92 3. ระบุระยะเวลาท่ีต้องใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเงิน โดยระบุเป็นจานวนวนั เดอื น หรอื ปี 4. คานวณจานวนเงินทต่ี ้องออมต่อเดือน โดยคานวณว่าต้องออมเงินเดือนละเท่าไหร่เพื่อให้ได้จานวนตามที่ต้องการ สามารถคานวณได้จากนาจานวนเงินที่ต้องการหารด้วยระยะเวลา (เดือน) ก็จะทาให้ทราบว่าควรเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่เพื่อให้ได้เงินตามจานวนท่ีต้องการ ตวั อย่าง นาง ก ตอ้ งการซอ้ื ทวี รี าคา 8,400 บาทในอกี 12 เดือนนาง ก จะต้องออมเงนิ เดอื นละ = จานวนเงนิ ท่ีต้องการ ÷ ระยะเวลา (เดอื น) = 8,400 ÷ 12 = 700 บาท ดังนั้น แผนการออมของนาง ก ก็คือ จะต้องออมเงินเดือนละ 700 บาทเพื่อให้ไดซ้ ื้อทวี มี ูลค่า 8,400 บาทในอีก 12 เดอื นขา้ งหน้า 5. จัดทาแผนการออม โดยกาหนดแหล่งเงินท่ีจะใช้เป็นเงินออมในแต่ละเดือนซ่ึงสามารถทาได้ท้ังการเพิ่มรายรับและลดรายจ่าย โดยพิจารณารายจ่ายจากการบันทึกรายรับ-รายจ่ายว่ามีรายจ่ายไม่จาเป็นใดที่สามารถลดหรือเลิกแล้วนามาเป็นเงินออมได้หรือไม่เช่น ลดค่ากาแฟจากท่ีด่ืมทุกวันเป็นดื่มวันเว้นวัน หากกาแฟราคา 30 บาทต่อแก้ว ลดค่ากาแฟจานวน 15 วัน จะไดเ้ งนิ 450 บาท (30x15) ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชวี ติ 3 | หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
93ตวั อย่างแผนการเงิน แผนการเงนิ ของ........น...า.ง.....ก............... จดั ทา ณ วันที.่ ..1.....ม..ก..ร..า..ค..ม.....2.5..X...X....เปา้ หมายการเงนิ : ซอ้ื ทีวีจานวนเงนิ ที่ตอ้ งการ: 8,400 บาทระยะเวลา: 12 เดือนข้างหนา้คานวณจานวนเงนิ ท่ีต้องออมตอ่ เดอื น:……น…า…ง…ก……จ…ะต…อ้ …ง…ออ…ม…เง…นิ …เด…ือ…น…ละ……………=……จา…น…วน…เ…งิน…ท…ีต่ …้อ…งก…า…ร…÷……ร…ะย…ะ…เว…ลา……(เ…ด…ือน…)….………………………………………………………………=……8,…40…0……÷…1…2…………………………………………….………………………………………………………………=……7…00……บ…าท………………………………………………….………ด…ัง…น…น้ั …น…า…ง……ก…จ…ะ…ตอ้…ง…อ…อม…เง…นิ …เด…ือ…น…ล…ะ…7…0…0…บ…า…ท……เป…น็ …ระ…ย…ะเ…วล…า……12……เด…ือ…น…………….…แผนการออม:1. ลดค่ากาแฟจากทกุ วันเหลอื วันเวน้ วนั (กาแฟแก้วละ 30 บาท 450 บาท ลด 15 วนั ) ไดเ้ งิน 200 บาท 60 บาท2. ลดคา่ หวยจากงวดละ 300 บาท เหลอื งวดละ 200 บาท (ลดงวดละ 100 บาท จานวน 2 งวดตอ่ เดือน) ไดเ้ งิน3. หารายได้เพ่มิ โดยรับจา้ งปกั ผา้ ผืนละ 15 บาท จานวน 4 ผืน ได้เงนิ ไดเ้ งินออมรวมต่อเดือนเทา่ กับ 710 บาทกิจกรรมทา้ ยเร่อื งท่ี 4 การตงั้ เป้าหมายและจดั ทาแผนการเงิน (ใหผ้ เู้ รยี นไปทากจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 4 ท่สี มุดบันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้) ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การวางแผนการเงนิ
94เรือ่ งที่ 5 การออม การออมเป็นส่ิงท่ีทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่มักจะละเลยท่ีจะทา เพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล บางคนมองว่าการออมเป็นเร่ืองของเด็ก แต่แท้จริงแล้วการออมเป็นจุดเริม่ ตน้ ของความมั่นคงทางการเงนิ และเป็นเหมือนวรี บุรุษท่ชี ว่ ยเหลือเราเมือ่ มปี ญั หาการเงินความหมายของการออม การออมเป็นการแบ่งรายได้ส่วนหน่ึงในปัจจุบันไปเก็บสะสมไว้ใช้ในอนาคตซึ่งสามารถทาได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การเก็บสะสมด้วยตนเอง เช่น หยอดกระปุกออมสินเก็บสะสมไว้ที่บ้าน ไปจนถึงการนาไปฝากไว้กับสถาบันการเงิน ซ่ึงมักอยู่ในรูปแบบท่ีมีความเส่ียงต่อการสูญเสียเงินต้นต่า และได้รับผลตอบแทนไม่สูงนักเม่ือเทียบกับการลงทุน เช่นการฝากในบัญชีเงนิ ฝากออมทรัพย์ บัญชีเงินฝากประจา การซ้ือสลากออมทรพั ย์ประโยชน์ของการออม การออมอย่างสม่าเสมอจะทาให้ผู้ออมมีเงินก้อนสะสมเก็บไว้ ซ่ึงมีประโยชน์หลายประการ เช่น 1. ช่วยแบ่งเบาภาระเม่ือเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยไม่ต้องก่อหนี้หรือขอความช่วยเหลือจากบคุ คลอืน่ 2. ช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีปัญหาการเงิน เมื่อมีเหตุทาให้เงินที่มีไม่พอต่อค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้น ก็สามารถนาเงินออมออกมาใช้ก่อนได้ ช่วยลดปัญหาเงินไม่พอใช้ซ่ึงเป็นสาเหตหุ น่ึงของปัญหาการเงนิ ได้ 3. ช่วยทาให้ความฝันเป็นความจริง เงินออมที่มีอาจนาไปเป็นเงินทุนเพื่อทากิจการของตนเอง เรียนเพ่ิมทักษะ คอมพิวเตอร์ ภาษา หรือปริญญาโท เป็นเงินดาวน์บ้านดาวนร์ ถ หรือเพ่ือสรา้ งครอบครวั เชน่ เพ่ือจัดงานแต่งงาน เพื่อการศึกษาบุตร เพื่อท่องเที่ยวกับครอบครวั 4. ช่วยสร้างโอกาสให้มีรายได้มากข้ึน เช่น นาเงินออมไปซ้ือหุ้น พันธบัตรกองทนุ รวม หรือนาไปลงทนุ ซ้อื ห้องแถวให้เชา่ ก็มโี อกาสทีจ่ ะทาให้เงนิ ทีม่ ีอยงู่ อกเงยมากข้นึ ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชวี ิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
95เปา้ หมายการออม การออมไม่ต่างจากการทาเร่ืองอื่นท่ีจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการจัดทาแผนการเงินแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันในการทาให้สาเร็จหรือไม่นาเงินออมไปใช้ในเร่ืองอ่ืนกอ่ นถึงเป้าหมาย เป้าหมายการออมสามารถตั้งได้หลายด้านและอาจมีหลาย ๆ เป้าหมายในเวลาเดียวกันได้ ซง่ึ เป้าหมายการออมที่สาคญั มีดงั นี้ 1. เงินออมเพ่ือใช้ในยามฉุกเฉิน เป็นเงินที่ออมไว้ใช้จ่ายหากเกิดเร่ืองไม่คาดคิด เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือรายได้ลดกะทันหัน ซ่ึงควรมีเงินออมก้อนน้ีอย่างน้อย6 เทา่ ของรายจา่ ยจาเปน็ ต่อเดือน เงินออมเผือ่ ฉกุ เฉนิ = รายจ่ายจาเป็นตอ่ เดอื น x 6 สาหรับผู้ที่ยังไม่เคยมีเงินออมเผ่ือฉุกเฉิน อาจเร่ิมตั้งเป้าหมายท่ี 3 เท่าของค่าใช้จ่ายจาเป็นต่อเดือนก่อน เพ่ือเป็นกาลังใจในการออม แล้วค่อย ๆ ออมเพิ่มไปให้ถึงจานวน 6 เท่าของรายจา่ ยจาเป็นต่อเดอื น และหากมเี หตุให้ต้องนาเงินออมเผ่ือฉุกเฉินออกไปใช้ควรหาเงินมาออมเพอื่ ให้เงนิ กอ้ นนีก้ ลบั มาอยใู่ นระดับเดมิ โดยเร็ว 2. เงินออมเพื่อใช้จ่ายในยามชรา เป็นเงินที่ออมไว้ใช้จ่ายในยามท่ีไม่มีรายได้แล้ว หลายคนคิดว่าเป็นเร่ืองไกลตัว แต่จานวนเงินท่ีต้องใช้จ่ายในยามชราน้ันค่อนข้างสูง จึงออมเงินไว้เพ่อื ใชจ้ า่ ยในยามชราตง้ั แต่ตอนท่ยี ังมรี ายรบั อยู่ จานวนเงนิ ทจี่ ะต้องใชใ้ นยามชรา สามารถประมาณการอยา่ งคร่าว ๆ ได้ดงั น้ีเงินทค่ี วรมี= คา่ ใช้จา่ ยตอ่ เดือนในยามชรา x 12 เดือน x จานวนปที ่คี าดว่าจะมีชีวติ หลังจากทไี่ มม่ ีรายได้ 3. เงินออมเพอ่ื คา่ ใช้จ่ายจาเปน็ ทเ่ี ป็นก้อนใหญ่ การวางแผนล่วงหน้าจะทาให้ทราบจานวนเงินท่ีต้องใช้จ่ายและวางแผนออมเงินได้ทันเวลา เช่น ค่าเทอมบุตร ค่าดาวน์บ้านค่าซ่อมบ้าน ซ่ึงการวางแผนออมแต่เนิ่น ๆ จะทาให้เรามีเวลาพอสมควรท่ีจะทยอยออมและทาให้ยอดออมต่อคร้ัง (เช่น ต่อเดือน) ไม่สูงเกินกาลัง ทาให้ออมเงินได้ง่ายขึ้น และไม่สร้างความรู้สึกกดดันจนเกินไป และเมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายน้ันก็จะไม่เป็นภาระและไม่ต้องกู้เงินเพ่อื ค่าใชจ้ า่ ยเหลา่ น้ัน ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวติ 3 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
96 ตวั อย่าง นาง ก ต้องจา่ ยคา่ เทอมของลกู จานวน 12,000 บาทในอีก 6 เดอื นข้างหน้า นาง ก ก็ควรออมเงินเดือนละ = จานวนเงินที่ต้องการใช้ ÷ ระยะเวลา = 12,000 ÷ 6 = 2,000 บาท ดังน้ัน นาง ก ควรออมเงินเดือนละ 2,000 บาทเพ่ือให้มีเงินจ่ายค่าเทอมลูกจานวน 12,000 บาทในอีก 6 เดอื นข้างหน้า เปรียบเทียบกับกรณีที่นาง ก มีเวลาเหลือเพียงแค่ 2 เดือน นาง ก จะต้องออมมากถงึ 6,000 บาทตอ่ เดือน 4. เงินออมเพ่ือการลงทุน เป็นออมเงินเพื่อนาไปลงทุนให้เงินงอกเงย ซ่ึงทาได้ต้ังแต่ลงทุนซ้ือห้องแถวหรือเคร่ืองมือต่าง ๆ เพื่อให้เช่า หรือลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซ่ึงการลงทุนบางประเภทอาจต้องใช้เงินก้อนในการลงทุน และการลงทุนมีความเสี่ยงต่าง ๆ เช่นการขาดทุน การได้ผลตอบแทนน้อยกว่าท่ีคาดหวัง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตดั สินใจลงทนุ 5. เงนิ ออมเพอื่ ของทอ่ี ยากได้ เป็นการออมเพ่ือนาเงนิ ไปใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการเชน่ ทอ่ งเที่ยว ซื้อเครื่องเสียง เครื่องประดับสวย ๆ ซึ่งส่วนมากมักเป็นรายจ่ายไม่จาเป็น ดังนั้นจึงควรออมเงินก่อนซื้อและไม่ควรก่อหนี้เพื่อซื้อของเหล่านี้ แต่ควรจะต้องต้ังเป้าหมายการออมเพื่อซ้ือของเหลา่ นี้ให้ชัดเจน และหากออมเงนิ ไม่ครบ กไ็ ม่ควรซ้ือ 6. เงินออมเพ่ือปลดหนี้ เป็นการออมเพ่ือนาเงินท่ีได้ไปจ่ายหนี้เพิ่ม เพื่อลดจานวนเงินต้นและดอกเบีย้ และทาให้จา่ ยหน้ีหมดได้เรว็ ขึน้ นอกจากน้ี เราควรออมเงินอยา่ งนอ้ ย 1 ใน 4 ของรายได้หรอื 25% ของรายได้เม่ือมรี ายรับ ก็ควรออมทนั ทีโดยแบ่งไปตามเป้าหมายทีต่ งั้ ไว้ว่าเป็นเงินออมเพ่ืออะไร แต่สาหรับผู้ท่ีเร่ิมต้นออมที่รู้สึกกดดันกับการออมเงิน 25% ของรายได้ อาจเริ่มออมที่ 10% ของรายได้ก่อน แลว้ ค่อย ๆ ออมเพมิ่ ขน้ึ และควรออมอยา่ งสมา่ เสมอหลกั การออมให้สาเร็จ การออมสามารถทาได้หลายวิธี ผู้ออมอาจเลือกใช้วิธีการออมท่ีตนเองถนัดและเหมาะสมกับรายรับ-รายจา่ ยของตนเอง แตท่ ั้งนี้ ควรมหี ลกั การออมดังนี้ 1. ออมกอ่ นใช้ เม่ือได้รับเงินมา ควรแบ่งเงินไปออมไว้ทันที เพราะหากใช้ก่อนออม สดุ ทา้ ยอาจไมเ่ หลือเงินออมตามทตี่ งั้ ใจไว้ ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
97 2. แบ่งเงินเป็นส่วน ๆ ตามเป้าหมายที่ต้องการใช้ เช่น เงินออมเผ่ือฉุกเฉินเงินออมเพื่อใช้จ่ายในยามชรา เงินออมเพ่ือซ้ือของที่อยากได้ และใช้เงินตามวัตถุประสงค์น้ัน ๆไม่ปะปนกัน ทั้งนี้ ควรเปิดบัญชีสาหรับออมเงินโดยเฉพาะ เพ่ือแยกเงินที่ต้องการออมและเงินสาหรับใช้จ่ายออกจากกัน และอาจเพ่ิมความยากในการถอนเงิน เช่น ไม่ทาบัตรเดบิต หรือฝากเงินไว้ในบัญชีที่จากัดจานวนครั้งในการถอน (ถ้าถอนเกินจานวนคร้ังท่ีกาหนดจะถูกปรับ)ยกเวน้ บญั ชีเงินออมเผ่ือฉุกเฉินทจ่ี ะตอ้ งถอนง่าย 3. มีวินัยในการออม โดยใช้เทคนิคการออมที่สนุกสนาน ทาได้ง่าย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมให้ได้ตามทตี่ ั้งใจไว้ เช่น หยอดกระปุกกอ่ นออกจากบ้านวันละ 10 บาท ผกู การออมกับพฤตกิ รรมทช่ี อบทา เชน่ เลน่ เกมช่วั โมงละ 10 บาท ไดแ้ บงก์ 50 มาเม่ือไหร่ กเ็ ก็บไว้ไปหยอดกระปุก ไมน่ ามาใช้ ไมช่ อบพกเหรยี ญเพราะมันหนัก พอได้เหรียญทอนมาก็หยอดกระปุกให้ หมด ซื้อของไม่จาเป็นไปเท่าไหร่ ก็ให้นาเงินมาออมเท่าน้ัน เช่น ถ้าซื้อของ ไม่จาเปน็ 1,000 บาท ก็ต้องออมเงนิ ใหไ้ ด้ 1,000 บาท ออมให้พอ ท่ีเหลือใช้ให้เรียบ คือ การต้ังเป้าหมายว่าจะออมเดือนละ เท่าไหร่ แล้วนาไปออมหรือลงทุนเท่าท่ีวางแผนไว้ เงินที่เหลือก็ใช้ได้ ตามสบาย ตง้ั คาสัง่ หักเงนิ เดอื นอัตโนมตั ิไปฝากเข้าบัญชีเงนิ ออมหรอื ซือ้ หนุ้ สหกรณ์ความรเู้ บอ้ื งต้นเก่ียวกบั กองทุนการออมแหง่ ชาติ (กอช.) และกองทุนสารองเลย้ี งชพี ระบบการออมเพ่ือการเกษียณในประเทศไทยมีหลายรูปแบบ โดยมีตัวอย่างดงั ตอ่ ไปน้ี 1. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นกองทุนสาหรับประชาชนที่มีอายุตงั้ แต่ 15 – 60 ปี ซงึ่ ไมอ่ ยใู่ นระบบบาเหน็จบานาญภาครัฐหรอื เอกชนหรอื กองทุนตามกฎหมายอื่นท่ีไดร้ ับเงินสมทบจากรัฐหรอื นายจ้าง ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงนิ
98 หลักการออมเงินของ กอช. หลักการออมแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินท่ีสมาชิกออม และเงินที่รัฐจ่ายสมทบซึ่งสมาชิกทกุ คนไมจ่ าเปน็ ตอ้ งส่งเงินสะสมเข้ากองทุนทุกเดือน ในกรณีที่ส่งเงินสะสมต้องไม่ต่ากว่าคร้ังละ 50 บาท สงู สดุ ไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรฐั จะจ่ายสมทบให้ตามช่วงอายุ ดงั นี้ชว่ งอายุ 15 – 30 ปี 30 – 50 ปี 50 – 60 ปีจานวนเงนิ 50% ของเงนิ สะสม 80% ของเงินสะสม 100% ของเงินสะสมท่จี ่ายสมทบ (ไมเ่ กิน 600 บาทตอ่ ปี) (ไมเ่ กนิ 960 บาทต่อปี) (ไมเ่ กิน 1,200 บาทต่อป)ี ท้งั นหี้ ากเดือนใดสมาชกิ ไม่ส่งเงนิ เขา้ กองทนุ รฐั ก็จะไม่จา่ ยสมทบให้เชน่ กนั การไดร้ ับเงนิ คืนของ สมาชกิ กอช. 1) กรณีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (รวมท้ังสมาชิกท่ีมีอายุตั้งแต่ 50 ปีข้ึนไป เมื่อครบระยะเวลา 10 ปี หรือลาออกเม่ืออายุครบ 60 ปี) หากคานวณเงินบานาญได้ตามเกณฑ์ท่ีกาหนด จะได้รับเงินบานาญตลอดชีวิต หากได้น้อยกว่าเกณฑ์จะได้รับเป็นเงนิ ดารงชพี เดือนละ 600 บาทจนกว่าเงินในบญั ชีจะหมด 2) กรณที พุ พลภาพก่อนอายคุ รบ 60 ปี สามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินท่ีสมาชิกสะสมเองพร้อมดอกผลท้ังจานวนหรือบางส่วน โดยขอรับได้เพียงคร้ังเดียว และเงินส่วนที่รัฐจ่ายสมทบพร้อมดอกผลจะจ่ายเป็นเงินบานาญหลังอายุครบ 60 ปี หากยังมีเงินสะสมเหลอื อยใู่ นกองทุน ก็จะนามาคานวณการจ่ายบานาญด้วย 3) กรณีลาออกจากกองทุน จะได้รับเงินท่ีสมาชิกส่งสะสมเองพร้อมดอกผลท้ังจานวน แต่เงนิ ส่วนทีร่ ฐั สมทบจะตกเปน็ ของกองทุน 4) กรณีเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ท่ีสมาชิกแจ้งชื่อไว้จะได้รับเงินในบญั ชที ั้งหมด 2. กองทุนสารองเลี้ยงชีพ (provident fund) คือกองทุนที่ลูกจ้างและนายจ้างจดั ต้งั ขึน้ ด้วยความสมคั รใจ โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ส่งเสริมการออมเงินแบบผูกพันระยะยาวสาหรับลูกจ้าง เพื่อไว้ใช้จ่ายเมื่อยามเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือต้องออกจากงาน ซึ่งเงินท่ีนาเข้ากองทุนประกอบดว้ ย 2 สว่ นหลกั ได้แก่ 1) เงินที่ลูกจ้างจ่ายเข้ากองทุน เรียกว่า \"เงินสะสม\" ซึ่งกฎหมายกาหนดใหส้ ะสมไม่ตา่ กวา่ 2% แตไ่ ม่เกนิ 15% ของค่าจ้าง ชุดวิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
99 2) เงินท่ีนายจ้างจ่ายเพิ่มให้ เรียกว่า \"เงินสมทบ\" ซึ่งกฎหมายกาหนดให้สมทบไม่ต่ากว่าเงินสะสมของลูกจ้าง ประโยชน์กองทุนสารองเล้ยี งชีพสาหรับลกู จา้ ง สาหรบั นายจ้างก่อนเกษียณ สร้างแรงจูงใจในการทางาน ใหแ้ ก่ลกู จา้ ง เงินสะสมท่ีจ่ายเข้ากองทุนสามารถ นาไปลดหย่อนภาษีเงินได้ ไม่เกิน เงินสมทบที่นายจ้างจ่ายเข้า 500,000 บาท และต้องไม่เกิน 15% กองทุนแต่ไม่เกิน 15% ของ ของค่าจ้าง ค่าจ้าง สามารถนามาหักเป็น ค่าใช้จ่ายในการคานวณกาไรหลงั เกษยี ณ สทุ ธิเพื่อเสียภาษีได้ ได้รับเงินกองทุน (ประกอบด้วยเงิน สะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ จาก ก ารล งทุน ) ไ ว้ใ ช้จ่า ยยา ม เกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือออก จากงาน ซง่ึ ได้รบั ยกเวน้ ภาษีกจิ กรรมท้ายเร่อื งที่ 5 การออม (ใหผ้ ู้เรียนไปทากจิ กรรมท้ายเรื่องที่ 5 ที่สมดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรู้) ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 การวางแผนการเงนิ
100 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เช่ือสาระสาคัญในยุคปัจจุบันผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีความหลากหลายและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จึงทาให้การเป็นหน้ีเป็นเร่ืองที่พบเห็นได้โดยท่ัวไป แม้การก่อหน้ีจะมีประโยชน์ เพราะเป็นตัวช่วยของหลาย ๆ คนในยามฉุกเฉิน หรือทาให้ได้ส่ิงที่ต้องการง่ายข้ึน แต่หากเป็นหน้ีโดยขาดความระมัดระวังและการไตร่ตรองที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาข้ึนได้ ดังน้ัน เม่ือเจอสถานการณ์ท่ีคิดว่าการก่อหนน้ี า่ จะเปน็ ทางออก กค็ วรคิดให้รอบคอบถึงความจาเป็นและความสามารถในการชาระหนี้นอกจากน้ี หนท้ี ีจ่ ะเกิดข้นึ นัน้ ควรเป็นหนที้ ด่ี ี คอื เปน็ หน้ที ่ีช่วยสรา้ งรายได้ สรา้ งอนาคตเมือ่ พรอ้ มทจ่ี ะกอ่ หนแี้ ล้ว กค็ วรมีความรคู้ วามเข้าใจในเร่ืองสินเชอ่ื เพ่ือให้สามารถเลือกสินเช่ือได้ตรงตามความต้องการ และมีวินัยทางการเงินเม่ือได้รับสินเชื่อ เพื่อให้จ่ายคืนได้ตรงเวลาเต็มจานวน และมปี ระวตั เิ ครดิตดี แต่หากลูกหนเี้ กดิ ปัญหาไมส่ ามารถชาระหน้ไี ด้เพราะภาระหน้ีที่มากเกินกว่าจะจ่ายได้ หรือเกิดเหตุสุดวิสัย ก็ควรรีบหาทางแก้ไขซึ่งมีหลายวิธี เช่น แก้ไขด้วยตนเอง เจรจากับเจ้าหนี้ หรือขอคาปรกึ ษาจากหน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้องตัวชีว้ ัด 1. บอกลักษณะทส่ี าคญั ของสินเชอื่ ประเภทตา่ ง ๆ 2. บอกประเภทและวิธคี านวณดอกเบ้ียเงินกู้ 3. บอกความหมาย บทบาทหนา้ ที่ และข้อมลู ต่าง ๆ ทส่ี าคญั เกี่ยวกับเครดิตบโู ร 4. บอกวธิ ีการปอ้ งกนั ปญั หาหน้ี 5. บอกวธิ แี ก้ไขปญั หาหน้ี 6. บอกช่องทางในการให้คาปรกึ ษาวธิ แี กไ้ ขปญั หาหนี้ขอบขา่ ยเนื้อหา เรือ่ งที่ 1 การประเมนิ ความเหมาะสมกอ่ นตัดสินใจก่อหน้ี เรือ่ งที่ 2 ลักษณะของสินเชอ่ื รายยอ่ ยและการคานวณดอกเบยี้ เรื่องท่ี 3 เครดิตบูโร เรื่องที่ 4 วิธีการป้องกันปัญหาหน้ี เร่ืองที่ 5 วิธกี ารแกไ้ ขปญั หาหนี้ เรื่องที่ 6 หนว่ ยงานทใ่ี หค้ าปรกึ ษาวธิ ีการแก้ไขปญั หาหน้ีเวลาทใ่ี ช้ในการศกึ ษา 36 ชว่ั โมง ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชื่อ
101สอื่ ประกอบการเรียนรู้1. ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 32. หนังสอื รูร้ อบเรอื่ งการเงนิ ของศนู ย์คุ้มครองผูใ้ ช้บริการทางการเงนิตอน เปน็ หนีอ้ ย่างเป็นสขุ3. เว็บไซต์ www.1213.or.th เฟซบกุ๊ www.facebook.com/hotline1213ชุดวชิ าการเงนิ เพ่อื ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเชือ่
102เร่ืองท่ี 1 การประเมนิ ความเหมาะสมก่อนตัดสนิ ใจกอ่ หนี้ หากทุกคนสามารถเลือกได้ คงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่หลายคนก็เล่ียงไม่ได้เพราะความจาเป็นในการดารงชีวิต หรือบางคนเป็นหนี้เพราะตกหลุมพรางสิ่งล่อตาล่อใจภายนอก แต่จะทาอย่างไรให้การเป็นหนี้ไม่กลายเป็นปัญหาในภายหลัง ดังน้ัน ก่อนตัดสินใจก่อหน้ีควรทาความรู้จักกับหน้ี ซึ่งสามารถแบ่งประเภทตามประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการเป็นหน้ีดังนี้ 1. หน้ีดี คือ หน้ีท่ีช่วยสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในอนาคต เช่น หนี้เพื่อการศึกษา หนี้เพ่อื การประกอบอาชพี หนี้เพอ่ื ที่อยู่อาศยั 2. หนี้พึงระวัง คือ หน้ีที่เกิดจากการนาเงินไปซื้อของท่ีไม่จาเป็นหรือของฟุ่มเฟือยและไม่สร้างรายได้ในอนาคต เช่น หนี้ท่ีเกิดจากการซ้ือของใช้ราคาแพงเกินฐานะ หนี้ท่ีเกิดจากการพนนั ไม่ว่าจะเป็นหน้ีประเภทใดต้องคานึงไว้เสมอว่า หนี้ไม่ใช่ของฟรี แต่เป็นสิ่งที่มีราคาท่ีต้องจ่ายในรูปของดอกเบ้ีย ดังน้ัน ก่อนท่ีจะตัดสินใจเป็นหน้ี ต้องถามตัวเองอย่างน้อย2 คาถามก่อนวา่ 1. หนท้ี ี่จะก่อ “จาเปน็ หรอื ไม่” ส่งิ ที่จาเปน็ คือ สงิ่ ท่ีต้องใช้ในการดารงชีวิต เช่น ปัจจัยส่ี (อาหาร เคร่ืองนุ่งห่มยารกั ษาโรค ท่อี ยู่อาศัย) ส่ิงที่ไม่จาเป็น คือ สิ่งที่หากไม่มีก็ยังสามารถดารงชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือมีส่งิ อื่นทดแทนกันได้ เชน่ ตอ้ งการมโี ทรศัพทม์ ือถือรุ่นใหม่ลา่ สดุ ทง้ั ทีเ่ คร่ืองเดิมยงั ใช้ได้อยู่ 2. หน้ีท่ีจะก่อ “รอได้หรือไม่” หมายถึง หากพิจารณาแล้วว่ามีความจาเป็นกค็ วรดวู ่าส่ิงทตี่ ้องการจะซื้อน้ันสามารถรอได้หรือไม่ หากยังไม่มีความจาเป็นที่จะต้องซ้ือตอนน้ีก็ควรวางแผนเก็บเงินจนครบก่อน แต่หากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเห็นว่าจาเป็นต้องซ้ือของส่ิงนั้นทันที ก็อาจนาเงินออมเผ่ือฉุกเฉินออกมาใช้แล้วรีบเก็บเงินเติมเข้าไปใหม่ และหากเงินออมเผ่ือฉกุ เฉินไมเ่ พยี งพอ จงึ คอ่ ยไปก้ยู มื นอกจากน้ี จะต้องประเมินความสามารถในการชาระหนี้ที่กาลังจะเกิดข้ึนด้วยกล่าวคือ ภาระหน้ีต่อเดือนที่ต้องจ่าย (หนี้เดิมท่ีมีอยู่แล้วรวมกับหน้ีท่ีกาลังจะเกิดขึ้น)ไม่ควรเกนิ 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ต่อเดือนชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เชอ่ื
103 ตัวอย่าง ดวงใจทางานมีรายได้เดือนละ 21,000 บาท เมื่อแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วนเงนิ เดือน 1 ใน 3 คอื 7,000 บาท ดังนั้น ถ้าดวงใจจะก่อหน้ี ภาระหน้ีท่ีจะต้องจ่ายในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน7,000 บาท เพ่ือให้สามารถชาระหน้ีได้โดยไม่กระทบกับการใช้จ่ายในชีวิตประจาวัน และทาให้สุขภาพจิตของตนเองดี ไมต่ อ้ งเครียดว่าจะมเี งนิ พอใชต้ ลอดท้งั เดอื นหรือไม่ นอกจากนี้ หากเรามหี น้ีมากในขณะท่ภี าระคา่ ใช้จ่ายในชีวิตประจาวันก็มีมากอยู่แล้ว อาจทาให้เรามีปัญหาการเงินและตอ้ งไปก่อหน้เี พม่ิ ขึน้ อีก ชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเชือ่
104เร่อื งท่ี 2 ลักษณะของสนิ เชือ่ รายย่อยและการคานวณดอกเบ้ยี เม่ือไตร่ตรองอย่างถ่ีถ้วนแล้วว่าจาเป็นต้องขอกู้ยืม ในลาดับต่อมาผู้ขอสินเช่ือควรพิจารณาว่าจะเลือกกู้ยืมจากแหล่งใด โดยควรเลือกกู้ยืมจากผู้ให้บริการในระบบเพราะมีหน่วยงานของทางการกากับดูแล ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อในระบบหลายประเภท ทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เช่น บริษัทผู้ประกอบธุรกิจสินเช่ือส่วนบุคคลภายใต้การกากับ(สินเช่ือส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกัน) นอกจากเลือกการกู้ยืมกับผู้ให้บริการในระบบแล้ว ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือภาคธุรกิจก็ต้องเลือกประเภทสินเชื่อท่ีตรงกับความต้องการทีจ่ ะใชด้ ว้ ย เช่น อปุ โภคบริโภค ประกอบอาชพี จากความแตกต่างของทั้งประเภทของผู้ใช้บริการ และวัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อ สินเช่ือจึงถูกออกแบบให้มีความหลากหลายท้ังในเร่ืองของการกาหนดคุณสมบัติของผู้ขอสินเช่ือ ระยะเวลา ตลอดจนอัตราดอกเบี้ย เพ่ือให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ขอสนิ เชือ่ และรองรบั ความเสย่ี งของสถาบันการเงินในกรณที ีล่ ูกหน้ไี มส่ ามารถชาระหนี้ได้ ตัวอย่าง สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเช่ือ มีระยะเวลาในการผ่อนสัน้ กวา่ และมีอตั ราดอกเบ้ยี สงู กวา่ สินเชื่อเพ่ือท่ีอยู่อาศัย เพราะมีความเสี่ยงที่ธนาคารหรือบริษัทที่ให้สินเชื่อจะไม่ได้เงินคืนเลยหากลูกหนี้ไม่ชาระหน้ีตามที่ตกลงไว้ เน่ืองจากลูกหนี้ไม่มีหลักประกันใด ๆ ท่ีเจ้าหน้ีจะนาไปขายเพื่อนาเงินมาชดเชยในกรณีท่ีลูกหน้ีไม่จ่ายได้ในขณะท่ีสินเช่ือเพื่อที่อยู่อาศัยมีหลักประกัน เช่น ท่ีดินและสิ่งปลูกสร้าง อัตราดอกเบี้ยจึงตา่ กวา่ และดว้ ยจานวนเงินกู้ทีม่ ากกวา่ จงึ ออกแบบให้ผอ่ นนานกวา่ ในบทเรียนน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะสินเชื่อรายย่อย เน่ืองจากเป็นสินเช่ือท่ีเก่ียวข้องในการดารงชีวิตของประชาชน สินเช่ือรายย่อย เป็นสินเช่ือท่ีสถาบันการเงินให้แก่บุคคลธรรมดา เพ่ือนาไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่คือนาไปใช้จ่ายซ้ือสินค้าและบริการท่ีไม่ได้นาไปใช้ประกอบธุรกิจ ในท่ีน้ีจะขอกล่าวถึงตัวอย่างสินเช่ือรายย่อยและผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการไดร้ ับสนิ คา้ และบรกิ ารก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายเงนิ ทง้ั ก้อนในทันที ดังนี้ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชวี ิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สินเชื่อ
1051. สินเช่ือเพ่ือท่ีอยู่อาศัย เป็นสินเชื่อท่ีสถาบันการเงินให้ บุคคลธรรมดากู้ยืม เพื่อนาเงินไปใช้ในการจัดหาท่ีอยู่ อาศัย เช่น ซ้ือที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัย ซ้ือท่ีดินพร้อมสิ่ง ปลูกสร้าง ซื้อห้องชุด หรือเพ่ือปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม ทีอ่ ยอู่ าศยัลกั ษณะของสนิ เช่ือเพื่อทอ่ี ยอู่ าศัย 1) วงเงิน โดยท่ัวไปสถาบันการเงินจะให้สินเชื่อประมาณ 80% ของมูลค่าหลักประกัน (เชน่ ทดี่ นิ พรอ้ มสิง่ ปลกู สรา้ ง ห้องชุด) 2) อัตราดอกเบี้ย สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกาหนดอัตราดอกเบ้ียแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญม่ กั จะใช้อตั ราดอกเบ้ยี คงที่ และอัตราดอกเบยี้ แบบลอยตัว อัตราดอกเบี้ยคงท่ี (fixed rate) คือ อัตราดอกเบ้ียที่กาหนดไว้เป็นตัวเลขคงที่ในช่วงเวลาที่กาหนด เช่น ดอกเบี้ยคงท่ี 5% ต่อปีเป็นระยะเวลา 3 ปี ดอกเบี้ยคงท่ี 5%ต่อปีตลอดอายสุ ัญญา อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (floating rate) คือ อัตราดอกเบ้ียที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทนุ ของสถาบันการเงิน อตั ราดอกเบี้ยลอยตัวที่เห็นได้บ่อย คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารพาณิชย์ - MLR (minimum loan rate) สาหรับลูกค้าสินเช่ือรายใหญ่ช้ันดี ใช้กับเงนิ กูร้ ะยะยาว ท่มี ีกาหนดระยะเวลาไวแ้ น่นอน เช่น สินเชอื่ เพื่อการประกอบธรุ กิจ - MOR (minimum overdraft rate) สาหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ใช้กับวงเงนิ เบิกเกนิ บัญชี - MRR (minimum retail rate) สาหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อสว่ นบคุ คล สินเชอื่ เพอ่ื ทอ่ี ยู่อาศัย สถาบันการเงินอาจให้อัตราดอกเบี้ยแก่ผู้ขอสินเช่ือแต่ละรายแตกต่างกันได้โดยอาจสูงหรือต่ากว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ข้ึนอยู่กับความเส่ียงของผู้ขอสินเช่ือแต่ละราย การกาหนดอัตราดอกเบ้ียสาหรับสินเชื่อเพ่ือที่อยู่อาศัยอาจผสมกันระหว่างอัตราดอกเบีย้ คงทีแ่ ละอตั ราดอกเบยี้ ลอยตวั กไ็ ด้ เชน่ - ปที ่ี 1 - 3 คิดอัตราดอกเบีย้ แบบคงที่ 2.5% ต่อปี - ปีที่ 4 เป็นต้นไป คิดอตั ราดอกเบีย้ แบบลอยตัว MRR – 1% ต่อปี ท้ังน้ี ผู้ขอสินเชื่อสามารถดูประกาศอัตราดอกเบ้ียอ้างอิงได้ ซ่ึงจะติดประกาศไว้ ณ ทท่ี าการ หรอื ในเว็บไซต์ของสถาบันการเงิน ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เช่อื
106 ตัวอย่าง ธนาคาร A ประกาศอัตราดอกเบ้ียอ้างอิง โดย MLR เท่ากับ 4% MOR เท่ากับ5% และ MRR เท่ากับ 6% เมอ่ื ตอ้ งการขอสินเชื่อทีอ่ ยู่อาศยั กับธนาคาร A - หากธนาคาร A แจ้งว่า คิดอัตราดอกเบ้ีย MRR + 1% หมายความว่าธนาคาร A จะคิดอตั ราดอกเบย้ี เท่ากบั 7% ตอ่ ปี (6% + 1%) - หากธนาคาร A แจ้งว่า คิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 1% หมายความว่าธนาคาร A จะคิดอตั ราดอกเบี้ยเทา่ กบั 5% ตอ่ ปี (6% - 1%) 3) วิธีการคิดดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate) ซึ่งเป็นการคิดดอกเบี้ยจากฐานเงินต้นที่ลดลง กล่าวคือ เมื่อเงินต้นลดดอกเบี้ยก็จะลดลงด้วย ถ้าผู้ให้สนิ เช่อื กาหนดใหต้ อ้ งผอ่ นงวดละเทา่ ๆ กัน จะต้องคดิ ดอกเบีย้ ทต่ี ้องจ่ายงวดนั้นก่อน จากน้ันจึงนาค่างวดที่ผ่อนชาระหักด้วยดอกเบ้ียท่ีต้องจ่าย ก็จะได้จานวนเงินต้น แล้วนามาหักออกจากเงินต้นท่ียังมีอยู่ทั้งหมด ก็จะได้เงินต้นคงเหลือเพ่ือนาไปใช้คานวณดอกเบี้ยในงวดถัดไป โดยคานวณตามขัน้ ตอนท่ี 1 - 3 ดงั น้ี ขั้นท่ี 1 คานวณดอกเบี้ยทีต่ ้องจา่ ยในงวดน้ัน โดยมสี ูตรคานวณ ดังนี้ * จานวนวันใน 1 ปี สถาบันการเงินอาจใช้ 360 วัน หรือ 365 วัน หรือ 366 วันก็ได้แต่ไม่ว่าจะกาหนดจานวนวันเป็นเท่าใดก็ตาม สถาบันการเงินจะต้องใช้จานวนวันเดียวกันสาหรับการคานวณท้งั ดอกเบ้ียจา่ ย เชน่ เงินฝาก และดอกเบี้ยรับ เช่น สินเชือ่ ขั้นที่ 2 คานวณเงินต้นที่ลดลงในงวดน้ัน ข้ันตอนนี้ให้นาเงินค่างวดท่ีต้องจ่ายในงวดนัน้ หกั ออกด้วยดอกเบย้ี จ่ายที่คานวณได้จากในขน้ั ท่ี 1 ยอดท่ไี ดก้ ็คือ เงินต้นท่ีได้จ่ายไปในงวดน้นั ชุดวชิ าการเงนิ เพื่อชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชอ่ื
107 ขนั้ ท่ี 3 คานวณเงนิ ต้นคงเหลอื ขั้นตอนนเ้ี พ่อื หาเงินต้นคงเหลอื เพอ่ื ใช้ในการคานวณดอกเบี้ยท่ตี ้องจ่ายในงวดถดั ไป ทั้งนี้ หากเป็นการผ่อนชาระด้วยจานวนเงินต้นเท่ากันทุกเดือน หรือมีการกาหนดจานวนเงินตน้ ทต่ี อ้ งจ่ายไว้แนน่ อน ก็สามารถใช้สูตรในข้ันที่ 1 คานวณหาดอกเบี้ยท่ีต้องจา่ ยไดเ้ ชน่ กัน ตวั อย่าง การคานวณดอกเบ้ยี แบบลดต้นลดดอกยอดชายกเู้ งนิ จากธนาคารจานวน 40,000 บาท ธนาคารกาหนดระยะเวลาผ่อนชาระ 12 เดือนอตั ราดอกเบ้ีย 7.5% ต่อปี และคิดดอกเบ้ียแบบลดต้นลดดอก โดยธนาคารให้ผ่อนชาระงวดละ3,400 บาท ยกเว้นเดือนสุดท้ายให้ผ่อนชาระ 4,267 บาท ยอดชายจะต้องจ่ายดอกเบ้ียเป็นเงินเทา่ ไหร่ข้างต้นเป็นการคานวณสาหรับงวดท่ี 1 ซึ่งจะต้องคานวณสาหรับงวดต่อ ๆ ไปตามข้ันตอนขา้ งต้น (ขนั้ ท่ี 1 - 3) จนครบทกุ งวด กจ็ ะได้ผลลพั ธ์ตามตารางดา้ นล่าง ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 สินเชื่อ
108 จานวนผอ่ น ชาระดอกเบีย้ ชาระเงนิ ตน้ เงนิ ตน้ คงเหลอืงวด ชาระต่องวด (2) (1) - (2) 40,000 (1) - - 36,855 0- 255 3,145 33,667 1 3,400 212 3,188 30,481 2 3,400 214 3,186 27,269 3 3,400 188 3,212 24,043 4 3,400 174 3,226 20,791 5 3,400 148 3,252 17,523 6 3,400 132 3,268 14,235 7 3,400 112 3,288 10,923 8 3,400 88 3,312 7,593 9 3,400 70 3,330 4,24010 3,400 47 3,35311 3,400 27 4,240 012 4,267 1,667 40,000รวม จากการคานวณข้างต้น จะเห็นวา่ ดอกเบี้ยจะทยอยลดลงตามเงินต้นที่ลดลง โดยนายยอดชายจะต้องจา่ ยดอกเบ้ียท้ังหมด 1,667 บาท 4) การผ่อนชาระ ใหร้ ะยะเวลาผ่อนนานแต่ไม่เกนิ 30 ปีข้อควรรู้ 1) เงินผ่อนชาระท่ีจ่ายไปน้ัน จะนาไปหักดอกเบ้ียก่อน ที่เหลือจึงจะนาไปหักเงินต้น 2) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลอยตัว หากช่วงใดอัตราดอกเบ้ียปรับตัวสูงข้ึน จานวนเงินที่จ่ายในงวดนั้น ๆ อาจถูกนาไปหักเป็นดอกเบี้ยมากขึ้นและเหลือไปตัดเงนิ ตน้ นอ้ ยลง 3) หากค้างชาระหรือชาระค่างวดล่าช้า อาจถูกคิดดอกเบ้ียในอัตราดอกเบ้ียผิดนัดชาระหนี้ท่ีสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติ ซ่ึงจะทาให้ต้องจ่ายดอกเบ้ียเป็นจานวนมาก เพราะธนาคารจะคิดดอกเบ้ียจากยอดเงินต้นคงค้างทั้งหมด ซึ่งหากลูกหน้ียังคงชาระด้วยจานวนเงิน ชุดวชิ าการเงินเพื่อชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 สินเชื่อ
109เท่าเดิมในงวดถดั ไป เงนิ ทีล่ กู หนชี้ าระเข้าไป จะไมค่ รอบคลมุ ยอดเงนิ ทต่ี อ้ งจ่ายท้ังหมด ส่งผลให้เงนิ ตน้ ไมล่ ด หรือลดนอ้ ยมาก การตัดสินใจที่จะมีบ้านสักหลัง เป็นการตัดสินใจครั้งสาคัญและเป็นเร่ืองใหญ่ในชีวิต จึงจาเป็นท่ีจะต้องคิดอย่างรอบคอบ ซ่ึงสิ่งที่ควรคานึงถึงก่อนตัดสินใจซ้ือบ้านมีมากมายเช่น ทาเลที่ตง้ั จานวนสมาชิกในครอบครัว ความสะดวกในการเดินทาง ราคา และความน่าเชื่อถือของโครงการ แต่สิ่งที่สาคัญท่ีสุดในกรณีซ้ือบ้านด้วยการขอสินเช่ือ ก็คือความสามารถในการผ่อนชาระหนี้ เพราะหากซื้อบ้านท่ีถูกใจแต่เกินกาลังที่จะผ่อนชาระ สุดท้ายก็อาจทาให้เกิดปญั หาได้ ดงั นั้น กอ่ นตัดสนิ ใจซื้อบา้ นควรต้องสารวจความพรอ้ มของตัวเอง ดงั นี้ - เลือกบ้านที่ไม่เกินกับความสามารถในการผ่อนชาระหนี้ และมั่นใจว่าจะสามารถผ่อนไดต้ ลอดรอดฝงั่ - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชาระ ค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง เพ่อื เลอื กธนาคารท่ใี หเ้ ง่ือนไขท่ีรบั ได้ - ควรมีเงินอย่างน้อย 20% ของราคาท่ีอยู่อาศัยเพื่อเป็นเงินดาวน์ (เงินดาวน์คือ เงินส่วนหนึ่งท่ีผู้จะซ้ือบ้านจ่ายให้โครงการที่อยู่อาศัย ก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่เพ่ือชาระค่าบ้านทั้งหมด ซ่ึงโครงการที่อยู่อาศัยอาจให้ชาระเป็นก้อนเดียว หรือทยอยผ่อนชาระเป็นรายงวด โดยมักกาหนดไว้ประมาณ 15 - 20% ของราคาทอี่ ยอู่ าศัย) - เตรียมเอกสารเพอื่ ทาเรื่องขอกใู้ ห้พร้อม - ตั้งเป้าหมายเก็บเงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดข้ึนในอนาคต (นอกจากเงนิ ดาวน์และคา่ ผอ่ นบา้ น) เช่น 1) ค่าประเมินหลักประกัน เป็นค่าใช้จ่ายสาหรับการประเมินว่าบ้านหรือหลักประกนั มมี ลู คา่ เทา่ ไร ซึ่งธนาคารจะใชเ้ ปน็ ตัวกาหนดวงเงินกใู้ หแ้ กผ่ ู้ขอสนิ เช่ือ 2) ค่าจดจานองและค่าอากรแสตมป์ ซึ่งต้องจ่ายให้แก่ส่วนราชการหรือสานกั งานที่ดิน 3) ค่าประกันภัย เพ่ือเป็นการป้องกันความเส่ียงให้กับผู้ขอสินเช่ือ เช่นการทาประกันอัคคีภัย ซึ่งหากเกิดความเสียหายกับที่อยู่อาศัยก็ยังมีเงินก้อนหนึ่งจากการประกันภยั มาจ่ายคา่ บ้าน ช่วยลดภาระแกผ่ ู้ขอสนิ เชอื่ (ศกึ ษารายละเอียดเรอื่ งประกันภัย ได้จากหน่วยการเรียนรู้ที่ 1) อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่สามารถบังคับให้ผู้ขอสินเชื่อทาประกันภัยกับบรษิ ัทใดบริษัทหน่ึงโดยเฉพาะ เพราะผูข้ อสนิ เชอื่ มีสทิ ธิท่จี ะเลือกทาประกนั ภยั ได้อย่างอิสระ ชุดวชิ าการเงนิ เพือ่ ชวี ติ 3 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเช่อื
110 4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เก่ียวกับบ้าน เช่น ค่าตกแต่ง ค่าปั๊มน้า ค่าน้า ค่าไฟและคา่ สว่ นกลาง (ถ้าอยใู่ นหม่บู า้ นจดั สรรหรือคอนโดมเิ นียม)2. การเช่าซ้อื เช่าซื้อ (Hire Purchase) มีลักษณะคล้ายการให้สินเช่ือ โดยผู้เช่าซื้อทาสัญญากับผ้ใู ห้เชา่ ซือ้ วา่ จะชาระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจานวนเงนิ และระยะเวลาที่กาหนด ซ่ึงระหว่างน้ันผู้เช่าซ้ือสามารถนาทรัพย์สินท่ีเช่าซ้ือมาใช้งานได้ก่อน โดยท่ีกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินยังเป็นของผู้ให้เช่าซ้ือจนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินน้ันมาเป็นของผ้เู ชา่ ซือ้ เช่น การเช่าซอ้ื รถยนต์หรอื รถจักรยานยนต์ ลีสซิ่ง (Leasing) มีลักษณะคล้ายกับสัญญาเช่าซื้อ คือ จะต้องชาระเงินค่าเช่าเป็นงวด ๆ ตามจานวนเงินและเวลาท่ีกาหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าสามารถเลอื กไดว้ ่าจะซือ้ ต่อสญั ญาเชา่ หรอื ส่งคนื ทรพั ย์ใหก้ ับผู้ให้เช่า ส่วนมากผู้ที่ทาสัญญาลกั ษณะน้ี มกั เป็นบริษทั หรือนติ ิบุคลทต่ี อ้ งการเช่าทรัพย์สนิ ทีม่ รี าคาแพงหรือเช่าทรัพย์สินในปริมาณมาก เช่น เครือ่ งจักร ตวั อยา่ ง การเชา่ ซือ้ และลีสซิง่เชา่ ซื้อ นายรักชาติ (ผู้เช่าซื้อ) ตัดสินใจจะเช่าซ้ือรถยนต์จากบริษัท ABC (ผู้ให้เช่าซื้อ) โดย ผู้เช่าซื้อตกลงชาระเป็นรายงวดตามจานวนเงินและระยะเวลาที่กาหนด รักชาติ สามารถนารถยนต์มาใช้งานได้ก่อน โดยกรรมสิทธ์ิจะตกเป็นของรักชาติต่อเม่ือได้ ชาระค่ารถยนต์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งบริษัท ABC จะต้องดาเนินการจดทะเบียนโอนรถ ให้เป็นชื่อของรักชาติภายใน 30 วันนับจากวันท่ีได้รับเอกสารประกอบการจด ทะเบยี นครบถว้ นลีสซิ่ง บริษัทไทยทอผ้าทาสัญญาลีสซิ่งกับบริษัทสาราญลีสซ่ิง เพื่อเช่าเคร่ืองจักรสาหรับ ทอผ้าจานวน 10 เครื่อง โดยทาสัญญา 5 ปี ซึ่งบริษัทสาราญลีสซ่ิงยินดีเปลี่ยน เคร่ืองให้หากเคร่ืองขัดข้อง เม่ือครบกาหนดสัญญา บริษัทไทยทอผ้าเห็นว่ า มีเทคโนโลยีการทอผ้าแบบใหม่จากญี่ปุ่นซ่ึงต้นทุนต่ากว่า จึงไม่จาเป็นต้องใช้ เครือ่ งทอผ้ารุน่ เดมิ อกี ต่อไป จึงตดั สินใจคนื เครอ่ื งทอผ้าใหก้ บั บรษิ ัทสาราญลสี ซ่ิง ชุดวิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชอื่
111 การเช่าซ้อื รถ ลกั ษณะของการเชา่ ซื้อรถ 1) วงเงิน กรณีให้เช่าซื้อรถใหม่ประมาณ 75 - 80% กรณีรถใช้แล้วจะข้ึนอยู่กับสภาพรถและราคาประเมินรถ 2) ระยะเวลาการผ่อนชาระ ประมาณ 12 - 72 เดือน 3) อัตราดอกเบี้ย ส่วนใหญ่จะกาหนดอัตราดอกเบ้ียคงท่ี (fixed rate) ตลอดอายุสญั ญา 4) วิธีการคิดดอกเบ้ีย ส่วนใหญ่คิดดอกเบ้ียแบบเงินต้นคงท่ี (flat rate)คือ การคิดดอกเบ้ียจากเงินต้นทั้งจานวนและระยะเวลาในการผ่อนชาระทั้งหมด จากน้ันผใู้ ห้เชา่ ซอื้ จะนาดอกเบ้ียที่คานวณได้มารวมกับเงินต้น แล้วหารด้วยจานวนงวดที่จะผ่อนชาระซง่ึ เงนิ ทผี่ ่อนชาระจะเท่ากันทุกงวด โดยมีหลักการคานวณ ดงั น้ี ตัวอย่าง นายยอดชายต้องการเช่าซ้ือรถจักรยานยนต์ราคา 60,000 บาท ผู้ให้เช่าซื้อคิดอัตราดอกเบ้ียแบบเงินต้นคงที่ 4% ต่อปี โดยให้ระยะเวลาผ่อน 60 งวด (5 ปี) จะต้องจ่ายค่างวดเป็นเงนิ เท่าไหร่ วิธีคานวณดอกเบ้ีย ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชวี ิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชอ่ื
112 ขอ้ ควรรู้ 1) หากผู้เช่าซื้อเคยค้างชาระ และงวดต่อมาชาระหนี้ไม่ครอบคลุมยอดหน้ีคงค้างของงวดก่อน หรือไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ท่ีเรียกเก็บ อาจส่งผลให้เงินที่ชาระค่างวดนั้นไม่พอตัดเงินต้น และยังคงเป็นหน้ีค้างชาระซ่ึงจะถูกคิดเบ้ียปรับและค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้ในงวดถดั ไปไดอ้ กี (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 ระบุว่า หากเงินที่ลูกหน้ีจ่ายเพ่ือชาระหน้ีไม่เพียงพอ ให้นาเงินท่ีลูกหน้ีชาระน้ันไปหักค่าธรรมเนียมหรือคา่ ใช้จา่ ยอนื่ ๆ ก่อน แล้วจึงหักดอกเบย้ี ท่ีเหลือจึงนาไปหักเงินตน้ ) 2) หากผ้เู ชา่ ซอ้ื ตอ้ งการชาระคา่ เช่าซ้ือทั้งหมดเพ่ือปิดบัญชีก่อนครบกาหนดผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซ้ือในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของดอกเบ้ียเช่าซ้ือที่ยังไม่ถึงกาหนดชาระ โดยใหค้ ิดคานวณตามมาตรฐานการบัญชวี า่ ดว้ ยเรือ่ งสญั ญาเช่า 3) ผู้ให้เช่าซื้อสามารถบอกเลิกสัญญาเช่าซ้ือได้ หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชาระค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดกัน อย่างไรก็ดี ผู้ให้เช่าซ้ือต้องมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซ้ือให้ชาระหนี้ท่คี ้างชาระภายใน 30 วันนบั จากวันทผ่ี ูเ้ ชา่ ซ้อื ไดร้ ับหนังสือ หากเลยกาหนดและผู้เช่าซ้ือยังไม่มาชาระ ผู้ให้เช่าซ้ือจึงจะมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและดาเนินการนารถกลับคืนได้ แต่หากผู้เช่าซ้ือได้นาเงินไปชาระครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ผู้ให้เช่าซ้ือกาหนดไว้ ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิ์ที่จะยึดรถคนื จากผเู้ ช่าซอ้ื 4) การยึดรถจะใช้กาลังขู่เข็ญหรือทาร้ายร่างกายไม่ได้ หากมีการกระทาดังกล่าวให้แจ้งความดาเนินคดีที่สถานีตารวจ และร้องเรียนตาม พ.ร.บ. การทวงถามหนี้พ.ศ. 2558 ซ่ึงมีหน่วยงานท่ีมีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ได้แก่ กรมการปกครอง สถานีตารวจท้องท่ี สานักงานเศรษฐกิจการคลัง กองบัญชาการตารวจนครบาล ท่ีทาการปกครองจังหวัดและทีว่ า่ การอาเภอ ขอ้ ควรระวงักรณีมีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินหรือบริษัทท่ีเป็นผู้ให้เช่าซ้ือรถมาติดต่อผู้เช่าซ้ือควรขอตรวจสอบเอกสารแสดงตนวา่ เป็นผู้รับมอบอานาจจริงหรือไม่ เช่น ใบรับมอบอานาจ บตั รประจาตัวเจ้าหนา้ ท่ี และโทรศัพท์ติดต่อผู้ให้เช่าซื้อโดยตรงว่ามีการมอบอานาจให้บุคคลตามท่ีกล่าวอา้ งมายดึ รถจริงหรือไม่ด้วย รวมถึงตรวจสอบประวัติการค้างชาระของตนเองวา่ ไดเ้ ขา้ สกู่ ระบวนการยึดรถแล้วหรือไม่ อยา่ งไร ชุดวิชาการเงินเพื่อชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื
113 5) หลังจากผู้ให้เช่าซื้อยึดรถไปแล้ว ก่อนที่จะนารถออกขาย ต้องแจ้งผู้เชา่ ซือ้ และผู้ค้าประกัน (ถ้ามี) ทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 7 วัน เพ่ือให้ผู้เช่าซ้ือใชส้ ทิ ธซ์ิ อ้ื รถคนื หากผูเ้ ชา่ ซ้อื ไม่ใชส้ ทิ ธ์ิ ผู้ให้เช่าซ้ือกจ็ ะนาออกประมลู ขาย - หากขายได้ราคามากกว่ายอดหน้ีท่ีค้างชาระ ผู้ให้เช่าซ้ือต้องคืนเงินส่วนเกินให้แกผ่ เู้ ชา่ ซอ้ื - หากขายได้ราคาน้อยกว่ายอดหน้ีท่ีค้างชาระ ผู้เช่าซื้อยังต้องชาระหน้ีสว่ นต่างใหแ้ กผ่ ใู้ หเ้ ชา่ ซ้อื จนครบจานวน 6) แม้ว่ารถจะให้ความสะดวกสบายแต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากมายตามมานอกเหนือไปจากค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับค่าใช้จ่ายได้ก็ควรชะลอการซื้อรถออกไปก่อน และใช้เวลาช่วงท่ียังไม่พร้อมน้ีเก็บเงินดาวน์เพ่ิมข้ึนเพื่อจะได้ลดภาระค่าผ่อนชาระในอนาคตประมาณการค่าใชจ้ า่ ยท่เี ก่ยี วข้องกับรถกอ่ นตดั สินใจเชา่ ซื้อรถสักคัน ควรสารวจความพร้อมของตนเอง ดังน้ี - ความสามารถในการผ่อนชาระกับรายได้ตนเอง ภาระผ่อนหน้ีเมื่อรวมกับหนี้อื่นท่ีมีท้ังหมดแล้วไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน และมีความสามารถในการจ่ายค่าใช้จา่ ยตา่ ง ๆ ทจี่ ะตามมาจากการเชา่ ซ้อื รถ - มีเงินออมเพื่อจ่ายเงินดาวน์ให้ได้มากที่สุด ซ่ึงจะช่วยลดภาระดอกเบ้ียทตี่ ้องจา่ ยลงไปไดอ้ กี มาก ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เช่อื
114 - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชาระ เง่ือนไขอ่ืน ๆ ของผู้ให้เช่าซ้ือหลาย ๆ แห่ง และต้องดูว่าอัตราดอกเบี้ยท่ีเสนอให้น้ันเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อเดอื นหรอื ตอ่ ปี - เลอื กระยะเวลาผ่อนท่สี ัน้ ลง จะช่วยให้ประหยดั ดอกเบยี้ ลงไปได้3. สนิ เชือ่ สว่ นบคุ คลภายใต้การกากับ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลท่ีไม่มีหลักประกัน เป็นการให้กู้เพ่ือนาไปใช้จ่ายเพ่ือการอุปโภคบริโภค แต่ไม่รวมถึงการให้เช่าซ้ือและลีสซ่ิงรถยนต์หรือจักรยานยนต์ สินเช่ือเพื่อการศึกษา สินเช่ือเพื่อการเดินทางไปทางานในต่างประเทศ สินเช่ือเพื่อรักษาพยาบาล สินเชื่อเพือ่ สวสั ดกิ ารพนกั งานในปจั จบุ นั สนิ เชอ่ื สว่ นบคุ คลภายใตก้ ารกากับ มี 3 รปู แบบ คือ 1) เช่าซ้ือสินค้ารายช้ิน ผู้ให้บริการสินเช่ือส่วนบุคคลจะออกบัตรสมาชิกให้หรือทม่ี กั เรยี กกันวา่ “บตั รผ่อนสนิ ค้า” เพ่ือนาไปใช้เมื่อต้องการซ้ือสินค้าและบริการจากร้านค้าร่วมรายการ เช่น ซื้อเคร่ืองใช้ไฟฟ้า จากน้ันทยอยชาระคืนเป็นรายเดือน โดยมีระยะเวลาผ่อนชาระคอ่ นข้างหลากหลายแลว้ แต่ผูใ้ หบ้ ริการกาหนด 2) รับเงินสดทั้งก้อน แล้วทยอยผ่อนชาระคืนเป็นรายเดือน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเงนิ ไปใชจ้ ่ายเป็นก้อน 3) วงเงินสารองพร้อมใช้ผ่านบัตรกดเงินสดหลังจากท่ีได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อแล้ว ผู้ถือบัตรสามารถเบิกถอนเงนิ ออกมาใชไ้ ดต้ ลอดเวลา นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนารูปแบบให้สามารถเช่าซื้อสินค้ารายชิ้นและกดเงินสดจากวงเงินสารองพร้อมใช้ได้ในบัตรใบเดียว ผู้ใช้บริการจึงควรศึกษารูปแบบอตั ราดอกเบ้ีย และเงอื่ นไขให้เข้าใจ เพื่อให้สามารถเลอื กไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ ชุดวิชาการเงินเพือ่ ชวี ติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเชอื่
115ลักษณะของสินเช่อื ส่วนบคุ คลภายใตก้ ารกากับ 1) คุณสมบัติผู้สมัคร เป็นบุคคลท่ีผู้ให้สินเช่ือพิจารณาแล้วเห็นว่ามีฐานะทางการเงินเพยี งพอสาหรบั การชาระหนี้ได้ 2) วงเงิน ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉล่ียต่อเดือน หรือของกระแสเงินสดหมุนเวียนในบัญชีเงนิ ฝากเฉล่ยี ย้อนหลังไมน่ ้อยกวา่ 6 เดือน 3) อัตราดอกเบ้ีย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้วไม่เกิน 28% ต่อปี (effective rate) ซึ่งผู้ขอกู้แต่ละรายอาจได้รับเง่ือนไขที่ต่างกันขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้ขอกู้ว่ามีความเส่ียงมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ อาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆที่ผู้ประกอบธุรกิจได้จ่ายให้แก่บุคคลภายนอก เช่น ค่าใช้จ่ายติดตามทวงถามหนี้ ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะเรยี กเก็บได้ไมเ่ กินจากที่ได้ประกาศไว้ 4) วิธีการคดิ ดอกเบี้ย คิดดอกเบยี้ แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) ก่อนตัดสินใจขอสินเช่ือส่วนบุคคลภายใต้การกากับ ควรสารวจความพร้อมของตนเองก่อน ดังน้ี - เลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินหรือบริษัทท่ีได้รับอนุญาต เนื่องจากมีขอ้ ดีหลายประการ เชน่ ได้รับเงินกเู้ ตม็ จานวน ดอกเบยี้ ถกู กว่าเงินกู้นอกระบบ และมีหน่วยงานทางการกากบั ดูแล - ศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบ้ีย ค่าปรับ ค่าบริการค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ก่อนการเลอื กใช้บริการ - ระมัดระวังโฆษณาที่ระบุในทานองว่า “ดอกเบ้ียต่อเดือนน้อยนิด” โดยต้องดูว่าอัตราดอกเบ้ียดังกล่าวใช้หน่วยอะไร เช่น ถ้าเป็นอัตราดอกเบ้ียต่อเดือน ให้คูณ 12 จึงจะไดอ้ ัตราดอกเบีย้ ตอ่ ปี - อย่าใชบ้ ริการเพียงเพราะตอ้ งการของแถม4. บัตรเครดิต เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต (ผู้ออกบัตร) เพื่อให้ผู้บริโภค (ผู้ถือบัตร) นาไปใช้ชาระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด โดยไม่ต้องพกเงินสดจานวนมาก หรือทารายการซื้อสินค้าและบริการแบบออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ซ่ึงผู้ออกบัตรจะจ่ายเงินให้กับร้านค้าไปก่อน และผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสดออกมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ด้วย โดยไม่เกินวงเงินที่ผู้ออกบัตรกาหนดไว้ และจะถกู เรียกเก็บเงินพรอ้ มดอกเบย้ี (ถา้ ม)ี จากผ้อู อกบัตรตามระยะเวลาทกี่ าหนด ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 สนิ เช่ือ
116 ลกั ษณะสาคญั ของบัตรเครดิต 1) คุณสมบัติผู้สมัคร มีรายได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากหรือสนิ ทรพั ยต์ ามท่ธี นาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กาหนด 2) วงเงิน ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉล่ียต่อเดือน หรือข้ึนกับประเภทเงินฝากหรอื สินทรัพย์ตามเกณฑท์ ี่ ธปท. กาหนด 3) อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้วไม่เกิน20% ต่อปี - หากชาระหนี้บัตรเครดติ ตรงเวลาและเต็มจานวน (โดยไม่ไดเ้ บิกถอนเงินสดเลย) จะไดร้ บั ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย ประมาณ 45 – 55 วนั - หากชาระหนี้บัตรเครดิตล่าช้า ชาระข้ันต่าหรือชาระบางส่วน หรือมีการเบกิ ถอนเงนิ สด จะถูกคดิ ดอกเบยี้ ฯ - กรณีเบิกถอนเงินสดด้วยบัตรเครดิตจะไม่มีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยและถกู เรยี กเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนไดอ้ กี ไมเ่ กนิ 3% ของจานวนเงนิ สดทถ่ี อน และภาษีมูลค่าเพ่ิม7% ของคา่ ธรรมเนียมการเบกิ ถอน 4) วิธีการคิดดอกเบ้ียฯ เป็นแบบลดต้นลดดอก (effective rate) โดยจะแยกการคิดเป็นสองชว่ ง คอื 4.1) ก่อนชาระ 4.2) หลังชาระ (บางสว่ นหรือท้งั หมด) ตัวอย่าง นางสาวพลอยรูดบัตรเครดิตเพื่อซื้อเส้ือผ้าและรองเท้าเป็นเงิน 10,000 บาทตอ่ มาผอู้ อกบัตรไดส้ ่งใบเรยี กเกบ็ ใหช้ าระหนี้ 10,000 บาท ภายในวนั ที่ 10 ก.พ. เมื่อถึงวันชาระพลอยได้ไปชาระหน้ีแต่เลือกชาระข้ันต่า (10%) 1,000 บาท ดังน้ัน ในรอบบิลถัดไป พลอยจะเสยี ดอกเบี้ยฯ 20% ตอ่ ปี ซ่งึ ธนาคารผอู้ อกบัตรจะคิดดอกเบีย้ ดังนี้ 1) ก่อนชาระ คิดจากเงินต้นเต็มจานวน 10,000 บาท โดยผู้ออกบัตรสว่ นใหญจ่ ะนับจานวนวันต้งั แต่วนั บนั ทึกรายการจนถึงวนั กอ่ นหน้าวันท่ีชาระเงิน 2) หลังจากท่ีได้ชาระเข้ามาบางส่วน คิดจากยอดหนี้คงเหลือ 9,000 บาท(10,000 - 1,000) โดยจะนบั จานวนวนั ตง้ั แต่วันทช่ี าระจนถงึ วันสรปุ ยอดรอบต่อไป ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สนิ เชอื่
117ขอ้ ควรรู้ 1) การนาบัตรเครดิตไปใช้ในต่างประเทศ ผู้ออกบัตรอาจคิดค่าความเส่ียงจากอัตราแลกเปล่ียนประมาณ 2 – 2.5% ของยอดใช้จ่าย จึงควรศึกษาเงื่อนไขจากผู้ออกบัตรว่ามีการคิดหรอื ไม่ อย่างไร 2) การชาระเงิน ควรชาระเต็มจานวนและตรงเวลา แต่หากไม่สามารถชาระเต็มจานวนได้ ก็ต้องชาระหนี้ขั้นต่าไม่น้อยกว่า 10% ของยอดหนี้คงค้างในแต่ละงวด(ผู้ออกบัตรจะกาหนดจานวนเงินข้ันต่าไว้ด้วย เช่น ชาระขั้นต่าไมน่ ้อยกว่า 10% ของยอดหน้ีคงค้างแต่ต้องไม่น้อยกว่า 1,000บาท) อย่างไรก็ดี หากมีรายการผ่อนชาระเง่ือนไข 0% อยู่ในใบแจ้งหนี้ ยอดผ่อนชาระอาจจะมากกวา่ 10% ได้ ตัวอย่าง หากมีการใช้จ่ายซ้ือโซฟา 10,000 บาท และมีรายการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า20,000 บาท ซงึ่ ตกลงผ่อนชาระ 0% จานวน 4 เดอื น เดือนละ 5,000 บาทการคานวณรายการเรยี กเก็บขนั้ ตา่ยอดขน้ั ต่าของรายการซ้ือโซฟา = 1,000 บาท (10,000 x 10%)ยอดผอ่ นชาระรายการซอื้ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ = 5,000 บาทดงั นนั้ ยอดขน้ั ตา่ ในรอบบลิ นั้นจะเรยี กเกบ็ เท่ากบั 6,000 บาท (1,000 + 5,000) ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เชื่อ
118 3) กรณีค้างชาระบัตรเครดิตติดต่อกันเกินกว่า 3 เดือนนับแต่วันที่ครบกาหนดชาระ ผู้ออกบัตรสามารถระงบั การใช้บัตรเครดิต (อายัดบัตร) ได้ทันที และลูกหน้ีอาจถูกส่งฟ้องศาลเพื่อเรยี กใหช้ าระหน้ที ีค่ า้ งอย่ทู งั้ หมด ข้อคิดก่อนตัดสนิ ใจมีบัตรเครดติน้อยท่สี ดุ 1) ทาความเข้าใจเง่ือนไขกอ่ นสมคั ร 2) ใช้บัตรเครดิตเท่าทจี่ าเปน็ และมัน่ ใจว่าจะสามารถจา่ ยคืนได้ 3) ชาระเต็มจานวน ตรงเวลา หรือจ่ายให้ได้มากที่สุด เพ่ือให้จ่ายดอกเบี้ยฯ 4) อย่าทาบตั รเพราะเหน็ แกข่ องแถมร้หู รือไมว่ า่หากได้รับอนุมัติวงเงินบัตรเครดิต 75,000 บาท แล้วใช้บัตรเครดิตซ้ือของคร้ังเดยี วเต็มวงเงนิ และไม่ซื้ออะไรเพ่ิมเลย จากน้ันก็ทยอยจ่ายข้ันต่าทีละ 10% ของยอดคงค้างไปเรอ่ื ย ๆ จะตอ้ งใชร้ ะยะเวลาถงึ 43 เดอื นหรือเกือบ 4 ปกี วา่ จะชาระหนี้ทงั้ หมดได้เกณฑใ์ นการพิจารณาสนิ เช่ือของสถาบนั การเงิน การพจิ ารณาวา่ จะให้สินเชื่อหรือไม่นั้น ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาข้อมูลจากหลายด้านเช่น คุณสมบัติของผู้ขอสินเช่ือ อาชีพ แหล่งรายได้ ประวัติการขอสินเชื่อ ประวัติการชาระหน้ีวงเงินท่ีขอ และวัตถุประสงค์ในการขอกู้ ซึ่งผู้ให้สินเชื่อจะนามาพิจารณาว่าสามารถอนุมัติสนิ เช่อื ใหไ้ ด้หรือไม่สาเหตุที่สถาบนั การเงนิ ปฏเิ สธการใหส้ ินเชื่อ อาจเกดิ จาก 1. มีประวัติค้างชาระ หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติค้างชาระหนี้และยังไม่สะสางภาระหน้ี ผู้ให้สินเชื่ออาจเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการชาระคืน จึงไม่อนุมัติสินเช่ือ ดังน้ัน ควรติดต่อเจ้าหนี้ที่ตนเองมีประวัติค้างชาระเพื่อชาระหนี้ท่ีค้างให้เสร็จส้ิน และพยายามสร้างประวัติการชาระเงินท่ีดีอย่าให้มีประวัติการค้างชาระอีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการไดร้ ับอนุมัติสินเชือ่ ในอนาคต ชุดวิชาการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชอื่
119 2. แหล่งรายได้ขาดความน่าเช่ือถือ อาจเกิดจากผู้ขอสินเช่ือประกอบอาชีพอิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ซ่ึงผู้ให้สินเช่ืออาจเห็นว่าจะส่งผลต่อการชาระหน้ีคืนในอนาคตดังน้ัน เพื่อสร้างความม่ันใจแก่ผู้ให้สินเช่ือ ผู้ขอสินเช่ือควรเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินและนาเงนิ ทไ่ี ด้จากการประกอบอาชีพเข้าบัญชีอย่างสม่าเสมออย่างน้อย 6 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อแสดงให้เหน็ วา่ ผู้ขอสินเชื่อมีรายไดเ้ พยี งพอและมคี วามสามารถในการชาระหนี้ 3. ขาดความสามารถในการชาระหนี้ สถาบันการเงินอาจเห็นว่า วงเงินสินเช่ือท่ีขอสูงเกินกว่าความสามารถในการชาระหน้ี ซ่ึงในกรณีนี้ ผู้ขอสินเชื่ออาจต้องหารายได้เพิ่มและนาหลักฐานมาแสดง หรือหาผู้ก้รู ่วม เพ่ือใหไ้ ดว้ งเงนิ สนิ เชือ่ ที่ตอ้ งการกจิ กรรมท้ายเร่อื งท่ี 2 ลกั ษณะของสินเชื่อรายย่อยและการคานวณดอกเบี้ย (ให้ผู้เรยี นไปทากจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 2 ท่ีสมุดบนั ทกึ กิจกรรมการเรียนรู้) ชุดวชิ าการเงินเพื่อชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชือ่
120เรื่องท่ี 3 เครดิตบูโรหน้าท่ขี องเครดติ บโู ร 1. จัดเก็บ รักษา รวบรวม ข้อมูลของลูกค้าสินเช่ือทุกบัญชีท่ีมีกับสถาบันการเงินและบริษัทท่ีเป็นสมาชิกของเครดิตบูโรซึ่งจะเก็บข้อมูลตามข้อเท็จจริง ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะมีการชาระหนี้ตามปกติหรือการผิดนัดชาระหนี้ โดยเครดิตบูโรจะเก็บข้อมูลไว้ไม่เกิน 3 ปีนบั แตว่ ันทีเ่ ครดิตบโู รไดร้ ับขอ้ มลู จากสมาชิก 2. แสดงข้อเท็จจริงการชาระเงินของลูกหน้ี เพื่อท่ีสถาบันการเงินจะนาข้อมูลมาวิเคราะห์ในการตัดสนิ ใจในการใหส้ นิ เชื่อประวัติเครดติ มขี ้อมูลอะไรบ้าง ประวัติเครดิตหรือรายงานข้อมูลเครดิตจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ขอสินเชื่อ รายละเอียดของบัญชีสินเชื่อท่ีใช้บริการ ประวัติการได้รับอนุมัติและชาระสินเชื่อ เช่น วันเปิดบัญชี ประเภทบัญชี เลขท่ีบัญชี ยอดหน้ีคงเหลือ และจานวนวันคงค้างซึ่งสถาบันการเงนิ และบริษัททเี่ ปน็ สมาชิกจะนาสง่ ขอ้ มูลดงั กลา่ วทุกเดือนให้แก่เครดติ บโู รประโยชน์ของเครดิตบูโร 1. ผู้ขอสินเชอื่ รู้จักข้อมลู ประวัติสินเช่ือของตนเอง ในฐานะเป็นเจ้าของข้อมูลควรรู้ว่าตนเองมีสินเช่ืออะไรบ้าง และมีภาระหน้ีคงค้างกับสถาบันการเงินหรือบริษัทไหนบ้างถ้าพบวา่ มบี ญั ชีสนิ เชื่อทไ่ี ม่ไดข้ อ ซงึ่ อาจเกดิ จากการถูกปลอมเอกสารไปสมัคร ต้องรีบแจ้งแก้ไขทันที ไมเ่ ชน่ นั้นอาจตอ้ งมารับภาระหนี้ทไ่ี ม่ได้กอ่ 2. สถาบันการเงินและบริษัทท่ีเป็นสมาชิกสามารถใช้ข้อมูลน้ีประกอบการพิจารณาอนมุ ตั สิ ินเช่อื เพอื่ ดูวา่ ผขู้ อสินเช่ือมปี ระวตั ิค้างชาระหรอื ไม่ หรอื มีภาระหน้ีสินมากน้อยเพยี งใด เพ่อื พิจารณาความเส่ียงว่าหากให้กู้ไปแล้วผู้ขอสินเช่ือจะสามารถชาระหนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่เคยผิดนัด ก็จะเป็นตัวช่วยให้ขอสินเช่ือได้ง่ายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี สถาบันการเงินและบริษัทท่ีเป็นสมาชิกจะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน จึงจะเข้าไปดูข้อมูลได้ โดยมักให้ลูกค้าลงนามยินยอมตอนขอสินเชื่อ อย่างไรก็ดี ประวัติข้อมูลเครดิตเป็นเพียงปัจจัยหน่ึงในการพิจารณาอนุมัติสินเช่ือ ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย เช่น รายได้ อาชีพ หลักประกัน(ถ้ามี)วิธีการตรวจสอบขอ้ มลู เครดิตของตนเอง ติดต่อขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตได้ท่ี ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร โดยสามารถรอรับได้ภายในเวลา 15 นาที เสยี คา่ บรกิ าร 100 บาท เพียงใชบ้ ตั รประชาชนตัวจริงในการขอตรวจสอบข้อมูล (กรณีเปน็ บุคคลธรรมดา) ชุดวชิ าการเงินเพือ่ ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สนิ เช่อื
121 หากถูกปฏิเสธการให้สินเช่ือจากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิก และผูข้ อสินเชื่อไดร้ บั หนังสอื แจ้งการปฏิเสธสินเชื่อท่ีมีข้อความว่า “เป็นผลจากการตรวจสอบข้อมูลเครดิต” ผู้ขอสินเช่ือสามารถขอตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ โดยนาหนังสือแจ้งปฏิเสธสินเช่ือนามายื่นขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตพร้อมหลักฐานอ่ืน ๆ ทั้งน้ี บริษัทจะไม่คิดค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบขอ้ มลู เครดติ หากย่นื คาขอภายใน 30 วัน นับจากวันท่ใี นหนงั สือแจ้งปฏิเสธดังกลา่ ว สามารถดูรายละเอียดเพ่มิ เติมเก่ียวกบั การตรวจสอบข้อมูลเครดิตได้จากเว็บไซต์www.ncb.co.th หรอื สอบถามได้ทีห่ มายเลขโทรศัพท์ 0 2643 1250 หรอื อีเมล :[email protected]ส่งิ ที่คนส่วนใหญ่มกั เข้าใจผดิ เครดิตบูโรขึ้นบัญชีดา (Blacklist) รายชื่อผู้ท่ีค้างชาระหนี้ ความจริงคือเครดิตบูโรจะเกบ็ ข้อมูลทั้งหมดของผขู้ อสนิ เชอื่ ไม่วา่ จะเปน็ หนีป้ กติหรอื หนคี้ ้างชาระ ไม่ได้จัดทาบัญชีดาเพอื่ ข้ึนรายชื่อผ้ทู ่ีค้างชาระแต่อย่างใด หากชาระหน้ีท่ีค้างชาระหมดแล้ว เครดิตบูโรจะลบข้อมูลให้ ต้องทาความเข้าใจเบ้ืองต้นก่อนว่า สถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกจะส่งข้อมูลแสดงยอดคงค้างณ วันสนิ้ เดอื นไปยังเครดติ บโู ร เชน่ เดอื น มิ.ย. 58 ไม่ได้ชาระ ก็จะข้ึนว่า “ไม่ค้างชาระหรือค้างชาระไม่เกิน 30 วัน” ต่อมาเดือน ก.ค. 58 ไม่ได้ชาระอีก ก็จะข้ึนว่า “ค้างชาระ 31 - 60 วัน”ต่อมาเดือน ส.ค. 58 ได้ชาระหนี้ท่ีค้างชาระของเดือน มิ.ย. 58 ถึงเดือน ส.ค. 58 เสร็จส้ินในส้ินเดือนนั้นก็จะรายงานว่า “ไม่ค้างชาระหรือค้างชาระไม่เกิน 30 วัน” ซ่ึงข้อมูลท่ีส่งเดือนใหม่จะไม่ไปลบหรือทับข้อมูลเดือนก่อนหน้า และประวัติของแต่ละเดือนจะถูกเก็บไว้ไม่เกิน3 ปี นับแต่วันที่เครดิตบูโรได้รับข้อมูล ดังน้ัน การลบประวัติเครดิตที่ค้างชาระออกจากเครดติ บโู รทันทีจงึ ไม่สามารถทาได้ แต่สามารถสร้างประวัติเครดิตให้ดีข้ึนเร่ือย ๆ ได้ โดยกรณีมีหน้ีค้างชาระก็ควรติดต่อเจ้าหนี้เพื่อชาระหน้ีที่ค้างให้เสร็จส้ิน หลังจากชาระแล้ว ประวัติในเดือนลา่ สดุ จะขึ้นสถานะว่าปกติ หลังจากนนั้ ควรพยายามสร้างประวัติการชาระเงินท่ีดีอย่าให้มีประวตั คิ า้ งชาระอีกกจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 3 เครดิตบโู ร (ให้ผูเ้ รียนไปทากิจกรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 3 ทีส่ มดุ บนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นร้)ู ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชีวติ 3 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เชอ่ื
122เรื่องที่ 4 วธิ ีการปอ้ งกนั ปญั หาหน้ี บางคร้ังปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น นาเงินกู้ไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ขอ(บอกเจ้าหน้ีว่าจะกู้มาขยายธุรกิจ แต่กลับแบ่งเงินส่วนหน่ึงไปเที่ยว) ลืมจ่าย เดือนไหนไม่มีเงินก็ไม่จ่าย หรือไม่เคยอ่านเงื่อนไขของสินเชื่อ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้หากไม่รู้จักปอ้ งกันกรณศี ึกษา วารตี งั้ ใจจะขอสินเชอื่ กบั ธนาคาร A เพอื่ นาเงินไปเป็นทุนซื้อสินค้ามาขาย ธนาคาร A ให้กู้จานวน 50,000 บาท เม่ือได้รับอนุมัติสินเช่ือก็นาเงิน บางส่วนไปให้แฟนซื้อเครื่องปรับอากาศ จึงเหลือเงินไม่พอท่ีจะซื้อของ เขา้ รา้ น ยอดขายสินคา้ จงึ ไดน้ อ้ ยกวา่ ทีต่ ัง้ เป้าไว้ เมอื่ ถึงคราวต้องชาระหนี้ ก็ชาระบางส่วนเพราะเงินไม่พอ เดือนต่อ ๆ มาก็ชาระบ้าง ไม่ชาระบ้าง จึงถูกธนาคารคิดดอกเบ้ียในอัตราที่สูงข้ึนเนื่องจากวารีผิดนัดชาระนานวันเข้าก็เริ่มถูกติดตามทวงถามหน้ี เพราะขาดการผ่อนชาระมากกว่า 3 เดือน สุดท้ายวารีจึงต้องไปกู้เงินจากธนาคาร B อีก 50,000 บาท เพ่ือหวังจะนาเงินมาเป็นทุน จะได้มีเงินพอชาระหน้ี แต่ปรากฏว่าธนาคาร B ปฏิเสธการอนุมัตสิ ินเชือ่ เน่อื งจากวารีมีประวตั คิ ้างชาระ จากกรณีศึกษาข้างต้น จะเห็นว่าปัญหาเล็กน้อยได้ลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่เพยี งเพราะการนาเงนิ ไปใช้ไมต่ รงตามวัตถปุ ระสงค์ รวมถึงไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขว่าสินเช่ือที่ตนเองกู้มานัน้ จะคิดดอกเบยี้ ปรบั ในอตั ราที่สงู ขน้ึ หากไมช่ าระหน้ตี ามที่ตกลงกนั ไว้ ดังน้ัน ก่อนที่หน้ีจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เม่ือได้รับสินเช่ือแล้ว ควรปฏิบัติตนดงั นี้ 1. ใช้เงินตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งใจขอสินเช่ือจริง ๆ เช่น กู้เงินมาเพ่ือประกอบอาชีพ ก็ไม่แบ่งเงินไปทาอย่างอื่น เพราะอาจทาให้เราเหลือเงินไม่พอที่จะทาในส่ิงที่ตั้งใจและมีประโยชน์ 2. จา่ ยเงินให้ตรงเวลาและตามเง่ือนไข เพอ่ื จะได้ไม่เสียค่าปรับกรณีชาระล่าช้าหรือถูกคิดค่าติดตามทวงถามหน้ี และสร้างประวัติเครดิตที่ดี นอกจากน้ี ควรศึกษาเงื่อนไขและคา่ ธรรมเนียมของสินเชอื่ น้ัน ๆ ด้วย 3. ตรวจสอบความถูกต้องเมื่อได้รบั ใบแจง้ หน้แี ละใบเสร็จรับเงนิ เช่น ยอดเงินถูกต้องหรือไม่ หากพบวา่ ไม่ถกู ต้อง ควรรบี แจ้งเจ้าหนโ้ี ดยเรว็ ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชื่อ
123 4. ชาระหน้ีทันทีเมื่อมีเงินก้อน จะช่วยลดภาระหนี้ได้ (แต่ต้องม่ันใจว่าไม่เสียค่าปรับหากชาระหน้ีก่อนกาหนด หรือถ้ามีค่าปรับต้องดูก่อนว่าคุ้มกับดอกเบ้ียท่ีประหยัดได้หรอื ไม่) 5. แจ้งเจ้าหน้ีให้ทราบทุกครั้งเมื่อมีการเปล่ียนท่ีอยู่ เพ่ือป้องกันการขาดการตดิ ต่อสื่อสารระหวา่ งกัน 6. หากจะก่อหนี้เพ่ิมอีก อย่าลืมตรวจสอบภาระหนี้ท่ีต้องผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถชาระหน้ีได้ หากเกินแล้วควรชะลอการกอ่ หน้ีไว้กอ่ นกิจกรรมทา้ ยเร่อื งที่ 4 วธิ กี ารปอ้ งกนั ปญั หาหนี้ (ใหผ้ ู้เรียนไปทากจิ กรรมท้ายเร่อื งท่ี 4 ทส่ี มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นร้)ู ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เชอ่ื
124เรอ่ื งท่ี 5 วธิ ีการแกไ้ ขปัญหาหน้ี จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนอาจเป็นหน้ีเพราะความจาเป็นในชีวิต หรือบางคนอาจเป็นหนี้เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงานล้มป่วยกะทันหัน หรือบางคนเป็นหน้ีเพราะต้องการความสะดวกสบายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหน้ีจากสาเหตุใด หากก้าวเข้าสู่บ่วงหนี้จนถึงขั้นที่เป็นปัญหากับชีวิตแล้ว ก็ควรยอมรับความจริงและพยายามท่ีจะไม่สร้างภาระหน้ีให้กับตนเองเพ่ิมข้ึนอีก ท่ีสาคัญคือต้องหาทางปลดหน้ีให้แก่ตนเองโดยเร็ว เพราะการเป็นหน้ีมีภาระดอกเบ้ียท่ีต้องจ่ายนอกเหนือไปจากเงินต้น และอาจมีค่าปรับหรอื คา่ ใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ ตามมาถ้าผู้เป็นหน้ีไมป่ ฏิบัติตามเง่อื นไขทก่ี าหนดกรณีศึกษา ธิดาเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมีรายได้เดือนละ 20,000 บาทจุดเริ่มต้นของการเป็นหน้ีเกิดจากความอยากได้ของแถมจากการสมัครบัตรเครดิต โดยผู้ออกบัตรได้เสนอเง่ือนไขว่า ถ้าสมัครบัตรและใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพียง 1 รอบบัญชีก็จะได้กระเปา๋ ลอ้ ลาก เธอจงึ ตกลงใจทาบัตรเครดติ เม่ือมบี ตั รเครดิตแล้ว เธอกย็ ่งิ สามารถซ้ือของไดส้ ะดวกขึน้ และมากขึ้น เพราะไมต่ อ้ งจ่ายเงินก่อนแ ล ะ ยั ง ไ ด้ รั บ ส่ ว น ล ด ห รื อ โ ป ร โ ม ช่ั น จ า ก ร้ า น ค้ า อี กต่างหาก เธอจึงใช้จ่ายแบบไม่ย้ังคิด ทั้งซื้อเสื้อผ้ารองเท้า กระเป๋า และการเสริมความงาม ตอนนั้นธิดาคิดเพียงว่ารู้สึกมีความสุขและสนุกกับการใช้ และได้สมัครบัตรเครดิตเพิ่มอีกหลายใบ พอมีบัตรมากก็ใช้มากข้ึน แต่กลับชาระหน้ีได้ลดลงไปเรื่อย ๆจนกระทั่งชาระได้เพียงยอดหนี้ข้ันต่าของบัตรแต่ละใบ นานวันเข้าหน้ีก็เริ่มพอกพูนจนทาให้มีหน้ีเกินกว่า 300,000 บาท ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี แม้เธอจะนาเงินเก็บบางส่วนไปโปะหน้ีบา้ งแล้ว แต่หนีก้ ็ยงั ไม่ลดลงเท่าไหรน่ กั จากกรณีตัวอย่างข้างต้น ปัญหาหน้ีเกิดจากความเพลิดเพลินในการใช้จ่ายเพ่ือความสะดวกสบายให้แก่ตนเอง จึงใช้เงินโดยไม่ทันคิดว่าตนเองมีความสามารถในการชาระคืนหรือไม่ นอกจากนั้น การชาระหน้ีคืนเพียงข้ันต่าหรือบางส่วน ทาให้ภาระหน้ีและดอกเบี้ยพอกพนู กลายเป็นปญั หาที่แก้ไขได้ยากขนึ้ ไปเร่อื ย ๆ ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สินเชือ่
125แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ 1. ยอมรบั วา่ ตนเองเป็นหน้ี และมคี วามตงั้ ใจท่จี ะแกป้ ญั หา 2. สารวจภาระหนที้ ั้งหมด เพอ่ื รวบรวมรายละเอยี ดหน้ีที่มีทัง้ หมด และหาทางแก้ไขปญั หาตอ่ ไป โดยการจดลงบนกระดาษหรือในโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ตามรายการดงั น้ี - รายการหนี้ เพื่อให้รูว้ ่ามหี น้อี ะไรบ้าง - ยอดหนี้ทั้งหมด เพ่อื ใหร้ จู้ านวนเงนิ กู้แรกเริ่มของหนี้แตล่ ะรายการ - ยอดหน้ีคงเหลอื เพือ่ ใหร้ ภู้ าระหนี้คงเหลอื - หลกั ประกนั เพอื่ ให้รวู้ า่ หนร้ี ายการน้นั มีสนิ ทรพั ยใ์ ดค้าประกันหรอื ไม่ - อัตราดอกเบ้ีย เพ่ือให้รู้ว่าหน้ีแต่ละก้อนมีอัตราดอกเบี้ยเท่าใดต่อปีซ่ึงควรเป็นอัตราดอกเบ้ียที่คานวณแบบลดต้นลดดอก (effective rate) หากเป็นหนี้ท่ีคิดดอกเบ้ียแบบเงินต้นคงที่ (flat rate) เช่น การเช่าซื้อรถยนต์ ก็สามารถแปลงเป็นแบบลดตน้ ลดดอกได้อยา่ งคร่าว ๆ โดยนาอัตราดอกเบย้ี ท่คี ดิ แบบ flat rate คูณด้วย 1.8 - วนั ครบกาหนดชาระ เพื่อให้รกู้ าหนดเวลาจา่ ยหนแี้ ตล่ ะงวด - ยอดเงินผ่อนต่อเดือนของหนี้แต่ละรายการ เพ่ือให้รู้จานวนเงินท่ตี อ้ งจ่ายแต่ละงวด - รวมหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือน เพ่ือให้รู้จานวนเงินทั้งหมดที่จะต้องจ่ายหน้ีในแต่ละเดือน การสารวจภาระหนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการวางแผนจัดการหนี้ซึ่งข้อมูลหรือรายละเอียดเก่ียวกับหน้ี สามารถหาได้จากสัญญาเงินกู้ ใบแจ้งหนี้ หรือหลักฐานการชาระหน้ี ชุดวชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 สนิ เช่อื
126ตัวอย่างตารางภาระหนี้ลาดบั รายการหนี้ เงนิ ต้น เงนิ ตน้ รายละเอียดเงินกู้ วันครบ เงนิ ผ่อน ที่ ทัง้ หมด คงเหลือ กาหนด ต่อเดือน (บาท) (บาท) หลกั อตั ราดอกเบีย้ ชาระ (บาท) ประกัน (คิดแบบ ลดตน้ ลดดอก)1. หน้ีนอกระบบ 10,000 10,000 - 252% ทุกวัน 4,500 (150 บาทต่อ วัน)2. กูส้ หกรณ์ 40,000 14,235 หุ้น 7.5% ทุกวนั ที่ 8 3,400 สหกรณ์3. เช่าซ้ือรถ 40,000 40,000 - 7.2%* ทุกวันที่ 966.67จักรยานยนต์ 25รวม 90,000 64,235 8,866.67* คานวณจากอตั ราดอกเบ้ยี คิดแบบเงนิ ต้นคงที่ 4% คณู ดว้ ย 1.8 3. จัดลาดับความสาคัญของหนี้ท่ีต้องชาระ เม่ือทราบจานวนหนี้ท้ังหมดที่ตนเองมีแล้ว การจัดลาดับการปลดหน้ีจะทาให้จัดการหนี้ให้หมดไปได้ง่ายข้ึน โดยอาจใช้วิธีจดั ลาดับหนท้ี ตี่ ้องชาระ ดังนี้ - กาจัดหนี้แพงก่อน ในกรณีท่ีอัตราดอกเบ้ียของหนี้แต่ละก้อนต่างกันมาก ให้เลือกจ่ายหน้ีที่อัตราดอกเบี้ยสูงก่อน เช่น หนี้นอกระบบ เพื่อป้องกันดอกเบ้ียที่อาจพอกพนู อยา่ งรวดเร็ว - จ่ายหนี้ก้อนเล็กก่อน ในกรณีท่ีหนี้มีอัตราดอกเบ้ียเท่ากันหรือไม่แตกต่างกนั มาก ให้เลือกจ่ายหน้ีทีม่ ีมูลค่าน้อยกอ่ น เพื่อลดจานวนรายการหน้ีให้น้อยลงเมื่อเห็นจานวนบญั ชหี รอื เจา้ หนี้ลดลงเรอื่ ย ๆ ก็จะมีกาลงั ใจเพม่ิ ข้ึนในการปลดหนีก้ ้อนท่เี หลอื ต่อไป 4. มองหาวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ ซึ่งหากเป็นปัญหาหน้ีท่ีไม่ถึงข้ันล้นพ้นตัวก็สามารถปลดหนี้ด้วยตนเองได้ แต่หากปัญหาหน้ีนั้นมากเกินจะจัดการด้วยตนเองไหวก็ควรเจรจากบั เจา้ หน้ี4.1 การแกไ้ ขปญั หาหนี้ด้วยตนเอง สาหรับผู้ท่ีรู้ว่าตนเองมีปัญหาหนี้ แต่ยังไม่ถึงข้ันล้นพ้นตัว การปลดหน้ีดว้ ยตนเองจงึ เปน็ เรอื่ งท่ไี มย่ ากเกินไป ซึ่งเริม่ ต้นง่าย ๆ ดังนี้ (1) ลดรายจ่าย บางคนอาจไม่รู้ว่าควรจะเร่ิมต้นอย่างไร อาจใช้วิธี“บันทึกรายรับ-รายจ่าย” ซึ่งจะช่วยหาพฤติกรรมในการใช้จ่ายของตนเอง ว่าจ่ายไปกับ ชุดวชิ าการเงินเพ่ือชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เชอื่
127อะไรบ้างรวมท้ังช่วยในการทบทวนตนเองเพื่อหาข้อบกพร่องหรือ “รูร่ัว” เช่น ค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปนัน้ เปน็ ส่ิงจาเป็นหรือไม่ อะไรเป็นรายจา่ ยเพราะความอยากได้หรือไม่จาเป็น แล้วพยายามหาทางงดหรอื ลดค่าใชจ้ า่ ยน้นั เม่อื ลดค่าใชจ้ า่ ยได้ ก็จะนาเงนิ ไปจ่ายหน้ไี ดม้ ากข้ึน (2) เพิ่มรายได้ อาจหารายไดเ้ สรมิ หรือเปลีย่ นงานอดิเรกให้กลายเป็นรายได้เมือ่ มรี ายได้เพ่มิ ขน้ึ ก็จะช่วยให้สามารถชาระหนไ้ี ด้เพิ่มขึน้ (3) สารวจสินทรัพย์ท่ีมีและขายสินทรัพย์ที่ไม่จาเป็น เพ่ือนาเงินไปชาระหนี้ (4) ตั้งเป้าหมายปลดหนี้ ปลดหนี้ในท่ีนี้หมายถึง มุ่งม่ันต้ังใจและเพิ่มความพยายามในการใชห้ นใ้ี หห้ มดโดยเร็ว แต่ยังคงชาระหนี้อื่น ๆ ตามกาหนดเพ่ือรักษาประวัติเครดิตทีด่ ีเอาไว้ อยา่ งไรกด็ ี อยา่ นาเงนิ ไปใชห้ นห้ี มดจนไม่มเี งินเกบ็ ออม เพราะหากมีเหตุฉุกเฉินตอ้ งใช้เงนิ อาจต้องหันกลับไปเป็นหนีอ้ ีก จึงควรใช้หนี้และออมไปพรอ้ ม ๆ กัน (5) ติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าสามารถทาได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่เปน็ ไปตามแผน อาจหาทางปรับแผนให้สอดคลอ้ งกบั สถานการณท์ ีเ่ กดิ ขน้ึ เมือ่ ปลดหน้ีได้แล้วก็ไม่ควรกลับไปก่อหน้ีอีก แต่ควรหาทางปลดภาระหนี้ก้อนอื่น ๆ ต่อไป (ถ้ามี) และสะสมเงินออมใหม้ มี ากขึ้นเพ่อื ไวใ้ ชใ้ นยามจาเปน็ 4.2 การเจรจากับเจ้าหนเี้ พอื่ ขอปรับปรงุ โครงสร้างหนี้ สาหรับผู้ท่ีมีปัญหาหน้ีที่ไม่สามารถจัดการด้วยตนเองได้ ก็จาเป็นต้องเจรจากบั เจา้ หนี้เพื่อขอปรับปรงุ โครงสร้างหนี้ ซึ่งทาไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ (1) การขอเปลี่ยนเง่ือนไขการผ่อนชาระ เช่น การขอลดจานวนเงินที่ต้องผ่อนชาระต่องวดลง ขอขยายระยะเวลาการผ่อนชาระหน้ี ขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากอตั ราดอกเบีย้ ผิดนดั ชาระหนี้เปน็ อัตราดอกเบ้ียปกติ ข้อดีของวิธีนี้ คือ เป็นการปรับเงื่อนไขการผ่อนชาระให้ไม่เกินความสามารถในการชาระหนต้ี อ่ งวดของตนเอง (2) การชาระหน้ีปิดบัญชี คือ การชาระหน้ีเป็นเงินก้อนตามท่ีเจ้าหนี้ยอมลดให้และต้องชาระภายในเวลาท่ีเจ้าหน้ีกาหนด ซ่ึงกรณีของการชาระหนี้ปิดบัญชีฝ่งั เจ้าหนี้จะเปน็ ผูเ้ สนอเงือ่ นไขให้แก่ลกู หน้ี ข้อดีของวิธีน้ี คือ มีโอกาสที่ลูกหน้ีจะได้รับการลดหนี้บางส่วนเน่ืองจากเป็นการชาระหนี้คืนท้ังหมดในคราวเดียว ซึ่งลูกหนี้ควรมองหาแนวทางที่จะนาเงินมาชาระหน้ีปิดบัญชีให้ครบจานวนและภายในระยะเวลาที่เจ้าหนี้กาหนด เช่น อาจกู้ยืมเงินญาติ ชุดวชิ าการเงินเพ่ือชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สินเช่อื
128หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงินอ่ืน แต่สิ่งสาคัญคือ ต้องไม่กู้เงินที่ดอกเบี้ยแพงมาชาระหน้ีที่ดอกเบี้ยถูก หรือไปกู้เงินนอกระบบ ซ่ึงจะทาให้ลูกหน้ีต้องรับภาระดอกเบ้ียท่ีสูงมาก และสรา้ งภาระหนี้เพ่มิ ขึ้นไปอกี อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นดุลยพินิจของเจ้าหนี้และเป็นกระบวนการท่ีลูกหน้ีและเจ้าหนี้เจรจาหาข้อยุติร่วมกัน ซ่ึงจะสาเร็จหรือไม่ก็ข้ึนอยู่กับการเจรจาเหตผุ ลและความจาเป็นของทัง้ สองฝ่าย ในกรณีที่มีภาระหน้ีกับสถาบันการเงินและต้องการจะขอปรับปรุงโครงสร้างหน้ีควรทาเป็นลายลักษณ์อักษรถึงสถาบันการเงินเพื่อขอความอนุเคราะห์ โดยสิ่งท่ีควรระบุในหนังสอื ได้แก่ 1) ข้อมูลของลูกหน้ี เช่น เลขที่สัญญา ประเภทสินเช่ือท่ีมี หน้ีคงค้างชาระ ประวัตกิ ารชาระที่ผ่านมา 2) ปัญหาที่ทาให้ไม่สามารถชาระหน้ีได้ เช่น รายได้ลดลงเน่ืองจากภาวะเศรษฐกิจ ตกงาน หรือต้องใช้จ่ายเงินเพ่ือรักษาพยาบาลคนในครอบครัว โดยควรแจ้งรายได้ท่ีได้รับในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายจาเป็นท่ีเกิดข้ึนในแต่ละเดือน และค่าใช้จ่ายท่ีเกี่ยวข้องกับเหตฉุ ุกเฉิน (ถา้ ม)ี ซึ่งส่งผลทาให้ไม่สามารถชาระหนี้ได้ตามจานวนท่ีเคยทาข้อตกลงไว้ และควรมีเอกสารท่ีเก่ียวข้องมาแสดงให้เจ้าหน้ีดูด้วย เช่น สลิปเงินเดือน ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลบันทกึ รายรบั -รายจ่ายที่จดเปน็ ประจา 3) แนวทางทต่ี ้องการให้สถาบนั การเงินชว่ ยเหลือปรับปรงุ โครงสร้างหน้ีกิจกรรมทา้ ยเรอ่ื งที่ 5 วธิ ีการแกไ้ ขปญั หาหนี้ (ให้ผเู้ รียนไปทากจิ กรรมทา้ ยเรื่องท่ี 5 ทส่ี มุดบนั ทึกกิจกรรมการเรยี นรู้) ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 สนิ เชือ่
129เร่ืองที่ 6 หน่วยงานทีใ่ หค้ าปรึกษาวิธกี ารแก้ไขปัญหาหนี้ เม่ือพบปัญหาหนี้ หลายคนอาจยังนึกไม่ออกว่าตนเองจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไรมีทางใดที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดจากปัญหาหนี้ได้บ้าง มีคนจานวนไม่น้อยที่เม่ือเจอกบั ปญั หาหนี้ทไ่ี มส่ ามารถแก้ไขได้ ก็ใช้วิธีการหลบหน้า ไม่รับโทรศัพท์ หรือย้ายที่อยู่เพื่อหนีทั้งที่บางคร้ังปัญหาหน้ียังมีหนทางที่จะแก้ไขได้ เพียงแค่เริ่มต้นที่มีคนช่วยชี้แนะแนวทางท่ีถกู ตอ้ งหน่วยงานทใี่ ห้คาปรึกษาวธิ ีการแก้ไขปัญหาหน้ี หากไม่ทราบว่าจะเร่ิมต้นแก้ไขปัญหาหน้ีอย่างไร หรือต้องการหาทางออกจากปัญหาหนี้ สามารถติดต่อหน่วยงานภาครัฐท่ีเก่ียวข้อง ซ่ึงพร้อมให้คาแนะนา คาปรึกษา เพ่ือช้ีแนะแนวทางแก่ผู้มีปัญหาหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในระบบหรือนอกระบบ โดยมีหน่วยงานหลักทส่ี ามารถติดตอ่ ขอคาแนะนา คาปรึกษา ดงั นี้หนี้ในระบบ - ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213หนี้นอกระบบ - ศนู ย์รบั แจ้งการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง โทร. 1359 นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐอ่ืน ๆ อีก ที่มีบทบาทสาคัญในการช่วยเหลือประชาชนและพรอ้ มให้คาแนะนาหรอื ช่วยหาทางแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ ได้ อาทิ - สายดว่ นของรฐั บาล สังกดั สานกั นายกรัฐมนตรี โทร. 1111 - ศนู ยด์ ารงธรรม สังกดั กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 - สานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สังกัดสานักงานอยั การสูงสุด โทร. 0 2142 2034 - ศูนย์ช่วยเหลือลูกหน้ีและประชาชนท่ีไม่ได้รับความเป็นธรรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม โทร. 0 2575 3344 - กองบังคับการปราบปรามการกระทาผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคสงั กดั สานกั งานตารวจแห่งชาติ โทร. 1135อย่างไรก็ตาม คาปรึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นเพียงแนวทางในการแก้ไขปัญหาหน้ีเท่าน้ันการตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาหน้ีแบบไหน หรือวิธีการใดท่ีเหมาะสมและสามารถปฏิบัติได้จริง ชุดวิชาการเงนิ เพื่อชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สินเชื่อ
130ขึ้นอยู่กับผู้มีปัญหาหนี้เป็นผู้พิจารณาว่าแบบใดจึงจะเหมาะกับตนเองโดยคานึงถึงปัจจัยต่าง ๆเช่น สถานการณ์ ความเปน็ ไปได้ และข้อจากดัเมอ่ื ถูกติดตามทวงถามหนี้ ถ้าถึงเวลาชาระหนี้แล้วลูกหน้ีไม่ชาระ หรือชาระล่าช้า เจ้าหน้ีสามารถติดตามทวงหน้ีได้ แต่การทวงหน้ีตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 เช่น ต้องแสดงตัวตนต่อลูกหน้ี โดยแจ้งชื่อและวัตถุประสงค์ในการติดต่อ หากเป็นผู้รับมอบใหท้ วงถามหน้ี ใหแ้ สดงหลักฐานการมอบอานาจให้ทวงถามหนีด้ ว้ ย ให้ติดต่อลูกหนี้ตามสถานที่ท่ีลูกหนี้ระบุไว้ ในวันเวลาที่กาหนด คือวันจันทร-์ ศุกร์ เวลา 08.00 - 20.00 น. และวนั หยดุ ราชการ เวลา 08.00 - 18.00 น. โดยติดต่อในจานวนครงั้ ทเ่ี หมาะสม หา้ มข่มขู่ ใช้ความรุนแรง หรือใชว้ าจาดูหมน่ิ ห้ามติดตอ่ ลูกหน้ีโดยใช้ไปรษณียบัตร โทรสาร หรือใช้ข้อความ เครื่องหมายสญั ลักษณบ์ นซองจดหมายท่ีสอื่ ว่าเปน็ การทวงหนี้ ห้ามทวงหนี้ในลักษณะท่ีเป็นเท็จ หรือทาให้เกิดความเข้าใจผิด เช่นใชส้ ัญลักษณ์ทีท่ าให้เขา้ ใจว่าเปน็ การกระทาของศาล เจ้าหนา้ ท่ขี องรัฐ ท้ังน้ี หากถูกติดตามทวงถามหนี้อย่างไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนกับหน่วยงานท่ีมีหน้าที่รับเร่ืองร้องเรียนตาม พ.ร.บ. การทวงถามหน้ี พ.ศ. 2558 โดยตรง ได้แก่กรมการปกครอง สถานีตารวจท้องท่ี สานักงานเศรษฐกิจการคลัง กองบัญชาการตารวจนครบาล ทท่ี าการปกครองจังหวดั และทว่ี า่ การอาเภอ ชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชีวติ 3 | หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สินเช่อื
131 บญั ญตั ิ 8 ประการ เพือ่ เป็นหน้อี ยา่ งเป็นสขุ 1. ก่อหนเี้ ม่อื จาเปน็ ควรเลอื กก่อหนี้ทด่ี ี และต้องเป็นหน้ีท่ีเกิดจากความจาเป็นมากกวา่ ความตอ้ งการหรอื ความอยากได้ 2. ไม่เน้นตามกระแส ไม่ควรเป็นหน้ีเพ่ือนาไปซื้อของฟุ่มเฟือยท่ีไม่มีความจาเปน็ ต่อการดารงชวี ติ ประจาวัน เพราะจะยิง่ ทาใหส้ ร้างหนเ้ี กินความจาเป็น 3. ไม่ดแี นถ่ ้าภาระหนี้เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดือน เม่ือใดท่ีจะก่อหน้ีควรดูความสามารถในการผ่อนชาระของตนเองด้วย โดยภาระผ่อนหน้ีที่มีอยู่ (ถ้ามี) บวกกับภาระผ่อนหนีใ้ หม่ เม่ือรวมกันแล้วไมค่ วรเกนิ 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ตอ่ เดอื น 4. อ่านและถามก่อนเซ็นสัญญา ในการทาสัญญาเงินกู้ ก่อนท่ีจะเซ็นชื่อในสัญญา ต้องอ่านสาระสาคัญและทาความเข้าใจเง่ือนไขการให้กู้ยืม เช่น จานวนเงินท่ีกู้ยืมทั้งที่เป็นตวั เลขและตัวอักษรต้องตรงกัน ระยะเวลาการกู้ อัตราดอกเบ้ีย เงื่อนไขการผิดนัดชาระหน้ีและเงอ่ื นไขการชาระหน้ี 5. ใช้เงินกู้ที่ได้มาตามวัตถุประสงค์ เม่ือได้สินเชื่อมาก็ควรใช้ให้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ทต่ี ้งั ใจไว้ ไม่นาไปใช้นอกลนู่ อกทาง 6. จ่ายตรงตามเวลา การชาระหนี้ล่าช้าอาจสร้างภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไปเชน่ ดอกเบย้ี หรือคา่ ปรบั กรณีชาระลา่ ช้า คา่ ติดตามทวงถามหน้ี 7. รีบเจรจาก่อนหนี้ท่วม ลูกหน้ีท่ีไม่ค่อยมีวินัย เช่น ผ่อนบ้าง ไม่ผ่อนบ้างผ่อนไม่ตรงกาหนดบ้าง อาจส่งผลให้ภาระหนี้สูงข้ึนเร่ือย ๆ หากมีปัญหาการชาระหน้ี ควรรีบเจรจากับเจา้ หน้เี พ่ือหาทางออกแกไ้ ขปัญหา 8. ไม่ตดิ บ่วงหน้ีนอกระบบ เพราะนอกจากดอกเบ้ียสูงเกินไปแล้ว หากไม่ชาระอาจถกู ทวงหนี้โหดได้กิจกรรมท้ายเรอ่ื งที่ 6 หนว่ ยงานท่ใี ห้คาปรึกษาวิธีการแก้ไขปญั หาหน้ี (ให้ผ้เู รียนไปทากจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 6 ทสี่ มดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชีวติ 3 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 สินเชื่อ
132 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สทิ ธแิ ละหนา้ ที่ของผู้ใช้บรกิ ารทางการเงินสาระสาคัญ ผู้ใช้บริการทางการเงินมีสิทธิท่ีพึงตระหนัก 4 ประการเพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการทางการเงินได้อย่างเหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเอง และยังมีหน้าท่ีท่ีควรปฏิบัตดิ ว้ ยความรับผดิ ชอบอีก 5 ประการเพื่อลดความเส่ียงและความเสียหายท่ีอาจเกิดจากการใช้บริการทางการเงิน รวมถึงรู้จักบทบาทหน้าที่ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.)และหน่วยงานท่ีรับเรอ่ื งร้องเรยี นอ่ืน ๆตวั ช้ีวดั 1. บอกสิทธขิ องผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ 2. บอกหน้าท่ขี องผ้ใู ช้บริการทางการเงนิ 3. บอกบทบาทหนา้ ทขี่ องศูนย์คมุ้ ครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน (ศคง.) และ หนว่ ยงานท่รี ับเรอ่ื งร้องเรียนอืน่ ๆ 4. บอกข้ันตอนการรอ้ งเรียน 5. บอกหลกั การเขียนหนงั สือรอ้ งเรยี นขอบข่ายเนื้อหา เร่อื งที่ 1 สิทธขิ องผ้ใู ชบ้ ริการทางการเงิน เร่อื งที่ 2 หน้าท่ีของผ้ใู ช้บรกิ ารทางการเงนิ เร่ืองท่ี 3 บทบาทศูนย์ค้มุ ครองผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงิน (ศคง.) และหนว่ ยงานท่ี รบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นอนื่ ๆ เรอ่ื งที่ 4 ข้นั ตอนการร้องเรยี นและหลักการเขยี นหนังสอื รอ้ งเรยี นเวลาท่ีใชใ้ นการศกึ ษา 10 ช่วั โมงส่ือการเรียนรู้ 1. ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 3 2. หนังสือร้รู อบเร่ืองการเงนิ ของศูนยค์ ้มุ ครองผใู้ ชบ้ รกิ ารทางการเงนิตอน รู้หนา้ ท่ี รักษาสิทธิ เข้าใจผลิตภณั ฑ์การเงิน 3. เวบ็ ไซต์ www.1213.or.th เฟซบกุ๊ www.facebook.com/hotline1213 ชุดวชิ าการเงินเพือ่ ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 สิทธิและหน้าทีข่ องผูใ้ ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
133เรอ่ื งที่ 1 สิทธขิ องผใู้ ช้บริการทางการเงนิ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินมีความหลากหลาย ซับซ้อน และเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วไปตามพัฒนาการทางเทคโนโลยี ผู้ใช้บริการทางการเงินจึงควรศึกษาหาความรู้เก่ียวกับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่าง ๆ รวมทั้งสิทธิและหน้าที่ในการเป็นผู้ใช้บริการทางการเงินเพ่ือให้สามารถเลือกใช้บริการอย่างมั่นใจ ตรงกับความต้องการ ไม่เสียสิทธิที่พึงได้ และเป็นผู้ใช้บริการทางการเงินท่ีทาหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุดโดยผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงนิ มีสทิ ธิ 4 ประการ ดงั นี้ 1. สิทธิท่ีจะได้รับข้อมูลท่ีถูกต้อง (right to be informed) ผู้ใช้บริการทางการเงินมีสิทธิท่จี ะไดร้ ับข้อมูลท่ถี ูกต้องเกี่ยวกับบริการที่สนใจ โดยเจ้าหน้าที่สถาบันการเงินต้องอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจในการใช้บริการ เช่น ลักษณะสาคัญของผลิตภัณฑ์ ผลประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ ความเสี่ยง ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนเมื่อไม่ทาตามเงือ่ นไข และการใชส้ ือ่ ทางการตลาดเพือ่ สง่ เสริมการขายต้องไม่ชวนเช่ือเกินจริง ไม่ทาให้ผู้ใช้บริการเขา้ ใจผิด เม่ือไดร้ ับขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ งและครบถว้ นแลว้ ผใู้ ชบ้ ริการทางการเงินก็ควรพิจารณาตรวจสอบ และสอบถามรายละเอียดให้แน่ใจก่อนตัดสินใจใช้บริการ เพ่ือให้ได้ผลิตภัณฑ์และบริการทเ่ี หมาะสมและตรงความตอ้ งการของผใู้ ชบ้ ริการ 2. สิทธิท่ีจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างอิสระ (right to choose)เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินสามารถนาเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ท่ีผู้ใช้บริการทางการเงินต้องการ แต่ผู้ใช้บริการทางการเงินควรเลือกผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินทีต่ ้องการจรงิ ๆ เท่านัน้ โดยคานึงถึงความจาเป็น ประโยชน์ท่ีได้รับ ความคุ้มค่า รวมถึงความสามารถในการรับภาระค่าใช้จ่ายท่ีเก่ียวข้อง หากผู้ใช้บริการไม่ต้องการผลิตภัณฑ์และบริการทีเ่ จ้าหนา้ ท่ีเสนอขาย กส็ ามารถปฏิเสธได้ 3. สิทธิท่ีจะร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม (right to be heard) หากผู้ใช้บริการทางการเงินพบว่าตนเองได้รับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องหรือถูกเอาเปรียบ เช่น ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ถูกบังคับให้ซ้ือผลิตภัณฑ์ทางการเงินท่ีไม่ต้องการ ถูกทาให้เข้าใจผิดเก่ียวกับผลิตภัณฑ์ คานวณดอกเบ้ียผิด ก็สามารถร้องเรียนไปยังสถาบันการเงินท่ีใช้บริการ และหากยังไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรม กส็ ามารถรอ้ งเรยี นไปยงั หนว่ ยงานที่กากับดูแลได้ชุดวชิ าการเงนิ เพือ่ ชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 สทิ ธิและหนา้ ทีข่ องผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ
134 4. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาค่าชดเชยหากเกิดความเสียหาย (right toredress) ผู้ใช้บริการทางการเงินมีสิทธิได้รับการชดเชยตามความเหมาะสม หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นความผิดพลาดของสถาบันการเงิน เช่น ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวนโยบายท่ีเกี่ยวข้องกับการนาเสนอข้อมูลหรือการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน หรือปฏิบัติงานท่ีเก่ียวข้องกับการให้บริการทางการเงินอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้ใช้บริการได้รับความเสียหาย เช่น เจ้าหน้าที่ธนาคารขโมยเงินฝากจากบัญชี ระบบไม่ตัดเงินจากบัญชีทาให้มียอดหนี้ค้างชาระ แต่ผู้ใช้บริการทางการเงินจะไม่ได้รับการชดเชยหากความผิดพลาดนั้นเกิดจากผู้ใช้บริการเอง เช่น ฝากสมุดบัญชีไว้กับเจ้าหน้าท่ีธนาคารเพ่ือทารายการแทน โอนเงินจากเครือ่ งเอทเี อม็ ไปผิดบญั ชหี รือใสต่ วั เลขจานวนเงินผดิกิจกรรมท้ายเร่อื งที่ 1 สทิ ธขิ องผูใ้ ช้บริการทางการเงิน (ใหผ้ ู้เรียนไปทากจิ กรรมท้ายเรือ่ งที่ 1 ที่สมดุ บันทกึ กิจกรรมการเรยี นรู้) ชุดวิชาการเงนิ เพ่อื ชวี ติ 3 | หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 สิทธแิ ละหนา้ ทข่ี องผูใ้ ชบ้ ริการทางการเงิน
135เร่ืองที่ 2 หนา้ ทขี่ องผ้ใู ช้บริการทางการเงิน นอกจากสถาบันการเงินต้องให้บริการด้วยความรับผิดชอบแล้ว ผู้ใช้บริการทางการเงินยังมี “หน้าที่” ท่ีควรปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบเพ่ือลดความเส่ียงและความเสียหายท่ีอาจเกดิ ข้ึนจากการใชบ้ ริการทางการเงิน โดยหน้าทขี่ องผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงินมดี ังนี้ 1. วางแผนการเงิน เพื่อจัดการรายจ่ายให้เหมาะสมกับรายรับ ซ่ึงจะทาให้ทราบฐานะทางการเงินของตนเอง และหากมีปัญหาทางการเงิน ก็จะสามารถมองเห็นสัญญาณและวางแผนรบั มือกบั ปญั หาลว่ งหนา้ ได้ 2. ติดตามข้อมูลข่าวสารทางการเงินอย่างสม่าเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกใช้บริการให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเอง นอกจากข่าวสารเกี่ยวกับบริการทางการเงินแล้ว ภัยทางการเงินก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้บริการทางการเงินไม่ควรละเลยเพราะการติดตามข่าวสารจะทาให้เข้าใจและรู้ทันรูปแบบการหลอกลวงของมิจฉาชีพและสามารถปอ้ งกันตวั เองจากมิจฉาชีพได้ 3. ศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลก่อนเลือกใช้ จะทาให้เข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์และบริการ เงื่อนไขที่เก่ียวข้อง ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ความเส่ียง และต้องไม่ลืมทจ่ี ะเปรยี บเทยี บผลิตภณั ฑ์ที่สนใจจากหลาย ๆ แหล่ง เช่น สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจสินเช่ือที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เพ่ือเลือกสิ่งที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุด เช่น สอบถามพนักงาน อ่านและทาความเข้าใจหนังสือชี้ชวนหรือเอกสารสรุปข้อมูลสาคัญประกอบการเสนอขายผลิตภัณฑ์ (fact sheet) เพ่ือเปรียบเทียบผลติ ภณั ฑ์ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 สิทธแิ ละหน้าทีข่ องผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
136 ร้หู รอื ไมว่ า่fact sheet ช่วยคณุ ได้อยา่ งไร fact sheet หรือเอกสารสรุปข้อมูลสาคัญของผลิตภัณฑ์ คือ ข้อมูลที่สถาบันการเงนิ จดั ทาข้นึ เพอ่ื เปิดเผยใหล้ ูกคา้ ได้ทราบข้อมลู เกยี่ วกับผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภทที่มีความซับซ้อน เช่น สินเชื่อเพ่ือที่อยู่อาศัยบัญชีเงนิ ฝากแบบขน้ั บนั ไดมอี ะไรอย่ใู น fact sheet 1. ลักษณะสาคัญของผลิตภัณฑ์ เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์ อัตราดอกเบี้ยวธิ คี ดิ ดอกเบ้ยี 2. ค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมที่สถาบันการเงินอาจเรียกเก็บจากการซื้อผลิตภัณฑ์หรอื ใช้บริการเหล่าน้ี 3. เง่อื นไขและข้อกาหนดทคี่ วรทราบ fact sheet จะเป็นตัวช่วยที่ทาให้คุณรู้จักผลิตภัณฑ์น้ัน ๆ มากข้ึน และยังสามารถใชเ้ ปรยี บเทยี บกับผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกันของสถาบันการเงินอื่น ๆ จึงช่วยให้คุณตัดสินใจเลอื กผลติ ภัณฑ์ได้งา่ ย และตรงกับความต้องการดว้ ย อ่าน fact sheet ทกุ ครั้งกอ่ นตดั สนิ ใจ เพ่ือประโยชนส์ งู สุดของคณุ เอง นอกจากนี้ ก่อนลงนามหรือเซ็นช่ือในสัญญาทาธุรกรรมใด ๆ ผู้ใช้บริการทางการเงินควรอา่ นรายละเอียดสัญญาให้ถี่ถ้วน และต้องเข้าใจเง่ือนไขของสัญญาก่อนลงนาม หากไมเ่ ขา้ ใจ ให้สอบถามเจา้ หน้าที่ เพ่อื ป้องกันปญั หาที่อาจเกดิ ข้นึ ภายหลัง 4. ตรวจทานความถูกต้องของธุรกรรมทางการเงินทุกคร้ัง เพ่ือรักษาผลประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างย่ิงข้อมูลท่ีสาคัญ เช่น ชื่อบัญชี เลขท่ีบัญชี จานวนเงินหากพบวา่ ไม่ถูกตอ้ ง ควรรบี แจ้งเจ้าหน้าทที่ นั ที 5. ชาระหนี้เมื่อเป็นหน้ี ก่อนก่อหนี้ให้ดูความสามารถในการชาระหนี้ของตนเอง ซึง่ หากมีความจาเป็นและสามารถผ่อนชาระไหว กส็ ามารถก่อหนี้ได้ และเมื่อเป็นหนี้แล้วผู้ใช้บริการทางการเงินมีหน้าที่ที่จะต้องชาระหน้ีนั้น หากไม่ชาระหนี้ นอกจากจะทาให้หน้ีเพ่ิมขึ้นเพราะดอกเบี้ยแล้ว ก็จะทาให้ประวัติเครดิตเสีย และเมื่อต้องการกู้เงินเพ่ือส่ิงจาเป็นในอนาคต อาจถกู ปฏเิ สธการขอกู้ได้กิจกรรมทา้ ยเรอื่ งที่ 2 หนา้ ท่ีของผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงิน (ให้ผู้เรยี นไปทากิจกรรมท้ายเรือ่ งที่ 2 ท่ีสมดุ บันทกึ กจิ กรรมการเรยี นร)ู้ ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สิทธิและหนา้ ท่ีของผใู้ ช้บริการทางการเงิน
137เรอ่ื งท่ี 3 บทบาทศูนยค์ ุ้มครองผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงนิ (ศคง.) และหนว่ ยงานที่รับเร่อื งรอ้ งเรียนอนื่ ๆศูนย์คมุ้ ครองผใู้ ชบ้ ริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติได้กาหนดให้การคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินเป็นหน่ึงในยุทธศาสตร์สาคัญ โดยจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ข้นึ เมื่อเดือนมกราคม 2555 เพ่ือใหเ้ ป็นศนู ยก์ ลางในการดาเนินงานด้านการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินอย่างเป็นระบบ ผ่านการส่งเสริมความรู้และดูแลเรื่องร้องเรียนเก่ียวกับบรกิ ารทางการเงิน เพือ่ ใหส้ ามารถตอบสนองตอ่ ความคาดหวังของประชาชนได้ดียิ่งข้ึน และเอ้ือต่อการดาเนินการทสี่ อดประสานกบั หน่วยงานภายนอกโดยมีหนา้ ท่หี ลกั 3 ประการ คือ 1. ดูแลเร่ืองร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับบริการทางการเงินของผู้ให้บริการทางการเงินที่อยู่ภายใต้การกากับของ ธปท. (ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ บริษัทบัตรเครดิต บริษัทสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกากับ บริษัทสินเชื่อรายย่อยเพ่ือการประกอบอาชีพภายใต้การกากับ (นาโนไฟแนนซ์)ผใู้ ห้บริการการชาระเงนิ ทางอิเล็กทรอนิกส์ และผปู้ ระกอบธุรกิจปัจจัยชาระเงินตราต่างประเทศ(เช่น การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ) รวมท้ังบริการทางการเงินอื่นท่ีแบงก์ชาติดูแล เช่นธนบัตร พนั ธบตั ร กฎระเบยี บธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ 2. ส่งเสริมความรู้เก่ียวกับบริการทางการเงิน เพ่ือให้ประชาชนมีความรู้พ้นื ฐานทางการเงนิ เพียงพอที่จะดูแลตนเองได้ ตระหนักถึงความสาคัญของการวางแผนการเงินการมีวินัยทางการเงิน เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเอง สามารถเลือกใช้บริการทางการเงินได้อย่างเหมาะสม และรเู้ ท่าทันเล่ห์เหล่ียมกลโกง 3. ส่งเสริมบทบาทหน้าท่ีของ ธปท. ในการกากับดูแลให้สถาบันการเงินให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม โดยการส่งข้อมูลปัญหา ข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก ธปท. เพ่ือนาไปใช้ในการกากับดูแลสถาบันการเงินให้ดาเนนิ การอยา่ งถูกต้อง เป็นธรรม และคานึงถงึ สทิ ธิของผูใ้ ชบ้ ริการทางการเงินชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชวี ติ 3 | หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องผูใ้ ชบ้ ริการทางการเงนิ
138หนว่ ยงานทร่ี ับเรื่องร้องเรยี นอ่นื ๆ สาหรับผลิตภัณฑ์และผู้ให้บริการทางการเงินท่ีไม่ได้อยู่ภายใต้การกากับดูแลของแบงกช์ าติ ผู้ใช้บริการสามารถขอคาแนะนาหรือรอ้ งเรยี นได้ดงั น้ี 1. สานักงานคณะกรรมการกากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)มีหน้าท่ีให้คาปรึกษา แนะนา รับเร่ืองร้องเรียนเกี่ยวกับบริการของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลกั ทรัพยจ์ ัดการกองทุน เช่น หุน้ สามัญ กองทนุ รวม สัญญาซ้อื ขายลว่ งหน้า โทร. 1207 2. สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) มหี น้าท่ีใหค้ าปรึกษา แนะนา รบั เรือ่ งร้องเรยี นเกย่ี วกับบรกิ ารของบริษัทประกันภัย เช่นประกันชวี ติ ประกันวินาศภยั โทร. 1186 3. สานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มีหน้าที่ให้คาปรึกษา แนะนา รับเร่ืองร้องเรียนเกี่ยวกบั การเงินนอกระบบ เชน่ หนีน้ อกระบบ แชรล์ ูกโซ่ โทร. 1359 4. บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากัด (เครดิตบูโร) มีหน้าที่ให้คาปรึกษาแนะนา รับเรือ่ งรอ้ งเรียนเกีย่ วกับขอ้ มลู ประวัติเครดิต โทร. 0 2643 1250 5. สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีหน้าที่ให้คาปรึกษาแนะนา ร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าและบริการท่ัวไป เช่น การโฆษณาเกินจริง การไม่ปฏิบัติตามสัญญา โทร. 1166 6. หน่วยงานทีร่ ับเรื่องรอ้ งเรยี นเกีย่ วกับการทวงหนอ้ี ยา่ งไมเ่ หมาะสม 1) กรมการปกครอง โทร. 0 2356 9660 2) สานักงานเศรษฐกจิ การคลงั โทร. 1359 3) ท่ที าการปกครองจงั หวัด 4) กองบญั ชาการตารวจนครบาล โทร. 0 2354 5249 5) สถานตี ารวจ 6) ท่ีวา่ การอาเภอกจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งที่ 3 บทบาทศนู ยค์ ุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงนิ (ศดง.) และหน่วยงานทรี่ บั เรื่องรอ้ งเรียนอืน่ ๆ(ใหผ้ เู้ รียนไปทากจิ กรรมทา้ ยเรือ่ งท่ี 3 ทส่ี มดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรียนร้)ู ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สิทธแิ ละหน้าท่ขี องผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงิน
139เรือ่ งที่ 4 ขน้ั ตอนการรอ้ งเรยี นและหลกั การเขียนหนังสอื ร้องเรียนข้นั ตอนการร้องเรียน หากได้รับการปฏิบัติท่ีไม่ถูกต้องหรือถูกเอาเปรียบจากสถาบันการเงินหรือผู้ใหบ้ รกิ ารทางการเงิน เช่น ไดร้ ับขอ้ มูลไม่ถูกตอ้ งทาใหเ้ ขา้ ใจผิดในตัวผลิตภัณฑ์ คานวณดอกเบ้ียผดิ ผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ สามารถร้องเรยี นไดต้ ามขัน้ ตอนดังนี้ 1. ร้องเรียนที่ศูนย์บริการลูกค้า (call center) ของสถาบันการเงินหรือผ้ใู หบ้ รกิ ารทางการเงินนน้ั ๆ เพ่อื แจง้ เรือ่ งรอ้ งเรียนหรอื ปญั หาทีพ่ บ 2. หากไม่ได้รับการติดต่อกลับภายในระยะเวลาการให้บริการมาตรฐาน10หรือไม่ได้รับการปฏิบัติท่ีเหมาะสม สามารถขอรับคาปรึกษาได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213 ในวันจันทร์ - วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 12.00 น. และ13.00 - 16.30 น. หรอื ช่องทางอ่นื ๆ ดังนี้ 1) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) ของ ศคง. [email protected] โดย กรอกขอ้ มลู ตามแบบฟอร์มใน www.1213.or.th11 2) เว็บไซต์ ศคง. www.1213.or.th 3) ร้องเรียนด้วยตนเอง เพื่อติดต่อขอพบเจ้าหน้าท่ีตามเวลาราชการ โดยการนัดหมายลว่ งหนา้ 4) จดหมาย/โทรสาร (fax) ตามทีอ่ ยูห่ รอื หมายเลขโทรสาร ดงั นี้ภาคกลาง ผูอ้ านวยการ ศนู ย์คุม้ ครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ ธนาคารแห่งประเทศไทย สานกั งานใหญ่ 273 ถนนสามเสน แขวงวดั สามพระยา เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 โทรสาร (fax) 0 2283 6151 10 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยศนู ยค์ ุม้ ครองผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ (ศคง.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และสาขาของธนาคารพาณิชยต์ า่ งประเทศทีใ่ ห้บริการลกู ค้าบุคคลธรรมดารายย่อย รวม 18 ธนาคาร กาหนดมาตรฐานการใหบ้ รกิ ารของแต่ละธนาคาร (SLA) โดยจดั ทาเปน็ ตารางแสดงระยะเวลาการให้บรกิ ารของธนาคารแตล่ ะแห่งเผยแพรผ่ ่านทางเวบ็ ไซต์ ศคง. www.1213.or.th โดยเลอื ก ขอ้ มลู เปรียบเทยี บ เลือก SLA 11 สามารถพิมพไ์ ดจ้ าก www.1213.or.th โดยเลือก เก่ยี วกับ ศคง. เลอื ก ขอรบั คาปรกึ ษาหรอืรอ้ งเรียน เลอื ก 04 อเี มล ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชีวิต 3 | หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 สิทธแิ ละหนา้ ที่ของผใู้ ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
140 ผอู้ านวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานภาคเหนอืภาคเหนือ 68/3 ถนนโชตนา ตาบลชา้ งเผือก อาเภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่ 50300 หมายเลขโทรสาร (fax) 0 5393 1103 ผอู้ านวยการอาวุโสภาค ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สานกั งานภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตะวันออก 393 ถนนศรีจนั ทร์ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมอื ง จงั หวัดขอนแก่นเฉียงเหนอื 40000 หมายเลขโทรสาร (fax) 0 4324 1045 ผอู้ านวยการอาวโุ สภาคใต้ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สานกั งานภาคใต้ 472 ถนนเพชรเกษม อาเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา 90110 หมายเลขโทรสาร (fax) 0 7423 4701 อยา่ งไรกด็ ี มเี รื่องรอ้ งเรยี นทีอ่ ยู่นอกเหนอื ขอบเขตการดาเนนิ การของ ศคง. เชน่ เร่ืองร้องเรียนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ การกากับดูแลของ ธปท. เร่ืองร้องเรียนที่ศาลมีคาวินิจฉัย คาส่ัง หรือคาพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว หรือ เร่อื งท่ีอยใู่ นระหวา่ งการพจิ ารณาของศาล เร่ืองที่ขอให้ ธปท. ฟ้องร้องคดีแทน/ช่วยเหลือเงินในการต่อสู้คดี/ช่วยจัดหาหรือ วา่ จา้ งทนายความใหผ้ ู้รอ้ งเรียน เรื่องท่ีขอให้ ธปท. เรียกร้อง/สั่งการให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ การกากับดูแลของ ธปท. ชดใช้คา่ เสยี หายตามขอ้ พิพาททคี่ สู่ ัญญาผูกพนั กนั ทางแพง่ เรื่องที่เป็นกรณีพิพาทระหว่างพนักงานของสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ภายใตก้ ารกากับดแู ลของ ธปท. กบั สถาบนั การเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจข้างต้น ที่ไม่ เกีย่ วขอ้ งกับกฎหมายที่ ธปท. กากับดแู ล เรอ่ื งท่ีร้องเรียนซ้าเรื่องเดิม ซึ่ง ธปท. ได้เคยดาเนินการจนผู้ร้องเรียนได้รับคาชี้แจงแล้ว หรือเร่อื งรอ้ งเรียนท่ขี อโตแ้ ยง้ ผลการพจิ ารณาโดยผู้ร้องเรียนไม่มีข้อมูลใหม่เพ่ิมเติม/ การดาเนนิ การทอ่ี ย่ใู นอานาจหน้าทข่ี องหน่วยงานราชการ/ผูก้ ากบั ดูแลอ่นื ชุดวิชาการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 3 | หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สิทธิและหน้าที่ของผู้ใชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
141 เรื่องขอความอนุเคราะห์ซ่ึงเป็นดุลยพินิจทางธุรกิจของสถาบันการเงินหรือ ผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกากับดูแลของ ธปท. และไม่มีข้อขัดต่อกฎหมายหรือ กฎเกณฑ์หรือแนวนโยบายของ ธปท. เช่น การขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การขอเพ่ิม วงเงินสินเชื่อ การขอลด/ยกเว้นดอกเบ้ยี ค่าธรรมเนียม หรอื ค่าปรับตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ เรอื่ งท่ีเปน็ กรณีสมมติและใหพ้ จิ ารณาแสดงความเห็นวา่ ถกู หรือผดิ การขอตรวจสอบขอ้ มูลของบุคคลอื่น การขอข้อมูลที่ ธปท. ไมใ่ ช่เจ้าของข้อมูลหลักการเขยี นหนังสอื รอ้ งเรียน ในการร้องเรียน ควรเตรียมเอกสารท่ีเก่ียวข้องให้ครบถ้วน เช่น เอกสารแสดงตัวตน (สาเนาบัตรประจาตัวประชาชน/หนังสือเดินทาง) เอกสารประกอบเรื่องร้องเรียน (เช่นสาเนาใบแจง้ หน/ี้ สญั ญา) โดยควรดาเนนิ การ ดงั น้ี เลา่ เหตุการณส์ าคัญโดยมกี ารเรียงลาดบั เหตุการณ์ ให้ขอ้ มลู ท่สี าคัญและจาเป็นให้ครบถว้ น แจ้งส่งิ ท่ตี อ้ งการใหส้ ถาบันการเงินดาเนินการ แจง้ ข้อมูลสว่ นตัว เช่น ช่อื ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ท่ีสามารถตดิ ต่อได้ แนบเอกสารท่เี ก่ยี วขอ้ งให้ครบถว้ นกจิ กรรมท้ายเรือ่ งท่ี 4 ข้ันตอนการร้องเรียนและหลักการเขียนหนังสอื รอ้ งเรยี น (ให้ผูเ้ รียนไปทากิจกรรมทา้ ยเรื่องที่ 4 ท่ีสมดุ บนั ทกึ กจิ กรรมการเรยี นร)ู้ ชุดวชิ าการเงินเพอื่ ชวี ิต 3 | หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 สิทธิและหน้าท่ีของผ้ใู ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240