Unit 3 Entity-Relationship Model แนวคดิ Entity-Relationship Model
แผนภาพแสดงความสัมพนั ธระหวางขอมูล (Entity Relationship Diagram) โ มเดลขอ มลู เชงิ สัมพันธอี-อารโ มเดล (Entity Relationship Model) หรอื E-R Model นํามาใชเพ่อื การออกแบบฐานขอ มูลในระดบั แนวคดิ (Conceptual level) เปน โมเดลทใ่ี ชอ ธิบายความสัมพันธของเอนทติ ้ีตางๆภายในฐานขอ มลู (ภาพสญั ลักษณ E-R Model ชวยอธบิ ายโครงสรา งฐานขอมูลเชงิ สัมพนั ธ) อี-อารโ มเดลมีการใชส ัญลักษณตา งๆ ที่เรียกวา ER-Diagram หรือ Entity Relationship Diagram หรือ อี-อารไดอะแกรม แทนรปู แบบของขอ มลู เชิงตรรกะ สาํ หรบั อ-ี อาร โมเดลเปนผลงานการพฒั นาของ Peter Pin Shan Chen จาก Massachusetts Institute of Technology ในป ค.ศ.1976 ขอดขี อง E-R Model ● มโี ครงสรางท่งี ายตอ การทาํ ความเขา ใจ ● ทาํ ใหส ามารถมองเห็นภาพรวมของเอน็ ทติ ท้ี ้ังหมดทีม่ ใี นระบบ ● แสดงความสัมพนั ธระหวางเอน็ ทติ ้ี ● เปน แผนภาพท่ไี มข ้นึ กบั ระบบจดั การฐานขอมูล (Database Management System; DBMS) ● ไมยดึ ตดิ กับฮารด แวรหรอื ซอฟตแวรใ ด ๆ ● บุคลากรที่เกย่ี วของกับระบบฐานขอมลู สามารถเขาใจลักษณะของขอ มูล และความ สมั พนั ธร ะหวางขอมูลไดงา ยและถูกตอ งตรงกัน
E-R Model นําเสนอสิง่ ใด E-R Model เปน แผนภาพท่ีนาํ เสนอใหเ ห็นถงึ ● มีเอ็นทิต้ี (Entity) อะไรบาง และแตละเอน็ ทิต้มี คี วามสัมพันธอ ยางไร ● มขี อ มลู อะไรบางในแตล ะเอน็ ทิต้ี และมคี วามสัมพันธท่ตี อ งการจดั เกบ็ ลงในฐาน ขอ มลู อยา งไร ● มีกฎความคงสภาพ (Integrity Constraints) หรือเง่อื นไขของระบบ (Business Rules) อะไรบา ง ER-DIAGRAM ประกอบดว ยองคป ระกอบพืน้ ฐาน ดงั น ้ี ● - เ อนทติ ้ี (Entity) เปน วตั ถุ หรอื สิ่งของทเี่ ราสนใจในระบบงานน้ัน ๆ แบงเปน ● เอนทติ ีป้ กติ (Strong Entity หรือ Regular Entity) เอนทิตีทส่ี นใจและ ตองการจัดเก็บขอมลู ท่เี ก่ยี วขอ งไวใ นระบบฐานขอ มลู ● เอนทิตี้ออนแอ (Weak Entity) เอนทิตีทม่ี ีการคงอยเู ก่ียวของกบั เอนทติ อี ื่น ในระบบฐานขอ มูล
● - แ อททริบวิ (Attribute) เปน คณุ สมบัติของวตั ถุในเอนทติ ี้ท่ีเราสนใจ ● - ค วามสัมพันธ (Relationship) คือ ความสมั พันธระหวา งเอนทติ ้ี ● ความสัมพนั ธแบบหน่ึงตอหนงึ่ ( One - to - One Relationship (1:1)) เปน การแสดงความสัมพนั ธข องขอ มลู ของเอนตติ ้ีหนึ่งวา มคี วามสมั พนั ธก ับ ขอ มูลอยางมากหนง่ึ ขอมลู กบั อกี เอนติตีห้ น่ึงในลกั ษณะที่เปน หนึ่งตอหน่งึ เชน เอนติต้ีนักศึกษา กบั เอนติตี้โครงงานวจิ ยั มคี วามสมั พันธก ันแบบหน่ึงตอหน่งึ คอื นักศึกษาแตละคนทาํ โครงงานวจิ ัยได 1 โครงงานเทานั้น และแตล ะโครง งานวิจยั มนี ักศกึ ษารบั ผดิ ชอบไดไ มเกนิ 1 คน เปนตน
● ความสมั พันธแ บบหนึ่งตอกลุม ( One - to - Many Relationship (1:M) หรอื (1:N)) เปนการแสดงความสัมพันธข องขอ มลู ของเอนตติ ี้หนง่ึ วามี ความสมั พันธก ับขอมูลหลายขอ มูลกับอีกเอนตติ ้ีหนึง่ เชน ความสัมพันธข อง ลกู คาและคาํ สั่งซอ้ื เปนแบบหน่งึ ตอกลมุ คอื ลกู คา แตล ะคนสามารถสง่ั ซอื้ ได หลายคาํ สัง่ ซื้อ แตแ ตละคําส่ังซ้ือมาจากลูกคาเพียงคนเดยี ว เปนตน
● ความสัมพนั ธแ บบกลุม ตอ หนึง่ ( Many - to - One Relationship (M:1) หรือ (N:1)) เปนการแสดงความสัมพันธของขอ มูลหลายขอมูลมคี วาม สัมพนั ธกบั อีกเอนติต้หี นึง่ (หมายเหตุ ความสมั พนั ธแ บบกลุมตอ หน่งึ เปน การ มองมมุ กลบั ของความสัมพนั ธแบบหนงึ่ ตอกลุม(1:M))
● ความสัมพนั ธแบบกลุมตอกลมุ ( Many - to - Many Relationship (M:M) หรือ (M:N)) เปน การแสดงความสมั พันธข องขอ มูลของสองเอนติต้ใี น ลกั ษณะแบบกลุมตอกลมุ เชน ความสัมพันธร ะหวา งคําสั่งซ้อื กับสนิ คา เปน แบบกลุมตอ กลุม คือ แตละคําสงั่ ซอื้ อาจสั่งซ้อื สนิ คา ไดมากกวา 1 ชนิด และ ในสนิ คา แตละชนดิ อาจปรากฏอยูใ นคาํ สั่งซื้อไดมากกวา 1 คําสง่ั ซอ้ื ●
ข ัน้ ตอนการเขียน ER model 1. สรา ง entity ขน้ึ มาจากความตอ งการของผูใ ช 2. สรางความสมั พนั ธ( Relation) ระหวา ง entity 3. พิจารณา key ของแตล ะ entity 4. พิจารณาคุณสมบัติของ entity แตละตวั
***หมายเหตุ เสนเชื่อมความสมั พันธ เสนคู หมายถงึ การมีสว นรวมแบบ Total (Mandatory) Total Participation หรอื Mandatory คอื ความสัมพันธช นดิ บังคบั และเสนเดย่ี ว หมายถงึ การ
มสี ว นรวมแบบ Partial (Optional) Partial Participation หรือ Optional คอื ความสมั พันธ ชนิดเลือกได
ต ัวอยาง ER- diagram การเรยี นการสอน นกั ศึกษาเรียนไดหลายๆวิชาใน แตล ะเทอม แตละปก ารศกึ ษา เม่ือสิ้นเทอม อาจารยอ อกผลการเรยี น อาจารยก็สอนไดห ลายๆวชิ า และแตล ะวิชา ก็สามารถถูกสอนโดย อาจารยไดหลายคนได ตวั อยา งนักศึกษากับวชิ าและวชิ ากับอาจารย หรอื ตวั อยางพนักงานกับแผนก
เ อนทติ ี้ (Entity) เอนทติ ้ี หมายถงึ สิ่งของหรอื วตั ถทุ ี่เราสนใจ ซึง่ อาจจบั ตองไดและเปน ไดทงั้ นามธรรม ตวั อยาง Entity ประเภทตา ง ๆ ไดแก ● บุคคล (Persons) เชน ลกู คา (Customer), พนักงาน (Employee), นักศกึ ษา (Student) เปน ตน ● สถานที่ (Place) เชน อาคาร (Building) , หอง (Room), รา นคา (Store), บรษิ ทั (Company) เปนตน ● วตั ถุ (Objects) เชน หนงั สอื (Book), ผลติ ภณั ฑ (Product), เครื่องจกั ร (Machine), รถยนต (Car) ● เหตกุ ารณ (Event) เชน การลงทะเบียน (Registration), การจอง (Reservation), การสั่งซ้ือ (Order), การยมื (Borrow), การคืน (Return), การขาย (Sales) เปน ตน ● แนวความคิด (Concepts) เชน บญั ชี (Account), วชิ า (Course), สาขา (Branch) เปน ตน
สัญลกั ษณข อง Entity จะใชร ูปสเี่ หลี่ยมผนื ผา (Rectangle) มีชื่อกาํ กบั อยูภ ายใน ช่ือควร เปน คาํ นาม และหากเปน ภาษาอังกฤษจะใชต ัวพมิ พใหญ เอนทติ ้ปี กติ ใชสัญลกั ษณร ปู สีเ่ หลีย่ มผืนผามีคณุ สมบัติชเ้ี ฉพาะไมข ึ้นกับเอ็นทติ ้อี ื่นและจดั เก็บขอ มูลทีเ่ กี่ยวของไวในระบบฐานขอมลู สัญลักษณ เชน เอนทิต้ีนกั ศกึ ษา เอนทิตี้ อาจารย เอนทติ ชี้ ัน้ เรียน เปนตน เอนทิต้ีออ นแอ ใชส ญั ลกั ษณรปู สี่เหลย่ี มผนื ผา แตเปนเสน คู เอนทิต้ีออนแอไมสามารถเกิด ขน้ึ ไดต ามลําพงั จะขึ้นอยกู ับเอน็ ทิตช้ี นดิ อ่ืนและถูกลบเมอื่ เอน็ ทิตห้ี ลกั ถูกลบออกไป เชน เอ นทติ ี้ออ นแอสมาชกิ ในครอบครัว เปนตน
ต วั อยา งเอนทติ ี้ออนแอสมาชิกในครอบครวั แบบ ER Diagram ***หมายเหตุ พนกั งานหน่งึ คนมสี มาชิกในครอบครวั ไดห ลายคน และ สมาชกิ ในครอบครวั มี พนักงานไดค นเดยี ว (คนเดยี วเพราะไมความซา้ํ ซอน)
ตวั อยางเอนทิตอี้ อนแอสมาชกิ ในครอบครัวแบบตาราง (Table)
คอมโพสติ เอ็นทติ ี้ (Composite entity) คอมโพสติ เอน็ ทิตี้ สรางขนึ้ เพือ่ แปลงความสมั พันธแ บบ M:N มาเปน แบบ 1:N โดย การนําเอาคยี ห ลกั ของทง้ั สองเอน็ ทติ ท้ี ี่มคี วามสมั พนั ธแ บบ M:N มารวมกับแอทรบิ วิ ตอ่นื ๆท่ี สนใจ เชน เอน็ ทติ ก้ี ารลงทะเบียนเปน คอมโพสติ เอน็ ทติ ้ีทถ่ี ูกสรา งระหวา งเอน็ ทติ ี้นกั ศึกษา และวิชา โดยคอมโพสติ เอ็นทิตจี้ ะแสดงดวยรปู สี่เหลยี่ มผืนผาทีม่ ีรปู สเี หลี่ยมขนมเปยกปนู อยู ภายในดว ย
แอตทรบิ วิ ต (Attribute) หรือคุณสมบัติ (Property) แอตทริบิวตใชอ ธบิ ายถงึ คุณลกั ษณะหรือคุณสมบตั ขิ องเอ็นทติ ้ี ต ัวอยา งแอตทรบิ ิวต เชน เอน็ ทิต้ีของนกั ศึกษา จะประกอบดวย Attribute รหสั นักศึกษา ชื่อ-สกุล , เพศ , ท่อี ยู , เบอรโ ทร , คณะ , สาขา ,วชิ า , วนั ทเ่ี ขา เรยี น เปนตน สญั ลกั ษณข องแอตทรบิ วิ ต ใชส ัญลักษณ วงรี (Ellipse) แทน Attribute หนง่ึ Attribute และมชี อ่ื กาํ กับภายในทีเ่ ปนคาํ นาม ก ารใชสัญลกั ษณตัวอยาง แอตทรบิ ิวตอ ยา งงาย หรือแบบธรรมดา (Simple Attribute) ไมส ามารถแบงยอ ยไดอกี เชน แอตทรบิ วิ ตช ่อื และ แอตทริบิวตท อ่ี ย ู
ตวั อยางนักศึกษา เกบ็ ขอมูลโดยใชก ารสรา งตารางจากแบบจําลองออี ารส ามารถเขยี นได โดยใชโ ครงสรางแบบตารางไดด งั น ้ี รปู แบบ ช่อื ตาราง(แอทริบิวตค ียห ลกั ,แอทรบิ ิวตท่ี 2,แอทรบิ ิวตท่ี 3,…….ท่ี n) เชน นักศกึ ษา(รหสั นกั ศกึ ษา, ชือ่ , ทีอ่ ย,ู เพศ, เบอรโทร, สาขา) การใชส ญั ลักษณข องแอตทรบิ ิวตแบบธรรมดาเก็บขอ มลู ดังน ี้
แอทรบิ วิ ตแ บงยอยหรอื เรยี กวา คอมโพสิตแอทริบิวต (Composite Attribute) แอทริบวิ ตแ บงยอย หมายถงึ แอทริบิวตท ีส่ ามารถแบงยอยไดอกี เชน Attribute ทอ่ี ย ู สามารถแบง เปน แอทริบิวตยอยๆ ไดแ ก เลขท่ี ถนน อาํ เภอ จังหวัด รหสั ไปรษณยี เปน ตน ตัวอยา งนกั ศึกษา การใชส ญั ลกั ษณข องแอตทรบิ วิ ตแบบแบงยอ ยเก็บขอมลู ดังน ้ี ***หมายเหตุ รหัส (ID) เชน รหสั นักศึกษา ฯลฯ รหสั จัดเปนคียแอตทริบวิ ต (Key Attribute) หรอื คยี หลัก (PK: Primary Key) หรอื กุญแจหลัก ใชระบคุ วามแตกตา งของแตละสมาชกิ ในเอ็นทิตี้ คีย แอตทรบิ วิ ตเปนแอตทรบิ วิ ตที่มคี า ของขอมูลในแตล ะสมาชกิ ของเอน็ ทติ ไี้ มซ้าํ กนั สญั ลกั ษณทใี่ ชกบั คียแ อตทริบิวตค ือรูปวงรีที่ภายในมชี อื่ ของแอตทริบิวตท ีม่ กี ารขดี เสนใตแทนคียแอตทริบวิ ต
แอทรบิ วิ ตท ่มี ีหลายคา (Multivalued Attribute) แอทริบวิ ตท่ีมีหลายคา หมายถงึ แอทรบิ ิวตทสี่ ามารถมไี ดหลายคา เชน คนหน่ึงคนสามารถมี วฒุ กิ ารศกึ ษาไดหลายระดับ เชน ปรญิ ญาตร,ี โท,เอก เปนตน หรอื นักศกึ ษาหนึ่งคนอาจมี เบอรโ ทรศัพทไ ดห ลายเบอร สญั ลักษณแ อทรบิ วิ ตท่มี หี ลายคา จะใชวงรีสองวงซอ นกันแทนแอทริบวิ ตท ม่ี หี ลายคา ตวั อยางพนกั งานแบบ ER Diagram แ สดงแอทรบิ ิวตท ี่มีหลายคา โดยพนักงานสามารถมี วุฒกิ ารศกึ ษาไดห ลายระดับ
ตัวอยางพนักงานแสดงการเก็บแอทริบิวตการศกึ ษาที่มีหลายคา ***หมายเหตุ หากการเกบ็ ขอมลู ในฐานขอมลู ของการศกึ ษามองเพยี งวุฒิปรญิ ญาสามารถใช M to N เนื่องจากมคี วามซ้ําซอ นกนั ได อนั ไดแ ก พนกั งานหลายคนมวี ฒุ ิการศกึ ษาไดหลายวฒุ ิปรญิ ญา และ วฒุ ปิ ริญญาหลายวุฒิปรญิ ญามีในพนกั งานหลายคน
แอทรบิ ิวตไ มต อ งจัดเก็บหรอื ดีไรฟแ อทริบิวต (Derived attribute) แอทรบิ ิวตไ มต อ งจัดเกบ็ คือ แอทรบิ วิ ตท ี่ไดมาจากการคาํ นวณจากแอทรบิ ิวตอ น่ื โดยทว่ั ไป ไมต อ งจัดเกบ็ แอทรบิ ิวตน ้ี เชน แอทรบิ วิ ตอายุ เน่อื งจากสามารถคํานวณไดจากวันเดอื นปเ กดิ หรือ ยอดรวมของใบ เสรจ็ แตละใบคาํ นวณไดจ ากรายการสินคา ในใบเสร็จ เปน ตน ในแผนภาพ ER จะใชเ สนประ แทนดไี รฟแ อทรบิ วิ ต ตวั อยา งแอทริบวิ ตไ มต อ งจดั เกบ็ เชน อายุ เพราะสามารถคาํ นวณไดจากวันเดือนปเ กิด
ความสมั พนั ธ (Relationship) ความสมั พนั ธ (Relationship) ระหวา งเอ็นทติ ี้ การต้งั ชอื่ ความสัมพันธจ ะใชค ํากริยาที่แสดงการกระทํา เชน ม,ี สอน,วา จา ง เปนตน ใน E-R Diagram ใชส ัญลักษณร ปู สเ่ี หล่ียมขา วหลามตัด (Diamond) แทนการกระทําท่มี ชี ื่อ คํากิรยิ าของความสัมพนั ธน ั้นกํากบั อยูภ ายใน ตวั อยางนักศึกษากับคณะ หมายถงึ นกั ศึกษาหลายคนสังกดั คณะไดหนง่ึ คณะ ในทางกลับกันหนงึ่ คณะมนี ักศกึ ษาสังกดั หลายคน หรอื ตวั อยา งแพทยก บั ผูป วย
ความสัมพันธบ งชี้ (Identifying relationship) ความสมั พันธบงช้ี หมายถึง ความสมั พันธระหวางเอ็นทติ ป้ี กติ (Strong Entity) กับ เอ็นทติ ีอ้ อนแอ (Weak Entity) ใน E-R Diagram ใชสญั ลักษณร ูปสี่เหลีย่ มขา วหลามตดั สอง รูปซอนกัน ท่มี ีช่อื ของความสมั พนั ธนนั้ กํากบั อยูภายใน
ดกี รีของความสัมพนั ธ (Degree of a Relationship) ดกี รีของความสัมพันธ คือ จาํ นวนเอน็ ทิต้ใี นการมสี ว นรวม (Participation) ของความ สัมพันธระหวา งกนั ซงึ่ จํานวนความสัมพนั ธระหวา งเอ็นทิตมี้ อี ยู 3 รปู แบบ คอื ● ความสมั พันธ Entity เดียว (Unary relationship) เปน ความสมั พนั ธท่ีมี Entity เพียง Entity เดียว ตัวอยางเชน ผจู ดั การ <จัดการ> พนกั งานของตน (ผูจดั การก็คือ พนกั งาน)
○ เอน็ ทิตี้เรยี กซ้ํา (Recursive entity) เปน เอน็ ทิต้ีทเี่ กิดจากเอน็ ทติ เี้ พียง เอน็ ทติ ีเ้ ดยี ว หรือ ความสมั พันธแ บบยูนารี ซง่ึ อาจเปน แบบ 1:1 , 1:M , M:N กไ็ ด เชน ความสัมพันธ พนกั งานทีเ่ ปนผบู รหิ าร ซ่งึ หนงึ่ คนอาจจะ บริหารพนกั งานไดหลายคน (ผูบ ริหารก็เปนพนกั งานเชน เดียวกัน) ○ ตวั อยา งเอน็ ทิตีเ้ รยี กซา้ํ ตารางคแู ตง งาน
○ แปลงเปนแผนภาพ ER Diagram คแู ตง งาน ● ความสัมพันธ 2 Entity ไบนารี (Binary relationship) เปนความสัมพนั ธท ม่ี ี Entity เก่ียวของดวย 2 Entity ตวั อยางเชน นักศึกษา <ลงทะเบยี น> วิชา ● ● ความสัมพนั ธ 3 Entity เทอรน ารี (Ternary relationship) เปนความสัมพันธท มี่ ี Entity เกีย่ วของดว ย 3 Entity ●
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: