Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูทั้ง-9-องค์ที่เป็นหลัก

ครูทั้ง-9-องค์ที่เป็นหลัก

Published by p0610618329, 2022-08-30 17:47:48

Description: ครูทั้ง-9-องค์ที่เป็นหลัก

Search

Read the Text Version

รายงาน เรือ่ ง ครูท้งั 9 องคท์ เ่ี ปน็ หลัก จัดทำโดย นางสาวอัญชลี สวา่ งเพชร รหัสนักศกึ ษา 6510121258014 เสนอ อาจารย์บุญวงศ์ วงศว์ ิรตั น์ รายงานฉบับนเ้ี ป็นสว่ นหนึง่ ของการเรียน รายวิชาพิธไี หว้ครู ครอบครู นาฏศิลป์ไทย รหัสวชิ า 1171102 มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

ก คำนำ รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา พิธีไหว้ครู ครอบครู นาฏศิลป์ไทย รหัสวิชา 1171102 เพ่ือให้ไดศ้ ึกษาหาความรู้ในเรื่อง ครูทัง้ 9 องคท์ ีเ่ ป็นหลกั โดยไดศ้ กึ ษาผา่ นแหลง่ ความรู้จากเว็บไซต์ ตา่ ง ๆ โดยรายงานฉบบั นีต้ อ้ งมีเนอื้ หาเกีย่ วกับประวตั ขิ องครูทัง้ 9 องค์ ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำรายงานฉบับนี้จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษา เร่อื ง ครทู ง้ั 9 องคท์ ี่เปน็ หลัก นางสาวอัญชลี สวา่ งเพชร

สารบัญ ข เรอ่ื ง หน้า คำนำ ก สารบญั ข ครูท้ัง 9 องค์ทีเ่ ปน็ หลกั 1 1 1. พระอศิ วร (พระศวิ ะ) 2 2. พระนารายณ์ (พระวิษณุ) 3 3. พระพรหม 4 4. พระพิฆเนศ 5 5. พระวิษณุกรรม 6 6. พระปรคนธรรพ 7 7. พระปญั จสิงขร 8 8. พระพริ าพ 9 9. พระภรตฤๅษี (พ่อแก่) ค บรรณานุกรม ง บรรณานกุ รม (ตอ่ )

1 ครูทง้ั 9 องคท์ ีเ่ ป็นหลัก 1. พระอศิ วร (พระศิวะ) ประวัตพิ ระอศิ วร พระอิศวรเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล หนึ่งในตรีมูรติ หรือ 3 มหาเทพสูงสุด ซึ่งประกอบด้วย พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม และพระอิศวรยงั เป็นมหาเทพแหง่ การทำลายลา้ ง โดยพระองค์จะทรงประทานพรวิเศษให้แก่คนผ้หู มั่นกระทำความดี และยึดมน่ั ในศีลธรรมเทา่ นั้น หาก ผใู้ ดประพฤติเพ่ืออุทิศถวายแก่พระองคแ์ ลว้ ปรารถนาส่ิงวเิ ศษใด ๆ ก็ให้พรนัน้ พระศิวะจะประทานสิ่งวิเศษให้ ในไมช่ า้ แตเ่ มื่อได้พรสมปรารถนาแล้ว วนั หนา้ หากกระทำผิดไปจากความดีงามคนผู้นัน้ จะเกิดวิบัตใิ นชีวิต พระ อิศวรจะกลายเป็นเทพผู้ทำลายทันที มีความเชื่อกันว่าพระอิศวรนั้นสามารถช่วยปัดเป่ารักษาเยียวยาอากาศ เจ็บไข้ได้ปว่ ยตา่ ง ๆ ได้อย่างมหัศจรรย์นัก หากผู้ใดท่ีเจ็บป่วยหรือต้องการขอพรให้คนในครอบครัวหายเจ็บไข้ ไดป้ ว่ ย หากบวงสรวงบชู าและขอพรจากพระอศิ วร ก็มักปรากฏว่าความเจ็บไข้ไดป้ ่วยน้นั จะถูกปดั เปา่ ใหห้ ายไป ได้โดยสิ้นในเร็ววัน ผู้ที่มีความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นในทางใด หากบวงสรวงบูชา ขอพรให้พ้นทุกข์ พระอิศวรก็จะ ประทานพรให้ผนู้ ้ันไดพ้ น้ จากหว้ งแห่งความทกุ ข์ไดเ้ ช่นกนั ลักษณะหัวโขนของพระอิศวร คือ หน้าพระสีขาว สวมมงกุฎน้ำเต้ากาบ นอกจากนี้ยังมีการทำมงกุฎ เป็นยอดต่างๆ อีก เช่น ยอดน้ำเต้ากาบทรงปลี ยอดน้ำเต้ากาบทัดจันทร์ และยอดน้ำเต้ากาบปลายสะบัด เป็นต้น การตง้ั หวั โขนหรือเศียรทา่ น จะตอ้ งตง้ั ไว้ในตำแหนง่ ทสี่ ูงสุดกวา่ หัวโขนอ่ืน

2 2. พระนารายณ์ (พระวษิ ณุ) ประวตั ินารายณ์ พระนารายณ์ เป็นหนึ่งในตรีมูรติ เป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองโลก ทำหน้าที่บริหารและรักษาโลก เป็นเทพ ผู้รกั ษาความดี ทรงเป็นมหาเทพผูร้ ักษาวิชาการไว้ให้อย่คู ู่โลก จากคัมภีร์พราหมณ์ปุราณะกล่าวไว้ว่า พระอิศวร เป็นผู้สร้างพระนารายณ์ เหตุมาจากทรงมีพระ ประสงค์จะสร้างสวรรค์และโลก ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่นัก จึงได้ทรงต้องการผู้ช่วย โดยการนำหัตถ์ซ้ายมาลูบ หัตถ์ขวา จึงบังเกิดเป็นเทพชื่อ “พระวิษณุ” หรือ “พระนารายณ์” พระอิศวรได้สอนศิลปะด้านต่าง ๆ ให้กับ พระนารายณ์ในทุกด้าน และให้ประทับอยู่ ณ เกษียรสมุทร เมื่อเกิดเหตุร้ายในโลกมนุษย์ หรือสวรรค์เมื่อใด พระวินารายณ์ก็จะมหี น้าท่ีไปปราบปรามเหล่าอสูร และผปู้ ระสงคร์ า้ ยน้ัน ๆ โดยในบางคราวกจ็ ะได้รับการร้อง ขอจากเหล่ามวลเทพเทวดาบ้าง โดยพระนามของพระนารายณ์ มีผู้ขนานนามเรียกขานจากความแตกต่างกัน ตามความเช่อื พระนามตามฤทธ์ิอำนาจ และตามเหตกุ ารณท์ ี่ตา่ งกนั ตามกาล พระนารายณ์ สามารถอวตารไปเป็นเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ได้ถึง 10 ปาง (หรือ นารายณ์ 10 ปาง) และ อวตารมากกว่า 10 ปางในบางปุราณะ เพื่อภารกจิ ปกปอ้ งโลกมนษุ ยจ์ ากอสูรช่ัวร้าย ลักษณะหัวโขนของพระนารายณ์ คือ หน้าพระสีดอกตะแบก(สีชมพูอมม่วง) สวมมงกุฎยอดเดินหน หรอื มงกฎุ ยอดชยั การต้ังหวั โขนหรือเศียรทา่ น จะต้องตัง้ ไว้ในตำแหนง่ ทตี่ ำ่ กว่าพระอศิ วร (ค่พู ระพรหม)

3 3. พระพรหม ประวัติพระพรหม พระพรหม เปน็ หนึ่งในตรีมรู ติ เปน็ เทพเจา้ ผสู้ รา้ งโลก เปน็ ผู้สรา้ งสรรค์สิ่งทัง้ ปวงใหเ้ กิดขึ้นในโลก พระองค์เป็น \"สยมั ภู\" คอื ผเู้ กิดได้เอง มีนำ้ พระทยั เยือกเย็น เปน็ ผู้มคี ุณธรรมสูงสุด เปี่ยมไปด้วยความ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งเป็นมโนธรรมจริยา 4 ประการ หรือเรียกว่า พรหมวิหาร 4 นอกจากจะสร้าง โลกแล้ว พระพรหมยังเป็นผู้สร้างสวรรค์และมนุษย์อีกด้วย หากใครที่อธิฐานและบูชาพระพรหม ด้วยจิตใจท่ี บริสุทธ์ิ เช่อื ว่าจะได้รับพรให้สมหวังในส่งิ ท่ีหวงั ไว้ ลกั ษณะหัวโขนของพระพรหม คือ มหี น้าพระสีขาว 4 หน้า ชน้ั ท่ี 1 เปน็ หนา้ ปกติ 1 หน้า ชัน้ ที่ 2 เป็น หนา้ เลก็ 3 หน้า สวมมงกฎุ ชยั นอกจากน้ยี ังมกี ารทำอีกแบบคือมหี น้าปกติ 1 หน้า และหน้าเลก็ 3 หนา้ เรยี งไว้ ตรงท้ายทอย สวมมงกุฎน้ำเตา้ 5 ยอด การต้งั หวั โขนหรือเศยี รท่าน จะต้องต้งั ไว้ในตำแหนง่ ทีต่ ำ่ กวา่ พระอศิ วร (คู่พระนารายณ์)

4 4. พระพฆิ เนศ ประวตั ิพระพิฆเนศ พระพิฆเนศ องค์อุปถัมภ์แห่งศิลปะวิทยาการ ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ สติปัญญาและความสำเรจ็ ผู้ขจัดอุปสรรคและอำนวยความสำเร็จในทกุ สิ่ง ก่อนเริ่มพิธีการหรือกิจกรรมใด ๆ ก็จะเปล่งพระนามพระองค์ ก่อนเสมอ พระพิฆเนศเป็นโอรสที่พระแม่ปารวตีพระมเหสีของพระศิวะได้เสกขึ้นมาเพื่ออยู่คอยรับใช้ครั้งที่พระ ศวิ ะเสดจ็ ไปบำเพ็ญสมาธเิ ป็นระยะเวลานาน มอี ย่คู ราวหนง่ึ ท่ีพระแม่ปารวตตี ้องการสรงน้ำในพระตำหนักด้าน ใน จึงได้สั่งใหพ้ ระโอรสคอยนั่งเฝ้าหน้าประตไู ว้ และรับสั่งว่าหา้ มใหใ้ ครเข้ามาในพระตำหนกั ของพระองค์ แต่ ครั้งนน้ั เปน็ คราวเดียวกับที่พระศิวะเสด็จกลบั มายังพระตำหนักและเมื่อเข้าไปข้างในกับพบเด็กหนุ่มนั่งขวางไว้ ไม่ให้เข้า พระศิวะโกรธมาก จึงได้ทะเลาะกันใหญ่โต แต่ในที่สุดพระโอรสนั้นก็ถูกตรีศูลของพระศิวะตัดศรีษะ ขาดจนสิ้นใจ โดยที่พระศิวะไม่ได้ทราบว่านั่นคือพระโอรสของพระมเหสีของตนที่ถูกเสกขึ้นมา เมื่อพระแม่ ปารวตีเห็นว่าพระโอรสของนางได้ถูกปลดิ ชีพโดยพระสวามีพระนางจึงได้ต่อว่าพระศวิ ะและโศกเศร้าเป็นอย่าง มาก พระศวิ ะเม่ือรคู้ วามจริงจึงรับปากวา่ จะฟ้ืนคืนชีพพระโอรสให้ แต่หาศรษี ะของพระโอรสไม่พบ จนเกอื บจะ เลยเวลาที่จะสามารถฟื้นคืนชีพได้ จึงได้รับสั่งเทพยดาที่คอยรับใช้พระองค์ว่าให้ออกตามหาศรีษะของสัตว์มา โดยให้นำศรีษะของสัตว์ตัวแรกที่พบมาให้พระองค์ เทพยดาเหล่านั้นจึงออกตามหาและได้พบกับช้าง จึงได้ตัด เอาศรีษะของช้างมาให้กับพระศิวะ พระศิวะจึงได้ทำการต่อเศียรคืนให้กับพระโอรสเพื่อคืนชีพ พร้อมกับยก ย่องและตงั้ พระนามใหว้ ่า พระพฆิ เนศ การต้งั หัวโขนหรอื เศยี รท่าน จะตอ้ งต้ังให้ลดลงตำ่ กวา่ เทพองค์อ่นื อาจตง้ั ระดับเดยี วกบั พระอินทร์ได้

5 5. พระวษิ ณกุ รรม ประวัติพระวษิ ณุกรรม พระวิษณุกรรม ครูเทพเจ้าแห่งการช่าง การก่อสร้าง ทั้งช่างเขียนและช่างป้ัน เป็นครูเทพเจา้ แหง่ การ ดนตรอี กี องคห์ น่ึง พระวิษณุกรรมเป็นเทวดานายช่างใหญ่ของพระอินทร์ ตามตำนานกล่าวว่า เป็นผู้สร้างเครื่องมือ สงิ่ ของตา่ ง ๆ ให้เกดิ ขึน้ และเป็นแบบอยา่ งให้กบั มนุษย์สบื มา พระวิษณุกรรมรับเทวโองการต่าง ๆ จากพระอินทร์ เพื่อสร้าง อุปกรณ์ สิ่งของ อาคาร ต่าง ๆ มากมาย เป็นผู้นำวชิ าช่าง มาสอนแก่มนุษย์ นับแต่นั้นมามนุษย์จึงรู้จักการสรา้ งและใชง้ านสิ่งของต่าง ๆ จนมี การพฒั นารปู แบบมาจนถงึ ปจั จบุ นั นี้ ลักษณะหัวโขนของพระวิษณุกรรม คือ หน้าพระสีเขียว สวมเทริดยอดน้ำเต้า หรือมงกุฎยอดน้ำเต้า หรอื อีกแบบหน้าพระสีเขียว หวั โล้น ทผ่ี มเขยี นเป็นลายดอกไม้ หรือโพกผา้ การตั้งหัวโขนหรือเศียรท่าน จะต้องตั้งไว้ในตำแหน่งที่ลดลงมาจากพระอิศวร พระนารายณ์ พระ พรหม พระอินทร์ และพระพฆิ เนศ

6 6. พระปรคนธรรพ ประวัติพระปรคนธรรพ พระปรคนธรรพ ครูเทพเจ้าแห่งวิชาการดนตรี ซึ่งถือว่าเป็นครูปี่พาทย์ ครูตะโพน เป็นผู้ประดิษฐ์พิณ เป็นผู้แต่งคัมภีร์กฎหมายที่เรียกว่า “นารทนาธรรมศาสตร์” เป็นผู้รอบรู้ในกาลทั้ง สามคือ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต เมื่อครั้ง พระพุทธเจ้า ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ด้วยการซ่อนตนไปอยู่บนพระเกศาของ พระอิศวร เมื่อครั้งท่ี ทั้งสองพระองค์ได้ประลองฤทธิ์กัน และสุดท้ายพระพุทธเจ้าไม่ยอมเสด็จลงมาจากพระเกศาของพระอิศวร จนกว่าพระอิศวรจะให้เหล่าเทวดา หรือคนธรรพบรรเลง เพลงสาธุการ จึงจะยอมเสด็จลงมา และพระอิศวรจึง รับสั่งให้เหล่าคนธรรพบรรเลงเพลงสาธุการเพื่อเป็นการอัญเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากพระเกศา ซึ่งใน คราวนน้ั เหลา่ เทวดา คนธรรพท้งั มวลก็เริม่ จะบรรเลงเพลงสาธุการ แต่เม่ือเหล่าคนธรรพทง้ั มวล ซึง่ ใหค้ วามนับ ถือ และยำเกรงต่อพระนารทมุนี หรือพระปรคนธรรพจงึ ได้ให้ท่านผูเ้ ปน็ ใหญใ่ นคนธรรพ ขึ้นเพลงสาธุการด้วย ตะโพนก่อนผู้อื่น และจากครั้งนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าบรรเลงเพลงสาธุการก็จะต้องให้ตะโพนขึ้นนำมาก่อนทุก ครงั้ และด้วยเหตุนจี้ งึ ทำให้นักดนตรปี พี่ าทยใ์ ห้ความเคารพต่อตะโพน เปรียบเปน็ พระปรคนธรรพ ลักษณะหัวโขนของพระปรคนธรรพ คือ มีหน้าสีหนเสน(สีเขียวหรือสีเขียวใบแค) หัวโขนบางหัวจะมี ลายเป็นวงทักขิณาวัฎที่บริเวณใบหน้า มีลักษระทำเป็นหน้าหนุ่ม และหน้าแก่ สวมชฎายอดบวชหรือชฎายอด ฤๅษ(ี ยอดดอกลำโพง) จอนหมู แี บบมนษุ ย์และแบบฤๅษี หรือสวมมงกุฎยอดน้ำเต้า การต้ังหัวโขนหรอื เศยี รท่าน จะตอ้ งตงั้ ไวใ้ นตำแหน่งทางขวาของเวทรี วมกับ ศรี ษะพระครฤู ๅษตี ่าง ๆ

7 7. พระปญั จสงิ ขร ประวัติพระปญั จสงิ ขร พระปญั จสิงขร เป็นดุรยิ เทพเครอ่ื งสาย เทพเจ้าแห่งพิณพาทย์ การขับรอ้ ง พระปัญจสิงขร เดิมเคยเป็นมนุษย์ เป็นเด็กเลี้ยงโคไว้ผม 5 แหยม เป็นผู้ที่มีใจเลื่อมใสศรัทธาในทาง กุศล สร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เมื่อตายจึงเกิดเป็นเทพบุตรในชั้นจาตุมหาราชมีชื่อว่า “ปัญจสิขคนธัพ เทพบุตร” มีมงกุฎ 5 ยอด มีกายเป็นสีทอง มีกุณฑล มี 1 พักตร์ 4 กร ทรงอาภรณ์ไปด้วยนิลรัตน์ ทรงภูษาสี แดง มีความสามารถในเชิงดีดพิณ และขบั ลำนำเป็นเลศิ จนเปน็ ท่โี ปรดปรานของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ถึงกบั ทรงอนุญาตให้เฝ้าได้ทุกเวลา ลักษณะหัวโขนของพระปัญจสิงขร คอื หนา้ พระสขี าว สวมมงกุฎน้ำเต้า 5 ยอด การต้ังหวั โขนหรือเศียรท่าน จะตอ้ งต้ังไวใ้ นตำแหน่งทางขวาของเวทีรวมกบั ศรี ษะพระครฤู ๅษีตา่ ง ๆ

8 8. พระพริ าพ ประวตั ิพระพริ าพ พระพิราพถือเป็นถือเป็นครูอสรู เทพผู้ทรงอิทธิฤทธ์ิ ครูยักษ์ และเป็นมหาเทพ (ศิวะอวตาร) ซึ่งศิลปะ โขน - ละคร ดนตรีไทย ต้องสักการะในฐานะที่เป็น ครูดุริยางศิลป์และนาฏศิลป์ พระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง ความตายและความหายนะทัง้ ปวง ในขณะเดียวกันก็เป็นเทพเจา้ แห่งความประสบโชคลาภ ขจดั ภยั โรคตา่ ง ๆ พระพิราพ เป็นอสูรเทพบุตร นามเทพแห่งคุณงามความดี เป็นผู้ทรงศีลที่มั่นคงในการบำเพ็ญ มีนิสัย รักและห่วงใยมวลมนุษย์ชอบช่วยเหลือไม่ว่าจะยากดีมีจนที่มาขอพรแล้วก็มักจะประสบความสำเร็จทุกรายไป แต่ขอให้ผู้นั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม มีสัจจะวาจา ตรงกันข้ามกับผู้ชอบกระทำความผิดคิดชั่ว ไม่มีศีลธรรม ไม่มี สัจจะ ไม่ละเวน้ อบายมุข ท่านก็จะลงโทษ และเป็นผปู้ ระทานชวี ิต ผูป้ ดั เปา่ โรคภัยไข้เจบ็ และส่ิงเลวร้ายทงั้ ปวง ลักษณะหัวโขนของพระพริ าพ คือ เปน็ ยักษ์หน้าจาวตาล(หนา้ กางคางออก) สมี ว่ งแก่ หรอื สนี ำ้ รัก หรือ สที อง ปากแสยะ ตาจรเข้ หัวโล้น สวมกระบังหน้า การตั้งหัวโขนหรือเศียรท่าน จะต้องตั้งไว้ในตำแหน่งทางซ้ายของเวที ต่ำกว่าพระอิศวร แต่สูงกว่า หวั โขนยักษอ์ น่ื ๆ และแยกออกจากกลุ่มในนอกเหนือจากแพทย์หรือมนุษย์

9 9. พระภรตฤๅษี (พ่อแก)่ ประวัติพระภรตฤๅษี ความเป็นมาของพ่อแก่ พระฤๅษี หรือบางครั้งก็เรียกกันวา่ ครูฤๅษี ถือเป็นบรมครูแหง่ ศาสตรข์ องการ แสดง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า พระฤๅษีมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 108 องค์ ปางเสมอเถรถือว่า เป็นปางที่มีฤทธิ์มาก ที่สุดในบรรดาทั้ง 108 องค์ คำว่า ฤๅษี มาจากคำว่า ฤๅษิ แปลว่า ผู้เห็นด้วยความรู้พิเศษอันเกิดจากฌาน ซ่ึง สามารถแลเห็นอดีตปัจจบุ ัน และอนาคตได้ บางครั้งก็เรียกพ่อแก่หรือฤๅษีว่า “ตฺริกาลชฺญ” แปลว่า ผู้รู้กาลทั้ง สาม นอกจากนี้พระฤๅษียังถือว่าเป็นผู้ประทานสรรพวิชาความรู้ ทั้งมวลแก่มนุษยชาติ เนื่องด้วยตำราทาง โหราศาสตร์ และตำราทางเทววิทยา กล่าวไว้สอดคลอ้ งกันว่า พระพฤหัสบดีถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาจารย์ แหง่ สรรพวิชาความรู้ทงั้ มวล ในด้านดนตรีไทยแล้วฤๅษีนั้นมีชื่อว่า \"พระภรตฤๅษี\" (พระ-พะ-รด-รือ-สี) ผู้ซึ่งได้รับ เทวโองการจาก พระพรหม ให้นำศิลปการร่ายรำ ท่าศิวนาฏราชมาบังเกิดในโลกมนุษย์ และตัวแทนของครูทางด้านดนตรี ผู้ ประดิษฐ์วีณา (พิณ) ทำด้วยกระดองเต่าทะเลสามารถบรรเลงได้อยา่ งไพเราะเปน็ ผู้สั่งสอนคนธรรพและมนษุ ย์ ใหเ้ ลน่ ดนตรี ลักษณะหัวโขนของพระภรตฤๅษี คือ จะทำเป็นหลายแบบ คือ มีหน้าสีทอง(นิยมมากกว่าหน้าสีอื่นๆ) สีลน้ิ จีแ่ ดง สกี ลบี บัว สเี นือ้ และสีจันทร์ เป็นตน้ ลักษณะจอนหทู ำเป็นแบบครบี หางปลากับจอนหแู บบธรรมดา ที่ใช้กับเทริด และบางครั้งก็ไมต่ ดิ จอนหู ลักษณะใบหน้าจะทำเป็นแบบหนา้ อ้วน หน้าผอม หน้ายิ้ม หรือหน้าดุ สวมเทริดหนังสือ หรือเทริดยอดบายศรี ลักษณะของฟันเป็นหน้ายิ้มเห็นฟันเต็มปากบาง เห็นแต่ฟันบน 2 ซี่ หรอื เห็นฟันบน 2 ซี่ ฟนั ลา่ ง 2 ซ่ี หรอื ไมม่ ีฟัน

ค บรรณานกุ รม เศยี รครู 9 เศียร. [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก : https://www.nonthasilp.com/category/. (วันทีค่ น้ ข้อมูล : 14 สิงหาคม 2565). พระอิศวร (ศิวะ) มหาเทพแหง่ การทำลาย. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://www.rmutphysics.com/charud/oldnews/146/religion/shivahis.htm. (วันทคี่ ้นข้อมูล : 14 สิงหาคม 2565). พระวิษณุ (นารายณ์) เทพผ้คู มุ้ ครองโลก. [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก : http://www.rmutphysics.com/charud/oldnews/146/religion/vishanuhis.htm. (วันทีค่ น้ ข้อมลู : 14 สิงหาคม 2565). พระวิษณุ (พระนารายณ์) มหาเทพผปู้ กปักรักษาโลกมนษุ ย์. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.siamganesh.com/lordvishnu.html. (วนั ทีค่ น้ ข้อมลู : 14 สงิ หาคม 2565). เศียรบรมครู 9 พระองค์. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://strikernzero.blogspot.com/2017/07/9_2.html. (วนั ท่ีค้นขอ้ มูล : 14 สงิ หาคม 2565). ประวตั ทิ า่ นท้าวมหาพรหม. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก : http://mahaprom.org/page_thai/th_history.html. (วันทค่ี ้นข้อมูล : 14 สงิ หาคม 2565). ประวัตคิ วามเปน็ มาของ พระพฆิ เนศ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.silpa-mag.com/news/article_63047. (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล : 14 สิงหาคม 2565). พระวศิ วกรรม. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/. (วนั ทค่ี ้นขอ้ มลู : 14 สงิ หาคม 2565). พระปรคนธรรพ. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/travel/17052. (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล : 14 สงิ หาคม 2565).

ง บรรณานกุ รม (ตอ่ ) พระปญั จสิงขร. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://thingnongnoi.wordpress.com/. (วันทค่ี น้ ข้อมูล : 14 สงิ หาคม 2565). สบื ตำนาน”พระพิราพ”คือ พระอศิ วรอวตาร. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://www.thethaipress.com/2020/24941. (วันท่คี ้นขอ้ มูล : 14 สงิ หาคม 2565). ตำนานของพอ่ แก.่ ..จนถงึ วันครู. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://www.kroobannok.com/blog/10757. (วนั ทีค่ ้นขอ้ มลู : 14 สงิ หาคม 2565).


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook