87 “คนน่าจะมีความสนใจมากขึ้นเพราะเมืองเพชรบุรีเป็นเมืองประวัติศาสตร์ เมือง ศิลปะ อย่างน้อยเมื่อมีการพัฒนทางการท่องเท่ียวนักท่องเท่ียวก็จะได้ซึมซับสิ่ง ต่าง ๆ เหล่าน้ีไปบ้าง” ผู้ดูแลวัดพลับพลาชัย(สัมภาษณ์,วันท่ี 12 พฤษภาคม 2553) 4.3.5 ความต้องการมสี ว่ นร่วมตอ่ การพฒั นาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี ผลจากการสัมภาษณ์สามารถสรุปความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีได้ใน 3 ประเด็น คือ ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวก ดา้ นภูมทิ ัศน์ และดา้ นบริการทางการท่องเทยี่ ว ตามรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 1. ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวก ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวได้เสนอให้มีการท้าฝายน้า ล้นเพ่ือให้มีปริมาณน้าเพียงพอแก่การล่องเรือ ส้าหรับวัดท่ีไม่มีท่าน้าควรท้าท่าเรือและท่ีจอดเรือ รวมถงึ จดุ จอดเรือ นอกจากนี้การบริการข้ันพื้นฐานต่าง ๆ แต่ละแหล่งท่องเท่ียวมีให้บริการส้าหรับ นกั ทอ่ งเที่ยวอยู่แล้วท้ังที่จอดรถและห้องน้า 2. ด้านการจัดการภูมิทัศน์ ในด้านนี้สอดคล้องกับทางเทศบาลท่ีมีนโยบายใน การปรับสภาพภูมิทัศน์บริเวณริมสองฝ่ังน้าเพชรบุรีให้มีความสวยงามโดยการก้าจัดวัชพืชและ ต้นไม้ตามชายน้า ทั้งนี้บางวัดได้มีการปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบด้วยการรักษาความสะอาด ปลกู ต้นไม้และดอกไม้ให้สวยงาม เช่น วัดมหาธาตุ เป็นตน้ 3. ดา้ นการบรกิ ารทางการท่องเทยี่ ว แหล่งทอ่ งเทยี่ วแต่ละแห่งมีบริการข้ันพื้นฐาน คือ มีการจัดท้าแผ่นพับข้อมูล หนังสือแนะน้าแหล่งท่องเที่ยวส้าหรับบริการแก่นักท่องเที่ยวจาก การสัมภาษณ์พบว่าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง อาทิ วัดเกาะ วัดไผ่ล้อม ได้มีโครงการอบรม มัคคุเทศก์เพื่อจัดน้าชมประจ้าจุดต่าง ๆ รวมถึงการจัดท้าป้ายบอกรายละเอียดประวัติความ เป็นมาและความส้าคัญของแหล่งท่องเท่ยี ว 4.3.6 รปู แบบของเสน้ ทางท่องเทีย่ ววฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบุรี ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวได้ให้ความคิดเห็นต่อรูปแบบของเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรม แมน่ ้าเพชรบรุ ี สรุปเป็นประเด็นได้ ดงั น้ี 1. เป็นการล่องเรือชมวิถีชีวิตวัฒนธรรม ทรัพยากรวัฒนธรรมริมสองฝั่งแม่น้า เพชรบุรีท้งั วัด วัง และวถิ ีชวี ติ ของคนของชมุ ชนทอี่ ยูร่ มิ นา้ การล่องเรือสามารถเริ่มได้จากหลายจุด
88 ท้ังจากบริเวณท่าน้าหลงั จวนผู้วา่ ราชการจงั หวัดหรือจะเรมิ่ จากพระรามราชนิเวศน์ก็ได้ 2. การบรู ณาการทางการท่องเที่ยว การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวควรมีการบูรณา การให้ครบส่วน กล่าวคือ เม่ือจะใช้แม่น้าเพชรบุรีเป็นเส้นทางสัญจรก็ต้องท้าท่าเรือ และจุดจอด เรือส้าหรับข้ึนและลง อีกท้ังควรวางแผนการท่องเที่ยวไว้รองรับว่าเมื่อนักท่องเที่ยวข้ึนมาจากเรือ แล้วนกั ท่องเที่ยวควรไปชมแหลง่ ท่องเทยี่ วที่ใดหรอื ไปชมจุดใดบ้าง จากเรือแล้วจะไปต่อพาหนะใด การบรกิ ารตา่ ง ๆ เหล่านี้ควรต้องมกี ารบูรณาการร่วมกนั 3. จัดเป็นฤดูท่องเท่ียว การท่องเที่ยวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีต้องจัดให้ล่องเป็น ฤดูไปเนื่องจากแม่น้าเพชรบุรีประสบปัญหาภาวะแห้งขอด โดยฤดูที่เหมาะแก่การล่องเรือ คือ ฤดู ฝนซ่งึ ถอื เป็นช่วงหน้าน้า โดยรูปแบบของการล่องเรือควรดูในสมัยก่อนท่ีใช้ทางเรือเป็นหลักเพื่อให้ มรี ปู แบบเปน็ ของตนเองโดยนา้ จุดเด่นของเพชรบรุ ีมาเป็นจุดขาย 4. จัดท้าเป็นตลาดชายน้า โดยบริเวณท่าน้าหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเหมาะ ส้าหรับการท้าตลาดน้าซ่ึงสามารถเป็นได้ทั้งจุดเร่ิมและจุดสุดท้ายของการท่องเท่ียวทางน้าได้ ซึ่ง สอดคล้องกับในอดีตที่บริเวณกลางเมืองตรงบริเวณวัดมหาธาตุท่ีมีตลาดริมน้า มีเรือมาจอด คา้ ขายและแวะพักจ้านวนมาก 4.3.7 ปญั หาและอปุ สรรคต่อการพัฒนาเสน้ ทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบุรี จากการสัมภาษณ์ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียว สามารถสรุปประเด็นปัญหาและอุปสรรคที่ จะมตี อ่ การพฒั นาการท่องเท่ยี วได้ดังน้ี 1. ปัญหาด้านปริมาณน้า คือ น้าในแม่น้าเพชรบุรีมีปริมาณไม่เพียงพอใน การล่องเรือเนื่องจากน้าไม่ได้มีตลอดท้ังปีท้าให้บางเวลาแม่น้าต้ืนเขินและสกปรก อาจส่งผลให้ การล่องเรืออาจประสบปัญหาได้ โดยเฉพาะช่วงบริเวณหน้าวัดมหาธาตุที่บางคร้ังเวลาน้าลดน้ัน ระดบั แมน่ า้ เพชรบุรีอยใู่ นขนั้ ตน้ื เขินจนสามารถเดนิ ขา้ มไปได้ 2. ปัญหาด้านผู้น้า คือ ขาดแกนน้าที่เข้มแข็งเน่ืองจากเคยมีบุคคลคิดที่จะท้าการ ท่องเท่ียวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีแต่มีต้นทุนท่ีสูงเลยไม่สามารถท้าได้ ซึ่งถ้าจะพัฒนาการ ท่องเท่ียวทางเรือในเชิงธุรกิจก็ไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุน ดังน้ันหากจะพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือก็ ต้องได้รับความร่วมมือจากทางภาครัฐและความร่วมมือจากทุกฝ่าย อีกทั้งแหล่งท่องเท่ียวที่อยู่ รมิ นา้ ทง้ั สองฝ่ังต้องช่วยกันพัฒนาเพื่อให้เกิดความสวยงามแก่ผู้ท่ีมาเท่ียวชม รวมไปถึงชาวบ้านที่ อยู่ริมสองฝั่งแม่น้าต้องช่วยกันรักษาความสะอาดให้กับแม่น้า ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้า ถ้าหากทุกฝ่าย ให้ความร่วมมอื แลว้ ก็จะชว่ ยใหก้ ารพฒั นาประสบความสา้ เร็จได้
89 3. ปัญหาด้านโครงสร้างการบริหารจัดการของแหล่งท่องเที่ยว คือ วัดพระทรง วัดเกาะ และพระรามราชนเิ วศน์ 3.1 วัดพระทรง มีปัญหาในเรื่องของชาวบ้านเข้ามาอยู่อาศัยในพ้ืนที่ของวัด หากจะมีการพัฒนาการท่องเท่ียวและการพัฒนาส่ิงอ้านวยความสะดวกต่าง ๆ ในอนาคตวัดก็จะ ติดปัญหาดังกล่าว หากทางวัดมีความต้องการท่ีจะพัฒนาก็ต้องให้คนที่อาศัยอยู่ในพ้ืนที่วัดย้าย ออกไป นอกจากนี้ทางวัดพระทรงมีแผนในการพัฒนา คือ การบูรณะพระอุโบสถเป็นล้าดับแรก เพราะเป็นจุดท่ีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเยอะท่ีสุด และเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของทางวัด นอกจากน้ีพ้ืนที่วัดยังมีโรงเรียนตั้งอยู่ซึ่งสามารถอาศัยความร่วมมือจากโรงเรียนและชุมชนในการ พฒั นาและร่วมดแู ลวัด 3.2 วัดเกาะ ปัญหาของวัดเกาะ คอื การบริหารจัดการกิจการต่าง ๆ ภายในวัด เนื่องจากเจ้าอาวาสชราภาพมากแล้ว (อายุ 97 ปี) และมีอาการหลงลืม ทั้งนี้เจ้าอาวาสไม่ได้ มอบหมายอ้านาจในการบริหารจัดการกิจการต่าง ๆ ภายในวัดให้กับผู้ใด ส่งผลให้การด้าเนินการ พัฒนาหรอื การจดั การเกี่ยวกับวัดเกาะในด้านต่าง ๆ จึงเป็นไปได้ยากเพราะต้องได้รับการอนุญาต จากเจ้าอาวาสเสียก่อน ท้ังนี้วัดเกาะมีมูลนิธิเกาะแก้วสุทธารามช่วยดูแลในเร่ืองของการช้าระค่า นา้ -ค่าไฟ การซ่อมแซมและบูรณะอาคารตา่ ง ๆ ภายในวัด 3.3 พระรามราชนเิ วศน์ มีปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนา เนื่องจากพระราม ราชนิเวศน์อยู่ในพื้นที่ของมณฑลทหารบกที่ 15 (ทหารบกเพชรบุรี) ท้าให้มีข้อจ้ากัดในการพัฒนา ซ่ึงเกีย่ วข้องกับความปลอดภัยของหนว่ ยงานทหารเพราะภายในเขตทหารบกเพชรบุรีมีท้ังถังน้ามัน และคลงั กระสนุ ตัง้ อยู่ อกี ท้ังการเข้า-ออกต้องแลกบัตรกับทางสารวตั รทหาร ในด้านของการท้างาน หรอื การบริการกม็ ีขอ้ จา้ กดั เช่นกัน ดงั ท่ผี ดู้ แู ลแหล่งท่องเที่ยวใหส้ มั ภาษณ์ “ผู้รบั ผดิ ชอบหลกั คอื กรมศิลปากร ทางทหารมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบจากกรมศิลป์ เท่าน้ันซึ่งกรมศิลป์จะเข้ามาปีละ 1 ครั้ง เหมือนกับทางทหารก็ช่วยดูแลไม่มี สามารถทาอะไรได้มากและท่ีนี่ก็ไม่ใช่แหล่งท่ีจะมาหาผลประโยชน์” ผู้ดูแล พระรามราชนเิ วศน์ (สมั ภาษณ,์ วนั ท่ี 16 มิถนุ ายน 2553) จากปัญหาและอุปสรรคที่จะมีต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรี จะเห็นได้ว่าปัญหาและอุปสรรคท่ีอาจจะเกิดขึ้นนั้นมาจากปริมาณน้าแม่น้าเพชรบุรีเป็น ส้าคัญ อีกทั้งผู้ท่ีจะมาเป็นผู้น้าในการพัฒนาการท่องเท่ียว รวมถึงปัญหาจากพื้นท่ีของแหล่ง
90 ท่องเท่ียวเอง โดยประเด็นต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์และอภิปรายผลเพื่อหาแนวทางในการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมต่อไปไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านปริมาณน้า ปัญหาด้านผู้น้าในการ พฒั นา ปัญหาดา้ นโครงสร้างการบรหิ ารจัดการของแหลง่ ท่องเที่ยว 4.3.8 ข้อเสนอแนะตอ่ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยววฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบุรี ผู้ดแู ลแหลง่ ท่องเทยี่ วมีข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรี สรุปเป็นประเดน็ ตา่ ง ๆ ไดด้ ังนี้ 1. ความร่วมมือจากชุมชน การพัฒนาทุกอย่างนั้นชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงแหล่ง ท่องเท่ียวเป็นส่วนส้าคัญท่ีสุดท่ีจะช่วยกันดูแลทรัพยากรให้ทั่วถึง ผู้ท่ีอยู่ใกล้เคียงควรช่วยกันดูแล และรักษาให้สวยงาม ไม่สร้างส่ิงก่อสร้างล้าเข้ามาในเขตแม่น้าเพชรบุรี อีกทั้งควรปลูกฝังให้คนมี จิตส้านึกรักในธรรมชาติ มีจิตรับผิดชอบเพราะถ้ามีสิ่งเหล่าน้ีแล้วแม่น้าเพชรบุรีก็จะยังคงอยู่แล้ว ทางด้านวัฒนธรรมก็จะตามมาเอง ท้ังนี้ควรมีการร่วมมือกันระหว่างแหล่งท่องเที่ยวกับชุมชนใน การใหบ้ รกิ ารทางการทอ่ งเที่ยวเนอ่ื งจากแหลง่ ทอ่ งเท่ียวขาดบุคคลากรในการด้าเนินงาน 2. ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ควรให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกันทั้ง แหลง่ ทอ่ งเที่ยว ภาคประชาชน สถานศึกษา และภาครฐั ถงึ จะเกิดการพัฒนา 3. การขุดลอกแม่น้าเพชรบุรี เนื่องจากแม่น้าเพชรบุรีประสบปัญหาภาวะตื้นเขิน การจะพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วทางเรอื น้ันต้องท้าการขุดลอกแม่น้าเพชรบุรีเสียก่อน และต้องดูแลเรื่อง การบุกรกุ แม่นา้ เพชรบุรี รวมถึงขยะ ของเสยี และน้าเสียจากโรงงงานอุตสาหกรรม เม่ือพัฒนาแล้ว ต้องดแู ลแม่น้าเพชรบุรใี ห้อยใู่ นสภาพดีด้วย 4. การจัดท้าป้ายบอกทาง ควรจัดท้าป้ายบอกทางให้ชัดเจนในเขตเมืองว่ามี แหลง่ ท่องเที่ยวใดบา้ งและไปเส้นทางใดเพ่ือให้นกั ทอ่ งเท่ียวไม่สับสนและหลงทาง
91 การวิเคราะห์และอภปิ รายผลการศกึ ษา การศึกษาเรื่อง “การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี” เป็น การศึกษาเพ่ือเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีเข้าด้วยกันโดยผ่านการ ล่องเรือในแม่น้าเพชรบุรี จากการศึกษาความคิดเห็นของผู้น้าชุมชนทั้ง 4 ชุมชน และผู้ดูแลแหล่ง ท่องเที่ยวท้ังหมด 8 แห่ง ต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมทางเรือ สามารถสรุปผล การศกึ ษาและน้ามาวเิ คราะหเ์ ปน็ ประเด็นต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ 1. แมน่ ้าเพชรบรุ ี 2. ชุมชน แบ่งตามผลการศกึ ษาได้ทั้งหมด 3 ประเด็น ดังน้ี 2.1 การท่องเท่ียวภายในชมุ ชน 2.2 การมีสว่ นรว่ มภายในชมุ ชน 2.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว วฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี 3. แหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว แบ่งตามผลการศึกษาไดท้ ้ังหมด 3 ประเดน็ ดังนี้ 3.1 การท่องเทย่ี วของแหลง่ ท่องเทย่ี ว 3.2 การจัดการท่องเทย่ี วส้าหรับแหล่งท่องเทยี่ ว 3.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว วฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบุรี การวิเคราะห์ผลการศึกษาจะท้าการวิเคราะห์เป็นประเด็นต่าง ๆ ตามข้างต้น โดย ผู้วิจัยได้น้าหลักการ แนวคิด และงานวิจัยท่ีได้ศึกษาค้นคว้ามาสนับสนุนในการวิเคราะห์ผล การศึกษาเพ่อื ใหก้ ารศึกษามคี วามสมบรู ณม์ ากยิง่ ข้ึน ดังนี้ 1. แมน่ ้าเพชรบรุ ี จากผลการศึกษาทั้งจากการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกตการณ์สภาพแม่น้าเพชรบุรี ในพ้ืนทศี่ ึกษาพบวา่ แมน่ ้าเพชรบุรีไหลผ่านใจกลางเมืองเพชรบุรี ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยวท่ีเป็น พ้ืนท่ีศึกษา คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก ชุมชนหน้าพระลาน ชุมชนพระปรางค์ และแหล่งท่องเท่ียว คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดพลับพลาชัย วัดมหาธาตุ วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลง นอกจากน้ีริมสองฝ่ังแม่น้าเพชรบุรียังมี ทรัพยากรวัฒนธรรมตั้งเรียงรายท้ัง วัด วัง ชุมชน และบ้านเรือนประชาชน ซ่ึงผลการสัมภาษณ์
92 ตัวแทนชมุ ชนแม่นา้ เพชรบรุ มี ีความสา้ คัญในดา้ นต่าง ๆ คอื 1. ด้านการคมนาคม แม่น้าเพชรบุรีเป็นเส้นทางสัญจรหลักและเป็นเสมือนเส้น เลือดท่ีหล่อเลี้ยงในด้านธุรกิจท่ีส้าคัญของจังหวัดเพชรบุรี โดยแม่น้าเพชรบุรีมีเครือข่ายเช่ือมโยง กบั แม่นา้ บางประกงและแม่น้าเจา้ พระยาด้วยระบบคู คลอง 2. ด้านการอุปโภคและบริโภค ประชาชนในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้าเพชรบุรีทั้งการด้ารงวิถีชีวิตประจ้าวัน ใช้ในการเกษตรกรรม การ อตุ สาหกรรม การทา้ ประมงพนื้ บ้าน ฯลฯ 3. ด้านวัฒนธรรมและประเพณี ประเพณีของจังหวัดเพชรบุรีทางสายแม่น้าเพชร ท่ีส้าคญั คือ ประเพณแี ห่เรอื องค์ซ่งึ เป็นการทอดกฐินไปตามแม่น้าเพชรบุรีไปยังวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้า และประเพณกี ารแขง่ เรอื ยาวของชาวบ้านซง่ึ จะจัดแข่งหลงั จากหมดฤดทู ้านา จากความส้าคัญของแม่น้าเพชรบุรีดังที่ได้กล่าวมาเห็นได้ว่าแม่น้าเพชรบุรีถือเป็น เส้นทางวัฒนธรรมที่ส้าคัญอีกเส้นทางหน่ึงตามที่คณะกรรมการโบราณสถานแห่งชาติว่าด้วยสภา การโบราณระหว่างประเทศ หรือ International Council on Monuments and Sites (ICOMOS) (2003) ให้ความหมายของเส้นทางวัฒนธรรมไว้ว่าเป็นเส้นทางบก เส้นทางน้าหรือท้ังสองอย่าง รวมกัน ซ่ึงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมเน้นไปท่ีการท่องเที่ยวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรี และตอ่ ดว้ ยเส้นทางบกด้วยการเดนิ เทา้ หรือการนั่งรถสามล้อ ทั้งนี้เส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมต้อง แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ ประเพณี วิถีชีวิตของผู้คนท่ีมีพัฒนาการมาอย่าง สืบเนื่องและแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา สินค้าข้าวของต่าง ๆ ภายในท้องถ่ิน รวมถึงมรดกทาง วัฒนธรรมท่ีจบั ต้องได้และจับตอ้ งไม่ได้ ซึ่งเม่ือพิจารณาถึงการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรม แมน่ า้ เพชรบรุ แี ล้วพบวา่ ตลอดรมิ สองฝ่งั ของแม่น้าเพชรบุรีมีทรัพยากรวัฒนธรรมท่ีส้าคัญท้ังวัด วัง และบ้านเรือนประชาชนที่มีการอยู่อาศัยอย่างสืบเนื่องมาแต่สมัยทวารวดี โดยพบหลักฐานท้ัง โบราณคดีและโบราณวตั ถุ รวมถงึ วิถีชวี ติ ของคนเพชรบรุ ี ศิลปะ วฒั นธรรม การแสดง และงานช่าง แขนงต่าง ๆ โดยมีการเรียนร้แู ละถ่ายทอดจากรนุ่ สรู่ ุ่นอย่างไมข่ าดสาย ท้ังน้ีการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีจะมีส่วนท้าให้แม่น้า เพชรบุรีเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายวัฒนธรรมอีกสายหน่ึงและจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อแม่น้า เพชรบุรีตามมาหากมีการกลับมาใช้แม่น้าอีกครั้งหน่ึง ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของโครงการ ศึกษาเพ่ือการอนุรักษ์และพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้าในกรุงเทพมห านครชั้นในและบริเวณ ใกล้เคียงของป่ินรัชฎ์ กาญจนัษฐิติและจิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาส (2547) ซึ่งผลการศึกษาใน โครงการนี้พบว่าการท่องเท่ียวทางน้านอกจากจะเป็นการเสนอทางเลือกทาง ใหม่การท่องเท่ียว
93 โดยตรงแล้วยังก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซ่ึงเป็น การอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ทางสังคม และทางเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเส้นทางคมนาคม โดยผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่า การพัฒนา เส้นทางทอ่ งเทยี่ ววัฒนธรรมทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีเป็นการเสนอทางเลือกใหม่ทางการท่องเท่ียว ให้กับเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีให้มีความน่าสนใจมากข้ึน และจะมีส่วนช่วยให้ผู้คนหันมาใส่ใจ แมน่ า้ เพชรบุรกี ันมากขึน้ อกี ดว้ ย 2. ชมุ ชน 2.1 การทอ่ งเทยี่ วภายในชมุ ชน ชุมชนที่เป็นพื้นที่ศึกษาตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชน วิหารใหญ่-ไตรโลก ชุมชนหน้าพระลาน และชุมชนพระปรางค์ โดยชุมชนวัดเกาะและชุมชนหน้า พระลานเป็นชุมชนเก่าแก่และดั้งเดิมของเขตเทศบาลเมืองจังหวัดเพชรบุรี ส่วนชุมชนวิหารใหญ่ - ไตรโลกได้แยกตัวออกมาจากชุมชนหน้าพระลานเพ่ือความคล่องตัวในการปกครอ งและ บริหารงาน ส่วนชุมชนพระปรางค์เป็นชุมชนท่ีตั้งขึ้นตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในพ้ืนที่ ของแต่ละชุมชนตา่ งมที รพั ยากรวฒั นธรรมทสี่ ้าคัญตั้งอยู่คือ ชุมชนวัดเกาะ มีวัดเกาะเป็นศูนย์รวมของชุมชน ร้านท้าทองโบราณ ร้านขนมไทยโบราณ และอตุ สาหกรรมขา้ วเกรียบงา ชมุ ชนวิหารใหญ่ - ไตรโลก มีวัดก้าแพงแลง และวัดใหญส่ ุวรรณาราม ชุมชนหน้าพระลาน มีวัดพระทรง วัดไผ่ล้อม ก้าแพงเมืองโบราณ ศาลหลักเมือง คณะละครชาตรี การท้าเคร่ืองละคร หัวโขน และหัวหุ่น ละคร ชุมชนพระปรางค์ มีวัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย ศาลาคามวาสี และ ตลาดริมน้า การท่องเที่ยวของท้ัง 4 ชุมชนจึงอยู่ที่วัดเป็นหลักซึ่งมีนักท่องเท่ียวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างชาติมาเยี่ยมชม ส่วนการท่องเท่ียวของชุมชนโดยมากจะเป็นหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถานศึกษาเข้ามาดูงานและกิจกรรมท่ีชุมชนได้ท้า เช่น ชุมชนพระปรางค์ท่ีมีการ ผลิตน้าด่ืมพระปรางค์เพ่ือจัดจ้าหน่าย การบริการนวดแผนไทย และนวดแผนโบราณ โดยรายได้ที่
94 ไดจ้ ากการจ้าหนา่ ยจะน้าเข้าชุมชน หรอื ท่ชี มุ ชนวัดเกาะมกี ารท้าในเรื่องของชมุ ชนน่าอยู่ เรื่องแผน ทเ่ี ดินดิน เป็นตน้ นอกจากนี้แต่ละชุมชนยังคงด้าเนินวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นแต่ ดง้ั เดมิ สบื เนอ่ื งมาแต่คร้ังอดีตโดยผสานกับความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองในยุคปัจจุบันได้อย่าง กลมกลืนไม่ว่าจะเป็น อาหารพ้ืนถิ่น การใส่บาตรในตอนเช้ามืด (เวลา 05.30 น.) การท้าบุญเนื่อง ในวนั ส้าคญั ทางศาสนา โดยมวี ัดเป็นจดุ ศูนย์กลางในการด้าเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ของชุมชน นอกจากน้ีแต่ละชุมชนยังมีทรัพยากรวัฒนธรรมที่ส้าคัญต้ั งอยู่ คือ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลง ซึ่ง ทรัพยากรวัฒนธรรมเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม งานช่างในหลายแขนง และภูมิปัญญาของคนเพชรบรุ ไี ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ซ่งึ ทรพั ยากรวัฒนธรรมเหล่านี้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดมาแต่ครั้งอดีตสอดคล้องกับแนวคิดของพิสิฐ เจริญวงศ์ (2542) ทใี่ ห้ความหมายทรัพยากรวัฒนธรรม (Cultural Resources) ว่ามีทั้งสิ่งของที่สร้างข้ึนมาเป็นมรดก ตกทอดจากอดตี จนถึงปัจจุบัน องค์ประกอบของทรัพยากรวัฒนธรรมมีทั้งทางวัตถุ คือ สิ่งก่อสร้าง สถานท่ี ภูมิทัศน์ และทรัพยากรวัฒนธรรมท่ีด้ารงอยู่ (Living Culture) เช่น ดนตรี ศิลปะ ภาษา เป็นต้น ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีเป็นส่ิงท่ีมีความต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบันและไปสู่อนาคตโดยที่ตัว วัฒนธรรมน้ันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่าวิถีชีวิตของชุมชนและทรัพยากร วัฒนธรรมภายในชุมชนแต่ละแห่งสิ่งเหล่าน้ีถือเป็นส่ิงดึงดูดใจทางการท่องเท่ียวสอดคล้องกับ แนวคดิ ของ บุญเลิศ จิตตั้งวฒั นา (2549) ที่ว่า แหล่งท่องเท่ยี วต้องมีสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเท่ียวเข้า มาเที่ยวซึ่งแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งย่อมมีส่ิงดึงดูดใจที่แตกต่างกัน โดยส่ิงดึงดูดใจของทั้ง 4 ชมุ ชน คอื คณุ คา่ ทางวิถชี ีวิตและวัฒนธรรมท่ีแต่ละชุมชนด้ารงอยู่จากแนวคิดของ พิสิฐ เจริญวงศ์ และบญุ เลิศ จิตต้งั วฒั นาเหน็ ไดว้ ่าชมุ ชนทง้ั 4 มีสิ่งต่าง ๆ เหลา่ นอ้ี ยู่อย่างครบถว้ น ทั้งน้ีจากผลการสัมภาษณ์ด้านการท่องเท่ียวของชุมชนท้ัง 4 ท้าให้ทราบว่า ชุมชน วัดเกาะเป็นชุมชนทไ่ี ด้ดา้ เนนิ เรอ่ื งของการท่องเที่ยววัฒนธรรมมาอย่างต่อเน่ือง โดยพัฒนามาจาก การเดินตรวจสุขภาพของคนในชุมชนจนท้าให้พบว่าในชุมชนมีจุดเด่นและมีเอกลักษณ์อะไรบ้าง จนนา้ มาสกู่ ารพัฒนาการทอ่ งเที่ยวในรูปแบบของการท่องเที่ยววัฒนธรรม ซ่ึงรูปแบบการท่องเท่ียว ของชุมชนวัดเกาะสอดคล้องกับแนวคิดและหลักการของการท่องเท่ียววัฒนธรรมของบุญเลิศ จิตตง้ั วฒั นา (2548) ดังน้ี 1. เป็นการท่องเท่ียวท่ีมีการศึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความส้าคัญ คุณค่า ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของทรัพยากรวัฒนธรรม ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชนที่คณะกรรมการ ชุมชนวัดเกาะได้มาจากการเดินตรวจสุขภาพของสมาชิกในชุมชน โดยมีการเก็บรวบรวมและ
95 บันทึกข้อมูลเป็นหนังสือและวาดออกมาในรูปของแผนที่เพ่ือให้เห็นภาพของชุมชนได้ชัดเจนย่ิงข้ึน โดยใช้ช่ือวา่ “แผนที่เดินดนิ ” รวมถงึ การจัดพมิ พ์เปน็ แผน่ พบั เพื่อแจกให้กับคณะหรือหน่วยงานต่าง ๆ ทเี่ ข้าดงู านภายในชุมชน นอกจากนี้ทางชุมชนวัดเกาะยังได้ร่วมท้างานวิจัยกับมหาวิทยาลัยราช ภัฎเพชรบุรีในหลายช้ินด้วยกัน อาทิ การศึกษาบริบทแหล่งท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนวัด เกาะ, ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวต่อแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนวัดเกาะ เป็นต้น ซ่ึงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการท่องเท่ียวของ ประเวศ วะสี (2544) ที่ระบุว่าการท่องเที่ยว ชว่ ยให้เกิดการวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ต้าบล ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่าง ๆ และ มีการเก็บท้าเป็นระบบข้อมูลเพือ่ นา้ มาศึกษาต่อได้ 2. เป็นการท่องเที่ยวที่ปลูกฝังให้คนในชุมชนท้องถิ่นเกิดความรัก หวงแหน ทรัพยากรวัฒนธรรมในท้องถิ่น จากการสัมภาษณ์ผู้น้าชุมชนท้าให้ทราบว่าในช่วงต้นของ การพัฒนาการท่องเที่ยวภายในชุมชนนั้นสมาชิกในชุมชนบางส่วนยังไม่เข้าใจในส่ิง ท่ี คณะกรรมการชุมชนท้าจึงมีสมาชิกในชุมชนส่วนหน่ึงไม่ให้ความร่วมมือในการพัฒนา การท่องเท่ียวและการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่เม่ือระยะเวลาผ่านไปทางคณะกรรมการชุมชนได้มี การท้าความเข้าใจและอธิบายให้สมาชิกในชุมชนได้เข้าใจถึงการพัฒนาการท่องเท่ียวที่เกิดข้ึ นท้า ให้สมาชิกในชุมชนมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือมากข้ึน นอกจากนี้สมาชิกในชุมชนได้มีส่วน ร่วมในการท่องเทย่ี วทแี่ ตกตา่ งกนั ไม่ว่าจะเป็นการจัดหน้าบ้านให้น่ามอง การร่วมกันใส่เส้ือต้อนรับ คณะดูงาน การเปดิ บ้านให้นกั ทอ่ งเทย่ี วได้เขา้ ชม เช่น บ้านขนมไทยแม่ปราณีท่ีเปิดให้นักท่องเท่ียว ได้เข้าไปชม เรียนรู้ และซักถามถึงกระบวนการข้ันตอนการท้าขนมไทยได้อย่างใกล้ชิด เม่ือมี นักท่องเที่ยวหรือคณะดูงานจากท่ีต่าง ๆ มาเยือนชุมชนเป็นจ้านวนมากสมาชิกในชุมชนก็เกิด ความภาคภูมิใจในตนเองและภมู ใิ จในวถิ ชี วี ิตของชมุ ชน 3. เป็นการท่องเท่ียวที่มีการให้ความรู้ ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวในด้าน วฒั นธรรมและจติ สา้ นึกในการอนรุ กั ษท์ รัพยากรวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ในที่น่ีเมื่อมีคณะดูงาน ทางชุมชนวัดเกาะจะมีการเตรียมการจัดการต้อนรับ เตรียมเอกสารให้ความรู้ รวมถึงจัดคน บรรยายในหัวข้อทเี่ หมาะสมกับคณะและหน่วยงานนั้น ๆ ในบางคร้ังจะมีการจัดกิจกรรมให้คณะดู งานได้สัมผัสและเรียนร้วู ฒั นธรรมของชุมชนอยา่ งใกล้ชดิ เชน่ การฝกึ เขียนลายรดนา้ เปน็ ตน้ 4. เป็นการท่องเที่ยวที่มีการเคารพวัฒนธรรมของแต่ละท้องถ่ิน รวมท้ังเคารพใน วัฒนธรรม ศักดิ์ศรีและผู้คน จากการที่ผู้วิจัยได้สังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมกับคณะที่มาดูงาน ภายในชมุ ชนวัดเกาะพบวา่ การที่บคุ คลภายนอกหรอื นกั ทอ่ งเท่ียวได้เรียนรู้และสมั ผัสวัฒนธรรมของ ชุมชนอย่างใกล้ชิดรวมถึงความรู้ท่ีได้จากคนในชุมชน ท้าให้เกิดความเคารพในวัฒนธรรมของ
96 ท้องถน่ิ นนั้ ๆ รวมถึงคนในท้องถ่ินท่ีภูมิใจในวัฒนธรรมของตนและเกิดความภาคภูมิใจท่ีจะบอกเล่า และให้ความรแู้ กผ่ ู้ทสี่ นใจเข้ามาศึกษา ถงึ แมท้ ้ัง 4 ชมุ ชนจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวท่ีแตกต่างกันแต่ท้ัง 4 ชุมชนก็มีศักยภาพ ในการพัฒนาการท่องเท่ียวในรูปแบบของการท่องเที่ยววัฒนธรรม เน่ืองด้วยทรัพยากรวัฒนธรรมที่ ชุมชนมีอยู่น้ันมีองค์ประกอบของการเป็นแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน สอดคล้องกับที่ บญุ เลศิ จติ ต้ังวัฒนา (2548) เสนอไว้ คือ 1. มปี ระวัติศาสตรแ์ ละร่องรอยทางประวัติศาสตร์ท่ียังปรากฏให้เห็น เขตเทศบาล เมืองเพชรบุรี เป็นเมืองเก่าย้อนไปได้ถึงสมัยทวารวดีมีการอยู่อาศัยของผู้คนสืบเนื่องมาจนถึง ปจั จุบัน โดยพบหลักฐานทงั้ ทางโบราณคดแี ละโบราณวตั ถุ 2. มีโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ชุมชนวัดเกาะมีพิพิธภัณฑ์วัดเกาะ พิพธิ ภัณฑว์ ัดมหาธาตุ พพิ ธิ ภณั ฑ์หนังใหญ่วดั พลับพลาชัย 3. มีงานสถาปัตยกรรมเก่าแก่ด้ังเดิมในท้องถิ่นและสิ่งปลูกสร้าง ในที่นี้ คือ วัดวา อารามในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี เช่น ปราสาทหินก้าแพงแลง เป็นต้น รวมไปถึงรูปแบบของ ผงั เมืองเก่าในสมยั ทวารวดี สมัยกรุงศรอี ยุธยา และทรัพยากรวัฒนธรรมท่ีตัง้ อยู่รมิ สองฝั่งแมน่ ้า 4. มีศิลปะ หัตถกรรม ภาพวาด รูปปั้น แกะสลัก ส่ิงเหล่าน้ีถือเป็นงานช่างท่ีโดด เด่นของเมืองเพชรบุรีซึ่งปรากฏหลักฐานอยู่ท่ีวัดในเขตเทศบาลเมือง อาทิ วัดมหาธาตุ วัดใหญ่ สุวรรณาราม วัดพลับพลาชัย เป็นต้น งานช่างท่ีโดดเด่นมีท้ังงานประติมากรรม งานจิตรกรรม งานจ้าหลักไม้ 5. มีศาสนา และพิธีกรรมต่าง ๆ ทางศาสนา ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีวัด ตง้ั อยูเ่ ป็นจ้านวนมาก และมีการท้าบุญเนื่องในวันส้าคัญทางศาสนาไม่ว่าจะเป็นวันวิสาขบูชา วัน มาฆบูชา วันอาสฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา ประเพณีบวชนาค การทอดกฐิน ประเพณี เรือองค์ เป็นต้น และพิธีทางศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองเพชร คือ การท้าเมรุเพื่อใช้ในพิธี ฌาปนกจิ 6. มดี นตรี การแสดงละคร มหรสพ โดยละครชาตรีเมืองเพชรเป็นศิลปะการแสดง พื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของเพชรบุรี นิยมน้าบทละครของส้านักวัดเกาะมาจัดแสดงซ่ึงส่วนใหญ่ เปน็ เรอื่ งจักร ๆ วงศ์ ๆ บางคณะนา้ บทพระราชนิพนธ์ละครนอกในรัชกาลที่ 2 มาแสดง ละครชาตรี เมืองเพชรปัจจุบันส่วนใหญ่จะแสดงในงานแก้สินบนซึ่งสามารถชมได้ที่วัดมหาธาตุ นอกจากน้ันก็ แสดงในงานประจา้ ปีของจังหวดั งานวัด งานบวช งานโกนจุก และงานมงคลต่าง ๆ
97 2.2 การมสี ่วนร่วมภายในชุมชน การมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนจะผ่านการจัดและการท้ากิจกรรมต่าง ๆ ของ ชุมชน จากผลการศึกษาทั้ง 4 ชุมชนพบว่ากิจกรรมภายในชุมชนแบ่งได้เป็น กิจกรรมทางด้าน สงั คมและกิจกรรมทางดา้ นวฒั นธรรม ตามตารางดังน้ี ตารางท่ี 4.1 กจิ กรรมภายในชุมชน กจิ กรรมภายในชมุ ชน กิจกรรมทางสงั คม กิจกรรมทางวฒั นธรรม 1.กจิ กรรมการฝึกอาชพี อาทิ 1. กจิ กรรมเนือ่ งในวนั สา้ คญั ตา่ งๆ อาทิ 1.1 การอบรมนวดแผนไทย 1.1 วันปีใหม่ 1.2 การอบรมการนวดแผนโบราณ 1.2 วันเดก็ 1.3 การอบรมการท้ายาหม่อง ยาสมนุ ไพรต่างๆ 1.3 วันสงกรานต์ 1.4 การฝึกอบรมการท้าอาหาร, การท้าเครื่องด่ืม 1.4 วันลอยกระทง สมนุ ไพร 1.5 การประดิษฐ์ดอกไม้ 2. กจิ กรรมส่งเสรมิ สุขภาพ 2. กจิ กรรมเนือ่ งในวันส้าคญั ทางศาสนา 2.1 การตรวจสุขภาพคนในชมุ ชน 2.1 วนั มาฆบูชา 2.2 การเต้นออกก้าลังกายตอนเยน็ 2.2 วนั วิสาขบชู า 2.3 วันอาสฬหบูชา 2.4 วันเข้าพรรษา 2.5 วันออกพรรษา 3. กิจกรรมสง่ เสริมการศึกษา 3. ประเพณีต่างๆ 3.1 การอบรมภาษาอังกฤษ 3.1 การทอดกฐิน 3.2 การศึกษานอกโรงเรียน 3.2 ประเพณแี หเ่ รอื องค์ 3.3 การอบรมมัคคเุ ทศก์และยุวมคั คุเทศก์ 3.3 ประเพณีแขง่ เรอื ยาว โดยกิจกรรมทางด้านสังคมและกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมท้าให้สมาชิกในชุมชนได้ พบปะและรวมตัวกัน และแสดงให้เห็นถึงการเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชุมชนจัดข้ึน
98 โดยกิจกรรมทางด้านสังคมโดยมากจะได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและบุคลากรจาก ทางภาครัฐ ส่วนกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมจะเป็นความร่วมมือระหว่างวัด ชุมชน สถานศึกษา และภาครฐั จากผลการศึกษาการมีส่วนร่วมภายในชุมชนจะเห็นได้ว่า การมีส่วนร่วมกับกิจกรรม ต่าง ๆ ภายในชุมชนของสมาชิกในชุมชนท้ัง 4 ชุมชน มีรูปแบบการด้าเนินงานและกิจกรรมผ่าน การท้างานจากคณะกรรมการชุมชนและกระจายให้สมาชิกในชุมชนได้รับผิดชอบตาม ความสามารถและความถนัดซ่งึ สอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมของชุมชนตามที่ Reid (2002) ได้ เสนอไว้ว่า การแบ่งความรับผิดชอบตามความรู้และความถนัดน้ันถือเป็นการกระจายอ้านาจและ ความรับผิดชอบซ่ึงจะเป็นส่วนช่วยให้คนในชุมชนเกิดความกระตือรือร้นท่ีจะเข้ามามีส่วนร่วมกับ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของชุมชน นอกจากนี้การสอบถามความคิดเห็นของสมาชิกในชุมชนหรือการท้าประชาคมเวลา ที่ชุ ม ช น มี โ ค ร ง ก า ร ท่ี จ ะ พั ฒ น าห รื อ จั ด กิ จ ก ร รม ใ ด ใ ด ภ า ย ใน ชุ ม ช น น้ั น ส อ ดค ล้ อ ง กั บ ล้ า ดั บ กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนซ่ึงมีเป็นกระบวนการท่ีมีความต่อเนื่องกันตามท่ีสมาคม นานาชาติเพ่ือการมีส่วนร่วมของประชาชน (อ้างถึงในเครย์ตัน, 2550/2552, น. 4) ได้ให้ ความหมายไว้ คอื การให้ขอ้ มูลแก่ การรบั ฟังความคิดเห็น การมีสว่ นร่วมในการ การพัฒนาหาขอ้ ตกลง ประชาชน ของประชาชน แก้ปญั หา รว่ มกัน ภาพที่ 4.18 กระบวนความตอ่ เนอ่ื งของการมีสว่ นร่วม ซ่ึงการที่สมาชิกในชุมชนได้มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการพัฒนาและการจัด กิจกรรมของจะช่วยชุมชนให้กิจกรรมและงานต่าง ๆ น้ันบรรลุไปได้ด้วยดี ท้ังนี้วิธีการ ประชาสัมพันธ์ข่าวสารภายในชุมชนมีรูปแบบและวิธีการท่ีแตกต่างกัน เช่น เสียงตามสาย บอร์ดประชาสัมพันธ์ การบอกปากต่อปาก หรือการจัดพิมพ์วารสารน้ันแสดงให้เห็นว่าช่องทาง การสื่อสารต่าง ๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยท้าให้คนในชุมชนรับทราบความเป็นไปของกิจกรรมและ ความเปลยี่ นแปลงต่าง ๆ ทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ภายในชุมชนได้เป็นอยา่ งดี ทวา่ อย่างไรกต็ ามการดา้ เนินงานกจิ การดา้ นต่าง ๆ ภายในชุมชนโดยผ่านการท้างาน จากคณะกรรมการชุมชนท่ีท้างานประสานกับทางเทศบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ
99 แบ่งงานตามความสามารถและความถนัดของสมาชิกในชุมชนนั้นเห็นได้ว่าคนในชุมชนไม่ได้เข้า ไปมีส่วนร่วมในขั้นตอนของการวางแผนหรือการพัฒนาซึ่งขัดแย้งกับที่ สมชาย สน่ันเมือง (2541, น. 30) ได้กล่าวว่า การมีส่วนร่วมของชุมชนควรจะมีต้ังแต่ในข้ันตอนของการเตรียมการจัดการ การวางแผน การควบคมุ ดูแลการใชท้ รพั ยากร การมสี ว่ นรว่ มในการบรกิ าร และการได้รับประโยชน์ จากการบริการโดยชุมชน ซ่ึงในที่นี้แผนงานต่าง ๆ จะผ่านมาจากเทศบาลเมืองเพชรบุรีและ องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยการมีส่วนร่วมของสมาชิกในชุมชนเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมี ความสอดคล้องกับผลการวิจัยเรื่อง “ทัศนคติของผู้อยู่อาศัยและความเข้าใจในการพัฒนาการ ท่องเท่ียว: กรณีศึกษาเมืองมะสูหลี ประเทศอิหร่าน” (ฮามาริ ซามานิ-ฟาราฮานิ และกาซาล มูซา 2008) ท่ีผลการศึกษาพบว่า ถึงแม้ว่าประชาชนจะให้การสนับสนุนการพัฒนาการท่องเท่ียวเป็น อย่างดี แต่ทว่าผู้อยู่อาศัยกลับมีส่วนร่วมในการวางแผนและการพัฒนาการท่องเที่ยวในเมืองมะสู หลีน้อยมาก ผู้วิจัยสามารถสรุปได้ว่า เพื่อให้สมาชิกในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการด้าเนิน กิจการต่าง ๆ ของชุมชนอย่างแท้จริงควรเปิดโอกาสให้คนในท้องถ่ินได้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นใน กระบวนการวางแผนและการพัฒนา รวมถึงการเสนอความคดิ เหน็ ในแผนการพฒั นานน้ั ด้วย 2.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว วฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบุรี ผลการสัมภาษณ์ความคิดเห็นของตัวแทนชุมชนในประเด็นการพัฒนาเส้นทาง ท่องเท่ียวตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นไปในทิศทางท่ีสอดคล้องกัน คือ เห็นด้วยและสนับสนุนให้มี การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวซึ่งชุมชนมองว่าการพัฒนาการท่องเที่ยวจะมีส่วนช่วยให้ชุมชนและ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในเขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ เี ปน็ ทร่ี ้จู กั มากขน้ึ และแมน่ า้ เพชรบุรีท่ีไม่ได้ใช้สัญจรมา หลายปีจะได้กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นว่าจุดขายหลักของเพชรบุรี คือ ทรัพยากรวฒั นธรรมทง้ั ประเภท วัด วัง ศลิ ปะ วัฒนธรรมต่าง ๆ การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวจะท้า ใหศ้ ิลปวัฒนธรรมของเพชรบรุ ีเปน็ ท่ีรูจ้ กั และไดร้ ับความสนใจจากคนภายนอกมากข้ึน เมื่อมีคนเข้า มาเที่ยว มาชมชาวบ้านก็จะเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นเพชรบุรี เกิดความภาคภูมิใจใน ตนเอง ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก (สัมภาษณ์, 19 มีนาคม 2553) ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบ ของการทอ่ งเทยี่ ววัฒนธรรมซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเพ่ือชมส่ิงที่แสดงความเป็นวัฒนธรรม เช่น วัด วัง โบราณสถาน โบราณวัตถุ ดูประเพณี ศิลปะ การด้าเนินชีวิตของผู้คน อีกทั้งนักท่องเที่ยวจะได้ ศึกษา เรียนรู้ เพิ่มประสบการณ์ทางด้านวัฒนธรรม ส่ิงส้าคัญท่ีสุด คือ จิตส้านึกในการอนุรักษ์ ทรพั ยากรวัฒนธรรม (Howell, 1993)
100 ในส่วนของความคิดเห็นต่อความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเทยี่ วพบวา่ ชมุ ชนตอ้ งการมีส่วนรว่ มในขน้ั ตอนของการพฒั นาสรุปได้ 4 ด้านดว้ ยกัน คือ 1. ดา้ นการดา้ เนินงานด้านการท่องเทยี่ ว 2. ดา้ นบริการทางการทอ่ งเท่ยี ว 3. ดา้ นการใหข้ ้อมลู แก่นกั ทอ่ งเท่ยี ว 4. ด้านการจา้ หน่ายของที่ระลกึ เหตุผลส้าคัญที่ชุมชนต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเน่ืองจากการพัฒนา การท่องเท่ียวเป็นเรื่องท่ีเก่ียวข้องกับชุมชนโดยตรง ดังนั้นชุมชนจึงต้องการมีส่วนร่วมกับ การพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ซ่ึงการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและการจัดการท่องเที่ยว สอดคล้องกับหลกั การจดั การทรพั ยากรวฒั นธรรมประเภทย่านประวัติศาสตร์ (เอกสารการสอนชุด วิชาการจัดการทรัพยากรการท่องเท่ียว, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545) เน่ืองจากพ้ืนที่ ของชุมชนเป็นพื้นท่ีท่ียังมีการอยู่อาศัยและประกอบกิจกรรมตามวิถีชีวิตประจ้าวันอยู่ ดังนั้นใน การพัฒนาและการจัดการต้องค้านึงถึงหน้าท่ีหลักของพ้ืนท่ีและต้องมีความสัมพันธ์กับชุ มชนและ วิถชี วี ิตประจ้าวนั ของชมุ ชนในพนื้ ท่ศี ึกษาด้วย ซึ่งท้าได้โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในทุกข้ันตอน ของการพัฒนา อาทิ การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาเพื่อให้เกิดความ ร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการพัฒนาการท่องเท่ียวซ่ึงขั้นตอนนี้ผู้ วิจัยมี ความคดิ เหน็ วา่ ชุมชนสามารถด้าเนินการได้ในช่วงเวลาของการประชุมประจ้าเดือนของชุมชน อีก ท้ังการท่ีชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในข้ันตอนต่าง ๆ ของการท่องเท่ียวจะท้าให้ชุมชนเข้าใจ และมี ทัศนคติท่ีดีต่อการพัฒนาการท่องเท่ียวและได้เรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงท่ีจะเกิดขึ้ นจากการ พัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลกระทบในด้านบวกและผลกระทบในด้านลบเพ่ือท่ีชุมชนจะได้ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงท่ีจะเกิดและสามารถรักษาไว้ซึ่งศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และ เอกลักษณข์ องชมุ ชนท้องถ่นิ ไว้ได้ ใ น ส่ ว น ข อง ก า ร ใ ห้ ข้ อมู ล แ ก่ นั ก ท่ อง เ ท่ี ย ว ชุ ม ช น เ ส น อใ ห้ มั คคุ เ ท ศก์ ท้ อง ถ่ิ น แ ล ะ ยุวมัคคุเทศก์ที่ผ่านการอบรมจากโครงการมัคคุเทศก์ท้องถ่ินของชุมชนเป็นผู้น้าชมและให้ข้อมูล ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวแก่นักท่องเท่ียว การให้ข้อมูลแก่นักท่องเท่ียวถือเป็น ข้ันตอนท่ีส้าคัญอีกข้ันตอนหน่ึงในการพัฒนาการท่องเท่ียว ซ่ึงผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่าเน่ืองจาก ชมุ ชนเป็นแหลง่ เรียนรทู้ ่ีส้าคัญอกี แหล่งหนึง่ ในการเรียนรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ การทา้ ทองโบราณ การท้าขนมไทยโบราณ การเขียนลายรดน้า การท้าเมรุ เป็นต้น นอกจากน้ี
101 ชุมชนเสนอให้มีการจัดให้มีศูนย์ข้อมูลข่าวสารภายในชุมชนเพ่ือเป็นจุดที่รวบรวมข่าวสารและ ข้อมูลการท่องเที่ยวด้านต่าง ๆ ของชุมชนและแหล่งท่องเท่ียว รวมถึงคู่มือน้าชมแหล่งท่องเท่ียว แผ่นพบั หนังสอื หรอื แผนที่เพอื่ ใหบ้ ริการแก่นักท่องเท่ียวได้ศกึ ษาข้อมูลก่อนออกท่องเที่ยว ซ่ึงเป็น หน่ึงในข้ันตอนของการให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวตามหลักการของการพัฒนาการท่องเท่ียว (บุญเลิศ จิตต้ังวัฒนา, 2549) และสอดคล้องกับแนวทางการจัดการทรัพยากรย่านประวัติศาสตร์ (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2545) เน่ืองจากชุมชนนอกจากจะเป็นแหล่งท่องเท่ียวแล้วยัง เป็นแหล่งเรียนรู้ท่ีส้าคัญ ซ่ึงศูนย์ข้อมูลข่าวสารภายในชุมชนจะเป็นจุดท่ีนักท่องเที่ยวจะเข้ามาหา ขอ้ มลู เกย่ี วกับแหล่งท่องเท่ยี วต่าง ๆ กอ่ นออกเดนิ ทางทอ่ งเท่ยี ว ทั้งน้ีการพัฒนาการท่องเท่ียวยังมีส่วนช่วยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจของชุมชนดังที่ ประเวศ วะสี (2544) น้าเสนอแนวคิดว่า การท่องเที่ยวสามารถเป็นเครื่องมือหน่ึงในการแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจความยากจนของชุมชน โดยชุมชนสามารถให้การบริการแก่นักท่องเท่ียวในด้าน ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการด้านท่ีพัก ร้านอาหาร การขนส่ง หรือ การจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ ชุมชนและของที่ระลึก เป็นต้น ซ่ึงสอดคล้องกับที่ตัวแทนชุมชนได้แสดงความคิดเห็นว่าต้องการมี ส่วนร่วมในการให้บริการทางการท่องเที่ยวแต่ทั้งนี้ต้องดูความพร้อมและศักยภาพของชุมชนเป็น หลัก และจากการสงั เกตการณ์และการสัมภาษณ์แบบไมเ่ ปน็ ทางการของผวู้ ิจยั พบว่า ชุมชนในเขต เทศบาลเมอื งเพชรบุรมี ีโฮมสเตย์ทชี่ ุมชนวัดเกาะ 1 แห่ง เกสต์เฮาส์ท่ีชุมชนพระปรางค์ 1 แห่ง และ ร้านอาหารเป็นจ้านวนมากตั้งอยู่ทั่วไปในเขตเทศบาลเมือง นอกจากน้ีชุมชนท่ีเป็นพื้นท่ีศึกษายังมี ผู้ประกอบอาชีพสามล้อถีบอยู่แต่มีผู้ใช้บริการในแต่ละวันไม่มากนัก ดังนั้นหากมีการพัฒนาการ ท่องเท่ียวและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการสามล้อถีบชาวบ้านก็จะมีรายได้เพ่ิมข้ึนอีกทางหนึ่ง และการนง่ั สามล้อถีบยงั เสมอื นไดย้ อ้ นไปสู่การเดินทางแบบในอดีตอีกด้วย นอกจากการให้บริการด้านการขนส่งแล้ว ตัวแทนชุมชนยังมีข้อเสนอให้จัดจุด จ้าหนา่ ยผลติ ภัณฑช์ มุ ชนและของท่ีระลึก ซึ่งการน้าผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจ้าหน่ายผู้วิจัยมีความเห็น ว่า ผลิตภัณฑ์นั้นควรเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีสามารถส่ือถึงความเป็นชุมชนนั้น ๆ ได้ อาทิ ชุมชนวิหาร ใหญ่-ไตรโลกที่มีการท้าพัดใบตาล โดยอาจเพิ่มลวดลายบนในตาลโดยดูรูปแบบของศิลปะและ สถาปัตยกรรมจากวัดใหญ่สุวรรณารามและวัดก้าแพงแลง หรือ ชุมชนพระปรางค์ที่มีการผลิตน้า ด่ืมของชุมชนในช่ือ “น้าดื่มตราพระปรางค์” ก็สามารถน้าผลิตภัณฑ์นั้นมาจ้าหน่ายให้แก่ นักท่องเทีย่ วได้ ตัวแทนชมุ ชนยงั ได้เสนอให้ปรับปรุงพื้นท่ีบริเวณริมแม่น้าเพชรบุรีเพ่ือท้าเป็นตลาด ริมน้าเพ่ือท่ีชาวบ้านจะได้น้าสินค้ามาต้ังจ้าหน่ายได้ การให้บริการการท่องเท่ียวในด้านต่าง ๆ ท่ี กล่าวมาถือไดว้ ่าการทอ่ งเทย่ี วมสี ่วนช่วยให้เกดิ การกระจายรายได้ภายในชุมชนและช่วยสนับสนุน
102 ด้านเศรษฐกิจของชุมชน โดยรายได้ท่ีได้จากการจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของชุมชน ยังสามารถหมุนเวียนนา้ ไปจัดกจิ กรรมของชุมชนได้อกี ดว้ ย จากความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเส้นท่องเที่ยววัฒนธรรมเห็นได้ วา่ ชมุ ชนแสดงความตอ้ งการมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนของการเตรียมการจัดการ การวางแผน การมี สว่ นรว่ มในการบริการ การประชาสมั พนั ธ์ ซึ่งสอดคลอ้ งกับแนวคิดการมีส่วนร่วมของ สมชาย สนั่น เมอื ง (2541) และองคก์ ารสหประชาชาติ (1981) ท้ังน้ีการพัฒนาต้องตระหนักถึงความส้าคัญและ คณุ คา่ ของทรพั ยากรและสิง่ แวดลอ้ มด้วย ผวู้ จิ ยั มคี วามคิดเหน็ ท่ีสอดคล้องกับแนวคิดการให้ชุมชน มีส่วนร่วมกับการพัฒนา เนื่องจากชุมชนเป็นผู้ท่ีได้รับผลกระทบโดยตรงในการพัฒนา เส้นทาง ท่องเทย่ี วซึง่ มีท้ังผลกระทบดา้ นบวกและผลกระทบด้านลบ ดังน้ันการเปิดโอกาสให้ชุมชนได้เข้ามา มีส่วนร่วมในการพัฒนาและการจัดการท่องเท่ียวในข้ันตอนต่าง ๆ ข้างต้นแล้วจะก่อให้เกิด ประโยชน์กับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว คือ ชุมชนเข้าใจและรับทราบถึงการพัฒนาที่จะเกิดข้ึน โดยทช่ี ุมชนอาจมีสว่ นร่วมในขัน้ ตอนของการแสดงความคิดเห็น แสดงข้อเสนอแนะ การให้ชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมจะท้าให้ได้รับความร่วมมือจากชุมชน ช่วยลดความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้นจาก การพัฒนาการทอ่ งเทยี่ ว นอกจากนี้ชุมชนได้เสนอรูปแบบของการท่องเท่ียวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีไว้ว่าควร เป็นรูปแบบของการท่องเท่ียววัฒนธรรม โดยดึงจุดเด่นของเมืองเพชรบุรีมาเป็นจุดขายทางการ ทอ่ งเทีย่ ว ควรจัดรายการนา้ เท่ียวโดยท้าเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้ไปชมส่ิงส้าคัญในเมืองเพชรบุรี ชมุ ชน และแหล่งทอ่ งเทีย่ วทตี่ ้งั อยูร่ ิมน้า อาทิ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ ตลาดริมน้า เป็นต้น ท้ังนี้การจัดรายการน้าเที่ยวควรมีการหมุนเวียนไปในแต่ละชุมชน ซ่ึงผู้วิจัยมีความเห็นว่า การจัดรายการนา้ เท่ยี วทห่ี ลากหลายจะเป็นทีน่ ่าสนใจและสามารถดึงให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยว อกี ครัง้ โดยควรศกึ ษารูปแบบของแหล่งท่องเท่ียวท่ีประสบความส้าเร็จในการจัดการท่องเที่ยวเพื่อ นา้ มาปรบั ใชก้ บั การพฒั นาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี เช่น ตลาดน้าตล่ิงชัน ตลาด น้าคลองลัดมะยม เป็นต้น ซึ่งคล้ายกับผลการศึกษาของอัญชลี รุ่งชัยยันต์ ที่ท้าการศึกษาเร่ือง “การพัฒนาการท่องเที่ยวทางเรือล่องแม่น้าแม่ปิง: กรณีเส้นทางวัดชัยมงคล -วัดท่าหลุก อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่” (2545) ที่เป็นการศึกษาการท่องเท่ียวทางเรือที่มีการด้าเนินงาน มาแล้ว โดยผลการศึกษาพบว่า การด้าเนินงานของการท่องเท่ียวทางเรือควรน้าเอกลักษณ์ของ ท้องถิ่นหรือสินค้าของท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย เพื่อเพิ่มความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวใน เสน้ ทางท่องเทยี่ ว และยังช่วยเพมิ่ จุดดึงดูดใจให้นักทอ่ งเท่ียวมาใชบ้ รกิ ารอีกดว้ ย
103 ทั้งน้ีในขั้นตอนของการพัฒนาการท่องเที่ยวอาจมีปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะ เกิดขน้ึ ในการพัฒนา คอื 1. ปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรี เนื่องจากบางช่วงของแม่น้าเพชรบุรีตื้นเขินและ บางเวลาปรมิ าณน้านอ้ ยอาจท้าใหไ้ มส่ ามารถล่องเรอื ได้ 2. ด้านบุคลากร ตัวแทนชุมชนให้ความคิดเห็นในด้านนี้ว่า หากบุคคลากรยังไม่ พร้อมที่จะท้าก็จะเป็นปัญหาได้ ต้องให้บุคลากรของท้องถิ่นและภาครัฐยอมรับและเข้าใจในการ พฒั นาการทอ่ งเท่ยี ว 3. ความร่วมมือจากภาครัฐ ถ้าหน่วยงานรัฐไม่ให้ความร่วมมือ การพัฒนา เสน้ ทางท่องเทย่ี วก็จะเปน็ ไปไดย้ าก จากปัญหาและอุปสรรคข้างต้นเม่ือพิจารณาแล้วพบว่า ด้านปริมาณน้าในแม่น้า เพชรบุรีทางจังหวัดเพชรบุรีมีโครงการท่ีจะสร้างเข่ือนน้าล้นเพ่ือกักเก็บน้าเวลาท่ีเขื่อนเพชรปล่อย น้ามาหรือจัดให้มีเป็นฤดูท่องเท่ียวในช่วงหน้าน้า ส่วนปัญหาด้านบุคลากรผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่า ควรมีการท้าความเข้าใจกับบุคคลท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเพ่ือให้บุคคลเหล่าน้ันมีความ เข้าใจในการพัฒนาซึ่งสามารถท้าได้ในข้ันตอนของการสอบถามความคิดเห็นหรือการประชุม ประจ้าเดือนของชุมชน อีกทั้งควรเปิดโอกาสให้คนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดง ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกับการพฒั นาเสน้ ทางท่องเที่ยวด้วย ในส่วนของปัญหาความร่วมมือจากภาครัฐเนื่องจากภาครัฐถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วน เสียท่ีส้าคัญในการพัฒนา (Key Stakeholder) ถ้าหากภาครัฐไม่ให้การสนับสนุนในการพัฒนาไม่ ว่าจะเป็นในด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านการประชาสัมพันธ์ หรือให้การสนับสนุนในด้าน งบประมาณแล้ว ผู้วิจัยเห็นว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมก็มีโอกาสที่จะประสบความ ล้มเหลวได้ ภาครัฐจึงควรเป็นผู้สนับสนุนส้าคัญโดยท้างานร่วมกับชุมชนและแหล่งท่องเท่ียวซ่ึง ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้สามารถน้าไปขบคิดและแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ในข้ันตอนของ การวางแผนพฒั นาการท่องเท่ยี ว จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่าง ๆ ของชุมชนสรุปได้ว่า แต่ละชุมชนมีความพร้อม และให้การสนับสนุนในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียว เนื่องจากการพัฒนาเส้นท่องเที่ยววัฒนธรรม แม่น้าเพชรบุรีเป็นการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวที่ยังไม่เคยมีมาก่อน เม่ือน้าผลการศึกษาและผล การวิเคราะห์ท่ีได้มาพิจารณาแล้วพบว่า เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถ ดึง ดู ดใจให้นักท่อง เที่ยวเข้าม าเท่ียวชม ไ ด้ซึ่งแหล่ง ท่อง เที่ ยวและชุม ชนมี สิ่ง ดึง ดูดใจทั้ง ด้าน วฒั นธรรม ศลิ ปะ สถาปตั ยกรรม วิถีชีวิต และอาหารการกิน ซ่ึงความคิดเห็นจากชุมชนมีประโยชน์
104 อย่างมากส้าหรับผู้วิจัยในการวิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรี เน่ืองจากคนในชุมชนย่อมรับทราบถึงปัญหาและความต้องการด้านต่าง ๆ ของชุมชนได้ เป็นอย่างดี โดยข้อเสนอแนะและความคิดเห็นที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาการท่องเท่ียวผู้วิจัยจะ น้าไปสังเคราะห์เพ่ือหาแนวทางที่เหมาะสมในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรใี นเขตเทศบาลเมอื ง จงั หวัดเพชรบุรีท่เี หมาะสมต่อไป 3. แหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว 3.1 การทอ่ งเทีย่ วของแหล่งท่องเทยี่ ว แหล่งท่องเที่ยวท่ีเป็นพ้ืนท่ีศึกษา คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลง เป็ น แหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมที่มีนักท่องเที่ยวท่ีมาเยือนมีจ้านวนมากและน้อยไม่เท่ากันในแต่ละ แห่ง โดยแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเท่ียวมาเยือนเป็นจ้านวนมาก คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดมหาธาตุ วัดก้าแพงแลง วัดใหญ่สุวรรณาราม โดยมากจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และ หมู่คณะ รวมถงึ นกั ทอ่ งเทีย่ วทัง้ ชาวไทยและชาวตา่ งประเทศ แหล่งท่องเท่ียวท้ัง 8 แห่งถือเป็นทรัพยากรวัฒนธรรมท่ีมีคุณค่าเพราะเป็นสถานที่ที่ รวบรวมผลงานทางดา้ นศิลปะ สถาปตั ยกรรม จิตรกรรม งานชา่ งของเมืองเพชรไว้มากมาย ถือเป็น มรดกวัฒนธรรมที่มีคุณคา่ เชน่ งานปูนปั้นตามวัดวาอารามต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดมหาธาตุ วัดไผ่ล้อม วัดพลับพลาชยั ศาลาการเปรียญที่วัดใหญ่สุวรรณารามซ่ึงเป็นท้องพระโรงในสมัยกรุง ศรอี ยุธยาซ่ึงในปจั จบุ ันเหลอื เพยี งหลงั เดียว โบราณสถานกา้ แพงแลง ซึ่งเปน็ สถาปัตยกรรมสมยั ขอมบายน พระท่ีน่ังศรเพชรปราสาทท่ีเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบบาร็อค (Baroque) และอาร์ต นโู ว (Art Nouveau) ซ่ึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่แต่ละแหล่งท่องเท่ียวมีสอดคล้องกับความหมายของ แหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม (Cultural Attraction) ท่ีส้านักพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว
105 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2550) ให้ความหมายไว้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีมีคุณค่าทาง ศิลปะท่ีมี การสร้าง มีการถ่ายทอดเป็นมรดกสืบมา ผู้วิจัยมีความเห็นว่า แหล่งท่องเที่ยวในเขต เทศบาลเมืองเพชรบุรีสามารถเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่จะดึงดูดให้นักท่องเท่ีย ว เข้ามาเยอื น 3.2 การจดั การทอ่ งเทย่ี วส้าหรับแหลง่ ทอ่ งเทีย่ ว จากผลการศึกษาและการสังเกตการณ์แบบไม่มีส่วนร่วมของผู้ วิจัยพบว่า แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งไม่ได้มีการจัดการหรือการพัฒนาเพ่ือรองรับการท่องเที่ยวในรูปแบบ มวลชน (Mass Tourism) เนื่องจากเป็นศาสนสถานและบางแห่งต้ังอยู่ในสถานที่ราชการ คือ พระรามราชนิเวศน์ ท่ีต้ังอยู่ในพื้นท่ีของมณฑลทหารบกท่ี 15 (ทหารบกเพชรบุรี) ท้าให้การพัฒนา ไม่สามารถพัฒนาได้เต็มรูปแบบของการท่องเท่ียว อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่แสวงหา ผลประโยชน์และผลก้าไร แหล่งท่องเท่ยี วแตล่ ะแหลง่ มกี ารจัดการท่องเท่ยี ว 2 ด้าน คอื 1. ด้านบรกิ ารทางการทอ่ งเท่ียว มีแผ่นพับ ป้ายข้อมูลของแหล่งท่องเท่ียว และ ผู้นา้ ชม 2. ด้านสิง่ อา้ นวยความสะดวก คือ ทจี่ อดรถ และหอ้ งน้า ซึ่งการบริการทัง้ 2 ด้านเป็นบริการข้ันพื้นฐานของแหล่งท่องเท่ียวในพ้ืนที่ศึกษา ท้ังนี้ แหล่งท่องเที่ยวยังขาดสิ่งอ้านวยความสะดวกในการท่องเที่ยว (Amenity) ดังท่ีบุญเลิศ จิตตั้ง วัฒนา (2549) ได้ระบุว่า สิ่งอ้านวยความสะดวกเป็นส่ิงท่ีจะบริการให้แก่นักท่องเท่ียวระหว่างการ ท่องเที่ยวซึ่งส่ิงอ้านวยความสะดวกที่แหล่งท่องเที่ยวยังขาด คือ ศูนย์บริการนักท่องเท่ียว จุดประชาสัมพันธ์ การให้บริการโทรศัพท์สาธารณะ ป้ายบอกทาง เคร่ืองฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ หน่วยปฐมพยาบาล เป็นต้น ซ่ึงสอดคล้องกับงานวิจัยของ เบญจา จันทร (2545) ที่ได้ศึกษาเรื่อง “แนวทางการพัฒนาตลาดดอนหวาย อ้าเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทางวฒั นธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน” ซึ่งผลการศึกษาพบว่าตลาดดอนหวายมีศักยภาพใน การเปน็ แหลง่ ท่องเท่ียวทางวฒั นธรรมโดยการมีสว่ นรว่ มของชมุ ชนเพราะความพร้อมด้านส่ิงดึงดูด แต่ยังมขี ้อจ้ากัดในด้านส่งิ อ้านวยความสะดวกทางการท่องเท่ียวบางอย่าง ซ่ึงผู้วิจัยมีความคิดเห็น ว่า การจัดการให้บริการด้านสิ่งอ้านวยความสะดวกของแหล่งท่องเที่ยวสามารถประสานความ ร่วมมือกับชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในการ จดั การได้
106 3.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของแหล่งท่องเที่ยวในการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเทีย่ ววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบรุ ี จากผลการศึกษาความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทาง ท่องเท่ียววัฒนธรรมของแหล่งท่องเที่ยว ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมีความคิดเห็นท่ีหลากหลายต่อ การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวโดยผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมีความคิดเห็นว่า หากสามารถพัฒนา เส้นทางทอ่ งเทีย่ ววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบรุ ีไดจ้ ะส่งผลดีต่อเพชรบรุ ีท้งั ทางดา้ นเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านวัฒนธรรมของเพชรบุรี กล่าวคือ เมื่อมีการพัฒนาการท่องเที่ยวก็จะเกิดการกระจาย รายได้เข้าสู่ชุมชน การท่องเท่ียวของเพชรบุรีจะเป็นท่ีรู้จักมากข้ึน และช่วยส่งเสริมให้คนเพชรบุรี และคนภายนอกหันมาสนใจในศิลปวฒั นธรรมของเมืองเพชรได้อีกทาง โดยการท่องเท่ียวจะส่งผล ดีต่อแม่น้าเพชรบุรีอีกด้วยเพราะแม่น้าเพชรบุรีถูกท้าลายไปมากในหลายด้านไม่ ว่าจะเป็นการถม แม่นา้ การรกุ ล้าแมน่ ้า การทิ้งขยะและปล่อยของเสียลงแม่น้า หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวคนก็ จะหันมาใส่ใจดูแลแม่น้ากันมากขึ้น โดยในการพัฒนาต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ร่วมกันแหล่งท่องเทย่ี วตอ้ งการมสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาด้านต่าง ๆ คอื 1. ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวก 2. ด้านการจดั การภูมิทศั น์ 3. ดา้ นบริการทางการท่องเทยี่ ว ความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวของแหล่งท่องเท่ียวแต่ละ แห่งในทั้ง 3 ด้าน ในเบื้องต้นของการจัดการ ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวมีข้อเสนอว่าควรท้าฝายน้าล้น เพื่อเก็บกกั นา้ ในแม่น้าเพชรบุรีให้มีปริมาณน้าเพียงพอส้าหรับการล่องเรือ ในด้านสิ่งอ้านวยความ สะดวกทางการท่องเที่ยวผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวเสนอว่า ควรมีจุดจอดเรือส้าหรับการขึ้น-ลง และ การปรับปรุงท่าน้าที่อยู่ริมแม่น้าเพชรบุรีซึ่งการปรับปรุงท่าน้าบริเวณริมสองฝั่งของแม่น้าเพชรบุรี สอดคล้องกับแนวทางการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมประเภทศาสนสถาน (สินชัย กระบวนแสง, 2550) โดยศาสนสถานที่ต้ังอยู่ริมแม่น้าควรมีการปรับปรุงศาลาริมน้าหรือสร้างท่าเทียบเรือเพ่ือให้ มีความสะดวกในการข้ึน-ลง ทั้งน้ีแต่ละแหล่งท่องเท่ียวมีส่ิงอ้านวยความสะดวกขั้นพ้ืนฐาน อาทิ ที่จอดรถและห้องน้าทม่ี ีพร้อมในการให้บริการแก่นักท่องเท่ียว ท้ังน้ีจากการสังเกตการณ์ของผู้วิจัย พบว่ายังขาดป้ายบอกท่ีชัดเจน นอกจากนี้ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวได้เสนอให้มีการปรับสภาพ ภูมิทัศน์โดยรอบของแหล่งท่องเท่ียวด้วยการปลูกต้นไม้และดอกไม้เพ่ือให้เกิดความสวยงามและ ความร่มรนื่ รวมถึงการรักษาความสะอาดในพื้นท่ขี องแหล่งท่องเทยี่ ว
107 ด้านของการบริการทางการท่องเที่ยวพบว่าแหล่งท่องเท่ียวแต่ละแห่งมีการจัดการ ให้บริการในด้านนี้อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นแผ่นพับข้อมูล หนังสือแนะน้าแหล่งท่องเท่ียว นอกจากน้ี แหล่งท่องเที่ยวบางแห่งได้จัดอบรมมัคคุเทศก์เพื่อการน้าชม คือ วัดมหาธาตุ และจาก การสังเกตการณ์ของผู้วิจัยพบว่า จุดบริการข้อมูลของแหล่งท่องเท่ียวแต่ละแห่งไม่ว่าจะเป็นแผ่น พับข้อมูล ป้ายข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยวไม่ได้อยู่ในบริเวณเดียวกันและอยู่ในจุดท่ีมองเห็นได้ยาก เช่น แผ่นพับข้อมูลของวัดใหญ่สุวรรณารามตั้งอยู่ภายในอุโบสถ หรือ แผ่นพับข้อมูล ของ วัดมหาธาตุมีจ้าหน่ายท่ีบริเวณจุดประชาสัมพันธ์บริเวณทางเข้าพระวิหารหลวง เป็นต้น ผู้วิจัยมี ความคิดเห็นว่า การจัดให้แหล่งข้อมูลอยู่ในบริเวณเดียวกันจะท้าให้สะดวกในการจัดการและการ ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวซ่ึงสอดคล้องกับแนวทางในการวางแผนพัฒนาแหล่งท่ องเที่ยวของ บญุ เลศิ จิตต้งั วัฒนา (2549) ในเรอ่ื งของการแบ่งเขตพน้ื ท่ีของแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นสัดส่วนต่าง ๆ จะท้าให้การใช้พ้ืนที่มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยว และยังประโยชน์ใน การใช้สอยพื้นที่ โดยแหล่งท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีศึกษาซ่ึง 7 แห่งเป็นศาสนสถานสามารถแบ่งพื้นท่ี ส่วนหนงึ่ เพ่ือเปน็ เขตบริการทางการท่องเท่ียวได้เช่นกนั ท้ังน้ีผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวได้เสนอรูปแบบการท่องเท่ียวทางเรือว่าควรเป็นรูปแบบ ของการท่องเท่ียววัฒนธรรม โดยเป็นการล่องเรือเพื่อชมทรัพยากรวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คน ของชุมชนที่อยู่ริมสองฝ่ังแม่น้าเพชรบุรี ในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมควรเป็น การพัฒนาที่มีการบูรณาการกล่าวคือ เม่ือใช้แม่น้าเพชรบุรีเป็นเส้นทางสัญจรแล้วควรท้าแผน การท่องเท่ียวว่านักท่องเท่ียวควรไปเที่ยวชมจุดใดในเมืองและแหล่งท่องเท่ียวใดบ้าง เมื่อข้ึนจาก เรือแล้วควรมีเส้นทางบกที่หลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกเดินทาง เช่น เส้นทางเดินเท้า เส้นทางจักรยาน หรือ การน่ังรถสามล้อถีบ เป็นต้น ซึ่งคล้ายกับท่ี Richards et al. (2007) ได้ระบุ วา่ เสน้ ทางวัฒนธรรมเป็นรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายด้าน เช่น เส้นทางน้าแล้วต่อด้วยเส้นทางบก เป็นต้น นอกจากนี้ควรจัดให้เป็นฤดูท่องเท่ียวเน่ืองจาก ปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีไม่ได้มีปริมาณมากตลอดท้ังปี ฤดูท่ีเหมาะแก่การล่องเรือ คือ ฤดูฝน- ฤดูหนาวเน่ืองจากเป็นช่วงหน้าน้า อีกทั้งเพื่อกระจายรายได้ให้เข้าสู่ท้องถิ่น ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว เสนอให้จัดตลาดชายน้าบริเวณท่าน้าหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้น หรือจุดสดุ ท้ายของการทอ่ งเที่ยว ผูว้ ิจยั มคี วามคิดเหน็ ว่า การจัดตลาดชายน้าสอดคล้องกับในอดีต ท่ีตลาดรมิ น้าบรเิ วณวดั มหาธาตทุ ี่ในแต่ละวันมีเรือเข้ามาค้าขายแลกเปลี่ยนสินคา้ เป็นจา้ นวนมาก นอกจากน้ีในขั้นตอนของการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมอาจมีปัญหาและ อุปสรรคท่ีอาจจะเกิดข้ึน ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมีความคิดเห็นว่าสิ่งที่อาจเป็นปัญหาและอุปสรรค
108 ในการพัฒนา คือ 1. ปัญหาด้านปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรี เน่ืองจากปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรี ไมไ่ ด้มนี ้ามากตลอดทั้งปแี ละบางเวลาแมน่ ้ากต็ ื้นเขิน 2. ปัญหาด้านผู้น้า ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้ความคิดเห็นว่าการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเท่ยี วยงั ขาดผู้ท่ีจะมาเปน็ แกนน้าในการพฒั นา 3. ปัญหาด้านโครงสร้างการบริหารจัดการของแหล่งท่องเท่ียวในท่ีนี้ คือ วดั พระทรง วัดเกาะ และพระรามราชนิเวศน์ จากปัญหาและอุปสรรคข้างต้น ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวได้เสนอแนวทางการแก้ไขไว้ ดังน้ี คือ ปัญหาปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีควรท้าตัวทดน้าเป็นฝายลูกยางเพื่อเก็บกักน้าและ ท้าการขุดลอกแม่น้าเพชรบุรีในทุกช่วงเพ่ือให้สามารถล่องเรือได้ ซ่ึงการเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียว (Accessibility) ถือเป็นปัจจัยส้าคัญที่จะท้าให้นักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ โดยสะดวกถือเปน็ องคป์ ระกอบส้าคญั อย่างหน่ึงของแหลง่ ท่องเที่ยว (บญุ เลศิ จิตตั้งวฒั นา, 2549) ท้งั น้ีผูน้ า้ ท่ีจะมีบทบาทในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียว ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่าผู้น้าที่ จะมีบทบาทในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวควรมาจากหลายภาคส่วนด้วยกันไม่ว่าจากชุมชน แหล่งท่องเท่ียว หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือ กนั ในการพฒั นาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยว ซึ่งทง้ั ชมุ ชน แหลง่ ท่องเทย่ี ว และหนว่ ยงานภาครัฐต่างเป็นผู้ที่มี ส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวทั้งส้ินสอดคล้องกับแนวทางการวิเคราะห์ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสียที่ รัชตะ ตั้งศิริพัฒน์และวิโรจน์ ต้ังเสถียร (2546) ได้จ้าแนกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็น ประเภทต่าง ๆ ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์บทบาทและหน้าท่ีของแต่ละภาคส่วนเพ่ือ น้ามาใช้ในการท้าความเข้าใจในการวางแผนพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียว โดยแหล่งท่องเที่ยวและ หน่วยงานภาครัฐถือเป็นผู้ท่ีมีส่วนได้ส่วนเสียท่ีส้าคัญ (Key Stakeholder) ในงานวิจัยชิ้นนี้ โดย หน่วยงานภาครัฐจะเป็นผู้ท่ีให้การสนับสนุนในด้านของนโยบาย ด้านบุคคลากร ด้านงบประมาณ และผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวถือเป็นเจ้าของพ้ืนท่ีในการพัฒนาจึงต้องมีความร่วมมือของท้ังสองภาค ส่วน ในส่วนของชุมชนในพ้ืนท่ีศึกษาท้ัง 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก ชมุ ชนหน้าพระลาน ชุมชนพระปรางค์ ถือเป็นผู้ท่ีมีส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว โดยตรง (Direct Primary Stakeholder) เน่ืองจากเส้นทางท่องเท่ียวท่ีจะพัฒนาเกิดข้ึนในพ้ืนที่ของ ชุมชน โดยชุมชนจะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาการท่องเท่ียวท้ังผลกระทบด้านบวกและ ผลกระทบดา้ นลบ
109 ในส่วนของปัญหาด้านโครงสร้างการบริหารจัดการของแหล่งท่องเท่ียวในพื้นที่ศึกษา คอื วัดพระทรง วัดเกาะ และพระรามราชนิเวศน์ จากผลการศึกษาพบว่าแหล่งท่องเท่ียวแต่ละแห่ง ประสบปัญหาในลักษณะทแ่ี ตกต่างกันออกไป ดังนี้ 1. วัดพระทรง ประสบปัญหาในเรื่องของชาวบ้านเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นท่ีของวัด จากการสังเกตการณ์ของผู้วิจัยพบว่า นอกจากชาวบ้านจะอยู่อาศัยในพ้ืนที่ของวัดแล้ว ชาวบ้านท่ี อาศัยอยู่ใกล้กับวัดได้ใช้พ้ืนท่ีของวัดในการเก็บของ เช่น พ้ืนที่บริเวณริมวัดชาวบ้านได้สร้างเป็น โรงเก็บถ่าน หรือ ใช้เป็นสถานท่ีจอดรถ เป็นต้น ซ่ึงทางวัดเองมีนโยบายที่จะพัฒนาพื้นท่ีวัดเพื่อ จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อร้าลึกถึงพระอาจารย์เป้า ญาณปัญโญ ในการจัดการพ้ืนท่ีวัดสามารถ ท้าได้โดยการก้าหนดเขตการใช้งานให้ชัดเจนระหว่างเขตพุทธาวาสกับเขตสังฆาวาส โดยใช้แนว ทางการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมประเภทศาสนสถาน (สินชัย กระบวนแสง, 2550) ใน การจัดการภมู ทิ ัศนข์ องพน้ื ท่ีวัดให้กลับมาเป็นแบบเดิมในท่ีนี้อาจท้าได้โดยการรื้อถอนหรือโยกย้าย สิ่งก่อสร้างที่ไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอาคารเดิมของวัดออกไป ท้ังนี้ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่า ก่อนกระบวนการรือ้ ถอนตอ้ งมกี ารท้าความเข้าใจกับชมุ ชนและชาวบ้านทีอ่ าศัยอยู่ในพ้ืนที่เสียก่อน โดยให้ชาวบ้านเข้าใจถึงสาเหตุในการโยกย้ายและผลที่จะเกิดจากการพัฒนาการท่องเที่ยวซ่ึง สอดคล้องกับผลการวิจัยในโครงการเพ่ือการอนุรักษ์และพัฒนาการท่องเท่ียวทางน้าในกรุงเทพฯ ช้ันในและบริเวณใกล้เคียง (ป่ินรัชฎ์ กาญจนัษฐิติและจิตติศักดิ์ ธรรมาภรณ์พิลาศ, 2547 ) ผลการวิจัยพบว่า การด้าเนินงานด้านการอนุรักษ์และพัฒนาต้องให้ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่และใน ชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเห็น ดังปัญหาของวัดพระทรงชาวบ้านกับวัดสามารถหาทาง ออกร่วมกันได้ 2. วัดเกาะ ประสบปัญหาในการบริหารจัดการเน่ืองจากเจ้าอาวาสชราภาพมาก แล้วและไม่ได้มอบหมายอ้านาจในการบริหารจัดการวัดให้แก่ผู้ใดส่งผลให้ขาดความต่อเน่ืองใน การพัฒนา การจัดกิจกรรม และกิจการต่าง ๆ ของวัด ท้ังน้ีวัดเกาะมีมูลนิธิเกาะแก้วสุทธารามเข้า มาช่วยในเรื่องของการจัดการเรื่องจิปาถะ เช่น การช้าระค่าน้า-ค่าไฟ การซ่อมแซมอาคารต่าง ๆ ภายในวัด เป็นต้น ในด้านของการพัฒนาการท่องเท่ียวทางวัดยังขาดบุคคลากรในการด้าเนินงาน อีกทั้งการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวย่อมต้องมีการจัดการพื้นท่ีภายในบริเวณวัดเพื่อรองรับการ ท่องเที่ยวท่ีจะเกิดข้ึน อาทิ การปรับปรุงท่าเทียบเรือ การปรับสภาพภูมิทัศน์ภายในบริเวณวัด การจัดท้าป้ายบอกทาง-ป้ายข้อมูลของแหล่งท่องเท่ียว ซ่ึงการจัดการด้านต่าง ๆ ท่ีกล่าวมานั้นต้อง มีการจัดการให้เหมาะสมกับสถานที่เป็นส้าคัญซ่ึงสอดคล้องกับแนวทางการจัดการทรัพยากร ประเภทศาสนสถานของ สินชัย กระบวนแสง (2550) โดยสิ่งใดท่ีต้องการก่อสร้างเพ่ิมเติมควรดู
110 รูปแบบของสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกลมกลืนกับสถานที่นั้น ๆ โดยอาจสร้างเป็นศาลาเพ่ือใช้ เป็นศูนย์บริการนักท่องเท่ียวหรือจุดประชาสัมพันธ์ก็ได้ (ภราเดช พยัฆวิเชียร, 2549) นอกจากนี้ ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่าทางวัดเกาะ มูลนิธิเกาะแก้วสุทธาราม และชุมชนวัดเกาะควรมีการ ประสานความรว่ มมือในการพัฒนาการทอ่ งเที่ยว โดยชมุ ชนอาจให้การสนับสนุนในด้านบุคคลากร ซ่ึงถือเป็นปัจจัยส้าคัญหน่ึงในการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยอาจให้การสนับสนุนในเร่ืองของ มัคคุเทศก์ท้องถ่ินหรือวิทยากรน้าชม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่นักท่องเท่ียวในเรื่องของ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วและชมุ ชน 3. พระรามราชนิเวศน์ มีปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนา คือ การตั้งอยู่ในพื้นท่ี ของมณฑลทหารบกท่ี 15 (ทหารบกเพชรบุรี) ท้าให้มีข้อจ้ากัดในการพัฒนาเนื่องจากเก่ียวข้องกับ ความปลอดภัยของหน่วยงานทหารซึ่งมีคลังกระสุนและถังน้ามันต้ังอยู่ และการเข้า-ออกในพ้ืนที่ ต้องท้าการแลกบัตรกับทางสารวัตรทหาร จากข้อจ้ากัดในการพัฒนาการท่องเที่ยวท่ีมีผู้วิจัยเห็น วา่ ควรศึกษาแหลง่ ท่องเท่ียวท่มี รี ปู แบบและลกั ษณะใกล้เคยี งกบั พระรามราชนิเวศน์ อาทิ พระราช นิเวศน์มฤคทายวันซ่ึงต้ังอยู่ในพ้ืนท่ีของต้ารวจตระเวนชายแดนค่ายพระรามหกซึ่งเป็นเขตทหาร เช่นกัน โดยพระราชนิเวศน์มฤคทายวันมีมูลนิธิพระราชนิเวศน์มฤคทายวันดูแลและบริหารจัดการ การท่องเที่ยวซ่ึงพระรามราชนิเวศน์สามารถน้ารูปแบบการบริหารจัดการของพระราชนิเวศน์ มฤคทายวันมาปรบั ใช้ในการพัฒนาการท่องเท่ียวได้ หรืออาจจัดต้ังหน่วยงานขึ้นมาเพ่ือรับผิดชอบ โดยตรงในการดูแลเร่ืองการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว นอกจากน้ีจากการสังเกตการณ์สภาพ พน้ื ท่ีของพระรามราชนิเวศน์ผวู้ จิ ยั มคี วามคดิ เหน็ ว่า พื้นทขี่ องพระรามราชนิเวศน์มีความเหมาะสม ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางท่องเที่ยว เนื่องจากมีพ้ืนที่จอดรถที่สามารถรองรับรถได้จ้านวนมาก และมีท่าน้าท่พี ร้อมสา้ หรบั การทา้ เป็นจุดจอดเรือ
111 แผนทม่ี รดกวัฒนธรรมเมืองเพชรบุรี ภาพท่ี 4.19 แผนทมี่ รดกวฒั นธรรมเขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี (แผนทน่ี ไ้ี ม่ได้ก้าหนดอตั ราส่วน) จากแผนที่จะเห็นได้ว่า แหล่งมรดกวัฒนธรรมท้ัง 8 แห่งต้ังอยู่ในพ้ืนที่ของเขต เทศบาลเมืองเพชรบรุ ี โดยทพี่ ระรามราชนิเวศน์เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเพียงแหล่งเดียว ทต่ี ั้งอยูใ่ นพืน้ ทขี่ องมณฑลทหารบกที่ 15 (ทหารบกเพชรบุร)ี นอกน้ันแหล่งทอ่ งเทย่ี วทางวัฒนธรรม ต้ังอยู่ในพื้นที่ของ 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก ชุมชนหน้าพระลาน และ ชมุ ชนพระปรางค์ จากการวิเคราะห์ผลการศึกษาของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ สรุปได้ว่า แหล่งท่องเที่ยว ทั้ง 8 แหง่ มีการจัดการในด้านการทอ่ งเทย่ี วอยู่แล้ว คือ ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวกขั้นพื้นฐานและ ด้านบริการทางการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น ท่ีจอดรถ ห้องน้า แผ่นพับข้อมูล ป้ายข้อมูลของแหล่ง ท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ทว่ายังขาดส่ิงอ้านวยความสะดวกด้านอื่น เช่น การให้บริการโทรศัพท์
112 สาธารณะ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จุดประชาสัมพันธ์ ป้ายบอกทาง เคร่ืองถอนเงินอัตโนมัติ เป็นต้น ท้ังนี้แหล่งท่องเท่ียวท้ัง 8 แห่งเป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีไม่แสวงหาผลประโยชน์และผลก้าไร เน่ืองจากเปน็ ศาสนสถานและต้ังอยู่ในสถานทร่ี าชการ (พระรามราชนเิ วศน)์ นอกจากน้ีผู้ดูแลแหล่ง ท่องเท่ียวมีความคิดเห็นว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีจะส่งผลดีต่อ แม่น้าเพชรบุรีและเมืองเพชรบุรีในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ด้านศิลปวัฒนธรรม โดยความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวผู้วิจัยจะน้าไปสังเคราะห์เพื่อหา แนวทางที่เหมาะสมในการพฒั นาเสน้ ทางท่องเท่ยี ววฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบุรีต่อไป
113 บทท่ี 5 สรปุ ผลการศกึ ษาและขอ้ เสนอแนะ การศึกษาเร่ือง “การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี” ผู้ศึกษาใช้ วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยการเก็บข้อมูลสัมภาษณ์เชิงลึกกับตัวแทน ชมุ ชนและผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม ผู้ศึกษา น้าข้อมูลท่ีได้จากวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มาวิเคราะห์และสังเคราะห์โดย การพรรณนาความ และน้าแนวคิด ทฤษฎี งานวิจัยต่าง ๆ มาร่วมอธิบายพรรณนาข้อมูล ในบทน้ี ผู้วจิ ัยน้าเสนอสรุปผลการศกึ ษาและข้อเสนอแนะตามวัตถุประสงค์ท่ีได้ต้ังไว้ คือ 1) เพ่ือศึกษาแนว ทางการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี และ 2) เพ่ือศึกษาความคิดเห็นและ ความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีต่อการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี โดยมีประเด็นค้าถามในการวิจัยคือ 1) แนวทางการ พัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีเป็นอย่างไร และ 2) ความคิดเห็นและความ ต้องการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีของชุมชนและแหล่ง ทอ่ งเทย่ี วเปน็ เชน่ ไรและอยา่ งไร ในการวิจัยเร่ิมต้นขั้นตอนการด้าเนินการด้วยการสร้างเคร่ืองมือส้าหรับการวิจัยอัน ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนและผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว ซ่ึงเป็นแบบสัมภาษณ์ท่ีมีโครงสร้าง ส้าหรับการสัมภาษณ์เชิงลึกเพ่ือสอบถามถึงความคิดเห็น ความต้องการมีส่วนร่วม และ ขอ้ เสนอแนะตา่ ง ๆ ตอ่ การพัฒนาเสน้ ทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี ส่วนในขั้นตอนของ การสัมภาษณ์ผู้วิจัยได้ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงและการสุ่มตัวอย่างแบบลูกโซ่ โดยติดต่อ ขอสัมภาษณ์ผู้ท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบต่อกิจการต่าง ๆ ภายในชุมชนและแหล่งท่องเท่ียว หลังจาก ติดต่อเพ่ือขอท้าการสัมภาษณ์แล้วผู้วิจัยจึงเดินทางไปสัมภาษณ์เก็บข้อมูลการศึกษาวิจัย รวมถึง สงั เกตการณ์สภาพแวดล้อมของชุมชน แหล่งท่องเท่ียว และแม่น้าเพชรบุรี โดยการสัมภาษณ์ในแต่ ละครง้ั ใชเ้ วลาเฉล่ยี 30 – 60 นาที
114 5.1 สรปุ ผลการศึกษา ข้อมูลที่ได้จากการศึกษา สามารถตอบค้าถามในการวิจัยในทั้ง 2 ข้อ คือ แนวทาง การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี และความคิดเห็นและความต้องการมีส่วน ร่วมในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวของตัวแทนชุมชนและผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว สามารถสรุปผล การศกึ ษาเป็นประเด็นต่าง ๆ ได้ ดังน้ี 5.1.1 ความสาคญั ของแม่นาเพชรบรุ ี แม่น้าเพชรบุรี คือ แม่น้าสายหลักและสายส้าคัญของจังหวัดเพชรบุรี เปรียบเสมือน เส้นเลือดที่ส้าคัญของชาวเพชรบุรี โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาวเพชรบุรีได้ใช้ประโยชน์จาก แม่น้าเพชรบุรีท้ังในการอุปโภค บริโภค การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม รวมถึงการเป็นเส้นทาง คมนาคมที่ส้าคัญในอดีต ตลอดริมสองฝ่ังของแม่น้าเพชรบุรีมีทรัพยากรวัฒนธรรมต้ังอยู่เรียงราย อาทิ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย และวิถีชีวิตของชุมชนริมสองฝั่ง แม่น้าเพชรบุรี นอกจากน้ีแม่น้าเพชรบุรียังเป็นหนึ่งในแหล่งน้าที่ใช้ในการประกอบพิธีของ พระมหากษตั รยิ แ์ ละเป็นน้าเสวยตั้งแต่รัชกาลท่ี 4 จนถึงรัชกาลที่ 6 ท้ังน้ียังมีประเพณีท่ีส้าคัญของ แม่น้าเพชรบรุ ี คอื ประเพณีเรือองค์ซึ่งเป็นประเพณีทอดกฐินทางเรือไปยังวัดที่อยุ่ริมแม่น้าเพชรบุรี และประเพณีการแข่งเรือยาวซึ่งชาวบา้ นจะจดั แข่งหลังจากหมดฤดทู า้ นา 5.1.2 เอกลักษณ์และความสาคญั ของชุมชน ชุมชนที่เป็นพ้ืนที่ศึกษาอยู่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีท้ังหมด 4 ชุมชน คือ ชุมชน วดั เกาะ ชุมชนวหิ ารใหญ่-ไตรโลก ชุมชนหน้าพระลาน และชุมชนพระปรางค์ ซ่ึงชุมชนท้ังหมดเป็น ชมุ ชนเก่าแกด่ ัง้ เดิมของเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีแต่ละชมุ ชนมจี ุดเด่นท่ีแตกต่างกัน คอื ชุมชนวัดเกาะ เปน็ ชมุ ชนท่ผี สานไปด้วยวัฒนธรรมไทยและจีนโดยมีวัดเกาะเป็นศูนย์ รวมทางด้านจิตใจของชุมชน ในอดีตวัดเกาะเป็นวัดที่โดดเด่นในเร่ืองของช่างไม้ เช่น การท้า เคร่ืองเรือนไม้โมกข์ เป็นต้น นอกจากน้ีภายในชุมชนยังเป็นที่ต้ังของอุตสาหกรรมข้าวเกรียบเมือง เพชร อตุ สาหกรรมการท้าขนมหวาน และชา่ งท้าทองโบราณ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก มีวัดส้าคัญตั้งอยู่ในชุมชน คือ วัดใหญ่สุวรรณาราม และ วดั ก้าแพงแลง
115 ชุมชนหน้าพระลาน เป็นชุมชนที่โดดเด่นด้านการละครโดยเฉพาะละครชาตรีท่ีถือ เป็นเอกลกั ษณ์ของเมืองเพชรบุรี และเป็นแหล่งผลิตเคร่ืองละคร หัวโขน หัวหุ่นละคร อีกท้ังมีคณะ ละครทก่ี ่อต้ังมาตงั้ แตส่ มยั รัชกาลท่ี 4 คอื คณะละครหลวงอภัยฯ นอกจากนี้ยังเป็นที่ต้ังของวัดพระ ทรงและ วัดไผ่ล้อม ชุมชนพระปรางค์ จุดเด่นของชุมชน คือ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย ศาลาคามวาสี (เป็นสถานที่ใช้ประกอบพิธีทางพุทธศาสนาโดยเปิดใช้ทุกวันพระในช่วงเข้าพรรษา ซึ่งจะมีการ เทศน์และถวายสงั ฆทาน) และตลาดรมิ นา้ ชุมชนทั้ง 4 ได้มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยแบ่งเป็นกิจกรรม ทางด้านสังคมและกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม เช่น การฝึกอาชีพ การอบรมมัคคุเทศก์ท้องถ่ิน การตรวจสุขภาพคนในชุมชน กิจกรรมวันสงกรานต์ กิจกรรมวันลอยกระทง เป็นต้น โดยการจัด กิจกรรมจะเป็นความร่วมมือระหว่างชุมชน แหล่งท่องเท่ียว สถานศึกษา หน่วยงานภาคเอกชน และภาครัฐบาล ทั้งน้ีได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและบุคคลากรจากภาครัฐ รูปแบบการ ด้าเนินการจัดกิจกรรมของแต่ละชุมชนจะผ่านการด้าเนินงานจากคณะกรรมการชุมชน และ กระจายงานให้สมาชิกในชุมชนได้รับผิดชอบตามความสามารถและความถนัดของแต่ละบุคคล ด้านการท่องเท่ียวของชุมชนโดยมากแล้วจะมีหน่วยงานจากท่ีต่าง ๆ เข้ามาดูงานและกิจกรรมที่ ชุมชนได้ท้า อาทิ เร่ืองการท่องเที่ยววัฒนธรรมของชุมชนวัดเกาะ หรือ การผลิตน้าดื่มของชุมชน พระปรางค์ เปน็ ตน้ ในด้านความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการพัฒนา เส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันต่อการ พฒั นาเสน้ ทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี คือ เห็นด้วยและพร้อมให้การสนับสนุนซึ่งชุมชน มองว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวจะมีส่วนช่วยให้ชุมชนและแหล่งท่องเท่ียวในเขตเทศบาล เมืองเพชรบุรีเป็นที่รู้จักมากขึ้น และชาวเพชรบุรีจะได้หันกลับมาใช้แม่น้าเพชรบุรีและใส่ใจดูแล แมน่ ้าเพชรบรุ ีกนั มากข้ึน อีกท้ังการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมจะท้าให้ศิลปวัฒนธรรมของ เพชรบุรีเป็นท่ีรู้จักและได้รับความสนใจจากคนภายนอกมากขึ้น โดยชุมชนต้องการมีส่วนร่วมใน การพฒั นาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมท้ังหมด 4 ด้านดว้ ยกนั คือ 1. ด้านการด้าเนินงานด้านการท่องเที่ยว เน่ืองจากการพัฒนาการท่องเที่ยว เก่ียวขอ้ งกับชุมชนและพ้ืนท่ีของชุมชน ชุมชนจึงต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาตั้งแต่ใน ข้ันตอนของการพัฒนาการท่องเที่ยว การบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ การออกร้านเพ่ือ จา้ หนา่ ยผลติ ภัณฑช์ มุ ชนและของที่ระลึก
116 2. ด้านบริการทางการท่องเท่ียว ชุมชนมีความต้องการให้ชุมชนเป็นศูนย์รวมของ ข่าวสาร ข้อมูลด้านต่าง ๆ ของชุมชน รวมถึงการให้คนในชุมชนมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดีมีอัธยาศัย ไมตรีท่ีดีต่อนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน อีกทั้งเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีต้องมีความพร้อมท่ีจะ ให้บรกิ ารทางการทอ่ งเที่ยวไมว่ า่ จะเป็นเรือ่ งของท่พี กั ร้านอาหาร และการขนส่ง เป็นต้น 3. ด้านการให้ข้อมูลแก่นักท่องเท่ียว เน่ืองจากชุมชนมีโครงการอบรมมัคคุเทศก์ ท้องถ่ินและยุวมัคคุเทศก์ ตัวแทนชุมชนจึงเสนอให้ผู้ท่ีผ่านการอบรมจากโครงการเป็นผู้น้าชมและ ให้ขอ้ มลู ด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับชุมชนและแหลง่ ท่องเทย่ี วแกน่ ักทอ่ งเทยี่ ว 4. ด้านการจ้าหน่ายของที่ระลึก เน่ืองจากแต่ละชุมชนมีการจัดฝึกอบรมอาชีพ ตวั แทนชมุ ชนจงึ มีความคิดเห็นว่า สามารถน้าผลิตภัณฑ์จากการฝึกอบรมอาชีพมาต่อยอดท้าเป็น ผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกเพื่อจัดจ้าหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลกท่ีมีการท้า พดั ใบลานซึง่ เปน็ เอกลักษณข์ องเพชรบุรี เป็นต้น นอกจากน้ีตัวแทนชุมชนได้เสนอให้มีจุดจ้าหน่าย ผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกประจ้าชุมชนเพื่อให้เป็นศูนย์รวมของร้านค้าและเพื่อความสะดวกของ นักท่องเที่ยว ทั้งน้ีชุมชนเสนอให้มีการปรับปรุงพ้ืนที่บริเวณริมแม่น้าเพชรบุรีเพ่ือจัดท้าเป็นตลาด ริมน้าให้ชาวบ้านสามารถน้าสินค้ามาวางจ้าหน่ายได้ ถือเป็นการช่วยสนับสนุนในด้านเศรษฐกิจ ของชุมชนและกอ่ ให้เกิดการกระจายรายได้เขา้ สูท่ ้องถน่ิ อีกทางหน่ึง ตัวแทนชุมชนได้เสนอรูปแบบของเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีว่า ควรเป็นรูปแบบของการท่องเที่ยววัฒนธรรมและควรจัดรายการน้าเที่ยวให้หมุนเวียนไปในแต่ละ ชมุ ชน โดยจดั เสน้ ทางท่องเท่ียวใหน้ ักทอ่ งเทีย่ วได้ไปชมจุดสา้ คัญ ชมแหล่งท่องเที่ยว และชุมชนใน เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ท้ังนี้ในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวอาจประสบปัญหาและอุปสรรคใน การพฒั นา คอื 1. ปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรี เน่ืองจากบางช่วงของแม่น้าเพชรบุรีตื้นเขินและ บางครัง้ ปริมาณนา้ มนี ้อยอาจทา้ ให้ไม่สามารถล่องเรือได้ 2. บคุ ลากร เปน็ ปัญหาท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั บคุ ลากรในการพัฒนาการท่องเที่ยว ซ่ึงหาก บุคลากรที่เกี่ยวขอ้ งยงั ไมม่ คี วามพร้อมท่จี ะท้าก็จะเป็นปัญหาต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ยี วได้ 3. ความร่วมมือจากภาครัฐ ถ้าหากหน่วยงานภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือการ พัฒนาเส้นทางท่องเทย่ี วกจ็ ะเป็นไปไดโ้ ดยยาก
117 5.1.3 แหล่งทอ่ งเทยี่ ว แหล่งท่องเท่ียวที่เป็นพื้นท่ีศึกษา คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลง เป็นแหล่ง ท่องเท่ยี วทางวัฒนธรรมท่ีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนอย่างไม่ขาดสายท้ังชาวไทย ชาวต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษา และหน่วยงานท้ังภาคเอกชนและภาครัฐ ทั้งนี้แหล่งท่องเท่ียวทั้ง 8 แห่งเป็น สถานที่ที่รวบรวมมรดกวัฒนธรรมไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะในสกุลช่างเมืองเพชร งานสถาปตั ยกรรม งานปูนปัน้ งานจิตรกรรมฝาผนัง งานจ้าหลกั ไม้ เป็นตน้ ในด้านของการจัดการท่องเที่ยวส้าหรับแหล่งท่องเที่ยวพบว่า แหล่งท่องเที่ยวแต่ละ แห่งไม่ได้มีการจัดการท่องเท่ียวในรูปแบบของการท่องเท่ียวมวลชน (Mass Tourism) เนื่องจาก เป็นศาสนสถานและต้ังอยู่ในสถานท่ีราชการ (พระรามราชนิเวศน์) อีกท้ังเป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีไม่ แสวงหาผลประโยชน์และผลก้าไร ทง้ั น้แี หลง่ ท่องเทยี่ วได้มีการจดั การการท่องเที่ยวตามสมควร คือ มีการจัดการในด้านของสิ่งอ้านวยความสะดวกและบริการข้ันพ้ืนฐาน เช่น ที่จอดรถ ห้องน้า แผ่น พับข้อมูล ป้ายข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ยังขาดสิ่งอ้านวยความสะดวกในด้านอ่ืน ๆ อาทิ โทรศัพท์สาธารณะ เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ ศูนย์บริการนักท่องเท่ียว จุดประชาสัมพันธ์ ป้าย บอกทาง เปน็ ต้น ในสว่ นของความคิดเห็นของผดู้ แู ลแหล่งทอ่ งเทย่ี วท่มี ีตอ่ การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว มีความคิดเห็นท่ีหลากหลายด้วยกัน คือ ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมองว่าหากสามารถพัฒนาเส้นทาง ท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีได้ก็จะส่งผลดีต่อเพชรบุรีทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และ ด้านวัฒนธรรม เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน และการท่องเท่ียวของเพชรบุรีจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกท้ังยังช่วยส่งเสริมให้คนเพชรบุรีและคนภายนอกหันมาสนใจในศิลปวัฒนธรรมของเมืองเพชร กันมากขึน้ และสง่ ผลดตี ่อแม่นา้ เพชรบรุ ีเพราะแมน่ ้าเพชรบรุ ถี กู ทา้ ลายไปมากทั้งจากการถมแม่น้า การรุกล้าแม่น้า การท้ิงขยะและของเสียลงแม่น้า หากมีการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวคนจะได้หัน มาใส่มาใส่ใจดูแลแม่น้าเพชรบุรีให้มากข้ึน โดยผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวต้องการมีส่วนร่วมในการ พัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี วในดา้ นตา่ ง ๆ ดังนี้ 1. ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวก 2. ด้านการจัดการภูมิทศั น์ 3. ดา้ นการบรกิ ารทางการท่องเทยี่ ว ในเบือ้ งต้นของการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวเสนอให้ท้าฝายน้า ล้นเพ่ือกักเก็บน้าในแม่น้าเพชรบุรีให้มีปริมาณเพียงพอส้าหรับการล่องเรือ นอกจากนี้ผู้ดูแลแหล่ง
118 ทอ่ งเทีย่ วยงั เสนอให้มกี ารปรบั ปรงุ ทา่ น้าบริเวณรมิ สองฝัง่ แม่น้าเพชรบุรีให้พร้อมส้าหรับการใช้งาน และท้าจุดจอดเรือส้าหรับการข้ึน-ลง ท้ังนี้ควรมีการปรับสภาพภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเท่ียวและ ชุมชน ตลอดจนริมสองฝ่ังของแม่น้าเพชรบุรีให้มีความสวยงาม โดยในด้านการบริการทางการ ทอ่ งเทยี่ วนน้ั แหล่งทอ่ งเทย่ี วแต่ละแห่งมีการข้ันพื้นฐานส้าหรับให้บริการอยู่แล้ว คือ แผ่นพับข้อมูล และหนังสือแนะน้าแหล่งท่องเที่ยว ท้ังน้ีผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวให้ความคิดเห็นถึงปัญหาและ อปุ สรรคท่ีอาจจะเกดิ ข้ึนในการพัฒนาเสน้ ทางท่องเทีย่ ววฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบุรี คอื 1. ปัญหาปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรี เน่ืองจากปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีไม่ได้ มตี ลอดทั้งปซี ่งึ ปริมาณอาจไม่เพียงพอตอ่ การลอ่ งเรือ 2. ปัญหาดา้ นผูน้ ้า คือ ยงั ขาดผทู้ จี่ ะมาเปน็ แกนน้าในการพฒั นาการท่องเทยี่ ว 3. ปญั หาด้านโครงสรา้ งการบรหิ ารจัดการของแหลง่ ท่องเท่ยี ว ในทีน่ ี้ คือ 3.1 วัดพระทรง ประสบปัญหาชาวบ้านเข้ามาอาศัยอยู่ในพ้ืนที่ของวัดซ่ึง เปน็ อปุ สรรคตอ่ การพฒั นาพืน้ ท่ีของวัด 3.2 วัดเกาะ ประสบปัญหาการบริหารจัดการเน่ืองจากเจ้าอาวาสชรา ภาพมากแล้ว และไมไ่ ดม้ อบอ้านาจในการบริหารจดั การวัดให้แก่ผู้ใด 3.3 พระรามราชนิเวศน์ ประสบปัญหาในการพัฒนา คือ พระรามราช นิเวศนต์ ้งั อยู่ในพืน้ ทีข่ องมณฑลทหารบกท่ี 15 (ทหารบกเพชรบุรี) การจะพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว มีความเกี่ยวขอ้ งกบั ความปลอดภัยของหน่วยงานทหาร เนื่องจากภายในเขตทหารบกเพชรบุรีเป็น ที่ต้ังของคลังกระสุนและถังน้ามัน อีกท้ังการเข้า-ออกในพื้นท่ีต้องท้าการแลกบัตรกับทางสารวัตร ทหาร 5.2 แนวทางการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแมน่ าเพชรบุรี จากผลการศึกษาการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี แนวทาง ในการพัฒนามี ดงั นี้ 1. การปรับปรุงแม่น้าเพชรบุรี เนื่องจากแม่น้าเพชรบุรีประสบปัญหาภาวะตื้นเขิน ดังน้ันก่อนการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวจึงควรส้ารวจเส้นทางในแม่น้าเพชรบุรีและขุดลอกแม่น้า เพชรบุรี หรือท้าฝายน้าล้นเพื่อเก็บกักน้าในแม่น้าเพชรบุรีให้มีปริมาณเพียงพอแก่การล่องเรือ รวมถึงการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ของเมือง ชุมชน และแหล่งท่องเท่ียว เช่น การปลูกต้นไม้เพื่อให้ เกิดความรม่ ร่นื หรอื การร้ือถอนอาคารส่งิ ก่อสรา้ งทไี่ ม่เกี่ยวขอ้ งกับพื้นทอ่ี อกไป
119 2. สา้ รวจแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วในเขตเทศบาลเมอื ง หรอื แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในเส้นทาง ท่องเท่ียวเพ่ือดูความพร้อมและส่ิงท่ีต้องปรับปรุงภายในแหล่งท่องเท่ียว เพื่อให้พร้อมรองรับ การทอ่ งเทย่ี วทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ 3. ควรใหช้ ุมชนและแหล่งทอ่ งเทย่ี วเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและการจัดการ เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ว รวมถงึ ประสานความรว่ มมอื ในการพัฒนากบั หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง 4. รูปแบบทางการท่องเท่ียวควรเป็นการท่องเที่ยววัฒนธรรม เนื่องจากแหล่ง ท่องเท่ียวในเขตเทศบาลเมืองล้วนแล้วแต่เป็นสถานท่ีที่รวบรวมไว้ซ่ึงมรดกทางวัฒนธรรม โดยใช้ แม่น้าเพชรบรุ เี ปน็ เส้นทางหลักในการสัญจรและแวะชมชุมชน มรดกทางวัฒนธรรม และจุดต่าง ๆ ภายในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ในที่นี้ผู้วิจัยแบ่งเส้นทางท่องเที่ยวออกเป็นทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน ดังภาพ
120 ภาพท่ี 5.1 แผนท่ีเสน้ ทางท่องเท่ียววฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบรุ ี จากแผนท่ีผ้วู ิจยั ได้แบ่งเสน้ ทางท่องเท่ียวออกเป็นทัง้ หมด 4 จุด ดงั นี้ 1. จุดท่ี 1 สีส้ม คือ พระรามราชนิเวศน์อยู่ในพื้นที่ของมณฑลทหารบกท่ี 15 (ทหารบกเพชรบุร)ี 2. จดุ ท่ี 2 สชี มพู คือ วัดเกาะและชุมชนวัดเกาะ 3. จดุ ที่ 3 สีมว่ ง คือ วดั มหาธาตแุ ละวัดพลบั พลาชัยอยใู่ นพ้ืนที่ของชุมชน พระปรางค์ 4. จดุ ที่ 4 สีเขียว อยู่ในพืน้ ทขี่ อง 2 ชุมชน คอื
121 4.1 วดั พระทรงและวัดไผล่ ้อมอยใู่ นพ้ืนทีข่ องชุมชนหนา้ พระลาน 4.2 วัดใหญ่สุวรรณารามและวัดก้าแพงแลงอยู่ในพ้ืนท่ีของ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก 5. การเตรียมความพร้อมด้านสิ่งอ้านวยความสะดวกและการบริการทางการ ท่องเที่ยว โดยจัดการด้านสิ่งอ้านวยความสะดวก อาทิ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ป้ายบอกเส้นทาง ทจ่ี ะไปแหล่งทอ่ งเที่ยวตา่ ง ๆ เครอ่ื งถอนเงนิ อตั โนมตั ิ ตูโ้ ทรศัพทส์ าธารณะ เปน็ ตน้ 6. เตรียมความพร้อมด้านการขนส่งท้ังทางน้าและทางบกไม่ว่าจะเป็นรถและเรือ โดยจัดจุดจอดเรือตามแหล่งท่องเท่ียวท่ีอยู่ริมน้า และท่ารถส้าหรับบริการนักท่องเท่ียวในแหล่ง ทอ่ งเทีย่ วที่ไม่ได้อยู่รมิ น้า เชน่ รถสามลอ้ ถีบ หรอื รถเล้ง (รถสองแถวสีขาวขนาดเล็ก) 7. การประชาสัมพันธ์ จัดการเรื่องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวท่ีจะ เกิดข้นึ เพ่อื ใหน้ กั ท่องเที่ยวได้รบั ทราบว่ามีรปู แบบการท่องเทย่ี ววัฒนธรรมทางนา้ ในแมน่ า้ เพชรบุรี 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ขอ้ เสนอแนะต่อชุมชน ข้อเสนอแนะต่อชุมชนในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี สรุปเป็นประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. ด้านการบริหารจัดการท่องเท่ียว ควรมีการจัดการการท่องเท่ียวที่ดีและเป็น ระบบ โดยชุมชนมีส่วนร่วมในแต่ละข้ันตอน รวมถึงเปิดโอกาสให้สมาชิกในชุมชนได้ร่วมแสดง ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะต่าง ๆ ที่เกยี่ วข้องกับการพัฒนา การบริหารจัดการ เพื่อให้เศรษฐกิจ ของชุมชนดีข้ึนและให้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ที่แท้จริง รวมถึงการส้ารวจแหล่งท่องเท่ียว มรดก วัฒนธรรมของชุมชนเพื่อพรอ้ มรับกับการพฒั นาการทอ่ งเท่ียว 2. การสนับสนุนจากภาครัฐ หน่วยงานหลักและหน่วยงานภาครัฐต้องให้การ สนับสนุนชุมชนอย่างจริงจังท้ังทางด้านนโยบายและด้านงบประมาณ ผู้น้าต้องมีความเข้าใจใน ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเทยี่ ว ทง้ั นี้การพัฒนาการท่องเที่ยวต้องท้าให้ครบวงจรโดยประสาน ความรว่ มมือกบั ทางจังหวัด และทางจังหวดั ตอ้ งเปน็ ตวั หลกั ในการขบั เคล่ือนการพัฒนา 3. การบรกิ ารทางการท่องเทยี่ ว ควรมีความพร้อมในการเตรียมการท้าท่าเรือ โดย จัดท่าเรือส้าหรับเป็นจุดขึ้นและลงในแต่ละจุดและมีรถบริการส้าหรับน้าเที่ยว โดยราคาควรเป็น มาตรฐานและยุตธิ รรม รวมถงึ การใหค้ วามรู้แก่นกั ทอ่ งเท่ียวโดยมัคคเุ ทศก์ทอ้ งถ่ิน
122 4. รูปแบบทางการท่องเที่ยว ควรจัดตารางการท่องเท่ียวโดยก้าหนดระยะเวลา การท่องเที่ยวให้เหมาะสมในแต่ละจุด ทั้งน้ีควรระบุว่านักท่องเที่ยวควรไปเท่ียวชมสิ่งใดในเขต เทศบาลเมืองเพชรบุรี อีกท้ังต้องมีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวภายในเขตเทศบาลเมืองเข้า ด้วยกันท่ีส้าคัญ คือ ต้องมีการประสานความร่วมมือกับคนในท้องถ่ิน อีกทั้งหากปริมาณน้าใน แม่น้าเพชรบุรีมีมากพอก็สามารถจัดให้เป็นตลาดน้าได้แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ท้งั จากทางเทศบาล องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั และชาวบ้านในพ้นื ท่ี 5. การปรับสภาพภูมิทัศน์ เม่ือจะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวควรมีการปรับสภาพ ภูมิทัศน์ริมสองฝ่ังแม่น้าเพชรบุรีให้มีความสวยงาม โดยอาจจัดเป็นโครงการหน้าบ้านน่ามองท้ัง บา้ นทอี่ ย่รู มิ แม่น้าเพชรบรุ ีและบา้ นทีอ่ ยใู่ นเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี 6. การทา้ เขื่อนน้าล้น เพ่ือเก็บกักน้าในแม่น้าเพชรบุรีให้มีปริมาณเพียงพอแก่การ ล่องเรอื 5.3.2 ขอ้ เสนอแนะตอ่ แหล่งท่องเท่ียว ข้อเสนอแนะต่อแหล่งท่องเท่ียวในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรี สรุปเป็นประเดน็ ต่าง ๆ ได้ ดงั นี้ 1. ควรมีความร่วมมือระหว่างแหล่งท่องเท่ียวและชุมชน โดยชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง กับแหล่งทอ่ งเทีย่ วเป็นส่วนท่ีส้าคัญที่สุดในการพฒั นาที่จะช่วยดูแลและรักษาทรัพยากรวัฒนธรรม ดังนนั้ จึงควรเกิดความรว่ มมอื กันระหวา่ งแหล่งทอ่ งเท่ยี วและชุมชนในการพัฒนาการท่องเที่ยวและ เปน็ หูเปน็ ตาใหแ้ กก่ ัน อีกทง้ั ควรปลกู ฝังให้คนในชมุ ชนมจี ิตสา้ นกึ ในการอนรุ ักษ์ มีจติ รบั ผดิ ชอบ 2. ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ควรให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการ พัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยวทัง้ ไม่วา่ จะเป็นภาคประชาชน สถานศกึ ษา และภาครฐั 3. ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ของแหล่งท่องเท่ียว โดยแหล่งท่องเท่ียวประเภทวัดซึ่ง เป็นศาสนสถานควรมีการแบ่งเขตอย่างชัดเจนระหว่างพื้นท่ีของเขตสังฆาวาส เขตพุทธาวาส และ เขตบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงจัดท้าป้ายข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว สิ่งที่ ควรชมของแหล่งท่องเที่ยว และข้อควรปฏบิ ัตขิ องนักท่องเทย่ี ว 4. ในส่วนของพระรามราชนิเวศน์อาจจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารับผิดชอบและดูแล ในด้านของการท่องเท่ียวโดยตรงเพ่ือเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาพ้ืนท่ีเพื่อรองรับการพัฒนาการ ทอ่ งเท่ยี ว
123 5.4 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครังตอ่ ไป 1. เน่ืองจากการศึกษาในครั้งน้ีศึกษาเส้นทางท่องเท่ียวท่ีอยู่ในเขตเทศบาลเมือง เพรชบุรีเท่าน้ัน ท้ังนี้นอกเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรียังมีมรดกทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาว เพชรบุรีที่น่าสนใจ รวมถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังน้ันการศึกษาในคร้ังต่อไปสามารถ ศึกษาเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้าเพชรบุรีเพ่ิมเติมจากเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี และสามารถศึกษา เส้นทางท่องเท่ียวระหว่างแม่น้าท่ีเช่ือมโยงกับแม่น้าเพชรบุรี คือ แม่น้าบางปะกงและแม่น้า เจ้าพระยา 2. เน่ืองจากการศึกษาในคร้ังน้ีศึกษาเพียงความคิดเห็นของตัวแทนชุมชนและ ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว ในการศึกษาคร้ังต่อไปควรศึกษาเพิ่มเติมถึงความคิดเห็นของประชาชนท่ี อาศัยอยใู่ นเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ความคิดเห็นของนักท่องเที่ยว และความคิดเห็นหน่วยงานที่ เก่ยี วข้องกับการพฒั นาการท่องเทยี่ วทงั้ ภาครฐั และภาคเอกชน
124 รายการอา้ งองิ หนงั สอื และบทความในหนงั สอื กรมศลิ ปากร. (2502). รวมเร่ืองเพชรบรุ .ี กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์วัฒนาพานิช. กระทรวงศึกษาธิการ กรมการฝึกหัดครู หน่วยศึกษานิเทศก์. (2533). การท่องเท่ียว. กรุงเทพฯ: สานกั งานสถาบันราชภฎั . กุศล เอ่ยี มอรุณ. (2551). “นายรอบร”ู้ นักเดนิ ทาง: เพชรบรุ ี. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พส์ ารคดี. เกรียงไกร เกิดศิริ. (2551). ชมุ ชนกับภูมิทัศนว์ ฒั นธรรม. กรงุ เทพฯ: อุษาคเนย์. เกรยี งไกร วัฒนาสวัสด.์ิ (2552). ปริทรรศน์นวตั กรรม. กรงุ เทพฯ: สมุ นพับลิชชิ่ง จากดั . กองอนุรักษ์ การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย. (2544). แผนปฏิบัติการท่องเท่ียวเชิงนิเวศแห่งชาติ. กรงุ เทพฯ: บริษัท อัลซา จากดั . คณะกรรมการโบราณสถานแหง่ ชาตวิ ่าด้วยสภาการโบราณสถานแห่งประเทศไทย (อิโคโมสไทย). (2550). การอนุรักษ์และพัฒนามรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในแนวทาง บูรณาการขา้ มศาสตร์. กรงุ เทพฯ: อมรินทร์พร้ินติง้ แอนด์พัลลิชชิง่ จากดั . จฑุ าทพิ ย์ เจริญลาภ, รุ่งทพิ วอ่ งปฏิการ, ดรรชนี เอมพันธุ์, ยุวดี นิรัตน์ตระกูล, สินชัย กระบวนแสง , ชนัญ วงษ์วิภาค และคนอื่นๆ. (2550). เอกสารการสอนชุดวิชาการจัดการ ทรัพยากรการท่องเท่ียว(Tourism resource management). นนทบุรี: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. เจมส์ แอล เครย์ตัน. (2551). ค่มู ือการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน การตัดสินใจที่ดีกว่าโดยให้ชุมชนมี ส่วนร่วม (วันชัย วฒั นศักดิ์, ถวิลวดี บรุ กี ลุ , และ เมธิศา พงษ์ศักดิ์ศรี, บรรณาธิการ และ ผ้แู ปล). ขอนแกน่ : โรงพมิ พศ์ ิรภิ ัณฑ์ ออฟเซท็ . ฉนั ทชั วรรณถนอม. (2547). การวางแผนและการจดั รายการนาเทีย่ ว. กรงุ เทพฯ: เฟื่องฟา้ พริน้ ติ้ง. ฉลองศรี พิมลสมพงศ.์ (2542). การวางแผนและพฒั นาตลาดการท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. ชนัญ วงษ์วิภาค, สว่าง เลิศฤทธิ์, อมรชัย คหกิจโกศล และ ลักษณ์ บุญเรือง. (2547). การจัดการ ทรัพยากรทางวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร. ณรงค์ โพธิพ์ ฤกษานนั ท์. (2550). ระเบียบวิธีวจิ ยั . กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
125 ดนัย ไชยโยธา และสุวิทย์ จาปา. (2549). การวิจัย: โครงสร้าง แนวคิด และหลักการ. กรุงเทพฯ: โอเดยี น สโตร์. ตุ้ย ชุมสาย ,ม.ล. และญิบพัน พรหมโยธี. (2527). ปฐมบทแห่งวิชาการท่องเท่ียว. กรุงเทพฯ: ไทย วัฒนาพานชิ . ทวีป ศิริรัศมี บรรณาธิการ. (2547). รวมบทความวิจัย: การท่องเที่ยว ชุดโครงการนโยบายและ แผนอตุ สาหกรรมทอ่ งเที่ยว 2547. กรุงเทพฯ: สานกั งานกองทุนสนับสนนุ การวจิ ัย. นิศา ชัชกุล. (2550). อุตสาหกรรมการท่องเท่ียว. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. บุญเลิศ จิตต้ังวัฒนา. (2548). การพัฒนาการท่องเท่ียวแบบอย่างยั่งยืน. กรุงเทพฯ: บริษัท เพรส แอนด์ ดีไซน์ จากดั . บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2548). อุตสาหกรรมการท่องเท่ียว. กรุงเทพฯ: บริษัท เพรส แอนด์ ดีไซน์ จากดั . บญุ เลศิ จติ ตง้ั วัฒนา. (2549). การพัฒนาและการอนุรักษ์แหล่งท่องเท่ียว. กรุงเทพฯ: บริษัท เพรส แอนด์ ดีไซน์ จากดั . บญุ เลศิ จิตตงั้ วฒั นา. (2551). ระเบยี บวิจยั ทางการท่องเท่ียว. กรงุ เทพฯ: บรษิ ทั ธรรมสาร จากดั . พิสฐิ เจรญิ วงศ.์ (2550). รวมบทความเกี่ยวกบั “การจดั การทรัพยากรวฒั นธรรม”. กรุงเทพฯ. ภราเดช พยัฆวิเชียร. (2543). ถามอย่างคดิ (หลาย) อย่าง. กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์รว่ มด้วยช่วยกนั . มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวนศาสตร์. (2545). รายงานข้ันสุดท้าย แผนปฏิบัติการ พัฒนาการท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสนอต่อ การ ท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ. มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2544). รายงานฉบับสุดท้าย โครงการรักษาเอกลักษณ์ของ สถาปัตยกรรมท้องถิ่นและส่ิงแวดล้อมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จังหวัดเพชรบุรี. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร. ยศ สันตสมบัติ และคณะผู้วิจัย. (2544). การท่องเท่ียวเชิงนิเวศ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการจัดการทรัพยากร. กรงุ เทพฯ: โครงการพฒั นาความรู้และศึกษานโยบายการ จัดการทรพั ยากรชีวภาพในประเทศไทย. รัชนี เอมะรุจิ (บรรณาธิการ). (2546). แม่น้าเพชรบุรี: แม่น้า 1 สายใน 1 เมือง. กรุงเทพฯ: กรม สง่ เสรมิ คณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ ม กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม.
126 วิมล โรจพันธ์, ประชิด สกุณะพัฒน์ และ อุดม เชยกีวงศ์. (2548). การท่องเท่ียวเชิงนิเวศ. กรุงเทพฯ: แสงดาว. วรรณพร วณิชชานุกร. (2540). การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์. กรุงเทพฯ: กองวิชาการและฝึกอบรม การทอ่ งเที่ยวแหง่ ประเทศไทย. วรรณา วงษ์วาณิช. (2546). ภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ศรีศักร วัลลิโภดม. (2551). ความหมายของภูมิวัฒนธรรม การศึกษาจากภายในและสานึกของ ท้องถ่นิ . กรงุ เทพฯ: มลู นธิ เิ ล็ก-ประไพ วริ ิยะพนั ธุ์. สุดารา สุจฉายา (บรรณาธิการ). (2547). “นักเดินทาง...เพื่อความเข้าใจในแผ่นดิน”: เพชรบุรี. กรุงเทพฯ: สารคดี. สุภางค์ จันทวานิช. (2534). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ, พิมพ์ครั้งท่ี 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สถาบันไทยศึกษา ฝ่ายวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2534). เอกสารประกอบการสัมมนาทาง วิชาการเร่ือง เพชรบุรี: พัฒนาการทางสังคม และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . สันติชัย เอ้ือจงประสิทธิ์. (2549). การบริหารท่องเที่ยวเชิงกลยุทธ์. กรุงเทพฯ: บริษัท สามเจริญ พาณิชย์ (กรุงเทพ) จากัด. สมบรู ณ์ แกน่ ตะเคยี น. (2525). สมดุ เพชรบรุ ี 2525. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พเ์ รอื นแกว้ การพิมพ์. สานักพัฒนาแหล่งท่องเท่ียว สานักงานพัฒนาการท่องเท่ียว กระทรวงการท่องเท่ียวและกีฬา . (2550). คมู่ ือการพัฒนาและประเมินคุณภาพแหลง่ ท่องเทีย่ ว. กรงุ เทพฯ. เสยย์ เกิดเจริญ. (2542). พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัวกับเมืองเพชรบุรี. เพชรบุรี: บริษัท เพชรภูมกิ ารพิมพ์ จากัด. สายันตร์ ไพชาญจิตร์. (2547). การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมในงานพัฒนาชุมชน. กรุงเทพฯ: โครงการโบราณคดีชุมชน ภาควิชาการพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. อิโคโมสไทย. (2550). การอนุรักษ์และการพัฒนามรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างย่ังยืนในแนวทาง บูรณาการข้ามศาสตร์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริน้ ต้ิงแอนดพ์ ัลลซิ ซงิ่ . David, W. H. (1993). Passport: an introduction to the travel and tourism industry. N.P. South Western Publishing.
127 Department of International Training Center. United Nations. (1981). Farahani. H. Z. and Musa G. (2008) Residents’ attitude and perception towards tourism development: A case study of Masooleh, Iran. Elsevier. Girard, L. F. and Nijkamp, P. (2009). Cultural Tourism and Sustainable Local Development. England: Ashgate. Richards, G. (2007). Cultural tourism: global and local perspectives. New York: The Haworth Hospitality Press. Reid, N. J. (2002). Community Participation: How People Power Brings Sustainable Benefits to Communities. USDA Rural Development, Office of Community Development. United Nation Development Programme (UNDP). (2003). Thailand Human Development Report 2003. Bangkok. บทความในวารสาร หนังสอื พมิ พ์ สารานกุ รม กุลธดิ า สามะพุทธิ. (กรกฎาคม-กันยายน 2544). “การทอ่ งเท่ียวทางวัฒนธรรม: ทางเลือกใหม่ของ การเดนิ ทาง”. จลุ สารการทอ่ งเท่ียว, 3, 38. นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว. (ตุลาคม-ธันวาคม 2534). หม้อตาลเมืองเพชรบุรี. เมืองโบราณ, 17(1), 111- 121. ประเวศ วะสี. (กรกฏาคม-กันยายน 2544). การพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน. จุลสารการ ท่องเทีย่ ว, 3, 5-10. ภราเดช พยัฆวิเชียร. การพัฒนาวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว. เอกสารประกอบการสัมมนาทาง วชิ าการเรือ่ ง “เทยี่ วพพิ ธิ ภณั ฑ์ สร้างสรรคก์ ารเรียนรู้ เชดิ ชวู ัฒนธรรม”. 2544 รัชตะ ตั้งศิริพัฒน์ และ วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร. (พฤศจิกายน-ธันวาคม 2546). การวิเคราะห์ผู้มี สว่ นได้ส่วนเสยี . วารสารวชิ าการสาธารณสขุ , 865-868. ศรัณย์ ทองปาน. (ตุลาคม-ธันวาคม 2534). ไปเมืองเพชรบุรินที่ถ่ินหวาน. เมืองโบราณ, 17(1), 9- 16. ศรีศักร วัลลิโภดม. (ตุลาคม-ธันวาคม 2534). เพชรบุรีกับความเป็นนครประวัติศาสตร์. เมือง โบราณ, 17(1), 17-42.
128 เสนอ นิลเดช. (ตุลาคม-ธันวาคม 2534). งานปูนป้ัน เอกศิลปะแห่งเพชรบุรี. เมืองโบราณ, 17(1), 81-89. Hamira Zamani-Farahani and Ghazali Musa. (2008). Residents’ attitudes and perception towards tourism development: A case study of Masooleh, Iran. Retrieved 7 January 2010 from http://www.sciencedirect.com เอกสารอื่นๆ (วารสารสาระสงั เขป วิทยานิพนธ์ เอกสารอ่ืนๆ ที่ไมไ่ ดต้ ีพมิ พ)์ จิราวรรณ กาวิละ. (2544). ทางเลือกของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กรณีศึกษาหมู่บ้านวัวลาย อ า เ ภ อ เ มื อ ง จั ง ห วั ด เ ชี ย ง ใ ห ม่ . วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ป ริ ญ ญ า ม ห า บั ณ ฑิ ต . มหาวิทยาลยั เชียงใหม่. เนตรชนก นันที. (2544). การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม: กรณีศึกษาชุมชนวัดพระบาท ห้ ว ย ต้ ม อ า เ ภ อ ลี้ จั ง ห วั ด ล า พู น . วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ป ริ ญ ญ า ม ห า บั ณ ฑิ ต , มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม.่ เบญจา จันทร. (2545). แนวทางการพัฒนาตลาดดอนหวาย อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน. ปริญญา มหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเชียงใหม.่ พิสิฐ เจริญวงศ์. (2542). พระเจ้าอยู่หัวกับการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม. เอกสารประกอบการ บรรยาย ณ ศูนยม์ านุษยวทิ ยาสิรนิ ธร มหาวิทยาลัยศลิ ปากร 14 กรกฎาคม 2542. วิชร นันต๊ะยานา, รณิดา ปิงเมือง, วัลทนา ภู่มา, ไพรัช โรงสะอาด และบรรเจิด ภูสมศรี. (2549). แนวทางในการพัฒนาเมืองท่องเที่ยวคู่กับเมืองอุตสาหกรรม: กรณีศึกษาจังหวัด เชยี งราย. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์, สานักประสานงานการพัฒนาและจัดการการ ทอ่ งเทีย่ วเชงิ พื้นทอี่ ย่างยง่ั ยนื สานกั งานกองทุนสนับสนุนการวจิ ัย. ศรายุทธ์ ผลโพธ์ิ. (2549). การพัฒนาการท่องเที่ยวทางน้า: กรณีศึกษาเส้นทางแม่น้าเจ้าพระยา ระหว่างกรุงเทพมหานครถึงพระนครศรีอยุธยา. ปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ศศธิ ร รุ่งกิจเลิศสกุล และคณะ. (2550). แนวทางการพัฒนาการท่องเท่ียวเชิงสปาจากแหล่งน้าแร่ ธรรมชาติในจังหวัดเชียงราย. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ชุดโครงการพัฒนาและ
129 จัดการทองเท่ียวเชิงพื้นท่ีอยางยั่งยืนกลุมลานนา จังหวัดเชียงราย, มหาวิทยาลัย ราชภัฏเชียงราย. อัญชลี รุ่งชัยยันต์. (2545). การพัฒนาการท่องเที่ยวทางเรือล่องแม่น้าแม่ปิง: กรณีศึกษาเส้นทาง วัดชัยมงคล-ท่าหลุก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณั ฑิต, มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. สัมภาษณ์ กอบแก้ว ไชยสมนกึ . คณะกรรมการชุมชนวัดเกาะ. สัมภาษณ์, 19 มนี าคม 2553. ปยิ พร ทรพั ย์มนตร.ี คณะกรรมการชมรมอนรุ กั ษ์วัดไผ่ลอ้ ม. สัมภาษณ์, 8 กมุ ภาพันธ์ 2553. ผูด้ ูแลพระรามราชนเิ วศน.์ สมั ภาษณ,์ 16 มิถนุ ายน 2553. พระครูปริยธรรมวัติ. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพ ระอารามหลวง วัดมหาธาตุ. สัมภาษณ์, 13 พฤษภาคม 2553. พระครูวัชรสุวรรณาทร. ผูช้ ่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดใหญส่ วุ รรณาราม รองเจ้าคณะอาเภอ จังหวัดเพชรบุร.ี สมั ภาษณ์, 13 พฤษภาคม 2553. พระชมภู เงินทอง. ดูแลรับผิดชอบด้านการต้อนรับหมู่คณะและบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับวัด วัดพลบั พลาชยั .สมั ภาษณ์, 12 พฤษภาคม 2553. พระอธิการศราวุธ สุทสฺ โี ล. เจา้ อาวาสวัดกาแพงแลง. สมั ภาษณ์, 8 เมษายน 2553. พระอธิการสมยศ ปริสุทโธ. เจา้ อาวาสวัดพระทรง. สมั ภาษณ,์ 12 พฤษภาคม 2553. ยพุ ดี รกั ษเ์ จียม. คณะกรรมการชมุ ชนหนา้ พระลาน. สัมภาษณ,์ 28 มีนาคม 2553. วิฑรู ย์ คมุ้ หอม. นักวชิ าการอสิ ระ. สัมภาษณ์, 6 กรกฎาคม 2552. ไวพจน์ นอ้ ยจารัส. ประธารชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก. สมั ภาษณ์, 19 มีนาคม 2553. สมใจ ผวิ ผ่อง. ประธารชุมชนพระปรางค์. สมั ภาษณ,์ 8 เมษายน 2553. เสรมิ พลู เกิด. คณะกรรมการมลู นิธเิ กาะแกว้ สทุ ธาราม วดั เกาะ. สมั ภาษณ,์ 28 มนี าคม 2553. ขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนกิ ส์ จงั หวัดเพชรบุรี. เกยี่ วกับแนวนโยบาย ทิศทางการพฒั นา และแนวทางการขบั เคลอ่ื นยทุ ธศาสตร์ ของจังหวดั เพชรบุร.ี สืบคน้ เมือ่ วันท่ี 18 มิถุนายน 2552, จาก http://www.phetchaburi.go.th/data/stucker51_2.pdf
130 กจิ กรรมและประเพณขี องจังหวัดเพชรบรุ ี. เก่ียวกับกจิ กรรมและประเพณขี องจังหวดั เพชรบรุ .ี สบื ค้นเม่ือวันที่ 22 มิถนุ ายน 2552, จาก http://www.phetchburi- travelguide.in.th/THAI/festival-celebrations.php การวเิ คราะหผ์ ู้มีส่วนไดส้ ่วนเสยี . เก่ยี วกับการวิเคราะห์ผ้มู สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย. สืบค้นเม่ือวันที่ 3 กรกฎาคม 2552, จาก http://www.serd.ait.ac.th/ump/html/st.htm แผนพฒั นาจังหวดั เพชรบุรี พ.ศ. 2553-2556. เกย่ี วกบั การพัฒนาเมืองเพชรบุรีด้านการท่องเท่ยี ว. สืบค้นเมื่อวนั ที่ 7 พฤศจิกายน 2552, http://www.phetchaburi.go.th/data/plan53_56.pdf กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. เกย่ี วกับจานวนประชากรในเขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ .ี สืบคน้ เมื่อวันท่ี 7 พฤศจกิ ายน 2552, จาก http://www.dopa.go.th/xstat/p5176_05.html ภาพการสญั จรในแม่นา้ เพชรบุรีเม่อื ครงั้ อดีต, สืบค้นเมอ่ื วันที่ 10 กมุ ภาพันธ์ 2554, จาก http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=stu40&id=24 ภาพการทากระบอกน้าตาลของชาวบ้านในอดีต, สบื คน้ เมื่อวันที่ 10 กมุ ภาพันธ์ 2554 จาก, http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=stu40&id=24 ภาพประเพณกี ารแห่เรือองค์ของเมืองเพชรบรุ ,ี สืบคน้ เม่ือวนั ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554, จาก http://www.oknation.net/blog/peekung/2009/10/15/entry-1/comment
ภาคผนวก
131 ภาคผนวก ก โครงคาถามในการสมั ภาษณ์ชมุ ชน 1. ขอ้ มลู พนื้ ฐานของผู้ที่ให้การสมั ภาษณ์ - ชื่อ-สกลุ - บทบาทหนา้ ทีภ่ ายในชมุ ชน 2. คาถามในการสัมภาษณ์ 1. แมน่ ้าเพชรบุรจี ากอดีตถึงปจั จบุ ันเป็นอย่างไรบา้ งในด้านตา่ งๆ เหลา่ น้ี 1.1 ดา้ นการคมนาคม 1.2 ด้านการอปุ โภค,บริโภค 1.3 ด้านวัฒนธรรม,ประเพณี 2. ทรัพยากรทางวฒั นธรรมริมสองฝงั่ แมน่ ้าเพชรบุรีมอี ะไรบ้าง 3. จุดเดน่ ของชมุ ชนของท่านมอี ะไรบ้าง 4. กิจกรรมภายในชมุ ชนของท่านมีอะไรบา้ งในด้านเหลา่ น้ี 4.1 กจิ กรรมทางด้านวฒั นธรรม 4.2 กิจกรรมทางดา้ นสงั คม 5. คนในชุมชนมีส่วนร่วมกบั กจิ กรรมต่างๆ ของชมุ ชนอย่างไรบา้ ง 6. การทอ่ งเที่ยวภายในชุมชนเปน็ อย่างไร 7. ปจั จบุ ันชมุ ชนมกี ารจัดการท่องเท่ียวด้านใดบ้าง 8. ปัจจุบนั ชุมชนมีการจัดการท่องเท่ียวอย่างไร 9. ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการการท่องเทีย่ วภายในชุมชน 10. เคยมีการท่องเที่ยวทางเรอื ในแม่น้าเพชรบุรีหรือไม่ 11. ทา่ นมคี วามคิดเห็นอย่างไรหากมกี ารพฒั นาการท่องเทยี่ วทางเรอื ในแมน่ ้า เพชรบุรี 12. ในความคิดเหน็ ของท่านการพฒั นาการท่องเทีย่ วทางเรือในแมน่ ้าเพชรบรุ ีจะทา้ ให้วฒั นธรรม ประเพณีของชมุ ชนได้รบั ความสนใจจากคนภายนอกมากขึน้ หรือไม่ 13. ทา่ นคิดวา่ การพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีจะทา้ ให้คนชุมชนเกิด ความรกั และหวงแหนในทรพั ยากรวฒั นธรรมของท้องถ่ินหรือไม่
132 14. ถ้าหากมีการพัฒนาการท่องเทย่ี ววฒั นธรรมพืน้ ท่ีริมฝงั่ แม่น้าเพชรบรุ ี ชุมชน ต้องการมีสว่ นร่วมในด้านตา่ งๆ เหล่านีอ้ ย่างไรบา้ ง 14.1 ดา้ นการดา้ เนินงานด้านการท่องเที่ยว 14.2 ดา้ นบรกิ ารทางการท่องเทย่ี ว 14.3 ดา้ นการให้ข้อมูลแก่นกั ทอ่ งเทีย่ ว 14.4 ด้านการจา้ หนา่ ยของท่ีระลึก 15. ในความคิดเห็นของท่านหากมีการท่องเท่ียวทางเรือจะก่อให้เกิดการกระจาย รายได้ภายในทอ้ งถ่นิ หรือไม่ 16. ท่านคิดวา่ รูปแบบการท่องเทย่ี วทางเรือในแมน่ ้าเพชรบุรีควรเปน็ อยา่ งไร 17. ท่านคิดว่าอะไรคือปัญหาของการพัฒนาการท่องเทีย่ วทางเรอื ในแม่น้าเพชรบรุ ี 18. ทา่ นคิดว่าอะไรคืออุปสรรคของการพฒั นาการท่องเทยี่ วทางเรอื ในแม่นา้ เพชรบรุ ี 19. ท่านคิดว่าการฟื้นฟูการท่องเท่ียวทางเรือจะส่งผลกระทบต่อชุมชนหรือไม่ อย่างไร 20. ขอ้ เสนอแนะของท่านต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมพ้ืนที่ริมฝ่ังแม่น้า เพชรบุรี
133 ภาคผนวก ข โครงคาถามในการสมั ภาษณ์แหล่งทอ่ งเที่ยว 1. ขอ้ มลู พนื้ ฐานของผทู้ ี่ให้การสมั ภาษณ์ - ชื่อ-สกุล - หน้าทร่ี ับผิดชอบต่อแหล่งทอ่ งเทยี่ ว 2. คาถามในการสมั ภาษณ์ 1. ภาพรวมของการท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็น อยา่ งไรบ้าง 2. จดุ เดน่ ของแหลง่ ทอ่ งเที่ยวมอี ะไรบา้ ง 3. ทางแหล่งทอ่ งเทยี่ วมกี ารจัดการการทอ่ งเทีย่ วด้านต่างๆ เหล่าน้อี ยา่ งไรบ้าง 3.1 ด้านการบรกิ ารทางการท่องเท่ียว 3.2 ด้านสง่ิ อานวยความสะดวก 4. ทา่ นมีความคิดเหน็ อย่างไรหากมีการพัฒนาการท่องเท่ยี วเรือในแม่น้าเพชรบุรี 5. ทา่ นคดิ ว่าอะไรคือปญั หาต่อการพฒั นาการท่องเท่ียวทางเรือในแมน่ ้าเพชรบรุ ี 6. ท่านคิดว่าอะไรคืออุปสรรคของการพฒั นาการท่องเทย่ี วทางเรอื ในแม่นา้ เพชรบรุ ี 7. ถา้ หากมีการพฒั นาการท่องเทย่ี วทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีท่านจะให้ความร่วมมือ ด้านต่าง ๆ เหลา่ นีอ้ ย่างไรบ้าง 7.1 ดา้ นการจดั การพ้ืนท่ี 7.2 ดา้ นสิ่งอานวยความสะดวก 7.3 ด้านภมู ทิ ศั น์ 7.4 ดา้ นบรกิ ารทางการท่องเที่ยว 8. ทา่ นคดิ ว่ารปู แบบการท่องเที่ยวทางน้าควรเป็นอยา่ งไร 9. ในความคดิ เห็นของท่านการพัฒนการท่องเที่ยวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีจะทาให้ นักท่องเที่ยวสนใจงานศิลปะของแหลง่ ท่องเที่ยวมากข้นึ หรือไม่ 10. ข้อเสนอแนะของท่านต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมพ้ืนท่ีริมฝ่ังแม่น้า เพชรบรุ ี
134 ภาคผนวก ค ตารางเปรยี บเทียบความคิดเหน็ ของตัวแทนชุมชนและผู้ดแู ลแหล่งทอ่ งเที่ยวที่มตี อ่ การพฒั นาเส้นทางทอ่ งเท่ียววัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี ความคดิ เห็นต่อการพฒั นา ความคดิ เหน็ ของผดู้ แู ลแหลง่ เส้นทางทอ่ งเทย่ี ววฒั นธรรม ความคดิ เห็นของตัวแทนชมุ ชน ท่องเทย่ี ว แม่น้าเพชรบุรี 1. ความคิดเห็นต่อการพัฒนา - ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นท่ี - ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวมีความ เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า สอดคล้องกัน คือ สนับสนุนและเห็น คดิ เหน็ ท่ีแตกตา่ งกัน ดังนี้ เพชรบรุ ี ด้วยกับการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว 1. ก า ร พั ฒ น า เ ส้ น ท า ง วัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี ท่ อ ง เ ท่ี ย ว จ ะ ส่ ง ผ ล ดี ต่ อ เศรษฐกิจและก่อให้เกิดการ กระจายรายไดเ้ ขา้ สชู่ ุมชน 2. หากมีการพัฒนาเส้นทาง ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ ท่ า กั บ ไ ด้ ช่ ว ย รักษาศิลปะ วัฒนธรรม ของเมอื งเพชรบรุ ี 3. ก า ร พั ฒ น า เ ส้ น ท า ง ท่ อ ง เ ท่ี ย ว จ ะ ส่ ง ผ ล ดี ต่ อ แม่น้าเพชรบุรี ผู้คนจะได้ หันมาใส่ใจแม่น้าเพชรบุรี กันมากขึ้น 4. ก่อนการพัฒนาเส้นทาง ท่ อ ง เ ที่ ย ว ต้ อ ง พั ฒ น า บุคคลากรท่ีเก่ียวข้องกับ การพัฒนาเสยี กอ่ น 2. ความสนใจของคนเพชรบุรีและ - ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นว่าการ - ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมีความ นักท่องเท่ียวต่อศิลปวัฒนธรรม พัฒ นา เส้ นท า ง ท่ อง เท่ี ยว จะ ท้า ใ ห้ คิดเหน็ ท่ีสอดคลอ้ งกัน คือ การพัฒนา ของชุมชนและแหลง่ ท่องเท่ยี ว เม่ือ ศลิ ปวัฒนธรรมของเพชรบรุ เี ป็นทรี่ ้จู ักมาก เส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้า มีการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว ข้ึน เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยม มาชม เพชรบุรีจะเป็นอีกเส้นทางเลือกหนึ่ง วัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี ช า ว บ้ า น ก็ จ ะ เ กิ ด ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใ จ ใ น ของการท่องเที่ยวท่ีจะช่วยส่งเสริม ตัวเองและภาคภูมิใจในถ่ินฐานของตน และมีส่วนท้าให้คนหันมาสนใจใน เพราะศิลปวัฒนธรรม มรดกวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรมของเมืองเพชรกันมาก ของเมืองเพชรบุรีคนต่างถิ่นยงั เข้ามาดู ข้ึน
135 3. ความต้องการมีส่วนร่วมในการ - ชุมชนต้องการมีส่วนร่วมในการ - ผดู้ แู ลแหล่งทอ่ งเทีย่ วการตอ้ งการมี พัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยว พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวท้ังหมด 4 ส่ ว นร่ วม ใ น กา ร พั ฒน าเ ส้ น ทา ง ดา้ นดว้ ยกนั คอื ท่องเทยี่ วทั้งหมด 3 ด้านดว้ ยกัน คอื 1. ด้านการดา้ เนินงานด้านการ 1. ด้ า น สิ่ ง อ้ า น ว ย ค ว า ม ทอ่ งเทยี่ ว สะดวก 2. ด้ า น บ ริ ก า ร ท า ง ก า ร 2. ดา้ นการจัดการภูมิทศั น์ ท่องเทย่ี ว 3. ด้านการบริการทางการ 3. ด้ า น ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล แ ก่ ทอ่ งเที่ยว นกั ท่องเทีย่ ว 4. ด้านการจ้าหน่ายของที่ ระลกึ 4. ความคิดเห็นของชุมชนต่อการ - ตัวแทนชุมชนแสดงความคิดเห็นใน - ไม่ ไ ด้ สั ม ภ าษ ณ์ ผู้ ดู แ ล แ หล่ ง พัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวท่ีมีผลต่อ ประเด็นนี้ว่า การท่องเที่ยวจะเป็นอีก ท่องเท่ียวในประเดน็ นี้ การกระจายรายไดภ้ ายในชมุ ชน ทางหน่ึงในการการะจายรายได้เข้าสู่ ชุมชน โดยที่คนในท้องถิ่นจะได้ไม่ต้อง ไปท้างานที่อื่น เมื่อมีการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยวชาวบ้านในชุมชนจะ ได้น้าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และน้าสินค้า มาจ้าหน่ายให้แก่นักท่องเท่ียวได้อีก ทาง 5. รูปแบบเส้นทางท่องเที่ยว - ตวั แทนชุมชนเสนอรูปแบบทางของ - ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวให้ความ วัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี การ ท่ อง เ ท่ี ยวไว้ ว่ าค วร เป็นการ คิดเห็นถึงรูปแบบทางการท่องเที่ยว ท่องเที่ยววัฒนธรรม เนื่องจากจุดขาย วัฒนธรรมว่าควรเป็นการล่องเรือเพื่อ หลักของเมืองเพชรบุรี คือ ศิลปะ ชมวิถีชีวิตของผู้คนบริเวณริมสองฝ่ัง วัฒนธรรมของชุมชนและวัดวาอาราม แมน่ า้ เพชรบรุ ี ทรพั ยากรวฒั นธรรมริม ต่าง ๆ โดยควรจัดเป็นรายการน้าเที่ยว สองฝง่ั แมน่ า้ เพชรบุรี โดยสามารถเริ่ม ไปยังแหล่งท่องเท่ียว ชุมชนและจุดที่ ได้จากหลายจุดทั้งจากพระรามราช ส้าคัญในเขตเทศบาลเมอื งเพชรบรุ ี นิเวศน์หรือบริเวณหลังจวนผู้ว่าก็ได้ โดยสามารถศึกษารูปแบบของ ทั้งนี้ควรท้าท่าเรือ จุดส้าหรับข้ึน-ลง เส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมทางน้าท่ี เรือ รวมถงึ ด้านการขนสง่ ประสบความส้าเร็จเพื่อน้ามาปรับใช้ ในการพัฒนา อาทิ อัมพวา ตลาดน้า ตลิ่งชัน ตลาดน้าคลองลัดมะยม เป็น ตน้ 6. ปัญหาและอุปสรรคของการ - ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นว่า - ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวมีความ พั ฒ น า เ ส้ น ท า ง ท่ อ ง เ ท่ี ย ว ส่ิงที่อาจจะเป็นปัญหาและอุปสรรค คิดเห็นว่าสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157