Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore book06

book06

Published by Chanya Chanya, 2021-04-07 05:02:36

Description: book06

Search

Read the Text Version

๔๔ ชีวิตที่สรา งสรรค สดใสและสขุ สนั ต ทาํ ลายหรอื ทํารายตวั เองใหย ิง่ แยล งไป ๒. เอามาพัฒนาตวั เรา คนทีเ่ ปนนกั ปฏบิ ตั ธิ รรม เมือ่ ความเสอ่ื ม ความสูญเสีย และโลกธรรมฝา ยรายทั้งหลายเกดิ ขนึ้ แกต น นอกจากรู เทาทันธรรมดา มองเห็นความจริงของโลกและชีวิตที่เปนอนิจจังแลว เขายงั เอามนั มาใชใหเปนประโยชนในการพัฒนาตวั เองใหดีย่ิงขน้ึ อีกดวย เขาจะมองวา น่ีแหละความไมเท่ียงไดเกิดขึ้นแลว เมอ่ื มนั เกดิ ขนึ้ มา กเ็ ปนโอกาสท่ีเราจะไดทดสอบตนเอง วาเรานี่มีความมั่นคงและ ความสามารถแคไหน ในการท่ีจะตอสกู บั สง่ิ เหลานี้ เราจะเผชญิ กับมนั ไหวไหม ถา เราแนจริง เราก็ตองสูก บั มันไหว และเราจะตอ งแกไ ขได เพราะอันนเี้ ทา กับเปนปญหาท่จี ะใหเราสใู หเ ราแก เราจะมคี วามสามารถ แกป ญหาไหม นี่คือบททดสอบท่เี กดิ ขึน้ นอกจากเปนบททดสอบแลว ก็เปน บทเรียนท่ีเราจะตองศึกษาวา มันเกิดข้ึนจากเหตอุ ะไร เพ่อื จะไดเ ปนประโยชนตอ ไปภายหนา ถาเราสามารถแกป ญ หานี้ได กแ็ สดงวา เรามคี วามสามารถจรงิ ถาเราผานสถานการณนี้ไปไดปลอดโปรงสวัสดีแลว ตอไปเราก็จะมี ความสามารถและจดั เจนยงิ่ ขนึ้ รวมความวา คนทด่ี ําเนนิ ชีวิตเปน จะใชประโยชนจ ากโลกธรรม ฝายรายได ท้ังในแงเปนเคร่ืองทดสอบจิตใจ และเปนเครื่องพัฒนา ปญญา คอื ทดสอบวา เรามีจติ ใจเขม แขง็ มัน่ คง แมจะเผชญิ เคราะหร าย หรือเกิดมีภัย ก็ดํารงรักษาตัวใหผานพนไปได ไมหวั่นไหว และใช ปญญาเรียนรูสืบคนเหตุปจจัย เพ่ือจะไดแกไขและสรางสรรคเ ดนิ หนา ใหไดผ ลดีย่งิ ขึ้นตอไป ยิ่งกวา นั้น เขาจะมองในแงดวี า คนทีผ่ านทุกขผ านภัยมามาก เม่อื

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๔๕ ผานไปได ก็เปนประโยชนแ กตัวเอง คนที่ผา นมาได ถือวาไดเ ปรียบคน อื่นทไ่ี มเ คยผาน นอกจากผานทุกขผานโทษผานภัยไปแลว ถาย่ิงสามารถผานไป ไดดวยดีอีกดวย กเ็ ปนหลักประกันวาตอไปไมตองกลัวแลว เพราะ แสดงวาเราประสบผลสําเร็จแกป ญหาได เราจะมชี วี ติ ที่ดงี ามเขมแขง็ ไม ตองกลัวภยั อนั ตรายอีก ดกี วาคนที่ไมเ คยเจอกับสิ่งเหลานี้ พบแตส่งิ ที่ เปนคุณหรอื ส่งิ ที่ชอบใจอยางเดยี ว เปนชีวติ ที่ไมไ ดทดสอบ เปนอันวา ถามองในแงท่ีดีงามแลว เราก็ใชประโยชนจากโลก ธรรมท้ังทด่ี แี ละรายไดทง้ั หมด อยา งนอยกเ็ ปนคนชนิดทว่ี า ไมเหลิง ในสุข ไมถกู ทุกขทับถม ฉะนั้น ถาเราจะตองเผชิญกับโลกธรรมท่ีไมชอบใจ ก็ตอ งมใี จ พรอมทจ่ี ะรับมอื และสมู ัน ถาปฏิบตั ติ อมนั ไดถ ูกตอ ง เรากจ็ ะผา นสถาน การณไ ปดว ยดี และเปน ประโยชน เราจะมคี วามเขม แขง็ ชวี ติ จะดงี ามยงิ่ ขน้ึ แลวตอนน้ัน เราจะไดพิสูจนตัวเองดวยวา ถึงแมวาเราจะมี ประโยชนสุขขัน้ ท่หี น่ึง ทีเ่ ปนรูปธรรมหรอื มวี ตั ถเุ พยี งเลก็ นอยน้ี เราจะ สามารถอยูดวยประโยชนส ขุ ขัน้ ทส่ี อง ดวยทนุ ทางดา นคณุ ความดี ทาง ดา นจติ ใจไดห รือไม แลว กท็ ดสอบย่งิ ขน้ึ ไปอีกคอื ในระดับทีส่ าม วาเรามี จติ ใจท่ีเปนอสิ ระ สามารถทจี่ ะอยูดีมสี ขุ โดยไมถ กู กระแทกกระเทอื น หว่นั ไหวดว ยโลกธรรมไดไหม ถาจิตถูกโลกธรรมท้ังหลายกระทบกระทั่งแลวไมหวั่นไหว ยัง สามารถมีใจเบิกบานเกษมปลอดโปรง ไมมธี ุลี ไรความขนุ มวั เศรา หมอง ผองใสได ก็เปนมงคลอันสูงสุด มงคลหมดท้งั ๓๘ ประการมาจบลงสดุ ทา ยท่ีนี่

๔๖ ชีวิตท่สี รา งสรรค สดใสและสุขสันต พระพทุ ธศาสนาสอนหลักธรรมไปตามลาํ ดบั จนมาถึงขอน้ี คอื ขอ วา มีจิตใจเปนอิสระ อยา งท่ีพระสงฆส วดในงานพธิ มี งคลทกุ คร้ัง ตอนท่ี สวดมงคลสตู ร มงคล ๓๘ จะมาจบดว ยคาถานี้ คือ ผุฏฐสั สะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยสั สะ นะ กัมปะติ อะโสกงั วริ ะชงั เขมงั เอตัมมังคะละมตุ ตะมัง ผใู ดถูกโลกธรรมทั้งหลาย (ทง้ั ฝายดแี ละฝา ยราย) กระทบกระทัง่ แลว จิตใจไมเศราโศก ไมห ว่นั ไหว เกษม มน่ั คง ปลอดโปรงได น่ันคือ มงคลอนั อุดม ถา ถงึ ข้ันนแ้ี ลว ก็เรียกวา เราไดประสบประโยชนส ขุ ขัน้ สงู สุด ชวี ิต กจ็ ะสมบรู ณ อยูใ นโลกกจ็ ะมคี วามสขุ เปน เนือ้ แทข องจติ ใจ ถงึ แมไปเจอ ความทกุ ขเ ขาก็ไมมปี ญ หา ก็สุขไดแ มแตในทามกลางความทกุ ข คนท่ที ําอยางนไ้ี ด จะมลี กั ษณะชวี ิตท่ีพฒั นาในดา นความสุข ซ่ึง ทาํ ใหเปนคนทมี่ คี วามสุขไดงา ย ทาํ ไม โลกยง่ิ พฒั นา ชาวประชายิ่งเปน คนทส่ี ุขยาก เปน ท่ีนา สังเกตวา มนษุ ยในโลกปจจบุ ันนไ้ี ดพ ฒั นาทางดานวตั ถุ กนั มาก เกงในการหาวตั ถเุ ปน อยางย่งิ แตม ีลักษณะทป่ี รากฏเดน ขน้ึ มา อยา งหน่งึ คอื มักจะกลายเปนคนที่สุขยากข้นึ ย่งิ อยูไ ปๆ ในโลก ก็ย่ิง เปนคนท่สี ขุ ยากข้ึนทุกที อนั นไ้ี มใชลกั ษณะทดี่ ี เม่ือมีของมีวัตถุอะไรตางๆ ท่ีเปนเครื่องอํานวยประโยชนสุขใน ระดับที่หน่งึ มากข้นึ คนก็นาจะมคี วามสขุ มากขึน้ แตปรากฏวาผคู นไม ไดมีความสุขมากขนึ้ ความสุขบางอยางทด่ี ูเหมอื นจะมากข้ึน กม็ ักจะ เปน ความสุขแบบฉาบฉวยเสยี มากกวา

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๔๗ โดยเฉพาะความสขุ ทีแ่ ทใ นจติ ใจ นอกจากไมดีขึ้น ยงั มีทีทาวา ลด นอยลง คนตะเกียกตะกายหาความสุขแบบผานๆ ช่ัวครูชั่วยามกัน พลานไป เพราะไมม ีความสขุ ท่ีมนั่ คงยนื ตวั อยภู ายใน ทง้ั ๆ ทีม่ สี ง่ิ ของและอปุ กรณท ี่จะบํารุงความสุขมากเหลอื ลน แต คนก็ขาดแคลนความสขุ กันอยูเรอื่ ยๆ และมลี กั ษณะอาการท่มี ีความสขุ ไดย าก คือกลายเปนคนทส่ี ุขยากขน้ึ อยางทีว่ า เคยมเี ทานี้สุขกไ็ มส ุข แลว ตองมีเทานั้น ตองไดขนาดโนน จึงจะสุข เปน ลกั ษณะท่นี าสงั เกต ในเรอื่ งนี้ ลกั ษณะที่ตรงกนั ขามก็คือสขุ งายข้ึน คนเราอยูในโลกนี้ ชีวิตของเราเจริญเตบิ โตข้ึนมา เราพฒั นาขน้ึ ๆ ส่งิ หนง่ึ ทเี่ รานา จะพัฒนา ขึน้ ดว ย กค็ ือความสขุ หมายความวา ยง่ิ เราพัฒนาไป เราก็นา จะ เปนคนท่ีสุขงา ยยง่ิ ขึ้น และก็สุขไดม ากขึน้ เมอ่ื เปนเดก็ ไดเลนอะไรเลก็ ๆ นอ ยๆ หรอื อยากไดอ ะไรนดิ ๆ หนอยๆ พอไดม ากด็ ูจะมคี วามสขุ มากๆ สขุ ไดง ายๆ แตพ อโตขน้ึ มาดู เหมอื นวาจะสุขยากขึน้ ทกุ ที ถา เรามีชวี ิตอยมู าแลว เราเปนคนสขุ งา ยขึ้นนี่ โอ! เราจะโชคดีมาก เพราะถาเราสุขงาย มันก็ตอ งดีซิ ทําอะไรนดิ หนอ ย มอี ะไร ไดอ ะไร เล็กๆ นอยๆ เด๋ียวมันก็สุขละ แตเดีย๋ วน้กี ลายเปนวาเรามีอะไรนิด หนอยไมไ ด จะตองมีมากๆ จงึ จะสุข ในทางที่ถูกทีค่ วร ถาเรามคี วามสขุ งา ยข้ึน แลวเราไดข องมากขน้ึ เราก็ยง่ิ สุขใหญ แตถาเราสขุ ยากขน้ึ เราไดของมามากข้ึน มันก็ไมช วยให เราสขุ มากขน้ึ เพราะแมวา สิ่งอาํ นวยสขุ จะมากขึ้นกจ็ ริง แตจ ุดหรอื ขดี ที่ จะมคี วามสุขไดก็เขยบิ หนขี ึน้ ไป เพราะฉะนนั้ บางทไี ดสิ่งอาํ นวยสขุ มาก ขึน้ แตไดความสุขนอ ยลง

๔๘ ชีวิตทส่ี รา งสรรค สดใสและสขุ สันต อะไรท่ีมนั ขาดหายไป คาํ ตอบก็คอื เราพัฒนาดานเดียว เราพฒั นา ชีวติ เพยี งดา นหน่ึง คอื ไปมงุ วาถาเรามีวตั ถุมีอะไรตางๆ มีทรัพยสนิ เงนิ ทอง ยศ ตําแหนงดีขน้ึ นี่ เราจะมคี วามสุข ฉะนน้ั เราก็แสวงหาวัตถหุ รือ สิ่งทจ่ี ะมาบํารงุ ความสขุ กนั ใหม าก แตการที่เราจะแสวงหาอยางไดผล เราก็จะตองพัฒนาความ สามารถอันน้ี คือพัฒนาความสามารถในการแสวงหาสิ่งที่จะมาบํารุง ความสขุ และมนษุ ยเรากไ็ ดพฒั นาในดา นนีก้ ันจริงๆ จงั ๆ ดงั จะเห็นวา ในดานนี้เราเกงมาก มนุษยยุคปจจุบันไดพัฒนาความสามารถในการ แสวงหาวัตถุมาบํารุงความสุขกันไดเกงกาจ แมแตการศึกษาก็พลอยมี ความหมายอยา งน้ดี วย ดซู ิ การศึกษาสว นมากจะมีความหมายและความมงุ หมายอยาง น้ี คือเปนการพฒั นาความสามารถท่ีจะหาวัตถมุ าบํารุงความสขุ แลวเราก็เกงกันในดานน้ี เรามีความสามารถในการหาส่ิงมาบาํ รงุ ความ สุขอยางมากมาย แตทีน้ียังมีอีกดานหน่ึงของการพัฒนาชีวิตที่เรามองขามไป คอื ความสามารถทจี่ ะมคี วามสขุ บางทเี ราพฒั นาความสามารถในการหาส่งิ บํารงุ ความสขุ พอพฒั นาไปๆ ความสามารถในการทจี่ ะมคี วามสุขนกี้ ลับลด นอยลง หรอื แมแตห ายไปเสยี เฉยๆ ในเรื่องนี้ เราตองมีดุลยภาพ คือตองมีความสามารถท่ีจะมีความ สขุ มาเขาคู ในเมื่อเราจะตองมีความสามารถนี้อีกดานหน่ึงดวย คือความ สามารถในการทีจ่ ะมีความสุข เราก็ตองพฒั นามันข้นึ มา

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๔๙ ความสุขจะเพม่ิ ทวี ถาพัฒนาอยา งมีดุลยภาพ ถา เราพฒั นาความสามารถทจ่ี ะมคี วามสขุ ดว ย พรอ มกนั ไปกบั การ พฒั นาความสามารถในการหาสง่ิ บาํ รงุ ความสขุ มนั กจ็ ะมดี ลุ ยภาพ แลว สองดา นนก้ี จ็ ะมาเสรมิ กนั ดว ย เพราะวา เมอื่ เราพฒั นาความสามารถท่ีจะ มคี วามสขุ ไดมากขน้ึ เรากม็ ีความสุขงา ยขึน้ เมื่อเราสุขงายขึ้น แลว เรามี ของบาํ รงุ ความสุขมากข้ึน ความสขุ มนั ก็ทว มทนเปนทวีคูณเลย แตที่มันเสียหรือลมเหลวไปไมเปนอยางนั้น ก็เพราะสาเหตุน้ี แหละ คอื การที่เราพฒั นาดา นเดียว เราไดแ ตพฒั นาความสามารถ ทจี่ ะหาสง่ิ บํารงุ ความสุข แตเ ราไมไดพฒั นาความสามารถทีจ่ ะ มคี วามสุข บางทีความสามารถน้ีกลบั คอ ยๆ หมดไปดวยซ้ํา คนจํานวนมากอยไู ปๆ ในโลก กค็ อยๆ หมดความสามารถท่จี ะมี ความสขุ ในเมอ่ื เขาหมดความสามารถทจ่ี ะมคี วามสขุ ส่งิ บํารุงความสุขก็ ไมม ีความหมาย อันน้ีคือชีวิตที่ขาดดุลยภาพ เพราะเรามัววุนอยูกับประโยชนสุข ระดบั ท่หี นึ่งอยา งเดียว ขาดการพฒั นาเพ่อื ประโยชนสุขระดับท่ีสอง และ ระดบั ทส่ี าม ในทางธรรม ทานไมไดมองขา มการพัฒนาในระดบั ท่หี นงึ่ อนั นน้ั ทานเรียกวาการพัฒนาในระดบั ศีล คอื การพัฒนาความสามารถทจ่ี ะหา ตลอดจนจัดสรรและจดั การกับส่งิ บาํ รงุ ความสุข แตร ะดบั ตอ ไปซงึ่ อยา ไดมองขาม ก็คอื การพฒั นาความสามารถทจ่ี ะมคี วามสขุ ถาเราพัฒนาความสามารถที่จะมีความสุข หรืออยางนอยเราไม สญู เสียมนั ไป เรากจ็ ะเปน คนที่มีความสขุ ไดไมยาก หรอื กลับจะเปน คน ที่สขุ งา ยขน้ึ ๆ ดวย คนท่มี คี วามสามารถอยา งนจี้ ะอยูอ ยางไรก็สุขสบาย

๕๐ ชวี ิตทสี่ รา งสรรค สดใสและสขุ สนั ต สขุ สบายตลอดเวลาเลย และยิง่ อยูไ ปก็ยงิ่ สขุ งายข้ึน ยิ่งมีของมาก็ย่ิง สุขกันใหญ ฉะน้ันจึงควรทบทวนดูวา ถาหากเรามีอะไรตออะไรมากมาย แลว ก็ยงั ไมม ีความสขุ กค็ งจะเปน เพราะสาเหตอุ นั น้ดี ว ย คอื เราชกั จะ หมดความสามารถทีจ่ ะมีความสขุ การปฏิบัติธรรมน้ัน ในความหมายหนึ่งก็คือการพัฒนาความ สามารถทจ่ี ะมคี วามสุข เปน การทําใหคนเปน สขุ ไดงายขึ้น ฉะน้นั โยมทป่ี ฏบิ ตั ธิ รรมตองนกึ ถงึ ความหมายทว่ี านี้ ถา เราปฏบิ ตั ิ ธรรม เราตอ งมีความสามารถทีจ่ ะมีความสขุ ไดมากขน้ึ และงา ยขึน้ จะ ตอ งเปน คนที่สุขงา ยข้ึน แลวสองดานนี้เราไมท้ิงเลยสักอยาง เราจะเปนคนท่ีสมบูรณ เพราะวาในดา นความสามารถที่จะมคี วามสุข เราก็เปน คนท่ีมคี วามสขุ ได งายขึน้ และในดา นการหาวัตถุบํารุงความสขุ เราก็มีความสามารถที่จะ หาไดเ พ่ิมข้นึ เมื่อเปนอยางนเ้ี ราก็มคี วามสุขกําลังสอง ถาไมม คี วามสุขแบบประสาน กไ็ มม กี ารพฒั นาแบบย่งั ยืน ทีน้ีเรื่องมันไมจบแคน้ี พอเรามีความสามารถที่จะมีความสุขได มากขึ้น ความสุขของเรานน้ั กลบั ขึน้ ตอวตั ถนุ อยลง เรากไ็ มต อ งอาศยั วัตถุมากมายท่ีจะมีความสุข เรามีแคพอเหมาะพอควรเราก็มีความสุข เต็มอม่ิ แลว เราก็ไมก งั วลในเรือ่ งวัตถมุ าก แตในเวลาเดยี วกันนี้ ความสามารถท่ีจะหาวตั ถบุ ํารุงความสขุ ของ เรากย็ ังมีอยเู ตม็ ท่ี เรากห็ าวัตถไุ ดเ ยอะแยะมากมาย แตความสขุ ของเรา ไมข ึน้ ตอ สง่ิ เหลานัน้ แลว จะทําอยางไรละ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๕๑ วตั ถุก็เขา มาๆ ความสุขของเราก็ไมไ ดข นึ้ ตอ มัน เราสขุ อยแู ลวน่ี จะทาํ อยา งไรละ ทีน้ี ปรากฏวา พอดุลยภาพทวี่ ามานีเ้ กดิ ข้ึน จติ ใจของ เราก็เปดออก เรากม็ โี อกาสคดิ ถึงความสขุ ความทกุ ขของคนอนื่ แลว วัตถุที่เขามามากก็กลายเปนเคร่ืองมือสรางสรรคประโยชนสุขแกเพื่อน มนษุ ยห รือแกส งั คมไปเลย ตอนนีค้ วามสุขของเราไมข ึน้ ตอวัตถเุ หลานั้นมากนกั แลว สิ่งเหลา นั้นมีมามากก็เปนสวนเหลือสวนเกิน และเม่ือใจของเราไมมัวพะวงวุน วายกับการหาส่งิ เสพ ใจน้ันกเ็ ปด ออกไปคิดถึงคนอนื่ เรากเ็ ลยใชว ัตถุ เหลา นน้ั ทแี่ สวงหามาน่ี ในการชว ยเหลอื เพอ่ื นมนษุ ย สรา งสรรคค วามดี ทาํ ประโยชนส ขุ ขยายออกไป เม่ือทําอยา งน้ี เรากย็ ่งิ เขา ถงึ ประโยชนสขุ ในระดับทีส่ อง พอเราทําอยางน้ีแลว เราระลึกถึงชีวิตของเราวาไดทําส่ิงที่เปน ประโยชนมคี ุณคา เราก็ยิ่งมคี วามสุขลกึ ซ้งึ ขึน้ ในใจของเราอีก ประโยชน สุขขั้นท่ีสองมาแลว ก็สนับสนุนประสิทธิภาพของประโยชนสุขระดับท่ี หนึ่ง ประโยชนส ขุ ทง้ั สองระดับ กเ็ ลยสนับสนนุ ซ่งึ กันและกัน ความสขุ ของบคุ คลกม็ าเนอื่ งกบั ความสขุ ของสงั คม ตวั เราสขุ งา ย และไดส ขุ แลว เราชว ยเหลอื สงั คม เพื่อนรว มสังคมก็ยิ่งมีความสขุ และ เราเองกย็ งิ่ สขุ ขนึ้ ดว ย ความสขุ แบบนจี้ งึ เนอ่ื งกนั และประสานเสรมิ กนั เวลาเราหาประโยชนส ุขระดับทห่ี นงึ่ เราบอกวาเราจะตองไดม ากที่ สดุ เราจึงจะมคี วามสุขทส่ี ดุ เราก็เลยตองย่งิ แสวงหาใหไ ดมากทส่ี ุด คน อน่ื เขาก็มองอยางเดียวกัน เขาก็มองวา ยิ่งไดมากเขากจ็ ะยง่ิ สุขมาก เมอ่ื ตา งคนตา งหา ตา งคนตางเอา ตางคนตางได มนั ก็ตองแยง กันเบียดเบียนกัน มันก็เกิดความทุกขความเดือดรอน เรียกวาเปน

๕๒ ชวี ติ ทส่ี รา งสรรค สดใสและสุขสนั ต ความสุขท่ีตองแยงชิงกัน เมื่อตองแยงชิงก็เปนการบอกอยูในตวั แลววา จะตองเจอกับทุกขด ว ย และไมแ นว าจะไดส ุขหรือไม ทนี ้พี อเรามาถงึ ระดับที่สอง มนั เปลี่ยนไปกลายเปน วา ความสขุ น้ันมันเนื่องกัน สุขของตนกบั สขุ ของคนอืน่ หรอื สขุ ของบคุ คลกบั สุข ของสงั คม มันมาประสานเสรมิ สนับสนุนซ่ึงกนั และกนั ทําใหทกุ คนสขุ ไปดว ยกนั มันก็เลยไมตอ งเบียดเบียนหรอื แยง ชิงกัน เปน ความสุขท่ี เนอื่ งกัน หรอื ความสขุ ทปี่ ระสานกัน เวลานี้พูดกันมากวาจะตองมกี ารพฒั นาแบบยงั่ ยนื โลกจงึ จะอยู รอดได แตถ า พฒั นากนั ไปแลว ผูคนมแี ตก ารหาความสุขแบบแยงชิงกัน การพัฒนาแบบยั่งยืนก็จะเปน เพยี งความฝน ทไ่ี มมที างเปน จรงิ เราก็มองเห็นกันไดไมยากวา ถามีแตการพัฒนาดานวัตถุ จะ พัฒนาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีและพัฒนาเศรษฐกิจไปเทาไรก็ตาม ถาไมมีการพัฒนาคนในดานความสามารถท่ีจะมีความสุขนี้ ก็จะตองมี แตการหาความสุขแบบแขงขันชวงชิง การพัฒนาแบบย่ังยืนก็ไมมีทาง สําเร็จ ถาจะใหการพัฒนาแบบย่ังยืนสําเร็จผล ก็ตองพฒั นา คนใหมคี วามสขุ แบบประสาน การพฒั นาแบบย่ังยืน มาดวยกันกับความสุขแบบยง่ั ยนื เมอ่ื มนุษยพ ัฒนาอยางมีดุลยภาพ พอจิตใจพัฒนาดขี ้นึ มา ความ สขุ ท่ีจะตอ งไดต อ งเอาวตั ถุมา กค็ อยๆ อาศัยวัตถุนอ ยลง ตอนแรกเราจะสขุ เม่ือไดเม่ือเอา แตพ อเราพฒั นาคุณธรรมข้ึนมา มนั กเ็ ปลี่ยนแปลงไป ความสขุ จะขน้ึ ตอสิง่ เหลาน้นั นอยลง กลบั มาข้นึ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๕๓ ตอการมคี ณุ ความดี เชนการมีความรักแทเ กิดขนึ้ ในใจ ความรักแท คืออะไร คอื ความอยากใหคนอื่นมคี วามสุข และ อยากทําใหเ ขามีความสขุ ตรงขา มกับความรักเทยี มทอ่ี ยากไดอ ยากเอา คนอืน่ มาทําใหตัวมีความสุข ความรกั แทน น้ั จะเห็นไดจ ากตวั อยา งงา ยๆ คือ พอ แม พอ แมร ัก ลูกก็คืออยากใหลูกมีความสุข ความสุขของคนทั่วไปนน้ั บอกวา ตอ งได ตองเอาจึงจะมีความสุข แตพอแมไมจาํ เปนตองไดความสุขจากการได หรือการเอา พอแมใ หแ กลูกก็มีความสขุ เวลาใหแกลูก พอแมเ สยี ใจหรือทกุ ขไ หม ไมท กุ ขเ ลย ใหไ ป ถา พูดในแงข องวัตถุ ก็คือตัวเองเสีย พอ แมสญู เสียวัตถุน้ันไป เพราะใหแก ลกู แตพอพอ แมใ หแ กลกู แลว แทนท่ีจะทุกข พอแมก ลับเปนสุข พอแมสูญเสียแตกลับสุขเพราะอะไร พอแมสละใหแตกลับได ความสขุ เพราะอะไร ก็เพราะอยากใหลูกเปนสขุ พอ แมรักลกู อยากเหน็ ลกู เปนสขุ ความอยากใหค นอ่ืนเปน สุขนน้ั ทา นเรียกวา เมตตา เมือ่ เรามคี วามอยากใหผ ูอ่ืนเปน สุข พอเราทําใหคนอ่นื เปนสขุ ได กส็ มใจเรา เราก็เปน สขุ เพราะฉะนั้น คนใดมเี มตตา เกดิ ความรักแทข นึ้ มา เขาก็มสี ิทธท์ิ ่ี จะไดความสุขประเภทท่สี อง คือความสขุ จากการให สวนคนท่ีขาดเมตตาการณุ ย ไมมคี ุณธรรม อยูกบั เขาในโลกต้งั แตเ กดิ มากไ็ มไ ดพ ัฒนา กจ็ ะมคี วามสขุ ประเภทเดียว คอื ความสุขจาก การไดและการเอา ความสขุ แบบแยงกับเขา ตอ งได ตองเอาจงึ จะเปนสขุ พอเรามคี ุณธรรมเกดิ ขึน้ ในใจ คอื มเี มตตาขึน้ มา เราก็อยากใหคน อื่นมคี วามสุข เชนอยากใหล กู มคี วามสขุ พอเราใหแกล กู เรากม็ คี วาม

๕๔ ชีวิตทสี่ รางสรรค สดใสและสขุ สันต สขุ ทีนี้ขยายออกไป เรารกั คนอน่ื รักสามี รักภรรยา รกั พ่ี รักนอง รกั เพ่ือนฝูง ยิ่งเรารักจริงขยายกวา งออกไปเทาไร เราก็อยากใหคนท่ัวไปมี ความสุขเพม่ิ ขึ้นเทา นนั้ พอเราใหเ ขาเราก็มคี วามสุข เพราะเราทําใหเ ขา มีความสุขได เรากม็ ีความสุขดวย ความสุขของเรากบั ความสุขของเขา เนอ่ื งกนั ประสานเปนอนั เดียวกนั ฉะนนั้ คนทพ่ี ฒั นาตนดี มคี ณุ ธรรม เชน มเี มตตาเกดิ ในใจ จงึ เปน คนทไ่ี ดเ ปรยี บมาก จะมคี วามสขุ เพมิ่ ขนึ้ และขยายออกไป และไดค วามสุข ที่สะทอ นเสรมิ คอื กลายเปนวา ความสุขของเราก็เปน ความสุขของเขา ความสุขของเขากเ็ ปน ความสขุ ของเรา เปนอนั เดยี วกันไปหมด คนท่ีพัฒนามาถึงระดบั นี้ ก็มคี วามสขุ เพิ่มขึน้ และขยายมิตแิ หง ความสขุ ออกไป คือ นอกจากความสขุ จากการไดก ารเอาแลว ก็มี ความสุขจากการใหเพิม่ ข้ึนมาดว ย และเขากจ็ ะมชี ีวติ และความสขุ ชนดิ ท่ี เปนอสิ ระมากขึ้น เพราะความสขุ ของเขาข้นึ ตอวตั ถภุ ายนอกนอยลง นอกจากนนั้ ความสุขของเขาก็เริ่มเปน เนือ้ หาสาระมากขึน้ ไมเปน เพียงความสขุ ผา นๆ ท่ีไดจ ากการเสพวัตถุใหต ่ืนเตน ไปคราวหน่ึงๆ แลว คอยว่ิงตามหาความสุขชิ้นตอไปๆ แตเขาจะมีความสุขชนิดที่ยืนพ้ืน ประจําอยใู นใจของตัวเอง ทไี่ มต อ งรอผลการว่งิ ไลตามหาจากภายนอก เรยี กไดวา เปน ความสุขแบบย่ังยนื ถาคนพัฒนาจนมีความสุขแบบย่ังยืนไดอยางนี้ กจ็ ะเปนหลัก ประกนั ใหก ารพัฒนาแบบย่งั ยืนสาํ เร็จผลไดจ ริงดวย เพราะถาวิเคราะห กนั ใหถึงที่สุดแลว การพัฒนาทผี่ ิดพลาด ซึง่ กลายเปน การพัฒนาแบบ ไมยั่งยืนนั้น ก็เกิดจากความเช่ือความเขาใจเก่ียวกับเรื่องความสุขและ วธิ ีการหาความสขุ ของมนษุ ย ทีไ่ มไ ดพัฒนาขึ้นมาเลยน่นั เอง

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๕๕ ถามนุษยจมอยูกับแนวคิดและวิธีการหาความสุขแบบท่ีไมพัฒนา นั้น กไ็ มม ที างที่จะทําใหเกิดการพัฒนาแบบยั่งยนื ได เพราะฉะนั้น การ พฒั นาทย่ี ่งั ยนื จะตอ งมากบั ความสุขที่ยงั่ ยนื เปนอันวา การพัฒนาในระดบั ของประโยชนสุขทีแ่ ทนี้ จะทําให โลกนม้ี คี วามสุขรมเยน็ พรอ มกบั ทตี่ ัวบคุ คลเองก็สุขสบายพอใจ ทกุ อยา งดไี ปหมดเลย เพราะอะไรตอ อะไรก็มาเกอ้ื กลู ซ่ึงกนั และกัน ฉะนน้ั เม่ือเดินทางถกู แลว ชวี ิตก็สมบรู ณ และความสุขก็ยิ่งมาก ขึ้น จนเปนความสุขท่ีสมบรู ณไ ปดวย ขอแทรกขอ สังเกตวา เวลาเรารกั ใคร กจ็ ะมคี วามรัก ๒ แบบ ไมแบบใดก็แบบหนงึ่ หรอื อาจจะทง้ั สองแบบปนกันอยู ไดแก ความรกั แบบที่หน่งึ เมอื่ รกั ใคร ก็คืออยากไดเขามาบําเรอความสขุ ของเรา และความรกั แบบทส่ี อง เมือ่ รักใคร กค็ ืออยากใหเขามคี วามสุข พอเราอยากใหเขาเปน สุข เรากจ็ ะพยายามทาํ ใหเขาเปนสุข ไมวา จะทําอยางไรกต็ ามท่จี ะทาํ ใหเ ขาเปน สขุ ได เรากพ็ ยายามทาํ เพราะฉะนั้น เรากใ็ ห เรากช็ ว ยเหลือเก้ือกลู เอาใจใสอ ะไรตา งๆ ทําใหเ ขาเปนสขุ พอ เขาเปนสขุ เราก็เปนสุขดวย ฉะน้ัน ความรักประเภทท่ี ๒ นีจ้ งึ เปนคุณธรรม ทานเรียกวา เมตตา เชน พอ แมรักลูก ก็อยากใหลกู เปน สขุ แลว กพ็ ยายามทาํ ใหล กู เปน สุข ดวยการใหเ ปน ตน เรากข็ ยายความรกั ประเภท ๒ คอื เมตตานอี้ อกไปใหก วา งขวาง เปน การพัฒนาที่ทําใหมีชีวิตและสังคมท่ีดีงาม เพราะตัวเราเองก็ขยาย ขอบเขตของความสขุ ไดม ากข้นึ พรอ มกับที่โลกกม็ ีความสุขมากขนึ้ ดวย ตกลงวา นแี่ หละคอื หลกั ธรรมตางๆ ทพี่ ระพุทธเจา สอนไว ซึ่งถา

๕๖ ชีวติ ท่สี รา งสรรค สดใสและสุขสนั ต เราปฏิบตั ิตามได กเ็ ปนคณุ ประโยชนแกชีวติ ของเรา และชวยใหโลกนี้ รมเย็นเปนสขุ ไปดว ย ชวี ติ สมบรู ณ ความสุขกส็ มบรู ณ สงั คมกส็ ุขสมบรู ณ เพราะจติ เปน อสิ ระดว ยปญ ญา ทถี่ งึ การพฒั นาอยา งสมบรู ณ การปฏบิ ัติธรรมน้ีทําใหทกุ อยา งประสานกลมกลนื กนั ไปหมด เชน ประโยชนส ขุ ของเรากเ็ ปน ไปเพื่อประโยชนส ุขของผอู ืน่ ดวย ประโยชนสขุ ของผูอ ่นื กเ็ ปนประโยชนสขุ ของเราดวย ไมข ดั แยง กนั แตถ า เราไมป ฏิบัติตามธรรม ทุกอยา งจะขัดแยง กนั หมด แมแต ความสุข ก็เปน ความสุขท่ีแยง ชงิ กัน ซึง่ จะตอ งเปน ทุกขม ากกวา สขุ เมื่อปฏบิ ตั ไิ ปตามหลกั การนี้จนถงึ ที่สดุ แลว เรากเ็ ปนอสิ ระอยา งที่ วา มาแลว จนถงึ ขน้ั ทว่ี า กฎธรรมชาตทิ วี่ า สง่ิ ทั้งปวงเปน อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา มนั กเ็ ปน ของมนั ตามธรรมชาติ กฎธรรมชาตกิ ็เปนกฎของธรรม ชาติ มันเปนอยา งไรกเ็ ปนของมนั ไปซิ เราก็อยดู ีไดอ ยางเปนอิสระของ เรา ไมถกู มนั เขา มาบีบค้นั ถาทําไดถึงขั้นนน้ั ก็เปน ความสุขทไ่ี มขนึ้ ตอวตั ถแุ ละไมข นึ้ แมตอ นามธรรมความดี เปนความสขุ ทไี่ มต อ งหา ไมต อ งไปขึ้นตอ ส่ิงอน่ื คือมี ความสุขเตม็ เปย มอยใู นใจตลอดเวลา เม่อื มีความสุขเตม็ อยูในใจตลอดเวลาแลว มันกเ็ ปนอิสระ เปน ปจจบุ นั ทุกขณะ ก็จงึ เรยี กวาเปน ชีวติ ที่สมบรู ณ เมอ่ื เรามีชวี ิตที่สมบูรณเปนอิสระอยา งนีแ้ ลว เราจะมปี ระโยชนส ขุ ข้นั ทห่ี น่ึง และประโยชนสุขข้นั ท่ีสอง มันก็เปนสว นประกอบเขา มา ทไี่ ม ทาํ ใหเกิดปญ หา และย่งิ เพ่ิมพนู ขยายประโยชนสขุ ใหท วียิ่งขึ้นไปอีก

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๕๗ ฉะน้นั ในฐานะพุทธศาสนิกชน เราควรจะพัฒนาชีวติ ตามหลัก พระพทุ ธศาสนาใหเขา ถงึ ประโยชนสขุ ทกุ ข้ัน ขอทบทวนอกี ทีหนึ่ง ประโยชนส ขุ ระดบั ท่ี ๑ ดา นรูปธรรม ทตี่ ามองเหน็ หรอื เห็นได กับตา คือการมสี ุขภาพดี การมีทรพั ยสินเงนิ ทอง การมอี าชีพการงาน เปนหลกั ฐาน การมียศ ฐานะ ตําแหนง การเปนที่ยอมรับในสงั คม การมี มติ รสหายบรวิ าร และการมีชวี ิตครอบครวั ท่ีดี ประโยชนส ขุ ระดบั ท่ี ๒ ดา นนามธรรม ที่ลึกลํ้าเลยจากตามอง เหน็ คือเรอ่ื งของคณุ ธรรมความดีงาม การมีความสุขท่ีเกิดจากความมน่ั ใจในคุณคา ของชีวิต การไดบ ําเพญ็ ประโยชนช วยเหลอื เกือ้ กลู แกเ พือ่ น มนุษย ความมศี รทั ธาในส่งิ ทด่ี ีงาม ท่เี ปนหลกั ของจติ ใจ และการมี ปญญาท่ีทาํ ใหรูจักปฏิบัติตอส่ิงทั้งหลายไดถกู ตองและแกไขปญหาทีเ่ กดิ ข้ึนได ทําใหช ีวิตเปนอยูดว ยดี ประโยชนส ขุ ระดบั ท่ี ๓ ดานนามธรรมขัน้ โลกตุ ตระ ทีอ่ ยูเ หนือ กระแสความไหลเวียนของโลกธรรม คือความเปนผูมีจิตใจเปนอิสระ ดว ยความรูเ ทา ทนั ตอสิง่ ท้งั หลาย รโู ลกและชีวติ ตามความเปนจริง จน กระท่ังวาโลกธรรมเกิดขึ้นมากระทบกระทั่งก็ไมหวั่นไหว วางใจและ ปฏบิ ตั ไิ ดถ ูกตองตามเหตุปจ จยั ปลอ ยใหก ฎธรรมชาติท้งั หลายกเ็ ปน กฎ ธรรมชาตอิ ยูต ามธรรมชาติ ความทุกขทมี่ อี ยูในธรรมชาติ กค็ งเปน ทุกข ของธรรมชาติไป ไมเ ขามากระทบกระทงั่ บีบคนั้ จิตใจของเราได เปน ผมู ี สุขอยกู บั ตนเองตลอดทกุ เวลา กจ็ บ ไดเทา นี้ ชีวิตกส็ มบรู ณแลว อาตมามาในวันนี้ ก็เลยนําธรรมของพระพุทธเจาเร่ืองชีวิตที่

๕๘ ชวี ติ ทสี่ รางสรรค สดใสและสขุ สันต สมบูรณนี้มาเลาใหญาติโยมฟง อยางนอยในวันน้ีญาติโยมก็ทํา ประโยชนส ุขไดม ากแลว ๑. ในดา นปจ จยั ส่ี ทรพั ยส นิ เงนิ ทอง และฐานะทางสังคม ตลอด จนมติ รสหายบริวาร ทานทั้งหลายทม่ี านี่ อาตมาเชือ่ วา ก็ทาํ กันมาไดมาก พอสมควร คอื มปี ระโยชนสขุ ในดา นวตั ถุ ทเี่ ปน รูปธรรมซง่ึ ตามองเห็น กนั เยอะแยะ นบั วา เปนฐานท่ีดีแลว ๒. ในขณะนท้ี านท้ังหลายก็มีใจเปนบุญเปน กุศล พากนั เดินทาง มาดวยความมีศรัทธาในพระศาสนา มนี ้ําใจเกอื้ กูลตอพระสงฆ มีไมตรี ธรรมตอ กันในหมูญาตมิ ิตร แลว กม็ าพบกนั ดวยความสขุ ชนื่ ใจในไมตรี ตอกัน โดยที่แตละทา นก็เปนผมู ีการศกึ ษา มหี นาท่ีการงาน และมีการ สมาคมท่ที าํ ใหม ีความคิดคาํ นงึ เกีย่ วกับการสรา งสรรคสังคมสว นรวม นี่ก็เปนเร่ืองของนามธรรมความดี ท่ีจะทาํ ใหเราพัฒนากนั ย่ิงขนึ้ ไป และจะทาํ ใหเราใชป ระโยชนสขุ ระดับที่ ๑ เชน ทรพั ยส นิ เงินทอง ยศ ตําแหนง อํานาจ ในการที่จะทําประโยชนสุขข้ันที่สองใหเกิดเพิ่มขึ้น ประโยชนสขุ กข็ ยายออกไป ๓. เม่อื เรามชี ีวติ และอยูในโลก กต็ อ งรูจกั ชวี ิตและรูจกั โลกน้ันให ชัดเจนตามเปนจรงิ อยา งท่ีวารเู ทา ทนั โลกและชีวติ นน้ั เราจะไดปฏิบตั ิ ตอมันไดถ กู ตองจริงๆ ทงั้ ทางจติ ใจและในการดําเนินชีวติ เมอ่ื ไดส รา งสรรคว ตั ถแุ ละทาํ ความดกี นั มาแลว กค็ วรเขา ถงึ ความ จรงิ กนั ใหจ รงิ ๆ ดว ย จงึ จะไดป ระโยชนจ ากพระพทุ ธศาสนาโดยสมบรู ณ แลว กจ็ ะทาํ ใหช วี ติ ของเราเปน ชวี ติ ทสี่ มบรู ณ โดยมจี ติ ใจทเี่ ปน อสิ ระเหนือ โลกธรรมท้งั ปวง ดวยปญญาทีส่ มบรู ณ และมีความสุขท่สี มบูรณ

เพิ่มพลังแหงชวี ติ ∗ คณะโยมญาติมิตรมีศรัทธามาทาํ บุญในวันนี้ โดยปรารภโอกาส มงคลครบรอบวันเกดิ ท้ังสที่ า นมารว มทําบุญดว ยกัน โดยตรงกับวนั เกิดบาง เนื่องในวันเกิดบาง นับวาเปน ความพรอ มเพรยี งกนั ซึ่งทางพระ เรยี กวา “สามัคค”ี เรม่ิ ตน ดี ดว ยสามคั คีในบญุ กศุ ล ความพรอมเพรยี งกนั ในวนั น้ี มหี ลายแง ๑. พรอ มเพรียงในแงท ม่ี ีวนั เกดิ ใกลๆกนั เรียกวา รวมกนั ในแง วันเกดิ ๒. พรอ มเพรียงในแงของจิตใจ คือ ทุกทานมีจิตใจทจี่ ะทําบุญทาํ กุศล โดยมบี ญุ กศุ ลเปนศนู ยก ลาง เปนท่รี วมใจ ๓. พรอมเพรียงในแงวา ทุกทา นเปน ญาติโยมท่ไี ดอปุ ถมั ภบํารุง วัดนี้มา แมกระทั่งบวชท่ีน่ี แตพูดงายๆ กเ็ ปน โยมวัดนั่นเอง รวมแลว กม็ ีความหมายวา ทกุ ทา นไดร ว มกัน ในความสามคั คี พรอ มเพรยี งทกุ ดานท่ีวามาน้นั ความพรอมเพรยี งสามคั คีน้ีเปน ธรรมสาํ คญั ทั้งทาํ ใหเ กิดกาํ ลงั และทาํ ใหม บี รรยากาศแหง ความสุข เมอื่ คนเรามีใจพรอมเพรียงกันดี ก็ ∗ สมั โมทนียกถาของพระธรรมปฎก (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ในการถวายสงั ฆทานเนอ่ื งในมงคลวารคลา ย วนั เกดิ ของ พลโท นพ.ดาํ รง ธนชานนั ท คณุ นงเยาว ธนชานนั ท ดร.สรุ ยี  ภมู ภิ มร และในโอกาสแหง ป ครบ ๕ รอบอายขุ อง ดร.อรพิน ภูมิภมร ท่ีวดั ญาณเวศกวนั ๑๙ ธ.ค. ๒๕๔๖

๖๐ ชวี ิตท่สี รา งสรรค สดใสและสุขสนั ต คือมมี ติ รไมตรี มเี มตตา จติ ใจก็มคี วามสขุ และบรรยากาศกด็ ไี ปตาม นอกจากตัวเจาของวันเกดิ เองแลว ยงั มีญาติมติ รหลายทานมา รวมทาํ บุญดวย ก็ถอื วา มคี วามสามคั คีพรอมเพรียงกันท้ังสนิ้ นอกจากพรอมเพรียงกันทางใจแลว ยังมาพรอมเพรียงกันทาง กายดวย ใจนัน้ พรอ มเพรียงกนั ดว ยบุญกุศล สว นกายก็พรอมเพรียง ดว ยการมารว มพิธี มาประชมุ น่ังอยูดว ยกัน เมือ่ บรรยากาศและกจิ กรรมเปน บญุ เปนกศุ ล เปน การเริม่ ตนทีด่ ี อยา งนี้ กเ็ ปนเครอื่ งสง เสรมิ ชีวติ โดยเปนเครื่องปรงุ แตงท่ีดี หรอื เปน ปจ จัยอันดีท่จี ะสง เสริมใหช วี ติ เจริญงอกงามยงิ่ ขึ้นไป อายุ ๖๐ ปน ถี้ ือวา เปนปท ่สี ําคัญ และนิยมกันวา เปนกาละพิเศษ คือพเิ ศษท้ังในแงข องการครบรอบใหญถงึ หารอบ และในแงของผทู าํ งาน ราชการก็เปนวาระเกษียณอายุราชการ วันเกิดครบหารอบเปนเรื่องเก่ียวกับอายุที่สําคัญ และวาท่ีจริง ทกุ ทานท่เี ปนเจา ของวันเกดิ มาทาํ บญุ วนั นี้ กม็ อี ายใุ กลๆ กนั คือมีอายุ อยูในชว งหกสิบป ถารเู ขาใจ จะอยากใหอายุมาก อายุในชวงหกสบิ ป เปนกาลเวลาสําคัญทช่ี วี ติ กา วเดนิ หนามา เรา พดู กันวา ชักจะมีอายุมากแลว ที่จรงิ น้นั คาํ วา “อายมุ าก” ในภาษาพระนดี้ ี แตในภาษาไทยเรา อยากจะใหอายุนอ ย ในภาษาพระกลบั กนั ถา อายุนอ ยไมดี อายมุ ากจึง จะดี ทาํ ไมจึงวา อยางน้ัน ขอใหดูในคาํ ใหพรวา อายุ วณั โณ สขุ งั พลงั ซึง่ เรม่ิ ทอี่ ายุ บอก

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๖๑ วา ใหม ีทุกอยา งมากๆ มสี ขุ มากๆ มกี าํ ลงั มากๆ มีวรรณะก็มาก แลว ก็ ตองมีอายมุ ากดวย ท่วี าใหพ ร อายุ วัณโณ สขุ ัง พลัง กค็ อื บอกวา ใหมีอายมุ ากๆ มี วรรณะมากๆ คอื สวยงามมาก มีสขุ มาก และมพี ละกําลังมาก แลว ทําไม เราไมช อบละ อายมุ ากๆ เรานาจะชอบ ทาํ ไมวา อายมุ ากดี กต็ องมาดคู าํ แปลกอนวาอายุแปลวา อะไร อายุ ในภาษาพระน้นั มีความหมายทีด่ มี าก ญาติโยมตอ งเขาใจ “อาย”ุ นี้ ถา แปลเปน ภาษาไทยงายๆ ก็แปลวา พลงั หลอ เลี้ยงชีวิต หรอื ปจ จยั สงเสริมท่ีจะหลอ เลี้ยงใหช ีวิตมคี วามเขมแข็ง และดํารงอยูได ดอี ยา งมน่ั คง เพราะฉะนนั้ อายุยงิ่ มากกย็ ิ่งดี ไมไดห มายความวาเปน ชวง เวลาของการเปนอยูว า อยมู านาน แตห มายถงึ ขณะน้แี หละ ถา เรามอี ายุ มากก็คือ มพี ลังชวี ิตมาก แสดงวา เราตองแข็งแรง เราจึงมีอายุมาก เพราะฉะน้นั ทุกคนในแตละขณะน้แี หละ สามารถจะมอี ายุนอ ย หรืออายุมากไดทกุ คน คนท่ีเรียกในภาษาไทยวาอายุมาก ก็อาจจะมอี ายุของชีวิตนอ ย คอื มีพลงั ชวี ิตนอ ยนนั่ เอง แตเด็กท่ีเราเรยี กวา อายุนอยกอ็ าจจะมอี ายมุ าก หมายความวาแก มีพลังชวี ติ เขมแข็ง หรือมีปจจัยเครอ่ื งหลอ เล้ยี งชีวติ อยางดี เพราะฉะนนั้ ในภาษาพระ ความหมายของการมีอายุนอย และ อายุมาก จึงไมเหมอื นในภาษาไทย เปน อันวา ในทนี่ ้เี ราพูดตามภาษาพระวาอายมุ ากดี แสดงวา ชวี ติ เขมแข็ง เม่ืออายมุ ีความหมายอยา งนแ้ี ลว เรากต็ องพยายามสงเสรมิ อายุ เพราะฉะน้ันทา นจึงสอนวิธปี ฏิบตั ิ คือธรรมะ ทีจ่ ะทําใหเ รามีอายุ

๖๒ ชวี ิตท่ีสรา งสรรค สดใสและสุขสันต มาก หรือมพี ลงั ชีวิตเขมแขง็ ถา พูดเปนภาษาไทยวาอายุมาก กอ็ าจจะรูสกึ ขดั หู กเ็ ปลยี่ นเสยี ใหมว า มีพลงั อายหุ รอื พลังชีวิตเขม แขง็ หาคาํ ตอบใหไ ด วาพลงั ชีวติ อยูทไ่ี หน การทจี่ ะมีพลังอายุเขมแข็ง ทําไดอยางไร กต็ อ งมีวิธปี ฏบิ ัติ และ วิธีทาํ ก็มีหลายอยา ง หลักอยา งหน่งึ ทางพระบอกไววาจะทําใหม อี ายยุ ืน การที่จะมอี ายยุ นื กเ็ พราะมีพลงั ชวี ิตเขมแข็ง เร่มิ ดว ย ๑. มคี วามใฝป รารถนา หมายถงึ ความใฝป รารถนาที่จะทาํ อะไร ทดี่ ีงาม คนเรานน้ั ชีวติ จะมีพลังทเี่ ขมแขง็ ได ตอ งมีความใฝปรารถนาที่ จะทําอะไรบางอยา ง ถาเรามีความใฝปรารถนาที่จะทําอะไรท่ีดีงาม หรือคิดวาส่ิงนี้ดี งามเราจะตอ งทํา ฉันจะตอ งอยทู ําสง่ิ นี้ใหไ ด ความใฝป รารถนานี้จะทํา ใหช ีวติ เขมแข็งข้นึ มาทนั ที พลังชีวติ จะเกิดขนึ้ เพราะฉะนนั้ ในสมยั โบราณ เขาจึงมวี ธิ ีการคลา ยๆ เปนอบุ ายให คนแกหรอื ทานผูเฒาชรามีอะไรสักอยางที่มุง หมายไวใ นใจวา ฉนั อยาก จะทํานัน่ ทําน่ี และมกั จะไปเอาทบ่ี ุญกศุ ล อยางเชน ในสมยั กอนยงั ไมมี พระพทุ ธรูปมากเหมอื นในสมัยนี้ ทานมกั จะบอกวาตอ งสรางพระ แลว ใจกไ็ ปคิดอยูก ับความปรารถนาที่จะสรางพระนั้น หรือวาญาติโยมคิดจะทําอะไรท่ดี ีๆ งามๆ แมแ ตเ กี่ยวกบั ลกู หลานวา จะทาํ ใหเ ขามคี วามเจรญิ กา วหนา จะทาํ อยา งนนั้ อยา งนใี้ หไ ด ใจทใ่ี ฝป รารถนาจะทาํ สงิ่ ทด่ี งี ามนน้ั จะทาํ ใหช วี ติ มพี ลงั ขน้ึ มาทนั ที นเ้ี ปน ตวั ทหี่ นง่ึ เรยี กวา “ฉนั ทะ” คอื ความใฝป รารถนาทจี่ ะทาํ อะไรสกั

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๖๓ อยา งที่ดงี าม ซ่งึ ควรจะใหเ ขม แขง็ หนกั แนน จนกระทงั่ วา ถานกึ วาสงิ่ น้ัน ดีงามควรจะทาํ แทๆ อาจจะบอกกับใจของตวั เองวา ถา งานนย้ี งั ไมเ สรจ็ ฉนั ตายไมไ ด ตองใหแรงอยา งนั้น ถา มีใจใฝป รารถนาจะทาํ อะไรท่ีดงี ามแรงกลา แลว มนั จะเปน พลัง ทีใ่ หญเ ปน ทหี่ นึง่ เปนตวั ปรงุ แตง ชีวิต เรียกวา อายุสงั ขาร เหมอื นอยา งพระพทุ ธเจา แมจ ะทรงพระชรา เมอื่ ยงั ทรงมอี ะไรที่ จะกระทาํ เชน วา ทรงมพี ระประสงคจ ะบาํ เพญ็ พทุ ธกจิ กจ็ ะดาํ รงพระชนม อยตู อ ไป ตอนทปี่ ลงอายสุ งั ขาร กค็ อื ทรงวางแลว ไมป รงุ แตง อายตุ อ แลว “อายสุ งั ขาร” แปลวา เคร่อื งปรุงแตง อายุ คอื หาเครอื่ งชว ยมาทํา ใหอายมุ ีพลงั เขม แขง็ ตอไป วาฉนั จะตองทําโนนตองทาํ นอ่ี ยู ถาอยางน้ี ละก็อยไู ดต อไป ขอ ท่ี ๑ น้สี ําคญั แคไหน ขอใหด เู ถิด พระพุทธเจา พอตกลงวา พระ พทุ ธศาสนาม่ันคงพอแลว พทุ ธบรษิ ัท ๔ เขม แข็งพอแลว เขารับมอบ ภาระไดแลว พระองคกท็ รงปลงอายสุ งั ขาร บอกวา พอแลว พระองคก ็ เลยประกาศวา จะปรนิ พิ พานเม่ือน้ันเมือ่ นี้ หลักขอนใ้ี ชไดก บั ทุกคน ขอ ที่ ๑ คือ ตองมใี จใฝปรารถนาทจี่ ะทํา อะไรทดี่ งี าม แลว ตง้ั มน่ั ไว แตม องใหช ดั วา อนั นด้ี แี น และคดิ จะทาํ จรงิ ๆ พอจับแกนอายไุ ด ก็พฒั นาตอ ไปใหครบชุด ๒. มคี วามเพยี รมงุ หนา กา วไป พอมใี จใฝป รารถนาจะทําสิ่งท่ีดี งามนั้นแลว กม็ งุ หนาไป คอื มุง ท่จี ุดเดียวนน้ั เดนิ หนา ตอไปในการเพยี ร พยายามทาํ สง่ิ น้นั ใหสําเร็จ ก็ยง่ิ มพี ลงั แรงมากขึ้น ความเพียรพยายาม มงุ หนา กาวไปน้ีเปนพลงั ทส่ี าํ คัญ ซงึ่ จะไปประสานสอดรบั กบั ขอ ท่ี ๓

๖๔ ชวี ิตทส่ี รา งสรรค สดใสและสุขสันต ๓. มใี จแนว อยกู บั สง่ิ ทอ่ี ยากทาํ นน้ั เม่ือแนวแลว กจ็ ดจอ จน อาจจะถึงขน้ั ทเี่ รียกวาอทุ ศิ ตัวอทุ ิศใจให คนแก หรือคนท่ีมอี ายุมากน้ัน ถา ไมม อี ะไรทาํ ๑) มกั จะนงั่ คิดถงึ ความหลังหรอื เร่ืองเกา ๒) รบั กระทบอารมณตางๆ ลกู หลานทําโนน ทําน่ี ถกู หถู ูกตาบา ง ขัดหขู ดั ตาบาง ก็มักเก็บมาเปนอารมณ ทนี ก้ี บ็ น เรอื่ ยไป ใจคอกอ็ าจจะ เศรา หมอง แตถา มอี ะไรจะทาํ ชดั เจน ใจกจ็ ะไปอยูท นี่ ั่น คราวนไี้ มว าจะมเี รื่อง อะไรเขามา หรอื มีอารมณมากระทบ กไ็ มรบั หรอื เขามาเด๋ยี วเดียวก็ผาน หมด ทนี กี้ ็สบาย เพราะใจไปอยูกับบญุ กศุ ล หรือความดที ี่จะทาํ นค้ี อื ไดข อ ๓ แลว ใจจะแนว ตดั อารมณก ระทบออกไปหมดเลย คนทมี่ อี ายุสูง มักจะมปี ญ หาน้ี คอื รบั อารมณก ระทบ ทเี่ ขา มาทาง ตา ทางหู จากลูกหลานหรือคนใกลเคยี งนั่นแหละ แตถา ทําไดอยางทว่ี า มานี้ กส็ บาย ตัดทุกข ตดั กังวล ตัดเรื่องหงุดหงิดไปหมด ๔. มกี ารคดิ พจิ ารณาใชป ญ ญา เมือ่ มีอะไรทจี่ ะตองทาํ แลว และ ใจกอ็ ยทู ่นี น่ั คราวนีก้ ็คิดวาจะทาํ อยางไร มันบกพรองตรงไหน จะแกไ ข อยา งไร ก็วางแผนคดิ ดว ยปญ ญา ตอนนค้ี ดิ เชิงปญญา ไมคิดเชิงอารมณแลว เรยี กวา ไมค ดิ แบบ ปรุงแตง แตคิดดวยปญญา คิดหาเหตุหาผล คดิ วางแผน คิดแกไข คิด ปรบั ปรงุ โดยใชป ญ ญาพจิ ารณา สมองกไ็ มฝ อ เพราะความคดิ เดนิ อยเู รอื่ ย ส่ีขอน้ีแหละ พระพุทธเจาตรัสไวแลว บางทีเราก็ไมไดคิดวา ธรรม ๔ ขอ น้ีจะทําใหอ ายุยนื เพราะไมรจู กั วา มันเปน เคร่ืองปรุงแตง ชวี ิตหรือปรงุ แตง อายุ ท่ีเรยี กวา อายสุ งั ขาร

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๖๕ พระพุทธเจา จึงตรัสไววา ถา มธี รรม ๔ ประการนี้แลว อยูไ ปไดจน อายุขัยเลย หมายความวา อายุขัยของคนเราในชว งแตละยุคๆ นน้ั สัน้ ยาวไมเทากนั ยุคนี้ถือวาอายขุ ัย ๑๐๐ ป เรากอ็ ยไู ปใหได ๑๐๐ ป ถา วางใจจดั การชวี ติ ไดถกู ตองแลวและวางไวใหด ี ก็อยูได ธรรม ๔ ประการนี้ พระพุทธเจาตรัสเรียกวา อิทธิบาท ๔ ทีนก้ี ็ บอกภาษาพระให คอื ๑) ฉนั ทะ ความใฝป รารถนาที่จะทํา คือความอยากจะทาํ น่ันเอง เปน จดุ เริ่มวา ตองมอี ะไรท่อี ยากจะทาํ ที่ดีงามและชดั เจน ๒) วริ ยิ ะ ความมใี จเขม แขง็ แกรง กลา มงุ หนา พยายามทาํ ไป ๓) จติ ตะ ความมีใจแนว จดจอ อุทศิ ตวั ตอสงิ่ น้ัน ๔) วมิ งั สา การไตรตรองพิจารณา ใชป ญ ญาใครครวญในการทจี่ ะ ปรบั ปรุงแกไ ขทาํ ใหด ียง่ิ ขน้ึ ไป จนกวาจะสมบูรณ สข่ี อน้เี ปน หลกั ความจรงิ ตามธรรมดาของธรรมชาติ ถาญาตโิ ยมที่ สงู อายุนาํ ไปใช ก็จะเปน ประโยชนอ ยางมาก และรับรองผลไดม าก วันน้ี จงึ ยกหลักธรรมนข้ี ้ึนมา แมแตล ูกหลาน หรือทา นทอ่ี ายุยังไมสงู กใ็ ชประโยชนได และ ควรเอาไปชว ยทา นผูใหญ คุณปู คุณยา คุณตา คุณยายดว ย แมเ พียงแคข อที่ใหใ จแนวอยูก บั ส่งิ ใดส่งิ หนึง่ ท่ีเปน บุญกุศล เชน ระลึกนกึ ถงึ สิ่งทท่ี ําไปแลว วาทา นไดทําบญุ ทาํ กุศลทําความดีอะไรไว ลูก หลานก็คอยยกเอาเรือ่ งนี้ข้นึ มาพูด ทาํ ใหใจของปูยาตายายอยกู บั ส่งิ นน้ั ทด่ี ีงาม ไมใ หใ จทา นไปอยูก บั เรอ่ื งท่วี นุ วาย เดือดรอ น ขนุ มัวเศรา หมอง สวนอะไรท่ีทาํ ใหใ จขนุ มวั เศรา หมอง พอมันจะเกิดขนึ้ เราก็ใชสติ กันออกไปหมดเลย แลวกห็ ยุด

๖๖ ชีวติ ทสี่ รา งสรรค สดใสและสุขสันต สติเปนตวั จับ เหมอื นเปน นายประตู พอมีอะไรท่ไี มถ ูกตอ ง ไมดี ไมง าม เราจะใหตัวไหนเขาตัวไหนไมเขา เรากใ็ ชสติน้ันแหละจัดการ พอตัวไหนจะเขา มา สตกิ ็เจอกอนเพราะเปน นายประตู ตัวนีไ้ มดกี ็ กันออกไปเลย ไมใหเขามาสจู ิตใจ สว นอันไหนท่ดี ี ทําใหจ ติ ใจดีงามเบกิ บานผองใส กเ็ อาเขา มา สตกิ เ็ ปด รบั อยางนกี้ ็สบาย ชีวติ ก็มีความสขุ ความเจรญิ งอกงาม เมอ่ื อายุคืบหนา เราก็เตมิ พลงั อายไุ ปดว ย วันเกิดเปน วันทีเ่ ราเร่มิ ตน วันเกิดคือวันเร่มิ ตน ของชวี ติ และใน แตล ะปถอื วาเปนการเร่ิมตนในรอบอายขุ องปน ัน้ ๆ ทสี่ ําคัญกค็ อื ใหน าํ คติและความหมายของการเกิดนี้มาใชประโยชน วาการเกิดของชีวิต ที่ เราเรียกกนั วา เกดิ เมื่อวนั นนั้ ปนั้น อยางน้ีเปน การเกิดครั้งเดยี วของชวี ติ แตท่จี รงิ นน้ั ถาวา ทางธรรมแลว การเกดิ มีอยทู กุ เวลา และเราก็ เกดิ อยตู ลอดเวลา ท้ังรางกายของเรา และจิตใจของเรา หรือท้ัง รูปธรรมและนามธรรมหมดท้งั ชีวิตน้ี เกดิ อยทู กุ ขณะ ในทางรา งกาย เราก็มีเซลลเกาและเซลลใ หม มันเกดิ ตอ กนั แทน กันอยตู ลอดเวลา ทางจติ ใจน่ี ทุกขณะก็มคี วามเกดิ ทัง้ เกิดดแี ละเกดิ ไมดี เมือ่ โกรธ ขน้ึ มา ท่เี รยี กวาเกิดความโกรธ ก็เปนการเกิดไมดี ถา เกดิ ความอมิ่ ใจขึน้ มาก็เปน เกดิ ดี เรียกวา เกิดกุศล เกดิ เมตตาขึ้นมา เกิดมไี มตรี เกดิ ศรทั ธา เกดิ เยอะแยะไปหมด ในใจของเรามีการเกิดตลอดเวลา เรยี ก งา ยๆวา เกดิ กศุ ล และเกดิ อกศุ ล ในเมื่อการเกิดโดยท่วั ไปมี ๒ แบบอยางนี้ เราจะเลอื กเกดิ แบบ

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๖๗ ไหน เรากต็ องเลือกเกดิ กุศล คอื ตองทาํ ใจใหม กี ารเกิดท่ดี ีตลอดเวลา เพราะฉะนน้ั วนั เกดิ จงึ มคี วามหมายทโี่ ยงมาใชป ฏบิ ตั ไิ ด คอื ทาํ ใหม กี ารเกดิ ของกศุ ล ถาทําใจของเราใหเกิดกุศลไดทุกเวลาแลว ชีวิตก็เจริญงอกงาม เพราะการท่ีชวี ติ ของเราเจริญเติบโตมานี้ ไมใชว าเกิดคร้งั เดียวในวันเกดิ ท่ีเริ่มตนชีวิตเทาน้ัน แตมันตองมีการเกิดทุกขณะตอจากนั้น ชวี ิตจงึ เจริญงอกงาม เตบิ โตขนึ้ มาได กศุ ลคือความดีงามตางๆ เร่มิ ตนขึน้ ในใจ เมื่อเกดิ ขึน้ มาแลว มัน ก็เขาสคู วามคดิ และออกมาสกู ารพดู การทํา แลว กเ็ จริญงอกงามตอ ไป การทม่ี นั เจรญิ งอกงาม กค็ อื เกดิ บอ ยๆ เชนใหศรัทธาเกิด บอ ยๆ หรือเมตตาเกิดบอยๆ ตอมาศรัทธา หรอื เมตตานั้นกเ็ จรญิ ขยาย งอกงามยงิ่ ขนึ้ เพราะฉะนนั้ เมอ่ื ทาํ ใหเ กดิ บอ ยๆ กเ็ จรญิ งอกงาม พอเจริญงอกงามแลว ความเกิดของกุศลตัวนั้นก็จะมกี ารสงตอ ไปใหตวั อนื่ รับชวงอกี เชน เม่ือเราเกิดศรัทธาขน้ึ มา เราก็อาจจะนึกอยาก จะทําบุญทาํ กุศลอยางนนั้ อยางน้ีตอ ไปอกี เรยี กวา มนั เปนปจจัยแกก นั ก็ หนนุ เนือ่ งกัน ฉะนนั้ กุศลกต็ าม อกศุ ลกต็ าม จงึ มีความสัมพนั ธซ ึง่ กนั และกัน เปนปจจัยตอ กัน พอตัวหนง่ึ มาแลว เราก็ทําใหม นั เปน ปจจยั ตอ ไปยังอีก ตวั หน่งึ อีกตัวหนงึ่ กต็ ามมา แลว กห็ นุนกนั ไปๆ คนท่ีฉลาดในกระบวน เหตปุ จ จัย จงึ สามารถทําสง่ิ ที่ดงี ามใหข ยายเพมิ่ พูนไดมากมาย ทัง้ หมด น้รี วมแลว ก็อยูใ นคาํ วา เจริญงอกงาม เม่ือวันเกิดเปนนิมิตในคติวาเราจะตองทาํ ใหเกิดกุศลในใจอยางนี้ เราจึงควรพยายามทาํ ใหเกิดธรรมะเหลา นี้ เร่มิ ดว ยเกิดฉนั ทะ คอื ความ

๖๘ ชีวิตทส่ี รางสรรค สดใสและสุขสันต ใฝป รารถนาจะทําสง่ิ ทีด่ งี าม แลวกเ็ กดิ วริ ยิ ะ คือมคี วามเพียรมงุ หนา จะ ไปทาํ ส่งิ นนั้ และจิตตะ คอื ความมีใจแนวจอ งจะทาํ สิง่ นน้ั พรอ มท้ัง วิมังสา ไดแ กก ารใชป ญ ญาพิจารณาไตรต รองในเรื่องทีท่ าํ นัน้ สรางสรรคข า งใน ใหสอดคลองกนั กบั สรางสรรคขางนอก พรอมกนั นัน้ ควรจะมีอีก ๕ ตวั ใหเปน เครือ่ งหมายของธรรม ๕ อยาง ทจี่ ะเขาคูก บั อายุ ๕ รอบ เปนตัวอยางของการทาํ ใหเกดิ กศุ ลข้นึ ใน ใจตลอดไปทุกขณะ ถาใครทาํ ได กเ็ อามารวมกบั อทิ ธบิ าท ๔ เมือ่ กี้ คราวนี้จะดีใหญเ ลย ธรรม ๕ ตวั นีพ้ ระพุทธเจา ตรัสเสมอ ถอื วา เปน ธรรมะคชู วี ิตของ ทุกทาน เหมอื นอยูในใจตง้ั แตท านเกดิ ขึน้ มา ถาใครทําได ชวี ติ จะเจรญิ งอกงาม มคี วามสขุ ทกุ เวลา และอายกุ ็จะยนื ดว ย ๕ อยางอะไรบาง ๑. ทา นใหม ีความราเริงเบิกบานใจตลอดเวลา เรียกวา ปราโมทย เปน ธรรมที่สาํ คญั มาก ถือวาเปนธรรมพ้ืนจิต ถาใครอยากเปน ชาวพทุ ธ ที่ดี ตองพยายามสรา งปราโมทยไวป ระจําใจใหไ ด พระพุทธเจาถึงกับตรัสไวในธรรมบทวา “ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ” ภกิ ษุผูม ากดว ยปราโมทย จักกระทาํ ความส้นิ ทุกข ได ใครทใ่ี จมีปราโมทยอยูเสมอ จะหมดความทุกข บรรลนุ ิพพานได ชาวพุทธบางทีก็ไมไ ดน ึกถงึ มัวไปคิดอะไร จะทําโนน ทาํ นท่ี ีย่ าก เยน็ แตไมไดทาํ ของงา ยๆ คือปราโมทยในใจของเรานี้ ใจที่จะไปนิพพานไดต อ งมีปราโมทย ถา ไมมปี ราโมทยกจ็ ะไมได ไป เพราะฉะน้นั ตองทํากับใจของตัวใหไดก อน ใจมีปราโมทย คือใจทีร่ าเริงเบิกบานแจม ใส จิตใจทไ่ี ปนิพพาน

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๖๙ เปนใจท่โี ลงโปรงเบา ไมข นุ มัว ไมเศรา หมอง ปราโมทยท ําใหไ มม ีความ ขุนมัวเศราหมอง เพราะฉะนน้ั ญาติโยมตองทําใจใหไดป ราโมทยท กุ เวลา คือราเรงิ เบกิ บาน แจมใส เปน พ้ืนจิตประจําใจ ๒. ปต ิ ความอ่มิ ใจ ปลาบปลื้ม ขอนเ้ี จาะลงไปในแตล ะเรือ่ งแต ละกิจ เวลาทําอะไร เชน อยางโยมทาํ ครัว เรารอู ยูแลว วากําลงั ทําบญุ ทาํ กุศล เดี๋ยวอาหารเสรจ็ ก็จะไดถ วายพระ เลย้ี งพระ พระทานก็จะไดฉัน ฉนั แลวทานก็จะไดมีกําลังไปทําหนา ที่การงาน ทาํ ศาสนกิจ ไดเลาเรยี น ศึกษาปฏิบตั ิ แหม เราไดม ีสว นชว ยอปุ ถัมภบ ํารุงพระพุทธศาสนา เสรมิ กาํ ลังพระ ใหพระศาสนาเจริญรุง เรอื ง มองเหน็ โลงไปหมด การทเ่ี ราทํา ทกุ อยา งน่ี กจ็ ะเปน ไปเพอื่ ผลดอี ยา งน้ัน นึกขึ้นมา กอ็ ิ่มใจ ปลืม้ ใจ ตอนนี้ปญญากม็ าดว ย คอื เวลาทาํ อะไรเรากม็ องเหน็ วา ผลดีจะ เกิดอยางนนั้ ๆ แมแ ตก วาดบา น ทําครัว หรอื ลา งจาน หรอื หงุ ขา ว ทกุ ขณะโยมนกึ อยางนแ้ี ลวกอ็ ่ิมใจ ปลม้ื ใจ เรียกวา มีปต ิ เมอ่ื มีปราโมทยเปน พนื้ ใจแลว กใ็ หมปี ติ ไมว าจะทาํ อะไรทุกอยาง แมแ ตท ํางานทาํ การ อยา งคณุ หมอรกั ษาคนเปน โรค ทาํ ใหค นเจบ็ ไขหายปวยแข็งแรง พอนึกถึงภาพของเขาที่จะแข็งแรง เขาหายปว ยสบายแลว กน็ ึกไปถงึ สงั คมทด่ี เี ขม แขง็ นกึ ไปอยา งน้ี ไปปลกู ตนไม ก็มองเห็นวาจะไดช วยประเทศชาติ หรอื มาชวยวัด ใหเปนท่ีรน่ื รมยร ม รน่ื เปน ท่ีเชิดชูจิตใจคน ใหเขามีความสุข เวลาทาํ งาน ใจของเราอาจจะเครยี ดได ใจไมสบาย แตถาเรานึก ไปไกลโดยมองเหน็ ผลที่จะเกิดข้นึ ในทางที่ดี ปต ิจะเกิด พอปต อิ ิ่มใจมา แลว ก็ไดเครื่องบํารุงตัวท่ี ๒

๗๐ ชีวติ ทสี่ รางสรรค สดใสและสขุ สนั ต ๓. ปสสทั ธิ แปลวา ความผอนคลาย ซงึ่ เดย๋ี วนต้ี อ งการกันมาก มันตรงขามกับความเครยี ด คนเดีย๋ วนี้ทํางานแลว เครยี ด เพราะมคี วาม กังวล เพราะมโี ลภะ มีโทสะ มีความกระวนกระวาย อะไรตา งๆ มาก แตถาใจนึกถึงผลดีท่ีจะเกิดขึ้น ก็จะทําใหสบายใจ ไมเครียด ทํางานดวยความผอนคลาย ใจกส็ งบเยน็ เปนปสสทั ธิ พอใจผอ นคลาย กายกผ็ อ นคลายดว ย กายกบั ใจน่มี ีจดุ บรรจบกนั ท่ปี สสทั ธิ ถา กายเครียด ใจกเ็ ครยี ด ถาใจเครยี ด กายกเ็ ครียด ทีน้พี อใจผอ นคลาย กายก็ผอนคลายดวย เรียกวา มปี ส สทั ธิ ๔. สุข พอมีปราโมทย มีปต ิ มปี สสทั ธแิ ลว กม็ คี วามสุข ซ่งึ แปล งา ยๆ วา ความฉํา่ ชน่ื ร่นื ใจ คือใจมันร่นื สบาย ไมต ดิ ขดั ไมม อี ะไรบบี คัน้ มนั โลง มันโปรง มนั คลอ ง มนั สะดวก ตรงขา มกับทกุ ขท มี่ นั ติดขัด บบี คั้น ขดั ขอ ง ๕. ถึงตอนน้ีใจก็อยูตัว และต้ังม่ัน ไมมีอะไรมารบกวน ไม กระสบั กระสาย ไมพลงุ พลา น ไมก ระวนกระวาย ทว่ี าอยตู วั คอื ใจกาํ ลงั คดิ กาํ ลงั ทําอะไร ก็อยกู ับสงิ่ นนั้ การท่ีไมมอี ะไรมารบกวนไดเ ลย ใจอยู ตัวต้ังมัน่ อยางนี้ เรียกวาสมาธิ พอใจเปนสมาธิ ซ่ึงเปนทช่ี ุมนุมของสิ่งทีด่ ีงาม ธรรมท่ีเปนบุญ กศุ ลกม็ าบรรจบรวมกนั ที่น่หี มด เปนอันวา ธรรม ๕ ตวั นี้ เขา กับอายุ ๕ รอบ ก็เอารอบละตวั แลว กม็ าบรรจบตอนนใ้ี หค รบ ๕ ขอทวนอกี คร้ังหนง่ึ วา ๑) ปราโมทย ความราเรงิ แจม ใสเบิกบานใจ

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตฺโต) ๗๑ ๒) ปต ิ ความเอิบอม่ิ ใจปลืม้ ใจ ๓) ปส สทั ธิ ความผอนคลาย สงบเย็นกายใจ ๔) สขุ ความฉาํ่ ชื่นรืน่ ใจ ๕) สมาธิ ความอยูตัวของจติ ใจ ท่ตี ง้ั มน่ั สงบแนว แน พอได ๕ ตัวน้แี ลว ก็สบายแนเ ลย หาตัวน้ี ทา นเรียกวาธรรม สมาธิ คอื ความท่ีธรรมะซึง่ เปนองคป ระกอบสําคญั มาแนวรวมกนั เรยี ก วาประชุมพรอ ม ตอ จากนี้กเ็ กดิ จติ ตสมาธิ พอจิตเปน สมาธแิ ลวกเ็ อามาใชช วนเชญิ ปญญาใหมาทาํ งานได คือเอามาใชเ ปน บาทฐานของการคดิ เมือ่ จติ ใจผอ งใส กค็ ิดโลง คดิ โปรง คิดไดผลดี พระพุทธเจา จงึ ใหใ ชสมาธเิ ปน ฐานของปญ ญาตอ ไป หรือแมจ ะทาํ งานทาํ การอะไร ใจ เปนสมาธิแลว กท็ ําไดผ ลดี ถา ปฏบิ ัตไิ ดอยา งนี้ กจ็ ะเปน การสรางสรรคอยา งครบวงจร ท้งั สรา งสรรคช วี ติ จติ ใจ และสรา งสรรคส งั คมไปดว ยกนั พรอมกัน สรา ง สรรคขางในสอดคลอ งกนั ไปกับการสรางสรรคขางนอก เกิดกศุ ล เปน มงคลมหาศาล วันนแี้ คโยมไดธรรมะ ๕ ตวั นีก้ ็สบายแลว ยังไงๆ กใ็ ห ๕ ตวั น้ี เกิดในใจเปน ประจาํ ท่วี าวนั เกดิ ก็ขอใหเ ปน นมิ ติ หมายวา ตอ ไปนีใ้ หเ รา เกิดกุศลทุกเวลา และกุศลสาํ คญั ทีเ่ กดิ งายเพราะมันอยูในใจแนนอน ก็ คือ ๕ ตัวน้ี ไดแก ปราโมทย ปต ิ ปสสัทธิ สขุ สมาธิ เมือ่ มนั เกิดขน้ึ มาแลว ก็ใหมันไปประสานกบั อทิ ธบิ าท ๔ คราวนก้ี ็ เปนชวงยาวเลย วา กันนาน

๗๒ ชีวติ ท่ีสรา งสรรค สดใสและสุขสนั ต อิทธบิ าท ๔ กอ็ ยางที่วาแลว เรม่ิ ดวยใจปรารถนาจะทําอะไรทดี่ ี งาม คดิ ขนึ้ มาใหช ัด แลวมีความเพยี รมงุ หนา ไปทาํ มัน มใี จอยูกับมนั และใชปญ ญา ทเี่ รียกวา วิมงั สา คดิ การ พิจารณาเหตปุ จจัย ไมมอี ารมณ วุน วายเขาไปเก่ยี วของ เมอื่ จิตใจไมมีอารมณขุน มัวและเศราหมอง กไ็ ดผ ลดี ท้งั แกใ จ ของเรา และแกง านทท่ี าํ น่คี ือธรรมะประจําวนั เกิด โดยเฉพาะวันเกดิ ท่ีอายุครบ ๕ รอบ ก็ ขออนุโมทนาเจาของวนั เกดิ ทกุ ทานทีไ่ ดม าทาํ บญุ ทํากศุ ล โดยถอื วา พอ ทําบุญนีก้ ศุ ลกเ็ ร่ิมเกดิ แลว เขา หลกั ที่บอกไวแลว คือใจทีม่ คี วามคิดผดุ ขน้ึ มาวาจะทําบญุ น้ีก็คอื เกิดกศุ ลแลว พอเกิดกศุ ลวาจะทําบญุ ก็ตองมีศรัทธา ตอ งมีใจเมตตา เชน ปรารถนาดีตอพระ ตอ พระศาสนา มีใจเมตตาตอญาตมิ ติ ร ฯลฯ ทัง้ น้ี รวมทงั้ ญาตโิ ยมทม่ี ารวมอนุโมทนา ทาํ บุญ กม็ ไี มตรีจติ เกิด ขึน้ ในใจ ลวนแตเกดิ ดๆี ทง้ั นัน้ เม่อื เกดิ ดแี ลวกร็ ักษาคณุ สมบัตทิ ดี่ ที ีเ่ กดิ นไี้ ว และพยายามใหมันสง ตอหนนุ กันไปเรอ่ื ยๆ กุศลตางๆ กจ็ ะเจรญิ งอกงาม เมือ่ จิตใจของเราเจริญงอกงามแลว ชวี ติ ของเรากเ็ จริญงอกงามไป ดวย และเมอื่ กศุ ลเจริญงอกงามในชีวติ ของเราแลว เพราะมันเปน ส่ิงที่ดี เมอ่ื ขยายไปสผู อู นื่ กเ็ กดิ เปน ความดใี นการชว ยเหลอื เออื้ เฟอ ตอ กนั ทาํ ให อยรู ว มกนั ไดด ี ทาํ ใหเ กดิ ความสามคั คเี ปน ตน สงั คมกจ็ ะรม เยน็ เปน สขุ ฉะน้ัน การเกิดกศุ ลจงึ เปน มงคลทแี่ ท ซงึ่ มคี ณุ มหาศาล ทงั้ แก ชวี ติ ของตนเอง และแกเ พอ่ื นมนษุ ยผ อู นื่ ทรี่ ว มสงั คม ทาํ ใหอ ยดู ว ยความ มสี นั ตสิ ขุ กนั ตอ ไป

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๗๓ วันน้ี อาตมภาพขออนโุ มทนาทุกทานอีกครงั้ หนึง่ ในการทีไ่ ดมา ทาํ บุญเนื่องในโอกาสวันเกิด และอนุโมทนาญาติมติ รทกุ ทานพรอมกนั ดว ย ที่ไดมารวมบุญรว มกุศลดวยการมีจิตใจเปน สามัคคีดงั ทีก่ ลาวมา เปนอันวา ไดทั้งกุศลสวนตนของแตละทานแตละบุคคล เชน ศรัทธา ฉันทะ เมตตาไมตรี เปนตน และกุศลรวมกนั มีสามคั คีเปนตน ก็ขอใหบญุ กศุ ลน้ี เม่ือเกดิ ขนึ้ แลว กจ็ งเจริญงอกงาม เพิม่ พูนยงิ่ ขน้ึ ไป ขออาราธนาคณุ พระรตั นตรยั เปนปจจัยอภบิ าลรักษา พทุ ธานุ- ภาเวนะ ธัมมานุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ ดว ยอานุภาพคุณพระรตั นตรยั พรอ มทง้ั บุญกศุ ล มีศรัทธาและเมตตาเปน ตน ที่ญาตมิ ติ รท้ังหลายไดต้งั ขนึ้ ในจิตใจแลว จงเจริญงอกงามข้ึนมา มีกาํ ลงั อภบิ าลรกั ษาใหทุกทา น เร่มิ ตั้งแตเจาของวันเกดิ เปน ตน ไป พรอมทั้งครอบครวั ญาติมิตรทุกคน เจรญิ งอกงามดวยจตุรพิธพรชัย ขอจงไดมีพลงั แหง ชวี ิต โดยเฉพาะปจ จัยเครือ่ งปรงุ แตงเสรมิ กําลงั ชีวิตท่เี รยี กวา อายุน้ัน อนั เขมแข็ง เพ่ือจะไดดํารงชวี ติ ที่ดีงาม มี ความสุข และสามารถทําประโยชนเก้อื กลู แกเ พ่ือนมนษุ ย ต้งั แตครอบ ครัวของทุกคนเปนตนไป ใหอ ยูกันดวยความรมเยน็ เปนสขุ มคี วาม เจรญิ สถาพร ตลอดกาลทกุ เมอ่ื เทอญ



ชีวติ จะงาม สังคมจะดี ตองมีการศึกษาทีไ่ มผดิ ๏ จริงไหม ทีว่ า ในสังคมไทยทุกวันนี:้ คนชน้ั ทสี่ งู ขึ้นมา หรือพวกมรี ะดบั ข้นึ หนา ในสังคม ก็ มักจมปลักอยูกับการเสพบริโภค ลุมหลงมัวเมาในกาม เอาแตจะสนุกสนานฟุงเฟอเหิมเหอบํารุงบําเรอเห็นแกตัว ถา มโี อกาสมาก ก็ย่ิงกอบโกยเขา ตัว สวนคนชั้นลางลงไป หรือเหลาชาวบานและคนที่ ดอยหนาตา ก็มักเลื่อนลอยไปกับการหวังเพอรอผลดล บนั ดาล หรอื หวังการหยบิ ยน่ื ความชว ยเหลอื ใหจ ากภายนอก คอยลาภลอยจากการพนนั และหวยเบอร วอนไหวข อโชค จากสิ่งศักด์สิ ทิ ธ์ิ แมก ระทงั่ ขดู เลขหวยและกราบไหวสตั ว พิกลพกิ ารแปลกประหลาด แลว ก็มีชีวติ แบบอยูไปวันๆ

๗๖ ชีวติ ทสี่ รา งสรรค สดใสและสุขสันต แตเ มอื่ มองรวมแลว ทงั้ สองพวก หรอื ทง้ั สงั คม คนไทย นี้ อยกู นั ไปแบบมองเหน็ แคแ คบๆ ใกลๆ เอาแตต วั เอาแต พวก ไมมีจุดหมายรวมที่จะรวมใจใหม ุงหนากาวไปอยา ง แข็งขนั เปนอันหนง่ึ อนั เดยี ว ถา เปน อยางน้จี ริง กเ็ ห็นชดั วา คนไทยมคี ุณภาพแค ไหน สังคมไทยเขม แขง็ หรอื ออนแอ ถา รูตวั วา \"แย\" กไ็ ม ควรรอชา ตองรีบแกไข และแกใหถ กู หลักถูกวธิ ี สําหรับคนพวกท่ีหน่ึง ไดพูดถึงในที่อ่ืนมาแลวมาก ในท่นี จ้ี ะพูดกวางๆ โดยเนน ที่คนระดับลางลงไป แตไ มว า ในระดบั ไหน เมอ่ื จะแกไ ข ถา หนั มาดทู างดา น พระศาสนา วัดและพระสงฆก็มีพันธะตามพระธรรมวนิ ัย อยเู ตม็ ตวั ที่จะตองเอาใจใสท าํ หนาทโ่ี ดยไมประมาท ทีนีก้ ม็ าดกู นั วา วดั และพระสงฆน้นั โดยหลักการก็ดี โดยปฏิบัติการกด็ ี ควรจะทํา และไดทํากิจหนา ท่ีกนั อยู อยา งไร ทจี่ ะใหเ ปน ไปตามพระพุทธโอวาททไ่ี ดตรัสฝากไว ใหป ฏบิ ตั กิ จิ เพอ่ื ประโยชนส ขุ แกพ หชู น ใหโ ลกพน ยากเขญ็ เปน แดนเกษมศานต อยา งนอยก็ใหรูกันพอเปน ทส่ี งั เกตไว

ภาค ๑ มองสงั คมใหถ ึงคน -—- งานทีต่ อ งเพง และเรง คอื ฟน ฟูชนบท* ที่เปน สวนใหญข องประเทศไทย - ไมใหค วามเส่อื มแบบเมอื งไหลเขา ชนบท แตใ หช นบทเปนสตแิ กเมือง อยากพดู ถงึ เรอ่ื งเฉพาะกาลเทศะ โดยเฉพาะเรอ่ื งเกยี่ วกบั ประเทศไทย เราจะพดู กันถึงหลักการของพระพุทธศาสนา ที่เปน เร่อื งยืนตวั ตง้ั แต ครั้งพุทธกาลมาจนบดั น้ี แตในท่นี ้ี เมอ่ื พูดถงึ เรอ่ื งราวปญหาของประเทศ ไทย กเ็ ปนเร่ืองของกาลเทศะโดยเฉพาะ ซ่ึงตอ งเนนเปนจดุ ๆ วา เวลานเ้ี รา มปี ญ หาอะไร ปญ หาเดน อยตู รงไหน และเราจะตอ งทาํ อะไร ประเทศไทยน้ี เม่อื โยงกบั ภมู หิ ลังทางประวตั ิศาสตร สงั คมของเรา ก็ เปน สังคมท่ปี ระกอบดวยชุมชนยอยๆ มากมาย และชมุ ชนเหลานนั้ เวลานี้ สว นใหญก ย็ งั อยใู นชนบท ชนบทจงึ เปน ฐานสาํ คญั ของประเทศไทย ยง่ิ กวา นน้ั ชมุ ชนชนบทยงั มคี วามเชอ่ื มโยงกบั วฒั นธรรม กบั อดตี กบั * จากหนังสือ ตองฟน ฟูวดั ใหช นบทพัฒนา สังคมไทยจึงจะกา วหนาไดม นั่ คง (สาํ นักงานพระ พุทธศาสนาแหง ชาติ จดั พมิ พค รั้งแรก ต.ค. ๒๕๔๖) หนา ๑–๑๘ [หนงั สอื น้คี อื คาํ วิสัชนา ของ พระธรรมปฎ ก (ป. อ. ปยุตฺโต) แก พล ต.ท. อุดม เจริญ ผอู ํานวยการ พศ. ทวี่ ัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม เม่ือวันพุธที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๖ - ในการพิมพคร้ังใหม ก.ย. ๒๕๔๙ ไดจัดปรับลําดับหัวขอใหม ใหเหมาะแกการอานของคนท่ัวไปมากข้ึน]

๗๘ ชีวิตที่สรางสรรค สดใสและสุขสันต ประวตั ศิ าสตรมาก ชุมชนเมอื งเสยี อีกกลับมีภาวะทเี่ หมือนกบั วา ไมชดั เจน แปรปรวน หรือขาดตอน ในเม่ือชนบทเปนสวนท่ีโยงกับพื้นฐานและภูมิหลังทางวัฒนธรรม รวมทั้งเรอื่ งของพระพุทธศาสนา แลว ยงั เปน สว นใหญของประเทศชาตใิ น ปจจบุ ันดวย จึงเปนจดุ ที่นา จะเอาใจใสเ ปน พเิ ศษ ชนบทนา เอาใจใสพ เิ ศษ ทง้ั ในแงข องสภาพเออ้ื ทงั้ ในแงข องภาวะ ทจี่ าํ เปน ทงั้ ในแงท สี่ าํ คญั ตอ ความดาํ รงอยขู องประเทศชาติ และทงั้ ในแงท เี่ ปน จดุ ลอ แหลม หรอื กาํ ลงั อยทู ที่ างสองแพรง จะไปตามอยา งสงั คมเมอื งหรอื ไม เวลานชี้ ุมชนในชนบท เปนสวนใหญข องประเทศ ประเทศของเรานี้ ราว ๗๐% ยงั ถือวา เปน ชนบท และชนบทเวลาน้ี กาํ ลงั ทรุด เมอื งไทยเรามปี ญ หามากอยแู ลว เชน ในเรอ่ื งบรโิ ภคนยิ มทโี่ ถมเขา มา ปญ หาอยา งทท่ี ราบๆ กนั อยู หนง่ึ ทาํ อยา งไรจะปอ งกนั ไมใ หค วามเสอื่ ม แบบเมอื งเขา ไปสชู นบท ซึ่งเปน สวนใหญข องประเทศ พรอ มกนั นนั้ ก็ สอง ทาํ อยา งไรจะฟน ของดที มี่ อี ยใู นชนบท ใหม ี ชวี ติ และมกี าํ ลงั ขนึ้ มา ถาทาํ ได นอกจากจะปอ งกนั ชมุ ชนชนบทไมใหเสอ่ื ม ทรุดแลว ชนบทน้ันจะกลบั มาเปน สว นชวยประเทศทั้งประเทศ แตเวลานชี้ นบทไทยออนแอมาก บางทีพดู กนั ถงึ ขนั้ วา แตกสลาย แลว ถกู ซดั พดั พา ไมม กี าํ ลงั ทจี่ ะตงั้ ตวั อยไู ดใ นกระแสโลกาภวิ ตั น เร่อื งนีเ้ ร่ิมมาตั้งแตยุคท่อี ตุ สาหกรรมเฟอ งฟู เด็กๆ ในชนบทเขามา เปนแรงงานในกรงุ เทพฯ ปรากฏวาปจจบุ นั น้ี ท้ังหญิงท้งั ชาย หนุมสาว มาใน วถิ ขี องการเคลอื่ นยา ยเพอ่ื เศรษฐกิจ ซึ่งในบางแงกเ็ ปน ประโยชนต อชนบท แตในแงเ สีย เม่อื จัดการไมด ี ก็เกิดผลรายมากกวา คนทสี่ ามารถเปน กาํ ลงั ของชนบท แตเ มอื่ เขา มาอยใู นกรงุ เทพฯ กลบั กลายเปน ปญ หาของเมอื ง ถา เขาอยใู นชนบท เขาจะเปน กาํ ลงั สาํ คญั เปน

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๗๙ ทรพั ยากรที่มคี า เปน ผนู าํ ของชนบท แตค นเดยี วกนั นน้ั พอเขามากรงุ เทพฯ แลว เขากลบั กลายเปน คนทกี่ อ ปญ หาแกเ มอื ง อยา งนลี้ าํ บาก กลายเปนวา คนท่ีจะเปน ขุมกาํ ลังของชนบทน้ี ออกจากชนบท ไปเปน ปญ หาในเมอื ง แลว ชนบทกข็ าดแคลนทรพั ยากรมนษุ ย ขาดแคลนกาํ ลงั คนใน ระดบั ทจี่ ะเปน ผนู าํ อนั นค้ี อื ภาวะอยา งทวี่ า แทบจะแตกสลาย ส.ส.บางทา นกเ็ อามาพูด โดยเห็นตรงกันวา ชนบทบางถนิ่ แทบจะไม เหลอื คนหนมุ สาวเลย มแี ตค นแกเ ลย้ี งหลาน สว นหนมุ สาวทเ่ี ปน พอ แมเ ดก็ มา อยใู นกรงุ เทพฯ มาเปน แรงงานประเภทกรรมกร อะไรทาํ นองน้ี แลว สงเงนิ ไป ให และผกู ปน โตให ปูยา ตายายเลี้ยงหลานไป กก็ นิ อาหารปน โตนนั้ ไป งานการในชนบทก็เหมอื นกบั ถกู ทอดท้งิ การพฒั นาในชนบทกไ็ มม ี นอกจากนน้ั เมอื่ มองดอู งคป ระกอบของชมุ ชนชนบทกล็ ว นแตเ สอ่ื มทรดุ ลงไป ถา ชนบททรดุ และคนบา นนอกเขา มาเปน ปญ หาแกเ มอื ง คนในเมอื ง ตอ งชว ยเสรมิ กาํ ลงั ใหช นบทฟน ขน้ึ มา ซงึ่ จะเปน การแกป ญ หาของเมอื งเองดว ย ที่วานี้ มิใชวา จะไมใหช าวชนบทเขา มาหาโชคในเมือง แตต อ งหาทาง บริหาร และจัดการใหเขา มาในปรมิ าณท่ีพอควรพอดี และมที างพฒั นาคุณ ภาพ พรอ มกบั ทีต่ ัวชนบทเองตองไมถ กู ทอดท้งิ ใหข าดกําลงั วัดเปนทนุ เดมิ ของชุมชน ซึ่งมอี ยูแลว ถารจู กั จดั ใหถ กู ในฐานะท่ีเปน ศนู ยรวม และเปน แหลงธรรมแหลงปญ ญาของชุมชนนนั้ วัดกจ็ ะชว ยแก ปญ หาและชวยพฒั นาชนบทไดม ากมาย - ฟน ฟบู ทบาททแี่ ทข องวัดข้ึนมา ใหป ระสานบา นกบั โรงเรียน พาชมุ ชนกาวไปดวยกัน ชมุ ชนชนบทนน้ั เรยี กกนั มาในวงการศกึ ษาวา “บวร” (ประกอบดว ย บาน วัด โรงเรยี น)

๘๐ ชวี ิตทส่ี รา งสรรค สดใสและสุขสนั ต แตตอนนี้กแ็ ยไ ปตามๆ กัน บา นก็แยแ ลว เพราะวาพอ แมจะออกโรง กไ็ มม แี รง และพอ แมเ องกไ็ มม หี ลกั ทจ่ี ะรบั มอื กบั สภาพความเจรญิ สมยั ใหม ตง้ั รบั ไมเ ปน เลย ไดแ คก ลายเปน เหยอื่ ของความเจรญิ ปจ จบุ นั ทเ่ี ปน ปญ หา สว นโรงเรยี น ก็มีปญหาอยางหนัก อยา งทีท่ ราบกันอยูแลว แลว เหลืออะไร กเ็ หลอื วดั แตพอมาดูวัด ปรากฏวา วดั ก็ทรุดอกี วัดจํานวนมากไมมบี ทบาทตอชมุ ชน คนจาํ นวนมาก โดยเฉพาะเด็ก วยั รนุ มองไมเ ห็นความหมายของวัด ถาวดั ไมมบี ทบาทตอชมุ ชน หรือไมท าํ บทบาทท่ีควรจะทาํ แลว ก็เปน อนั วา หมดความหมาย น่ีแหละเปน ภาวะทชี่ มุ ชนแตกสลาย เมือ่ ชมุ ชนแตกสลาย สังคมก็ แตกสลาย แลว ประเทศชาติก็จะแตกสลายไปดว ย ตอนน้ีเราพูดไดว า พระในชนบทกาํ ลงั จะหมดบทบาทตอ ชมุ ชน สวน ทีห่ มดไปแลว ก็มาก ทาํ อยา งไรจะใหฟ น ขน้ึ มาได ก็ตอ งใหพ ระมบี ทบาทท่ี ถกู ตอ งตอ ชมุ ชน ถาพระทาํ บทบาททถ่ี ูกตองไมได ทา นก็ตองทาํ บทบาทอ่ืน เพราะทาน มชี ีวติ ที่สัมพันธก บั ประชาชน ตอ งพึ่งพากันกับประชาชน ฉะนน้ั ทานจงึ ตอ ง ตอบสนองความตอ งการของประชาชน เมื่อตอบสนองดว ยบทบาททถ่ี ูกตอง ไมไ ด ก็เกดิ บทบาททีไ่ มด ขี ึ้นมา กลายเปน วา มเี รอื่ งไสยศาสตร เรอื่ งนอกลนู อกทางนอกพระศาสนาก็ เจรญิ กนั ใหญ ถา เราไมส ามารถพฒั นาบทบาททถี่ กู ตอ งได ทา นกต็ อ งออกไปสู แนวทางนัน้ เพราะทานตอ งอยูกับชาวบาน มนั เปนธรรมดา อยาไปวาทา น อยางเดียวไมถกู เราจะตอ งไปพนื้ ฟู ฉะนั้นจงึ ขอยํา้ วา เวลานตี้ อ งพนื้ ฟชู มุ ชนในชนบท ใหไ ด และในการฟน ฟชู นบท วดั จะตอ งเปน ผนู าํ จงึ ตอ งใหพ ระมคี ณุ ภาพ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๘๑ ตอ งใหพระมกี ารศึกษาทดี่ ีและถกู ตอ ง มคี วามสามารถ รูธรรมวนิ ยั ที่ จะสอนประชาชนได นําประชาชนในทางที่ถูกตอ งถูกทาง เมอื่ พระทําบทบาทที่ถกู ตอ ง กย็ ดึ ชุมชนอยู ยดึ พอ แมย ึดบานไวไ ด พอ แมก็สงตอไปยังโรงเรียน แลวโรงเรียนก็มารวมมอื กับวดั ในการทจี่ ะเอือ้ ธรรมะ เอ้อื ศลี ธรรม เอ้ือความดีความงาม เอ้อื การศึกษาการเรียนรอู ะไร ตางๆ แกประชาชนในชุมชนน้นั ถา พระมีคณุ ภาพข้นึ มา ก็สามารถจะรวมมอื กับครูอาจารยในวงการ ศกึ ษาได ถา พระไมม คี ณุ ภาพ กไ็ มร จู ะไปรว มมอื กบั ครไู ดอ ยา งไร เพราะฉะนน้ั เวลานเ้ี ราตองการสวนใดสวนหนง่ึ หรือองคใดองคหน่งึ ของชมุ ชนชนบท ใหมคี ณุ ภาพ มีกําลงั เขมแขง็ แตค รปู จ จบุ นั นก้ี ไ็ มเ ปน หลกั ไดเ ทา ไร นอกจากปญ หาเรอื่ งความ เสอื่ มสถานะทางสังคมแลว สงั คมกไ็ มค อ ยเอาใจใสครู เคยพูดฝากไวก ับหลายทา นวา เวลานี้ นักการเมอื งมกั ไมใ หเ กยี รติ แกครู ตองขออภัยนะ ทานอาจจะไมรูตัว บางทีนักการเมืองเอาครูเปนคน รับใช ซ่ึงไมน า จะทาํ ในชนบทเดีย๋ วนี้ ครูกลายเปนคนรับใชของนกั การเมอื งไป ถา จะทาํ ให ถกู ตอ ง ครไู มวาจะอยูใ นระดบั ไหนกแ็ ลว แต ตอ งถือเปน ครูหมด เมอ่ื เปน ครู แลว ในสงั คมไทยถอื เปนบุคคลทค่ี วรไดรับการเคารพบูชา อยา งนอยก็ตอง ใหเกยี รติ เพราะฉะนน้ั นกั การเมอื งควรทาํ เปน ตวั อยา ง ไปถงึ ชนบท ถา เหน็ ครู ตอ งใหเ กยี รตทิ นั ที โดยแสดงออกใหป ระชาชนเหน็ แลว ครจู ะรสู กึ ภมู ิใจใน ตวั เองขน้ึ มา พรอ มกนั นน้ั ประชาชนกจ็ ะเหน็ ความสาํ คญั ของครู ครพู ดู อะไรกจ็ ะมี ความหมายขึน้ และครูจะไดร ะวงั ตวั ขน้ึ ดว ย เพราะคนเราน้นั ถาตวั เองไมม ี

๘๒ ชีวิตท่สี รางสรรค สดใสและสขุ สนั ต ใครเห็นคุณคา ไมมคี วามหมาย ไมมีเกียรติ ก็จะรูสกึ วา ทําอะไรกไ็ ด แตเ ม่อื ไดรับเกียรติแลว ก็จะทําใหตระหนกั ระวังตวั เองขึน้ มา เพราะฉะนน้ั จะตอ งใหเ กยี รตคิ รู นกั การเมอื งตอ งแสดงเปน ตวั อยา ง เมอื่ เหน็ ครตู อ งใหเ กยี รตเิ ปน พเิ ศษ อยางนีเ้ รียกวา สังคมรว มมอื กนั กม็ ีทาง ที่จะเจรญิ กา วหนา ขน้ึ มา แตเวลาน้คี รูอยใู นฐานะลําบากอยา งทว่ี า นอกจากน้ัน ครูกไ็ มไดอ ยูแนน อนในชุมชนนัน้ แตพระอยเู ปนหลกั เลย เจา อาวาสก็อยตู ลอด ฉะนน้ั ถา เราพฒั นาพระใหม คี ณุ ภาพดๆี พระก็ จะเปน ศนู ยก ลางและเปน ศนู ยร วม ซงึ่ กเ็ ปน มากอ นแลว แตโ บราณ ศนู ย รวมนก้ี จ็ ะทาํ ใหบ า น วดั โรงเรยี น มาประสานกนั เปน ขมุ กาํ ลงั ของชมุ ชน นน้ั และจะพฒั นาชมุ ชนใหไ ปสคู วามเจรญิ งอกงามไดอ ยา งแทจ รงิ งานบานเมอื งดานอนื่ ๆ นนั้ เขามักถนัดดานในเมืองในกรุง และเขาก็ เนนกนั อยทู ี่นน่ั มาก แตงานพระศาสนาโยงสนิทกับชมุ ชนชนบท และศาสน- บคุ คล คอื พระสงฆ ก็ถนดั ดานนน้ั ฉะนนั้ ตองเนน ชุมชนชนบทยิ่งกวา ในเมอื ง วา จะตองฟน ฟูคุณภาพ ของพระและบทบาทของพระ ใหพระทาํ หนาที่ที่ถกู ตอ ง ตอชาวบา นและตอ ชุมชน แลว เอาวิถที ่ีถูกทางของชนบทมาชว ยเมอื ง และชวยทั้งประเทศ อนั นี้เปนเรอ่ื งใหญ เพราะเม่ือพดู ในทางลบ กเ็ หมือนกบั วา แขง กนั คอื ความเสอ่ื มกาํ ลงั แขง กบั งานของเรา โดยเฉพาะเวลานเี้ ร่อื งพฤติกรรม นอกลนู อกทางก็ขยายมากข้ึนทุกที - สมัยกอน เณรมาก หลวงตาไมค อยมี สมัยน้ี เณรหมด มแี ตห ลวงตา นอกจากขาดพระทม่ี คี ุณภาพแลว บางทขี าดพระท่เี ปน ตัวบคุ คล คอื ไมม พี ระอยวู ดั แลว กข็ าดศาสนทายาทรนุ ใหมท จ่ี ะมาสบื ตอ คอื ขาดสามเณร

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๘๓ เปนอันวา ขาดหมด ขาดทง้ั พระทจ่ี ะทาํ หนา ทใี่ นปจจุบนั ขาดท้ังผูทีจ่ ะ มาสืบตอเบื้องหนา เมื่อเปน อยางนี้ กเ็ ปน สภาพทที่ ้ังเออื้ และเรียกรอ งใหมบี คุ คลอน่ื แทรก เขา มา อยางนอยก็มารกั ษาวัดไวกอน กจ็ ึงมีผทู บ่ี วชเขา มาในลักษณะตางๆ โดยเฉพาะผบู วชในวัยที่สงู อายเุ ยอะ จนกระทงั่ เวลานม้ี ีการลอ กนั ในวงการ พระสงฆวา เกดิ วดั หลวงชนดิ ใหม โยมคงไดยินแลว คนกจ็ ะถามวา วดั หลวงอะไร เอ ไมเ คยไดย นิ วดั หลวงกม็ อี ยเู ทา เดมิ น่ี แหละ ไมม ปี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาหรอื อะไรสกั นดิ หนง่ึ วา มวี ดั หลวง ชนดิ ใหม ไปๆ มาๆ ก็ตอบวา วัดหลวงตา นไ่ี ง วดั หลวงตากําลงั เกดิ มากข้นึ วดั หลวงชนดิ ใหมน้ี ในแงหนง่ึ กเ็ ปนอนั ตราย เพราะแสดงถงึ ความ เสอื่ ม เพราะไมม พี ระทจ่ี ะอยูด ูแลวัด ไดแคม ผี ทู ่บี วชเขามาเมือ่ แก ถงึ แม ทา นจะมเี จตนาดี ทานกไ็ มมกี าํ ลงั ท่ีจะทําอะไร แตผ ูที่เจตนาไมด ีกม็ ี เชน หมดทางไปจงึ เขามาบวชกม็ ี ไดแ ตอ าศัยผา เหลอื งเล้ียงชพี แตเราตองมองในแงด ีดวย เพราะมผี ทู ี่ต้ังใจดี อยางนอ ยกค็ ดิ วา ใน วัยนเี้ ลกิ ทาํ งานแลว อยากมาหาความสงบ ซงึ่ เปนเจตนาดี แตท านกไ็ มมี กาํ ลงั ทจี่ ะเลาเรียนอะไรไดมาก อันน้ีเปนสภาพความเปนจริง คือมีหลวงตามากมาย เปน สภาพที่มี มา ๑๐–๒๐ ปแ ลว อาตมภาพไปเจอพระตามวดั ในชนบท เหน็ ทานอายุ ๖๐,๗๐ ป ลองถามดู องคหน่งึ บอกวา อายุ ๗๐ ป แตถ ามพรรษา ไดความ วาบวชมา ๒-๓ ป สว นอกี องคห นึง่ อายุ ๖๐ ป บวชมาไดพรรษาเดียว ญาติโยมแยกไมเ ปน ก็ไมรูว าพระเหลา น้ีเปนอยา งไร เห็นพระอายุ มาก นกึ วา เปนหลวงพอ หลวงปแู ลว น่ีคอื เขา ใจผดิ หมด ท่จี ริงทานไมร ูเ รอื่ ง อะไรเลย มแี ตจะพาเขวไปดว ยกัน เพราะฝา ยพระก็ไมรูหลักพระศาสนา เม่ือญาติโยมไปขอโนน ขอน่ี ทา นกส็ นองความตองการไปตามที่เคยเหน็ นึก

๘๔ ชวี ติ ที่สรา งสรรค สดใสและสุขสนั ต ได บทบาทที่ไมถ ูกตอ ง ทเ่ี ขวไป กเ็ กิดข้ึนมา แลว แพรห ลายกันใหญ ฉะนน้ั จึงเคยเสนอวา เมือ่ สภาพความจรงิ เปนอยา งนแ้ี ลว ก็จะตอ ง เอาใจใสเร่ืองหลวงตา เพราะเปนความจริงที่เกิดข้นึ แลว และเผชญิ หนา อยู ถงึ แมไมปรารถนา เราไมอยากใหมหี ลวงตามาก แตเราตอ งคิดวา เมอื่ มี หลวงตามาก เราจะทาํ อยา งไรกบั หลวงตา จะมไี ดไหม? การจดั กิจกรรมอะไรก็ตาม ทเ่ี ปนการฝกอบรมหรือการ พัฒนาหลวงตา ดวยวธิ กี ารใดวธิ ีหนง่ึ อยางนอยใหทา นทําประโยชนไดใน ระดบั หน่งึ หรอื รักษาบทบาทในระดับหนง่ึ ใหแกว ัดใหแกพระศาสนาหรอื ตอ ชุมชน อันน้ีเปน เรื่องท่ตี องคิด แลวระยะยาว ก็คอื ทาํ อยางไรจะใหม ีคนมาเปน ศาสนทายาทสืบตอ พระศาสนา เรอ่ื งการทจี่ ะมเี ดก็ มาบวชสามเณร เปน ศาสนทายาท สบื ตอ พระศาสนา เปน เร่ืองหลกั ใหญเรือ่ งหนง่ึ ตอนทแ่ี ลว มา รฐั บาลไดป รบั ระบบการศกึ ษา ใหเ ดก็ อยใู นโรงเรยี นถงึ ๑๒ ป ตอนนัน้ ก็เปน หวงกนั วา นจ่ี ะเปนการดงึ ใหเด็กไมส ามารถมาบวช เดก็ สมยั กอนน้ี พอจบประถมปท่ี ๔ เมอื่ การศกึ ษาไมม ีโอกาสเสมอ ภาคจริง ในชนบทการศึกษามวลชนยังเปนเพยี งอุดมคติ เปนจุดหมายท่ียงั ไปไมถึง เด็กจบประถมปท่ี ๔ แลวมาบวชเปน สามเณรกนั มาก ฉะนัน้ กําลงั ในพระศาสนาจงึ เหมอื นกบั วาไดมาจากผูที่ไมม ที างไป ถา ไมม ที างไปในทางเศรษฐกิจก็ลําบาก เปนทางเสือ่ มมากกวาดี แต ถา ไมมที างไปในทางการศึกษานก่ี ลับดี ขอใหเขาอยากศกึ ษาเปนใชได เมื่อ เดก็ เหลา น้ันไมมที างไปในทางศกึ ษากม็ าบวช ยังเปน ทางเจริญงอกงามได เพราะฉะนน้ั ในสมยั กอ น วดั ในชนบทเปน ทร่ี บั เดก็ ทจี่ บประถมปท ี่ ๔ ทไี่ มส ามารถไปเรยี นในโรงเรยี นรฐั บาล ซงึ่ มาบวชกนั เยอะแยะ ตอ มารฐั ขยาย

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ ฺโต) ๘๕ ระดบั การศกึ ษาข้นึ สูประถมปท ี่ ๖ แลวตอ มาประถมปท่ี ๗ แลวกลับลงมา ประถม ๖ อกี พอดเี ร่ิมเขายคุ มีแรงงานเด็ก ตอนน้นั เรม่ิ เกดิ ปญหา เดก็ หมดวดั ไมม าบวชเปนสามเณร เพราะเขา มาเปน แรงงานในกรุงเทพฯ เสยี หมด นน่ั คอื เร่ืองเกา พอถงึ ตอนน้กี เ็ กรงวา เมอ่ื มีการศึกษา ๑๒ ป เด็ก ตอ งอยใู นโรงเรียนนานขนึ้ โตขึน้ แลวเลยไมบวช แตต อนน้ีทราบจากโยมทางภาคอสี านบางจังหวดั เปนนมิ ติ ดวี า เด็ก มาบวชมาเรียนกนั ในเพศเปนสามเณรน่ี กลบั เพ่มิ ข้นึ บา งเปนบางถ่ิน ทว่ี าเปนนมิ ิตดีมีสามเณรบวชมาก คอื จะมีศาสนทายาท เราจะตอง เอาใจใสเอาใจชวยวา จะทําอยา งไรใหสามเณรเหลา น้มี ีการศึกษาที่ดี นีเ่ ปน เรือ่ งของการสรา งศาสนทายาท แมว าการจะมีเด็กมาบวชสามเณรเปนศาสน ทายาท เปนเร่ืองยาวทต่ี องทาํ กันอีกนาน แตมเี รอ่ื งช่วั คราวอนั หน่งึ ท่มี าชว ยผอ น คือเดก็ ทอ่ี ยูในโรงเรียนตา งๆ ซ่ึงทางพระไปเออ้ื ไดค อื การบวชสามเณรภาคฤดรู อน ซึ่งขณะนก้ี าํ ลงั แพร หลายขยายมาก บางวัดไดสามเณรทบ่ี วชภาคฤดูรอนนีแ่ หละมาเปนศาสนทายาท เชน วัดพยคั ฆาราม จังหวัดสุพรรณบุรี จัดบวชสามเณรภาคฤดรู อ นทุกป ญาติ โยมประชาชนกห็ นุนเต็มท่ี บวชเรียนกันเปน เดือน สามเณรหลายองคไ มส ึก กเ็ รียนตอ ปรากฏวา จบประโยค ๙ หลายองคแลว นเ่ี ปน วิถที างหนง่ึ ทช่ี ว ยสรา งศาสนทายาท แมจะสึกไปกไ็ มเปน ไร ทางพระศาสนากไ็ ดเ อื้อตอ สงั คม ชว ยใหเด็กไดเรียนรธู รรมะ มีศลี ธรรม มี คุณความดี อยใู นทางทถ่ี ูกตอง อนั นี้เปน เรอ่ื งท่เี กี่ยวโยงกนั ไปหมด แตท ง้ั นก้ี เ็ ปนเรอื่ งของการเนน ชมุ ชนชนบทนน่ั เอง ซงึ่ ก็คอื ชมุ ชนทัง้ หลายท่ัวไปของประเทศไทย

๘๖ ชวี ติ ท่สี รางสรรค สดใสและสขุ สันต ถาบอกวา ไทยเปน เมืองพทุ ธ ก็ตองเลกิ เปน ทาสของความไมรู - หลักงา ยๆ กไ็ มป ระสีประสา พฒั นาคนใหม ีตนที่พงึ่ ได ไมใชมวั รอผลดลบันดาล นอกจากนี้ กม็ เี ร่อื งท่ีวา ทาํ อยางไรจะใหประชาชนแยกไดวา อะไร เปน พุทธศาสนา อะไรไมใชพุทธศาสนา เรื่องนก้ี เ็ หน็ กนั อยูแลววา ประชาชนสวนใหญไมร ไู มเขา ใจพระพุทธ ศาสนา อะไรเปนพุทธ อะไรไมใ ชพ ุทธ คนทั่วไปมักเขว หรือไมก็เลื่อนลอย แลว ก็ไมมอี ะไรเหน่ยี วรงั้ และเพราะความออ นแอ และการขาดโอกาส ก็เลย ออกไปสวู ิถีทางของการพ่งึ พาอาํ นาจภายนอก กลายเปน ทาสของลัทธหิ วงั ผล ดลบนั ดาลกันมาก ดังจะเห็นวา พอมอี ะไรแปลกประหลาดนิดหนอ ย เชน สัตวเกดิ มา พิการรูปรา งแปลกประหลาด กไ็ ปขอหวย ตนไมแปลกประหลาด กไ็ ปขดู หา เลขหวยกนั อะไรทํานองนี้ อันน้จี ะตอ งชัดวา อะไรเปน พทุ ธ-อะไรไมใ ชพ ทุ ธ ถึงแมชาวบานจะยงั ไปทาํ อยู ก็ตองใหรวู าอยางนน้ั ไมใ ชพ ทุ ธ ตองชดั อยา งน้ี ไมใชว าจะตองไมทําพรอ มกบั รู ตอนแรกตอ งรูกอนแลว ตอ ไปไมทํา อันนี้เปนเร่ืองที่เสียหายแกพ ระศาสนามาก แสดงถงึ ความไมรูเรอ่ื งรู ราว แสดงวา ชาวพุทธไมประสปี ระสากับเรื่องของพระพุทธศาสนา เคยเหน็ ในหนงั สือพิมพล งขาว ครง้ั หน่งึ มีเร่ืองตนไมประหลาดอะไร ทํานองน้ี อยูในถิ่นท่คี นสว นมากเปนมุสลมิ ผูสอ่ื ขา วหนังสือพิมพเ ขา ไปหา คนมุสลิมใหข า ววา ท่ีน่ัน แถบน้ัน มีคนเขามาเยอะเหมือนกนั มาขูดเลขขอ หวย อะไรทํานองน้ี แตไ มใ ชชาวมสุ ลมิ หรอก เพราะชาวมสุ ลมิ ไมมกี ารทาํ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยตุ โฺ ต) ๘๗ อยา งนนั้ มองความหมายไปไดทํานองวา คนพุทธจึงจะทาํ อยา งนี้ นแ่ี หละไมไหวแลว ชาวพทุ ธไมรูวาอะไรเปน พทุ ธ แลว ทําใหผอู ื่นเขา กลาววา พวกพุทธเปนอยางน้ี คอื ไปขดู เลขหวยกนั เปน ชาวพุทธ เพราะฉะนั้น อยางนอยกใ็ หแยกไดว าอะไรเปนพทุ ธ-อะไรไมเ ปนพทุ ธ และเราจะตอ งชดั วา จะเอาอยา งไรกบั เรอ่ื งการบนบานศาลกลา ว ลทั ธหิ วงั ผล ดลบนั ดาล การพึง่ พาอํานาจภายนอก การไมเ พยี รพยายามทําใหสาํ เร็จดว ย เรยี่ วแรงกาํ ลังของตน ตามหลกั ของพระศาสนาท่จี ะนําไปสกู ารพึ่งตนได การทจ่ี ะมเี รี่ยวแรงกาํ ลงั ของตนได ก็ตองพฒั นาคน ถา คนตองการ พ่งึ ตนเอง หรือตองการมีเรี่ยวแรงกาํ ลงั ทีจ่ ะทาํ ไดเ อง มนั ก็จะเรียกรอ งเองให ตอ งพฒั นาตน แตน ค่ี นของเราไมม แี นวคดิ ไมม เี ปา หมาย ไมม ที ศิ ทาง อยกู นั เควงควา งเลอื่ นลอย อันน้ีเปน เรื่องใหญ ที่เรียกวางานหลักของพระศาสนา แกนของเร่อื งกค็ อื วา ในเรอ่ื งตวั การศึกษาแทๆ จะเอาอยา งไร จะ หนุนกนั อยา งไร ใหก ารศกึ ษาของพระดาํ เนนิ ไปไดดวยดี ทงั้ ในแบบและ นอกแบบ หรอื ท้งั ทางการและไมเปน ทางการ - อยรู ว มกนั โดยมเี มตตา แตต อ งแกป ญ หาโดยใชป ญ ญา เรอ่ื งตอไปที่มีความสาํ คัญไมนอยคือ ทา ทแี ละความสัมพนั ธก ับตา ง ศาสนา เพราะวาเวลานคี้ วามสมั พันธกบั ตางศาสนาจะตองมากขน้ึ ซง่ึ กาว ไกลไปถึงระดบั ระหวางประเทศดวย ท่วี าโลกไรพ รมแดน ในทางพระพุทธศาสนา หลกั การบอกวา จะตอ งมี ๒ อยางไปพรอม กัน คอื ปญ ญา กบั เมตตา เรอ่ื งนีถ้ าเราแยกไมออกกจ็ ะสับสน ปญ ญา คอื เร่อื งการรูเ ขา ใจความจรงิ ความรูต องเปนความรู ตองให คนมีความรู แตพรอมกนั นน้ั เรามเี จตนาท่ดี ีเปน เมตตา

๘๘ ชีวติ ท่สี รางสรรค สดใสและสขุ สนั ต การท่พี ูดใหค วามรูกัน กด็ ว ยความหวังดี ไมใ ชเพ่อื จะมาขัดแยง จะ แคนเคือง หรอื จะทํารา ยกนั เราตอ งใหค วามรเู พอ่ื แกป ญ หา ดว ยเจตนาทด่ี มี เี มตตา คอื ปรารถนาดี จะแกป ญ หาดว ยการสรา งสรรค ใหเ กดิ ความสงบสขุ รม เยน็ อยกู นั ดว ยดี แตเ รื่องรูกต็ อ งรู ไมใชว า ปลอยไมใ หร ู แลวบอกวาพดู ไมไ ด ถา พูดไปจะเสีย กลายเปนแสดงวามคี วามขัดแยงอะไรตา งๆ ซึง่ เปนความตืน่ กลวั ไปเอง ตอ งแยกใหไ ดร ะหวางความรู กบั ความรสู ึก เพราะฉะนน้ั ตอ งทาํ ทง้ั ๒ อยา ง เพยี งแตต อ งทาํ ดว ยทา ทที ถ่ี กู ตอ ง คอื ทา ทแี หง เมตตา โดยมเี จตนาทเ่ี ปน เมตตา หมายความวา ความมงุ หมายเปน เมตตา คอื ปรารถนาความดงี าม ความอยรู ว มกนั ดว ยไมตรี มสี นั ตสิ ขุ แตต อ งทาํ การดว ยปญ ญา ตอ งทาํ ตอ งดาํ เนนิ งานดว ยความรู เรอ่ื งทเ่ี ปน ความรู ตอ งรู เพราะเปน เรอ่ื งของปญ ญา ถา ไมม ปี ญญา ก็แกไ ขปญ หาไมได คนที่มีเมตตาอยางเดียว ก็อาจจะตายอยา งเดยี ว คอื ถึงจะมีเมตตา แตถ า โง ก็เปน โมหะ คนมเี มตตา แตโ ง ก็ไปไมรอด ส่ิงทจี่ ะทาํ ใหดําเนินการไดส ําเรจ็ คอื ปญ ญา ฉะนนั้ เพอื่ สนองจดุ หมายของเมตตา กต็ อ งมปี ญ ญาทจ่ี ะดาํ เนนิ การ ตองรตู อ งเขา ใจ เชน วา เรอื่ งน้ีๆ มีภมู ิหลังเปน มาอยางไร อยา งเรอ่ื งประวตั ศิ าสตรน ี่ เราไมไดเ ลา เพื่อใหแคน เคืองหรอื ขัดแยง กัน แตเปน เรื่องท่ตี องรู เพราะความจริงก็เปน ความจริง ท้งั ท่ปี ระวตั ิศาสตรเ ปน มาอยา งนน้ั ถามคนไทยสวนมากไมรเู รอ่ื ง วา ระหวางศาสนามคี วามเปน มาอยางไรในอดีต ถา พูดตามหลักพุทธคณุ ก็วา ปญญา กับ กรุณา ตองใหค รบคู ถา ไมม ีปญ ญา กก็ รุณาไมไ ดจ ริง และกรุณาไมส าํ เรจ็ ฉะน้ัน ตอ งตง้ั หลักไวก อ นเลยวา เราตอ งมีทา ทที ช่ี ดั เจนในเรอื่ งนี้ จะ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๘๙ ไดวางแนวในการสมั พันธไ ดถ ูกตอ ง เพราะวา - ความใจกวา ง ไมใ ชก ารเอาใจกนั แตค วามใจกวา ง คอื อยกู นั ดว ย เมตตา โดยสามารถยอมรบั ความจรงิ คนใจแคบ คอื คนทจี่ ะเอาตามความตอ งการ โดยไมย อมรบั ความ จรงิ หรอื หลกั การ ตองเอาทงั้ ปญญาและเมตตา เมตตาก็คอื ใจเรารกั แตป ญญา ตอ งรู และตองรูใหช ัดที่สดุ คนทไ่ี มร ูชดั แกปญ หาไมได ท้ังหมดทว่ี ามานีจ้ ะเกิดเปนผลขึน้ มาได ตองมีการพฒั นาคนดว ยการ ศกึ ษาแทท ี่ถูกตอง ทคี่ นถอื เอาการพฒั นาตนเปน สาระสําคญั แหงการมชี ีวิต ของเขา และอันนีแ้ หละคอื ชีวิตและงานทแี่ ทข องพระสงฆ แลว ก็เปนเนือ้ แท ของการสบื และสอ่ื พระพทุ ธศาสนา เพอื่ ประโยชนส ขุ แกป ระชาชน และแกโ ลก จึงจําเปนตองรูจักระบบวิธีในการพัฒนาคน-พัฒนาตน ท่ีเรียกวา ไตรสิกขา งานพระพทุ ธศาสนาท้ังหมด เปน องครวม เพือ่ จุดหมายหนึง่ เดียว - จดั การปกครองข้ึนมา เพ่อื ใหการศกึ ษาไดผล ในพระพุทธศาสนา และในวัดวาอารามทง้ั หลายนี้ การทเี่ ราจดั กิจ กรรมอะไรตางๆ ตลอดจนแมแตสรา งวตั ถขุ ้นึ มามากมายนั้น ความจรงิ สาระ สําคัญกร็ วมเปน อันหนึง่ อันเดยี ว เขา หลกั ทจี่ ะตองมองใหเหน็ ระบบสมั พนั ธ วา งานพระศาสนาท้ังหมดนี้ ทแ่ี ทเปน เร่อื งเดียว ถา เรามองดวู ดั จะมองท่ีพระกอนกไ็ ด พระเปน ตัวบุคคลที่อยูในวดั บางทีเรยี กวา ศาสนบคุ คล ที่เปน แกนของพทุ ธบรษิ ัท

๙๐ ชีวติ ท่ีสรางสรรค สดใสและสขุ สนั ต พระทอ่ี ยใู นวดั ถา วา โดยสาระทแ่ี ทแ ลว มี ๒ คอื ผสู อน กบั ผเู รยี น บางทา นอาจจะบอกวา มี ผปู กครอง เชน เจา อาวาส แตท จ่ี รงิ ผปู กครองเปน เพยี งผมู าชว ยจดั สรรดแู ลหรอื จดั การเพอื่ ใหก ารศกึ ษาดาํ เนนิ ไปไดด เี ทา นนั้ เอง ในทางพระศาสนานนั้ พระพทุ ธเจา ทรงตง้ั สงั ฆะขนึ้ มา กเ็ พอ่ื เปน ชมุ ชน ที่คนจะไดม าพฒั นาตนดว ยการศึกษาที่ครบเปนไตรสิกขา จึงมาอยกู ันในวัด การตัง้ วัดขนึ้ นนั้ ก็เพ่ือจดั ใหม ีสภาพแวดลอ ม บรรยากาศ ระบบ ความสัมพันธ ที่เอื้อตอการทแ่ี ตละทานแตละบุคคล จะไดพัฒนาตนขึ้นมา ดวยการศึกษา ที่เรียกวา ไตรสกิ ขา คือ ศีล-สมาธิ-ปญ ญา เทา นนั้ เอง เมอ่ื ศกึ ษาไปโดยถกู ตอ งตามหลกั ไตรสกิ ขา กเ็ ปน การปฏบิ ตั ทิ ท่ี าํ ให กา วไปจนไดเ ปน พระอรยิ บคุ คล คอื เปน พระเสขะ จนกระทงั่ เปน พระอรหนั ต กจ็ งึ เปน อเสขะจบการศกึ ษา ถา ยงั ไมไ ดเ ปน พระอรหนั ต กถ็ อื วา ยงั ตอ งศกึ ษา ทง้ั นน้ั ถงึ จะเปน พระอายุ ๑๐๐ ป มพี รรษา ๘๐ หรอื แมม ากกวา นนั้ กต็ อ ง ศกึ ษา ชวี ติ พระเปน ชวี ติ ของการศกึ ษาแทๆ ตอ งฝก ฝนพฒั นาตนเรอ่ื ยไป การท่มี กี ารปกครอง เริม่ ตน ต้งั แตบ วชเขามา พระอุปชฌาย กค็ อื ผูที่ มาทาํ หนาทีด่ แู ลใหการศกึ ษาอยางใกลชดิ การปกครองก็คือการมาจดั สรร เอ้ืออํานวย ตะลอมใหผูเรียนผูศึกษาน้ัน มุงแนวไปในการศึกษา เรียกวา จัดสภาพเอ้อื ตอ การทจี่ ะศกึ ษาเทานัน้ เอง ทีนเี้ ม่ือมีกจิ กรรมการศึกษา กม็ ีผูส อนและผเู รียน ทัง้ ทตี่ วั ผสู อนเอง ก็เปนผเู รยี นดวย จนกวาจะเปน พระอรหนั ตจงึ จะจบ โดยมีพระพุทธเจา องคบรมครเู ปน ศูนยกลาง (พระรปู ใดยงั ไมเ ปน พระอรหันต แตไ มศกึ ษา ก็ คอื ไมท ําหนาทขี่ องพระ!) เมื่อสอนเมือ่ เรยี นกนั ไป ก็เกิดความจาํ เปนตองมที ี่อยทู ีอ่ าศยั กุฏิก็ เกิดขนึ้ เพ่ือเปน ทอี่ ยขู องผเู รียน และผสู อน นน่ั เอง

พระพรหมคณุ าภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๙๑ - ญาติโยมทาํ บญุ ตองใหส มตามพทุ ธพจนว า “ศึกษาบญุ ” อกี ดา นหนงึ่ ทมี่ ชี าวบา นญาตโิ ยมมา จดุ หมายทแี่ ทก เ็ พอ่ื รบั ฟง ธรรมคาํ สอน การทาํ บญุ และกจิ กรรมตา งๆ กเ็ ปน เรอ่ื งของการทจี่ ะพฒั นาคน โดยจดั เปน รปู แบบ และวธิ กี ารตา งๆ ทขี่ ยายออกไปมากมาย แตเ พอ่ื สาระเดยี วกนั กค็ อื เพอื่ พฒั นาคนใหเ จรญิ ขนึ้ ในการศกึ ษา ซง่ึ ในขน้ั นอ้ี าจจะแยกใหง า ยหนอ ย เปน ทาน ศลี ภาวนา กไ็ ด ซง่ึ ทา นเรยี กวา เปน การศกึ ษาบญุ ตามคาถาทพ่ี ระพทุ ธเจา ตรสั วา ปุ ฺ เมว โส สกิ เฺ ขยยฺ แปลวา พงึ ศึกษา บญุ (ทัง้ สามอยาง) นน่ั แหละ (ขุ.อติ ิ.๒๕/๒๓๘/๒๗๐) หมายความวา ฝก ฝนให คณุ ความดหี รอื คณุ สมบตั ทิ ดี่ เี จรญิ งอกงามขน้ึ ในคน ถา จะประกอบขึ้นเปนศพั ทก็เรยี กวา บญุ สกิ ขา แตภ าษาพระเปน พุทธ พจนวา ปุ ฺ เมว โส สกิ เฺ ขยยฺ แสดงวา บญุ เปนเร่อื งของการศกึ ษา คือการ พฒั นาคณุ สมบตั ทิ ดี่ ขี นึ้ ในคน การจดั กจิ กรรมทกุ อยา ง เปน เรอื่ งของการทจ่ี ะ มาชว ยใหค นนน้ั ไดศ กึ ษายงิ่ ขนึ้ ๆ ไป เราจะใชค าํ วา พฒั นาคน ฝก คน อบรม คน อะไรกแ็ ลว แต ก็เร่ืองเดียวกนั ตอมา เมือ่ คนมากันมาก จะฟงธรรมก็ไมมสี ถานทีเ่ หมาะสมเพยี งพอ จงึ ตอ งสรา งอาคารขน้ึ มาเปน ศาลา การสรา งอาคารอะไรตา งๆ เหลานั้น ซ่งึ เดยี๋ ว นี้เปน งานทเี่ รยี กวา สาธารณูปการ กเ็ ปน เรอื่ งทม่ี ขี ึน้ เพื่อจดั สรรเอ้อื อาํ นวย ใหเกดิ ความสะดวกสาํ หรับกิจกรรมการศึกษา ญาติโยมมาทําบุญทํากุศล กเ็ พอ่ื จะใหก าํ ลังแกพ ระสงฆท ี่จะไดเลา เรียนศึกษาใหเ จริญข้ึนในศลี สมาธิ ปญ ญา ฝา ยญาติโยมเองมา กเ็ พอื่ พฒั นาตัวใหเ จริญขึน้ ใน ทาน ศลี ภาวนา ท้งั จติ ตภาวนา และปญ ญาภาวนา ถาเรามองเร่ืองราวและกจิ การงานทุกอยา งในวัด ไมว า อะไรก็ตาม

๙๒ ชวี ิตท่ีสรา งสรรค สดใสและสุขสนั ต ตลอดจนบุคคลและวตั ถุสิ่งของทั้งหลาย ใหเหน็ ใหถ ึงจดุ หมายที่แทแ ลว ทุก อยางจะเปนเร่ืองเดียวกันหมด ถาเรามองไมเ หน็ จุดหมายนี้ ทกุ อยางกจ็ ะ กระจดั กระจาย เปนตางชนิ้ ตา งอัน เปน คนละอยาง และไปคนละทาง งานพระศาสนาทกุ อยา งนั้น ตองจับใหไ ดว า ความหมายและความมุง หมายท่ีเปน ตวั แทข องมนั อยทู ไ่ี หน แลว มนั มคี วามเปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั อยา งไร ถามองอยา งน้ี กจ็ ะเห็นสิง่ ทป่ี จ จบุ นั เขาชอบเรยี กวาองครวม หรอื เปน บูรณาการ วา มันเปน เร่อื งเดียวกันทงั้ นัน้ ถา มองเปน เรอ่ื งเดยี วไมไ ด กเ็ ควง ควา งกระจดั กระจายแน เชน เรอ่ื งกอ สรา ง กไ็ มร จู ะสรา งไปทาํ ไม แลว กเ็ ขวไปวา ตอ งสรา งใหใ หญโ ต เพอื่ โนน เพอ่ื น่ี เดยี๋ วกม็ าลงทตี่ วั ตน กลายเปน เพอ่ื ชอื่ เสยี ง ความยงิ่ ใหญ ฯลฯ เถลไถลไป แมแ ตท วี่ า เพ่ือศลิ ปวฒั นธรรม กไ็ มใชจบในตวั แตที่แท ศลิ ปวัฒน- ธรรมน่ีแหละ คือตวั หนนุ ตัวนาํ ใหญของการศึกษาพัฒนาคน ฉะนน้ั จะตอ งใหม าเจอตรงนใ้ี หไ ด คอื ใหม าบรรจบเปน อนั หนงึ่ อนั เดยี ว กนั ทห่ี ลกั การและความมงุ หมาย และใหเ หน็ วา มนั กระจายออกไปไดอ ยา งไร ถา มองเหน็ ระบบความสมั พนั ธท เ่ี ปน อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ได การคดิ ใน เรอื่ งงานกจ็ ะชดั วา เราทาํ อะไร คอื อะไร เพอ่ื อะไร แลว อนั นไ้ี ปโยงกบั อนั อนื่ อยา งไร เรียกวา ตอ งมองทกุ อยางในวัด และในพระศาสนา ใหสมั พันธกัน หมด เปน อนั หนงึ่ อนั เดยี ว น่ันคอื เพ่ือจุดหมายทีว่ า จะทําอยา งไรใหคนเจรญิ ข้ึนไปเปน อรยิ สาวก เปน อรยิ ชน เปนอรยิ บคุ คล เปน พระโสดาบัน สกิทาคามี ฯลฯ เปนเสขะ - อเสขะ เรอื่ งทัง้ หมดก็มอี ยูเ ทานี้ ลองขยายความหมายกันดู ทีพ่ ระสอนชาวบาน การสอนนนั้ เราเรยี ก วาการเผยแผ แตก ารสอนทเี่ ปน การเผยแผน นั้ กค็ อื การศกึ ษานน่ั แหละ สอนชาวบานกค็ อื ใหก ารศึกษาแกประชาชนในวงกวา งออกไป ความจริงการ

พระพรหมคุณาภรณ (ป. อ. ปยุตโฺ ต) ๙๓ เผยแผกเ็ ปนเรอื่ งการศึกษาทง้ั นัน้ รวมแลวก็เปน อันวา ในงานพระศาสนานน้ั โดยเน้ือหาสาระแลว การ ศึกษาหรอื การศกึ ษาปฏบิ ตั ทิ ีเ่ รยี กวา ไตรสกิ ขา นี้แหละ เปน เนอ้ื แท แตทีนี้ ทาํ อยา งไรจะใหก ารศกึ ษาครบระบบไตรสกิ ขาทวี่ านัน้ คอื ให ไดท้งั ศีล สมาธิ และปญ ญา - หนา ทขี่ องผทู าํ งานทางสงั คม ตอ งนาํ คนเขา มาหามรรค ท่ีจริงทานมเี คร่อื งชว ยไวใ หแลว ทจ่ี ะนําคนเขาสูก ารศึกษาในระบบ ไตรสิกขานั้น แตตรงนบี้ างทีเรามองขา ม หลักการบอกอยแู ลว วา เม่อื คนศกึ ษาดว ยไตรสกิ ขา กจ็ ะกาวไปใน ทางดําเนินชวี ิตถกู ตองดงี าม ทเ่ี รียกวามรรค ปญ หาท่ีเรามองขา มกนั ไปกค็ อื วา ทาํ อยา งไรจะใหคนทีย่ งั ไมศึกษา มาเริ่มศกึ ษา หรอื ทาํ อยางไรจะใหคนที่ยังอยนู อกทางหรอื ยงั ไมร จู กั ทาง เขา มาสูมรรคคอื เขามาเดินในทาง เรามองขา มขัน้ ตอนสาํ คัญนไ้ี ปเสยี จงึ พดู กนั แตวาพทุ ธศาสนาสอนให เดนิ ไปในมรรค แตท จี่ รงิ ตอนแรกคนเขายงั อยนู อกทางนอกมรรค แลว กอ นจะ เดนิ ไปในมรรค เขาจะมาเขา มรรคไดอ ยา งไร ตอนนเ้ี ราตอ งเอาใจใสใ หมาก นี่แหละคือท่บี อกวา ทา นมีเครอ่ื งชวยไวใ หแลว คือพระพุทธเจา ได ตรสั บอกเครอ่ื งชกั เครอ่ื งนาํ คนเขา สทู างหรอื วถิ แี หง มรรคไวแ ลว คอื องคธ รรม ทเี่ รยี กวา เปน บพุ นมิ ติ แหง มรรค พระพทุ ธเจาทรงเนนเรื่องบพุ นมิ ติ แหง มรรค และเรอ่ื งปจจยั แหงสมั มา ทิฏฐิ ใหรูวาสมั มาทิฏฐิทเ่ี ปน องคแ รกของมรรคจะเกดิ ขึน้ ไดอ ยา งไร มันมิใช เกิดข้นึ เฉยๆ ตรงน้ีแหละเปนจุดสาํ คญั หนาท่ีของผดู าํ เนนิ งานสําหรับสังคมสวนใหญ เปน หนาท่ใี นการชกั จูง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook