำ� นำจของ ครคู วรหาขาวทเี่ ปนเหตกุ ารณ ศำลอ่นื มกี ำรจัดระบบเพ่ือแบ่งอ�ำนำจหนำ้ ทอ่ี อกเป็น ๓ ชัน้ ได้แก่ ปจ จบุ ันและเกย่ี วขอ งกับการทํา หนา ทีข่ องศาล แลวนํามาใหนักเรยี น ศาลชั้นต้น มีหนำ้ ทีเ่ ปน็ ศำลแรกในกำรด�ำเนินคดี เช่น คดแี พ่ง คดีอำญำ คดีภำษีอำกร เปน็ ตน้ วเิ คราะหเพอ่ื แสดงความคิดเหน็ ศาล ุยติธรรมทั้ง ๓ ้ชัน ศาลอุทธรณ์ มีหน้ำท่ีในกำรพิจำรณำคดีแพ่งและคดีอำญำที่มีกำรอุทธรณ์ค�ำพิพำกษำ หรือค�ำส่ัง @ มมุ IT จำกศำลช้ันต้น ทั้งน้ีต้องอยู่ภำยใต้บทบัญญัติของกฎหมำยว่ำด้วยกำรอุทธรณ์ เนอื่ งจำกคดีบำงคดีไมส่ ำมำรถอุทธรณ์ได้ ศึกษาคนควาขอ มลู เพิม่ เตมิ เก่ยี วกับศาลรัฐธรรมนูญ ไดท่ี ศาลฎกี า เป็นศำลช้ันสูงสุด มีหน้ำที่ในกำรพิจำรณำคดีข้ันสุดท้ำยหำกคู่ควำมไม่พอใจใน http://www.constitutionalcourt. ค�ำพิพำกษำของศำลอุทธรณ์ก็อำจยื่นฎีกำได้ และเม่ือศำลฎีกำได้วินิจฉัยช้ีขำดแล้ว or.th คดคี อื ท่ีสุดถือวำ่ เป็นอนั ยุตใิ นคดนี ้นั ศึกษาคนควาขอมูลเพ่มิ เตมิ ศำลฎีกำยังแบ่งออกเป็นแผนกต่ำงๆ เช่น ศำลฎีกำแผนกคดีอำญำของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทำงกำรเมือง เก่ยี วกบั ศาลยตุ ิธรรม ไดท่ี ซึง่ รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย ได้ก�ำหนดให้มี เพ่อื ท�ำหนำ้ ทีพ่ จิ ำรณำพิพำกษำคดผี ้ดู ำ� รงตำ� แหน่งทำง http://www.coj.go.th กำรเมือง ได้แก่ นำยกรัฐมนตรี รฐั มนตรี สมำชกิ สภำผู้แทนรำษฎร สมำชิกวฒุ ิสภำ หรือขำ้ รำชกำรกำรเมอื ง อนื่ ซงึ่ ถกู กลำ่ วหำวำ่ รำ�่ รวยผดิ ปกติ กระทำ� ควำมผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนำ้ ทรี่ ำชกำรตำมประมวลกฎหมำยอำญำ หรอื ศกึ ษาคน ควาขอมลู เพ่ิมเติม กระท�ำควำมผิดต่อต�ำแหน่งหน้ำท่ี หรือทุจริตต่อหน้ำท่ีตำมกฎหมำยอ่ืน รวมทั้งกรณีบุคคลอ่ืนที่เป็นตัวกำร เกย่ี วกบั ศาลปกครอง ไดท ี่ ผู้ใช้ หรอื ผู้สนบั สนนุ ด้วย http://www.admincourt.go.th ศาลปกครอง มีอ�ำนำจในกำรพิจำรณำพิพำกษำคดีปกครองซึ่งเป็นคดีพิพำทระหว่ำงหน่วยงำนรำชกำร หนว่ ยงำนของรัฐ รัฐวสิ ำหกิจ องคก์ รปกครองท้องถิ่น หรอื องคก์ รตำมรัฐธรรมนญู หรือเจ้ำหน้ำท่ีของรัฐกบั เอกชน หรือระหวำ่ งหนว่ ยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รฐั วิสำหกิจ องคก์ รปกครองท้องถน่ิ หรือองคก์ รตำม รฐั ธรรมนญู หรอื เจ้ำหนำ้ ท่ีของรฐั ด้วยกนั อันเนอื่ งมำจำกกำรใช้อ�ำนำจปกครองตำมกฎหมำย หรอื เนือ่ งมำ จำกกำรด�ำเนินกิจกำรทำงปกครองของหน่วยรำชกำร หน่วยงำนของรัฐ รัฐวิสำหกิจ องค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถิ่น หรอื องค์กรตำมรัฐธรรมนูญ หรือเจำ้ หนำ้ ทข่ี องรฐั ท้งั นี้ ตำมท่กี ฎหมำยบัญญัติ ศาลทหาร มอี �ำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีอำญำ ซง่ึ ผ้กู ระทำ� ผดิ เป็นบุคคลทอ่ี ยูใ่ นอ�ำนำจศำลทหำรและคดีอ่ืน ตำมที่กฎหมำยบัญญตั ิ 85 คมู ือครู 85

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explain Engage Explore Evaluate อธบิ ายความรู (ยอจากฉบบั นักเรียน 20%) ใหกลุม นกั เรียนรวมกันอภิปราย ๔) ฐานะและพระราชอาํ นาจของพระมหากษตั รยิ  รฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั ร- ในประเดน็ พระราชอํานาจของ ไทย มีบทบัญญัติที่วา “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ  พระมหากษตั ริยในระบอบการเมอื ง ทรงเปน ประมขุ ” และ “อาํ นาจอธปิ ไตยเปน ของปวงชนชาวไทย พระมหากษตั รยิ ผ ูทรงเปนประมุข การปกครองของไทย ตามบทบญั ญตั ิ ทรงใชอํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญนี้” ดังนั้น ของรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจกั รไทย จากนน้ั จดั ทาํ ขอ สรปุ แลว สง ตวั แทน พระมหากษัตริยของไทยจึงทรงอยูเหนือ ออกมารายงานหนา ชนั้ การเมือง ทรงมีฐานะและพระราชอํานาจตาม รัฐธรรมนญู ดงั นี้ @ มุม IT ๔.๑) ทรงอยูในฐานะประมุขของ ประเทศ ทรงใชอ าํ นาจอธิปไตยผานทางรฐั สภา ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเตมิ คณะรฐั มนตรี และศาล ตามทร่ี ฐั ธรรมนญู บญั ญตั ิ เกย่ี วกบั องคมนตรี ไดที่ http:// ๔.