กงิ ฉันท จงึ ตรสั ถามปโุ รหติ นนั้ ผรู้ บั สนิ บนและตดั สนิ อรรถคดี โดยอยุตธิ รรมในเวลากลางวัน แลว้ มาสู่ทเ่ี ฝ้าวา่ “ทา่ นอาจารย์ ท่านสมาทานอโุ บสถแล้วหรอื ?” ปโุ รหติ นน้ั ทลู คำ� เทจ็ วา่ “สมาทานแล้ว พะย่ะคะ่ ” แล้วลงจากปราสาทไป. ครงั้ น้ัน อำ� มาตย์ผูห้ นึ่งท้วงว่า “ทา่ นไม่ไดส้ มาทานอุโบสถมใิ ชห่ รอื ?” ปโุ รหติ นนั้ พดู แก้ตัววา่ “ข้าพเจ้าบริโภคอาหารเฉพาะในเวลาเท่านั้น และ ข้าพเจ้ากลับไปเรือนแล้วจักบ้วนปาก อธิษฐานอุโบสถ ไม่บริโภคอาหารในเวลาเย็น ข้าพเจ้าจักรักษาอุโบสถศีล ในเวลากลางคนื ดว้ ยอาการอยา่ งน้ี ขา้ พเจา้ กจ็ กั มอี โุ บสถ กรรมกึ่งหนึ่ง.” อ�ำมาตย์ผู้นน้ั กล่าววา่ “ดีละขอรับ ทา่ นอาจารย.์ ” เขากลับเรือนแล้วก็ได้กระทำ� อยา่ งน้นั . อยู่มาวันหนึง่ เมื่อปโุ รหิตนัน้ น่ังอยใู่ นศาล. สตรผี ู้มี ศลี คนหนงึ่ มายน่ื ฟอ้ งคดี เมอ่ื ไมไ่ ดโ้ อกาสทจ่ี ะกลบั ไปเรอื น จึงคิดว่า 51 www.webkal.org
ตดิ ในรส 52 www.webkal.org
กิงฉันท ‘เราจกั ไมล่ ะเลยอโุ บสถกรรม’ พอใกลเ้ วลา นางจึงเร่ิมบ้วนปาก. ขณะนัน้ มีผนู้ ำ� ผลมะม่วงสุกมาใหพ้ ราหมณ์ปโุ รหติ พวงหน่ึง. พราหมณป์ ุโรหิตรวู้ ่า ‘หญงิ น้นั จะสมาทานอุโบสถ’ จึงหยบิ มะม่วงสง่ ให้ พรอ้ มกับพูดวา่ “เจ้าจงรับประทานมะม่วงสุกเหล่าน้ีก่อน แล้วจึง สมาทานอโุ บสถเถดิ .” หญงิ นน้ั กไ็ ดก้ ระทำ� ตามนนั้ . กศุ ลกรรมของพราหมณ์ ปโุ รหิตมีเพยี งเท่านี.้ ในเวลาตอ่ มา พราหมณป์ โุ รหติ นน้ั ทำ� กาลกริ ยิ าแลว้ ได้ไปบังเกิดเหนือสิริไสยาสน์ อันอลงกต๑๐ในวิมานทอง อนั งามเรอื งรองมภี มู ภิ าคเปน็ รมณยี สถาน ในสวนอมั พวนั มีบริเวณ ๓ โยชน์ ใกล้ฝั่งน้�ำโกสิกิคงคานทีในหิมวันต- ประเทศ ดุจคนท่ีหลับแล้วตื่นข้ึน มีเรือนร่างอันประดับ ตกแต่งดีแล้ว ทรงรูปโฉมงามสง่า แวดลอ้ มด้วยนางเทพ กญั ญาหมืน่ หกพนั เป็นบรวิ าร. ๑๐ ตกแตง่ , ประดบั ประดา. 53 www.webkal.org
ตดิ ในรส 54 www.webkal.org
กิงฉันท เขาได้เสวยสิริสมบัตินั้น เฉพาะในเวลากลางคืน เท่านั้น. ความจรงิ เทพบตุ รนนั้ ไดเ้ สวยวบิ ากผล สมกบั กรรม ท่ีตนท�ำไว้ โดยภาวะเปน็ เวมานิกเปรต เพราะฉะนัน้ เม่ือเวลาอรุณข้นึ เขาจะต้องไปสสู่ วน อมั พวนั . ในขณะท่ีย่างเข้าไปสู่สวนอัมพวันเท่านั้น อัตภาพ อันเป็นทิพยข์ องเขากอ็ ันตรธานไป เกดิ อตั ภาพประมาณ เท่าล�ำตาล สูง ๘๐ ศอกแทน ไฟติดท่ัวร่างกาย เป็น เหมอื นดอกทองกวาวทบี่ านเตม็ ทฉ่ี ะนนั้ นวิ้ แตล่ ะนวิ้ ทม่ี อื ทัง้ สองข้าง มีเลบ็ โตประมาณเท่าจอบใหญ่. เขาเอาเลบ็ เหลา่ นนั้ กรดี จกิ ควกั เนอ้ื ขา้ งหลงั ของตน ออกมากิน เสวยทกุ ขเวทนารอ้ งโอดครวญอย่.ู เม่ือพระอาทติ ย์อสั ดงคตแล้ว ร่างนน้ั ก็อันตรธานไป รา่ งอันเปน็ ทิพยก์ ็เกิดข้ึนแทน. เหล่านางฟ้อนอันเป็นทิพย์ผู้ประดับตกแต่งแล้ว ด้วยทพิ พาลงั การ ตา่ งถอื ดรุ ิยางดนตรีมาห้อมลอ้ มบำ� เรอ เมอ่ื จะเสวยมหาสมบตั กิ ข็ น้ึ ไปยงั ปราสาทอนั เปน็ ทพิ ย์ ในสวนอัมพวนั อนั เปน็ รมณียสถาน. 55 www.webkal.org
ติดในรส เวมานิกเปรตน้ัน ได้เฉพาะซ่ึงสวนอัมพวัน อันมี ปรมิ ณฑล ๓ โยชน์ ดว้ ยผลแหง่ การใหผ้ ลมะมว่ งแกส่ ตรี ผสู้ มาทานอโุ บสถ แต่เพราะผลแห่งการกินสินบน ตัดสินคดีโดย อยุติธรรม จึงต้องจิกควักเน้ือหลังของตนกิน และเพราะ ผลแห่งอุโบสถกรรมก่ึงหนึ่ง จึงได้เสวยยศอันเป็นทิพย์ แวดลอ้ มดว้ ยหญงิ ฟอ้ นหมน่ื หกพนั เปน็ บรวิ ารบำ� รงุ บำ� เรอ ด้วยประการฉะนี้. กาลน้ัน พระเจ้าพาราณสีเห็นโทษในกามารมณ์ จึงเสด็จออกทรงผนวชเป็นดาบสให้กระท�ำบรรณศาลาที่ ภูมิประเทศอนั น่ารืน่ รมย์ประทบั อยู่ ยงั อตั ภาพใหเ้ ปน็ ไป ด้วยอุญฉาจริยวตั ร (เท่ียวภกิ ษาเลี้ยงชวี ิต). อยู่มาวันหนึ่ง ผลมะม่วงสุกโตประมาณเท่าหม้อ เข่ืองๆ ตกมาจากสวนอัมพวันนั้น ลอยมาตามกระแส แม่น้�ำคงคา มาถึงตรงท่าน้�ำซึ่งเป็นท่ีบริโภคใช้สอยของ พระดาบสนั้น. พระดาบสกำ� ลงั ลา้ งปากอยู่ เหลอื บเหน็ ผลมะมว่ งสกุ นนั้ ลอยมากลางนำ้� จงึ ลงว่ายน�้ำเกบ็ มา น�ำไปอาศรมบท เก็บไว้ในเรือนไฟ ผ่าด้วยมีดแล้วฉัน พอเป็นเครื่อง 56 www.webkal.org
กงิ ฉันท ประทังชีวิต ส่วนทเ่ี หลอื เอาใบตองปิดไว้ แลว้ ต่อมากฉ็ ัน ผลมะมว่ งนั้นทกุ ๆ วนั จนหมด. เมื่อมะม่วงสุกผลนั้นหมดแล้ว ก็ไม่อยากฉันผลไม้ อ่ืนๆ เพราะติดรส จงึ ตั้งใจวา่ ‘จักฉันเฉพาะผลมะม่วงสุก ชนิดนนั้ จึงไปน่งั คอยดูอย่ทู ่ีรมิ แมน่ ำ้� ’ ตกลงใจวา่ ‘ถา้ ไม่ได้ผลมะมว่ งสกุ จักไมย่ อมลุกข้ึน.’ ดาบสนั้นไม่ยอมขบฉัน สู้นั่งคอยดูผลมะม่วงอยู่ ท่ีริมน�้ำนั้นถึง ๖ วัน จนร่างกายซูบซีดเพราะลมและ แดดแผดเผา ครน้ั ถงึ วนั ทเี่ จด็ นางเทพธดิ าผรู้ กั ษาแมน่ ำ�้ พจิ ารณา ดูรู้เหตนุ ัน้ แล้วคิดวา่ ‘พระดาบสผนู้ เ้ี ปน็ ผตู้ กอยใู่ นอำ� นาจของความอยาก สู้อดอาหารถึง ๗ วัน มานั่งคอยดูแม่น�้ำคงคา การท่ีเรา จะไมถ่ วายผลมะมว่ งสกุ แกด่ าบสนไ้ี มส่ มควรเลย เมอื่ ดาบส นไ้ี ม่ได้ผลมะม่วงสุกคงจักมรณภาพ เราจักถวายแก่ท่าน จงึ มายนื บนอากาศเหนอื แมน่ ำ�้ คงคา’ เม่ือจะสนทนากับดาบสนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ความว่า 57 www.webkal.org
ติดในรส ดูก่อนพราหมณ์ ท่านมีความพอใจอะไร ประสงค์ อะไร ปรารถนาอะไร แสวงหาอะไร จงึ มานง่ั อย่แู ต่ผเู้ ดยี ว ในเวลาร้อน เพราะเหตไุ ร ท่านจึงมาน่งั ดแู มน่ ้�ำ. พระดาบสได้ฟังดังน้ัน จึงกล่าวคาถา ๑๐ คาถา ความวา่ หม้อน้�ำใหญ่มีรูปทรงงดงามฉันใด ผลมะม่วงสุก อนั มีสกี ลีบและรสดีเยี่ยมก็มีอปุ ไมย๑๑ฉนั นัน้ เราได้เห็นผลมะม่วงน้ันอันกระแสน�้ำพัดลอยมา ทา่ มกลางแม่น้�ำ จึงได้หยิบเอามาเกบ็ ไวใ้ นเรือนไฟ แต่น้ันก็วางไว้บนใบตอง ท�ำวิกัป๑๒ด้วยมีดเองแล้ว กฉ็ ัน ความหวิ และความระหายของเราก็หายไป. เราหมดความกระวนกระวายใจ พอมะม่วงหมด เราตอ้ งอดทนตอ่ ความทกุ ข์ ยอ่ มไมไ่ ดป้ ระสบความพอใจ ในผลไมไ้ รๆ อืน่ . ๑๑ สิ่งหรือข้อความที่พึงเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น เพ่ืออธิบายความ ใหเ้ ขา้ ใจแจม่ แจง้ ข้นึ . ๑๒ ในทีน่ เี้ ปน็ ค�ำกรยิ า แปลวา่ ก�ำหนด, ให,้ ฝาก (ตามพระวนิ ัยบญั ญตั )ิ . 58 www.webkal.org
กงิ ฉันท ผลมะม่วงใดเกิดมีแก่ข้าพเจ้า ผลมะม่วงน้ันมีรส อร่อยเป็นเลิศ เป็นท่ีน่าร่ืนรมย์ใจ คงจักน�ำความตายมา แกข่ า้ พเจา้ แน่ เพราะซูบผอม เนอื่ งจากอดอาหาร. ข้าพเจ้าเก็บผลมะม่วงสุก อันลอยมาจากทะเล ในหว้ งมหรรณพ๑๓ได้ ขา้ พเจา้ เขา้ ใจวา่ ‘ผลมะม่วงสุกน้ัน คงจักน�ำความตายมาแก่ข้าพเจ้า’ ข้าพเจ้าต้องมาน่ังอยู่ ทีน่ ีเ่ พราะเหตุใด เหตนุ น้ั ทง้ั หมดข้าพเจา้ บอกทา่ นแลว้ . ข้าพเจ้าน่ังอยู่เฉพาะแม่น�้ำอันน่ารื่นรมย์ แม่น�้ำนี้ กวา้ งขวางมปี ลาโลมาใหญอ่ าศยั อยู่ นา่ จะพงึ มคี วามสบาย ข้าแต่ท่านผู้ยืนอยู่เฉพาะหน้าแห่งเราไม่หนีไป ท่านจง บอกความนั้นแก่เราเถิด. ดูก่อนท่านผู้มีร่างกายอันสันทัดงามดี ท่านผู้มีร่าง อันงาม เช่นกับด้วยทองใบทั้งแผ่น หรือดุจนางพยัคฆีที่ สัญจรไปตามซอกเขา ท่านเปน็ ใคร ? หรือวา่ ทา่ นมาทีน่ ่ี เพ่อื อะไร ?. เทพนารีทั้งหลายในเทวโลก ซึ่งเป็นบริจาริกาแห่ง ทวยเทพในฉกามาพจรสวรรค์๑๔ มีอยู่เหล่าใดหรือสตรี มีรูปงามในมนุษยโลกเหล่าใด เทพนารีและสตรีทั้งหลาย ๑๓ ทะเลใหญ่, ห้วงน้ำ� ใหญ.่ ๑๔ สวรรค์ ๖ ชั้น 59 www.webkal.org
ติดในรส เหล่านั้นในหมู่เทวดาคนธรรพ์และมนุษย์ ไม่มีท่ีจะเสมอ เหมือนทา่ นด้วยรูป ทา่ นผมู้ ตี ะโพกอนั งามประหนงึ่ ทอง เราถามทา่ นแลว้ ขอจงบอกชอ่ื และเผ่าพันธ์เุ ถดิ . ล�ำดับนั้น นางเทพธิดาได้กล่าวคาถา ๘ คาถา ความว่า ดูก่อนพราหมณ์ดาบส ท่านน่ังอยู่ เฉพาะแม่น�้ำ โกสิกิคงคาอันน่าร่ืนรมย์ใด โกสิกิคงคานั้น มีกระแส อันเชี่ยว เป็นห้วงน้�ำใหญ่ ข้าพเจ้าสิงสถิตอยู่ในวิมาน อนั ต้งั อย่ทู ่ีแมน่ ำ้� น้นั . มีล�ำห้วย และล�ำธาร ไหลมาจากเขาหลายแห่ง เกลอ่ื นกลน่ ไปดว้ ยหมไู่ มน้ านาพรรณ ยอ่ มไหลตรงมารวม อย่ทู ข่ี า้ พเจา้ ทั้งนนั้ . ใช่แต่เท่าน้ัน ยังมีน�้ำที่ไหลมาจากป่า มีกระแส ไหลเชี่ยว สีเขียวปัด อีกมากหลาย และน้�ำที่พวกนาค กระท�ำใหม้ ีสวี จิ ิตรตา่ งๆ ย่อมไหลมาตามกระแสนำ�้ . แมน่ ำ้� เหลา่ นนั้ ยอ่ มพดั เอาผลมะมว่ ง ผลชมพู่ ผลขนนุ ส�ำมะลอ ผลกระทุ่ม ผลตาล และผลมะเด่ือเป็นอันมาก มาเนอื งๆ. 60 www.webkal.org
กงิ ฉันท ผลไม้ชนิดใดชนิดหน่ึงที่ฝั่งทั้งสองตกลงในน�้ำแล้ว ผลไม้นั้นย่อมเปน็ ไปในอำ� นาจแหง่ กระแสน�้ำของข้าพเจา้ โดยไม่ต้องสงสยั . ดูก่อนท่านผู้เป็นปราชญ์ มีปัญญามาก ผู้เป็นใหญ่ กวา่ นรชน ทา่ นรอู้ ยา่ งนแ้ี ลว้ จงฟงั ขา้ พเจา้ ทา่ นอยา่ พอใจ ความเกี่ยวเกาะดว้ ยตัณหาอย่างน้ีเลย จงเลกิ คดิ เสยี เถิด. ดกู อ่ นพระราชฤาษผี ยู้ งั รฐั ใหเ้ จรญิ ขา้ พเจา้ ไมเ่ ขา้ ใจ วา่ ‘ทา่ นจะเจรญิ ร่งุ เรอื งไปไดอ้ ย่างไร ?’ เม่อื ท่านซบู ผอม รอความตายอย.ู่ พรหม คนธรรพ์ เทวดา และฤาษีทงั้ หลายในโลกน้ี ผู้มีตนอันส�ำรวมแล้ว เรืองตบะ เริ่มต้ังความเพียร ผู้เรืองยศย่อมรู้ความท่ีท่านตกอยู่ในอ�ำนาจแห่งตัณหา อยา่ งไมต่ อ้ งสงสัยเลย. เม่ือนทีเทพธิดาจะให้ดาบสน้ัน เกิดความสังเวช จึงกล่าวอยา่ งนว้ี า่ พรหมผู้ที่ถึงการนับว่าเป็นบิดา คนธรรพ์พร้อม ท้ังกามาวจรเทพยดา และฤาษีผู้มีจักษุทิพย์ดังท่ีกล่าว มาแล้วย่อมรู้ความท่ีบุคคลน้ัน เป็นผู้ตกอยู่ในอ�ำนาจ ตณั หาโดยไม่ต้องสงสัย แต่ขอ้ ที่ท่านผมู้ ีฤทธิเหล่านน้ั รู้วา่ ‘ดาบสชอื่ โน้นเปน็ ผตู้ กอยใู่ นอำ� นาจของตัณหา’ 61 www.webkal.org
ติดในรส ดังน้ีไม่น่าอัศจรรย์ ถึงปริจาริกชนของฤาษีผู้เร่ิม ตง้ั ความเพยี ร ผยู้ งยศเหลา่ นน้ั ก็จะรู้เพราะฟังคำ� ของชน เหลา่ นน้ั พดู กนั อยอู่ กี เพราะขนึ้ ชอื่ วา่ ‘ความลบั ของบคุ คล ผู้ท�ำความชวั่ ’ ย่อมไมม่ .ี ลำ� ดบั นนั้ พระดาบสไดก้ ลา่ วคาถา ๔ คาถาความวา่ บาปยอ่ มไมเ่ จรญิ แกน่ รชนผรู้ จู้ กั ศลี และความไมเ่ ทย่ี ง ด�ำรงอยู่เหมือนเราฉะน้ัน ซ่ึงรู้ธรรมทั้งปวง รู้ความสลาย และความจุติแห่งชีวิต ถ้านระนั้นไม่คิดฆ่าบุคคลอ่ืนผู้มี ความสุข. ดูก่อนท่านผู้อันหมู่ฤาษีรู้กันทั่วแล้ว ท่านเป็น ผู้อันชนผู้ลอยบาปรู้แจ้งแล้วว่า ‘เป็นผู้เกื้อกูลแก่โลก’ แต่ต้องปรารถนาบาปกรรมแก่ตน เพราะใช้ค�ำบริภาษ อันไม่ประเสรฐิ ไพเราะ. ดูก่อนท่านผู้มีตะโพกอันผึ่งผาย ถ้าเราจักตายอยู่ ท่ีริมฝั่งน�้ำของท่าน เมื่อเราตายไปแล้ว ความติเตียน กจ็ กั มาถงึ ทา่ นโดยไม่ตอ้ งสงสัย. ดูก่อนท่านผู้มีสะเอวอันกลมกลึง เพราะฉะนั้นแล ท่านจงรักษาบาปกรรมไว้เถิด อย่าให้คนท้ังปวงติเตียน ท่านได้ในภายหลัง ในเม่ือเราตายไปแล้ว. 62 www.webkal.org
กิงฉันท นางเทพธิดาได้ฟังดังน้ัน จึงกล่าวคาถา ๕ คาถา ความวา่ เหตุนั้นข้าพเจ้าทราบแล้ว ท่านจงอดกลั้นไว้ก่อน ข้าพเจ้าจะยอมตนและให้มะม่วงแก่ท่าน เพราะท่านละ กามคณุ ทล่ี ะไดย้ าก แลว้ ตง้ั ไวซ้ ง่ึ ความสงบและสจุ รติ ธรรม. บุคคลใดละสังโยชน์ในก่อนได้ แล้วภายหลัง มาต้ังอยู่ในสังโยชน์ ประพฤติอธรรมอยู่ บาปย่อมเจริญ แกบ่ คุ คลนนั้ . มาเถิด ข้าพเจ้าจะน�ำท่านไปยังสวนมะม่วง ท่าน จงเปน็ ผมู้ คี วามขวนขวายนอ้ ยโดยสว่ นเดยี วเถดิ ขา้ พเจา้ จักน�ำท่านไปในสวนมะม่วงอันร่มเย็น ท่านจงเป็น ผ้ไู ม่ขวนขวายอย่เู ถิด. ดูก่อนท่านผู้ปราบปรามข้าศึก สวนน้ันเกลื่อนกล่น ไปด้วยหมู่นก ที่มัวเมาอยู่ในรสดอกไม้ มีนกกระเรียน นกยูง นกเขา ซึ่งมีสร้อยคออันน่าชม มีหมู่หงส์ส่งเสียง ร้องขรม ฝูงนกดุเหว่าที่ร้องปลุกสัตว์ท้ังหลายอยู่ในสวน มะม่วงนน้ั . ผลมะม่วงในสวนน้ันดกเป็นพวงๆ ดุจฟ่อนฟาง ปลายกิง่ หอ้ ยโน้มลงมา มที ั้งตน้ คำ� ตน้ สน ต้นกระทมุ่ และ ผลตาลสุกห้อยอย่เู รยี งราย. 63 www.webkal.org
ติดในรส นางเทพธิดาน้ัน กล่าวต�ำหนิดาบสอย่างน้ี ด้วย ประการฉะน้.ี กแ็ หละครน้ั นางเทพธดิ าพรรณนา แลว้ พาพระดาบส มาในสวนอัมพวัน แล้วสง่ั วา่ “ทา่ นโปรดขบฉนั ผลมะมว่ งทงั้ หลาย ยงั ความอยาก ของตนให้เตม็ บรบิ ูรณ์ในสวนอมั พวนั น้ี” แลว้ หลีกไป. ครั้นพระดาบสขบฉันผลมะม่วงจนอ่ิมสมอยากแล้ว พักผอ่ นแล้ว จงึ เทีย่ วไปในสวนอัมพวัน พบเหน็ เปรตนน้ั กำ� ลงั เสวยทุกข์ (แต่)ไม่สามารถจะพูดอะไรได้ แต่เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว เห็นเปรตนั้นมีหญิง ฟ้อนแวดลอ้ มบ�ำเรอ เสวยทิพยสมบตั อิ ยู่ จึงกล่าวคาถา ๓ คาถา ความว่า ท่านทรงทิพมาลา ผา้ โพกศีรษะ และเครื่องอาภรณ์ ล้วนแต่เป็นทิพย์ มีทองต้นแขน ลูบไล้ด้วยจุรณจันทน์ กลางคืนมีหญิง ๑๖,๐๐๐ คนเปน็ ปริจาริกาบ�ำเรอทา่ นอยู่ แตก่ ลางวันตอ้ งเสวยทุกขเวทนา. หญงิ เหลา่ นไี้ ดเ้ ปน็ ปรจิ ารกิ าของทา่ น มถี งึ ๑๖,๐๐๐ นาง ท่านมีอานุภาพมากอย่างน้ี ไม่เคยมีในมนุษยโลก นา่ ขนพองสยองเกล้า. 64 www.webkal.org
กงิ ฉันท ในปุริมภพ๑๕ ท่านท�ำบาปกรรมอะไรไว้ จึงต้องน�ำ ทุกขเวทนามาสู่ตน ท่านท�ำกรรมอะไรไว้ในมนุษยโลก จงึ ต้องเคีย้ วกนิ เน้อื หลงั ของตนเองในบดั น.้ี เปรตจ�ำพระดาบสได้จงึ ทลู วา่ “พระองคค์ งจำ� ขา้ พระพทุ ธเจา้ ไมไ่ ด้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ คือผู้ท่ีได้เป็นปุโรหิตของพระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าต้อง เสวยความสุขในกลางคืนนี้ เพราะผลแห่งอุโบสถกึ่งหนึ่ง ท่ีตนได้ท�ำมาเพราะอาศัยพระองค์ แต่ท่ีได้เสวยทุกข- เวทนาในเวลากลางวัน เพราะผลแห่งบาปกรรมที่ท�ำไว้ แลว้ เหมอื นกัน แทจ้ รงิ ขา้ พระพทุ ธเจา้ อนั พระองคท์ รงตง้ั ไวใ้ นตำ� แหนง่ ผู้พิพากษา ได้ช�ำระคดีโดยอยุติธรรมรับสินบน ขูดเลือด เนอ้ื ประชาชนทางเบอื้ งหลงั เพราะผลแหง่ กรรมทที่ ำ� ไวน้ น้ั ตอนกลางวนั ขา้ พระพุทธเจา้ จงึ ได้เสวยทุกขเวทนาน้ี แล้วกล่าวคาถา ๒ คาถา ความว่า ขา้ พเจา้ เรยี นจบไตรเพท หมกมนุ่ อยใู่ นกามทงั้ หลาย ไดป้ ระพฤตเิ พอ่ื ความฉบิ หาย มใิ ชป่ ระโยชนแ์ กช่ นเหลา่ อนื่ ตลอดกาลนาน. ๑๕ ภพกอ่ น 65 www.webkal.org
ตดิ ในรส บุคคลใดเป็นผู้ขูดเลือดเนื้อผู้อ่ืน บุคคลน้ันย่อม ต้องควักเนื้อของตนกิน เช่นเดียวกับข้าพระพุทธเจ้า กินเนือ้ หลงั ของตนอยจู่ นทกุ วนั นี.้ ก็แลครั้นเปรตกราบทูลอย่างน้ีแล้ว จึงทูลถาม พระดาบสวา่ “พระองคเ์ สดจ็ มาในที่น้ีไดอ้ ย่างไร ?” พระดาบสเล่าเรือ่ งท้งั หมดใหฟ้ ังโดยพิสดาร. เปรตทลู ถามอีกว่า “ก็บัดนี้พระองค์จะประทับอยู่ในที่น้ีต่อไป หรือจัก เสดจ็ ไปทอ่ี ื่น ?” พระดาบสตรัสตอบวา่ “เราหาอยไู่ ม่ จักกลับไปสู่อาศรมบทนัน่ เทียว.” เปรตทูลว่า “ดีละพระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจักบ�ำรุงพระองค์ ด้วยผลมะมว่ งสุกเปน็ ประจ�ำ” แล้วน�ำพระดาบสไปในอาศรมบทด้วยอานุภาพ ของตน ทลู ขอปฏญิ ญาว่า “ขอพระองค์อย่าได้มีความกระสัน ประทับอยู่ ในทีน่ ี้เถดิ ” แล้วทูลลาไป 66 www.webkal.org
กิงฉันท ต้ังแต่นั้นมา เปรตน้ันก็บ�ำรุงพระดาบสด้วย ผลมะมว่ งสุกเป็นนิตย.์ พระดาบสเม่ือได้ฉนั ผลมะม่วงสกุ นนั้ กก็ ระทำ� กสิณ บริกรรม ยังฌานและอภิญญาให้บังเกิด แล้วได้เป็น ผู้มพี รหมโลกเปน็ ท่ไี ปในเบ้ืองหน้า. พระบรมศาสดาทรงน�ำพระธรรมเทศนาน้ีมาแสดง แกอ่ บุ าสกอบุ าสกิ าทง้ั หลายแลว้ ทรงประกาศอรยิ สจั ธรรม ในท่ีสุดแห่งอริยสัจเทศนา บางพวกได้เป็นพระ- โสดาบนั บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกไดเ้ ปน็ พระอนาคามี ประชมุ ชาดก นางเทพธดิ าในครงั้ นน้ั ไดม้ าเปน็ ภกิ ษณุ อี บุ ลวรรณา สว่ นดาบส ไดม้ าเปน็ เราผู้ตถาคต ฉะนแี้ ล. 67 www.webkal.org
68 www.webkal.org
ชาดกเรอ่ื งตดิ ในสัมผัส ความตอนหนง่ึ ใน ๕. กณุ าลชาดก๑๖ วา่ ด้วย นางนกดเุ หวา่ สถานทีต่ รัส ณ รมิ สระช่ือกณุ าละ ทรงปรารภ ภิกษุ ๕๐๐ รปู ซ่ึงถูกความเบื่อหนา่ ย อยากจะสกึ บีบค้ันแล้ว สาเหตุท่ีตรัส ดังได้สดับมาว่า ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์ กับเมือง โกลิยะทั้งสองเมืองนี้ มีแม่น�้ำชื่อว่า ‘โลหินี’๑๗ สายเดียว เท่านั้นไหลผ่านลงมา ชนชาวสากิยะและชนชาวโกลิยะ จงึ ทำ� ท�ำนบก้ันน้ำ� นัน้ ร่วมอนั เดยี วกันแลว้ จงึ ตกกล้า ครงั้ หนงึ่ ในตน้ เดอื น ๗ ขา้ วกลา้ เฉาลง พวกกรรมกร ของชนชาวนครทั้งสองน้ันจึงประชุมกัน บรรดากรรมกร ทัง้ สองเมืองนนั้ ๑๖ ตน้ ฉบับ ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย อสตี ินิบาตชาดก, ๑ ๗ ใลน.๖ค๒าถ, านธ.๕รร๓ม๖บ,ทมเมร่ือร.ง เร่ืองระงับความทะเลาะแหงหมูพระญาติ ใชวา ‘โรหณิ ’ี 69 www.webkal.org
ตดิ ในสมั ผสั พวกกรรมกรชาวเมอื งโกลิยะกล่าวข้นึ ก่อนว่า “นำ�้ ที่ปดิ กัน้ ไว้นี้ ถ้าจะไขเข้านาทั้งสองฝา่ ย กไ็ มพ่ อ เลี้ยงต้นข้าวของพวกเราและพวกท่าน ก็ข้าวกล้าของ พวกเราจักส�ำเร็จเพราะน้�ำคราวเดียวเท่านั้น พวกท่าน จงใหน้ �้ำนีแ้ กพ่ วกเราเถิด” พวกกรรมกรชาวเมอื งกบิลพสั ดก์ุ ็พดู ข้นึ วา่ “เมื่อพวกท่านได้ข้าวกล้าเอาบรรจุไว้ในฉางจนเต็ม แลว้ ตงั้ ปง่ึ ๑๘ อยู่ พวกเราไมอ่ าจทจ่ี ะถอื เอากหาปณะทองคำ� เงิน นิล มณีสัมฤทธิ์ แบกกระเช้ากระสอบเป็นต้น เที่ยวไปขอซื้อตามประตูเรือนของท่านได้ แม้ข้าวกล้า ของพวกเราก็จักส�ำเร็จได้เพราะน้�ำคราวเดียวเท่านั้น เหมือนกัน ขอพวกท่านจงใหน้ ำ�้ น้ีแก่พวกเราเถดิ ” ทง้ั สองฝ่ายต่างก็ขน้ึ เสียงเถยี งกนั วา่ “พวกเราจกั ไมใ่ ห้ แมพ้ วกเรากจ็ กั ไมย่ อมใหเ้ หมอื นกนั ” ดงั น้ี ครน้ั พดู กนั มากขนึ้ ๆ อยา่ งนี้ กรรมกรคนหนง่ึ กล็ กุ ขน้ึ ตเี อาคนหนง่ึ เขา้ แมค้ นทถี่ กู ตนี น้ั กต็ คี นอนื่ ๆ ตอ่ ไป ตา่ งฝา่ ย ต่างตีกันอย่างน้ี ก็เกดิ ทะเลาะกระทบชาตแิ หง่ ราชตระกลู ๑๘ ทําทาไวยศ ไมอยากพูดจาดวย ทําทีเฉยแสดงอาการคลายกับ โกรธ 70 www.webkal.org
กณุ าล พวกกรรมกรชาวโกลิยะกล่าวขึ้นก่อนว่า “พวกมงึ จงพาพวกเดก็ ๆ สากยิ ะซง่ึ อยใู่ นเมอื งกบลิ - พสั ดไ์ุ ปเถดิ อา้ ยพวกสงั วาสกบั นอ้ งสาวของตวั เองเหมอื น สัตว์เดียรัจฉาน มีหมาบ้านและหมาป่าเป็นต้น ถึงจะมี ก�ำลังเป็นต้นว่า ช้าง ม้า โล่และอาวุธ ก็จักกระท�ำอะไร แก่พวกกไู ด”้ พวกกรรมกรชาวสากิยะกก็ ล่าวตอบวา่ “พวกมงึ กเ็ หมอื นกนั จงพาเดก็ ขเี้ รอ้ื นไปเสยี ในบดั นี้ อ้ายพวกอนาถาหาท่ีไปไม่ได้ เที่ยวอาศัยอยู่ในโพรงไม้ กระเบาเหมอื นสตั วเ์ ดยี รจั ฉาน ถงึ จะมโี ยธาหาญเปน็ ตน้ วา่ ชา้ ง ม้า โลแ่ ละอาวุธ ก็จกั กระทำ� อะไรแกพ่ วกกไู ด้” ชนเหลา่ นน้ั ตา่ งฝา่ ยตา่ งกไ็ ปรอ้ งเรยี นอำ� มาตย์ ผเู้ ปน็ เจา้ หน้าที่ในการนน้ั พวกอำ� มาตยจ์ งึ เสนอเร่ืองราวแก่ราชตระกลู ตอ่ ไป ในล�ำดบั น้นั พวกกษตั ริย์สากยิ ะท้ังหลายจงึ ตรัสว่า “พวกเราจะสำ� แดงเรยี่ วแรงและกำ� ลงั ของคนทสี่ งั วาส กับนอ้ งสาวใหด้ ู” แลว้ ตระเตรยี มการรบยกออกไป แม้กษตั รยิ ์พวกโกลยิ ะก็ตรัสว่า 71 www.webkal.org
ติดในสมั ผัส “พวกเราก็จะส�ำแดงให้เห็นเรี่ยวแรงและกำ� ลัง ของ คนที่อาศัยอยู่ในต้นกระเบา” แล้วตระเตรียมการรบยก ออกไปเหมือนกนั . ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ เมอื งสาวตั ถที รงทอดพระเนตรดสู ตั วโลกในเวลาใกลร้ งุ่ ทีเดียว ได้ทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ทั้งสองพระนคร เหล่าน้ี มีการตระเตรยี มรบแล้วยกกองทัพออกไปอย่างน้ี เมอ่ื ทอดพระเนตรเหน็ แลว้ จงึ ทรงใครค่ รวญตอ่ ไปวา่ ‘เม่ือเราไปห้ามการทะเลาะนี้ จักระงับได้หรือไม่ หนอ ?’ กท็ รงเห็นว่า ‘เราไปในท่ีนน้ั แล้ว จักแสดงชาดก ๓ เร่ือง เพ่ือระงับการทะเลาะวิวาท การทะเลาะวิวาท ก็จกั ระงับลงในขณะนนั้ คร้นั แลว้ เราจกั แสดงชาดกอกี ๒ เรอ่ื ง เพ่อื ตอ้ งการ จะให้แสดงความสามัคคีน้ัน แล้วจักแสดงอัตตทัณฑสูตร ต่อไป กษัตริย์ผู้อยู่ในพระนครทั้งสอง เมื่อได้ฟังเทศนา ของเราแลว้ ก็จกั ให้พระราชกุมารฝา่ ยละ ๒๕๐ พระองค์ เราจักให้พระราชกุมารเหล่าน้ีบรรพชา สมาคมใหญ่จักมี ดว้ ยประการฉะน้’ี 72 www.webkal.org
กณุ าล ครนั้ ตกลงพระหฤทยั ดงั นแี้ ลว้ พอรงุ่ เชา้ กท็ รงกระทำ� การชำ� ระพระสรรี ะ เสดจ็ เทย่ี วไปบณิ ฑบาตในเมอื งสาวตั ถี เสด็จกลบั จากบณิ ฑบาตแลว้ ถงึ เวลาเย็นก็เสด็จออกจาก พระคันธกุฎีมิได้ตรัสบอกแก่ใครๆ เลย ทรงถือเอาบาตร แลจวี รดว้ ยพระองคเ์ อง ทรงคบู้ ลั ลงั กป์ ระทบั นงั่ ในอากาศ ระหวา่ งเสนาทงั้ สองฝา่ ย ทรงเปลง่ พระรศั มอี อกจากพระเกศ ทำ� ใหเ้ กดิ ความมดื ในเวลากลางวนั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความทอ้ ใจ แกพ่ วกนักรบเหลา่ น้นั ล�ำดับนั้น เมื่อพวกนักรบเหล่านั้นเกิดความท้อใจ แล้ว พระองค์จึงทรงแสดงพระองค์ให้ปรากฏ ทรงเปล่ง พระพทุ ธรัศมีมพี รรณ ๖ ประการ ฝา่ ยเหลา่ กษตั รยิ ส์ ากยิ ะชาวเมอื งกบลิ พสั ด์ุ ครนั้ เหน็ พระผมู้ ีพระภาคเจ้า จึงด�ำรวิ ่า ‘ญาติผู้ประเสริฐของพวกเราเสด็จมาแล้ว ชะรอย พระองคค์ งจะไดท้ รงทราบวา่ ‘พวกเรากระทำ� การทะเลาะ ววิ าทกนั ’ จึงพากันวางเครือ่ งอาวุธเสียด้วยตกลงใจวา่ ‘ก็เมื่อพระศาสดาเสด็จมาแล้ว พวกเราไม่อาจที่จะ ให้อาวธุ ตกตอ้ งร่างกายของผู้อื่นได้ พวกชาวเมอื งโกลยิ ะ จะฆ่าจะแกงพวกเราเสียก็ตามทีเถดิ ’ 73 www.webkal.org
ติดในสัมผสั แม้พวกกษัตริย์ชาวเมืองโกลิยะก็คิดและกระท�ำ อยา่ งนั้นเหมอื นกนั ลำ� ดบั นน้ั พระผมู้ พี ระภาคเจา้ จงึ เสดจ็ ลงมาประทบั น่งั ณ พทุ ธอาสนอ์ นั ประเสรฐิ ซึ่งพวกกษตั ริย์ จดั ถวาย บนเนินทรายในประเทศอันรื่นรมย์ ทรงรุ่งเรืองอยู่ด้วย พระพุทธสริ อิ ันงดงามหาส่ิงเปรียบมิได้ แม้พระราชาท้ังสองฝ่ายน้ัน ก็พากันถวายบังคม พระผู้มพี ระภาคเจา้ แล้วนงั่ อยู่. ล�ำดบั นัน้ พระศาสดาแมท้ รงทราบเรื่องอยู่ แตก่ ็ได้ ตรัสถามพวกกษัตริย์เหล่านั้นอกี ว่า “ดกู อ่ นมหาราชทงั้ หลาย พวกทา่ นมา ณ ทนี่ ที้ ำ� ไม?” กษตั ริย์เหลา่ นั้นกราบทลู ว่า “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ ูเ้ จริญ หม่อมฉันทั้งปวงมา ณ ท่นี ้ี เพอื่ ตอ้ งการจะดแู มน่ ำ�้ กห็ ามไิ ด้ เพอื่ ตอ้ งการจะเทยี่ วเลน่ ก็หามิได้ เพ่ือต้องการจะดูภาพอันน่าร่ืนรมย์ในป่าดง ก็หามิได้ ก็แต่ว่าหม่อมฉันมา ณ ที่น้ี เพราะการเร่ิม สงครามกันขนึ้ ” “ดูก่อนมหาราช พวกเธอเกิดทะเลาะวิวาทกันด้วย เรอ่ื งอะไรเล่า ?” 74 www.webkal.org
กุณาล “เพราะเร่อื งน�้ำพระเจา้ ข้า” “ดกู ่อนมหาราช น�้ำมรี าคาเทา่ ไร ?” “นำ้� ราคาเล็กน้อย พระเจ้าขา้ ” “ดกู อ่ นมหาราช กแ็ ผ่นดนิ ราคาเท่าไร ?” “แผ่นดนิ มีราคาประมาณมิไดพ้ ระเจ้าข้า” “ดกู อ่ นมหาราช ก็กษตั ริยเ์ ล่ามรี าคาเท่าไร ?” “กษตั รยิ ์ กม็ รี าคาประมาณมไิ ดเ้ หมอื นกนั พระเจา้ ขา้ ” พระศาสดาจึงตรัสว่า “ดูก่อนมหาราชท้ังหลาย ไฉนพวกท่าน ? จึงจะยัง กษตั ริยท์ ้ังหลายซ่งึ หาคา่ มิไดใ้ หพ้ ินาศไป เพราะอาศยั นำ�้ ซ่ึงมีราคาเพียงเลก็ นอ้ ยเล่า” ครั้นตรัสดังนี้แล้ว จึงตรัสเทศนา ผันทนชาดก๑๙ ความวา่ “ดกู อ่ นมหาราชทงั้ หลาย ขนึ้ ชอื่ วา่ ‘การหายใจคลอ่ ง’ เพราะเหตทุ ะเลาะววิ าทกนั นัน้ ไมม่ ีเลย. ด้วยว่า รุกขเทวดาตนหนึ่งกับหมีตัวอาฆาตกัน เพราะเหตทุ ะเลาะววิ าทกนั เวรนนั้ กต็ กตามอยตู่ ลอดกปั น้ี ทั้งสน้ิ ” ๑๙ ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาเตรสนิบาต ขทุ ทกนิกาย ชาดก, ล.๖๐, น. ๒๒๕, มมร. 75 www.webkal.org
ติดในสัมผัส ล�ำดับต่อน้ันไป ได้ตรัสเทศนา ทุททภชาดก๒๐ ความวา่ “ดกู อ่ นมหาราชทงั้ หลาย เกดิ มาเปน็ คนไมค่ วรหนั ไป ตามเหตุที่ถึงของบุคคลอ่ืน (คือไม่ควรเก็บเอาเร่ืองของ คนอนื่ มาคดิ ) จะเลา่ ใหฟ้ งั พวกสัตว์จตบุ ท๒๑ ในประเทศ หิมวนั ตซ์ งึ่ กว้างประมาณ ๓,๐๐๐ โยชน์ ยึดถือเรอื่ งของ คนอ่ืน พากันว่ิงจะไปลงทะเล เพราะฟังค�ำของกระต่าย ตัวหน่ึง เพราะฉะนั้น บคุ คลจึงไม่ควรยดึ ถือเอาเร่อื งของ คนอ่ืน” ต่อจากน้ัน พระองค์ตรัสเทศนา ลฏุกิกชาดก๒๒ ความวา่ “ดูก่อนมหาราชท้ังหลาย บางคราวผู้ที่มีก�ำลังน้อย ก็หาช่องท�ำลายผู้มีก�ำลังมากได้ บางคราวผู้มีก�ำลังมาก ก็ได้ช่องท�ำแก่ผู้มีก�ำลังน้อย แม้แต่นางนกไซ้๒๓ ยังฆ่า พญาชา้ งตัวประเสรฐิ ได้” ๒๐ นาจะเปน ททุ ทภุ ายชาดก, ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาจตกุ กนิบาต ขุททกนิกาย ชาดก, ล.๕๘, น.๕๓๑, มมร. ๒๑ สตั ว์สี่เทา้ ๒๒ ชาตกฏั ฐกถา อรรถกถาจตกุ กนบิ าต ขทุ ทกนกิ าย ชาดก, ล. ๕๘, น. ๗๕๘, มมร. ๒๓ นาจะเปน นกไส 76 www.webkal.org
กุณาล สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสเทศนาชาดก ๓ เรื่อง เมื่อทรงพระประสงค์จะระงับการทะเลาะวิวาทดังน้ีแล้ว จึงตรัสเทศนาชาดกอีก ๒ เรื่อง เพ่ือแสดงสามัคคีธรรม เหมือนดงั นั้นอกี คือตรสั เทศนา รกุ ขธรรมชาดก๒๔ ว่า “ดกู อ่ นมหาราชทง้ั หลายกเ็ มอ่ื บคุ คลพรอ้ มเพรยี งกนั อยู่แล้ว ใครๆ ก็ไมอ่ าจหาชอ่ งทำ� รา้ ยได้” แลว้ ตรสั เทศนา วัฏฏกชาดก๒๕ ความว่า “ดูก่อนมหาราชท้ังหลาย เมื่อฝูงนกกระจาบพร้อม เพรยี งกันอยู่ นายพรานก็ไม่อาจหาช่องทำ� รา้ ยได้ ต่อเม่อื ใดฝงู นกกระจาบเกิดแก่งแยง่ กันขน้ึ เมอ่ื น้ัน บุตรนายพรานคนหน่ึง จึงท�ำลายชีวิตเอานกกระจาบ เหล่าน้ันไปเสีย ขึ้นชื่อว่า ‘ความหายใจคล่อง’ ในการ ทะเลาะวิวาทยอ่ มไม่มเี ลย” พระศาสดาตรัสชาดก ๕ เรื่องเหล่าน้ีอย่างน้ีแล้ว ในท่ีสดุ จงึ ตรัสเทศนา อัตตทัณฑสูตร.๒๖ ๒๔ นาจะเปน รุกขธัมมชาดก, ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาเอกนิบาต ขุททกนกิ าย ชาดก, ล.๕๖, น.๑๙๙, มมร. ๒๕ นาจะเปน สมั โมทมานชาดก, ชาตกัฏฐกถา อรรถกถาเอกนบิ าต ขทุ ทกนิกาย ชาดก, ล.๕๕, น.๓๓๕, มมร. ๒๖ ปรมัตถโชติกา อรรถกถาขุททกนิกาย สุตตนิบาต, ล.๔๗, น.๔๘๓, มมร. 77 www.webkal.org
ตดิ ในสมั ผัส พระราชาแม้ท้ังหมดสดับพระธรรมเทศนานั้นแล้ว กท็ รงเลือ่ มใส ปรึกษากันว่า ‘ถ้าหากว่าพระศาสดา ไม่เสด็จมา พวกเราก็จักฆ่า ฟันซ่ึงกันและกันจนเลือดไหลนองเป็นแม่น้�ำ พวกเราได้ ชีวติ เพราะอาศัยพระศาสดา กถ็ า้ พระศาสดาจกั ทรงครอบครองฆราวาส ราชสมบตั ิ ในทวีปใหญ่ท้ัง ๔ มีทวีปน้อย ๒,๐๐๐ เป็นบริวาร ก็จะตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ จกั มพี ระราชโอรสกวา่ พนั แตน่ นั้ กจ็ กั มกี ษตั รยิ เ์ ปน็ บรวิ าร เสด็จเที่ยวไป ก็แต่ว่าพระองค์ทรงสละราชสมบัติเช่นน้ัน เสยี แลว้ เสดจ็ ออกบรรพชาจนได้บรรลพุ ระสัมมาสมั โพธ-ิ ญาณ ถึงอย่างนั้นเด๋ียวนี้ พระองค์ก็ควรมีกษัตริย์เป็น บรวิ ารเสด็จเทย่ี วไป’ ครนั้ ปรกึ ษากนั ดงั นแี้ ลว้ กษตั รยิ ท์ งั้ สองพระนครนนั้ จึงถวายพระราชกุมารฝ่ายละ ๒๕๐ องค์ พระผู้มีพระ- ภาคเจา้ กท็ รงใหพ้ ระราชกมุ ารเหลา่ นน้ั บรรพชาแลว้ เสดจ็ ไปสูม่ หาวนั จ�ำเดิมแต่วันรุ่งข้ึนเป็นต้นไป พระผู้มีพระภาคเจ้า มีภิกษุราชกุมารเหล่าน้ันแวดล้อมเป็นบริวาร เสด็จเที่ยว บิณฑบาตไปในพระนครท้ังสอง คือ บางคราวก็เสด็จไป 78 www.webkal.org
กณุ าล เมืองกบิลพัสดุ์ บางคราวก็เสด็จไปเมืองโกลิยะ แม้ชาว พระนครทั้งสองกก็ ระท�ำสักการะใหญแ่ กพ่ ระองค์ ฝ่ายพวกภิกษุราชกุมารเหล่าน้ัน บวชด้วยความ เคารพในสมเด็จพระบรมครู หาได้บวชด้วยความเต็มใจ ของตนไม่ จงึ ได้เกดิ ความกระสันอยากจะสึก ใช่แต่เท่านั้น พวกภรรยาเก่าของภิกษุเหล่าน้ัน ยังกล่าวถ้อยค�ำและส่งข่าวสาสน์ไปยั่วยวนชวนให้เกิด ความเบอ่ื หนา่ ยอกี ภกิ ษรุ าชกมุ ารเหลา่ นนั้ กย็ ง่ิ เบอ่ื หนา่ ย หนกั ขน้ึ พระผมู้ ีพระภาคเจ้า ทรงพจิ ารณาดูกท็ รงทราบว่า ‘ภกิ ษุเหลา่ นน้ั เกดิ ความเบื่อหนา่ ยข้นึ แลว้ ’ จึงทรงใครค่ รวญวา่ ‘ภิกษุเหล่าน้ีอยู่ร่วมกับพระพุทธเจ้าเช่นเรา ยังมี ความเบื่อหน่ายอีก ธรรมกถาเช่นไรหนอ ? จึงเป็นท่ี สบายของภิกษุเหล่านี้ได้’ ก็ทรงเห็นว่า ‘กุณาลธรรม เทศนาเป็น ทสี่ บาย’ ล�ำดบั นั้นพระองค์จึงทรงตรกึ ตอ่ ไปวา่ ‘เราจกั พาภกิ ษเุ หลา่ นไ้ี ปยงั ประเทศหมิ วนั ต์ ประกาศ โทษของมาตคุ าม ตามถอ้ ยคำ� ของนกดเุ หวา่ ชอ่ื “กณุ าละ” ให้ภิกษุเหล่านั้นได้ฟัง ก�ำจัดความเบ่ือหน่ายเสียแล้ว จักแสดงพระโสดาปตั ตมิ รรคแก่เธอ’ 79 www.webkal.org
ติดในสัมผัส คร้ันเวลารุ่งเช้า พระองค์จึงทรงนุ่งห่มถือบาตรและ จวี รเสดจ็ เขา้ ไปบณิ ฑบาต ณ เมอื งกบลิ พัสด์ุ พอเวลาปัจฉา๒๗ ภัตรก็เสด็จกลับจากบิณฑบาต รบั ส่ังใหห้ าภิกษปุ ระมาณ ๕๐๐ เหล่าน้ันมา ในเวลาเสร็จ ภตั กจิ แล้ว ตรสั ถามวา่ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเคยเห็นหิมวันต- ประเทศอนั เป็นสถานทน่ี า่ รืน่ รมยแ์ ลว้ หรอื ?” ภกิ ษเุ หลา่ นั้นกราบทลู ว่า “ ยังไมเ่ คยเห็นเลย พระเจ้าขา้ ” จึงตรัสถามวา่ “กพ็ วกเธอจกั ไปเทยี่ วยงั ประเทศหมิ วนั ตไ์ หมเลา่ ?” กราบทูลวา่ “ขา้ พระองคท์ ง้ั หลายไมม่ ฤี ทธ์ิ จกั ไปอยา่ งไร ไดเ้ ลา่ ? พระเจ้าขา้ ” ตรัสว่า “ถา้ ใครคนใดคนหนง่ึ จะพาพวกเธอไป เธอจะไปหรอื ไมเ่ ลา่ ?” พระภกิ ษุเหล่านั้นก็กราบทูลว่า “ขา้ พระองค์ จักไป พระเจ้าขา้ .” ๒๗ ภายหลงั , ข้างหลงั 80 www.webkal.org
กุณาล สมเด็จพระบรมศาสดาจึงทรงพาภิกษุเหล่าน้ัน ทั้งหมดไปด้วยฤทธิ์ของพระองค์ ทรงเหาะไปในอากาศ จนถึงป่าหิมวันต์ ประทับยืนอยู่บนท้องฟ้าทรงช้ีให้ชม ภูเขา ๗ ลูกต่างๆ กัน คือ ภูเขาทอง ภเู ขาเงนิ ภเู ขาแก้ว มณีภูเขาหรดาล๒๘ ภูเขามอ๒๙ ภูเขาโล้น ภูเขาแก้วผลึก แล้วทรงช้ีให้ดูแม่น�้ำใหญ่ท้ัง ๕ สาย คือ คงคา ยมนา อจริ วดี สรภู มหี แลว้ ทรงชี้ใหด้ สู ระท้ัง ๗ แห่ง คือ สระชอื่ กัณณมุณฑะ รถการ มัณฑากิณี สีหปบาต ฉัททันต์ อโนดาต กณุ าละ ภูเขาทไี่ ด้ช่อื วา่ หิมวนั ตน์ ้นั สงู ถงึ ๕๐๐ โยชน์ กว้าง ๓,๐๐๐ โยชน์ พระศาสดาทรงชสี้ ถานอนั นา่ ร่นื รมยน์ ้ี ซงึ่ เปน็ เพยี ง บางสว่ นของภเู ขาหมิ วนั ต์นน้ั ด้วยอานุภาพของพระองค์ แล้วทรงช้ีถึงสัตว์ ๔ เท้า เป็นต้นว่า ราชสีห์ เสือโคร่ง ตระกูลชา้ ง และสตั ว์ ๒ เทา้ มีนกดเุ หวา่ เปน็ ตน้ ซึง่ อาศัย อยูท่ ่ภี เู ขาหมิ วนั ต์นั้นแต่บางสว่ นอกี ๒๘ น. แรช นดิ หน่งึ ประกอบดว ยธาตสุ ารหนแู ละกํามะถนั มีปรากฏ ในธรรมชาติ ๒ ชนดิ คือ หรดาลแดงกับหรดาลกลีบทอง มักจะ ปรากฏอยปู นกัน ๒๙ ท่ีสูง, เนินดินสูง, เขาจําลองที่ทําไวดูเลนในบาน หรือสําหรับ จดั สวน เรยี กวา เขามอ. 81 www.webkal.org
ตดิ ในสมั ผสั ต่อจากนั้น ทรงชี้ถึงป่าอันเป็นท่ีรื่นรมย์ราวกะว่า สวนท่ีประดับตกแต่งไว้ มีทั้งพรรณไม้อันมีดอกออกผล เกลื่อนกล่นด้วยหมู่นกนานาชนิด ท้ังดอกไม้น�้ำและ ดอกไม้บก ด้านทิศตะวันออกของภูเขาหิมวันต์น้ัน มพี ืน้ แผน่ สุวรรณ ด้านทศิ ตะวันตก มพี ้ืนหรดาล นับแต่กาลท่ีภิกษุเหล่านั้น เห็นสถานท่ีและวัตถุ อนั นา่ รน่ื รมยเ์ หลา่ น้ี แลว้ ความกำ� หนดั ยนิ ดใี นชายากเ็ สอ่ื ม หายไป ลำ� ดบั นนั้ พระศาสดาจงึ ทรงพาภกิ ษเุ หลา่ นน้ั ลงจาก อากาศ เสดจ็ ประทบั นงั่ บนอาสนะมโนศลิ าอนั มปี รมิ ณฑล ได้ ๓ โยชน์ ภายใตต้ น้ รงั อนั ตงั้ อยตู่ ลอดกปั ซงึ่ มปี รมิ ณฑล ได้ ๗ โยชน์ ข้ึนอย่บู นพน้ื มโนศลิ าอันกวา้ งใหญ่ประมาณ ๖๐ โยชน์ อยูด่ า้ นทศิ ตะวนั ตกแห่งภเู ขาหมิ วนั ต์ เม่ือภิกษุเหล่าน้ันแวดล้อมพร้อมกันแล้ว จึงทรง เปลง่ พระรศั มมี พี รรณ ๖ ประการ ดจุ ดวงสรุ ยิ ะอนั ชชั วาลย์ สอ่ งสวา่ งกลางท้องมหาสมทุ ร ทำ� ทะเลให้กระเพื่อมขึ้นลง ฉะนนั้ แลว้ ทรงเปลง่ พระสรุ เสยี งอนั ไพเราะตรสั เรยี กภกิ ษุ เหล่านั้นว่า “ดกู อ่ นภิกษทุ ง้ั หลาย สิ่งอนั ใดทพี่ วกเธอไม่เคยเห็น ในเขาหมิ วนั ต์นี้ ก็จงถามเราเถดิ ” 82 www.webkal.org
กณุ าล ในขณะนนั้ นางนกดเุ หวา่ สวยงาม ๒ ตวั คาบทอ่ นไม้ ที่ปลายทงั้ สองข้าง ใหน้ กตวั เป็นสามีของตนจบั ตรงกลาง แลว้ มนี างนกดุเหว่าบินไปขา้ งหน้า ๘ ตัว ข้างหลัง ๘ ตัว ข้างซา้ ย ๘ ตัว ขา้ งขวา ๘ ตวั ข้างล่าง ๘ ตัว ข้างบนบิน บงั เป็นเงา ๘ ตวั พวกนางนกดเุ หว่าเหลา่ นั้นบินแวดล้อม นกดุเหว่านน้ั บนิ ไปในอากาศโดยอาการอย่างนี้ ภกิ ษเุ หลา่ นน้ั เหน็ ฝงู นกทง้ั หมด จงึ ทลู ถามพระศาสดา วา่ “ฝงู นกเหลา่ นช้ี อื่ นกอะไร ? พระเจ้าข้า” พระศาสดาตรสั ตอบว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย น้ีเป็นวงศ์เก่าของเรา เราได้ ตงั้ ประเพณนี ไ้ี ว้ แตก่ อ่ นนางนกดเุ หวา่ ทง้ั หลาย กไ็ ดบ้ ำ� เรอ เราอย่างนมี้ าเหมือนกนั แตค่ ราวนนั้ ฝงู นกนยี้ งั เปน็ ฝงู ใหญ่ นางนกทบ่ี นิ ตาม แวดล้อมเรา มีประมาณถึง ๓,๕๐๐ ตัว ในกาลต่อมา ก็ร่วงโรยลงโดยล�ำดับ จนเวลานี้เหลืออยู่เพียงเท่าที่เห็น อยนู่ ”ี้ พวกภกิ ษจุ ึงทลู ถามวา่ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางนกเหล่านี้ได้เคยบ�ำเรอ พระองคม์ าในป่าชฏั เหน็ ปานนอ้ี ยา่ งไร ? พระเจา้ ข้า” 83 www.webkal.org
ตดิ ในสมั ผสั ลำ� ดบั นน้ั พระศาสดาจงึ ตรสั แกพ่ วกภกิ ษเุ หลา่ นนั้ วา่ “ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ถา้ เชน่ นนั้ เธอทง้ั หลายจงตง้ั ใจ ฟังถ้อยค�ำของเราเถิด” แล้วทรงด�ำรงพระสติ เม่ือจะทรง นำ� อดีตนิทานมาแสดง จงึ มพี ระพทุ ธฎกี า๓๐ ว่า ได้ยินมาอย่างนี้ว่า ท่ีภูเขาหิมพานต์อันทรงไว้ซ่ึง แผ่นดินมีโอสถทุกชนิด ดารดาษไปด้วยดอกไม้และของ หอมทุกชนิด เป็นท่ีสัญจรเท่ียวไปแห่งสัตว์ใหญ่น้อยท้ัง หลาย ท้ังสัตว์ใหญ่ สัตว์น้อย กินนร ยักษ์ รากษส๓๑ ฝงู นกตา่ งๆ เปน็ ภมู ปิ ระเทศทปี่ ระดบั ดว้ ยเเรธ่ าตหุ ลายรอ้ ย ชนดิ เป็นป่าชฎั อันนา่ รน่ื รมยเ์ ห็นปานน้ี มีนกดเุ หวา่ ชอื่ ‘กณุ าละ’ มี ตวั ปกี เเละขน งดงาม ย่ิงนักอาศัยอยู่ นกดเุ หว่าชื่อกณุ าละนั้น มนี างนกดเุ หว่า เปน็ บริวาร ถงึ ๓,๕๐๐ ตวั นางนก ๒ ตวั เอาปากคาบท่อนไมใ้ ห้นกกุณาละนนั้ จับตรงกลางพาบินไป ด้วยประสงค์ว่า ‘นกกุณาละน้ัน อย่าได้มคี วามเหนด็ เหนอื่ ยในหนทางไกลเลย’ เหล่านางนกดุเหว่า ๕๐๐ ตัวบินไปเบ้ืองต่�ำ ด้วย ประสงค์วา่ ‘ถา้ นกกุณาละน้ี ตกจากทีเ่ กาะแลว้ พวกเรา กจ็ ะเอาปกี รบั ไว้’ ๓๓๑๐ นอา่.นควํา่าอธริบากายสขดย, าแยปคลววาา่ มยกั ษ์รา้ ย, ผีเส้ือนำ�้ . 84 www.webkal.org
กุณาล นางนกอีก ๕๐๐ ตวั คอยบินไปข้างบน ดว้ ยคดิ วา่ ‘แสงแดดอยา่ ได้ส่องถูกพญานกกุณาละนี้เลย’ นางนกบินไปข้างๆ ท้ังสองอีกข้างละ ๕๐๐ ตัว ดว้ ยประสงคว์ ่า ‘พญานกกณุ าละนี้ อยา่ ได้ถกู ความหนาว ความรอ้ น หญ้า ละออง ลมและนำ้� ค้างเลย’ นางนก อีกอย่างหนึ่ง ๕๐๐ ตัว บินไปข้างหน้า ดว้ ยประสงค์วา่ ‘เด็กเลี้ยงโค เด็กเลย้ี งสตั ว์ คนเก่ยี วหญา้ คนหกั ฟนื คนทำ� งานในป่า อยา่ ไดข้ ว้างปานกกณุ าละนัน้ ด้วย ทอ่ นไม้ กระเบ้อื ง เครอื่ งมือ หนิ ก้อนดนิ ไมก้ ระบอง ศาสตรา หรือกอ้ นกรวดเลย’ นางนกอีก ๕๐๐ บินไปข้างหน้าด้วยประสงค์ว่า ‘นกกุณาละน้ี อย่าได้ถูกกอไม้ เครือเถา ต้นไม้ ก่ิงไม้ เสาหรอื หิน หรอื นกที่มกี ำ� ลงั มากกว่าเลย’ นางนก อีกอย่างหนึ่ง ๕๐๐ บินไปข้างหน้าเจรจา ด้วยถ้อยค�ำท่ีละเอียดอ่อนหวานไพเราะ ด้วยประสงค์ว่า ‘นกกุณาละน้อี ย่าได้เงียบเหงาอย่บู นทจ่ี บั เลย’ ยังมีนางนกอีก ๕๐๐ บินไปในทิศานุทิศ น�ำผลไม้ อันอร่อยจากต้นไม้หลายชนิดมาให้ ด้วยประสงค์ว่า ‘นกกุณาละน้ีอย่าได้ล�ำบากด้วยความหิวในระหว่างทาง เลย’ 85 www.webkal.org
ติดในสัมผสั ได้ยินวา่ ‘นางนกเหล่านั้นพานกกณุ าละนัน้ เข้าป่า ออกป่าเขา้ สวน ท่านำ�้ ซอกภูเขา สวนมะม่วง สวนชมพู่ สวนขนนุ สำ� มะลอ สวนมะพร้าว โดยรวดเรว็ เพื่อตอ้ งการ ให้รืน่ เรงิ ’ ได้ยินว่า ‘เม่ือนางนกเหล่านั้นบ�ำเรออยู่ครบถ้วน เชน่ น้ี พญานกกณุ าละกย็ งั รกุ รานเอาพวกนางนกเหลา่ นนั้ ด้วยถ้อยค�ำหยาบช้าว่า อีถ่อยฉิบหาย อีถ่อยละลาย อีโจร อีนักเลง อีเผอเรอ อีใจง่าย อีไม่รู้จักคุณของคน อตี ามใจตนเหมือนลม.’ พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว จึงตรัส ตอ่ ไปวา่ “ดกู ่อนภิกษุ ท้ังหลาย แมเ้ มอ่ื เราเปน็ สัตว์ดิรัจฉาน กย็ ่อมรู้ว่า ‘หญิงทั้งหลายเป็นคนอกตญั ญู เปน็ คนมีมายา มาก เปน็ คนประพฤตอิ นาจาร เป็นคนทศุ ีล ด้วยประการ ฉะนี้ แมใ้ นคราวนนั้ เรากม็ ไิ ดอ้ ยใู่ นอำ� นาจของหญงิ เหลา่ นน้ั กลับใหห้ ญงิ เหลา่ นั้น อยใู่ นอ�ำนาจของตน” พระองค์ทรงน�ำเสียซึ่งความเบื่อหน่ายของภิกษุ เหล่าน้ัน ออกไป ด้วยพระธรรมกถาอย่างน้ีแล้ว ก็ทรง ดุษณภี าพนิง่ อยู่ 86 www.webkal.org
กณุ าล ในขณะนนั้ มีนางนกดเุ หว่าด�ำ ๒ ตวั ใหน้ กสามจี บั ตรงกลางทอ่ นไมแ้ ลว้ คาบบนิ มา แมใ้ นสว่ นเบอื้ งตำ่� เปน็ ตน้ ก็มีนางนกประจ�ำข้างละ ๔ ตัวๆ ได้มาถึงประเทศน้ัน ภิกษุเหล่านนั้ เหน็ นกเหล่านนั้ จงึ ทูลถามพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่ปางก่อนมีนกดุเหว่าขาว ตวั หนึง่ ช่ือ ‘ปณุ ณมขุ ะ’ เป็นสหายของเรานี้ เปน็ วงศ์ของ นกดุเหวา่ ปุณณมุขะนัน้ ” เมอื่ ภกิ ษเุ หลา่ นนั้ ทลู ถามโดยนยั กอ่ นทเี ดยี ว จงึ ตรสั วา่ “ดกู ่อนท่านผเู้ จริญ ได้ยินวา่ ‘ข้างทิศตะวันออกแหง่ ภเู ขาหมิ พานตน์ น้ั มแี มน่ ำ�้ อนั ไหลมาแตซ่ อกเขาอนั ละเอยี ด สุขมุ ดียิ่งนกั มีสเี ขียวในไพรสณฑ์๓๒ อันนา่ ร่ืนรมยส์ ำ� ราญ เห็นปานนี้ มนี กดเุ หว่าขาว มถี อ้ ยคำ� อนั ออ่ นหวานยิ่งนัก มีตาแดงดังนัยน์ตาคนเมาสอดสา่ ยไปมาอาศยั อย’ู่ ได้ยินว่า ‘นกดุเหว่าชื่อปุณณมุขะนั้น มีนกดุเหว่า เป็นนางบ�ำเรอ ๓๕๐ ตัว นางนกเหล่าน้ันก็บ�ำรุงบ�ำเรอ พญานกดุเหว่าปุณณมุขะ เช่นเดียวกับที่ เหล่านกของ พญาดเุ หวา่ กณุ าละกระทำ� แตบ่ รวิ ารนอ้ ยกวา่ เปน็ กลมุ่ ละ ๓๒ แนวปา, เขตปา. 87 www.webkal.org
ตดิ ในสัมผสั ๕๐ ตวั ตา่ งกนั ตรงท่ี เมอ่ื นางนกทง้ั หลายบำ� เรออยอู่ ยา่ งนี้ ตลอดวัน พญานกปุณณมุขะ ย่อมสรรเสริญอย่างน้ีว่า ดมี ากๆ นอ้ งหญิงทั้งหลาย การปฏบิ ตั ผิ วั อยา่ งน้ี สมควร แก่พวกเจ้าผู้เป็นลูกเหลา่ ตระกลู ’ ในกาลตอ่ มา พญานกปณุ ณมขุ ะดเุ หวา่ ขาว ไดไ้ ปหา พญานกกุณาละ พวกนางนกดุเหว่าผู้เป็นบริจาริกาของ พวกพญานกกณุ าละเหน็ พญานกปณุ ณมขุ ะแตไ่ กล จงึ ออก ไปหาแลว้ พูดกะพญานกดุเหว่าปณุ ณมุขะน้นั ว่า “ขา้ แต่สหายปณุ ณมขุ ะ พญากุณาละของพวกเราน้ี หยาบช้า มีวาจาหยาบคาย พวกเราจะได้ฟังวาจาอนั เปน็ ทร่ี ัก เพราะอาศัยท่านได้บ้างหรือไม่หนอ ?” พญานกปณุ ณมขุ ะจึงตอบว่า “บางทจี ะได้บา้ งกระมัง น้องหญิงทงั้ หลาย” แล้วก็พาไปหาพญากุณาละ กล่าวสัมโมทนียกถา กบั พญากณุ าละแลว้ กส็ ถิตอยู่ ณ ทีส่ มควรข้างหนึ่ง คร้ันเรียบร้อยแล้ว พญานกปุณณมุขะก็กล่าวกะ พญานกกณุ าละนั้นว่า “ดกู อ่ นสหายกณุ าละ เพราะเหตไุ ร ? ท่านจึงปฏิบตั ิ ผดิ ต่อหญิงทง้ั หลายทเี่ ปน็ ลูกเหลา่ ตระกูล มชี าตเิ สมอกนั ซึง่ นางปฏบิ ตั ติ ่อทา่ น 88 www.webkal.org
กณุ าล ดูก่อนสหายกุณาละ ได้ยินเขาว่ากันว่า ‘หญิง ท้ังหลายที่บริบูรณ์ด้วยมารยาท ถึงจะพูดไม่ถูกใจเรา เรากค็ วรพูดใหถ้ ูกใจเขา กจ็ ะปว่ ยการกล่าวไปไยถึงหญิง ทมี่ มี ารยาทดี พดู ถกู ใจเราและเราจะไมพ่ ดู ใหถ้ กู ใจเขาเลา่ ” เมอื่ พญานกปณุ ณมขุ ะกลา่ วอยา่ งนี้ พญานกกณุ าละ จงึ รกุ รานเอาพญานกปุณณมขุ ะวา่ “ดูก่อนสหายลามกชั่วช้า ใครเขาจะฉลาดผจญเมีย ย่งิ ไปกว่าเธอเลา่ ” พญานกปุณณมุขะถูกพญานกกุณาละรุกรานเอา ก็คิดว่า ‘พญานกกุณาละโกรธเราแล้ว’ จึงกลับจากที่นั้น พร้อมดว้ ยบริวารไปยงั ทอ่ี ยูข่ องตนทีเดยี ว ต่อมา อาพาธอันแรงกล้าได้เกิดขึ้นแก่พญานก ปุณณมุขะ มีอาการลงเป็นโลหิต เกิดเวทนากล้าแข็ง จวนตาย นางนกดุเหว่าซ่ึงเป็นบริจาริกาของพญานก ปุณณมุขะก็เกิดความปริวิตกว่า ‘พญานกปุณณมุขะน้ี เกดิ อาพาธหนกั แลว้ จะหายหรอื ไม่ หายจากโรคนก้ี ไ็ มร่ ไู้ ด’้ คิดแล้วก็ทิ้งพญานกปุณณมุขะไว้แต่เพียงตัวเดียว ไมม่ เี พื่อน พากันเข้าไปหาพญานกกุณาละ 89 www.webkal.org
ติดในสมั ผัส ฝ่ายพญานกกุณาละ ได้เห็นนางนกเหล่านั้นบินมา แตไ่ กล ครน้ั เหน็ แลว้ จงึ ไดก้ ลา่ วกะพวกนางนกเหลา่ นน้ั วา่ “ดกู ่อนพวกอีถอ่ ย กผ็ วั ของเจา้ ไปไหนเสยี เล่า ?” นางนกทง้ั หลายจงึ ตอบว่า “ข้าแต่สหายกุณาละเอ๋ย พญานกปุณณมุขะดุเหว่า ขาวเจบ็ หนกั จะหายจากอาพาธนนั้ หรอื ไมห่ ายกไ็ ม่รู้ได”้ เมอ่ื นางนกทง้ั หลายกลา่ วอยา่ งนแี้ ลว้ พญานกกณุ าละ กด็ ดุ า่ เอาพวกนางนกเหลา่ นนั้ ดว้ ยถอ้ ยคำ� หยาบชา้ ตา่ ง ๆ เปน็ อนั มาก คร้ันดุด่านางนกเหล่าน้ันแล้ว จึงเข้าไปหาพญานก ปุณณมขุ ะ แล้วร้องเรยี กวา่ “นแี่ น่ะสหายปุณณมุขะเอ๋ย” พญานกปุณณมุขะก็ตอบรับวา่ “อะไรนะ ? สหายกณุ าละ” แลว้ พญานกกณุ าละกป็ ระคบประหงมพญานกปณุ ณ- มุขะด้วยปกี และจงอยปาก พอใหล้ ุกข้ึนได้แลว้ ก็ให้ดื่มยา ตา่ ง ๆ อาพาธของพญานกปณุ ณมุขะก็หายลงในขณะนนั้ ทีเดียว. ฝา่ ยนางนกดเุ หวา่ ทง้ั หลายแมเ้ หลา่ นนั้ พอพญานก ปุณณมุขะหายเจ็บ ก็พากันกลับมา พญานกกุณาละ 90 www.webkal.org
กุณาล หาผลไมน้ อ้ ยใหญม่ าใหพ้ ญานกปณุ ณมขุ ะกนิ อยสู่ องสามวนั พอพญานกปุณณมขุ ะมีกำ� ลังดีแล้ว จงึ กล่าววา่ “สหายเอย๋ บัดนี้ ท่านกห็ ายจากโรคแล้ว จงอยู่กับ นางบรจิ ารกิ าของทา่ นเถดิ เราจักไปยงั ทอี่ ยู่ของเรา” ล�ำดบั นน้ั พญานกปณุ ณมขุ ะจึงกล่าวว่า “นางนกบรจิ ารกิ าเหลา่ น้ี พากนั ละทง้ิ เราเมอ่ื ไขห้ นกั หนไี ปเสยี เราไมต่ อ้ งการอยกู่ บั อพี วกนกั เลงเหลา่ นต้ี อ่ ไป” พระมหาสตั วไ์ ดส้ ดบั ค�ำนั้นจึงกล่าววา่ “ดกู อ่ นสหาย ถา้ เชน่ นน้ั เราจะกลา่ วความลามกของ หญงิ ทงั้ หลายใหท้ า่ นไดฟ้ งั ” วา่ แลว้ กพ็ าพญานกปณุ ณมขุ ะ ไปยังพื้นมโนศิลาข้างเขาหิมพานต์ พักอยู่ท่ีมโนศิลา โคนไม้รงั อนั มปี ริมณฑล ๗ โยชน์ พญานกปณุ ณมขุ ะกับ บริวารกพ็ ากันสถติ อยู่ในทีค่ วรข้างหน่ึง ฝ่ายเทวดาก็เท่ียวป่าวร้องไปทั่วหิมพานต์ว่า วันน้ี พญานกกณุ าละจะแสดงธรรมดว้ ยพทุ ธลลี าทพี่ นื้ มโนศลิ า ขอให้ทา่ นทั้งหลายไปฟงั เทวดาในกามาวจรทั้ง ๖ ได้รู้ เพราะการร้องป่าว ประกาศต่อ ๆ ไป กพ็ ากนั มาประชุมในท่นี ้ันเปน็ อันมาก ใช่แต่เท่าน้ัน พวกนาค ยักษ์ รากษส สุบรรณ วิชาธร 91 www.webkal.org
ตดิ ในสัมผสั 92 www.webkal.org
กณุ าล แร้ง และเทวดาท่ีอาศัยอยู่ในดงก็โฆษณาเนื้อความนั้น ต่อๆ ไป คราวนัน้ พญาแร้ง ชื่อวา่ ‘อานนท’์ มีแร้งหม่ืนหน่ึง เป็นบริวารอาศัยอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ เมื่อได้ยินเสียง ปา่ วรอ้ งเปน็ โกลาหล กพ็ าบรวิ ารมาอยขู่ า้ งหนง่ึ ดว้ ยความ ประสงคจ์ ะฟงั ธรรม นารทฤาษผี สู้ ำ� เรจ็ อภญิ ญา ๕ มดี าบสบรษิ ทั หมน่ื หนงึ่ อย่ใู นหิมวันตประเทศ ได้ยินเสียงปา่ วรอ้ ง ก็ค�ำนงึ วา่ ‘ไดย้ นิ วา่ พญานกกณุ าละสหายของเราจะช้ี โทษของ หญิงทั้งหลาย จักมีสมาคมใหญ่ ควรเราจักไปฟังเทศนา ของพญานกกณุ าละ’ คิดแล้วก็พาดาบสหมื่นหน่ึงมาด้วยฤทธิ์ คร้ันถึง กส็ ถิต ณ ท่ีควรส่วนข้างหนงึ่ ล�ำดับน้ัน พระมหาสัตว์อ้างพญานกปุณณมุขะ เป็นพยานแล้วก็แสดงเหตุท่ีตนได้เห็นมาแล้วในอดีตภพ ซ่ึงประกอบด้วยโทษแห่งหญิงโดยชาติสรญาณ (ญาณ ทีร่ ะลึกชาตไิ ด)้ . เมอ่ื พระศาสดา จะทรงประกาศเนอ้ื ความนน้ั จงึ ตรสั ว่า 93 www.webkal.org
ติดในสัมผสั “ไดย้ นิ วา่ พญานกกณุ าละไดก้ ลา่ วกบั พญานกปณุ ณ- มขุ ะดุเหว่าขาว ซ่งึ หายจากไข้และหาย ยงั ไมน่ านวา่ ‘ดกู อ่ นสหายปณุ ณมขุ ะ เราเคยเหน็ มาแลว้ นางกณั หา ๓ พ่อ นางมผี วั ๕ คน ยังมีจติ ปฏพิ ทั ธผ์ ูกพันในบุรุษที่ ๖ ซงึ่ เปน็ คนเปลยี้ หลงั โกง โคง้ งอ คอกม้ ลงมาถงึ ทอ้ งเหมอื น คนศีรษะขาด ดกู อ่ นสหายปณุ ณมขุ ะ เรายงั ไดเ้ คยเหน็ อกี นางสมณี ช่อื ว่า “ปัญจตปาวี” อาศัยอยู่ในทา่ มกลางป่าช้า ถือพรต ยอมอดอาหาร ๔ วันจึงบริโภคคร้ังหนึ่ง ได้กระท�ำกรรม อันลามกกบั พวกนกั เลงสรุ า ดูกอ่ นสหายปุณณมุขะ เรายังได้ เคยเห็นมาแลว้ อกี นางเทวีมนี ามวา่ “กากวันต”ี อยใู่ นทา่ มกลางสมุทร เปน็ ภรรยาของทา้ วเวนไตยพญาครฑุ ไดก้ ระทำ� กรรมอนั ลามก กบั กุเวรผูเ้ จนในการฟ้อน ดกู อ่ นสหายปณุ ณมขุ ะ เราเคยเหน็ มาแลว้ นางขนงาม ชื่อว่า “กุรุงคเทวี” รักใคร่ได้เสียอยู่กินกับเอฬกกุมาร ได้กระท�ำกรรมอันลามกกับฉพังคกุมารเสนาบดี และ ธนันเตวาสคี นใชข้ องฉฬงั คกุมารอีก เปน็ ความจรงิ เราได้ รมู้ าอยา่ งนแ้ี หละ 94 www.webkal.org
กณุ าล แมพ้ ระมารดาของพระเจา้ พรหมทตั กไ็ ดท้ รงทอดทงิ้ พระเจ้าโกศลราช กระท�ำกรรมอันลามกกับพราหมณ์ช่ือ วา่ “ปญั จาลจณั ฑะ” ดูก่อนสหายปุณณมุขะ หญิงทั้งหลายไม่ใช่แพศยา ไม่ใช่นางงาม ไม่ใช่หญิงสัญจร ช่ือท้ัง ๓ น้ี ไม่ใช่ชื่อ โดยก�ำเนดิ หญิงเหล่านี้ คือแพศยา นางงาม หญงิ สญั จร ช่ือวา่ ‘เป็นผฆู้ า่ ’ หญงิ ทงั้ หลายมนุ่ มวยผมเหมอื นพวกโจร ประทษุ รา้ ย ให้เป็นพิษเหมือนสุราเจือยาพิษ พูดโอ้อวดเหมือนคน ขายของ ตลบตะแลงพลิกพล้ิวเหมือนเขาเนื้อ สองล้ิน เหมอื นงู ปกปดิ ความช่วั เหมอื นเอาแผ่นกระดานปดิ หลุม คูถไว้ บรรทกุ ให้เต็มยากเหมอื นบาดาล ทำ� ใหย้ นิ ดไี ดย้ าก เหมอื นรากษส กวาดไปไมม่ เี หลอื เหมือนพระยม กินไม่เลือกเหมือนไฟ พัดพาไปไม่เลือก เหมอื นแมน่ �้ำ ประพฤติตามอำ� เภอใจตวั เหมือนลม ไมท่ ำ� อะไรให้พิเศษเหมือนเขาพระเมรุมาศ (อธิบายว่า สัตว์ เขา้ ไปทภ่ี เู ขาพระเมรแุ ลว้ จะมสี เี ปน็ ทองเหมอื นกนั ไปหมด) ผลิตผลเปน็ นิตยเ์ หมือนตน้ ไมม้ พี ิษ’ ฯลฯ๓๓ ๓๓ ขามตนฉบับ น. ๕๕๘-๕๘๘ เร่อื ง ปญจปาว,ี นางกุรงุ คเทว,ี พระเจากินนร, 95 www.webkal.org
ตดิ ในสัมผสั 96 www.webkal.org
กณุ าล เรอื่ งอื่นยังมีอีก ในอดตี กาล พระเจ้าพาราณสีทรงพระนามวา่ ‘พกะ’ เสดจ็ ทรงราชยโ์ ดยธรรม ยงั มหี ญงิ ชอื่ ‘ปญั จปาป’ี เปน็ ธดิ า ของคนยากไร้คนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในบ้านข้างประตูตะวันออก เมอื งพาราณสี เล่ากันมาว่า ‘เม่ือชาติก่อน นางเกิดเป็นธิดาของ คนยากไร้คนหนึ่ง น่ังขย�ำดินทาฝาเรือนอยู่ เวลานั้น มีพระปัจเจกพทุ ธเจา้ องคห์ น่งึ ค�ำนึงว่า ‘จกั หาดินละเอียด ทไี่ หนหนอ ? มาฉาบทาเงอ้ื มฝาที่อยอู่ าศยั ’ ครนั้ ตกลงใจวา่ ‘อาจหาไดใ้ นเมอื งพาราณส’ี ดงั นแ้ี ลว้ จงึ หม่ คลุมถือบาตรเขา้ ไปในเมือง ไปยนื อยูใ่ กล้หญิงนั้น นางแลเหน็ พระปจั เจกพทุ ธเจา้ แลว้ กโ็ กรธ จงึ พดู ขนึ้ ดว้ ยใจรา้ ยว่า “ช้นิ ดินกข็ อ” พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็น่ังมิได้หวั่นไหว นางเห็น พระปัจเจกพุทธเจ้ามิได้หว่ันไหว ก็เกิดมีใจเล่ือมใสอีก จึงกลา่ ววา่ “สมณะ ทา่ นจกั ไดด้ ินเหนยี วหรอื ?” ว่าแล้วก็ยกดินเหนียวก้อนใหญ่ใส่ลงไปในบาตร พระปจั เจกพทุ ธเจ้า ก็เอาไปฉาบทาเงื้อมฝาทอ่ี าศัย ไม่ช้านัก หญิงคนน้ันก็จุติจากอัตภาพน้ัน ไปถือ ปฏสิ นธใิ นทอ้ งหญงิ ทคุ ตะ ชาวบา้ นใกลป้ ระตนู อกเมอื งนนั้ 97 www.webkal.org
ติดในสมั ผัส เม่ือครบ ๑๐ เดือน แล้วนางก็คลอด ด้วยผลที่ได้ถวาย ดนิ เหนยี ว รา่ งกายของนางจงึ ประกอบดว้ ยสัมผัสดยี ่งิ นกั แต่เพราะวิบากท่ีแลดูพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความโกรธ มือ เท้า ปาก ตา จมูก ๕ แห่ง จึงวิกลจริตไป ดังน้ัน เขาจงึ พากันตงั้ ช่อื ใหว้ า่ ‘นางปญั จปาป.ี ’ วันหน่ึง พระเจ้าพาราณสีจึงทรงปลอมพระองค์ เทยี่ วตรวจพระนครไป ถงึ ประเทศทนี่ นั้ เขา้ นางปญั จปาปี เล่นอยู่กับด้วยนางทาริกาเพื่อนบ้าน ไม่รู้จักพระเจ้า- พาราณสี ก็เอามอื ควา้ พระหัตถเ์ ข้า พระเจ้าพาราณสีถูกสัมผัสมือของนางปัญจปาปี ก็ด�ำรงพระองค์ไว้ไม่อยู่ ดุจดังสัมผัสทิพย์เกิดก�ำหนัด ยินดีในสัมผัสย่ิงนัก จึงเอาพระหัตถ์จับนางปัญจปาปี ซ่งึ มีรปู วกิ ลถึงปานน้นั แล้วตรสั ถามวา่ “เจ้าเป็นลูกสาวของใคร ?” ครั้นนางตอบว่า “เปน็ ลกู สาวชาวบ้านท่ีประต”ู จึงทรงซกั ถามไดค้ วามว่า ‘ยงั ไม่มสี ามี’ กต็ รัสว่า “เราน้แี หละจะเปน็ สามขี องเจา้ เจ้าจงไปขออนุญาต ต่อบิดามารดา” นางปัญจปาปกี เ็ ข้าไปหาบิดามารดา แล้วบอกวา่ 98 www.webkal.org
กุณาล “ชายคนหนึ่งเขาต้องการข้า” บิดามารดาคิดเห็นว่า ‘ชายคนนั้นเห็นจะไม่ใช่ คนทคุ ตะ’ จึงกล่าววา่ “ถา้ เขาอยากได้คนอยา่ งเองกด็ ีแล้ว” นางจงึ กลับมา บอกวา่ “บดิ ามารดาอนญุ าตแลว้ ” พระเจ้าพาราณสีก็อยู่กับนางปัญจปาปีท่ีเรือนน้ัน จนร่งุ เช้าจึงเสดจ็ กลบั พระราชนเิ วศน์ ต้ังแต่นั้นมา พระเจ้าพาราณสีก็ทรงปลอมพระองค์ ไปหานางปัญจปาปีเสมอ ไม่ทรงปรารถนาจะเหลียวแล หญิงคนอื่นเลย. ต่อมาวันหนึ่ง บิดาของนางปัญจปาปีบังเกิดโรค ลงโลหิต ยาที่จะรักษาโรคน้ันก็คือ ข้าวปายาสอันปรุง ด้วยนมสดล้วน กับเนยใส น�้ำผ้ึง น�้ำตาลกรวด เป็นต้น แต่คนปานนัน้ ขัดสน จงึ ไมส่ ามารถจะหามาได้ ลำ� ดบั นน้ั มารดาของนางปญั จปาปจี งึ พดู กะลกู สาววา่ “ผัวของเจา้ สามารถหาข้าวปายาสได้หรือไม่เลา่ ?” นางปัญจปาปีจึงตอบว่า “ผัวของข้า เห็นจะจนกว่าบ้านเรา แต่เอาเถอะ จะลองถามเขาดกู ่อน อยา่ วติ กไปเลย” วา่ ดงั น้แี ลว้ 99 www.webkal.org
ติดในสัมผสั นางปัญจปาปีก็วางกิริยา ท่าทางว่าทุกข์ร้อน นั่ง คอยท่ารอเวลาท่ีพระเจ้าพาราณสเี คยเสด็จมา คร้นั พอ พระเจ้าพาราณสเี สดจ็ มาแลว้ ตรัสถามว่า “เจา้ เสยี ใจอะไร ?” ทรงสดบั ความนัน้ แลว้ จงึ ตรสั ว่า “ดูก่อนน้องหญิง ยาขนานน้ี เป็นยาส�ำหรับท่าน ผเู้ ปน็ ใหญ่ เราจะไดม้ าแตท่ ่ีไหน ?” ตรัสดงั นี้ แล้วทรงคดิ ต่อไปอีกว่า ‘เราไม่สามารถ เที่ยวไปมาอย่างน้ีได้ น่าจะ ตอ้ งประสบอันตรายตามหนทางทางแน่ กแ็ ตว่ า่ ถ้าจะพา นางปัญจปาปีเข้าไปไว้ในวัง ชนทั้งหลายที่ไม่รู้ว่านางนี้ มีสมบัติคือ สัมผัสดี ก็จักพากันหัวเราะเยาะเย้ยว่า พระเจ้าแผ่นดินของเราไปพาเอานางยักษิณีที่ไหนมา จ�ำเราจักท�ำให้ชาวพระนคร เขารู้สัมผัสของนางเสียก่อน เถิด จึงจะปลดเปลือ้ งขอ้ ครหานนิ ทาได้.’ ล�ำดบั น้นั พระราชาตรัสกะนางว่า “เจ้าอย่าวิตกไปเลย ข้าจะหาข้าวปายาสมาให้บิดา ของเจา้ ” ครั้นทรงอภิรมย์กับนางปัญจปาปีแล้ว ก็เสด็จกลับ พระราชนเิ วศน์ พอวันรงุ่ ขึน้ จงึ ตรสั ส่งั ให้หงุ ข้าวปายาสอยา่ งว่า 100 www.webkal.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120