Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปคุณภาพภายในสถานศึกษาเขมราฐพิทยาคม

สรุปคุณภาพภายในสถานศึกษาเขมราฐพิทยาคม

Published by nara_balloon, 2020-05-20 12:16:34

Description: สรุปคุณภาพภายในสถานศึกษาเขมราฐพิทยาคม

Search

Read the Text Version

ก คำนำ เอกสาร “สรุปผลการประเมินคุณ ภาพภายในตามมาตรฐานของสถานศึกษา ประจา ปีการศึกษา 2562” ฉบับน้ี จัดทาข้ึนเพื่อสรุปผลการดาเนินงานในการพัฒนาการจัดการศึกษา ตาม 3 มาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนเขมราฐพิทยาคม ในปีการศึกษา 2562 ซ่ึงเป็นไปตามตาม ความในข้อ 3 ของกฎกระทรวง เร่ือง การประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ.2561 และ ข้อ 2.4 ใน ประกาศสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เรื่อง แนวปฏิบัติการดาเนินการประกัน คุณภาพการศึกษา ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ.2561 ให้สถานศึกษาประเมินผลและตรวจสอบ คณุ ภาพการศึกษาภายในสถานศกึ ษาโดยกาหนดผ้รู ับผิดชอบและวิธกี ารทเ่ี หมาะสม เนื้อหาสาระของเอกสาร ประกอบด้วย แนวคิด หลักการและขั้นตอนในการประเมินคุณภาพ ภายในของสถานศึกษา ผลการประเมินตนเองตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาด้านคุณภาพ ของผู้เรียน ด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ และด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอน ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สรุปผลการประเมินในภาพรวม จุดเด่น จุดที่ควรพัฒนา แนวทางการพัฒนา ในอนาคตและความต้องการความชว่ ยเหลือ โรงเรียนเขมราฐพิทยาคม ขอขอบคุณคณะครู นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พื้นฐาน ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้เก่ียวข้องทุกฝ่าย ท่ีให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ขอบคุณคณะกรรมการ ประเมินคุณภาพภายในท่ีดาเนินการประเมินตามสภาพจริง รวมท้ังให้ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนให้มีคุณภาพสูงข้ึนอย่างเป็นรูปธรรม และ หวังเป็น อย่างยิ่งว่า เอกสารฉบับนี้จะเป็นส่วนสาคัญในการนาข้อมูลไปประกอบการจัดทารายงานการประเมินตนเองของ สถานศึกษา (SAR) ปกี ารศกึ ษา 2562 ต่อไป

ข สำรบัญ เรื่อง หน้ำ คานา.......................................................................................................................................... ก สารบัญ....................................................................................................................... ............... ข สว่ นที่ 1 แนวคิด หลกั การและข้ันตอนในการประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษา......... 1 ส่วนที่ 2 ผลการประเมินตนเองตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา............................. 4 4 มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผเู้ รียน……………………………………………………….…. 33 มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจดั การ........................................... 50 มาตรฐานท่ี 3 กระบวนการจดั การเรียนการสอนที่เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ......... ส่วนท่ี 3 สรปุ ผลการประเมินในภาพรวม จุดเด่น จดุ ท่คี วรพฒั นา 59 แนวทางการพฒั นาในอนาคต และความต้องการความช่วยเหลือ............................ 69 ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………………... 70 คาสงั่ แตง่ ต้ังคณะกรรมการประเมนิ คุณภาพภายในสถานศกึ ษา ....................... 79 คาส่ังแตง่ ตัง้ คณะกรรมการพฒั นาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา ประกาศโรงเรียนเขมราฐพิทยาคม เรื่อง การใชม้ าตรฐานการศึกษาของ 83 สถานศึกษาระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน และกาหนดคา่ เปา้ หมายความสาเร็จ 92 ตามมาตรฐานการศึกษา ระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน เพื่อการประกันคณุ ภาพ 100 ภายในของสถานศึกษา…………………………………………………………………. ผลงานดีเดน่ ....................................................................................... ภาพกิจกรรม........................................................................................

1 ส่วนท่ี 1 แนวคิด หลักกำรและข้นั ตอนในกำรประเมินคุณภำพภำยในของสถำนศึกษำ การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาและการตัดสินระดับคุณภาพตามมาตรฐานเป็นไป ตามหลักการตัดสินโดยอาศัยความเชี่ยวชาญ (expert judgement) และการตรวจทาน ผลการ ประเมินโดยคณะกรรมการประเมินในระดับเดียวกัน (peer review) โดยเทียบกับเกณฑ์หรือ มาตรฐานทกี่ าหนดไว้ คณะกรรมการประเมนิ ต้องมคี วามรู้อยา่ งรอบด้านและวิเคราะห์ข้อมลู ร่วมกนั ใน การตัดสินเพื่อให้ระดับคุณภาพตามเกณฑ์ที่กาหนด ซ่ึงจะไม่ใช่การให้คะแนนตามความคิดเห็นของ คนใดคนหน่ึง การประเมินคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของสถานศึกษาท่ีต้องตรวจสอบและประเมินตนเองตาม สภาพบริบทของสถานศึกษาท่ีแท้จริง โดยให้ความสาคัญกับการประเมินเชิงคุณภาพ ผนวกกับการ ประเมินเชิงปริมาณควบคู่กันไป การตัดสินคุณภาพของสถานศึกษาให้ใช้เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน หรือกระบวนการท่ีไม่แยกส่วนหรือแยกองค์ประกอบในการกาหนดคะแนนประเมิน แต่เป็นการ ประเมนิ ในภาพรวมของผลการดาเนนิ งานหรือกระบวนการดาเนินงาน (holistic rubrics) การกาหนดเป้าหมายการดาเนินงานภายในของสถานศึกษา ให้สถานศึกษากาหนดเป้าหมาย และเกณฑ์การประเมินตามสภาพบริบทของสถานศึกษาเอง เพื่อตรวจสอบและประเมินผลการ ดาเนินงานตามภารกิจของสถานศึกษา โดยให้ยึดหลักการดาเนินงานเพ่ือพัฒนาและสะท้อนคุณภาพ การดาเนินงานตามเป้าหมายท่กี าหนดตามมาตรฐานของสถานศึกษา การประเมินคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาให้เน้นการประเมินตามหลักฐานเชิงประจักษ์ท่ีเกิด จากการปฏิบัติงานตามสภาพจรงิ ของสถานศึกษา (evidence based) โดยเลอื กใช้วิธกี ารเก็บรวบรวม ข้อมูลท่ีเหมาะสมและสะท้อนคุณภาพการดาเนินงานตามมาตรฐานของสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน และมีเป้าหมายการประเมินเพ่ือการพัฒนา ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารที่ไม่จาเป็นในการ ประเมิน แต่ข้อมูลต้องมคี วามน่าเชอ่ื ถือและสามารถตรวจสอบผลการประเมินได้ตามสภาพบริบทของ สถานศึกษานนั้ ๆ คณะที่ทาหน้าที่ประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาควรศึกษามาตรฐานการศึกษา และ ประเด็นพิจารณาที่กาหนดให้เข้าใจถ่องแท้ก่อนดาเนินการประเมินคุณภาพสถานศึกษาของตน หลัง ประเมินแล้วให้แจ้งผลการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการศึกษา สรุป และเขียนรายงานการประเมินตนเอง (self-assessment report) ในการประเมินคุณภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้สถานศึ กษา ดาเนินการ ดังน้ี

2 1) ให้มกี ารประเมนิ คณุ ภาพภายในของสถานศึกษาอย่างนอ้ ยปีละ 1 คร้ัง 2) ให้มคี ณะกรรมการรบั ผิดชอบการประเมินคุณภาพภายใน 3) ในการประเมินคณุ ภาพภายในตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษาใหใ้ ชว้ ธิ ีการและ เครื่องมอื ท่หี ลากหลายและเหมาะสม ใหส้ ถานศึกษาสรุปและจดั ทารายงานการประเมินตนเองทีส่ ะท้อนคณุ ภาพผู้เรียนและผลสาเร็จ ของการบริหารจัดการศึกษา ทั้งน้ี สิ่งสาคัญที่สุดของรายงานการประเมินตนเอง คือ กระบวนการ พฒั นาคุณภาพซงึ่ หมายรวมถงึ กิจกรรม/โครงการ/งานท่ีสถานศึกษาดาเนินการท่ีจะสะท้อนให้เห็นถึง หลักการ แนวคดิ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา การมีเป้าหมายหรอื รูปแบบท่ีชัดเจนในการพัฒนาการเรยี น การสอน ซ่ึงทุกกิจกรรม/โครงการ/งานส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษา จากน้ันให้นาเสนอรายงานต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและหน่วยงานต้นสังกัด เผยแพร่ รายงานต่อสาธารณชนและหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวขอ้ ง และเตรียมรบั การประเมินคณุ ภาพภายนอก ตอ่ ไป ข้อควรตระหนกั ในกำรประเมนิ คุณภำพภำยใน ผู้ประเมินควรมีความรู้สึกและเข้าใจบริบทของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ทั้งในแง่มุม ของภาระงาน โครงสร้าง เทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในการบริหาร และการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ และมีประสบการณ์เพียงพอ เพ่ือการช่วยช้ีแนะการปรับปรุงพัฒนาสถานศึกษาได้อย่างชัดเจน และ ตรงประเด็น เกดิ ประโยชน์ต่อสถานศึกษาอยา่ งแท้จริง ผู้ประเมินควรวิเคราะห์อภิปรายด้วยใจเป็นกลาง โดยพิจารณาจากข้อมูลหลักฐานที่เก็บ รวบรวมจากหลาย ๆ ด้าน ทั้งข้อมูลปัจจุบัน และผลการประเมินการดาเนินงานที่ผ่านมา (อาจ พจิ ารณายอ้ นหลัง 3 ป)ี ท้ังนี้ เพอ่ื ใหท้ ราบถึงความกา้ วหน้าในการพฒั นาว่าอยู่ในระดบั ใด ส่ิงที่มีคุณค่ามากที่สุดที่ได้รับจากการประเมินภายในของสถานศึกษา คือ การได้รับข้อช้ีแนะ คาแนะนา แนวทางการพัฒนาสถานศึกษาที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง ดังน้ัน ผู้ประเมินจึงควรรู้ ความเคล่ือนไหวของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเร่ืองการพัฒนาการเรียนการ สอน การกาหนดระยะเวลาดาเนินการประเมินภายในของสถานศึกษานัน้ ให้สถานศึกษากาหนด ได้ เองตามความเหมาะสม แต่ควรสอดคล้องกับสภาพและบริบทของการดาเนินงาน เพื่อความสะดวกใน การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารหลักฐาน เช่น แผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา แผนการ จัดการเรียนรู้ บันทึกหลังสอน รายงานประชุม เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า เอกสารหลักฐานต่าง ๆ น้ัน เกดิ ขึน้ จากการปฏิบัติงานไมใ่ ชก่ ารสรา้ งเอกสารหลกั ฐานเพ่ิมเตมิ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลในส่วนของการสงั เกตและสัมภาษณ์นัน้ ควรกระทาด้วยความระมัดระวัง ต้องสร้างความรู้สึกเป็นมิตรมากกว่าการจับผิดหรือการกล่าวโทษ และควรพูดคุยสอบถามด้วยความ สภุ าพและสรา้ งความไว้วางใจเป็นอนั ดับแรก กอ่ นที่จะสอบถามเพอื่ การเก็บรวบรวมข้อมลู ต่อไป

3 ข้นั ตอนกำรประเมินคุณภำพภำยในของโรงเรยี นเขมรำฐพิทยำคม 1. ข้ันวำงแผน (Plan) 1 แต่งตง้ั คณะกรรมการดาเนินการประกันคุณภาพการศกึ ษา 2 ประชุมวางแผนกาหนดระบบการประกนั คุณภาพการศกึ ษา 3 จดั ทามาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา และกาหนดค่าเป้าหมาย 2. ขนั้ ดำเนนิ กำรตำมแผน (Do) 1 จดั ทาแนวทางการปฏบิ ัติงานตามมาตรฐานการศกึ ษาและประเดน็ พจิ ารณา 2 ชแ้ี จงระบบงานประกันคณุ ภาพการศึกษาแก่บุคลากรของโรงเรยี น 3 จัดทา/ตรวจสอบ เครื่องมือเพอื่ เกบ็ รวบรวมข้อมลู /ผลการประเมนิ ตามเปา้ หมายใน ภาพรวมของแต่ละ มาตรฐาน และประเด็นพจิ ารณา 4 เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู /หลักฐาน/ร่องรอยจากการปฏิบตั ิงานเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาใน แต่ละมาตรฐาน และประเด็นพจิ ารณา ของบุคลากรรายบุคคลและกลมุ่ ใหเ้ ปน็ ปัจจุบัน การดาเนินงาน 5 วิเคราะห์ และสงั เคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการพฒั นาในแต่ละประเด็นพจิ ารณา 3. ข้นั ตรวจสอบ (Check) 1 ตดิ ตาม ตรวจสอบ ทบทวนการจดั การศกึ ษาตามแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี 2 แตง่ ตัง้ คณะกรรมการประเมินคุณภาพภายใน 3 ประเมินคุณภาพการศึกษาในแต่ละมาตรฐาน และประเด็นพิจารณา ปกี ารศกึ ษาละ 1 ครง้ั 4 จัดทารายงานการประเมนิ ตนเอง 4. ขน้ั พัฒนำคณุ ภำพอย่ำงต่อเนื่อง (Act) 1 จัดส่งรายงานการประเมนิ ตนเองให้กบั หนว่ ยงานต้นสังกัด 2 นาผลการประเมนิ คุณภาพภายใน มาวางแผนในการพัฒนาสถานศึกษาในปีการศึกษาต่อไป 3 จัดทาสารสนเทศ

4 ส่วนท่ี 2 ผลกำรประเมินคณุ ภำพภำยในตำมมำตรฐำนกำรศึกษำของสถำนศกึ ษำ ประจำปกี ำรศึกษำ 2562 ผลกำรประเมินคณุ ภำพภำยใน มำตรฐำนท่ี 1 คณุ ภำพของผู้เรียน มีระดับคุณภาพ : ยอดเยยี่ ม คำอธิบำย ผลการเรียนรู้ที่เป็นคุณภาพของผู้เรียนท้ังด้านผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการ ประกอบด้วย ความสามารถในการอ่าน การเขียน การสื่อสาร การคิดคานวณ การคิดประเภทต่างๆ การสร้าง น วัต ก รรม ก ารใช้ เท ค โน โล ยี ส ารส น เท ศ แ ล ะ ก ารสื่ อ ส าร ผ ล สั ม ฤ ท ธิ์ท างก ารเรีย น ตามหลักสูตร การมีความรู้ ทักษะพื้นฐานและเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพ และด้านคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ที่เป็นค่านิยมท่ีดีตามที่สถานศึกษากาหนด ความภูมิใจในท้องถ่ินและความเป็นไทย การ ยอมรบั ทจี่ ะอยรู่ ่วมกันบนความแตกต่างและหลากหลาย รวมทงั้ สขุ ภาวะทางรา่ งกายและจิตสงั คม ที่ ประเด็นพิจำรณำ ค่ำ ผล ผลกำร เป้ำหมำย กำรประเมิน พฒั นำ 1 ผลสมั ฤทธ์ิทางวิชาการของผเู้ รียน 1.1 มีความสามารถในการอ่าน การเขยี น การส่ือสาร 45 +1 45 +1 และการคิดคานวณ 1.2 ความสามารถในการวิเคราะห์และคดิ อยา่ งมี 45 +1 วจิ ารณญาณ อภปิ ราย แลกเปลย่ี น ความคดิ เหน็ 45 +1 และแกป้ ัญหา 1.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและ 45 +1 การสอ่ื สาร 1.4 ความกา้ วหน้าทางการเรียนตามหลักสตู ร 34 +1 สถานศึกษา 45 +1 1.5 ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นและพัฒนาการจากผลการ สอบวดั ระดบั ชาติ 45 +1 1.6 ความพร้อมในการศึกษาต่อ การ'ฝกึ งาน หรอื การ 45 +1 ทางาน 2 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงคข์ องผู้เรยี น 2.1 การมคี ุณลกั ษณะและค่านยิ มท่ดี ตี ามท่ีสถานศึกษา กาหนด โดยไม่ขัดกับกฎหมาย และวัฒนธรรมอนั ดี ของสังคม

5 ท่ี ประเด็นพจิ ำรณำ ค่ำ ผล ผลกำร เปำ้ หมำย กำรประเมนิ พฒั นำ 2.2 ความภูมิในในท้องถิ่นและความเป็นไทย 2.3 การยอมรบั ที่จะอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ งและ 45 +1 45 +1 หลากหลาย 2.4 สุขภาวะทางร่างกาย และลักษณะจติ สังคม 4 5 +1 ประเด็นพจิ ำรณำ 1.ผลสัมฤทธทิ์ ำงวิชำกำรของผ้เู รียน 1.1 มคี วามสามารถในการอา่ น การเขียน การสื่อสาร และการคดิ คานวณ มีระดับคุณภาพ : ยอดเย่ียม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรียนเขมราฐพิทยาคม มีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ครูจัดการ เรียนรู้ให้เป็นไปตามศักยภาพผู้เรียน และจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ สมรรถนะของผู้เรียนตามทักษะในศตวรรษที่ 21 สอดคล้องกับตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน 2551 และหลักสูตรมาตรฐานสากล มีการใช้สื่อเทคโนโลยีที่หลากหลายในการ จัดการเรียนรู้ จัดแหล่งเรียนรทู้ ้ังในและนอกโรงเรียนท่ีเหมาะสมกับผู้เรียนมีการจัดการเรียนการสอน ท่ีมีกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ตามเกณฑ์ท่ี สถานศึกษากาหนด รวมถึงมีการวัดและการประเมนิ ผลของรายวิชาต่าง ๆ ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นไปตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตร มีการออกแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน ตลอดจนการประเมินสมรรถนะของผู้เรียน โดยมีการจัดการเรียนรู้ท้ังรูปแบบการระดมสมอง แบบลง มือปฏิบัติจริง แบบร่วมมือกันเรียนรู้ แบบใช้กระบวนการคิด แก้ปัญหา แบบโครงงาน การเข้าค่าย การบูรณาการในการเรียนรูว้ ันสาคัญตา่ ง ๆ และมีการพฒั นาความสามารถในการอ่าน การเขียน และ การส่ือสาร ผ่านการจัดทาโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมวันสุนทรภู่ กิจกรรมการแข่งขัน ทกั ษะภาษาอังกฤษ และกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาทักษะดา้ นการคิดคานวณ เช่น การแขง่ ขนั คณิตคดิ เร็ว มี ผลการพัฒนาความสามารถในการอ่าน การเขียน การส่ือสาร และการคิดคานวณของนักเรียน ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ถึงชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6 มีผลการพัฒนารอ้ ยละ 90.52 ผลกำรดำเนินงำน ในด้านผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการผู้เรยี นสามารถอ่านออกและอา่ นคล่องตาม มาตรฐานการอ่านในแต่ละระดบั ชน้ั สามารถเขยี นสื่อสารไดด้ ี

6

7

8 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล หลักฐำน ร่องรอย - ตรวจสอบเอกสำร - แบบสรุปผลการอา่ น การเขียน - บันทึกการอา่ น - สังเกต - แบบสรปุ รายงานการประเมินความสามารถในการอา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละ เขยี น - เอกสารการวดั และประเมนิ ผลผเู้ รียนทุกระดับชัน้ - ชิ้นงาน ผลงานนกั เรียน - รายงานโครงการสง่ เสรมิ สนับสนุนใหผ้ เู้ รียนสามารถอ่านออกเขียนได้ - สังเกตพฤติกรรมการเรียนของผ้เู รียนตรวจสอบเอกสารที่สะท้อน ผลสัมฤทธข์ิ องผู้เรียนจาก ข้อมลู และหลักฐานเชิงประจักษ์ เชน่ - แบบสรปุ ผลการคดิ คานวณของนักเรียน - เอกสารการวัดและประเมนิ ผลผูเ้ รยี นทุกระดบั ชน้ั - แบบสรุปรายงานการประเมินความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ คานวณ - สมุดแบบฝึกหดั /ชิน้ งาน/ผลงานนกั เรยี น จุดเดน่ 1. ผ้เู รยี นอา่ นหนังสอื ออกและอา่ นคลอ่ งรวมท้งั สามารถเขียนเพอื่ การส่ือสารได้ทุกคน สามารถใช้เทคโนโลยใี นการแสวงหาความรไู้ ดด้ ้วยตนเอง สง่ ผลใหผ้ ลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของ นกั เรียนอยใู่ นระดับดีมคี ะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ o-net สงู กวา่ ระดับชาติ บางกล่มุ สาระการเรยี นรู้ 2. จัดการเรยี นรู้ภาษาอังกฤษสง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ทค่ี รอบคลุมท้งั 4 ทกั ษะคือ ทักษะการฟังพูดอ่านและเขียนจากครเู จา้ ของภาษา 3. ผู้เรยี นมคี วามสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์มีผลงานในเวทีการแขง่ ขนั นวตั กรรมผลงาน นักเรยี นดา้ นต่างๆ จุดควรพัฒนำ 1. ปลูกฝงั ให้นกั เรียนมนี สิ ัยรักการอ่านทุกทท่ี ุกเวลา และส่ือรอบๆ ตวั ต้องสง่ เสรมิ ให้เป็น นิสยั 2. สามารถนาเสนอผลงานเป็นภาษาองั กฤษได้อย่างคล่องแคล่วและถกู ต้องเหมาะสม แนวทำงกำรพฒั นำในอนำคต ครทู ส่ี อนในระดับเดียวกัน ควรมีการ PLC ร่วมกันส่งเสริมพัฒนาการของนักเรียนรว่ มกัน

9 1.2 มีความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ อภิปรายแลกเปล่ยี น ความคดิ เห็น และแกป้ ัญหา มรี ะดบั คุณภาพ : ยอดเยยี่ ม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรียนดาเนินการพัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปราย แลกเปล่ียนความคิดเห็น และแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โดยจัดโครงการ/กิจกรรม ที่ส่งเสริมให้นักเรียนทุกคนได้วางแผนการทางาน สร้างความรู้ใหม่จาก การทาโครงงาน/ผลงาน/ช้ินงาน ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์และคิดแก้ปัญหา โดยนักเรียนทุกคนเข้า รว่ มและมีส่วนร่วมในโครงการ/กิจกรรม ทาให้นักเรียนมีโครงงาน/ผลงาน/ชิ้นงาน ท่ีเป็นเชิงประจักษ์ ในทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น โดยมคี รูผูส้ อนเป็นผู้ประเมิน โครงงาน/ผลงาน/ ช้ินงาน โดยใช้เกณฑ์การประเมินระดับคุณภาพท่ีโรงเรียนกาหนด มีผลการพัฒนาความสามารถใน การคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น และแก้ปัญหา ของ ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ถึงช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 มีผลการพัฒนาร้อยละ 93.98 ผลกำรดำเนนิ งำน นกั เรยี นมมี ีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ อภปิ รายแลกเปลย่ี น ความคดิ เห็น และแกป้ ัญหา เพ่อื นามาวางแผนจดั ทากจิ กรรม งาน โครงการได้

10 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล หลกั ฐำน รอ่ งรอย - ตรวจสอบเอกสำร - แบบสรุปรายงานการประเมินความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น - บันทึกการทางาน/ช้ินงาน/ผลงานนกั เรยี น - การนาเสนองาน/โครงงาน/IS - รายงานโครงการส่งเสรมิ การจดั หลักสูตรทักษะอาชีพฯ - รายงานโครงการพัฒนาการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน - รายงานโครงการพฒั นานักเรียนหอ้ งเรียนพิเศษ - สงั เกต - สังเกตพฤติกรรมการเรียน การทางานรว่ มกนั การอภิปรายแสดงความ คดิ เหน็ การรว่ มกันแก้ไขปัญหาฯ จุดเดน่ นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาด้านความสามารถในการคิดวิเคราะห์ คิดวิจารณญาณ อภิปรายแลกเปล่ยี นความคิดเห็นและแก้ปญั หา สร้างความรใู้ หม่จากการทาโครงงาน/ผลงาน/ชิ้นงาน นาเสนอผลงานนกั เรียนและเวทศี กั ยภาพผ้เู รยี นตามโครงการโรงเรยี นมาตรฐานสากล จุดควรพัฒนำ การปฏบิ ัติงานโดยใชก้ ระบวนการอยา่ งเปน็ ระบบ การพฒั นาวิเคราะห์ สงั เคราะหข์ อ้ มลู การสรุปและการวางแผนปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ เป็นวิธีการท่ียาก ซับซ้อน ต้องใช้เวลาในการ ฝกึ ฝนมากจงึ จะเกิดทกั ษะ โรงเรียนตอ้ งพยายามปรบั ปรุง แก้ไข ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น แนวทำงกำรพฒั นำในอนำคต ครผู ู้สอนตอ้ งพยายามและรว่ มมอื กันฝึกให้นักเรียนได้ร้จู ักใช้วธิ ีการทางานเชิงระบบ และเป็น ทีมอยา่ งสมา่ เสมออย่างต่อเนื่อง ท้ังในการเรียนการสอนและการทางาน จึงจะทาให้นักเรียนมกี าร พฒั นาพฤตกิ รรมด้านน้ีมากข้ึน

11 1.3 มคี วำมสำมำรถในกำรสร้ำงนวัตกรรม มรี ะดับคุณภำพ : ยอดเย่ยี ม ได้กาหนดวิสัยทัศน์ในการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี 21 จึงได้มี กระบวนการพัฒนาคุณภาพนักเรียนด้วยกระบวนการและวิธีการท่ีหลากหลาย เพ่ือมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมี ความรู้ความเข้าใจ และสามารถใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร สืบค้น และนาเสนอข้อมูล และหรือ ผลงานเพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรียนส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการส่ือสาร สืบค้น และ นาเสนอข้อมูล ส่งเสริมและสนับสนุนการค้นคว้าองค์ความรู้หรือวิธีการใหม่ ๆของนักเรียนตามความ ถนัดและความสนใจ เช่น โครงงาน/ส่ิงประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ การเขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพ่ือประยุกต์ใช้ในการสร้างนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับการดารงชีวิตในโลกยุคปัจจุบันและก้าวสู่การ เป็นพลโลกท่ีดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการพัฒนาความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ของ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ถึงชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 มีผลการพฒั นารอ้ ยละ 93.17 ผลกำรดำเนินงำน นักเรียนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีในการส่ือสาร สืบค้น และนาเสนอข้อมูล มี ความคดิ สร้างสรรค์ในการเรยี นรู้ จนสามารถพัฒนานวตั กรรมหรือสรา้ งองค์ความรู้ใหมไ่ ดด้ ว้ ยตนเอง จนสามารถประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายของตนเองได้

12 กำรเก็บรวบรวมข้อมลู หลักฐำน รอ่ งรอย - ตรวจสอบเอกสำร - เกยี รติบัตร - สถิตกิ ารเขา้ ใช้งานสบื ค้นข้อมูลในห้องสมุด - สถิตกิ ารเขา้ ใชง้ านระบบ - อนิ เตอรเ์ น็ต - ข้อมลู เชิงประจักษ์ 1. นายญาณภัทร องั จกรรจ์ นักเรียนพระราชทาน ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น โรงเรียนขนาดใหญ่ ปีการศกึ ษา 2561 2. รางวัลชนะเลศิ ส่อื สร้างสรรค์ ส่งเสรมิ คุณธรรม จรยิ ธรรม เกี่ยวกบั การประเมนิ คุณธรรมและความโปรง่ ใสในการดาเนินงานของหน่วยงาน ภาครฐั ประจาปี 2562 3. รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดับท่ี 1 เหรียญทอง การแขง่ ขันการสรา้ ง Web Applications ม.4 – ม.6 งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครง้ั ที่ 69 ปีการศกึ ษา 2562 ระดับชาติ จดุ เด่น 1. โรงเรียนมกี ระบวนการพัฒนาคุณภาพนักเรียนดว้ ยกระบวนการและวธิ กี ารที่หลากหลายตาม บรบิ ทและความเหมาะสมกับผเู้ รยี นและสาขาวชิ าและมุ่งเน้นการจัดการเรียนรเู้ ทียบเคียงมาตรฐาน สากล จงึ ทาให้นักเรียนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธภิ าพและเต็มศกั ยภาพของตนเอง เกิด ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และมีศักยภาพเป็นพลโลกท่ีดี 2. โรงเรยี นมีบรรยากาศทางวชิ าการอย่างเขม้ ข้น ทงั้ การจดั การเรยี นรใู้ นหอ้ งเรยี น และการ ส่งเสรมิ ด้วยกจิ กรรม / โครงการตา่ ง ๆ ที่คอยกระตนุ้ ใหเ้ กิดการการพฒั นาท้ังนักเรยี น และครูอย่าง ตอเนื่อง 3. นักเรยี นมคี วามพรอ้ มทางวิชาการ จากกระบวนการคัดเลอื กนักเรียนเขา้ ศกึ ษาตอ่ ของโรงเรียน 4. โรงเรยี นมที รัพยากรสนับสนุนการเรียนร้ทู ี่พร้อม ท้ังอุปกรณ์ และเคร่ืองมือ ทเ่ี ป็นตัวช่วยหรือ สง่ เสรมิ การเรียนรู้ของนักเรียนได้เป็นอย่างดี 5. โรงเรียนมีเครือข่ายทางวิชาการอยา่ งหลากหลาย จงึ สามารถสนับสนนุ การเรยี นรู้ของนกั เรยี น ไดอ้ ย่างรอบดา้ น 6. ครูมกี ารพฒั นาตัวเองอยา่ งต่อเน่อื ง และมีการจดั การความร้ใู นรูปแบบต่าง ๆ อยา่ งสม่าเสมอ เช่น PLC เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิควิธีการพฒั นาผู้เรียน

13 จุดท่คี วรพัฒนำ กระจายโอกาสในการเรียนรแู้ ละส่งเสริมการสร้างนวตั กรรมใหก้ บั นักเรียนในโรงเรียนอย่าง ทัว่ ถึงและครอบคลมุ ทุกระดับชัน้ พร้อม ๆ กับการพัฒนาครูเพอ่ื เปน็ coaching ในการสร้างนวตั กรรม ของนักเรยี น 1.4 ควำมก้ำวหนำ้ ทำงกำรเรียนตำมหลักสูตร มีระดับคุณภาพ : ยอดเย่ียม กระบวนกำรพัฒนำ 1. มกี ารปรบั ปรุงหลกั สูตรสถานศึกษาทุกปีการศึกษา โดยยึดหลักสูตรการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรุง 2560 ) ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของผเู้ รียน ท้องถิน่ และความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี 2. เพมิ่ หลักสูตรอาชีพเพื่อการมีงานทา 3. จดั ทาหลกั สตู รร่วมโดยเป็นโรงเรียนเครือข่ายโรงเรียนมหิดลวทิ ยาณสุ รณ์ และรว่ มโครงการ พัฒนาคุณภาพการศึกษา พัฒนาทอ้ งถิ่นโดยมสี ถาบนั อดุ มศึกษาเปน็ พ่ีเล้ยี ง ผลกำรดำเนินงำน โรงเรียนเขมราฐพิทยาคมได้ดาเนินการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้มีความเหมาะสมและ สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของ สังคม รวมไปถึงสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ ปรับปรุง 2560 ) โดยโรงเรียนจัดหลักสูตรที่เน้นการตอบสนองความต้องการขั้นพ้ืนฐานของนักเรียน ทกุ คน ด้วยวา่ รายวิชาเพม่ิ เติมที่หลากหลายทาให้นักเรยี นได้ เรียนตามความถนัด ความสามารถและ ความสนใจ ท้ังด้านวิทยาศาสตร์ ด้านคณิตศาสตร์ ด้านภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ด้าน ศิลปะ เช่น ดนตรี นาฏศิลป์ ทัศนศิลป์ ด้านการงานอาชีพ เช่น อุตสาหกรรม คหกรรม คอมพิวเตอร์ และด้านกีฬา เป็นต้น นอกจากน้ียังมีการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ส่งเสริมและตอบสนองความ ต้องการ ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน เช่น ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรม ชุมนุมนักศึกษาวิชาทหาร ชุมนุมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ลูกเสือ - เนตรนารี ช่ัวโมง ICT ชั่วโมงจรยิ ธรรม โดยสนับสนุนให้ครูจัดกระบวนการเรียนร้ทู ่ีเน้นให้นักเรียนไดล้ งมือปฏิบัตจิ ริงจนสรุป ความรู้ได้ด้วยตนเอง (Learning by Doing) โรงเรียนได้นิเทศภายใน กากบั ติดตามตรวจสอบ และนา ผลไปปรับปรุงการเรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ผู้บริหารลงมากากับนิเทศ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้กากับนิเทศ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้ การพัฒนางานเครือข่ายผปู้ กครอง (Classroom meeting) การจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ มี ประสิทธิภาพและครอบคลุมถึงนักเรียนทุกคน มีผลการพัฒนาความก้าวหน้าทางการเรียนตาม หลกั สูตร ของระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลการพัฒนาร้อยละ 92.15

14 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลกั ฐำน ร่องรอย - ตรวจสอบเอกสำร 1. หลกั สตู รสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐานพทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง 2560 ) 2. แบบสรปุ รายงานการประเมินความสามารถในการอ่านคิด วิเคราะห์ และเขยี น 3. แบบสรุปรายงานการประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 4. จานวนนักเรยี นทจี่ บการศึกษาในระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ นักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 5. ข้อมลู รายงานการเรียนต่อในระดบั อุดมศึกษาของนกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 6. รายงานโครงการพัฒนานักเรียนห้องเรียนพเิ ศษ จุดเด่น 1. หลักสูตรสถานศึกษาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและความเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเร็วของสังคม เพ่ือศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพได้ 2. จดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนทสี่ ่งเสริมและตอบสนองความต้องการ ความสามารถ ความถนดั และความสนใจขอผูเ้ รียน สนับสนุนใหค้ รจู ดั กระบวนการเรียนร้ทู ีใ่ หผ้ เู้ รยี นไดล้ งมือปฏิบัติจริงจนสรปุ ความรู้ไดด้ ้วยตนเอง

15 จุดท่คี วรพฒั นำ ควรเพิ่มแผนการเรียนและเปิดวิชาเกี่ยวกับอาชีพท่ีหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของ สงั คมในยุคปัจจุบนั และอนาคต แนวทำงกำรพัฒนำในอนำคต เปิดแผนการเรียนและเปิดวิชาเก่ียวกับอาชีพที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของสังคม ในยุคปัจจบุ นั และอนาคต ควำมตอ้ งกำรช่วยเหลือ เพิ่มบุคลากรด้านการจัดการเรียนการสอนเพื่อประกอบอาชีพให้มีความหลากหลาย และจัดหา สถานประกอบการเพ่อื ใช้ในการฝกึ ประสบการณ์ทางวิชาชีพของนักเรยี น 1.5 มีผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรยี นตำมหลักสูตรสถำนศกึ ษำ มีระดับคุณภาพ ดีเลศิ กระบวนกำรพัฒนำ มีการจัดทาบันทึกข้อตกลงเพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท้ัง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ในปี การศึกษา 2562 ให้สงู ขึน้ กว่าปที ี่ผา่ นมา ตลอดจนการยกระดับคะแนนเฉลี่ย O – NET ให้เพิ่มสูงขึ้น จากเดิม มีการสอนเสริมเติมเต็มและสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนในระดับชั้น ม.3 และ ม.6 ปกี ารศึกษา 2562 ผลกำรดำเนินงำน ครูมีการวิเคราะห์หลักสตู รสถานศึกษา และจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ทใี่ ห้นักเรียนมีส่วนรว่ มใน การวัดและประเมินผล ทราบหลักเกณฑ์การวัดและประเมินผล ในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้มีการ สอนเสริมเติมเต็มให้กับนักเรียน ตลอดจนสร้างแรงจูงใจในการเรียนการสอบให้กับนักเรียนโดยการ ประชาสมั พันธ์หนา้ เสาธงและแตง่ ต้งั คณะกรรมการดาเนินงานมีการจัดทาปา้ ยนับถอยหลงั การสอบ O – NET

16

17

18 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลักฐำน รอ่ งรอย - ตรวจสอบเอกสำร - การจัดทาหลกั สูตรของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ - การจัดทาแผนการจัดการเรียนรูข้ องแตล่ ะกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังเกต - การจัดทา ปพ.5 ของครูผู้สอนแตล่ ะวชิ าในทุกระดบั ชนั้ สัมภำษณ์ - รายงานผลการสอบ O – NET ม.3 , ม.6 ปีการศึกษา 2562 - สรุปสถิตผิ ลสัมฤทธิท์ างการเรียน ทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2562 - เอกสารการวดั และประเมินผลผู้เรียน ทกุ ระดบั ชน้ั ( ปพ.5) - รายงานสรุปผลการทดสอบระดบั ชาตขิ ้ันพ้นื ฐาน ม.3 , ม.6 ปกี ารศกึ ษา 2562 - สรุปสถิตผิ ลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา 2562 - การเขา้ เรียน - การเขา้ ร่วมกจิ กรรมต่าง ๆ ของนักเรียน การสอนเสริมเติมเต็มของนักเรียน - การเขา้ เรียนของนกั เรียนในแต่ละรายวิชา การเขา้ สอนเสรมิ เติมเตม็

19 จุดเด่น มีการประชุมวางแผน ชี้แจง ทาความเข้าใจในเร่ืองต่าง ๆ ท่ีสาคัญ ของคณะกรรมการบริหาร โรงเรียน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการสม่าเสมอ มีการวิเคราะห์หลักสูตร สถานศึกษา ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพื่อจัดทาแผนการจัดการเรียนการสอน มีการนิเทศ ตดิ ตามการเรยี นการสอนของครใู นแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นรู้ โดยคณะผ้บู ริหารและหัวหน้ากลุ่มสาระ การเรียนรู้ มีการ PLC ร่วมกันในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และระหว่างกลุ่มสาระ ฯ เพื่อหาแนว ทางแก้ไขปญั หานักเรยี นรว่ มกัน สอนเสรมิ เติมเตม็ ใหก้ ับนกั เรียน จดุ ควรพัฒนำ ให้สอนเสริมเติมเต็ม ในระดับช้ันเรียนและกระตุ้นเสริมแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ให้เห็นความสาคัญของ การเรียนรู้ การสอบวัดผลต่าง ๆ การทดสอบระดับชาตขิ ั้นพ้ืนฐาน ฝึกให้นักเรยี นเป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝเ่ รียน สามารถสืบคน้ หาความรไู้ ด้ด้วยตนเอง ท้ังจากสอ่ื ออนไลน์ อินเตอร์เน็ตต่าง ๆ นอกเหนือจากความรู้ที่ รบั จากครูผู้สอน ครจู ัดการเรยี นการสอน การวดั และประเมนิ ผล ทีห่ ลากหลาย แนวทำงกำรพฒั นำในอนำคต มกี ารกระตนุ้ เสริมแรง สรา้ งความตระหนัก ในการใฝ่รู้ ใฝ่ดี ให้กับนักเรียนตลอดจนสอนเสริมเติม เตม็ ให้กบั นักเรียนตลอดปกี ารศึกษา มีการวดั และประเมินผลที่ไดม้ าตรฐาน เทีย่ งตรง ควำมต้องกำรควำมช่วยเหลือ ต้องการงบประมาณเพิม่ เติม เพอื่ ช่วยในการกระต้นุ เสริมแรง และยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการ เรียน และผลการทดสอบระดับชาติขั้นพน้ื ฐาน ให้สูงกว่าคะแนนเฉลย่ี ระดบั ประเทศ 1.6 มีความรู้ ทกั ษะพน้ื ฐาน และเจตคติที่ดตี อ่ งานอาชีพ มีระดบั คุณภาพ : ยอดเยี่ยม กระบวนกำรพัฒนำ ความรแู้ ละทักษะพร้อมที่จะศกึ ษาตอ่ ในระดบั ช้นั ทสี่ งู ขึ้นหรือมวี ุฒภิ าวะทางอาชพี เหมาะสม กับช่วงวัย โรงเรยี นไดส้ ่งเสริมใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ และทกั ษะพรอ้ มท่ีจะศึกษาต่อในระดับชั้นท่สี ูงขน้ึ โดยการจดั กจิ กรรมทห่ี ลากหลายเพอ่ื ให้ตรงกบั ความต้องการของผู้เรยี น เชน่ การแนะแนวการศึกษา ต่อจากสถาบันการศึกษาภายนอก มาให้ความรู้การศึกษาต่อและการประกอบอาชีพให้กับนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 การให้บรกิ ารข้อมูล ประชาสมั พันธ์ดา้ นการศึกษาต่อและการประกอบ อาชีพทห่ี ลากหลาย เชน่ จัดทาป้ายนเิ ทศประชาสัมพนั ธ์ และส่ือสังคมออนไลน์ เป็นต้น การเลือก เรยี นตอ่ ในระดับชน้ั ทีส่ งู ข้นึ ตามความถนัด ความสนใจและตามศักยภาพ โดยจดั กิจกรรมให้นักเรยี น ค้นหาอาชีพในอนาคตท่ีตอ้ งการ โรงเรยี นไดส้ ง่ เสริมให้ผเู้ รียนมีเจตคตทิ ีด่ ีพร้อมทจี่ ะศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงขึน้ หรือมวี ุฒภิ าวะ

20 ทางอาชีพทีโ่ ดยการจดั กจิ กรรมแนะแนวในช้นั เรยี นท่ีมุง่ เนน้ ขอบข่ายด้านอาชีพ และจดั กิจกรรม สารวจอาชีพในชุมชน ผลกำรดำเนินงำน ผู้เรียนมีความรู้ และทักษะพร้อมท่ีจะศึกษาต่อในระดับชั้นที่สูงข้ึนหรือมีวุฒิภาวะทางอาชีพ เหมาะสมกบั ชว่ งวัย ผู้เรียนเกิดความพร้อม มีความกระตือรือรน้ ในการสารวจตนเองในการเลือกเรียน ตามความถนัดความสามารถของตนเอง นักเรียนมีทักษะในการเลือกประกอบอาชีพจากแหล่งเรียนรู้ ท้งั ภายในและภายนอก ผเู้ รียนมีเจตคตทิ ่ดี ีพร้อมที่จะศกึ ษาต่อในระดับชน้ั ทส่ี งู ขนึ้ หรอื มวี ุฒภิ าวะทางอาชีพเหมาะสม กับช่วงวัย ผู้เรียนมกี ารวางแผนในการทางาน มีความพรอ้ มและได้รับการพฒั นาทกั ษะการเลอื ก ประกอบอาชีพจากแหลง่ เรียนร้ทู ้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน มีความรู้ ทักษะพืน้ ฐาน และเจตคตทิ ี่ ดตี อ่ งานอาชีพ ของระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ถึงชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 มผี ลการพฒั นารอ้ ยละ 93.61

21 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล หลกั ฐำน รอ่ งรอย - ตรวจสอบเอกสำร - แบบติดตามผลการศึกษาต่อ - แบบรายงานผลการวดั แววความถนัดดา้ นอาชพี - แบบประเมนิ งานแนะแนว 5 ด้าน - การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ของครู - สงั เกต - การมสี ว่ นรว่ มในการทากจิ กรรมของนักเรยี น - ผ้มู ีสว่ นเกย่ี วข้องทุกสว่ น เช่น ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา ครู นกั เรียน จุดเดน่ นกั เรยี นมคี วามรู้ มวี ุฒิภาวะทางอาชีพที่เหมาะสมกับช่วงวยั มเี จตคติที่ดีต่อการเลือกอาชีพ และหาความร้เู ก่ียวกบั อาชีพทีต่ นเองสนใจ มีทักษะทพี่ ร้อมที่จะศึกษาต่อในระดบั ชน้ั ท่สี ูงขึน้ จุดควรพัฒนำ พฒั นาให้นักเรยี นมีความรู้มที ักษะท่พี ร้อมท่ีจะศึกษาตอ่ ในระดบั ช้ันที่สูงข้นึ อยเู่ สมอ ๆ และ กา้ วทนั การปรบั เปลย่ี นของระบบการรับเขา้ ศกึ ษาตอ่ ที่มกี ารเปลยี่ นแปลงในทกุ ปีการศึกษา แนวทำงกำรพัฒนำในอนำคต การจัดกิจกรรมแนะแนวอาชีพโดยวิทยากรภายนอกหรอื รุ่นพศี่ ิษย์เกา่ ทป่ี ระกอบอาชีพนั้น ๆ เพอื่ สร้างแรงบันดาลใจ และวางเปา้ หมายในการเลอื กประกอบอาชีพของนกั เรียนในอนาคต

22 ควำมต้องกำรควำมช่วยเหลือ การให้ความรว่ มมือ ความพร้อม และให้การสนบั สนนุ ในการจัดกิจกรรมจากทุกสว่ นที่ เกยี่ วข้อง ใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จไดด้ ว้ ยดี 2. คุณลักษะทีพ่ ึงประสงคข์ องผเู้ รียน 2.1 การมีคุณลักษณะและค่านยิ มท่ีดตี ามท่สี ถานศึกษากาหนด มีระดบั คุณภาพ ยอดเยยี่ ม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรยี นไดจ้ ดั ทาระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนเพื่อส่งเสริม พัฒนา การป้องกนั และแก้ไขปญั หา เพ่ือใหน้ กั เรยี นไดพ้ ฒั นาเต็มตามศกั ยภาพ มคี ุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โรงเรียนมกี ระบวนดาเนินงาน ดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นอย่างเปน็ ระบบ มีข้นั ตอนที่ชดั เจน พรอ้ มทงั้ วิธกี ารและเครื่องมือทีม่ มี าตรฐาน คณุ ภาพ และมหี ลักฐานการท่างานที่ตรวจสอบไดโ้ ดยมคี รูประจ่าชั้น/ครูท่ปี รึกษาเปน็ บุคลากรหลกั ใน การดา่ เนนิ งานโดยมีการส่วนร่วมของบุคลากรทุกฝา่ ยทีเ่ ก่ยี วขอ้ งภายในและภายนอกสถานศกึ ษา ผลกำรดำเนนิ งำน ส่งผลให้นักเรียนมีคุณลักษณะท่ีพ่ึงประสงค์ ตามหลักสูตร และยึดแนวทางการด่าเนินชีวิตตาม แนวหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด่ารงตนอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมขุ มีความกตัญญูกตเวทีตอ่ ผู้มีพระคณุ เชื่อฟังพ่อแม่ ครูอาจารย์ ประพฤตปิ ฏิบัติตนเป็นคนดี มีกิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนน้อม ถ่อมตนต่อบุคคลอ่ืน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ถูกต้องตาม กฎระเบียบของโรงเรียน พูดจาสุภาพอ่อนโยน ใช้ภาษาไทยได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม มคี วามมุ่งม่ัน ใฝ่ เรียนรู้ มีระเบียบ วินัย มีความรู้รับผิดชอบต่อหน้าท่ีเป็นผู้มีจิตสาธารณะ มีน้าใจ เอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ ชว่ ยเหลือผู้อ่ืนทุกเม่อื ท่ีมีโอกาส ผู้เรยี นมีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ซง่ึ ระบุไว้ 8 ประการ ไดแ้ ก่ 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซ่ือสัตย์สจุ ริต 3) มี วินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อยา่ งพอเพยี ง 6) มุ่งมั่นในการทางาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ ซึ่ง แต่ละคุณลักษณะได้มีการนิยามไว้ชัดเจน มีคุณลักษณะและค่านิยมท่ีดีตามท่ีสถานศึกษากาหนด ของ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ถงึ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 มีผลการพฒั นารอ้ ยละ 91.65

23

24 กำรเก็บรวบรวมข้อมลู หลักฐำน ร่องรอย กำรมีคุณลกั ษณะและ ค่ำนิยมท่ีดตี ำมท่ี สถำนศกึ ษำกำหนด - ผเู้ รยี นมีควำมประพฤติ - กิจกรรมปฐมนเิ ทศนักเรียนใหม่ ดำ้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม - การอบรมระเบยี บวินยั ของโรงเรยี น คำ่ นิยม จติ สงั คม และจติ สำ - กิจกรรมวิถีพุทธ นึกตำมท่ีโรงเรยี นกำหนด - กิจกรรมวันวิสาขบชู า วันเข้าพรรษา วันมาฆบชู า ปรำกฏชัดเจน - กจิ กรรมโรงเรียนสขี าว - กิจกรรม ร.ด. จิตอาสา - กิจกรรมกีฬาสี - กิจกรรมลกู เสอื ต้านภัยยาเสพติด - กจิ กรรมธนาคารโรงเรยี น - กิจกรรมของหายไดค้ ืน - กจิ กรรม Big Cleaning - โครงการวนั สาคัญของไทย - โครงการเข้าคา่ ยอบรมคุณธรรม จรยิ ธรรม - โครงการวันไหวค้ รู - โครงการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - กจิ กรรมบันทึกความดี - ผู้เรยี นมีส่วนร่วมในกำร - กจิ กรรม Big Cleaning อนรุ กั ษท์ รัพยำกรธรรมชำติ - กจิ กรรมพืน้ ทีร่ บั ผิดชอบ และส่ิงแวดล้อมอย่ำงเปน็ - โครงการโรงเรยี นสีเขียว รปู ธรรม จดุ เด่น นกั เรยี นโรงเรียนเขมราฐพิทยาคม มคี ุณลักษณะอันพึงประสงคต์ ามท่ีสถานศึกษากาหนด โดยเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และมจี ิตสานึกรับผิดชอบต่อสังคม โดยได้รบั รางวัลต่าง ๆ ท้งั ทางดา้ นวิชาการ วิชาชีพ มากมายหลายดา้ นจนเป็นท่ีประจักษ์สสู่ าธารณชน

25 จดุ ทค่ี วรพัฒนำ 1. จัดกิจกรรมสอดแทรกความรูเ้ ร่อื งคุณธรรมจริยธรรม และคา่ นิยมอนั พึงประสงค์ ในการ จดั การเรยี นการสอนเพ่ิมมากข้นึ 2. ควรสนับสนนุ ส่งเสริมใหน้ กั เรยี นปฏบิ ัติกจิ กรรมโครงการจติ อาสาสู่สังคมเพิ่มมากข้นึ 3. ควรดาเนินการนเิ ทศ กากับ ติดตามการดาเนนิ งานอย่างตอ่ เนือ่ ง และเป็นระบบ แนวทำงกำรพฒั นำในอนำคต 1. การพฒั นาโปรแกรมระบบดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนให้รองรับกับการเปล่ยี นแปลงก้าวทันโลก และเทคโนโลยี 2. จดั กจิ กรรมสง่ เสริมสนับสนุนให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาตนเองตามศักยภาพและความถนดั โดยนา เทคโนโลยีมาใชใ้ นการเรียนรู้ 2.2 ความภมู ิใจในท้องถิน่ และความเป็นไทย มรี ะดับคณุ ภาพ : ยอดเยยี่ ม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรียนจัดกิจกรรมท่ีส่งเสริมความภูมิใจในท้องถ่ินและความเป็นไทย ในทุกระดับชั้น โดย ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นเข้าร่วมกิจกรรมตามประเพณีวัฒนธรรมไทยได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีลอย กระทง กิจกรรมท่ีเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่นักเรียนส่วนใหญ่นับถือ เช่น วัน อาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา การหล่อเทียนจานาพรรษา เพื่อให้ผู้เรียนแสดงความช่ืนชม ความ ภาคภูมิใจ อนุรักษ์ สร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมประเพณี และเป็นส่วนหน่ึงของการเผยแพร่ประเพณี ภมู ิปัญญาของท้องถ่ินและชาติไทย มีการจัดการเรยี นการสอนนาฏศิลป์ไทยในช้ันเรยี น และสนับสนุน ให้ผู้เรียนท่ีมีความสามารถในการราไทย นาฎศิลป์พื้นบ้าน โปงลาง ได้แสดงออกตามงานสาคัญที่ทาง โรงเรียนจดั ขน้ึ นอกจากน้ียังมีชุมนุมดนตรีพื้นเมือง ท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียน มีทักษะการเล่นเคร่ืองดนตรีพ้ืนเมือง และพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการเล่นจนถึงระดับการส่งเข้าร่วมประกวดคว ามสามารถทางดนตรี พนื้ เมืองในการแข่งขนั ทุกปี ผลกำรดำเนนิ งำน นกั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ เขา้ รว่ มกิจกรรมทางด้านศิลปะ/ดนตร/ี นาฏศลิ ป์ แสดงออก ทางดา้ นวฒั นธรรมและภมู ิปัญญาไทยท่ีตนเองภาคภูมใิ จในท้องถนิ่ ได้อยา่ งเหมาะสม สร้างผลงาน และนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ไดด้ ้วยความภาคภมู ิใจ มคี วามภูมิใจในท้องถิน่ และความเป็นไทย ของระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถงึ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีผลการพฒั นาร้อยละ 92.56

26 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลักฐำน ร่องรอย การตรวจสอบเอกสาร - อบรมมารยาทไทย หลกั ฐาน - กิจกรรมวันสาคัญทางศาสนา - ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ - กิจกรรมแต่งกายชดุ ไทย - กิจกรรมวันภาษาไทย (สุนทรภู่) รายงานการแข่งขนั กิจกรรมทักษะวิชาการงานศิลปหตั ถกรรม นกั เรยี น ระดบั ชาติ ปีการศกึ ษา 2562 จุดเด่น นักเรียนโรงเรียนเขมราฐพิทยาคมมีความภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปะและ วฒั นธรรม ไทย วฒั นธรรมท้องถ่ิน 1. แตง่ กายเหมาะสม และมีมารยาทงามอยา่ งไทย 2. มีสมั มาคารวะ มคี วามกตัญญู กตเวทีต่อผู้มีพระคณุ 3. ร่วมกิจกรรมและอนรุ กั ษ์ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมของท้องถ่นิ 4. ชักชวน แนะนา เผยแพร่ ให้ผู้อื่นปฏิบัติตนในการอนุรักษ์ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมของ ท้องถิ่น และร่วมสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นเอาไว้ เช่น งานแห่เทียนพรรษา งานบุญวันสาคัญต่าง ๆ เปน็ ต้น รวมถงึ มีความกตญั ญูกตเวทตี อ่ พ่อแมแ่ ละผู้มพี ระคณุ

27 2.3 การยอมรับทจี่ ะอยู่รว่ มกันบนความแตกต่างและหลากหลาย มรี ะดับคุณภาพ : ยอดเยย่ี ม กระบวนกำรพัฒนำ จากการท่โี รงเรยี นอยู่ตดิ ชายแดนและนักเรียนมาจากความตา่ งของหลายครอบครัว โรงเรยี นได้จัด โครงการและกจิ กรรมทหี่ ลากหลาย เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนได้ตระหนักถึงการยอมรบั ทจี่ ะอยรู่ ว่ มกันบนความ แตกตา่ งและหลากหลายถูกหลอมรวมด้วยกจิ กรรมทผี่ ูเ้ รียนไดป้ ฏบิ ัติ ดว้ ยตนเองโดยผ่านกระบวนการ ทางานเป็นทีม ผลกำรดำเนนิ งำน นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ นตามบทบาทหนา้ ทมี่ ี มีกระบวนการทางานเป็นขนั้ ตอน เป็นผู้นาผูต้ ามท่ี ดี เคารพสิทธิของคนอ่นื ยอมรับความแตกตา่ งระหว่างบุคคล ปฏบิ ตั ิตามกฎกติกา ร้รู ักสามคั คเี ป็น สมาชิกทด่ี ีของสังคมและอยรู่ ่วมกนั อย่างมีความสุข การยอมรับท่จี ะอยู่ร่วมกนั บนความแตกตา่ งและ หลากหลาย ของระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ถึงชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 มผี ลการพฒั นาร้อยละ 91.93

28 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล หลักฐำน ร่องรอย กำรสมั ภำษณ์กำรสอบถำม - นกั เรยี น กำรสังเกตพฤตกิ รรม -รายงานกิจกรรมกีฬาภายใน กำรตรวจเอกสำร หลกั ฐำน -รายงานกิจกรรมส่งเสรมิ ประชาธิปไตยในโรงเรียน รอ่ งรอยกำรปฏิบตั งิ ำนหรือ -รายงานกิจกรรมลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด ข้อมูลเชงิ ประจกั ษ์ -รายงานกิจกรรมทัศนศึกษา -รายงานกจิ กรรมสปั ดาห์อาเซียน - รายงานกจิ กรรมวนั คริสต์มาส - ส่ือของครูอาทร โคตมตุ รแ์ ละครขู นิษฐา ทองอน้ เรื่อง การพฒั นา ตนแบบส่อื ปลอดภยั และสร้างสรรคส์ าหรับเยาวชนและครอบครัวใน พื้นที่พรมแดนเพ่ือส่งเสรมิ ทกั ษะรู้เท่าทนั สื่อในการลดปญั หาความ รนุ แรงบนพน้ื ที่ออนไลน์ - รายงานกจิ กรรมจิตอาสาทาความดีด้วยหัวใจ จดุ เด่น 1. โครงการและกิจกรรมมีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของนกั เรียนได้อย่าง เหมาะสมตามยคุ สมัย และนกั เรียนมีส่วนร่วมปฏิบัตกิ ิจกรรมดว้ ยตนเองตามความสนใจและ ความสามารถ ผู้ปกครองและชุมชนใหก้ ารสนับสนุน 2. ผูเ้ รียนสามารถอยรู่ ่วมกันบนความแตกต่างระหว่างด้านเพศ วยั เชอ้ื ชาติ ศาสนา 3. ผูเ้ รยี นรักและเห็นคณุ ค่าในตวั เอง จดุ ควรพัฒนำ 1. อาคารสถานทีใ่ นการจดั กิจกรรมยังไมเ่ หมาะสม ไกลจากอาคารเรยี นปกติ ทาให้ลาบากใน การเขา้ ร่วมกิจกรรม 2. อปุ กรณ์ และสอ่ื ยงั ไม่พอเพียงต่อจานวนนักเรียนที่สนใจ เชน่ เครื่องดนตรี อปุ กรณก์ ีฬา สนามกีฬายังไม่ได้มาตรฐาน 3. งบประมาณน้อยเกินไป แนวทำงกำรพัฒนำในอนำคต ส่งเสรมิ และพฒั นาบคุ ลากรให้มีความรู้และความชานาญ จดั หาอุปกรณ์ในการจดั กิจกรรมให้ เพยี งพอต่อความต้องการ จดั หาสถานท่ีสาหรบั การจัดกจิ กรรมทเ่ี หมาะสมเร้าใจ จดั หาส่ือให้ทันสมยั ควำมต้องกำรควำมช่วยเหลือ 1. อยากไดบ้ คุ ลกรที่มีความชานาญเฉพาะทาง 2. วัสดอุ ปุ กรณ์ เช่น อุปกรณ์กฬี า ฟุตบอล วอลเลยบ์ อล เปตอง ตะกร้อ เป็นต้น เคร่ืองดนตรี ประเภทต่างๆ เคร่ืองขยายเสียง

29 3. งบประมาณในการจัดกิจกรรมใหเ้ พียงพอ 2.4 สุขภาวะทางร่างกาย และจิตสังคม มีระดบั คณุ ภาพ : ยอดเยยี่ ม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรยี นเขมราฐพทิ ยาคม มีการดาเนินการส่งเสริมให้ผู้เรียนสร้างเสรมิ สุขภาวะทางรา่ งกาย อารมณ์ และจิตใจ โดยใชก้ จิ กรรมท่หี ลากหลายอย่างสมา่ เสมอ ไม่วา่ จะเป็น การจดั กจิ กรรมตรวจ สขุ ภาพประจาปี การจดั กจิ กรรมการแข่งขนั ทางดา้ นกีฬา มีสถานที่ท่เี ออื้ อานวยต่อการออกกาลังกาย มอี ปุ กรณก์ ีฬาใหย้ ืมเพ่ือใชใ้ นการออกกาลงั กาย ตลอดจนมีกิจกรรมที่พัฒนาทางด้านจติ สังคม โดยใช้ การฝึกสมาธิ และการอบรมด้านจติ ใจในการเขา้ แถวตอนเช้าทุกวัน อกี ทงั้ ยงั มีกจิ กรรมตักบาตร ประจาปเี พื่อพัฒนาจิตใจ สงั คมของนักเรยี นให้แจ่มใส สามารถปรับตัวอยู่รว่ มกับบุคคลในสังคมได้ รวมท้ังยังส่งเสรมิ กจิ กรรมดนตรแี ละนันทนาการตามความสนใจของผเู้ รียน ผลกำรดำเนินงำน ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือพัฒนาสุขภาพของตนเองอย่างสม่าเสมอ เช่น เข้าร่วมกิจกรรมการ ตรวจสุขภาพทุกปี กิจกรรมการแข่งขันกีฬา การฝึกซ้อมเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกาย กิจกรรม ดนตรี กิจกรรมนันทนาการอย่างหลากหลาย เช่น กิจกรรมด้านดนตรี กิจกรรมทางสังคม การทาบุญ ตักบาตรประจาเดือน เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมท่ีพัฒนาสมรรถภาพทางกาย อารมณ์ และจิตใจของผู้เรียนตามความสนใจและเหมาะสมกับวัย ทาให้ผู้เรียนมีสุขภาวะทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจท่ีเหมาะสมกับวัย สังเกตไดจ้ ากผลการประเมินสุขภาพ นา้ หนัก สว่ นสูง สมรรถภาพทางกาย และสขุ ภาพจิตอยใู่ นเกณฑ์ มผี ลการพัฒนาผ่านเกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 93.79 อยู่ในระดับคุณภาพ ยอดเยี่ยม

30

31

32 กำรเก็บรวบรวมข้อมลู หลักฐำน รอ่ งรอย ตรวจสอบเอกสำร - สมดุ บันทึกสุขภาพและสรุปผลการตรวจสุขภาพ - สรุปผลข้อมลู - แบบสรปุ ผลการบรจิ าคโลหิต - สถติ ิการใช้ห้องพยาบาล - แบบประเมิน SDQ - แบบประเมนิ EQ - ภาพกจิ กรรม จดุ เด่น โรงเรียนดาเนินกิจกรรมตรวจสุขภาพ ทดสอบสมรรถภาพทางกายของนักเรียนทุกระดับช้ัน ส่งเสริมกิจกรรมทางด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรมและนันทนาการตามความสนใจของนักเรียน อย่างหลากหลาย ทาให้มีการพัฒนาสุขภาวะทางร่างกายและจิตสังคม ซ่ึงส่งผลให้ ผู้เรียนมี สมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพ มีการประเมินอารมณ์และสุขภาพจิต โดยการประเมินซ้า เพ่ือการ ปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ส่งผลให้ผู้เรียนมีร่างกายแข็งแรง สามารถรักษาอารมณ์แ ละ สุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ ผู้เรียนเรียนรู้และมีทักษะในการป้องกันตนเองจากการถูกล่อลวง ข่มเหง รังแก ผ่านกระบวนการกิจกรรมกลุ่ม และผู้เรียนปฏิบัติตามกฎระเบียบ ให้ความร่วมมือต่อ สถานศึกษา ครอบครัว ชุมชนและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

33 ผลกำรประเมนิ คุณภำพภำยใน มำตรฐำนที่ 2 กระบวนกำรบริหำรและกำรจัดกำร มรี ะดับคุณภำพ : ยอดเยี่ยม คำอธิบำย เป็นการจัดระบบบริหารจัดการคุณภาพของสถานศึกษา มีการกาหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์และ พันธกิจอย่างชัดเจน สามารถดาเนินงานพัฒนาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผู้เรียนรอบด้าน ตามหลักสูตรสถานศึกษาในทุกกลุ่มเป้าหมาย จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ดาเนินการ พัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพ และจัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพ่ือ สนับสนุนการบริหารจัดการและการเรียนรู้ รวมท้ังจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอ้ือต่อ การจดั การเรยี นรู้ ที่ ประเดน็ พิจำรณำ ค่ำเปำ้ หมำย ผล ผลกำรพฒั นำ กำรประเมนิ 2.1 มีเปา้ หมายวิสยั ทัศน์และพนั ธกิจท่ี 4 5 +1 สถานศกึ ษากาหนดชัดเจน 2.2 มรี ะบบบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของ 4 5 +1 สถานศกึ ษา 2.3 ดาเนินงานพัฒนาวชิ าการทีเ่ น้นคณุ ภาพ 4 5 +1 ผู้เรียนรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศึกษา และทุกกลุ่มเปา้ หมาย 2.4 พฒั นาครแู ละบุคลากรใหม้ ีความเช่ยี วชาญ 4 5 +1 ทางวิชาชีพ 2.5 จดั สภาพแวดล้อมทางกายภาพและสงั คม 4 5 +1 ท่เี อื้อต่อการจดั การเรยี นรู้อย่างมีคณุ ภาพ 2.6 จดั ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือ 3 4 +1 สนับสนุนการบริหารจดั การและการ จัดการเรยี นรู้ ประเดน็ พจิ ำรณำ 1.มีเปำ้ หมำยวิสัยทศั น์และพันธกจิ ท่ีสถำนศึกษำกำหนดชัดเจน มีระดบั คุณภำพ : ยอดเยีย่ ม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรียนได้มกี ารกาหนดวสิ ยั ทัศน์ และพันธกจิ ที่สถานศกึ ษากาหนดชดั เจน และดาเนินการตาม แผนพฒั นาการจดั การศึกษาระยะ 4 ปี โดยคณะผูบ้ รหิ าร ครู และบุคลากรทเี่ กย่ี วข้อง มีส่วนรว่ มใน การกาหนดความสาเร็จ ตัวช้วี ัดผลผลิตและผลลัพธข์ องการดาเนนิ งาน โครงการ กิจกรรม โดยมีการ ประชุมทงั้ ในรูปแบบอย่างเป็นทางการร่วมกันท้งั หมดท้ังโรงเรียน และการประชมุ กลมุ่ ย่อย อยา่ งไม่ เป็นทางการ เพ่อื จะได้นาผลมาเปรยี บเทยี บ ว่าผลการดาเนินงานของงาน โครงการกิจกรรมวา่ บรรลุ

34 เป้าหมาย ตามตวั ชี้วดั ผลผลติ และผลลัพธ์หรือไม่ และเม่ือส้นิ สุดปกี ารศึกษา จัดให้มกี ารรายงานผล การปฏิบตั ิงานตามเปา้ หมาย วสิ ัยทศั น์ และพนั ธกจิ ของโรงเรยี น เพื่อใหเ้ ปน็ ไปตามแผนกลยทุ ธ์และ แผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปีของโรงเรียน ผลกำรดำเนินงำน โรงเรียนมีการกาหนดเป้าหมาย วิสยั ทศั น์และพนั ธกิจสอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาความ ต้องการพัฒนาของสถานศึกษา นโยบายการปฏริ ปู การศกึ ษา ความต้องการของชุมชน ท้องถิน่ และ สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรปู ตามแผนการศกึ ษาชาติ มีการปรับแผนพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษา แผนปฏิบัติการประจาปี ให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการพฒั นา คณะผู้บริหาร ครู และบุคลากรท่ีเก่ียวข้องมีความรคู้ วามเข้าใจในการปฏบิ ตั ิงานให้มีความสอดคลอ้ งกับเปา้ หมาย วิสัยทศั น์ และพันธกิจทีส่ ถานศึกษากาหนดชัดเจน

35 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลกั ฐำน ร่องรอย - ตรวจเอกสำร/ภำพ - แผนการปฏบิ ัตกิ ารประจาปี - กำรสมั ภำษณ์ - ภาพการประชมุ - บนั ทึกการประชมุ - รายงานการปรบั วิสัยทัศน์ และพันธกิจที่สถานศึกษากาหนด จุดเดน่ 1. ผู้อานวยการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลจนนาพาองค์กรขับเคล่อื นงานไปสู่เป้าหมาย ได้ 2. โรงเรียนมีการบรหิ ารจดั การเพอ่ื พฒั นาคุณภาพการจดั การศกึ ษาให้เกิดผลสมั ฤทธิ์ตาม วิสัยทัศน์ พนั ธกิจ เปา้ หมาย กลยทุ ธ์ โครงการหรือกจิ กรรมทส่ี ่งเสริมพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน และ มกี ารนเิ ทศ กากับ ติดตาม อยา่ งเปน็ ต่อเน่ือง จุดควรพฒั นำ 1. ขาดการเปน็ เอกภาพในการบริหารงาน 2. การนเิ ทศ ติดตามงานควรไดร้ บั ความรว่ มมือจากบุคลากร ในสว่ นของการประเมิน โครงการหรอื กิจกรรม ควรประเมนิ หลงั เสร็จสิน้ แตล่ ะไตรมาส เพ่อื ติดตามการใชง้ บประมาณและนา ผลไปปรบั ปรงุ เพ่ือพัฒนาต่อไป

36 2.2 มีระบบบรหิ ำรจัดกำรคุณภำพของสถำนศกึ ษำ มรี ะดับคุณภำพ : ยอดเย่ียม กระบวนกำรพัฒนำ โรงเรยี นเขมราฐพทิ ยาคม ดาเนินการบรหิ ารจัดการคณุ ภาพของสถานศึกษาโดยใชร้ ูปแบบ KHEM MODEL ยดึ หลักวงจรการทางานแบบ PDCA ในการขับเคลื่อนการบรหิ ารจดั การคณุ ภาพของ สถานศึกษาดงั น้ี ข้ัน Plan (P) เปน็ การวางแผนและออกแบบนวัตกรรมและการดาเนินกิจกรรม โดยมวี ธิ ีการ หรือแผนปฏบิ ัติงานท่ีมุ่งบรรลุผลองค์กร ตามสภาพปญั หาและความต้องการ ใหเ้ หมาะสมกบั ความ พร้อมและบริบทของโรงเรยี นเขมราฐพิทยาคม โดยอาศัยหลักการบริหาร 4 ประการ ประกอบดว้ ย 1) K Knowledge management การปฏบิ ัติ ครูและบุคลากรทางการศึกษามสี ว่ นรว่ มใน การปฏบิ ัติตามแผนปฏบิ ัติการโดยใช้สารสนเทศของโรงเรียน 2) H Heart การทุ่มเทต่อการทางาน ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุ่มเทต่อการทางานอย่าง เต็มท่ี เต็มกาลัง และเต็มความสามารถ 3) E Efficiency การปฏบิ ตั ิงานท่ีมุ่งประสิทธิภาพ 4) M Method การทบทวนการปฏิบตั ิงานด้วยวิธกี ารที่มีประสิทธภิ าพ ขั้น Do ( D ) เป็นการดาเนนิ การตามที่ไดว้ างแผนไวโ้ ดยถ่ายทอดเพื่อนาไปสกู่ ารปฏิบัตอิ ย่าง ท่วั ถึงทง้ั องค์กร โดยใชร้ ปู แบบการบริหาร KHEM Model ในการขบั เคลอื่ น อาศัยแนวคิดทสี่ าคญั 3 ประการคือ 1) หลักการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ( School Based Management ) 2) หลักการพัฒนาคุณภาพนักเรียน (Learner Development) 3) หลกั การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา ( Education Quality Assurance) ทงั้ นไี้ ด้มีการดาเนินงานตามข้ันตอนและแผนงานที่วางไว้อย่างถูกต้องครบถว้ น มีการกาหนด หนา้ ที่และมอบหมายความรับผิดชอบของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทเ่ี กยี่ วข้องและมีการปฏิบัติ ตามท่ีกาหนดไวด้ ว้ ย ความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยพยายามไปสู่ความสาเร็จ ข้นั Check ( C) เป็นการตรวจสอบประเมินและการปรับปรุง ในการประเมินผลและตรวจสอบ การดาเนินงานและการบริหารจัดการสถานศึกษาโดยประเมินจากคุณภาพของผู้เรียน เพื่อปรับปรุง แนวทางการดาเนินการให้ดีขึ้น โดยได้มีการติดตามประเมินผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง มีการ ประเมินผลลัพธ์เทียบกับค่าเป้าหมายทั้งตัววัดระหว่างการดาเนินการและผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ เพอ่ื การแก้ไขปรับปรุงอย่างต่อเนอ่ื ง ตลอดจนมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้ผลการปรับปรุงทดี่ ีข้ึนในองค์กร อยา่ งเปน็ ระบบ

37 ขน้ั Action ( A ) เปน็ การนาผลการประเมนิ ที่ใช้แนวทางท่ีสอดคลอ้ งไปในแนวทางเดียวกันกับ ความต้องการของสถานศกึ ษาตามทร่ี ะบไุ ว้ตามแผนพฒั นาคุณภาพ เพ่ือสนับสนนุ เป้าประสงคข์ อง สถานศกึ ษา โดยมุ่งเน้นท่ีคณุ ภาพของผ้เู รียน

38 ผู้บริหารสถานศึกษาบริหารงานและกากับดูแลองค์กรโดยใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นหลักสาคัญ และการบริหารเชิงบูรณาการ เช่ือมโยงหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมระหว่างบ้าน ชุมชน โรงเรียน ร่วมคิดร่วมทา ด้านการจัดการทรัพยากรเพื่อการศึกษาและพัฒนาการศึกษา ยึดหลักการกระจาย อานาจโดยกาหนดโครงสรา้ งบริหารเป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มบริหารวิชาการ กลุ่มบริหารงบประมาณ กลุ่ม บรหิ ารงานบคุ คล และกลมุ่ บริหารท่ัวไป ให้คณะทมี นาทุกระบบเป็นแกนนาในการทางานรว่ มกบั คณะ ครูทุกคน ใช้หลักการบริหารโดยมุ่งเน้นผลงานเชงิ กลยุทธ์ และหลักการบรหิ ารโรงเรยี นนิติบุคคล การ ปฏิบัติภายในโรงเรียนต้องเป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ ยึดถือความถูกต้องดีงาม ปรับปรุง กลไกการทางานของโรงเรียนให้มีความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่าง ตรงไปตรงมา เปดิ โอกาสให้ผู้มีสว่ นได้สว่ นเสียมสี ่วนร่วมรับรู้ แสดงความคดิ เหน็ ในการตัดสินใจปัญหา ของโรงเรียน จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ประชุมคณะกรรมการบริหารภายใน สถานศึกษา ประชุมครูประจาทุกเดือน มีความตระหนักในสิทธิหน้าท่ี สานึกในความรับผิดชอบต่อ สังคม และใช้ทรัพยากรท่ีมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีการกากับติดตามการดาเนินงานตามแผนปฏิบัติ การประจาปีทุกไตรมาส โรงเรียนนาเสนอมาตรฐานการศึกษาของถานศึกษา แผนพัฒนาคุณภาพ การศึกษา แผนปฏิบัติการประจาปี รายงานผลการประเมินตนเองประจาปีของสถานศกึ ษา (SAR) ให้ คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาเห็นชอบก่อนนาไปปฏิบัติการเผยแพร่ต่อสาธารณชน โรงเรียนมี การวางแผนการปฏิบัตงิ านเปน็ แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการประจาปี มีการปฏิบตั ิตามแผนท่ีกาหนดไว้ กากับติดตามและประเมินผล โดยผู้รับผิดชอบงาน/โครงการ/กิจกรรม มีการประเมินโครงการ ทุกโครงการหลังจากปฏิบัติเสร็จสิ้น และรายงานผลการดาเนินงานตามปฏิทินที่กาหนดไว้ มีการ ประชุมวิเคราะห์ ผลการดาเนินงานและนามากาหนดแผนในปีต่อไป เพ่ือปรับปรุงผลการดาเนินงาน อยา่ งต่อเนือ่ ง โรงเรียนให้ภาคีเครือข่ายทางการศึกษา ได้แก่คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนครูและนักเรียน ส่วนร่วมในการพิจารณาหนังสือเรียนและการจัดสรรงบประมาณการจัด กิจกรรมพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ขอเงินอุดหนุนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปีและผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของโรงเรียน นอกจากนี้โรงเรียนยังทาข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนกับหน่วยงานภายนอก ตลอดจนการมีส่วนร่วม ของเครือข่ายในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ข้ันพื้นฐาน สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 เครือข่ายผู้ปกครอง มหาวิทยาลัย อบุ ลราชธานี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี ด้านทรัพยากรบุคคล โรงเรียนจัดให้มีระบบการนิเทศภายใน มีการนิเทศการจัดการเรียนการ สอน แบบพี่นิเทศน้อง เพื่อนนิเทศเพื่อน เพ่ือให้ครูนาผลไปปรับปรุงการสอน ส่งเสริมให้ครูได้รับการ อบรมและศึกษาดูงานมากข้ึน เพ่ือกระตุ้นการเรียนรู้ส่ิงใหม่ ๆ และนามาใช้ในการพัฒนาการจัดการ

39 เรียนการสอนพัฒนาครูให้สามารถจัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและมีสมรรถนะในการจัดการ เรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 มีการประยกุ ต์ใช้ ICT ครู มกี ารประชุมสัมมนาแลกเปล่ียนเรียนรู้ระหวา่ งกลุ่ม สาระ โดยการเน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและผลการสอบทางการศึกษาระดับชาติ O-Net ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผลการประเมินคุณภาพภายในและภายนอก เกณฑ์มาตรฐานการศึกษา ของโรงเรียน การประเมินและพัฒนาหลักสูตร และหลักการวัดผลประเมินผลมาวางแผนดาเนินการ และพัฒนาร่วมกนั นาผลประเมินความพึงพอใจถ่ายทอดให้ทุกคนได้ทราบอย่างท่ัวถงึ นามาปรบั ปรุง ระบบการเรียนการสอน จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมผู้เรียนทุกคน หลกั สตู รสถานศกึ ษามกี ารปรับเปลีย่ นตามที่ สพฐ. กาหนด ผลกำรดำเนนิ งำน 1. สถานศกึ ษามีรูปแบบการบรหิ ารและจดั การเชิงระบบโดยทกุ ฝ่ายมีส่วนรว่ ม ยดึ หลักธรรมา - ภิบาลและ น้อมนาศาสตร์ โดยม่งุ พัฒนาผู้เรยี นตามแนวทางปฏิรูปการศกึ ษา 2. แผนพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา แผนปฏิบัตกิ ารประจาปี สอดคล้องกบั กบั พัฒนา ผเู้ รียนทุกกลมุ่ เป้าหมาย สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรปู การศึกษา โดยเปดิ โอกาสใหท้ ุกภาคสว่ นเขา้ มามีสว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา มีการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศกึ ษาให้มีความรู้ ความ เชีย่ วชาญตามมาตรฐาน 3. สถานศึกษามีการระดมทรัพยากรทางการศกึ ษาเพ่ือพฒั นาคุณภาพจากเครือข่ายในการ ร่วม รับผิดชอบต่อผลการจดั การศึกษาให้มีคณุ ภาพตามมาตรฐาน ประเด็นกำรประเมนิ แหล่งข้อมลู วธิ กี ำร มรี ะบบบรหิ ำรจัดกำรคณุ ภำพของ สถำนศกึ ษำ - กำรวำงแผนพัฒนำคณุ ภำพกำร - แผนการปฏบิ ัติการประจาปี - ตรวจเอกสาร/ภาพ/เวบ็ ไซต์ จดั กำรศึกษำของสถำนศึกษำ - โครงการพฒั นาบคุ ลากร - การสมั ภาษณ์ - SAR ของบุคลากร - ตรวจเอกสาร/ภาพ/เวบ็ ไซต์ - เวบ็ ไซตข์ องโรงเรยี น - การสัมภาษณ์ - จากสภาพจรงิ - รายงานโครงการงานอาคารสถานท่ี - กำรมสี ว่ นร่วมของผู้เกี่ยวข้อง - รายงานโครงการสัมพนั ธช์ มุ ชน - ตรวจเอกสาร/ภาพ/เวบ็ ไซต์ ทุกฝ่ำย และกำรร่วมรบั ผิดชอบ - รายงานกจิ กรรมการแกป้ ัญหา - การสมั ภาษณ์ ต่อผลกำรจัดกำรศกึ ษำให้มี การจราจรหนา้ โรงเรยี นโดยชุมชนมี - ตรวจเอกสาร/ภาพ/เวบ็ ไซต์ คุณภำพและไดม้ ำตรฐำน ส่วนรว่ ม - การสัมภาษณ์

ประเดน็ กำรประเมนิ แหล่งข้อมลู 40 - กิจกรรมจิตสาธารณะ/เย่ยี มบา้ น - คณะกรรมการสถานศึกษา วิธกี ำร - เครือขา่ ยผู้ปกครอง - เครอื ขา่ ยศษิ ย์เก่า - หนว่ ยงานและองค์กรต่าง ๆ ภายในประเทศ ไดแ้ ก่ มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อบุ ลราชธานี เป็นตน้ - กำรกำกับ ติดตำม ประเมนิ ผล - รายงานผลกิจกรรม/โครงการ - ตรวจเอกสาร/ภาพ กำรบรหิ ำรและกำรจัดกำรศกึ ษำ - บนั ทกึ การประชุมฝ่ายบริหาร/ - การสมั ภาษณ์ ประชุมครูและบคุ ลากร/ประชุม คณะกรรมการบรหิ ารวชิ าการ/ ประชุมกลุม่ สาระ - กำรวำงระบบกำรประกัน - แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา - ตรวจสอบเอกสาร คุณภำพภำยใน - แผนปฏิบัตกิ ารประจาปี - การสัมภาษณ์ - รายงานกจิ กรรม/โครงการ - การสงั เกต - คาสั่งแตง่ ตงั้ คณะกรรมการ - ปฏิทินงานประกันคุณภาพ การศกึ ษา - ควำมร่วมมอื จำกผูเ้ กี่ยวข้องใน - บนั ทกึ การประชมุ - ตรวจสอบเอกสาร กำรวำงระบบและดำเนินงำน - ภาพถา่ ย - การสัมภาษณ์ ประกันคุณภำพภำยใน - ควำมมั่นใจตอ่ ระบบกำรบรหิ ำร - SAR ของปีทผ่ี ่านมา - ตรวจสอบเอกสาร และกำรจัดกำรของสถำนศกึ ษำ - รายงานการเยยี่ มบ้านนักเรียน - การสมั ภาษณ์ ของพอ่ แม่ ผูป้ กครอง - คะแนน O-NET - ตอบแบบสอบถาม คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้น - ผลงานนกั เรยี น/คร/ู สถานศึกษา พ้ืนฐำน ชมุ ชน/ทอ้ งถนิ่ และผู้มี - รายงานผลการประเมนิ ความพงึ ส่วนเกี่ยวข้อง พอใจ

41 จุดเด่น 1. ผ้บู รหิ ารมกี ารจดั ระบบการวางแผนและการดาเนนิ งานแบบหลักธรรมาภบิ าล โปร่งใส ตรวจสอบได้ 2. โรงเรยี นบริหารจัดการโดยใชร้ ูปแบบ KHEM MODEL ในการขับเคล่ือนการบรหิ ารจัดการ คณุ ภาพ ของสถานศึกษา สูค่ วามเป็นเลศิ ตอบสนองวสิ ัยทัศน์ พันธกิจของโรงเรียน 3. ดำเนินงำนพัฒนำวิชำกำรที่เน้นคุณภำพผู้เรียนรอบด้ำนตำมหลักสูตรสถำนศึกษำ และ ทุกกลุม่ เปำ้ หมำย มีระดับคุณภำพ : ยอดเยย่ี ม กระบวนกำรพัฒนำ 1. โรงเรยี นไดด้ าเนินงานพฒั นาวิชาการท่ีเน้นคุณภาพผูเ้ รียนรอบดา้ นตามหลักสูตรสถานศกึ ษา และทุกกลุ่มเป้าหมาย ไวใ้ นพันธกจิ 2. ส่งเสรมิ และพัฒนาผเู้ รียนให้มพี ฒั นาการ ความรู้ ความสามารถ เต็มศกั ยภาพตามหลกั สูตร กาหนด ผู้เกย่ี วข้องทุกฝ่าย 3. ครูทุกคนได้ผ่านการอบรมสัมมนาเรื่องท่ีเก่ียวข้องกับวิธีการสอนและกระบวนการ PLC และ การแสวงหาความรู้เพ่ิมเติมจากหน่วยงานภายนอก และมีการแบ่งปันประสบการณ์ และร่วมสร้าง รูปแบบวิธีสอน และนาไปใช้สอนในระดับช้ันท่ีตนเองรับผิดชอบได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายการ พัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก หน่วยงานที่เก่ียวข้องภายในมหาวิทยาลัย ตัวแทน ผปู้ กครอง มีส่วนร่วมในการร่วมวางแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา และรับทราบ รับผิดชอบต่อผลการ จดั การศึกษามีการประชุมกรรมการสถานศึกษาเพื่อให้ทุกฝา่ ยรับทราบ ผลกำรดำเนินงำน โรงเรียนมีหลักสูตรสถานศึกษา ท่ีสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและท้องถิ่น ผู้บริหาร ครู และ ผู้ปกครอง ตลอดจนชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทาหลักสูตร โดยมีองค์ประกอบครบถ้วนถูกต้อง สมบูรณ์ได้แก่ วิสัยทัศน์ จุดหมาย คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ โครงสร้างเวลาเรียน คาอธิบายรายวิชา แนวดาเนิน การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล หลักสูตรผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการ สถานศึกษา มีการนาหลักสตู รสถานศกึ ษาไปปฏิบัติ มีระบบการนเิ ทศติดตามการใชห้ ลักสูตรมีการนา ผลการนเิ ทศติดตามและ ประเมินผลการใช้หลกั สูตรมาปรับปรุงหลักสตู รอย่างต่อเน่อื ง

กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล 42 - ตรวจสอบเอกสำร/ภำพ - กำรสัมภำษณ์ หลกั ฐำน ร่องรอย - กำรสังเกต - แผนพฒั นาคุณภาพการศึกษา - รายงานกจิ กรรม/โครงการ - คาส่ังแตง่ ตั้งคณะกรรมการ - บนั ทึกการประชมุ - สภาพจริง - แหลง่ เรยี นรู้ - หนว่ ยงานและองค์กรตา่ ง ๆ ภายในประเทศ ไดแ้ ก่ มหาวทิ ยาลยั อุบลราชธานี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อบุ ลราชธานี เป็นตน้ จดุ เด่น โรงเรยี นมีหลักสูตรการศึกษาที่หลากหลายเนน้ คณุ ภาพผู้เรียนรอบดา้ นและทกุ กล่มุ เป้าหมาย เช่น หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช 2561 (ฉบับปรับปรุง 2560) หลักสูตรทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ หลักสูตร กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน หลักสูตรห้องเรียนพิเศษคณิต-วิทย์ รวมถึงเปิดรายวิชาเพ่ิมเติม ตาม ความสนใจของผู้เรียนอย่างหลากหลาย และได้รับรายงานการนิเทศติดตามจากศึกษานิเทศก์ (สพม.29) เป็นการส่งเสริมพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ความสามารถตามความต้องการของนักเรียน อย่างมีคุณภาพ 4. พฒั นำครูและบคุ ลำกรให้มคี วำมเช่ียวชำญทำงวชิ ำชีพ มีระดับคณุ ภำพ : ยอดเยี่ยม กระบวนกำรพัฒนำ ได้กาหนดระบบพัฒนาครูและบุคลากรให้มีความเช่ียวชาญทางวิชาชีพ ส่งเสริมและพัฒนา บุคลากรให้มีความรู้ ตามมาตรฐานวิชาชีพ และการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคญั ด้วยรูปแบบ ทห่ี ลากหลาย และมีประสิทธภิ าพ โรงเรยี นจึงสนับสนุนให้มีการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ตามมาตรฐานตาแหน่งด้วยกระบวนการพิจารณาตามหลักเกณฑ์พิจารณา สานักงานคณะกรรมการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (กคศ.) พัฒนาครูให้มีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพด้วย กระบวนการ PLC เพ่ือนาไปใช้ในการพัฒนาต่อยอดความเช่ียวชาญทางวิชาชีพและการจัดโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้วยการจัดอบรมเพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ด้านการสอน การวัดและประเมินผล การวิจัย เพ่อื พฒั นาศักยภาพของผู้เรยี น มีการวางแผนการดาเนินการพัฒนาครแู ละบุคลากรทางการศึกษาให้มี ความรู้ ความก้าวหน้า โดยนาข้อมูลจากแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan) หรือ ID Plan มาพิจารณา โดยใช้วงจรการบรหิ ารงานคุณภาพ หรอื PDCA ในการวางแผนการ ดาเนนิ งาน ดังนี้

43 จากแผนผงั แสดงกระบวนการพัฒนาครูและบุคลากร โรงเรียนเขมราฐพิทยาคม สามารถ อธบิ ายกระบวนการพัฒนาครูและบคุ ลากรใหม้ ีความเชย่ี วชาญทางวชิ าชพี ได้ดงั นี้ 1. คณะครูและบุคลากรจัดทาแผนพัฒนาตนเองรายบคุ คล (Individual Development Plan) เพอื่ เปน็ ขอ้ มูลในการพฒั นาตนเองให้ตรงกบั ความสนใจและความต้องการของตนเอง แล้วนาขอ้ มลู ที่ ได้มาจัดทาเป็นสารสนเทศเกี่ยวกบั ความต้องการในการพัฒนาตนเองใหเ้ ช่ียวชาญของบุคลากร 2. นาสารสนเทศเก่ยี วกบั ความตอ้ งการในการพัฒนาตนเองใหเ้ ชย่ี วชาญของบุคลากร ปรึกษา กับผบู้ รหิ ารเพื่อวางแผนการพัฒนาครแู ละบุคลากร 3. ดาเนนิ การพัฒนาครูและบุคลากรใหม้ ีความเช่ยี วชาญทางวิชาชีพตามความสนใจ โดย 3.1 จดั อบรมตามโครงการพัฒนาครูและบุคลากรตามแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปีทง้ั ในและ นอกสถานศกึ ษา 3.2 เข้ารับการอบรมจากหน่วยงานภายนอกอ่นื ๆ ตามความสนใจ 3.3 เปิดโอกาสให้คณะครูและบุคลากรศึกษาต่อในระดับท่ีสูงข้ึนให้สอดคล้องกับความ ต้องการและสามารถนาไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีส่งผลดีต่อ ผู้เรียนได้ 4. ใหค้ ณะครูและบุคลากรนาผลจากการเขา้ รับการพฒั นาตนเองให้ดา้ นต่าง ๆ ไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้ 4.1 ต่อตนเอง คือ พฒั นาให้มีความรู้ความเชย่ี วชาญในวชิ าชีพเพ่ือพัฒนาให้ตนเองมหี รือ เลือ่ นวิทยฐานะใหส้ งู ขน้ึ 4.2 ตอ่ ผเู้ รยี น คือ นาความรู้ท่ไี ด้รบั จากการเขา้ รบั การพัฒนาตนเองไปใช้พัฒนากระบวน การจัดการเรียนรทู้ ส่ี ่งผลต่อคุณภาพของผูเ้ รียนใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ และส่งผลดตี ่อผเู้ รียน

44 4.3 ต่อเพ่ือนร่วมงาน คือ นาความรู้ทไี่ ดร้ ับจากการเข้ารบั การพฒั นาตนเองมาแลกเปล่ียน เรียนรู้เพ่ือเปน็ แนวทางในการพัฒนาตนเองและพฒั นาผู้เรียนร่วมกันผ่านชุมชนแหง่ การเรียนรูท้ าง วิชาชีพ 5. รายงานผลการพัฒนาครูและบคุ ลากรให้ผบู้ ริหารทราบ อกี ท้ังวเิ คราะห์จุดเดน่ และจุดที่ควร พัฒนาของกระบวนการพัฒนาครูและบุคลากรเพ่ือเปน็ แนวทางในการพฒั นาต่อไป 6. นาขอ้ มูลการเขา้ รับการพัฒนาตนเองของคณะครูและบคุ ลากร จัดเกบ็ เป็นสารสนเทศเพ่ือใช้ ประโยชนต์ อ่ ไป ผลกำรดำเนินงำน โรงเรียนเขมราฐพิทยาคม มีการพฒั นากระบวนการพัฒนาครูและบคุ ลากรผ่านกจิ กรรมตา่ ง ๆ ซง่ึ สามารถแสดงผลการเขา้ รบั การพฒั นาตนเองให้มคี วามรู้ความเชี่ยวชาญในวชิ าชพี ไดด้ งั น้ี ตำรำงที่ 1 แสดงจำนวนกำรเขำ้ รับกำรอบรมของคณะครแู ละบุคลำกร ปี 2562 ท่ี กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ปี 2562 เฉล่ยี (ชม.) 1 กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 26.42 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ 32.66 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 21.91 5 กลุ่มสาระการเรยี นรู้สุขศึกษาพลศึกษา 17.00 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ 12.60 7 กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี 11.00 8 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ 11.50 8.00 เฉลยี่ 17.38

45 แผนภูมทิ ี่ 1 แผนภมู ิแสดงจำนวนชว่ั โมงเฉล่ียกำรเขำ้ รบั กำรอบรมของคณะครูและบุคลำกร ปีกำรศึกษำ 2562 ตำรำงท่ี 2 จำนวนคณะครูและบุคลำกรทีข่ อลำและขออนญุ ำตศกึ ษำต่อในระดบั ทสี่ ูงขนึ้ ปกี ำรศึกษำ 2562 ท่ี กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ ปี 2562 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย - 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ - 3 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ 1 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม - 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาพลศกึ ษา - 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ - 7 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี - 8 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ -

46 ตำรำงท่ี 3 จำนวนคณะครูและบุคลำกรทีไ่ ด้รบั กำรแต่งตั้งใหม้ ีและเลื่อนวิทยฐำนะ ปกี ำรศึกษำ 2562 ที่ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ วิทยฐำนะ 1 ผบู้ ริหาร คศ.2 คศ.3 2 กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ -2 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม -- 6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาพลศกึ ษา 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศลิ ปะ -- 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี 21 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ -- -- -1 -- -1 กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลกั ฐำน ร่องรอย - ตรวจสอบเอกสาร - รายงานการไปราชการ - การสัมภาษณ์ - รายงานการอบรม สัมมนา - แฟม้ คาสั่งแตง่ ตง้ั การเล่อื นวิทยฐานะ - แบบบนั ทึกการไปราชการ - ID Plan - รายงานการพฒั นาตนเอง - เกยี รติบตั ร - รูปภาพ จดุ เด่น สง่ เสริมให้คณะครูและบคุ ลากรเข้ารับการอบรมและศึกษาต่อตามความสนใจ ทั้งการจัด อบรมตามโครงการที่มีอยู่ ในแผนปฏิบตั กิ ารประจาปีของโรงเรยี นทั้งในและนอกสถานศึกษา และการ อบรมจากหนว่ ยงานภายนอก โดยมี ข้อมูลพ้นื ฐานมาจากแผนพัฒนาตนเองรายบคุ คล (Individual Development Plan) ซ่งึ จะทาใหค้ ณะครูและ บุคลากรพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความตอ้ งการของสถานศึกษา

47 5. จัดสภำพแวดล้อมทำงกำยภำพและสังคมทเี่ อ้ือตอ่ กำรจดั กำรเรยี นร้อู ย่ำงมคี ุณภำพ มรี ะดบั คณุ ภำพ : ยอดเย่ียม กระบวนกำรพัฒนำ 1. พฒั นาหอ้ งเรียน อาคารสถานที่ ให้มีความสะดวก สะอาด ม่ันคง ปลอดภยั โดยการจัดซอื้ ซอ่ มบารงุ วัสดุ อปุ กรณ์ ภายในห้องเรยี น อาคารเรียน อาคารประกอบ สนามกีฬา เพื่อให้ใชง้ านได้อยู่ เสมอ 2. ดแู ลซอ่ มบารงุ อปุ กรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ เพ่อื ยืดอายุการใชง้ าน 3. จัด ปรับปรงุ ดูแลรักษา สภาพแวดลอ้ มภายในโรงเรียนเออื้ ต่อการเรียนรู้และพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ ในโรงเรียน ผลกำรดำเนนิ งำน 1. โรงเรียนมีความสะอาด น่าอยู่ ปลอดภยั เพิ่มบรรยากาศในการจัดการเรยี นการสอน 2. มอี ปุ กรณ์ อิเล็กทรอนิกส์พร้อมใช้ในการเรยี นรู้และนาเสนอผลงาน 3. สภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศในโรงเรียนร่มรื่น แหล่งเรียนร้ใู นโรงเรยี นไดร้ บั การพัฒนา สง่ เสริม ตอ่ การเรยี นรู้ของผเู้ รียน กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู หลกั ฐำน ร่องรอย - ตรวจสอบเอกสำร - รายงานโครงการพัฒนาสภาพแวดล้อม - กำรสมั ภำษณ์ - ภาพถ่าย - กำรสังเกต - บนั ทกึ การใช้หอประชุม - บนั ทกึ การดแู ลสาธารณปู โภค จดุ เดน่ สถานศึกษามีการจัดสภาพแวดล้อม สิ่งอานวยความสะดวก พอเพียง ใช้การได้ดี นาไปสู่การ พัฒนาผู้เรียนทุกด้าน ให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและหรือเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ได้แก่ ห้องเรียน หอ้ งปฏิบัติการ อาคารเรียนมั่นคง สะอาดและปลอดภัยมีสงิ่ อานวยความสะดวกพอเพียง อยู่ในสภาพ ใช้การได้ดี สภาพแวดล้อมร่มรื่น และมีแหล่งเรียนรู้สาหรับผู้เรียน จัดโครงการกิจกรรมท่ีส่งเสริม สุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้เรียน จัดห้องสมุดท่ีให้บริการสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศท่ี เอ้ือให้ผู้เรียน ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง หรือเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม มีการสร้างและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ภายในสถานศึกษาและใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ ท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษา เพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและบุคลากรของสถานศึกษารวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง แลกเปล่ียนเรียนรู้ ระหว่างบคุ ลากรภายในสถานศึกษา ระหว่างสถานศึกษากับครอบครัว ชุมชน และองคก์ รท่ีเกยี่ วขอ้ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook