ผลการดำเนินงาน โครงกคาณรสะมการชริกมวกฒุารสิอภำานพวบยปการระชาชน ประจำปพ.ศ.๒๕๖๒–๒๕๖๓ (ระหวางวนัที่๓๐กรกฎาคม๒๕๖๓–๓๑สงิหาคม๒๕๖๓) “ไปดวยมติรไมตรีปฏบิตัิตอทุกคนในพืน้ท่ีอยางเปนกัลยาณมติร”
คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน พลเอก สิงหศ์ ึก สิงหไ์ พร ประธานกรรมการ นายศุภชยั สมเจริญ ศาสตราจารยพ์ ิเศษพรเพชร วชิ ิตชลชยั นายพีระศกั ด์ิ พอจิต ท่ีปรึกษาคณะกรรมการ ประธานที่ปรึกษากรรมการ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ พลเอก ฉตั รชยั สาริกลั ยะ พลเอก สุรศกั ด์ิ กาญจนรัตน์ พลอากาศเอก ประจิน จน่ั ตอง นายคานูณ สิทธิสมาน รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ คนที่สอง คนท่ีสาม คนที่หน่ึง คนที่สี่
คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน นายวิทยา ผวิ ผอ่ ง พลเอก สุรเชษฐ์ ชยั วงศ์ พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร กรรมการ กรรมการ กรรมการ พลโท จเรศกั ณ์ิ อานุภาพ นายวลั ลภ ตงั คณานุรักษ์ พลเอก สกนธ์ สจั จานิตย์ กรรมการ กรรมการ กรรมการ พลอากาศเอก อดิศกั ด์ิ กลนั่ เสนาะ ศาสตราจารยพ์ ิเศษ นางจินตนา ชยั ยวรรณาการ กรรมการ กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ กรรมการ กรรมการ พลเอก ชยตุ ิ สุวรรณมาศ นายณรงค์ สหเมธาพฒั น์ พลตารวจเอก กรรมการ กรรมการ เดชณรงค์ สุทธิชาญบญั ชา กรรมการ
คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒสิ ภาพบประชาชน นางสาวดาวนอ้ ย สุทธินิภาพนั ธ์ นายถวลิ เปลี่ยนศรี พลเอก ประสาท สุขเกษตร กรรมการ กรรมการ กรรมการ พลเอก โปฎก บุนนาค นายพลเดช ปิ่ นประทีป นายสมชาย ชาญณรงคก์ ุล กรรมการ กรรมการ กรรมการ นายสมเดช นิลพนั ธุ์ นายออน กาจกระโทก รองศาสตราจารย์ กรรมการ กรรมการ ทวีศกั ด์ิ สูทกวาทิน กรรมการ รองศาสตราจารย์ พลเอก ธีรเดช มีเพยี ร นายนิพนธ์ นาคสมภพ ประเสริฐ ปิ่ นปฐมรัฐ กรรมการ กรรมการ กรรมการ
คณะกรรมการอานวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นางพกิ ุลแกว้ ไกรฤกษ์ นางวรารัตน์ อติแพทย์ นายสมชาย แสวงการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ พลเอก อุดมชยั ธรรมสาโรรัชต์ นายจิรชยั มูลทองโร่ย นางเสาวคนธ์ จนั ทร์ผอ่ งศรี กรรมการ กรรมการ กรรมการ เลขาธิการวฒุ ิสภา ที่ปรึกษาดา้ นการเมือง การปกครอง ผูอ้ านวยการ กรรมการ และการบริหารจดั การ สานกั งานประธานวุฒิสภา กรรมการ กรรมการ พนั เอก เลิศรบ ศรีกิตตยากรณ์ ผูอ้ านวยการสานกั กฎหมาย ผอู้ านวยการสานกั วชิ าการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ ผูอ้ านวยการสานกั ประชาสมั พนั ธ์ กรรมการและเลขานุการ
คำนำ ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ กำหนดให้วุฒิสภามีหน้าที่ และอำนาจ ได้แก่ การพิจารณาและการกลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่ง ตามบทเฉพาะกาลได้กำหนดให้ มีหน้าท่ีและอำนาจในการติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ การพิจารณ า รา่ งพระราชบญั ญัตเิ พือ่ ดำเนนิ การตามหมวด ๑๖ การปฏิรปู ประเทศ และการพิจารณาให้ความเหน็ ชอบ บุคคลซ่ึงสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยบทบาท หน้าท่ีและอำนาจท่ีสำคัญของสมาชิก วุฒิสภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยดังท่ีกล่าวมา ประธานวุฒิสภาจึงมีคำส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ โครงการสมาชกิ วุฒิสภาพบประชาชนรวมจำนวน ๘ คณะ ประกอบด้วยคณะกรรมการโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชนในพื้นท่ีจังหวัดภาคตา่ ง ๆ จำนวน ๗ คณะ และคณะกรรมการอำนวยการโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน โดยมี พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง เป็นประธานกรรมการ โดยคณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ได้แก่ พิจารณากำหนดนโยบาย วางแผนการดำเนินงาน ควบคมุ และกำกับดูแลการดำเนนิ งานตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในพื้นที่จงั หวัดต่าง ๆ และทกุ ภาคให้เปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อยและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการต่อประธานวุฒิสภา เชิญหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่เกย่ี วข้อง เขา้ ร่วมประชุมชแี้ จง และดำเนนิ การในเร่ืองอนื่ ใดตามท่ปี ระธานวุฒสิ ภามอบหมาย จากการดำเนินงานของคณ ะกรรมการตามหน้าที่และอำนาจ ดังที่กล่าวมา ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ (ระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ – ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓) ได้มีการลงพื้นที่ พบปะประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งเป็นบุคลากรอันสำคัญย่ิงในฐานะอนาคตของชาติ มีการลงพ้ืนท่ี รวมจำนวน ๑๐ ครั้ง ในการนี้คณะกรรมการจึงได้จัดทำหนังสือ “ผลการดำเนินงานคณะกรรมการ อำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ (ระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ – ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๓) เพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อผทู้ มี่ ีความสนใจในการพิจารณาศึกษาเกย่ี วกบั การดำเนินงาน ของสมาชกิ วุฒสิ ภาในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยต่อไป คณะกรรมการอำนวยการ โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กนั ยายน ๒๕๖๓
สารบัญ หนา้ บทท่ี ๑ บทนำ..................................................................................................................... ๑ ๑.๑ ความเปน็ มาของโครงการ............................................................................... ๑ ๑.๒ วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ .............................................................................. ๒ ๑.๓ หน้าทแี่ ละอำนาจของคณะกรรมการ.............................................................. ๔ บทที่ ๒ การดำเนนิ งานของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ๓ ๒.๑ การลงพ้ืนที่จงั หวัดแพร่ ณ โรงเรยี นนารรี ัตน์ โรงเรยี นพิริยาลัย และโรงเรียนเทศบาลวัดเหมืองแดง .............................................................. ๓ ๒.๒ การลงพื้นท่ีจงั หวดั ฉะเชิงเทรา ณ โรงเรียนเบญจมราชรงั สฤษฎ์ิ ................... ๗ ๒.๓ การลงพื้นทีใ่ นจงั หวัดเชยี งราย ณ โรงเรยี นสหศาสตร์ศกึ ษา และเทศบาลตำบลแม่ยาว ............................................................................. ๑๓ ๒.๔ การลงพน้ื ทีก่ จิ กรรมการช่วยเหลือและฟื้นฟูโรงเรยี นประสบอุทกภัย ณ โรงเรียนบ้านดอนตะลี โรงเรียนบา้ นดอนพันชาด อำเภอตาลสมุ และโรงเรียนบา้ นกดุ กว่ั อำเภอดอนมดแดง จังหวดั อบุ ลราชธานี .................. ๒๖ ๒.๕ การลงพื้นที่พบเยาวชนจังหวดั นราธวิ าส ณ มหาวทิ ยาลัยนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ........................................................ ๓๑ ๒.๖ การลงพนื้ ที่พบเยาวชนจังหวดั ขอนแกน่ ณ วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาขอนแก่น..... ๔๐ ๒.๗ การลงพนื้ ทจี่ งั หวดั อดุ รธานี ณ อำเภอหนองหาน .......................................... ๔๔ ๒.๘ การลงพื้นท่ีจงั หวดั นครปฐม และจงั หวดั เพชรบรุ ี .......................................... ๖๐ ๒.๙ การลงพน้ื ทีจ่ งั หวดั ฉะเชิงเทรา ...................................................................... ๖๕ ๒.๑๐ การลงพืน้ ท่จี งั หวัดลำพนู และจงั หวดั เชียงใหม่ .......................................... ๖๖ บทท่ี ๓ การประเมินผลการดำเนินงาน ......................... ..................................................... ๗๐ บทที่ ๔ บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................... ๘๐ ๔.๑ ประเดน็ ปญั หาและขอ้ เสนอแนะทไ่ี ด้รบั และแนวทางการดำเนนิ การ.............. ๘๐ ๔.๒ ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื พฒั นารปู แบบการดำเนนิ โครงการ ..................................... ๘๕ ๔.๓ นวตั กรรมและ Best Practice ท่คี น้ พบ ........................................................ ๘๖ ๔.๔ ประโยชน์ท่ีได้รบั จากโครงการ ...................................................................... ๘๗
บทที่ ๑ บทนำ ๑.๑ ความเป็นมาของโครงการ ตามท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐๑ หมวด ๖ แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา ๗๗ ได้กำหนดหลักการสำคัญอันเกี่ยวกับกระบวนการตรากฎหมายของรัฐไว้โดยให้มีการ วิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมายก่อนการตรากฎหมาย รวมท้ังต้องป ระเมินผลสัมฤทธ์ิ ของกฎหมายเม่ือกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของผู้ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อพฒั นากฎหมายทกุ ฉบบั ใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกบั บริบทตา่ ง ๆ ท่ีเปลย่ี นแปลงไป และหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ มาตรา ๒๕๘ ค. ด้านกฎหมาย ได้วางหลักการในการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย หลายประการ อาทิ มีกลไกให้ดำเนนิ การปรับปรงุ กฎหมายทีใ่ ช้บงั คบั อยู่ก่อนวันประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญน้ี ให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา ๗๗ และพัฒนาให้สอดคล้องกับหลักสากล เป็นต้น รวมท้ัง บทเฉพาะกาล มาตรา ๒๗๐ วรรคหนึ่ง ยังได้บัญญัติให้วุฒิสภาชุดปัจจุบันมีหน้าท่ีและอำนาจในการ ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามหมวด ๑๖ การปฏิรูป ประเทศ (มาตรา ๒๕๗ - มาตรา ๒๖๑) นอกเหนือจากหน้าที่และอำนาจด้านนิติบัญญัติ อันได้แก่ การกลั่นกรองกฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน การให้คำแนะนำหรือให้ความเห็นชอบ บคุ คลดำรงตำแหน่งสำคัญในองคก์ รตา่ ง ๆ ตามที่บญั ญัตไิ ว้ในรฐั ธรรมนญู วุฒิสภาในฐานะท่ีเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศจึงได้พิจารณาเห็นว่า เพ่ือให้งานด้าน นิติบัญญัติของวุฒิสภาเกิดผลสัมฤทธ์ิตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญดังกล่าว จำเป็นท่ีจะต้องอาศั ย ความร่วมมือระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนกับหน่วยงานท้ังของภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทาง ประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์กติกาตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขในระบบรัฐสภา และประเพณีการปกครองท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมือง และลักษณะสังคมไทย ประธานวุฒิสภาจึงเห็นควรกำหนดใหม้ ีโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชนขึ้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๑๐ (๕) ของข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงแต่งต้ัง คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน๒ ๑ รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐, ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๓๔ ตอนที่ ๔๐ ก (๖ เมษายน ๒๕๖๐) ๒ คำส่ังวุฒิสภา ท่ี ๑๙/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการ สมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน
๒ ๑.๒ วตั ถุประสงคข์ องโครงการ โครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน มีวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ดังน้ี ๑.๒.๑ เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนท่ีและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณากลั่นกรองในการตรากฎหมาย ๑.๒.๒ เพ่ือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นท่ีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อมูล ประกอบการประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายเม่ือกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว และพัฒนากฎหมายทุก ฉบบั ใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ทเี่ ปลยี่ นแปลงไป ๑.๒.๓ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพ้ืนที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาปรบั ปรุงกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้สอดคล้องกับ หลกั การตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๗ และพัฒนาให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สากล ๑.๒.๔ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นท่ีและสะท้อนข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะไปส่กู ารแกไ้ ข โดยอาศัยกลไกของวฒุ ิสภา ๑.๒.๕ เพื่อปฏิบัติตามภารกิจด้านการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗๐ ท่ีบัญญัติให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจในการติดตาม ผลการดำเนินงานของหนว่ ยงานทม่ี ีภารกิจเก่ยี วขอ้ งกบั การปฏริ ปู ประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจน เสนอแนะ และเร่งรดั เพือ่ ให้บรรลุเปา้ หมายตามรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย หมวด ๑๖ การปฏิรูป ประเทศและตามทกี่ ำหนดในยุทธศาสตร์ชาติ ๑.๓ หนา้ ที่และอำนาจของคณะกรรมการ คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน มีหนา้ ท่ีและอำนาจดังน้ี ๑.๓.๑ พิจารณากำหนดนโยบาย วางแผนการดำเนินงาน ควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงาน ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพ้ืนที่จังหวัดต่าง ๆ และทุกภาคให้เป็นไปด้วยความ เรียบร้อยและบรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ของโครงการ ๑.๓.๒ รายงานผลการดำเนนิ งานของคณะกรรมการต่อประธานวุฒิสภา ๑.๓.๓ เชิญหน่วยงานหรอื ผมู้ หี น้าท่เี กย่ี วขอ้ งเข้าร่วมประชมุ ชแี้ จง ๑.๓.๔ ดำเนนิ การในเรอ่ื งอ่นื ใดตามที่ประธานวุฒิสภามอบหมาย ๑.๓.๕ แต่งตงั้ คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพ่ือชว่ ยเหลอื การปฏบิ ตั งิ านของคณะกรรมการ ได้ตามความเหมาะสม
บทท่ี ๒ การดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน มีการดำเนินงานตามหน้าท่ี และอำนาจของคณะกรรมการ โดยมีการลงพ้นื ทพ่ี บปะประชาชนรวมจำนวนทง้ั ส้นิ ๙ ครง้ั มีรายละเอยี ด ดังตอ่ ไปนี้ ๒.๑ การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ณ โรงเรียนนารีรัตน์ โรงเรียนพิริยาลัย และโรงเรียนเทศบาล วัดเหมืองแดง ระหวา่ งวนั ที่ ๓๐ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ วันองั คารท่ี ๓๐ – วันพธุ ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ พลเอก สงิ หศ์ ึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ได้นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพ้ืนท่ีจังหวัดแพร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาหาแนวทาง และวิธีการในการลงพื้นท่ีของสมาชิกวุฒิสภาในการพบปะกลุ่มเป้าหมายนักเรียนและเยาวชน โดยมีรายละเอียดและรปู แบบของกิจกรรม ดงั น้ี ๑) โรงเรยี นนารรี ตั น์ ๑.๑) การแข่งขนั โตว้ าที การแข่งขันโต้วาทีระดับมัธยมศึกษา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองการ ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กลุ่มภาคเหนือ โดยมีโรงเรียนท่ี เข้าร่วมแข่งขัน ประกอบด้วย โรงเรียนนารีรัตน์ จังหวัดแพร่ โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม จังหวัด พษิ ณโุ ลก โรงเรยี นอุตรดิตถด์ รณุ ี จังหวัดอตุ รดติ ถ์ และโรงเรยี นห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภฯ์ จงั หวัด แม่ฮ่องสอน ๑.๒) กิจกรรมสมั พนั ธ์ - พิธเี ปดิ และการแนะนำตวั สมาชิก พิธีเปิดดังกล่าว เป็นการเปิดวิดีโอแนะนำประวัติของ พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง จากน้ันได้ให้สมาชิกวุฒิสภาแนะนำประวัติส่วนตัว ข้อมูล ด้านการศึกษา และอาชีพของสมาชิก เพ่ือสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นแนวทางด้านการศึกษา ต่อในระดบั ทสี่ ูงขึ้น - แนะนำเยาวชนประชาธิปไตยและนกั เรยี นทีเ่ ขา้ รว่ มกิจกรรม - การบรรยายประกอบการตั้งคำถาม เพ่ือเป็นการสร้างความสัมพันธ์และการเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน โดยจัดให้มีการต้ังคำตอบ เพื่อให้นักเรียนได้วิเคราะห์และตอบคำถามแทนการบรรยายโดยสมาชิก วุฒิสภาในรูปแบบเดิม ซ่ึงการตั้งคำถามเป็นคำถามเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข อำนาจหนา้ ที่ของสมาชิกวฒุ สิ ภา การรฐั ประหาร ซงึ่ จากประเด็นคำถาม ดงั กลา่ วทำใหร้ ับทราบแนวคดิ และความคดิ เห็นของนักเรยี นในคำถามต่าง ๆ
๔ - การแบ่งกลมุ่ เยาวชน โดยให้เชญิ สมาชิกวุฒิสภาเขา้ รว่ มกล่มุ ดว้ ยตนเอง ภายหลงั การจัดกิจกรรมถาม – ตอบ ไดใ้ ห้เยาวชนแบ่งกล่มุ และเชญิ สมาชิก วุฒิสภาเข้าร่วมในกลุ่มดังกล่าวด้วยตนเอง และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การรับฟัง ปญั หา รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ของเยาวชน ทำให้เยาวชนมคี วามกลา้ แสดงออกมากยงิ่ ข้นึ - ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนกล่าวสรปุ กจิ กรรม ภายหลังการจัดกิจกรรมถาม – ตอบและการแบ่งกลุ่มเยาวชน ไดใ้ ห้ตัวแทน กลมุ่ สรุปผลการจดั กจิ กรรม ความเห็นและข้อเสนอแนะของการจัดกจิ กรรมดังกล่าว ซึ่งเยาวชนส่วนใหญ่ มีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากได้มีการแสดงความเห็นว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเปิด โอกาสให้ใกล้ชิดกับสมาชิกหรือผู้บริหารมากย่ิงขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีการจัดกิจกรรมที่สามารถ ใกล้ชิดหรอื แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ในลกั ษณะดงั กลา่ วได้ ๒) โรงเรียนพิรยิ าลยั โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนกลุ่มมัธยมศึกษา ได้มีการแลกเปล่ียนและรับฟังความ คดิ เห็นเกี่ยวกับแนวทางการเรยี นการศึกษาและปัญหา อุปสรรคด้านการเรียนการศึกษาของนักเรียนใน โรงเรยี นดงั กล่าว ๓) โรงเรียนเทศบาลวดั เหมอื งแดง โรงเรยี นดังกล่าวเป็นโรงเรียนกลุ่มประถมศึกษา ได้มกี ารแลกเปลยี่ นและรับฟังความ คดิ เห็นเกี่ยวกบั เป้าหมายด้านการศึกษาตอ่ และอาชพี ในอนาคตของนักเรียน ขอ้ สังเกตและข้อเสนอแนะทีไ่ ด้รบั จากการรว่ มกจิ กรรม (๑) นกั เรียนมีความรู้สึกท่ีดตี ่อการร่วมกิจกรรมสมาชิกวฒุ ิสภาพบเยาวชน เพราะไม่เคย ไดม้ ีโอกาสรว่ มกจิ กรรมกับผู้ใหญ่ทางฝา่ ยการเมอื ง (๒) นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความรู้เก่ียวกับการปกครองในระบบ ประชาธิปไตย อันพระมหากษัตรยิ ์ทางเป็นประมุขในระดับหนึ่ง เม่ือถามถึงยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และ การปฏิรปู ประเทศ นักเรียนมีความรอู้ ยา่ งผิวเผนิ และมองเป็นเร่ืองไกลตัว จึงไม่ให้ความสนใจ (๓) ความเหล่ือมลำ้ ทางการศึกษา นักเรยี นมีความรู้สกึ วา่ เขามีการเรยี นการสอนทีด่ ้อย กว่านักเรียนในกรุงเทพฯ การเข้าถึงแหล่งความรู้หรือการเรียนเสริมเพ่ิมเติมยังไม่เท่าเทียมกับนักเรียน ในกรุงเทพฯ และจังหวดั ใหญ่ ๆ ซงึ่ มผี ลต่อการแขง่ ขนั เพ่อื เขา้ ศกึ ษาในระดบั มหาวทิ ยาลัย นักเรียนสายศิลปศาสตร์ – สังคม มีความรสู้ ึกวา่ ทางโรงเรียนให้ความสำคญั น้อย แต่ไป มุ่งเน้นให้ความสำคัญเฉพาะสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ ในการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย นักเรียนสายศิลป์ มีความเสียเปรียบนักเรียนสายวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ นักเรียนอยากให้การ จดั การศกึ ษาของรฐั บาลควรเปดิ พ้นื ทใี่ ห้กบั คนเรยี นไม่เกง่ ไดม้ กี ิจกรรมตามความถนัดหรอื ตามท่นี กั เรียน อยากรอู้ ยากจะทำ (๔) สภาวการณ์ของนักเรียนมคี วามเครียด มีอาการซมึ เศร้าหลายคน อาการตา่ ง ๆ กัน มากน้อยแล้วแต่คน ครูไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด เพื่อน ๆ ก็ได้แต่ปลอบใจ บางคนต้องพบแพทย์ รับประทานยา สาเหตุน่าจะมาจากการเรียน และสภาพทางครอบครัวที่แตกต่างกัน ช่วงเวลา “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลาเรียนรู้” โรงเรียนจัดการเรียนท่ีเป็นวิชาการมาก (เพ่ือสอบแข่งขัน นักเรียน
๕ มัธยมศึกษาปีที่ ๕ – ๖) นักเรียนเครียดมาก ไม่ได้จัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความถนัด และทกั ษะของนกั เรยี น (๕) นักเรียนมีความใฝ่ฝัน และแรงบันดาลใจต่อการเลือกอาชีพในอนาคต แต่ดูเหมือน ยังขาด การแนะนำขาดข้อมูลในการตัดสินใจเลือกอาชีพให้สอดรับกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม ๔.๐ ซึ่ง Internet of Things และ Artificial Intelligence เข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่แน่ใจว่า ครูได้มีข้อมูล หรือใหข้ อ้ มูลเหลา่ นีก้ ับนกั เรียนหรอื ไม่ (๖) ครูมีภาระมาก ไม่ค่อยอยู่ในห้องสอน มีงานอื่นทำมาก ครูไม่สอนตามศักยภาพ ของนักเรียน เพราะนักเรียนแต่ละคนมีการรับรู้และความต้องการแตกต่าง ครูมีความประสงค์ที่จะให้ รัฐบาลส่งเสริม “โครงการคืนครูสหู่ อ้ งเรียน” (๗) รูปแบบการรับรู้ปัญหาและความคิดเห็นของเด็กนักเรียนผา่ นกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็ก มีส่วนร่วมและกล้าแสดงออก เช่น การแข่งขันถาม – ตอบ เป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่ต้องใช้วิทยากร ผู้เชย่ี วชาญเฉพาะที่เข้าใจจติ วิทยาของเดก็ ดว้ ยวัยท่ีต่างกันระหว่างสมาชิกวฒุ สิ ภาและเดก็ นักเรียนจงึ ยัง ได้ผลไม่เท่าท่ีควร มีข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นดารา นักร้องท่ีเด็กนิยมชมชอบมาสัมผัส ร่วมกิจกรรมกับเด็ก นกั เรยี นจะได้ผลอกี แบบหน่งึ สมาชิกวุฒิสภาน่าจะเป็นผู้สงั เกตการณ์มากกว่าลงไปทำกจิ กรรมเอง (๘) การลงพ้ืนท่ีคร้ังนี้มีเวลาจำกัด จึงต้องมีการเตรียมการท่ีดี มีการประชุมวางแผน กอ่ นลงพนื้ ที่ (๙) การลงพ้ืนที่จังหวัดแพร่ของสมาชิกวุฒิสภาคร้ังนี้ ขาดการประชาสัมพันธ์ก่อน ลงพนื้ ท่ี และระหว่างการลงพนื้ ท่ี ประชาชนในพื้นท่จี ังหวัดแพร่ไมท่ ราบ ทราบเฉพาะกล่มุ เปา้ หมายทจ่ี ะ ลงไปพบเทา่ นนั้ ดงั นนั้ การทำงานของวุฒสิ ภาแตป่ ระชาชนไมไ่ ด้รบั รู้จึงเป็นทน่ี า่ เสียดาย ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะโดยสมาชิกวุฒสิ ภา (๑) การเตรียมการ ควรมีการประชุมวางแผนและเตรียมการล่วงหน้า ประเด็นปัญหา ท่ีต้องการทราบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย วิธีการเข้าหากลุ่มเป้าหมาย จัดวิทยากร facilitater ทีมงาน สนบั สนุนวางแผนการประชาสมั พันธ์ ก่อน ระหว่าง และหลงั การลงพ้นื ท่ี (๒) รูปแบบการดำเนินการ ควรแบ่งกิจกรรมออกเป็น ๓ ส่วน คือ ๑) การจัดกิจกรรม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชน เยาวชน นักเรียน กับสมาชิกวุฒิสภา ๒) การรับฟังปัญหา และตอบข้อซักถามหรือข้อสงสัย เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจ เน้นการรับฟังและการมี ส่วนร่วมให้มากท่ีสุด ๓) กิจกรรมเย่ียมชมสถานที่หรือกิจกรรมที่นักเรียนได้ทำผลงาน เช่น เยี่ยมชม สภาเด็กและเยาวชนเป็นตน้ (๓) กรอบเวลา ควรให้เวลาเป็น ๓ วัน ๒ คนื (๔) ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ เกย่ี วกบั การลงพ้นื ที่เรอ่ื งการศกึ ษา (๔.๑) ควรพบกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูและผู้บริหารการศึกษาของจังหวัด และโรงเรียน และนกั เรียน (๔.๒) ควรเลือกโรงเรียนท่ีมีความหลากหลาย เช่น ในเมือง ในชนบท ในถ่ิน ทุรกันดารเพอ่ื ใหข้ ้อมลู ที่หลากหลาย
๖ ภาพกิจกรรม
๗ ๒.๒ การลงพ้ืนที่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ณ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎ์ิ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๖๒ วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎ์ิ จังหวัดฉะเชิงเทรา คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพ้ืนที่พบปะเยาวชน โดยมีรายละเอียด และรูปแบบของกจิ กรรม ดงั น้ี ภาคเชา้ - พธิ ีเปิดและการแนะนำตวั สมาชกิ พิธเี ปดิ ดังกล่าว พลเอก สิงห์ศึก สิงหไ์ พร รองประธานวฒุ สิ ภา คนทหี่ นึง่ ไดก้ ลา่ วถงึ วตั ถุประสงค์ในการลงพื้นทเี่ พ่ือรบั ฟงั ขอ้ มูลข้อคดิ เหน็ ของเยาวชนในพ้นื ที่ รวมถึงการสร้างการรับร้แู ก่ นักเรยี นและเยาวชนเกยี่ วกบั หนา้ ท่แี ละอำนาจของวฒุ สิ ภา ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ จากนน้ั ได้ให้สมาชกิ วฒุ สิ ภาแนะนำประวตั ิสว่ นตวั ขอ้ มลู ดา้ นการศกึ ษา และอาชพี ของสมาชกิ เพอ่ื สร้างแรงบนั ดาลใจ และเปน็ แนวทางดา้ นการศกึ ษาต่อในระดบั ที่สงู ขึน้ - กล่าวตอ้ นรับโดย นายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดฉะเชงิ เทรา - การบรรยายประกอบการตัง้ คำถาม เพ่ือเป็นการสร้างความสัมพันธ์และการเปิดรับฟังความคดิ เห็นของนักเรียน โดยจัดให้มี การตั้งคำตอบ เพ่ือให้นักเรียนได้วิเคราะห์และตอบคำถามแทนการบรรยายโดยสมาชิกวุฒิสภาในรูป แบบเดิม ซ่ึงการตั้งคำถามเป็นคำถามเก่ียวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ ประมุข อำนาจหน้าทีข่ องสมาชกิ วุฒิสภา ซ่ึงสามารถสรุปประเด็นตา่ ง ๆ ไดด้ ังนี้ ๑. บทบาท หน้าท่ี และอำนาจ ของวุฒสิ ภาตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย - ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดให้วุฒสิ ภามีหน้าท่แี ละอำนาจสำคัญ คือ ๑) งานดา้ นนิติบญั ญัติ ๒) งานด้านการควบคมุ การบริหารราชการแผ่นดนิ ๓) งานด้านการให้ คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบให้บุคคลดำรงตำแหน่งสำคัญ และ ๔) งานด้านอื่น ๆ ตามท่ี บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่สำหรับวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลนั้น นอกจากวุฒิสภาจะมีหน้าที่ และอำนาจตามท่บี ัญญัติไว้ในรฐั ธรรมนูญแล้ว วุฒิสภาชุดน้ียังมหี นา้ ทแ่ี ละอำนาจเพิ่มเติมตามบทเฉพาะ กาลอกี ดังน้ี ๑. ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามหมวด ๑๖ การปฏิรปู ประเทศ และการจดั ทและดเนินการตามยทุ ธศาสตรช์ าติ ๒. พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่จะตราข้ึนเพื่อเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูป ประเทศโดยให้ เสนอและพิจารณาในท่ีประชมุ ร่วมกนั ของรัฐสภา ๓. ในกรณที ่ีสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่าร่างพระราชบัญญัตใิ ดที่ คณะรัฐมนตรีมิได้แจง้ ว่าเป็น รา่ งพระราชบัญญตั ิท่จี ะตราขนึ้ เพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏริ ูปประเทศ สมาชิกวุฒิสภาจำนวน ไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของแต่ละสภา อาจเข้าชื่อกันร้องขอต่อประธานรัฐสภาเพ่ือให้วินิจฉัย การย่ืนคำร้องดังกล่าวต้องย่ืน ก่อนท่ีสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา แล้วแต่กรณีจะพิจารณา รา่ งพระราชบญั ญัตนิ น้ั แลว้ เสรจ็
๘ ทั้งนี้ ที่มาสมาชิกวุฒิสภา มีการเปล่ียนแนวคิดเปล่ียนแปลงไปจากเดิมท่ีเคยถือว่า วุฒิสภาเป็นสภาพี่เล้ียง โดยมุ่งหมายให้วุฒิสภาเป็นองค์กรท่ีจะประสานความคิดเห็นจากบุคคล หลากหลายอาชีพ วิถีชีวิต และความสนใจ ท่ีนาความรู้และประสบการณ์จากประชาชนโดยตรง โดยไม่ อยู่ใต้อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมือง เพื่อให้การตรากฎหมายได้รับการพิจารณาจากแง่มุม ต่าง ๆ ท้ังเป็นการทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมืองได้โดยตรงและอย่างมีผลต่อการบริหาร กิจการบ้านเมืองเพื่อให้เป็นไปตามแนวคิดดังกล่าว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้มีการเปล่ียนแปลงที่มาของสมาชิกวุฒิสภาโดยสมาชิกวุฒิสภาจะมิได้มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงดังเช่นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ทั้งน้ี เพื่อมุ่งหวังไม่ให้สมาชิก วฒุ สิ ภาตกอยูภ่ ายใต้อาณัติของนักการเมืองหรือพรรคการเมืองและมิได้ใช้การสรรหาจากคณะกรรมการ สรรหาดังเช่นท่ีผ่านมาซึ่งเป็นการให้คณะบุคคลเพียงไม่ก่ีคนมาสรรหาสมาชิกวุฒิสภาแล้วให้ถือว่าเป็น ผู้แทนองปวงชนชาวไทยโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กำหนดวิธีการ ได้มาซ่ึงสมาชิกวุฒิสภาขึ้นใหม่โดยเน้นความสำคัญของประชาชนทั่วไปท่ีจะเข้ามาสมัครได้โดยไม่ต้องมี คา่ ใช้จ่ายเกินกาลังของบุคคลทั่ว ๆ ไปโดยแยกออกเป็นกลุ่มท่ีมีลักษณะต่าง ๆ กัน ให้มากท่ีสุดเพ่ือที่จะ ทำใหป้ ระชาชนที่มีคุณสมบัตทิ ุกคนสามารถเข้าสมคั รในกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงได้ และเพื่อใหผ้ ู้สมัครมีส่วนร่วม ในเบื้องต้นอย่างแท้จริง จึงกำหนดให้ประชาชนเลือกกันเองดังท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๗ ว่า “วุฒิสภา ประกอบดว้ ยสมาชิกจานวนสองร้อยคน ซึ่งมาจากการเลอื กกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชย่ี วชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชนร์ ว่ มกันหรือทางานหรือเคยทำงานดา้ นต่าง ๆ ท่ีหลากหลาย ของสงั คม โดยในการแบ่งกลุ่มตอ้ งแบง่ ในลกั ษณะท่ที ำใหป้ ระชาชนซึ่งมีสิทธสิ มคั รรับเลือกทุกคนสามารถ อยใู่ นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้” การสรา้ ง “การมีสว่ นรว่ มของประชาชน” ให้เกิดขนึ้ อย่างแทจ้ ริงและอย่างมี นัยสำคัญตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะสมาชิกวุฒิสภาจะใช้ความรู้ ความสามารถ และ ประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ มาสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาท่ีอาจเกิดข้ึนแก่ ประชาชนจากร่างกฎหมายโดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของนโยบายของพรรคการเมือง ดังนั้น กระบวนการ เลือกสรรสมาชิกวุฒิสภาจึงมุ่งที่จะให้ประชาชนซึ่งมีความรู้ ความเช่ียวชาญ ประสบการณ์ที่แตกต่าง หลากหลายในทุกภาคส่วนและทุกสาขาอาชีพซ่ึงประสงค์จะเข้ามาทาหน้าที่น้ีเข้ามาสมัครรับเลือกได้ และใหแ้ ต่ละสาขาอาชีพหรอื ประสบการณ์หรือวิถชี ีวิต ฯลฯ เลือกกันเอง เพอ่ื หลกี เล่ียงกลไกหรือกับดัก ทางการเมอื งใหม้ ากทีส่ ุด ๒. แนวทางการหาจุดรว่ มทางความคิดของคนรุ่นใหม่และคนรนุ่ เกา่ - ปัจจุบันวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทกับชีวิตคนมากข้ึน ซึ่งต้องยอมรับว่าศักยภาพและความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของคนรุ่นเก่านั้นมีน้อยกว่า แต่คนทุกรุ่นทั้ง รุ่นเก่าและรุ่นใหม่ต่างที่จะมีจุดเด่นและจุดด้อยท่ีแตกต่างกัน แต่สามารถเก้ือกูลกันได้ หากคนทกุ วยั ไม่สร้างกำแพงทางความคดิ แต่รบั ฟังขอ้ มลู ของกันและกนั ยอ่ มท่จี ะหาจดุ ร่วมทางความคดิ ได้ ๓. แนวทางการแก้ไขปัญหาความเหล่ือมล้ำทางเศรษฐกิจและการเข้าถึงระบบเศรษฐกิจ ของประชาชนในท้องถน่ิ - ปญั หาความเหลือ่ มลำ้ ทางเศรษฐกิจเกดิ จากปญั หาความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากร ซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวและได้มีแนวทางที่จะเพ่ิมโอกาสให้ประชาชนทุกคน สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างท่ัวถึง และในปัจจุบันเม่ือประชาชนสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่าง
๙ แพร่หลายทำให้ระบบการขายตรงผ่านอินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมสูงข้ึน และร้านโชว์ห่วยถูกแย่ง ส่วนแบ่งการตลาด ดังนั้น หากร้านค้าตามท้องถ่ินจึงต้องมีการปรับตัวเพ่ือให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบัน รวมทั้งประเด็นสำคัญคือการนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานความคิดในการ ดำเนนิ การตา่ ง ๆ ซ่งึ สามารถนำไปใช้ได้อย่างแทจ้ ริง รวมทั้งในปัจจุบัน ได้มีกฎหมายที่เอ้ืออำนวยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทางเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น อาทิ กฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจชุมชน กฎหมายว่าด้วยกลุ่มสหกรณ์ กฎหมาย ว่าด้วยเศรษฐกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง และในขณะน้ีวุฒิสภาได้เล็งเห็นความสำคัญในประเด็น ดังกล่าวจึงได้มกี ารยกร่างข้อบังคับการประชมุ วฒุ ิสภา เพอ่ื ให้มีการแต่งตง้ั คณะกรรมาธิการแกไ้ ขปัญหา ความเลือ่ มล้ำ ข้ึนมาเพื่อศึกษาแนวทางแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วโดยเฉพาะ ๔. แนวทางการส่งเสริมและยกระดับการศึกษาของนักเรียน ให้สอดคล้องกับ ตลาดแรงงาน และสะทอ้ นกับสภาพสงั คมและเศรษฐกิจในปัจจุบนั - ปัจจุบันรัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหาด้านการศึกษาของประเทศ จึงพยายามท่ีจะผลักดันให้ เกิดความเสมอภาคทางการศึกษาของนักเรียนในทุกระดับ ซึ่งในข้อเท็จจริงเก่ียวกับปัญหาการศึกษา อาจจะต้องพิจารณาถึงหลังสูตรท่ีควรจะตอบสนองต่อผู้เรียนได้อย่างแท้จริง อาทิ ในพ้ืนที่จังหวัด ฉะเชิงเทราเป็นพ้ืนท่ีท่ีถูกกำหนดให้เป็นพ้ืนที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดังน้ัน การเรียนการสอนของโรงเรียนในพื้นท่ีดังกล่าวควรจะนำประเด็นดังกล่าวมาเป็นโจทย์เพี่อกำหนด หลกั สตู ร และผลิตนักเรยี นนักศกึ ษาออกมาให้ตอบสนองต่อสภาพสงั คมและเศรษฐกจิ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ และประเด็นท่ีน่าสนใจเก่ียวกับการเรียนแบบพหุปัญญา ที่ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะให้นักเรียนได้ ศึกษาเฉพาะดา้ นวชิ าการเท่าน้ัน แตค่ วรจะส่งเสริมใหน้ ักเรียนไดแ้ สดงออกถงึ ศกั ยภาพของตนเองออกมา ดังจะเห็นได้จากกลุ่มนักกีฬาท่ีสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการศึกษาในตำรา และมุ่งเนน้ ทจ่ี ะแสดงออกถึงความสามารถของตนทม่ี ีอยู่ ตอ่ จากน้ัน สมาชิกวุฒิสภา ได้มีการแบ่งกล่มุ ย่อยรว่ มกับเยาวชน เพ่ือรว่ มกจิ กรรมถาม – ตอบ โดยได้ให้เยาวชนแบ่งกลุ่ม และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การรับฟังปัญหา รวมถงึ ปญั หาอปุ สรรคตา่ ง ๆ ของเยาวชน ทำให้เยาวชนมีความกลา้ แสดงออกมากยิง่ ขนึ้ ในการนี้ ไดม้ ีการประเมนิ ผลกจิ กรรมดว้ ย ภาพกิจกรรมภาคเชา้
๑๐ ภาคบ่าย - สนทนาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั ผบู้ รหิ าร และคณะครู พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง ประธานกรรมการโครงการสมาชิก วฒุ ิสภาพบประชาชน พรอ้ มทั้งสมาชิกวุฒิสภา และกรรมการโครงการฯ หารือร่วมกับผบู้ ริหารโรงเรียน และบุคลากรครูของโรงเรียนในพื้นท่ีจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการเพ่ือรับฟังข้อมูล เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการศึกษาเพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองต่อผู้เรียนในการรองรับโครงการ พัฒนาพื้นท่ีเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และรับฟังสภาพปัญหาและอุปสรรคในการยกระดับ การศกึ ษา เพ่ือนำไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามกรอบหนา้ ท่ีและอำนาจของวุฒิสภา โดยสรุป ประเดน็ ข้อสงั เกตของครไู ด้ ดังนี้
๑๑ ๑. การฝึกอบรมและให้ความรู้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนของครู เพ่ือให้สอดคล้อง และตอบสนองต่อผู้เรียนในการรองรับโครงการพัฒนาพ้ืนที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อยูบ่ ่อยครั้ง แต่ในระบบที่เก่ียวข้องกบั หลักสูตร บุคลากรครู และงบประมาณในการสนับสนุนการศึกษา ไมม่ ีการยดื หยนุ่ เพ่อื ใหต้ อบสนองตอ่ สภาพขอ้ เท็จจริงในพืน้ ที่ ๒. นโยบายทางศึกษามีการเปล่ียนแปลงอยู่บ่อยคร้ัง เน่ืองจากสถานการณ์ทางการเมืองท่ีมีการ เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธกิ าร ทำให้การดำเนินการตามแผนงานเดิมท่ีกำหนดไม่ทัน แล้วเสร็จ ก็มีแนวนโยบายใหม่ออกมาให้ปฏิบัติต่อ ทำให้ครูไม่มีเวลาในการท่ีจะสอนนักเรียนได้อย่าง แท้จรงิ แตต่ อ้ งคอยศกึ ษาเก่ียวกับแนวนโยบายและแผนงานเพ่อื ใหส้ อดคล้องกบั นโยบายทางการศกึ ษาท่ี ถูกกำหนดใหม่ ๓. โครงการ “คูปองครู” งบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพ่ือการอบรมไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน และไม่ตอบสนองความเป็นจริงเกี่ยวกับความก้าวหน้าในอาชีพ ซ่ึงหากมีการ ปรับเปล่ียนให้ครูสามารถเลือกท่ีจะอบรมในพ้ืนที่หรืออบรมผ่านระบบออนไลน์หรือจัดสรรงบประมาณ มายังโรงเรียนเพ่ือใหค้ รูสร้างสื่อการเรียนการสอน อาจจะตอบโจทย์ปัญหาได้มากกว่า หรืออาจจะมีการ กำหนดตัวชี้วัดให้โรงเรียนนำไปดำเนินการ และเมื่อแล้วเสร็จจึงเข้ามาประเมินผลตามตัวชี้วัดที่กำหนด ซึ่งหากบคุ คลที่ไดร้ ับการสนบั สนุนงบประมาณไม่ผ่านการประเมนิ จะต้องเปน็ ผู้รับผดิ ชอบดว้ ยตนเอง ๔. การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการกำกับดูแลโรงเรียน ซ่ึงท่ีผ่านมาได้มีการกำหนดให้มสี ำนักงาน เขตมัธยมศึกษาเป็นหน่วยท่ีทำหน้าที่กำกับดูแลโรงเรียนมัธยม แต่ปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งศึกษาธิการ จงั หวัดข้ึนมา ทำใหท้ ้ัง ๒ หนว่ ยงานมีหน้าที่และอำนาจท่ซี ้ำซอ้ นกัน การรับแนวทางการดำเนินงานของ โรงเรียนก็เป็นไปอย่างสับสน รวมท้ังอำนาจของศึกษาธิการจังหวัดมีบทบาทเข้ามาในการกำหนดการ ประเมนิ เพื่อพจิ าณาเงินเดอื นของครู ทำใหโ้ รงเรยี นขาดเอกภาพในการดำเนินงาน ๕. งบประมาณของโรงเรยี นท่ไี ด้รบั จดั สรรแบบรายหัว ไมส่ อดคล้องกบั สภาพเศรษฐกิจในปจั จุบัน ๖. ขาดแคลนครูท่ีมีความเช่ียวชาญด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความสำคัญต่อการท่ีจะเป็นพ้ืนที่ เศรษฐกิจพเิ ศษภาคตะวนั ออก (EEC) ๗. การควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ซ่ึงในปัจจุบันได้มีกระแสข่าวเก่ียวกับการที่ให้ควบรวมโรงเรียน ขนาดเล็ก โดยในประเด็นดังกล่าวน้ีอาจจะมองได้ว่าเมื่อมีการประเมินผลการศึกษาด้วยระบบ O-NET ทำให้นักเรียนตามพื้นท่ีต่าง ๆ มุ่งที่จะเข้าสู่โรงเรียนที่มีช่ือเสียงเพ่ือหวังว่าจะสามารถในการเข้าถึงระบบ การศึกษาท่ีมีคุณภาพ ทำให้โรงเรียนในชุมชนและท้องถ่ินไม่ได้รับความสนใจ ซ่ึงปัญหาดังกล่าวย่อม ท่ี จ ะ ก ร ะ ท บ ต่ อ ค รู แ ล ะ นั ก เรี ย น โด ย ต ร งที่ บ า งส่ ว น ที่ จ ะ ต้ อ งมี ก าร ล งทุ น ใน ก าร เดิ น ท า งท่ี สู งข้ึ น โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นอกจากการท่ีจะต้องเพ่ิมศักยภาพและความเท่าเทียมทาง การศึกษา อาจจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์เพื่อกำหนดให้แต่ละโรงเรียนให้มีจำนวนขั้นต่ำและข้ันสูงสุด ของจำนวนนกั เรียนทพ่ี ึงมแี ต่ละโรงเรียน เพอื่ ให้เกดิ การกระจายนักเรียนไปยังโรงเรียนชุมชนและท้องถนิ่
๑๒ ๘. ปัญหาการประเมินครูและหลักสูตรมีจำนวนมากเกินไป ตลอดจนปัญหาการยกเลิกอัตรา ภารโรงและลูกจ้างประจำให้แก่โรงเรียน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของครูให้สามารถมีเวลาจัดการเรียน การสอนให้แกน่ ักเรยี นได้อย่างจริงจงั ๙. ปัญหาเก่ียวกับการอนุญาตให้บุคคลที่ไม่ได้จบการศึกษาด้านวิชาชีพครูโดยเฉพาะมีสิทธิ์สอบ แล้วคอ่ ยไปศึกษาต่อให้ได้มาซึ่งใบประกอบวิชาชีพครนู ั้น อาจจะทำให้บคุ คลดงั กลา่ วขาดจิตวิญญาณความ เปน็ ครทู ี่แท้จรงิ มุง่ แต่ผลสัมฤทธิ์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงภาพรวม ๑๐. ปัญหาเกย่ี วกับพระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติ ท่ีมกี ระแสขา่ วเกี่ยวกบั การเปลี่ยนแปลงชื่อ ตำแหน่งของผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ใบประกอบวิชาชีพครู ตลอดจนความชัดเจน เก่ยี วกบั วิทยฐานะ ทั้งนี้ เม่ือได้เวลาพอสมควรแล้ว (เวลาประมาณ ๑๕.๓๐ นาฬิกา) คณะเดินทางได้เดินทางกลับ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ โดยรถยนต์ตู้ปรับอากาศของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยถึงเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ นาฬิกา ภาพกจิ กรรมภาคบ่าย
๑๓ ข้อสังเกตจากการลงพน้ื ท่ี จ.ฉะเชงิ เทรา ๑. การดำเนินการโดยพิธีกรท่ีโรงเรียนจัดมา ยังไม่ตอบสนองวัตถุประสงค์ของโครงการ เพราะเป็น วทิ ยากรทจี่ ัดมาจากเจา้ หนา้ ทขี่ องจงั หวัด ไมใ่ ช่ครอู าจารยข์ องโรงเรยี น ๒. การรวมนักเรียนและใช้วิธีการตอบ ยังไม่ได้ผลเท่าท่ีควร เพราะนักเรียนยังไม่คุ้นเคย และไม่กล้า แสดงออก ๓. การแยกกลุม่ นักเรียนในช่วงท้าย ๑ ช่ัวโมง พบวา่ นักเรยี นมีการแสดงออกมากขึ้น ๔. การสนทนาแลกเปลี่ยนกับบุคลากรด้านการศึกษาในช่วงบ่ายได้ผลเป็นท่ีน่าพอใจ ปัญหาส่วนใหญ่ เป็นเร่ืองโครงสร้างการบริหารบุคลากรในภูมิภาค การพัฒนาครู การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ท่ยี ังขาดครู และการใชส้ ่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ช่วยสอน ๕. การประชาสัมพันธ์โครงการ สว.พบประชาชน โดยสื่อท้องถ่ิน นับว่าได้ผลดี ข่าวสารแพร่กระจาย ในจงั หวัด และมีสือ่ สว่ นกลางนำข่าวไปเสนอต่อ ข้อเสนอ ๑. วิธกี ารเข้าหาเดก็ นักเรยี น ใช้วิธแี ยกกลมุ่ ดที ่สี ดุ และให้พูดคยุ โดยตรงกบั สมาชิกวุฒสิ ภา ๒. การพบผู้บรหิ าร บุคลากรดา้ นการศึกษา ใช้วิธีประชมุ สนทนา นบั วา่ มคี วามเหมาะสม ๓. ประเดน็ ทค่ี วรนำเสนอ นกั เรียน เนน้ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข และศาสตร์พระราชา ครอู าจารย์ เนน้ การปฏริ ปู การศึกษา ๒.๓ การลงพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย ณ โรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา และเทศบาลตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชยี งราย ระหวา่ งวันพธุ ท่ี ๑๑ – วันพฤหสั บดีท่ี ๑๒ กนั ยายน ๒๕๖๒ วันพุธท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๖๒ ณ โรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชยี งราย คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สงิ ห์ศกึ สิงห์ไพร รองประธานวุฒิ สภา คนที่หนึ่ง นำคณ ะสมาชิกวุฒิ สภา ลงพ้ืนที่พบปะเยาวชน โดยมีรายละเอยี ดและรูปแบบของกิจกรรม ดงั นี้ การกล่าวรายงานโดยนายวิชัย ส่องแสง ผู้อำนวยการโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา สรุปความได้ว่า โรงเรียนสหศาสตร์ศึกษาเป็นโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ภาคเอกชน มีการจัดการ สงเคราะหท์ างการศึกษาให้กับเดก็ ชาวไทยภเู ขา ประมาณ ๒,๐๐๐ คน มกี ารบรหิ ารจัดการโดยได้รับการ สนับสนุนจากรัฐบาล นอกจากการจัดการด้านการศึกษาแล้ว ยังมีการอนุรักษ์วัฒนธรรมโดยการให้ นักเรียนแต่งกายชุดชาวเขาของแต่ละเผ่าในทุกวันศุกร์ โดยโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษามีการก่อตั้ง มาเป็นระยะเวลา ๖๒ ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนได้ประสบ ความสำเร็จและสร้างช่ือเสียงให้กับโรงเรียนอย่างมากมาย โรงเรียนมีความภาคภูมิใจท่ีสามารถจัด การศึกษาให้กับเด็กชาวไทยภูเขาท่ีด้อยโอกาสได้อย่างประผลสำเร็จอย่างดียิ่ง ท้ังน้ี ในโอกาสที่ รองประธานวฒุ ิสภาคนท่ีหนึ่ง และสมาชิกวุฒิสภามาเย่ียมเยือนและพบปะนักเรียนในคร้ังน้ี เป็นเกียรติ แกโ่ รงเรยี นเปน็ อย่างยง่ิ และจะนำความร้ทู ี่ไดร้ บั ไปพฒั นานักเรยี นซ่ึงเปน็ อนาคตของชาติต่อไป
๑๔ กิจกรรมท่ี ๑ จดุ ประกาย : สรา้ งแรงบันดาลใจ มีการแนะนำประวัติส่วนตัว ข้อมูลด้านการศึกษา และประวัติการทำงานของสมาชิก วุฒิสภา โดยนายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา จากน้ันมีการเปิดวิดีโอแนะนำประวัติของ พลเอก สงิ ห์ศึก สงิ ห์ไพร รองประธานวฒุ สิ ภา คนท่หี นึ่ง เพ่อื สรา้ งแรงบันดาลใจใหก้ ับนกั เรียน ภาพกิจกรรม กิจกรรมที่ ๒ สรา้ งฝัน พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของ โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในคร้ังนี้ ซ่ึงมีวัตถุประสงค์เพ่ือท่ีจะมาทำความรู้จัก และสร้าง ความคุ้นเคย กับคณ ะครู นั กเรียน ที่เปรียบเสมือน ต้น กล้าท่ีจะเติบโตสู่ การพัฒ นาตน ให้เป็นพลเมืองชาติในอนาคต จึงได้นำความรู้ ประสบการณ์ในเร่ืองต่างๆที่เกี่ยวข้องกับนักเรยี นเช่นการ แนะนำเร่อื งราวของสมาชกิ วุฒสิ ภาและบทบาทหนา้ ที่ตามรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการปฏิรูปประเทศ มาสนทนา และเสริมความรู้ให้แก่นักเรียน ได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ตรง นอกเหนือจากหลักสูตร สาระวิชาสังคม ศกึ ษา ท่นี ักเรยี นไดเ้ รียนรู้พรอ้ มทงั้ เปิดโอกาสให้นกั เรียนมีสว่ นรว่ ม ในการเสนอข้อมลู และข้อเสนอแนะ ทีส่ รา้ งสรรค์ ใหแ้ ก่ทา่ นสมาชิกวุฒิสภา ได้นำสกู่ ารพิจารณา การกล่ันกรองและการพัฒนากฎหมาย ทใี่ ช้ บังคับให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน โดยเน้นหลักการทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การท่ีสมาชิกวฒุ ิสภามาเย่ียมในครั้งนถ้ี ือเป็นโอกาสทีด่ ยี ิ่ง ที่จะได้มาทำความรู้จกั และบอกเล่าให้เยาวชน
๑๕ ซ่ึงเป็นเสมือนยุวทูตของสมาชิกวุฒิสภา ได้เป็นแกนนำ นำส่ิงดีๆ ไปบอกต่อ พ่อ แม่ผู้ปกครอง และ ประชาชนในหมู่บ้าน ให้ทราบโดยท่ัวกัน ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านที่มาในวันนี้ต่างล้วนเป็นผู้ท่ีมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีทักษะ ประสบการณ์ในระดับสูงและเคยผ่านงานในฐานะหัวหน้างาน นักบริหาร ระดับชาติ ระดบั ทอ้ งถนิ่ และระดบั หนว่ ยงานภาคธุรกิจเอกชนทป่ี ระสบความสำเร็จสงู มาแลว้ ทั้งสน้ิ และ ทกุ ท่านมคี วามยินดีที่จะมาพบปะพดู คุย ช้แี นะ สรา้ งขวัญกำลงั ใจใหก้ ับทุกๆคนที่เข้ารว่ มประชุมสัมมนา ในครั้งนี้ จึงเชื่อวา่ การพบกันครัง้ นีท้ กุ คนจะไดร้ บั ประโยชนอ์ ยา่ งสงู สุด ภาพกจิ กรรม กจิ กรรมที่ ๓ รว่ มสรา้ งอนาคต เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์และการเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน โดยจัดให้มี การถามตอบคำถาม ซึ่งผู้ถามคำถามคือ นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา และนางเสาวคนธ์ จันทร์ผ่องศรี กรรมการในคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน และให้สมาชิกวฒุ ิสภาเปน็ ผู้เฉลยคำตอบ โดยมคี ำถามจำนวน ๕ ข้อ ดังน้ี ๑. สมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว.) หมายถงึ ใคร ? เปน็ การต้ังคำถามเพอ่ื ทดสอบว่านกั เรยี นมคี วามรู้เกยี่ วกบั สมาชิกวฒุ ิสภาหรือไมอ่ ย่างไร โดยในคำถามนี้ มตี ัวเลือกใหน้ ักเรยี นตอบดงั น้ี ก. สมาชกิ สภาผสู้ งู วยั ข. ผู้มคี วามรู้ ประสบการณ์ ความเช่ยี วชาญ จากหลากหลายอาชพี ค. ผูว้ นิ ิจฉยั ขอ้ กฎหมายที่เกยี่ วขอ้ งกบั รฐั ธรรมนูญ ง. ผบู้ รหิ ารราชการแผ่นดนิ
๑๖ โดยในคำถามน้ี พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง เป็นผู้เฉลย คำตอบให้นักเรียน ซ่ึงคำตอบที่ถูกต้องคือ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หมายถึง ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ ความเช่ียวชาญ จากหลากหลายอาชีพ ท้งั น้ี เปน็ ไปตามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ตามบทหลัก ในมาตรา ๑๐๗ และตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๒๖๙ โดยในคำถามน้ีนักเรียนส่วนใหญ่สามารถตอบ คำถามได้อยา่ งถูกต้อง ๒. สมาชิกวฒุ สิ ภา (สว.) มบี ทบาท หน้าทีอ่ ะไร ? เป็นการต้ังคำถามเพ่ือทดสอบว่านักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสมาชิก วฒุ สิ ภาหรือไม่อย่างไร โดยในคำถามนี้ มีตัวเลือกให้นักเรียนตอบดังน้ี ก. ตรวจสอบและพจิ ารณารา่ งพระราชบญั ญตั ิ ข. ใชอ้ ำนาจในการบริหารประเทศ ค. ลงความเหน็ ในญตั ตกิ ารประชมุ สภา ง. สร้างความสมั พนั ธ์อนั ดีกบั ตา่ งประเทศ โดยในคำถามนี้ พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นผู้เฉลย คำตอบให้นักเรยี น ซึ่งคำตอบที่ถกู ต้องคือ ตรวจสอบและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ท้ังน้ี เป็นไปตาม รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๓๖ โดยในคำถามน้ีนกั เรยี นสว่ นใหญ่สามารถตอบคำถามได้ อยา่ งถูกต้อง ๓. ประชาธิปไตยในความหมายท่ีดีทส่ี ดุ คอื ? เป็ น ก า ร ต้ั ง ค ำ ถ า ม เพ่ื อ ท ด ส อ บ ว่ า นั ก เรี ย น มี ค ว า ม รู้ เกี่ ย ว กั บ ก า ร ป ก ค ร อ ง ร ะ บ อ บ ประชาธปิ ไตยมากน้อยเพียงใด โดยในคำถามนี้ มตี ัวเลอื กให้นกั เรยี นตอบดงั น้ี ก. การเลอื กต้ังทท่ี กุ คนตอ้ งออกไปใช้สทิ ธิ์ ข. เสียงขา้ งมากคอื ผู้ชนะเสมอ ค. ประชาชนทกุ คนมคี วามเทา่ เทยี มกนั ตามกฎหมาย ง. การเคารพความคดิ เหน็ ซง่ึ กนั และกันมคี วามเออื้ อาทรสังคมสขุ รม่ เยน็ โดยในคำถามนี้ พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง เป็นผู้เฉลย คำตอบให้นักเรียน ซึ่งคำตอบท่ีถูกต้องคือ การท่ีประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย การเคารพเสียงข้างมาก รวมท้ังการเคารพความคิดเห็นซ่ึงกันและกันมีความเอ้ืออาทรสังคมสุขร่มเย็น โดยในคำถามนี้นักเรยี นสว่ นใหญ่สามารถตอบคำถามไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๔. การรบั ข้อมูลขา่ วสารทางการเมือง เชือ่ แบบใดดีที่สดุ ? เป็นการตงั้ คำถามเพ่อื ทดสอบว่านกั เรียนมคี วามรู้เกี่ยวกบั การรับขอ้ มูลขา่ วสารทาง การเมอื งทถี่ กู ตอ้ งเพียงใด โดยในคำถามน้ี มตี วั เลือกใหน้ กั เรยี นตอบดังนี้ ก. เชอื่ ตามกระแสโซเชยี่ ล ข. เช่ือตามเพอ่ื น, ดาราที่ชอบ ค. เช่อื ตามท่ีพอ่ แมค่ รูบาอาจารยส์ อน ง. เชอื่ ตามความรู้สกึ ตวั เองอย่างมีหลกั เหตผุ ล โดยในคำถามน้ี พลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ เป็นผู้เฉลยคำตอบให้นักเรียน ซึ่งคำตอบท่ี ถูกต้องคือ เช่ือตามท่ีพ่อแม่ครูบาอาจารย์สอน เน่ืองจากในขณะที่เยาวชนซ่ึงยังมีอายุน้อยและขาด
๑๗ ประสบการณ์อาจทำให้การคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารท่ีได้รับเกิดความผิดพลาด แต่การเช่ือ ตามที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ประสบการณ์ และหวังดีต่อตัวเรา จะทำให้การรับข้อมูล ข่าวสารถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนมากที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่อนักเรียนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็สามารถใช้ความรู้ ประสบการณ์ และเหตุผล ในการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเป็นไป อยา่ งถูกต้องได้ โดยหลักความเชื่อตามพระพุทธศาสนาเป็นไปตามหลกั กาลามสูตร ซึ่งสรปุ ได้ว่า อย่าเชื่อ อะไรแบบงมงายต้องพิสูจน์ด้วยปัญญาได้ โดยต้องศึกษาให้รู้จักคุณ - โทษ ก่อนเชื่อ โดยในคำถามน้ี นกั เรยี นส่วนใหญส่ ามารถตอบคำถามได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ๕. การอยูแ่ บบพอเพยี ง หมายถงึ ขอ้ ใด เป็นการตั้งคำถามเพ่ือทดสอบว่านักเรียนมีความรู้เก่ียวกับการอยู่แบบพอเพียง หรือ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมากน้อยเพียงใด โดยในคำถามน้ี มตี ัวเลอื กให้นักเรยี นตอบดังนี้ ก. อยูท่ คี่ วามพอใจ/พอดี ข. อยแู่ บบเจียมตวั ไมข่ วนขวายเพ่ิม ค. มจี นกวา่ จะมากพอ ง. มตี ามฐานะตวั เอง โดยในคำถามนี้ นายปรีชา บวั วิรตั นเ์ ลิศ เป็นผูเ้ ฉลยคำตอบใหน้ ักเรยี น โดยให้นักเรยี นส่ง ตัวแทนกลุ่มท่ีเลือกคำตอบแต่ละข้อมาวิเคราะห์ โดยนักเรียนให้เหตุผล เช่น เหตุที่ไม่เลือกคำตอบ ค. เน่อื งจากการมีจนกว่าจะมากพอ ไมส่ ามารถกำหนดไดว้ ่าจะพอแคไ่ หน เพราะความตอ้ งการของมนุษยไ์ ม่ มที ี่ส้ินสดุ จึงไม่ใช่ความพอเพียง เหตุที่ไม่เลือกข้อ ข. อยู่แบบเจยี มตัวไมข่ วนขวายเพ่ิม จะทำให้เกิดการ ไม่พัฒนาตนเอง จงึ ไม่ใช่ความพอเพยี ง จึงสรุปได้ว่า การตอบโดยการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล รวมทั้ง การรับฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู ืน่ ถอื วา่ เปน็ สิง่ ที่ถกู ตอ้ งท่ีสดุ ภาพกจิ กรรม
๑๘ กจิ กรรมที่ ๔ กจิ กรรมสรา้ งสมั พันธ์ สว.พบเยาวชน/ประชาชน เป็นกิจกรรมกลุ่มย่อย โดยมีการสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลากหลายประเด็น เช่น ประเด็นเก่ียวกับการท่องเท่ียวในจังหวัดเชียงราย ประเด็นเกี่ยวกับความสุขของประชาชน เป็นต้น ในกิจกรรมน้ีจะมีการให้นักเรียนเป็นผู้เลือกสมาชิกวุฒิสภาไปร่วมกลุ่ม ณ ห้องแลกเปลี่ยน และหอ้ งประชุม จำนวน ๑๐ กลมุ่ โดยมีสมาชิกวฒุ ิสภาห้องละ ๒ คน ภาพกจิ กรรม กจิ กรรมท่ี ๕ สรา้ งขวญั กำลังใจ ยิ้มแย้มแจม่ ใส เปน็ การรบั ฟังการถอดบทเรยี น (จากกิจกรรมท่ี ๔) โดยมตี วั แทนนกั เรยี นในแตล่ ะกลุม่ นำเสนอขอ้ คดิ เห็นทไ่ี ดจ้ ากการแบง่ กล่มุ สนทนา ดงั นี้
๑๙ กลุ่มที่ ๑ ได้มีการนำเสนอวิธีการในการเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเท่ียวในจังหวัด เชยี งราย ดังนี้ ๑) การนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ทะเลหมอก ป่าไม้ น้ำตก เป็นต้น ๒) การนำเสนอผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพของจังหวัดเชียงราย เช่น กาแฟดอยช้าง ชา กาแฟขีค้ วาย เปน็ ตน้ ๓) การนำเสนอขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น ประเพณีโล้ชิงช้าชาวไทยภูเขา เผ่าอาข่า ประเพณีปีใหม่ (การกินวอ) เป็นต้น รวมท้ังการนำเสนอส่ิงท่ีเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด เช่น เอกลกั ษณ์ของชาตพิ ันธ์ ภาษา การพูด การแต่งกาย วถิ ีชีวิตของคนท้องถิ่น เปน็ ตน้ ๔) การนำเสนอที่พัก (โฮมสเตย์) ที่มีความสะดวกสบายและมีความปลอดภัย ใหน้ กั ทอ่ งเทีย่ ว โดยเน้นการนำเสนอเรอื่ งอากาศที่บรสิ ทุ ธิ์ รวมท้ังการไม่ทำลายสภาพแวดล้อม ๕) การรักษาคณุ ภาพของอาหารการกนิ โดยต้องมีความสะอาด ๖) การโฆษณาเชิญชวนนักท่องเท่ียวผ่านสื่อต่างๆ ได้แก่ สื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์ และใบปลิว กลุ่มท่ี ๒ ได้มีการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวและประเพณีท่ีน่าสนใจของจังหวัด เชียงราย ประโยชน์ท่ีได้รับจากแหล่งท่องเท่ียว ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม รวมท้ังแนวทางในการ อนุรกั ษ์ ดงั นี้ ๑) แหลง่ ท่องเท่ยี วทน่ี า่ สนใจของจงั หวดั เชียงราย ได้แก่ วัดร่องขุ่น ซึง่ สร้างและ ออกแบบโดยอาจารย์เฉลมิ ชยั โฆษติ พิพัฒน์ เป็นสถานที่ทอ่ งเท่ียวท่ีสำคัญของจังหวดั เชียงราย ถ้ำหลวง เป็นสถานที่ซึ่งนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี่จำนวน ๑๓ คน ติดอยู่ในถ้ำ และได้รับความ ช่วยเหลืออันเกิดจากความสามัคคีของคนไทยและต่างชาติ รวมทั้งพระธาตุดอยตุง ซึ่งเดิมดอยตุงเป็น สถานทที่ ่ีมกี ารปลูกฝนิ่ แต่จากการพัฒนาของสมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนีทำให้ชาวบ้านทด่ี อย ตุงเลิกปลูกฝิ่นและหันมาประกอบอาชีพที่สุจริต และทำให้ดอยตุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวท่ีสวยงานและ น่าสนใจ ๒) ประเพณีทนี่ ่าสนใจของจังหวัดเชียงรายได้แก่ ประเพณีโลช้ ิงช้า ประเพณีกิน วอของชนเผา่ ละหงุ่ ประเพณีปใี หญข่ องชนเผ่ามง้ ๓) ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากแหลง่ ท่องเท่ียวและประเพณี ศลิ ปวัฒนธรรม กล่าวคือ เปน็ ชอ่ งทางในการสรา้ งอาชีพและรายได้ให้กบั ประชาชน รวมท้งั ยงั สร้างชอ่ื เสียงให้กบั จังหวดั ๔) แนวทางในการส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยว สามารถ ทำได้โดยการเล่าเร่ืองแหล่งท่องเท่ียวและวัฒนธรรมให้ลกู หลานฟงั การเข้าร่วมสืบสานประเพณีของชน เผา่ ตนเอง รวมท้ังการแต่งกายตามแบบของแต่ละชนเผา่ ใหถ้ ูกต้อง กลมุ่ ที่ ๓ ไดน้ ำเสนอข้อเสนอแนะและความรูท้ ่ไี ดร้ บั จากกจิ กรรม ดงั น้ี ๑) ประเดน็ ทีอ่ ยากจะนำเสนอตอ่ สมาชิกวฒุ ิสภา ๑.๑) เสนอให้มีการดำเนินการเพื่อให้สัญชาติไทยกับกลุ่มชาติพันธุ์ ซ่ึงจะทำให้มโี อกาสเช่นเดียวกบั ประชาชนทัว่ ไป เช่น โอกาสดา้ นการศกึ ษา
๒๐ ๑.๒) เสนอให้มีการจัดการศึกษาให้ตรงกับสิ่งที่นักเรียนสนใจ เพ่ือให้ นักเรียนสามารถค้นพบความรู้ความสามารถท่ีแท้จริงของตนอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการ นำความร้คู วามสามารถไปใช้ในการประกอบอาชีพและการดำรงชวี ติ ในอนาคต ๒) ความรู้ท่ีได้รับจากกิจกรรมในวันนี้ ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับที่มาของสมาชิก วุฒิสภา รวมทั้งมีความรู้สึกยินดีและประทับใจอย่างยิ่งท่ีสม าชิกวุฒิสภาซ่ึงเป็นบุคคลสำคัญ ของชาติไดม้ าพบปะและให้ความรู้กบั นักเรยี นรวมท้งั ได้มารบั ฟงั ปญั หาเพื่อนำไปส่กู ารแกไ้ ขตอ่ ไป กลุ่มที่ ๔ ไดน้ ำเสนอในหวั ข้อเกย่ี วกับความสขุ ของประชาชน ดังน้ี เม่ือพิจารณาดัชนีความสุขของประชาชนในแต่ละจังหวัดเรียงตามลำดับ เมื่อพิจารณา ข้อเท็จจริงจากการสอบถามประชาชนในแต่ละจังหวัด ก็จะมีการให้ข้อมูลว่าจังหวัดท่ีตนอยู่อาศัย เป็นจังหวดั ทม่ี ีความสุขมากท่สี ุด แตก่ ารจะกล่าววา่ จังหวัดใดมีความสุขมากทสี่ ุดไม่ได้ขน้ึ อยู่กับวา่ จงั หวัด นั้นเป็นจังหวัดที่ตนอยู่อาศัย โดยความสุขท่ีแท้จริงข้ึนอยู่กับจิตใจของบุคคลที่อยู่อาศัย การมีความสุข ทไี่ ด้อยู่กับคนท่ีตนรัก การได้อยู่กับครอบครวั ไดอ้ ยู่ในสถานที่ที่ช่ืนชอบ ไมไ่ ด้ข้นึ อยู่กับว่าการได้ไปอย่ใู น จังหวัดท่ีมีช่ือเสียงแล้วจะทำให้มีความสุข ซึ่งการกระทำที่จะทำให้เรามีรอยยิ้มและความสุข คือ ความสุขท่ีเกิดจากความพอใจในส่ิงที่ตนมี เป็นความสุขที่ข้ึนอยู่กับตัวเราเอง โดยความสุขมีหลาย รปู แบบ เช่น การได้ประกอบอาชีพทชี่ ่นื ชอบหรือใฝฝ่ ัน กจ็ ะทำให้มีความสขุ เปน็ ต้น ภาพกิจกรรม กจิ กรรมที่ ๖ พิธปี ดิ และการปรบั Mind Set พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง ได้กล่าวปิดกิจกรรม โดยให้ โอวาทแก่นกั เรยี นให้ทำหนา้ ท่ีทีด่ ี ทงั้ หนา้ ทีต่ ่อพอ่ แม่ พ่ีน้อง ครูอาจารย์ สถานศึกษา รวมทั้งทำหน้าทท่ี ่ีดี ใหก้ บั ตนเอง โดยมุ่งมน่ั ท่ีจะทำความสำเร็จใหต้ นเองให้ได้ หลังจากนั้นได้มีตัวแทนนกั เรยี นกลา่ วขอบคุณ สมาชกิ วฒุ ิสภา และได้มกี ารร่วมกันรอ้ งเพลงเชยี งรายรำลึกและเพลงสามคั คีชมุ นุม
๒๑ ภาพกจิ กรรม ข้อสังเกตที่ได้รับจากกิจกรรม โดยพลเอก ประสาท สุขเกษตร กรรมการ ในคณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วฒุ สิ ภาพบประชาชน ๑. นกั เรียนของโรงเรยี นสหศาสตร์ สว่ นใหญ่เปน็ ชาติพนั ธุ์ มีความกระตือรอื รน้ สนใจร่วม กิจกรรม มีแนวคดิ และการวเิ คราะห์ ตอบคำถามได้อยูใ่ นระดบั ท่ดี ีมาก ๒. ปัญหาท่ีนักเรียนนำเสนอ เป็นปัญหาของการให้สัญชาติไทย ท่ียังไม่ได้รับสัญชาติ กระบวนการใหส้ ญั ชาตมิ คี วามล่าชา้ ๓. พ่อแม่เด็กท่ีไม่มีสัญชาติ ได้รับการปฏิบัติจากสังคมอย่างไม่เป็นธรรม และไม่มีโอกาส เขา้ สกู่ ระบวนการยตุ ธิ รรม ๔. นักเรียนมีความรู้ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมขุ ในระดบั ท่นี า่ พอใจ ๕. นักเรียนและโรงเรียน สนับสนุนให้มีการดำรงรักษาวัฒนธรรมของชนเผ่า เช่น การแตง่ กาย ๖. นักเรยี นอยากให้สมาชิกวุฒสิ ภาและผู้ใหญใ่ นบ้านเมอื งมาพบนกั เรียน จากนั้น วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ เทศบาลตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวดั เชยี งราย คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวฒุ ิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สงิ หศ์ ึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพ้ืนท่ีพบปะประชาชน โดยมี รายละเอียดและรปู แบบของกิจกรรม ดังนี้
๒๒ - พธิ ีเปดิ และการแนะนำตวั สมาชกิ วุฒสิ ภา นายพงษ์พันธ์ ต๊ะถา นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยาว กล่าวต้อนรับรองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน วุฒิสภา และคณะ รวมทั้ง ให้ข้อมูลพ้ืนฐานเกี่ยวกับเทศบาลตำบลแม่ยาว ซึ่งประกอบด้วย จำนวน ๑๘ หมู่บ้าน โดยส่วนใหญ่ เป็นกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ โดยในวันดังกล่าวมีประชาชนมนพนื้ ทเี่ ขา้ รว่ มโครงการประมาณ ๒๐๐ คน กล่าวเปิดโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ได้กล่าวถึง วัตถุประสงคใ์ นการลงพนื้ ท่ีเพื่อรบั ฟังขอ้ มูลขอ้ คิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของประชาชนในพ้ืนท่ี รวมถงึ การ สร้างการรับรู้แก่เก่ียวกับหน้าที่และอำนาจของวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตลอดจนแนวทางการดำเนินการติดตามประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมาย จากนน้ั ได้มีการแนะนำสมาชกิ วุฒสิ ภาเก่ยี วกบั ประวตั ิส่วนตวั ภาพกิจกรรม ต่อจากนั้น สมาชิกวุฒิสภา ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยร่วมกับประชาชน จำนวน ๗ กลุ่ม เพ่ือรับฟังข้อมูลข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสภาพข้อมูลข้อเท็จจริงในพ้ืนที่ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการ ประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตประจำวัน รวมท้ังให้เกิดความผาสุกของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โดยสามารถสรปุ ได้ ดงั นี้
๒๓ กลุ่มที่ ๑ ไดใ้ ห้ข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้ - ประเด็นความหนาแน่นของประชากรในพ้ืนท่ี หมู่ท่ี ๑ หมู่ที่ ๑๐ และหมู่ที่ ๑๑ ซ่ึงจำนวนครัวเรือนประมาณ ๘๘๖ ครัวเรือน ประชากรประมาณ ๒,๐๐๐ คน ทำให้การดูแลของ ฝ่ายปกครอง ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นไปอย่างไม่ท่ัวถึง รวมทั้งการติดต่อสื่อสารระหว่างฝ่าย ประชาชนและเจ้าหนา้ ที่รัฐไม่คอ่ ยสะดวกเท่าที่ควร จึงมีความประสงค์ที่จะใหม้ กี ารจัดตง้ั หมู่บ้านเพิม่ เติม - ประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณในการบริหารจัดการไฟป่า เนือ่ งจากพื้นทีส่ ่วนใหญ่ ของตำบลแม่ยาว เป็นพื้นที่คาบเก่ียวกับป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ องค์การบริหารส่วน ท้องถ่ินจึงไม่สามารถจัดงบประมาณให้แก่หมู่บ้านเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาไฟป่าได้ ทำให้ฝ่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนประชาชน ต้องเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายบางส่วนเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาไฟป่า ในพน้ื ท่ี จงึ มคี วามประสงค์ท่ีจะใหภ้ าครัฐช่วยสนับสนนุ งบประมาณในดา้ นดังกลา่ ว - ประเด็นท่ีดินทำกินของประชาชนคาบเกี่ยวและประเด็นการเข้าใช้ประโยชน์ ในพื้นท่ีเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ จึงมีความประสงค์ท่ีจะให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมให้มี ป่าชุมชนในพื้นท่ีเพือ่ ใหเ้ ปิดโอกาสให้ประชาชนได้รว่ มรักษาพนื้ ทีป่ ่าของตนเอง รวมทงั้ สามารถใช้ประโยชน์ ในพื้นทปี่ ่าในพน้ื ที่ของตนเองไดด้ ้วย - ประเด็นการได้มาซ่ึงสัญชาติไทยของประชาชนและเยาวชนในพื้นท่ี โดยในพื้นท่ี ตำบลแม่ยาว ประชาชนและเยาวชนบางส่วนไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ รวมทงั้ ระบบสาธารณสขุ และระบบการศึกษา กลมุ่ ที่ ๒ ได้ใหข้ อ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี - ประเด็นท่ีดินทำกินของประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนในพ้ืนที่ได้ทำกิน และใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งบางส่วนได้ให้ข้อมูลว่าในระหว่างท่ีภาครัฐ ได้ดำเนินการจัดทำแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนในพ้ืนที่ได้มีส่วนร่วม ตลอดจนประชาชนบางส่วนยังขาดความรู้ ความเข้าใจทดี่ ี เกย่ี วกับการกำหนดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้พื้นที่ที่ประชาชนเคยทำกินและใช้ประโยชน์ถูกผนวกเข้ากับเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซ่ึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพ้ืนที่หลายด้าน อาทิ ปัญหาการเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อทำกินในพื้นท่ี ปญั หาความขดั แย้งระหว่างเจา้ หนา้ ที่รฐั และประชาชน ตลอดจนนำไปสู่ปัญหาการพัฒนาพ้ืนที่ อาทิ การปรับปรุงถนนท่ีเช่ือมต่อ ระหว่างตำบลแม่ยาวและอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีระยะทางเพียง ๓๐ กิโลเมตร แต่ไม่ สามารถดำเนินการปรบั ปรุงได้ ทำให้ประชาชนต้องใชก้ ารเดินทางไกลกว่าเดมิ ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร เพื่อจะเดนิ ทางไปยังและอำเภอแม่อาย จังหวดั เชยี งใหม่ โดยในประเด็นดังกล่าวน้ี กลุ่มที่ ๒ มีความประสงค์ ที่จะให้รัฐส่งเสริมให้มีการ จัดทำโฉนดชุมชนในพ้ืนที่ โดยมีการจัดต้ังคณะกรรมการข้ึนมาบริหารกองทุนดังกล่าว รวมทั้งมีการ จดั เก็บภาษี โดยให้ประชาชนเข้ามามสี ่วนร่วมในการบรหิ ารจัดการโฉนดชมุ ชนของตนเอง - ประเด็นการบริหารจัดการไฟป่า อันเป็นภูมิปัญญาท้องถ่ิน ที่ประชาชน ในพ้ืนท่ีจะดำเนินการทำแนวกันไฟ และใช้วิธีชิงเผา ก่อนที่จะเข้าช่วงฤดูแล้ง ที่จะมีเหตุไฟป่าบ่อย แต่การดำเนินการดังกลา่ วไมไ่ ด้รับความเขา้ ใจจากเจ้าหนา้ ที่ป่าไม้ ทำให้บางครงั้ เกดิ ความขดั แย้งข้ึน
๒๔ - ประเด็นเกี่ยวกับการได้มาซ่ึงสัญชาติไทย ของประชาชนและเยาวชนในพ้ืนท่ี ซึง่ มีลักษณะเดียวกบั กลมุ่ ที่ ๑ กลุ่มท่ี ๓ ไดใ้ ห้ขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะ ดังน้ี - ประเด็นการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของประชาชนก่อนประกาศ เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเม่ือได้พสิ ูจน์สิทธ์ิการครอบครองท่ีดนิ ของประชาชนในพื้นที่แลว้ โดยปรากฏว่า ประชาชนได้อยู่อาศัยและทำกินมาก่อนการประกาศแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ควรมีการออกเอกสารสิทธิ ให้แก่ประชาชน และในส่วนท่ีมาหลังประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ อาจจะมีการจัดสรรที่ดินในลักษณะ ของพืน้ ทีป่ ฏริ ปู ท่ดี นิ เพ่ือการเกษตร เพอื่ ให้ประชาชนได้มีทดี่ นิ ในการทำกนิ - ประเด็นความไม่เพียงพอของบ่อขยะในพ้ืนที่ เน่ืองจากสภาพทางกายภาพ ของพ้ืนท่ีตำบลแม่ยาวเป็นท่ีสูงการบริหารจัดการขยะในพื้นท่ีเป็นไปได้ยาก รวมท้ังยังมีความไม่ชัดเจน เก่ียวกับแนวเขตของป่าสงวนแห่งชาติ จึงมีความประสงค์ที่จะให้รัฐเข้ามาดำเนินการเพ่ือจัดทำบ่อขยะ เพ่มิ เตมิ โดยเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ มามีสว่ นรว่ มในการบริหารจดั การ - ประเด็นเก่ียวกับค่าตอบแทนของบุคลากรท้องท่ี (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ ประจำตำบล ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.)) ท่ีมีความรับผิดชอบในพ้ืนท่ีค่อนข้างกว้าง การเดินทางไม่ค่อยสะดวก แต่ค่าตอบแทนของบุคลากรไม่สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงและเศรษฐกิจใน ปัจจบุ นั - ประเด็นเกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาถนนที่เชื่อมต่อไปยังอำเภอแม่อาย จังหวดั เชยี งใหม่ ซ่งึ มลี ักษณะเดยี วกับกลมุ่ ที่ ๒ กลุ่มที่ ๔ ไดใ้ หข้ อ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะ ดังน้ี - ประเด็นเก่ียวกับเอกสารสิทธิในท่ีดิน ที่ยังมีความคาบเกี่ยวกับพื้นท่ีป่าสงวน แห่งชาติ ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านการประกอบอาชีพ การคมนาคม การบริหารจัดการขยะ ท่ีสถานท่ีกำจัดไม่เพียงพอ ตลอดจนนำไปสู่ปัญหาในการแก้ไขภัยแล้ง ที่ประชาชนไม่สามารถสร้างแหล่ง กักเก็บนำ้ ในพ้ืนท่ีได้ - ประเด็นการจัดสรรท่ีดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเขา้ มามสี ่วนร่วมเทา่ ทีค่ วร - ประเด็นการเข้าถึงข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซ่งึ ประชาชนได้มีการรบั รดู้ า้ นขอ้ มูลสารสนเทศค่อนขา้ งนอ้ ย ทำให้ขาดโอกาสในการเข้าถึงขอ้ มูลสำคัญๆ กล่มุ ที่ ๕ ได้ให้ขอ้ คดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะ ดังนี้ - ประเด็นการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐในการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็น ธรรม (ด่านลอย) - ประเด็นเก่ยี วกบั การได้มาซ่งึ สัญชาติไทย ของประชาชนและเยาวชนในพนื้ ท่ี ซ่ึงมลี กั ษณะเดียวกับกล่มุ ที่ ๑ - ประเด็นเก่ยี วกับเอกสารสิทธใิ นทดี่ ิน ซง่ึ มีลักษณะเดยี วกบั กลมุ่ ท่ี ๔
๒๕ กลมุ่ ท่ี ๖ ได้ใหข้ อ้ คิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะ ดงั น้ี - ประเด็นนายทุนเข้าบุกรุก ยึดครอง ปิดก้ันเส้นทางอันนำไปสู่แหล่งน้ำ สาธารณะ ในพื้นท่ีหมู่ท่ี ๕และหมู่ที่ ๖ ซ่ึงได้มีเอกชนบางรายเข้าถือครองที่ดิน ปิดกั้น รวมท้ังสงวน หวงกันพ้ืนทอี่ ันเป็นเสน้ ทางนำไปส่แู หล่งน้ำสาธารณะ ทำให้ประชาชนในพน้ื ที่ไม่สามารถเขา้ ถึงแหลง่ น้ำ ไดอ้ ยา่ งสะดวก และมปี ญั หาความขดั แย้งอยู่บ่อยครั้ง - ประเด็นเกย่ี วกับการชำรดุ ของฝายกักเก็บน้ำในพ้นื ทท่ี ี่ยงั ไม่มีผูร้ บั ผดิ ชอบหลัก เขา้ ไปดำเนนิ การแก้ไขปญั หา ทำให้ประชาชนไดร้ ับผลกระทบเกี่ยวกบั การใช้นำ้ - ประเด็นการเข้าถึงกฎหมายและข้อมูลด้านวิชาการด้านการเกษตร ของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และมีทีอยู่อาศัยค่อนข้าง ห่างไกล ทำให้มีการรับรู้ข้อมูลทางกฎหมายและวิชาการเกษตรน้อย ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจ ในดา้ นดงั กลา่ ว รวมท้ังยังไม่คอ่ ยได้รับการส่งเสรมิ ในประเดน็ ดังกลา่ วจากภาครัฐ - ประเดน็ เกีย่ วกับคา่ ตอบแทนของบคุ ลากรท้องที่ ซ่ึงมีลักษณะเดยี วกับกลุ่มท่ี ๓ กลุม่ ท่ี ๗ ได้ใหข้ อ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะ ดงั นี้ - ประเดน็ เกี่ยวกบั เอกสารสทิ ธใิ นทด่ี นิ ให้เกิดอุปสรรคตอ่ การพฒั นาและการแก้ไข ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งมลี กั ษณะเดียวกบั กลุ่มที่ ๔ ภาพกิจกรรม
๒๖ ๒.๔ การลงพ้ืนท่ีกิจกรรมการช่วยเหลือและฟื้นฟูโรงเรียนประสบอุทกภัย ณ โรงเรียนบ้านดอนตะลี โรงเรียนบ้านดอนพันชาด อำเภอตาลสุม และโรงเรียนบ้านกุดก่ัว อำเภอดอนมดแดง จังหวัด อุบลราชธานี เม่ือวันเสารท์ ่ี ๑๙ ตลุ าคม ๒๕๖๒ วนั เสาร์ท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ โรงเรียนบ้านดอนตะลี โรงเรียนบ้านดอนพันชาด อำเภอตาล สมุ และโรงเรียนบ้านกุดกั่ว อำเภอดอนมดแดง จงั หวัดอุบลราชธานี คณะกรรมการอำนวยการโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลอากาศเอก ประจิน จ่ันตอง รองประธานกรรมการ คนท่ีสาม นำคณ ะสมาชิกวุฒิ สภา ลงพื้นท่ีกิจกรรมการช่วยเหลือและฟื้นฟูโรงเรียนประ สบอุทกภัย โดยมีรายละเอยี ดและรปู แบบของกจิ กรรม ดังนี้ เวลา ๐๗.๐๐ นาฬิกา คณะสมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการ และส่ือมวลชน พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานทหาร ๒ บน.๖ กองทัพอากาศ ดอนเมอื ง - รบั ฟังการบรรยายสรุปข้อมูลเบ้ืองต้นเกี่ยวกับการลงพน้ื ท่ีโดยกองทัพอากาศ เวลา ๐๗.๓๐ นาฬิกา คณะฯ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร ๒ โดยเคร่ืองบินขนส่ง ทางอากาศ C ๑๓๐ ไปยังท่าอากาศยาน บน.๒๑ อบุ ลราชธานี เวลา ๐๙.๓๐ นาฬิกา คณะฯ เดนิ ทางถงึ เปา้ หมายที่ ๑ โรงเรยี นบ้านดอนตะลี อำเภอตาลสุม จังหวดั อบุ ลราชธานี ดร. ไตรรัตน์ โคสะสุ ผู้อำนวยการเขตพ้ืนท่ีประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต ๓ กล่าวต้อนรับ และรายงานสภาพความเสยี หายของโรงเรียน ภาพกจิ กรรม
๒๗ นางเพ็ญพักตร์ ศรีทอง เป็นตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา กล่าวต่อประชาชนท่ีมาให้การต้อนรับ สรุปความได้วา่ สมาชิกวุฒิสภาทุกท่านมคี วามห่วงใยประชาชนในจังหวดั อุบลราชธานีที่ได้รับผลกระทบ จากอุทกภัย โดยวุฒิสภาเป็นส่วนหน่ึงของฝ่ายนิติบัญญัติท่ีมีหน้าที่ในการออกกฎหมาย การควบคุม และตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงหน้าท่ีในการติดตามการปฏิรูปประเทศ โดยสมาชิก วุฒิสภาพร้อมจะรับฟังและรับทราบปัญหาที่พ่ีน้องประชาชนประสบอยู่ เพ่ือจะได้ช่วยเหลือและร่วมกัน แกไ้ ขไปกับทกุ ภาคส่วน สมาชิกวุฒิสภา กองทัพอากาศ และชมรมภูมพิ ลังแผน่ ดิน มอบเงินและส่งิ ของให้แก่โรงเรียน บา้ นดอนตะลีและประชาชน และเดนิ ตรวจสภาพความเสยี หายของโรงเรียน ภาพกิจกรรม
๒๘ เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา คณะฯเดินทางไปยัง เป้าหมายที่ ๒ โรงเรียนบ้านดอนพันชาด อำเภอตาลสุม จงั หวัดอบุ ลราชธานี นายสกลวัฒน์ กองสมบัติ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดอนพันชาด กล่าวต้อนรับและรายงาน สภาพความเสียหายของโรงเรียน นายตวง อันทะไชย เป็นตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา กล่าวต่อประชาชนท่ีมาให้การต้อนรับ สรุปความไดว้ ่า การท่ีสมาชกิ วฒุ ิสภาในนามโครงการสมาชกิ วฒุ ิสภาพบประชาชน นำโดยพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ท่ีลงพ้ืนท่ีในคร้ังนี้ มาด้วยความห่วงใยและมาให้กำลังใจพ่ีน้องประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบจากอุทกภัย โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกองทัพอากาศ ชมรม ภูมิหลังแผ่นดิน มูลนิธิจ่าแซม สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และขอขอบคุณพ่ีน้องประชาชนท่ีมาให้การ ต้อนรับ สำหรับการประสานงานในการนำงบประมาณเพ่ือมาฟ้ืนฟูโรงเรียน โรงเรียนสามารถ ประสานงานผ่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่ประถมศึกษาอุบลราชธานี จากนั้นได้กล่าวอวยพรให้พี่น้อง ประชาชนใหม้ สี ขุ ภาพแข็งแรง และมคี วามสขุ กับการดำเนนิ ชีวติ ตอ่ ไป สมาชิกวฒุ ิสภา กองทัพอากาศ และชมรมภูมิพลังแผ่นดิน มอบเงินและส่ิงของให้แกโ่ รงเรียน บา้ นดอนพันชาด และประชาชน และเดินตรวจสภาพความเสียหายของโรงเรยี น ภาพกิจกรรม
๒๙ เวลา ๑๓.๐๐ นาฬิกา คณะฯ ออกเดินทางไปยัง เป้าหมายท่ี ๓ โรงเรียนบ้านกุดกั่ว อำเภอ ดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี - ดร. ถาวร คูณิรัตน์ ผู้อำนวยการเขตพื้นท่ีประถมศึกษา อุบลราชธานี เขต ๑ กล่าวต้อนรับ และรายงานสภาพความเสยี หายของโรงเรยี น ภาพกจิ กรรม พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง หัวหน้าคณะสมาชิกวุฒิสภา กล่าวต่อประชาชนท่ีมาให้การ ต้อนรับ สรุปความได้ว่า สมาชิกวุฒิสภาขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน ครูอาจารย์ นักเรียน ท่ีประสบอุทกภัยในอำเภอดอนมดแดง โดยการลงพ้ืนที่ของสมาชิกวุฒิสภาในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือ จากหลายภาคส่วน ได้แก่ กองทัพอากาศ โดยผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้มอบหมายให้ผู้ช่วย ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้นำคณะในส่วนของกองทัพอากาศ ชมรมภูมิพลังแผ่นดิน และศิลปิน นักแสดงจากช่อง ๓ และช่อง ๘ ท่ีมาร่วมเป็นกำลังใจให้พ่ีน้องประชาชน โดยในวันน้ีได้มีการนำสิ่งของ และเงินมามอบให้กับโรงเรียน ทั้งน้ี สมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเช่นเดียวกับ
๓๐ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกวุฒิสภาจะมีการรับฟังความเห็นข้อเสนอแนะ จากพ่ีน้องประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายต่อไป สำหรับในเร่ืองการฟ้ืนฟูโรงเรียน มี ผู้รบั ผิดชอบในแต่ละดา้ นโดยตรงอยู่แล้ว สำหรบั การลงพ้ืนท่ีในครั้งนี้ นอกจากส่ิงของที่นำมามอบให้ จะ มีการประสานให้ทุกภาคส่วนเข้ามาดูแล ฟ้ืนฟู เพ่ือให้โรงเรียนกลับมามีสภาพท่ีพร้อมสำหรับการเรียน การสอน อันจะทำให้จะทำใหค้ รูอาจารย์และนักเรยี นมคี ุณภาพชวี ิตที่ดี ทำใหก้ ิจกรรมการเรยี นการสอน ดำเนินไปได้ด้วยดี จากนนั้ สมาชิกวฒุ ิสภา กองทัพอากาศ และชมรมภูมพิ ลงั แผ่นดิน มอบเงินและสิง่ ของให้แก่ โรงเรียนบ้านกุดกั่ว และประชาชน ต่อจากนั้น คณะฯ เดินตรวจสภาพความเสียหายของโรงเรียน และรว่ มกนั ทาสีผนงั อาคารอเนกประสงค์ ภาพกจิ กรรม
๓๑ ๒.๕ การลงพนื้ ทีพ่ บเยาวชน ณ จังหวัดนราธิวาส ระหวา่ งวนั พุธท่ี ๓๐ – วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ หอ้ ง ๔๐๑ ชน้ั ๔ อาคารคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลยั นราธิวาสราชนครนิ ทร วันพุธท่ี ๓๐ – วันพฤหัสบดีท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร จังหวัดนราธิวาส คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นท่ีพบปะ ประชาชน โดยมีรายละเอียดและรปู แบบของกิจกรรม ดังน้ี วันพฤหัสบดีท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๐๐ นาฬกิ า นายสมเดช นิลพันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าท่ีประธานในพิธีเปิดกิจกรรมโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบเยาวชน ตามโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน โดยกล่าวแนะนำสมาชิกวุฒิสภาและทีม วิทยากรกลุ่มที่ได้ร่วมเดินทางมาจัดกิจกรรมโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชนตามโครงการสมาชิก วุฒิสภาพบประชาชน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ เพ่ือที่จะมาทำความรู้จัก และสร้างความคุ้นเคย กับเยาวชนและนักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราช นครินทร์ ที่เปรียบเสมือนต้นกล้าที่จะเติบโตสู่การพัฒนาตนให้เป็นพลเมืองของชาติในอนาคตและได้เล่า ประสบการณ์ความเป็นครู ตลอดจนแนะนำเรื่องราวของสมาชิกวุฒิสภาและบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการปฏิรูป ประเทศ ตลอดจนเรื่องรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายรวมท้ังการ ประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมายมาสนทนาและเสริมความรู้ให้แก่เยาวชน ได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ตรง นอกเหนือจากหลักสูตร เน้ือหาที่ได้เรียนรู้มา พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วน ร่วมในการเสนอข้อมูล และข้อเสนอแนะท่ีสร้างสรรค์ ให้แก่ท่านสมาชิกวุฒิสภา เพ่ือจะได้นำไปสู่การ พิจารณา การกล่ันกรองและการพัฒนากฎหมาย ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น การท่ีสมาชิกวฒุ สิ ภา มาเยยี่ มในครัง้ น้ี ถอื เป็นโอกาสท่ีดีย่ิง ทีจ่ ะได้มาทำความร้จู ักและบอกเล่าให้เยาวชน ซึ่งเปน็ เสมือนยวุ ทตู ของสมาชิกวฒุ ิสภา ไดเ้ ปน็ แกนนำ นำสง่ิ ดี ๆ ไปบอกต่อ พ่อ แม่ ผ้ปู กครอง และประชาชนในหมบู่ า้ น ให้ ทราบโดยทวั่ กนั ซ่งึ สมาชกิ วุฒิสภาทุกทา่ นท่มี าในวันนี้ ตา่ งล้วนเปน็ ผ้ทู ่ีมีความรู้ ความเชยี่ วชาญ มีทกั ษะ ประสบการณ์ในระดับสูงและเคยผ่านงานในฐานะหัวหน้างาน นักบริหารระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน และ ระดับหน่วยงานภาคธุรกิจเอกชนที่ประสบความสำเร็จสูงมาแล้วท้ังส้ินและทุกท่านมีความยินดีที่จะมา พบปะพูดคุย ชี้แนะ สร้างขวัญกำลังใจให้กับน้องเยาวชนทุก ๆ คนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังนี้ จึงเช่ือว่า การพบกันครง้ั น้ที กุ คนจะได้รบั ประโยชน์อยา่ งสงู สุด จากน้ัน ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยเพ่ือร่วมกันทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนนักศึกษามหาวิทยาลัย นราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส จำนวน ๔ กลุ่ม เพื่อรับฟังข้อมูลข้อเสนอแนะจากเยาวชน เกยี่ วกบั การปฏิรปู ประเทศ ประกอบดว้ ย กลุ่มท่ี ๑ หนา้ ที่และอำนาจของสมาชิกวฒุ ิสภา กลมุ่ ที่ ๒ รับฟงั ความคิดเหน็ และทำความเขา้ ใจด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้งการประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย กลุ่มท่ี ๓ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุข
๓๒ กลุ่มที่ ๔ การน้อมนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสูก่ ารพัฒนาคุณภาพชวี ิต ภาพกิจกรรม กลุ่มท่ี ๑ หนา้ ทแ่ี ละอำนาจของสมาชกิ วุฒสิ ภา ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง นางเสาวคนธ์ จันทร์ผอ่ งศรี กรรมการ นางสาวดวงหทยั แก้วสกุล นกั ประชาสัมพันธ์ชำนาญการ นางเสาวคนธ์ จันทร์ผ่องศรี กรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน กล่าวแนะนำทีมวิทยากรกลุ่ม ๑ และเพ่ือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีมวิทยากรจึงได้ตั้งกรอบ คำถามจำนวน ๕ ข้อ ให้เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และในแต่ละข้อจะมีสมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้เฉลยคำตอบ โดยมีคำถามจำนวน ๕ ข้อ ได้แก่ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หมายถึงใคร ? สมาชิก วฒุ ิสภา (สว.) มีบทบาท หน้าท่ีอะไร ? สมาชิกวุฒิสภามาเย่ียมมีความร้สู ึกอยา่ งไร การเมืองมีประโยชน์ อย่างไร และในเรือ่ งการศกึ ษาไดร้ บั สิ่งอำนวยความสะดวกอยา่ งไรบ้าง จากน้นั ไดเ้ ปดิ โอกาสเยาวชนไดร้ ่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ ส่วนใหญ่ยอมรับว่าไมเ่ คยรู้จกั สมาชิก วุฒิสภา แต่รู้สึกเป็นเกียรติที่สมาชิกวุฒิสภาและคณะให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน เพราะไม่เคยมี ใครมาเย่ียมเยือนมาก่อน สำหรับข้อคำถามท่ีว่าการเมืองมีประโยชน์อย่างไร เห็นว่า การเมืองเป็นเร่ือง ใกล้ตัว เพราะการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ยกตัวอย่าง เรื่องการเลือกตั้งต้ังแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศเท่าท่ีจำความได้มีแต่ การซ้ือสิทธิขายเสียง ท้ังท่ีมีกฎหมายห้าม แล้วเราจะไปฝากอนาคตของชาติไว้กับคนเหล่านี้ได้อย่างไร หากยังเป็นอยู่อย่างน้ี ประเทศชาติกไ็ ม่เจรญิ แล้วจะมีทางแกไ้ ขอยา่ งไร พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง กล่าวว่า การเลือกต้ังไม่ว่าจะระดับ ท้องถิ่นหรือระดับประเทศ สิ่งสำคัญท่ีสุด คือ การให้ความรู้หรือการให้การศึกษา เมื่อทุกคนได้ความรู้แล้ว ก็จะรู้ได้ว่าเราควรจะเลือกใครเข้าไปบริหารประเทศ สำหรับในข้อถามท่ีว่า สมาชิกวุฒิสภา หมายถึงใคร ? สมาชิกวุฒิสภา หมายถึง ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ ความเช่ียวชาญ จากหลากหลายอาชีพ ท้ังนี้ เป็นไปตาม รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามบทหลักในมาตรา ๑๐๗ และตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๒๖๙
๓๓ สำหรับในข้อที่ว่า สมาชิกวุฒิสภามีบทบาท หน้าท่ีอะไร น้ัน สมาชิกวฒุ ิสภามีบทบาทหน้าที่และอำนาจ ในการตรวจสอบและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ท้ังน้ี เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๓๖ โดยในคำถามนน้ี กั เรยี นสว่ นใหญส่ ามารถตอบคำถามไดอ้ ย่างถูกต้อง สว่ นในเร่ืองการศกึ ษา ซ่ึงท่ีผ่านมารัฐบาลพยายามส่งเสริมโดยกำหนดให้เงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทต่อเดือนสำหรับผู้จบ ปริญญาตรี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนท่ีมีใบปริญญาบัตรจะได้รับเงินเดือนหนึ่งหม่ืนห้าพันบาทต่อ เดอื น จากน้ันมารฐั บาลจึงหันเขา้ มาเน้นทางดา้ นวชิ าชีพ หรอื ทางด้านอาชีวศกึ ษา ภายหลงั จากการรับฟงั ความคดิ เห็นและทำความเขา้ ใจเกย่ี วกับรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้ง การประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมาย จากเยาวชนนักศึกษาภายในกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มท่ี และได้ส่งตัวแทนกลุ่มท่ี ๑ ไปนำเสนอข้อความคิดเก่ียวกับกฎหมายในมุมมองของเยาวชนนักศึกษาจาก การเรยี นรูก้ ารเขา้ ถึงกฎหมาย สรุปความได้ดงั น้ี ๑. สมาชกิ วฒุ สิ ภา (ส.ว.) หมายถงึ ใคร ? ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๑ เห็นว่า ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก รู้แต่เพียงว่าสมาชิก วุฒิสภา มีท่ีมาจากทหารและส่วนใหญ่เป็นทหาร แต่พอได้รับคำอธิบายจากท่านสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ทำให้รวู้ ่าปัจจบุ ันสมาชิกวุฒิสภา จำนวน ๒๕๐ คน มีทีม่ าจากหลากหลายอาชีพเช่นกนั เพยี งแตใ่ นชว่ ง ๕ ปแี รก รฐั ธรรมนญู กำหนดให้มีทีม่ าจาก ๓ ส่วน ประกอบดว้ ย ๑.๑ มาจากการเลือกกันเองในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ จำนวน ๒๐๐ คน จากน้นั ส่งใหค้ ณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ คัดเลอื กให้เหลอื จำนวน ๕๐ คน ๑.๒ มาจากคณะกรรมการสรรหาคัดเลือก จำนวน ๔๐๐ คน จากน้ันส่งให้ คณะกรรมการสรรหาทแี่ ตง่ ต้งั โดยคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ คัดเลอื กให้เหลือ จำนวน ๑๙๔ คน ๑.๓ มาโดยตำแหน่ง จำนวน ๖ คน ๒. สมาชกิ วฒุ สิ ภา (สว.) มีบทบาท หน้าทอี่ ะไร ? ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๑ เห็นว่า สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีบทบาทหน้าที่ ในด้านการพจิ ารณากฎหมาย รบั ฟงั และสะทอ้ นความคดิ เห็นของประชาชน ๓. สมาชกิ วฒุ สิ ภามาเยยี่ มมีความรสู้ กึ อยา่ งไร ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มท่ี ๑ รู้สึกเป็นเกียรติที่สมาชิกวุฒิสภาและคณะให้ ความสำคัญกบั เด็กและเยาวชน เพระไมเ่ คยมใี ครมาเย่ียมเยือนมากอ่ น ๔. การเมืองมปี ระโยชนอ์ ย่างไร ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๑ รู้สึกการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะการดำเนิน กจิ กรรมทางการเมอื งกระทบต่อสทิ ธแิ ละเสรีภาพของประชาชน ๕. ในเร่อื งการศึกษาไดร้ ับส่งิ อำนวยความสะดวกอย่างไรบา้ ง ในมุมมองของเยาวชนและนกั ศกึ ษากลุ่มท่ี ๑ เห็นว่า การจัดการศึกษาบางอย่างในปัจจุบนั ยังไม่ ตอบโจทก์ เนอ่ื งจากยังมีความเหลือ่ มลำ่ ท้ังในด้านฐานะ และภาษาที่ใชใ้ นการเรยี นการสอน อุปกรณ์การ เรียนการสอนมีความแตกต่างกัน รวมถึงการเรียน ของนักศึกษาวิชาทหาร รด. จะเรียนเรื่อง ประวตั ศิ าสตร์ อดุ มการณ์รักษาชาติและคำสอนของพระราชา
๓๔ ข้อเสนอแนะ ๑. ในเรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มท่ี ๑ เห็นว่า อยาก ให้สมาชิกวุฒิสภามีท่ีมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ๒. ในเรื่องการศึกษา เยาวชนต้องการให้มหาวิทยาลัยอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับอุปกรณ์การ เรียนการสอน เช่น อุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พร้อมท้ัง การพัฒนาหลักสูตรท่ี ตอบสนองความต้องการของนักศกึ ษา และเสนอแนะให้มหาวิทยาลยั มีการจดั การเรอ่ื งการส่อื สาร/ภาษา ถิน่ อยา่ งเหมาะสม ๓. ในเรื่องเศรษฐกิจ/การสร้างอาชพี เยาวชนเสนอให้รัฐบาลเขา้ มาดแู ลเร่ืองการสร้างงาน สร้าง อาชีพ เน้นวชิ าชีพโดยมีสถาบันฝึกสอนโดยตรง เน้นให้ความรู้ด้านการศึกษา เพิ่มช่องทางในการค้าขาย และการแปรรปู ผลิตภัณฑ์ เพ่ือสร้างอาชีพให้กับเยาวชนและประชาชน ซ่ึงจะช่วยลดปัญหาการว่างงาน และการย้ายถน่ิ ฐานไปทำงานท่ีกรุงเทพมหานคร ๔. ในเรื่องการซื้อสิทธ์ิขายเสียง/คอรัปชั่น เยาวชนต้องการให้นักการเมืองเป็นตัวแทน ของ ประชาชนท่ีแท้จริง ไม่มีการซ้ือสิทธิ์ขายเสียง และนำเสนอนโยบายท่ีเป็นประโยชน์กับประชาชน แก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ๕. ในเร่อื งนโยบายของรัฐบาล (ชิม ชอ็ ป ใช้) เยาวชนมองว่านโยบายดังกล่าว ไม่กระจายรายได้ สู่ท้องถ่ิน และไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพราะรายได้ส่วนใหญ่ก็ยังคงกระจุกตัวอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งบรษิ ัทและหา้ งขนาดใหญ่เทา่ นน้ั ท่ไี ดร้ ับผลประโยชน์ ๕. ในเรื่องการสนับสนุนด้านกีฬา เยาวชนมองว่ารัฐบาลควรสนับสนุนโครงการด้านกีฬา และบคุ ลากรดา้ นกฬี าอยา่ งต่อเน่อื ง ภาพกิจกรรม กลมุ่ ที่ ๑
๓๕ กลุ่มที่ ๒ รับฟังความคดิ เห็นและทำความเขา้ ใจด้านรฐั ธรรมนญู และกฎหมาย รวมท้ังการประเมนิ ผลสมั ฤทธ์ิของกฎหมาย ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย นางสาวปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม สมาชิกวุฒิสภา นายบรรหาร กำลา ผูบ้ งั คับบญั ชากลมุ่ งานรองประธานวุฒสิ ภา คนทีห่ น่ึง นายยุทธนากรณ์ ผมหอม นติ กิ รชำนาญการ นางสาวปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวแนะนำทีมวิทยากรกลุ่ม ๒ พร้อมกับสร้าง ความคุ้นเคยกับน้อง ๆ เยาวชนท่ีเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มในวันนี้ โดยได้ตั้งคำถามให้น้องเยาวชนได้แสดง ความคิดเห็นในเรอ่ื งของการเข้าถึงกฎหมายสำหรบั เยาวชน พร้อมท้ังมีแนวข้อเสนอแนะ ซงึ่ บรรยากาศ ในวงเสวนากลุ่มเป็นไปด้วยความเรียบร้อย น้อง ๆ เยาวชนสนุกสนานและได้แสดงความคิดเห็นกัน หลากหลาย ภายหลังจากการรับฟงั ความคดิ เหน็ และทำความเข้าใจเกี่ยวกบั รฐั ธรรมนูญและกฎหมาย รวมทั้ง การประเมินผลสัมฤทธ์ิของกฎหมาย จากเยาวชนนักศึกษาภายในกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มท่ี และได้ส่งตัวแทนกลุ่มท่ี ๒ ไปนำเสนอข้อความคิดเก่ียวกับกฎหมายในมุมมองของเยาวชนนักศึกษา จากการเรียนรู้การเขา้ ถึงกฎหมาย สรปุ ความไดด้ ังนี้ ๑. การเข้าถงึ กฎหมาย ถ้าพูดถึงกฎหมายในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๒ เห็นว่า การเข้าถึงกฎหมาย สามารถกระทำได้โดยง่าย เพราะปัจจุบัน สามารถศึกษาผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ได้ง่าย เป็นโลกที่เปิด กว้างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) อาทิ Google Facebook เว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงเว็บไซต์ของวุฒิสภา แต่การเข้าถึงกฎหมายก็เป็นอุปสรรค สำหรับผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเข้าถึงส่ือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) เป็นเหตุให้กลุ่มคน เหลา่ นี้ไดร้ บั รขู้ ่าวสารในดา้ นกฎหมายนอ้ ย เป็นตน้ ๒. ความรู้ความเขา้ ใจในทางกฎหมาย ในมุมมองของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๒ เห็นว่า กฎหมายอ่านแล้วไม่เข้าใจ หรือเข้าใจ ยากเพราะใช้คำศัพท์เฉพาะหรอื มีความซับซอ้ น ๓. ข้อเสนอแนะ ๑) ไม่อยากให้มีการเลือกปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย อยากให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เพอื่ ลดความเหลือ่ มลำ้ ๒) ขจัดการทจุ รติ ในสังคม และในทุก ๆ ดา้ น เช่น ดา้ นการศกึ ษา ดา้ นการประกอบอาชพี ๓) ใหม้ กี ารพฒั นาแหลง่ ท่องเทยี่ วจงั หวัดนราธิวาส โดยบงั คบั ใช้กฎหมายในสถานท่ที อ่ งเท่ยี ว อยา่ งเครง่ ครัด ๔) ใหค้ วามสำคัญกับการศึกษาภาคบังคับอยา่ งจริงจัง ๕) สร้างความนา่ สนใจในการเรียนรกู้ ฎหมาย
๓๖ จากนั้น พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หน่ึง อธิบายเพ่ิมเติมว่า ในมุมมอง ของเยาวชนและนักศึกษากลุ่มที่ ๒ ท่ีเห็นว่า การเข้าถึงกฎหมายสามารถกระทำได้โดยง่าย เพราะ ปัจจุบัน สามารถศึกษาผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ได้ง่าย เป็นโลกที่เปิดกว้างผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) อาทิ Google Facebook เว็บไซต์ ต่าง ๆ รวมถึงเว็บไซต์ของวุฒิสภา ถือได้ว่าเป็นมุมมองที่ถูกต้อง เพราะตนเองเดิมท่ีมีอาชีพเป็นทหาร ไม่ได้เรียนกฎหมาย พอได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติถึงได้เข้าใจ ภาษากฎหมายเป็นส่ิงท่ีเข้าใจยาก เพราะภาษากฎหมายเป็น การใช้คำศัพท์เฉพาะท่ีเป็นทางการทำให้ เกิดการตีความ แต่สิ่งที่ต้องระวังให้มาก คือ การศึกษาผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) เพราะมีท้ังที่เป็นเร่ืองจริงและเรื่องที่เป็นความเท็จ ดังนั้น การใช้ส่ือโซเชียลมีเดีย (Social Media) หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) ต้องรู้จัก ประมวลผลกล่นั กรองใหด้ กี ่อนเสมอ ตอ้ งรจู้ ักใช้ให้เป็นประโยชน์จึงจะถอื วา่ เปน็ สง่ิ ทีถ่ กู ต้อง สำหรับประเด็นเร่ืองความเหล่ือมล่ำ โดยท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๕ กำหนดให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเป็นเป้าหมายต่อการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ตามหลัก ธรรมาภิบาล และเพ่ือใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการ ต่อมามีการจัดทำ ยุทธศาสตร์ชาติสำเร็จและมีการประกาศใช้เม่ือวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ และยุทธศาสตรช์ าติ ๖ ด้าน ที่สำคัญประการหนง่ึ คอื ยุทธศาสตรช์ าติดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม มเี ปา้ หมายการ พัฒนาที่สำคัญท่ีให้ความสำคัญ การดึงเอาพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชนประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่น มาร่วมขับเคล่ือน โดยการสนับสนุนการรวมตัวของประชาชนในการร่วมคิดร่วมทำเพ่ือส่วนรวม การกระจายอำนาจและความรับผิดชอบไปสู่กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่น การเสริมสร้าง ความเข้มแขง็ ของชุมชนในการจัดการตนเอง และการเตรียมความพรอ้ มของประชากรไทย ทงั้ ในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพ่ึงตนเองและ ทำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้นานท่ีสุด โดยรัฐให้หลักประกันการเข้าถึงบริการและ สวัสดกิ ารท่มี ีคุณภาพอยา่ งเปน็ ธรรมและทัว่ ถงึ และรัฐบาลชุดนีก้ ็ให้ความสำคญั ภาพกจิ กรรม กลมุ่ ที่ ๒
๓๗ กลุ่มที่ ๓ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กรรมการ และพันเอก เลิศรบ ศรีกิตตยากรณ์ กรรมการ รศ.ทวีศักดิ์ สูทกวาทิน กรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภา กล่าวแนะนำทีม วิทยากรกลุ่ม ๓ พร้อมกับสร้างความคุ้นเคยกับน้อง ๆ เยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มในวันน้ีพร้อมกับ นำเสนอหัวข้อสนทนาของกลุ่มท่ี ๓ ในประเด็นเรื่อง การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากน้อง ๆ เยาวชน กลุ่มท่ี ๓ ซึ่ง เยาวชนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมขุ โดยมีสว่ นร่วมในการเสนอความคิดเห็นตามความเขา้ ใจ และสรปุ ได้วา่ ระบอบการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีอำนาจ ๓ ฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บรหิ าร ตุลาการ อำนาจในการปกครองเป็นอำนาจของประชาชน มีวิธีการเลอื กตั้งเป็น วิธีการเลือกผู้แทนในการใช้อำนาจของประชาชน การดำเนินการต่าง ๆ จะเป็นไปตามเสียงส่วน ใหญ่ของประเทศแต่ไม่ละเลยการฟังเสียงสว่ นน้อย ในการใช้อำนาจของพระมหากษัตริย์นั้นจะทรง ใช้อำนาจผ่านทางอำนาจทั้ง ๓ ฝ่าย เร่ืองต่าง ๆที่สำคัญ ๆ ผู้ใช้อำนาจแทนประชาชนจะต้องนำ เรื่องเหล่าน้ันให้ทรงลงพระปรมาภิไธย เพ่ือพระองค์จะได้ทรงรับทราบและเสนอความเห็น ให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะในกรณีท่ีไม่ถูกต้องและส่งผลเสียหายต่อประชาชนเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งนักศึกษาได้แสดงความรูส้ ึกรบั รู้ถึง ความรักความห่วงใยของพระองคท์ ่านต่อประชาชน และ ความใกล้ชิดของพระมหากษัตริย์กับประชาชนของพระองค์ท่าน เช่น โครงการพระราชดำริต่าง ๆ ที่ชว่ ยขจดั ปัดเป่าความเดือดรอ้ นให้กบั ประชาชน ข้อเสนอแนะ ๑. ระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมขุ เปน็ ระบบที่มกี ารนำมาเปน็ แบบอยา่ ง เพราะเปน็ ระบอบทีม่ คี ณุ ธรรมและมศี กั ยภาพ
๓๘ ๒. ระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เปน็ ระบบท่ยี ดึ เสียงข้างมากแตไ่ มล่ ะเลยเสียงขา้ งนอ้ ย ๓. ระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบบทมี่ ีคณุ ธรรม ๔. ระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบบการปกครองทีม่ ีฐานทมี่ าจากประชาชน ภาพกจิ กรรม กลมุ่ ท่ี ๓ กลุม่ ท่ี ๔ การน้อมนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ทีมวิทยากรกลุ่ม ประกอบด้วย นายสมเดช นลิ พนั ธ์ สมาชิกวฒุ ิสภา นางสาวปยิ ฉฏั ฐ์ วนั เฉลมิ สมาชกิ วฒุ สิ ภา นายสมเดช นิลพันธ์ สมาชิกวุฒสิ ภา กล่าวแนะนำทีมวทิ ยากรกลุ่ม ๔ และเพื่อเป็นการสร้าง ความสัมพันธ์ระหวา่ งทีมวิทยากรกับน้อง ๆ เยาวชนนักศกึ ษา โดยการนอ้ มนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตมาให้เยาวชนได้ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็น ปรัชญาทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริช้ีแนะแนวทาง การดำเนินชีวิตแก่พสก นิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ ทรงเนน้ ย้ำแนวทางการแก้ไขเพ่ือให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยัง่ ยืนภายใต้กระแส โลกาภิวัตนแ์ ละความ เปลีย่ นแปลงต่างๆปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ปรชั ญาชถ้ี ึงแนวการดำรงอยู่
๓๙ และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการ พัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทัน ต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่ จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายใน ภายนอก ท้ังนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวังอย่างย่ิงในการนำวชิ าการ ต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกข้ันตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐาน จิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกใน คณุ ธรรม ความซ่อื สัตยส์ ุจริต และให้มีความรอบรทู้ ่ีเหมาะสม ดำเนินชวี ติ ด้วยความอดทน ความเพียร มี สติ ปญั ญา และความรอบคอบ เพ่ือให้สมดลุ และพรอ้ มต่อการรองรับการเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และ กวา้ งขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้เปน็ อยา่ งดี หลังจากการรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และได้ส่งตัวแทนกลุ่มท่ี ๔ ออกไปนำเสนอข้อความคิด สรุปความได้ว่า ความพออยู่พอกิน พอใช้ และความไม่ฟุ่มเฟือย การดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง รู้จักการกินอยู่อย่าง ประหยดั อาทิ การทำสวน ปลูกผักสวนครวั เล้ยี งปลา รู้จกั ใชท้ รัพยากรกรท่ีมใี หเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ ขอ้ เสนอแนะ ๑. อยากได้โครงการดี ๆ โดยให้ส่วนองค์การบริหารสว่ นตำบลจัดกิจกรรมจิตอาสา เพ่ือให้คนใน ชมุ ชนมีจติ สาธารณะและสร้างความสามคั คี ๒. ในเร่ืองศูนย์เศรษฐกิจการเรียนรู้ เยาวชนต้องการให้ในพื้นที่ของตนเองมีศูนย์เศรษฐกิจ การเรยี นรู้ ซึ่งสอนอาชพี สอนการทำเกษตรผสมผสาน เช่น การปลูกผกั การเพาะเห็ดฟาง เป็นต้น การ หาแหล่งตลาด และการแปรรปู ผลติ ภัณฑ์ ๓. ในเรื่องการส่งเสริมความรู้ เยาวชนต้องการให้มีการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการประกอบ อาชีพ การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และการยกระดับวิถีชีวิตในชุมชน/สินค้าเกษตรภายในชุมชนให้เป็น สินคา้ ส่งออกที่สร้างรายไดใ้ ห้กบั ชุมชนได้ ๔. ในเร่ืองการคมนาคม บางชุมชนไม่มีถนนสำหรับการจราจร และการขนส่งสินค้า เยาวชน จงึ ต้องการให้หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งเรง่ ดำเนนิ การ ภายหลังเยาวชนทัง้ ๔ กลุ่ม ได้นำเสนอเสร็จแลว้ เยาวชนทง้ั หมดได้ร่วมกันชมคลปิ วดี ีโอท่ีจดั ทำ โดยเยาวชนในพ้ืนท่จี ังหวัดชายแดนภาคใตป้ จั จบุ ันทำงานอยทู่ ่ีสำนักงานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา จากน้ัน พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง ได้กล่าวปิดกิจกรรมสมาชิก วฒุ ิสภาเยาวชน ณ จังหวัดนราธิวาส และขอขอบคุณลูกหลานเยาชนทุกคนที่ได้ให้ความร่วมมือเข้าร่วม กจิ กรรมในครง้ั นี้ ขอบคณุ และสวัสดี
๔๐ ภาพกจิ กรรม กลมุ่ ท่ี ๔ ๒.๖ การลงพ้ืนท่ีพบเยาวชน ณ จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันพฤหัสบดีท่ี ๒๑ – วันศุกร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุมแก่นเก้า วิทยาลัยอาชวี ศึกษาขอนแกน่ วันศุกร์ท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุมแก่นเก้า วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น คณะกรรมการอำนวยการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน นำโดย พลเอก สงิ หศ์ กึ สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง นำคณะสมาชิกวุฒิสภา ลงพื้นที่พบปะพบเยาวชน โดยมีรายละเอียดและรปู แบบของกจิ กรรม ดังนี้ วันศกุ ร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เวลา ๐๙.๓๐ นาฬกิ า พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหนึ่ง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน : กิจกรรมสมาชิกวุฒสิ ภาพบเยาวชน โดยกล่าวแนะนำสมาชิกวุฒสิ ภาและทีม วิทยากรกลุ่มท่ีได้ร่วมเดินทางมาจัดโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน : กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบ เยาวชน โดยวตั ถุประสงค์ของโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ในคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์เพอ่ื ท่ีจะมาทำ ความรูจ้ กั และสร้างความค้นุ เคย กบั เยาวชนและวิทยาลัยอาชวี ศึกษาขอนแกน่ ท่เี ปรยี บเสมอื นต้นกลา้ ทจี่ ะ เติบโตสู่การพัฒนาตนให้เป็นพลเมืองของชาติในอนาคต ตลอดจนแนะนำเรื่องราวของสมาชิกวุฒิสภาและ บทบาทหน้าท่ีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ว่าเร่ืองสำคัญที่สุดของสมาชิก วุฒิสภาชุดน้ี คือ การปฏิรูปประเทศให้ได้ภายใน ๕ ปี ถือเป็นงานหลักท่ีรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในบท
๔๑ เฉพาะกาล ซึ่งจากก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะเกิดข้ึน ประชาชนได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ จนนำมาสู่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ ขณะนี้วุฒิสภาได้มีการแบ่งกลุ่มในการติดตาม ตรวจสอบ ตามกรอบที่กำหนดโดยแบ่งออกเป็น ๗ กลุ่มจังหวัด ตามการแบ่งภาคของกระทรวงมหาดไทย คือภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง โดยจะมีการแบ่งกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาประจำแต่ละกลุ่ม โดยภายใน ๕ ปีน้ี สมาชิกวุฒิสภาท่ีอยู่กลุ่มจังหวัดใดจะเจาะจงอยู่ในกลุ่มจังหวัดน้ัน ในการลงพื้นท่ีซ้ำ ๆ ใน ๕ ปี เพ่ือสร้างความค้นุ เคย สรา้ งความร้เู ก่ียวกบั ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนในแตล่ ะพนื้ ท่ใี ห้ มีความชัดเจน รวมท้ังส่งเสริมเร่ืองการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการปฏิรูปประเทศ ตลอดจน เร่ืองรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายรวมทั้งการประเมินผลสัมฤทธ์ิของ กฎหมายมาสนทนาและเสรมิ ความรู้ให้แก่เยาวชน ได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ตรง นอกเหนือจากหลักสูตร เนื้อหาที่ได้เรียนรู้มา พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วมในการเสนอข้อมูล และข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์ ให้แก่ท่านสมาชิกวุฒิสภา เพื่อจะได้นำไปสู่การพิจารณา การกลั่นกรอง และการพัฒนากฎหมาย ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขึน้ การที่สมาชิกวฒุ สิ ภามาเย่ียมในครง้ั นี้ ถอื เป็น โอกาสท่ีดียิ่ง ท่ีจะได้มาทำความรู้จักและบอกเล่าให้เยาวชน ซึ่งเป็นเสมือนยุวทูตของสมาชิกวุฒิสภา ได้ เป็นแกนนำ นำส่ิงดี ๆ ไปบอกต่อ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และประชาชนในหมู่บ้าน ให้ทราบโดยท่ัวกัน ซ่ึง สมาชิกวุฒิสภาทุกท่านท่ีมาในวันนี้ ต่างล้วนเป็นผู้ท่ีมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีทักษะ ประสบการณ์ใน ระดับสูงและเคยผ่านงานในฐานะหัวหน้างาน นักบริหารระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน และระดับหน่วยงาน ภาคธุรกิจเอกชนที่ประสบความสำเร็จสูงมาแล้วท้ังส้ินและทุกท่านมีความยินดีท่ีจะมาพบปะพูดคุย ชี้แนะ สร้างขวญั กำลงั ใจให้กบั นอ้ งเยาวชนทกุ ๆ คนท่ีเข้าร่วมกจิ กรรมในครง้ั นี้ จึงเชอ่ื ว่าการพบกนั คร้งั นี้ ทุกคนจะไดร้ ับประโยชนอ์ ยา่ งสงู สุด จากนั้น ได้มีการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชนนักศึกษาวิทยาลัย อาชีวศึกษาขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน ๑๐ กลุ่ม เพ่ือรับฟังข้อมูลข้อเสนอแนะจากเยาวชน ประกอบดว้ ย กล่มุ ท่ี ๑ และกลมุ่ ที่ ๒ ความรู้เรอ่ื ง สมาชกิ วฒุ ิสภาและบทบาทหนา้ ท่ี กลมุ่ ท่ี ๓ และกลมุ่ ท่ี ๔ รับฟงั ความคดิ เห็นและทำความเขา้ ใจด้านกฎหมาย และรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย กลมุ่ ท่ี ๕ และกลุ่มที่ ๖ การประเมินผลสัมฤทธขิ์ องกฎหมาย และปัญหา ผลกระทบของกฎหมายทอ่ี อกมาใช้บังคับในปจั จบุ นั กลุ่มที่ ๗ และกลุม่ ที่ ๘ การปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ กลมุ่ ที่ ๙ และกลมุ่ ท่ี ๑๐ การน้อมนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สูก่ ารพัฒนาคณุ ภาพชีวิต
๔๒ ท้ังน้ี หลังการจัดกิจกรรมกลุ่ม ตัวแทนนักศึกษาท้ัง ๑๐ กลุ่มได้นำเสนอความเห็น โดย สว่ นใหญ่ เสนอความเหน็ ว่าที่ผ่านมาไมค่ ่อยเข้าใจกับบทบาทหน้าท่ีของวฒุ ิสภา และการเมืองไทย การท่ี สมาชกิ วุฒิสภาได้มาพบปะเยาวชน ทำให้ได้รับรู้รับทราบในเรื่องท่ไี ม่รู้ เช่น บทบาทของวุฒิสภาในฐานะ ผู้มีความเช่ียวชาญในแต่ละด้านซึ่งเข้ามาช่วยกล่ันกรองการออกกฎหมาย เร่ืองของสิทธิเสรีภาพ และ หน้าทขี่ องประชาชนตามกฎหมาย รวมถงึ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ท์ รง เป็นประมุข ภายหลังจาก การนำเสนอของผู้แทนนักศึกษาทั้ง ๑๐ กลุ่ม พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวฒุ สิ ภา คนท่หี นึ่ง ได้เปิดโอกาสให้นกั ศึกษาไดซ้ กั ถาม โดยการยกมอื ถาม และส่งคำถามผา่ น แอพพลิเคช่ัน ซึ่งได้มี นักศึกษา ซักถามเกี่ยวกับ ความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำเพ่ือป้องกันประเทศของ ประเทศไทย พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง ได้อธิบายโดยยกตัวอย่าง ประวัตศิ าสตรใ์ นอดตี ซงึ่ ประเทศไทยไดม้ ีถกู ฝรง่ั เศสนำเรอื รบมาจอดหนา้ พระบรมมหาราชวัง จนเกดิ เป็น สนธิสัญญาเบาวรง่ิ ให้ประเทศไทยตอ้ งเสยี สทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต หลงั เหตุการณค์ รัง้ นนั้ ประเทศไทย ได้พยายามพฒั นากองทพั เพอ่ื มิใหถ้ กู รกุ รานและขม่ ขูท่ างอธปิ ไตย ท้งั การสร้างปอ้ มพระจลุ จอมเกลา้ การ มีเรือรบหลวงท่ีมีสมรรถนะในการรบสูง ทำให้ศักยภาพของกองทัพเรือไทยสมัยหน่ึงเรียกได้ว่าประเทศ ไทยมีแสนยานุภาพทางทะเลในแถบตะวันออกเฉียงใต้ จนเมื่อมีเหตุรบกับฝรั่งเศสอีกครั้ง ในยุทธนาวเี กาะชา้ ง แม้ว่าการรบครงั้ น้นั ประเทศไทยจะสามารถปอ้ งกันการรกุ รานได้สำเร็จ แตก่ ป็ ระสบ ความสูญเสียอย่างมาก มากกว่าฝ่ายฝรั่งเศสซ่ึงรุกรานประเทศไทยไม่สำเร็จ ซ่ึงเป็นบทเรียนให้กองทัพ ตระหนักว่าการเตรียมความพร้อมในการรบมีความจำเป็นและสำคัญ โดยเฉพาะปัจจุบันประเทศรอบ ด้านไทย ยกเว้นประเทศลาวที่ไม่มีทางออกทะเล ล้วนมีเรือดำน้ำ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม และล่าสุด ประเทศพม่าก็มีการส่ังซื้อเรอื ดำน้ำเข้าประจำการแล้ว ซ่ึงไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดการรุกราน กันอีกในอนาคต คำถามต่อมา มีนักศึกษาสอบถามเก่ียวกับเรื่องของการศึกษา โดยสอบถามการให้ ครูมีเวลาในการสอบนักเรียนมากกว่าการทำผลงานเอกสาร หรือการประเมินโรงเรียน ซ่ึง นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา ได้ตอบวา่ ปัจจุบนั ได้มีการพยายามเปล่ยี นแนวทางการประเมินผลงานจาก เอกสารเป็นให้บุคลากรครูประเมินผลงานจากเพือ่ นครูกันเอง รวมท้งั ขณะน้ี คณะกรรมาธิการการศึกษา ทั้งของวุฒิสภาและของสภาผู้แทนราษฎร กำลังศึกษาร่างพระราชบัญญัติที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่า ว ซง่ึ คาดวา่ จะใชเ้ วลาไมน่ าน นอกจากนี้ ได้มีนักศึกษาสอบถามเก่ียวกับการเปิดเสรีทางการค้าว่าจะทำให้คนไทย เสียเปรยี บท้ังทางดา้ นการค้า และการมีงานทำหรือไม่ นางจนิ ตนา ชัยยวรรณาการ สมาชิกวุฒิสภา ได้ ตอบข้อซักถาม โดยชี้แจงว่า การเปิดเสรีทางการค้าจะเป็นเร่ืองของการผ่อนปรนมาตรการทางภาษีใน การนำเข้าสง่ ออกสินค้า รวมถึงการให้โควตาสินค้าต่างประเทศ ซ่งึ จะไม่ได้เก่ียวข้องกบั การจา้ งงาน หรือ แรงงาน แต่ขอให้ขอแนะนำว่า หากนักศึกษาและคนไทยพยายามพัฒนาตนเองเสมอ ๆ ให้สามารถ แขง่ ขันกบั คนอ่นื ได้ ไมว่ า่ สถานการณ์ใด เราก็จะสกู้ ับคนอ่ืนได้ ไม่มีทางทจี่ ะไม่มงี านทำ ท้ังนี้ เม่ือได้เวลาอันสมควร พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนท่ีหน่ึง ได้กล่าวปิดการจัดโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน : กิจกรรมสมาชิกวุฒิสภาพบเยาวชน
๔๓ ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น และเชิญนักศึกษาร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับสมาชิก วฒุ ิสภา และคณะกรรมาการอำนวยการโครงการสมาชกิ วุฒสิ ภาพบประชาชน ในช่วงบ่าย สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภา พบประชาชน ได้ศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่น ในสาขาวิชา คหกรรม สาขาวิชาการท่องเทีย่ ว และสาขาวชิ าการโรงแรม ก่อนการเดนิ ทางกลบั ภาพกจิ กรรม
Search