บทคัดย่อรูปแบบการสอนเคมี PEPSE ปรีช์ญภัทร

ชอ่ื เรอื่ ง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ผู้วิจยั ความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียน ปีท่ีวิจัย ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 นางสาวปรีช์ญภัทร เล่งระบำ 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและ สมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการ จัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส สำหรบั นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ใหม้ ีประสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 75/75 3) เพ่ือศึกษาผลการทดลอง ใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและ สมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการ จัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยกำหนดรูปแบบการทดลองแบบหนึ่งกลุ่ม ทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pre-test Post-test Design) เครอ่ื งมอื ที่ใช้ในการวจิ ยั ได้แก่ 1) แผนการจดั การเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom จำนวน 10 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฉบับรวม ก่อนเรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.77 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.30 - 0.43 มคี า่ ความเชื่อม่ันทง้ั ฉบับเท่ากบั 0.89 3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาฉบับรวมก่อน เรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 25 ข้อ ซึ่งค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.77 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.23 - 0.50 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วย รูปแบบการจดั การเรยี นรูว้ ิชาเคมีท่ผี ู้วจิ ยั ไดส้ ร้างข้ึน ซ่งึ ผ่านการทดลองใชแ้ ละมีประสิทธภิ าพ โดยผ่าน การตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว เป็นแบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 โรงเรียนสีค้ิว “สวัสดิ์ผดุงวิทยา” ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่าง แบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย

( x ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) สถิติทดสอบที (t-test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจยั พบว่า การวิจยั เรอื่ ง “การพัฒนารูปแบบการจดั การเรียนร้วู ชิ าเคมีตามแนวคิดทฤษฎกี ารสร้าง องค์ความรู้ ร่วมกับเทคนิค Flipped Classroom เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ ความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 5” (PEPSE Model) สรปุ ผลการวจิ ยั ได้ดงั น้ี 1. ข้อมูลพื้นฐานตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษาในการพัฒนา รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพโดยยึดความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ส่งเสริมทักษะกระบวนการ ให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษ ะ การคิด ส่วนผลการศึกษาความต้องการของครูและนักเรยี นต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้วชิ าเคมี ท่มี ีการฝึกทกั ษะการคิดของนักเรยี น มกี จิ กรรมรว่ มมอื กนั เรยี นรู้ และนกั เรยี นสร้างและพบความรู้ด้วย ตนเอง 2. การพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎี การสรา้ งองคค์ วามรู้ เพือ่ พัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปญั หา เรอื่ ง แก๊ส และสมบตั ิของแก๊ส สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 (PEPSE Model) ประกอบดว้ ยองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบคือ องค์ประกอบเชิงหลักการและวัตถุประสงค์ องค์ประกอบเชิงกระบวนการและ องค์ประกอบเชงิ เงอื่ นไขการนำรปู แบบไปใช้ กระบวนการเรียนการสอนมี 5 ข้นั คือ ขัน้ ที่ 1) ขนั้ เตรียม ความพรอ้ มเข้าสู่บทเรยี น (Preparation : P) ขนั้ ท่ี 2) ค้นหาความรแู้ ละทักษะพ้นื ฐาน (Exploration Knowledge and Skill: E) ขนั้ ที่ 3) ขั้นฝกึ ทกั ษะ (Practical Skill : P) ขัน้ ที่ 4) ขัน้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Sharing: S) ขั้นที่ 5) ขั้นประเมินผลการเรียนรู้ (Evaluation : E) ผลการตรวจสอบคุณภาพโดย ผู้เชี่ยวชาญ 5 คนได้ค่าความเหมาะสม/สอดคล้องมีค่าเฉลี่ย ( x ) เท่ากับ 4.88 และ SD = 0.32 แสดงว่ารูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสมและสอดคล้องเชิงโครงสร้างสามารถ นำไปทดลองใช้ได้ ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรยี นรู้วิชาเคมี ตามแนวคิดทฤษฎีการ สร้างองค์ความรู้ เพ่ือพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรอ่ื ง แกส๊ และ สมบัติของแกส๊ สำหรบั นักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 (PEPSE Model) ไดค้ ่าประสิทธภิ าพของรูปแบบ การจดั การเรียนรู้ (E1/E2) เทา่ กบั 82.54/81.25 ซึง่ เปน็ ไปตามเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ ความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติ ของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 สงู ขน้ึ กว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิที่ .05 และความสามารถในการ แก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5 สูงข้นึ กวา่ ก่อนการทดลองอย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติท่ี .05 4. การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนรู้วิชาเคมีตามแนวคิดทฤษฎี การสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการ เรยี นรู้ วิชาเคมี อยู่ในระดับมากทส่ี ุด มีค่าเฉล่ีย ( x ) = 4.86 ค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน (SD) = 0.33