๒) ทรงเปนกลางและทรงอยูเหนอื www.ohmpps.go.th การเมือง หมายถึง การที่จะไมทรงสนับสนุน นกั การเมอื งคนใดคนหนง่ึ หรอื พรรคการเมอื งใด พรรคการเมืองหนึ่ง หากแตพระองคจะทรงใช นักเรยี นควรรู พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงเปน พระราชอํานาจในการแนะนํา ตักเตอื น รวมถึง พุทธมามกะ และทรงเปนอัครศาสนูปถัมภก ทํานุบํารุง ใหก าํ ลงั ใจนกั การเมอื งและประชาชนชาวไทยให อัครศาสนปู ถัมภก พระมหา ศาสนาตา งๆ ท่ีคนไทยนับถือใหม คี วามเจริญรุงเรือง กษัตริยไ ทยทรงเปน พทุ ธมากะ คอื ทรงนับถอื พระพทุ ธศาสนา ซ่ึง ทาํ หนา ที่ของตนอยา งซื่อสัตยสุจรติ เพอื่ ประโยชนส วนรวมของประเทศชาติ เปนศาสนาท่คี นไทยสว นใหญน บั ถอื ๔.๓) ทรงดาํ รงอยใู นฐานะอนั เปน ทเ่ี คารพสกั การะ ผใู ดจะละเมดิ กลา วหา หรอื ฟอ งรอ ง อีกท้งั ยังทรงเปน อคั รศาสนปู ถมั ภก พระมหากษัตริยในทางใดๆ มิได พระองคทรงเปนพุทธมามกะ และทรงเปนอัครศาสนูปถัมภก คือ ทรงใหก ารอปุ ถัมภคํ้าชูศาสนา ทรงดํารงตําแหนงจอมทัพไทย รวมทั้งทรงไวซ่ึงพระราชอํานาจที่จะสถาปนาฐานันดรศักด์ิและ อืน่ ๆ ทม่ี อี ยใู นประเทศ โดยไมม กี าร พระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ แบง แยก แมวาพระมหากษัตริยจะทรงใชพระราชอํานาจไดเฉพาะดานพิธีการก็ตาม แต รัฐธรรมนูญทุกฉบับไดถวายพระราชอาํ นาจใหพ ระมหากษตั รยิ ท รงเลอื กและแตงตั้งผูทรงคุณวุฒิ เปนประธานองคมนตรีและองคมนตรีไมเกิน ๑๙ คน เพื่อทําหนาท่ีถวายความเห็นตอ พระมหากษัตรยิ ใ นพระราชกรณยี กิจทัง้ ปวงทที่ รงปรกึ ษาไดต ามพระราชอัธยาศยั นกั เรยี นควรรู ๔.๔) ทรงเปน ตวั แทนของปวงชนชาวไทย ในการติดตอ กบั ประมุขในแตละประเทศ โดยจะทรงแตงตัง้ เอกอคั รราชทูตไปประจาํ ณ ประเทศตางๆ จอมทัพไทย พระมหากษัตริยไ ทย ๔.๕) ทรงเปน เอกลกั ษณแ ละศนู ยร วมแหง ความสามคั คี ดงั จะเหน็ ไดว า เมอื่ ใดกต็ าม ทรงดํารงตําแหนงจอมทัพไทย ตาม ท่ีนักการเมืองหรือประชาชนแตกความสามัคคี หรือเกิดความขัดแยงอยางรุนแรงในสังคม ท่ีรฐั ธรรมนูญแหง ราชอาณาจกั รไทย พระมหากษตั รยิ ท รงใชพ ระบารมขี องพระองคร ะงบั ความขดั แยง และชแ้ี นะใหป ระชาชนหนั กลบั มา บญั ญัติไว ซึ่งถือวา พระองคท รงเปน รักและสามัคคกี นั ผูบงั คับบญั ชาสูงสดุ ของทุกเหลาทพั ๘๖ ในกองทัพไทย 86 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ๒. เปรียบเทียบการปกครองของไทยกับประเทศอ่ืนที่ปกครอง กระตุนความสนใจ แบบประชาธปิ ไตย ครูตั้งคาํ ถามเพ่อื ใหนกั เรยี นไป แม้ว่าในปัจจุบันจะมีหลายประเทศในโลกที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็มีความ คน หาคาํ ตอบ เชน แตกต่างกันในรายละเอียด ซึ่งในท่นี ้ีจะยกตัวอยา่ งเปรียบเทยี บเฉพาะประเทศในเอเชีย ๔ ประเทศ • ประเทศไทยมีรปู แบบการปกครอง ท่ีมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตละม้ายคล้ายคลึงกัน ได้แก่ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐอินเดีย โดยวิเคราะห์โครงสร้างทางการปกครองท่ีส�าคัญ เหมือนหรอื แตกตา งกับประเทศ บางประการแตม่ ีการปกครองระบอบประชาธิปไตยเชน่ กัน ฟลิปปน ส มาเลเซยี และอินเดีย อยา งไร ๒.๑ รปู ของรฐั สํารวจคน หา ประเทศฟิลิปปนิ ส์และประเทศไทย เปน็ “รัฐเด่ียว” หรอื “เอกรฐั ” (Unitary State) เช่น เดยี วกนั แตฟ่ ลิ ปิ ปนิ สเ์ ปน็ “สาธารณรฐั ” (Republic) สว่ นประเทศไทยเปน็ “ราชอาณาจกั ร” (King- นักเรยี นแบง กลมุ ศกึ ษารปู แบบ dom) ประเทศมาเลเซยี และสาธารณรฐั อนิ เดยี เปน็ “รฐั รวม” (Composite State) แบบ “สหพนั ธรฐั ” การปกครองของทง้ั 4 ประเทศ (Federal State) กลา่ วคอื ประเทศมาเลเซยี ประกอบดว้ ย ๑๓ รฐั กบั ๓ ดนิ แดนสหพนั ธ ์ ในขณะท่ี เพ่ือนําขอ มลู รปู แบบการปกครอง ประเทศอินเดยี ประกอบด้วย ๒๙ รฐั กบั ๗ ดนิ แดนสหภาพ มาเปรียบเทยี บ ๒.๒ รูปแบบการปกครอง นกั เรยี นควรรู ประเทศมาเลเซีย อินเดีย และไทย มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา รัฐเด่ยี ว หมายถงึ รัฐท่ีมเี อกภาพ (Parliamentary System of Government) ประเทศฟิลปิ ปินสม์ ีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย มิไดแ บงแยกออกจากกนั การใช ในระบบประธานาธบิ ด ี (Presidential System of Government) ทง้ั นข้ี น้ึ อยกู่ บั เงอ่ื นไขความเปน็ มา อํานาจสูงสดุ ของรฐั ทั้งภายในและ และประวตั ศิ าสตร์ของชาตนิ นั้ ๆ ภายนอกประเทศ ก็ใชโ ดยองคกร ส�าหรับเขตการปกครองน้ัน ประเทศฟิลิปปินส์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น ๑๘ เขต เดยี วกนั คือ อํานาจอยทู ร่ี ฐั บาลเดียว ๘๑ จังหวดั และ ๑๔๕ เมอื ง และยังแบง่ การปกครองยอ่ ยออกเปน็ เทศบาลและบารงั ไก ซ่ึงเทียบ เทา่ ตา� บลและหมบู่ า้ น สว่ นประเทศไทยแบง่ เขตการปกครองออกเปน็ ๗๖ จงั หวดั และมกี ารแบง่ เขต นกั เรียนควรรู การปกครองส่วนท้องถ่ินออกเปน็ องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัด เทศบาล องค์การบริหารสว่ นตา� บล และเขตปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ รูปแบบพเิ ศษ คือ กรุงเทพมหานคร และเมอื งพทั ยา ส�าหรับประเทศ แบบสลุ ตาน 9 รฐั ดินแดนสหพนั ธ มาเลเซยี แบ่งเขตการปกครองเป็นเขตรัฐบาลแหง่ รัฐ ๑๓ รัฐ โดยใน ๑๓ รฐั กับ ๓ ดินแดนสหพันธ์ ในมาเลเซยี เปน ดนิ แดนทรี่ ฐั บาลกลาง ซง่ึ เขตรฐั บาลแห่งรัฐไดแ้ บ่งออกเปน็ เขตปกครองแบบสุลต่าน ๙ รัฐ และแบบผ้วู า่ การรฐั ๔ รัฐ ปกครอง ไดแ ก กัวลาลัมเปอร ส่วนประเทศอินเดยี มีเขตรฐั บาลกลาง คือ นิวเดล ี เป็นศนู ยอ์ า� นาจปอ้ งกันประเทศ การคมนาคม (เมอื งหลวง) ปุตราจายา การเงนิ กฎหมาย ฯลฯ และรฐั บาลแหง่ มลรฐั อกี ๒๙ รฐั โดยมผี วู้ า่ การรฐั เปน็ ประมขุ ซง่ึ แตง่ ตงั้ (เมอื งราชการ) และลาบวน โดยประธานาธิบดี มีคณะรัฐมนตรีแห่งมลรัฐรับผิดชอบในการบริหารกิจการภายในมลรัฐ รักษา (ศนู ยก ลางทางการเงินระหวาง ความสงบเรียบรอ้ ยและการพัฒนาเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรมของมลรฐั ประเทศ) 87 คูมือครู 87

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Explain Expand Engage อธิบายความรู (ยอจากฉบับนักเรยี น 20%) นกั เรียนแตละกลุมทศ่ี ึกษา ระบอบประเปชรายี ธบปิเทไยี ตบยกา๔รปปกรคะเรทอศง เปรียบเทยี บการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยทง้ั 4 ประเทศ ทําการ ราชอาณาจักรไทย รัฐเดย่ี ว ประมขุ ของรฐั รัฐรวม ๑๓ รัฐ มาเลเซยี วิเคราะหถึงความแตกตางใน ระบอบประชาธิปไตยในระบบ ระบอบประชาธิปไตยใน รายละเอียด ไมวา จะเปน โครงสรา ง ประมขุ ของรฐั รัฐสภามีพระมหากษัตริย์ทรง ระบบรัฐสภามีพระมหา- ทางการปกครอง หรอื ระบบในการ เปน็ ประมุข กษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ดาํ เนินการตางๆ แลว ออกมาสรปุ นายกรัฐมนตรี ความเขา ใจหนาชนั้ เรียน นายกรัฐมนตรี ขยายความเขา ใจ ประมขุ ฝ่ายบริหาร ประมุขฝา่ ยบริหาร ๕วาระ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร จากการเลือกตง้ั ระบบเขตเดยี วเบอรเ์ ดียว สมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎร จากการเลอื กต้ังโดยตรงจากประชาชน ปี นกั เรียนนําขอ สรุปทไี่ ดจากการ วเิ คราะหการปกครอง ทั้ง 4 ประเทศ คน ๔วาระ ๒๒๒ ๒๔๒๔๒สมาชกิ วฒฺุ ิสภา ๓วาระ มาจดั ทําปายนเิ ทศ เพื่ออธิบายให ปี คน คน ปี คนท่วั ไปเขา ใจ ๓๕๐จากแบบบัญชีรายชอื่ จากการเลือกตั้งโดยนายกรัฐมนตรี @ มมุ IT คน คน ศึกษาคนควาขอ มลู เพ่มิ เตมิ ๕๐๐ ๑๕๐ คน เกี่ยวกับความสมั พันธร ะหวา ง จากการสรรหาตามกระบวนการ ประเทศทง้ั 4 ประเทศ ไดท่ี ในรัฐธรรมนูญ ๗๐คน ๒๖จากการแตง่ ตงั้ โดยสภาแห่งรัฐ http://www.mfa.go.th คน ๒๐๐คน ๒๐๐คน (ข้อมูล พ.ศ. ๒๕๕๙) ระบบหลายพรรค มลี ักษณะเป็นรัฐบาลผสม ระบบหลายพรรค มีลักษณะเป็นรฐั บาลผสม สาธารณรฐั รัฐเดย่ี ว รฐั รวม ๒๙ รัฐ ฟลิ ิปปินส์ ระบอบประชาธิปไตยในระบบ ประธานาธบิ ดี ระบอบประชาธปิ ไตย ประมขุ ของรฐั ในระบบรัฐสภา ประธานาธบิ ดี ประมขุ ของรัฐ ประธานาธิบดี สาธารณรฐั อนิ เดีย นายกรฐั มนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร ๓วาระ ประมขุ ฝา่ ยบริหาร ๕วาระ ปี สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร จากการเลือกต้งั โดยตรงจากประชาชน ปี ๒๙๒ ๒๕๓๘๔สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร จากการเลอื กตัง้ โดยตรงจากประชาชน คน ๖วาระ ๕๔๕คน ๕๔๕ คน ๖วาระ จากแบบบัญชีรายชือ่ ปี สมาชิกวฺฒุ ิสภา จากการเลือกต้งั โดยออ้ มจากมลรัฐ ปี คน คน สมาชิกวุฒฺ ิสภา จากการเลอื กต้ัง ๒๔ ๒๔คน คน ๒๔๕คน ๒๔๕ คน ระบบหลายพรรค มลี ักษณะเปน็ รฐั บาลผสม ระบบหลายพรรค มีลักษณะเปน็ รัฐบาลผสม 88 รปู ของรฐั มพี ระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ ประมุขของรฐั ประมุขฝ่ายบริหาร มปี ระธานาธิบดีเปน็ ประมุขของรฐั 88 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explain Explore Expand Evaluate ๒.๓ ประมขุ ของรัฐ อธบิ ายความรู ประเทศมาเลเซียและประเทศไทย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของรัฐภายใต้ 1. ครูต้ังประเด็นปญหาใหน ักเรียน รัฐธรรมนูญ แต่พระมหากษัตริย์หรือพระราชาธิบดีของมาเลเซียได้รับเลือกจากท่ีประชุมสุลต่าน อภิปรายวา ในชวง 20 ปทีผ่ านมา ของรัฐท้ัง ๙ รัฐ ให้ด�ารงต�าแหน่ง และผลัดเปล่ียนหมุนเวียนคราวละ ๕ ปี ส่วนประเทศไทย ประเทศใดใน 4 ประเทศนี้ มกี าร พระมหากษตั รยิ ท์ รงครองราชย์โดยนยั แหง่ กฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตตวิ งศ์ พฒั นาทางดา นประชาธิปไตย ประเทศฟิลิปปนิ สแ์ ละประเทศอนิ เดีย ประมขุ ของรัฐ คือ ประธานาธิบด ี ประธานาธิบดขี อง มากท่สี ดุ เพราะเหตุใด ประเทศฟลิ ิปปินสม์ าจากการเลือกตง้ั โดยตรงจากประชาชน มวี าระ ๖ ป ี สว่ นประธานาธบิ ดขี อง ประเทศอินเดียมาจากการเลอื กโดยอ้อมจากผแู้ ทนของทั้งสองสภา และสภานิติบัญญัตขิ องแต่ละ 2. นกั เรียนแบง กลุม ทําการอภิปราย มลรัฐ มีวาระ ๕ ปี รว มกนั ถึงพฒั นาการดาน ประชาธิปไตยทง้ั 4 ประเทศ ๒.๔ ประมุขฝ่ายบริหาร 3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู ประเทศมาเลเซยี และประเทศไทย มปี ระมขุ ฝา่ ยบรหิ าร คอื นายกรฐั มนตร ี มอี า� นาจบรหิ าร และรับผิดชอบต่อรัฐสภา ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศอินเดีย ประมุขฝ่ายบริหาร คือ นกั เรยี นควรรู ประธานาธิบดี โดยมคี ณะผ้บู รหิ ารหรอื คณะรฐั มนตรรี ว่ มรับผิดชอบบรหิ ารกจิ การบ้านเมือง ในกรณีของประเทศอินเดีย ประธานาธิบดีเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร มีนายกรัฐมนตรีเป็น ประเทศอนิ เดยี เปน ประเทศท่ี หวั หน้าฝา่ ยบรหิ ารอกี สว่ นหน่ึง ที่มอี า� นาจบรหิ ารกิจการบ้านเมอื งทแ่ี ท้จริงรว่ มกบั รฐั มนตรที ีต่ อ้ ง ปกครองดว ยระบอบประชาธปิ ไตย รับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหารต่อฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐสภาตามหลักการปกครองในระบบรัฐสภา ท่ใี หญท ี่สดุ ในโลก คอื มจี ํานวน ท้งั นปี้ ระธานาธิบดีอนิ เดียเปน็ ผูแ้ ต่งต้งั นายกรฐั มนตรี มวี าระ ๕ ปี ประชากรประมาณ 1 พันลา นคน และมีอาณาเขตใหญเปนอนั ดบั 7 ๒.๕ รัฐสภา ของโลก พรรคการเมอื งที่มีบทบาท สาํ คญั และบริหารประเทศมา ระบบรฐั สภาของทงั้ ๔ ประเทศเปน็ ระบบสองสภาหรอื สภาค ู่ ประกอบดว้ ย สภาผแู้ ทนราษฎร เกือบตลอด คอื พรรคคองเกรส และวฒุ สิ ภา แต่จะมีความแตกต่างกนั ในรายละเอียด ดังน้ี สําหรบั ระบบรัฐสภาของอินเดีย ฟิลิปปินส์ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ�านวน ๒๙๒ คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจาก แบงออกเปน ราชยสภา (Rajya ประชาชน ๒๓๔ คน และอกี ๕๘ คน คือ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชื่อ (Party List) Sabha) กบั โลกสภา (Lok Sabha) มีวาระ ๓ ป ี ส่วนสมาชิกวุฒิสภามจี า� นวน ๒๔ คน มาจากการเลอื กต้ัง มีวาระ ๖ ปี มาเลเซีย มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจ�านวน ๒๒๒ คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจาก ประชาชน มวี าระ ๕ ปี สว่ นสมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งต้งั จ�านวน ๗๐ คน โดยนายกรฐั มนตรี แต่งต้ัง ๔๔ คน และสภาแหง่ รฐั แต่งตัง้ อกี ๒๖ คน มวี าระ ๓ ปี อนิ เดยี มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จา� นวน ๕๔๕ คน มาจากการเลือกตงั้ โดยประชาชน มวี าระ ๕ ป ี สว่ นสมาชกิ วฒุ สิ ภา จา� นวน ๒๔๕ คน มาจากการเลอื กตง้ั โดยออ้ มจากมลรฐั มวี าระ ๖ ปี 89 คูมอื ครู 89

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Engage Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) 1. ครนู าํ ขาวทางการเมืองมาสนทนา ไทย มีสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎร ซ่งึ มที ีม่ าสองแบบ คือ มาจากการเลอื กตงั้ แบบแบ่งเขต เชน การเลือกต้งั ประเด็นตา งๆ และมาจากแบบบญั ชรี ายชอื่ มวี าระ ๔ ปี มบี ทบาทหนา้ ทตี่ า่ งๆ ในสภา เชน่ ตรากฎหมาย ควบคมุ ทางการเมอื งของฝายคา นและ การบริหารราชการแผน่ ดิน และให้ความเหน็ ชอบ เป็นตน้ นอกจากนย้ี ังมบี ทบาทหนา้ ทนี่ อกสภา ฝายรัฐบาล ครใู หคาํ แนะนาํ เช่น ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของประชาชน สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดี นกั เรยี นอยางเปน กลาง และให ระหว่างประเทศไทยกบั ประเทศอน่ื ๆ เป็นต้น นกั เรยี นใชวจิ ารณญาณอยา งมี เหตผุ ล มีขอมูลในการรบั ฟง นอกจากนี้ รฐั สภาไทยยังประกอบด้วย สมาชกิ วฒุ สิ ภา ซึ่งมที ่ีมาจากการเลือกตัง้ โดยตรง รบั ชมขา วทางดา นการเมอื ง ของประชาชนส่วนหนึ่ง และอกี สว่ นหนึง่ มาจากการสรรหา มีวาระ ๖ ปี มบี ทบาทหนา้ ที่ต่างๆ เชน่ กล่ันกรองกฎหมาย ควบคมุ การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ 2. ครูกระตุนนกั เรยี นดวยการถาม คาํ ถาม เชน นักเรียนรหู รอื ไมว า ๒.๖ พรรคการเมือง ตนเองสามารถเขา มามสี วนรว ม ทางการเมอื งไดอ ยางไรบา ง ปรากฏการณ์ของพรรคการเมืองท้ัง ๔ ประเทศ จัดได้ว่าเป็นระบบหลายพรรค ดังนั้น (แนวตอบ มีสทิ ธทิ ่จี ะแสดง คณะผู้บริหารโดยทวั่ ไป จงึ มีลักษณะเปน็ รฐั บาลผสม (Coalition Government) ซง่ึ เป็นลกั ษณะ ความคิดเหน็ เกีย่ วกบั ชุมชน การเมืองการปกครองของประเทศทีอ่ ยใู่ นช่วง “การพัฒนาประชาธิปไตย” ทองถิ่นของตนในประเด็นตา งๆ เชน สิทธมิ นุษยชน ปญ หา ๓. รัฐธรรมนูญฉบับปัจจบุ นั เก่ยี วกบั การเลอื กตัง้ การมสี ่วนรว่ ม สิง่ แวดลอม การจดั การทรพั ยากร และการตรวจสอบอÓนาจรัฐ ทองถิ่น เปน ตน ) นับต้ังแต่ประเทศไทยมีการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ 3. ครตู ั้งคาํ ถามเพอื่ ใหน กั เรยี นไป มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ได้มีรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศหลายฉบับ จนถึงปัจจุบัน คนหาคาํ ตอบ เชน ประเทศไทยกย็ งั คงมรี ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ • ทําไมประชาชนชาวไทยจึงตอ ง ทก่ี า� หนดบทบาทหน้าทที่ ัง้ ภาครฐั และภาคประชาชน ไปใชสิทธเิ ลือกตั้ง • การตรวจสอบการใชอาํ นาจรฐั แม้ว่าประเทศไทยจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาแล้วหลายฉบับ แต่เท่าท่ีผ่านมา ทงั้ ในระดบั ชาติและระดบั บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับก็มีเน้ือหาสาระที่ใกล้เคียงกัน เช่น รัฐธรรมนูญทุกฉบับจะ ทอ งถนิ่ สามารถทาํ ไดอ ยา งไรบา ง เริม่ ต้นดว้ ยบทบัญญัตทิ ่วี ่า “ประเทศไทยเปน็ ราชอาณาจักรอันหนึง่ อนั เดียวกัน จะแบง่ แยกไม่ได”้ “ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ” และ “อา� นาจ @ มมุ IT อธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย” ซึ่งบอกให้ทราบว่า ประเทศไทยมีฐานะเป็นรัฐเดี่ยว มีรัฐบาล เปน็ ศนู ยก์ ลางใชอ้ า� นาจในการปกครองแผน่ ดนิ และประชาชนทง้ั หมดที่อยู่ในราชอาณาจักร ศกึ ษาคนควาขอมูลเพม่ิ เติม เกีย่ วกับพรรคการเมอื ง ไดท่ี อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก็ยังคงให้ความส�าคัญต่อแนวทางการ http://www.ect.go.th ปฏิบัติ การด�าเนินงานต่างๆ ท่ีเก่ียวกับการเมืองการปกครอง เพื่อให้มีแบบแผนชัดเจนและเกิด สาํ นักงานคณะกรรมการการเลอื กตงั้ ประสิทธภิ าพสงู สดุ ดังน้ันภายในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงประกอบไปด้วยบทบัญญตั ิ ที่เก่ียวกับการเมืองการปกครองมากมาย โดยมุ่งเน้นให้ความส�าคัญเกี่ยวกับบทบาทและอ�านาจ NET ขอสอบ ป 53 หน้าท่ีของรัฐบาลอย่างย่ิง เพ่ือให้การมีส่วนร่วมของประชาชนและการปกครองประเทศสามารถ 90 ดา� เนินไปไดอ้ ยา่ งมเี สถียรภาพ ขอ สอบออกเกย่ี วกบั การวเิ คราะห หลกั การเมืองการปกครองในระบอบตา งๆ โดยถามวา หลักการปกครองทีด่ ีทีส่ ุดในทกุ ระบอบคอื ขอ ใด 1. มีรัฐบาลทต่ี ั้งข้ึนตามแนวนโยบายแหงรฐั 2. มีกฎหมาย มีศลี ธรรม และมีความยตุ ธิ รรม 3. รัฐบาลแถลงนโยบายและวาระแหงชาติชดั เจน 4. ประชาชนมคี วามเขาใจและเคารพกฎหมาย (วเิ คราะหคําตอบ เมอื่ พิจารณาจากคาํ ถาม พบวา มกี ฎหมาย มีศลี ธรรม และมคี วามยุติธรรม คอื หัวใจสําคัญสาํ หรับการปกครองในระบอบตา งๆ คําตอบท่ถี ูกตอง คอื ขอ 2) 90 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Engage Explain Expand ò÷ Á.Ô Â. òô÷õ Evaluate ● ©ºÑº·èÕ ñ ¾ÃÐÃÒªºÞÑ ÞµÑ ¸Ô ÃÃÁ¹ÞÙ พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๙๑ àʹŒ ·Ò§áË‹§ Ã°Ñ ¸ÃÃÁ¹ÞÙ ä·Â อธิบายความรู ¡Òû¡¤ÃͧἹ‹ ´¹Ô ÊÂÒÁªÑèǤÃÒÇ ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òô÷õ พ.ศ. ๒๔๙๒-๒๕๑๔ ¨Ò¡Í´Õµ-»˜¨¨ØºÑ¹ ใหน ักเรียนศึกษาแผนผัง จากน้ัน ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¤³ÐÃÒɮà ครูตงั้ คาํ ถาม ·Òí ¡ÒÃà»ÅÂÕè ¹á»Å§¡Òû¡¤Ãͧ ñð ¸.¤. òô÷õ ñð ¾.¤. òôøù ● ©ººÑ ·èÕ ò ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÞÙ á˧‹ ÃÒªÍҳҨѡÊÂÒÁ • เหตุใดประเทศไทยจึงมี ● ©ººÑ ·èÕ ó ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍҳҨѡÃä·Â การยกเลิกและประกาศใช ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òôøù ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òô÷õ รฐั ธรรมนูญหลายฉบบั ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¹Ò»ÃÕ´Õ ¾¹Á§¤ ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¾ÃÐÂÒÁâ¹»¡Ã³¹ÔµÔ¸Ò´Ò (แนวตอบ เพราะมคี วาม òó ÁÕ.¤. òôùò ù ¾.Â. òôùð ขัดแยงทางการเมือง มีการ ● ©ººÑ ·èÕ õ Ã°Ñ ¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ● ©ºÑº·èÕ ô ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ทจุ รติ การแยงชิงอาํ นาจ ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òôùò ซงึ่ ส่ิงเหลาน้นี าํ ไปสูการ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¨ÍÁ¾Å ». ¾ºÔ ÙÅʧ¤ÃÒÁ (©ºÑºªÑÇè ¤ÃÒÇ) ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òôùð รัฐประหาร และตามมา òø Á.¤. òõðò ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¨ÍÁ¾Å ». ¾ºÔ Å٠ʧ¤ÃÒÁ ดวยการยกเลกิ รัฐธรรมนญู ● ©ºÑº·èÕ ÷ ¸ÃÃÁ¹ÙÞ¡Òû¡¤ÃͧÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à ฉบบั เดิม) ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõðò ø ÁÕ.¤. òôùõ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¨ÍÁ¾Å ¶¹ÍÁ ¡Ôµµ¢Ô ¨Ã พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๒๐ ● ©ººÑ ·Õè ö ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞá˧‹ ÃÒªÍҳҨѡÃä·Â ขยายความเขาใจ ñõ ¸.¤. òõñõ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òô÷õ á¡Œä¢à¾ÁèÔ àµÁÔ ● ©ººÑ ·èÕ ù ¸ÃÃÁ¹ÙÞ¡Òû¡¤ÃͧÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à พ.ศ. ๒๕๒๑-๒๕๔๘ ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òôùõ นกั เรียนศึกษาและวเิ คราะห ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõñõ ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÂÑ ¨ÍÁ¾Å ». ¾ÔºÅ٠ʧ¤ÃÒÁ เสนทางรัฐธรรมนญู ไทยต้งั แต ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÂÑ ¨ÍÁ¾Å ¶¹ÍÁ ¡Ôµµ¢Ô ¨Ã อดีตจนถงึ ปจ จุบันวา มพี ัฒนาการ òð ÁÔ.Â. òõññ อยา งไร พรอมกับแสดงความคิดเห็น òò µ.¤. òõñù ● ©ºÑº·Õè ø Ã°Ñ ¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ถึงการพัฒนารฐั ธรรมนญู ไทยใน ● ©ººÑ ·Õè ññ ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÞÙ á˧‹ ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â อนาคตวา จะมีทศิ ทางอยางไร ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõññ จากนน้ั ใหเ ขียนสรุปรายละเอียด ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõñù ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¨ÍÁ¾Å ¶¹ÍÁ ¡ÔµµÔ¢¨Ã ลงในกระดาษ A4 แลวนาํ สง ครู ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¹Ò¸ҹ¹Ô ·Ã ¡ÃÂÑ ÇÔàªÂÕ Ã ÷ µ.¤. òõñ÷ òò µ.¤. òõòñ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๗ ● ©ºÑº·Õè ñð ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÞÙ á˧‹ ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â @ มุม IT ● ©ººÑ ·Õè ñó ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõñ÷ ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõòñ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¹ÒÂÊÞÑ ÞÒ ¸ÃÃÁÈ¡Ñ ´ìÔ เสน ทางแหง รัฐธรรมนูญไทย ไดที่ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÑ ¾ÅàÍ¡ à¡ÃÂÕ §È¡Ñ ´Ôì ªÁйѹ·¹ ù ¾.Â. òõòð http://www.e-learning.mfu.ac. ù ¸.¤. òõóô ● ©ººÑ ·Õè ñò ¸ÃÃÁ¹ÞÙ ¡Òû¡¤ÃͧÃÒªÍҳҨѡà ● ©ººÑ ·èÕ ñõ ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÞÙ áË‹§ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõòð ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõóô ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¾ÅàÍ¡ à¡ÃÂÕ §È¡Ñ ´ìÔ ªÁй¹Ñ ·¹ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¹ÒÂÍÒ¹¹Ñ · »¹˜ ÂÒê¹Ø ñ ÁÕ.¤. òõóô ñ µ.¤. òõôù ● ©ºÑº·Õè ñô ¸ÃÃÁ¹ÙÞ¡Òû¡¤ÃͧÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ à ● ©ººÑ ·èÕ ñ÷ ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞáË‹§ÃÒªÍҳҨѡÃä·Â ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òõóô (©ºÑºªÑÇè ¤ÃÒÇ) ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõôù ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¹ÒÂÍÒ¹¹Ñ · »¹˜ ÂÒêع ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÑ ¾ÅàÍ¡ ÊÃØ ÂØ·¸ ¨ÅØ Ò¹¹· òò ¡.¤. òõõ÷ ññ µ.¤. òõôð ● ©ºÑº·Õè ñù ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞá˧‹ ÃÒªÍҳҨѡÃä·Â ● ©ºÑº·Õè ñö Ã°Ñ ¸ÃÃÁ¹ÞÙ á˧‹ ÃÒªÍҳҨѡÃä·Â (©ºÑºªÑÇè ¤ÃÒÇ) ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõ÷ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôð ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÑ ¾ÅàÍ¡ »ÃÐÂ·Ø ¸ ¨¹Ñ ·ÃâÍªÒ ● »ÃСÒÈãªãŒ ¹ÊÁÂÑ ¾ÅàÍ¡ ªÇÅÔµ §ã¨Â·Ø ¸ òô Ê.¤. òõõð ● ©ºÑº·Õè ñø ÃÑ°¸ÃÃÁ¹ÙÞá˧‹ ÃÒªÍÒ³Ò¨¡Ñ Ãä·Â ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõð ● »ÃСÒÈ㪌ã¹ÊÁÂÑ ¾ÅàÍ¡ ÊØÃÂØ·¸ ¨ÅØ Ò¹¹· ๙๑ คมู ือครู 91

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explore Explain Engage Evaluate สํารวจคนหา (ยอจากฉบับนักเรียน 20%) ใหน ักเรยี นแบง กลมุ ออกเปน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีบทบัญญัติเก่ียวกับการเลือกต้ัง การมีส่วนร่วมทาง 3 กลมุ ไปศึกษาคน ควา ขอมลู จาก การเมืองของประชาชน และการตรวจสอบการใช้อ�านาจรัฐ ดงั น้ี รัฐธรรมนูญฉบับปจ จบุ ัน ๓.๑ การเลือกตัง้ กลมุ ที่ 1 ศกึ ษาเก่ียวกบั การเลอื กตง้ั การเลือกต้ังเป็นกระบวนการที่มีความ ส�าคัญเป็นอย่างย่ิงต่อการปกครองระบอบ กลุมท่ี 2 ศึกษาเกยี่ วกบั การมี ประชาธิปไตยทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับ สว นรว มของประชาชน ทอ้ งถน่ิ หรอื ระดบั ชาติ ซง่ึ ตามปกตกิ ารเลอื กตงั้ จะมีก�าหนดระยะเวลา ๔ ปี ซ่ึงการเลือกตงั้ ถือ กลุม ที่ 3 ศกึ ษาเกีย่ วกบั การตรวจ เป็นหน้าท่ีส�าคัญอย่างหน่ึงของประชาชน สอบการใชอํานาจรฐั ชาวไทยตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย และเปน็ สง่ิ ทชี่ ว่ ย ใหก้ ารเมอื งการปกครองมกี ารพฒั นาในทางทด่ี ี จากนนั้ นาํ ขอ มลู มาอภปิ รายรว มกนั การเลือกต้ังท่ีจะช่วยส่งเสริมให้การ อธบิ ายความรู ปกครองระบอบประชาธิปไตยด�าเนินไปอย่าง รัฐธรรมนูญบัญญัติใหการเลือกต้ังตองมีความบริสุทธิ์ ราบรื่นและมีเสถียรภาพนั้นจะต้องมีลักษณะ 1. ตวั แทนกลมุ ท่ี 1 ออกมาบรรยาย ยตุ ิธรรม ดงั นี้ สรปุ บทบัญญัตริ ัฐธรรมนญู วาดว ย ๑. เปน็ การเลอื กต้ังท่ใี หส้ ิทธเิ สรีภาพแก่ประชาชนอยา่ งเต็มที่ และเปน็ ไปตามก�าหนดเวลา การเลอื กต้ัง จากนนั้ สมาชิกใน ท่ีบญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนูญ หอ งรว มอภปิ ราย ๒. เป็นการเลือกต้ังท่ีให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ คือ การท่ีประชาชนผู้มี สิทธิเลือกต้ังท�าการลงคะแนนเสียงด้วยตนเอง เพ่ือเลือกคนที่ตนเองเห็นว่ามีความเหมาะสม 2. ครูตงั้ คาํ ถาม โดยไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบว่าได้ลงคะแนนให้ใคร พรรคใด หรือไม่ลงคะแนนให้ใคร พรรคใด • การเลอื กตง้ั มคี วามสําคัญตอ (Vote No) หรอื ไมไ่ ปใช้สทิ ธิ (No Vote) คนไทยอยางไร ๓. จะต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ชักชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกต้ังอย่าง (แนวตอบ เปน การเลือกตวั แทน พรอ้ มเพรียง เป็นท่นี ่าสังเกตว่าในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ไดก้ �าหนดใหก้ ารเลือกตงั้ เปน็ ของเราเขาไปทําหนา ทีบ่ รหิ าร หน้าทข่ี องประชาชน ซึง่ ถา้ หากผ้ใู ดไม่ไปเลอื กตั้งกจ็ ะเสยี สทิ ธบิ างประการ ในระดับตา งๆ) ๔. เป็นการเลือกตั้งที่มีความยุติธรรมต่อบุคคลทุกฐานะ ทุกคนต่างมีสิทธิเท่าเทียมกันใน • ถาคนไทยไมใหค วามสําคัญกบั การออกไปใช้สิทธเิ ลือกตง้ั การเลือกตั้งจะตอ้ งด�าเนนิ ไปอย่างบรสิ ุทธิแ์ ละโปรง่ ใส ดังน้นั ในหลาย การเลือกตัง้ บานเมืองจะเปน ประเทศรวมถงึ ประเทศไทยจึงได้กา� หนดใหม้ ีคณะกรรมการการเลอื กตัง้ (กกต.) เปน็ ผูด้ า� เนินการ อยา งไร จดั การเลือกตง้ั ควบคุมดูแลคา่ ใช้จา่ ยตา่ งๆ ในการเลอื กตง้ั และตรวจสอบใหก้ ารเลือกตั้งมคี วาม (แนวตอบ ไมไดคนดีเขาไป บริสุทธ์ิ โปร่งใส และเท่ียงธรรม หากก่อนการประกาศผลการเลือกต้ังคณะกรรมการเห็นว่า บรหิ ารบานเมือง ทาํ ใหอ าํ นาจ การเลือกต้ังนั้นไม่โปร่งใสหรือมีการด�าเนินการอย่างทุจริต ก็มีอ�านาจในการส่ังให้นับคะแนนใหม่ ตกอยกู บั คนบางกลุม ซ่งึ ตอ ไป 9๒ หรอื ทา� การเลือกตงั้ ใหม่ได้หากมหี ลกั ฐานอืน่ ควรเชอื่ ได้ว่ามีการทุจรติ การเลอื กตั้ง อาจกลายเปน กลมุ ผกู ขาด นาํ ไป สกู ารปกครองระบอบเผด็จการ) @ มมุ IT 3. ครูเลาสถานการณก ารเลอื กตัง้ ศกึ ษาคนควาขอ มูลเพ่ิมเติมเกย่ี วกับ คณะกรรมการการเลือกตงั้ (กกต.) ระดบั ประเทศ เชน การเลอื กต้งั ไดที่ www.ect.go.th ส.ส. ส.ว. นกั เรยี นรวมกนั วเิ คราะห 4. ครูตง้ั คาํ ถาม • ทําอยา งไร การซ้อื เสยี งจึงจะ หมดไป และมกี ารเลอื กตัง้ อยา งบริสทุ ธ์ิยตุ ธิ รรม นกั เรยี นรว มกันแสดงความ คดิ เหน็ 92 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand Explain Engage Explore Evaluate ๓.๒ การมสี ว นรว มทางการเมอื งของประชาชน อธิบายความรู การมสี ว นรว มทางการเมอื งของประชาชนชาวไทยยงั อยใู นระดบั ต่าํ เชน ในชว งระยะเวลา 1. ครูใหน ักเรยี นชว ยกันยกตวั อยาง กอ น พ.ศ. ๒๕๔๐ มีประชาชนจาํ นวนมากทไ่ี ม การมสี ว นรวมทางการเมืองของ ออกไปใชส ทิ ธเิ ลอื กตงั้ โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ผทู อี่ ยู คนไทย เชน การไปเลอื กตั้งระดบั ในกรุงเทพมหานคร ที่สามารถเขาถึงขอมูล ทองถนิ่ ระดบั ประเทศ ชุมนุม ขา วสารทางการเมอื งไดอ ยา งสะดวกรวดเรว็ แต เคลอื่ นไหวทางการเมือง เปนตน กลับมีผไู ปใชส ทิ ธิเลอื กตง้ั ไมถ ึงรอ ยละ ๕๐ ของ ผูมีสิทธิเลือกต้ังทั้งหมด ทําใหนาเปนหวงถึง 2. เรียนรูดวยคําถาม โดยใหน กั เรยี น การพัฒนาทางดานการเมือง เพราะถาหาก ชว ยกนั ตอบคาํ ถามและอภปิ ราย ประชาชนไมใ หค วามสนใจและเขา ไปมสี ว นรว ม แสดงความคดิ เหน็ ก็จะสงผลตอ การพัฒนาประเทศชาตติ อ ไป • นกั เรียนเคยเขารว มกิจกรรม จากสภาพดงั กลา วจงึ มคี วามพยายามทจี่ ะ ทางการเมืองใดบา ง สง เสรมิ ใหประชาชนมีสวนรวมทางการเมืองใน (แนวตอบ เชน เขารวมกิจกรรม ดา นตางๆ เชน การรณรงคใ หคนออกไปใชส ิทธิ ของทองถนิ่ เพ่อื รณรงคก ารใช เลือกตัง้ กําหนดใหการเลือกตัง้ เปน หนาท่ีอยา ง รฐั ธรรมนญู ไดบ ญั ญตั ใิ หป ระชาชนสามารถเสนอกฎหมาย สิทธเิ ลอื กตั้ง) หนึ่งของชาวไทย หากบคุ คลใดไมไ ปใชส ทิ ธกิ จ็ ะ ไดโ ดยเขา ชอ่ื กนั ๑๐,๐๐๐ คน ใหป ระธานรฐั สภาพจิ ารณา • คนไทยสามารถมีสวนรว ม ทางการเมืองไดอยางไรบา ง มผี ลผกู พนั ทําใหเสียสิทธิบางประการ เชน สิทธิย่ืนคํารองคัดคานการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทน ใหตัวแทนของกลุมท่ี 2 ราษฎรและสมาชกิ วฒุ สิ ภา สทิ ธสิ มคั รรบั เลอื กเปน กาํ นนั ผใู หญบ า น เปน ตน นอกจากนี้ รฐั ธรรมนญู นําเสนอผลการคนควา จากน้ัน ฉบับปจจุบัน ยังไดใหความสําคัญในสวนที่เกี่ยวของกับสิทธิ เสรีภาพ และการมีสวนรวมของ นกั เรยี นแตล ะคนรว มแสดง ประชาชน ภายใตแนวคิดหลักในการใหประชาชนมีสวนรวม คือ สิทธิของประชาชนตองเกิดผล ความคิดเห็น ขนึ้ จรงิ โดยประชาชนไมต อ งตอ สหู รอื เรยี กรอ งอยา งทเี่ ปน อยู ทาํ ใหป ระชาชนมสี ว นรว มอยา งจรงิ จงั ทาํ ใหก ารเมอื งสจุ รติ และขจดั การประพฤตผิ ดิ มชิ อบใหห มดไป รวมทง้ั มงุ สรา งกลไกทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ นักเรียนควรรู เพ่ือใหประชาชนไดมีสวนรวมในการ ปกปองผลประโยชนและรับผิดชอบตอความเจริญและ การพฒั นาประเทศรว มกัน การมีสวนรวมทางการเมอื ง นอกจากน้ี รฐั ธรรมนญู ยงั ไดบ ญั ญตั ใิ หป ระชาชนไดม สี ว นรว มทางการเมอื งโดยตรง ซงึ่ ไดแ ก หมายถงึ การทีป่ ระชาชนไมว าจะ การเขาชอื่ เสนอกฎหมายตามหมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย และหมวด ๕ หนา ที่ เปนบคุ คลหรอื กลุมบคุ คล เขามามี ของรฐั รวมไปถงึ การเขา ชอ่ื เสนอญตั ตขิ อแกไ ขเพม่ิ เตมิ รฐั ธรรมนญู การลงประชามติ และการเขา สวนรวมในกิจกรรมใดกจิ กรรมหนงึ่ ชื่อของประชาชนผมู สี ทิ ธิ เลือกต้ังในองคก รปกครองทอ งถนิ่ เพ่ือถอดถอนสมาชกิ สภาทอ งถ่ินหรอื ทางการเมือง ในลักษณะของการ ผูบรหิ าร อีกท้ังในการจดั ทาํ ยุทธศาสตรชาตแิ ละแผนปฏริ ูปประเทศ ตองมีบทบัญญตั ิเกี่ยวกบั การ รว มรบั รู รว มคดิ รวมทาํ ในสงิ่ ท่มี ี มสี ว นรว มและการรับฟง ความคดิ เห็นของประชาชนทกุ ภาคสว นอยางทั่วถงึ อกี ดว ย ผลกระทบตอ ตนเองหรอื ชุมชน และ อยูภ ายใตกฎหมาย ถอื เปน สิง่ ทมี่ ี ความสาํ คัญอยา งมากตอการพฒั นา ระบบการเมืองการปกครอง ๙๓ คมู อื ครู 93


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook