Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุปสาระสำคัญ-แรงบันดาลใจแห่งชีวิต

สรุปสาระสำคัญ-แรงบันดาลใจแห่งชีวิต

Published by namjay2559, 2019-08-17 01:23:27

Description: สรุปสาระสำคัญ-แรงบันดาลใจแห่งชีวิต

Search

Read the Text Version

จากทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ดงั กล่าว จะเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์เป็ น ทักษะท่ีมีอยู่ในบุคคลทุกคน และสามารถท่ีจะพัฒนาให้ สูงขึน้ ได้ โดยอาศัย กระบวนการเรียนรู้ 4.3.2 ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ นกั จิตวิทยาและนกั การศกึ ษาหลายท่าน ได้ศึกษาความคิดสร้ างสรรค์ และให้แนวคิดหลักการเกี่ยวกับเรื่องนีแ้ ตกต่างกัน ออกไปตามความเชื่อและประสบการณ์ สามารถแบง่ ออกเป็นทฤษฎีตา่ งๆ ดงั นี ้ (ลกั ขณา สริวฒั น์. 2558) 4.3.2.1 ทฤษฎีจิตวเิ คราะห์ ตามแนวคดิ ของ Freud ที่เช่ือวา่ ความ ขัดแย้งเป็ นต้นเหตุทาให้ บุคคลคิดอย่างสร้ างสรรค์ เน่ืองจากขณะที่บุคคลนัน้ มีความขดั แย้งขึน้ มาสภาวะจิตใจจะตกอยู่ในสภาพวิตกกังวล เพราะต้องการขจดั ความขัดแย้งให้หมดไป จากจิตที่รู้สึกวิตกกังวลดงั กล่าวจะกระต้นุ ให้เกิดความคิด ต่างๆ ขึน้ มาอย่างมากมายเพื่อหาวิธีจะเอาชนะความขัดแย้งนัน้ เพ่ือให้เกิดความ ผอ่ นคล้าย ความคดิ เหลา่ นนั้ ท่ีเกิดขนึ ้ ก็คือความคดิ สร้างสรรคน์ นั่ เอง 4.3.2.2 ทฤษฎีของเทเลอร์ ได้บอกว่า ผลของความคดิ สร้างสรรค์ ของคนนัน้ ไม่จาเป็ นต้องเป็ นขัน้ สูงสุดเสมอไป คือไม่จาเป็ นท่ีจะต้ องคิดค้ น สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆหรือทฤษฎีที่ต้องใช้ความคิดด้านนามธรรมอย่างสงู แต่ความคิด สร้างสรรค์ของคนนนั้ อาจแบง่ ได้เป็น 6 ขนั้ ได้แก่ 1) ความคดิ สร้างสรรคข์ นั้ ต้นที่สดุ เป็นสิ่งธรรมดาสามญั เป็นพฤตกิ รรมการแสดงออกของคนทว่ั ไปอยา่ งอิสระ การกล้าแสดงออกอยา่ งอิสระ 2) เป็นงานที่ผลิตออกมาโดยผลงานนนั้ มีความจาเป็ นต้อง อาศยั ทกั ษะบางประการแตไ่ มจ่ าเป็นต้องเป็ นสง่ิ ใหมส่ าหรับบคุ คลทวั่ ไปและตวั เอง 3) ขนั้ สร้างสรรค์ เป็นขนั้ ท่ีแสดงความคิดใหมข่ องบคุ คล ที่ไมไ่ ด้การลอกเลียนแบบจากใคร แม้วา่ ความคิดเหลา่ นนั้ อาจจะมีคนอื่นคดิ ไว้แล้ว ก็ตาม 46 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

4) เป็ นขนั้ สร้างความสร้างสรรค์ เป็ นขนั้ ในการประดิษฐ์ ส่ิงใหม่โดยท่ีไม่ซา้ กับใคร เป็ นขัน้ ที่ผู้กระทาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ ตนเองที่แตกตา่ งจากผ้อู ่ืน 5) เป็ นขนั้ การพฒั นาปรับปรุงผลงานในขนั้ ที่ 4 เพ่ือให้มี ประสทิ ธิภาพและประโยชน์มากยิ่งขนึ ้ 6) เป็ นขนั้ ความคิดสร้างสรรค์สุดยอด สามารถคิดส่ิงที่ เป็นนามธรรมขนั้ สงู สดุ ได้ สามารถสร้างทฤษฎีววิ ฒั นาการขึน้ เป็นต้น 4.3.2.3 ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ในรูปของการโยงความสมั พนั ธ์ กลา่ ววา่ ความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วยการสร้างแนวความคดิ ใหม่โดยการรวมสิ่ง ที่สมั พนั ธ์กันเข้าด้วยกัน ซ่ึงการรวมกนั นีจ้ ะต้องเป็ นไปตามเง่ือนไขเฉพาะอย่างหรือ รวมกนั แล้วต้องเกิดประโยชน์ในทางใดทางหนงึ่ หรือเม่ือระลึกสิ่งใดได้ก็เป็ นแนวทาง ให้ระลกึ ถึงสิง่ อ่ืนๆ ตอ่ ไป 4.3.2.4 ทฤษฎีความคิดสร้ างสรรค์ของ Torrance ได้กล่าวไว้ว่า ความคิดสร้างสรรค์นนั้ จะแสดงออกมาตลอดกระบวนการของความรู้สกึ หรือการเหน็ ปัญหา การรวบรวมความคิดเพื่อตัง้ เป็ นสมมติฐาน การสอนและการดัดแปลง สมมตฐิ าน ตลอดจนวธิ ีการเผยแพร่ผลสรุปท่ีได้รับ 4.3.2.5 ทฤษฎีโครงสร้างสมรรถภาพทางสมอง ทฤษฎีนีส้ ร้างโดย Guiford นกั จิตวิทยาชาวอเมริกนั ในปี ค.ศ.1967 และได้อธิบายโครงสร้างทางสมอง ในรูปแบบจาลองสามมิติ และเกี่ยวกบั ความคิดสร้ างสรรค์ โดยเทียบกบั โครงสร้ าง ทางสตปิ ัญญา โครงสร้างของสตปิ ัญญาประกอบไปด้วยมิติตา่ งๆ 3 มติ ิ ได้แก่ เนือ้ หา 5 ด้าน ผลผลิต 6 ด้าน และวิธีคิด 5 ด้านที่ส่งผลให้เกิดความคิดสร้ างสรรค์และ ความคดิ อเนกมยั GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 47

ภาพท่ี 4.2 ภาพแสดงสมรรถภาพด้านความคดิ สร้างสรรค์ของกิลฟอร์ด ท่ีมา: http://www.bsru.ac.th/study/decision/ex1/a1.htm สรุป ทฤษฎีความคิดสร้ างสรรค์ประกอบด้วย 5 ทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีจิต วิเคราะห์ ทฤษฎีของเทเลอร์ ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ในรูปของการโยงความสมั พันธ์ ทฤษฎีความคิดสร้ างสรรค์ของ Torrance และทฤษฎีโครงสร้ างสมรรถภาพทางสมอง ซ่ึงนาไปสู่กระบวนการคิดอย่างสร้ างสรรค์ การพัฒนาความคิดสร้ างสรรค์ รวมถึง องค์ประกอบที่สง่ ผลตอ่ ความคดิ สร้างสรรค์ 4.4 กระบวนการของการคิดสร้างสรรค์ (Sitthichai Laisema. 2557) จากการจดั การความรู้เรื่องการจดั การเรียนการสอนเชิงสร้ างสรรค์ ควรมี การจดั การเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนพัฒนาความคิดสร้ างสรรค์ ซ่ึง “ความคิด สร้างสรรค์ คือ กระบวนการท่ีบคุ คลไวตอ่ ปัญหา ข้อบกพร่อง ช่องว่างในด้านความรู้ สิ่งที่ขาดหายไป หรือสิ่งที่ไม่ประสานกันและไวต่อการแยกแยะ ส่ิงต่างๆ ไวต่อการ ค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหา ไวต่อการเดาหรือการตงั้ สมมติฐานเกี่ยวกับข้อบกพร่อง ทดสอบและทดสอบอีกครัง้ เก่ียวกับสมมติฐาน จนในที่สุดสามารถนาเอาผลท่ีได้ไป แสดงให้ปรากฏแกผ่ ้อู ื่นได้” (Torrance, 1962) 48 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

ในรูปแบบของการคิดสร้ างสรรค์มีอย่มู ากมาย กล่าวสรุปได้เป็ นเร่ืองของ 2 ปัจจยั หลกั ดงั นี ้สงั เกต +เพ้อฝัน การจดจาหรือการบนั ทกึ ที่จะสะสมประสบการณ์ ต่างๆ ในชีวิตประจาวัน ตัง้ แต่ต่ืนนอน ทางาน และการนอนหลับ ต่ืนมาเราทา อะไรบ้าง ฝึ กคิดและมองส่ิงท่ีอยู่รอบตวั การจดบนั ทึกจะช่วยให้เกิดทักษะการจา มากระต้นุ ให้เกิดความคิดใหม่ เช่น ขณะโดยสารรถประจาทาง มองไปรอบๆ ด้าน จะทาให้เกิดความคิดต่างๆท่ีจะแก้ ปัญหามากมาย ในรูปแบบของการเพ้อฝัน ไปสร้ างสรรค์สิ่งต่างๆ ความคิดสร้ างสรรค์เป็ นลักษณะความคิดแบบอเนกนัย ในความคิดหลายแง่มุม มานาเสนอให้เกิดรูปแบบทงั้ ที่เป็ นรูปธรรมและนามธรรม ตา่ งโดยต้องอาศยั วธิ ีการตา่ งๆ 4.4.1 วิธีการในการคดิ สร้างสรรค์ 4.4.1.1 คิดนอกเร่ือง คิดนอกกรอบ ตงั้ คาถามประเด็นว่าทาไม แล้วจะเป็ นไปได้ไหม ชาวญ่ีป่ ุนจะขายแตงโม แต่ทายังไงให้เป็ นเอกลักษณ์และ ตงั้ คาถามว่าทาไมแตงโมต้องเป็ นรูปกลม ปัจจยั อันนีท้ าให้เกิดแรง ผลกั ดนั ในการ ค้นหาตดั ตอ่ พนั ธุกรรมของแตงโมสุดท้ายได้ลกู แตงโมท่ีแปลกตาออกไป เป็ นรูปทรง สี่เหลี่ยมสีเขียวรสชาติคงเดิมแต่ส่ิงที่สร้ างความแตกตา่ งคือความแปลกใหม่ให้กับ ผ้พู บเห็น 4.4.1.2 ค้นหาแรงผลกั ดนั มาเป็นสิ่งเร้าในการค้นหา การพยายาม สร้ างแรงผลักดนั จะช่วยเสริมให้เราสามารถคิดอะไรท่ีแตกต่างออกไป การนาสิ่ง ต่างๆ ที่เรามองออกไปจากรอบตัวเรามากระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ต้องอาศัย การเพ้อฝันในบางครัง้ จะชว่ ยให้มีแนวคดิ ที่แตกตา่ งออกไปจากกรอบเดมิ 4.4.1.3 มองเรื่องง่ายๆ ผลงานการออกแบบท่ีได้รับรางวลั มากมาย ในเรื่องของการโดนใจกรรมการมากที่สุด จะเป็ นการนาเสนอในเร่ืองความโดดเด่น ของอัตลักษณ์ ที่มองเร่ืองง่ายๆของการนาเสนอแล้ว ดึงดูดความสนใจ บางครัง้ ไมจ่ าเป็ นต้องคดิ อะไรเยอะ ซบั ซ้อน มองหาความเรียบง่าย รูปทรงเรขาคณิตมีใช้ใน การออกแบบอย่างแพร่หลาย หรือภาพเขียนในสมยั ก่อนใช้รูปร่างของธรรมชาติใน การบนั ทกึ ความเป็นมาในสมยั กอ่ นได้เป็นอยา่ งดี GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 49

4.4.1.4 พฒั นารูปแบบเดมิ ๆ สงิ่ ท่ีเดมิ ๆเก่าแก่ก็มีคณุ คา่ แตต่ ้องรับ กบั สมยั นยิ มในปัจจบุ นั การนารูปแบบท่ีมีอยเู่ ดมิ มาตอ่ ยอดความคิดจะชว่ ยพฒั นาส่ิง ตา่ งๆ ได้ดขี นึ ้ ไป มีความสมบรู ณ์มากขนึ ้ ตอบสนองความต้องการได้ดี 4.4.1.5 อารมณ์ดี คิดบวก เป็ นการมองภาพสร้ างความเช่ือมั่น ให้กบั ตวั เองเช่ือในสิ่งที่ตวั เองจะทา เป็ นการเสริมแรงความมั่นใจและมีทศั นะคติที่ดี ในการคิดสร้ างสรรค์ เช่น การสร้ างอารมณ์จากการฟังเพลง การฟังเสียงจาก ธรรมชาติ หรือการนง่ั พกั ผอ่ นหรือฝึ กสมาธิ การควบคมุ จิตใต้สานึกให้ สดใส สดชื่น เบกิ บาน เป็นการเปิดสมอง ให้มีความคดิ อะไรใหม่ 4.4.1.6 ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ บางทีจิตนาการความคิดอาจหยุดลง หากมีตวั วฒั นธรรมตา่ งๆเข้ามาเก่ียวข้อง แตถ่ ้ามนั่ ใจวา่ เป็ นสงิ่ ที่ดงี ามหรือสร้างสรรค์ คณุ คา่ ให้กบั สงั คม อาจจะอาศยั แนวคิดเก่ามาผสมกบั แนวคิดให้ลองฉีกกรอบแนวคิด และกลบั เข้าสคู่ วามจริงดคู วามเหมาะสมวา่ เป็นไปได้หรือไม่ 4.4.1.7 เปิ ดใจแลกเปล่ียนทศั นะ ยอมรับความคดิ เห็นมมุ มองใหม่ หรือเรียกว่า ไม่ปิ ดกัน้ ตวั เองในการเสพความรู้ประสบการณ์ต่างๆ มาแลกเปล่ียน ความคิดยอมรับฟังความคิดเห็นของผ้อู ื่นจะช่วยให้มีสมั พนั ธภาพและมีพฒั นาการ ความคดิ ดี ความคิดสร้างสรรค์มีการพฒั นาการอย่เู ร่ือย เป็ นปัจจยั ในการสร้างสรรค์ ผลงาน ให้เป็ นที่ยอมรับแก่มวลชน กิลฟอร์ด* * กล่าวถึงบุคลิกภาพของคนที่มี ความคดิ สร้างสรรค์ว่า “จะต้องมีความฉบั ไวที่รู้ปัญหาและมองเห็นปัญหา มีความว่องไว และสามารถจะเปลี่ยนความคิดใหม่ๆได้ง่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแก้ปัญหาเป็ น กิจกรรมท่ีสาคญั ย่ิงของชีวิตที่ต้องทาให้สาเร็จลลุ ว่ งจงึ จะทาให้ชีวิตสามารถดาเนินไป ได้อย่างมีความสุข ดังนัน้ จึงมีความจาเป็ นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ โดยปกติคนเราทวั่ ไปมกั เลือกวิธีการท่ีจะเลี่ยงปัญหามากกว่าการเผชิญ ปัญหา ซงึ่ ถ้าคนเรารู้จกั ที่จะเรียนรู้การแก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ก็จะมีชีวิตที่สนกุ สนาน ร่าเริงและความสุขมากยิ่งขึน้ ” โดยวิธีการในการพัฒนาความคิดสร้ างสรรค์ 50 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

มีกระบวนการคิดกระบวนการค้นหาท่ีแตกต่างกันไปขึน้ อยู่ในแต่ละบุคคล แต่ละ สภาพแวดล้อม มีหลากหลายรูปแบบตา่ งๆ 4.4.2 วิธีการในการพฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ 4.4.2.1 ฝึ กฝนที่จะเรียนรู้และพยายามกระต้นุ ค้นหาความรู้ คือ ความพร้ อมใจที่อยากจะรู้ในเรื่องท่ีเราสนใจเป็ นเร่ืองราวในการฝึ กคิดฝึ กทกั ษะใช้ เวลาท่ีมีอยอู่ ยา่ งค้มุ คา่ 4.4.2.2 ยอมรับฟังผลงานเปิ ดใจกว้างในการเสพสิ่งตา่ งๆ อยา่ งมี เหตุมีผล ผลงานต่างๆ ในเรื่องของความคิดมีข้ อผูกมัดใดๆ ไม่มีถูกไม่มีผิด ไมม่ ีกฎเกณฑ์ อยา่ งตายตวั แตต่ ้องสามารถนาเสนอให้เข้ากบั กลมุ่ คนในสงั คมได้ ฝึก การรับรู้อยา่ งเต็มท่ีนาเป็ นแรงผลกั ดนั ให้เกิดหนทางใหม่ ทกุ คนคดิ ไม่เหมือนเราและ ไม่จาเป็ นต้ องทาเหมือนเรา อย่าไปตีกรอบให้ แนวคิดของคนอื่นท่ีมาขัดต่อ แนวความคดิ ของเรา 4.4.2.3 ใจเย็นทาจิตใจให้สงบสดช่ืนแจ่มใส กลางคืนคิดงานไม่ ออกไม่เป็ นไร แบ่งเวลาค่อยๆ คิดในตอนเช้าบ้างก็ได้ เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ต้องอาศยั ประสบการณ์และแรงผลกั ดนั มาเป็นตวั ประกอบในการรวบรวมความคิดท่ี ได้มา 4.4.2.4 สร้างทกั ษะการเรียนรู้มองภาพที่เห็นในรูปแบบมิติตา่ งๆ การมองเหน็ วตั ถอุ ะไรก็ตาม ก็ต้องฝึกคดิ และตีเส้นเป็ นโครงสร้างรูปทรงแล้วจงึ พยายาม บดิ เบียนรูปทรง จะทาให้เกิดส่ิงแปลกใหมท่ ี่แตกตา่ งออกไป 4.4.2.5 เปล่ียนแปลงความเช่ือ งมงาย อยา่ ตีกรอบความเชื่อเดิม ค้นหาความจริง มีความยืดหยนุ่ ปรับให้เข้ากบั สภาพแวดล้อมใหมๆ่ 4.4.2.6 กล้าที่จะทา ปลกู ฝังแนวคิดใหม่ กระต้นุ เข้าไปแต่คงต้อง ศกึ ษารายละเอียดอะไรเดมิ ๆ ประกอบ 4.4.2.7 มองทกุ อยา่ งเป็นเรื่องสนกุ และจะสนกุ กบั มนั ตดั อปุ สรรค ทงิ ้ ไป GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 51

4.4.3 ประโยชน์ในการคดิ สร้างสรรค์ 4.4.3.1 เป็นการค้นหาและพฒั นาการวทิ ยาการใหมๆ่ 4.4.3.2 มีความสนกุ และเกิดทกั ษะการรอบรู้ในส่ิงที่อย่รู อบๆ ตวั เป็นคนฉลาดคดิ แก้ปัญหาตา่ งๆได้อยา่ งรอบคอบ 4.4.3.3 มีความสขุ สร้างความเช่ือมนั ความประทบั ใจ การยกยอ่ ง ให้กบั ตวั เอง 4.4.3.4 สร้ างความอดทน ความตงั้ ใจ ความสามารถและแนวทาง การใช้ชีวติ ประจาวนั ความคิดสร้างสรรค์ เป็ นเรื่องราวของการสร้างความสขุ เป็ นการพฒั นาใน สิ่งท่ีสงสยั อยากรู้อยากค้นหา จะชว่ ยสร้างแรงพลนั ดนั ให้เกิดส่ิงตา่ งๆ ที่อยรู่ อบๆ ตวั เราในการแก้ไขปัญหา แตค่ วามคดิ สร้างสรรคท์ ่ีดี ต้องเคารพและให้เกียรตใิ นสิทธิของ ผ้อู ื่น และไม่ขโมยผลงานผ้อู ื่นมาสร้างสรรค์ผลงานตน โดยต้องยดึ หลกั จรรยาบรรณ ไม่ฉะนัน้ จะไม่ถือว่าผู้นัน้ ได้คิดสร้ างสรรค์ผลงานนัน้ ขึน้ มา ความคิดสร้ างสรรค์ สามารถนามาพฒั นาตนเองได้ในทุกสายวิชาชีพ หลายสาขาการเรียน เพ่ือเป็ นการ เปิ ดโอกาสสร้ างทัศนะที่คิดแตกต่างออกไป การคิดแก้ ปัญหาอย่างสร้ างสรรค์ เพ่ือการสร้างสรรคผ์ ลงานท่ีดี 52 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

สรุป ทฤษฎีเป็ นส่วนสาคญั ในการจดั ระเบียบทางความคดิ เพื่อให้แรงบนั ดาลใจ นัน้ ประสบผลสาเร็จได้ ทฤษฎีที่ต้องเรียนรู้ คือ ทฤษฎีสังคมเชิงการรู้คิดของ อัตเบิร์ต แบนดูรา อธิบายว่าบุคลิกภาพเป็ นผลของปฏิสัมพันธ์ระหว่างตวั บุคคล สิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม เขาเน้นว่าตวั แบบเป็ นตวั ที่ส่งเสริมแรงที่มีอิทธิพลมาก ต่อการทาให้บุคคลเกิดความตงั้ ใจในการรับรู้ จากนัน้ จึงบนั ทึกสัญลักษณ์หรือการ จดั ระบบการรู้ การคิด การทบทวนตวั แบบแล้วจึงตามด้วยพฤติกรรมการตอบสนอง หรือการแสดงออก ซึง่ สิ่งที่เรียนรู้แล้วแสดงออกหรือไมแ่ สดงออกก็ได้ อาจจะมีแนวโน้ม ในการแสดงออกซา้ เม่ือผลของการกระทานนั้ เป็นด้านบวก และไมม่ ีการแสดงออกอีก เมื่อผลของการกระทานนั้ เป็นด้านลบ ทฤษฎีความคดิ สร้างสรรค์ประกอบด้วย 5 ทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีจติ วเิ คราะห์ ทฤษฎีของเทเลอร์ ทฤษฎีความคิดสร้ างสรรค์ในรูปของการโยงความสัมพนั ธ์ ทฤษฎี ความคิดสร้ างสรรค์ของ Torrance และทฤษฎีโครงสร้ างสมรรถภาพทางสมอง ซ่ึงนาไปสู่ กระบวนการคิดอย่างสร้ างสรรค์ การพฒั นาความคิดสร้ างสรรค์ รวมถึง องคป์ ระกอบท่ีสง่ ผลตอ่ ความคดิ สร้างสรรค์ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 53



บทท่ี 5 การสร้ างแรงบันดาลใจ ชลลดา ชวู ณิชชานนท์ “Inspiration” ที่แปลว่า “แรงบันดาลใจ” มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน “Spirarae” ออก เสียงวา่ “สปิ ราเร่” หมายถึง “ลมหายใจ” ซึ่งเป็ นรากศพั ท์ของคาว่า “Spirit” ท่ีแปลว่า “จิต วิญญาณ” คากิริยา “To inspire” โดยรากศพั ท์แปลวา่ “การผ่าน ลมหายใจหรือการผ่านจิตใจของคน หนึ่งเข้าไปในอีกคนหน่ึง” ลมหายใจหรือจิตใจ ท่ีผ่านเข้าไปนีจ้ ึงเป็ นสิ่งที่ทาให้ผู้รับนัน้ ดาเนินชีวิตหรือ ดารงชีวิตอยู่ได้และเป็ นลม หายใจในลกั ษณะเดียวกนั กบั ผ้สู ร้างแรงบนั ดาลใจนนั้ ทาให้ผ้ทู ่ีได้รับแรงบนั ดาลใจคดิ และทาตามอยา่ งด้วยความศรัทธาและความมานะพยายามอยา่ งไมร่ ู้จกั เหน็ดเหน่ือย เพื่อให้ตนเองเหมือนกบั แรงบนั ดาลใจที่ได้รับ (ภเู บศร์ สมทุ รจกั ร. 2552) แรงบันดาลใจ จึงเป็ นกุญแจสาคญั ท่ีจะทาให้บุคคลไปสู่ความสาเร็จใน หลายๆ ด้านของชีวิต แรงบนั ดาลใจอาจจะหลอ่ หลอมมาจากรูปแบบของจินตนาการ ความประทบั ใจ จิตใต้สานึก ประสบการณ์ หรือสิ่งอื่นๆ ท่ีเจ้าของแรงบนั ดาลใจนนั้ จะนามาใช้สร้ างอิทธิพลต่อความคิดของตน รวมถึงการนาแรงบันดาลใจนัน้ มา พฒั นาตอ่ ยอดอยา่ งสร้างสรรค์ เชน่ ศลิ ปินหรือนกั ประดษิ ฐ์ท่ีมีชื่อเสียงล้วนอาศยั แรง บนั ดาลใจ เป็ นกญุ แจสาคญั ในการขบั เคลื่อนแนวความคดิ ไปส่กู ารสร้างสรรค์ผลงาน ทงั้ สนิ ้

5.1 กระบวนทศั น์ ของ สร้างแรงบนั ดาลใจ กระบวนการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ จาเป็ นอย่างย่ิงที่จะต้องมีแรงผลกั ดนั ให้ มนษุ ย์เกิดความสร้างสรรค์ จดุ ประกายความคดิ ผลิตจินตนาการใหม่ๆ ออกมาสร้าง ศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม หรือผลิตภัณฑ์ ดังนัน้ ในจุดเริ่มต้นของกระบวนการ สร้างสรรค์ จงึ ต้องมีกระบวนทศั น์ท่ีชดั เจนในการ สร้างแรงบนั ดาลใจ คาวา่ กระบวนทศั น์ ตรงกบั คาภาษาองั กฤษวา่ paradigm (อา่ นวา่ พา-รา- ไดม์) หมายถึงกรอบแนวคิดหรือแนวทางทั่งไปที่ใช้ในการมองโลก หรือหมายถึง ระบบคิด วิธีคิดหรือแบบของการคิดท่ีใช้เป็ นแนวทางในการศึกษาวิจัยเรื่องใดเรื่อง หนง่ึ หรือเป็ นแนวทางในการจดั ระบบในสงั คม สาหรับกระบวนทศั น์ของการสร้างแรง บนั ดาลใจ หมายถึงกรอบแนวคดิ ในการสร้างแรงบนั ดาลใจให้เกิดขนึ ้ โดยจะทบทวน กระบวนการเกิดแรงบนั ดาลใจของบคุ คล การสร้างให้เกิดแรงบนั ดาลใจ 5.1.1 ขบวนการเกิดแรงบนั ดาลใจ โดยในบทท่ี1 ของหนังสือเล่มนี ้ ได้กล่าวถึง ขบวนการเกิดแรง บนั ดาลใจ ไว้ 8 ขนั้ ตอนดงั นี ้ 5.1.1.1. ตงั้ เป้ าหมาย 5.1.1.2. ตวั ตน 5.1.1.3. ตดั สนิ ใจ 5.1.1.4. คดิ 5.1.1.5. เช่ือ 5.1.1.6. จติ นาการภาพแหง่ ความสาเร็จ 5.1.1.7. ลงมือทา 5.1.1.8. อดทน 56 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

5.1.2 การสร้างให้เกิดแรงบนั ดาลใจ แรงบันดาลใจสามารถสร้ างให้เกิดขึน้ ได้จากหลายปัจจัย โดย สามารถสรุปได้ 4 รูปแบบของการสร้างให้เกิดแรงบนั ดาลใจ 5.1.2.1 แรงบนั ดาลใจจากเป้ าหมาย (Inspiration by Goal) 5.1.2.2 แรงบนั ดาลใจจากต้นแบบ (Inspiration by Role Model) 5.1.2.3 แรงบนั ดาลใจจากแรงกระต้นุ (Inspiration by Motivation) 5.1.2.4 แรงบนั ดาลใจที่เกิดขนึ ้ จากการขบั เคลื่อน (Inspiration by Dynamic) 5.1.3 กระบวนการสร้างสรรค์แรงบนั ดาลใจ จดุ เริ่มต้นของ กระบวนการสร้างสรรค์แรงบนั ดาลใจ ควรเริ่มต้นมา จาก ปัจจยั ตา่ งๆดงั ตอ่ ไปนี ้ 5.1.3.1 ความคดิ เชงิ สร้างสรรค์ หรือ การคดิ บวก 5.1.3.2 มีเป้ าหมาย 5.1.3.3 แสวงหาความสนกุ 5.1.3.4 ให้รางวลั 5.1.3.5 มีความมนั่ ใจ 5.1.3.6 รักษาทิศทาง 5.1.3.7 มองหาเพ่ือนท่ีมีแนวความคิดคล้ ายคลึงกันมาเป็ น ผ้สู นบั สนนุ เพ่ือชว่ ยพยงุ เมื่อรู้สกึ เหมือนจะหมดแรงใจ 5.1.3.8 จดบนั ทกึ ความก้าวหน้าในงาน ปัจจยั ข้างต้นที่ผลกั ดนั ให้เกิด กระบวนการสร้างสรรค์แรงบนั ดาลใจ ทาให้เกิด ความชดั เจนของกระบวนการสร้างสรรค์ท่ีจาเป็ นต้องมีเพื่อใช้รักษาไว้ซ่ึงแรงบนั ดาลใจ จงึ อาจจะสรุปกระบวนทศั น์ของการสร้างแรงบนั ดาลใจ ได้ดงั นี ้ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 57

ภาพท่ี 5.1 กระบวนทศั น์ของการสร้างแรงบนั ดาลใจ 5.2 บุคลกิ ภาพของผู้สร้างแรงบันดาลใจ บุคลิกภาพท่ีดีมีความสาคญั ต่อการดารงชีวิตในสังคมทัง้ ในด้านส่วนตวั และอาชีพการงาน บุคลิกภาพทาให้เรารู้จกั คนใดคนหน่ึงในภาพรวมทงั้ หมด เพราะ มนุษย์เป็ นสัตว์สังคม (Social Animal) มีสัญชาตญาณท่ีจะอยู่กันเป็ นหมู่พวก ต้องการมีความสมั พนั ธ์ท่ีดีต่อกัน ดงั นนั้ มนษุ ย์จาเป็ นต้องเข้าสงั คม ต้องการเพ่ือน ที่คอยช่วยเหลือ ต้องการการยอมรับและเป็ นท่ีช่ืนชอบของคนโดยทั่วไป การเป็ น ผ้สู ร้างแรงบนั ดาลใจจาเป็นต้องมีบคุ ลิกภาพท่ีดีเพ่ือสร้างความสมั พนั ธ์กบั บคุ คลอ่ืนๆ ได้อยา่ งราบร่ืน ซง่ึ สง่ ผลตอ่ การสร้างแรงบนั ดาลใจ 58 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

5.2.1 ความหมายของคาวา่ บคุ ลิกภาพ บุคลิกภาพ มาจากศพั ท์ภาษาองั กฤษว่า Personality ซึ่งมาจาก ราก ศพั ท์ภาษาละตินว่า Persona แปลว่า หน้ากากท่ีตวั ละครกรีกและโรมันในสมัยก่อน สวมใสเ่ พ่ือแสดงบคุ ลิกลกั ษณะให้แตกตา่ งกนั ให้ผ้ดู เู ห็นได้ในระยะไกล (นิภา นธิ ยายน. 2530: หน้า 23) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 บุคลิกภาพ หมายถึงสภาพนิสยั จาเพาะคน อาจสรุปได้ว่าบุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะตา่ งๆ ของแต่ละบุคคลที่รวมกันแล้วทาให้บุคคลนนั้ แตกต่างกับบุคคลอื่น ลักษณะต่างๆ เหล่านนั้ ได้แก่ อปุ นิสยั นิสยั ใจคอ ความสนใจ ทศั นคติ ตลอดจนพฤติกรรมตา่ งๆ ท่ี บคุ คลนนั้ แสดงออกมา 5.2.2 แนวคดิ ท่ีเกี่ยวข้องกบั บคุ ลกิ ภาพ 5.2.2.1 บคุ ลิกภาพของแตล่ ะบคุ คล สถิต วงศ์สวรรค์ (2539: หน้า 1) ได้แบง่ การแสดงออกให้เหน็ 3 แนวทาง คือ 1) Physical and Physiological Class แสดงบุคลิกภาพ โดยทางรูปร่างหน้าตาสีของผม ลกั ษณะของผิว อายุ เพศ และจากอิทธิพลของต่อม ในร่างกาย 2) Mental and Emotional Class เป็ น บุคลิกภ าพ ท่ี แสดงออกทางด้านจิตใจสตปิ ัญญา ลกั ษณะของอารมณ์และความรู้สกึ 3) Social and Cultural Class แสดงทางด้านสงั คม เจต คติ อปุ นิสยั ใจคอ ความนยิ มชมชอบ ระเบียบแบบแผน ประเพณี 5.2.2.2 ดารงศักด์ิ ชัยสนิท และสุนี เลิศแสวงกิจ (2540: หน้า 4) ได้แบง่ องค์ประกอบของบคุ ลิกภาพในลกั ษณะตา่ งๆ ดงั นี ้ 1) ลักษณะทางกาย หมายถึง ขนาดของรูปร่าง หน้าตา สดั สว่ น ผิวพรรณ ท่ีเป็นลกั ษณะประจาตวั ของแตล่ ะบคุ คล 2) ลกั ษณะทางใจ หมายถึงทศั นคติตอ่ สิ่งตา่ งๆ เช่น การ ตดั สนิ ใจ อปุ นิสยั ความจา ความคดิ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 59

3) ลกั ษณะทางสงั คม หมายถึง ท่าที การปฏิบตั ิต่อสงั คม และสงิ่ แวดล้อม 4) ลักษณะทางอารมณ์ หมายถึง ความสามารถในการ ควบคมุ ความรู้สึกและการกระทาต่างๆ ของบุคคล ลกั ษณะต่างๆ มักเป็ นลกั ษณะ ถาวรเปล่ียนแปลงยาก การพัฒนาทางด้านจิตใจและบุคลิกภาพของบุคคลเป็ นกระบวนการของ การเจริญเติบโตทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและการปรับตวั ต่อสังคมตงั้ แต่วยั เด็ก วยั รุ่นจนกระทั่งไปสู่วยั ผู้ใหญ่ในแต่ละบุคคล อาจจะบรรลุนิติภาวะแตกต่างกันไป ขึน้ อยู่กับวิธีการปรับตวั ในการดาเนินชีวิต การแสดงออกของบุคคลในสถานการณ์ ตา่ งๆ สว่ นมากจะมีลกั ษณะเฉพาะตน เรียกได้วา่ พฤตกิ รรมท่ีกระทาบอ่ ยครัง้ นนั้ เป็ น อปุ นสิ ยั หรือบคุ ลิกภาพ ซง่ึ มีหลายลกั ษณะ เชน่ ชอบแสดงออก ก้าวร้าว ไมไ่ ว้วางใจคน ไม่ชอบสงั คม เป็ นคนเก็บตวั เป็ นต้น ขนึ ้ อย่กู บั สิ่งท่ีติดตวั บคุ คลนนั้ ๆ มาตงั้ แตก่ าเนิด รวมทัง้ การเลีย้ งดูในวัยเด็ก อิทธิพลจากสิ่งแวดล้ อมซึ่งแต่ละองค์ประกอบ ยอ่ มมีความสาคญั เทา่ เทียมกนั (รววิ งศ์ ศรีทองรุ่ง. 2543: หน้า 15) 5.2.3 บคุ ลิกภาพของผ้สู ร้างแรงบนั ดาลใจ 5.2.3.1 มีกิริยา วาจา สภุ าพ เรียบร้อยออ่ นโยนตอ่ บคุ คล ทกุ ระดบั 5.2.3.2 ตกแต่งร่างกายด้วยเสือ้ ผ้า ตลอดจนใบหน้าและทรงผม ให้ถกู ระเบยี บสมสว่ นแตพ่ องาม สะอาด สภุ าพเหมาะสมทกุ โอกาส 5.2.3.3 มีอิริยาบถอยู่ในท่าธรรมดา ไม่ฝื น องอาจแต่สุภาพ ไม่แข็งกระด้าง ไม่ตีเสมอ ไม่ตื่นกลัว ไม่หัวเราะเปิ ดเผยเสียงดงั หรือหลุกหลิกและ ไมเ่ ก้อเขนิ หรือกระดากอาย 5.2.3.4 การแสดงมารยาทไม่ช้าเกินควรและต้องไม่ลุกลนจนขาด ความเรียบร้ อยงดงาม 5.2.3.5 มีความมั่นใจในตนเองที่แสดงออกในพฤติกรรม คาพูด แววตา และนา้ เสียงท่ีเปลง่ ออกไป 5.2.3.6 มีบคุ ลกิ ภาพที่ดรี ะหวา่ งการพดู คยุ สนทนา ในทกุ ระดบั 60 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

5.3 การถ่ายทอดแรงบนั ดาลใจ 5.3.1 แรงบนั ดาลใจสร้างจินตนาการ จินตนาการ (Imagination) เป็ นส่ิงที่มีพืน้ ฐานมาจากการได้สัมผัส รับรู้ธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและแรงบนั ดาลใจภายในจนเกิดเป็ นภาพในใจ หรือ จนิ ตภาพที่นาไปส่กู ารกาหนดพฤตกิ รรมสร้างสรรค์ของมนษุ ย์ จินตนาการมีความสาคญั ตอ่ งานในทกุ สาขาอย่างยิ่งเพราะเป็ นสิ่งท่ีทาให้ผลงานดมู ีชีวิตนา่ สนใจขนึ ้ ทงั้ ยงั ทา ให้เกิดการพฒั นาความคิดสร้างสรรคใ์ ห้เกิดสิ่งใหม่ๆ ท่ีมีคณุ คา่ ทางประโยชน์ใช้สอย และคุณค่าทางความงาม เช่น เลโอนาร์โด ดาวินซี เป็ นผู้คิดสร้ างสรรค์เครื่องบิน คนแรกของโลกจะต้องเคยเห็นนกหรือแมลงบินมาก่อน จึงเกิดแรงบันดาลใจ คดิ จินตนาการออกแบบเครื่องบิน แตข่ าดนา้ มนั ท่ีใช้บิน มิเช่นนนั้ คงบรรลุผลดงั คิดฝัน ตัง้ แต่เขายังมีชีวิตอยู่ก็เป็ นได้ ต่อมาภายหลังสองพ่ีน้ องตระกูลไรท์ได้สานต่อ จินตนาการนนั้ สร้างเครื่องบนิ จนเป็นผลสาเร็จ เป็นต้น ประเภทของจินตนาการ จินตนาการแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ได้แก่ จินตนาการผลิตซา้ จากประสบการณ์ตรง จินตนาการจากประสบการณ์ ทางอ้อมและจินตนาการจากการคดิ สร้างสรรค์ใหม่ 5.3.1.1 จนิ ตนาการผลติ ซา้ จากประสบการณ์ตรง เป็ นจินตนาการท่ีเกิดจากการระลกึ ถึงเรื่องราวเดมิ ท่ีเคย ผา่ นประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง จากธรรมชาตแิ ละสภาพแวดล้อมในสงั คมมนษุ ย์ 5.3.1.2 จนิ ตนาการจากประสบการณ์ทางอ้อม เป็ นจินตนาการที่เกิดจากการได้รับการถ่ายทอดมาจาก คาบอกเล่า วรรณกรรมและข่าวสารในรูปแบบของส่ือตา่ งๆ ซง่ึ ผ้จู ินตนาการไม่ได้อยู่ ในเหตกุ ารณ์จริงหรือเคยพบเห็นมาก่อน เม่ือตนเองได้รับรู้ถ่ายทอดออกมา จึงเกิด การรับรู้ทาให้เกิดความรู้สกึ และอารมณ์สง่ ผลให้เกิดจนิ ตนาการสร้างสรรค์ออกมา 5.3.1.3 จินตนาการจาการคดิ สร้างสรรค์ใหม่ เป็ นจินตนาการความคิดสร้ างสรรค์ขึน้ มาใหม่ตาม ความรู้สกึ ความต้องการเพื่อให้ได้ส่งิ ใหม่ ซง่ึ อาจจะมีเค้ารูปแบบเดมิ หรือไมม่ ีเลยก็ได้ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 61

5.3.2 การสร้างแรงบนั ดาลใจ 5.3.2.1 มีความเชื่อมนั่ ในตนเอง บุคคลต้องเช่ือม่ันในตนเองว่า ผลสาเร็จท่ีต้องการจะ ได้รับจากการคดิ หรือจาก การกระทานนั้ สามารถพิชิตมนั ได้อย่างแน่นอน โดยต้องไม่มี ความวติ กกงั วล ความลงั เลใจ ความสบั สนสงสยั และความไมม่ นั่ ใจ ในตนเองเข้ามา สอดแทรกในระหว่างการคิดคานึงหรือในขณะท่ีกาลังลงมือกระทาสิ่งนัน้ อยู่ โดยเดด็ ขาด 5.3.2.2 ความมงุ่ มนั่ ในการลงมือทา เม่ือมีความเช่ือมน่ั ในตนเองสูงจนเป็ นท่ีน่าพอใจได้แล้ว ก่อนที่จะก้าวสู่ขัน้ ที่สอง บันไดขนั้ ที่สอง คือ “ความมุ่งม่ัน” ความมุ่งม่ัน หมายถึง ความตงั้ ใจล้นเป่ี ยม ในการที่จะทาส่ิงใดๆ ให้บรรลผุ ลสาเร็จให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องท่มุ เท แรงกาย แรงใจ และกาลงั สตปิ ัญญามากน้อยแคไ่ หน 5.3.2.3 ความมีศรัทธาในผลสาเร็จที่มงุ่ หวงั ความมีศรัทธาในผลสาเร็จท่ีม่งุ หวงั หมายถึง การมองเห็น ผลสาเร็จท่ีจะได้จากการกระทาท่ีมีคณุ ค่าสูงสุดและมีความรู้สึกว่า ถ้าเข้าถึงความ มีศทั ธานีไ้ ด้จะเป็นสิ่งท่ีนา่ ท้าทายท่ีสดุ ในชีวติ 5.3.3 การถา่ ยทอดแรงบนั ดาลใจ วิธีสร้างแรงบนั ดาลใจไว้ดงั นี ้ (นา้ ทิพย์ วิภาวิน, อ้างอิงจาก ร.ร.เบ จมราชาลยั : Online) 5.3.3.1 รับฟังความคิดเห็นและตระหนักถึงคุณค่าของบุคคล (Appeal to the person’s ideals and values) 5.3.3.2 เช่ือมโยงสิ่งต้องการให้เข้ากับภาพลักษณ์ของบุคคล (Link the request to the person’s self-image) 5.3.3.3 เช่ือมโยงส่ิงที่ต้องการให้เข้ากับวิสัยทัศน์ที่ชดั เจน (Link the request to the clear and appealing vision) พยายามนาเสนอการเปลี่ยนแปลง และนวตั กรรมท่ีจะประสบความสาเร็จ 62 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

5.3.3.4 ใช้ การตื่นเต้ นเร้ าใจ ใช้ แสดงออกทางการพูด (Use a dramatic, expressive of speaking) การแสดงออกทางคาพูดจะช่วยเพิ่มความรู้สึก ด้านอารมณ์ 5.3.3.5 ใช้ ค าพูดที่ เป็ นบวก มองโลกในแง่ดี (Use positive, optimistic language) ความเช่ือมนั่ และมองโลกในแงด่ เี ก่ียวกบั การเปลี่ยนแปลงนนั้ สรุป แรงบันดาลใจ เป็ นกุญแจที่สาคัญที่จะนาให้บุคคลไปสู่ความสาเร็จใน หลายๆ ด้านของชีวิต โดยต้องผ่าน 1) กระบวนการสร้ างสรรค์แรงบนั ดาลใจ ซ่ึงมี 4 กล่มุ ทฤษฎีท่ีอธิบายถึงความเป็ นมาของกระบวนการ ได้แก่ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ทฤษฎีพุทธินิยม และทฤษฎีมนุษยนิยม รวมทงั้ เรียนรู้ รูปแบบของแรงบนั ดาลใจในลกั ษณะต่างๆ ก่อนจะสรุปกระบวนการสร้างสรรค์แรง บนั ดาลใจ 2) การมีบุคลิกภาพที่ดี ที่สร้ างความเข้าใจเร่ืองความหมายของคาว่า บคุ ลิกภาพ แนวคิดเกี่ยวกับบุคลิกภาพ และลกั ษณะบุคลิกภาพของแรงบนั ดาลใจ และ 3)การถ่ายทอดแรงบนั ดาลใจที่มีประสิทธผล ที่กล่าวถึงแรงบันดาลใจสร้ าง จินตนาการ การสร้างแรงบนั ดาลใจ และการถา่ ยทอดแรงบนั ดาลใจ ซึ่งต้องอาศยั ทงั้ 3 ปัจจยั เพื่อให้เกิดเป็ นแรงบนั ดาลใจที่มีพลงั ผลกั ดนั ให้ บคุ คลผ้นู นั้ กระทาสงิ่ ตา่ งๆ อยา่ งมมุ านะ และพยายาม GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 63



บทท่ี 6 แรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลท่ี 9 ชลลดา ชวู ณิชชานนท์ แรงบันดาลใจ มีหลายรูปแบบ โดยรูปแบบหน่ึงของแรงบันดาลใจ คือ แรงบันดาลใจจากต้นแบบ (Inspiration by Role Model) ซึ่งเป็ นแรงบันดาลใจท่ี เกิดขึน้ ที่ก่อให้เกิดความศรัทธา เชื่อถือ ความรู้สึกดงั กล่าวย่อมพัฒนาออกมาเป็ น ความรู้สกึ ท่ีต้องการยดึ ถือไว้เป็ นแบบอย่าง สาหรับชาวไทยนนั้ เรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือวา่ เป็ นต้นแบบท่ีสร้าง แรงบนั ดาลใจให้แก่ทกุ คน ดงั นนั้ ในบทเรียนนี ้ได้เก็บความเกี่ยวกบั พระราชกรณียกิจ และพระจริยวตั รของพระองคจ์ ากแหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ มาเพ่ือสร้างแรงบนั ดาลใจ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช หรือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทย เสด็จขึน้ ครองราชสมบตั ิเป็ นประมุขแห่งประเทศไทยเมื่อวนั ท่ี 9 มิถนุ ายน พ .ศ. 2489 เป็ นต้นมา นบั ตงั้ แตน่ นั้ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ในด้านตา่ งๆ อนั เป็ นประโยชน์แกช่ าวไทยตลอด 70 ปี โดยพระราชกรณียกิจท่ีสาคญั ของพระองค์ คือ การเสดจ็ พระราชดาเนินเยือนประชาชนในท้องถ่ินตา่ งๆ ของประเทศ ดังในปฐมพระบรมราชโองการในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เม่ือวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 วา่ เราจะครองแผน่ ดนิ โดยธรรม “เพื่อประโยชน์สขุ แก่มหาชน ชาวสยาม” ด้วยพระกรณียกิจและพระจริยวตั รท่ีงดงามของพระองค์ สร้างให้เกิดแรง บนั ดาลใจในแงม่ มุ ตา่ งๆ แกเ่ ยาวชนและพสกนิกรชาวไทย

6.1 ย่างตามรอยเท้าพ่อ พระองค์เสด็จพระราชสมภพเม่ือวนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ที่โรงพยาบาล เมาต์ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ เป็ นพระราชโอรสในสมเด็จ พระมหิตลาธิเบศร อดลุ ยเดชวิกรม พระบรมราชชนกกับสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และเป็ นพระราชนดั ดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กบั สมเดจ็ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า พระองค์ทรงเป็ นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และได้ทรงหยุดยงั้ การ กบฏ เช่น กบฏเมษาฮาวาย ในปี พ.ศ. 2524 และ กบฏทหารนอกราชการ ในปี พ.ศ. 2528 กระนนั้ ในสมยั ของพระองค์ได้มีการทารัฐประหารโดยทหารหลายคณะ เช่น จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ในปี พ.ศ. 2500 กับพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ในปี พ.ศ. 2549 ตลอดระยะเวลา 70 ปี 4 เดือน 4 วัน ที่ทรงครองราชย์ เกิดรัฐประหาร โดยกองทพั 11 ครัง้ รัฐธรรมนญู 16 ฉบบั และนายกรัฐมนตรี 27คน ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เคารพพระองค์ อน่ึงตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็ นท่ีเคารพสักการะ และผู้ใดจะละเมิดมิได้ สว่ นประมวลกฎหมายอาญาบญั ญตั ไิ ว้วา่ การดหู มน่ิ หมน่ิ ประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์เป็ นความผิดอาญา คณะรัฐมนตรีหลายชุดท่ีได้รับการเลือกตงั้ มา ก็ถกู คณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านกั การเมืองผ้ใู หญ่หมิน่ พระบรมเดชานภุ าพ กระนัน้ พระองค์เองได้ ตรัสเมื่อปี พ.ศ. 2548 ว่า \"สาธารณชนพึง วพิ ากษ์วจิ ารณ์พระองค์ได้\" พระองค์ทรงเป็ นท่ีสรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดาริในเร่ือง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนนั เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัล ความสาเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์ ด้านสินทรัพย์ของพระองค์ นิตยสารฟอบส์จดั อนั ดบั ให้พระองค์เป็ นพระมหากษัตริย์ผ้มู ีพระราชทรัพย์มากท่ีสุด ในโลก ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2556 เม่ือเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 พระองค์ มีพระราชทรัพย์ 30,000 ล้านดอลลา่ ร์สหรัฐ สานกั งานทรัพย์สินสว่ นพระมหากษัตริย์นนั้ ใช้สินทรัพย์เพ่ือสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพ่ือพัฒนาเยาวชนแต่ได้รับการยกเว้น 66 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

มิต้องจ่ายภาษีและให้เปิ ดเผยการเงินต่อพระมหากษัตริย์แต่พระองค์เดียว ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชก็ได้ทรงอทุ ิศพระราชทรัพย์ไปใน โครงการพฒั นาประเทศไทยหลายต่อหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม ส่ิงแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรนา้ สวัสดิการทางคมนาคม และสวสั ดกิ ารสาธารณะ เป็นต้น นับแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จแปรพระราชฐานไปประทบั รักษา พระอาการพระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ตลอดมา แต่พระอาการประชวรได้ทรุดหนกั ลงตามลาดบั และ เสดจ็ สวรรคตเมื่อวนั พฤหสั บดีท่ี 13 ตลุ าคม พ.ศ. 2559 เวลา 15:52 น. สิริพระชนมพรรษา 88 ปี 313 วนั 6.2 ทรงเป็ นผู้ริเร่ิมอย่างสร้างสรรค์ นบั ตงั้ แต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงเสด็จขึน้ ครองราชสมบตั ิเป็ นประมุขแห่งประเทศไทย ทรงเข้าพิธีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวนั ท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 นบั ตงั้ แตน่ นั้ เป็ นต้นมา พระองค์ได้ทรงประกอบ พระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ ที่นามาซ่ึงเป็ นประโยชน์แก่ชาวไทย ทรงเสด็จ พระราชดาเนินเยือนประชาชนในท้องถ่ินต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะลาบากหรือ ทุรกันดารแค่ไหน พระองค์ก็ทรงเสด็จพระราชดาเนินไปถึง ดังในปฐมพระบรม ราชโองการในระหว่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ความว่า “เราจะครองแผ่นดิน โดยธรรม เพ่ือประโยชน์สุขแก่มหาชนชาวสยาม” และในปี พ.ศ. 2539 จากการท่ี พระองค์ทรงงานเพื่อประชาชนอย่างหนัก จึงได้มีการลงนามโดยประชาชนชาวไทย เพ่ือถวายสมญั ญานามให้พระองค์ทรงเป็ น “มหาราช” แหง่ ชาวไทยพระราชกรณียกิจ ท่ีทรงทาเพ่ือคนไทย GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 67

6.2.1 พระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ฟื ้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม พระองค์ทรงใช้ ประสบการณ์ ของพระองค์ และแนวพระราชดาริ ในการทาโครงการหลวงเพ่ือการพฒั นาและวิจยั รวมทงั้ พระราชทานทุนการศึกษา แกน่ กั เรียนไทยไปศกึ ษาตอ่ ยงั ตา่ งประเทศ เพื่อให้นกั ศกึ ษาเหลา่ นนั้ เม่ือจบการศึกษา แล้วจะได้นาความรู้กลบั มาพฒั นาประเทศตอ่ ไป 6.2.2 พระราชกรณียกิจด้านความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดาเนินเยือน ประเทศตา่ งๆ ในฐานะประมขุ ของประเทศไทย ทงั้ ในทวีปเอเชีย ทวีปยโุ รปและทวีป อเมริกาเหนือ เพื่อเป็ นการเจริญทางพระราชไมตรีกับบรรดามิตรประเทศต่างๆ ประเทศใดที่มีความสัมพนั ธ์อันดีอยู่แล้วก็ให้มีความสัมพนั ธ์แน่นแฟ้ นย่ิงขึน้ ทาให้ ประเทศไทยเป็ นท่ีรู้จกั กนั อย่างกว้างไกลมากยิ่งขึน้ นบั ว่าเป็ นประโยชน์ต่อประเทศไทย อยา่ งมหาศาล เมื่อเสร็จสิน้ การเสด็จพระราชดาเนินเยือนประเทศตา่ งๆ แล้วก็ได้ทรง ต้อนรับพระราชอาคนั ตกุ ะท่ีเป็ นประมุขของประเทศตา่ งๆ ที่เสด็จและเดนิ ทางมาเยือน ประเทศไทยเป็ นการตอบแทน บรรดาพระราชอาคนั ตุกะทงั้ หลายต่างก็ประทับใจใน พระราชวงศข์ องไทย ตลอดจนประชาชนชาวไทยอยา่ งทวั่ หน้า 6.2.3 พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสขุ พระองค์ทรงมีความห่วงใยประชาชนของพระองค์ทุกด้ าน โดยเฉพาะด้านสขุ ภาพอนามยั ทรงถือวา่ ด้านสขุ ภาพอนามยั เป็ นปัญหาสาคญั ที่ต้อง ได้รับการแก้ไขดงั พระราชดารัสท่ีว่า “ถ้าคนเรามีสขุ ภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถ พฒั นาชาตไิ ด้ เพราะทรัพยากรที่สาคญั ของประเทศชาติ คอื พลเมืองนนั่ เอง” 68 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงเป็ นห่วง และเอือ้ อาทรต่อทุกข์ สุขของพสกนิกรอย่างจริงจัง ในการเสด็จพระราชดาเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรตาม ท้องที่ตา่ งๆ ทกุ ครัง้ พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีคณะแพทย์ ทงั้ แพทย์ ที่เป็ นผ้เู ช่ียวชาญในแตล่ ะสาขาจากโรงพยาบาลตา่ งๆ และแพทย์อาสาสมคั ร โดยเสดจ็ พระราชดาเนินไปในขบวนอย่างใกล้ชิด เพื่อที่แพทย์เหล่านนั้ จะได้รักษาผ้ปู ่ วยที่มาเฝ้ า รับเสด็จได้ทนั ที นอกจากนีพ้ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ยงั ทรงได้ริเร่ิมหลายโครงการ ด้านการแพทย์และสาธารณสขุ มากมาย 6.2.4 การยกระดบั สภาพชีวติ ความเป็นอยขู่ องประชาชน โครงการตามพระราชดาริของพระองค์นนั้ มีทงั้ การแก้ปัญหา ภยั แล้ง ปัญหาอุทกภัย รวมไปถึงการบาบดั นา้ เสีย โครงการพฒั นาแหล่งนา้ มีทงั้ โครงการ ขนาดใหญ่สามารถชว่ ยแก้ไขปัญหาทงั้ ภยั แล้งและนา้ ท่วมได้ เชน่ เขื่อนป่ าสกั ชลสิทธ์ิ เขื่อนดินท่ีใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย ท่ีจงั หวดั ลพบรุ ี จนถึงโครงการขนาดกลางและ เลก็ จาพวก ฝาย อา่ งเก็บนา้ โดยพระองค์ทรงคานงึ ถึงลกั ษณะของภมู ิประเทศ สภาพ แหลง่ นา้ ความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ ประชาชนที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบจาก โครงการ มาเป็ นหลกั ในการพิจารณา พระองค์ได้ทรงวิจัยและริเร่ิมโครงการฝนหลวง เพื่อชว่ ยบรรเทาภยั แล้งสาหรับพืน้ ท่ีนอกเขตชลประทาน ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ประสบปัญหานา้ ท่วม และนา้ เน่า เสียในคูคลอง มีพระราชดาริเร่ือง แก้ มลิงที่ช่วยควบคุมการระบายนา้ จากแม่นา้ เจ้าพระยา สแู่ ม่นา้ ทา่ จีน ลาคลองตา่ งๆ ลงสทู่ ะเลอ่าวไทยตามจงั หวะการขนึ ้ ลงของ ระดบั นา้ ทะเล ทงั้ ยงั เป็ นการใช้นา้ ดีไลน่ า้ เสียออกจากคลองได้อีกด้วย เครื่องกลเติม อากาศ กังหันชัยพัฒนา ในการปรับปรุงคุณภาพนา้ โดยการเพ่ิมออกซิเจนเป็ น สิ่งประดษิ ฐ์หนงึ่ ของพระองค์ที่ได้รับสิทธิบตั รจาก กรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา กระทรวง พาณิชย์ เมื่อวนั ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 69

และอีกหน่งึ โครงการตามพระราชดาริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซ่งึ เป็ น ปรัชญาที่ชีแ้ นวทางการดารงชีวิตท่ีพระองค์ทรงมีพระราชดารัสแก่ชาวไทยนบั ตงั้ แต่ปี พ.ศ. 2517 เป็ นต้นมา และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็ นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถดารงอยู่ได้ อยา่ งมน่ั คงและยง่ั ยืนในกระแสโลกาภิวตั น์และความเปล่ียนแปลงตา่ งๆ เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทต่อการกาหนดอุดมการณ์การพฒั นา ของประเทศ โดยปัญหาชนในสังคมไทยหลายท่านได้ร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก ศาสตราจารย์ อภิชยั พนั ธเสน และศาสตราจารย์ฉัตรทิพย์ นาถสภุ า โดยเชื่อมโยง แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวฒั นธรรมชุมชน ซ่ึงเคยถูกเสนอมาก่อนหน้าโดย องค์กรพัฒนาเอกชนจานวนหน่ึงนับตงั้ แต่พุทธทศวรรษก่อน 2520 และได้ช่วยให้ แนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่รู้จกั อยา่ งกว้างขวางในสงั คมไทย สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ได้เชญิ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ใิ นทางเศรษฐกิจและสาขาอ่ืนๆ มาร่วมกนั ประมวลและกลน่ั กรอง พระราชดารัสเร่ืองเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อบรรจุในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม แห่งชาติ ฉบบั ที่ 9 และได้จดั ทาเป็ นบทความเร่ือง “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” พร้ อมทัง้ นาความกราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เม่ือวนั ที่ 22 ตลุ าคม พ.ศ. 2542 โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานและ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานญุ าตให้นาบทความท่ีทรงแก้ไข แล้วไปเผยแพร่ เพ่ือเป็ นแนวทางปฏิบัติของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติและทุกฝ่ ายท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทวั่ ไป เม่ือวนั ท่ี 21 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2542 ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนีไ้ ด้รับการเชิดชเู ป็ นอย่างสงู จากองค์การ สหประชาชาติ ว่าเป็ นปรัชญาท่ีมีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศและ สนบั สนนุ ให้ประเทศสมาชิกยดึ เป็ นแนวทางส่กู ารพฒั นาแบบยงั่ ยืน โดยมีนกั วิชาการ และนกั เศรษฐศาสตร์หลายคนเหน็ ด้วยกบั แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง 70 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

6.2.5 ด้านความมนั่ คงภายในประเทศ ตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการครองสิริราชสมบตั ิ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอย่หู วั ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดาริเพื่อการพฒั นาประเทศไว้มากมาย ทรงใช้เวลาศึกษาแผ่นดินไทย และรายละเอียดของพืน้ ดิน ภูมิประเทศหลักๆ ของ แหล่งนา้ การเกษตร ความต้องการของประชาชน ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพว่าถิ่น ไหนเหมาะแก่การครองชีพอยา่ งไร ทรงทราบถึงความทุกข์ของประชาชนผ่านการถ่ายทอดจากปาก สพู่ ระกรรณ และจากสายพระเนตรท่ีทรงพบเห็นด้วยพระองค์เอง ตงั้ แตเ่ ริ่มแรกเสดจ็ ขึน้ ครองราชย์จนถึงปัจจุบัน มีพระราชดาริให้จัดตงั้ มูลนิธิ 7 มูลนิธิ และโครงการ อนั เน่ืองมาจากพระราชดาริอีกกว่า 2,000 โครงการ ล้วนแตเ่ ก่ียวข้องกบั การอนรุ ักษ์ และพฒั นานา้ เป็นอนั ดบั แรก รองลงมาก็ คือ ดิน (ธรณีวิทยา) การเกษตรทงั้ หลายตลอดจนการ จดั สรรที่ดนิ รวมถึงการอนรุ ักษ์และพฒั นาป่ า โครงการที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับ ท่ัวโลก อาทิเช่น โครงการหลวง กาเนิดขึน้ จากการท่ีได้ทอดพระเนตรถึงปัญหา การปลกู ฝิ่ น และทาไร่เลื่อนลอยของชาวเขา จึงมีรับสงั่ ให้ทดลองหาพืชเมืองหนาว ให้ชาวเขาปลูกแทนฝ่ิ น และโครงการฝนหลวงกาเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรง ห่วงใยในความทกุ ข์ยากของประชาชนในถิ่นทุรกันดาร สาหรับประชาชนที่ต้องประสบ ปัญหาขาดแคลนนา้ อุปโภคบริโภค และเกษตรกรรม ทรงศึกษาค้นคว้าแนวทาง การทาฝนหลวงด้วยพระองค์เอง ก่อนจะโปรดเกล้าฯ ให้ดาเนินการทดลองในท้องฟ้ า จริงเป็ นครัง้ แรก ที่วนอุทยานเขาใหญ่ เมื่อปี 2512 ซึ่งสานักสิทธิบตั รยุโรปได้ออก สทิ ธิบตั รถวาย GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 71

นอกจากนีพ้ ระองค์ทรงนบั เป็ นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกและ พระองค์เดียวในโลก ท่ีได้รับการยกย่องอย่างสูง คือ โครงการพฒั นาคนตามแนว พระราชดาริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซ่ึงได้พระราชทานเป็ นแนวทางการพัฒนาคน อยา่ งยง่ั ยืนและเป็ นหนทางแก้ไขวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ ทงั้ หลายทงั้ ปวงนี ้ คือ พระราช สตั ยาอธิษฐานที่ทรงตงั้ ปณิธานมาตลอด 6 ทศวรรษการครองสิริราชสมบตั ิ พระองค์ ไม่เพียงแต่จะเป็ นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานท่ีสุดในโลก แต่ยังเป็ น พระมหากษตั ริย์ที่ทรงงานหนกั ที่สดุ ในโลกอีกด้วย 6.2.6 ด้านศลิ ปวฒั นธรรม พระองค์ทรงตัง้ กรมมหรสพขึน้ เพ่ือฟื ้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย ที่ถดถอยลง ทรงตงั้ โรงละครหลวงขนึ ้ เพ่ือสง่ เสริมการแสดงละครในหมขู่ ้าราชบริพาร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกแบบอาคารสมัยใหม่เป็ นแบบทรงไทย เช่น ตกึ อกั ษรศาสตร์ ซง่ึ เป็นอาคารเรียนหลงั แรกของจฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั และอาคาร โรงเรียนวชริ าวธุ วทิ ยาลยั 6.2.7 ด้านกีฬา เรือใบเป็ นกีฬาที่พระองค์ทรงโปรดเป็ นพิเศษ อีกทงั้ พระองค์ทรง เป็ นตวั แทนของประเทศไทยลงแข่งเรือใบในกีฬาแหลมทองครัง้ ท่ี 4 ระหว่างวันที่ 9 - 16 ธนั วาคม พ.ศ. 2510 ที่ประเทศไทยเป็ นเจ้าภาพ โดยทรงเข้าคา่ ยฝึ กซ้อมตาม โปรแกรมการฝึ กซ้อม และทรงได้รับเบีย้ เลีย้ งในฐานะนกั กีฬาเช่นเดียวกับนักกีฬาคน อื่นๆ ด้วยพระปรีชาสามารถพระองค์ทรงชนะเลิศเหรียญทอง และทรง ได้ รับการทูลเกล้ าฯ ถวายรางวัลเหรียญทอง จากสมเด็จพระนางเจ้ าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เม่ือวนั ท่ี 16 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ท่ามกลางความปลืม้ ปี ติของ พสกนิกรชาวไทยทงั้ ประเทศและเป็ นท่ีประจกั ษ์แก่ชนทว่ั โลก ทาให้พระอจั ฉริยภาพ ทางกีฬาเรือใบของพระองค์เป็นที่ยอมรับกนั ทวั่ โลก 72 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

พระองค์ยงั ได้ทรงออกแบบและประดิษฐ์เรือใบยามว่างออกมาหลาย รุ่น พระองค์พระราชทานนามเรือใบประเภทม็อธ (Moth) ที่ทรงสร้างขนึ ้ ว่า เรือใบมด เรือใบซูเปอร์มดและเรือใบไมโครมด ถึงแม้ว่าเรือใบลาสดุ ท้ายที่พระองค์ทรงตอ่ คือ เรือ โม้ค (Moke) เมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 เรือใบซูเปอร์มดยังถูกใช้แข่งขัน ในระดบั นานาชาติท่ีจัดในประเทศไทยหลายครัง้ โดยครัง้ สุดท้าย คือ เม่ือ พ.ศ. 2528 ในกีฬาซีเกมส์ ครัง้ ที่ 13 นอกเหนือจากกีฬาเรือใบแล้วยงั ทรงเล่นกีฬาประเภทอ่ืนๆ เชน่ แบตมินตนั เทนนสิ ยิงปื น เป็นต้น 6.2.8 ด้านการเกษตร พระองค์ทรงมีพระราชดาริ ว่า “กาารเกษตรนัน้ ถือได้ว่าเป็ น รากฐานและชีวิตสาหรับประเทศของเรา เพราะคนไทยเราส่วนใหญ่เป็ นผู้มีอาชีพ ทางเกษตรกรรมข้าพเจ้าจึงมีความเห็นเสมอมาว่า วิธีการพัฒนาท่ีเหมาะสมแก่ ประเทศเราอย่างยิ่ง ก็คือจะต้องทานุบารุงเกษตรกรรมทกุ สาขาให้พัฒนาก้าวหน้า เพื่อยกระดบั ฐานะความเป็ นอย่ขู องเกษตรกรทุกระดบั ให้สูงขึน้ ” ซ่ึงพระองค์ทรงให้ ความสนใจด้านนี ้พระองค์ได้เสด็จเย่ียม ไตถ่ ามความทกุ ข์สขุ ของประชาชน และรับฟัง ข้อปัญหาเกิดเป็ นโครงการตามพระราชดาริต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นการชลประทาน การพฒั นาดนิ การวจิ ยั พนั ธ์ุพืชและปศสุ ตั ว์ เป็นต้น ดงั หวั ข้อตอ่ ไปนี ้ 6.2.8.1 ทรัพยากรนา้ โครงการตามพระราชดาริของพระองค์มีทงั้ การแก้ปัญหา ภัยแล้ง ปัญหาอุทกภัย รวมไปถึงการบาบดั นา้ เสีย โครงการพัฒนาแหล่งนา้ มีทงั้ โครงการขนาดใหญ่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาทงั้ ภัยแล้งและนา้ ท่วมได้ เช่น เขื่อนป่ า สักชลสิทธ์ิเข่ือนดินท่ีใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย ที่จังหวัดลพบุรี จนถึงโครงการ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ตวั อยา่ งเชน่ ฝายอ่างเก็บนา้ เกษตรทฤษฎีใหม่ และพืน้ ที่ โครงการตามแนวทฤษฎีใหม่ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 73

6.2.8.2 ฝายอา่ งเก็บนา้ โดยพระองค์ทรงคานงึ ถึงลกั ษณะของภมู ิประเทศ สภาพ แหล่งนา้ ความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ ประชาชนที่ได้รับประโยชน์และผลกระทบ จากโครงการมาเป็ นหลกั ในการพิจารณา พระองค์ได้ทรงวิจยั และริเริ่มโครงการฝนหลวง เพื่อชว่ ยบรรเทาภยั แล้งสาหรับพืน้ ที่นอกเขตชลประทาน อีกทงั้ เขตกรุงเทพและปริมณฑลที่ประสบปัญหานา้ ทว่ ม และนา้ เน่าเสียในคูคลอง ทรงมีพระราชดาริเร่ืองแก้มลิงควบคุมการระบายนา้ จากแมน่ า้ เจ้าพระยา แมน่ า้ ทา่ จีน และลาคลองตา่ งๆ ลงสอู่ า่ วไทยตามจงั หวะการขนึ ้ ลง ของระดบั นา้ ทะเล ทงั้ ยงั เป็ นการใช้นา้ ดีไล่นา้ เสียออกจากคลองได้อีกด้วย รวมถึง เคร่ืองกลเติมอากาศ และกังหันชยั พฒั นาในการปรับปรุงคุณภาพนา้ โดยการเพิ่ม ออกซิเจน เป็ นสิ่งประดิษฐ์หน่ึงของพระองค์ที่ได้รับสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สิน ทางปัญญากระทรวงพาณิชย์ เม่ือวนั ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 6.2.8.3 เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็ นแนวพระราชดาริของพระองค์ท่ี เกี่ยวกบั การจดั พืน้ ที่ดินเพ่ือการอย่อู าศยั และมีชีวิตอย่างย่ังยืน โดยมีแบ่งพืน้ ที่เป็ น สว่ นๆ ได้แก่ พืน้ ที่นา้ พืน้ ท่ีดินเพ่ือเป็ นที่นาปลกู ข้าว พืน้ ที่ดินสาหรับปลกู พืชไร่นานา พนั ธ์ุ และที่ดินสาหรับอยู่อาศยั และเลีย้ งสตั ว์ ในอตั ราส่วน 3:3:3:1 เป็ นหลกั การใน การบริหารการจดั การที่ดินและนา้ เพื่อการเกษตรในท่ีดนิ ขนาดเล็กให้เกิดประสิทธิภาพ สงู สดุ ดงั นี ้ 1) มีการบริหารและจัดแบ่งท่ีดินแปลงเล็ก ออกเป็ น สดั สว่ นท่ีชดั เจนเพ่ือประโยชน์สงู สดุ ของเกษตรกร ซง่ึ ไมเ่ คยมีใครคดิ มาก่อน 2) มีการคานวณโดยหลกั วิชาการ เกี่ยวกบั ปริมาณนา้ ที่ จะกกั เก็บให้พอเพียงตอ่ การเพาะปลกู ได้ตลอดปี 3) มีการวางแผนท่ีสมบรู ณ์แบบ สาหรับเกษตรกรรายย่อย 3 ขนั้ ตอน เพ่ือให้พอเพียงสาหรับเลีย้ งตนเองและเพื่อเป็นรายได้ 74 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

6.2.8.4 พืน้ ท่ีโครงการตามแนวทฤษฎีใหม่ โครงการพัฒนาพืน้ ท่ีเกษตรนา้ ฝน บ้านแดนสามัคคี ตาบลค้มุ เกา่ อาเภอเขาวง จงั หวดั กาฬสินธ์ุ โครงการทฤษฎีใหม่ปักธงชัย หรือ ทฤษฎีใหม่บ้านฉัตร มงคล ตาบลปักธงชยั เหนือ อาเภอปักธงชยั โครราช ทฤษฎีใหม่หนองหม้อ ตาบลหนองหม้อ อาเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ 6.2.9 ด้านศาสนา พระองค์ทรงเสด็จพระราชดาเนินเป็ นประธานในการเปิ ดพระราชพิธี เนื่องในวโรกาสต่างๆ อาทิเช่น พระราชพิธีบาเพ็ญการกุศล พระองค์ทรงสนับสนุน ให้มีการสร้ างศาสนสถาน อีกทงั้ ยงั ทรงเป็ นองค์อัครศาสนูปถัมภกของทุกศาสนา ไม่ใช่เฉพาะแต่ศาสนาท่ีพระองค์ทรงนับถือ เนื่องจากทุกศาสนาต่างสอนให้คน เป็ นคนดี 6.3 กรณีศึกษา 6.3.1 ศภุ สวสั ด์ิ สินทอง 1 ใน 5 ของนกั เรียนท่ีได้มีโอกาสได้เรียนหนงั สือ กบั พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั 6.3.2 ณพอาภา เทวกุล ณ อยุธยา ผู้ออกแบบสติกเกอร์ “เรารักในหลวง” สติกเกอร์ใสพิมพ์อักษรสีขาวเขียนด้วยลายมือเด็กท่ีมีคาว่า ‘รัก’ ในรูปหวั ใจสีแดง ที่ได้รับความนิยมไปทว่ั ประเทศในขณะนี ้ 6.3.3 ศรชยั ธินาเทศ อดีตนกั เรียนทุนหลวงพระดาบส ผู้ซ่ึงได้รับโอกาส ทางการศึกษาจาก “ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์” และกลับมาดาเนินชีวิตตามรอยพ่อ โดยการเป็นครูสอนในมลู นิธิพระดาบส 6.3.4 หทยั ชนก สมมิตร ผ้ซู ึ่งได้เรียนรู้โลกกว้างผ่านสารานุกรมไทย อนั เป็ น โครงการสารานกุ รมสาหรับเยาวชนโดยพระราชประสงค์ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 75

6.3.5 เยาวชนกล่มุ “รอยยิม้ ของพ่อ” เดชา ฤทธิ์แดง, พรชยั ฤทธิ์แดง และ ขวัญยืน ฤทธิ์แดง 3 พี่น้องแห่งครอบครัวฤทธ์ิแดง ที่ได้มีโอกาสได้เล่าเรียนถึง ระดบั อดุ มศกึ ษาโดยถ้วนหน้าด้วยร่มศริ ะ และพระบริบาล สรุป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็ นพระมหากษัตริย์ที่ ครองราชสมบตั ิยาวนานท่ีสดุ ในประเทศไทย ด้วยระยะเวลาถึง 70 ปี 4 เดือน ตลอด ระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ จนถึงทรงเสด็จสวรรคตไปแล้ว พระองค์ยงั ทรงเป็ นที่รัก และเคารพนบั ถือของไทยทงั้ ประเทศ รวมไปถึงชาวตา่ งชาตหิ ลายคนทวั่ โลกตลอดมา พระองคท์ รงอทุ ิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจตา่ งๆ เพื่อทาให้ประชาชน ชาวไทยมีคณุ ภาพชีวิตท่ีดีขึน้ พระองค์จึงทรงเป็ นผ้สู ร้างแรงบนั ดาลใจให้กบั ปวงชน ชาวไทย แ ร ง บัน ด า ล ใ จ ท่ี เ กิ ด จ า ก พ ร ะ ก ร ณี ย กิ จ แ ล ะ พ ร ะ จ ริ ย วัต ร ท่ี ง ด ง า ม ข อ ง พระองค์ ผา่ นประวตั ขิ องพระองค์ทา่ นในย่างตามรอยเท้าพ่อ ทรงริเร่ิม อยา่ งสร้างสรรค์ ในพระราชกรณียกิจ และกรณีศกึ ษาท่ีทาให้ทราบวา่ พระองค์ทา่ นทรงเป็ นแรงบนั ดาลใจ ให้แก่พสกนิกร 76 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

บทท่ี 7 แรงบันดาลใจจากหนังสือ สู่การให้และแบ่งปัน ชลลดา ชวู ณิชชานนท์ ผ้ปู ระสบความสําเร็จในชีวิตส่วนใหญ่ มกั จะกล่าวว่า พวกเขามาถึงจดุ นีไ้ ด้ เพราะการอ่านหนงั สือ หนงั สือชว่ ยพฒั นาและเตมิ เตม็ ประสบการณ์ชีวติ สร้างตวั ตน ของพวกเขาขึน้ มา ให้รู้จกั ตวั เอง รู้เท่าทนั โลกและความเปล่ียนแปลง เป็ นมนุษย์ท่ี สมบูรณ์ แรงบนั ดาลใจ คือ การใส่ชีวิตชีวา ใส่จิตวิญญาณของบคุ คลเข้าไปในทุก ลมหายใจที่ก้าวสู่ความสําเร็จ แรงบนั ดาลใจช่วยขบั เคล่ือนความคิด ความรู้สึกและ การแสดงออกของเราให้ไปสจู่ ดุ มงุ่ หมายปลายทาง ไมว่ า่ จะต้องเผชิญอปุ สรรคที่ยากเย็น แคไ่ หน บุคคลแต่ละคน ย่อมมี “แรงบนั ดาลใจ” ท่ีแตกต่างกันไป แต่หลายคนเกิด แรงบนั ดาลใจมาจากหนงั สือ หนงั สือจะเป็ นแรงบนั ดาลใจให้กบั คนเราได้อย่างไร? หนังสืออาจถูกมองเป็ นแค่กระดาษท่ีมีรอยหมึก หากแต่ในความจริงหนังสือเป็ น การบนั ทึกความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ตา่ งๆ ท่ีผ้เู ขียนตงั้ ใจถ่ายทอดให้ผ้อู ่าน และในบางครัง้ หนงั สือกลายเป็นแรงบนั ดาลใจให้กบั บคุ คล บทเรียนนีเ้ ป็ นการนําเอาเร่ืองราวบางส่วนจาก “หนังสือก่อให้ เกิด แรงบนั ดาลใจ ส่กู ารให้และการแบ่งปัน” มาใช้ในกระบวนการเรียนการสอนเพ่ือให้ ผ้เู รียนได้สมั ผสั ถึงแรงบนั ดาลใจท่ีเกิดจากหนงั สือ

7.1 หนังสือ คือ แสงสว่างในใจเธอ หนงั สือ คือ แสงสว่างในใจเธอ เป็ นการนําเอา เร่ืองราวของ โยชิมิ โฮริอุจิ สาวตาบอดชาวญ่ีป่ นุ ท่ีมงุ่ มน่ั ให้เดก็ ไทยได้ \"อา่ น\" ในการเลา่ เร่ือง จะเรียก โยชิมิ โฮริอจุ ิ ด้วยช่ือสนั้ วา่ “โย” โย เป็น สาวน้อยนกั เรียนแลกเปลี่ยนญี่ป่ นุ - ไทย ที่หลงรักการอา่ นเป็ นชีวิต จิตใจ แม้จะไม่เห็นตวั อกั ษรมาตงั้ แต่เกิด แตก่ ารอ่านน่ีเองท่ีทําให้เธอไม่เคยรู้สึกว่า การมองไม่เห็นคือปมด้อยเพราะการอ่าน ทําให้โลกที่เธอมองเห็นด้วยหวั ใจนนั้ แจม่ ชัดเหมือนสัมผัสด้วยดวงตาทีเดียว เธอไม่เคยขาดหนังสือเลย ไม่ว่าจะอยู่ท่ีไหน ประเทศไหน ก็มีหนงั สือตลอด การอ่านหนงั สือเป็ นชีวิตประจําวนั ของโย เหมือนกบั การแปรงฟันล้างหน้า เหมือนส่งิ ท่ีทําอย่ปู ระจําตงั้ แตอ่ ายุ ประมาณ 3 - 5 ขวบ พอ่ แม่ ป่ ยู า่ ตายายอา่ นหนงั สือให้ฟังทกุ วนั ถ้าเขาไมอ่ า่ นให้ฟัง โยจะขอจนเขารําคาญ พอขนึ ้ ป.6 ก็เร่ิมหดั อา่ น หดั เขียนอกั ษรเบรลล์ท่ีโรงเรียนสอน คนตาบอด เดือนสองเดือนก็อ่าน ได้แล้ว เร่ิมไปยืมหนงั สือเบรลส์และหนงั สือเสียง หลงั จากนนั้ ก็ไมเ่ คยขาดหนงั สือเลย หน่ึงในหนงั สือเล่มโปรด ที่ทําให้ \"โย\" ไม่เคยรู้สึกแปลกแยกจากคนท่ัวไป คือ โต๊ะโตะจงั สดุ ยอดวรรณกรรมเลม่ หนึง่ ของญี่ป่ นุ น้องโยรู้จกั โต๊ะโตะจงั จากหนงั สือ เสียง ที่ผ้แู ตง่ คือ เทสโกะ ตโุ รยานาง ได้บนั ทกึ เสียงไว้ด้วยตวั เอง ทําให้เธอรู้ว่า คนทกุ คน สามารถอย่รู ่วมกนั ได้ ไม่ว่าจะต่างกนั แค่ไหน ตอนท่ีโยอ่าน โยคิดว่า “เด็กๆ มีความ หลากหลาย แต่ละคนก็มี ความพิเศษของเขาเอง เหมือนเราก็มีความพิเศษของเรา คือแตกตา่ งกนั ก็จริง แตว่ ่า มนั ก็มีดีในแบบของเราเอง รู้สึกดีมาก เพราะตวั ละครทกุ คน ไมเ่ หมือนใคร แตอ่ ย่กู นั ได้อย่างสนิทสนมและสนกุ สนานกนั มาก โยรู้สกึ วา่ เด็กยงั ไง ก็เป็นเดก็ เดก็ พกิ ารไมพ่ กิ าร เดก็ เก่งไมเ่ กง่ ยงั ไงก็ไมเ่ ก่ียวกนั ก็อยดู่ ้วยกนั ได้\" จากการที่มีโอกาสได้เดินทางไปตา่ งจงั หวดั บ่อยครัง้ โยได้รับ รู้ว่า เด็กไทย สว่ นมากไมค่ อ่ ยอยากอา่ นหนงั สือ “โยเคยสงั เกตวา่ ทําไมเดก็ ไทยถึงไมค่ อ่ ยชอบอ่าน หนังสือ กันสักเท่าไหร่ ก็พบว่าหนังสือทั่วไปราคาสูง อย่างจะซือ้ หนังสือเล่มหน่ึง ก็เกือบร้อยๆ บาท แต่ถ้ากินข้าว 20-30 บาท ก็อ่ิมแล้ว และห้องสมุดที่ประเทศไทย ยังมีไม่เพียงพอ มีหลายๆ หมู่บ้านท่ีไม่มีห้องสมุดเลย หรือหลายโรงเรียนแม้จะมี 78 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

ห้องสมุด ก็ต้องรอจนกว่าจะมีครู เด็กๆ ถึงจะได้เข้าไปใช้บริการได้ หรือถ้าเป็ นห้องสมุด ขนาดใหญ่ๆ ก็จะเก็บคา่ สมาชิก ซึ่งก็มีเด็กหลายคนไมส่ ามารถซือ้ บตั รสมาชกิ ได้ และ คดิ ว่าอาจจะเป็ นทศั นคติของคนไทยท่ีมองวา่ การอ่านหนงั สือมีความหมายท่ีเหมือน การเรียนหนงั สือ เหมือนกรณีของโยท่ีนอนอา่ นหนงั สือ มีเพ่ือนโทรมาถามว่า โยทําอะไร เมื่อบอกว่าอ่านหนงั สือเล่นๆ เขาก็บอกว่า “เฮ้ย ! เก่งจงั ขยนั นะ โยคิดว่าไม่ได้ขยนั ซกั หน่อย อ่านหนงั สือเล่น เหมือนดหู นงั น่ะ นี่อาจจะเป็ นอุปสรรคหรือว่าเป็ นส่ิงท่ี จํากดั การอา่ นหนงั สือในประเทศไทย\" ด้วยเหตนุ ี ้โครงการคาราวานหนอนหนงั สือจงึ เร่ิมต้นขนึ ้ ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 2006 เม่ือโยชมิ ีเดนิ ทางมาศกึ ษาตอ่ ท่ีกรุงเทพฯ หลงั จากท่ีเธอมีโอกาสไปเย่ียมเยียนหลายๆ หม่บู ้านและองค์กรเพื่อคนพิการตา่ งๆ ทว่ั ประเทศไทย ก็ตระหนกั วา่ ยงั มีเดก็ ๆ และผู้ พิการอีกมาก ท่ียงั ขาดโอกาสเข้าถงึ สื่อเพื่อการอา่ นตา่ งๆ อยู่ แม้แตป่ ระชาชนทว่ั ไป ก็ ไม่ได้อ่านหนังสือกันมากนัก ทัง้ สาเหตุจากหนังสือค่อนข้างมีราคาสูง และ ห้องสมดุ หายาก โดยเฉพาะในเขตชนบทที่ห่างไกลความเจริญ เธอจึงเริ่มคดิ ถึงการที่จะ นําหนงั สือไปให้ถึงทงั้ คนพกิ าร และคนปกติ การเดินทางของ คาราวานหนอนหนังสือ จะคัดเลือกหมู่บ้าน 4 แห่ง ใน ภูมิภาคเดียวกนั ท่ีไม่มีห้องสมุด ขาดการบริการตา่ งๆ และจะเดินทางไปที่นนั่ 5 ครัง้ ต่อปี คาราวานจะอยู่ในแต่ละหมู่บ้านเป็ นเวลา 2 สัปดาห์ต่อครัง้ มีการเยี่ยมเยียน ตามโรงเรียน โรงพยาบาล ศนู ย์กลางชมุ ชน และบ้านของเดก็ พิการ ห้องสมดุ เคลื่อนที่ ของพวกเขา จะอัดแน่นไปด้วยหนังสืออักษรเบรลล่ี หนังสือภาพ ส่ือเพื่อการฟัง ของเลน่ พฒั นาทกั ษะตา่ งๆ เกม อปุ กรณ์เพื่อการสมั ผสั แผน่ การ์ด และรูปภาพตา่ งๆ หนงั สือทว่ั ไปไมส่ ามารถเดนิ ไปหาน้องๆ ได้ โยก็เลยคดิ อยากจะทําโครงการ ที่เราเป็ นขาของหนงั สือแทน ถ้าเกิดมีเดก็ คนไหนที่ไมส่ นใจการอา่ นหนงั สือ ยากที่จะ เข้าหาหนงั สือได้ โยและเพ่ือนๆ ก็เลยคิด \"คาราวานหนอนหนงั สือ\" ขึน้ มาค่ะ โยเอง เป็นหนอนหนงั สืออยแู่ ล้วใชม่ ยั้ คะ เราก็ต้องขยายพนั ธ์ุ ต้องหาหนอนตวั อ่ืนๆ อยากจะ ขยายหนอนอีก อยากจะทําเป็ นห้องสมดุ เคล่ือนที่นะคะ่ เราจะซือ้ รถมินิบสั หรือรถตู้ คันเล็กๆ ใส่หนังสือ มีสื่อ หลายๆ ส่ือ เช่น หนังสือเบรลล์ หนังสือ pop up หนังสือ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 79

ตวั อกั ษร ขยายสําหรับเด็ก และหนงั สือเสียง หรือของเลน่ ทวั่ ไปที่เดก็ สามารถเล่นได้ แล้วก็ตระเวนไปตามหมบู่ ้านตา่ งๆ\" แม้วันนีจ้ ะยังทําไม่ได้สมบูรณ์ดั่งที่ฝันไว้ แต่โยชิมยังคงเดินหน้าต่อไป ไม่ย่อท้อ \"อ่านหนังสือเป็ นการเปิ ดประตูออกไปให้เห็นในโลกกว้างได้ อย่างเช่นโย ไม่สามารถไปทกุ ประเทศบนโลกใบนีไ้ ด้อยแู่ ล้ว แตก่ ารอา่ นหนงั สือสามารถทําให้เรา ไปที่ไหนก็ได้ตามที่ใจฝัน ดงั นนั้ โยอยากให้คนอ่ืนๆ มีโอกาสเหมือนโยบ้าง ขนาดโยตา บอด ยงั อ่านได้ แล้วคนตาดี ทําไมจะไม่มีโอกาสอ่านหนงั สือ โลกหนงั สือ เป็ นสถานท่ี แสนวเิ ศษ มนั ชว่ ยเตมิ เตม็ ชีวติ ชว่ ยเพิม่ ความคดิ ของเรา\" เรื่องราวของโยชิมิทําให้เราได้เรียนรู้ว่า ไม่มีกําแพงใดใดในโลกของการอ่าน การอา่ นได้ปลกู ฝังพลงั กาย พลงั ใจ ให้โยชิมิอยา่ งเตม็ ท่ี และเธอก็อยากให้ทกุ คนบนโลก นีไ้ ด้สมั ผสั แรงบนั ดาลใจอนั ยิ่งใหญ่เหมือนที่เธอ ได้รับจากการอา่ นด้วย โต๊ะโตะจงั เดก็ หญิงข้างหน้าตา่ ง : หนงั สือเปล่ียนชีวติ ของ โยชิมิ โฮริ อจิ ิ โต๊ะโตะจัง เด็กหญิงข้างหน้าต่าง เป็ นหนังสือท่ีจําหน่ายมากท่ีสุดใน ประวัติศาสตร์ญ่ีป่ ุน และยังส่งผลสะเทือนต่อวงการศึกษาของญี่ป่ ุนอย่างมาก เขียนขึน้ ใน ปี พ.ศ. 2524 และขายได้ถึง 7 ล้านเล่ม ใน 5 ปี แรกที่พิมพ์จําหน่าย เร่ืองเลา่ ในเลม่ ถ่ายทอดจากเร่ืองจริงของโรงเรียนประถมศกึ ษาในกรุงโตเกียว ยคุ กอ่ น สงครามโลก ครัง้ ท่ีสองจะสงบไม่นานนกั คโุ รยานาง เท็ตสึโกะ นกั แสดงช่ือดงั ของ ญี่ป่ นุ ผ้เู ขียนหนงั สือเลม่ นี ้ก็เคยเป็น นกั เรียนที่นนั่ จริงๆ โต๊ะโตะจึงถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่าขณะเรียนชัน้ ป.1 ด้วยเหตุผลว่า \"จะเป็ นการรบกวนเด็ก คนอ่ืนในชนั้ เรียน\" โรงเรียนใหมข่ องโต๊ะโตะจงั ช่ือโรงเรียนโท โมเอ โรงเรียนนีช้ า่ งไมม่ ีอะไรเหมือนโรงเรียนเก่าของเธอเลย\" ตงั้ แตห่ ้องเรียนที่เป็ นผู้ รถไฟ คณุ ครู ชาวนา อาหารจากภูเขาและทะเล ต้นไม้ส่วนตวั เด็กๆ กําหนดวิชาที่ อยากเรียนได้ กีฬาสีประจําปี ท่ีเดก็ พิการ เคล่ือนไหว ชนะเลิศเสมอ เจ้าของโรงเรียน คือครูใหญ่โคบายาชิ ผ้ทู ่ีคิดว่า การเรียนรู้ควรเป็ นไปตามธรรมชาติและไม่ตีกรอบให้ เดก็ ๆ 80 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

โต๊ะโตะจัง นอกจากเรื่องราวท่ีสนุกสนานแล้ว หนังสือเล่มนี ้ ยังเป็ นแรง บนั ดาลใจให้กับผู้คนมากมายทั่วโลก ทัง้ เด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะมีอิทธิพลกับ แนวคิดของบรรดาครู อาจารย์ แวดวงการศึกษายุคใหม่ ท่ีไม่เพียงเน้นวิชาการ แตถ่ ึงพรสวรรค์ของเด็กแตล่ ะคนออกมาอย่างไมเ่ หลื่อมลํา้ ไมว่ า่ เดก็ คนนนั้ จะยากดีมีจน พิการ หรือ มีชาตเิ ชือ้ ใดๆ ตา่ งมีศกั ยภาพ ความพเิ ศษในตวั เองทงั้ สนิ ้ 7.2 หนังสือ เปล่ียนชีวติ จะมีเด็กวัยรุ่นสักกี่คนท่ีกล้า \"คิดการณ์ใหญ่ ถึงขนาดจะเป็ นผู้มีชื่อเสียง ระดบั โลก และจะมีสกั กี่คนท่ี \"คดิ \" แล้วสามารถเดนิ ไปถึงจดุ นนั้ ได้สําเร็จจริงๆ บณั ฑิต อึง้ รังษี เป็ นนกั ดนตรีคลาสสิคคนแรกของไทยที่ได้รับการยอมรับ ในระดบั โลก ได้รับรางวลั ชนะเลิศจากเวทีสดุ ยอดของการแขง่ ขนั วาทยากรระดบั โลก เม่ือ ปี พ.ศ. 2551 เวทีคาร์เนกี ฮอลล์ (Carnegie Hal) มหานครนิวยอร์ก ประเทศ สหรัฐอเมริกา และเป็นวิทยากรกํากบั วงออเคสตร้าตงั้ แต่ อเมริกา ยโุ รป และ เอเชีย เขายกย่องให้ \"หนงั สือ\" เป็ นสิ่งท่ีนําพาเขามาจนถึงจุดนี ้ เพราะเด็กหนุ่ม ที่เกิดในครอบครัวคนจีน ท่ีมีบดิ าทํากิจการขายสง่ อาหารทะเล ทางครอบครัวจึงหวงั ให้ เขาเรียนอะไรที่คนอื่นเขาเรียนกนั เขาจงึ ต้องเรียนปริญญาตรีบริหารธุรกิจท่ีออสเตรเลีย อีกใบ เพ่ือเป็ นไปตามความต้องการของครอบครัว และวนั นีเ้ ขาคงกลายเป็ นพ่อค้า สืบทอดกิจการของที่บ้าน \"หากผมไม่ได้อ่านหนงั สือ ผมคงไม่มีวนั นี ้ ป่ านนีผ้ มอาจ ค้าขายเหมือนพ่อ คงเป็ นแค่พ่อค้าธรรมดาคนหน่ึง อาจต้องทําสิ่งท่ีตวั เองไม่ชอบ ไม่ถกู ใจด้วยซํา้ และคนเราถ้าทําอะไรท่ีตวั เองไมช่ อบ ก็ยากท่ีจะประสบความสําเร็จ การอ่านเปิ ดโลกทัศน์ให้ผมมากมาย พูดได้ว่าผมจะไม่มีวันนี ้ ถ้ าไม่มีการอ่าน ชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อได้อ่านคีตกวี ปรัชญาเมธีแห่งภาษาสากล เรื่องราวประวตั ิ ของนกั ประพนั ธ์ดนตรีคลาสสิกชาวยโุ รป เชน่ โมสาร์ท บีโธเฟน บาธ เพราะหนงั สือเล่มนี ้ทําให้เขาตดั สินใจวา่ จะเลือกดนตรีคลาสสิก สง่ ตวั เองให้โดง่ ดงั ไปทว่ั โลก GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 81

ตอนที่ผมฝันจะเป็ นคอนดกั เตอร์ระดบั เวิร์ลคลาส ครูอาจารย์ท่ีสอนดนตรี บอกผมว่า เป็ นไปไม่ได้หรอก ขนาดคนไทยที่เล่นดนตรี คลาสสิก ไปเรียนเมืองนอก ยังสอบเข้าโรงเรียนที่เมืองนอกไม่ได้เลย อย่าพูดถึงการจะไปฝ่ าด่านมหาศาล อย่างที่ผมฝัน แล้ววนั หนึ่งผมไปเห็นร้ านหนังสือ เจอหนังสือเล่มนี ้ จึงหยิบมาอ่าน เนือ้ หา ในหนังสือบอกผมในทางตรงกันข้ามหมด มันบอกแก่นแท้ความจริงที่ว่า มนษุ ย์เรามีศกั ยภาพมากมายมหาศาลท่ีจะเป็ นอะไรท่ีตวั เองฝันก็ได้ พออ่านแล้วย่ิงยํา้ ความมน่ั ใจให้ผม ทําให้ผมกล้าคดิ ใหญ่ กล้าคิดวา่ ตวั เองทําได้\" เพราะหนงั สือเล่มนี ้ ทําให้เขาไม่สนใจ พูดของสงั คมรอบข้าง และยงั ม่งุ เดินต่อไปในทางท่ีฝัน ด้วยความคิด ที่ว่า \"พวกเขาไมเ่ คยทําจะมารู้ได้ยงั ไง ผมน่ีแหละจะเป็ นคนแรกที่ทํามนั สําเร็จ\" และ ถึงวนั นี ้ บณั ฑิตก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาสามารถทําตามฝันได้สําเร็จจริงๆ มีผลงาน ที่ฝรั่งยอมรับ ทําให้ครอบครัวและทกุ คนรอบข้างยอมรับ อยา่ งไร้ข้อกงั ขา ทุกวนั นี ้ บณั ฑิตยงั ให้ความสําคัญกับการอ่านปี หน่ึงๆ เขาอ่านหนังสือ เป็นร้อยๆ เลม่ และยงั ให้ภรรยาอา่ นหนงั สือนทิ านภาษาองั กฤษให้ลกู ฟังทกุ คืน คืนละ คร่ึงชวั่ โมง ตงั้ แตย่ งั เดก็ เพื่อปลกู ฝังให้ลกู ของเขารักการอา่ นเชน่ กนั 7.3 แรงบันดาลในโลกของการอ่าน เคยมีคําคมหน่ึงกล่าวไว้ว่า “แรงบนั ดาลใจ” สามารถเกิดขึน้ จากสองสิ่ง หนึ่ง คือ “การเดินทาง” และสอง คือ “การอา่ นหนงั สือ” เพราะหนงั สือ ไมใ่ ช่แคก่ ระดาษ ปึ กหนึ่งท่ีไร้ ชีวิต ทว่ากลับเต็มไปด้วยเรื่องราวของผ้คู น ธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม มากมาย ซึ่งทําให้เราสามารถเรียนรู้โลกกว้างผ่านความคิดท่ีถูกถ่ายทอดลงใน หน้ากระดาษ ดงั นนั้ จึงไม่ใช่เร่ืองแปลกนกั หากหนงั สือเล่มหน่ึงจะสามารถเปล่ียนชีวิต คนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนกั อ่านท่ีเป็ นเด็ก ซ่ึงจะเติบโตขนึ ้ เพื่อเป็ นบคุ คลของสงั คม ต่อไปในอนาคต พวกเขาเหล่านัน้ จึงจําเป็ นที่จะต้องได้รับการปลูกฝังการอ่าน อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 82 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

ในปัจจุบนั พ่อแม่หลายคนอาจละเลยการอ่านหนงั สือให้ลูกฟัง โดยมกั จะ ปล่อยลูกให้อยู่กับโทรทัศน์ ซ่ึงดึงดูดความสนใจของเด็กมากกว่า แต่แท้จริงแล้ว วธิ ีการเชน่ นีน้ บั เป็ นการปิ ดกนั้ โอกาสดีๆ ท่ีจะทําให้เด็กไม่สามารถตอ่ ยอดความรู้และ จินตนาการของตนเองได้ “โทรทศั น์เป็ นส่ือท่ีคดั กรองข้อมูลได้ยาก เพราะหลายครัง้ เนือ้ หาอาจเต็มไปด้วยเร่ืองเพศและความรุนแรง ซึ่งยังไม่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ ของเดก็ ในวยั ที่ไมส่ ามารถแยกแยะระหวา่ งเร่ืองจริงหรือเร่ืองแตง่ ได้” ดงั นนั้ การอา่ นหนงั สือจงึ เป็นทางเลือกหนง่ึ ที่พอ่ แมส่ ามารถคดั กรองเนือ้ หา ทําให้เดก็ ได้เรียนรู้อยา่ งมีคณุ ภาพ อีกทงั้ ยงั เป็ นการสง่ เสริมความสมั พนั ธ์ ในครอบครัว ทําให้เดก็ รู้สกึ อบอนุ่ ปลอดภยั และถือเป็นการสร้างบรรยากาศแหง่ การเรียนรู้ได้ดที ี่สดุ วิธีการเลือกสรรหนงั สือสําหรับอ่านนนั้ ควรเลือกหนงั สือให้เหมาะกบั ช่วงวัย ซึง่ หนงั สือนิทานสําหรับเด็กแตล่ ะเลม่ ก็มกั จะมีข้อแนะนําบง่ บอกอายขุ องวยั ที่เหมาะสม กับการอ่านไว้อยู่แล้ว เช่น หนังสือสําหรับเด็ก 0 - 3 ปี ก็จะเป็ นประเภทหนังสือ ที่มีลกั ษณะปิ ดเปิ ด มีภาพสวยงามข้อความน้อย และเป็ นเร่ืองราวเกี่ยวกับสิ่งของ รอบตวั เพื่อดงึ ดดู ความสนใจของรอบๆ ตวั ของเด็กเล็ก แตห่ ากมีอายมุ ากขนึ ้ จงึ คอ่ ย เลือกหนังสือที่มีเนือ้ หาซับซ้อนเพ่ิม เพ่ือสอนให้เด็กเรียนรู้จักโลกท่ีกว้างกว่าเดิม กระนนั้ สิ่งเหลา่ นีก้ ็ไมใ่ ชก่ ฎเกณฑ์ท่ีตายตวั “การเลือกหนงั สือส่ิงสําคญั คือต้องวิเคราะห์ตวั เด็กเอง หากเด็กมีอายุมาก แตไ่ มเ่ คยเร่ิมหดั อา่ นหนงั สือ ก็ควรเริ่มต้นจากหนงั สือลกั ษณะง่ายๆ อย่าไปยึดตดิ กบั กฎเกณฑ์ แตต่ ้องพฒั นาอยา่ งอดทนและคอ่ ยเป็ นคอ่ ยไป” ซงึ่ ผลลพั ธ์ท่ีได้จากการฝึ ก ให้เด็กเรียนรู้การอ่านหนังสือนัน้ “หนังสือช่วยฝึ กให้ ลูกมีจินตนาการ มีสมาธิ และสร้างแรงบนั ดาลใจ ทําให้เขาอยากวาดรูป อยากเรียนรู้เร่ืองรอบๆ ตวั โดยทงั้ หมดนี ้ เริ่มต้นมาจากการสงั่ สมการอา่ นอยา่ งตอ่ เนื่อง” GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 83

นอกจากนี ้ ประโยชน์จากการอ่านหนงั สือยงั ช่วยฝึ กเด็กให้เรียนรู้จกั ศาสตร์ ตา่ งๆ ไมว่ า่ จะเป็ น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และท่ีสําคญั คือการสอนให้เดก็ ได้เข้าใจ ถึง สิ่งที่เป็ น “นามธรรม” เช่น ความเสียสละ ความสามัคคี ความเอือ้ เฟื ้อเผ่ือแผ่ ซึง่ เดก็ จะได้เรียนรู้คณุ ธรรมจริยธรรมเหล่านนั้ จากภาพนิทานโดยอาศยั ตวั ละครเป็ นสื่อ ทําให้เรื่องยากสําหรับเด็กกลายเป็ นเรื่องที่เข้าใจง่ายและสามารถนําไปใช้ได้จริง ในชีวติ ประจําวนั แม้จะมีการสนับสนุนการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยัง มีผลสํารวจออกมาว่า คนไทยเป็ นชาติที่อ่านหนงั สือน้อย เพราะการวดั ผลการอ่าน ท่ีปริมาณไม่ใช่คุณภาพ ทําให้เกิดการบงั คับให้เด็กต้องอ่านหนังสือจํานวนมาก เสมือนการลงโทษ โดยไมเ่ คยใส่ใจวา่ เด็กอ่านหนงั สือแล้วสามารถนํามาใช้ประโยชน์ ได้จริงๆ หรือไม่ ทําให้เกิดบรรยากาศแห่งการยดั เยียดจงึ เกิดขนึ ้ ซึ่งกลายเป็ นผลร้าย ให้เด็กเกลียดการอ่าน โดยรวมไปถึงการตงั้ ความคาดหวังของพ่อแม่ท่ีอาจสร้ าง ความกดดนั ให้กับเด็ก พ่อแม่ไม่ควรคาดหวังกับตวั ลูกว่า หากอ่านหนังสือให้ลูก บอ่ ยๆ ลกู จะต้องเกง่ ต้องเรียนดีกวา่ คนอ่ืนๆ หรือกลวั ลกู จะได้รับความรู้น้อยจากการ อา่ นหนงั สือซํา้ ๆ โดยลืมจดุ ประสงค์ที่แท้จริงวา่ เราอา่ นหนงั สือให้ลกู ฟัง เพราะอยากให้ ลูกรู้สึกสนุกกบั การอ่าน และให้ลกู ได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ควรเร่ิมจากการคิดว่า การอ่านหนงั สือเป็ นเร่ืองง่ายๆ ของชีวิต เพราะหนงั สือเป็ นสิ่งที่ให้ประโยชน์กับเรา อย่างมากมาย จนอาจพูดได้ว่าถ้าโลกปราศจากหนังสือ โลกก็อาจจะไม่ได้พฒั นา มาเป็นเชน่ ทกุ วนั นี ้ “หากวนั ใดเราเดินไปพบกบั เส้นทางตนั ที่สุดปลายถนน ลองเหลียวมองรอบ กายแล้วเลือกหยิบหนงั สือดีๆ สกั เล่ม เพื่อสร้างแรงบนั ดาลใจให้กบั ตนเอง ไม่แน่ว่า คณุ อาจจะพบกบั ทางออกท่ีสามารถแก้ปัญหาหรือเปลี่ยนชีวิตของคณุ ” 84 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

สรุป หนงั สือเป็ นแหล่งรวมพลงั ใจท่ีค้นพบได้อย่างง่ายดาย จึงไม่น่าแปลกใจท่ี หลายคนจะค้ นพบความสุขและเปล่ียนชีวิตตนเองได้ จากถ้ อยคําในหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือ เป็ นเหมือนการพาตัวเองไปท่องโลกกว้าง เดินทางไปยัง ดนิ แดนท่ีแปลกใหมซ่ งึ่ เตม็ ไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายและความรู้ท่ีลึกซงึ ้ ของ ผู้เขียน และเห็นได้ ว่าการอ่านหนังสือได้ เปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวผู้อ่าน เพราะผ้ปู ระสบความสําเร็จในชีวิตสว่ นใหญ่ มกั เป็นผ้รู ักการอา่ นหนงั สือ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 85



บทท่ี 8 แรงบันดาลใจ สู่พฤตกิ รรมสุขภาวะ ชลลดา ชวู ณิชชานนท์ พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ได้ให้ ความหมายไว้ว่า “สขุ ภาพ” หมายถึง “ภาวะของมนษุ ย์ที่สมบรู ณ์ทงั้ ทางกาย ทางจติ ทางปัญญา และ ทางสงั คม เช่ือมโยงกนั เป็นองค์รวม อยา่ งสมดลุ ” และได้ให้ความหมายของ “ปัญญา” ไว้วา่ “ความรู้ทวั่ รู้เทา่ ทนั และความเข้าใจอยา่ งแยกได้ในเหตผุ ลแหง่ ความดี ความชวั่ ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซง่ึ นําไปสคู่ วามมีจติ อนั งามและเอือ้ เฟื อ้ เผื่อแผ”่ ในปัจจุบนั มีปัจจัยเสี่ยงมากมายท่ีส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของมนุษย์ เช่น การเสพเคร่ืองดื่ม แอลกอฮอล์ การพนนั การขาดการออกกําลงั กาย ภาวะโภชนาการ การมีเพศสัมพนั ธ์ท่ีไม่เหมาะสม ความเครียด อุบตั ิเหตุ ปัญหาการติดเกมออนไลน์ และส่ิงแวดล้อมเส่ือมโทรม ตลอดจนมลภาวะต่างๆ โดยจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว บุคคลจึงควรมีบทบาทสําคญั ในการพฒั นาสุขภาวะ ทงั้ ด้านร่างกาย จิตใจ สงั คม และคณุ ธรรม จริยธรรม เพ่ือให้มีการสร้างเสริมสขุ ภาพอยา่ งสมบรู ณ์ตอ่ ไป “การสร้ างเสริมสุขภาวะในแนวใหม่” จะเน้นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ เพื่อให้เกิดความตระหนกั ในการดแู ลสขุ ภาพและปรับเปล่ียนพฤติกรรม ซ่ึงจะเป็ นการ สร้ างความเข้มแข็งและพฒั นาศกั ยภาพของบุคคลเพ่ือเป็ นแบบอย่างที่ดี เพื่อชีน้ ํา สงั คมให้ตระหนกั ถงึ การสร้างเสริมสขุ ภาพ และเพ่ือให้มีสขุ ภาพดอี ยา่ งยง่ั ยืน (Health for All and Sustainability)

8.1 องค์ประกอบของสุขภาวะ องค์การอนามยั โลก ได้นยิ ามไว้วา่ “สขุ ภาพ หมายถึงสขุ ภาวะท่ีสมบรู ณ์ทงั้ ทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา มิใช่เพียงการปราศจากโรคหรือความพิการ เทา่ นนั้ ” (ตามนิยาม “สขุ ภาพ” ขององคก์ ารอนามยั โลก และ พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาต.ิ พ.ศ. 2550) หรือสขุ ภาวะที่สมบูรณ์ทุกๆ ทางเชื่อมโยงกนั สะท้อนถึงความเป็ นองค์ รวมอย่างแท้จริงของสุขภาพท่ีเกือ้ หนุนและเช่ือมโยงกันทงั้ 4 มิติ นํามาสู่วิสยั ทศั น์ ของสํานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คือ สสส. “คนไทยมีสขุ ภาวะ ยง่ั ยืน หมายถึงคนไทยมีสขุ ภาวะดีครบทงั้ สี่ด้าน ได้แก่ กาย จิต สงั คม และปัญญา อนั ได้แก่ 1. สุขภาวะทางกาย หมายถึง การมีร่างกายท่ีสมบรู ณ์แข็งแรง มีเศรษฐกิจ พอเพียง มีส่ิงแวดล้อมดี ไมม่ ีอบุ ตั ภิ ยั เป็นต้น 2. สุขภาวะทางจิต หมายถึง จิตใจที่เป็ นสุข ผ่อนคลาย ไม่เครียด คลอ่ งแคลว่ มีความเมตตา กรุณา มีสติ มีสมาธิ เป็นต้น 3. สขุ ภาวะทางสงั คม หมายถึง การอย่รู ่วมกันด้วยดี ในครอบครัว ในชมุ ชน ในที่ทํางาน ในสงั คม ในโลก ซงึ่ รวมถงึ การมีบริการทางสงั คมท่ีดี และมีสนั ตภิ าพ เป็น ต้น 4. สุขภาวะทางปัญญา หมายถึง ความสุขอันประเสริฐ (จิตวิญญาณ) ท่ีเกิดจากมีจติ ใจสงู เข้าถงึ ความจริงทงั้ หมด ลดละความเห็นแกต่ วั มงุ่ เข้าถงึ สิ่งสงู สดุ ซึ่งหมายถึงพระนิพพาน หรือพระผ้เู ป็ นเจ้าหรือความดีสูงสุด สดุ แล้วแตค่ วามเชื่อที่ แตกตา่ งกนั ของแตล่ ะคน สุขภาวะ หมายถึง การดํารงชีพของบุคคลอย่างมีสุขทัง้ กาย และจิต อาจกล่าวได้ว่ามิใช่เพียงไม่มีโรคภยั ไข้เจ็บ แต่รวมถึงการมีชีวิตท่ีมีร่างกายแข็งแรง จิตแข็งแรง มีความสขุ อยใู่ นสงั คม โลกในปัจจบุ นั ซ่งึ มีการเปลี่ยนแปลงตา่ งๆ เกิดขนึ ้ อย่างรวดเร็ว บางอย่างท่ีเกิดขึน้ ก่อให้เกิดภาวะคกุ คามตอ่ สุขภาวะคนไทยเกิดเป็ น ปัญหาด้าน สุขภาพ มลภาวะท่ีเกิดขึน้ การเปลี่ยนแปลงที่เก่ียวกับอาหาร วิถีชีวิต คา่ นิยมและวฒั นธรรมท่ีเปล่ียนไปล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดปัญหาสขุ ภาพตามมาทงั้ สิน้ 88 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

กอ่ ให้เกิดโรคภยั ไข้เจ็บเช่นเกิดโรคเอดส์ เกิดโรคความดนั โลหิตสงู โรคหวั ใจขาดเลือด เกิดอบุ ตั ภิ ยั สงู ขนึ ้ เป็ นต้น มีโรคหลายโรคที่อาจป้ องกนั หรือสามารถลดอตั ราเส่ียงลงได้ ซึ่งต้องการความร่วมมือร่วมใจจากหลายๆ ฝ่ ายช่วยการสร้ างเสริมสุขภาพให้กับ สงั คม 8.2 พฤตกิ รรมสุขภาวะ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัว ทรงรับส่ังเก่ียวกับความสําคัญของ สขุ ภาพจติ ท่ีภพู งิ คร์ าชนิเวศน์ เม่ือ 15 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2520 ความวา่ \"สขุ ภาพจิตและ สุขภาพกายนัน้ พูดได้ ว่า สุขภาพจิตสําคัญกว่าสุขภาพกายด้ วยซํา้ เพราะว่า คนไหนท่ีร่างกายสมบรู ณ์แข็งแรง แตจ่ ิตใจฟั่นเฟื อนไมไ่ ด้เรื่องนนั้ จะไมเ่ ป็ นประโยชน์ ต่องานหรือสงั คมแต่อย่างใดส่วนคนท่ีสุขภาพกายไม่สู้จะแข็งแรงแต่สุขภาพจิตดี หมายความว่าจิตใจดี รู้จักจิตใจของตัวเองและรู้จักปฏิบัติให้ถูกต้องย่อมเป็ น ประโยชน์ตอ่ ตวั เองและเป็ นประโยชน์ตอ่ สงั คมได้มากในที่สดุ สขุ ภาพจิตที่ดีก็อาจจะ นําพามาซึ่งสุขภาพกายได้ผ้ทู ี่จะสอนวิชาชีพหรือปฏิบตั ิงานอย่างอ่ืน นอกจากการ รักษาอดีตแล้วยงั ชว่ ยทําให้กายนนั้ หายจากโรคภยั ได้สะดวก\" 8.2.1 ความหมายของพฤตกิ รรมสขุ ภาวะ อําพล จินดาวฒั นะ (2551) ได้แสดงแนวคิดเกี่ยวกับการมีสุขภาพดี อย่างแท้จริงนัน้ เป็ นเร่ืองของสุขภาวะ ไม่ใช่เรื่องโรคภัยไข้เจ็บอย่างเดียว แต่เป็ น well-being คือ การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งอย่เู ย็นเป็ นสขุ สขุ ภาวะของมนษุ ย์ต้องครอบคลมุ ทัง้ 4 มิติ คือ ด้านจิต ด้านกาย ด้านปัญญา และด้านสังคม ที่เอือ้ ต่อกันทุกด้ าน ไมป่ ลอ่ ยให้เร่ืองสขุ ภาพเป็ นเรื่องของหมอหรือพยาบาลเท่านนั้ แตเ่ ป็ นเร่ืองของทกุ คน สุขภาวะดี จึงเป็ นแนวคิดใหม่ว่าเราทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือ ในระบบตา่ งๆ ที่เอือ้ ตอ่ สขุ ภาพท่ีไมเ่ ข้ามาทําลายสขุ ภาพ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ I 89

8.2.2 พฤตกิ รรมสขุ ภาวะ พฤตกิ รรมสขุ ภาวะหมายถึง การปฏิบตั หิ รือการแสดงออกของบคุ คล ในการกระทําหรืองดเว้นการกระทําในส่ิงที่มีผลต่อสุขภาพของตนเอง โดยอาศยั ความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ และการปฏิบตั ติ นทางด้านสขุ ภาพด้านตา่ งๆ คอื สขุ ภาพ กาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คมที่มีความเก่ียวข้องสมั พนั ธ์กนั อย่างสมดลุ ซ่ึงสามารถ แบง่ พฤตกิ รรมสขุ ภาวะ ออกเป็น 3 ประเภท ดงั นี ้ 8.2.2.1 พฤติกรรมการป้ องกันโรค (Preventive health behavior) หมายถึง การปฏิบัติของบุคคลเพ่ือป้ องกันมิให้เกิดโรคขึน้ เช่น การไม่สูบบุหรี่ การออกกําลงั กาย การสวมหมวกนิรภยั เมื่อขบั ขี่รถจกั รยานยนต์ การสวมถงุ ยางอนามยั ก่อนมีเพศสมั พนั ธ์กบั หญิงบริการ การพาบตุ รไปฉีดวคั ซีนป้ องกนั โรค เป็นต้น 8.2.2.2 พฤติกรรมเมื่อเจ็บป่ วย (illness behavior) หมายถึง การ ปฏิบตั ิที่บคุ คลกระทําเม่ือมีอาการผิดปกติหรือเจ็บป่ วย เช่น การนอนพกั อย่กู บั บ้าน แทนท่ีจะไปทํางาน การเพิกเฉย การถามเพ่ือนฝูงเกี่ยวกับอาการของตน การแสวงหา การรักษาพยาบาล เป็นต้น 8.2.2.3 พฤติกรรมท่ีเป็ นบทบาทของการเจ็บป่ วย (Sickrole behavior) หมายถงึ การปฏิบตั ทิ ี่บคุ คลกระทําหลงั จากได้รับทราบผลการวินิจฉัยแล้ว เชน่ การรับประทานยาตามแพทย์สงั่ การออกกําลงั กาย การควบคมุ อาหาร การเลิก ดมื่ สรุ า การลดหรือเลกิ กิจกรรมที่ทําให้อาการของโรครุนแรงย่งิ ขนึ ้ เป็นต้น พฤติกรรมทัง้ 3 ลักษณะนี ้ เป็ นพฤติกรรมสุขภาวะท่ีต้องการให้ บุคคลต่างๆ ได้รับการปลูกฝังหรือได้รับการปรับปรุงเปล่ียนแปลงให้เหมาะสม ซ่ึงกลุ่มเป้ าหมายแต่ละกลุ่มก็ต้องปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพท่ีแตกต่างกัน และพฤติกรรมสุขภาพแต่ละลักษณะมีกระบวนการทางพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ดงั นัน้ การปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพหรือการเปล่ียนแปลงพติกรรมสุขภาพจึงเป็ น กระบวนการที่ต้องได้รับการวิเคราะห์ วางแผนและดําเนินการอย่างเหมาะสม ตามสภาพปัญหาของพฤตกิ รรมสขุ ภาพนนั้ ๆ 90 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

8.2.3 องค์ประกอบของพฤตกิ รรมสขุ ภาวะ ประกอบด้วย 3 สว่ น คือ 8.2.3.1 พฤติกรรมด้านความรู้หรือพุทธิพิสัย (Cognitive domain) พฤติกรรมด้านนีเ้ ก่ียวข้องกบั ความรู้ ความจํา ข้อเท็จจริง การพฒั นาความสามารถ ทกั ษะทางสติปัญญา การใช้วิจารณญาณเพื่อประกอบการตดั สินใจพฤตกิ รรมด้านนี ้ เร่ิมต้นจากความรู้ระดบั ตา่ งๆ และเพิ่มการใช้ความคิดและพฒั นาสติปัญญาเพ่ิมขนึ ้ เรื่อย 8.2.3.2 พฤติกรรมด้านเจตคติ (Affective domian) หมายถึง สภาพความพร้อมทางจิตใจของบุคคลที่เกี่ยวกบั สขุ ภาพ พฤติกรรมด้านนีเ้ ก่ียวข้อง กับความสนใจ ความรู้สึก ท่าที ความชอบ ความไม่ชอบ การให้คณุ ค่า เช่น ความรู้สึก ชอบด่มื ยาชกู ําลงั ความไมช่ อบบริโภคผกั เป็นต้น 8.2.3.3 พฤติกรรมด้ านทักษะพิสัย (Phychomotor domain) พฤติกรรมการปฏิบตั ิเป็ นพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออกมาเกี่ยวกับการใช้ความสามารถ ท่ีแสดงออกมาทางร่างกายและสังเกตเห็นได้ พฤติกรรมการปฏิบตั ิเป็ นพฤติกรรม ขนั้ สดุ ท้ายท่ีจะชว่ ยให้บคุ คลมีสขุ ภาพดี เชน่ การเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การพบแพทย์หรือบคุ ลากรทางสาธารณสขุ เม่ือเจ็บป่ วย เป็นต้น 8.2.4 ลกั ษณะของพฤตกิ รรมสขุ ภาพ แบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะ คือ 8.2.4.1 พฤตกิ รรมที่พึงประสงค์หรือพฤติกรรมเชิงบวก (Positive behavior) หมายถึงพฤตกิ รรมท่ีบคุ คลปฏิบตั แิ ล้วสง่ ผลดีตอ่ สขุ ภาพของบคุ คลนนั้ เอง เป็ นพฤติกรรมท่ีควรส่งเสริมให้บคุ คลปฏิบตั ิต่อไปและควรปฏิบตั ิให้ดีขึน้ เช่น การออก กําลงั กาย การรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เป็นต้น 8.2.4.2 พฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์หรือพฤติกรรมเชิงลบหรือ พฤตกิ รรมเสี่ยง (Negative behavior) หมายถงึ พฤตกิ รรมท่ีบคุ คลปฏิบตั แิ ล้วจะส่งผล เสียต่อสุขภาพ ทําให้ เกิดปัญหาสุขภาพหรือโรคเป็ นพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ เช่น การสูบบุหร่ี การด่ืมสุรา การรับประทานอาหารจําพวกแป้ งหรือไขมนั มากเกิน ความจําเป็ น การรับประทานอาหารที่ปรุงไม่สกุ เป็ นต้น จะต้องหาสาเหตทุ ี่ทําให้เกิด พฤตกิ รรม และพยายามปรับเปลี่ยนให้บคุ คลเปลี่ยนไปแสดงพฤติกรรมที่พงึ ประสงค์ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 91

8.2.5 ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาวะ 8.2.5.1 ความเจริญทางเศรษฐกิจและสงั คม โดยเฉพาะการผลิต และตลาดสินค้าที่เป็ นภัยต่อสขุ ภาพ ได้แก่ บหุ ร่ี สารเสพติด สุรา เคร่ืองด่ืมมึนเมา ตา่ งๆ 8.2.5.2 การโฆษณาจากส่ือมวลชน ส่งผลให้ เกิดพฤติกรรม เลียนแบบ 8.2.5.3 คา่ นิยมที่เปลี่ยนไปเกิดลกั ษณะบริโภคนิยมและวตั ถุนิยม นยิ มบริโภคอาหารตะวนั ตกมากขนึ ้ เชน่ นม เนย ไข่ อาหารที่มีโปรตนี และไขมนั สงู 8.2.5.4 ความเช่ือขนบธรรมเนียมประเพณีและการปฏิบัติ เช่น ประเพณีการด่ืมชาของคนจีนเป็ นสิ่งดีเพราะต้องใช้นํา้ เดือดคนไทยเชื่อว่าเด็ก รับประทานไข่ จะทําให้เป็นซาง 8.2.5.5 ศาสนาบางศาสนาถือว่าก่อนเข้าโบสถ์ต้องชําระล้าง ร่างกายให้สะอาด บางศาสนาให้อดอาหารในระยะถือบวช 8.2.5.6 ระดบั การศกึ ษาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ทําให้ถ่ายทอด ความรู้ทําได้ยาก 8.2.5.7 การติดต่อคมนาคมถ้าสะดวกย่อมทําให้การติดตอ่ ส่ือสาร ให้ความรู้ได้สะดวกแต่ก็ส่งผลเสียได้เพราะจะทําให้การรับวฒั นธรรมของต่างถิ่น มาได้งา่ ยเกินไป 8.2.5.8 เชือ้ ชาติ ภาษา ถ้าพืน้ ท่ีเดียวกนั มีประชากรหลายเชือ้ ชาติ หลายภาษายอ่ มมีความแบง่ แยก ขาดความสามคั คี และมีพฤติกรรมสขุ ภาพหลากหลาย เลียนแบบและขดั แย้ง 8.2.5.9 ท่ีตงั้ และสภาพท้องที่ เชน่ ชาวเขานิยมถ่ายในป่ าคน ในเมือง ถ่ายในส้วม 8.2.5.10 อิทธิพลกลุ่ม เช่น กลุ่มเพื่อนบ้าน กลุ่มเพื่อนนักเรียน กลมุ่ เพ่ือนร่วมงาน ฯลฯ จะเป็นการเรียนรู้และเลียนแบบเพื่อต้องการเป็นท่ียอมรับของ กลมุ่ 92 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวติ

8.3 แรงบนั ดาลใจ สู่พฤตกิ รรมสุขภาวะ แรงบนั ดาลนนั้ เป็ นกญุ แจสําคญั ที่จะทําให้บุคคลไปส่คู วามสําเร็จในด้าน ตา่ งๆ แม้วา่ พฤตกิ รรมสขุ ภาวะจะเป็ นส่ิงท่ีมนุษย์ทกุ คนควรจะกระทําเพราะผลของ การมีพฤติกรรมสขุ ภาวะจะทําให้มนษุ ย์มีสขุ ภาพดีและมีชีวิตยืนยาวอยา่ งมีคณุ ภาพ อยา่ งไรก็ตาม มนษุ ย์สว่ นใหญ่ไมส่ ามารถรักษาพฤตกิ รรมสขุ ภาวะไว้ได้อยา่ งยง่ั ยืน แรงบนั ดาลใจ ส่สู ขุ ภาวะเป็ นประสบการณ์ แนวคิด และตวั อยา่ งที่นําไปสู่ แรงบนั ดาลใจสพู่ ฤตกิ รรมสขุ ภาวะได้ 8.3.1 แนวทางสร้างแรงบนั ดาลใจของ นพ.สนั ต์ ใจยอดศลิ ป์ จากประสบการณ์หลายปี ที่ผ่านมาของนายแพทย์สนั ต์ ใจยอดศิลป์ ในการช่วยเหลือผู้ป่ วยและผู้เข้าร่วมคอร์สสุขภาพท่ีเวลเนสวีแคร์เซ็นเตอร์นัน้ คุณหมอพบว่าแรงบันดาลใจเป็ นสิ่งท่ีสําคัญที่สุดในการปรับเปล่ียนพฤติกรรม เพื่อปฏิวตั ิชีวิตพิชิตโรค ถึงแม้ว่าแรงบนั ดาลใจจะเป็ นเร่ืองเฉพาะบคุ คล แตก่ ็มีเคล็ดวิธี ท่ีได้รับการพสิ จู น์แล้ววา่ ได้ผลดี ซง่ึ คณุ หมอได้รวบรวมวิธีตา่ งๆ ไว้ดงั นี ้สนั ต์ ใจยอดศลิ ป์ (2561) วธิ ีที่ 1 ให้เหตผุ ลกบั ตวั เองในการตน่ื ตอนเช้า วธิ ีที่ 2 การมีเพ่ือนร่วมอดุ มการณ์ วธิ ีที่ 3 การสร้างเง่ือนไงให้กิบสงิ่ ท่ีเป็ นเป้ าหมาย วธิ ีท่ี 4 การบริหารจดั การเวลาใหม่ วิธีที่ 5 การแฝงเป้ าหมายในการออกกําลังกายไว้กับกิจกรรมท่ี เราชอบหรือสนใจ วธิ ีที่ 6 บดิ ความคดิ ชีวติ เปล่ียน วิธีท่ี 7 เหนื่อยมากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทําได้พยายามออกกําลงั กาย วิธีท่ี 8 สร้างสถานการณ์ให้ร่างกายโหยหาความสขุ จากการออก กําลงั กาย วิธีที่ 9 การสร้างจินตนาการเพื่อเป้ าหมายที่ชดั เจน วิธีที่ 10 ลองมองหาหนงั สือดๆี สกั เลม่ หรือค้นคว้าเพม่ิ เตมิ GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 93

วธิ ีที่ 11 จดบนั ทกึ และแชร์เรื่องราวออกไปสผู่ ้อู ื่น วิธีท่ี 12 สขุ ภาพคอื การลงทนุ วธิ ีท่ี 13 จ้างผ้เู ชี่ยวชาญสว่ นตวั วิธีที่ 14 เปิดรับพลงั บวกจากผ้อู ่ืน วธิ ีที่ 15 สํารวจจานอาหารก่อนรับประทาน วธิ ีท่ี 16 หาเพื่อนใหมเ่ พ่ือเปิ ดรับแรงบนั ดาลใจจากผ้อู ่ืน วิธีท่ี 17 อยา่ ลืมให้รางวลั กบั ความสําเร็จ วิธีท่ี 18 เตอื นสตติ วั เองด้วยเสือ้ ผ้า วธิ ีท่ี 19 สร้างแรงจงู ใจด้วยการช้อปปิง้ วธิ ีท่ี 20 หาเวลาพกั ผอ่ นกายและใจหลงั จากเจอเรื่องเครียด วิธีที่ 21 จดั ระเบยี บตารางชีวิตให้ตวั เอง วธิ ีที่ 22 ขยบั วนั ละนดิ จติ แจม่ ใจ วธิ ีท่ี 23 ควรถ่ายภาพก่อนและหลงั เอาไว้เปรียบเทียบ วิธีท่ี 24 ทําตวั เป็นแบบอยา่ งที่ดี วธิ ีท่ี 25 พาตวั เองเข้าสสู่ นามวง่ิ มาราธอน วธิ ีท่ี 26 เตือนตวั เองในทกุ ท่ี วิธีที่ 27 พยายามใช้เวลาวา่ งกบั การอา่ นหนงั สือ วิธีที่ 28 หมนั่ ให้กําลงั ใจตวั เองเสมอ วิธีที่ 29 ชง่ั นํา้ หนกั สปั ดาห์ละครัง้ วิธีที่ 30 ช่ืนชมตวั เองอยา่ งมีสร้างความมนั่ คง วธิ ีที่ 31 ชาร์ตพลงั ใหมอ่ ีกครัง้ วธิ ีที่ 32 สร้างเง่ือนไขเพื่อลงโทษตวั เองบ้าง วธิ ีที่ 33 สร้างความมนั่ คงให้จติ ใจฝึกการทําสมาธิ วธิ ีที่ 34 หนีหา่ งอปุ กรณ์ส่ือสารและอิเลก็ ทรอนิกส์ทกุ ชนิด วธิ ีท่ี 35 หากิจกรรมใหมๆ่ ทําอยเู่ สมอ 94 I GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต

วิธีที่ 36 ใกล้ตวั ใกล้ใจ พยายามอยู่ใกล้คนท่ีสามารถสร้ างแรง บนั ดาลใจให้เราอยเู่ สมอ วิธีที่ 37 สร้างเงื่อนไขเพ่ือลบคําสบประมาท วธิ ีที่ 38 เร่ิมน้อยๆ แตส่ มํ่าเสมอ วิธีที่ 39 สลบั ขวั้ จากลบเป็นบวก วธิ ีที่ 40 ท้าทายตวั เองพยายามสร้างแรงบนั ดาลใจ วิธีท่ี 41 ยิ่งใกล้ย่ิงดี ตัวอย่างเช่น พยายามจัดวางอุปกรณ์ออก กําลงั กายตา่ งๆ ให้อยใู่ นจดุ ที่สามารถมองเห็นและใช้งาน ได้ง่ายอยเู่ สมอ 8.3.2 การสร้างแรงบนั ดาลใจแบบกลมุ่ การสร้ างแรงบันดาลแบบกลุ่มนอกจากท่ีเราจะสามารถสร้ าง แรงบันดาลใจให้กับตัวเองแล้ว เรายังสามารถรับแรงบันดาลใจดีๆ จากสมาชิก ในกลมุ่ ได้อีกด้วย ซึง่ เทา่ กบั วา่ เราได้แรงบนั ดาลใจเพิ่มขนึ ้ เป็ นสองเทา่ โดยทว่ั ไปแล้ว การสร้างแรงบนั ดาลใจแบบกลมุ่ สามารถที่จะทําได้ตงั้ แต่ 2 คนขนึ ้ ไป 8.3.3 แนวทางเกี่ยวกบั การส่งเสริมสขุ ภาพของรองเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี นพ.เดน่ เดชา ประทมุ เพ็ชร กลา่ วถงึ เคล็ดลบั การเสริมสร้างสขุ ภาพที่ดีให้ฟัง วา่ ควรยดึ หลกั 4 อ. (2551) ดงั นี ้ 8.3.3.1 มิติด้านอารมณ์/จิตใจ การเป็ นคนท่ีมีอารมณ์ดีร่าเริง แจ่มใส มองโลกในแง่ดีอย่เู สมอ เช่ือว่า คนท่ีสนกุ สนาน และการที่หวั เราะในระดบั หนึ่ง ที่เหมาะสมจะทําให้สมองหล่ังสารสุข ซึ่งมีผลทําให้คนมีความสุข ไม่เครียดและ สขุ ภาพดี ทงั้ การฝึ กฝนปรับตนให้ยอมรับความจริงได้การยดึ หลกั สายกลางท่ีเหมาะสม การปลงตก การให้อภยั การฝึกสมาธิ จติ ใจท่ีเข้มแข็งไมต่ ามใจปาก GEN0113 แรงบนั ดาลใจแหง่ ชีวิต I 95


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook