เครื่องจักรและสิ่งแวดล้อมของการทางานเป็นต้นตอ หรือ แหล่งกาเนิดของภาวะอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนในขณะ ปฏิบัติงาน ถ้ามีการควบคุมที่แหล่งกาเนิดได้จะเป็นวิธีที่มี ประสทิ ธิภาพมากท่สี ุด แนวทางในการควบคมุ แบ่งออกเป็น 2 วธิ ีการ หลกั คือ ➢ หาทางกาจัดจดุ หรอื แหลง่ ทีเ่ ป็นอนั ตรายต่อการทางาน ➢ กาจดั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี ป็นอันตราย
ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ใ น ก า ร ท า ง า น มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ กั น กั บ ทั้ ง ลูกจ้าง นายจ้าง เพื่อนร่วมงาน และสังคมส่วนรวมของ ประเทศชาติ ซง่ึ อาจเกยี่ วพันไปถึงบุคคลอน่ื ๆ ทอ่ี าจได้รบั อันตราย จากความไม่ปลอดภัยจากการทางานได้เชน่ กนั ดังน้ัน การควบคุม คุ้มครอง ความปลอดภัย จะต้องมีตัว บทกฎหมาย เพื่อบังคับใช้เพื่อความปลอดภัยในการทางาน และ ผูเ้ กยี่ วข้องทกุ ฝ่าย
กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกับอาชีวอนามัย ในส่วนของกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับอาชีวอนามัย จะเห็นว่าความสาคัญ ของกระบวนการทางอาชีวอนามัยและกฎหมายท่ีสนับสนุน แยกออกเป็นส่วน ๆ ดงั นี้ 1. การตรวจร่างกาย พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ในหมวดท่ี 8 มาตรา 107 กาหนดให้นายจ้างจัดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้าง และสง่ ผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีท่ีกาหนดใน กฎกระทรวง ซึ่งเปิดกว้างกว่าประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง การคุ้มครอง แรงงานฉบับเก่า ซึ่งกาหนดการตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละหน่ึงครั้ง โดยแพทย์ แผนปัจจุบนั และให้มีการเก็บรักษาผลการตรวจไวอ้ ยา่ งน้อยห้าปี
2. กฎหมายเก่ียวกับการจัดสภาพแวดล้อมในการทางาน ประกอบดว้ ยความสาคัญในดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้ 2.1ระยะเวลาทางาน พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หมวด 2 มาตรา 23 กาหนดให้นายจ้างประกาศเวลา การทางานปกติให้ลูกจ้างทราบ โดยวันหนึ่งต้องไม่เกินแปด ชั่วโมง และในสปั ดาหห์ นึ่งไมเ่ กินสีส่ ิบแปดชัว่ โมง ยกเว้นงานท่ีอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ตามที่กาหนดในกฎกระทรวงจะต้องมีเวลาทางานปกติไม่เกิน เจด็ ช่ัวโมง และไมเ่ กนิ สี่สบิ สองชวั่ โมงตอ่ หนง่ึ สปั ดาห์
2.2 ส่งิ แวดล้อมในท่ีทางาน ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอื่ งความปลอดภยั ในที่ทางาน เกี่ยวกับสภาพแวดลอ้ ม โดยเฉพาะทางดา้ นกายภาพ ได้แก่ ความรอ้ น แสง สี เสยี ง ดังน้ี - ความรอ้ น มีประกาศกระทรวงมหาดไทย ดังน้ี ภายในสถานท่ีประกอบการที่มลี ูกจ้างทางานอยู่ จะมสี ภาพ ความรอ้ นที่ทาให้อณุ หภมู ิของรา่ งกายของลกู จา้ งสูงเกิน 38 องศา เซลเซียสมไิ ด้
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทางาน พ.ศ. 2554 พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ. 2554 มีเจตนารมณ์เพื่อวาง มาตรการควบคุม กากับ ดูแล และบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานให้แก่ลูกจ้างซ่ึงเป็น ทรัพยากรบุคคลอันเป็นกาลังสาคัญของชาติให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี มี ความปลอดภัยในการทางาน สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มี การนาเทคโนโลยี เคร่ืองมอื เคร่อื งจกั ร อุปกรณ์ สารเคมี และสารเคมี อนั ตรายมใช้ในกระบวนการผลิต การกอ่ สร้าง และบรกิ าร
การบงั คบั ใช้ มาตราทเ่ี กยี่ วข้อง มาตรา 3 พระราชบญั ญัตนิ ม้ี ิใหใ้ ชบ้ งั คับแก่ ราชการสว่ นกลาง ราชการส่วนภมู ิภาค และราชการสว่ นทอ้ งถิน่ กิจการอนื่ ทั้งหมดหรอื แตบ่ างส่วนตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง ให้ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วน ท้องถิ่น และกิจการอื่นตามที่กฎหมายในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง จัดให้มมี าตรฐานในการบริหารและการจัดการดา้ นความปลอดภัย อา ชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานในหน่วยงานของตนไม่ต่า กวา่ มาตรฐานความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทางานตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
คาชีแ้ จง พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ. 2554 เป็นการพัฒนากฎหมาย จากหมวด 8 ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทางาน แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งมี วัตถุประสงค์ใช้บังคับกับผู้ประกอบกิจการ และนายจ้าง ท้ัง ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนผู้ท่ีเกี่ยวข้องต้องดาเนินการ บริหารและจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทางานเพอื่ ประโยชนแ์ ก่ลกู จ้าง
พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนา มัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ไม่ใช้บังคับ กับราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการ ส่วนท้องถิ่น และกิจการอื่นท้ังหมด หรือแต่ บางส่วนตามท่ีกาหนดในกฎกระทรวง แต่ส่วน ราชการต้องจดั ให้มีมาตรฐานในการบริหารและการ จัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดล้อมในการทางานในหนว่ ยงานของตนไม่ ต่ากว่ามาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทางานตามพระราชบัญญตั นิ ้ี
คานิยาม “นายจา้ ง” มาตราทเี่ ก่ียวขอ้ ง “นายจ้าง” หมายความว่า นายจ้างตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองแรงงานและใหห้ มายความรวมถงึ ผปู้ ระกอบกจิ การซึ่ง ยอมให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดมาทางาน หรือทาผลประโยชน์ให้แก่ หรือในสถานประกอบกิจการ ไม่ว่าการทางาน หรือการทา ผลประโยชน์น้ันจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด หรือท้ังหมดใน กระบวนการผลิตหรือธุรกิจในความรับผิดชอบของผู้ประกอบ กิจการนน้ั หรือไมก่ ต็ าม
พระราชบญั ญัติความปลอดภัย อาชีวอนามยั และสภาพแวดล้อมในการ ทางาน พ.ศ. 2554 จงึ ได้ให้ความหมายคาว่า “นายจา้ ง” ดงั นี้ “นายจา้ ง” หมายความวา่ • ผซู้ งึ่ ตกลงรับลูกจา้ งเขา้ ทางานโดยจา่ ยค่าจา้ งให้ • ผู้ซึ่งไดร้ บั มอบหมายใหท้ างานแทนนายจา้ ง • ในกรณที ีน่ ายจา้ งเปน็ นติ ิบคุ คล ใหห้ มายรวมถงึ ผู้มีอานาจกระทาการแทน นิติบคุ คล และผู้ซ่งึ ได้รบั มอบหมายใหก้ ระทาการแทนนติ ิบคุ คลดว้ ย • ผู้ประกอบกจิ การซง่ึ ประกอบธุรกจิ และยอมใหบ้ ุคคลหนึง่ บคุ คลใดมาทางาน หรือทาผลประโยชน์ให้แก่หรือในสถานประกอบกิจการของตน ไม่ว่าการ ทางานหรือการทาผลประโยชน์นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือท้ังหมดใน กระบวนการผลิต หรือธุรกิจในความรับผิดชอบของผู้ประกอบกิจการนั้น หรือไม่กต็ าม
การบริหาร จัดการ และดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ สภาพแวดลอ้ มในการทางาน มาตราท่ีเก่ยี วขอ้ ง มาตรา 8 ให้นายจ้างบริหาร จัดการ และดาเนินการด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ให้เป็นไปตาม มาตรฐานท่ีกาหนดในกฎกระทรวง การกาหนดมาตรฐานตามวรรคหนึ่ง ให้นายจ้างจัดทาเอกสารหรือ รายงานใดโดยมีการตรวจสอบ หรือรับรองโดยบุคคล หรือนิติบุคคลตามท่ี กาหนดในกฎกระทรวง ให้ลูกจ้างมีหน้าที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัย อาชีวอ นามัย และสภาพแวดล้อมในการทางานตามมาตรฐานทก่ี าหนดในวรรคหนงึ่
การดาเนนิ การด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการ ทางานของนายจา้ ง ลกู จ้าง ผูร้ ับเหมาชั้นต้น และผรู้ บั เหมาช่วง มาตรา 18 ในกรณีที่สถานที่ใดมีสถานประกอบกิจการหลายแห่ง ให้ นายจ้างทุกรายของสถานประกอบกิจการในสถานท่ีน้ันมีหน้าท่ีร่วมกัน ดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี ลูกจ้างซ่ึงทางานในสถานประกอบกิจการตามวรรคหนึ่ง รวมท้ัง ลูกจ้างซ่ึงทางานในสถานประกอบกิจการอื่นที่ไม่ใช่ของนายจ้างต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์เก่ียวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทางานซ่ึงใชใ้ นสถานประกอบกจิ การนน้ั ด้วย
การดาเนินการดา้ นความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการ ทางานของนายจ้างผู้เชา่ อาคาร สถานท่ี เครือ่ งจักร อปุ กรณ์ มาตราทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง มาตรา 19 ในกรณีที่นายจ้างเช่าอาคาร สถานท่ี เคร่ืองมือ เครอ่ื งจักร อุปกรณ์ หรือสิ่งอื่นใดที่นามาใช้ในสถานประกอบกิจการให้นายจ้าง มีอานาจดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมใน การทางานเกี่ยวกับอาคารสถานที่ เคร่ืองมือ เคร่ืองจักร อุปกรณ์ หรือส่ิงอื่นใด ท่ีเช่านั้นตามมาตรฐานทก่ี าหนดในกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา 8 การดาเนินการตามวรรคหนึ่งไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้มีกรรมสิทธิ์ใน อาคาร สถานที่ เครื่องมือ เคร่ืองจักร อุปกรณ์ หรือส่ิงอ่ืนใดซ่ึงให้เช่า หรือผู้ให้ เช่าในอันที่จะเรียกร้องค่าเสียหาย หรือค่าทดแทนใด ๆ ตลอดจนการบอกเลิก สญั ญาเช่า
การคมุ้ ครองสิทธิของลูกจ้าง มาตราทเ่ี กีย่ วขอ้ ง มาตรา 39 ระหว่างหยุดการทางานหรือหยุดกระบวนการผลิตตาม มาตรา 36 ให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับการหยุดการทางาน หรือการหยุดกระบวนการผลิตน้ันเท่ากับค่าจ้างหรือสิทธิประโยชน์อ่ืนใดท่ี ลูกจ้างต้องได้รับ เว้นแต่ลูกจ้างรายนั้นจงใจกระทาการอันเป็นเหตุให้มีการหยุด การทางานหรือหยดุ กระบวนการผลติ มาตรา 42 ห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้าง หรือโยกย้ายหน้าที่การงาน ของลูกจ้างเพราะเหตุที่ลูกจ้างดาเนินการฟ้องร้องหรือเป็นพยานหรือให้ หลกั ฐานหรอื ให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ความปลอดภยั อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทางานต่อพนักงานตรวจความปลอดภัย หรือคณะกรรมการตาม พระราชบญั ญตั ิน้ีหรือตอ่ ศาล
สรปุ หลกั เกณฑก์ ารคุ้มครองความปลอดภยั ตามกฎหมาย การประกาศใช้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน พ.ศ. 2554 มุ่งคุ้มครองสุขภาพทาง ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ อนามยั และสภาพแวดล้อมในการทางาน โดย นายจ้าง หรือผู้รับเหมาช้ันต้น และผู้รับเหมาชว่ งตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองแรงงานต้องร่วมกันดาเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน ตลอดจนกาหนดให้ ลูกจ้างต้องมีหน้าที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัย อาชวี อนามัย และสภาพแวดลอ้ มในการทางานดว้ ย
หนว่ ยท่ี 5 กฎหมายลขิ สทิ ธ์ิ
แผนผังความคดิ (Mind Mapping) ความหมายหรือนยิ าม ศพั ทเ์ กี่ยวกบั งานลขิ สิทธ์ิ การละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ กฎหมาย ขอ้ ยกเวน้ การละเมดิ ขน้ั ต้น ลิขสิทธ์ิ ลิขสิทธิ์ตามมาตรา 32 การละเมดิ ลขิ สิทธข์ิ น้ั ขอ้ ยกเวน้ การละเมดิ รอง ลขิ สทิ ธติ์ ามมาตราอนื่
ความหมายหรือนยิ ามศพั ท์เกย่ี วกบั งานลิขสทิ ธิ์ พระราชบัญญัติลิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537 มาตรา 4 ได้ให้ ความหมายหรอื นิยามศพั ทไ์ ว้อธิบายไดด้ งั ต่อไปนี้ ผู้สร้างสรรค์ หมายความว่า ผู้ทาหรือผู้ก่อให้เกิดงาน ส ร้ า ง ส ร ร ค์ อ ย่ า ง ใ ด อ ย่ า ง ห นึ่ ง ท่ี เ ป็ น ง า น อั น มี ลิ ข สิ ท ธ์ิ ต า ม พระราชบญั ญตั ิน้ี
การทาหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์จะต้องเป็นการ แสดงออกซึ่งความคิด (Expression of Idea) โดยความริเริ่มของ ตนเอง (Originality) ข้อความท่ีมีใช้กันท่ัว ๆ ไปไม่ใช่ข้อความท่ีตนทาหรือ ก่อให้เกิดขึ้นโดยความริเริ่มของตนเอง คาโฆษณาขายของท่ัว ๆ ไป เชน่ ยาไม่อาจมีลิขสิทธ์ิได้
งานอนั มลี ขิ สทิ ธิ์ มีอยู่ 9 ประเภท คอื ➢ งานวรรณกรรม ➢ นาฏกรรม ➢ ศิลปกรรม ➢ ดนตรกี รรม ➢ โสตทศั นวัสดุ ➢ ภาพยนตร์ ➢ สิ่งบนั ทกึ เสยี ง ➢ งานแพร่เสยี งแพรภ่ าพ ➢ งานอน่ื ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรอื แผนก ศิลปะ
ลิขสิทธ์ิ หมายความว่า สิทธิแตผ่ ู้เดียวที่จะทาการใด ๆ ตาม พระราชบญั ญัตนิ เ้ี กี่ยวกบั งานทผี่ สู้ รา้ งสรรค์ไดท้ าข้ึน คาว่าสทิ ธแิ ตผ่ ้เู ดียว (Exclusive Rights) เป็นสิทธทิ ่ีจะห้าม บุคคลอื่นมาล่วงละเมิด เว้นแต่บุคคลน้ันจะได้รับอนุญาตจากผู้ทรง สิทธิ
คมน์ทะนงชัย ฉายไพโรจน์ (2555 : 16) ระบุไว้ว่า ลิขสิทธ์ิ ต้องการให้รางวัลแก่ผู้สร้างสรรค์ โดยให้มีสิทธิแต่ผู้เดียวในการ จาหน่าย เสนอจาหน่าย ทาซ้า ดัดแปลงงานที่ตนสร้างสรรค์ข้ึน และ ห้ามมิให้บุคคลอื่นกระทาเช่นน้ันโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ลิขสิทธ์ิ หรือมิได้จา่ ยค่าตอบแทนใหแ้ ก่เจา้ ของลิขสิทธเ์ิ สยี กอ่ น
“วรรณกรรม” หมายความว่า งานนิพนธ์ท่ีทาขึ้นทุกชนิด เช่น หนงั สอื จลุ สาร สิง่ เขยี น สง่ิ พมิ พ์ ปาฐกถา เทศนา คาปราศรัย สุนทร พจน์ และใหห้ มายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดว้ ย
“โปรแกรมคอมพิวเตอร์” หมายความว่า คาส่ัง ชดุ คาสั่ง หรือ สิ่งอื่นใดท่ีนาไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ทางานหรือเพ่ือให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งน้ี ไม่ว่าจะเป็นภาษา โปรแกรมคอมพิวเตอรใ์ นลักษณะใด
“นาฏกรรม” หมายความว่า งานเก่ียวกับการรา การเต้น การ ทาท่า หรือการแสดงที่ประกอบข้ึนเป็นเรื่องราว และให้หมายความ รวมถงึ การแสดงโดยวธิ ใี บด้ ้วย งานนาฏกรรมต้องประกอบขึ้นเป็นเร่ืองราว เช่น โขน รามเกยี รต์ิ อิเหนา ไมใ่ ชเ่ ฉพาะการเต้นราเพียงอยา่ งเดียว
“ศลิ ปกรรม” หมายความว่า งานอันมลี ักษณะอยา่ งหน่งึ อยา่ งใด หรือหลายอย่าง ดังตอ่ ไปนี้ งานจิตรกรรม ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงที่ประกอบด้วย เส้น แสง สี หรือส่ิงอ่ืน อย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่างรวมกันลง บนวัสดุอย่างเดียวหรือหลายอย่าง ตัวอย่างงานจิตรกรรม ได้แก่ งาน วาดเขียน (Drawings) วาดภาพระบายสี (Paintings)
“งานประติมากรรม” ได้แก่ งานสร้างสรรค์รูปทรงท่ีเกี่ยวกับ ปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้ ตัวอย่าง เช่น งานแกะสลัก ปัน้ หล่อรูปเหมือน
“งานภาพพิมพ์” ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพด้วยกรรมวิธี ทางการพิมพ์ และหมายความรวมถึงแม่พิมพ์หรือแบบพิมพ์ท่ีใช้ใน การพิมพด์ ว้ ย
“งานสถาปัตยกรรม” ได้แก่ งานออกแบบอาคารหรือ ส่ิงปลูกสร้าง งานออกแบบตกแต่งภายในหรือภายนอก ตลอดจน บรเิ วณของอาคารหรือสิง่ ปลกู สร้าง หรือการสร้างสรรค์หุ่นจาลองของ อาคารหรือสงิ่ ปลูกสรา้ ง
“งานภาพถ่าย” ได้แก่ งานสร้างสรรค์ภาพที่เกิดจากการใช้ เครื่องมือบันทึกภาพโดยใช้แสงผ่านเลนส์ไปยังฟิล์มหรือกระจก และ ล้างด้วยน้ายาซ่ึงมีสูตรเฉพาะหรือด้วยกรรมวิธีใด ๆ อันทาให้เกิดภาพ ขน้ึ หรอื การบนั ทกึ ภาพโดยเคร่อื งมอื หรือวธิ ีการอย่างอ่นื
“งานภาพประกอบ” แผนที่ โครงสร้าง ภาพร่าง หรืองาน สร้างสรรค์รูปทรงสามมิติอันเก่ียวกับภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือ วิทยาศาสตร์
“งานศิลปะประยุกต์” ได้แก่ งานที่นาเอางานตาม (1) ถึง (6) อย่างใดอย่างหน่ึงหรือหลายอย่างรวมกัน ไปใช้ประโยชน์อย่างอ่ืน นอกเหนือจากการช่ืนชมในคุณค่าของตัวงานดังกล่าว เช่น นาไปใช้ สอยนาไปตกแต่งวัสดุหรือส่ิงของอันเป็นเครื่องใช้ หรือนาไปใช้เพื่อ ประโยชน์ทางการค้า
“ดนตรีกรรม” หมายความว่า งานเกี่ยวกับเพลงที่แต่งข้ึนเพื่อ บรรเลงหรือขับร้องไม่ว่าจะมีทานองและคาร้องอย่างเดียวและให้ หมายความรวมถึงโน้ตเพลง หรือแผนภูมิเพลงที่ได้แยกและเรียบเรียง เสียงประสานแลว้
“โสตทัศนวัสดุ” หมายความว่า งานอันประกอบด้วยลาดับของ ภาพโดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะอย่างใด อันสามารถที่จะ นามาเล่นซา้ ได้อกี โดยใช้เคร่อื งมอื ที่จาเปน็ สาหรบั การใช้วัสดุนั้น และ ใหห้ มายความรวมถึงเสยี งประกอบงานนน้ั ด้วย (ถา้ ม)ี
สรุป ลิขสิทธิ์ คือ รูปแบบของการ คุ้มครองสิทธิในทางปัญญาประเภท หน่ึงซึ่งรัฐได้ออกกฎหมายให้ความ คุ้มครองผู้สร้างสรรค์งานในส่วนท่ี เก่ียวกับงานวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม งานแสดงภาพยนตร์ ส่ิง บันทึกเสียง และอื่น ๆ ที่กฎหมาย กาหนด พระราชบัญญตั ิลิขสิทธ์กิ าหนด โทษไว้ทั้งโทษปรับและโทษจาคุก เป็น กฎหมายทมี่ โี ทษทางอาญา
หนว่ ยท่ี 6 กฎหมายสทิ ธบิ ตั ร
แผนผงั ความคิด (Mind Mapping) การเพิกถอน ความรทู้ ว่ั ไป อนสุ ิทธบิ ัตร สทิ ธบิ ัตร เก่ยี วกับ สทิ ธิบตั ร สทิ ธิบัตร การเลิกข้อ กฎหมาย เบด็ เตลด็ ถอื สิทธิ์ สิทธิบัตร สทิ ธิบตั รการ การคนื ออกแบบ สทิ ธบิ ัตร ผลิตภัณฑ์ การใชส้ ทิ ธิ สิทธิของ ตามสิทธบิ ัตร ผ้ทู รง สทิ ธิบัตร
พระราชบญั ญัตสิ ิทธบิ ัตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ซ่ึงได้แก้ไข เพ่ิมเติมพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มีสาระสาคัญ ที่จะนามาเสนอพอสังเขปในชน้ั น้ี ดังต่อไปน้ี มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ สิทธิบัตร หมายความว่า หนังสือสาคัญที่ออกเพื่อ คุ้มครอง การประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่กาหนดใน หมวด 2 และหมวด 3 แหง่ พระราชบญั ญตั นิ ้ี อนุสิทธิบัตร หมายความว่า หนังสือสาคัญท่ีออกให้เพื่อ คุ้มครองการประดิษฐ์ตามท่ีกาหนดในหมวด 3 ทวิ แห่ง พระราชบญั ญัติน้ี
การประดิษฐ์ หมายความวา่ การคน้ หรือคดิ ทาข้ึนอนั เป็น ผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีข้ึนใหม่ หรือการกระทาใด ๆ ที่ ทาใหด้ ขี นึ้ ซ่งึ ผลติ ภัณฑห์ รอื กรรมวธิ ี กรรมวิธี หมายความวา่ วธิ ีการ กระบวนการ หรือกรรมวิธี ในการผลิตหรือการเก็บรักษาให้คงสภาพหรือให้มีคุณภาพดีข้ึน หรือ การปรับสภาพให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์และรวมถึงการใช้กรรมวิธีน้ัน ๆ ด้วย แบบผลิตภัณฑ์ หมายความว่า รูปร่างของผลิตภัณฑ์ หรือองค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ อันมีลักษณะ พิ เ ศ ษ ส า ห รั บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ซ่ึ ง ส า ม า ร ถ ใ ช้ เ ป็ น แ บ บ ส า ห รั บ ผลติ ภัณฑ์อตุ สาหกรรมรวมทงั้ หัตถกรรมได้
อนุสิทธิบัตร คือ หนังสือสาคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครอง การประดิษฐ์ เชน่ เดยี วกันกบั สิทธิบัตร แต่มรี ะดบั ขน้ั การประดิษฐ์ท่ี เป็นการประดิษฐ์ง่ายๆ หรือเป็นการประดิษฐ์ท่ีได้ปรับปรุงให้มี ประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น เช่น การประดิษฐเ์ ครื่องเย็บกระดาษที่มีที่ แกะลวดเย็บกระดาษประกอบอยู่ การประดษิ ฐ์ลูกกุญแจท่ีมไี ฟฉาย เล็ก ๆ ประกอบอยู่
การประดษิ ฐท์ จ่ี ะขอรบั อนสุ ทิ ธบิ ัตรได้ กฎหมายกาหนดไวว้ ่า ➢ จะต้องเป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ซ่ึงมีหลักการเช่นเดียวกันกับ สทิ ธิบตั รการประดิษฐ์ ➢ ต้องเป็นการประดิษฐ์ที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ในทาง อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พาณิชยกรรม หรือหัตถกรรมได้ เชน่ เดียวกนั กบั สทิ ธิบตั ร
ลกั ษณะการประดิษฐ์ทข่ี อรบั สทิ ธิบตั รได้ มาตรา 5 ภายใต้บังคับมาตรา 9 การประดิษฐ์ท่ีขอรับ สิทธบิ ตั รไดต้ อ้ งประกอบดว้ ย ➢ เปน็ การประดิษฐ์ขน้ึ ใหม่ ➢ เป็นการประดิษฐท์ ีม่ ีขัน้ การประดิษฐส์ งู ขึ้น และ ➢ เปน็ การประดิษฐท์ ่ีสามารถประยกุ ตใ์ นทางอุตสาหกรรม
ความหมายของการประดิษฐข์ นึ้ ใหม่ มาตรา 6 การประดิษฐ์ท่ีไม่เป็นงานที่ปรากฏอยู่แล้วงานที่ ปรากฏอย่แู ล้วให้หมายความถึง ➢ การประดิษฐ์ท่ีมีหรือใช้แพร่หลายอยู่แล้วในราชอาณาจักรก่อนวัน ขอรับสิทธิบัตร ➢ การประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสาคัญหรือรายละเอียดใน เอกสารหรือส่ิงพิมพ์ที่ได้เผยแพร่อยู่แล้วไม่ว่าในหรือนอก ราชอาณาจักรก่อนวันขอรับสิทธิบัตร และไม่ว่าการเปิดเผยนัน้ จะ กระทาโดยเอกสารสิ่งพิมพ์การนาออกแสดง หรือการเปิดเผยต่อ สาธารณชนด้วยประการใด ๆ
➢ การประดิษฐ์ที่ไดร้ ับสิทธบิ ัตรหรืออนสุ ทิ ธบิ ตั รแล้วไมว่ ่าในหรอื นอก อาณาจักร กอ่ นวันขอรบั สทิ ธบิ ัตร ➢ การประดิษฐ์ที่มีผู้ขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไว้แล้วนอก ราชอาณาจักรเป็นเวลาเกิน 18 เดือน ก่อนวันขอรับสิทธิบัตร แต่ยังไมไ่ ดม้ กี ารออกสทิ ธบิ ัตรหรืออนุสิทธบิ ัตรให้ ➢ การประดิษฐ์ท่ีมีผู้ขอรับสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไว้แล้วไม่ว่าใน หรือนอกราชอาณาจักรและได้ประกาศโฆษณาแล้วก่อนวันขอรับ สทิ ธิบตั รในราชอาณาจักร
ความหมายของการประดษิ ฐท์ ีม่ ีขัน้ การประดิษฐส์ ูงขน้ึ มาตรา 7 การประดิษฐ์ท่ีมีขั้นการประดิษฐ์สูงข้ึนได้แก่ การประดิษฐ์ท่ีไม่เป็นท่ีประจักษ์โดยง่ายแก่บุคคลท่ีมีความชานาญ ในระดับสามัญสาหรบั งานประเภทนน้ั ดงั นั้น จะต้องเป็นการประดิษฐท์ ่มี ีช้ันการประดิษฐ์สูงข้ึน คือ มีลักษณะที่เป็นการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคของสิ่งประดิษฐ์ประเภท เดียวกันที่มีมาก่อนหรือไม่เป็นการประดิษฐ์ท่ีอาจทาได้โดยง่ายต่อผู้ท่ี มคี วามร้ใู นระดับธรรมดาในสาขาวิชาการดา้ นนนั้ ๆ
การประดษิ ฐ์ท่ไี ม่ได้รับความคุ้มครอง ตามมาตรา 9 การประดิษฐ์ดังต่อไปน้ีไม่ได้รับความคุ้มครอง ตามพระราชบญั ญัติ ➢ จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพท่ีมีอยู่ตาม ธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกดั จากสตั ว์หรือพืช ➢ กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ ➢ ระบบข้อมูลสาหรบั การทางานของเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ ➢ วธิ กี ารวนิ จิ ฉัย บาบดั หรือรกั ษาโรคมนษุ ยห์ รือสตั ว์ ➢ การประดิษฐ์ท่ีขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนามัยหรอื สวสั ดภิ าพของประชาชน
สิทธขิ องผปู้ ระดิษฐใ์ นการขอรบั สิทธบิ ตั ร และการปฏิบัติในการ โอนสทิ ธิขอรบั สทิ ธิบัตร ตามมาตรา 10 ผู้ประดิษฐ์เป็นผู้มีสิทธิขอรับสิทธิบัตร และ มีสทิ ธทิ จี่ ะได้รบั การระบุชื่อว่าเป็นผปู้ ระดิษฐใ์ นสทิ ธิบัตร สทิ ธิขอรบั สทิ ธิบตั รย่อมโอนและรบั มรดกกนั ได้ การโอนสิทธขิ อรับสิทธิบัตรต้องทาเป็นหนังสือลงลายมือชอ่ื ผู้โอนและผู้รบั โอน
ผู้ทมี่ สี ทิ ธิขอรับสิทธบิ ัตร ➢ ผู้ประดิษฐ์/ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ ซ่ึงถือได้ว่าเป็นสิทธิตาม ธรรมชาติของผปู้ ระดิษฐค์ ิดค้นเป็นบคุ คลธรรมดาเท่านั้น ➢ ผู้รับโอนสิทธิจากผู้ประดิษฐ์/ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ อาจจะเป็น นิติบคุ คล หรอื บคุ คลธรรมดากไ็ ด้
รายการทีก่ าหนดไว้ในการย่ืนคาขอรับสทิ ธิบตั ร ตามมาตรา 17 การขอรับสิทธิบัตรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และ วิธกี ารท่ีกาหนดโดยกฎกระทรวงคาขอรับสทิ ธิบัตรให้มีรายการดงั ต่อไปน้ี ➢ ชื่อท่ีแสดงถงึ การประดิษฐ์ ➢ ลักษณะและความมุ่งหมายของการประดิษฐ์ ➢ รายละเอียดการประดษิ ฐท์ มี่ ีข้อความสมบรู ณร์ ัดกมุ และชัดแจ้ง อนั จะ ทาให้ผ้มู ีความชานาญในระดบั สามญั ในศิลปะหรอื วทิ ยากรท่ีเก่ียวข้อง สามารถทาและปฏิบัติการตามการประดิษฐ์นั้นได้ และต้องระบุ วิธีการในการประดิษฐ์ท่ีดที ี่สุดท่ีผ้ปู ระดิษฐ์จะพึงทราบได้ ➢ ข้อถือสทิ ธโิ ดยชดั แจง้ ➢ รายการอ่นื ตามทีก่ าหนดโดยกระทรวง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122