Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือtitle-biography

หนังสือtitle-biography

Published by anu011972, 2019-06-05 04:47:48

Description: title-biography

Search

Read the Text Version

37 2. มติ ิดา้ นการเมือง กจิ กรรมน้ีควรเป็นส่วนหนึง่ ของการรณรงค์การมีส่วนร่วมของ ประชาชนระดับล่าง โดยการสร้างกระบวนการวางแผนและการตัดสินใจในการจัดการการ ท่องเทย่ี วโดยชมุ ชน 3. มิติด้านสังคมและวัฒนธรรม กิจกรรมน้ีควรสร้างสรรค์การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ของคนท่ีต่างวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมทั้ง การเทา่ ทนั ต่อวัฒนธรรมแบบเมอื งท่ีเติบโตอยา่ งไร้รากฐาน 4. มิติด้านเศรษฐกิจ คือ การกระจายรายได้ ผลก้าไรที่เกิดจากการท่องเท่ียวเชิง ชุมชนอย่างแท้จริง ประชาชนในพื้นที่ร่วมพัฒนาและควบคุวการเติบโตของการท่องเท่ียวภายใน พ้นื ที่และรกั ษาทรัพยากรธรรมชาติ จากความหมายของการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการท่อง เที่ยวสรุปได้ว่า การพัฒนาจะประสบความสา้ เร็จต้องใหช้ ุมชนในพื้นทท่ี ี่เกย่ี วข้องกับการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวเข้า มามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาในข้ันตอนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การวางแผน การด้าเนินงาน การรับผลประโยชน์ เพ่ือให้ชุมชนรับรู้และเข้าใจถึงงานที่จะพัฒนา ประโยชน์ และผลกระทบของ การพัฒนาที่จะเกิดข้ึนกับชุมชน เมื่อชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของการพัฒนาก็จะก่อให้เกิดความรัก ความหวงแหนและ จติ สา้ นึกในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยวซ่ึงถือเป็นรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอ่ ไป การวิจัยในคร้ังนนี้ า้ แนวคดิ เรอื่ งการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนมามีส่วนส้าคัญในการวิเคราะห์เพื่อ หาแนวทางการพฒั นาการทอ่ งเทีย่ วแม่น้าเพชรบรุ ี 2.5 งานวิจัยท่เี กย่ี วข้อง ฮามาริ ซามานิ-ฟาราฮานิ และกาซาล มูซา (บทคัดย่อ: 2008) ท้าการวิจัยเร่ือง ทัศนคติของผู้อยู่อาศัยและความเข้าใจในการพัฒนาการท่องเที่ยว: กรณีศึกษาเมืองมะสูหลี ประเทศอิหร่าน เมืองมะสูหลีเป็นเมืองที่มีทรัพยากรวัฒนธรรมด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของ อิหร่าน งานวจิ ยั น้ีมีวัตถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษา คือ 1. เพือ่ ส้ารวจประวัติของผู้อยู่อาศัยและระดับที่ผู้ อยู่อาศัยมีส่วนร่วมในการท่องเที่ยว 2.เพ่ือส้ารวจทัศนคติของผู้อยู่อาศัยที่มีต่อการพัฒนาการ ท่องเที่ยว 3.เพือ่ ส้ารวจความเข้าใจของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นที่มีต่อการพัฒนาการท่องเท่ียว 4.เพื่อ เสนอกลยทุ ธ์การบริหารพื้นท่ใี นอนาคต ผลการศึกษาพบว่า ผตู้ อบแบบสอบถามจ้านวน 250 คนส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อยู่ใน วัยกลางคน และสถานภาพสมรสแล้ว โดยผู้ชายมีบทบาทในการปกครองและมีบทบาทส้าคัญ

38 ทางด้านสังคม ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองมะสูหลีมีการพ่ึงพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างสูงซ่ึงได้ สะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ กวา่ คร่ึงหนึง่ ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้จากการท่องเท่ียว เมื่อการท่องเท่ียว ภายในท้องถ่ินได้รับความนิยมมากประชาชานของเมืองมะสูหลีจึงมีความคาดหวังกับการ ทอ่ งเทีย่ วในระดับทส่ี ูง โดยท่ีชาวมะสูหลีได้ให้การสนับสนุนในการพัฒนาโครงสร้างและส่ิงอ้านวย ความสะดวกทางการทอ่ งเท่ยี วอย่างตอ่ เนอื่ ง ถึงแม้ว่าประชาชนจะให้การสนับสนุนการพัฒนาการ ท่องเทย่ี วเปน็ อย่างดี แต่ทวา่ ผู้อยอู่ าศัยกลับมสี ่วนรว่ มในการวางแผนและการพัฒนาการท่องเที่ยว ในเมืองมะสูหลีน้อยมาก ข้อเสนอในงานวิจัยชิ้นน้ี คือ เพ่ือให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่าง ยั่งยืน ดังน้ันการวางแผนการพัฒนาใดใดก็ตามควรให้คนท้องถ่ินได้เข้ามามีส่วนร่วมใน กระบวนการวางแผนและเสนอความคิดเห็นในแผนการพัฒนานั้นดว้ ย วิชร นันต๊ะยานา รณิดา ปิงเมือง วัลทนา ภู่มา และไพรัช โรงสะอาด (บทคัดย่อ : 2548) ท้าการศึกษาเร่ือง แนวทางในการพัฒนาเมืองท่องเท่ียวควบคู่เมืองอุตสาหกรรม: กรณีศึกษาจังหวัดเชียงราย วัตถุประสงค์ในการศึกษา 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นขององค์กร ปกครองท้องถ่ิน องค์กรภาครัฐ เอกชน องค์กรชุมชน หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการท่องเท่ียวและ ประชาชนต่อการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นเมืองท่องเท่ียวและอุตสาหกรรม 2) ผลการพัฒนา ให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองท่องเท่ียวควบคู่กับเมืองอุตสาหกรรม 3) เพ่ือศึกษาแนวทางที่ เหมาะสมในการพัฒนาจังหวดั เชียงราย ผลจากการวิจัยพบว่า มีความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ 1) การพัฒนาการการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมจะสนับสนุนซ่ึงกันและกันทั้งน้ีต้องมีการบริหาร จัดการท่ีดี 2) การพัฒนาจะส่งผลให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองท่องเท่ียวคู่กับเมืองอุตสาหกรรม ประชาชนมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้น ลดการออกนอกพื้นที่เพื่อหางานท้า จังหวัดเชียงรายจะเป็น ศูนยก์ ลางทางเศรษฐกิจล่มุ แม่น้าโขงเหมาะกับทางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเพ่ือให้ ภาพลักษณข์ องจังหวัดดีข้ึน 3) แนวทางท่ีเหมาะสมในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายนั้นต้องค้านึงถึง อุตสาหกรรมท่ีเก่ียวกับพืชผลทางการเกษตร ความพร้อมด้านนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวดั การมีส่วนร่วมของประชาชนในพ้ืนท่ีทุกด้านทุกข้ันตอน รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์อย่าง สม้่าเสมอ ในขณะเดียวกันก็มีความคิดเห็นว่าควรให้เมืองเชียงรายพัฒาเป็นเมืองท่องเท่ียวเพียง อยา่ งเดียวเพราะอุตสาหกรรมจะท้าลายทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรมด้ังเดิมของท้องถ่ิน เชยี งรายตอ้ งเปลีย่ นแปลงไป ข้อเสนอแนะในการพัฒนา คือ ควรมีการส่งเสริม อนุรักษ์ และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม งานหัตถกรรมพ้ืนบ้าน เตรียมความพร้อมด้านทรัพยากร ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาทุก

39 ขั้นตอน รวมถึงมีการศึกษาและวิจัยอย่างจริงจังในด้านการท่องเท่ียว การศึกษาประวัติศาสตร์ ทอ้ งถิ่น สถานทสี่ ้าคญั และมแี ผนรองรบั ที่ชดั เจนเก่ยี วกับการบูรณะโบราณสถาน ศศิธร รุ่งกิจเลิศสกุล และ เนตรดาว วุฒิอิน (บทคัดย่อ : 2548) ศึกษาเร่ือง แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสปาจากแหล่งน้าแร่ธรรมชาติในจังหวัดเชียงราย มี วัตถุประสงค์ในการศึกษา 1) เพื่อศึกษาความต้องการของภาคีในการพัฒนาแหล่งน้าแร่ธรรมชาติ ในจังหวัดเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสปา 2) ความต้องการของนักท่องเท่ียวท่ีมีต่อการใช้ บริการสปาจากน้าแร่ธรรมชาติในจังหวัดเชียงราย ผลการศึกษาพบว่า 1) ชุมชนท้องถิ่นต้องการ พัฒนาแหล่งน้าแร่ธรรมชาติใหเป็นแหล่งท่องเที่ยวพร้อมท้ังพัฒนาแหล่งน้าแร่เดิมให้ดีขึ้น โดย พฒั นาท้งั ทางด้านบุคคลากร ด้านสิง่ อ้านวยความสะดวก การประชาสัมพันธ์ และให้ชุมชนท้องถ่ิน มีส่วนร่วมกับการพัฒนา 2) องค์กรบริการส่วนต้าบลและเทศบาลต้าบล มีความต้องการที่จะ พัฒนาแหล่งน้าแร่ธรรมชาติให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งน้ีต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ สถาบันการศึกษา และชุมชนท้องถิ่น 3) นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาใช้บริการแหล่งน้าแร่ในจังหวัด เชียงรายมคี วามต้องการให้พัฒนาบุคคลากร การบริการ ส่ิงอ้านวยความสะดวก และการโฆษณา ประชาสัมพนั ธ์ 4) นกั ทอ่ งเทย่ี วชาวตา่ งประเทศมคี วามตอ้ งการให้พฒั นาด้านบุคคลากรมากทส่ี ุด ข้อเสนอแนะในงานวิจัยชิ้นน้ี คือ ชุมชนท้องถ่ินควรได้รับการเสริมสร้างการมีส่วน ร่วมกับหน่วยงานในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งน้าแร่ธรรมชาติ ส่วนขององค์การบริหาร ส่วนต้าบลและเทศบาลต้าบลต้องร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และชุมชน ท้องถ่ิน เพ่ือให้เกิดการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างย่ังยืน อีกทั้งในการวางแผนการท่องเที่ยวควร ทราบถึงความต้องการของนกั ทอ่ งเทีย่ วเพื่อจะได้นา้ มาวางแผนพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของ นักท่องเทยี่ วมากท่ีสดุ ปิ่นรัชฎ์ กาญจนัษฐิติ และ จิตติศักด์ิ ธรรมาภรณ์พิลาส (2547) ท้าโครงการศึกษา เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาการท่องเท่ียวทางน้าในกรุงเทพฯ ช้ันในและบริเวณใกล้เคียง มี เป้าหมายในการศึกษา คอื เพอื่ ศกึ ษาความส้าคัญของมรดกทางวัฒนธรรมริมฝ่ัง แม่น้า คู คลองใน กรงุ เทพมหานคร ในการกา้ หนดศกั ยภาพดา้ นการท่องเทย่ี วของพน้ื ที่ วางแผนเพ่ือการอนุรักษ์ และ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางน้าซ่ึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า โดยค้านึงถึงความ เปน็ ไปได้ และความเหมาะสมในเชิงสังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของชุมชน ภายใต้การจัดการ ท่องเที่ยวอย่างย่ังยืนและการมีส่วนร่วมของชุมชน ซึ่งจะส่งผลประโยชน์โดยตรงต่อชุมชนท้ัง ทางดา้ นเศรษฐกจิ การอนรุ ักษ์ สืบทอดคุณค่าและเอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรมของพน้ื ทีไ่ ว้ได้

40 โดยการพัฒนาแหลง่ ทอ่ งเที่ยวทางน้านอกจากจะเป็นการเสนอทางเลือกใหม่ทางการ ท่องเที่ยวโดยตรงแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์เกี่ยวเนื่องอีกหลายประการได้แก่ 1) ส่งเสริมให้เกิด การพัฒนาอย่างย่ังยืน เป็นทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ทางสังคมและ เศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน 2) ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางน้า เพ่ือแบ่งเบาการ สัญจรของคนเมืองจากระบบการจราจรทางบกซ่ึงมีปัญหาการติดขัด และเกิดความสูญเสียด้าน การใช้ทรพั ยากรเชื้อเพลงิ มากมาย 3) แกป้ ญั หาสภาพแวดล้อมท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบัน กล่าวคือ เมื่อมี การใช้แม่น้า คู คลอง เป็นเส้นทางคมนาคมและให้ความส้าคัญในคุณภาพน้าและสภาพแวดล้อม มากข้ึน เช่น การใช้แม่น้า คู คลอง เป็นทางระบายน้าเสีย ท้ิงขยะ เสมือนเป็น “หลังบ้าน” ก็จะ ค่อยๆ เปล่ียนไปกลบั มาเป็น “หนา้ บา้ น” ของเมืองอีกครัง้ ผลการศึกษาพบว่า ย่านส้าคัญในพ้ืนท่ีศึกษาต่างก็มีศักยภาพในการเป็นแหล่ง ท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมที่มีจุดเด่นในลักษณะต่าง ๆ กัน ทั้ง ย่านท่าพระจันทร์-ท่าช้าง ย่านบางล้าพู ย่านถนนพระอาทิตย์ ย่านปากคลองตลาด ย่านคลองบางกอกน้อย ย่านคลองชัก พระ ยา่ นคลองบางกอกใหญ่ ย่านวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร-กุฎีจีน-วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร ย่านท่าเตียนและวัดโพธิ์ ทั้งน้ีเพ่ือให้เกิดความย่ังยืนจึงต้องผลักดันให้องค์กรชุมชนเดิมมีบทบาท ด้านการพฒั นาการเชิงวัฒนธรรมมากข้ึนด้วย นอกจากนี้การด้าเนินการอนุรักษ์และพัฒนาต้องให้ ผอู้ ยอู่ าศยั ในชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการให้ความคิดเหน็ ร่วมคิดร่วมท้าตั้งแต่ต้น เพื่อให้คนในชุมชนได้ มีความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการ คนในชุมชนควรจะได้รับประโยชน์จากโครงการทั้งทางตรงและ ทางออ้ ม เบญจา จันทร (บทคัดย่อ : 2545) ศึกษาเรื่อง แนวทางการพัฒนาตลาดดอนหวาย อ้าเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของ ชุมชน วัตถุประสงค์ในการศึกษา คือ (1) เพ่ือศึกษาศักยภาพของชุมชนตลาดดอนหวาย ต้าบล บางกระทกึ อา้ เภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ในการเป็นแหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมโดยการมี ส่วนร่วมของชุมชน (2) เพ่ือศึกษาและวิเคราะห์แนวทางในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลาด ดอนหวายให้เป็นแหล่งทอ่ งเทีย่ วทางวัฒนธรรมโดยการมสี ่วนร่วมของชุมชน ผลการศึกษาพบว่า ตลาดดอนหวายมีศักยภาพในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง วัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน เนื่องจากมีความพร้อมในด้านส่ิงดึงดูดใจ ด้านส่ิงอ้านวย ความสะดวกพื้นฐาน และความสามารถในการเข้าถึง แต่มีข้อจ้ากัดในด้านสิ่งอ้านวยความสะดวก ข้ันสูงบางอย่าง ได้แก่ การให้บริการโทรศัพท์สาธารณะ ป้ายเตือนข้อระวังแก่นักท่องเท่ียว เครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ การบริการข้อมูลทางการท่องเท่ียว และหน่วยปฐมพยาบาล

41 ด้านการบริหารจัดการท่องเที่ยวโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนพบว่า คณะกรรมการบริหารเป็นคน ท้องถิ่นประกอบด้วยผู้น้าชุมชนและผู้ประกอบการ ซ่ึงลักษณะการบริหารงานไม่มีการก้าหนด โครงสร้าง ไม่มีการก้าหนดหน้าที่ และวาระการด้ารงต้าแหน่งอย่างชัดเจน ส่วนประชาชนใน ท้องถ่นิ สามารถเสนอความคดิ เหน็ ดา้ นต่าง ๆ ตอ่ กรรมการได้ แนวทางการพัฒนาตลาดดอนหวายให้เป็นแหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมโดยการมี สว่ นร่วมของชุมชนพบว่า ควรมีการพฒั นาตลาดดอนหวาย 3 ด้าน คือ 1. ด้านส่ิงอ้านวยความสะดวกข้ันสูง ควรเพ่ิมส่ิงที่มีไม่เพียงพอในการให้บริการ นักทอ่ งเท่ยี ว 2. ด้านบุคคลากร ควรจัดอบรมให้ผู้น้าชุมชนมีความรู้ทางด้านการบริหารจัดการ และควรจัดอบรมให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นให้มีความรู้ทางด้านการบริการแ ละการต้อนรับ นกั ท่องเที่ยว 3. ด้านความพร้อมของชุมชน ควรให้ชุมชนดูแลส่ิงแวดล้อมให้อยู่ในสภาพท่ี เหมาะสมในการเป็นแหล่งท่องเท่ียว พร้อมท้ังมีการด้าเนินการทางด้านการตลาดและการ ประชาสมั พันธ์โดยผา่ นสอ่ื มวลชน อัญชลี รุ่งชัยยันต์ (บทคัดย่อ : 2545) ได้ท้าการศึกษาเรื่อง การพัฒนาการท่องเท่ียว ทางเรือลอ่ งแม่น้าแม่ปิง: กรณีศึกษาเส้นทางวัดชัยมงคล-วัดท่าหลุก อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัตถุประสงค์ในการศึกษา คือ เพ่ือหาความสัมพันธ์ระหว่างการท่องเที่ยวทางเรือล่องแม่น้าปิงใน อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการธุรกิจน้าเที่ยว ผลกระทบและความต้องการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถ่ิน นโยบายของรัฐ และหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้อง รวมถึงการด้าเนินงานของกิจการเรือท่องเท่ียวเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและอุปสรรคใน การด้าเนินการท่องเที่ยวทางเรือ เพ่ือน้าเสนอแนวทางในการพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือล่อง แมน่ ้าปงิ ท่ีสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของผ้ใู ชแ้ ละผู้ท่ีเกี่ยวข้องไดอ้ ย่างเหมาะสม ผลการศึกษาสรุปได้ดังน้ี ประชากรทุกกลุ่มที่ท้าการศึกษาส่วนใหญ่มีความพอใจ ที่มาใช้บริการเรือท่องเท่ียวและการด้าเนินงานของกิจการเรือท่องเท่ียว และทุกกลุ่มต่ างมี ความเห็นว่ากิจกรรมควรเน้นการด้าเนินงานของกิจการในเร่ืองของการรักษาสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวตลอดสองฝั่งแม่น้าปิงในเส้นทางล่องเรือท่องเที่ยว โดย การร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและชุมชนท้องถ่ินในการขอความร่วมมือจากประชาชนในท้องถิ่ น ใหเ้ ข้ามามีส่วนรว่ ม จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นที่น้าเอาเอกลักษณ์และสินค้าของท้องถิ่นต่าง ๆ

42 มาเป็นจดุ ขาย เพ่ือเพิ่มความหลากหลายของแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วในเส้นทางทอ่ งเที่ยวและเพิ่มจุดดึงดูด ใจให้กบั นกั ทอ่ งเทีย่ วทีม่ าใช้บริการ จิราวรรณ กาวิละ (บทคัดย่อ : 2544) ศึกษาเรื่อง ทางเลือกของการท่องเท่ียวเชิง วัฒนธรรม: กรณีศึกษาหมู่บ้านวัวลาย อ้าเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผลการศึกษาพบว่า หมู่บ้าน ววั ลายเป็นถ่นิ ท่ีอยู่ของช่างฝีมือเคร่ืองเงินที่ถูกกวาดต้อนมาจากลุ่มแม่น้าสาละวินในประเทศพม่า และมาตั้งบ้านเรือนอยู่โดยรอบวัดหมื่นสาร ประกอบอาชีพเครื่องเงินสืบทอดมาเป็นเวลานาน การประกอบอาชพี เครื่องเงินของชาวบ้านวัวลายเป็นปัจจัยส้าคัญที่ท้าให้หมู่บ้านวัวลายเป็นแหล่ง ท่องเทยี่ วเชงิ วัฒนธรรมทไี่ ด้รับความสนใจจากทง้ั นักทอ่ งเท่ียวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ปญั หาของการทอ่ งเที่ยวหมู่บ้านววั ลาย คือ 1. การเข้าถึงแหล่งท่องเท่ียวที่สถานท่ีคับแคบมีสิ่งกีดขวางไม่สะดวกในการ สัญจร การท้ิงขยะบริเวณที่รกร้างขาดการดูแล การขาดแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่เป็นส่ิงดึงดูดใจ และแหลง่ ท่องเท่ียวกระจายตวั อย่ตู ามจุดตา่ ง ๆ เป็นอปุ สรรคในการเดนิ ทางทอ่ งเที่ยว 2. ปัญหาด้านสิ่งอ้านวยความสะดวกในแหล่งท่องเท่ียว อาทิ การขาดข้อมูล แหล่งท่องเที่ยว ไม่มีท่ีจอดรถ ข้อจ้ากัดของคนในท้องถ่ินในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ ร้านค้า และร้านขายของไม่อ้านวยความสะดวกแก่นักท่องเท่ียวเท่าที่ควร ไม่มีท่ีน่ังพักผ่อนและห้องน้า สาธารณะ 3. ปัญหาด้านสงิ่ ดงึ ดดู ใจทางการทอ่ งเทีย่ ว คือ การประกอบอาชีพเคร่ืองเงินของ ชาวหมู่บ้านวัวลาย พบปัญหาดังน้ี ช่างฝีมือไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้า ต้นทนุ การผลติ สงู ท้าให้มีการลดคุณภาพเนื้อเงินลง การน้าเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพ่ือลดต้นทุน การผลิตเพื่อให้ขายสินค้าได้ ผู้ประกอบการขาดเงินทุนหมุนเวียน การว่างงานท้าให้ช่างฝีมือต้อง ประกอบอาชีพอ่นื 4. ปัญหาด้านการตลาด พบว่าลูกค้าไม่มั่นใจในคุณภาพของสินค้า ช่างฝีมือหัน ไปท้างานที่ง่ายได้เงินเร็วใช้เวลาน้อย การไม่ได้รับความช่วยเหลือ สนับสนุนจากหน่วยงานที่ เก่ยี วข้องเทา่ ทค่ี วร การน้าเสนอทางเลือกของการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมของหมู่บ้านวัวลาย ในรูปของ กิจกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ ถือเป็นการสังเคราะห์ปัญหา โดยน้าเสนอถึงความต้องการ ของชุมชนเจ้าของพ้ืนท่ี ความย่ังยืนของสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของชุมชน ได้แก่ การจัดต้ังศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านวัวลาย การจัดต้ังศูนย์ศิลปหัตถกรรมบ้าน ววั ลาย การจัดงานเทศกาลเครื่องเงินบา้ นววั ลาย การจัดท่องเท่ียวแบบถีบจักรยานท่องวัฒนธรรม

43 บ้านววั ลาย และการจัดการทอ่ งเท่ยี วแบบโฮมสเตย์บ้านวัวลาย เป็นต้น โดยระยะแรกเสนอแนะให้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องควรเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนชุมชนทั้งในด้าน บุคลากร งบประมาณ วิชาการ และอ่ืน ๆ ให้ชุมชนพร้อมท่ีจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรมทม่ี ีคณุ คา่ และเพอ่ื ให้ชาวบ้านวัวลายสามารบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวของตนเองได้ ในอนาคต เนตรชนก นนั ที (บทคดั ยอ่ : 2544) ทา้ การศึกษาเร่ือง การพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวทาง วัฒนธรรม: กรณีศึกษาชุมชนวัดพระบาทห้วยต้ม อ้าเภอล้ี จังหวัดล้าพูน ผลการศึกษาด้าน องค์ประกอบของแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนวัดพระบาทห้วยต้มในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว ทางวัฒนธรรมพบว่าครบท้ัง 3 ด้าน คือ ด้านส่ิงดึงดูดใจ ด้านความสะดวกในการเข้าถึง และด้าน สิ่งอ้านวยความสะดวก แต่มีจุดอ่อนอยู่ 2 จุด ในองค์ประกอบส่ิงอ้านวยความสะดวก คือ การให้บริการอาหารและเครอื่ งด่ืมท่ีไมห่ ลากหลาย และขาดการใหบ้ ริการดา้ นข้อมูล ผลก าร ศึก ษา ด้า นแ นวท าง กา รจั ดก าร ที่เห มา ะส มส้ าห รับ การ พัฒ นา เป็ นแ หล่ ง ท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมนั้น ผู้ให้ข้อมูลหลักได้ร่วมกันวางแนวทางการจัดการไว้ 4 ด้าน คือ การจดั การด้านการจัดโครงสร้างองค์กรการท่องเท่ียว การจัดการด้านบุคคลากร การจัดระบบการ ด้าเนินงานและการจัดรายการน้าเท่ียว ผู้วิจัยได้พบข้อจ้ากัดของการพัฒนาแหล่งท่องเท่ียวของ ชุมชนวัดพระบาทห้วยต้มว่า ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่ียวในชุมชนแห่งน้ี เพราะยังไม่มีการ ประชาสัมพนั ธท์ เี่ พียงพอส่งผลใหช้ ุมชนยงั ไม่มีโอกาสฝกึ ทักษะในการลงมอื ปฎบิ ัตกิ าร สรุป จากแนวคิดและผลงานวิจัยต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมมีองค์ประกอบหลายด้าน ทั้งองค์ประกอบด้านพ้ืนที่ของแหล่ง ท่องเทีย่ ว องค์ประกอบของชุมชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การมีส่วนร่วมของชุมชน การจะพัฒนาและ ด้าเนินการท่องเท่ียวจะประสบความสบความส้าเร็จหรือไม่น้ันข้ึนอยู่กับการมีส่วนร่วมของชุมชน เปน็ สา้ คญั ทง้ั น้ภี าครัฐและหนว่ ยงานทเี่ กีย่ วขอ้ งกับการพัฒนาถือเป็นตัวขับเคลื่อนท่ีส้าคัญในการ ให้การสนับสนุนท้ังด้านนโยบาย และด้านงบประมาณในการพัฒนาการท่องเท่ียว โดยเน้นการ ทา้ งานร่วมกันในทุกภาคสว่ น แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยต่าง ๆ ข้างต้นนั้น ผู้วิจัยจะน้ามาเป็นข้อมูลในการ ก้าหนดกรอบแนวทางการศึกษาวิจัยและการวิเคราะห์ผลการศึกษาในคร้ังนี้ โดยข้อมูลเบ้ืองต้นท่ี ได้จากการศึกษาสามารถน้ามาวิเคราะห์เพ่ือหาแนวทางการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรม

44 แม่น้าเพชรบุรี รวมถึงความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนและแหล่งท่องเท่ียวต่อ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี ววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบรุ ีต่อไป

45 บทท่ี 3 ระเบยี บวธิ ีวิจัย การศึกษาเรื่อง “การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี” เพ่ือให้ได้ ข้อมูลเชิงลึกที่ชดั เจน ตลอดจนสามารถให้ขอ้ มูลได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา ผู้วิจัยจึงได้ ท้าการศึกษาโดยวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้วิธีท่ีหลากหลายในการเก็บ ข้อมูล ได้แก่ การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ(Informal Interview) การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) โดยมีโครงสร้างในการสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วมและไม่มี ส่วนร่วม เนื่องจากวิธีการดังกล่าวสามารถให้ข้อมูลส้าหรับผู้วิจัยได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการ วิจัย และข้อมูลที่ได้จากการวิจัยสามารถน้ามาวิเคราะห์และอธิบายแนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ ได้ อย่างเพียงพอ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย และการวิเคราะห์ข้อมูล วิจัยมี ดงั น้ี 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง เพือ่ การเปรยี บเทียบข้อมูลและการได้ข้อมูลท่ีหลากหลายส้าหรับการวิจัย ผู้ให้ข้อมูล หลัก (Key informant) ที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ีเลือกจากบุคคลท่ีสามารถให้ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับ งานวจิ ยั นไ้ี ด้มากทสี่ ุด ผ้ใู หข้ อ้ มลู หลกั มี ดงั น้ี 1. ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดพลับพลาชัย วัดมหาธาตุ วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดก้าแพงแลง สถานท่ีละ 1 คน โดยใช้ วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการสัมภาษณ์ แบบไม่เป็นทางการ (Informal Interview) โดยเป็นการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth interview) และมีต้นแบบค้าถามที่จะใช้ในการสัมภาษณ์เพื่อให้ทราบข้อมูลและความคิดเห็นด้านต่าง ๆ ต่อ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี ววัฒนธรรม โดยผ้ใู หข้ อ้ มลู ในกลุ่มตวั อย่างมที ้ังหมด 8 ทา่ น คือ 1.1 ผู้ดูแลพระรามราชนิเวศน์ เป็นผู้ท่ีมีหน้าท่ีดูแลและรับผิดชอบพื้นที่ พระรามราชนเิ วศน์ 1.2 นายเสริม พูลเกิด ด้ารงต้าแหน่งคณะกรรมการมูลนิธิเกาะแก้ว สุทธารามต้ังแต่ พ.ศ.2535 - ปัจจุบัน

46 1.3 พระชมภูมิ เงินทอง มีหน้าท่ีดูแลรับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวของ วดั พลับพลาชยั และรบั ผดิ ชอบดา้ นการต้อนรบั หม่คู ณะ 1.4 พระครูปริยธรรมวัติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดมหาธาตุ มี หน้าท่ดี ูแลรับผิดชอบกจิ การต่าง ๆ ภายในวดั รวมถงึ ดา้ นการทอ่ งเทยี่ ว 1.5 พระอธิการสมยศ ปริสุทโธ ด้ารงต้าแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระทรง ต้ังแต่ พ.ศ. 2553 - ปัจจบุ นั 1.6 คุณปิยพร ทรัพย์มนตรี คณะกรรมการชมรมอนุรักษ์วัดไผ่ล้อม เป็น หน่วยงานของชมุ ชนทรี่ ับผดิ ชอบดูแลพนื้ ทขี่ องวัดไผ่ล้อม 1.7 พระครูวัชรสุวรรณาทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดใหญ่ สวุ รรณาราม รองเจ้าคณะอ้าเภอจงั หวัดเพชรบุรี มหี น้าทดี่ แู ลรับผดิ ชอบกิจการต่าง ๆ ภายในวดั 1.8 พระอธิการศราวธุ สทุ ฺสีโล ดา้ รงตา้ แหน่งเจ้าอาวาสวัดกา้ แพงแลง 2. ตัวแทนชุมชนที่อยู่ริมแม่น้าเพชรบุรีในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีและชุมชนท่ีอยู่ ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดพลับพลาชัย วัดมหาธาตุ วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลงโดยเลือกจากต้าแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบ ภายในชุมชน เน่ืองจากตัวแทนชุมชนจะเป็นผู้ที่ทราบข้อมูลส้าคัญต่าง ๆ ของชุมชนและเป็นผู้ที่ให้ ข้อมูลส้าหรับการวิจัยได้ดีท่ีสุด ซึ่งกลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นตัวแทนของชุมชนน้ีเป็นบุคคลที่สมาชิกใน ชุมชนเลือกใหเ้ ปน็ ตัวแทนของตนเพ่ือท้าหน้าที่พัฒนาและดูแลเร่ืองต่าง ๆ ในชุมชน (คณะกรรมการ ชุมชนของแต่ละชุมชนในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีจะมาจากการเลือกตั้งจากสมาชิกในชุมชน โดยด้ารงต้าแหน่งวาระละ 4 ปี) โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และ การสุ่มตวั อย่างแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling) ดังน้ี 2.1 นางกอบแก้ว ไชยสมนึก (เลขาคณะกรรมการชุมชนวัดเกาะ) เป็นคน ชุมชนวัดเกาะและได้รับเลือกจากชุมชนให้ท้าหน้าท่ีเลขาคณะกรรมการชุมชนวัดเกาะมีหน้าที่ดูแล กจิ การตา่ ง ๆ ภายในชุมชน ตง้ั แต่ พ.ศ. 2538 - ปจั จบุ นั 2.2 นางสมใจ ผิวผ่อง (ประธานชุมชนพระปรางค์) ด้ารงต้าแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2536 – ปัจจุบัน โดยได้รับการเลือกจากคนในชุมชมให้ท้าหน้าท่ีดูแลและจัดการกิจการต่าง ๆ ภายในชุมชน 2.3 นางยุพดี รักษ์เจียม (คณะกรรมการชุมชนหน้าพระลาน) ท้าหน้าที่ ประสานงานต่าง ๆ ภายในชุมชน เป็นจุดศูนย์กลางในการรับเร่ืองราวต่าง ๆ ของชุมชน โดยด้ารง ต้าแหนง่ ตง้ั แต่

47 2.4 นายไวพจน์ น้อยจา้ รัส (ประธานชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก) การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ (Informal Interview) โดยเป็นการสัมภาษณ์แบบเชิงลึก (In-depth interview) และมีต้นแบบค้าถามที่จะใช้ในการ สัมภาษณ์เพ่ือให้ทราบข้อมูลและความคิดเห็นต่าง ๆ ต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรม เน่อื งด้วยข้อมูลเชงิ ลึกจะท้าทราบถงึ ความคิดเห็นของตัวแทนชมุ ชนไดเ้ ป็นอย่างดี 3.2 เคร่อื งมอื ท่ีใช้ในการวิจัย 3.2.1 แบบสัมภาษณ์ ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการและหลายวิธีผสมผสาน โดยใช้วิธีการ สัมภาษณ์แบบเชิงลึกและใช้แบบสัมภาษณ์มีโครงสร้าง โดยผู้วิจัยได้ก้าหนดค้าถามท่ีจะใช้ในการ สัมภาษณ์ไว้ล่วงหน้าก่อนการไปเก็บข้อมูลและสัมภาษณ์กับผู้ให้ข้อมูลตามโครงสร้างค้าถามท่ีได้ ก้าหนดไว้ ประเดน็ หลกั ในการสมั ภาษณ์แบ่งได้ดังน้ี 1. ประเด็นหลักในการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนมีดังน้ี ความส้าคัญของแม่น้า เพชรบุรี จุดเด่นของแต่ละชุมชน กิจกรรมในชุมชน การมีส่วนร่วมภายในชุมชน การท่องเที่ยว ภายในชมุ ชน ความคิดเห็น ความต้องการมีส่วนร่วม และข้อเสนอต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียว วฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบุรี 2. ประเด็นหลักในการสัมภาษณ์ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวมีดังนี้ ข้อมูลด้านการ จัดการการทอ่ งเท่ียว จุดเด่นของแต่ละแหล่งท่องเที่ยว ความคิดเห็น ความต้องการมีส่วนร่วม และ ขอ้ เสนอต่อการพัฒนาเส้นทางทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบุรี โดยจัดหมวดหมู่ค้าถามส้าหรับการสัมภาษณ์มีการจัดเป็นหมวดหมู่เพ่ือให้ง่ายต่อ การตอบของผ้ถู กู สมั ภาษณแ์ ละงา่ ยต่อการวเิ คราะห์ข้อมูลของผ้วู จิ ัย 3.2.2 แบบสงั เกตการณ์ ผู้วิจัยมีการสังเกตการณ์ส้าหรับเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาพื้นท่ีและแหล่ งท่องเท่ียวใน การศึกษาในครัง้ น้ีมปี ระเด็นในการสงั เกต ดังนี้ 1. สภาพของทรัพยากรการทอ่ งเท่ียวหรอื แหลง่ ท่องเที่ยว 2. การเขา้ ถงึ แหลง่ ท่องเทย่ี วนบั ระยะทางจากรมิ ฝง่ั แม่น้าเพชรบุรี

48 3. สภาพในปัจจุบันของแม่น้าเพชรบุรี 4. สภาพของชมุ ชน กจิ กรรมของชุมชน ทรัพยากรวัฒนธรรมภายในชุมชน 3.2.3 การใชเ้ คร่อื งบันทกึ เสยี ง (Tape Recording) ใช้สา้ หรับเป็นเครอื่ งมือบันทกึ เสียงการสัมภาษณ์ตวั แทนชุมชน ผ้ดู ูแลแหล่งท่องเที่ยว เพอื่ ความสะดวกในการสัมภาษณ์และเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างครบถ้วน โดยใช้ทั้งการสัมภาษณ์แบบ เจาะลึกและแบบไม่เปน็ ทางการ 3.3 การทดสอบเคร่อื งมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ัย การศึกษาคร้ังนี้ผู้วิจัยใช้เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบสัมภาษณ์เพื่อให้เกิดความ เทยี่ งตรงของข้อมูลทีไ่ ดจ้ งึ ต้องมีการทดสอบเคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ัย ดงั นี้ 1. การทดสอบความเทีย่ งตรง (Validity) โดยน้าแบบสัมภาษณ์ที่ได้ออกแบบไว้ให้ ผู้ที่เก่ียวข้อง ได้แก่ อาจารย์ท่ีปรึกษาวิทยานิพนธ์เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบเนื้อหา (Content Validity) ความเหมาะสมของภาษาท่ีใช้และความเหมาะสมของค้าถาม รวมถึงตรวจสอบความ ครอบคลุมของแบบสัมภาษณ์ว่าตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีต้องการศึกษาหรือไม่ จากน้ันจึงน้าแบบ สมั ภาษณม์ าปรับแก้และทา้ การทดสอบแบบสัมภาษณ์เพอื่ คน้ หาความนา่ เชอ่ื ถือ 2. การทดสอบความน่าเชื่อถือ (Reliability) เพื่อเป็นการทดสอบถึงความ นา่ เชื่อถอื ของแบบสมั ภาษณ์ โดยท้าการทดสอบแบบสัมภาษณ์กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อทดสอบความ เข้าใจในประเดน็ คา้ ถาม จากนน้ั ทา้ การปรบั แกค้ ้าถามก่อนน้าแบบทดสอบไปเก็บข้อมูลจริง 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมลู การศกึ ษาในครง้ั น้เี ป็นการศึกษาเชงิ เชิงคณุ ภาพขน้ั ตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลมีดงั นี้ 3.4.1 ข้อมลู ภาคเอกสาร การศึกษาข้อมูลจากเอกสารเป็นข้ันตอนของการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเก่ียวกับข้อมูล ของแม่น้าเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เก่ียวข้อง เพื่อน้าไปสู่แนวทาง

49 การพฒั นาเส้นทางทอ่ งเทย่ี ววฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบรุ ี โดยเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า รวบรวม ประมวลเอกสารทางวิชาการ งานวิจัย บทความ วารสาร และข้อมูลทางเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น แนวคิดและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การท่องเท่ียววัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากป หลากหลายแหล่ง เช่น ส้านักหอสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ส้านักหอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร สาขาวังท่าพระ หอสมุดแห่งชาติ และเวบ็ ไซต์ เปน็ ต้น 3.4.2 ขอ้ มูลภาคสนาม การเก็บขอ้ มลู ภาคสนามมีข้นั ตอนในการด้าเนินงาน ดงั น้ี 1. เก็บข้อมูลจากการสังเกตการณ์ (Observation) ในที่น้ีเป็นการสังเกตการณ์ แบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม โดยสังเกตการณ์ในพ้ืนที่ท่ีเลือกเป็นกรณีศึกษา คือ ชุมชนและ แหลง่ ทอ่ งเท่ยี ว โดยสังเกตสภาพโดยรวมของแหลง่ ทรพั ยากรวัฒนธรรม สภาพของแม่น้าเพชรบุรีที่ ไหลผ่านชุมชนและแหล่งท่องเท่ียว และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวจากริมฝ่ังแม่น้าเพชรบุรี โดยขั้น ตอนนี้ด้าเนนิ การเมอ่ื ไปสา้ รวจชุมชนและแหล่งท่องเท่ียว รวมถึงเก็บข้อมูลการสังเกตการณ์เมื่อไป สัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนและผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียว โดยการสังเกตการณ์แต่ละคร้ังจะมีการเก็บ บันทกึ ขอ้ มลู ทัง้ การบันทึกขอ้ มลู และการบันทึกภาพเพือ่ นา้ มาประกอบการวิเคราะห์และสังเคราะห์ เพื่อหาแนวทางการพฒั นาการท่องเท่ยี ว 2. เก็บข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์จากผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวและตัวแทนชุมชน ใน ขั้นตอนน้ีผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดยน้าแบบสัมภาษณ์ท่ีได้ออกแบบไว้ไปสัมภาษณ์กลุ่มตัวแทนชุมชน และผู้ดแู ลแหลง่ ท่องเทย่ี ว โดยการจดบนั ทึกและใชเ้ ครื่องบันทกึ เสยี ง 3.5 การวิเคราะห์และการนาเสนอข้อมูล 3.5.1 การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ผู้วิจัยท้าการวิเคราะห์ข้อมูลไปพร้อมกับการเก็บรวบรวมข้อมูลในประเด็นท่ีได้ กา้ หนดไว้ จากน้นั น้าข้อมูลทีไ่ ดม้ าจ้าแนกตามประเด็นต่าง ๆ และเพือ่ ทา้ การวเิ คราะห์เชิงพรรณนา ในประเด็นตามวัตถุประสงคข์ องงานวิจัยที่ไดต้ ง้ั ไว้ ดังน้ี 1. อธิบายถึงแนวทางการพฒั นาเส้นทางทอ่ งเที่ยววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบุรี

50 2. อธิบายความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของตัวแทนชุมชนและผู้ดูแล แหล่งทอ่ งเทยี่ วในการพฒั นาเส้นทางท่องเท่ยี ววฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบรุ ี เพือ่ น้าผลการศกึ ษาทไี่ ด้มาวิเคราะหแ์ นวทางการพัฒนาเสน้ ทอ่ งเที่ยววัฒนธรรม โดย เน้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการด้าเนินงาน เพื่อให้การท่องเท่ียวมีส่วนช่วยในการส่งเสริมและ สนับสนุนศิลปะ วัฒนธรรม ของเมืองเพชรบุรีให้เป็นที่รู้จักมากข้ึน ผู้วิจัยใช้วิธีในการวิเคราะห์ ขอ้ มลู ดงั นี้ การวิเคราะห์เชิงพรรณา (Explanatory Analysis) ในการวิจัยครั้งนี้ท้าการวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงพรรณนาในประเด็นต่าง ๆ ประกอบกับแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง โดย ประเด็นทน่ี า้ มาใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูลมีดงั นี้ 1. บริบทของพืน้ ทศ่ี กึ ษา คอื แมน่ ้าเพชรบุรแี ละเขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี 2. ชมุ ชน แบง่ เปน็ ประเดน็ การวิเคราะห์ได้ ดังนี้ 2.1 การทอ่ งเทยี่ วภายในชุมชน 2.2 การมสี ่วนรว่ มภายในชุมชน 2.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเท่ยี ววฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี 3. แหลง่ ท่องเท่ยี ว แบง่ ประเด็นการวิเคราะหไ์ ด้ ดง้ั นี้ 3.1 การท่องเทย่ี วของแหล่งทอ่ งเทย่ี ว 3.2 การจัดการทอ่ งเท่ยี วสา้ หรบั แหล่งท่องเที่ยว 3.3 ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทาง ท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบรุ ี ผูว้ จิ ยั ไดด้ า้ เนินการวเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสร้างข้อสรุป โดยมี วิธีการหลักท่ีใช้ในการวิเคราะห์มีท้ังหมด 3 ชนิด คือ การวิเคราะห์แบบอุปนัย (Analytic induction) การจ้าแนกชนิดข้อมูล (Typological Analysis) การเปรียบเทียบข้อมูล (Constant Comparison) (สภุ างค์ จันทวานชิ , 2534, น. 131-137) ตามรายละเอียด ดังนี้ 1. การวิเคราะห์แบบอุปนัย (Analytic induction) คือ วิธีตีความสร้างข้อสรุป ข้อมูลจากการสมั ภาษณ์เชิงลึกทง้ั ท่ีเป็นแบบทางการและแบบไม่เป็นทางการท่ีได้จดบันทึกไว้ จาก การสงั เกตการณแ์ บบไมม่ ีส่วนรว่ ม โดยใชก้ ารตีความในกรณีท่ีข้อมูลมีความซับซ้อน เช่น ข้อความ มีลกั ษณะเปรียบเปรย เป็นต้น

51 2. การจ้าแนกชนิดข้อมูล (Typological Analysis) เป็นการจ้าแนกข้อมูลออกเป็น ชนิด ๆ แบบไม่ใช้ทฤษฎี คือ จ้าแนกข้อมูลท่ีจะวิเคราะห์ตามความเหมาะสมของข้อมูลอาจใช้ สามัญสา้ นกึ หรอื ประสบการณข์ องผ้วู ิจยั ก็ได้ โดยท้าการจ้าแนกข้อมลู เป็นชนิดง่าย ๆ ตามประเภท ทส่ี มั พันธก์ ับประเดน็ การวิเคราะหข์ อ้ มูลตามแนวทางการศึกษาท่ีตั้งไว้ ซ่ึงใช้การวิเคราะห์ทั้งข้อมูล จากการศึกษาภาคสนาม คอื การสมั ภาษณ์เชงิ ลึกแบบไม่เป็นทางการ และการสังเกตการณ์แบบมี ส่วนรว่ มและไมม่ ีสว่ นรว่ ม 3. การเปรียบเทียบข้อมูล (Constant Comparison) คือ การใช้วิธีการ เปรียบเทียบโดยการน้าข้อมูลมาเปรียบเทียบกันเพ่ือสร้างความชัดเจนของข้อมูล คือ เป็นการ กา้ หนดประเดน็ ความคดิ เห็นที่ไดม้ าเป็นประเดน็ ย่อย ๆ โดยไม่มีการปรับแต่งข้อมูล จากน้ันท้าการ จัดข้อมูลโดยการจ้าแนกประเด็นแยกย่อยออกเป็นหมวดหมู่ตามหมวดค้าถามและพิจาราณาถึง ความสัมพันธ์ว่ามีข้อมูลอะไรซ้าหรือเก่ียวข้องกันในแง่ใดบ้างเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีมีคุณลักษณะ รว่ มกนั สา้ หรับข้อมูลที่ได้นอกเหนือจากค้าถามกแ็ ยกไว้อีกส่วนหนึง่ จากนั้นจึงน้าข้อมูลท่ีได้มาสร้างข้อสรุปข้อมูล (Summary Making) โดยท้าการเช่ือม ข้อมูลที่ได้จากการเปรียบเทียบเข้าด้วยกันและแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรมใน ลักษณะของการพรรณนา (Description of the data) โดยได้ตัดทอนข้อมูลให้เหลือแต่คุณ ลักษณะร่วมท่ีมีความหมายโดยได้พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของข้อมูล ข้อสรุปดังกล่าวจะมี ลักษณะเป็นกรอบแนวคิดเชิงนามธรรม โดยเป็นค้าตอบชั่วคราวท่ีจะต้องตรวจสอบอีกคร้ังเพ่ือน้า ขอ้ สรุปไปสังเคราะห์ขอ้ มูลในภาพรวมต่อไป ส้าหรับการสังเคราะห์ข้อมูล (Data Synthesis) เพ่ือสรุปข้อมูลภาพรวมในขั้นตอน สุดท้ายผู้วิจัยใช้วิธีการแบบอุปนัย (Inductive Method) คือ การรวบรวมข้อมูลที่เป็นรูปธรรมใน ลักษณะพรรณนา ซ่ึงมีลักษณะเป็นข้อมูลแยกย่อยมารวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นข้อสรุปเชิง นามธรรมในลักษณะของบทสรุปเกยี่ วกบั ความคิดเหน็ ของชุมชนและแหล่งท่องเท่ียวต่อการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี และปัจจัยต่าง ๆ ท่ีจะเป็นแนวทางในการพัฒนา เสน้ ทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบุรี 3.5.2 การนาเสนอข้อมลู เมอื่ ทา้ การวิเคราะหข์ ้อมลู ทีไ่ ดม้ าแล้วผ้วู ิจัยน้าเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบ ของการบรรยายเชิงพรรณนา เพอื่ ตอบวัตถุประสงคข์ องการวิจัยที่ได้ต้ังไว้ในประเด็นของ 1. แนวทางการพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเท่ียววฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี

52 2. ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมของชุมชนและแหล่งท่องเท่ียวใน การพฒั นาเสน้ ทางทอ่ งเทยี่ ววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี

53 บทที่ 4 ผลการศกึ ษาและการวิเคราะหผ์ ลการศึกษา จากการศกึ ษาเร่ือง “การพัฒนาเส้นทางทอ่ งเที่ยววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรี” ผู้วิจัยน้า ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชน ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียว ได้แก่ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดก้าแพงแลง มาจดั ล้าดบั นา้ เสนอ และวเิ คราะหผ์ ลการศึกษาตามวัตถุประสงคท์ ี่ตั้งไว้ ดงั นี้ 1. เพอ่ื ศึกษาแนวทางการพัฒนาเสน้ ทางท่องเทีย่ ววฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี 2. เพ่ือศกึ ษาความคิดเหน็ และความต้องการมีส่วนร่วมของของตัวแทนชุมชนและ ผู้ดูแลแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในเขตเทศบาลเมอื งเพชรบุรี ต่อการพัฒนาเสน้ ทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบรุ ี ผลจากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนและผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียว สามารถสรุปออกมา เปน็ ประเดน็ ได้ ดงั นี้ 1. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนในเชิงลึก ประกอบไปด้วย ความส้าคัญ ของแม่น้าเพชรบุรี จุดเด่นของแต่ละชุมชน กิจกรรมในชุมชน การมีส่วนร่วมภายในชุมชน การท่องเท่ียวภายในชุมชน ความคิดเห็นและความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทาง ท่องเท่ียว รูปแบบการท่องเท่ียวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรี ปัญหาและอุปสรรคของการพัฒนา การท่องเท่ียวทางเรือ ผลกระทบของการพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือท่ีจะมีต่อชุมชน และ ขอ้ เสนอแนะตอ่ การพัฒนาเส้นทางท่องเท่ยี ววฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรี 2. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวโดยการสัมภาษณ์ในเชิงลึก ประกอบไปดว้ ย ข้อมูลดา้ นการท่องเท่ยี ว การจัดการทอ่ งเทย่ี วสา้ หรับแหลง่ ท่องเที่ยว ความคิดเห็น ต่อการพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือ ความสนใจของนักท่องเที่ยวต่อศิลปวัฒนธรรมของ แหล่งท่องเที่ยว ความต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเท่ียว รูปแบบการท่องเที่ยวทางเรือ ปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวทางเรือ และข้อเสนอแนะต่อการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเทย่ี ววฒั นธรรมแมน่ า้ เพชรบุรี ผลการศกึ ษาและการวิเคราะห์ผลการศึกษานา้ เสนอทง้ั หมด 3 ส่วน ดังน้ี 1. บริบทของพน้ื ทศ่ี กึ ษา คอื แม่น้าเพชรบรุ ี และ เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี 2. ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์ตัวแทนชุมชนในเชิงลึก 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก ชมุ ชนหน้าพระลาน และชุมชนพระปรางค์

54 3. ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวในเชิงลึกท้ังหมด 8 แห่ง คือ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพ ลาชัย วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วดั ใหญ่สุวรรณาราม และวัดกา้ แพงแลง ผลการศกึ ษา 4.1 บรบิ ทของพืน้ ที่ศึกษา 4.1.1 แมน่ ้าเพชรบุรี แม่น้าเพชรบรุ ีเป็นแมน่ ้าสายหลักของจงั หวัดเพชรบรุ มี ีลกั ษณะพเิ ศษ คือ เป็นแม่น้าท่ี มีต้นก้าเนิดและไหลลงสู่ทะเลภายในจังหวัดเดียว แม่น้าเพชรบุรีมีความยาวตลอดสาย 227 กิโลเมตร เป็นแม่น้าที่มีความส้าคัญต่อจังหวัดเพชรบุรีมาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยในอดีต แม่น้าเพชรบุรีเป็นหน่ึงในแหล่งน้าท่ีใช้ในการประกอบพระราชพิธีของพระมหากษัตริย์และเป็นน้า เสวยตั้งแต่รัชกาลท่ี 4 จนถงึ รัชกาลที่ 6 แม่น้าเพชรบรุ ีมตี น้ นา้ อยู่ท่ีเทือกเขาตะนาวศรีบริเวณทิศตะวันตกของจังหวัดเพชรบุรี ไหลผ่านอ้าเภอแก่งกระจาน อ้าเภอท่ายาง อ้าเภอบ้านลาด อ้าเภอเมือง และไหลลงสู่อ่าวไทยที่ อ้าเภอบ้านแหลม เม่ือแม่น้าเพชรบุรีไหลมาถึงอ้าเภอบ้านแหลมแม่น้าจะแยกออกเป็นสองสาย สายหนึ่งออกสู่อ่าวไทยท่ีต้าบลบ้านแหลม อีกสายหน่ึงไหลไปทางทิศเหนือออกสู่อ่าวไทยที่ต้าบล บางตะบูน เรียกว่า แม่น้าบางตะบูนซ่ึงพ้ืนท่ีการเกษตรส่วนใหญ่ของจังหวัดเพชรบุรีจะอยู่บริเวณ สองฟากฝัง่ ของแมน่ ้านี้ แ ม่ น้ า เ พ ช ร บุ รี มี ค ว า ม ส้ า คั ญ ต่ อ วิ ถี ชี วิ ต ข อ ง ช า ว เ พ ช ร บุ รี เ ป็ น อ ย่ า ง ย่ิ ง ทั้ ง ใ น ด้านการอุปโภค การบริโภค การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม การท้าประมงพ้ืนบ้าน และ การท่องเที่ยว นอกจากแม่น้าเพชรบุรีจะยังประโยชน์ดังท่ีกล่าวมาแล้วบริเวณริมสองฝ่ังแม่น้า เพชรบุรีมีทรัพยากรวัฒนธรรมเรียงรายตามสายแม่น้า อาทิ วัดท่าไชยศิริ พระรามราชนิเวศน์ วดั เกาะ วัดมหาธาตุ วดั พลบั พลาชยั เป็นต้น และก่อให้เกิดประเพณีท่ีส้าคัญ คือ ประเพณีเรือองค์ (ประเพณีทอดกฐินทางเรือไปตามล้าน้าเพชรไปยังวัดท่ีอยู่ริมแม่น้าเพชรบุรี) และจากตัวเมือง เพชรบุรีไปจนถึงเขตอ้าเภอบ้านแหลมจะมีวัดวาอารามต่าง ๆ เรียงรายอยู่ตามแม่น้าท้ังวัดไทย วัดมอญ มัสยิด และโรงเจซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงความหลายหลายของวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณี และบริเวณน้ยี งั เป็นย่านของสวนชมพ่เู มืองเพชรอกี ดว้ ย

55 นอกจากนี้แม่น้าเพชรบุรี แม่น้าเจ้าพระยา และแม่น้าบางปะกงยังมีเครือข่าย เชื่อมโยงถึงกันท้ังทางทะเลและระบบเครือข่ายคูคลองธรรมชาติ เม่ือบ้านเมืองเจริญขึ้นก็มีการขุด คลองลัดเพ่ือเชือ่ มโยงถงึ กันไดต้ ลอด ภาพท่ี 4.1 สภาพแม่น้าเพชรบุรีในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี, บันทึกภาพเม่ือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 4.1.2 เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะ วัฒนธรรม ตั้งอยู่เป็นจ้านวน มากเน่ืองจากเป็นเมืองท่ีมีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสืบเน่ืองของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีมาอย่างไม่ขาดสาย ซ่ึงงานศิลปะต่าง ๆ โดยมากจะปรากฎอยู่ที่วัด อาทิ วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย วัดใหญ่สุวรรณาราม นอกจากน้ียังเป็นที่ต้ังของพระราชวังในรัชกาล ท่ี 4 และรชั กาลที่ 5 คือ พระนครครี แี ละพระรามราชนเิ วศน์ เมืองเพชรบุรมี อี าณาเขตตดิ ต่อกบั อา้ เภอขา้ งเคียงดังนี้ - ทศิ เหนอื ติดต่อกับอ้าเภอเขาย้อยและอ้าเภอบา้ นแหลม - ทศิ ตะวนั ออก ติดต่อกับอา้ เภอบา้ นแหลมและอ่าวไทย - ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กบั อ้าเภอบ้านลาด - ทิศใต้ ตดิ ต่อกบั อา้ เภอท่ายาง นอกจากนว้ี ัฒนธรรม ศิลปะ ประเพณีของเมืองเพชรบุรีน้ันมีหลายส่ิงท่ีคล้ายคลึงกับ กรุงศรีอยุธยาไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน วัดวาอาราม งานศิลปะในหลายแขนง โดยท่ีวัฒนธรรม

56 และศิลปะของเพชรบุรียังคงสืบเนื่องต่อมาอย่างสม้่าเสมอจนถึงทุกวันน้ีจนมีค้ากล่าวว่า “เพชรบุรี คือ อยุธยาท่ียังมีชีวิต” ความเจริญทางวัฒนธรรมของเมืองเพชรอยู่ในระดับศูนย์กลางของ การศึกษาศิลปวิทยาการโดยเฉพาะในสมัยกรุงศรีอยุธยา แหล่งศึกษาที่ส้าคัญที่สุดก็คือวัดในเขต เทศบาลเมืองเพชรบุรี เช่น วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดพระทรง วัดเกาะ วัดพลับพลาชัย เป็นต้น โดย ในอดีตมีธรรมเนียมที่ส้าคัญ คือ เมื่อบวชเรียนแล้วจะต้องสร้างงานให้กับวัด โดยงานน้ันอาจเป็น การท้างานช่าง การท้างานฝีมือหรือการคัดลอกต้าราต่าง ๆ เช่น คัมภีร์ทางพุทธศาสนา ต้ารายา ต้นแบบลายไทย เป็นต้น การสร้างงานให้กับวัดนี้ส่งผลให้เอกสารโบราณต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมือง เพชรได้รบั การสืบตอ่ มาจนถึงปจั จุบนั ด้านการท้างานช่างให้กับวัดท้าให้วัดกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะที่ส้าคัญ รวมถึงเป็นแหล่งฝึกวิชาของบรรดาช่างหลายแขนง อาทิ งานปูนปั้น งานเขียน งานจ้าหลักไม้ งานจิตรกรรม เพราะวัดคือเวทีที่ส้าคัญท่ีสุดส้าหรับช่างท่ีจะสร้างผลงานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และการฝากฝีมือให้เป็นท่ีประจักษ์ ด้วยเหตุนี้เพชรบุรีจึงเป็นแหล่งรวมงานศิลปะและช่างฝีมือ หลายแขนงมาตลอดตั้งแตอ่ ดีตจนถึงปจั จุบนั (“นายรอบร”ู้ นักเดินทาง: เพชรบรุ ี, 2551) 4.2 ขอ้ มูลการสัมภาษณ์เชงิ ลึกตัวแทนชุมชน ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนท่ีแหล่งท่องเที่ยวตั้งอยู่ท้ังหมด 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนหน้าพระลาน ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก และชุมชนพระปรางค์ ผลจาก การศกึ ษาสามารถนา้ เสนอผลการศกึ ษาและวเิ คราะห์ผลการวิจัยได้ดงั หวั ข้อต่อไปน้ี 4.2.1 ความสา้ คัญของแม่นา้ เพชรบุรี จากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนเก่ียวกับแม่น้าเพชรบุรีต้ังแต่อดีตถึงปัจจุบันสรุป ความสา้ คัญของแมน่ า้ เพชรบุรีเปน็ ด้านต่าง ๆ ไดด้ งั นี้ 1. ด้านการคมนาคม 1.1 ในอดีต แม่น้าเพชรบุรีเป็นแม่น้าสายส้าคัญของเมืองที่ใช้เป็นเส้นทาง สัญจรหลักและเปน็ เสมอื นเสน้ เลอื ดในดา้ นธุรกจิ ที่ส้าคัญของเมืองเพชรบุรี ในอดีตด้านการค้าขาย บริเวณแม่น้าเพชรบุรีเจริญท่ีสุดและคึกคักมากเนื่องจากในแต่ละวันมีเรือเข้ามาไม่ต้่ากว่า 40 -50 ล้าน้าสินค้ามาซื้อ-ขายแลกเปล่ียนกันมีทั้งเรือแพ เรือเอ้ียมจุ้น โดยเรือต่าง ๆ จะน้าสินค้ามาขึ้นท่ี ตลาดริมน้าเยื้องกับวัดมหาธาตุ อาทิ ข้าวสาร น้าตาล เกลือ อาหารทะเล ส่วนสินค้าที่ขายดีของ

57 เมืองเพชร คือ ข้าวสาร น้าตาล ขนมหวานเมืองเพชร เช่น ข้าวเกรียบ ขนมหม้อแกง ลูกตาล และ ชมพู่เมืองเพชร นอกจากนี้บริเวณตลาดริมน้าจะมีเรือเมล์ประจ้าทางเป็นเรือแจว เรือถ่อ เส้นทาง จากเมืองเพชรไปยังบางตะปูนและบ้านแหลมราคาเท่ียวละ 14 บาท ตัวแทนชุมชนหน้าพระลาน (สมั ภาษณ,์ 28 มีนาคม 2553) 1.2 ปัจจุบันแม่น้าเพชรบุรีไม่ได้ใช้เป็นเส้นทางสัญจรแล้ว และแม่น้ามีสภาพ ตนื้ เขิน ภาพท่ี 4.2 การสัญจรในแม่น้าเพชรบุรีเมื่อคร้ังอดีต, สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554, จาก http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=stu40&id=24 2. ด้านการอปุ โภคและบริโภค 2.1 ในอดีตแม่น้าเพชรบุรีใสสะอาดและบริสุทธ์ิมากโดยมีค่าความเป็นกรด ดา่ งทเ่ี ปน็ กลางซงึ่ น้าไปใชใ้ นทางการเกษตรท้าใหไ้ ด้ผลผลิตดี เช่น ชมพู่เมืองเพชรท่ีมีรสชาติหวาน อร่อย ตัวแทนชมุ ชนวหิ ารใหญ่-ไตรโลก (สัมภาษณ,์ 19 มีนาคม 2553) นอกจากน้ีชาวบ้านยังได้ใช้ ประโยชน์จากแม่น้าเพชรบุรีทั้งใช้ด่ืม ซักผ้า ใช้ในการเกษตร และการฝีมือของเด็ก ๆ คือ น้าดิน เหนียวจากแม่น้าเพชรบุรีมาใช้ป้ันแทนดินน้ามัน ชาวบ้านตักน้าจากแม่น้าเพชรบุรีเพื่อใช้ใน ครัวเรือนและมีอาชีพตักน้าจากแม่น้าเพชรบุรีไปขายตามบ้านต่าง ๆ นอกจากนี้ชาวบ้านจากเขาย่ี สารทป่ี ระกอบอาชีพการลม่ น้า โดยชาวบา้ นจะน้าเรือจากบ้านเขาย่ีสารเลาะไปตามคลองไปจนถึง แมน่ ้าเพชรบุรีพอถึงบริเวณน้าท่ีต้ืนและใสสะอาดก็จะกดแคมเรือข้างหนึ่งลงให้น้าเข้าเรือได้น้าจน พอแล้วก็บรรทุกน้ากลบั มาขายให้ชาวบา้ นเพ่อื น้านา้ ไปใชใ้ นการอปุ โภค บริโภค

58 2.2 ในปัจจุบันสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้เลือนหายและลดลงไป และการสร้างเข่ือน เพชรก็สง่ ผลให้ปรมิ าณนา้ ในแมน่ ้าเพชรบรุ ตี ้ืนเขนิ และลดลง อีกท้งั การปล่อยน้าเสีย การทิ้งขยะลง แม่นา้ เพชรบุรีกเ็ ป็นสาเหตใุ หแ้ ม่นา้ ไม่ใสสะอาดเหมือนแตก่ ่อน ในปัจจบุ ันยงั มีคนซักผ้าและเล่นน้า อยู่บ้างแตไ่ ม่เหมือนเชน่ ในอดีต ภาพที่ 4.3 การท้ากระบอกน้าตาลริมแม่น้าเพชรบุรีของชาวบ้านในอดีต, สืบค้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพนั ธ์ 2554 จาก, http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=stu40&id=24 3. ด้านวัฒนธรรม, ประเพณี ทางจังหวัดเพชรบุรีได้มีการฟ้ืนฟูประเพณีเรือองค์ข้ึนมาใหม่ซ่ึงเป็นประเพณี ทอดกฐินทางเรือไปยังวัดที่อยู่ริมแม่น้าเพชรบุรี โดยเรือท่ีมีองค์กฐินจะมีการประดับและตกแต่ง อย่างสวยงาม นอกจากน้ียังมีประเพณีการแข่งเรือยาวซ่ึงชาวบ้านจะจัดแข่งกันหลังจากที่หมด ฤดูท้านาแล้ว นอกจากน้ีทางจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยังจัดให้มีการแข่งขันเรือยาว เป็นประจ้าทุกปีโดยมีเรือจากทั้งในจังหวัดเพชรบุรีและเรือจากจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมแข่งขันทั้งน้ี เพือ่ อนรุ ักษไ์ มใ่ หป้ ระเพณที างสายน้าหายไป

59 ภาพที่ 4.4 ประเพณีการแห่เรือองค์ของเมืองเพชรบุรีเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550, สืบค้นเม่ือ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554, จาก http://www.oknation.net/blog/peekung/2009/10/15/entry-1/comment จากผลการสัมภาษณ์เห็นได้ว่า แม่น้าเพชรบุรีเป็นแม่น้าสายหลักที่ส้าคัญของ เมืองเพชรบุรี เป็นเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงผู้คนในจังหวัดได้ใช้ประโยชน์ทั้งเป็นเส้นทางสัญจร การอุปโภค การบริโภค การนันทนาการ การเกษตร ฯ รวมถึงความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ด้านศิลปะ ด้านวัฒนธรรม แต่เมื่อบ้านเมืองเจริญข้ึนผู้คนก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้าเพชรบุรี เหมือนดังแต่ก่อน อีกท้ังการทิ้งขยะ การปล่อยน้าเสียลงแม่น้า การสร้างส่ิงก่อสร้างรุกล้าแม่น้า ซง่ึ ส่งิ ตา่ ง ๆ เหล่าน้ีลว้ นแต่สง่ ผลให้แมน่ ้าเพชรบรุ ีมสี ภาพเสอื่ มโทรมลง 4.2.2 จุดเดน่ ของแตล่ ะชุมชน พ้ืนท่ีศึกษาประกอบไปด้วย 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก ชุมชนหน้าพระลาน และชุมชนพระปรางค์ โดยแต่ละชมุ ชนมีจุดเดน่ ดงั นี้ 1. ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวัดเกาะเป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองเพชรบุรีเป็น ชุมชนท่ีผสานไปด้วยวัฒนธรรมไทยและจีน โดยมีวัดเกาะเป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ ในอดีต วัดเกาะเป็นวัดท่ีโดดเด่นในเรื่องของช่างไม้ เช่น การท้าเครื่องเรือนไม้โมกข์ และมีอุโบสถเก่าแก่ ต้ังแต่สมัยอยุธยาตอนปลายภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สมบูรณ์และสวยงาม นอกจากนี้ ชมุ ชนยงั สามารถรักษาวัฒนธรรม ประเพณที อ่ี ยคู่ กู่ บั ชมุ ชนมาชา้ นานควบคูไ่ ปกบั วิถีชีวิตประจ้าวัน อย่างไมเ่ ปลี่ยนแปลง อาทิ คนในชุมชนยงั คงใส่บาตรเวลา 5.30 นาฬิกา ในอดีตชุมชนวัดเกาะเป็น ที่ต้ังของ โรงสีข้าว อุตสาหกรรมข้าวเกรียบซ่ึงเป็นขนมเมืองเพชรแต่ด้ังเดิม อุตสาหกรรมการท้า

60 ขนมหวานเมืองเพชร และชา่ งทา้ ทองโบราณ ภาพท่ี 4.5 ท่ีต้ังของอุตสาหกรรมข้าวเกรียบงาภายในชุมชนวัดเกาะ, บันทึกภาพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 2. ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลกเดิม คือ ชุมชนหน้าพระลาน-ไตรโลกแต่ว่าชุมชนมี ขนาดใหญเ่ กนิ ไปทา้ ให้การดแู ลเรื่องต่าง ๆ ภายในชุมชนเปน็ ไปอยา่ งไม่ท่ัวถงึ จึงได้จัดตั้งเป็นชุมชน ใหม่ คือ ชุมชนวิหารใหญ่ - ไตรโลกโดยแยกออกมาได้ 15 ปีแล้ว ชุมชนมีวัดส้าคัญต้ังอยู่ คือ วัดใหญ่สวุ รรณาราม และวัดก้าแพงแลง ภายในชุมชนมศี นู ยก์ ารเรยี นรชู้ ุมชนซึ่งเป็นศูนย์การศึกษา นอกโรงเรยี นและศนู ยฝ์ กึ อาชพี ส้าหรบั คนในชมุ ชนและบุคคลทั่วไป 3. ชุมชนหนา้ พระลาน เปน็ ชุมชนเกา่ แก่อีกชุมชนหนง่ึ ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี มีความโดดเด่นด้านการละครโดยเฉพาะละครชาตรีซ่ึงเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเพชรบุรี ในอดีต ชุมชนหน้าพระลานมีคณะละครหลายคณะด้วยกันโดยคณะละครที่มีช่ือเสียงท่ีสุด คือ ละครหลวงอภัยฯ ซ่ึงเป็นคณะละครที่ก่อมาตั้งแต่สมัยรัชกาลท่ี 4 นอกจากน้ียังมีบ้านที่ท้า เครื่องละคร บ้านป้ันหัวโขน หัวละคร นับได้ว่าชุมชนหน้าพระลานเป็นชุมชนที่ประดิษฐ์เร่ือง เกี่ยวกับเคร่ืองละคร นอกจากน้ียังเป็นท่ีตั้งของวัดพระทรงซึ่งเป็นวัดท่ีเก็บรวบรวมผลงานของ พระอาจารยเ์ ป้าซึง่ มีฝีมือโดดเดน่ ดา้ นงานจิตรกรรม (พระอาจารย์เป้าเป็นลูกศิษย์ของขรัว อินโข่ง) และวดั ไผ่ล้อมซง่ึ เปน็ วัดรา้ งแต่มงี านปูนปน้ั ที่แสดงให้เห็นฝีมือเชงิ ชา่ งของ “สกลุ ช่างเมอื งเพชร” 4. ชุมชนพระปรางค์ จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยท่ีก้าหนดให้ เทศบาลส่งเสริมใหป้ ระชาชนในเขตเทศบาลซ่งึ เป็นชุมชนเมืองมีการรวมกลุ่มกันเพ่ือรวมกันคิด ท้า และร่วมแกไ้ ขปญั หาของชมุ ชน จุดเดน่ ของชุมชนพระปรางค์ คือ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย และ

61 ศาลากลางบ้านหรือท่ีเรียกว่า “ศาลาคามวาสี” (เป็นสถานท่ีที่ใช้ประกอบพิธีทางพุทธศาสนา โดย เปิดใช้ทกุ วนั พระในชว่ งเขา้ พรรษาซง่ึ จะมีการเทศน์และการถวายสังฆทาน) ส่วนหน่ึงของชุมชนอยู่ บรเิ วณริมแม่น้าเพชรบุรแี ละตลาดริมนา้ ซง่ึ เปน็ ตลาดเกา่ แก่ดัง้ เดมิ ของเมืองเพชรบรุ ี จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า ท้ัง 4 ชุมชนมีผู้คนอาศัยอยู่มาแต่ด้ังเดิมแต่ละชุมชน ยังคงด้าเนินวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี มาแต่ครั้งอดีต เช่น การใส่บาตรในตอนเช้า การท้าบุญ เนื่องในวันส้าคัญทางศาสนา เป็นต้น โดยมีวัดท่ีต้ังอยู่ในชุมชนเป็นจุดศูนย์กลางในการกิจกรรม ต่าง ๆ ของชมุ ชน 4.2.3 กจิ กรรมภายในชุมชน กิจกรรมภายในแต่ละชุมชนสามารถแบ่งออกได้เป็นกิจกรรมทางด้านสังคมและ กิจกรรมด้านวฒั นธรรม ดงั น้ี 1. กิจกรรมทางด้านสังคม ท้ัง 4 ชุมชนจะมีการจัดกิจกรรมฝึกอาชีพส้าหรับคนใน ชมุ ชน เชน่ กิจกรรมการอบรมมัคคเุ ทศกท์ อ้ งถิน่ และยุวมัคคเุ ทศก์ การอบรมนวดแผนไทย การนวด แผนโบราณ การนวดฝ่าเท้า และกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การตรวจสุขภาพของคนใน ชุมชน และการออกก้าลังกายทุกวันตอนเย็น เป็นต้น ที่ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลกมีศูนย์การศึกษา นอกโรงเรียนและมีผู้ให้ความสนใจมาเรียนเป็นจ้านวนมากซึ่งหลักสูตรรองรับได้ 80 คนแต่มีผู้ ลงทะเบียนเรียนถึง 120 คน หรือท่ีชุมชนวัดเกาะที่เน้นการใส่ใจสุขภาพของคนในชุมชนด้วย การตรวจสุขภาพเป็นประจ้าทุกปี ให้ค้าแนะน้าด้านการดูแลสุขภาพให้แก่ชาวบ้านในชุมชน และ ดแู ลเรื่องของส่งิ แวดล้อมภายในชมุ ชนด้วยโครงการหนา้ บ้านนา่ มองเพือ่ ท้าใหช้ ุมชนน่าอยู่ 2. กิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม โดยมากจะเป็นกิจกรรมท่ีเก่ียวเนื่องกับเทศกาล ประเพณีประจ้าปี อาทิ กิจกรรมวันสงกรานต์ วันลอยกระทง การท้าบุญเนื่องในวันส้าคัญทาง ศาสนา เชน่ การหล่อเทียนพรรษา การทอดกฐิน การเทศน์มหาชาติ เป็นต้น ซึ่งแต่ละชุมชนก็จะจัด กิจกรรมภายในชุมชนของตนและบางกิจกรรมก็จะจัดร่วมกับทางเทศบาล เช่น กิจกรรมวัน สงกรานต์ กจิ กรรมวนั ลอยกระทง เป็นต้น

62 ภาพท่ี 4.6 การทา้ กิจกรรมทางสงั คมของชมุ ชนหนา้ พระลานรว่ มกบั เทศบาลเมอื งเพชรบรุ ี 4.2.4 การมีสว่ นรว่ มภายในชมุ ชน จากผลการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนในประเด็นการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่าง ๆ ของ สมาชิกในชุมชนท้าให้ทราบว่า ชุมชนในพ้ืนท่ีศึกษาทั้ง 4 ชุมชน คือ ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนหน้า พระลาน ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก และชุมชนพระปรางค์นั้น การด้าเนินงานกิจการและการจัด กิจกรรมต่าง ๆ ภายในชุมชนจะผ่านการท้างานจากคณะกรรมการชุมชนซึ่งจะท้างานประสานกับ ทางเทศบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด จากน้ันจะแบ่งงานตามความสามารถและความถนัด ของสมาชิกในชุมชน โดยแต่ละชุมชนจะมีการประชุมประจ้าเดือนเดือนละ 1 ครั้ง ในสัปดาห์แรก ของเดือนท่ีที่ท้าการชุมชน (ยกเว้นชุมชนหน้าพระลานที่ยังไม่มีที่ท้าการชุมชนจึงต้องไปประชุมที่ บ้านของประธานชุมชน) เรื่องที่ประชุมในแต่ละเดือนจะมีหลายประเด็นด้วยกัน อาทิ เรื่องราว ข่าวสารจากเทศบาล การบอกข่าวสารจากทางราชการให้คนในชุมชนได้รับทราบ การบอกกล่าว การดา้ เนนิ งานดา้ นตา่ ง ๆ ของชมุ ชน การจดั กิจกรรมตา่ ง ๆ ของชุมชน และการมารับฟังข้อมูลต่าง ๆ ของสมาชิกในชุมชน จ้านวนสมาชิกในชุมชนท่ีเข้าร่วมประชุมในแต่ละครั้งจะข้ึนอยู่กับความ สะดวกของแตล่ ะสมาชกิ ซึ่งโดยสว่ นมากสมาชิกในชุมชนจะมาเข้าร่วมประชุมครั้งละ 20 – 30 คน ข้ึนไปและมาจากหลากหลายอาชีพด้วยกัน อาทิ ผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขาย หมอ ครู ต้ารวจ ผสู้ ูงอายุภายในชุมชน เป็นต้น ตวั แทนชุมชนไดเ้ ล่าถึงการประชมุ ประจ้าเดือนว่า

63 “เร่ืองที่ประชุมก็จะเป็นเร่ืองของบริหารกองทุนหมู่บ้าน SML อยู่เย็นเป็นสุข ทุก อย่างอยู่ในชุมชนที่ร่วมกันคิดร่วมกันทา เวลาท่ีเราจะทาโครงการอะไรก็จะทา ประชาคม เรียกประชุมว่าทุกคนเห็นด้วยม้ัย ถ้าเห็นด้วยก็ยกมือ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ เสนอมาแต่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะชาวบ้านถือว่าถ้ามีคนทาก็ยินดีดีกว่าไม่มีใคร ทา ชาวบ้านพร้อมท่ีจะให้ความร่วมมือ คนที่ร่วมประชุมก็มีทั้งเด็กประถม เด็ก มัธยม จนถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในชุมชนจะรู้หน้าท่ีของตนเองท้ัง ชว่ ยเหลอื เวลามกี ิจกรรมในวัด ท้ังการอบรมยุวมัคคุเทศก์” ตัวแทนชุมชนวัดเกาะ (สัมภาษณ,์ 19 มนี าคม 2553) “ในแต่ละเดือนก็จะมีการประชุมประจาเดือนซ่ึงก็จะเป็นการบอกข่าวจากที่ทาง ราชการหรือเทศบาลได้แจ้งมาและมารับฟังปัญหาต่าง ๆ ของคนในชุมชน นอกจากนีย้ ังมกี ารประชมุ ดว่ นเวลาท่ีมีเร่ืองด่วนเข้ามาก็จะเรียกประชุมโดยใช้หอ กระจายข่าว ซึ่งภายในชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลกได้มีการเดินสายเพื่อการ ประชาสัมพันธ์และบอกข่าวคราวต่าง ๆ ให้กับคนในชุมชนได้ทราบโดยตรง” ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่ – ไตรโลก (สัมภาษณ์, วันท่ี 11 มถิ นุ ายน 2553) “ทางชุมชนจะมีการประชุมประจาเดือนทุกวันท่ี 5 ของเดือน เรื่องท่ีประชุมก็มี หลายเร่ืองด้วยกัน อาทิ เรื่องจากทางเทศบาล เวลาชุมชนจะทาหรือจะจัด กิ จ ก ร ร ม อ ะ ไ ร ก็ จ ะ ถ า ม ค ว า ม คิ ดเ ห็ น จ า ก ค น ภ า ย ใ น ชุ ม ช น บ า ง คร้ั ง ก็ จ ะ ท า ประชาคม และจะมีการสอบถามความคิดเห็น ความต้องการด้านต่าง ๆ ของคน ในชมุ ชนและจัดใหม้ ีการช่วยเหลือ” ตัวแทนชุมชนหนา้ พระลาน (สัมภาษณ์, วันท่ี 28 มีนาคม 2553) นอกจากน้ีหากชุมชนมีโครงการท่ีจะท้าหรือจะจัดกิจกรรมอะไรก็ตามจะมีการ สอบถามความคดิ เหน็ จากสมาชิกในชุมชนหรือในบางครั้งก็จะท้าประชาคมว่าคนในชุมชนมีความ คิดเห็นและความต้องการเช่นไร ซ่ึงแต่ละชุมชนชาวบ้านก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเสนอ ความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติ นอกจากนี้ภายในชุมชนจะมีการบอกข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ท่ีแตกต่างกันออกไปทั้งผ่านหอกระจายข่าว บอร์ดประชาสัมพันธ์ และการบอก ปากต่อปากเพ่ือให้คนในชุมชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง เช่น ชุมชนพระปรางค์มี การจดั พิมพ์วารสารพระปรางค์เพ่ือเผยแพร่เรื่องราวต่าง ๆ ภายในชุมชน เป็นต้น ตัวแทนชุมชนได้

64 ให้ความคิดเห็นในดา้ นการมีสว่ นร่วมของคนในชมุ ชนไว้ดงั นี้ “อยู่ในเกณฑ์ดีแต่ก็อยู่ในกลุ่มเดียว คือ ชุมชนวิหารใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มท่ีเป็นเจ้าของกิจการ ทามาค้าขายกับกลุ่มชาวบ้านท่ีมีอาชีพรับจ้างทาให้ เกิดความแตกต่างในการมีส่วนร่วมกับกิจกรรม คือ กิจกรรมท่ีช่วยแรงก็จะได้ ชาวบา้ นท่มี ีอาชีพรับจา้ งมาช่วย แต่กิจกรรมท่ีต้องใช้กาลังทรัพย์ก็จะได้ชาวบ้านที่ ทามาคา้ ขายมาช่วย เชน่ บรจิ าคขนม น้าดื่ม ของขวัญ มาช่วยในวันเด็ก วันปีใหม่ หรืองานทาบุญ เหล่าน้ีเป็นต้น” ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่ – ไตรโลก (สัมภาษณ์, วันที่ 11 มิถนุ ายน 2553) 4.2.5 การจดั การการทอ่ งเท่ียวภายในชุมชน ชุมชนที่เป็นพื้นที่ศึกษามีแหล่งท่องเท่ียวที่เป็นจุดเด่นของชุมชนแตกต่างกันออกไป รวมถงึ ขัน้ ตอนและกระบวนการจัดการท่องเทยี่ วของแต่ละชุมชนมีดังน้ี 1. ชุมชนวัดเกาะ ชุมชนวัดเกาะมีจุดเร่ิมทางการท่องเท่ียวจากการท้าแผนที่เดิน ดิน (แผนที่ที่เกิดจากคณะกรรมการของชุมชนวัดเกาะได้เดินตรวจสุขภาพคนในชุมชนซึ่งเก็บ รวบรวมและบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชนไว้ในรูปของแผนท่ีที่วาดด้วยมือ) ผลจากการท้าแผนที่ เดินดินท้าให้ได้รู้ว่าภายในชุมชนมีทรัพยากรและจุดเด่นอะไรบ้างและก็ได้พัฒนามาเป็น การท่องเทย่ี วเชิงอนรุ ักษ์และวัฒนธรรมจนถึงในปัจจบุ ัน

65 ภาพที่ 4.7 แผนท่ีเดินดินของชมุ ชนวัดเกาะ, บนั ทกึ ภาพเมื่อวันที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2554 การท่องเท่ียวภายในชุมชนวัดเกาะโดยมากจะเป็นหน่วยงานและสถานศึกษาต่าง ๆ เข้ามาดูงานของชุมชนทั้งในเรื่องของชุมชนน่าอยู่ เร่ืองแผนท่ีเดินดิน เร่ืองของการท่องเท่ียว วัฒนธรรม นกั ทอ่ งเทย่ี วทว่ั ไปมที ้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศ ภาพท่ี 4.8 การต้อนรับคณะนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาดูงานของชุมชนวัด เกาะ, บันทึกภาพเมือ่ วนั ที่ 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2554

66 การจัดการท่องเท่ียวของชุมชนวัดเกาะจะมีคณะกรรมการชุมชนและคนในชุมชน ช่วยกนั ดูแล คนไหนท่ีมีความร้เู ร่อื งต่าง ๆ เก่ียวกบั ชมุ ชนกจ็ ะมาชว่ ยบรรยายให้แก่คณะ หน่วยงาน ท่ีมาดูงาน โดยจะดูว่าหน่วยงานที่มาน้ันเป็นหน่วยงานใดมีความสนใจในเรื่องใดเป็นพิเศษก็จะ จัดหาหัวข้อที่เหมาะสมในการบรรยายซึ่งทางชุมชนก็ได้จัดท้าแผ่นพับข้อมูลของชุมชนไว้บริการ ความรสู้ า้ หรบั ผูท้ มี่ าดูงานด้วย นอกจากนจ้ี ะพาไปชมจุดเด่นต่าง ๆ ภายในชุมชน เช่น ร้านทองป้า เน่ืองซึ่งเป็นร้านท้าทองโบราณ ร้านขนมหวานโบราณแม่ปราณี โดยคนในชุมชนจะมีส่วนร่วมใน การต้อนรับคณะท่ีมาดูงานด้วยการนัดกันใส่เคร่ืองแต่งกายท่ีเหมือนกัน เช่น เส้ือเพชรบุรีของทาง จังหวัด เส้ือสีเหลือง เสื้อสีชมพู เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการบริการน้าด่ืมสมุนไพร เช่น น้าตะไคร้ น้าดอกอัญชนั ใหแ้ กห่ น่วยงานที่มาดูงานตามท่ีคนในชุมชนได้รับการฝึกอาชพี มา “จะมีการดูว่าหน่วยงานท่ีมาเป็นหน่วยงานใดก็จะจัดหัวข้อมูลท่ีเหมาะสมในการ บรรยายเก่ียวกับชุมชน และพาไปดูงานจุดต่าง ๆ ภายในชุมชนท้ังร้านทอง ร้านขนม ก็จะนัดหมายเวลาล่วงหน้า เวลาที่เค้ามาดูงานเราก็จะเล่าเรื่องของ ชมุ ชนให้เค้าฟงั ทุกคนก็จะมสี ่วนร่วมกนั จะบอกล่วงหน้าว่าจะมีแขกมาดูงานก็จะ นัดกันใส่เส้ือสีนี้สีน้ี ช่วยกันเสิร์ฟน้า” (ตัวแทนชุมชนวัดเกาะ, สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 มนี าคม 2554) 2. ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลก พ้ืนที่ของชุมชนวิหารใหญ่ – ไตรโลกมีวัดส้าคัญ ต้งั อยู่ คือ วัดใหญ่สุวรรณารามและวดั กา้ แพงแลงซง่ึ เป็นวัดสา้ คญั ของเมืองเพชรบุรี ในแต่ละเดือน มีนักท่องเที่ยวท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเท่ียวชมเป็นจ้านวนมาก รวมถึงคนต่างจังหวัด ทม่ี าเปน็ หมคู่ ณะ กล่มุ นกั เรียนและนกั ศกึ ษาทีม่ าทศั นศกึ ษา การจัดการท่องเที่ยวภายในชุมชนทางคณะกรรมการชุมชนได้วางแผนเบื้องต้น เป็นแนวคิดไว้ว่าอยากจะจัดให้มีการอบรมมัคคุเทศก์และจัดอบรมภาษาอังกฤษเพ่ือไว้น้าชมและ อธิบายข้อมูลต่าง ๆ ให้กับชาวต่างประเทศ ในด้านของแผ่นพับข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ทางวัด เป็นผู้จัดท้าส้าหรับให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ชุมชนจะท้างานประสานกับทางเทศบาล กล่าวคือ เม่ือมีหน่วยงานติดต่อเข้ามาดูงานภายในชุมชน ทางเทศบาลจะประสานงานกับทาง ชุมชนว่าในส่วนของชุมชนต้องท้าอะไรบ้างแต่บางครั้งก็มีหน่วยงานท่ีติดต่อกับทางชุมชนโดยตรง ในการต้อนรับคณะดูงานทางคณะกรรมการชุมชนจะมีผู้น้าบรรยายในงานส่วนต่าง ๆ ท่ีชุมชนท้า และพาไปชมแหล่งท่องเทย่ี วของชมุ ชน

67 “ทางชมุ ชนเคยจดั ใหม้ ีการอบรมยุวมัคคเทศก์แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ถ้ามีหน่วยงาน ติดต่อเข้ามาดูงานทางชุมชนก็จะจัดคนสาหรับนาชมไว้ให้” (ตัวแทนชุมชนวิหาร ใหญ่ - ไตรโลก, สัมภาษณ์เมอ่ื วนั ท่ี 8 กุมภาพันธ์ 2554) 3. ชุมชนหน้าพระลาน ในด้านการท่องเที่ยวของชุมชนหน้าพระลานนักท่องเท่ียว นิยมมานมัสการพระอาจารย์แลที่วัดพระทรง กลุ่มนักเรียน นักศึกษามาทัศนศึกษาและดูงาน ปูนป้ันที่วัดไผ่ล้อม นอกจากน้ีในเขตชุมชนยังมีก้าแพงเมืองโบราณ ศาลหลักเมืองเก่าแก่ดั้งเดิม ของเมืองเพชรแต่ด้วยความท่ีเป็นชุมชนเก่าแก่และมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นส่งผลให้ พื้นท่ีของกา้ แพงเมอื งและศาลหลกั เมอื งถูกบกุ รุกจากคนในพื้นท่ี การจัดการท่องเท่ียวภายในชุมชนจะมคี ณะกรรมการเปน็ ผู้รับผิดชอบหลักแต่ทว่า ในด้านของการท่องเที่ยวชุมชนก็ต้องการได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย และต้องท้ากันเป็น เครือข่าย โดยทางชุมชนเคยจัดให้มีการอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและยุวมัคคุเทศก์ในโครงการ “หน้าพระลานมัคคุเทศก์ท้องถ่ิน” เนื้อหาท่ีอบรมเก่ียวกับด้านการท่องเท่ียวของวัดต่าง ๆ ในเขต เทศบาลเมืองเพชรบุรีและการสอนให้รู้จกั และช่วยกนั อนุรกั ษ์ศลิ ปวฒั นธรรมของชมุ ชน “คณะกรรมการชุมชนเป็นผู้ดูแลด้านการท่องเท่ียว หากเป็นการท่องเท่ียวโดย ชุมชนหน้าพระลานเองคงไมไ่ ด้ มนั ต้องทาเป็นเครือข่ายร่วมกับที่อืน่ ๆ” ตวั แทนชุมชนพระทรง (สมั ภาษณ์, วนั ที่ 28 มนี าคม 2553) 4. ชุมชนพระปรางค์ การท่องเท่ียวของชุมชนพระปรางค์อยู่ท่ีวัดมหาธาตุและ วัดพลับพลาชัย โดยเฉพาะวัดมหาธาตุท่ีในแต่ละวันจะมีนักท่องเท่ียวมาเยือนเป็นจ้านวนมาก ในสว่ นของชุมชนจะเป็นหน่วยงานที่มาดูงานของชุมชนท้ังในเรื่องของการนวดแผนไทย การท้าน้า ดืม่ พระปรางค์ การจัดการท่องเที่ยวภายในชุมชนจะมีคณะกรรมการเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี ประธานชุมชนเป็นผู้ด้าเนินการหลักและกระจายความรับผิดชอบให้กับคณะกรรมการชุมชนและ สมาชิกในชมุ ชนได้รับผดิ ชอบ หากมหี นว่ ยงานเขา้ มาดงู านคณะกรรมการก็จะจัดให้มีผู้บรรยายถึง กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีชุมชนได้ท้า โดยชุมชนมีการจัดท้าแผ่นพับข้อมูลของชุมชนส้าหรับผู้ท่ีเข้ามาดู งาน ในส่วนของแผ่นพับขอ้ มลู ของวดั มหาธาตแุ ละวัดพลับพลาชยั นั้นทางวัดเป็นผรู้ ับผิดชอบ

68 “เวลามีหน่วยงานติดต่อเข้ามาขอดูงานจะมีการประชุมเพื่อแบ่งหน้าท่ีความ รบั ผิดชอบกัน และมอบหมายหน้าท่ีโดยประธานซึ่งจะเปน็ ผ้ใู ห้ข้อมูลหลักและวาง แผนการตอ้ นรบั ตา่ ง ๆ เพราะคนที่เป็นคณะกรรมการต้องทราบก่อนว่าหน่วยงาน ทม่ี าดงู านน้นั มคี วามประสงค์ที่จะไปดูวัดอะไร และวัดน้ันมีอะไร เราต้องช้ีแจงให้ เค้าฟัง และจะจัดการต้อนรับทั้งจัดน้าด่ืม ชา กาแฟ” ตัวแทนชุมชนพระปรางค์ (สมั ภาษณ,์ วนั ที่ 8 เมษายน 2554) ภาพท่ี 4.9 การผลติ น้าดมื่ ของชุมชนพระปรางค์, บนั ทึกภาพเมอ่ื วันท่ี 6 กมุ ภาพันธ์ 2552 ผลจากการสัมภาษณส์ รุปไดว้ า่ การจัดการท่องเที่ยวภายในชุมชนจะผ่านการท้างาน จากคณะกรรมการชุมชนเป็นหลัก จากน้ันจึงกระจายหน้าท่ีและความรับผิดชอบด้านต่าง ๆ ไปตามความถนดั ของสมาชกิ ในชุมชน อาทิ การตอ้ นรับ การน้าชม เป็นต้น ท้ังน้ีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมกันรับผิดชอบดูแลกิจการของชุมชน โดยจะประสานการท้างาน รว่ มกับหน่วยงานภาครัฐ 4.2.6 ความคิดเห็นตอ่ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเที่ยววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบุรี ความคิดเห็นของตัวแทนชุมชนต่อการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรีเป็นไปในทิศทางท่ีสอดคล้องกัน คือ สนับสนุนและเห็นด้วยกับการพัฒนาเส้นทาง ท่องเทย่ี ววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีซ่ึงก่อนหน้านี้การท่องเท่ียวทางเรือในแม่น้าเพชรบุรีก็มีแต่ไม่ได้ เป็นรูปแบบมาตรฐาน คือ ท่ีพัก (โฮมสเตย์) ริมแม่น้าเพชรบุรีมีบริการเรือให้เช่าส้าหรับ

69 นักท่องเที่ยวได้พายกันเองในแม่น้าซ่ึงกลุ่มนักท่องเท่ียวที่พายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว ต่างชาติ และนานทีก็จะมีคณะดูงานน่ังเรือล่องมาตามแม่น้าเพชรบุรีและแวะพักชมแหล่ง ทอ่ งเทยี่ วทอ่ี ยู่ริมนา้ เช่น พระรามราชนิเวศน์ วดั เกาะ วดั มหาธาตุ เป็นต้น ท้ังนี้หากมีการพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือก็จะมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ชุมชนและ แหลง่ ท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีเป็นท่ีรู้จัก ตัวแทนชุมชนได้เสนอให้จัดเป็นตลาดริมน้า เพื่อท่ีชาวบ้านจะได้น้าสินค้ามาขายได้ อีกทั้งแม่น้าเพชรบุรีที่ไม่ได้ใช้สัญจรมาหลายปีจะได้ กลับมามีชีวิตอีกครั้งและถ้ามีคนกลับมาใช้แม่น้าอีกครั้งจะได้ช่วยดูแลแม่น้ากันมากข้ึน ทั้งน้ีใน การพัฒนาการท่องเท่ียวยังมีปัจจัยส้าคัญในการพัฒนา คือ งบประมาณเพราะถ้าจะมี การพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือก็ต้องมีเรือและต้องลงทุนในด้านต่าง ๆ อีกมาก อีกทั้งถ้าเป็นเรือ ใหญ่หรือเรือหางยาวก็ไม่สามารถล่องเรือได้เพราะแม่น้ามีความต้ืนเขินต้องท้าการขุดลอกแม่น้า และสร้างเขื่อนน้าล้นเพ่ือกักเก็บน้าเสียก่อน ดังท่ีตัวแทนชุมชนได้ให้ความคิดเห็นต่อการพัฒนา เสน้ ทางทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมทางเรือไว้ ดงั น้ี “เป็นส่ิงท่ีดีอย่างยิ่ง เพราะว่าเราอยากให้ทาตรงน้ัน เพราะเรามีทุนทางสังคมใน เรื่องของสายแม่น้าและบ้านเก่า ๆ ที่อยู่ริมแม่น้า เหมาะมากแต่มันช้ึนอยู่กับทุน และความเป็นไปได้ เคยมีการพูดคุยกับการเคหะและสถาบันที่มาทางานวิจัยกับ ชุมชนซ่ึงต่างก็สนับสนุนให้ชุมชนเป็นแหล่งท่องเท่ียวอีกแหล่งหน่ึงของเพชรบุรี อยากให้มกี ารพายเรือ มีการค้าขาย ตลาดริมน้า แต่ทางเทศบาลเมืองเพชรบุรียัง ไม่มีความพร้อมในการพัฒนา” ตัวแทนชุมชนวัดเกาะ (สัมภาษณ์, วันที่ 19 มีนาคม 2553) “การใช้แม่น้าเพชรบุรีเป็นเส้นทางท่องเท่ียวเป็นความคิดท่ีดีเพราะแม่น้าเพชรบุรี ไม่ไดใ้ ช้มาหลายปีแล้วทาใหค้ นละเลยแมน่ า้ ถา้ มีคนมาใช้แมน่ า้ อีกคร้ังคนก็จะได้ ไม่ละเลยเพราะแม่น้าต้องเป็นของคนรุ่นหลัง” ตัวแทนชุมชนหน้าพระลาน (สัมภาษณ์, วันท่ี 28 มีนาคม 2553) “ก็ดี แต่อันนี้ต้องอยู่ที่งบประมาณเพราะว่าถ้าจะทาก็ต้องมีเรือ เรือน้ีตามบ้านเค้า ไม่มีเค้ายกข้ึนหมดแล้ว ถ้าจะทาต้องลงทุนมาก ถ้าจะมาขึ้นต้นทาใหม่ต้องลงทุน มาก ตอนนี้ที่จะทาแหล่งเรียนรขู้ องปูเ่ ยน็ ก็ต้องใช้งบประมาณจากเทศบาล” ตัวแทน ชุมชนพระปรางค์ (สัมภาษณ์, วนั ท่ี 8 เมษายน 2553)

70 จากผลการศึกษาเห็นได้ว่า ชุมชนมีความคิดเห็นท่ีสอดคล้องกัน คือ เห็นด้วยและ พร้อมท่ีจะให้การสนับสนุนในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมทางเรือในแม่น้าเพชรบุรี ซึ่ง ตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นว่าการพัฒนาการท่องเท่ียวจะช่วยสนับสนุนให้ชุมชนและ แหล่งท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งข้ึน อีกท้ังคนจะได้หันมาใส่ใจ แม่น้าเพชรบุรีกันมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ปัจจัยส้าคัญในการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้า เพชรบุรี คือ ความพร้อมและความร่วมมือจากทางเทศบาลเมืองเพชรบุรี และหน่วยงานภาครัฐท่ี เกี่ยวขอ้ ง รวมถึงเรือ่ งของงบประมาณส้าหรบั การดา้ เนินการพัฒนาการท่องเที่ยว 4.2.7 ความสนใจของคนเพชรบุรีและนักท่องเที่ยวต่อศิลปวัฒนธรรมและทรัพยากร วัฒนธรรมของเมืองเพชร เมื่อมกี ารพฒั นาเส้นทางทอ่ งเท่ียววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบุรี ในประเด็นน้ีได้สอบถามความคิดเห็นของตัวแทนชุมชนว่าหากมีการพัฒนาเส้นทาง ท่องเท่ียววัฒนธรรมแม่น้าเพชรบุรีแล้วจะท้าให้ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และทรัพยากร วัฒนธรรมของเมืองเพชรได้รับความสนใจมากขึ้นจากคนเพชรบุรีและนักท่องเท่ียวมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งความคิดเห็นของตัวแทนชมุ ชนเปน็ ดังนี้ 1. ความรกั ถ่ินฐาน เม่ือมีการพัฒนาการท่องเที่ยวจะท้าให้เพชรบุรีเป็นท่ีรู้จักมาก ขึ้น เพราะคนเพชรบุรีมีความรักถิ่นฐานของตัวเอง เม่ือมีการท่องเที่ยว มีคนเข้ามาเยือน มาชม ชาวบ้านก็จะเกิดความภาคภูมิใจในความเป็นเพชรบุรีว่า ศิลปะ วัฒนธรรมของเพชรบุรีแม้แต่คน ตา่ งถ่ินยังมาดู ซึ่งคนในชุมชนต่างก็มีการรวมตัวกันและช่วยเหลือกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนและมี ความผกู พันกบั ชุมชนอยู่แล้ว ส้าหรับคนภายนอกน่าจะได้รับความสนใจมากข้ึนเพราะจุดขายของ เพชรบุรี คือ ศิลปะ วัฒนธรรมท่ีโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเพชรบุรีไม่ว่าจะเป็นงานช่างแขนงใน ต่าง ๆ ขนมเมอื งเพชร ละครชาตรี เปน็ ตน้ “ใช่ คนภายนอกกอ็ าจจะหันมาสนใจมากข้ึนเพราะภายในชุมชนพระปรางค์ก็มีสิ่งที่ โดดเด่น คือ พระปรางค์วัดมหาธาตุ บ้านไทยริมน้า และคนเพชรและคนภายนอกก็ จะหันมาสนใจแหล่งท่องเท่ียว ศิลปะภายในชุมชนกันมากข้ึน” ตัวแทนชุมชนพระ ปรางค์ (สมั ภาษณ,์ วนั ท่ี 8 เมษายน 2553) “เป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่ง เพราะว่าเราอยากให้ทาตรงนั้น เพราะเรามีทุนทางสังคมในเร่ือง ของสายแม่น้าและบ้านเก่า ๆ ท่ีอยู่ริมแม่น้า เหมาะมากแต่มันข้ึนอยู่กับทุนและ

71 ความเป็นไปได้ และคนในชุมชนก็มีความรักในชุมชนอยู่แล้ว” ตัวแทนชุมชนวัดเกาะ (สมั ภาษณ์, วนั ที่ 19 มนี าคม 2553) 2. เกดิ ความภาคภมู ิใจในตนเอง หากมีการพัฒนาการทอ่ งเท่ียวทางเรือทางชุมชน ก็จะได้ฟนื้ ฟปู ระเพณที ี่หายไปจะได้กลับคืนมา ดงั ที่ตวั แทนชมุ ชนไดแ้ สดงความคิดเห็นไว้วา่ “หากมีการพัฒนาการท่องเท่ียวทางเรือเราก็จะได้ฟ้ืนฟูประเพณีของเราอะไรที่เคย หายไปก็จะได้กลับมา เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง เมื่อเราเกิด ความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง เม่ือมีความภาคภูมิใจในตนเองเราก็ไม่ ต้องว่ิงไปที่อ่ืนก็อยู่ที่บ้านของเราให้ดี ๆ แล้วคนจะมาบ้านเราเองแล้วนักท่องเท่ียวก็ จะได้มาดู มาเห็นวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ของเมืองเพชร” ตัวแทนชุมชนพระปรางค์ (สมั ภาษณ์, วนั ท่ี 8 เมษายน 2553) 3. ทรัพยากรวัฒนธรรมภายในชุมชน หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวคนภายนอก ก็อาจจะหันมาสนใจแหล่งท่องเที่ยว ศิลปะของชุมชนมากข้ึนเพราะแต่ละชุมชนก็มีสิ่งท่ีโดดเด่น เช่น พระปรางค์วัดมหาธาตุ ปราสาทก้าแพงแลง ศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม อุโบสถที่ วดั เกาะ หรอื บ้านเรอื นไทยโบราณ เปน็ ตน้ “แน่นอนเพราะจุดขายของเพชรบุรี คือ ศิลปะ วัฒนธรรมท่ีโดดนเด่นเป็น เอกลักษณ์ของเพชรบุรี ทั้งงานช่างต่าง ๆ ขนมเมืองเพชร ละครชาตรี” ตัวแทน ชมุ ชนวิหารใหญ่ – ไตรโลก (สัมภาษณ,์ วันที่ 11 มิถุนายน 2553) 4.2.8 ความต้องการมีสว่ นร่วมตอ่ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเท่ยี ววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบรุ ี จากผลการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนต่อความคิดเห็นด้านความต้องการมีส่วนร่วมต่อ การพัฒนาเสน้ ทางทอ่ งเทยี่ ววัฒนธรรมสามารถสรุปผลได้ 4 ด้าน คือ ด้านการด้าเนินงานด้านการ ท่องเท่ียว ด้านบริการทางการท่องเท่ียว ด้านการให้ข้อมูลแก่นักท่องเท่ียว ด้านการจ้าหน่ายของท่ี ระลึก ตวั แทนชุมชนได้เสนอความคดิ เหน็ ไว้ดังนี้ 1. ด้านการด้าเนินงานด้านการท่องเที่ยว จากการสัมภาษณ์ตัวแทนทั้ง 4 ชุมชน พบว่าตัวแทนชุมชนมีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า ต้องการมีส่วนร่วมในการด้าเนินงานด้าน

72 การท่องเท่ียวเพราะการพัฒนาเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับชุมชนและท้องถ่ินโดยตรง ท้ังน้ีชุมชน ต้อง การมีส่วนร่วมต้ัง แต่ข้ันตอนของ การพัฒนาการท่องเที่ยว การ บริหารจัดการ การประชาสมั พันธ์ การออกร้านเพ่ือจ้าหนา่ ยผลิตภณั ฑข์ องชมุ ชนและของที่ระลึก ทั้งนี้ภาครัฐต้อง เปิดโอกาสใหช้ ุมชนมสี ว่ นรว่ มในตรงน้ดี ว้ ย “ทางชุมชนต้องการมีส่วนร่วมในด้านนี้อยู่แล้วเพราะเราเป็นชุมชน ถ้าไม่ผ่าน ชุมชนแล้วจะทายังไง ถูกม้ัย ชุมชนอยากร่วมบริหารจัดการทุกอย่างท่ีจะเกิด ขน้ึ กบั ชมุ ชน” ตวั แทนชมุ ชนวดั เกาะ (สมั ภาษณ์, วนั ที่ 19 มีนาคม 2553) 2. ด้านบริการทางการท่องเที่ยว จากผลการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนต่อความ ต้องการมสี ว่ นร่วมด้านบริการทางการทอ่ งเทยี่ วชมุ ชนต้องการให้บริการด้านต่าง ๆ คือ 2.1 ความต้องการให้ชุมชนเป็นศูนย์รวมข่าวสาร ข้อมูลด้านต่าง ๆ ของชุมชน รวมถึงการให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเท่ียวให้แก่นักท่องเท่ียว เช่น แผ่นพับข้อมูล หนังสือ เป็นต้น 2.2 การให้บริการด้านการขนส่ง โดยการให้บริการด้านน้ีต้องดูที่ความพร้อม ของชุมชนเป็นหลักว่าภายในชุมชนพร้อมที่จะท้าและมีทรัพยากรท่ีจะท้าหรือไม่ ซึ่งชุมชนในเขต เทศบาลเมอื งเพชบรุ ีต่างมผี ู้ที่ประกอบอาชีพสามล้อถีบ ถ้าหากมีการพัฒนาเส้นทางท่องเท่ียวและ มนี ักทอ่ งเที่ยวเขา้ มาใช้บรกิ ารสามล้อถีบชาวบา้ นทป่ี ระกอบอาชีพนี้ก็จะมีรายได้เพิ่มข้ึน อีกท้ังการ นัง่ สามล้อถีบยงั เสมอื นไดย้ ้อนเวลากลับไปสู่การเดนิ ทางในแบบอดตี อกี ดว้ ย 2.3 การเป็นเจ้าบ้านท่ีดีในท่ีนี้ หมายถึง หากมีการพัฒนาการท่องเท่ียวควรจะ อบรมให้คนในชุมชนมีความเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพ่ือเวลาท่ีนักท่องเท่ียวเข้ามาเยือนหรือมาสอบถาม ข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าใครในชุมชนก็สามารถให้ข้อมูลแก่นักท่องเท่ียวได้ และมีอัธยาศัยไมตรีที่ดี รู้จัก การอนุรกั ษโ์ บราณสถาน ศิลปะ และวฒั นธรรมภายในชุมชน 3. ด้านการให้ข้อมูลแก่นักท่องเท่ียว การมีส่วนร่วมด้านน้ี คือ การให้ความรู้ใน ดา้ นศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนแก่นักท่องเท่ียว ตัวแทนแสดงความ คิดเห็นที่สอดคล้องกัน คือ ชุมชนต้องการมีส่วนร่วมในด้านนี้โดยให้มีมัคคุเทศก์ท้องถ่ินและ ยุวมัคคุเทศก์ท่ีผ่านการอบรมมาช่วยกันแนะน้า ให้ความรู้ และข้อมูลต่าง ๆ ของชุมชนและแหล่ง ท่องเที่ยวในชุมชนให้แก่นักท่องเท่ียว ซึ่งแต่ละชุมชนก็มีการจัดอบรมมัคุคเทศก์ท้องถิ่นและ ยุวมัคคุเทศก์เป็นประจ้าทุกปีอยู่แล้วโดยเน้นในเรื่องของแหล่งท่องเท่ียวในชุมชน ศิลปะและ

73 วฒั นธรรมของชมุ ชนเปน็ หลัก 4. ด้านการจ้าหน่ายของท่ีระลึก ตัวแทนชุมชนเสนอความคิดเห็นในด้านน้ีว่า การจัดฝึกอบรมอาชีพและงานฝีมือต่าง ๆ ที่แต่ละชุมชนจัดสามารถน้าผลงานมาต่อยอดเป็น ผลิตภัณฑ์ประจ้าชุมชนและจัดจ้าหน่ายเป็นของท่ีระลึกได้ เช่น ชุมชนวิหารใหญ่-ไตรโลกมีการท้า พัดใบลาน หรือ ชุมชนหน้าพระลานท่ีมีผลิตภัณฑ์ประจ้าชุมชน คือ การประดิษฐ์เคร่ืองละคร หัวโขน หัวหุ่นละคร เปน็ ต้น ท้ังนี้ตัวแทนชุมชนได้เสนอความคิดเห็นเพ่ิมเติมต่อความต้องการมีส่วนร่วมใน การพัฒนาการท่องเท่ียว คือ ด้านบุคคลากรเนื่องจากบางชุมชนขาดบุคคลากรท่ีจะเข้ามาท้างาน ในด้านการท่องเท่ียวและได้เสนอแนวทางให้มีการอบรมในเร่ืองของการท่องเท่ียวต่าง ๆ เช่น การอบรมมัคคุเทศก์ การเป็นเจ้าบ้านท่ีดี การอบรมภาษาอังกฤษเพ่ือน้าชมนักท่องเท่ียว ต่างประเทศ เปน็ ต้น “ยังไม่มีผู้นาที่จะเสียสละมาทางานด้านน้ีจริง ๆ ซึ่งงานด้านน้ีก็ต้องอาศัยใจท่ีมา ก่อน” (ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่ - ไตรโลก, สัมภาษณ์เมื่อวันท่ี 8 กุมภาพันธ์ 2554) 4.2.9 ความคิดเห็นของตัวแทนชุมชนท่ีมีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวและการกระจาย รายได้ในชมุ ชน เมื่อเกิดการพัฒนาการท่องเท่ียวข้ึนในชุมชน การเข้ามาเที่ยวของนักท่องเที่ยวเป็น ทางหนึ่งท่ีจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน ตัวแทนแต่ละชุมชนได้ให้ความคิดเห็นในมุมมองน้ี แตกตา่ งกนั ออกไป ดังนี้ 1. การพัฒนาการท่องเที่ยวจะท้าให้คนในท้องถิ่นไม่ต้องไปท้างานท่ีอื่น ลูกหลาน จะไดอ้ ย่กู บั พ่ีปา้ น้าอา อยู่กับพ่อแม่ เช่น ทางชุมชนวัดเกาะคณะกรรมการชุมชนมีแผนท่ีจะพัฒนา และปรับปรุงตลาดเก่าในชมุ ชนเพื่อคนในชุมชนจะได้น้าของมาวางขายได้ 2. การพัฒนาการท่องเท่ียวจะช่วยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจให้กับชุมชนถือเป็น การกระจายรายได้ให้คนในทอ้ งถ่นิ เมอื่ มีการพฒั นาการท่องเที่ยวสินค้าท่ีชาวบ้านในชุมชนได้ผลิต จากการฝึกและอบรมอาชีพก็สามารถน้าผลิตภัณฑ์และบริการน้ันมาจ้าหน่ายแก่นักท่องเที่ยวได้ เช่น ชุมชนพระปรางค์มีการท้าน้าด่ืมประจ้าชุมชน มีบริการนวดแผนไทย หรือ ชุมชนวิหารใหญ่- ไตรโลกท่ีมีผลิตภัณฑ์ของชุมชน คือ การท้าพัดใบลานที่ลวดลายเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน โดย

74 รายไดท้ จี่ ากการจ้าหนา่ ยผลิตภัณฑย์ ังสามารถนา้ ไปจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในชมุ ชนไดอ้ กี ทาง 3. การต้ังจุดจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ เพ่ือให้ชาวบ้านในชุมชนได้ท้าของออกมาขาย โดยการต้ังจุดจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ของชุมชนและยังสะดวกในการมาซื้อของนักท่องเท่ียวอีกด้วย “ทางชมุ ชนตอ้ งมีความพร้อมดว้ ยและภายในชุมชนก็มีร้านอาหารหลายร้าน ถ้ามี นักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะช่วยกระจายรายได้ไปตามร้านค้าเหล่านี้ได้ นอกจากน้ี ทางชมุ ชนหนา้ พระลานก็มีการทาเครื่องละคร มีการทาขนม ถ้ามีนักท่องเที่ยวมา เที่ยวก็จะเกิดการซ้ือก็เพ่ิมรายได้ให้กับท้องถ่ิน” ตัวแทนชุมชนหน้าพระลาน (สัมภาษณ์ , 28 มนี าคม 2553) 4.2.10 รปู แบบของเสน้ ทางทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมแม่นา้ เพชรบรุ ี ผ ล ก า ร สั ม ภ า ษ ณ์ ตั ว แ ท น ชุ ม ช น ต่ อ ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ด้ า น รู ป แ บ บ ที่ เ ห ม า ะ ส ม ข อ ง เส้นทางทอ่ งเที่ยววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบรุ ใี นประเดน็ นี้ สามารถสรุปความคิดเห็นไดด้ งั นี้ 1. การท่องเที่ยววัฒนธรรม ตัวแทนชุมชนอยากให้การพัฒนาการท่องเที่ยวเป็น รูปแบบของการท่องเท่ียววัฒนธรรมเพราะว่าวัฒนธรรมและศิลปะของเมืองเพชร คือ จุดขายหลัก นอกจากนี้ตวั แทนชมุ ชนยงั ไดเ้ สนอความคิดเห็นว่ามีความต้องการที่จะท้าริมสองฝ่ังแม่น้าเพชรบุรี ให้เป็นถนนคนเดินซึ่งยังพอมีที่ริมแม่น้าเหลืออยู่จะได้มีพื้นท่ีให้สินค้าพ้ืนเมืองมาวางจ้าหน่ายแต่ ทั้งนี้ตอ้ งได้รับการสนบั สนุนจากหน่วยงานภาครฐั 2. การจัดโปรแกรมน้าเท่ียว เน่ืองจากเส้นทางท่องเที่ยวแม่น้าเพชรบุรีได้ผ่าน ชุมชนและแหลง่ ทอ่ งเท่ยี วตา่ ง ๆ จึงควรพานักท่องเที่ยวไปชมแหล่งท่องเที่ยว ชมส่ิงส้าคัญในเมือง เพชรบรุ ี แวะชมชุมชน และแหลง่ ท่องเที่ยวที่ต้ังอยู่ริมน้า โดยจัดรูปแบบการท่องเท่ียวให้มาแวะพัก เป็นจดุ ๆ ตลอดเส้นทางท่องเท่ียว จุดที่ควรแวะชมมี อาทิ พระราชวังบ้านปืน วัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย ตลาดริมน้า เป็นต้น นอกจากน้ีควรจัดโปรแกรมให้หมุนเวียนกันหรือจัดโปรแกรม น้าเที่ยวในแต่ละชุมชนซึ่งแต่ละชุมชนต่างก็มีจุดเด่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ท่ี แตกต่างกันออกไป 3. ศึกษารูปแบบของแหล่งท่องเท่ียวทางน้าแหล่งต่าง ๆ เพื่อน้ามาปรับใช้ในการ พฒั นา เชน่ ทอี่ มั พวาที่ชาวบ้านนา้ สินคา้ ใสเ่ รอื มาขายท่ีตลาดน้ายามเยน็ ทง้ั ผลไม้ ผัก เป็นต้น ทั้งนี้ ถา้ เป็นไปได้หากปรมิ าณน้ามีมากขึ้นเรือสามารถวิ่งไปมาได้สะดวกก็สามารถท้าเส้นทางท่องเท่ียว จากพระรามราชนิเวศนน์ ง่ั เรือมาตามแม่น้ามาเรอ่ื ย ๆ และมาสน้ิ สุดที่เรือนผู้ว่าราชการจังหวัด โดย

75 สามารถไปได้ทัง้ ไปและกลบั ตัวแทนชุมชนใหค้ วามคิดเหน็ ไว้ว่า “นา่ จะเหมือนกับทางตลาดน้าอัมพวาน่าจะเป็นแบบน้ัน ในแบบท่ีว่าชาวบ้านท่ีมี สินคา้ เชน่ ผลไมก้ น็ าใสล่ งเรือ ผักต่าง ๆ น่าจะได้ลงมือทา ถ้าเป็นไปได้ถ้าน้าข้ึน ดีอะไรดีและเรือว่ิงไปมาได้สะดวก บรรยากาศ 2 ฝั่งก็ดี ลงไปเที่ยวที่บ้านปืนน่ัง เรือตามแม่น้ามาเรื่อย ๆ มาสุดท่ีเรือนผู้ว่า พายไปได้ท้ังไปและกลับ ถ้าทาตรงนี้ ได้นักทอ่ งเทย่ี วก็จะบอกต่อกันเอง จุดท่ีควรแวะชม คือ บ้านปืน วัดเกาะ วัดหมา ธาตุ วัดพลับพลาชัย ตลาดริมน้า” ตัวแทนชุมชนพระปรางค์ (สัมภาษณ์, วันท่ี 8 เมษายน 2553) 4.2.11 ปัญหาและอปุ สรรคของการพัฒนาเสน้ ทางท่องเทยี่ ววัฒนธรรมแม่นา้ เพชรบุรี ผลจากการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนสามารถสรุปปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนา เสน้ ทางทอ่ งเที่ยววัฒนธรรมทางเรอื เป็นประเด็นได้ ดงั น้ี 1. ปัญหาเรื่องปริมาณน้า เน่ืองจากปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีมีไม่สม่้าเสมอ บางคร้ังน้าไม่มีส่งผลให้แม่น้าแห้งขอดท้าให้ไม่สามารถล่องเรือได้ นอกจากน้ีบ้านท่ีอยู่ในเส้นทาง ทอ่ งเท่ยี วควรท้าการปรับปรงุ พฒั นาหนา้ บ้านใหน้ า่ มอง 2. ปัญหาทางด้านบุคคลากร เน่ืองจากหากมีทุนทางทรัพยากร ทุนทรัพย์ที่ดีแต่ หากบุคคลากรยังไม่พร้อมที่จะท้าก็จะเป็นปัญหา ต้องหาวิธีว่าท้าอย่างไรให้บุคคลากรท้ังท้องถิ่น และภาครัฐยอมรับและเข้าใจในการพัฒนาการท่องเที่ยว รวมถึงปลูกฝังให้คนมีใจในการร่วมมือ และพฒั นาสิ่งต่าง ๆ ตัวแทนจากชุมชนได้แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหาด้านบุคลากรไวด้ งั นี้ “ตอนน้ีคนไม่ศรัทธาในระบบราชการเพราะคนไม่เช่ือว่ารัฐจะทา รัฐจะพัฒนา เหมือนกับคนที่ทาไม่รู้ คนที่รู้ก็ไม่ได้ทา” ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่ไตรโลก (สัมภาษณ์, วันที่ 28 มนี าคม 2553) 3. ปัญหาความร่วมมือจากภาครัฐ ในท่ีนี้ คือ ความร่วมมือจากทางเทศบาล องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าหน่วยงานเหล่าน้ีไม่ให้ความร่วมมือ การพัฒนาก็เปน็ ไปได้ยาก อีกทง้ั งบประมาณการพฒั นาก็ขึ้นอยู่กับทางภาครัฐ ตัวแทนชุมชนได้ให้ ความคิดเห็นกบั ประเดน็ นี้ ดงั นี้

76 “ถ้าทุกคนร่วมมือกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาขึ้นอยู่กับการบริหารของท้องถิ่นและ องค์กรส่วนท้องถ่ินด้วย (น่ันแหละอุปสรรคใหญ่) และหน่วยงานท่ีดูแลจะปล่อย นา้ มาหรอื เปล่า ถา้ ทุกฝ่ายรว่ มมอื กนั ก็จะผ่านไปได้” ตัวแทนชุมชนวิหารใหญ่ไตร โลก (สมั ภาษณ์, วันท่ี 28 มีนาคม 2553) 4.2.12 ผลกระทบของการพัฒนาเส้นท่องเที่ยวทางวฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรีท่จี ะมตี อ่ ชมุ ชน การสมั ภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลักของท้ัง 4 ชุมชนในประเด็นผลกระทบของการฟ้ืนฟูการ ทอ่ งเท่ียวทางเรอื ที่จะมตี ่อชมุ ชนมีทงั้ มุมมองทางบวกและมุมมองทางลบ ดังน้ี 1. ผลกระทบทางด้านบวก ผลจากการสัมภาษณ์สรุปได้ว่า การพัฒนาเส้นทาง ท่องเที่ยววัฒนธรรมแมน่ ้าเพชรบรุ ีเป็นเหมือนการดงึ อดีตกลับเข้าสู่ปัจจุบันมาแล้วจะท้าให้ชุมชนดี ทางด้านเศรษฐกิจ ด้านความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้น นอกจากน้ีการท่องเที่ยวจะท้าให้ศิลปะ วัฒนธรรมใน เมอื งเพชรบุรีเป็นท่ีรูจ้ กั มากข้นึ และจะท้าใหค้ นเพชรบุรหี ันมาใส่ใจแม่น้าเพชรบุรีกันมากข้ึน รวมถึง เร่อื งของการกระจายรายไดใ้ หก้ บั คนในทอ้ งถ่ินดงั ทีต่ วั แทนชุมชนได้ให้ความคิดเห็นผลกระทบด้าน บวกไว้ดังนี้ “ชาวบ้านจะไดท้ ามาหากินบนแมน่ ้า ได้เพ่ิมศกั ยภาพของประชาชน จะได้ทามาหากนิ มีฐานะดีข้ึน เรือท่ีเก็บ ๆ ไว้จะได้นาออกมา จากท่ีจ้องยาเรือปีละคร้ังแล้วเอาไปเก็บ จะไดน้ าออกมาใชไ้ ด้ ต่อไปภายหน้าลกู หลานจะไดม้ ที างทามาหากนิ มากขน้ึ ” ตวั แทน ชุมชนพระปรางค์ (สัมภาษณ์, วันท่ี 8 เมษายน 2553) 2. ผลกระทบทางด้านลบ จะเป็นในด้านสภาวะแวดล้อม เช่น ด้านมลภาวะทาง เสียงถ้าใช้เรือที่มีเครื่องยนต์ก็จะเกิดเสียงดังตามมา นอกจากนี้ขยะที่เกิดจากการท่องเท่ียวก็เป็น เรอ่ื งสา้ คญั ซงึ่ การบรหิ ารจัดการขยะกเ็ ป็นเรื่องทต่ี ้องท้า และความกังวลในเร่ืองของสภาพน้าถ้าไม่ มนี ้าก็ไม่สามารถล่องเรอื ได้ตอ้ งไปเท่ยี วเฉพาะฤดนู า้ เทา่ นัน้ 4.2.13 ขอ้ เสนอแนะตอ่ การพฒั นาเสน้ ทางทอ่ งเท่ียววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบรุ ี ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลหลักท้ัง 4 ชุมชนมีข้อเสนอแนะต่อการพัฒนา เสน้ ทางทอ่ งเทย่ี ววัฒนธรรมแมน่ า้ เพชรบุรี สามารถสรุปออกเป็นประเด็นได้ดงั น้ี 1. การบริหารจัดการท่องเท่ียว เม่ือจะมีการพัฒนาการท่องเท่ียวแล้วควรมี

77 การบริหารจัดการท่ีดีเพื่อให้เศรษฐกิจของชุมชนดีข้ึนและให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในด้านความเป็น ชมุ ชนทแี่ ท้จรงิ 2. การสนับสนุนจากภาครัฐ หน่วยงานหลักและหน่วยงานภาครัฐต้องให้การ สนับสนุนอย่างจริงจังท้ังทางด้านนโยบายและการสนับสนุนด้านงบประมาณ เม่ือภาครัฐให้ การสนับสนุนแล้วชาวบ้านก็จะให้ความร่วมมือกันเอง นอกจากนี้ผู้น้าต้องมีความเข้าใจในศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเท่ียว การพัฒนาการท่องเที่ยวต้องท้าให้ครบวงจรโดยร่วมมือกับทาง จังหวัดและทางจังหวดั ต้องเป็นตวั หลกั ในการขับเคลอ่ื นและการให้ความร่วมมอื ในการพฒั นา 3. การบรกิ ารทางการท่องเท่ียว ควรมีความพร้อมในการเตรียมเรื่องการท้าท่าเรือ โดยจดั ทา้ ท่าเรือขน้ึ ลงในแต่ละจุดส้าหรับข้ึนลงและมีรถบรกิ ารสา้ หรับน้าเที่ยวหรือเม่ือมีคนข้ึนจาก ท่าเรือแล้วควรมีคิวรถรองรับทั้งรถสามล้อถีบหรือรถเล้ง (รถสองแถวสีขาวขนาดเล็กลักษณะคล้าย รถตุ๊กตกุ๊ ) และราคาควรเปน็ มาตรฐานและยุตธิ รรม 4. รูปแบบทางการท่องเที่ยว ควรมีการจัดตารางการท่องเท่ียวโดยก้าหนด ระยะเวลาการท่องเที่ยวให้เหมาะสมว่าควรไปเที่ยวจุดใดในตัวเมืองเพชรบุรีบ้าง อีกท้ังต้องมีการ เช่ือมโยงเส้นทางท่องเที่ยวภายในเขตเทศบาลเมืองเข้าด้วยกันเพราะเขตเทศบาลเมืองมีแหล่ง ท่องเท่ียวที่น่าสนใจและหลากหลาย ท่ีส้าคัญคือต้องมีการประสานความร่วมมือกับคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ถ้าหากมีปริมาณน้าเยอะพอก็สามารถจัดให้มีตลาดน้าได้แต่ต้องได้ความร่วมมือจาก หลาย ๆ ฝ่ายทงั้ จากเทศบาล องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั และชาวบ้าน 5. การปรับสภาพภูมิทัศน์ เมื่อจะมีการพัฒนาการท่องเที่ยวทางเรือในแม่น้า เพชรบุรีควรมกี ารปรับสภาพภูมิทัศนร์ ิมสองฝง่ั แมน่ ้าเพชรบุรีเพื่อให้ดูสวยงาม โดยอาจจัดโครงการ หน้าบ้านน่ามองทง้ั บา้ นทอี่ ยรู่ ิมถนนและบ้านท่อี ยรู่ มิ สองฝัง่ แมน่ า้ เพชรบุรี 6. การท้าเขื่อนน้าล้น เนื่องจากปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีต้ืนเขินและทางเข่ือน เพชรไม่ค่อยได้ปล่อยน้ามาในบางเดือนปริมาณน้าในแม่น้าเพชรบุรีจึงมีน้อยซ่ึงอาจท้าให้ไม่ สามารถล่องเรือได้ การท้าเข่ือนน้าล้นจะเป็นประโยชน์เมื่อทางเข่ือนปล่อยน้ามาก็จะสามารถกัก น้าไว้ได้ ซ่ึงโครงการสร้างเข่ือนน้าล้นก้าลังอยู่ในระหว่างการด้าเนินการก่อสร้างแต่ยังไม่ได้ งบประมาณ จากข้อเสนอแนะของตัวแทนชุมชนสามารถน้ามาปรับเป็นแนวทางในการพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมทางเรือได้ในแม่น้าเพชรบุรีในเขตเทศบาลเมือง จังหวัดเพชรบุรีท่ี เหมาะสมและตรงกับความต้องการของคนในพื้นท่ี

78 4.3 ขอ้ มลู การสมั ภาษณเ์ ชิงลึกผูด้ แู ลแหล่งท่องเท่ยี ว ขอ้ มูลจากการสัมภาษณ์ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียว อันได้แก่ พระรามราชนิเวศน์ วัดเกาะ วัดพลับพลาชัย วัดมหาธาตุ วัดพระทรง วัดไผ่ล้อม วัดใหญ่สุวรรณาราม และวัดก้าแพงแลง ท้ังน้ี ในการเกบ็ ขอ้ มูลการสมั ภาษณ์มีข้อจ้ากัดในการเข้าถึงข้อมูลท่ีพระรามราชนิเวศน์ เน่ืองจากผู้ดูแล แหล่งท่องเท่ียวเกรงถึงผลกระทบที่จะเกิดข้ึนจากการให้สัมภาษณ์ท้าให้ข้อมูลที่ได้จากการ สัมภาษณ์เชิงลึกที่ได้มามีความไม่สมบูรณ์ จากผลการสัมภาษณ์สามารถน้าเสนอผลการวิจัยเป็น ประเดน็ ต่าง ๆ ไดด้ ังนี้ 4.3.1 ข้อมูลด้านการทอ่ งเทย่ี ว ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวประกอบไปด้วย ภาพรวมของการท่องเท่ียวของแหล่ง ท่องเท่ียว จดุ เด่นของแต่ละแหลง่ ท่องเท่ยี ว ตามรายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี 1. พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน) จุดเด่นของพระรามราชนิเวศน์ คือ พระท่ีนั่งศรเพชรปราสาทตัวอาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก คือ แบบบาร็อค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) ภาพรวมทางการท่องเที่ยวโดยรวมแล้วจะเป็นกลุ่มนักเรียน นกั ศกึ ษา และหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เขา้ มาดงู าน และศกึ ษาหาความรู้ ผูด้ แู ลแหลง่ ท่องเที่ยวให้ข้อมลู ว่า “พระรามราชนิเวศน์ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเท่ียวแบบเปิดเพราะอยู่ในเขตทหาร แต่ เปดิ ให้คนทั่วไปมาเข้าชมเพราะเป็นสมบัติของชาติเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่เด็ก เยาวชน และผู้ที่สนใจในวัฒนธรรม\" ผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยว (สัมภาษณ์, วันท่ี 16 มถิ นุ ายน 2553)

79 ภาพท่ี 4.10 บริเวณด้านหน้าพระท่ีนั่งศรเพชรปราสาท พระรามราชนิเวศน์, บันทึกภาพเม่ือวันที่ 6 กรกฎาคม 2552 2. วัดเกาะ เป็นวัดโบราณวัดหน่ึงของเมืองเพชรตั้งแต่สมัยอยุธยามีสิ่งก่อสร้างที่ โดดเด่น คือ อุโบสถที่สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังท่ียังอยู่ใน สภาพสมบูรณ์ ศาลาการเปรียญที่สร้างโดยช่างวัดเกาะ และพิพิธภัณฑ์วัดเกาะ ภาพรวมของการ ท่องเทยี่ ววัดเกาะมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยือน รวมถึงกลุ่มหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน นกั เรียน และนกั ศกึ ษาท่เี ขา้ มาทัศนศกึ ษา ภาพที่ 4.11 อุโบสถสมัยอยธุ ยาตอนปลาย วดั เกาะ เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี, บนั ทกึ ภาพเมือ่ วนั ท่ี 6 กรกฎาคม 2552

80 3. วัดพลับพลาชัย จุดเด่นของทางวัด คือ อุโบสถท่ีมีลวดลายปูนปั้นท่ีบานประตู และบานหน้าต่างซึ่งภายในอุโบสถจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ท่ีจัดแสดงหนังใหญ่ฝีมือการ ประดิษฐ์ของหลวงพ่อฤทธิ์ซ่ึงเป็นลูกศิษย์ของ ขรัว อินโข่ง โดยหลวงพ่อฤทธิ์ได้แกะตัวหนังใหญ่ เพ่ือใช้แสดงเรื่องรามเกียรต์ิมีท้ังหมด 200 ตัวโดยใช้เวลาแกะทั้งหมด 3 ปีด้วยกัน ปัจจุบันทางวัด ไดจ้ ดั แสดงหนงั ใหญ่จา้ นวนทั้งส้ิน 20 ตวั โดยจัดแสดงในรปู แบบของการแสดงหนงั ใหญ่ ภาพรวมของการท่องเที่ยวของวัดมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเรื่อย ๆ โดยมาเป็น ครอบครัวท้ังชาวไทยและชาวต่างประเทศ บางครั้งก็มาเป็นหมู่คณะซึ่งจะมาเป็นช่วง ๆ คราวละ 100 คนถึง 200 คน โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวจะมาชมอุโบสถ ศาลาการเปรียญ สวนสุนทรภู่ ของ ทางวัดเพราะเป็นผลงานของช่าง 10 หมู่เมืองเพชรท่ีสวยงาม รวมถึงงานปูนปั้น ลายแกะสลักท่ี บานประตู ซง่ึ เปรยี บเหมือนอยุธยาท่ียังมีชวี ติ ภาพท่ี 4.12 อุโบสถวดั พลบั พลาชยั ที่ตง้ั ของพิพิธภณั ฑห์ นงั ใหญ่ เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี, บันทกึ ภาพเมอ่ื วนั ท่ี 18 ตลุ าคม 2553 4. วัดมหาธาตุ เป็นวัดส้าคัญของเมืองเพชรมีจุดเด่น คือ องค์พระปรางค์และงาน ปนู ปั้นซึง่ เป็นผลงานของช่างเมอื งเพชร โดยองคพ์ ระปรางค์จะเปิดให้ข้ึนไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุ เฉพาะเดือนเมษายน ภาพรวมท่ัวไปของการท่องเท่ียวของทางวัดมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็น จ้านวนมากทุกวนั ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศซง่ึ นักท่องเทยี่ วจะมาไหวพ้ ระเปน็ หลัก

81 ภาพท่ี 4.13 พระปรางค์ วดั มหาธาตุ เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ,ี บนั ทกึ ภาพเมอ่ื วันท่ี 6 กรกฎาคม 2552 5. วัดพระทรง เป็นวัดท่ีสร้างข้ึนในสมัยปลายอยุธยาและพระประธานในโบสถ์ เป็นพระที่รัชกาลท่ี 4 ได้น้ามาถวายให้แก่วัด ในสมัยรัชกาลท่ี 5 คราวที่ท่านเสด็จประพาสเมือง เพชรก็ได้แวะมานมัสการพระประธานที่วัดพระทรงด้วย ในอดีตวัดพระทรงเป็นเสมือนโรงเรียนใน สมัยก่อนโดยโดดเด่นทางด้านศิลปะและงานฝีมือ เช่น การท้าเมรุ การท้าลูกโกศ เป็นต้น และ ทางวัดมเี กจอิ าจารย์ที่มเี ปน็ ทน่ี บั ถือของคนเพชรบุรี คือ หลวงปู่มี หลวงพ่อแล นอกจากน้ียังมีเรือน ไทยโบราณซ่งึ เจ้าเมืองเพชรได้ถวายเพอื่ ใช้เป็นกุฏสิ งฆอ์ ีกดว้ ย ภาพรวมทางการท่องเท่ียวของวัดจะมีท้ังนักท่องเท่ียวชาวไทยและชาว ต่างประเทศ ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมาเท่ียวชมอุโบสถ ดูของเก่า นมัสการพระอาจารย์เป้าและ หลวงปู่แล โดยในอนาคตทางวัดมีโครงการที่จะท้าพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บรวบรวมผลงานของพระ อาจารยเ์ ป้าซง่ึ มีฝีมือโดนเดน่ ดา้ นการวาดภาพ

82 ภาพที่ 4.14 วดั พระทรง, บนั ทกึ ภาพเมือ่ วันที่ 6 กรกฎาคม 2552 6. วัดไผ่ล้อม เป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยาในปัจจุบันเป็นวัดร้างโดยมีชมรม อนรุ กั ษ์วดั ไผ่ลอ้ มเป็นผดู้ ูแลวัด ดา้ นภาพรวมทางการท่องเที่ยวนั้นโดยท่ัวไปแล้วถ้านักท่องเท่ียวไม่ จงใจมาก็เหมือนอยู่นอกเส้นทางเพราะนักท่องเท่ียวส่วนใหญ่จะไปวัดใหญ่สุวรรณาราม วัดเกาะ วัดมหาธาตุ แต่ถ้านักท่องเท่ียวมาถึงวัดพระทรงก็จะแวะมาท่ีวัดไผ่ล้อมด้วยและตลอดทั้งปีก็มี นกั ทอ่ งเท่ยี วแวะมาเยยี่ มชมวดั ไผ่ลอ้ มอยเู่ ปน็ ระยะ โดยมาดูงานศลิ ปะ งานปนู ป้นั ภาพที่ 4.15 อโุ บสถวดั ไผ่ล้อม เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี, บันทึกภาพเม่อื วนั ที่ 18 ตุลาคม 2552 7. วดั ใหญส่ ุวรรณราม ถือเป็นวัดส้าคัญอีกวัดหนึ่งของเพชรบุรีวัดมีจุดเด่นทั้งงาน ด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม งานประติมากรรม ศาลาการเปรียญ รูปหล่อสมเด็จแตงโม เป็นต้น

83 นอกจากนี้ทางวัดยังได้อนุรักษ์เว็จกุฎีซ่ึงเป็นส้วมแบบโบราณไว้เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้ ภาพรวม ทางการท่องเท่ียวของวัดใหญ่สุวรรณารามก็มีนักท่องเท่ียวมาชมตลอดท้ังปีทั้งนักท่องเที่ยวท่ัวไป ท่มี าไหวพ้ ระ ท้าบญุ แต่สว่ นมากจะเป็นนกั เรยี น นักศกึ ษาที่มาศึกษาหาความร้ตู ามวชิ าท่เี รยี น ภาพท่ี 4.16 เว็จกุฎี (ส้วมพระโบราณในสมัยอยุธยา) ในบริเวณวัดใหญ่สุวรรณาราม เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ,ี บันทึกภาพเม่อื วันท่ี 18 ตลุ าคม 2552 8. วัดก้าแพงแลง มีโบราณสถาน คือ ปราสาทก้าแพงแลงซึ่งเป็นศิลปะในสมัย ขอมบายนแห่งเดียวในเพชรบุรี และทางวัดยังเป็นส้านักปฏิบัติธรรมอีกด้วย ภาพรวมของ การท่องเท่ียวในสมัยก่อนเป็นวัดปิดเลยไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวเท่าที่ควรแต่ในปัจจุบันทางวัดได้เปิด มากขน้ึ โดยนักท่องเท่ียวท่มี าส่วนจะเป็นรปู แบบของการทอ่ งเท่ียวเชิงอนุรักษ์เหมาะส้าหรับการมา ศึกษาประวัติศาสตร์ มาไหว้พระ ซึ่งนักท่องเท่ียวส่วนมากจะแวะมาดูโบราณสถานและบางส่วนก็ มาปฏิบัติธรรม

84 ภาพที่ 4.17 ปราสาทกา้ แพงแลง วดั กา้ แพงแลง เขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ,ี บนั ทึกภาพเมื่อวันที่ 6 กุมภาพนั ธ์ 2553 4.3.2 การจัดการท่องเท่ยี วสา้ หรบั แหล่งทอ่ งเทยี่ ว เนื่องจากสถานที่ที่เป็นพื้นท่ีศึกษามิใช่เป็นแหล่งท่องเที่ยวท่ีสามารถรองรับ นักท่องเที่ยวได้เป็นจ้านวนมาก ด้วยไม่ใช่เป็นแหล่งท่องเท่ียวท่ีสามารถแสวงหาผลประโยชน์และ ก้าไรได้เน่ืองจากเป็นศาสนาสถาน นอกจากนี้พระรามราชนิเวศน์ท่ีต้ังอยู่ในเขตมณฑลทหารบกท่ี 15 (ทหารบกเพชรบุรี) ท้าให้มีข้อจ้ากัดในการจัดการด้านการท่องเที่ยว ผลจากการสัมภาษณ์ สามารถสรุปประเด็นของการจัดการแหล่งท่องเท่ียวของแต่ละแหล่งท่องเท่ียวได้ 2 ประเด็น ดังน้ี 1. ด้านการบริการทางการท่องเท่ียว แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแหล่งมีบริการพื้นฐาน ส้าหรับนักท่องเท่ียว คือ แผ่นพับที่เป็นรายละเอียดของแหล่งท่องเที่ยวเพื่อบริการความรู้หรือ จ้าหน่ายให้กับนกั ทอ่ งเที่ยว ส้าหรับหน่วยงานหรือหมู่คณะท่ีมาดูงานหากติดต่อมาล่วงหน้าจะมีการวิทยากร น้าชม และบางวัดได้จัดให้มีการอบรมยุวมัคคุเทศก์เพื่อการน้าชมด้วย บางแหล่งท่องเที่ยว เช่น วัดเกาะจะท้างานประสานกับทางชุมชนวัดเกาะในการรับรองหน่วยงานและหมู่คณะท่ีมาดูงาน หรือตัวอย่างท่ีพระรามราชนิเวศน์ที่อยู่ในความดูแลของทหารบกเพชรบุรีก็มีการจัดให้มีนักศึกษา ฝกึ งานในการน้าชมพระราชวัง 2. ด้านสิ่งอ้านวยความสะดวก โดยมากแล้วแต่ละแหล่งท่องเที่ยวมีสิ่งอ้านวย ความสะดวกขั้นพื้นฐานส้าหรับบริการนักท่องเท่ียวทั้งท่ีจอดรถและห้องน้า ปริมาณที่สามารถ รองรับได้ข้ึนอยู่กับแต่ละสถานที่แต่เนื่องจากแต่ละสถานท่ีไม่ได้เป็นแหล่งท่องเท่ียวที่มี

85 นักทอ่ งเทยี่ วมาเยอื นคร้งั ละเป็นจ้านวนมากอตั ราการรองรับจงึ ยังไม่ประสบปญั หา จากการสังเกตการณ์ของผู้วิจัยแบบไม่มีส่วนร่วมในด้านการจัดการพื้นที่ของแหล่ง ท่องเท่ยี วพบวา่ การจัดการพน้ื ที่และการแบ่งพ้ืนท่ีใช้สอยภายในแหล่งท่องเท่ียวบางแห่งยังไม่เป็น สัดส่วนและขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย อาทิ วัดพระทรงท่ีมีสิ่งก่อสร้างของชาวบ้านในชุมชน อย่ใู นพ้ืนท่ีของวัด เปน็ ต้น ทงั้ นีแ้ หล่งทอ่ งเท่ียวบางแห่งมที รัพยากรวัฒนธรรมภายในวัดเป็นจ้านวน มากแตข่ าดบุคคลากรที่จะมาดูแลและบริหารจดั การทา้ ให้ตอ้ งปิดพ้ืนทบี่ ริเวณนนั้ ไป เช่น วัดเกาะท่ี มีพิพิธภัณณ์วัดเกาะตั้งอยู่แต่ไม่มีบุคคลากรมาดูแลจึงไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม แต่จะเปิด เมอื่ มกี ารติดต่อขอเข้าชมลว่ งหนา้ เป็นตน้ 4.3.3 ความคิดเห็นตอ่ การพฒั นาเสน้ ทางทอ่ งเทีย่ ววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบุรี ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ดูแลกิจการแหล่งท่องเที่ยวกับความคิดเห็นท่ีมีต่อการพัฒนา เส้นทางทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบุรี สามารถแบง่ เป็นประเดน็ ตา่ ง ๆ ไดด้ ังนี้ 1. ด้านเศรษฐกิจ ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวมีความคิดเห็นว่าหากสามารถพัฒนา เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมได้ก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเพราะเม่ือมีคนมาท่องเที่ยวมากขึ้นก็จะ เกิดการใช้จ่ายเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนได้ทางหน่ึง และการท่องเท่ียวของเพชรบุรีจะเป็น ท่รี ้จู ักมากข้นึ 2. ด้านศิลปวัฒนธรรม ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวให้ความคิดเห็นในด้านน้ีว่าหากมี การพฒั นาเสน้ ทางท่องเท่ยี ววัฒนธรรมก็เท่ากับได้รักษาศิลปะ วัฒนธรรมของจังหวัดเพชรบุรี โดย ถา้ ทา้ ได้อาจจะทา้ ใหช้ ุมชนเจรญิ ขึน้ ดังความเห็นของผดู้ ูแลแหล่งท่องเท่ยี ว “เมืองเพชรบุรีเป็นเมืองประวัติศาสตร์ เมืองศิลปะ อย่างน้อยเม่ือมีการพัฒนา ทางการท่องเทยี่ วนกั ทอ่ งเท่ียวกจ็ ะได้ซึมซบั สิ่งต่าง ๆ เหล่าน้ีไปบ้าง” ผู้ดูแลแหล่ง ทอ่ งเที่ยววดั พระทรง (สัมภาษณ์, 12 พฤษภาคม 2553) 3. การส่งผลดีต่อแม่น้าเพชรบุรี เม่ือปี พ.ศ. 2539 – 2540 มีการถมแม่น้าเพชรบุรี ท้าให้การไหลของแม่น้าไม่ต่อเนื่อง อีกท้ังมีการทิ้งของเสียลงแม่น้าเพชรบุรี และการบุกรุกพ้ืนท่ี แม่น้าในหลาย ๆ จุด ดังนั้นหากจะมีการพัฒนาต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายเพื่อให้ เกิดความเป็นไปได้ นอกจากนี้ต้องท้าการปรับแต่งภูมิทัศน์บริเวณริมแม่น้าเพชรบุรีให้มีความ สวยงามท่ีส้าคัญต้องมีตัวทดน้าเพื่อป้องกันไม่ให้แม่น้าเพชรบุรีไหลลงสู่ทะเลจนหมด โดยควรท้า

86 ตัวทดน้าเป็นฝายลูกยางเพ่ือเก็บกักน้าและท้าการขุดลอกแม่น้าเพชรบุรีในทุกช่วงเพื่อให้สามารถ ลอ่ งเรือได้ 4. การพัฒนาบุคคลากร ก่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวต้องให้บุคคลท่ีมีหน้าที่ เก่ียวข้องกับการพัฒนามีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาก่อน ถ้าพัฒนาแล้วคนมีจิตส้านึกทุก อย่างก็จะสามารถพัฒนาไปได้อีกท้ังหลาย ๆ ฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยรูปแบบของการท่องเท่ียวท่ี จะพัฒนาควรเป็นรูปแบบของการท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์เพราะวัดหรือแหล่งท่องเที่ยวท่ีต้ังอยู่ริม แมน่ า้ ล้วนแลว้ แตเ่ ปน็ แหลง่ ศิลปะ วฒั นธรรมของเมอื ง 4.3.4 ความสนใจของนักท่องเท่ยี วตอ่ ศลิ ปวฒั นธรรมของแหล่งท่องเที่ยวเม่ือมีการพัฒนา เสน้ ทางทอ่ งเท่ียววฒั นธรรมแม่น้าเพชรบรุ ี ประเด็นนี้เป็นการสอบถามผู้ดูแลแหล่งท่องเที่ยวกรณีท่ีหากเกิดการพัฒนาเส้นทาง ทอ่ งเทีย่ ววฒั นธรรมแมน่ ้าเพชรบุรีจะทา้ ใหน้ กั ทอ่ งเทย่ี วหันมาสนใจในศิลปะ วัฒนธรรม ของแหล่ง ทอ่ งเที่ยวมากขน้ึ หรอื ไม่ ผลจากการสมั ภาษณ์สรุปได้ดงั นี้ ผู้ดูแลแหล่งท่องเท่ียวมีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่า การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว วัฒนธรรมจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยวที่จะส่งเสริมและมีส่วนท้าให้คนหันมาสนใจ ศิลปวัฒนธรรมของเมืองเพชรมากขึ้น เน่ืองจากวัดและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมีประวัติความ เป็นมายาวนาน อย่างน้อยเมื่อมีการพัฒนาการท่องเท่ียวนักท่องเที่ยวก็จะได้ซึมซับสิ่งต่าง ๆ เหลา่ น้ีผา่ นสายตายามท่มี าท่องเที่ยว “แน่นอน คนต้องมีความสนใจมากข้ึนเพราะท่ีน้ีเป็นวัฒนธรรมแท้ ๆ ของเมือง เพชร ท่อี ยู่กันมาต้ังแต่อดตี มวี ิถีชวี ติ ด้ังเดิม บางชุมชนก็ทาขนมไทย เลยจากเขต เทศบาลเมืองไปก็เป็นสวนชมพู่ ในเขตเทศบาลเมืองก็เป็นวัฒนธรรมไทยผสม วัฒนธรรมจนี ” ผูด้ แู ลวดั กาแพงแลง (สมั ภาษณ์,วนั ท่ี 8 เมษายน 2553) “ก็ดีนักท่องเที่ยวจะได้เห็นงานศิลปะผ่านตายามที่มาเท่ียววัดและตามแหล่ง ท่องเทย่ี ววดั ที่อยู่ริมน้าต่าง ๆ ทั้งวัดเกาะ วัดมหาธาตุ วัดพลับพลาชัย ก็สามารถ พายเรือและแวะชมได้ตามสะดวก” ผู้ดูแลวัดพระทรง, (สัมภาษณ์,วันที่ 12 พฤษภาคม 2553)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook