1 แผนการจัดการเรยี นร้รู ายวิชา รายวชิ า ทกั ษะการเรียนรู้ ทร21001 ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ จำนวน 5 หนว่ ยกติ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 โดย นายนรินทร์ธร พฒั นไชยการ ตำแหนง่ ครผู ้ชู ่วย ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอบางปลามา้ สำนักงาน กศน.จังหวดั สุพรรณบุรี
คำนำ แผนการจดั การเรยี นรู้รายวชิ า หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทาง การจัดกระบวนการเรียนรู้ โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ โครงสรา้ งหลกั สูตร แผนการจัดการเรียนรู้รายวชิ า และแนวทางกระบวนการเรยี นรทู้ ่คี รอบคลมุ เน้อื หา วิชา ทร21001 ทักษะการเรียนรู้ โดยเฉพาะครูที่มีหน้าที่ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้ผู้เรียน สามารถเรยี นรู้ และเข้าใจในเนื้อหา แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ครั้งนี้ ขอขอบคุณผู้อำนวยการ กศน.อำเภอบางปลาม้า อาจารย์ ที่ปรึกษา ทุกท่าน ที่ให้ความรู้ คำแนะนำ และคำปรึกษา ซึ่งเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา จนสำเร็จ เป็นรปู เลม่ สมบูรณ์ คณะผูจ้ ดั ทำหวังเป็นอย่างย่งิ ว่า เอกสารน้ีจะเปน็ ประโยชน์สำหรับผนู้ ำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพบข้อผิดพลาดหรือมีข้อเสนอแนะประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้แก้ไขปรับปรุง ด้วยความขอบคณุ ยิ่ง คณะผู้จดั ทำ
สารบญั หนา้ 1 คำอธิบายรายวชิ าและรายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา 9 ตารางวิเคราะห์ยากง่าย 13 แผนการจดั การเรยี นรู้แบบพบกลุ่ม 13 25 แผนการจัดการเรยี นรู้แบบพบกลุ่ม คร้ังที่ 11 36 แผนการจดั การเรียนร้แู บบพบกลุ่ม ครงั้ ท่ี 12 53 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบพบกลุม่ ครง้ั ท่ี 13 57 แผนการเรียนรู้ด้วยตนเองวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ 59 แผนการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง คร้ังท่ี 11 65 แผนการจัดการเรียนรดู้ ้วยตนเอง ครง้ั ที่ 12 70 แผนการจดั การเรยี นรู้ด้วยตนเอง ครัง้ ท่ี 13 บรรณานุกรม
1 คำอธิบายรายวิชา ทร21001 ทักษะการเรียนรู้จำนวน 5 หนว่ ยกิต ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ สาระทักษะการเรียนรู้ เป็นสาระเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนในด้านการเรียนรู้ ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ การจัดการความรู้ การคิดเป็น และการวิจัยอย่างง่าย โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถกำหนดเป้าหมาย วางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองเข้าถึงและเลือกใช้แหล่งเรียนรู้ จัดการ ความรู้ กระบวนการแก้ปัญหา และตัดสินใจอย่างมเี หตุผล ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการชีน้ ำตนเองในการ เรียนรู้ และการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐาน และการพัฒนา 5 ศักยภาพของพื้นที่ใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ คือ เกษตรกรรม อุตสาหกรรมพาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการและการ บริการ ตามยุทธศาสตร์ 2555 กระทรวงศึกษาธิการ ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตดังนั้นสาระทักษะการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้นมมี าตรฐานการเรียนร้รู ะดบั ดังน้ี 1. สามารถวิเคราะห์ เห็นความสำคัญ และปฏิบัติการแสวงหาความรู้จากการอ่าน ฟัง และสรุปได้ ถูกต้องตามหลักวิชาการ 2. สามารถจำแนก จดั ลำดบั ความสำคญั และเลือกใชแ้ หล่งเรยี นรไู้ ดอ้ ย่างเหมาะสม 3. สามารถจำแนกผลที่เกดิ ขึ้นจากขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณค่า กำหนดแนวทางพัฒนา 4. ความสามารถในการศึกษา เลือกสรร จดั เกบ็ และการวเิ คราะห์ สังเคราะห์ข้อมลู ทั้ง 3 ประการ และการใช้เทคนคิ ในการฝึกทักษะ การคดิ เป็น เพื่อใช้ประกอบการตดั สนิ ใจแกป้ ัญหา 5. สามารถวเิ คราะหป์ ญั หา ความจำเป็น เหน็ ความสัมพันธ์ของกระบวนการวิจัยกบั การนำไปใช้ใน ชวี ิต และดำเนนิ การวจิ ยั ทดลองตามข้นั ตอน 6. สามารถจำแนก และวเิ คราะห์ ทกั ษะการเรยี นรู้ และศักยภาพหลักของพ้นื ท่ใี นการเพ่ิมขดี ความสามารถของการประกอบอาชีพใน 5 กลมุ่ อาชพี ใหม่ ศึกษาและฝึกทกั ษะเกีย่ วกบั เรอ่ื งดงั ต่อไปนี้ 1. การเรียนร้ดู ้วยตนเอง ทบทวน ความหมาย ความสำคญั และกระบวนการของการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ทบทวนทักษะพืน้ ฐานทางการศึกษาหาความรู้ ทักษะการแก้ปญั หาและเทคนิคในการเรียนรู้ ด้วยตนเองดา้ นการอา่ น การฟงั การสังเกต การจำ และการจดบันทึก ฝกึ ทักษะการวางแผนการเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ทกั ษะพน้ื ฐาน และเทคนิคในการเรยี นรูด้ ้วยตนเองในเรื่องการวางแผน การประเมินผลการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและการ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์ เจตคติ/ปัจจัย ที่ทำให้การเรียนรูด้ ว้ ยตนเองประสบความสำเร็จ การเปิดรับโอกาสการเรยี นรู้ การคดิ รเิ ริม่ และเรียนรูด้ ้วยตนเอง การสร้างแรงจงู ใจ การสรา้ งวินยั ในตนเอง การคดิ เชิงบวก ความคิด สรา้ งสรรค์ การใฝ่รู้ใฝ่เรยี น และความรบั ผดิ ชอบ 2. การใชแ้ หล่งเรียนรู้
2 ทบทวนความหมาย ความสำคัญของการใช้แหล่งเรียนรู้ประเภทต่าง ๆศึกษาแหล่งเรียนรู้หอสมุด แห่งชาติ หอสมุดวิทยาลยั /มหาวิทยาลัย ห้องสมุดเฉพาะ ห้องสมุดโรงเรียน พิพิธภัณฑ์อุทยานแห่งชาติ แหล่ง เรยี นรูส้ ำคญั อน่ื ๆ ในประเทศ ศกึ ษา เรียนรู้ การใช้อนิ เทอร์เนต็ การเขา้ ถึงข้อมูลสารสนเทศทต่ี ้องการและสนใจ 3. การจัดการความรู้ ศึกษาความหมาย ความสำ คัญ หลักการของการจัดการความรู้ กระบวนการจัดการความรู้ การ รวมกลุ่มเพอื่ ตอ่ ยอดความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ยความรู้ของกลุม่ การจัดทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ ฝึกทักษะกระบวนการจัดการความรู้ด้วยตนเองและด้วยการรวมกลุ่มปฏิบัติการ โดยการกำหนด เป้าหมายการเรียนรู้ ระบุความรู้ที่ต้องใช้ การแสวงหาความรู้ สรุปองค์ความรู้ระยุกต์ใช้ความรู้ แลกเปลี่ยน ความรู้ การรวมกลมุ่ ปฏิบัติการเพอ่ื ตอ่ ยอดความรู้ การพฒั นาขอบขา่ ยความรู้ของกลุ่ม สรุปองคค์ วามร้ขู องกลุ่ม จัดทำสารสนเทศองค์ความรู้ในการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชุมชน 4. การคิดเป็น ทบทวนทำความเข้าใจกับความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบ และเชื่อมโยง ไปสู่การเรียนรู้เรื่องความหมายและความสำคัญของการคิดเป็น โดยใช้ข้อมูลอย่างน้อย 3 ประการคือ ข้อมูล ด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม สิ่งแวดล้อม อย่างพอเพียงมาวิเคราะห์และสังเคราะห์เพื่อกำหนดทางเลอื กใน การคดิ การตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาท่ีเหมาะสมอย่างคนคิดเป็น ศึกษาทำความเข้าใจและฝึกทักษะในการพิจารณาข้อมูล ทั้งด้านด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม สิ่งแวดล้อม จนสามารถจำแนกและเปรียบเทียบลกั ษณะของข้อมูลทง้ั 3 ประการได้จากกรณีที่หลากหลายเพื่อ นำไปใช้ในการเลือกเก็บข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประกอบการคิดตัดสินใจอย่างคน คิดเป็นฝึกปฏิบัติการคิด การ ตดั สนิ ใจอย่างเป็นระบบในการแกป้ ญั หาอยา่ งคนคิดเปน็ จากกรณีตัวอยา่ ง 5. การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย ทบทวนความหมาย ความสำคัญการวิจัยอย่างง่ายกระบวนการและขั้นตอนของการดำเนินงานศึกษา ฝกึ ทกั ษะ สถติ ิง่าย ๆ เพื่อการวิจัย เครอ่ื งมือการวจิ ยั และการเขยี นโครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ๆ 6 ทกั ษะการเรียนรู้ และศักยภาพหลกั ของพืน้ ทใ่ี นการพัฒนาอาชีพ ศึกษา วิเคราะห์ และจำแนกใช้ทักษะการเรียนรู้ และศักยภาพหลักของพื้นที่ในการเพิ่มขีด ความสามารถของการประกอบอาชีพใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ คือ กลุ่มอาชีพด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ การบริหารจัดการและการบริการ โดยคำนึงถึงศักยภาพหลักของพื้นที่ คอื ศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติ ในแตล่ ะพนื้ ท่ี ศกั ยภาพของพน้ื ท่ีตามลักษณะภูมิอากาศศักยภาพของภูมิ ประเทศ และทำเลที่ตั้งของแต่ละพื้นที่ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพื้นที่ และศกั ยภาพของทรพั ยากรมนุษย์ในแตล่ ะพ้ืนท่ี
3 การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ 1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง ควรจัดในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกับการสร้างสถานการณ์ในการเรียนรู้ที่ หลากหลาย ซับซ้อน อย่างสร้างสรรค์ เพอื่ 1) ฝกึ ให้ผ้เู รียนไดก้ ำหนดเปา้ หมาย และวางแผนการเรียนรู้ 2) เพิ่มพูนให้มีทักษะพื้นฐานในการการวางแผน การประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเองการ วเิ คราะห์วิจารณ์ 3) มีเจตคติที่ดตี ่อการเรียนรู้ด้วยตนเองท่ีทำให้การเรียนรูด้ ้วยตนเองประสบผลสำเร็จและนำ ความรู้ไปใชใ้ นวิถีชวี ิตใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง และชมุ ชน/สงั คม 2. การใชแ้ หล่งเรียนรู้ ให้ผู้เรียนศึกษาสารสนเทศ จากระดับชุมชนสู่ระดับจังหวัด ประเทศ และโลก การเรียนรู้การใช้ อินเตอร์เน็ต และแหล่งเรียนรู้ได้สอดคล้องกับความต้องการ ความจำเป็นในการนำไปใช้ในการแสวงหาข้อมลู เพ่อื การเรยี นร้ขู องตนเอง 3. การจัดการความรู้ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหลักการ และกระบวนการของการจัดการความรู้ การฝึกปฏิบัติจริงโดยการ รวมกลุ่มปฏิบัติการ/ชุมชนปฏิบัติการ (Community of practice = Cops) สรุปองค์ความรู้ของกลุ่ม แลกเปลย่ี นเรียนรรู้ ะหวา่ งกลุม่ ยกระดบั ความรู้ และจัดทำสารสนเทศเผยแพรค่ วามรู้ 4. การคิดเป็น ให้ผู้เรียนที่ยังไม่เคยเรียนสาระนี้มาก่อนได้ศึกษาเล่าเรียน และฝึกทักษะการคิด การตัดสินใจใน รายละเอียด เช่นเดียวกับในระดับประถมศึกษา สำหรับผู้เรยี นที่ได้เรยี นสาระนีม้ าก่อนแล้วควรจัดให้ผู้เรยี นได้ ทบทวน ทำความเข้าใจกับการเชื่อมโยง ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบมาสู่การ คิดเปน็ คลา้ ยกระบวนการอภิปราย ถกแถลงอยา่ งกว้างขวาง ให้ผู้เรียนได้ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของข้อมูลทางด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม สงิ่ แวดลอ้ ม จากเอกสาร แหล่งความรู้ ใบความรู้ ฯลฯ และให้มกี ารฝกึ อธบิ ายและยกตวั อย่าง เพอ่ื เปรียบเทียบ ให้เห็นความแตกต่างของลักษณะข้อมูลทั้ง 3 ประการ ควรให้มีการทำใบงานในการฝึกปฏิบัติเพื่อเพ่ิม ประสบการณ์ในการเรียนรู้ลักษณะของข้อมูลทั้ง 3 ด้านให้ผู้เรียนมีโอกาสฝึกปฏิบัติในการทำแบบฝึกหัดใน ใบงาน และการอภิปรายถกแถลงถึงกระบวนการคิด แก้ปัญหาอย่างการคิดเป็นที่ต้องใช้ข้อมูล และ กระบวนการคิด แกป้ ัญหาอยา่ งคนคิดเปน็ จากกรณีตวั อย่างทีห่ ลากหลายย่งิ ข้ึน 5. การวิจัยอยา่ งงา่ ย จัดให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า เอกสารที่เกี่ยวข้อง ฝึกทักษะการสังเกตและค้นหาปัญหาที่พบใน ชีวติ ประจำวัน / ในสาระทีเ่ รยี น การตัง้ คำถาม การแลกเปลี่ยนเรียนรูก้ ับเพื่อน / ผู้ร้กู ารคาดเดาคำตอบอย่างมี เหตุผล / การตั้งสมมติฐาน การฝึกปฏิบัติการเขียนโครงการวิจัยที่มีความซับซ้อนขึ้น การเก็บรวบรวมข้อมูล
4 การสรา้ งเคร่ืองมือ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน การนำเสนอข้อมลู การสรุปข้อมลู และเขียนรายงาน ผล การเผยแพรข่ อ้ ค้นพบ 6 ทักษะการเรยี นรู้ และศกั ยภาพหลักของพื้นท่ใี นการพัฒนาอาชีพ จัดใหผ้ ูเ้ รียนทั้งรายบคุ คล/กลุ่มได้ศึกษา วิเคราะห์ จำแนกทกั ษะการเรียนรู้ โดยคำนงึ ถงึ ศักยภาพหลัก ของแต่ละพ้ืนท่ี ท่ีมคี วามแตกต่าง และมีความตอ้ งการของท้องถ่นิ ทีไ่ ม่เหมือนกัน เพ่อื เพมิ่ ขีดความสามารถของ การประกอบอาชีพใน 5 กลุ่มอาชีพใหม่ คือ กลุ่มอาชีพด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรมพาณิชยกรรม ความคิด สรา้ งสรรค์ การบริหารจัดการและการบริการ เพือ่ สรา้ งอาชพี และรายได้ อย่างมั่นคงและยั่งยนื อย่างตอ่ เนื่อง การวดั และประเมนิ ผล 1.การเรียนรู้ด้วยตนเอง ใช้การประเมินจากผลงานของผู้เรียนที่แสดงออกเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมาย และวางแผนการ เรียนร้รู วมทักษะพื้นฐานและเทคนคิ ในการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ตลอดจนปัจจยั ท่ที ำใหก้ ารเรียนรูป้ ระสบความสำเร็จ 2. การใช้แหล่งเรียนรู้ จากการสงั เกต ความสนใจ การมสี ่วนรว่ มและผลงานทไ่ี ดใ้ ชป้ ระโยชน์จากแหล่งเรยี นรู้ 3. การจดั การความรู้ จากการสังเกต ความสนใจ การแสดงความคิดเห็น การมีส่วนร่วม การให้ความร่วมมือในกลุ่ม ปฏบิ ัตกิ าร ผลงาน/ช้นิ งานจากการรวมกลุ่มปฏิบตั ิการ ใช้วิธีการประเมินแบบมีส่วนร่วมระหว่างครูผู้เรียนและ ผู้เกี่ยวข้องร่วมกันประเมินตีค่าความสามารถความสำ เร็จกับเป้าหมายที่วางไว้ และระบุข้อบกพร่องที่ต้อง แกไ้ ข สว่ นทที่ ำไดด้ แี ล้วกพ็ ฒั นาใหด้ ียิ่งข้ึนตอ่ ไป 4. การคิดเปน็ ประเมินจากการอภิปราย การทำแบบฝึกหัด ทำใบงาน และการสงั เกตจากการอภปิ ราย ถกแถลงการ ให้เหตุผล ความรอบคอบและละเอียดยิ่งขึ้น ความพอเพียง และความเหมาะสมใน การแสวงหาข้อมูลทั้ง 3 ประการ ประกอบการคิด การตดั สินใจ 5. การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย จากการสังเกต ความสนใจ การมีส่วนร่วม ความร่วมมือ จากผลงาน / ชิ้นงานที่มอบหมายให้ฝึกปฏิบัติ ในระหว่างเรยี น และการสอบปลายภาคเรียน 6 ทักษะการเรยี นรู้ และศกั ยภาพหลกั ของพ้นื ทีใ่ นการพฒั นาอาชพี จากการสังเกต ความสนใจ การมีส่วนร่วม ความร่วมมือ จากผลงาน / ชิ้นงานที่มอบหมายให้ฝึกปฏิบัติ และ การประเมนิ แบบมีส่วนร่วม
5 รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ จำนวน 5 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ 1. สามารถวิเคราะห์ เห็นความสำคัญ และปฏบิ ัติการแสวงหาความรู้จากการอา่ น ฟงั และสรุปได้ ถกู ต้องตามหลักวิชาการ 2. สามารถจำแนก จัดลำดบั ความสำคัญ และเลือกใชแ้ หล่งเรียนรไู้ ดอ้ ย่างเหมาะสม 3. สามารถจำแนกผลที่เกิดข้ึนจากขอบเขตความรู้ ตดั สินคุณคา่ กำหนดแนวทางพัฒนา 4. ความสามารถในการศึกษา เลือกสรร จัดเก็บ และการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลทั้งสามประการ และการใช้เทคนิคในการฝึกทักษะ การคิดเป็น เพ่ือใช้ประกอบการตดั สินใจแก้ปัญหา 5. สามารถวเิ คราะห์ปญั หา ความจำเปน็ เห็นความสมั พนั ธ์ของกระบวนการวจิ ยั กบั การนำไปใช้ใน ชีวิต และดำเนนิ การวจิ ัยทดลองตามขน้ั ตอน 6. สามารถจำแนก และวิเคราะห์ทักษะการเรียนรู้ และศักยภาพหลกั ของพ้ืนทใ่ี นการเพิ่มขดี ความสามารถของการประกอบอาชีพ 5 กลุ่มอาชีพใหม่ ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ช้วี ดั เน้อื หา จำนวน ช่ัวโมง 1. การเรียนรู้ 1. บอกความหมาย ตระหนักและ 1. ความหมาย ความสำคัญของการ ดว้ ยตนเอง เหน็ ความสำคัญของการเรยี นรู้ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง 3 ดว้ ยตนเอง 2. การกำหนดเปา้ หมายและการวาง 3 2. การใช้ 2. มที กั ษะพ้นื ฐานทางการศกึ ษา แผนการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 3 แหลง่ เรยี นรู้ หาความรู้ ทกั ษะการแก้ปญั หา 3. ทักษะพืน้ ฐานทางการศกึ ษาหาความรู้ และเทคนิคในการเรยี นรดู้ ว้ ย ทกั ษะการแกป้ ัญหา และเทคนคิ ใน 4 ตนเอง การเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง 6 3. อธิบายปจั จยั ที่ทำให้การเรียนรู้ 4. ปัจจยั ทท่ี ำให้การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง 15 ด้วยตนเองประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จ 3 4. สามารถวางแผนการเรยี นรู้และ 5. การวางแผนการเรยี นรู้ และ การ การประเมินผลการเรียนร้ดู ว้ ย ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 3 ตนเองได้ 6. การฝกึ ทักษะวางแผนการเรียนรูแ้ ละ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ดว้ ยตนเองการ 1. อธบิ ายความหมาย ความสำคัญ วจิ ารณ์ ของการใชห้ ้องสมดุ อำเภอ 1. ความหมาย ความสำคัญ ของการใช้ 2. อธิบายการเข้าถงึ สารสนเทศ หอ้ งสมุดอำเภอ ของห้องสมดุ ประชาชน 2. การเขา้ ถึงสารสนเทศของห้องสมุด ประชาชน
6 ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ช้ีวดั เนื้อหา จำนวน ชัว่ โมง 3. การจดั การ 3. อธิบายแหลง่ เรยี นรู้ หอสมุด 3. แหลง่ เรยี นรู้ หอสมุดแหง่ ชาติ ความรู้ แห่งชาติ หอสมุดวิทยาลัย/ หอสมุดวิทยาลัย/มหาวทิ ยาลัย 14 มหาวทิ ยาลยั หอ้ งสมุดเฉพาะ หอ้ งสมดุ เฉพาะ หอ้ งสมุดโรงเรียน 4. การคดิ เปน็ หอ้ งสมดุ โรงเรยี น พิพธิ ภณั ฑ์ พพิ ธิ ภณั ฑ์ อทุ ยานแห่งชาติ 14 อทุ ยานแห่งชาติ แหลง่ เรียนรู้ แหล่งเรียนร้สู ำคญั อื่น ๆ ในประเทศ สำคญั อ่นื ๆ ในประเทศ 4. การใช้อินเทอรเ์ นต็ การเข้าถึงข้อมูล 6 4. อธิบายและปฏบิ ตั กิ ารใช้ สารสนเทศท่ีต้องการและสนใจ อนิ เทอร์เน็ต และ 18 การเขา้ ถงึ ข้อมูลสารสนเทศท่ี 1. ความหมาย ความสำคัญ หลกั การ ตอ้ งการและสนใจ กระบวนการจดั การความรู้ การ 10 1. อธบิ ายความหมาย ความสำคัญ รวมกลุ่มเพื่อต่อยอดความรู้ การพฒั นา 3 หลักการ กระบวนการจดั การ ขอบข่ายความรู้ของกลมุ่ และการ 3 ความรู้ การรวมกล่มุ เพื่อต่อ จัดทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ ยอดความรู้ การพฒั นา 2. การฝึกทกั ษะกระบวนการจัดการ ขอบข่ายความรู้ของกลมุ่ และ ความรูด้ ว้ ยตนเองและกระบวนการ การจัดทำสารสนเทศเผยแพร่ จดั การความรู้ดว้ ยการรวมกลุ่ม ความรู้ ปฏบิ ัติการ 2. ปฏบิ ัติการจดั การความรู้ใน 3. สรุปองคค์ วามรู้ของกลุ่ม จัดทำ เนื้อหาท่สี อดคล้องกบั ความ สารสนเทศองค์ความรูใ้ นการพัฒนา ต้องการของชุมชน ตนเอง ครอบครัว 3. จัดทำสารสนเทศและเผยแพร่ 1. ความเชื่อพนื้ ฐานทางการศึกษา ความรู้ ผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบ 5 1. อธิบายไดถ้ ึงความเชือ่ พน้ื ฐาน ประการโดยสรุป ทางการศกึ ษาผูใ้ หญ่/การศกึ ษา 2. ปรัชญาการคิดเปน็ นอกระบบ และเชื่อมโยงมาสู่ 2.1 ความหมาย/ความสำคญั กระบวนการคดิ เป็น และ 2.2 ศพั ท์เฉพาะ ระบบคิด การแก้ปัญหาอย่าง 2.3 การเชอ่ื มโยงของความเช่ือ คนคิดเปน็ พืน้ ฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่/กศน. 2. อธิบายลกั ษณะของข้อมูล สูป่ รชั ญาคดิ เป็น วชิ าการ ตนเอง และสงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม โดยเปรยี บเทยี บ
7 ท่ี หวั เร่ือง ตัวชว้ี ัด เนอื้ หา จำนวน ชัว่ โมง 5. การวจิ ัย อยา่ งง่าย ให้เห็นความแตกต่างของ 3. ลกั ษณะของข้อมลู 3 ดา้ น ท่ีจะ 10 6. ทักษะการ ขอ้ มลู ทั้ง 3 ประการ นำมาใช้ประกอบการคิดในการ เรยี นรู้และ ศกั ยภาพ ตดั สนิ ใจ คือ ข้อมูลทางวิชาการ หลักของ พน้ื ทีใ่ นการ ตนเอง และสังคม สง่ิ แวดล้อม รวมถงึ พฒั นา อาชพี 3. อธิบายและฝึกปฏิบตั ิการคิดเปน็ การเปรียบเทียบเพื่อให้เหน็ ความแตกตา่ ง จากกรณีตัวอย่างตา่ งๆ ถึง ของขอ้ มูลทั้ง 3 ประการดงั กลา่ ว กระบวนการแก้ปญั หาอยา่ ง 4. กระบวนการคิดการแกป้ ญั หาอย่างคน 9 คนคดิ เป็นได้อย่างเปน็ ระบบ คดิ เป็นในรายละเอียดพร้อมตัวอยา่ ง การนำไปปฏิบตั ิในวถิ ีการดำเนนิ ชวี ติ จรงิ 5. กรณีตวั อยา่ งทห่ี ลากหลายเพือ่ การฝึก 9 ทกั ษะการปฏิบัติ 1. อธบิ ายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคัญการวจิ ยั อยา่ ง 8 ความสำคญั การวจิ ัยอย่างง่าย งา่ ยกระบวนการและขน้ั ตอนของการ กระบวนการและขนั้ ตอนของ ดำเนินงาน การดำเนนิ งาน 2. มที ักษะในการใชส้ ถติ ิงา่ ย ๆ 2.. ฝกึ ทักษะ สถติ ิงา่ ย ๆ เพื่อการวิจยั 8 เพ่อื การวจิ ยั และจัดทำเครื่องมือ เครือ่ งมอื การวจิ ัย ในการเก็บรวบรวมข้อมลู 3. มที กั ษะในการเขียน 3. ฝกึ ทกั ษะในการเขียนโครงการวจิ ัย 18 โครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ๆ อยา่ งงา่ ย ๆ 1. บอกความหมาย ตระหนักและ 1. ความหมาย ความสำคัญ ของทักษะ 2 เห็นความสำคญั ของทักษะ การเรยี นรแู้ ละศักยภาพหลักของพืน้ ท่ี การเรยี นรู้ และศักยภาพหลัก ของพื้นที่ 2. มีทักษะการเรยี นรู้พนื้ ฐาน และ 2. ทกั ษะการเรียนรู้พ้นื ฐาน และเทคนิค 3 เทคนิควิธีในการแสวงหา วิธีทางศึกษาหาความรู้ ความรู้ 3. สามารถบอกอาชีพในกลมุ่ 3. การเข้าถึงและการเลอื กใช้ศักยภาพ 10 อาชีพใหม่ ไดแ้ ก่ กลุ่มอาชพี หลักของพ้ืนที่ ดา้ นเกษตรกรรม
8 ที่ หวั เร่ือง ตัวชว้ี ดั เนือ้ หา จำนวน ช่ัวโมง อตุ สาหกรรมพาณชิ ยกรรม ความคดิ สร้างสรรคก์ าร บริหารจดั การและการบริการ 4. สามารถบอกและยกตัวอย่าง ทักษะการเรียนรเู้ พ่ือพฒั นา 4. ตวั อย่างอาชพี ในกลุม่ อาชีพดา้ น 15 ศักยภาพ 5 กลุม่ อาชีพใหม่ 4.1 การเกษตรกรรม 4.2 อุตสาหกรรม 4.2 พาณชิ ยกรรม 4.3 ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4.4 บรหิ ารจัดการ และการบรกิ าร ท่สี อดคล้องกบั ศักยภาพหลกั ของพืน้
9 ตารางวเิ คราะหย์ าก-งา่ ย รายละเอียดคำอธบิ ายรายวชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ จำนวน 5 หน่วยกิต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มาตรฐานการเรียนรู้ 1. สามารถวิเคราะห์ เห็นความสำคัญ และปฏิบัติการแสวงหาความร้จู ากการอ่าน ฟงั และสรุปไดถ้ ูกต้องตาม หลักวชิ าการ 2. สามารถจำแนก จดั ลำดบั ความสำคัญ และเลือกใช้แหลง่ เรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างเหมาะสม 3. สามารถจำแนกผลที่เกิดขึ้นจากขอบเขตความรู้ ตดั สนิ คุณคา่ กำหนดแนวทางพฒั นา 4. ความสามารถในการศึกษา เลอื กสรร จัดเก็บ และการวเิ คราะห์ สงั เคราะหข์ ้อมูลท้ังสามประการ และการใช้ เทคนคิ ในการฝึกทกั ษะ การคิดเป็น เพ่ือใช้ประกอบการตดั สนิ ใจแกป้ ญั หา 5. สามารถวิเคราะห์ปัญหา ความจำเปน็ เหน็ ความสัมพันธ์ของกระบวนการวิจัยกบั การนำไปใชใ้ นชีวิต และ ดำเนินการวจิ ัยทดลองตามข้ันตอน ที่ ตัวช้ีวดั เนอ้ื หา จำนวน แผนการจัดการเรียนรู้ (ชวั่ โมง) พบกลุ่ม เรียนรูด้ ว้ ย ตนเอง 1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง 1. บอกความหมาย ตระหนัก 1. ความหมาย ความสำคัญ ของ 3 (1) (2) และเห็นความสำคญั ของการ การเรียนรูด้ ้วยตนเอง เรียนรู้ดว้ ยตนเอง 2. การกำหนดเป้าหมายและการวาง 3 (2) (1) 2. มที ักษะพื้นฐานทาง แผนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การศึกษาหาความรู้ ทกั ษะ 3. ทกั ษะพื้นฐานทางการศกึ ษาหา 3 (3) การแก้ปัญหา และเทคนิคใน ความรู้ ทักษะการแกป้ ัญหา และ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง เทคนคิ ในการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง 3. อธบิ ายปัจจัยท่ที ำให้การ 4. ปัจจัยท่ีทำให้การเรียนร้ดู ว้ ย 4 (4) เรียนรดู้ ว้ ยตนเองประสบ ตนเองประสบความสำเร็จ ความสำเรจ็ 5. การวางแผนการเรียนรู้ และ การ 6 (3) (3) 4. สามารถวางแผนการเรยี นรู้ ประเมินผลการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง และการประเมินผลการเรยี นรู้ 6. การฝึกทักษะวางแผนการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองได้ และการประเมินผลการเรียนรู้ด้วย 15 (15) ตนเอง การวิจารณ์
10 ที่ ตัวชวี้ ดั เนื้อหา จำนวน แผนการจัดการเรยี นรู้ (ช่วั โมง) พบกลุ่ม เรียนร้ดู ้วย 2. การใช้แหลง่ เรยี นรู้ ตนเอง (1) (2) 1. อธบิ ายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคัญ 3 (3) 3 ความสำคญั ของการใช้ ของการใชห้ อ้ งสมดุ อำเภอ 14 (14) 14 หอ้ งสมุดอำเภอ 2. การเข้าถึงสารสนเทศของ (2) (12) 6 2. อธบิ ายการเข้าถึงสาร ห้องสมดุ ประชาชน (1) (5) 18 สนเทศของหอ้ งสมดุ ประชาชน 3. แหลง่ เรียนรู้ หอสมดุ แห่งชาติ 10 (2) (16) 3. อธิบายแหลง่ เรยี นรู้ หอสมุด หอสมุดวิทยาลัย/มหาวทิ ยาลัย (3) (7) แหง่ ชาติ หอสมุดวทิ ยาลยั / ห้องสมุดเฉพาะ หอ้ งสมุดโรงเรยี น มหาวทิ ยาลยั ห้องสมุดเฉพาะ พพิ ิธภณั ฑ์ อุทยานแหง่ ชาติ แหล่ง ห้องสมุดโรงเรียน พิพิธภณั ฑ์ เรียนรู้สำคญั อืน่ ๆ ในประเทศ อทุ ยานแหง่ ชาติ แหลง่ เรยี นรู้ 4. การใช้อนิ เทอร์เน็ต การเข้าถึง สำคัญอน่ื ๆ ในประเทศ ข้อมลู สารสนเทศท่ตี ้องการและ 4. อธิบายและปฏิบตั กิ ารใช้ สนใจ อินเทอรเ์ นต็ และการเขา้ ถึง ข้อมลู สารสนเทศที่ต้องการ และสนใจ 3. การจดั การความรู้ 1. อธบิ ายความหมาย ความ 1. ความหมาย ความสำคัญ หลักการ สำคญั หลกั การ กระบวนการ กระบวนการจดั การความรู้ การรวม จัดการความรู้ การรวมกล่มุ เพื่อ กลุ่มเพื่อต่อยอดความรู้ การพัฒนา ต่อยอดความรู้ การพฒั นา ขอบข่ายความรู้ของกลุม่ และการ ขอบข่ายความรู้ของกลมุ่ และ จัดทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ การจดั ทำสารสนเทศเผยแพร่ 2. การฝึกทักษะกระบวนการจดั การ ความรู้ ความรู้ดว้ ยตนเอง และ กระบวนการ 2. ปฏิบัติการจดั การความรู้ใน จดั การความรู้ดว้ ยการรวมกลุ่ม เน้ือหาทสี่ อดคล้องกับความ ปฏบิ ัตกิ าร ตอ้ งการของชุมชน 3. สรปุ องค์ความรู้ของกลมุ่ จัดทำ 3. จัดทำสารสนเทศและ สารสนเทศองค์ความรใู้ นการพัฒนา เผยแพรค่ วามรู้ ตนเอง ครอบครัว
11 ท่ี ตวั ชว้ี ัด เนือ้ หา จำนวน แผนการจัดการเรยี นรู้ (ช่วั โมง) พบกลุ่ม เรยี นรูด้ ว้ ย 4. การคิดเป็น ตนเอง 1. อธิบายได้ถงึ ความเช่อื 1. ความเชอื่ พื้นฐานทางการศึกษา 3 (1) (2) 3 (2) (1) พืน้ ฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/ ผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบ 5 10 (3) (7) กศน.และเช่ือมโยงมาสู่ ประการโดยสรุป 9 (9) กระบวนการคดิ เปน็ และระบบ 2. ปรชั ญาคิดเป็น 9 (9) คดิ การแกป้ ัญหา 2.1 ความหมาย ความสำคญั 2. อธบิ ายลักษณะของข้อมลู 2.2 ศัพท์เฉพาะ วชิ าการวชิ าการ ตนเองและ 2.3 การเช่อื มโยงความเชอ่ื พื้นฐาน สงั คมสงิ่ แวดล้อม รวมท้ังการ ทางการศกึ ษาผู้ใหญ/่ กศน.ส่ปู รชั ญา เปรยี บเทียบเพื่อใหเ้ ห็นความ คดิ เปน็ แตกต่างของข้อมูลทง้ั 3 3. ลักษณะขอ้ มลู 3 ดา้ นทีจ่ ะ ประการ นำไปใช้ประกอบความคิดในการ 3. อธบิ ายถึงการฝึกปฏบิ ตั ิการ ตัดสินใจ คอื ข้อมูลทางวิชาการ คิดเปน็ จากกรณีตวั อย่างถึง ตนเองและสงั คมสงิ่ แวดล้อม รวมทง้ั กระบวนการคิดการแก้ปัญหา การเปรียบเทยี บเพอื่ ใหเ้ ห็นความ อยา่ งคนคิดเป็น แตกต่างของข้อมูลทั้ง 3 ประการ 4. กระบวนการคิดการแกป้ ัญหา อยา่ งคนคิดเป็นในรายละเอยี ด พรอ้ มตวั อยา่ งการนำไปใชใ้ นวิถีการ ดำเนนิ ชีวติ จรงิ 5. กรณีตวั อยา่ งทห่ี ลากหลายเพอื่ การฝึกทักษะการปฏิบัติ 5. การวจิ ัยอยา่ งง่าย 1. อธิบายความหมาย ความ 1. ความหมาย ความสำคัญการ 8 (3) (5) สำคญั การวจิ ัยอย่างง่าย วิจยั อยา่ งงา่ ย กระบวนการและ กระบวนการและขั้นตอนของ ข้ันตอนของการดำเนนิ งาน การดำเนนิ งานได้ 2. ฝึกทักษะ สถติ งิ า่ ย ๆ เพ่ือการ 8 (3) (5) 2. มีทกั ษะในการใช้สถิติ ง่าย วิจยั เคร่อื งมือการวิจยั ๆ เพือ่ การวจิ ยั และจดั ทำ 3. ฝึกทักษะในการเขยี น (18) โครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ๆ 18
12 ท่ี ตวั ชี้วัด เนือ้ หา จำนวน แผนการจัดการเรียนรู้ (ช่ัวโมง) พบกลุ่ม เรียนรู้ด้วย เครื่องมอื ในการเก็บรวบรวม ข้อมูล ตนเอง 3. มที กั ษะในการเขียน โครงการวิจัยอยา่ งง่าย ๆ 6. ทักษะการเรยี นรู้และ ศกั ยภาพหลักของพ้นื ทใี่ น การพฒั นาอาชีพ 1. บอกความหมาย ตระหนัก 1. ความหมาย ความสำคัญ ของ 2 (1) (1) และความสำคญั ของการ การเรียนรูแ้ ละศักยภาพของพื้นท่ี เรยี นรแู้ ละศกั ยภาพหลักของ 2. ทักษะการเรยี นรู้พื้นฐาน และ 3 (2) (1) พื้นท่ี เทคนิควถิ ีทางศึกษาหาความรู้ 2. มที กั ษะการเรยี นรู้พน้ื ฐาน 3. การเข้าถึงและการเลอื กใช้ 10 (3) (7) และเทคนิควิธใี นการแสวงหา ศกั ยภาพหลกั ของพื้นท่ี ความรู้ 4. ตัวอยา่ งอาชพี ในกลมุ่ อาชีพดา้ น 15 (15) 3. สามารถบอกอาชีพในกลุ่ม การเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม อาชีพใหม่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ อาชพี พาณชิ ยกรรม ด้านเกษตรกรรม ความคดิ สรา้ งสรรค์ บริหารจัดการ อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม และการบริการทสี่ อดคลอ้ งกับ ความคดิ สร้างสรรค์ การ ศักยภาพหลกั ของพน้ื ท่ใี นการ บรหิ ารจดั การและการบรกิ าร พฒั นาอาชีพ 4. สามารถบอกและ ยกตวั อย่างทกั ษะการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาศักยภาพ 5 กล่มุ อาชีพใหม่
13 แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ จำนวน 5 หนว่ ยกติ สาระทกั ษะการเรยี นรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น แบบ พบกลุม่ จำนวน 6 ชัว่ โมง ครง้ั ที่ 11 ชอ่ื เรอ่ื ง การคิดเป็น ตัวชี้วัด 1. อธิบายไดถ้ งึ ความเชอ่ื พ้ืนฐานทางการศึกษาผใู้ หญ/่ กศน.และเชื่อมโยงมาสูก่ ระบวนการคดิ เปน็ และระบบคดิ การแกป้ ญั หา 2. อธบิ ายลักษณะของข้อมลู วชิ าการวิชาการ ตนเองและสังคมสิ่งแวดลอ้ ม รวมทั้งการเปรียบเทียบ เพือ่ ให้เหน็ ความแตกตา่ งของข้อมลู ท้ัง 3 ประการ 3. อธิบายถึงการฝกึ ปฏบิ ตั ิการคิดเป็นจากกรณตี ัวอยา่ งถึงกระบวนการคดิ การแกป้ ัญหาอยา่ งคน คิดเปน็ เนื้อหา 1. ความเชอื่ พ้ืนฐานทางการศกึ ษาผูใ้ หญ่/การศกึ ษานอกระบบ 2. ปรชั ญาคดิ เปน็ 2.1 ความหมาย ความสำคัญ 2.2 ศัพท์เฉพาะ 3. ลกั ษณะขอ้ มลู 3 ดา้ นทจ่ี ะนำไปใชป้ ระกอบความคิดในการตัดสนิ ใจ คือ ข้อมูลทางวชิ าการ ตนเอง และสังคมสง่ิ แวดลอ้ ม ขน้ั ตอนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขน้ั ที่ 1 การกำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ครแู ละผเู้ รียนทักทาย ครอู ธบิ ายเก่ยี วกบั ความเชื่อพนื้ ฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษานอกระบบ ปรชั ญาคดิ เปน็ ความหมาย ความสำคัญ ศพั ท์เฉพาะ ลักษณะข้อมูลทางวชิ าการ ตนเอง สังคมสิ่งแวดลอ้ ม และบอกแนวทางในการค้นคว้าขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เน็ต ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ ให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับเรื่อง ความเชื่อพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษานอกระบบ ปรัชญาคิดเป็น ความหมาย ความสำคัญ ศัพท์เฉพาะและลักษณะข้อมูล ทางวิชาการ ตนเอง สังคม สงิ่ แวดล้อม จากคลปิ วดี ีโอสื่อการสอน เรือ่ ง คิดเป็น
14 ขนั้ ที่ 3 การปฏบิ ัตแิ ละนำไปประยกุ ตใ์ ช้ ให้ผู้เรียนค้นคว้าเรื่องความเชื่อทางการศึกษาผู้ใหญ่ การศึกษานอกระบบ ปรัชญาคิดเป็น ความหมาย ความสำคญั ศพั ท์เฉพาะและลักษณะขอ้ มูล ทางวชิ าการ ตนเอง สงั คมสิง่ แวดล้อม แล้วถอดองค์ ความร้ทู ่ีได้ ในรปู แบบ 2 3 4 ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ขัน้ ท่ี 4 การประเมินผล ผเู้ รียนทำใบงาน และ แบบทดสอบย่อย สอ่ื 1. หนงั สือเรยี น 2. ใบความรู้ 3. อนิ เตอรเ์ น็ต 4. คลิปวีดีโอสอื่ การสอน เร่อื ง คิดเปน็ การวัดผลประเมนิ ผล 1. ใบงาน 2. แบบทดสอบย่อย
15 ใบความรู้ ครง้ั ท่ี 11 วิชา ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ เรอ่ื ง การคิดเปน็ ความหมายของปรัชญาคิดเป็น ความหมายของ“คิดเปน็ ” “คิดเป็น” มีความเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนต้องการความสุข แต่ความสุขของแต่ละคนแตกต่างกัน เนื่องจากมนุษย์มีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น เพศ วัย สภาพสังคมสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิต ซึ่งทำให้ความ ต้องการและความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การ “คิดเป็น” เป็นการคิดเพื่อแก้ปัญหา คือ มีจุดเริ่มต้นท่ี ปัญหาแล้วพิจารณาย้อนไตร่ตรองถึงข้อมูล 3 ประเภท คือ ข้อมูลด้านตนเอง ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และ ขอ้ มูลวิชาการ ต่อจากนัน้ ก็ลงมือกระทำ ถา้ หากสามารถทำให้ปัญหาหายไป กระบวนการก็ยตุ ลิ ง แตห่ ากบุคคล ยังไมพ่ อใจแสดงว่ายังมีปญั หาอยู่ บุคคลกจ็ ะเรม่ิ กระบวนการพจิ ารณาทางเลือกใหม่อีกครั้ง และกระบวนการน้ี ยุติลงเม่ือบคุ คลพอใจและมคี วามสขุ ความเช่ือพ้นื ฐานของปรัชญา “คิดเปน็ ” 1. คนมคี วามแตกตา่ งกันอย่างหลากหลาย ความต้องการของคนกไ็ ม่เหมือนกัน 2. แตท่ ุกคนต้องการความสุข 3. ความสขุ ของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน 4. ความสุขของแต่ละคนจะเกิดขน้ึ ไดต้ ่อเมื่อ มนุษย์ กบั สภาวะแวดล้อมท่เี ป็นวถิ ีชีวติ ของตน สามารถ ปรับเขา้ หากนั อยา่ งผสมกลมกลนื จนเกดิ ความพอดี และพอใจ 5. แต่สภาวะแวดลอ้ มในสังคมเปลย่ี นแปลงอย่ตู ลอดเวลา กอ่ ให้เกดิ ปัญหา ก่อให้เกดิ ความทุกข์ ความ ไมส่ บายใจ ไม่สบายกายเกดิ ข้ึนไดเ้ สมอ 6. คนคดิ เป็นเชอื่ วา่ ทกุ ข์ หรอื ปญั หาเปน็ เรอื่ งธรรมชาติ ที่เกดิ ขึน้ ได้ สามารถแก้ไขได้ ถ้าร้จู ักแสวงหา ข้อมูลหลายๆ ด้าน รู้จักวิเคราะห์ข้อมูล รู้จักใช้ข้อมูลในการตัดสินใจอย่างน้อย 3 ประการ คือข้อมูลทาง
16 วิชาการ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อมทางสังคมในวิถีชีวิต วิถีวัฒนธรรม ประเพณี และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ตนเอง ซงึ่ ครอบคลมุ ถงึ การพง่ึ พาตนเอง และความพอเพยี งดว้ ย 7. เมื่อได้พัฒนาทักษะการตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล และไตร่ตรองข้อมูลอย่าง รอบคอบ ทั้ง 3 ด้าน จนมีความพอใจแล้ว ก็พร้อมจะรับผิดชอบการตัดสินใจนั้นอย่างสมเหตุสมผล เกิดความ พอดี ความสมดลุ ระหว่างชีวติ กบั ธรรมชาตอิ ยา่ งสนั ติสุข 8. อย่างไรก็ตามสงั คมในยุคโลกาภิวฒั น์ เปน็ สงั คมแหง่ การเปล่ยี นแปลง ท่ีรวดเร็วและรุนแรง ปญั หาก็ เปลยี่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา ทกุ ข์กเ็ กดิ ขึน้ ดำรงอยู่ และดบั ไป เปลย่ี นโฉมหน้าไปตามกาลสมัย กระบวนทัศน์ใน การดับทุกขก์ ็ต้องพัฒนารปู แบบ ให้ทนั ตอ่ การเปลีย่ นแปลงเหล่านัน้ อยู่ตลอดเวลา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทเ่ี ปล่ยี นไปดว้ ย 9. กระบวนการตอบทุกข์หรือ การแก้ปัญหาจึงหมุนเวียนมาจนกว่าจะพอใจอีกเป็นเช่นนี้อยู่อย่าง ต่อเนื่องตลอดชีวิต การสอนแบบคิดเป็นจึงไม่มีการสอนแบบสำเร็จรูป ว่าอะไรถูก อะไรผิด ขึ้นอยู่กับบริบท และสิ่งแวดล้อมแต่ละคนจะมีบริบทไม่เหมือนกัน แต่เมื่อนำมาถกเถียงกัน นำมาอภิปราย ถกเถียงกันจะเกิด ความรูแ้ ตกฉานย่งิ ขน้ึ กระบวนการแกป้ ญั หาของการคิดเปน็ 1. ขน้ั สำรวจปญั หา เมอื่ เกดิ ปัญหา ยอ่ มต้องเกิดกระบวนการคดิ แกป้ ัญหา 2. ข้ันหาสาเหตุของปญั หา เป็นการหาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าปญั หาท่เี กดิ ข้ึนน้ัน เกิดขนึ้ ได้อยา่ งไร มี อะไรเปน็ องคป์ ระกอบของปัญหาบา้ ง - สาเหตุจากตนเอง พืน้ ฐานของชีวิต ครอบครวั อาชีพการปฏิบัติตน คุณธรรม ฯลฯ - สาเหตุจากสังคม บคุ คลทอี่ ยแู่ วดล้อม ตลอดจนความเชือ่ ประเพณี ฯลฯ - สาเหตุจากการขาดวิชาการความรู้ตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหา 3. ข้นั วเิ คราะหป์ ญั หา หาทางแกไ้ ขปัญหา เปน็ การวิเคราะหท์ างเลือกในการแก้ปัญหา โดยใชข้ ้อมูล ดา้ นตนเอง สังคม วชิ าการ มาประกอบในการวเิ คราะห์ 4. ขัน้ ตดั สนิ ใจ เม่ือไดท้ างเลือกแล้วจงึ ตดั สนิ ใจเลือกแก้ปัญหาในทางท่ีมขี ้อมูลต่าง ๆ พร้อม 5. ขั้นตดั สนิ ใจไปสู่การปฏบิ ัติ เมอื่ ตดั สนิ ใจเลือกทางใดแล้ว ตอ้ งยอมรบั วา่ เป็นทางเลือกทด่ี ีที่สดุ ใน ข้อมลู เท่าท่มี ีขณะนั้น ในกาละนั้น และในเทศะนัน้ 6. ขั้นปฏิบตั ใิ นการแก้ปัญหา ในข้ันนีเ้ ปน็ การประเมนิ ผลพร้อมกนั ไปด้วย ถา้ ผลที่ - พอใจ ก็ถือว่าพบความสุข เรียกว่า “คิดเปน็ ” - ไมพ่ อใจ หรอื ผลออกมาไมไ่ ดเ้ ปน็ ไปตามทีค่ ดิ ไว้ หรอื ข้อมูลเปลีย่ นต้องเริม่ ตน้ กระบวนการ คิดแก้ปัญหาใหม่ ลกั ษณะของคนคิดเปน็ 8 ประการ 1. เชอื่ ในความแตกตา่ งหลากหลายของคน
17 2. เชือ่ ในลกั ษณะการเปลยี่ นแปลงของชวี ิตและสังคมทมี่ ีเกิด ดำรงอยู่ และดบั ไปเป็นธรรมดา 3. เชอื่ มั่นในความพอเพียง พอประมาณ พอดี และร้จู ักพง่ึ พาตนเอง 4. เชื่อในหลักของอริยสจั 4 5. เชื่อว่าทกุ ข์หรือปญั หาใด ๆ ยอ่ มมีอย่ใู นธรรมชาติเปน็ ของธรรมดา และสามารถแก้ไขไดเ้ สมอ 6. เชื่อมั่นว่าข้อมูลทั้งหลายเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาการตัดสินใจแก้ปัญหาที่ดีต้องรู้จักใช้ รู้ จัก วิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มูลทหี่ ลากหลายเพียงพอ และครอบคลุมขอ้ มูลทเี่ ก่ียวกบั ตนเองคือรจู้ ักตนเองอย่างถ่อง แท้ ข้อมูลที่เกีย่ วข้องกับวิชาการท่ีจะเป็นบ่อเกิดของปญั หา และข้อมูลที่เกี่ยวกับสังคมส่ิงแวดลอ้ ม ธรรมเนียม ประเพณี 7. เผชิญกบั ปญั หาอยา่ งรเู้ ท่าทัน มีสติ ไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ เมื่อตัดสินใจแลว้ มีความพอใจ และเตม็ ใจรับผิดชอบกบั ผลการตดั สนิ ใจเช่นน้ันจนกวา่ จะมขี อ้ มลู ใหมเ่ พิ่มเติม หรอื มีขอ้ มลู ท่เี ปล่ียนแปลงไป 8. เชื่อมั่นและมั่นใจในการเรียนรู้ตลอดชีวิต กระบวนการเรียนรู้การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั ตามปรชั ญา “คดิ เปน็ ” น้ี ผเู้ รียนถือเปน็ สิ่งท่สี ำคญั ที่สดุ ผสู้ อนจะเป็นผู้จัดโอกาส จัดกระบวนการ จัดระบบข้อมูลและแหล่งเรียนรู้รวมทัง้ จัดบรรยากาศท่ีเหมาะสมในการเรียนรู้ขึ้น กิจกรรมในการเรียนรู้อาจมี แนวทางดังนี้ 1. กระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนคิดวเิ คราะหจ์ ากปญั หาและความต้องการของตนเองและชมุ ชน 2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนร้อู ยา่ งเตม็ ศักยภาพ 3. ผเู้ รียนเรยี นรูจ้ ากการอภปิ ราย ถกเถียงในประเดน็ ท่เี ป็นปญั หา 4. ผู้เรียนเรยี นรู้จากกระบวนการกลุ่ม มีการใช้ข้อมลู หลาย ๆ ดา้ น 5. ผเู้ รียนเรยี นรจู้ ากวถิ ีชีวิต วถิ กี ารทำงาน วถิ ีชุมชน และภมู ปิ ญั ญา 6. ผเู้ รียนเรยี นรูจ้ ากการทำโครงงาน การเขา้ ค่าย การศกึ ษาดูงาน 7. ผเู้ รียนเรียนรู้จากการศกึ ษาวจิ ยั ศกึ ษากรณีตวั อย่างทห่ี ลากหลาย 8. ผเู้ รยี นได้ฝกึ การตดั สนิ ใจด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลท่ลี ึกซึ้งเพียงพอและเชอื่ ถอื ได้ 9. ผเู้ รียนร้จู กั การใชเ้ ทคนิคกระบวนการตา่ ง ๆ เชน่ การนำเวทชี าวบ้านมาเป็นเครื่องมือ สำคัญในการศกึ ษาปัญหาและคิดแกป้ ัญหาของตนเองและชมุ ชน 10. ส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นได้รูจ้ กั การตดั สนิ ใจในการแก้ปัญหาบนพ้ืนฐานของข้อมูลที่เพยี งพอ ท้งั ข้อมูลตนเอง วชิ าการ และสังคมสิ่งแวดลอ้ ม และนำไปสู่การปฏิบัติได้ ความสำคัญของการคดิ การคิดเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดจะมีผลและรากฐานของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตแต่ละ บุคคลในการดำเนินงานของสังคม ถ้าคนแต่ละคนคิดดี คิดถูกต้อง คิดเหมาะสม การดำเนินชีวิตของคนและ ความเปน็ ไปของสังคมก็จะดำเนนิ ไปอย่างมีคุณค่าสูง การคิดจึงเป็นเรื่องสำคญั ของมนุษย์ การคิดเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการดำรงชีวิตในสังคมที่ซับซ้อน สังคมจะก้าวหน้าต่อไปได้ก็เมื่อบุคคลในสังคมมีความคิด รู้จักคิด ป้องกันหรือคิดแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันและพัฒนาปรับปรุงภาวะต่างๆ ให้ดีขึ้นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเด็กจึง
18 ต้องช่วยพัฒนาความสามารถในการคิดให้แก่เด็กอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล สามารถ ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างราบร่นื คนตอ้ งคดิ เปน็ คนท่ีไมช่ อบคิดหรือคิดไมเ่ ปน็ ยอ่ มตกเป็นเหยอ่ื ของคนช่างคิด คนต้องงอาศัยความคิดเป็นสิ่งนำไปสู่การดำเนินชีวิต การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผล การคิด เป็นกระบวนการทางจติ ใจมีความสำคญั ตอ่ การเรียนรู้ แมว้ า่ ทุกคนจะมีความคิดแต่ก็มองไมเ่ ห็นไดโ้ ดยตรง ต้อง อาศยั การสังเกตพฤตกิ รรม การแสดงออกและการกระทำ กระบวนการของการคดิ การคดิ เป็นกระบวนการของจติ ใจหรือกระบวนการทางสมอง ซง่ึ มีความสำคัญตอ่ การเรียนรู้ การคิดไม่ มีขอบเขตจำกัด กระบวนการคิดของมนษุ ย์เป็นกระบวนการท่ีมีขนั้ ตอนท่ีเร่ิมจากสิ่งเร้ามากระตุน้ ทำให้จิตใส่ใจ กับสิ่งเร้าและสมองนำข้อมูลหรือความรู้ที่มีอยู่มาประมวล เพื่อให้ได้ผลของการคิดออกมาเหตุของการคิด ต้นเหตขุ องการคิดคือส่ิงเรา้ ทีเ่ ปน็ ปัญหา หรอื สง่ิ เรา้ ที่เปน็ ความตอ้ งการหรือสงิ่ เร้าทชี่ วนสงสยั ซึ่งมรี ายละเอียด ดงั น้ี 1) สง่ิ เรา้ ท่ีเป็นปัญหา เป็นส่ิงเรา้ ประเภทสถานการณ์ เหตกุ ารณ์ หรอื สภาวะทม่ี ากระทบแลว้ จำเปน็ ต้องคดิ ( Have to think) เพื่อกระทำสงิ่ หน่ึงสิ่งใดท่ีจะทำให้ปัญหาน้ันลดไปหรือหมดไป 2) สิ่งเร้าที่เป็นความต้องการ เป็นความต้องการสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิมในแง่ต่าง ๆ เช่น ต้องการลดต้นทุน ในการผลติ สนิ คา้ ต้องการทำงานโดยใช้เวลาน้อยลง ต้องการความปลอดภยั มากขึ้น จงึ ตอ้ งการการคิด (Want to think) มาเพ่อื ทำให้ความตอ้ งการหมดไป 3) สิ่งเร้าที่ชวนสงสัย เป็นสิ่งเร้าแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่มากระตุ้นให้สงสัย อยากรู้ ซึ่งในสภาพการณ์ เดียวกัน สิ่งเร้าเดียวกัน บางคนอาจไม่อยากรู้ก็ไม่เกิดการคิด แต่บางคนก็อยากรู้ซึ่งอาจเกิดจากบุคลิกภาพ ประจำตัวทีเ่ ป็นคนช่างคิด ช่างสงสยั ทำให้ต้องการคำตอบเพือ่ ตอบข้อสงสัย นั้น ๆ ซึ่งลักษณะเช่นน้ีควรไดร้ บั การฝกึ ฝนและพัฒนาตอ่ ๆ ไป ผลของการคดิ คือคำตอบหรือวิธีการที่มปี ระสทิ ธิภาพ เพ่ือนำไปแก้ปัญหาที่พบ หรอื เพือ่ ให้ความตอ้ งการ หรือ ความสงสัยลดลงหรอื หมดไป ผลของการคดิ ไดแ้ ก่ 1) คำตอบของปัญหาทพี่ บ หรือคำตอบทสี่ นองต่อความต้องการของตน ซ่งึ รวมไปถงึ วธิ ีการในการ แกป้ ัญหา ขัน้ ตอนในการปฏบิ ัติงานเพื่อใหไ้ ดค้ ำตอบนั้น ๆ 2) แนวคดิ ความรู้ ทางเลอื ก และสิง่ ประดิษฐ์ ซงึ่ เป็นส่ิงใหม่ ๆ กระบวนการคดิ ที่กระทรวงศึกษาตอ้ งการ ความสามารถในการคิดทก่ี ระทรวงศกึ ษาตอ้ งการ คือ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ การคดิ อยา่ ง สร้างสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ การคิดอยา่ งเปน็ ระบบ 1. การคิดอย่างเปน็ ระบบ ควรมาก่อน เนื่องจากเป็นกระบวนการคิดท้ังหมด ตัวบ่งชี้การคดิ อย่างเปน็ ระบบ คือ คิดอย่างมีจุดหมาย คิดอย่างเป็นลำดับขั้นตอน คิดด้วยเหตุผล คิดให้เกิดประโยชน์ที่นักการศึกษา (ศรทั ธา) ยดึ ม่ัน คือ กระบวนการวิทยาศาสตร์ อาจใช้กบั การคดิ กับส่ิงที่สัมผสั ไดด้ ีแต่บั่นทอน จินตนาการและ สรา้ งสรรค์)
19 2. การคิดวเิ คราะห์ คือ การนำส่วนรวมมาแยกแยะดู องค์ประกอบแตล่ ะสว่ นลกั ษณะและคณุ สมบตั ิ ขององค์ประกอบ การทำหนา้ ทีแ่ ละความสมั พันธ์ขององค์ประกอบทีม่ ตี ่อองค์รวม 3. การคิดสังเคราะห์ คือ การนำองค์ส่งิ ที่มีความแตกตา่ งกันมาประกอบให้เปน็ ส่งิ ใหม่ (ทีจ่ ริงแลว้ เป็น ความคดิ สรา้ งสรรค์อยดู่ ้วย ถ้ามุง่ ทีใ่ ห้เกิดประโยชน)์ 4. การคิดพิจารณา (วิจาร, พิจาร = การตรอง = การเอาจิตเจ้าไปจับแล้วดูลักษณะ องค์ประกอบ คุณสมบัติ การเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลง ฯลฯ) น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการคิดอย่างเป็นลำดับขั้นตอนของ การคิดอยา่ งเป็นระบบ อ้างอิงมาจาก http://learningskillsg2.blogspot.com/2016/06/blog-post_46.html ความเชือ่ พื้นฐานทางการศึกษาผใู้ หญ/่ การศกึ ษานอกระบบ 5 ประการ ความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งของการจัดการศึกษานอกระบบ ซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่น ของประเทศไทย คือ ความเช่อื ทว่ี ่ามนุษย์ทุกคนต้องการความสุขเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต การคิดตัดสินใจ การเลือกกระทำหรือไม่กระทำใด ๆ ล้วนใช้เหตุผล ข้อมูลประกอบการคิดอย่างรอบด้านอย่างน้อย 3 ด้าน คือ ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ทั้งด้านร่างกาย สุขภาพ อนามัย จิตใจ ฐานะความเป็นอยู่ ข้อมูลเกี่ยวกับสังคม ทั้งสังคม วัฒนธรรม ประเพณีและสภาพแวดล้อมทางกายภาพต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลทางวิชาการคือความรู้ใน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจนั้น ๆ การคิดแบบคิดเป็นจึงเป็นการใช้ข้อมูลประกอบการคิดอย่างรอบด้าน นำมาสกู่ ารตดั สนิ ใจเลือกทจี่ ะเชื่อ เลือกทจ่ี ะกระทำ โดยสามรถอธิบายเหตผุ ลของตนเองได้ ซง่ึ ความคิดของแต่ ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันเสมอไป การจัดการศึกษานอกระบบ จึงต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดและตัดสินใจ ด้วยตนเอง หัวใจสำคัญ คือการยอมรับและเคารพในการตัดสินใจของผู้เรียน ซึ่งเป็นรากฐานของความเป็น ประชาธิปไตย ในระดับพน้ื ฐานด้วย กลุ่มเป้าหมายการศึกษานอกระบบส่วนมากเป็นเยาวชนและผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ มีความรับผิดชอบในการประกอบอาชีพ ดูแลครอบครัว และมีข้อจำกัดมากมายในการเรียนรู้ ซึ่งลักษณะดังกล่าวทำให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ไม่เหมือนกับเด็ก เพราะมีอะไรที่แตกต่างกันหลายอย่า ง เช่น ความคิดอ่าน ประสบการณ์ ความพร้อม การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจึงจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับ ความต้องการและธรรมชาติของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มา แลกเปล่ยี นเรียนรกู้ นั และสง่ เสริมการเรียนรูด้ ้วยตนเอง การศึกษานอกระบบเป็นกระบวนการของการศึกษาตลอดชีวิต มีภารกิจสำคัญที่มุ่งให้ประชาชน ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการศึกษาพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตตามมาตรฐานของสังคมซ่ึง เป็นสทิ ธิทค่ี นทกุ คนพึงไดร้ ับ นอกจากนน้ั ยงั จะตอ้ งได้รับการศึกษาทต่ี ่อเน่ืองจากการศึกษาพืน้ ฐานนำความรู้ไป พฒั นาอาชพี พัฒนาคณุ ภาพชีวิตและพฒั นาชมุ ชนและสังคมในท่สี ดุ การจัดกระบวนการเรียนรู้ การศึกษานอกระบบจึงยึดหลักการสำคัญ 5 ประการ คือ หลักความ เสมอภาคทางการศึกษา หลักการพฒั นาตนเองและการพ่ึงพาตนเอง หลักการบรู ณาการการเรยี นรู้และวิถีชีวิต หลักความสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของผเู้ รียน และหลักการเรียนรู้รว่ มกนั และการมีส่วนร่วมของชมุ ชน ดังนี้ (สำนกั บริหารงานการศึกษานอกโรงเรยี น.2546 : 3-4)
20 ใบงาน ครั้งท่ี 11 วิชา ทร21001 ทักษะการเรียนรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ชอื่ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชแี้ จง ใหผ้ ้เู รียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. ให้ศกึ ษาอธบิ ายถึงความเช่ือพ้ืนฐานทางการศึกษาผใู้ หญ่/การศึกษานอกระบบ สรุปมาพอเข้าใจ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 2. ใหผ้ ู้เรียนบอกความหมาย ความสำคญั ศัพท์เฉพาะของปรัชญาคิดเป็น มาพอสงั เขป ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... 3. ข้อมูลประกอบการคดิ อยา่ งรอบด้าน มกี ีด่ ้าน อะไรบ้าง .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
21 เฉลยใบงาน คร้ังท่ี 11 วชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรียนรู้ ระดับ มธั ยมศึกษาตอนตน้ คำช้ีแจง ใหผ้ เู้ รยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. ให้ศึกษาอธบิ ายถึงความเช่ือพื้นฐานทางการศึกษาผู้ใหญ/่ การศึกษานอกระบบ สรุปมาพอเข้าใจ ตอบ ความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญประการหนึ่งของการจัดการศึกษานอกระบบ ซึ่งเป็น ลักษณะทีโดดเด่นของประเทศไทย คือ ความเชื่อที่ว่ามนุษย์ทุกคนต้องการความสุขเป็นเป้าหมาย สงู สดุ ของชีวิต การคิดตดั สนิ ใจ การเลอื กกระทำหรอื ไมก่ ระทำใด ๆ ล้วนใชเ้ หตผุ ล 2. ใหผ้ ู้เรียนบอกความหมาย ความสำคัญ ศัพทเ์ ฉพาะของปรชั ญาคิดเป็น มาพอสงั เขป ตอบ “คิดเป็น” มคี วามเชอื่ ว่า มนษุ ยท์ ุกคนตอ้ งการความสุข แต่ความสขุ ของแตล่ ะคน แตกตา่ งกนั เนอ่ื งจากมนุษยม์ คี วามแตกต่างกนั ในด้านตา่ งๆ เชน่ เพศ วยั สภาพสังคมสิง่ แวดล้อม วถิ ีชวี ิต ซึ่งทำใหค้ วามต้องการและความสุขของแต่ละคนไมเ่ หมือนกัน การ “คดิ เป็น” เป็นการคิดเพือ่ แก้ปญั หา คือ สังคม สง่ิ แวดล้อม และข้อมูลวชิ าการ ตอ่ จากน้นั กล็ งมอื กระทำ ถ้าหากสามารถทำให้ ปัญหาหายไป กระบวนการก็ยุตลิ ง แตห่ ากบุคคลยงั ไมพ่ อใจแสดงว่ายงั มปี ัญหาอยู่ บุคคลกจ็ ะเริ่ม กระบวนการพิจารณา ทางเลอื กใหม่อกี คร้ัง และกระบวนการนย้ี ตุ ิลงเมอื่ บุคคลพอใจและมคี วามสุข ความเชอื่ พื้นฐานของปรัชญา “คดิ เปน็ ” ศพั ทเ์ ฉพาะของปรัชญาคดิ เป็น คอื ปรัชญา คดิ เป็น ความเชอ่ื การศกึ ษาผูใ้ หญ่ ฯลฯ 3. ข้อมลู ประกอบการคิดอยา่ งรอบด้าน มกี ีด่ ้าน อะไรบา้ ง ตอบ ข้อมลู ประกอบการคิดอย่างรอบด้าน มี 3 ด้าน คอื 1. ขอ้ มูลเกย่ี วกบั ตนเอง 2. ข้อมลู เกย่ี วกับสงั คม 3. ขอ้ มลู ทางวชิ าการ
22 แบบทดสอบย่อย คร้ังที่ 11 วิชา ทร21001 ทักษะการเรียนรู้ ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ชอื่ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำช้ีแจงให้ผู้เรียน กา เคร่อื งหมาย X ทบั ตัวอักษรหน้าข้อทถี่ กู ต้องทีส่ ดุ จำนวน 5 ข้อ 1. ความหมายของ “คิดเปน็ ” คอื ข้อใด ค. การเงนิ สุขภาพอนามยั บุคลิกภาพ ก. การคิดอย่างใครค่ รวญ ไตร่ตรองเพื่อ ความรู้ อายุ และวยั เลอื กปฏบิ ตั อิ ย่างมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ข. การคดิ วิเคราะห์ และแกป้ ญั หาทเ่ี กิดขนึ้ ง. ความรู้ด้านวิชาการทีเ่ กยี่ วข้องกบั เร่ืองท่ี เพ่ือใหต้ นเองเกิดความสุขและความพึง ต้องคิด และตดั สินใจ พอใจ ค. การคิดอย่างอย่างมีสติ และใชเ้ หตผุ ล 4. ข้อมลู ดา้ นวิชาการตรงกบั ข้อใด เพอ่ื การปรบั ตนเองและการตัดสินใจ ก. ความร้ทู ่เี ก่ียวขอ้ งกบั เรือ่ งท่ตี อ้ งคดิ ตัดสินใจ อย่างถกู ตอ้ ง และปฏบิ ัติ ง. การคิดอย่างรอบคอบเพ่อื การแก้ปัญหา ข. เพ่ือนรว่ มงาน ชมุ ชน ภูมิประเทศและ โดยอาศยั ข้อมูลตนเอง ข้อมลู สังคม สถานที่ปฏิบัตงิ าน ส่ิงแวดลอ้ มและข้อมลู ค. ความรู้ สขุ ภาพอนามัย บคุ ลกิ ภาพ อปุ นิสัย และสภาพจิตใจ 2. ข้อใด ไม่ใช่ ความเช่อื พ้นื ฐานการศกึ ษาผูใ้ หญ่ ง. วัฒนธรรม ความเช่อื ประเพณี คา่ นยิ ม ก. ความเช่ือเร่ืองความสุข ตลอดจนกรอบคุณธรรม จรยิ ธรรม ข. ความเชื่อเรือ่ งการปรบั ตัว ค. ความเช่ือเรือ่ งความแตกตา่ งระหวา่ ง 5. ลกั ษณะของคนคิดเปน็ คือข้อใด บุคคล ก. ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาโดยใชข้ ้อมลู ที่อยู่รอบ ๆ ง. ความเชอื่ เร่อื งของส่ิงลลี้ ับของแตล่ ะ ตนเอง ชมุ ชน ข. รวู้ ่าการกระทำของตนเองมีผลดแี ละถูกต้อง เสมอ 3. ขอ้ มูลด้านตนเอง ตรงกบั ขอ้ ใด ค. ทำแลว้ ตัดสนิ ใจแลว้ สบายใจ และเต็มใจ ก. เพ่ือนร่วมงาน ชุมชน ภมู ิประเทศและ รับผิดชอบ สถานทป่ี ฏบิ ัติงาน ง. เชื่อวา่ ปญั หาเกดิ ข้ึนได้ตลอดเวลาและต้อง ข. สภาพแวดลอ้ ม สงั คม วฒั นธรรม ความ แก้ไขอยา่ งเปน็ ระบบ เชอ่ื และประเพณี
23 ขอ้ สอบอตั นัย จำนวน 1 ข้อ 1. จงอธบิ ายความหมายของกลมุ่ เป้าหมายการศึกษานอกระบบ โดยสรุปมาพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ............................................................................................... ............................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................ .............................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ..............................................................................................................................................................................
24 เฉลย แบบทดสอบย่อย ครง้ั ท่ี 11 วชิ า ทร21001 ทักษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ข้อสอบปรนัย 1. ง 2. ง 3. ค 4. ก 5. ค ข้อสอบอัตนัย แนวตอบ 1. จงอธิบายความหมายของกลุม่ เปา้ หมายการศึกษานอกระบบ โดยสรปุ มาพอสงั เขป ตอบ กลุ่มเป้าหมายการศึกษานอกระบบ ส่วนมากเป็นเยาวชนและผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีประสบการณ์ มีความรับผิดชอบในการประกอบอาชีพ ดูแลครอบครัว และมีข้อจำกัดมากมายในการเรียนรู้ ซึ่งลักษณะดังกล่าวทำให้การจัดกระบวนการเรียนรู้ไม่เหมือนกับเด็ก เพราะมีอะไรที่แตกต่างกันหลายอย่าง เช่น ความคิดอ่าน ประสบการณ์ ความพร้อม การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจึงจำเป็นต้องใหส้ อดคล้องกับ ความต้องการและธรรมชาติของผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม นำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่มา แลกเปลย่ี นเรียนรกู้ ัน และสง่ เสรมิ การเรียนรู้ด้วยตนเอง
25 แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา ทร21001 ทกั ษะการเรียนรู้ จำนวน 5 หนว่ ยกติ สาระทักษะการเรียนรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แบบ พบกลมุ่ จำนวน 6 ชวั่ โมง ครง้ั ที่ 12 ช่อื เร่อื ง การวิจัยอยา่ งง่าย ตวั ช้วี ดั 1. อธบิ ายความหมาย ความสำคญั การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย กระบวนการและขั้นตอนของการดำเนินงานได้ 2. มที กั ษะในการใชส้ ถติ ิง่าย ๆ เพ่อื การวิจยั และจัดทำเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล 3. มที ักษะในการเขยี นโครงการวจิ ยั อย่างงา่ ยๆ เนื้อหา 1. ความหมาย ความสำคญั การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย กระบวนการและข้นั ตอนของการดำเนินงาน 2. ฝึกทักษะ สถติ ิงา่ ยๆ เพอื่ การวจิ ัย เคร่อื งมือการวิจยั 3. ฝกึ ทักษะในการเขียนโครงการวิจัยอย่างงา่ ย ๆ ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ข้ันท่ี 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ 1. ครกู ลา่ วทกั ทายและทบทวนเน้ือหาเดมิ จากการสอนครั้งท่แี ลว้ จากน้นั ครูพดู คยุ กบั ผู้เรยี น เกีย่ วกับความหมายและความสำคญั ของการวจิ ัยอย่างง่ายได้ บอกประโยชนข์ องการวิจยั อย่างงา่ ยได้ อธบิ าย กระบวนการและข้ันตอนการทำวิจยั อยา่ งง่าย 2. ครใู ห้ผู้เรยี นแสดงความคิดเหน็ การทำวิจยั การดำเนินชีวติ ทเี่ กิดข้ึนในชีวิตประจำวัน ตามความหมาย ของคำว่าวิจยั ตามความเขา้ ใจของตนเอง ครูแนะนำวิธีการสร้างเคร่อื งมือการวจิ ัยเพ่ือเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วย ตนเอง ขนั้ ท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรยี นรู้ ครมู อบหมายให้ผเู้ รียนศึกษาเรยี นรู้จากคลิปวีดีโอ เรอื่ ง การวิจัยอยา่ งงา่ ย จากอนิ เตอรเ์ น็ต หนงั สอื เรยี นรายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ และสแกน QR Code ใบความรู้ ครง้ั ท่ี 12 เร่อื ง การวจิ ยั อย่างงา่ ย - ความหมาย - ความสำคญั การวจิ ัยอย่างงา่ ย - กระบวนการและขน้ั ตอนของการดำเนนิ งาน - สถติ งิ ่ายๆ เพือ่ การวิจยั เครื่องมือการวิจยั - ประโยชน์ของการวจิ ัยอย่างงา่ ย
26 ข้ันท่ี 3 การปฏิบัติและนำไปประยกุ ต์ใช้ 1. ครูและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปวธิ ีการทำวิจัยอย่างง่ายตามเน้ือหาและวตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้ 2. ครใู ห้ผูเ้ รียนค้นควา้ เร่ืองของความหมาย ความสำคญั การวิจัยอยา่ งง่าย กระบวนการและขั้นตอน ของการดำเนินงาน เครือ่ งมือการวิจยั สรุปผลการเรยี นรรู้ ว่ มกันโดยการถอดองคความรู้ทไี่ ด้ ในรูปแบบ 2 3 4 ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ข้นั ท่ี 4 การประเมนิ ผล ผ้เู รยี นทำ ใบงาน และ แบบทดสอบยอ่ ย สอ่ื 1. หนงั สอื เรยี น 2. ใบความรู้ (QR Code) 3. คลปิ วดี โี อ เรอื่ ง การวิจยั อยา่ งงา่ ย 4. อนิ เตอร์เน็ต การวดั ผลประเมนิ ผล 1. ใบงาน 2. แบบทดสอบย่อย
27 ใบความรู้ คร้งั ที่ 12 วชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น เรอื่ ง การวจิ ัยอย่างงา่ ย me Scan
28 ใบความรู้ คร้ังท่ี 12 วชิ าทักษะการเรยี นรู้ ทร21001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ เรือ่ ง การวจิ ัยอย่างง่าย การวจิ ยั คืออะไร การวจิ ยั หมายถงึ กระบวนการแสวงหาความรูอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ และมจี ุดม่งุ หมายทีแ่ น่นอนภายใน ขอบเขตทกี่ ำหนด โดยใช้วิธที างวทิ ยาศาสตร์ เพื่อให้ไดม้ าซึ่งความรู้ ความจริงเป็นทยี่ อมรบั การวิจัยจึงเปน็ เครอื่ งมอื ในการคน้ หาองค์ความรู้//หรอื ข้อคน้ พบในการแก้ปญั หา หรือพัฒนางานหรือการเรียนได้อยา่ งเปน็ ระบบ นา่ เช่อื ถือ มีความชดั เจน ตรวจสอบได้ การวจิ ัยอยา่ งง่ายคอื อะไร การวิจยั อยา่ งงา่ ย เปน็ กระบวนการในการค้นหาองคค์ วามรู้ หรือข้อคน้ พบในการแกป้ ญั หา หรอื แนวทางพฒั นางานทม่ี ีกระบวนการไม่ซับซ้อนใช้เวลาไมม่ าก สามารถทำควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตประจำวันได้ เนน้ ปรากฏการณ์ทเ่ี กิดข้นึ จริง และสะท้อนความเปน็ เหตเุ ปน็ ผล ประโยชน์ของการวจิ ัยอยา่ งง่าย 1. ปลูกฝังให้เปน็ คนมีพ้ืนฐานในการแสวงหาความรู้ หรือข้อคน้ พบในการแกป้ ัญหา อย่างมรี ะบบ 2. ฝึกใหเ้ ปน็ คนท่ีคิดอยา่ งมรี ะบบและเป็นเหตุเป็นผล 3. การวจิ ยั ทำให้เกิดองค์ความร้ใู หม่ ๆ 4. การวจิ ัยทำใหเ้ กดิ สง่ิ ประดิษฐ์ และแนวคดิ ใหม่ ๆ 5. การวิจัยช่วยตอบคำถามที่อยากรู้ ทำให้เข้าใจปญั หา และช่วยในการแก้ไขปัญหา 6. การวิจัยชว่ ยในการวางแผนและการตดั สินใจ 7. การวิจัยชว่ ยใหท้ ราบผลและข้อบกพรอ่ งจากการเรยี น/การทำงาน ขัน้ ตอนการทำวจิ ยั อย่างง่าย ประกอบด้วย 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดคำถามวิจัย/ปัญหาวิจัย การทำวิจัย เริ่มต้นจากผวู้ จิ ยั อยากรู้อะไร มปี ญั หาขอ้ สงสัยทต่ี อ้ งการคำตอบอะไร ขน้ั ตอนที่ 2 การเขยี นโครงการวิจยั ซ่งึ ต้องเขียนก่อนการทำการวจิ ยั จรงิ โดยเขียนให้ครอบคลุมหัวข้อ ดังนี้ 1. ชื่อโครงการวิจยั (จะทำวจิ ัยเร่ืองอะไร) 2. ความเปน็ มาและความสำคัญ (ทำไมจงึ ทำเร่ืองนี้) 3. วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั (อยากรู้อะไรบา้ งจากการวิจัย) 4. วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย (มีแนวทางขน้ั ตอนการดำเนนิ งานวจิ ยั อยา่ งไร) 5. ปฏทิ ินปฏบิ ัติงาน (ระยะเวลาการวจิ ยั และแผนการดำเนินงาน) 6. ประโยชน์ของการวจิ ยั หรอื ผลท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ (การวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์อย่างไร)
29 ขน้ั ตอนที่ 3 การดำเนินงานตามแผนในโครงการวิจัย ข้นั ตอนท่ี 4 การเขยี นรายงานการวจิ ยั ประกอบด้วยหัวข้อดงั นี้ 1. ชื่อเรื่อง 2. ชอื่ ผวู้ จิ ยั 3. ความเปน็ มาของการวิจัย 4. วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย 5. วิธดี ำเนนิ การวจิ ัย 6. ผลการวจิ ัย 7. ข้อเสนอแนะ 8. เอกสารอา้ งองิ (ถ้ามี) ข้นั ตอนท่ี 5 การเผยแพร่ผลงานวิจัย เปน็ ขน้ั ตอนสดุ ท้ายของการวจิ ยั เพอ่ื ให้บคุ คลหรือหน่วยงานท่ี เกีย่ วข้อง นำผลวิจยั นนั้ ไปใช้ประโยชน์ เคร่อื งมอื การวิจัยเพื่อเกบ็ รวบรวมข้อมลู เครอื่ งมอื การวิจัย เป็นสิง่ สำคัญในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู สิ่งทต่ี อ้ งการศึกษา เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั มีหลายประเภท ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์ และแบบสงั เกต แบบสอบถาม แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือการวจิ ยั ทน่ี ยิ มนำมาใชร้ วบรวมข้อมูลงานวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ เช่น การวจิ ัยเชิง สำรวจ การวิจยั เชิงอธบิ าย เปน็ ตน้ แบบสอบถามมีทั้งแบบสอบถามปลายปิด และแบบสอบถามปลายเปดิ แบบสัมภาษณ์ แบบสัมภาษณ์ เปน็ เครอื่ งมอื การวิจยั ทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู งานวิจัยทุกประเภท ทุกสาขา แต่ท่ี นยิ มคือใช้กบั การวิจัยเชิงคุณภาพ การสัมภาษณ์ เปน็ การรวบรวมข้อมลู ในลักษณะเผชญิ หนา้ กันระหว่างผสู้ ัมภาษณ์ และผู้ให้สัมภาษณ์ โดยผูส้ ัมภาษณ์เปน็ ผ้ซู กั ถามและผใู้ หส้ ัมภาษณเ์ ปน็ ผใู้ ห้ขอ้ มูลหรอื ตอบคำถามของผูส้ มั ภาษณ์ เช่น ครู สมั ภาษณน์ กั ศึกษาเก่ยี วกบั การเรยี นการสอน คณะกรรมการสัมภาษณ์นกั ศึกษาทสี่ อบเข้าเรยี นในสถานศึกษา ได้ แบบสงั เกต แบบสงั เกตเป็นเคร่อื งมอื การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ที่ใช้ได้กับงานวิจัยทุกประเภท โดยเฉพาะงานวจิ ัยเชิง คณุ ภาพ งานวจิ ยั เชิงทดลอง เชน่ ใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรม
30 ใบงาน คร้ังที่ 12 วิชา ทร21001 ทักษะการเรยี นรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น ช่อื – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำชีแ้ จง ให้ผ้เู รยี นศกึ ษาตอบคำถาม ต่อไปน้ี 1. การวจิ ัย หมายถงึ …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การวิจยั มีความสำคัญอย่างไร …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. องค์ประกอบในการวจิ ยั มีหวั ขอ้ อะไรบ้าง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. สถิตงิ า่ ยๆ ท่ีใช้เพ่อื การวิจยั มีอะไรบา้ ง …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
31 5. เครื่องมือการวิจัยทนี่ ยิ มใช้มาก ได้แก่ (1)…………………………………………………………….………………………….………………………………………………… (2)…………………………………………………………………………………………………………………………………………… (3)…………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. จงบอกวธิ กี ารเผยแพร่งานวิจัยมา 3 วธิ ี …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ประโยชนข์ องการวจิ ัย …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
32 เฉลยใบงาน ครัง้ ท่ี 12 วชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น 1. การวิจัย หมายถงึ แนวตอบ การวิจัยหมายถึง กระบวนการแสวงหาความรู้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และมีจุดมุ่งหมายท่ี แนน่ อนภายในขอบเขตท่ีกำหนด โดยใชว้ ิธีทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือให้ไดม้ าซง่ึ ความรู้ ความจริงเปน็ ทย่ี อมรับ การ วจิ ัยจึงเปน็ เคร่อื งมือในการคน้ หาองค์ความรู/้ หรอื ข้อคน้ พบในการแก้ปญั หา หรอื พัฒนางานหรือการเรยี นได้ อยา่ งเป็นระบบ นา่ เชอ่ื ถือ มีความชัดเจน ตรวจสอบได้ 2. การวจิ ยั มคี วามสำคัญอยา่ งไร แนวตอบ การวิจัยอยา่ งง่าย เปน็ กระบวนการในการค้นหาองค์ความรู้ หรือข้อค้นพบในการแกป้ ัญหา หรือแนวทางพัฒนางานที่มกี ระบวนการไม่ซับซ้อนใชเ้ วลาไมม่ าก สามารถทำควบคไู่ ปกบั การใชช้ ีวติ ประจำวัน ได้ เนน้ ปรากฏการณ์ทีเ่ กดิ ขนึ้ จรงิ และสะท้อนความเปน็ เหตุเปน็ ผล 3. องคป์ ระกอบในการวจิ ัยมหี ัวขอ้ อะไรบ้าง แนวตอบ 1. ชอ่ื เรอ่ื ง 2. ชือ่ ผวู้ ิจยั 3. ความเป็นมาของการวจิ ยั 4. วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย 5. วิธดี ำเนนิ การวจิ ยั 6. ผลการวจิ ยั 7. ข้อเสนอแนะ 8. เอกสารอ้างอิง (ถ้ามี) 4. สถิติงา่ ย ๆ ที่ใชเ้ พื่อการวิจัย มีอะไรบ้าง แนวตอบ 1. สถิตพิ รรณนา (Descriptive statistics) เปน็ สถติ ิที่ใช้ในการสรุปข้อมลู ทีไ่ ด้มาจากกลุ่มตวั อย่าง โดยไม่มกี ารอ้างองิ ไปยังประชากร แต่เป็นการบรรยายลกั ษณะข้อมลู เท่าน้นั เช่น การแจกแจงความถี่ (frequency distribution) การวัดแนวโน้มเขา้ สสู้ ว่ นกลาง การวัดการกระจายของข้อมลู ฯลฯ การนำเสนอผล การวิเคราะห์ขอ้ มลู พรรณนาจะอยใู่ นรปู ตาราง (table) และแผนภูมิ (Chart) ชนิดต่างๆ 2. สถิติอ้างอิง (Inferential statistics) หรือสถิตอิ นุมาน เป็นสถิติท่ีใช้เพื่อนำผลสรุปที่คำนวณได้จาก การส่มุ ตวั อยา่ ง ไปอธิบายหรือสรุปลักษณะของประชากรทง้ั หมด วิธที ี่ใช้ในการสรุปอ้างอิงไปยังกลุ่มประชากร นัน้ คอื การประมาณค่า (Estimation) และการทดสอบสมมติฐาน (Hypothesis testing) การวิเคราะห์ความ
33 แปรปรวน (analysis of variance) การวเิ คราะหค์ วามถดถอยและสหสัมพันธ์ (regression and correlation analysis) สถิติอ้างอิงจำแนกเป็น 2 ชนิดคือ แบบอ้างอิงพารามิเตอร์ (Parametric statistics) (ทดสอบ สมมตุ ิฐานโดยใชส้ ถติ ิ t-test, z-test, ANOVA, regression analysis ตัวแปรท่ีตอ้ งการวดั เปน็ interval scale กลุ่มตัวอย่างจะต้องมีการแจกแจงเป็นโค้งปกติ กลุ่มประชากรจะต้องมีความแปรปรวนเท่ากัน) และแบบไม่ อ้างอิงพารามิเตอร์ (Nonparametric statistics) (ใช้สถิติ chi-square, medium test, sign test กลุ่ม ตัวอยา่ งเป็น free distribution เปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ งขนาดเล็ก ไม่ทราบลกั ษณะการแจกแจงของประชากรที่สนใจ จะศึกษา) 5. เครอื่ งมือการวิจัยท่ีนยิ มใชม้ าก ไดแ้ ก่ แนวตอบ (1) แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือการวิจัยที่นิยมนำมาใช้รวบรวมข้อมูลงานวิจัยเชิงปริมาณ เช่น การ วิจัยเชิงสำรวจ การวิจัยเชิงอธิบาย เป็นต้น แบบสอบถามมีทั้งแบบสอบถามปลายปิด และแบบสอบถาม ปลายเปดิ (2) แบบสัมภาษณ์ เป็นเครื่องมือการวิจัยที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลงานวิจัยทุกประเภท ทุกสาขา แตท่ ่ีนิยมคือใชก้ ับการวจิ ัยเชิงคณุ ภาพ การสัมภาษณ์ เป็นการรวบรวมขอ้ มลู ในลกั ษณะเผชญิ หน้ากันระหว่างผู้ สัมภาษณ์ และผู้ให้สัมภาษณ์ โดยผู้สัมภาษณ์เป็นผู้ซักถามและผู้ให้สัมภาษณ์เป็นผู้ให้ข้อมูลหรือตอบคำถาม ของผสู้ มั ภาษณ์ เชน่ ครสู ัมภาษณน์ กั ศึกษาเกย่ี วกับการเรยี นการสอน คณะกรรมการสัมภาษณน์ ักศึกษาที่สอบ เข้าเรยี นในสถานศกึ ษาได้ (3) แบบสังเกตเปน็ เคร่ืองมือการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ที่ใชไ้ ด้กบั งานวิจัยทกุ ประเภท โดยเฉพาะงานวิจัย เชงิ คณุ ภาพ งานวจิ ยั เชิงทดลอง เช่น ใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมขอ 6. จงบอกวธิ กี ารเผยแพร่งานวิจยั มา 3 วธิ ี แนวตอบ 1. การเตรียมนำเสนอผลงานวิจัยด้วยการพูด (Oral Presentation) 2. การนำเสนอผลงานวจิ ยั ดว้ ยโปสเตอร์ (Poster Presentation) 3. การนำเสนอผลงานวิจัยดว้ ยการตีพิมพ์เผยแพร่ ผลงานวจิ ยั ในวารสารวิชาการที่ได้รบั การรบั รอง 7. ประโยชนข์ องการวจิ ยั แนวตอบ 1. ปลกู ฝังใหเ้ ปน็ คนมีพนื้ ฐานในการแสวงหาความรู้ หรือข้อค้นพบในการแก้ปัญหา อย่างมีระบบ 2. ฝกึ ใหเ้ ป็นคนท่คี ิดอยา่ งมรี ะบบและเป็นเหตุเปน็ ผล 3. การวจิ ยั ทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ 4. การวิจัยทำให้เกดิ ส่งิ ประดิษฐ์ และแนวคดิ ใหม่ ๆ 5. การวจิ ยั ชว่ ยตอบคำถามท่ีอยากรู้ ทำให้เขา้ ใจปัญหา และชว่ ยในการแก้ไขปัญหา 6. การวจิ ยั ชว่ ยในการวางแผนและการตดั สนิ ใจ
34 แบบทดสอบย่อย ครัง้ ที่ 12 วิชา ทร21001 ทักษะการเรยี นรู้ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ช่อื – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... ข้อสอบปรนยั จำนวน 5 ข้อ 3. ขน้ั ตอนในการทำงานวจิ ยั ตรงกบั ข้อใด คำสงั่ ใหเ้ ลอื กคำตอบที่ถกู ที่สุดเพยี งคำตอบเดยี ว ก. กำหนดคำถามวิจยั /ปัญหาวจิ ัย 1. การวจิ ยั คืออะไร ข. กำหนดสมมตุ ิฐานงานวิจัย ค. กำหนดวตั ถุประสงค์งานวจิ ัย ก. การหาคำตอบขอ้ ทีส่ งสยั ง. กำหนดขอบเขตงานวจิ ัย ข. การหาคำตอบทน่ี า่ เชอื่ ถือ ค. การหาความรู้ความจริง 4. การเขียนโครงการวิจัย เปรียบได้กับขอ้ ใด ง. การหาความรู้ความจริงด้วย ก. การใช้งบประมาณในการออกแบบ กระบวนการท่เี ชือ่ ถือได้ บา้ น 2. ข้อใดไมใ่ ช่ประโยชนข์ องงานวจิ ัย ข. การตกแต่งบา้ น ก. ชว่ ยให้ผ้เู รยี นเปน็ คนทม่ี ีความคดิ ค. การเขียนแบบบ้านในการก่อสร้าง ง. การตอ่ เติมบ้าน ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ ข. ช่วยใหผ้ เู้ รยี นเป็นคนทีม่ ีความสนใจ 5. ข้อใดไมใ่ ชแ่ หล่งเผยแพร่งานการวจิ ยั ก. เว็บไซต์ ใฝ่รู้ ข. เว็บบล็อก ค. ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นดดู แี ละเปน็ ทีย่ อมรับใน ค. เว็บบอร์ด ง. โฮมเพจ สังคม ง. ชว่ ยให้ผู้เรยี นใช้ทักษะการเรียนรทู้ ี่ สูงขนึ้ ข้อสอบอัตนัย จำนวน 1 ข้อ คำชี้แจง ใหผ้ ู้เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี (5 คะแนน) 1. ให้ผเู้ รยี นอธบิ ายหวั ข้อ “นักวจิ ัยตอ้ งมีคุณสมบัติอย่างไร” ตามความเข้าใจของผู้เรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
35 เฉลยแบบทดสอบย่อย คร้ังท่ี 12 วชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ขอ้ สอบปรนัย จำนวน 5 ข้อ 1. ง. การหาความรูค้ วามจรงิ ดว้ ยกระบวนการทเ่ี ชอื่ ถือได้ 2. ค. ชว่ ยให้ผเู้ รียนดดู ีและเป็นทีย่ อมรบั ในสังคม 3. ก. กำหนดคำถามวิจยั /ปัญหาวิจัย 4. ค. การเขียนแบบบา้ นในการก่อสร้าง 5. ง. โฮมเพจ ข้อสอบอัตนัย จำนวน 1 ข้อ 1. ใหผ้ ูเ้ รยี นอธิบายหวั ข้อ “นักวจิ ยั ตอ้ งมีคุณสมบัติอยา่ งไร” ตามความเข้าใจของผเู้ รียน แนวตอบ • นักวจิ ัยตอ้ งซ่ือสตั ย์และมคี ุณธรรมในทางวชิ าการและการจัดการ • นักวิจยั ต้องตระหนกั ถึงพนั ธกรณใี นการทำงานวจิ ยั ตามข้อตกลง ท่ีทำไวก้ บั หน่วยงานที่สนับสนนุ การ วจิ ัย และต่อหน่วยงานทตี่ นเองสงั กัด • นกั วิจัยตอ้ งมีพน้ื ฐานความรู้ในสาขาวชิ าการท่ีทำวจิ ัย • นักวจิ ัยตอ้ งมีความรบั ผิดชอบตอ่ สงิ่ ทีศ่ ึกษาวิจัย ไม่วา่ จะเป็นสงิ่ ทม่ี ีชีวติ หรือไมม่ ชี วี ติ • นักวิจัยต้องเคารพศักดิ์และสิทธขิ องมนษุ ย์ท่ีใชเ้ ป็นตวั อยา่ งในการวจิ ยั • นกั วิจัยตอ้ งมีอสิ ระทางความคดิ โดยปราศจากอคติในทุกขั้นตอนของการทำวจิ ัย • นักวจิ ยั พึงนำผลงานวิจัยไปใช้ในทางที่ชอบ • นักวิจัยพึงเคารพความคิดเห็นทางวิชาการของผู้อื่น • นักวิจยั พึงมีความรบั ผิดชอบต่อสังคมทกุ ระดับ
36 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชา ทร21001 ทักษะการเรียนรู้ จำนวน 5 หนว่ ยกิต สาระทักษะการเรียนรู้ ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ แบบ พบกลุ่ม จำนวน 6 ชัว่ โมง ครั้งที่ 13 เรอ่ื ง ทักษะการเรียนร้แู ละศักยภาพของพ้ืนท่ใี นการพัฒนาอาชีพ ตวั ชี้วดั 1. บอกความหมาย ตระหนัก และความสำคัญของการเรียนรแู้ ละศักยภาพหลกั ของพื้นที่ 2. มีทักษะการเรยี นรู้พ้นื ฐานและเทคนิควิธใี นการแสวงหาความรู้ 3. สามารถบอกอาชีพในกลุม่ อาชพี ใหม่ ไดแ้ ก่ กล่มุ อาชีพด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณชิ ยกรรม ความคดิ สร้างสรรค์ การบริหารจดั การและการบริการ 4. สามารถบอกและยกตัวอย่างทักษะการเรียนรเู้ พื่อพฒั นาศักยภาพ 5 กล่มุ อาชีพใหม่ เนอื้ หา 1.1 ความหมาย ความสำคัญ ของการเรียนรู้และศกั ยภาพของพนื้ ที่ 1.2 ทักษะการเรยี นรู้พนื้ ฐาน และเทคนิควถิ ที างศึกษาหาความรู้ 1.3 การเขา้ ถึงและการเลอื กใชศ้ ักยภาพหลกั ของพน้ื ท่ี 1.4 ตัวอยา่ งอาชีพในกล่มุ อาชีพดา้ น การเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม ความคดิ สร้างสรรค์ บริหารจดั การและการบรกิ าร ทส่ี อดคล้องกับศักยภาพหลกั ของพื้นทีใ่ นการพัฒนาอาชีพ ขั้นตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้ันที่ 1 การกำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ 1. ครูพูดคุยกบั ผเู้ รียนเกี่ยวกับความหมายความสำคัญของทักษะการเรียนรู้และศักยภาพของพ้ืนท่ี ในการพฒั นาอาชีพ 2. ครแู ละผู้เรียนร่วมกันกำหนดความจำเปน็ กรอบเน้ือหาและความจำเป็นทตี่ ้องเรยี นร้ใู นเรอ่ื งอาชีพใหม่ อาชีพ การเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณชิ ยกรรม เร่อื งความคดิ สร้างสรรค์ บรหิ ารจดั การและการบรกิ าร ขั้นท่ี 2 การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ ครมู อบหมายให้ผู้เรยี น 1. ให้ผู้เรยี นคน้ ควา้ เรอื่ งความหมายความสำคัญของศักยภาพหลกั ของพื้นที่ในการพฒั นาอาชีพ การ วเิ คราะหศ์ ักยภาพหลักของพ้ืนทใ่ี นการพฒั นาอาชพี จากคลิปวีดีโอ เรือ่ ง การวิเคราะหศ์ ักยภาพหลักของพื้นที่ โดยเทคนคิ SWOT อินเตอร์เน็ต หนังสอื เรียนรายวิชาทักษะการเรยี นรู้ 2. ใหผ้ ู้เรยี น คน้ ควา้ โดยเชื่อมโยงจากแบบเรียน ใบความรู้เรื่อง ทกั ษะการเรียนร้แู ละศักยภาพของพ้ืนที่ บนการพัฒนาอาชีพ
37 ขน้ั ที่ 3 การปฏิบัตแิ ละนำไปประยกุ ต์ใช้ 1.ใหผ้ ้เู รียนแต่ละคนศกึ ษาหาความรู้ในเร่อื งความหมายความสำคญั ของศักยภาพหลักของพน้ื ท่ใี นการ พัฒนาอาชีพ การวเิ คราะห์ศักยภาพหลกั ของพื้นท่ีในการพัฒนาอาชพี 2.ครูและผู้เรียนรว่ มกนั สรปุ ผลการเรยี นรู้โดยการถอดองค์ความรทู้ ี่ได้ ในรปู แบบ 2 3 4 ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ขั้นท่ี 4 การประเมินผล ผูเ้ รยี นทำ ใบงาน และแบบทดสอบยอ่ ย สอ่ื 1. หนงั สอื เรียน 2. ใบความรู้ (QR Code) 3. คลิปวีดโี อ เรื่อง การวเิ คราะห์ศกั ยภาพหลักของพ้นื ที่โดยเทคนิค SWOT การวัดผลประเมนิ ผล 1. ใบงาน 2. แบบทดสอบย่อย
38 ใบความรู้ ครง้ั ท่ี 13 วชิ า ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น เรื่อง การวิเคราะหศ์ กั ยภาพหลักของพื้นท่โี ดยเทคนคิ SWOT https://drive.google.com/file/d/1DcKlqk_9JmBUC6ed3_Ck8uMvj9IbJ1oS/view
39 ใบความรู้ ครัง้ ท่ี 13 วชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ เรือ่ ง การวเิ คราะห์ศกั ยภาพหลกั ของพน้ื ท่ีโดยเทคนคิ SWOT การวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของชุมชน การขยายงานอาชีพ เป็นแนวทางการดำเนินงานอาชีพ ให้มีความเข้มแข็งและเกิดความมั่นคงในการ ประกอบอาชีพ ทมี่ ีความสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด การขยายงานอาชีพ จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับศึกษาและการวิเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์ของชุมชนทั้งภายในและภายนอก ให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงตามสภาพการณ์ที่มีการ เปลี่ยนแปลง เพื่อสรา้ งความเช่ือม่ันและกำหนดเป้าหมายการขยายงานอาชพี ท่ีชดั เจน ดังนั้น การดำเนินการขยายงานอาชีพให้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าผู้ดำเนินการอาชีพ จะได้มีการ พัฒนางานอาชพี มาแลว้ อยา่ งต่อเนื่อง พร้อมท้งั ได้วิเคราะห์ความเปน็ ไปได้ รวมถงึ ไดศ้ ึกษาขอ้ มลู องค์ประกอบ ท่ีเกย่ี วข้องมาแล้วกต็ าม ในการขยายงานอาชีพให้เกิดความมนั่ คง จำเป็นตอ้ งใหค้ วามสำคัญต่อการวิเคราะห์ขอ้ มลู สถานการณ์ ของชุมชน ให้เหมาะสมและมีความสอดคล้องกับสภาพบริบทของพื้นท่ี ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะ ภมู อิ ากาศ ภูมปิ ระเทศ ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวติ และทรัพยากรมนษุ ย์ ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเช่ือมั่นและสามารถกำหนดเป้าหมายในการดำเนินงานขยายอาชีพเพ่ือ ความมั่นคงได้อย่างเหมาะสม จึงควรได้มีการวิเคราะห์ชุมชนเกี่ยวกับสภาพบริบทของพื้นที่กับงานอาชีพที่ ตัดสนิ ใจจะดำเนนิ การพฒั นา การดำเนินการวิเคราะห์ชุมชน โดยทั่วไปนิยมใช้เทคนิค SWOT ในการประเมิน เพราะ เป็นเทคนิค สำหรับการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมท่ีมผี ลกระทบว่า มีผลดีหรอื ผลเสียอย่างไรต่อสิง่ ท่ีจะกระทำ มีรายละเอียด ดังน้ี S (Strength) จดุ แขง็ หมายถงึ ความสามารถ หรอื สถานการณ์ภายในชมุ ชนท่ีเป็นเชงิ บวก ซง่ึ สามารถ นำมาใชป้ ระโยชนใ์ นการทำงาน เพอ่ื ใหง้ านบรรลวุ ัตถุประสงค์ หรือกอ่ ให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงาน ส่งผลให้ งานทีท่ ำเกิดความเขม้ แขง็ W (Weakness) จุดอ่อน หมายถึง สถานการณ์ภายในชุมชนที่เป็นเชิงลบ ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้เป็น ประโยชนใ์ นการทำงาน เพอ่ื ให้งานบรรลุวัตถุประสงค์ หรือไมก่ ่อใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่องาน อาจสง่ ผลให้งานที่ทำ เกดิ คงวามล้มเหลวได้ O (Opportunity) โอกาส หมายถึง ปัจจัยและสถานการณ์ภายนอกชุมชน ที่เอื้อประโยชน์ในการ ทำงานใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ หรอื หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อการดำเนนิ งาน T (Treat) อุปสรรค หมายถึง ปจั จยั และสถานการณภ์ ายนอกชุมชน ทข่ี ดั ขวางหรือไมส่ นับสนุนตอ่ การ ทำงานใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ หรอื หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกทีเ่ ปน็ ปัญหาต่อการดำเนนิ งาน
40 ในการดำเนินการวิเคราะห์ชุมชนตามสภาพบริบทของพื้นท่ี ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะ ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี วี ติ และทรัพยากรมนุษย์ กับงานอาชีพที่ตัดสินใจ จะดำเนนิ การพฒั นา ด้วยเทคนิค SWOT เพือ่ การเขา้ สู่อาชพี มีขน้ั ตอนการดำเนนิ งานดังน้ี 1. กำหนดประเด็นสภาพบริบทของพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์ต่องานอาชีพที่ตัดสินใจที่จะดำเนินการ พัฒนา เพือ่ การนำมาวิเคราะห์ เช่น 1.1 กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม ประเด็นสภาพบริบทที่ควรนำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะภูมอิ ากาศ ลักษณะภมู ปิ ระเทศ และทรพั ยากรมนุษย์ 1.2 กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม ประเด็นสภาพบริบทที่ควรนำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ทรพั ยากรธรรมชาติ ลักษณะภูมิประเทศ สภาพภมู ิอากาศ ศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวติ 1.3 กลุ่มอาชีพพาณิชยกรรม ประเด็นสภาพบริบทที่ควรนำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ทรพั ยากรธรรมชาติ ภูมิอากาศ ภมู ปิ ระเทศ และทำเล ทีต่ ้งั 1.4 กลุ่มอาชีพความคิดสร้างสรรค์ ประเด็นสภาพบริบทที่ควรนำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรมนษุ ย์ 1.5 กลุ่มอาชีพอำนวยการและอาชีพเฉพาะทาง ประเด็นสภาพบริบทที่ควรนำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิต และ ทรัพยากรมนุษย์ 2. กำหนดรายละเอียดย่อยที่จะทำการวิเคราะห์ในแต่ละประเด็นของสภาพบริบทแต่ละด้านกับงาน อาชพี ท่ีกำหนดจะดำเนินการพัฒนา เชน่ ประเด็นของสภาพบริบท รายละเอยี ดของประเดน็ 1. ทรัพยากรธรรมชาติ 1.1 ความเหมาะสมและคณุ ภาพของ ทรัพยากรธรรมชาติ 1.2 ทรัพยากรธรรมชาตใิ นชมุ ชน และ/หรือ ชุมชน ข้างเคียงท่ี เอ้ือต่องานอาชีพ 1.3 ปรมิ าณและค่าใช้จา่ ยในการซือ้ ทรัพยากร 1.4 ปรมิ าณน้ำ / แหลง่ นำ้ ที่ตอ้ งใชใ้ นงานอาชีพ 1.5 รายละเอยี ดของประเดน็ อ่ืนๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ ง 2. ลักษณะภูมิอากาศ 2.1 ลักษณะภมู อิ ากาศ 2.2 สภาพภมู อิ ากาศกับการสนับสนนุ งานอาชพี 2.3 ความสัมพันธ์ของภูมิอากาศกับสภาพพ้นื ท่ี 2.4 ความสัมพนั ธข์ องภูมิอากาศกบั ทรัพยากร ธรรมชาติ 2.5 รายละเอียดของประเดน็ อนื่ ๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง
ประเด็นของสภาพบรบิ ท 41 3. ภมู ิประเทศ รายละเอยี ดของประเดน็ 4. ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี วี ิต 3.1 ลักษณะภูมิประเทศ 3.2 สภาพภูมปิ ระเทศกับการเก้ือหนุนงานอาชพี 3.3 ความสัมพนั ธข์ องภมู ิประเทศกับงานอาชีพ 3.4 ความสมั พนั ธข์ องภมู ิประเทศกบั ทรัพยากร ธรรมชาติ 3.5 รายละเอยี ดของประเด็นอื่นๆ ทเ่ี กีย่ วข้อง 4.1 งานอาชีพสอดคล้องกบั ศิลปะของชุมชน 4.2 งานอาชีพมคี วามสัมพันธ์กับวฒั นธรรมของชมุ ชน 4.3 งานอาชพี มคี วามสมั พันธ์กบั ประเพณีของชมุ ชน 4.4 งานอาชีพมคี วามสมั พนั ธ์กบั วถิ ชี ีวติ ของคนใน ชุมชน 4.5 รายละเอยี ดของประเด็นอนื่ ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง 5. ทรัพยากรมนุษย์ 5.1 ความรู้ ในการประกอบอาชพี ของตนเอง 5.2 ผรู้ ใู้ นชมุ ชน ทม่ี ีความรู้เก่ียวกับงานอาชีพ 5.3 แรงงานในชุมชนทีจ่ ำเป็นต้องใชใ้ นงานอาชีพ 5.4 การบรหิ ารงานบุคคล / แรงงาน 5.5 ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนกับผ้ปู ระกอบการ 5.6 รายละเอียดของประเดน็ อนื่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง 3. เม่อื สามารถกำหนดรายละเอียดย่อยได้ในแตล่ ะประเด็นของสภาพบริบทแลว้ ในการวิเคราะห์ ให้ ดำเนินการวเิ คราะหใ์ นแตล่ ะดา้ นของการวิเคราะหด์ ้วยเทคนิค SWOT ตามตารางวเิ คราะห์ดังนี้ อาชีพท่ตี ัดสนิ ใจเลอื ก ................................................. สถานการณภ์ ายในชุมชน จดุ แขง็ จุดอ่อน 1. ทรัพยากรธรรมชาติ 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ 2. ลักษณะภมู ิอากาศ 2. ลกั ษณะภูมิอากาศ 3. ภมู ปิ ระเทศ 3. ภมู ปิ ระเทศ 4. ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชวี ติ 4. ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถชี วี ิต 5.ทรพั ยากรมนษุ ย์ 5.ทรัพยากรมนษุ ย์
42 สถานการณ์ภายนอกชุมชน โอกาส อุปสรรค 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ 1. ทรัพยากรธรรมชาติ 2. ลกั ษณะภูมิอากาศ 2. ลักษณะภูมิอากาศ 3. ภมู ิประเทศ 3. ภมู ิประเทศ 4. ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวถิ ีชวี ติ 4. ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถชี วี ติ 5.ทรัพยากรมนุษย์ 5.ทรัพยากรมนษุ ย์ 4. ดำเนนิ การวิเคราะหร์ ะบุข้อมูลตามความเป็นจริง ตามหัวข้อของรายละเอียดย่อยในแต่ละประเดน็ ของสภาพบริบทชุมชนวา่ มีความสมั พนั ธ์กบั งานอาชพี ทจี่ ะดำเนนิ การพัฒนาอยา่ งไร ท้งั น้ี ในการวิเคราะห์ระบุ ข้อมูล ผ้ดู ำเนนิ การได้แกผ่ ูท้ ี่ตัดสินใจขยายอาชีพเพื่อความม่ันคง เป็นผูด้ ำเนินการเอง โดยต้องวเิ คราะหร์ ะบุ ขอ้ มูลดว้ ยความเปน็ จริง ในการวเิ คราะห์ระบุขอ้ มูลสถานการณภ์ ายในชมุ ชน เป็นการวิเคราะห์ระบุข้อมลู เกย่ี วกบั รายละเอียด ย่อยในแตล่ ะประเดน็ แยกข้อมูลภายในชุมชนทเี่ ปน็ เชิงบวกหรือเปน็ สว่ นสนบั สนุน เก้อื หนนุ ให้งานอาชีพ ประสบความสำเรจ็ ในด้านจุดแขง็ และระบุข้อมูลในชุมชนทีเ่ ป็นเชิงลบ หรือเป็นข้อมลู ท่ีอาจจะเป็นปัญหาได้ กับงานอาชพี ในดา้ นจดุ อ่อน ในการวิเคราะห์ระบุขอ้ มลู สถานการณภ์ ายนอกชมุ ชน เปน็ การวเิ คราะหร์ ะบุข้อมูลเกี่ยวกับ รายละเอียดย่อยในแตล่ ะประเดน็ แยกข้อมลู ภายนอกชุมชนท่ีเป็นเชิงบวก หรือเปน็ สว่ นสนับสนุน เอื้อ ประโยชน์ในการทำงานอาชีพใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ หรือเป็นประโยชน์ตอ่ การดำเนินงาน ในด้านโอกาส และ ระบขุ ้อมูลภายนอกชมุ ชนทเ่ี ป็นเชงิ ลบ หรืออาจจะเปน็ สิง่ ท่ีขัดขวางหรือไม่ สนับสนนุ ตอ่ การทำงานอาชพี ให้ บรรลุวตั ถุประสงค์ หรือเปน็ ปัญหาตอ่ การดำเนินงานอาชพี ในด้านอุปสรรค ตวั อยา่ งการวิเคราะห์ระบขุ อ้ มลู อาชีพ การขยายผลิตภณั ฑจ์ ากน้ำมันมะพร้าวกลน่ั เย็น สถานการณ์ภายในชมุ ชน จุดแข็ง จดุ ออ่ น 1. ทรัพยากรธรรมชาติ ในพ้ืนท่ตี ำบลเกาะกดู 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ ไมม่ ี มีมะพรา้ วเป็นจำนวนมาก ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นวตั ถุดบิ ส่วนผสมใน 2. ลกั ษณะภูมอิ ากาศ ลักษณะภูมิอากาศ มี การผลติ ความเหมาะสมต่อการท่องเท่ียว มีนกั ท่องเทยี่ ว 2. ลักษณะภูมอิ ากาศ อาจมีปญั หาได้ในช่วงฤดู ท้ังชาวไทยและชาวตา่ งประเทศนยิ มเดนิ ทางมา มรสุม เพราะเรือโดยสารอาจจะไม่ออกเรือ
43 อาชีพ การขยายผลิตภัณฑจ์ ากนำ้ มนั มะพร้าวกลั่นเย็น สถานการณภ์ ายในชมุ ชน จดุ แขง็ จุดอ่อน เทีย่ วเป็นจำนวนมาก จงึ เกื้อหนุนในการ 3. ภูมปิ ระเทศ ตำบลเกาะกูดหา่ งจากฝ่ังรว่ ม ดำเนนิ งานอาชีพ 80 กิโลเมตรทางทะเล อาจจะมปี ญั หาในการ 3. ภมู ปิ ระเทศ ตำบลเกาะกดู มภี มู ปิ ระเทศเป็น ขนสง่ และการจำหน่ายผลผลิตได้ เกาะท่ีมธี รรมชาตสิ วยงาม มีนกั ทอ่ งเทย่ี วทงั้ 4. ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวติ ชาวไทยและชาวต่างประเทศเดนิ ทางมาเทีย่ ว ไมม่ ีขอ้ มลู เปน็ จุดอ่อน เปน็ จำนวนมาก จงึ เก้ือหนุนในการดำเนนิ งาน 5. ทรพั ยากรมนุษย์ ไม่มขี ้อมูลเปน็ จดุ อ่อน อาชพี 4. ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวถิ ชี ีวติ นำ้ มนั มะพรา้ ว เป็นผลิตภณั ฑ์ที่สามารถนำไปใช้ รว่ มในการผลิตเปน็ ผลติ ภัณฑ์อ่นื ๆได้ 5. ทรพั ยากรมนษุ ย์ ดำเนนิ การด้วยสมาชกิ ภายในครอบครวั และสามารถจา้ งแรงงานใน พื้นทีไ่ ด้ โอกาส อปุ สรรค 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ ไมม่ ีขอ้ มลู เปน็ โอกาส 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ จะต้องสั่งวัตถดุ บิ 2. ลกั ษณะภูมอิ ากาศ นกั ท่องเท่ียวท้งั ชาวไทย ส่วนผสมในการผลติ จากภายนอกท้องถ่ิน และชาวต่างประเทศนยิ มเดินทางมาเที่ยวเปน็ มาใช้ในการผลิต จำนวนมาก เพราะมีลกั ษณะภมู ิอากาศ มคี วาม 2. ลักษณะภูมิอากาศ อาจมีปัญหาได้ในช่วงฤดู เหมาะสมต่อการท่องเทยี่ ว จึงเกื้อหนุนในการ มรสมุ เพราะเรอื โดยสารอาจจะไม่ออกเรือ ดำเนนิ งานอาชีพ 3. ภมู ิประเทศ ตำบลเกาะกูดห่างจากฝัง่ รว่ ม 3. ภูมิประเทศ ภูมปิ ระเทศของตำบลเกาะกดู 80 กโิ ลเมตรทางทะเล อาจจะมปี ัญหาในการ มีมะพร้าวเป็นจำนวนมาก และมธี รรมชาติ ขนสง่ และการจำหนา่ ยผลผลติ ได้ สวยงาม มนี กั ท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาว 4. ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวิถชี ีวติ ตา่ งประเทศเดินทางมาเทย่ี วเปน็ จำนวนมาก ไมม่ ีข้อมลู เป็นอปุ สรรค จึงเกือ้ หนุนในการดำเนนิ งานอาชพี 5. ทรัพยากรมนษุ ย์ มผี ผู้ ลติ ในท้องถน่ิ อืน่ ที่ 4. ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต ดำเนินการผลิต อาจสง่ ผลตอ่ การจำหน่ายได้ การดำรงชวี ิต สามารถใช้นำ้ มันมะพร้าวกล่ัน เย็น นำมาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต ผลติ ภัณฑ์เพื่อใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ 5. ทรพั ยากรมนษุ ย์ ไม่มีข้อมูลเป็นโอกาส
44 5. เมื่อดำเนินการวิเคราะห์ระบุข้อมูลตามหัวข้อของรายละเอียดย่อยในแต่ละประเด็นของสภาพ บริบทชมุ ชนแลว้ ผวู้ ิเคราะหข์ ้อมูลต้องวเิ คราะหส์ รุปข้อมูลทัง้ หมด เพ่อื ใหม้ องเห็นสภาพการณท์ ั้งหมด พร้อมที่ จะนำไปกำหนดเปา้ หมายและทิศทางทจ่ี ะดำเนนิ การขยายอาชีพ โดยควรสรุปเปน็ ขอ้ เพอ่ื ความชดั เจน ตวั อยา่ งการวิเคราะห์สรปุ ข้อมูล จากผลการวเิ คราะห์ระบุข้อมูล สามารถสรุปข้อมูลได้ดังนี้ 1. จากข้อมูลสภาพการณ์ภายใน สรุปได้ว่า การขยายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าวกล่ันเย็น สามารถ นำน้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น ไปใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ สำหรับนำไปใช้ ในชีวิตประจำวันได้ ประกอบกับ ตำบลเกาะกูด เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีภูมิประเทศ อุดมไปด้วยมะพร้าว และธรรมชาติสวยงาม มีลักษณะภูมิอากาศ ที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นิยม เดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเกื้อหนุนในการดำเนินงานอาชีพ โดย สามารถดำเนินการได้ด้วยสมาชิก ภายในครอบครัว และสามารถจา้ งแรงงานในพ้นื ท่ีได้ ทั้งน้ี หากมีการดำเนินงานการขยายผลิตภัณฑ์จากน้ำมนั มะพร้าวกลัน่ เย็น ต้องคำนึงถึงวัสดสุ ่วนผสม ในการผลิต เพราะในพื้นที่ตำบลเกาะกูดไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อใช้ในการผลิต รวมทั้ง ระยะทางของ ตำบลเกาะกูดห่างจากฝ่ังร่วม 80 กิโลเมตรทางทะเล และสภาพภมู ิอากาศในช่วงฤดูมรสุม เพราะเรือโดยสารท่ี จะฝากผลผลิตไปจำหน่ายอาจจะไมอ่ อกเรือ 2. จากข้อมูลสภาพการณ์ภายนอก สรุปได้ว่า การขยายผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น นำมาเป็นวัสดุหลักในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการ จำหน่ายได้ เพราะตำบลเกาะกูด เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีภูมิประเทศ อุดมไปด้วยมะพร้าว และธรรมชาติ สวยงาม มลี ักษณะภูมิอากาศ ท่ีเหมาะสมต่อการท่องเที่ยว ทำใหม้ ีนกั ท่องเทีย่ วทงั้ ชาวไทยและชาวต่างประเทศ นยิ มเดนิ ทางมาเท่ียวเป็นจำนวนมาก จงึ เกื้อหนุนในการดำเนินงานอาชีพ ท้ังนี้ การขยายผลติ ภณั ฑจ์ ากนำ้ มันมะพร้าวกล่ันเย็น ตอ้ งคำนงึ ถงึ วสั ดสุ ่วนผสมในการผลิต เพราะตอ้ ง สัง่ ซ้ือจากภายนอกพนื้ ที่ รวมทง้ั ระยะทางของตำบลเกาะกูดหา่ งจากฝั่งรว่ ม 80 กิโลเมตรทางทะเล และสภาพ ภูมิอากาศในช่วงฤดูมรสุม เพราะเรือโดยสารท่ีจะฝากซื้อวัสดุส่วนผสมในการผลิต และฝากผลผลิตไปจำหนา่ ย อาจจะไมม่ กี ารออกเรอื 3. ภาพรวมการวิเคราะหส์ ภาพการณส์ รุปได้ว่า 3.1 มคี วามเหมาะสมและเป็นไปได้ ในการการขยายผลิตภณั ฑจ์ ากน้ำมันมะพร้าวกลนั่ เย็น เพราะ สามารถนำน้ำมันมะพร้าวกลั่นเย็น ไปใช้เป็นส่วนผสมหลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ สำหรับนำไปใช้ใน ชวี ติ ประจำวันได้ 3.2 ดำเนินการขยายอาชีพเพื่อความม่ันคง ใช้การบริหารจดั การอาชีพในลักษณะครอบครัว และ สามารถจา้ งแรงงานเพ่อื สนับสนุนการผลิตได้ ตามจำนวนการผลิตในแต่ละช่วง
45 4. เมื่อสามารถวิเคราะห์กำหนดเปา้ หมายและทิศทางที่จะดำเนนิ การขยายอาชีพได้แล้ว เพื่อให้เกิด เป้าหมายสูงสุดและเส้นทางการดำเนนิ การขยายอาชีพให้เกิดความมนั่ คง ผู้ประกอบการควรจดั ทำแผน พัฒนา ธุรกิจชุมชน เพ่ือให้การบริหารจดั การงานอาชพี เป็นไปอย่างมีระบบและเปา้ หมายที่ชดั เจน
46 ใบงาน ครัง้ ที่ 13 วิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ช่ือ – นามสกุล ................................................................................... กศน.ตำบล .......................................... คำช้แี จง ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถาม ต่อไปนี้ 5. ความหมายความสำคัญของศักยภาพหลักของพน้ื ที่ในการพัฒนาอาชพี …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
47 6. การวเิ คราะห์ศักยภาพหลกั ของพ้นื ที่ในการพัฒนาอาชีพ …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …..………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search