ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 1 – 3 กลุ่มพฒั นาระบบการแนะแนว สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คานา 1ก แผนการจัดกจิ กรรมแนะแนวฉบับน้ี จดั ทาขนึ้ เพือ่ เปน็ แนวทางในการจัดกิจกรรมแนะแนว ในช้ันเรียนให้กับคุณครูและบุคลากรที่สนใจและรับผิดชอบในงานแนะแนว ในการนาไปเป็นแนวทาง ในการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความร่วมมือของบุคลากรทุกฝุาย ในโรงเรียน ทั้งน้ีเน่ืองจากการจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) ว่ากจิ กรรมแนะแนวเปน็ กจิ กรรมส่งเสริมและพัฒนาความสามารถ ของผู้เรียนให้เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิงพหุป๎ญญา และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี โดยสอดคล้องกับทิศทางของแผนพัฒนาการแนะแนวการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ฉบับท่ี 1 (พ.ศ.2561 – 2565) ท่ีกล่าวถึงวิสัยทัศน์ของการแนะแนวท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีสมรรถนะด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม มีสุขภาวะท่ีดี มีทักษะชีวิต และทักษะที่สาคัญจาเป็นในศตวรรษท่ี 21 ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง โดยมีพันธกิจ ดังน้ี 1) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยใช้กระบวนการแนะแนว การใหค้ าปรกึ ษา ให้มสี มรรถนะทางการศึกษาอาชพี สว่ นตวั และสังคม เพ่ือ การศึกษาและการมีงานทา 2. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีสุขภาวะท่ีดีมีทักษะชีวิต มีทักษะที่สาคัญ จาเป็นในศตวรรษที่ 21 ดารงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3. พัฒนาระบบการแนะแนวใน สถานศกึ ษาใหไ้ ดม้ าตรฐาน 4. สง่ เสริม สนับสนนุ และสร้างภาคเี ครือขา่ ยความรว่ มมอื ด้านการแนะแนว เพื่อให้การจัดกิจกรรมแนะแนวในช้ันเรียนของสถานศึกษาสามารถดาเนินกิจกรรมได้บรรลุ วัตถุประสงค์และเปูาหมายของการจัดกิจกรรมแนะแนว จึงได้จัดทาแผนการจัดกิจกรรมแนะแนวฉบับน้ี ขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อพัฒนานักเรียนให้มี คุณลักษณะที่พึงประสงค์ พร้อมกับส่งเสริมการจัดกิจกรรมแนะแนวในชั้นเรียนของสถานศึกษาให้มี ประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธิผลต่อไป คณะผจู้ ัดทา สารบัญ
คานา หน้า สารบญั บทนา ก แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ข ตารางวิเคราะห์จุดประสงคก์ ารเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว 1 โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนว 6 แผนการจัดกจิ กรรมแนะแนว 8 13 - ด้านการศกึ ษา - ด้านอาชีพ 20 - ดา้ นสว่ นตวั และสงั คม 69 บรรณานุกรม 107 คณะทางาน 167 168 ข 2
บทนา 1
บทนำ 2 ตามแผนการศึกษาชาติ (2560-2579) ได้ระบุถึงป๎ญหาและความท้าทายของระบบการศึกษา ของกลุ่มเด็กในวัยเรียนท่ีนักเรียนยังประสบป๎ญหาทางพฤติกรรมและอารมณ์ การขาดทักษะการคิด ที่จะ พิจารณา แยกแยะ คัดกรองค่านิยมตามบรรทัดฐานท่ีดีของสังคมไทย รวมถึงการขาดทักษะชีวิตของนักเรียน ซ่ึงส่งผลสืบเนื่องสู่ป๎ญหาการติดยาเสพติด การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร การประสบป๎ญหาการวางแผน การศกึ ษาต่อและ การเลอื กศกึ ษาต่อทีไ่ ม่ตรงตามความสนใจและศักยภาพของตนเอง ส่งผลต่อการเกิดป๎ญหา ในการประกอบอาชพี ในอนาคต การจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ระบุว่า กระบวนการแนะแนวเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ท่ีมุ่งเน้นการทางานในเชิงปูองกันความเสี่ยง แกไ้ ขปญ๎ หา สง่ เสริมพฒั นาสมรรถนะอันพงึ ประสงคใ์ ห้นักเรียน ใหร้ จู้ ักเขา้ ใจตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม ส่งเสริม ทักษะกระบวนการคิด การตัดสินใจ การคิดแก้ป๎ญหา สามารถกาหนดเปูาหมายในชีวิตของตนเองท้ังด้าน การศึกษาอาชีพ ตลอดจนสามารถปรับตัวดารงชีวิตเป็นสมาชิกท่ีมีคุณภาพในสังคม อย่างมีความสุข ควบคู่ การมีคุณธรรม ตามทศิ ทางของแผนพัฒนาการแนะแนวการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2561 – 2565) ที่ กล่าวถึงวิสยั ทศั น์ของการแนะแนวท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีสมรรถนะด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม มีสุข ภาวะที่ดี มีทักษะชีวิต และทักษะท่ีสาคัญจาเป็นในศตวรรษ ท่ี 21 ให้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีพันธกิจ ดังน้ี 1) ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพตนเอง โดยใช้กระบวนการ แนะแนวการให้คาปรึกษา ให้มีสมรรถนะทางการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและสังคม เพ่ือการศึกษาและการมีงานทา 2) สง่ เสรมิ และพฒั นาผูเ้ รยี น ให้มีสุขภาวะท่ีดี มีทักษะชีวิต มีทักษะ ที่สาคัญจาเป็นในศตวรรษที่ 21 ดารงชีวิตตาม หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 3) พัฒนาระบบการแนะแนวในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน 4) ส่งเสริม สนับสนุน และ สร้างภาคีเครอื ข่ายความร่วมมอื ดา้ นการแนะแนว จากแผนพัฒนาการแนะแนวการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2561–2565) ที่สอดรับกับ แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มุ่งหวังให้การบริหารจัดการแนะแนวสัมฤทธิผลในการส่งเสริมบุคคลในทุกช่วงวัย ของชีวิต โดยเฉพาะผู้อยู่ในวัยเรียน ให้รู้จัก เข้าใจตนเอง มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม มีทักษะชีวิต อยู่ดีมีสุข พฒั นาตนเองและสงั คมได้เต็มตามศกั ยภาพ สเู่ ปาู หมายการพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้มีคุณธรรมเป็น พลเมอื งที่ดีของสังคมไทยและสามารถปรับตวั เปน็ พลเมืองโลกได้อย่างมคี วามสขุ อย่างย่งั ยนื การแนะแนว หมายถึง กระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้เข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อมสร้าง เสริมให้เขามีคุณภาพเหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล ค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน มีทักษะ การดาเนินชีวิต มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม จริยธรรม รู้จักการเรียนรู้ในเชิงพหุป๎ญหารู้จักคิด ตัดสินใจ แกป้ ๎ญหาโดยจดุ หมายของการแนะแนว คือการปูองกันป๎ญหา แก้ไขและการพัฒนาให้ทุกคนไปสู่จุดหมายของ ชีวิตท่ีตอ้ งการ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของผู้เรียน ให้เหมาะสม ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน เสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะ
ทางอารมณ์ การเรียนรู้ในเชิงพหุป๎ญญา และการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ซ่ึงครูแนะแนวทุกคนต้องทาหน้าที่ 3 แนะแนวใหค้ าปรกึ ษาด้านชีวิต การศกึ ษาตอ่ และการพฒั นาตนเองส่โู ลกอาชีพและการมงี านทา หลักการจัดกิจกรรมแนะแนว มีหลกั การในการดาเนนิ การดังน้ี 1. จดั กจิ กรรมใหส้ อดคล้องกบั สภาพป๎ญหา ความต้องการและธรรมชาตขิ องนกั เรยี น 2. จัดกิจกรรมใหค้ รอบคลมุ เนอ้ื หาสาระดา้ นการศึกษา อาชีพ สว่ นตวั และสังคม 3. ประสานความร่วมมือกับทุกฝุายที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนานักเรียน ต้ังแต่ผู้บริหาร ครูทุกคน ผู้ปกครอง ชุมชน ร่วมมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการดาเนินการ ให้ความร่วมมือและสนับสนุนให้การจัด กิจกรรมดาเนนิ ไปด้วยความสะดวกอยา่ งมีประสิทธิภาพ ขอบข่ายการจดั กจิ กรรมแนะแนว มขี อบขา่ ยการดาเนินงาน 3 ดา้ น คือ 1. การแนะแนวการศึกษา ซึง่ มขี อบขา่ ยงานตัง้ แต่ การสรา้ งเจตคติท่ีดีต่อการเรยี น การฝกึ ทกั ษะหรือเทคนิคการเรยี นท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ การวางแผนการเรยี นท่ีดี การรชู้ อ่ งทางการศกึ ษาและการเลือก ทางศึกษาต่อ ตลอดท้ังการสร้างนิสัยเรยี นรู้ตลอดชีวิต 2. การแนะแนวด้านอาชีพ ซ่ึงมีขอบข่ายงานต้ังแต่การสร้างเจตคติท่ีดีต่อการทางานและ การประกอบอาชีพ การสร้างความตระหนัก รับรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกอาชีพ การสารวจอาชีพ การตัดสินใจและวางแผนด้านอาชีพ การเตรียมตัวเพื่ออาชีพ การเข้าสู่อาชีพและการพัฒนาตนเอง เพื่อความกา้ วหนา้ ในอาชพี ตลอดทั้งมที ักษะในการประกอบอาชีพ 3. การแนะแนวส่วนตัวและสังคม ซึ่งมีขอบข่ายงานต้ังแต่การรู้จักชีวิตและสังคม ที่เปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรู้จักตนเองและรู้คุณค่าของตน การรู้จักปรับตัวและแก้ป๎ญหา การพัฒนา ตนเอง การฝึกทกั ษะชีวติ และทกั ษะทางสงั คม เพื่อใหบ้ ุคลกิ ภาพ สุขภาพกาย สุขภาพจิตทดี่ ี เปา้ หมายของการจัดกจิ กรรมแนะแนว ดา้ นการศกึ ษา นกั เรยี นมที ักษะในการเรียนเพื่อส่งเสริมให้ประสบความสาเร็จทางการเรียน ตามศักยภาพของตน ค้นพบศักยภาพและพัฒนาศักยภาพของตนให้เป็นประโยชน์ต่อตน ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ได้ตามสภาพของแต่ละบุคคล ดา้ นอาชพี นักเรียนมที กั ษะในการประกอบอาชีพ รู้จักนาข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพ่ือประกอบการ วางแผนในการเลือกอาชีพ เช่น ความถนัด ความสามารถ ความสนใจ จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง รู้และเข้าใจ ในธรรมชาติและคุณลักษณะของอาชีพ มีเจตคติท่ีดีต่ออาชีพสุจริต เห็นคุณค่าของการทางาน มีความเข้าใจ เก่ียวกับแนวทางการศึกษาเพื่อเข้าสู่งานอาชีพ มีเปูาหมายชีวิต รู้จักวางแผนชีวิต การเรียน การงาน ที่เหมาะสมกับ ความถนัด ความสนใจ และสภาพการเปล่ียนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีและมีคุณลักษณะพื้นฐานที่จาเป็น ในการเตรียมตัวสโู่ ลกของงานอาชีพ ด้านส่วนตัวและสังคม นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเอง เข้าใจ และยอมรับผู้อ่ืน มีทักษะในการดาเนินชีวิต มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพสังคม สิ่งแวดล้อมทีเ่ ปลย่ี นไปได้อยา่ งเหมาะสม และสามารถดาเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักตัดสินใจ และแก้ป๎ญหา รวมท้ังสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างเหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม
เป็นคนดีในสังคม อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข รู้จักหลีกเล่ียงอบายมุข สารเสพติด การพนัน หรือส่ิงที่เป็น 4 อนั ตรายตอ่ ชวี ิต รปู แบบการจดั กจิ กรรมแนะแนว มี 2 ลักษณะ คือ 1) การจัดบริการแนะแนว 2) การจัดกิจกรรม ในและนอกหอ้ งเรียน 1. การจัดบริการแนะแนว เป็นหน้าที่ที่ครูทุกคนรวมถึงครูแนะแนวด้วย ร่วมรับผิดชอบ และมีหน้าที่ในการจัดบริการแนะแนว โดยมีครูแนะแนวเป็นที่ปรึกษาและประสานงานเพื่อพัฒนานักเรียน ให้มีคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละครอบคลุมบริการแนะแนวท้ัง 5 บริการ ตามวิธีการดังนี้ 1) บริการรวบรวม ข้อมูลและศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล เป็นบริการที่จาเป็นพ้ืนฐานในการที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียน ไดถ้ กู ตอ้ ง เพราะจะทาให้ได้ทราบป๎ญหา หรือข้อบกพร่องในตัวนักเรียน เพื่อดาเนินการแก้ไขได้ถูกต้องและนา ข้อมูลที่ได้ศึกษามาเป็นองค์ประกอบในการจัดบริการ อื่น ๆ ต่อไป งานบริการด้านนี้ได้แก่ การบันทึกประวัติ นักเรียนทุกคนไว้ในระเบียนสะสม บริการข้อมูลแก่ผู้ที่เก่ียวข้อง ทดสอบความถนัด ความสนใจของนักเรียน สารวจพฤติกรรมท่ีมีป๎ญหาของนักเรียน 2) บริการสนเทศ เป็นบริการให้ความรู้แก่นักเรียนในหลายรูปแบบ เพื่อช่วยใหน้ ักเรยี นสามารถปรบั ตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ รู้จักตัดสินใจ และวางแผนอนาคตอย่างฉลาด ได้แก่ การจัดสอนให้ความรขู้ อ้ มูลตา่ ง ๆ ในคาบกจิ กรรมแนะแนว การจัดปูายนิเทศ การจัดทาข้อมูลด้านต่างๆ ท่ีเป็นประโยชน์แก่นักเรียน การจัดอภิปราย บรรยาย ให้ความรู้ในด้านการศึกษาอาชีพ และการปรับตัวในสังคม การจัดงานวันอาชีพ การจัดสัปดาห์แนะแนวทางศึกษาต่อ การจัดฉายวีดิทัศน์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน การจัด บรรยายจากวิทยากรและรุ่นพ่ี เพ่ือให้ความรู้แก่นักเรียนในด้านการปรับปรุงบุคลิกภาพ การวางตัว และการ วางแผนการศึกษาต่อภายหลังจบการศึกษา 3) บริการให้คาปรึกษา เป็นบริการที่นับว่าเป็นหัวใจสาคัญของ กิจกรรมแนะแนว โดยเฉพาะการเรียน การสอนตามหลักสูตรใหม่ และในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมยุค ป๎จจุบัน งานบริการในด้านนี้ คือ ให้คาปรึกษานักเรียนท่ีมีป๎ญหาด้านส่วนตัว การเรียน และอาชีพ ศึกษาและ หาทางช่วยให้นักเรียนแก้ป๎ญหาของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เสนอแนะแนวทางปฏิบัติตนเพื่อเสริมสร้าง บุคลิกภาพ 4) บริการจัดวางตัวบุคคล เป็นบริการท่ีช่วยเหลือ ส่งเสริมและพัฒนาในด้านต่างๆ ดังน้ี การช่วยเหลือ ดา้ นทนุ การศกึ ษาการวางแผนในการเลือกรายวชิ าท่เี รยี น และส่งเสรมิ พัฒนาศักยภาพ ในด้านต่างๆให้เต็มตาม ศักยภาพของแต่ละบุคคล 5) บริการติดตามผล มีครูแนะแนวปฏิบัติหน้าท่ีร่วมกับอาจารย์ที่ปรึกษา และอาจารย์ฝุาย ต่างๆ เพ่อื ติดตามผล และให้บรกิ ารชว่ ยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ การติดตามผลนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา การติดตามผล นักเรียนที่ออกกลางคันหรือมีป๎ญหา การติดตามผลนกั เรียนท่จี บออกไป นอกจากนยี้ งั นาเอาผลที่ได้มาปรับปรุง บริการแนะแนวตา่ งๆ ให้ดียง่ิ ข้นึ 2. การจัดกิจกรรมในและนอกห้องเรียน ครูทุกคนร่วมรับผิดชอบ และมีหน้าท่ีในการจัด กิจกรรมแนะแนว โดยมีครูแนะแนวเป็นท่ีปรึกษาและประสานงาน ร่วมกันวางแผนและหาวิธีการท่ีเหมาะสม มาใช้พฒั นานกั เรียน โดยสามารถดาเนินกจิ กรรมดงั นี้ กิจกรรมในห้องเรียน มแี นวทางในการจดั กจิ กรรมดงั นี้ 1) กจิ กรรมคาบแนะแนว 2) กิจกรรมโฮมรูม 3) การสอดแทรกกระบวนการแนะแนว กจิ กรรมนอกหอ้ งเรยี น มีแนวทางในการจัดกิจกรรมดังน้ี 1) กิจกรรมกลุ่มทางจิตวิทยาและ การแนะแนว เช่น โปรแกรมพัฒนาตนเองเกยี่ วกบั การรจู้ ัก และเห็นคณุ คา่ ในตนเอง 2)การอบรมเชิงปฏิบัติการ
เช่น อบรมนักเรียนเพ่ือนที่ปรึกษาอบรมเกี่ยวกับทักษะชีวิต 3) การทัศนศึกษาแหล่งวิทยาการและสถาน 5 ประกอบการ 4) ตลาดนัดอาชีพ 5) การเชิญวิทยากร ให้ความรู้ ได้แก่ ผู้ปกครอง นักเรียน ศิษย์เก่า ภูมิป๎ญญา ท้องถนิ่ 6) การจดั นิทรรศการ 7) การจัดปาู ยนเิ ทศ 8) การปฐมนิเทศ 9) การป๎จฉิมนิเทศ 10) การจัดเสียงตามสาย 11) ชุมนุมแนะแนว 12) กจิ กรรมพบผู้ปกครอง 13) กิจกรรมเพือ่ นชว่ ยเพือ่ น ในการจัดกิจกรรมแนะแนว ควรมีการเสริมสร้างในเร่ืองของสมรรถนะทางการแนะแนว เข้าไปด้วย ทั้งนี้เพ่ือให้นักเรียนได้มีแนวทางในการพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพในแต่ละด้านเพ่ือให้บรรลุ ถงึ เปาู หมาย สมรรถนะทางการแนะแนว หมายถึง คุณลักษณะท่ีต้องการให้นักเรียนทุกคนมีและสามารถ นาไปใช้กับตนเองได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคุณลักษณะเหล่าน้ีครูควรส่งเสริมด้านต่างๆได้แก่ ความรู้ (Knowledge) หมายถึง ความรู้เฉพาะด้านของเด็ก เช่น ความรู้ภาษาอังกฤษ ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ความรู้ ด้านภาษา เป็นต้น ทักษะ(Skills) หมายถึง ส่ิงท่ีเด็กกระทาได้ดี และฝึกปฏิบัติเป็นประจาจนเกิดความชานาญ เช่น ทักษะการอ่าน การเขียน การวาดภาพ การร้องเพลง การทาอาหาร เป็นต้น ภาพลักษณ์ภายในตน (Self-image/Self-concept) หมายถึง ทัศนคติ ค่านิยม และความคิดเห็นเก่ียวกับภาพลักษณ์ของตนเอง หรือสงิ่ ทเ่ี ด็กเช่ือวา่ ตนเองเป็น เชน่ คนทม่ี ีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง จะเชื่อว่าตนเองสามารถแก้ป๎ญหาต่างๆ ได้ คุณลักษณะภายในหรืออุปนิสัย (Traits) หมายถึง บุคลิกลักษณะประจาตัวของเด็ก เป็นส่ิงท่ีอธิบายถึงเด็กคนน้ัน เช่น เป็นคนท่ีน่าเชื่อถือ และไว้วางใจ หรือมีลักษณะเป็นผู้นา เป็นต้น แรงจูงใจ(Motive) หมายถึง แรงขับ ภายใน ซึ่งทาให้เด็กแสดงพฤติกรรมท่ีมุ่งสู่สิ่งที่เป็นเปูาหมาย เช่น เด็กท่ีมุ่งผลสัมฤทธ์ิ มักชอบตั้งเปูาหมายที่ ท้าทายและพยายามทางานสาเร็จตามเปูาที่ต้ังไว้ ตลอดจนพยายามปรับปรุงการทางานของตนเองตลอดเวลา ในการจดั กจิ กรรมแนะแนวควรสรา้ งเสรมิ คุณลักษณะให้สอดคล้องกับสมรรถนะทางการแนะแนวในแต่ละด้าน อยา่ งเหมาะสม ซึ่งมีอยู่ทั้งหมดด้วยกนั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1. สมรรถนะด้านการศึกษา หมายถึง การมีความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติและค่านิยมที่ดีใน เร่อื งเก่ยี วกบั การเรียน สามารถนาข้อมูลความรู้ที่ได้รับมาใช้ในการวางแผนในด้านการเรียนและการศึกษาต่อ เพ่ือพัฒนาตนเองดา้ นการเรยี นไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ 2. สมรรถนะด้านอาชีพ หมายถึง การมีความรู้ ความเข้าใจในเก่ียวกับอาชีพ ตลอดจนมี เจตคติและค่านิยมที่ดีต่ออาชีพ มีข้อมูล/ประสบการณ์ด้านอาชีพ เพ่ือให้มีทักษะในการตัดสินใจวางแผน การศกึ ษาเพือ่ การมีงานทาเตม็ ตามศักยภาพ 3. สมรรถนะดา้ นส่วนตัวและสังคม หมายถึง การรู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่า ในตนเองและผ้อู น่ื มีวุฒภิ าวะทางอารมณ์การปรบั ตัวและดารงชีวติ อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสขุ
แนวทางการจดั กิจกรรมแนะแนว 6
แนวทางการจัดกจิ กรรมแนะแนวระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ทีส่ อดรบั กับแผนยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 – 3 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561 - 2580) ได้ให้ความสาคัญกับการวางรากฐานการพัฒนาคนให้มี 7 ความสมบูรณ์ เร่ิมตั้งแต่กลุ่มเด็กปฐมวัยที่ต้องพัฒนาให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี มีทักษะทางสมอง ทักษะ การเรียนรู้ และทักษะชีวิต เพื่อให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ควบคู่กับการพัฒนาคนไทยในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี มีสุขภาวะท่ีดี มีคุณธรรมจริยธรรม มีระเบียบวินัย มีจิตสานึกท่ีดีต่อสังคมส่วนรวม มีทักษะความรู้ และ ความสามารถปรับตัวเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงรอบตัวท่ีรวดเร็ว บนพื้นฐานของการมีสถาบันทางสังคมที่ เขม้ แข็งทง้ั สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สถาบันชุมชน และภาคเอกชนที่ร่วมกันพัฒนา ทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพสูง อีกท้ังยังเป็นทุนทางสังคมสาคัญในการขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศ ดังน้ันสานัก วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ จึงได้นากรอบแนวคิดดังกล่าวมาจัดทาเป็นแนวทางการ จัดกิจกรรมแนะแนวทส่ี อดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สาหรับนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 ข้นึ กิจกรรมแนะแนวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551เพ่ือส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จัก เข้าใจ รักและเห็นคุณค่าในตนเอง และผู้อ่ืน สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ป๎ญหา กาหนดเปูาหมาย วางแผนชีวิตทั้งในด้านการศึกษาและอาชีพ ส่วนตัวและสังคม อีกท้ังพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะชีวิต สามารถปรับตนและดารงชีวิตได้อย่างเหมาะสม เป็นประโยชน์และเป็นสุข โดยเฉพาะนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 การจัดกิจกรรมต้องสนองตอบต่อ ความสนใจของผ้เู รียน โดยคานึงถงึ หลกั จิตวิทยาพัฒนาการ และจิตวิทยาการเรียนรู้ เน้นการเรียนรู้ตามสภาพ จริง มีความสนุกสนาน ได้ปฏิบัติจริง เพ่ือพัฒนาความเป็นมนุษย์ ทักษะพื้นฐานการติดต่อสื่อสาร และพัฒนา ลกั ษณะนิสัยและสนุ ทรียภาพ กิจกรรมแนะแนว มีขอบข่ายการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมท้ัง 3 ด้าน คือ ด้านการศึกษา ด้านอาชีพ ด้านส่วนตัวและสังคม ซึ่งการจัดกิจกรรมแต่ละด้านจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน สาหรับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 – 3 ไดก้ าหนดสัดสว่ นเวลาจดั กจิ กรรมแนะแนว ดงั นี้ ดา้ น การศกึ ษา อาชพี ส่วนตัวและสังคม สัดส่วนเวลา รอ้ ยละ 20 ร้อยละ 20 ร้อยละ 60 จดั กจิ กรรมแนะแนว ดังน้ัน การจัดกิจกรรมแนะแนวจึงจาเป็นต้องจัดให้กับนักเรียนทุกคนอย่างต่อเนื่องในทุกระดับชั้น และมีการดาเนินการจัดกิจกรรมเพ่ือการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อมุ่งส่งเสริมพัฒนาผู้เรียนให้พัฒนาตนเอง อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ รกั และเห็นคุณค่าในตนเองแลผู้อ่ืน พ่ึงตนเอง มีทักษะในการเลือกแนวทางการศึกษา อาชีพ สว่ นตวั และสังคม มีสุขภาพจิตท่ดี ี มีจิตสานึกในการทาประโยชน์ตอ่ ครอบครวั สังคมและประเทศชาติ ต่อไป
ตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรกู้ ิจกรรมแนะแนว 8
ตารางวิเคราะหจ์ ดุ ประสงคก์ ารเรียนรูก้ ิจกรรมแนะแนว ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1 - 3 ด้านการศึกษา สมรรถนะการแนะแนว จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขอ้ 1 รู้ เข้าใจและมีเจตคติท่ีดี 1. บอกความสาคัญของการเรียนได้ ตอ่ การเรียนรูต้ ามหลกั สูตร 2. บอกประโยชนข์ องการเรียนได้ 3. บอกช่ือวชิ าเรยี นได้ 4. บอกประโยชนข์ องวิชาเรยี นได้ 5. บอกวิชาที่ตนเองชอบและไมช่ อบเรียนได้ 6. บอกเหตผุ ลของตนเองที่ชอบเรยี นและไมช่ อบเรียนได้ 7. บอกวิธีการเรียนของตนเองได้ 8. บอกความตั้งใจเรยี นของตนเองได้ 9. บอกแหลง่ ความรใู้ นชมุ ชนของตนเองได้ ขอ้ 2 มีค่านยิ มในการเรยี นรู้ บอกลกั ษณะนิสัยที่ใฝุเรียนรู้ ตลอดชีวิต ข้อ 3 ใช้ขอ้ มูลในการวางแผน 1. บอกพฤตกิ รรมท่ที าให้ผลการเรียนดีได้ การศึกษา 2. บอกวธิ กี ารเรยี นที่มปี ระสิทธิภาพของบุคคลในสังคมหรือ 9 เพ่ือนในห้องเรียนได้ 3. บอกช่ือบุคคลในสังคมที่ประสบความสาเร็จด้านการศึกษาได้ 4. บอกป๎ญหาการเรยี นของตนเองได้ 5. เลอื กแหล่งข้อมูลที่ใช้แสวงหาความรู้ได้อย่างเหมาะสม ข้อ 4 พฒั นาตนเองดา้ นการ 1. บอกพฤตกิ รรมที่ทาให้ผลการเรยี นดีได้ เรยี นได้เตม็ ตามศักยภาพ 2. บอกแนวทางการปรบั ปรงุ วิธีเรยี นให้มผี ลการเรยี นดีข้ึน 3. บอกวธิ ีการเรียนท่ีเหมาะสมกับตนเองได้ 4. บอกวิธกี ารเปลยี่ นแปลงตนเองให้มีวิธีการเรยี นทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ
ตารางวิเคราะห์จุดประสงคก์ ารเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 - 3 ด้านอาชพี สมรรถนะการแนะแนว จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 10 ขอ้ 1 การเรยี นรเู้ ก่ียวกบั อาชีพ 1. บอกความสาคญั ของอาชีพ 2. บอกชื่ออาชีพท่รี ู้จักได้ ข้อ 2 มเี จตคติทดี่ ีตอ่ การเรยี น 3. บอกชือ่ อาชพี ท่ีตนเองสนใจได้ สายอาชพี 4. บอกชื่ออาชพี พอ่ แม่ (ผู้ปกครอง) ได้ ขอ้ 3 มที กั ษะการตัดสินใจเพื่อ 5. บอกชื่ออาชพี ของคนในชุมชนได้ วางแผนการศึกษาเพือ่ การมีงาน 6. อธิบายข้อมลู เกีย่ วกบั อาชีพในชมุ ชนได้ ทาเตม็ ตามศกั ยภาพ 7. บอกลักษณะการประกอบอาชีพได้ 8. บอกลกั ษณะอาชีพสุจริตได้ 9. พดู ความรูส้ กึ ทางบวกต่ออาชพี สจุ ริตได้ 10. เขียนสญั ญาใจการประกอบอาชีพสุจริต 1. มีเจตคติท่ดี ตี ่ออาชพี สุจรติ 2. จาแนกอาชีพทส่ี ุจริตได้ 3. บอกความสาคญั และประโยชน์ของการเรียนสายอาชีพ 4. พดู ความรูส้ กึ ดา้ นบวกต่อการประกอบอาชีพตามงานอาชพี ได้ บอกแนวทางการปฏิบตั ติ นสู่การประกอบอาชีพท่สี นใจได้
ตารางวเิ คราะหจ์ ุดประสงคก์ ารเรยี นรกู้ จิ กรรมแนะแนว ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 - 3 ด้านส่วนตวั และสังคม สมรรถนะการแนะแนว จุดประสงค์การเรยี นรู้ 11 ขอ้ 1 รจู้ กั และเข้าใจตนเอง 1. บอกชอ่ื และลักษณะเด่นของตนเองได้ 2. บอกชอื่ เพ่อื นและลกั ษณะเด่นของเพ่ือนในชน้ั เรียน ขอ้ 2 รักและเห็นคุณคา่ 3. บอกชอื่ สว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายได้ ในตนเองและผู้อ่ืน 4. บอกหน้าท่ีของอวยั วะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ 5. บอกพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกถงึ ความเมตตาได้ ขอ้ 3 มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ 6. บอกความสาคัญของการรับร้ขู อ้ มูลขา่ วสารได้ ข้อ 4 ปรบั ตวั และดารงชวี ิต 7. ระบุแหล่งค้นควา้ ข้อมลู ขา่ วสารจากแหลง่ ตา่ ง ๆ อยู่ในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ ได้อย่างเหมาะสม 8. บอกอารมณ์ความรู้สกึ ของตนเองได้ 1. บอกชื่อโรงเรียน ชอ่ื ครู และช่ือเพ่ือนได้ 2. บอกวิธปี ฏบิ ตั ติ นในการดแู ลร่างกายให้สะอาด 3. ดูแลรกั ษาอวยั วะส่วนตา่ ง ๆ ของทั้งตนเองและเพื่อน ใหป้ ลอดภัย 4. บอกความสาคัญของความแตกตา่ งและหลากหลายของเพอ่ื นได้ 5. บอกลกั ษณะของความแตกตา่ งและหลากหลายของเพอ่ื นได้ 6. บอกวิธกี ารปฏิบตั ติ นต่อเพื่อนได้ 7. จาแนกบคุ ลกิ ภาพที่ดีและไมด่ ขี องตนและเพื่อนได้ 1. ส่อื อารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเหมาะสม 2. บอกความรู้สึก อารมณ์ของตนเองและรบั รู้อารมณ์ ความร้สู ึก ของเพือ่ นและสมาชิกในครอบครัวได้ 3. แสดงออกทางอารมณ์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 1. มีสัมพนั ธภาพท่ดี ีกบั เพื่อนและครูได้ 2. ใช้จา่ ยและอดออมได้ 3. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผมู้ ีน้าใจ เอือ้ เฟอื้ แบ่งป๎นต่อผู้อื่น 4. ใช้สงิ่ ของอย่างประหยดั และคุ้มคา่ 5. มีทักษะการเป็นผู้นา ผ้ตู าม 6. ทางานรว่ มกับผู้อ่นื ได้
สมรรถนะการแนะแนว จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ข้อ 4 ปรับตัวและดารงชีวติ 7. แสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมในการใชท้ ักษะทางภาษา อยใู่ นสงั คมได้อย่างมีความสุข การสอื่ สาร ภาษากายได้อยา่ งเหมาะสม (ต่อ) 8. ปฏิบัติตนตอ่ เพื่อนได้อย่างเหมาะสม 9. บอกวธิ กี ารเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่าง ๆ 10. บอกความสาคัญของบุคลิกภาพ 11. จาแนกบุคลิกภาพท่ดี ีและไม่ดขี องตนและเพื่อนได้ 12
โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมแนะแนว 13
โครงสรา้ งการจดั กิจกรรมแนะแนว ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 – 3 สมรรถนะด้านการศกึ ษา สมรรถนะ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ เรอ่ื ง จานวน 14 การแนะแนว 1. ปฐมนเิ ทศกิจกรรม (ช่วั โมง) ขอ้ 1 รู้ เขา้ ใจและ 1. ปฏิบตั ิตนในการเรยี นกจิ กรรมแนะแนว แนะแนว มีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ ถกู ต้องตามจุดมงุ่ หมายของกิจกรรม 3 การเรยี นรู้ 2. บอก จุดมงุ่ หมายการจดั กจิ กรรมการ 2. เคลด็ ลบั เรยี นดี ตามหลกั สตู ร เรยี นรู้ และการประเมินผลกจิ กรรม 3. ยอดนกั สู้ 3 แนะแนวได้ 4. วางแผนดมี ีชัย 3 ข้อ 1 รู้ เขา้ ใจและ 1. ปฏบิ ัติตนให้เป็นผเู้ รยี นท่มี ี 3 มีเจตคติทีด่ ีต่อการ ประสิทธภิ าพ 5. การเตรียมพร้อมกอ่ นเรยี น เรยี นร้ตู ามหลักสูตร 2. รู้จกั แสวงหาและใชข้ ้อมูลสารสนเทศ 3 ขอ้ 2 มคี ่านยิ มในการ 1. บอกเคล็ดลบั การเรยี นเกง่ จากผทู้ ่ี 6. เรียนดมี วี ิธอี ย่างไร เรียนรู้ตลอดชวี ติ ประสบผลสาเร็จในการเรยี น 3 2. แสวงหาและใช้ขอ้ มลู สารสนเทศได้ ข้อ 3 ใชข้ ้อมูลในการ 1. บอกระดับความสามารถทางการเรียน วางแผนการศกึ ษา ของตนได้ 2. บอกคุณคา่ ของวิชาตา่ ง ๆ ได้ ข้อ 3 ใช้ขอ้ มลู ในการ 3. บอกวธิ กี ารปฏบิ ัติตนเพ่ือการปรบั ปรงุ วางแผนการศกึ ษา และพัฒนาผลการเรียน 1. บอกแนวทางการศึกษา และพฒั นา ข้อ 4 พัฒนาตนเอง ทักษะทางการเรียน ด้านการเรยี นได้ 2. บอกประโยชน์ของอุปกรณ์การเรยี น เตม็ ตามศกั ยภาพ ทจ่ี าเป็นได้ 3. วางแผนในการเตรยี มของอุปกรณ์การ เรียนและสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้ 1. ระบพุ ฤติกรรมทจ่ี ะนามาใช้ในการ ปรับตวั ด้านการเรียนใหม้ ีผลการเรยี น ระดบั ดีขน้ึ ไป และมีความพร้อมสาหรบั การประเมนิ ระดับชาติ 2. ระบแุ นวทางในการปรบั ตวั เพ่อื ผลการ เรยี นระดบั ดขี ึน้
สมรรถนะ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เรื่อง จานวน การแนะแนว (ชั่วโมง) ข้อ 4 พัฒนาตนเอง 1. บอกสาเหตุของป๎ญหาเกย่ี วกบั การ 7. ฉลาดเรยี นเพยี รสู่ 15 ด้านการเรยี นได้เตม็ เรียนได้ ความสาเร็จ 3 ตามศักยภาพ 2. บอกแนวทางการแก้ไขป๎ญหาเก่ียวกับ 8. การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตเพ่ือ 3 การเรยี นได้ การเรยี นรู้ 3 ข้อ 4 พัฒนาตนเอง 1. บอกประโยชน์ของการใชอ้ ินเทอร์เน็ตได้ 9. ตะเกยี งส่องทาง ด้านการเรียนได้เต็ม 2. บอกผลเสยี ของการใช้อินเทอร์เน็ตได้ 3 ตามศักยภาพ 3. สามารถใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ไดอ้ ย่าง 10. โรงเรียนของฉนั เหมาะสมและถูกวธิ ี ข้อ 4 พัฒนาตนเอง 1. เขียนคาสาคัญทจ่ี ะนาไปสู่เปูาหมาย ด้านการเรยี นได้เต็ม ที่ตอ้ งได้อยา่ งชัดเจน และเปน็ ไปได้ ตามศกั ยภาพ เหมาะสมกับโอกาสและความเป็นตวั ตนได้ 2. กาหนดเปาู หมายท่ีต้องการได้อย่าง ข้อ 4 พัฒนาตนเอง ชัดเจนในสิง่ ทีเ่ ป็นไปได้และเหมาะสม ดา้ นการเรียนได้เต็ม กับตนเองได้ ตามศกั ยภาพ 3. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการ วางเปาู หมายในชวี ติ 1. รู้จักโรงเรยี นของตนเองมากยง่ิ ขึ้น 2. ปรบั ตัวและดารงชวี ติ ไดอ้ ย่างมี ความสขุ
โครงสร้างการจดั กิจกรรมแนะแนว ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 สมรรถนะดา้ นอาชพี สมรรถนะ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ เร่อื ง จานวน การแนะแนว (ชั่วโมง) ข้อ 1 การเรียนรู้ 1.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกบั อาชีพที่สนใจ 11. ท่องโลกอาชีพ เกย่ี วกบั อาชีพ 3 ข้อ 1 การเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของอาชีพได้ 12. อาชพี น่ารู้ 3 เกี่ยวกับอาชีพ 2. บอกความสาคัญของอาชพี ได้ 3. จาแนกประเภทของอาชพี ได้ 3 ข้อ 1 การเรียนรู้ 1. บอกอาชพี ที่นักเรียนชอบได้ 13. ตน้ ไม้อาชพี ที่หนูชอบ 3 เกีย่ วกบั อาชีพ 2. บอกเหตุผลของความชอบอาชีพได้ ขอ้ 1 การเรยี นรู้ 1. บอกชอื่ อาชพี ของพ่อและแม่ได้ 14. พ่อ แมห่ นูทาอะไร 3 เกย่ี วกับอาชีพ 2. บอกข้อมูลอาชพี ของพ่อ แม่ หรอื ผู้ปกครองได้ 16 ข้อ 1 การเรียนรู้ 1. บอกอาชพี ในชมุ ชนท่นี ักเรียน 15. อาชีพดมี ีสุข เกี่ยวกบั อาชีพ อาศยั อยไู่ ด้ 3 2. ใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับอาชพี ในชุมชนได้ ขอ้ 1 การเรยี นรู้ ตามสมควร 3 เก่ยี วกบั อาชีพ 1. บอกชื่ออาชีพในฝ๎นพร้อมบอก 16. อาชีพที่ฉันฝน๎ เหตุผลประกอบได้ 3 ขอ้ 1 การเรียนรู้ 2. วาดภาพอาชีพและบอก เกยี่ วกบั อาชีพ รายละเอยี ดเกี่ยวกับภาพได้ 1. ค้นหาอาชพี ผ่านส่ือตา่ ง ๆ ได้ 17. อาชพี ที่ฉนั คน้ หา ขอ้ 1 การเรยี นรู้ 2. บอกความสามารถและกจิ กรรม เกย่ี วกับอาชีพ เวลาว่างได้ 1. บอกชื่ออาชีพในชุมชนของตนเองได้ 18. อาชีพใกลต้ ัว ข้อ 2 มีเจตคติทดี่ ีต่อ 2. อธิบายขอ้ มลู เกย่ี วกบั อาชีพใน การเรียนสายอาชีพ ชุมชนได้ 1. สารวจความตอ้ งการของตนเอง 19. อาชีพที่ฉนั อยากเปน็ เกีย่ วกับอาชีพทใ่ี ฝุฝ๎น 2. ร้จู ัก เข้าใจ เห็นคุณคา่ ต่ออาชพี สุจริต
สมรรถนะ จุดประสงค์การเรยี นรู้ เรือ่ ง จานวน การแนะแนว (ชว่ั โมง) ข้อ 3 มที ักษะการ 1. สารวจ และกาหนดเปูาหมายที่ตน 20. ความปรารถนาของฉัน ตัดสินใจเพื่อวางแผน ต้องการได้ 3 การศกึ ษาเพ่อื การมี 2. บอกแนวทางการพฒั นาตนเองสู่ งานทาเต็มตาม เปูาหมายได้ ศกั ยภาพ 17
โครงสรา้ งการจัดกิจกรรมแนะแนว ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 สมรรถนะดา้ นส่วนตวั และสังคม สมรรถนะ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เร่ือง จานวน การแนะแนว 21. รา่ งกายของเรา (ชั่วโมง) ข้อ 1 รู้จักและเข้าใจ 1. บอกอวัยวะภายนอกร่างกายได้ ตนเอง 2. บอกหนา้ ท่ีของอวยั วะภายนอกรา่ งกาย 22. หนูน้อยนกั สารวจ 3 ได้ถูกต้อง ข้อ 1 รจู้ ักและเข้าใจ 1.บอกสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายได้ 3 ตนเอง 3 ข้อ 1 รู้จักและเข้าใจ 1. บอกวิธีปฏบิ ัติตนในการดแู ลอวยั วะสว่ น 23. รักตวั รกั ตน 3 ตนเอง ขอ้ 1 ร้จู ักและเข้าใจ ตา่ งๆของร่างกายได้ 3 ตนเอง 3 1. แยกแยะพฤติกรรมดา้ นดีและไมด่ ีได้ 24. ความดีของฉนั ขอ้ 1 ร้จู ักและเข้าใจ 3 ตนเอง 2. เขยี นความดขี องตนได้ ขอ้ 1 รจู้ กั และเข้าใจ 3 ตนเอง 3. เหน็ ความสาคัญของการทา ความดี 3 ขอ้ 1 รจู้ ักและเข้าใจ 1. บอกชอ่ื และข้อมูลของตนเองได้ 25. เช็คอนิ ตวั ตน 3 ตนเอง 2. บอกชื่อและข้อมลู ของครอบครวั ได้ 18 ข้อ 1 รจู้ กั และเข้าใจ ตนเอง 1.บอกความสาคญั ของการดูแลรักษา 26. กายดีชวี มี ีสขุ ขอ้ 2 รกั และเห็น คุณคา่ ในตนเองและ รา่ งกายของตนเองให้แข็งแรงได้ ผู้อนื่ ขอ้ 2 รักและเหน็ 2. บอกวธิ กี ารดแู ลรักษาร่างกายของตนเอง คณุ ค่าในตนเองและ ผู้อื่น ใหแ้ ขง็ แรงได้ 1. บอกความสาคญั ของการรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ได้ 27. ร้ทู ันเหตุการณ์ 2. สืบค้นขอ้ มลู ขา่ วสารจากแหล่งต่าง ๆ ท่ี ตนเองสนใจได้ 1. บอกความแตกต่างทางด้านรา่ งกายของ 28. ฉันและเธอ ตนเองและเพ่ือน 1. ยกตัวอย่างความดีของตนเองและผู้อน่ื ได้ 29. เด็กดหี นูทาได้ 2. บอกผลจากการทาความดีของตนเองและ ผูอ้ ่นื ได้ 1. ระบุอารมณ์และความรู้สึกของตนเองได้ 30. รู้เขารู้เรา 2. ระบุอารมณแ์ ละความรสู้ ึกของเพื่อน และครูได้ 3. บอกความสาคญั ของการแสดงอารมณต์ ่อ ผอู้ ่นื ได้
สมรรถนะ จุดประสงค์การเรยี นรู้ เรือ่ ง จานวน 19 การแนะแนว 31. รอยยม้ิ (ชั่วโมง) ข้อ 3 มีวุฒภิ าวะทาง 1. บอกอารมณ์และความรสู้ ึกทีเ่ คยเกดิ ขน้ึ กับ อารมณ์ ตวั เองได้ 32. ภาษาอารมณ์ 3 2. บอกสาเหตุการเกดิ อารมณ์และความรูส้ กึ ได้ ข้อ 3 มวี ฒุ ภิ าวะทาง 3. บอกอารมณ์และความรสู้ ึกของตนเองได้ 33. ตา่ งจิตตา่ งใจ 3 อารมณ์ ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ 1. แยกแยะความแตกตา่ งของอารมณ์ได้ 34. กจิ วัตรของฉนั 3 ข้อ 3 มวี ฒุ ภิ าวะทาง 2. ตรวจสอบอารมณ์ของตนได้ 35. โลกเปลย่ี น ชวี ติ เปล่ยี น อารมณ์ 3. แสดงอารมณ์ได้อย่างถูกต้องและ 36. ผนู้ าผู้ตามเพ่ือการอยู่ 3 เหมาะสม ร่วมกัน 3 ข้อ 4 ปรับตวั และดารง 1. บอกอารมณ์ ความรู้สกึ ของตนเองเมอ่ื อยู่ 37. แบง่ ปน๎ และอดออม 3 ชีวติ อยใู่ นสังคมไดอ้ ย่าง ในสภาวการณต์ ่าง ๆ ได้ 3 มีความสขุ 2. รบั ฟง๎ สงิ่ ทเ่ี พ่ือนบอกอารมณ์ ความรสู้ ึก ข้อ 4 ปรับตวั และดารง ในสภาวการณ์ต่างๆ ชวี ิตอยูใ่ นสังคมไดอ้ ย่าง 1. บอกกิจวัตรประจาวันทีต่ ้องปฏบิ ัติได้ มีความสขุ 2. บอกประโยชน์ของการปฏิบตั ิกิจวัตร ข้อ 4 การปรบั ตัวและ ประจาวันไดด้ ้วยตนเอง ดาเนนิ ชวี ติ อยู่ในสงั คม บอกการเปลีย่ นแปลงของสภาพแวดล้อม อย่างมีความสขุ ส่งิ ของ เครื่องใช้ หรอื การดาเนนิ ชีวติ ขอ้ 4 การปรับตัวและ ของตนเองได้ ดาเนินชีวิตอยูใ่ นสังคม 1. บอกความหมายของผนู้ าและผูต้ ามได้ อย่างมีความสุข 2. บอกความสาคัญของผู้นาและผู้ตามได้ 3. บอกแนวทางการทางานร่วมกับผู้อ่นื ได้ 1. ใชจ้ ่ายและอดออมได้ 2. ใชส้ ิง่ ของอย่างร้คู ุณค่า 3. ปฏิบัติตนเป็นผ้มู นี ้าใจเอ้ือเฟือ้ แบง่ ปน๎ ผูอ้ ืน่
แผนการจัดกจิ กรรมแนะแนว ดา้ นการศกึ ษา 20
แผนการจดั กิจกรรมแนะแนวท่ี 1 หน่วยการจดั กจิ กรรมดา้ นการศกึ ษา ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3 เร่อื ง ปฐมนเิ ทศกจิ กรรมแนะแนว จานวน 3 ชว่ั โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคญั กิจกรรมแนะแนวเป็นกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนกิจกรรมหนึง่ ท่ีสถานศกึ ษาต้องจัดให้นกั เรียนในทุกช่วงช้ัน การศึกษา เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของนักเรียนให้เหมาะสมตามความแตกต่างระหว่างบุคคล ทาใหน้ กั เรยี นสามารถคน้ พบและพัฒนาศักยภาพของตน อีกท้ังเสริมสร้างนักเรียนในด้านทักษะชีวิต วุฒิภาวะ ทางอารมณ์ การเรียนรู้ การสรา้ งสัมพนั ธภาพทดี่ ี ทั้งน้ีเพ่ือให้นักเรยี นไดพ้ ฒั นาตนเองสู่โลกอาชีพและการมงี าน 2. สมรรถนะการแนะแนว : ดา้ นการศึกษา ข้อ 1 รู้ เข้าใจและมีเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรตู้ ามหลกั สูตร 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 21 3.1 ปฏบิ ตั ิตนในการเรียนกิจกรรมแนะแนวถูกตอ้ งตามจดุ มุ่งหมายของกิจกรรม 3.2 บอกจดุ มุ่งหมายการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ และการประเมนิ ผลกิจกรรมแนะแนวได้ 4. สาระการเรียนรู้ กิจกรรมแนะแนว 5. ช้ินงาน / ภาระงาน (ถ้ามี) 5.1 การรว่ มกนั อภปิ ราย 5.2 ใบงาน 6. วิธีการจัดกิจกรรม 6.1 ครูแนะนาตนเองให้นักเรียนรู้จักโดยบอกช่ือ-สกุล วิชาที่สอน ระดับช้ันที่สอน และห้องพักครูท่ีอยู่ประจา หลงั การสอน ตอ่ จากนั้นให้นักเรียนแนะนาตัวเองทีละคน โดยนักเรียนลุกข้ึนยืนและแนะนาชื่อ นามสกุล และ ชอ่ื เลน่ ของตน 6.2 ครูอธิบายถึงธรรมชาติวิชา จุดมุ่งหมาย กิจกรรมแนะแนว คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของกิจกรรม และการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เพือ่ ใหเ้ กิดคุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ดังกลา่ ว 6.3 ครอู ธบิ ายถงึ เวลาเรียนตามโครงสร้างหลกั สตู รขั้นพ้ืนฐานโรงเรียน (ช่ือโรงเรียน) ตลอดการศึกษา กาหนดไว้ 40 ช่ัวโมง ภาคเรียนละ 20 ชั่วโมง หากมีวิชาใดตรงกับวันหยุดต่าง ๆ เช่น วันแม่ วันเข้าพรรษา ฯลฯ หรือมีกิจกรรมของโรงเรียน เช่น กิจกรรมวันไหว้ครู กิจกรรมวันสุนทรภู่ ฯลฯ จะต้องมีการเรียนการสอน
ซ่อมเสริมให้ครบ 20 ชั่วโมง นักเรียนต้องมีเวลาเรียนในแต่ละภาคเรียน ไม่น้อยกว่า 16 ชั่วโมง ขาดเรียนได้ 22 ไม่เกนิ 4 คร้ัง ถ้าขาดเกินต้องเรียนเพ่มิ เติมให้ครบตามเกณฑ์ 6.4 ครูช้ีแจงแนวทางการจัดกิจกรรม เช่น การทากิจกรรมกลุ่ม การทากิจกรรมเป็นรายบุคคล และการประเมินผลการทากิจกรรม ซ่ึงมีการวัดผลประเมินผลตามจุดประสงค์ สังเกตพฤติกรรม และประเมินคณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรม จริยธรรม 6.5 นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่อง ปฐมนิเทศกิจกรรมแนะแนว และร่วมอภิปรายกับครูตาม แนวทางการอภปิ รายดังนี้ ● กจิ กรรมแนะแนวเป็นสว่ นหนงึ่ ของกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ● กิจกรรมแนะแนวเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของนักเรียนตามความ แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล ● ในกิจกรรมแนะแนวมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนรู้จักเข้าใจและเห็นคุณค่าในตนเองและ ผอู้ ื่น ● ในกจิ กรรมแนะแนวมีการจดั กิจกรรมเก่ยี วกับการปรับตวั และการดารงชีวิต 6.6 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมแนะแนว อาทิ เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏบิ ัติกิจกรรมและการวัดผลประเมนิ ผล 6.7 นักเรียนทาใบงานท่ี 1 เรื่อง แบบวัดเจตคติตอ่ การเรียนกิจกรรมแนะแนว 6.8 จากน้ันนักเรียนทาใบงานท่ี 2 เร่ือง แบบสารวจความต้องการของนักเรียนเป็นการบ้าน โดยนาสง่ ครใู นวันตอ่ ไป 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 ใบงานที่ 1 เร่ือง แบบวดั เจตคติตอ่ การเรียนกจิ กรรมแนะแนว 7.2 ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง แบบสารวจความต้องการของนักเรียน 7.3 ใบความรู้เร่ือง ปฐมนเิ ทศกจิ กรรมแนะแนว 8. การวัดและประเมนิ ผล 8.1 วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล 8.1.1 สังเกตความสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม และการร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น 8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเรียบรอ้ ยของใบงาน 8.2 เคร่ืองมอื -
8.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 8.3.1 สังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน มีความสนใจในการฟง๎ การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ไม่ผา่ น ขาดสิ่งใดสิ่งหนงึ่ 8.3.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผ่าน ทาใบงานถูกต้อง ครบถ้วน และส่งงานตามกาหนด ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสง่ิ หนึ่ง 23
ใบงานท่ี 1 แบบวดั เจตคตติ อ่ การเรยี นกจิ กรรมแนะแนว คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นเครอ่ื งหมาย ลงในช่องว่างทางขวามอื ทีต่ รงกับความเห็นของนักเรยี น ข้อที่ ขอ้ ความ มาก ความคิดเห็น นอ้ ย ที่สดุ มาก ปาน นอ้ ย ทส่ี ุด 1 กจิ กรรมแนะแนวเป็นกจิ กรรมทีน่ า่ สนใจ 2 การเรยี นกจิ กรรมแนะแนวได้ฝกึ ฝน พัฒนา กลาง ตนเองทาให้อยากเรยี นรเู้ พม่ิ ขึ้น 24 3 การเรยี นกจิ กรรมแนะแนวสนุก เพราะได้เรียนรู้ จากการจดั กิจกรรมอย่างหลากหลาย 4 กจิ กรรมแนะแนวทาใหส้ ามารถทางานร่วมกับ ผู้อ่นื ไดเ้ ปน็ อย่างดี 5 การเรียนกจิ กรรมแนะแนวสง่ เสรมิ ให้ นกั เรียนมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรยี น 6 ครูจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนกระตุ้นใหใ้ ช้ ทักษะการคิดวิเคราะห์ 7 นกั เรียนมีบทบาทในการเรยี นมากกวา่ ครู 8 การเรียนกิจกรรมแนะแนวช่วยฝกึ ให้เปน็ คนมี เหตุผลกลา้ แสดงออก 9 การเรียนกิจกรรมแนะแนวชว่ ยใหร้ ูจ้ ักตดั สนิ ใจ และแกป้ ๎ญหา 10 การเรียนกจิ กรรมแนะแนวนามาใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ เกณฑก์ ารเทยี บคะแนนจากการประเมิน 5 หมายถึง เห็นดว้ ยในระดบั มากทสี่ ุด 4 หมายถึง เห็นดว้ ยในระดบั มาก 3 หมายถึง เห็นด้วยในระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง เหน็ ด้วยในระดับนอ้ ย 1 หมายถึง เหน็ ดว้ ยในระดบั นอ้ ยท่ีสุด
ใบงานท่ี 2 แบบสารวจความตอ้ งการของนกั เรียน ชอ่ื – สกุล................................................................. อายุ............ปี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่............/............. คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นเขียนตัวเลข 1, 2, 3 ในชอ่ งว่างหน้าข้อความ โดย 1 หมายถงึ อันดับท่นี กั เรยี นต้องการ เลอื กมากท่สี ดุ และ 2, 3 เปน็ อันดับทตี่ อ้ งการเลอื กรองลงมาตามลาดบั 25
26
ใบความรู้ 27 เรอื่ ง ปฐมนิเทศกจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนกิจกรรมหนึ่งที่สถานศึกษาต้องจัดให้นักเรียนในทุกช่วงช้ัน การศึกษาเพ่ือส่งเสริมและพัฒนาความสามารถของนักเรียนให้เหมาะสม ตามความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ทาให้นักเรียนสามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตน อีกท้ังเสริมสร้าง นักเรียนในด้านทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ การเรียนรู้การสร้างสัมพันธภาพที่ดี ท้ังนี้ เพื่อใหน้ ักเรยี นได้พัฒนาตนเองสูโ่ ลกอาชพี และการมีงานทา คาอธบิ ายกิจกรรมแนะแนว เข้าใจและค้นหาจุดเด่นจุดด้อยของตนเอง มีความพึงพอใจในตนเองตามสภาพที่เป็นอยู่ สามารถแก้ป๎ญหาด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมกับวัย มีทักษะในการตัดสินใจอย่างเหมาะสม กับสถานการณ์เรียนรู้ความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น วางแผนอนาคตอย่างเป็นระบบและมี ขอ้ มูลประกอบท่ถี กู ต้อง มคี วามภาคภูมิใจในความเปน็ ไทย จุดมุ่งหมายของงานแนะแนว งานแนะแนวทโ่ี รงเรียนจดั ข้ึนเพ่อื ใหบ้ รกิ ารแกน่ ักเรียน มจี ุดมุง่ หมาย ดังน้ี 1. การแนะแนวการศึกษาโดยมุ่งหวังให้นักเรียนพัฒนาการเรียนได้เต็มศักยภาพ รู้จัก แสวงหาความรู้และวางแผนการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับตัวด้านการเรียน และมนี ิสัยใฝรุ ู้ ใฝเุ รียน 2. การแนะแนวอาชีพช่วยให้นักเรียนรู้จักตนเองและโลกของงานอย่างหลากหลาย มีเจตคติและมีนิสัยท่ีดีในการทางาน มีโอกาสได้รับประสบการณ์และฝึกงานตามความถนัด ความสนใจ 3. การแนะแนวเพื่อพัฒนาบุคลิกภาพช่วยให้นักเรียนเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าใน ตนเองและผู้อ่ืน มีอารมณ์ม่ันคง มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี เข้าใจส่ิงแวดล้อม และสามารถปรับตัวให้ ดารงชีวิตอยใู่ นสังคมได้อยา่ งเป็นสุข
การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 28 ในการเรียนการสอนกิจกรรมแนะแนว มีการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน ดังนี้ 1. กิจกรรมรู้จักและเหน็ คุณค่าในตนเองและผู้อน่ื 2. กจิ กรรมการตดั สนิ ใจและแกป้ ญ๎ หา 3. กิจกรรมการปรับตวั และการดารงชวี ติ 4. กิจกรรมการแสวงหาและใช้ขอ้ มลู สารสนเทศ การวดั และประเมนิ ผลกจิ กรรมแนะแนว 1. ประเมนิ การผ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. ประเมินจากการสังเกตพฤติกรรม และประเมินคุณลักษณะด้านคุณธรรม จริยธรรม ดังตอ่ ไปน้ี 2.1 ด้านความมุ่งมั่นขยันหมั่นเพียรได้แก่ พฤติกรรมการปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมายด้วยความต้ังใจและพฤตกิ รรมการสง่ งานตรงเวลา 2.2 ด้านความซ่ือสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ได้แก่ พฤติกรรมการยอมรับในผลงาน ตนเองและพฤติกรรมการไมร่ บกวนผู้อื่น 2.3 ด้านความมีระเบียบวินัย ได้แก่ พฤติกรรมการเข้าเรียนตรงเวลา และผลงาน สะอาดเรียบรอ้ ยถูกตอ้ ง 2.4 ด้านความสามัคคี ได้แก่ พฤติกรรมการร่วมมือกันปฏิบัติงานจนสาเร็จและ พฤตกิ รรม มคี วามเปน็ ประชาธปิ ไตย 2.5 ด้านความมีน้าใจ ได้แก่ พฤติกรรมการช่วยเหลือเพ่ือนและพฤติกรรมการ อธิบายความรใู้ ห้ซง่ึ กนั และกนั 3. ประเมินจากการมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของเวลา ทัง้ หมดท่จี ัดกจิ กรรมตลอดปกี ารศึกษา ทมี่ า : สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2555). แนวทางการจดั กิจกรรมแนะ แนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราชการ 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชมุ นุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
แผนการจดั กิจกรรมแนะแนวที่ 2 หน่วยการจดั กิจกรรมด้านการศกึ ษา ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1-3 เรือ่ ง เคลด็ ลับเรียนดี จานวน 3 ชวั่ โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคญั การเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ มีวิธีปฏิบัติซึ่งนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ว่าจะทาอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่า เปน็ ผ้ทู ่เี รยี นเกง่ โดยนักเรยี นศึกษาวิธกี ารเรยี นของผูป้ ระสบความสาเร็จในการเรียน แล้วนาข้อปฏิบัติเหล่านั้น มาใชเ้ ป็นแนวทางการปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งเหมาะสม เพ่ือให้นักเรียนเปน็ อกี คนหน่งึ ท่ีประสบความสาเรจ็ ในการเรยี น 2. สมรรถนะการแนะแนว : ดา้ นการศึกษา ข้อ 1 รู้ เขา้ ใจและมีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ การเรียนร้ตู ามหลกั สตู ร 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ปฏิบตั ติ นให้เปน็ ผู้เรยี นที่มีประสทิ ธิภาพ 3.2 รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศ 4. สาระการเรยี นรู้ 29 ศึกษาวิธกี ารเรียนของผปู้ ระสบความสาเร็จในการเรียน 5. ชน้ิ งาน / ภาระงาน (ถา้ มี) 5.1 การร่วมกนั อภปิ ราย 5.2 ใบงาน 6. วธิ ีการจดั กจิ กรรม 6.1 ครชู วนนักเรยี นสนทนาถึงระดบั ผลการเรียนตอนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 นักเรียนคิดว่าตนเองเป็น คนทเ่ี รยี นดหี รือไม่ เพราะอะไร สุ่มตัวแทนนักเรียนตอบให้เพื่อน ๆ ช่วยกันเลือกตัวแทนที่เรียนดีท่ีสุดของห้อง ออกมาหนา้ ชน้ั เรยี น 3-5 คน เพื่อใหบ้ อกเคล็ดลบั การเรยี นดขี องตนเองให้เพอื่ น ๆ ฟ๎ง 6.2 ครถู ามนกั เรียนว่า หากเราจะเรยี นใหด้ เี ราจะต้องปฏบิ ัติตนอย่างไรบา้ ง นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ 6.3 นกั เรยี นยกตัวอย่างบุคคลที่เรียนดที ี่นักเรยี นรูจ้ กั 6.4 นักเรียนศกึ ษาใบความรเู้ รอ่ื ง “8 กลมุ่ สาระ” และตอบคาถาม 6.5 นักเรยี นทาใบงานเร่ือง “8 กล่มุ สาระ”
6.6 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงเคล็ดลับการเรียนดีจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือ อินเทอร์เน็ต 30 การสัมภาษณ์ผู้ท่ีเรียนเก่ง และช่วยกันสรุปถึงวิธีการปฏิบัติตนให้เป็นผู้ที่ได้ช่ือว่า “เป็นผู้ที่เรียนดี” ครูแนะนา ใหน้ กั เรยี นไปศกึ ษาเคลด็ ลบั เรียนดจี ากแหลง่ ต่าง ๆ และนาไปปฏบิ ัตอิ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 ใบความรเู้ รือ่ ง 8 กลุ่มสาระ 7.2 ใบงานเรอ่ื ง 8 กลุ่มสาระ 8. การวัดและประเมนิ ผล 8.1 วิธกี ารวัดและประเมินผล 8.1.1 สังเกตความสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม และการรว่ มอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ 8.1.2 ตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน และความเรียบรอ้ ยของใบงาน 8.2 เครื่องมอื - 8.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 8.3.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผา่ น มคี วามสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ไม่ผ่าน ขาดสิ่งใดสิง่ หน่งึ 8.3.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน ทาใบงานถูกต้อง ครบถว้ น และสง่ งานตามกาหนด ไมผ่ ่าน ขาดสงิ่ ใดสิ่งหนึง่
31
32 ที่มา : สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2555). แนวทางการพฒั นาทักษะชวี ติ บูรณาการการเรยี นการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศ.
แผนการจดั กิจกรรมแนะแนวท่ี 3 หนว่ ยการจัดกจิ กรรมด้านการศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 1-3 เรอ่ื ง ยอดนกั สู้ จานวน 3 ชั่วโมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคัญ การศึกษาเคล็ดลับการเรียนเก่งจากผู้ท่ีประสบความสาเร็จในการเรียน จะทาให้ได้แนวทางการเรียน เพอื่ นามาประยุกต์ใช้และปรบั ปรงุ ใหส้ อดคล้องเหมาะสมกบั ตนเอง เพื่อสง่ ผลให้นักเรยี นมผี ลการเรยี นทดี่ ีขึน้ 2. สมรรถนะการแนะแนว : ดา้ นการศึกษา ข้อ 2 มีคา่ นยิ มในการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 บอกเคลด็ ลับการเรียนเก่งจากผ้ทู ป่ี ระสบผลสาเร็จในการเรยี น 3.2 แสวงหาและใชข้ อ้ มลู สารสนเทศได้ 4. สาระการเรยี นรู้ 33 เทคนิคการเรียนเกง่ 5. ชน้ิ งาน / ภาระงาน (ถ้ามี) การรว่ มกันอภิปราย 6. วธิ กี ารจดั กิจกรรม 6.1 ครูพูดคุยกับนักเรียนถึงวิธีการเรียนให้ประสบความสาเร็จนั้นต้องมีอะไรบ้าง จากนั้นครูกล่าว เพ่ิมเติมและถามนักเรียนว่าเคยได้ยินคาว่า “สุ จิ ปุ ลิ” บ้างไหม ถามนักเรียนคนที่รู้คาตอบว่าคืออะไร หรอื สุม่ ถามนกั เรียน 3 – 4 คน โดยครูยังไม่ต้องสรุปคาตอบ 6.2 ครูขออาสาสมัครนักเรียนบอกถึงเทคนิควิธีการเรียนท่ีนักเรียนใช้ในการเรียนวิชาต่าง ๆ เพื่อให้ ได้ผลการเรียนดี อาสาสมัครนกั เรียน 3 - 4 คน ออกมาพดู ให้เพอื่ นฟง๎ หน้าชัน้ เรียน 6.3 ครถู ามนักเรียนอกี ครัง้ ว่า “หัวใจนักปราชญ์” คอื อะไร จากน้นั ครูใหน้ กั เรยี นศึกษา ใบความรเู้ รื่อง “หัวใจนักปราชญ์” เปน็ รายบคุ คลด้วยตนเองใหเ้ วลาศกึ ษา 15 นาที 6.4 นกั เรยี นทาใบงานเรอ่ื ง “หวั ใจนกั ปราชญ์” 6.5 ครกู ลา่ วทบทวนถึงเนอื้ หารายละเอยี ด เร่อื ง “หัวใจนักปราชญ์” 6.6 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปข้อคดิ ทไี่ ด้จากกิจกรรม
ครสู รปุ ประเด็นสาคัญเพมิ่ เติม ดงั น้ี การหม่นั ทบทวนตนเองด้านการเรยี นอยู่เสมอเป็นสิง่ ทน่ี ักเรียนทุกคนพึงปฏบิ ตั ิ เพื่อไปให้ถงึ ซ่ึงเปูาหมายทีน่ ักเรียนต้องการ ดังเชน่ คากลอนทวี่ า่ เรยี นดเี รยี นอย่างไร เรยี นด้วยใจหวิ วชิ า อยากรูด้ ตู ารา ยิง่ คน้ ควา้ ยิ่งพาเพลนิ ยง่ิ เรยี นยิ่งสนุก ผลักความทุกข์พน้ ทางเดิน ไม่หิวไม่อ่มิ เกิน ไมห่ า่ งเหินไม่โหมเอย่ 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 ใบงาน เรื่อง หัวใจนักปราชญ์ 7.2 ใบความรู้ เรือ่ ง หัวใจนกั ปราชญ์ 8. การวัดและประเมนิ ผล 34 8.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล 8.1.1 สงั เกตความสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม และการร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเห็น 8.1.2 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครบถ้วน และความเรยี บรอ้ ยของใบงาน 8.2 เคร่อื งมอื - 8.3 เกณฑ์การประเมนิ 8.3.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผา่ น มคี วามสนใจในการฟง๎ การตอบคาถาม การรว่ มอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ ไม่ผ่าน ขาดส่งิ ใดส่งิ หนึง่ 8.3.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผ่าน ทาใบงานถูกต้อง ครบถว้ น และสง่ งานตามกาหนด ไม่ผ่าน ขาดสิง่ ใดสง่ิ หนึ่ง
ใบงาน เร่อื ง หัวใจนักปราชญ์ คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี 1. หัวใจนักปราชญ์คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. หวั ใจนักปราชญ์ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง จงอธบิ าย 35 2.1 ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2.2 ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2.3 ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2.4 ………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. นกั เรียนสามารถฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้ทมี่ ีหวั ใจนักปราชญ์ได้อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบความรู้ เรอ่ื ง หัวใจนกั ปราชญ์ หลักหัวใจนักปราชญ์ (สุ จิ ปุ ลิ) ทาอย่างไรเราจึงจะเป็นผู้รอบรู้ หรือ สามารถฝึกฝนให้ผู้อ่ืน 36 เป็นผู้รอบรู้ได้ ตามหลัก พุทธศาสนาจะสอนให้ปฏิบัติตามหลักหัวใจ นักปราชญ์ ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติ เพอื่ ใหเ้ ป็นผ้รู อบรู้ และเชย่ี วชาญในเร่อื งใดเรอ่ื งหน่งึ โดยมหี ลกั ปฏบิ ัติ 4 ประการคือ 1. สุตะ คือการฟง๎ ซึง่ รวมทงั้ การดู และการอ่านจากสื่อตา่ ง ๆ 2. จติ ตะ คือการคดิ โดยน าส่งิ ทฟ่ี ง๎ หรอื อา่ นมานน้ั มาคิดพิจารณา 3. ปจุ ฉา คอื การสอบถามผรู้ ู้ 4. ลขิ ติ คอื การจดจาหรือบันทึก สุ คือ สุตะ หมายถึง รู้ได้ด้วยการฟ๎ง ที่สาคัญต้อง ฟ๎งอย่างต้ังใจ ฟ๎งให้ต่อเน่ือง มีสมาธิ ในการฟ๎ง ก็ต้องควบคกู่ บั การอา่ นมากดว้ ย จิ คือ จิตตะ หมายถึง รู้ได้ด้วยการคิด มีจินตนาการ สร้างสรรค์ เม่ือฟ๎งแล้วอ่านแล้ว ตอ้ งนามาคิด คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ แยกแยะได้อย่างเหมาะสม ปุ คือ ปุจฉา หมายถึง รู้ได้ด้วยการ สอบถาม การค้นคว้า การสืบค้นหาความรู้ เพื่อให้ได้ ขอ้ มูลมากย่ิงข้นึ หรอื ถูกตอ้ ง หรอื หาขอ้ มลู ท่ีเก่ยี วขอ้ งได้ ลิ คือ ลิขิต หมายถึง รู้ได้ ด้วยการเขียน การจดบันทึกความรู้ด้วยความ เข้าใจจากการฟ๎ง การคดิ การถาม การเขียนจงึ เป็นบทสรุปของหวั ใจทัง้ หมดของนกั ปราชญ์ และเป็นหัวใจทีส่ าคัญทสี่ ดุ ทม่ี า : พระมหาอุดร อุตฺตโร (มากดี). (2557). รปู แบบแหง่ การจัดการการเรยี นรู้ตามหลักพทุ ธธรรม Learning Management Model Based on Buddhist principle. วารสารครุศาสตร์ปริทรรศน์ฯ. ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 2 กนั ยายน-ธนั วาคม.
แผนการจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 4 หน่วยการจัดกจิ กรรมดา้ นการศกึ ษา ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1-3 เรอื่ ง วางแผนดีมีชัย จานวน 3 ชวั่ โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคญั ผลการเรียนเป็นสิ่งทแ่ี สดงถึงความสามารถทางการเรียนของผเู้ รียน ซ่ึงเป็นผลจากพฤติกรรมการเรียน ที่ผ่านมา ดังนั้นการพัฒนาพฤติกรรมการเรียนให้เหมาะสมย่อมส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถทาง การเรียนด้วย 2. สมรรถนะการแนะแนว : ดา้ นการศึกษา ข้อ 3 ใชข้ อ้ มูลในการวางแผนการศกึ ษา 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 37 3.1 บอกระดับความสามารถทางการเรยี นของตนได้ 3.2 บอกคุณค่าของวชิ าตา่ ง ๆ ในหลักสตู รกับชีวิตได้ 3.3 บอกวธิ กี ารปฏบิ ัตติ นเพื่อการปรบั ปรงุ และพัฒนาผลการเรียน 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ระดบั ความสามารถทางการเรียนของตน 4.2 วธิ ปี ฏิบัติตนเพ่อื ปรับปรุงและพัฒนาผลการเรียน 5. ชน้ิ งาน / ภาระงาน (ถ้ามี) - 6. วธิ ีการจัดกิจกรรม 6.1 ครูกับนักเรยี นรว่ มร้องเพลง ไดเ้ วลาแลว้ “ไดเ้ วลาแล้ว เข้าแถวมาเลา่ มาเรยี น เราต้องพากเพยี ร หมุนเวียนเรยี นเร่อื ยไป อยู่ท่ีไหน มัวทาอะไร รบี เรง่ เร็วไว ชา้ ไปจะเรียนไม่ทันเรยี น” จากนน้ั สนทนากบั นักเรยี นเกี่ยวกบั เนื้อหาในเพลง แลว้ นาเข้าสูบ่ ทเรียนเรอ่ื งการเรียนหนังสอื 6.2 ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนบอกวิชาทต่ี นเองชอบพร้อมเหตุผลโดยกาหนดเวลาไม่เกินคนละ 1 นาที 6.3 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปรายวชิ าทนี่ กั เรียนส่วนใหญช่ อบ แล้วเช่ือมโยงใหเ้ ห็นว่าความจรงิ แล้ว นักเรียนตอ้ งเรียนวชิ าที่ไม่ชอบด้วย
6.4 ครูสนทนาประกอบการซักถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั คณุ คา่ ของวิชาตา่ ง ๆ ในหลักสตู ร 38 6.5 ครใู หน้ กั เรยี นชมวีดทิ ศั น์เพลงคาถาเรยี นเกง่ แล้วให้นกั เรียนรอ้ งตาม 6.6 นกั เรยี นช่วยกนั สรปุ แนวทางการเรียนเกง่ จากการชมวีดทิ ัศนเ์ พลงคาถาเรียนเก่ง โดยครูช่วยสรุป เพ่มิ เตมิ ในประเดน็ ทขี่ าดหายไป 6.7 ครูแจกใบงานเรอ่ื ง วิชาทฉี่ ันเรยี นในชนั้ ป.1-3 คืนใหน้ ักเรียนทุกคน เพื่อกรอกผลการเรยี นทไ่ี ด้ (ใบงานที่ 1 เรื่อง วิชาท่ีฉันเรียนในช้ัน ป.1-3 ได้วางแผนให้นักเรียนทาไว้ในภาคเรียนท่ี 1 และครูเก็บไว้ให้ เพ่อื ใช้เป็นใบงานนาสกู่ ารเรียนรู้ในช่วั โมงน้ี) 6.8 ครตู ัง้ ประเดน็ ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาตนเองและอภิปรายรว่ มกนั ดังนี้ - สามารถทาได้ตามเปูาหมายท่ตี ้งั ไว้หรือไม่ และเปน็ เพราะอะไร - จุดดีของตนเองทจ่ี ะรักษาไว้ - จดุ อ่อนทีจ่ ะแกไ้ ข 6.9 ครมู อบหมายให้นักเรียนทาใบงานท่ี 2 เร่ือง มองผลการเรียน เป็นการบ้านและนาเสนอในช่ัวโมง ถดั ไป 6.10 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ กจิ กรรม 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 เพลงได้เวลาแล้ว 7.2 วีดิทศั น์เพลงคาถาเรียนเก่ง (5.09 นาที) จาก https://www.youtube.com/watch?v=Tyl5ebrtMXM 7.3 ใบงานท่ี 1 เรื่อง วิชาทฉ่ี ันเรียนในช้นั ป.1-3 7.4 ใบงานที่ 2 เรื่อง มองผลการเรียน 8. การวดั และประเมินผล 8.1 วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล 8.1.1 สงั เกตความสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม และการรว่ มอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ 8.1.2 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครบถว้ น และความเรียบรอ้ ยของใบงาน 8.2 เคร่ืองมือ -
8.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 8.3.1 สงั เกตการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน มีความสนใจในการฟง๎ การตอบคาถาม การร่วมอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ไมผ่ ่าน ขาดสง่ิ ใดสิ่งหน่ึง 8.3.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผา่ น ทาใบงานถูกต้อง ครบถ้วน และส่งงานตามกาหนด ไมผ่ ่าน ขาดสงิ่ ใดสิ่งหน่งึ 39
ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง วิชาที่ฉันเรยี นในชั้น ป.1-3 คาชี้แจง ให้นกั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมตอ่ ไปน้ี 40
41
ใบงานท่ี 2 เรอ่ื ง มองผลการเรยี น คาชี้แจง 1. ใหน้ กั เรียนประเมินผลการเรียน (ก่อนซ่อมเสรมิ ) กับเปูาหมายท่ตี งั้ ไว้ก่อนเรยี น ผลการเรยี นช้นั ป.1-3 ภาคเรียนท่ี 1 รายวิชา กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน จานวนวิชาทเ่ี รยี นทง้ั หมด.........................วิชา จานวนกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น................กจิ กรรม สอบได.้ ..............วชิ า สอบตก.................วชิ า ผ่านตามเปาู หมาย...............................กิจกรรม ไดเ้ กรดตามเปูาหมายหรือมากกว่า............วชิ า ไม่ผ่านตามเปาู หมาย...........................กิจกรรม ได้เกรดไม่ถงึ เปูาหมาย.............................วิชา เกรดเฉลย่ี เกรดเฉลย่ี ภาคเรียนที่ 1 ทต่ี ้ังเปูาหมายไว้ คือ…………เกรดเฉลย่ี ท่ไี ด้จริง คือ………………… ผล ทาไดต้ ามเปูาหมาย ไม่ถงึ เปูาหมาย เกรดเฉลย่ี คุณภาพการเรยี น คาเตอื นใจ ระบายสยี ้าเตือนตวั เอง 42 3.50 – 4.00 อยา่ ระเริงใจ ดารงรักษาไว้ 3.00 – 3.49 อย่าชะล่าใจพัฒนาต่อไป 2.50 – 2.99 อย่าเพ่ิงพอใจพยายามอกี 2.00 – 2.49 …..สู้ต่อ 1.50 – 1.99 …….ส้ๆู 0.00 – 1.49 ---- ...ส้ตู าย จดุ แขง็ ที่จะรักษาไว้ จดุ อ่อนทีจ่ ะแก้ไข การกระทาทส่ี ่งผลดตี อ่ การเรียนและจะทาตอ่ ไป การกระทาท่ไี มส่ ง่ ผลดีต่อการเรยี น ที่จะแก้ไข ………………………………………………….................................... ………………………………………………….……………………………… ............................................................................................. ………………………………………………….……………………………… ............................................................................................. ………………………………………………….……………………………… ............................................................................................. ………………………………………………….……………………………… ............................................................................................. ........................................................................................................ ชือ่ -สกุลนักเรยี น..............................................................................................ชั้น ป.2/..........เลขท.ี่ ..........
ใบงานเร่อื ง คนตน้ แบบ (บุคคลตวั อยา่ ง/ที่ชื่นชอบ) 2. ให้นกั เรยี นค้นหาคนตน้ แบบทางการเรยี น 1 คน และกรอกข้อมลู ตามใบงาน ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................. ยงั มีชวี ติ อยู่ อายุ.......ปี รปู ภาพคนต้นแบบ เสยี ชีวิตแล้ว อาชีพ .............................................. .............................................. การศกึ ษา .............................................. .............................................. สถาบนั .............................................. .............................................. 43 1. เหตุผลทเ่ี ลือกเป็นคนต้นแบบทางการเรียน ............................................................................................................................. .......................................... ........................................................................................... ................................................... ........................ ............................................................................................................................. ......................................... .......................................................................................................................................... ............................ 2. คต/ิ ข้อคดิ ที่ไดจ้ ากบุคคลตัวอยา่ ง/คนที่ชน่ื ชอบ ท่ีสามารถนามาปรับใชก้ ับตวั ของนกั เรียนได้ ............................................................................................................................. .......................................... .................................................................................................... .................................................................. ............................................................................................................................. ......................................... ................................................................................................................................................... ................... 3. สงิ่ ท่นี ักเรียนยงั ขาดอยูแ่ ละต้องพฒั นาให้เหมือนบุคคลตัวอย่าง/คนที่ชืน่ ชอบ คอื อะไร ............................................................................................................................. .......................................... ................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ......................................... .......................................................................................................................................................... ............
แผนการจัดกจิ กรรมแนะแนวที่ 5 หน่วยการจัดกิจกรรมด้านการศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1-3 เรือ่ ง การเตรียมพร้อมก่อนเรียน จานวน 3 ชัว่ โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคัญ การจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนให้พร้อม สาหรับการเรียนในแต่ละวัน เป็นการฝึกการวางแผน การเรยี นขนั้ ต้น ซึ่งจะชว่ ยส่งเสริมทกั ษะทางดา้ นการเรียนใหม้ ีประสิทธิภาพได้ 2. สมรรถนะการแนะแนว : ดา้ นการศึกษา ข้อ 4 พัฒนาตนเองดา้ นการเรยี นได้เต็มตามศักยภาพ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 บอกแนวทางการศึกษา และพฒั นาทักษะทางการเรยี น 3.2 บอกประโยชน์ของอปุ กรณ์การเรียนทจ่ี าเปน็ ได้ 3.3 วางแผนในการเตรยี มของอปุ กรณ์การเรยี นและสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ 4. สาระการเรียนรู้ 44 ทกั ษะทางการเรยี น 5. ชิ้นงาน / ภาระงาน (ถา้ มี) - 6. วิธีการจัดกิจกรรม 6.1 นกั เรยี นนัง่ สมาธเิ พื่อเตรียมความพรอ้ มกอ่ นเรยี นเป็นเวลา 2 นาที 6.2 นักเรยี นชมวีดิทัศน์เร่ือง 10 วธิ ีเรียนเกง่ แล้วสนทนาเก่ยี วกบั แนวทางการเรยี นทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ 6.3 ครูสนทนากับนกั เรยี นเชอ่ื มโยงเกี่ยวกับการเรียนในบริบทนกั เรยี นประถมศึกษาตอนต้น 6.4 ครูสนทนาซักถามนักเรียน โดยให้นักเรียนคิดว่า ก่อนที่นักเรียนจะมาโรงเรียน ได้เตรียมตัว อย่างไร และตอ้ งเตรียมอปุ กรณ์อะไรบ้างท่ีใชใ้ นการเรียน ให้นักเรยี นยกมอื ตอบ ครูเปน็ ผบู้ ันทกึ ไว้บนกระดาน 6.5 ครอู ธบิ ายถงึ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการเรยี นรู้ พรอ้ มกับยกตัวอย่างจากคาตอบของผู้เรียน และให้ นักเรียนดตู ัวอย่างของอปุ กรณก์ ารเรยี น 6.6 นกั เรยี นทา “กิจกรรมเตรยี มตัวก่อนเรียนอย่างไรดี” โดยกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการวาดภาพ อปุ กรณท์ น่ี กั เรียนต้องนามาโรงเรยี น โดยเรียงลาดับสง่ิ ทนี่ กั เรียนคิดวา่ ตอ้ งเตรียมมาก่อน-หลัง และระบายสีให้ สวยงาม
6.7 นักเรียนนาเสนอผลงานตนเองหน้าชั้นเรียนถึงรูปท่ีนักเรียนวาด ว่ามีรูปอะไรบ้าง และทาไม 45 นกั เรยี นถงึ เรียงลาดบั รปู ทีน่ กั เรียนวาดเปน็ แบบนัน้ 6.8 ซักถามกนั ระหวา่ งนกั เรียนและครู 6.9 นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ใจความสาคญั ครบถว้ นตรงตามสาระการเรียนรู้นั้น 6.10 ใหน้ กั เรยี นโยงเส้นของอุปกรณก์ ารเรยี นรู้ใหส้ มั พนั ธ์กับประโยชนข์ องการใชง้ านลงในใบงานแล้ว ส่งทา้ ยชวั่ โมง 7. สอ่ื /อุปกรณ์ 7.1 วดี ิทศั น์เรื่อง 10 วธิ ีเรียนเก่ง (8.36 นาท)ี จาก https://www.youtube.com/watch?v=XruQW0aG0ao 7.2 รปู ภาพประกอบเร่ืองอุปกรณ์การเรียน 7.3 ใบงานเร่อื ง เตรียมตัวก่อนเรียนอย่างไรดี 8. การวัดและประเมนิ ผล 8.1 วิธีการวดั และประเมินผล 8.1.1 สงั เกตความสนใจในการฟง๎ การตอบคาถาม และการร่วมอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ 8.1.2 ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครบถ้วน และความเรยี บรอ้ ยของใบงาน 8.2 เคร่อื งมอื - 8.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 8.3.1 สงั เกตการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผา่ น มีความสนใจในการฟ๎ง การตอบคาถาม การร่วมอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ ไมผ่ า่ น ขาดส่ิงใดสิ่งหนงึ่ 8.3.2 ตรวจใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผา่ น ทาใบงานถูกต้อง ครบถว้ น และส่งงานตามกาหนด ไมผ่ ่าน ขาดสิ่งใดส่งิ หนึง่
ใบงาน เร่ือง เตรียมตัวกอ่ นเรียนอย่างไรดี คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นวาดรูปอปุ กรณ์การเรียนทีน่ ักเรียนคิดวา่ ตอ้ งเตรยี มมาโรงเรยี น ตามลาดับก่อน-หลงั และระบายสีให้สวยงาม 46
แผนการจดั กจิ กรรมแนะแนวท่ี 6 หน่วยการจดั กิจกรรมดา้ นการศึกษา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1-3 เรอ่ื ง เรียนดีมีวธิ อี ยา่ งไร จานวน 3 ช่วั โมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สาระสาคญั การประเมินผลการเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 นอกจากมีการสอนเหมือนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 แล้วยังมีการทดสอบระดับชาติ National Test (NT) ดังนั้น นักเรียนประถมศึกษาปีท่ี 3 จึงต้องมีการเตรียม ความพร้อมเพื่อรองรบั ผลการทดสอบระดับชาติ 2. สมรรถนะการแนะแนว : ด้านการศกึ ษา ข้อ 4 พฒั นาตนเองดา้ นการเรียนไดเ้ ต็มตามศักยภาพ 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 47 3.1 ระบพุ ฤตกิ รรมท่จี ะนามาใช้ในการปรับตัวด้านการเรียนใหม้ ีผลการเรยี นระดับดขี ึ้นไป และมคี วาม พรอ้ มสาหรับการประเมินระดับชาติ 3.2 ระบแุ นวทางในการปรับตัวเพ่ือผลการเรยี นระดบั ดีข้ึน 4. สาระการเรียนรู้ วิธกี ารปรับตัวด้านการเรียน 5. ช้ินงาน / ภาระงาน (ถา้ มี) - 6. วธิ กี ารจัดกิจกรรม 6.1ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับผลการเรียนที่ดี คือการได้ผลการเรียนระดับ 3 ข้ึนไป และให้ นักเรียนยกมือถามเป็นรายวิชา 6.2 ครูให้อาสาสมัครนักเรียนท่ีเรียนดีเล่าวิธีการเรียนของตนให้สมาชิกในห้องฟ๎งและให้นักเรียนทุกคน บนั ทึกวธิ ีการเรยี นลงในสมุดแนะแนว 6.3 นักเรยี นร่วมกันสนทนาเก่ยี วกบั การสอบตอนส้ินปกี ารศึกษา และการทดสอบระดับชาติ (NT) 6.4. นักเรยี นร่วมกนั คดิ ว่าจะทาอยา่ งไร คะแนนสอบ NT ของโรงเรยี นจงึ จะสูงขึน้ 6.5 ใหน้ ักเรียนศึกษาใบความรู้ เรือ่ ง NT ดีอย่างไร 6.6 ครสู นทนากบั นกั เรียนเก่ียวกับประเด็นตอ่ ไปนี้ - มกี ารทดสอบวิชาอะไรบา้ ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175