1 ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชีวติ 1l ระดบั ประถมศกึ ษา
2 ชดุ วิชา การเงนิ เพอื่ ชวี ติ 1 รายวชิ าเลอื กบงั คบั ระดับประถมศกึ ษา รหัส สค12021 หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ ชุดวชิ าการเงินเพื่อชวี ิต 1l ระดบั ประถมศกึ ษา
1 คานา ชุดวิชาการเงินเพื่อชีวิต 1 สค12021 ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ใช้กับผู้เรียนระดบั ประถมศึกษา ชุดนปี้ ระกอบด้วยเน้ือหาความรู้เกี่ยวกบั วา่ ด้วยเรอื่ งของเงนิ การวางแผนการเงิน สินเช่ือ สิทธิและหนา้ ที่ของผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน และภัยทางการเงิน ซ่ึงเนื้อหาความรู้ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียน กศน.มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และตระหนกั ถึงความจาเปน็ ของการเงินเพ่อื ชวี ติ สานักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ขอขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทย ท่ีให้การสนับสนุนองค์ความรู้ประกอบการนาเสนอเนื้อหา รวมทั้งผู้เก่ียวข้องในการจัดทาชุดวิชา หวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดวิชานี้จะเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียน กศน. และนาไปสู่การเงินเพอื่ ชวี ิตอย่างเหน็ คณุ คา่ ต่อไป สานกั งาน กศน. กรกฎาคม 2559 ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวติ 1l ระดบั ประถมศึกษา
2 คาแนะนาการใชช้ ดุ วิชา ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ติ 1 รหสั วิชา สค12021 ใช้สาหรับผู้เรียนหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับประถมศึกษา แบ่งออกเป็น2 ส่วน คือ ส่วนท่ี 1 โครงสรา้ งของชดุ วิชา แบบทดสอบกอ่ นเรยี น โครงสรา้ งของหนว่ ยการเรยี นรู้ เนือ้ หาสาระ กจิ กรรมเรยี งลาดบั ตามหนว่ ยการเรยี นรู้ และแบบทดสอบหลังเรียน ส่วนที่ 2 เฉลยแบบทดสอบและกิจกรรม ประกอบด้วย เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลงั เรียน เฉลยกจิ กรรมเรียงลาดับตามหนว่ ยการเรยี นรู้วิธีการใช้ชุดวิชา ใหผ้ เู้ รียนดาเนนิ การตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ศึกษารายละเอยี ดโครงสรา้ งชดุ วชิ าโดยละเอียด เพ่ือให้ทราบวา่ ผู้เรียนต้องเรียนรเู้ นอ้ื หาในเรอื่ งใดบ้างในรายวิชาน้ี 2. วางแผนเพ่ือกาหนดระยะเวลาและจัดเวลาท่ผี ู้เรยี นมคี วามพรอ้ มท่ีจะศกึ ษาชุดวิชาเพ่ือให้สามารถศึกษารายละเอียดของเน้ือหาได้ครบทุกหน่วยการเรียนรู้ พร้อมทากิจกรรมตามที่กาหนดให้ทนั กอ่ นสอบปลายภาค 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นของชุดวิชาตามทกี่ าหนด เพอื่ ทราบพ้นื ฐานความรู้เดิมของผู้เรียน โดยให้ทาลงในสมุดบันทึกการเรียนรู้และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยแบบทดสอบทา้ ยเล่ม 4. ศึกษาเนื้อหาในชดุ วชิ าในแต่ละหนว่ ยการเรียนรอู้ ยา่ งละเอียดให้เข้าใจ ทงั้ ในชุดวิชาและสือ่ ประกอบ (ถ้ามี) และทากจิ กรรมที่กาหนดไว้ให้ครบถ้วน 5. เมอ่ื ทากิจกรรมเสร็จแต่ละกิจกรรมแล้ว ผเู้ รยี นสามารถตรวจสอบคาตอบได้จากแนวตอบ/เฉลย ท้ายเล่ม หากผู้เรียนยังทากิจกรรมไม่ถูกต้องให้ผู้เรียนกลับไปทบทวนเนื้อหาสาระในเรอ่ื งนน้ั ซ้าจนกวา่ จะเข้าใจ 6. เมื่อศึกษาเน้อื หาสาระครบทกุ หน่วยการเรยี นรแู้ ลว้ ให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนและตรวจกระดาษคาตอบจากเฉลยท้ายเล่มว่าผู้เรียนสามารถทาแบบทดสอบได้ถูกต้องทุกข้อหรือไม่ หากข้อใดยังไม่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนกลับไปทบทวนเน้ือหาสาระในเร่ืองนั้นให้เข้าใจอีก ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชีวติ 1l ระดบั ประถมศกึ ษา
3ครั้งหนึ่ง ผู้เรียนควรทาแบบทดสอบหลังเรียนให้ได้คะแนนมากกว่าแบบทดสอบก่อนเรียนและควรได้คะแนน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของแบบทดสอบท้ังหมด (หรือ 24 ข้อ) เพ่ือให้มั่นใจว่าจะสามารถสอบปลายภาคผา่ น 7. หากนักศกึ ษาไดท้ าการศกึ ษาเน้ือหาและทากิจกรรมแล้วยงั ไม่เขา้ ใจ ผ้เู รยี นสามารถสอบถามและขอคาแนะนาไดจ้ ากครูหรอื แหลง่ คน้ ควา้ เพม่ิ เติมอ่ืน ๆหมายเหตุ : การทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลงั เรียน และทากจิ กรรมท้ายเรื่อง ให้ทาและบันทึกลงในสมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรปู้ ระกอบชดุ วิชาการศึกษาค้นควา้ เพม่ิ เติม ผู้เรียนอาจศึกษาหาความรู้เพ่ิมเติมได้จากแหล่งเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร.1213, เว็บไซต์ : www.1213.or.th ,เฟสบุ๊ค : www.facebook.com/hotline1213 การศึกษาจากอินเทอร์เน็ต พิพิธภัณฑ์นทิ รรศการ หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องกบั การเงนิ การธนาคาร การศึกษาจากผรู้ ู้ เป็นต้นการวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ผ้เู รียนต้องวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ดงั นี้ 1. ระหว่างภาค วัดผลจากการทากจิ กรรมหรืองานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายระหว่างเรียนรายบคุ คล 2. ปลายภาค วดั ผลจากการทาข้อสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิปลายภาค ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชวี ติ 1l ระดบั ประถมศึกษา
4 โครงสร้างชุดวชิ าสาระการเรยี นรู้ สาระการพฒั นาสังคมมาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานท่ี 5.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และตระหนังถงึ ความสาคัญเกย่ี วกับภมู ิศาสตร์ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนามาปรับใช้ในการดารงชีวติมาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนกั เกย่ี วกับภูมศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองในทอ้ งถิน่ ประเทศ นามาปรบั ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิตและการประกอบอาชพี เพ่ือความมั่นคงของชาติผลการเรียนรทู้ ีค่ าดหวัง - อธิบายข้อมูลเก่ยี วกบั เร่ืองการเงนิ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง - วิเคราะห์ เปรยี บเทยี บ การชาระเงนิ ผา่ นช่องทางต่าง ๆ ตลอดจนบญั ชเี งนิ ฝากประเภท ตา่ ง ๆ และเลอื กใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - คานวณอตั ราแลกเปล่ยี นเงินตราต่างประเทศ และดอกเบี้ยบัญชีเงนิ ฝากได้ - ประยกุ ตใ์ ชแ้ ละเลอื กใชค้ วามรูท้ างการเงินมากาหนดเป้าหมายมาออกแบบวางแผน การเงนิ ของตนเองได้อย่างเหมาะสม - มคี วามรบั ผิดชอบต่อการใชจ้ ่าย จัดการการเงนิ ไดอ้ ย่างเหมาะสม คุม้ ค่า ตระหนักถงึ สทิ ธิ และหน้าที่ทางการเงิน ชดุ วชิ าการเงนิ เพือ่ ชีวติ 1l ระดบั ประถมศึกษา
5สาระสาคญั เงินเป็นปัจจัยสาคัญในการดารงชีวิตของประชาชนทุกคน เนื่องจากเป็นสื่อกลางท่ีใช้สาหรับแลกเปล่ียนกับสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่จาเป็นต้องใช้ในชีวิตประจาวัน นอกจากน้ัน“เงิน” ยังเป็นปัจจัยสาคัญสาหรับการลงทุน เพ่ือเพ่ิมพูนรายได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้สภาพสังคม เศรษฐกิจท่ีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีวิธีทางการเงินใหม่ ๆ ถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย เช่น บัตรเครดิต บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม การทาธุรกรรมทางโทรศัพท์ ทางอินเทอร์เน็ต การลงทุนทางการเงินประเภทต่าง ๆ เป็นต้น และเม่ือมีการพัฒนาทางการเงินเพ่ิมข้ึน ภัยทางการเงินก็เพ่ิมข้ึนเป็นเงาตามตัว เช่น เงินกู้นอกระบบ แชร์ลูกโซ่ ภัยการเงินออนไลน์ เป็นต้น จึงต้องพัฒนาทักษะความสามารถด้านการเงินให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถออกแบบวางแผน และตดั สินใจทางการเงิน ตลอดจนหลีกเล่ียง ความเสี่ยงภัยทางการเงิน อันเป็นประโยชน์ต่อการดารงชวี ติ ในปจั จบุ ันขอบขา่ ยเนื้อหา หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1. ว่าด้วยเรอ่ื งของเงิน 2. การวางแผนการเงนิ 3. สนิ เช่ือ 4. สิทธแิ ละหนา้ ทีข่ องผใู้ ช้บริการทางการเงนิ 5. ภัยทางการเงนิสื่อประกอบการเรยี นรู้ 1. ชดุ วิชา 2. สมดุ บันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้ ประกอบชุดวชิ า 3. ส่ือเสรมิ การเรียนรู้อื่น ๆจานวนหนว่ ยกติ 2 หนว่ ยกิต (80 ชั่วโมง) ชดุ วิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ิต 1l ระดบั ประถมศึกษา
6กิจกรรมเรยี นรู้ 1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม 2. ศึกษาเนื้อหาสาระในหนว่ ยการเรียนรู้ทุกหน่วย 3. ทากจิ กรรมตามทกี่ าหนด และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่ม 4. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน และตรวจสอบคาตอบจากเฉลยท้ายเล่มการประเมินผล 1. ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลังเรียน 2. ทากจิ กรรมในแต่ละหนว่ ยการเรียนรู้ 3. เขา้ รับการทดสอบปลายภาค ชุดวชิ าการเงนิ เพื่อชีวติ 1l ระดบั ประถมศกึ ษา
7 หน้า สารบญั 1 4คานา 6คาแนะนาการใช้ชุดวิชา 17โครงสรา้ งชดุ วิชา 39สารบญั 45หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ว่าดว้ ยเร่ืองของเงิน 49 51 เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายและประโยชน์ของเงิน 54 เรอ่ื งที่ 2 ประเภทของเงนิ 60 เร่อื งท่ี 3 การฝากเงนิ และการประกนั ภยั 68 เรื่องท่ี 4 การชาระเงนิ ทางอิเล็กทรอนิกส์ 80 เรอื่ งท่ี 5 ผใู้ หบ้ รกิ ารทางการเงนิ ในประเทศไทย 86หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงิน 88 เรื่องที่ 1 การวางแผนการเงนิ 90 เรื่องที่ 2 การประเมินฐานะการเงินของตนเอง 98 เรอ่ื งท่ี 3 การบันทกึ รายรบั -รายจ่าย 99 เรอ่ื งที่ 4 การตั้งเป้าหมายและจดั ทาแผนการเงนิ เรื่องที่ 5 การออมหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื เรื่องที่ 1 ประเมินความเหมาะสมก่อนการตดั สนิ ใจกอ่ หนี้ เรอ่ื งท่ี 2 ลักษณะของสินเช่ือรายยอ่ ย เรื่องท่ี 3 วิธกี ารป้องกนั ปัญหาหนี้ เรื่องที่ 4 วิธกี ารแกป้ ัญหาหน้ดี ว้ ยตนเองชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ิต 1l ระดบั ประถมศกึ ษา
8สารบญั (ตอ่ ) หน้าหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 สิทธแิ ละหน้าทข่ี องผูใ้ ชบ้ ริการทางการเงนิ 102 เรอื่ งที่ 1 สทิ ธิของผใู้ ชบ้ รกิ ารทางการเงิน 104 เรอ่ื งท่ี 2 หน้าทขี่ องผู้ใช้บริการทางการเงิน 106 เรื่องที่ 3 บทบาทศนู ย์คุ้มครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ (ศคง.) และหนว่ ยงาน ทรี่ ับเรอื่ งรอ้ งเรียนอ่ืน ๆ 108 เรื่องท่ี 4 ข้นั ตอนการร้องเรียนและหลักการเขียนหนังสือรอ้ งเรยี น 110หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ภัยทางการเงิน 114 เรือ่ งที่ 1 หนีน้ อกระบบ 115 เร่ืองท่ี 2 แชร์ลกู โซ่ 120 เรื่องที่ 3 ภัยใกล้ตัว 122 เรอ่ื งที่ 4 แก๊งคอลเซนเตอร์ 124 128เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรยี น 129 168เฉลย/แนวตอบกจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื ง 171บรรณานุกรมคณะผ้จู ดั ทา ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวติ 1l ระดบั ประถมศึกษา
1 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าดว้ ยเร่อื งของเงนิสาระสาคัญ เงินเป็นส่ิงสาคัญท่ีมีผลต่อการดารงชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งท่ีใช้ในการซอ้ื หาสง่ิ ของหรือบริการเพ่ือให้สามารถดารงชีพ หรือเพ่ือความสะดวกสบาย เงินท่ีรู้จักกันส่วนใหญ่มี 2 ชนิด คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ โดยในประเทศไทยใช้สกุลเงินบาท อย่างไรก็ดี หากต้องเดนิ ทางหรือทาการคา้ ทต่ี า่ งประเทศ กจ็ ะตอ้ งเขา้ ไปเก่ยี วข้องกบั เงนิ ตราของประเทศอ่นื ๆ ด้วย เมอ่ื ได้รบั เงินจากแหลง่ ต่าง ๆ เชน่ จากการประกอบอาชีพ สิ่งที่ควรทา คือ แบ่งเงินบางส่วนไปเกบ็ ออมเพือ่ วตั ถปุ ระสงค์ต่าง ๆ เช่น ไวใ้ ชย้ ามฉุกเฉิน เป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณหรือเลิกทางาน แต่บางครั้งการเก็บออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินอาจไม่เพียงพอที่จะรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จึงอาจต้องพิจารณาความจาเป็นในการทาประกันภัยเพ่ือรองรับความเส่ียงที่ไม่คาดคิดเช่น ประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์น้ันบริษัทประกันภัยจะเป็นผู้จ่ายสินไหมทดแทนให้ตามเงือ่ นไขท่ีตกลงไวใ้ นกรมธรรม์ ดว้ ยยุคสมยั ปัจจุบันเปลี่ยนไป มีการนาเทคโนโลยีมาอานวยความสะดวกเพ่ือให้ใช้เงินได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องพกพาเงินสดจานวนมาก เช่น บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ซ่ึงแต่ละชนิดออกแบบมาเพือ่ ลกั ษณะการใชง้ านทตี่ ่างกัน นอกจากเงินจะมีบทบาทสาคัญต่อชีวิตประจาวันของทุกคน ยังเป็นสิ่งสาคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้ังระบบ ท้ังในด้านการลงทุน การผลิต และการจ้างงาน จึงมีผู้ให้บริการทางการเงินในระบบจานวนมากซ่ึงมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไปในการตอบสนองระบบเศรษฐกิจในแต่ละด้าน โดยสถาบันการเงินมีท้ังท่ีรับฝากเงิน และไม่ได้รับฝากเงินซึ่งผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถวางใจและเช่ือถือได้ เนื่องจากมีหน่วยงานท่ีทาหน้าท่ีกากับดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ ชดุ วชิ าการเงินเพือ่ ชีวติ 1 l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ว่าดว้ ยเรื่องของเงนิ
2ตัวชว้ี ัด 1. บอกความหมายและประโยชนข์ องเงนิ 2. บอกความหมายและความแตกตา่ งของการใหเ้ งินและการใหย้ มื เงนิ 3. อธบิ ายวิธีการตรวจสอบธนบัตร 4. บอกสกุลเงินในกลมุ่ ประเทศอาเซยี น 5. บอกประเภทของบญั ชเี งินฝาก 6. บอกประโยชน์และข้อจากดั การฝากเงินประเภทตา่ ง ๆ 7. บอกความหมายของดอกเบ้ียเงนิ ฝาก 8. บอกความหมายของการคมุ้ ครองเงินฝาก 9. บอกบทบาทหนา้ ทขี่ องสถาบนั คมุ้ ครองเงนิ ฝาก 10. บอกความหมายและประโยชน์ของการประกนั ภัยรายยอ่ ย 11. บอกความหมายและประโยชน์ของการชาระเงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 12. บอกลกั ษณะของบตั รเอทเี อ็ม บัตรเดบิต บตั รเครดิต 13. บอกผูใ้ หบ้ รกิ ารทางการเงนิ ในประเทศไทย 14. บอกประเภทและหน้าที่ของธนาคารพาณชิ ย์ 15. บอกประเภทและหน้าทีข่ องสถาบนั การเงินเฉพาะกิจ (ธนาคารของรัฐ)ขอบข่ายเน้ือหา เรอ่ื งท่ี 1 ความหมายและประโยชน์ของเงิน เรื่องที่ 2 ประเภทของเงิน เรอ่ื งที่ 3 การฝากเงิน และการประกนั ภยั เรอ่ื งที่ 4 การชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ เรือ่ งท่ี 5 ผใู้ ห้บรกิ ารทางการเงินในประเทศไทย ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชวี ติ 1 l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ด้วยเรือ่ งของเงนิ
3สื่อการเรยี นรู้ 1. เว็บไซต์ธนาคารแหง่ ประเทศไทย (ธปท.) www.bot.or.th 2. เว็บไซต์สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) www.sec.or.th 3. เว็บไซต์สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) www.oic.or.thเวลาท่ีใช้ในการศกึ ษา 12 ชั่วโมง ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอื่ งของเงิน
4เรอื่ งที่ 1 ความหมายและประโยชน์ของเงินความหมายและประโยชน์ของเงิน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของ “เงิน” คือวัตถุที่กาหนดให้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนหรือชาระหนี้ ปัจจุบันส่วนใหญ่ คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ อย่างไรก็ดี เงินอาจไม่ได้จากัดอยู่ในรูปธนบัตรและเหรียญกษาปณ์เท่าน้ันแตอ่ าจอยู่ในรูปแบบอ่ืน ๆ อีก เชน่ เงินอิเล็กทรอนกิ ส์ “เงิน”เป็นส่ิงสาคัญที่มีผลต่อการดารงชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะเป็นสิ่งที่ใช้ในการซ้อื หาสงิ่ ของหรือบรกิ ารเพื่อให้สามารถดารงชีพได้ หรือเพ่ือความสะดวกสบาย เช่น การซ้ือหาอาหาร ส่ิงของจาเป็น การศึกษา การรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายเดินทาง ดังนั้น ทุกคนจึงจาเป็นต้องประกอบอาชีพ สร้างอาชีพให้ตนเองเพ่ือให้มีเงินหรือมีรายได้เลี้ยงตนเองและคนในครอบครวั เมื่อได้เงินมาแล้วก็ควรรู้จักวางแผนการเงินของตนเอง เพื่อให้ใช้เงินอย่างรู้คุณค่าและมีเงินเพียงพอต่อการดารงชีพ เช่น เม่ือมีรายได้ให้นาไปเก็บออมส่วนหนึ่งก่อน โดยลาดับแรกควรออมเผื่อฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้ดึงเงินท่ีออมมาใช้จ่ายได้ หรือการรู้จักวางแผนการใช้จ่าย โดยใช้จ่ายในสิ่งท่ีจาเป็นก่อน หรือหากมีเงินออมเพียงพอแล้ว อาจนาเงินออมบางส่วนไปสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น เช่น การฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจาเพื่อรับดอกเบ้ียที่สงู ข้นึ หรอื การลงทุนภายใตค้ วามเสย่ี งท่ียอมรบั ได้ เพือ่ ใหเ้ งินท่ีหามาไดส้ ร้างมลู คา่ ทเ่ี พมิ่ ขนึ้การใหเ้ งนิ และการให้ยืมเงนิ การใหเ้ งิน หมายถึง การให้เงนิ โดยไม่ได้หวังผลตอบแทน และไม่ได้หวังให้มีการนาเงินดังกล่าวมาจ่ายคนื ให้ เชน่ พอ่ แมใ่ ห้คา่ ขนมแก่ลกู การบรจิ าคเงินเพ่ือการกุศล การใหย้ มื เงนิ หมายถงึ การใหเ้ งินโดยคาดหวังให้มกี ารจ่ายคืนภายในระยะเวลาทกี่ าหนด และมีการกาหนดอัตราผลตอบแทนของการให้ยืมเงินนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า “ดอกเบ้ีย” ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชีวติ 1 l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ว่าดว้ ยเรอ่ื งของเงิน
5เช่น สมชายให้สมหญิงกู้ยืม 10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 2% ต่อปีและให้ใช้คืนเม่ือครบ 1 ปีหมายความวา่ สมหญิงตอ้ งจา่ ยเงินคืนสมชาย 10,200 บาท เมือ่ ครบ 1 ปี จะเห็นว่าการให้เงินเป็นการให้เปล่าไม่ต้องคืน แต่สาหรับการให้ยืมเงินเป็นการคาดหวังให้มีการจ่ายเงินคืน ซ่ึงผู้ให้ยืมอาจต้องการดอกเบ้ียหรือไม่ต้องการดอกเบ้ียก็ได้ ดังนั้นก่อนที่จะให้เงินหรือให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรอธิบายให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันว่า ต้องการให้เงินหรือตอ้ งการใหย้ มื เงิน ซง่ึ หากเป็นการให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรแจ้งอัตราดอกเบ้ีย ระยะเวลาท่ีต้องชาระคนื และควรทาเอกสารเป็นลายลักษณ์อกั ษรเพ่ือเป็นหลกั ฐานการใหย้ ืมเงนิ ไวด้ ว้ ยกิจกรรมทา้ ยเร่ืองที่ 1 ความหมายและประโยชน์ของเงิน(ให้ผ้เู รียนไปทากิจกรรมเรือ่ งที่ 1 ที่สมดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรียนรู้) ชดุ วชิ าการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ด้วยเรื่องของเงนิ
6เร่ืองท่ี 2 ประเภทของเงินเงินตราไทย เงินตราท่ีใช้ในประเทศไทย ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ธนบัตรและเหรียญกษาปณ์โดยมีรายละเอียด ดงั นี้ธนบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่บริหารจัดการธนบัตรภายในประเทศทุกข้ันตอน เริ่มตั้งแต่การผลิตนาธนบัตรใหม่ออกใช้หมุนเวียนและทาลายธนบัตรเก่า รวมทั้งประเมินความต้องการใช้ธนบัตรใหม่ในแต่ละปีว่าควรจะผลิตธนบัตรชนิดราคาใดออกมาจานวนมากน้อยเพียงใด เพ่ือให้เพียงพอต่อความต้องการใช้จ่ายของประชาชนในประเทศ ซ่ึงในแต่ละปีปริมาณการผลิตธนบัตรจะผันแปรไปตามความต้องการใช้ธนบัตรทเ่ี พม่ิ ขึน้ หรือลดลงตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้มีสิทธิ์พิมพ์และออกใช้ธนบัตรในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว โดยปฏิบัติตามท่ีพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. 2501 กาหนดไว้ว่าการนาธนบัตรออกใชห้ มนุ เวยี นในระบบเศรษฐกจิ สามารถทาได้ 2 กรณี คือ 1. แลกเปลี่ยนทันทีกับธนบัตรที่ออกใช้หมุนเวียนอยู่แล้วในมูลค่าที่เท่ากัน เช่นธนบัตรชนิดราคา 1000 บาท 10 ฉบับ มูลค่า 10,000 บาท แลกเปลี่ยนกับธนบัตรใหม่ชนิดราคาเดียวกันหรือชนิดราคาอ่ืนในมูลค่าท่ีเท่ากัน อาทิ ธนบัตรชนิดราคา 500 บาท จานวน 20ฉบบั 2. แลกเปล่ียนทันทีกับสินทรัพย์ท่ีกฎหมายกาหนดให้เป็นทุนสารองเงินตราในมลู ค่าที่เท่ากนั เชน่ นาทองคามูลค่า 100 ล้านบาทมาเข้าบัญชีทุนสารองเงินตรา แลกเปล่ียนกบั ธนบตั รเพ่ือนาออกใชม้ ูลค่า 100 ลา้ นบาทเท่ากนั ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าด้วยเรอ่ื งของเงนิ
7 ทาไมธนบัตรจึงมีค่า การที่ธนบัตรได้รบั ความเชื่อถอื และมีมูลค่าตามราคาที่ระบไุ ว้ได้นั้น เนอื่ งจากกฎหมายกาหนดใหต้ อ้ งนาสนิ ทรัพย์ เช่น ทองคา เงินตราตา่ งประเทศ และหลักทรัพย์ต่างประเทศ มาแลกเปล่ียนเท่ากับจานวนมูลค่าของธนบตั รทจ่ี ะนาออกใช้ ซ่ึงสินทรัพยด์ งั กล่าวจะโอนเขา้ ไว้ในบัญชีทุนสารองเงนิ ตรา โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผดู้ แู ลรักษาบัญชี และมีสานักงานการตรวจเงนิ แผ่นดินตรวจสอบเป็นประจาทุกปี ดังนั้น จงึ ม่นั ใจไดว้ ่าธนบัตรทกุ ฉบับมีมูลคา่ ตามราคาทีต่ ราไว้อยา่ งแท้จรงิ ธนบตั รท่ใี ช้หมุนเวียนในปจั จุบัน นบั จากปี พ.ศ. 2445 ที่เริ่มนาธนบัตรแบบแรกออกใช้ จนถงึ ปัจจุบันปี พ.ศ. 2559ประเทศไทยมีธนบัตรออกใช้หมุนเวียนรวมจานวน 16 แบบ โดยธนบัตรแบบปัจจบุ ัน คอืธนบตั รแบบสิบหก1 มี 5 ชนิดราคา ได้แก่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1000 บาท ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยูห่ วั ในฉลองพระองคค์ รุยมหาจกั รีบรมราชวงศ์ลักษณะธนบัตรด้านหนา้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรยี ์พ่อขนุ รามคาแหง มหาราชลกั ษณะธนบตั รดา้ นหลงั ภาพประกอบ : ภาพการประดษิ ฐอ์ กั ษรไทย ภาพศิลาจารึกขนาด หลกั ท่ี 1 จารึกพ่อขนุ รามคาแหง ภาพลายสอื ไทย ภาพทรงวนั ประกาศออกใช้ รบั เรอ่ื งราวรอ้ งทุกขข์ องราษฎร ภาพกระด่งิ และภาพวันออกใช้ เครอ่ื งสงั คโลก 7.20 x 13.80 เซนติเมตร 1 ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2559 ลงวนั ท่ี 2 พฤศจิกายน 2555 วนั ที่ 1 เมษายน 2556 ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชีวติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงิน
ลักษณะธนบัตรดา้ นหน้า 8ลักษณะธนบัตรดา้ นหลัง ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์พระบาทสมเด็จขนาด พระเจา้ อยหู่ ัว ในฉลองพระองค์ครุยมหาจกั รีบรมราชวงศ์วันประกาศออกใช้วนั ออกใช้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร มหาราชลกั ษณะธนบตั รด้านหน้า ภาพประกอบ : ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ทรงพระแสงดาบ นาทหารเขา้ ตีค่ายพม่า พระบรมราชานสุ าวรีย์ ณ อนุสรณ์ลักษณะธนบัตรดา้ นหลัง ดอนเจดีย์ และพระเจดีย์ชยั มงคล วดั ใหญช่ ยั มงคล จังหวดัขนาด พระนครศรอี ยุธยาวนั ประกาศออกใช้ 7.20 x 14.40 เซนติเมตรวันออกใช้ ลงวันท่ี 24 มิถนุ ายน 2554 วันที่ 18 มกราคม 2555 ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยหู่ ัว ในฉลองพระองคค์ รยุ มหาจักรบี รมราชวงศ์ ภาพประธาน : ภาพพระบรมรูปสมเด็จพระเจา้ ตากสิน มหาราช ภาพประกอบ : ภาพทรงเกลยี้ กล่อมให้ประชาชนรวมกาลัง กนั ต่อสูก้ ้อู ิสรภาพ ภาพท้องพระโรงพระราชวังกรงุ ธนบรุ ี ภาพพระบรมราชานุสาวรีย์สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมา้ พระทน่ี ง่ั ออกศึก และภาพปอ้ มวิไชยประสิทธ์ิ 7.20 x 15.00 เซนตเิ มตร ลงวนั ท่ี 27 ธนั วาคม 2557 วนั ท่ี 26 กุมภาพันธ์ 2558 ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 วา่ ด้วยเร่อื งของเงนิ
ลกั ษณะธนบตั รด้านหน้า 9ลกั ษณะธนบัตรดา้ นหลัง ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเดจ็ขนาด พระเจ้าอย่หู ัว ในฉลองพระองคค์ รยุ มหาจักรีบรมราชวงศ์วันประกาศออกใช้วนั ออกใช้ ภาพประธาน : ภาพพระบรมราชานุสาวรียพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชลกั ษณะธนบัตรดา้ นหนา้ ภาพประกอบ : ภาพวัดพระเชตพุ นวมิ ลมังคลารามลักษณะธนบตั รด้านหลัง ภาพป้อมพระสเุ มรุขนาด 7.20 x 15.60 เซนติเมตรวนั ประกาศออกใช้ ลงวนั ท่ี 27 ธนั วาคม 2556วนั ออกใช้ วนั ที่ 12 พฤษภาคม 2557 ภาพประธาน : พระบรมฉายาสาทสิ ลกั ษณ์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว ในฉลองพระองคค์ รุยมหาจกั รบี รมราชวงศ์ ภาพประธาน : ภาพพระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู ัว พระปยิ มหาราช ภาพประกอบ : ภาพพระบรมราชานุสาวรยี ์พระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงม้าพระทนี่ ั่ง ภาพพระทนี่ ่งั อนันตสมาคม และภาพการเลกิ ทาส 7.20 x 16.20 เซนติเมตร ลงวนั ที่ 24 มถิ ุนายน 2558 วนั ที่ 21 สงิ หาคม 2558 ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวติ 1 l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ด้วยเรื่องของเงิน
10ขนาดมาตรฐานของธนบตั รแบบปจั จบุ นั 2 (แบบสิบหก) การกาหนดขนาดธนบตั รมุ่งเน้นถึงความสะดวกในการพกพาเป็นหลัก และเพ่ือประโยชน์ต่อการสังเกตของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตาซ่ึงสามารถแยกแยะชนดิ ราคาธนบัตรด้วยการสัมผัสเท่าน้ัน จึงกาหนดให้ธนบัตรทุกชนิดราคามีความกว้างเทา่ กันคือ 72 มิลลเิ มตร แต่มีความยาวท่ีลดหลัน่ กันชนดิ ราคาละ 6 มิลลิเมตร วิธกี ารตรวจสอบธนบตั รแบบสบิ หก 1. สมั ผสั 1.1 สมั ผัสกระดาษธนบัตร ธนบัตรทาจากกระดาษชนิดพิเศษท่ีมีใยฝ้ายเป็นส่วนประกอบหลักจงึ มีความแกรง่ ทนทาน ไม่ยุ่ยงา่ ย เม่อื จบั สัมผสั จะใหค้ วามรสู้ ึกแตกตา่ งจากกระดาษท่วั ไป 1.2 ลายพมิ พ์เส้นนนู สามารถสัมผัสความนูนตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ ตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาที่มุมขวาบนของธนบัตร ตัวอักษรคาว่า “รัฐบาลไทย” และตัวเลขไทยแจ้งชนิดราคาด้านหนา้ ธนบัตร นอกจากน้ี ท่ีบริเวณมุมล่างด้านขวาของธนบัตรทุกชนิดราคาจะมีลายพิมพ์เส้นนูนรูปดอกไม้ ซ่ึงเป็นสัญลักษณ์แจ้งชนิดราคาธนบัตรที่ประยุกต์มาจากอักษรเบรลล์เพอ่ื อานวยความสะดวกแกผ่ มู้ คี วามบกพรอ่ งทางสายตา2 ขอ้ มูล ณ มิถนุ ายน 2559 ชุดวิชาการเงินเพอ่ื ชวี ติ 1 l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเรือ่ งของเงิน
11 2. ยกสอ่ ง 2.1 ลายน้า ลายน้าเกิดข้ึนในข้ันตอนการผลิตกระดาษท่ีทาให้เน้ือกระดาษมีความหนาไมเ่ ทา่ กนั เม่ือยกธนบัตรส่องกับแสงสวา่ งจงึ มองเหน็ ภาพที่มีการไล่ระดับของแสงเงา และตัวเลขไทยตามชนิดราคาธนบัตรที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ ประดับควบคู่ลายน้าพระบรมฉายาสาทิสลกั ษณพ์ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว 2.2 แถบสีและแถบสเ่ี หลีย่ มเคลอ่ื นไหวสลบั สี ธนบัตรทุกชนิดราคามีแถบสีต่าง ๆ ตามชนิดราคาธนบัตรที่ฝังไว้ในเน้ือกระดาษตามแนวตั้ง มีบางส่วนของแถบปรากฏให้เห็นเป็นระยะ ๆ ท่ีด้านหลังของธนบัตรเมื่อยกส่องดูกับแสงสว่างจะเห็นเป็นเส้นตรงยาวต่อเน่ือง บนแถบมีตัวเลขและตัวอักษรโปร่งแสงแจ้งชนิดราคาธนบัตรท่ีมองเห็นได้ทั้งสองด้าน และสามารถมองเห็นการเปล่ียนสีของแถบนีเ้ มือ่ พลิกเอยี งธนบตั รไปมา ชุดวิชาการเงนิ เพื่อชวี ติ 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ด้วยเร่อื งของเงนิ
12ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพท่ี 5ภาพที่ 1 - 3 เปน็ แถบสี ซงึ่ มอี ยู่ในธนบตั รชนิดราคา 20 บาท 50 บาท และ 100 บาทภาพที่ 4 - 5 เป็นแถบสีที่มีส่ีเหลี่ยมเคล่ือนไหวสลับสี ซึ่งมีอยู่ในธนบัตรชนิดราคา 500 บาทและ 1000 บาท 2.3 ภาพซอ้ นทบั บริเวณมุมบนด้านซ้ายของธนบัตร มีตัวเลขอารบิกแจ้งชนิดราคาธนบัตรท่ีพิมพ์แยกไว้ในตาแหน่งตรงกันของด้านหน้าและด้านหลังธนบัตร จะมองเห็นเป็นตัวเลขทสี่ มบูรณ์เม่อื ยกธนบตั รส่องกบั แสงสวา่ งชุดวชิ าการเงนิ เพื่อชีวติ 1 l หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงนิ
13 3. พลกิ เอยี ง 3.1 หมกึ พิมพ์พเิ ศษสลับสี เป็นจุดสังเกตสาหรับธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1000 บาทเท่าน้ัน โดยให้สังเกตที่มุมล่างด้านซ้ายของธนบัตรเม่ือพลิกขอบล่างธนบัตรข้ึน ลายประดิษฐ์สีทองจะเปล่ียนเป็นสีเขยี ว 3.2 แถบฟอยล์ 3 มิติ แถบฟอยล์ 3 มิติท่ีผนึกอยู่บนด้านหน้าธนบัตรชนิดราคา 100 บาท500 บาท และ 1000 บาท จะมองเห็นเป็นหลายมิติแตกต่างกันตามชนิดราคาและจะเปลี่ยนสีสะทอ้ นแสงวาววบั เมอ่ื พลิกเอยี งธนบตั รไปมา ชุดวชิ าการเงนิ เพ่อื ชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 วา่ ด้วยเร่ืองของเงิน
14 3.3 ตวั เลขแฝง ในลายประดิษฐ์มุมลา่ งซ้ายของธนบตั รทุกชนิดราคาเมื่อยกธนบัตรเอียงเข้าหาแสงสว่างและมองผ่านจากมุมล่างซ้ายเข้าหาก่ึงกลางธนบัตรในมุมที่เหมาะสม จะเห็นตวั เลขอารบกิ แจ้งชนดิ ราคาธนบัตรฉบับนนั้เหรียญกษาปณ์ กรมธนารักษ์ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนออกใช้ในระบบเศรษฐกิจตั้งแต่พ.ศ. 2493 เป็นต้นมา ซึ่งมีหลากรุ่นหลายแบบ โดยได้ปรับเปลี่ยนรูปลักษณะ ลวดลาย และกรรมวธิ ีการผลิตเรือ่ ยมา เพอื่ ใหส้ ะดวกตอ่ การพกพา การใช้สอยและยากต่อการปลอมแปลง เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เป็นเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนกันอยู่ท่ัวไปในชีวิตประจาวัน มี 9 ชนิดราคา คือ 10 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค์ 25 สตางค์10 สตางค์ 5 สตางค์ และ 1 สตางค์ แต่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมี 6 ชนิดราคา คือ10 บาท 5 บาท 2 บาท 1 บาท 50 สตางค์ 25 สตางค์ ส่วนเหรียญชนิดราคา 10 สตางค์5 สตางค์ และ 1 สตางค์ มีใช้ในทางบญั ชีเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2551 กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กรมธนารักษ์ จัดทาเหรียญกษาปณอ์ อกใชห้ มนุ เวียนชดุ ใหมใ่ นระบบเศรษฐกจิ โดยมลี กั ษณะและชนดิ ราคา ดังน้ี 1. เหรยี ญกษาปณโ์ ลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ชนดิ ราคา 10 บาท 2. เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล เคลือบไส้ทองแดง)ชนดิ ราคา 5 บาท ชุดวชิ าการเงินเพือ่ ชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 วา่ ดว้ ยเร่อื งของเงิน
15 3. เหรียญกษาปณ์โลหะสีทอง (ทองแดงผสมนิกเกิลและอลูมิเนียม) ชนิดราคา2 บาท4. เหรียญกษาปณ์โลหะสขี าว (ไส้เหลก็ ชุบนิกเกลิ ) ชนดิ ราคา 1 บาท5. เหรยี ญกษาปณ์โลหะสีแดง (ไสเ้ หลก็ ชุบทองแดง) ชนิดราคา 50 สตางค์6. เหรยี ญกษาปณโ์ ลหะสแี ดง (ไสเ้ หลก็ ชุบทองแดง) ชนดิ ราคา 25 สตางค์ 7. เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (อลูมิเนียม) ชนิดราคา 10 สตางค์ 5 สตางค์1 สตางค์เหรียญกษาปณ์กับการใชช้ าระหน้ตี ามกฎหมาย ตามพระราชบญั ญัติเงนิ ตรา พ.ศ. 2501 มาตรา 11 ระบุว่า เหรียญกษาปณ์เป็นเงนิ ทช่ี าระหนี้ได้ตามกฎหมาย ไมเ่ กนิ จานวนท่กี าหนดโดยกฎกระทรวง ดังน้ีชนิดราคา จานวนการชาระหนต้ี อ่ ครัง้เหรยี ญชนิดราคา 1 สตางค์ ชาระหน้ไี ด้ครั้งละไมเ่ กิน 5 บาทเหรียญชนดิ ราคา 5, 10, 25 และ 50 สตางค์ ชาระหนไี้ ดค้ ร้ังละไม่เกนิ 10 บาทเหรยี ญชนิดราคา 1, 2 และ 5 บาท ชาระหนไ้ี ด้คร้ังละไมเ่ กนิ 500 บาทเหรียญชนิดราคา 10 บาท ชาระหน้ีไดค้ รงั้ ละไมเ่ กิน 1,000 บาทสาเหตุที่กฎหมายต้องกาหนดจานวนเงินในการชาระหนี้ของเหรียญกษาปณ์ คือเพื่อปอ้ งกันการกล่นั แกลง้ ระหว่างลกู หนก้ี ับเจ้าหนีใ้ นการชาระหนี้เงินตราต่างประเทศ ในการดาเนินชีวิตประจาวันทั่ว ๆ ไป เราจะใช้เงินสกุลของประเทศไทยคือเงนิ บาทในการจับจ่ายใชส้ อยในประเทศ แตห่ ากตอ้ งเดินทางหรือมีการทาธุรกิจระหว่างประเทศเราก็จะต้องเขา้ ไปเกีย่ วข้องกับเงนิ ตราของประเทศอ่นื ๆ ชดุ วิชาการเงนิ เพ่ือชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 วา่ ด้วยเรอื่ งของเงนิ
16เงนิ สกุลในกลมุ่ ประเทศอาเซียน ชอื่ ประเทศ ชื่อสกลุ เงิน อกั ษรยอ่ สกุลเงนิบรไู น ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar) BNDกัมพชู า เรยี ล (Cambodia Riel) KHRอนิ โดนเี ซยี รเู ปยี ห์ (Indonesian Rupiah) IDRลาว กบี (Lao Kip) LAKมาเลเซยี ริงกติ (Malaysian Ringgit) MYRเมยี นมา จัต (Myanmar Kyat) MMKฟิลปิ ปนิ ส์ เปโซ (Philippine Peso) PHPสิงคโปร์ ดอลลาร์สงิ คโปร์ (Singapore Dollar) SGDไทย บาท (Thai Baht) THBเวยี ดนาม ดอง (Vietnam Dong) VNDซ่งึ ค่าของเงนิ ในแตล่ ะสกุลจะไม่เท่ากัน จงึ ตอ้ งมีการกาหนดอตั ราแลกเปลี่ยนขน้ึอัตราแลกเปล่ยี น หมายถงึ ราคาของเงินตราสกลุ หนึง่ เม่ือเทียบกับเงินตราอีกสกุลหนึง่ เช่น 1 USD เท่ากับ 31 บาท หมายถึง เงินบาทจานวน 31 บาท แลกเป็นเงินดอลลาร์สหรฐั ได้ 1 ดอลลาร์สหรฐั 1 EUR เท่ากับ 42 บาท หมายถึง เงินบาทจานวน 42 บาท แลกเป็นเงินยูโรได้1 ยูโร อัตราแลกเปล่ยี นไมไ่ ด้คงท่แี ตม่ ีการเปล่ียนแปลงข้ึนลงอยู่เสมอในแต่ละช่วงเวลาตามปจั จยั ที่มผี ลกระทบ เช่น ภาวะเศรษฐกจิ ของประเทศ เศรษฐกิจโลก ภาวะตลาดการเงนิกจิ กรรมท้ายเร่อื งท่ี 2 ประเภทของเงิน(ให้ผ้เู รยี นไปทากจิ กรรมเรอ่ื งท่ี 2 ทีส่ มดุ บนั ทึกกิจกรรมการเรยี นร)ู้ ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ิต 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 วา่ ด้วยเร่อื งของเงนิ
17เรือ่ งท่ี 3 การฝากเงิน และการประกนั ภัยการฝากเงิน เมื่อได้รับเงินจากแหล่งต่าง ๆ เช่น รายได้จากการประกอบอาชีพ สิ่งที่ควรทาคือ แบง่ เงนิ บางสว่ นไปเก็บออมเพื่อวตั ถปุ ระสงค์ต่าง ๆ เช่น ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณหรือเลิกทางาน การมองหาสถานท่ีเก็บรักษาเงินจึงเป็นเรื่องจาเป็น โดยแหล่งเก็บเงินที่นิยมกันคือการฝากเงินไว้กับธนาคาร ซ่ึงนอกจากมีความปลอดภัยกว่าการเก็บเงินสดไว้กับตัวหรือไว้ที่บ้านแล้ว การฝากเงินไว้กับธนาคารยังทาให้ได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบ้ียเงินฝากดว้ ย อย่างไรก็ดี การจะได้รับดอกเบี้ยมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเป็นบัญชีเงินฝากประเภทใด มีเงื่อนไขอย่างไร เราจึงจาเป็นต้องรู้จักบัญชีเงินฝากแต่ละประเภท เพื่อเลือกบัญชีที่เหมาะสมและตรงกบั ความตอ้ งการของเรามากทส่ี ุด โดยปัจจุบันบัญชีเงินฝากท่ีรู้จักและใช้กันมาก เช่น บญั ชเี งินฝากออมทรัพย์ บญั ชเี งินฝากประจา และบัญชีเงนิ ฝากกระแสรายวนัประเภทของบญั ชีเงนิ ฝาก 1. บัญชเี งนิ ฝากออมทรัพย์ ลักษณะ สามารถฝากหรือถอนเงนิ เมื่อไหรก่ ็ได้ กาหนดจานวนเงนิ ฝากข้ันตา่ ไวไ้ ม่สงู นัก เช่น 100 - 1,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยใหป้ ลี ะ 2 ครัง้ ในเดอื นมิถนุ ายนและธนั วาคมของทุกปีชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของเงิน
18 ประโยชน์ ถ้าดอกเบี้ยรับไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รบั (รวมรับจากทุกสถาบันการเงินใน 1 ปี) ถ้าเกิน 20,000 บาท ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่ายไวเ้ ลยจากบญั ชีเงินฝาก มีบริการบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิต สาหรับใช้ถอนหรือโอนเงินที่เครื่องเอทีเอ็มได้สะดวก (บัตรเดบิตยังสามารถใช้ชาระค่าสินค้าและบริการได้ด้วย) แต่หากต้องการเปิดบญั ชเี พียงอย่างเดียวก็สามารถทาได้โดยไมจ่ าเป็นต้องทาบตั รใด ๆ ขอ้ จากดั อตั ราดอกเบยี้ คอ่ นขา้ งต่า มีค่าธรรมเนียมกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหวและมียอดเงินฝากคงเหลอื นอ้ ยกว่าทกี่ าหนด กรณีทาบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตมักจะต้องเสียค่าทาบัตรและค่าธรรมเนียมรายปี บัญชนี ีเ้ หมาะกับใคร ผูท้ ใ่ี ช้บริการรับโอนเงนิ เดอื นหรอื คา่ จา้ ง หรอื คา่ สินคา้ ผู้ท่ีเบิกถอนบ่อยคร้ัง หรือใช้บริการหักบัญชีเพ่ือชาระค่าใช้จ่ายรายเดอื น เช่น คา่ น้า คา่ ไฟ คา่ บัตรเครดิต และค่าใช้จ่ายอืน่ ๆ ผู้ที่ต้องการออมเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เนื่องจากถอนได้สะดวก (ถอนได้หลายช่องทางและถอนเมอ่ื ใดกไ็ ด้) นอกจากนี้ บางธนาคารมีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ซึ่งให้อัตราดอกเบ้ียทส่ี งู กวา่ บัญชีเงนิ ฝากออมทรัพย์ แต่จะมีเง่ือนไขท่ีเพ่ิมขึ้นด้วย เช่น เงินฝากขั้นต่า 10,000 บาทถอนได้ไม่เกิน 2 คร้ังต่อเดือน หากถอนตั้งแต่คร้ังที่ 3 เป็นต้นไปในเดือนน้ันจะถูกคิด ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าดว้ ยเรือ่ งของเงนิ
19ค่าธรรมเนียมคร้ังละ 500 บาท ซึ่งบัญชีในลักษณะน้ีเหมาะกับการออมเงินมากกว่าท่ีจะใช้เป็นบัญชีเพอ่ื ชาระค่าใช้จา่ ย คาแนะนา 1. ควรทารายการฝาก ถอน หรือโอนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพ่ือหลีกเล่ียงการถูกคิดค่าธรรมเนียมรักษาบัญชีกรณีบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหว และมียอดเงินฝากคงเหลือน้อยกวา่ ทีก่ าหนด 2. ปรับสมุดบัญชีอย่างสม่าเสมอเพ่ือดูว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงพอสาหรบั การหกั บัญชีหรือเง่อื นไขต่าง ๆ ที่กาหนดหรือไม่ เช่น ค่าใช้จ่ายท่ีจะถูกตัดออกจากบัญชียอดเงินข้ันต่าที่ธนาคารกาหนด เพื่อไม่ให้พลาดการชาระเงินหรือมีเงินไม่พอที่จะชาระซ่ึงอาจทาให้ต้องเสยี คา่ ใช้จ่ายเพ่ิมเติม 3. หากไม่มีความจาเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตควรแจ้งยกเลิกบตั ร หรอื แจ้งเจา้ หน้าที่ว่าไม่ตอ้ งการทาบัตร จะชว่ ยประหยัดคา่ ธรรมเนยี มที่ไมจ่ าเป็นได้ 2. บัญชีเงนิ ฝากประจา มีหลายรปู แบบ เช่น 2.1 บญั ชีเงนิ ฝากประจาทว่ั ไป ลักษณะ มรี ะยะเวลาการฝากหลายแบบ เชน่ 3 เดอื น 6 เดอื น 12 เดอื น ส่วนใหญ่จะกาหนดจานวนเงนิ ฝากขน้ั ตา่ ไวป้ ระมาณ 1,000 บาท การจ่ายดอกเบี้ย แล้วแต่เง่ือนไขธนาคาร เช่น บัญชี 3 เดือน 6 เดือนและ 12 เดือน จ่ายดอกเบี้ยเม่ือครบกาหนด บัญชี 24 เดือน และ 36 เดือน จ่ายดอกเบี้ยทุก3 เดือน โดยอาจจะนาดอกเบี้ยที่ได้มาฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจา (ทบต้น) หรืออาจจะโอนดอกเบี้ยเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ซึ่งธนาคารจะแจ้งให้ทราบตง้ั แตต่ อนเปิดบญั ชีกับธนาคาร ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าดว้ ยเร่ืองของเงิน
20 กรณีถอนก่อนครบกาหนด อาจไม่ได้รับดอกเบ้ีย หรือได้รับในอัตราดอกเบีย้ เงินฝากออมทรัพย์ เช่น ธนาคารอาจกาหนดว่าหากเลือกฝากประจา 6 เดือน แต่ฝากยังไม่ถึง 3 เดือนแล้วต้องการถอนออกมา จะไม่ได้รับดอกเบ้ีย หรือถอนหลัง 3 เดือน ไปแล้วแต่ยังไม่ครบกาหนด 6 เดือน จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ พร้อมทั้งถูกหกั ภาษี ณ ที่จา่ ย นอกจากนี้ บางธนาคารมีรูปแบบการฝากประจาแบบพิเศษ เช่น ให้เลือกระยะเวลาการฝากได้ตามที่สะดวก กาหนดระยะการฝากเป็นจานวนวัน (เช่น 99 วัน) หรือจ่ายดอกเบ้ียเงินฝากตั้งแต่วันแรกที่ผู้ฝากเปิดบัญชี โดยอาจมีเงื่อนไขที่กาหนดจานวนเงินฝากที่คอ่ นขา้ งสงู เช่น 100,000 บาทข้ึนไป บญั ชนี เ้ี หมาะกับใคร ผู้ท่ตี อ้ งการเกบ็ ออมเพอื่ เพิ่มรายได้จากดอกเบีย้ ผู้ท่ีมีเงินก้อนและไม่มีความจาเป็นท่ีจะใช้เงินที่ออมไว้ในช่วงระยะเวลาหน่งึ 2.2 บัญชเี งินฝากประจาแบบปลอดภาษี ลักษณะ เป็นบญั ชเี งนิ ฝากประจาท่ไี ด้รบั ยกเว้นภาษี แตเ่ ปิดไดเ้ พียงบญั ชีเดยี ว ตามเกณฑ์สรรพากรไม่ได้มีการกาหนดจานวนเงินฝากข้ันต่าไว้ แต่มีเพดานฝากสูงสุดอยู่ที่ 25,000 บาทต่อเดือน และเม่ือรวมจานวนเงินท่ีฝากทุกเดือนแล้วต้องไม่เกิน 600,000 บาท ซึ่งต้องฝากต่อเน่ืองในจานวนที่เท่ากันทุก ๆ เดือน เดือนละ 1 คร้ัง เป็นเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 24 เดือน หากเงินฝากครบกาหนด บางธนาคารจะโอนเงินต้นและดอกเบี้ยเขา้ บญั ชอี อมทรัพย์หรอื บญั ชกี ระแสรายวันตามท่ีลูกค้าแจ้งความประสงค์ไว้ตอนเปิดบัญชี หรือ ชุดวิชาการเงินเพื่อชวี ติ 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของเงิน
21บางกรณีหากลูกค้าไม่ได้ถอนเงินออก ธนาคารก็อาจเปลี่ยนประเภทเป็นบัญชีเงินฝากประจาให้อตั โนมัติโดยมเี งื่อนไขการฝากเงินและอัตราดอกเบีย้ ตามประกาศของธนาคารทใ่ี ชอ้ ยู่ในขณะนนั้ ในระหว่างระยะเวลาการฝาก ขาดฝากได้ไม่เกิน 2 คร้ัง และยังคงต้องฝากใหค้ รบตามวงเงินทีก่ าหนด กรณีถอนก่อนครบกาหนด ส่วนใหญ่มักกาหนดว่าหากฝากไม่ถึง3 เดอื น จะไม่ได้รบั ดอกเบยี้ หากถอนหลังจาก 3 เดือนไปแล้วจะได้รับในอัตราดอกเบ้ียเงินฝากออมทรพั ย์ พรอ้ มท้งั ถกู หกั ภาษี ณ ทจี่ า่ ย จ่ายดอกเบ้ียเมื่อครบกาหนดระยะเวลาการฝาก โดยท่ัวไปจะโอนดอกเบีย้ ไปยงั บญั ชีเงินฝากออมทรพั ยห์ รอื กระแสรายวนั ประโยชน์ ไดร้ ับอตั ราดอกเบ้ียเงนิ ฝากสงู กว่าบัญชเี งนิ ฝากออมทรัพย์ ได้ฝึกวนิ ยั การออม (ตอ้ งนาเงินไปฝากทกุ เดอื น เดือนละเทา่ ๆ กัน) ดอกเบี้ยทไ่ี ด้รับไมต่ อ้ งเสยี ภาษี ข้อจากัด มีข้อจากัดและเง่ือนไขในการถอน เช่น หากมีการถอนก่อนระยะเวลาทกี่ าหนดไว้อาจไม่ได้รบั ดอกเบ้ีย และไม่ได้รับสิทธิยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จา่ ย 15% บญั ชนี ้ีเหมาะกบั ใคร ผูท้ ่ตี ้องการสร้างวนิ ยั การออม และเพิม่ รายได้จากดอกเบย้ี ผู้ที่ไม่มีความจาเป็นที่จะใช้เงินที่ออมไว้ในช่วงระยะเวลาหน่ึง(อยา่ งนอ้ ย 2 ปี) คาแนะนา ผู้สนใจจะฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจาทั้ง 2 ประเภทน้ี ควรศึกษาเงื่อนไขการฝากและถอนเงินให้เข้าใจ และต้องมั่นใจว่ายังไม่มีความจาเป็นต้องใช้เงินในระหว่าง ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าด้วยเร่อื งของเงนิ
22ท่ีฝากเงินไว้กับธนาคาร เพ่ือป้องกันปัญหาการไม่ปฏิบัติตามเง่ือนไขและทาให้ไม่ได้รับดอกเบ้ียตามท่ีกาหนด 3. บญั ชเี งินฝากแบบขั้นบนั ได ลักษณะ จานวนเงินฝากข้ันต่า ส่วนใหญ่มักจะสูงกว่าบัญชีเงินฝากประจาท่ัวไปเชน่ ไม่น้อยกวา่ 5,000 บาท กาหนดการจ่ายดอกเบี้ยขน้ึ อยู่กบั เงือ่ นไขของธนาคาร เช่น จ่ายดอกเบี้ยทกุ เดอื น โดยจะโอนดอกเบี้ยเงินฝากเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ซึ่งธนาคารจะแจ้งใหท้ ราบตัง้ แต่ตอนเปิดบญั ชีกับธนาคาร มกั จงู ใจผู้ฝากด้วยการโฆษณาวา่ ใหอ้ ัตราดอกเบย้ี สงู มาก แต่ในความจริงแล้ว มักเป็นเพียงช่วงเวลาส้ัน ๆ (ส่วนใหญ่จะสูงมากเฉพาะเดือนสุดท้าย) และในแต่ละช่วงเวลาการฝากดอกเบีย้ จะคอ่ ย ๆ เพ่มิ สูงข้นึ อาทิ เดอื นที่ 1 - 5 อตั ราดอกเบี้ย 1% เดือนที่ 6 - 7 อตั ราดอกเบ้ีย 1.7% เดือนท่ี 8 - 9 อัตราดอกเบี้ย 1.9% เดือนท่ี 10 อตั ราดอกเบี้ย 8% ดังน้ัน ผู้สนใจฝากต้องมองหาอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อปีของท้ังโครงการท่ีธนาคารต้องเขียนไว้ในใบโฆษณา หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ธนาคารเพิ่มเติมเพื่อขอรายละเอียดท่ีชัดเจน หากเงินฝากครบกาหนด แล้วไม่ได้ถอนเงินออก ธนาคารมักจะเปลี่ยนประเภทเป็นบัญชีเงินฝากประจาให้อัตโนมัติโดยมีเงื่อนไขการฝากเงินและอัตราดอกเบี้ยตามประกาศของธนาคารท่ีใชอ้ ยู่ในขณะนัน้ ข้อกาหนดในเร่ืองถอนก่อนครบกาหนดมีหลายรูปแบบ อาทิ อาจต้องปิดบัญชีเลย หรือต้องถอนทั้งจานวนของแต่ละยอดการฝาก เช่น ฝากคร้ังแรก 10,000 บาทคร้ังท่ี 2 ฝาก 20,000 บาท หากต้องการถอนเงินที่ฝากไว้จะต้องถอนเงินท่ียอด 10,000 บาทหรอื 20,000 บาท เทา่ น้ัน ไม่สามารถถอนบางส่วนได้ ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชีวติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงิน
23 สาหรับเร่ืองดอกเบี้ย ผู้ฝากที่ถอนก่อนครบกาหนดอาจได้ดอกเบี้ยตามอัตราท่ีกาหนดไว้ในแต่ละช่วงระยะเวลาการฝาก หรืออาจไม่ได้ดอกเบ้ีย หรือได้รับอัตราดอกเบ้ยี เงนิ ฝากออมทรัพย์ ข้นึ อยูก่ ับเงอื่ นไขท่ธี นาคารกาหนด ขอ้ จากัด ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบของบัญชีเงนิ ฝากประจาจึงจะถกู หักภาษี ณ ท่ีจ่าย 15% ของดอกเบีย้ ท่ีไดร้ ับ มีข้อจากัดและเง่ือนไขในการถอน เช่น กรณีการถอนก่อนครบกาหนด(อย่างท่ีกล่าวไปแลว้ ) บญั ชีน้ีเหมาะกับใคร ผู้ทตี่ ้องการเก็บออมเพอื่ เพ่มิ รายไดจ้ ากดอกเบี้ย ผทู้ ี่มีเงนิ ก้อนและไมม่ คี วามจาเป็นท่ีจะใช้เงินในชว่ งระยะเวลาหน่ึง ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชีวติ 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าด้วยเรอื่ งของเงนิ
24 ข้อแนะนาการเลอื กประเภทบญั ชเี งนิ ฝาก เมอื่ ได้ประเภทบัญชีท่ีต้องการแล้ว ให้หาข้อมูลบัญชีประเภทเดียวกันจากหลาย ๆธนาคาร เพือ่ นามาเปรยี บเทียบ ซ่ึงสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของธนาคารแต่ละแห่ง หรือแผ่นพับหรือโฆษณาท่ีธนาคารเผยแพร่ อย่างไรก็ตาม ควรดูประกาศอัตราดอกเบ้ียเงินฝากของธนาคารประกอบด้วย เน่ืองจากจะมีการระบุรายละเอียดและเง่ือนไขในการจ่ายดอกเบี้ยต่าง ๆในส่วนท้ายของประกาศ โดยข้อมลู ท่ีควรนามาเปรียบเทยี บมดี งั น้ี 1. อัตราดอกเบี้ย ไม่ควรดูเฉพาะในใบโฆษณา แต่ควรดูจากประกาศอัตราดอกเบ้ียในเวบ็ ไซตข์ องธนาคารท่ีเราสนใจจะนาเงนิ ไปฝากด้วย เพ่อื ให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน 2. ระยะเวลาการฝาก ต้องมน่ั ใจว่าสามารถฝากได้ตามระยะเวลาท่ีเป็นเง่ือนไขของบญั ชนี นั้ 3. เงินฝากขั้นต่า และเง่ือนไขการฝาก เช่น ต้องฝากต่อเน่ืองทุกเดือนหรือไม่และที่สาคัญควรดูความสามารถในการฝากของตนเองด้วย เพราะหากเป็นเงินฝากที่ให้อัตราดอกเบีย้ สงู ก็มักจะกาหนดจานวนเงินฝากข้นั ต่าไวส้ ูงเช่นกัน 4. วิธีการจ่ายดอกเบ้ีย หากเป็นบัญชีออมทรัพย์ท่ัวไป ธนาคารจะนาดอกเบ้ียเข้าบัญชีเงินฝากไปสมทบกับเงินต้นให้ แต่หากเป็นบัญชีเงินฝากประจาบางประเภท ธนาคารอาจจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันตามที่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบตอนเปิดบัญชี ซ่ึงการจ่ายดอกเบ้ียจะมีท้ังจ่ายเม่ือครบกาหนดระยะเวลาการฝาก หรือจ่ายดอกเบ้ียทกุ 3 เดือน 5. เง่ือนไขเก่ียวกับภาษี ดอกเบ้ียจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หรือไม่ เพราะหากเสยี ภาษี อตั ราดอกเบ้ยี ทจี่ ะไดร้ ับก็จะน้อยกวา่ ทธ่ี นาคารประกาศไว้ 6. เงื่อนไขการใช้บริการ ฝาก ถอน โอน หรือเง่ือนไขกรณีการถอนก่อนครบระยะเวลา หรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เช่น กรณีบัญชีเงินฝากไม่เคลื่อนไหวหรือมียอดเงินในบญั ชีต่ากวา่ ท่ีกาหนดจะถูกเรียกเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มรักษาบญั ชี หรอื กรณมี ีเงอื่ นไขเรื่องจานวน ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเรื่องของเงนิ
25คร้ังการถอน เช่น ถอนได้เพียง 2 คร้ังต่อเดือน หากถอนตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป จะเสียคา่ ธรรมเนยี มการถอนคร้ังละ 500 บาทดอกเบยี้ เงินฝาก ดอกเบ้ียเงินฝาก หมายถึง ผลตอบแทนท่ีผู้ฝากเงินจะได้รับจากการนาเงินไปฝากไวก้ บั สถาบนั การเงนิ โดยทั่วไปแต่ละสถาบันการเงินจะกาหนดเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี เช่น3% ต่อปี อย่างไรก็ดี แต่ละสถาบันการเงินจะมีการกาหนดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปจึงควรศึกษารายละเอียดอัตราดอกเบ้ียตลอดจนเงื่อนไขอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องเพื่อหาข้อมูล และเปรียบเทียบ เพ่ือเลือกฝากเงินกับสถาบันการเงินท่ีให้อัตราดอกเบี้ยสูงภายใต้เง่ือนไขท่ีผู้ฝากรับได้ เชน่ ระยะเวลาการฝาก เง่ือนไขการเบิกถอน โดยสามารถดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของสถาบันการเงนิ นัน้ ๆ หรือจากประกาศอตั ราดอกเบยี้ ทจี่ ะตดิ ไว้ ณ ทท่ี าการของสถาบนั การเงิน สูตรคานวณดอกเบย้ี เงนิ ฝาก* จานวนวันใน 1 ปีขึ้นกับการกาหนดของสถาบันการเงิน ซึ่งอาจเป็น 360 วัน 365 วัน หรือ 366 วันก็ได้ แต่ไม่ว่าจะกาหนดจานวนวันเป็นเท่าใดก็ตาม สถาบันการเงินจะต้องใช้จานวนวันเดียวกันสาหรับการคานวณท้ังดอกเบ้ียจ่าย เช่นเงนิ ฝาก และดอกเบย้ี รับ เชน่ สนิ เชือ่ กรณีดอกเบยี้ เงินฝากที่ต้องเสียภาษี ดอกเบ้ียเงินฝากที่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย ต้องนาอัตราดอกเบี้ยท่ีได้รับหักภาษีณ ท่ีจ่ายออกก่อน จึงจะรู้ว่าอัตราดอกเบ้ียหลังหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว จะได้รับในอัตราเท่าไรมีวิธีคดิ ดังนี้ ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 ว่าดว้ ยเร่ืองของเงนิ
26 วิธกี ารหาอัตราดอกเบีย้ หลังหกั ภาษี ณ ท่ีจา่ ย อัตราดอกเบ้ียหลงั หกั ภาษี ณ ท่จี ่าย = อตั ราดอกเบี้ย x 0.85 (เนอื่ งจากถกู หกั ภาษไี ป 15%)สลากออมทรพั ย/์ สลากออมสนิ เป็นทางเลือกการออมอย่างหนึ่งของผู้ท่ีชอบลุ้นรางวัล แม้จะให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก (หากไม่ถูกรางวัล) แต่จะได้เงินต้นคืนเต็มจานวนเมื่อครบกาหนด ซ่ึงแตกต่างจากการซื้อหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล สถาบันการเงินที่ออกสลากในปัจจุบัน3เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกจิ ของรฐั ลกั ษณะของสลากออมทรัพย์/สลากออมสนิ คือ ขายเป็นจานวนหน่วยและมีการกาหนดอายทุ ีแ่ น่นอน (เชน่ อายุ 3 ปี หรอื 5 ปี) และมกั มกี ารจ่ายดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทนหากถือจนครบตามเกณฑ์ท่ีผู้ออกสลากกาหนด ผู้ซ้ือสลากสามารถลุ้นรางวัลได้ทุกงวดจนกว่าสลากจะหมดอายุ แต่กอ็ าจมสี ลากบางรุ่นซ่งึ หากถอนก่อนครบกาหนดอาจไดค้ ืนเงินต้นน้อยกว่าที่จ่ายไป หรอื มีบริการพิเศษท่ีสามารถใช้สลากคา้ ประกันการกเู้ งนิ ไดด้ ว้ ย ท้ังน้ี เม่ือซ้ือสลาก สถาบันการเงินที่ออกสลากมักแนะนาให้เปิดบัญชีเงินฝากออมทรพั ยค์ กู่ นั เพือ่ เปน็ บญั ชเี งนิ ฝากสาหรบั การรับเงนิ หากถกู รางวัล ข้อจากัด 1. เงินที่นามาซ้ือสลากออมทรัพย์ควรจะเป็นเงินเย็น หรือเป็นเงินที่ไม่ต้องการใชต้ ลอดอายขุ องสลาก เพราะหากถอนสลากกอ่ นกาหนด อาจไดร้ บั เงนิ คนื นอ้ ยกว่าจานวนท่ีซอื้ 2. ควรศึกษาเงือ่ นไขใหล้ ะเอียดกอ่ นซอื้ 3. เมื่อได้สลากมาควรตรวจสอบความถกู ต้องทกุ ครง้ั เช่น ชือ่ นามสกุล จานวนหนว่ ย จานวนเงินทีซ่ อ้ื3 ขอ้ มลู ณ มถิ ุนายน 2559 ชุดวชิ าการเงนิ เพอ่ื ชีวติ 1 l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 วา่ ด้วยเร่อื งของเงิน
27 4. ควรเก็บรกั ษาสลากให้ดี หากทาหายตอ้ งไปแจง้ ความ และตดิ ต่อขอทาสลากใหม่ซึง่ จะมคี า่ ธรรมเนยี มในการออกสลากใหม่ดว้ ย 5. ควรพิจารณาและเปรียบเทียบผลตอบแทนของสลากแต่ละประเภท หรือแตล่ ะรุ่นกอ่ นตัดสนิ ใจซอ้ืการค้มุ ครองเงนิ ฝาก เปน็ การคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนที่ฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน ซ่ึงเป็นระบบสากลท่ีประเทศต่าง ๆ นามาใช้มากกว่า 100 ประเทศ โดยการกาหนดวงเงินท่ีรับรองว่าผฝู้ ากจะได้รบั คืนเป็นจานวนทแ่ี น่นอนภายในระยะเวลาทกี่ าหนดโดยเร็วหากสถาบันการเงินถกู ปดิ กิจการ สาหรับเงินฝากสว่ นท่เี กนิ วงเงินดังกล่าว ผู้ฝากมีโอกาสได้รับเพิ่มเติมหลังจากการขายสนิ ทรพั ยแ์ ละชาระบัญชีสถาบนั การเงินนน้ั แล้ว การคุ้มครองเงนิ ฝากในประเทศไทย ในอดีตหากสถาบันการเงินถูกปิดกิจการ ผู้ฝากเงินจะต้องไปดาเนินการฟ้องร้องเพ่ือให้ได้รับเงินฝากคืนเอง ซ่ึงไม่มีความแน่นอนว่าจะได้รับเงินคืนหรือไม่ จะได้รับเงินคืนเม่ือใดและจานวนเท่าไร ดังน้ัน ภาครัฐจึงได้จัดให้มีระบบคุ้มครองเงินฝากข้ึน เพ่ือช่วยเหลือประชาชนผู้ฝากเงินใหไ้ ดร้ ับเงินฝากคืนภายในเวลาท่ีรวดเร็วหากสถาบนั การเงนิ ถูกปดิ กิจการ ซ่ึงการมีระบบคุ้มครองเงินฝากจะไม่ก่อให้เกิดภาระกับภาครัฐ เน่ืองจากมีการเรียกเก็บเงินนาส่งจากสถาบันการเงินต่าง ๆ สะสมไว้ใช้ในการจ่ายคืนเงินให้กับประชาชนผู้ฝากเงิน ซึ่งดาเนินการโดยสถาบันคมุ้ ครองเงนิ ฝาก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก เป็นหน่วยงานของรัฐ จัดตั้งข้ึนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม2551 เพ่ือคมุ้ ครองประชาชนผ้ฝู ากเงนิ โดยมหี น้าทีห่ ลกั คอื 1. จ่ายเงินคืนผู้ฝากภายในวงเงินและระยะเวลาที่กฎหมายกาหนด ในกรณีที่สถาบนั การเงนิ ทอี่ ยู่ภายใต้การคุ้มครองถกู ปิดกจิ การ ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าด้วยเรื่องของเงนิ
28 2. ชาระบัญชีสถาบันการเงินท่ีถูกปิดกิจการ เพื่อรวบรวมเงินจากการขายสินทรัพย์มาชาระคืนให้แก่เจ้าหนี้ของสถาบันการเงินนั้น รวมถึงเงินฝากส่วนที่เกินวงเงินคุ้มครองด้วย คมุ้ ครองอะไรบ้าง เงินบาทท่ีฝากไว้กับสถาบันการเงินท่ีอยู่ภายใต้การคุ้มครอง (ธนาคารพาณิชย์บริษัทเงินทุน และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์) แต่ไม่ครอบคลุมถึงเงินที่ฝากไว้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรฐั เนื่องจากมกี ฎหมายเฉพาะจดั ตง้ั ขึน้ ท้งั นี้ สถาบนั การเงนิ ท้ังหมดอยู่ภายใต้การกากับดูแลของกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ซ่ึงจะกากับดูแลความม่ันคงอยา่ งใกล้ชดิ และจะปอ้ งกันหรือแก้ไขปญั หาทอ่ี าจเกิดขน้ึ มิใหต้ อ้ งปดิ กิจการโดยงา่ ย เงินฝากท่ไี ด้รับความคุม้ ครอง เงนิ ฝากทไี่ ม่ไดร้ บั การคมุ้ ครองเงนิ ฝากออมทรัพย์ เงินฝากทเ่ี ปน็ เงนิ ตราต่างประเทศเงินฝากประจา เงินฝากท่มี อี นพุ นั ธ์แฝงเงินฝากกระแสรายวนั เงนิ ฝากระหว่างสถาบันการเงินบัตรเงินฝาก เงินฝากในบัญชเี งินบาทของผูม้ ถี ่นิ ท่ีอยู่ใบรับฝากเงนิเงนิ ฝากใน “บัญชีรว่ ม” หรอื “บัญชีเพ่อื ” นอกประเทศ (เปน็ ประเภทบญั ชีพิเศษที่ เปิดเพ่อื ทารายการเฉพาะ ตาม พ.ร.บ. ควบคมุ การแลกเปล่ียนเงิน) เงินฝากในสหกรณ์ (เน่ืองจากสหกรณ์ไมไ่ ด้ เปน็ สถาบนั การเงินภายใต้กฎหมาย คมุ้ ครองเงนิ ฝาก) เงินลงทนุ อื่น ๆ เช่น กองทุนรวม หนุ้ กู้ ตว๋ั แลกเงนิ พันธบัตรรัฐบาล สลาก ออมทรพั ย์ (เป็นผลติ ภณั ฑ์อน่ื ทม่ี ใิ ช่ เงินฝาก จึงไม่ได้รบั การคุ้มครอง)ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 วา่ ด้วยเร่อื งของเงิน
29 จานวนเงนิ ท่ไี ด้รับการคุ้มครอง 4 จานวนเงินฝากรวมดอกเบ้ียทจ่ี ะไดร้ ับการคุ้มครองตามเกณฑ์ที่กฎหมายกาหนดดังน้ี ระยะเวลา จานวนเงนิ ฝากท่ีคุ้มครอง (ตอ่ รายผู้ฝาก ต่อสถาบนั การเงิน)11 ส.ค. 2558 – 10 ส.ค. 255911 ส.ค. 2559 – 10 ส.ค. 2561 ไม่เกนิ 25 ลา้ นบาท11 ส.ค. 2561 – 10 ส.ค. 2562 ไม่เกิน 15 ล้านบาท11 ส.ค. 2562 – 10 ส.ค. 2563 ไม่เกนิ 10 ล้านบาท ไม่เกิน 5 ล้านบาท 11 ส.ค. 2563 เป็นตน้ ไป ไมเ่ กิน 1 ล้านบาทหมายเหตุ: เงินฝากส่วนท่ีเกินความคุ้มครอง จะได้รับคืนเพ่ิมเติมหลังจากการชาระบัญชี สถาบนั การเงนิ ทีป่ ดิ กิจการการประกันภยั ความหมายและประโยชน์ การทาประกันภัยเป็นการบริหารความเสี่ยงภัยวิธีหนึ่ง ซ่ึงจะโอนความเสี่ยงภัยของผูเ้ อาประกันภัยไปสูบ่ ริษัทประกันภัย เมื่อเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่ได้รับความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัย โดยท่ีผู้เอาประกันภัยจะต้องเสียเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกนั ภยั ตามท่ีได้ตกลงกันไว้ การประกันภัยจะช่วยสร้างความม่ันคงทางการเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว กล่าวคือ หากเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายต่อส่ิงที่เอาประกันจะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของผู้เอาประกัน นอกจากน้ี การทาประกันภัยยังช่วยให้4 ขอ้ มูลน้อี าจมกี ารปรับเปลีย่ นในอนาคต ดังนัน้ ควรสอบถามรายละเอียดเพมิ่ เติมได้ท่ี สถาบันคมุ้ ครองเงนิ ฝาก โทร. 1158เว็บไซต์ www.dpa.or.th ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
30ผู้เอาประกันภัยคลายความกังวลกับส่ิงท่ีเหนือการควบคุมหรือคาดเดาได้ยากว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น การทาประกันชีวิต โดยหากผู้เอาประกันเกิดเสียชีวิตขึ้นมาในขณะที่ยังมีภาระดูแลครอบครัว ผู้ที่อยู่ข้างหลังจะได้รับค่าสินไหมทดแทนในฐานะผู้รับประโยชน์ตามท่ีผเู้ อาประกนั ภยั ไดต้ กลงไวก้ ับบรษิ ทั ประกนั ภยั หลกั การพจิ ารณาความจาเปน็ ในการทาประกนั ภัย อย่างไรก็ตาม ไม่จาเป็นว่าทุกคนต้องทาประกันภัยเสมอไป หากตัวเราเองสามารถรับความเส่ียงหรือมีแผนการรองรับท่ีดีก็ไม่จาเป็นต้องทาประกันภัย โดยมีหลักในการพิจารณาวา่ จาเป็นต้องทาประกันภัยหรอื ไมด่ ังน้ี 1. ภาระรับผิดชอบท่ีมี หากเราเป็นเสาหลักทางการเงินของครอบครัว เช่นเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายของทุกคนในบ้าน หรือมีภาระหนี้ท่ีต้องรับผิดชอบ ถ้าเกิดปัญหากับเราจนไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ เช่น เจ็บป่วยหนัก เกิดอุบัติเหตุรุนแรง หรือเสียชีวิต จะสร้างภาระให้แก่คนท่ีอยู่เบ้ืองหลังมากน้อยแค่ไหน เรามีแผนการรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ (ถ้าเรามีเงินเก็บมากพอ มีทรัพย์สินที่ปลอดภาระแล้ว การเสียชีวิตของเราไม่ทาให้ผู้ท่ีอยเู่ บื้องหลงั เดอื ดรอ้ น ประกันภัยกอ็ าจไมจ่ าเป็นสาหรับเรา) 2. โอกาสความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงหรือประกอบอาชีพที่มีความเส่ียงเช่น ต้องอยู่ในเขตก่อสร้าง ผลิตสารเคมี หรือเดินทางบ่อย ย่อมมีความเส่ียงมากกว่าผู้ที่ทางานในออฟฟศิ ในกรณีนี้กค็ วรทาประกนั ภัย ในการประกันภัยจะมีบคุ คลทเ่ี กี่ยวขอ้ ง 3 ฝ่าย คือ ผ้รู ับประกนั ภยั คอื บริษทั ทีป่ ระกอบธรุ กิจประกนั ภยั ผู้เอาประกันภัย คือ บุคคลที่ต้องการจะทาประกันภัยและมีหน้าที่จ่ายเบี้ยประกนั ภัยให้แกผ่ ู้รับประกนั ภัย ผูร้ ับประโยชน์ คอื คนท่จี ะไดร้ ับสินไหมทดแทนตามที่ผู้เอาประกันภัยระบุไว้โดยผูเ้ อาประกนั ภยั กับผ้รู ับประโยชน์อาจเปน็ คนคนเดียวกันได้ ชดุ วชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงิน
31 รปู แบบประกนั ภัย ก่อนซ้ือประกันภัย ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาทาความเข้าใจ เปรียบเทียบรูปแบบ ความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยของการประกันภัยก่อน เพ่ือให้ได้รับแบบประกันภัยที่มีความเหมาะสม ตรงตามความต้องการมากท่ีสุด ซึ่งสามารถแบ่งประกันภัยออกเป็น2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ (1) ประกันชีวิต (2) ประกันวินาศภัย โดยแต่ละประเภทก็ยังมีรูปแบบการประกันภัยที่จาแนกย่อยอีก 1. ประกันชีวิต เป็นสัญญาระหว่างผู้รับประกันภัย (บริษัทประกันชีวิต) กับผู้เอาประกันภัย โดยเรียกสัญญาดังกล่าวว่ากรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งกาหนดให้ผู้เอาประกันภัย ชุดวชิ าการเงินเพ่ือชวี ติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าดว้ ยเรือ่ งของเงิน
32ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทประกันชีวิต หากผู้เอาประกันภัยเกิดเสียชีวิตขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ (ยังอยู่ในระยะเวลาการคุ้มครอง) ภายใต้เง่ือนไขในกรมธรรม์ เช่น การเสียชีวิตท่ีไม่ใช่การฆ่าตัวตาย บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจานวนหนึ่งให้กับผู้รับผลประโยชน์เรียกวา่ เงนิ สินไหม การประกันชีวิตมีหลายรูปแบบ ซ่ึงแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะความค้มุ ครองและผลประโยชน์ เชน่ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองการเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร ผู้เอาประกันภัยจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต เบย้ี ประกันภัยตา่ กวา่ แบบอน่ื ๆ ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ มีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองการเสียชีวิตและการออมทรัพย์ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจานวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยเม่ือมีชีวิตอยคู่ รบกาหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้รับประโยชน์เม่ือผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาเอาประกันภัย โดยในส่วนของการออมทรัพย์ ผู้เอาประกันภัยจะไดร้ บั เงนิ คืนในระหวา่ งสญั ญาหรอื เม่อื สัญญาครบกาหนด เบย้ี ประกันชีวติ จะแตกต่างกันไปตามประเภทของประกันที่ทา เช่น ถ้าเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรพั ย์ คา่ เบ้ยี ประกันภัยจะแพงกวา่ แบบอื่น ๆ นอกจากน้ี ข้อมูลของผู้เอาประกันภัยเช่น เพศ อายุ ก็มีผลต่อการคานวณเบยี้ ประกันภัยดว้ ยเช่นกัน 2. ประกันวินาศภัย เป็นการทาประกันภัยเพ่ือให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินเช่น ประกันอัคคีภยั ประกันภัยรถยนต์ หากทรัพยส์ นิ ทีไ่ ดร้ ับการคุ้มครองเสยี หาย บริษัทอาจจะจ่ายเป็นตัวเงิน หรือซ่อมแซม หรือหาของมาทดแทน หรือทาให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ขึ้นอยู่กับเง่ือนไขที่ได้ตกลงหรอื กาหนดไว้ ชุดวิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 วา่ ดว้ ยเรื่องของเงนิ
33 เบี้ยประกนั วนิ าศภัย ค่าเบ้ียประกันภัยก็จะแตกต่างกันตามระดับความเส่ียงภัย ระยะเวลาที่คมุ้ ครอง และจานวนเงนิ เอาประกนั ภยั นอกจากน้ี ยงั มีรายละเอียดเพิ่มเตมิ เช่น - เบ้ียประกันอัคคีภัย จะพิจารณาปัจจัยจากสถานที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง คานึงถึงความเสี่ยงภัยท่ีจะเกิด เช่น อยู่ในพื้นท่ีที่มีส่ิงปลูกสร้างหนาแน่น การเขา้ ถงึ ไดข้ องรถดับเพลิง หรอื สิ่งปลกู สร้างเปน็ ไมห้ รือวสั ดตุ ิดไฟ - เบ้ียประกันภัยรถยนต์ ผู้รับประกันภัยจะพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยเช่น อายุ รุ่น ประเภทของรถยนต์ ขนาดของเครื่องยนต์ ประเภทกรมธรรม์ รวมถึงอายุ เพศของผ้เู อาประกันภยั ด้วย ร้จู กั ประกนั ภยั รายยอ่ ย กรมธรรมป์ ระกันภยั สาหรับรายย่อยหรอื ไมโครอินชวั รนั ส์ หมายถึง การประกันภัยสาหรบั ผมู้ รี ายได้นอ้ ย-ปานกลาง ซง่ึ มลี กั ษณะท่สี าคัญดงั น้ี เบย้ี ประกันภยั ราคาไม่แพง ความคมุ้ ครองไมซ่ บั ซ้อน เข้าใจงา่ ย การขอรบั เงนิ คา่ สนิ ไหมทดแทนไม่ยงุ่ ยาก ช่องทางการจาหน่ายหลากหลาย เขา้ ถงึ ประชาชนทุกกลุ่ม สามารถเป็นเคร่ืองมือในการรองรับความเส่ียงของประชาชนได้ โดยเฉพาะผมู้ ีรายได้นอ้ ย ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชวี ิต 1 l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ดว้ ยเร่ืองของเงิน
34รูปแบบกรมธรรม์ไมโครอนิ ชวั รันส์ ท่ีเสนอขายในปจั จุบัน1) เสนอขายโดยบริษัทประกันชีวติแบบการประกันภยั ความคมุ้ ครอง1) การประกันชีวติ 1.1) แบบชั่วระยะเวลา (1-5 ปี) คุ้มครองการเสียชีวติ ภายในระยะเวลาเอาประกนั ภยั โดยจานวนเงินเอา ประกันภยั คงทตี่ ลอดระยะเวลาเอาประกนั ภัย 1.2) แบบสะสมทรพั ย์ คุม้ ครองการอยู่รอดหรอื เสียชีวิต ภายในระยะเวลาเอาประกันภยั ท้งั น้ี ไม่รวมผลประโยชน์ การคืนเงินระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย2) สัญญาเพม่ิ เตมิ การประกนั คุ้มครองผลประโยชนช์ ดเชยรายได้ตอ่ วันระหว่างการเขา้ พกัสขุ ภาพ รักษาตวั ในฐานะผู้ป่วยใน เน่อื งจากการเจ็บป่วยหรือ บาดเจบ็3) สัญญาเพม่ิ เติมการประกันภยั คุม้ ครองการเสยี ชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรืออบุ ตั ิเหตสุ ่วนบคุ คล ทพุ พลภาพถาวรส้นิ เชงิ จากอุบตั ิเหตุ ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยไม่เกิน 1,000 บาทต่อปี ยกเว้นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เบี้ยประกนั ภยั ไมเ่ กนิ 500 บาทตอ่ เดอื น2) เสนอขายโดยบรษิ ัทประกันวนิ าศภัย แบบการประกนั ภัย ความคุม้ ครอง1) กรมธรรมป์ ระกนั ภยั อบุ ัติเหตุ - การเสยี ชีวติ สูญเสียอวยั วะ สายตา หรือทพุ พลภาพส่วนบุคคล + ชดเชยรายได้ ถาวรส้ินเชงิ เนอื่ งจากอบุ ัติเหตุระหว่างการเข้าพักรักษาตัวใน - ผลประโยชน์ชดเชยรายไดร้ ะหว่างการเขา้ พักรักษาฐานะผู้ป่วยใน + คา่ ใช้จ่ายในการ ตัวในฐานะผปู้ ว่ ยใน เน่ืองจากอบุ ตั เิ หตุจัดการงานศพ - ค่าใช้จา่ ยในการจัดการงานศพ กรณีผู้เอาประกันภัย เสยี ชวี ติ เน่ืองจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย2) กรมธรรม์ประกนั ภัยสาหรับ คมุ้ ครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบดิ และคา่ เช่าสาหรับทพี่ ักที่อยูอ่ าศยั แบบประหยัด อาศยั ชว่ั คราว ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 ว่าด้วยเรื่องของเงิน
35 แบบการประกนั ภัย ความคมุ้ ครอง3) กรมธรรมป์ ระกันภัยพืชผลจาก คุ้มครองความเสียหายของข้าวโพดเลยี้ งสตั ว์จากภัยแล้งภยั แล้ง โดยใช้ดัชนนี ้าฝนและดัชนีความแหง้ แล้ง สาหรบั ขา้ วโพด คมุ้ ครองความเสยี หายของขา้ วจากภัยแล้งเลีย้ งสัตว์4) กรมธรรมป์ ระกันภัยพืชผล คุม้ ครองความเสียหายของข้าว จากภยั น้าท่วมหรือฝนตกประเภทภัยแล้ง โดยใชด้ ชั นีน้าฝน หนกั ฝนทง้ิ ช่วง ลมพายุหรอื พายุไตฝ้ นุ่ ภัยอากาศหนาวสาหรับข้าว หรือนา้ คา้ งแข็ง ลูกเหบ็ ไฟไหม้ โดยการใช้การประเมนิ5) กรมธรรมป์ ระกันภัยข้าวนาปี ความเสียหายแปลงผลผลิต ท้ังน้ี เบี้ยประกันภัยไม่เกิน 1,000 บาทต่อปี ยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยพืชผลจากภัยแล้งโดยใช้ดัชนีน้าฝนและดัชนีความแห้งแล้งสาหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กรมธรรม์ประกันภัยพชื ผลประเภทภัยแล้งโดยใช้ดัชนีน้าฝนสาหรับข้าว จะกาหนดเบ้ียประกันภัยเป็นร้อยละของวงเงินความคมุ้ ครอง นอกจากนี้ ยังมีแบบประกันภัยสาหรับรายย่อยที่เสนอขายได้ทั้งบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะกับผู้มีรายได้น้อย คือ กรมธรรม์ประกันภัย 200 สาหรับรายย่อยลักษณะของกรมธรรมป์ ระกนั ภัย มีระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี สามารถต่ออายุปีถัดไปได้ ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชวี ิต การสูญเสยี มือ เท้า สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรมรวมถงึ คา่ ใชจ้ ่ายในการจดั งานศพกรณีเสียชวี ติ จากการเจบ็ ป่วย ชดุ วิชาการเงนิ เพ่ือชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 ว่าด้วยเรอื่ งของเงนิ
36 ชอ่ งทางการซื้อกรมธรรม์ประกนั ภยั มีขั้นตอนการซ้ือง่ายเพียงใช้บัตรประชาชนพร้อมชาระเบี้ยประกันภัยเพียง200 บาท ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะได้รับใบรับรองการประกันภัย และได้รับความคุ้มครองทันทีเมื่อซ้ือ ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อได้ตามช่องทางการจาหน่ายต่าง ๆ เช่น บริษัทประกันภัยและสาขา ตัวแทนประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย เคาน์เตอร์เซอร์วสิ ในร้านเซเวน่ อีเลฟเวน่ โบรกเกอร์ประกันภัยในห้างเทสโก้ โลตัส ท่ีทาการไปรษณีย์ โดยซ้อื ไดค้ นละไมเ่ กิน 2 กรมธรรม์ ข้อแนะนาในการตัดสินใจเลอื กประเภทประกนั ภัย เมื่อเรารู้จักผลิตภัณฑ์ประกันภัยแต่ละประเภทแล้ว ก็อาจทาให้เราอยากจะทาประกนั ภัยข้ึนมาบ้าง และเพ่อื ใหเ้ ราไดป้ ระกนั ภยั ตามท่ีต้องการ โดยไม่เกินความสามารถในการจ่ายเบ้ยี ประกันภัย กอ่ นตัดสินใจทาประกนั ภัย เราควรพิจารณาขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของการทาประกันภัย เป็นส่ิงที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกต้องร้กู อ่ นว่า “เราตอ้ งการทาประกนั ภัยเพอื่ อะไร”เพื่อเลือกไดต้ รงกับความตอ้ งการ เชน่ ต้องการป้องกันความเสี่ยง ควรจะเลือกประกันภัยโดยดูที่การคุ้มครองเป็นหลัก เช่น ถ้ากังวลว่าครอบครัวจะผ่อนบ้านต่อไม่ไหวหากเราซ่ึงเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวเสียชวี ิตไปกอ่ น ก็ควรเลือกทาประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ ถ้ากังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อรถใหม่ถา้ รถหาย ก็ควรเลือกทาประกนั ภยั รถยนตป์ ระเภท 1 ต้องการทาประกนั ชวี ิตและเนน้ การออมเงนิ ควบคู่ไปดว้ ย อาจจะเลือกทาประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ หรือแบบบานาญท่ีจะจ่ายคืนเงินก้อนครั้งเดียว หรือทยอยคืนอย่างสม่าเสมอหลงั เกษยี ณ ต้องการทาประกันชีวิตเพ่ือให้ลูกหลานไม่ลาบากในอนาคตหากตนเองเสียชวี ติ กะทันหนั อาจเลอื กทาประกันชีวิตแบบช่ัวระยะเวลา (Term Insurance) ซ่ึงจะให้ความคุ้มครองชีวิตสูงในขณะท่ีจ่ายค่าเบี้ยประกันน้อย (หากเปรียบเทียบกับประกันภัยแบบ ชุดวิชาการเงนิ เพื่อชวี ิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ว่าดว้ ยเรอื่ งของเงนิ
37สะสมทรพั ยใ์ นกรณที ีจ่ า่ ยค่าเบยี้ ประกนั ภยั เทา่ กัน) ถ้าผูเ้ อาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาที่ทาประกนั ภยั แบบชวั่ ระยะเวลาจะใหผ้ ลตอบแทนแกผ่ ้รู ับประโยชนม์ ากกว่าแบบสะสมทรัพย์ 2. การเลือกระยะเวลาทาประกันภัยให้ครอบคลุม ผู้ท่ีทาประกันภัยโดยเลือกระยะเวลาส้ัน แต่เพิ่งคิดอยากจะทาต่อเมื่อสิ้นสุดกรมธรรม์ มักต้องจ่ายเบ้ียประกันภัยแพงกว่าการเลือกระยะเวลายาวตั้งแต่แรก เพราะความเส่ียงของตนเองจะสูงข้ึนตามอายุท่ีมากข้ึนในกรณีประกันชีวิต หรือในกรณีประกันคุ้มครองวงเงินสินเช่ือหากประกันท่ีทาไม่ครอบคลุมกับระยะเวลาผ่อนหน้ี และต่อมามีเหตุเกิดขึ้นหลังจากท่ีประกันภัยหมดสัญญา ผู้ขอสินเช่ือหรือลูกหลานกต็ อ้ งเป็นผู้รับผิดชอบภาระหน้นี ้นั เอง 3. ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัย ควรพิจารณาด้วยว่ามีความสามารถในการจ่ายเบ้ียประกันภัยหรือไม่ แม้ว่าต้องการทาประกันภัยให้ครอบคลุมความเส่ียง แต่หากเกินกาลังในการจ่ายเบี้ยประกันภัย ก็อาจเลือกเงินเอาประกันภัยท่ีจานวนไมส่ ูงนกั เพอ่ื ทีอ่ ยา่ งน้อยจะไดช้ ่วยแบ่งเบาภาระบางสว่ นหากเกดิ เหตุร้ายขึ้นจรงิ 4. การเปรียบเทียบข้อมูล ควรเปรียบเทียบรายละเอียดความคุ้มครองระยะเวลาการคุ้มครอง เบ้ียประกันภัยของบริษัทหลาย ๆ แห่ง เพ่ือเลือกประกันภัยท่ีคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัย ควรอ่านสาระสาคัญของกรมธรรม์ประกันภัยและตรวจสอบความถูกต้อง ได้แก่ 1. ชื่อ - ท่อี ยูข่ องผเู้ อาประกันภยั ทตี่ ั้งของทรัพยส์ นิ 2. ระยะเวลาประกนั ภัย ไดแ้ ก่ วนั ทเี่ ริม่ ตน้ จนถงึ วนั ท่สี ิ้นสดุ 3. ขอ้ มลู ของสิ่งที่เอาประกนั ภยั เชน่ กรณปี ระกันภยั รถยนต์ จะตอ้ งมีข้อมูลของชอื่ รนุ่ เลขทะเบียนรถยนต์ ขอ้ มลู เลขตัวถัง เลขเครื่อง ปี รุ่นท่ีผลิต จานวนท่นี ัง่ 4. จานวนเงินเอาประกนั ภัย และรายละเอียดความคมุ้ ครอง 5. เบ้ยี ประกนั ภัยที่ต้องจ่าย ชุดวชิ าการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ว่าดว้ ยเร่อื งของเงนิ
38 6. ช่ือผ้รู ับประโยชน์ 7. เงื่อนไขท่ัวไป หรือข้อยกเว้นการคุ้มครอง ในส่วนนี้ควรทาความเข้าใจรายละเอียดความคุม้ ครองว่าตรงกบั ทต่ี ้องการหรือไม่กจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื งท่ี 3 การฝากเงิน และการประกันภยั(ให้ผ้เู รยี นไปทากิจกรรมเรอื่ งที่ 3 ทีส่ มุดบนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนร้)ู ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชีวิต 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของเงนิ
39เรื่องที่ 4 การชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ความหมายและประโยชนข์ องการชาระเงนิ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ การชาระเงิน คือ การส่งมอบเงินหรือโอนเงินผ่านช่องทางต่าง ๆ เพ่ือซ้ือสินค้าและบริการ หรือชาระหน้ี โดยสามารถใช้ส่ือการชาระเงินที่เป็นได้ทั้งเงินสดและไม่ใช่เงินสดในบางคร้ังการชาระเงินอาจทาผ่านคนกลางท่ีเป็นผู้ให้บริการเพื่ออานวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยของการทารายการ ซึ่งผู้ให้บริการมีท้ังท่ีเป็นสถาบันการเงินและมิใช่สถาบันการเงิน เงินสดเป็นส่ิงท่ีเราคุ้นเคยในการใช้จ่ายมากท่ีสุด จนนึกไม่ถึงว่าที่จริงแล้วการใช้เงินสดน้ันไม่สะดวกหลายประการ เช่น ต้องเตรียมเงินสดให้เพียงพอในการซื้อสินค้า และหากยิง่ พกพาจานวนมากก็เสยี่ งต่อการถูกปล้น ขโมย หรือหากมองในมุมเจา้ ของกิจการ การรับชาระด้วยเงินสดอาจถูกยักยอกหรือขโมยได้ง่ายและตรวจสอบได้ยาก รวมถึงเสียโอกาสในการขายสินค้าหากมีช่องทางให้ลูกค้าชาระค่าสินค้าเป็นเงินสดเพียงอย่างเดียว สาหรับมุมของประเทศน้ัน เงินสดมีค่าใช้จ่ายในการจัดการค่อนข้างสูง เช่น ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผลิต การขนส่งการเก็บรักษา การตรวจนับ การคัดแยก และการทาลาย ถ้าเราหันมาช่วยกันใช้การชาระเงินทางอิเลก็ ทรอนิกส์ จะชว่ ยลดภาระคา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั การได้ 2 - 3 เทา่ เลยทเี ดยี ว ความหมายของการชาระเงินทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ การชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การส่งมอบหรือโอนเงินเพ่ือซื้อสินค้าและบริการ หรือชาระหน้ี ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่มีความสะดวกและรวดเร็วโดยใช้ส่ืออิเล็กทรอนิกส์มาช่วยทั้งด้านสื่อที่ใช้ชาระเงินแทนเงินสด เช่น บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต บัตรเครดิตเงินอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงช่องทางการชาระเงินที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว เช่น ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้อปุ กรณ์ประเภทตา่ ง ๆ อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศพั ทม์ อื ถอืชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชีวติ 1 l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอื่ งของเงิน
40 ประโยชนข์ องการชาระเงินทางอเิ ล็กทรอนิกส์ ต่อประชาชน ต่อเจ้าของกจิ การ โอนเงินหรือชาระเงนิ ได้ทุกทีท่ กุ เวลา ไมต่ อ้ งเก็บเงินสดจานวนมากไว้ทรี่ ้านค้า ไม่ตอ้ งเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการ ลดปญั หาพนักงานยักยอกหรือขโมยเงนิเดินทาง จัดทาบญั ชไี ดร้ วดเร็ว และมรี ะบบที่ ปลอดภัย ไม่ตอ้ งกลวั เงนิ สดหายหรือ ตรวจสอบได้ถูกขโมย มีทางเลอื กใหล้ ูกคา้ ในการชาระเงนิ ได้ ตรวจสอบได้ มหี ลักฐานชัดเจน หลายวธิ ี มีรปู แบบการชาระเงินให้เลือกได้ ไม่จาเป็นตอ้ งมสี ถานทห่ี รือหน้าร้านหลากหลายตามความสะดวก กข็ ายของได้ ขยายฐานลูกค้าไดก้ ว้างข้นึ ไม่จากัดอยใู่ น พ้นื ทใี่ ดพ้นื ทห่ี นง่ึ หรอื ในประเทศเท่าน้ัน ตอ่ ประเทศ ลดค่าใช้จา่ ยในการพมิ พ์ธนบตั ร ลดคา่ ใชจ้ ่ายในการบริหารจดั การเงินสด เชน่ การขนสง่ ธนบตั ร การหมุนเวียนของเงนิ ในเศรษฐกิจมคี วามคลอ่ งตวั การค้าและการชาระเงนิ ระหว่างประเทศทาไดส้ ะดวกรวดเรว็ ข้นึลักษณะของบัตรเอทเี อม็ บตั รเดบิต และบตั รเครดิต บัตรอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่ือการชาระเงินที่ถูกพัฒนาเพื่อนามาใช้แทนเงินสดบทเรียนนจ้ี ะกลา่ วถงึ บัตรเอทีเอม็ บัตรเดบิต และบตั รเครดิต เทคโนโลยีของบัตรอิเลก็ ทรอนกิ ส์ บัตรอิเล็กทรอนิกส์มีการนาเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งจะทาให้เราสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและหายกังวล โดยแบบด้ังเดิมเป็นบัตรแถบแม่เหล็ก (magnetic stripe)มีลักษณะเป็นแถบสีดาคาดอยู่หลังบัตร กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งข้อมูลของผู้ถือบัตรจะ ชดุ วชิ าการเงินเพื่อชีวิต 1 l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ว่าด้วยเร่ืองของเงนิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184