41 ช้ินงำน /ภำระงำน แนวทำงกำรจดั กิจกรรม ชัว่ โมงที่ 3 ขนั้ ที่ 5 ลงมือแกป้ ัญหำ (Do) - ทบทวนสิ่งที่เรยี นรูใ้ นชั่วโมงที่แลว้ ซง่ึ แต่ละกลุ่มได้ วางแผนและจัดทาเคา้ โครงของโครงงานคุณธรรม - ตรวจสอบความถูกต้องของหัวข้อโครงงานที่ผู้เรียนจะ นาไปปฏิบัติและปัญหาตามกระบวนการการทางานของ โครงงาน - ดาเนินการปฏิบัติหรือแกไ้ ขปญั หาตามแผนทีก่ าหนด ขั้นท่ี 6 ประเมนิ ผลระหว่ำงปฏิบัติโครงงำน ( Evaluation) - รายงานความก้าวหน้าและตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง เป็นระยะ - ประเมินผลโครงงาน ว่าต้องมีการแก้ไขหรือไม่ มีปัญหา หรอื วิธกี ารแกไ้ ขอยา่ งไร - แนะนา/ให้คาปรึกษา ตลอดระยะเวลาการทาโครงงาน - สรปุ ความรรู้ ่วมกนั จากสิ่งท่ีได้ดาเนนิ การจัดทาโครงงาน คุณธรรม การปรับปรุงพัฒนาก่อนการนาเสนอโครงงาน คณุ ธรรมในชว่ั โมงหน้า 41
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / สำระสำคัญ / สำระกำรเรียนรู้ ตัวช้ีวัด ควำมคิดรวบยอด แกนกลำง / ท้องถ่นิ หรือผลกำรเรยี นรู้
42 ช้ินงำน /ภำระงำน แนวทำงกำรจัดกจิ กรรม ช่วั โมงที่ 4 ขน้ั ที่ 7 นำเสนอผลงำน (Present) - ครูให้ผ้เู รียนจดั เตรยี มการนาเสนอโครงงานตามหัวข้อของ ตนเอง - จดั เตรียมสถานทนี่ าเสนอโครงงานคณุ ธรรมภายในช้ัน เรยี น - นาเสนอโครงงานตามหัวขอ้ ของตนเอง - ประเมินการนาเสนอผลงาน ตามกระบวนการการทางาน ของโครงงานคุณธรรม - เปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นกลุ่มอ่นื ซักถามข้อสงสยั - แลกเปล่ียนเรียนรู้กับผู้เรียนแต่ละกลุ่มเพ่ือเชื่อมโยง เกีย่ วกบั สิ่งท่ีผู้เรียนไดป้ ฏบิ ัตกิ จิ กรรม - รว่ มกันสรุปสิ่งท่ีผเู้ รยี นจัดทาโครงงาน กระบวนการจัดทา โครงงานคุณธรรม และประโยชน์ท่ีได้รับ นาไปเช่ือมโยง กับชีวิตประจาวนั ของผ้เู รยี น 42
43 2.6 องคป์ ระกอบของหนว่ ยกำรเรยี นรู้ 2.6.1 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวชว้ี ัด (ถ้ำเป็นรำยวชิ ำเพม่ิ เติมเปน็ ผลกำรเรียนร้)ู 2.6.2 สำระสำคญั / ควำมคดิ รวบยอด 2.6.3 สำระกำรเรียนรู้ - สาระแกนกลาง - สาระทอ้ งถ่ิน (ถ้าม)ี 2.6.4 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 2.6.5 คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 2.6.6 ชิน้ งำน / ภำระงำน (กาหนดชิ้นงานและภาระงานรวบยอดท่ีเป็นหลักฐานหรือร่องรอย เพ่ือแสดงว่า ผู้เรียนได้บรรลุตามมาตรฐานตัวชี้วัดท่ีระบุไว้ในหน่วย สะท้อนให้เห็นระดับความรู้ ความเข้าใจ เจตคติ และความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน) 2.6.7 กำรวัดและประเมินผล (ประกอบดว้ ยการประเมนิ ผลชนิ้ งาน ภาระงานรวบยอด การประเมินระหว่าง การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้และการประเมินตนเองของผู้เรียน) 2.6.8 กิจกรรมกำรเรียนรู้ (ประกอบดว้ ยกิจกรรมนาสู่การเรียน กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ และกจิ กรรมรวบ ยอด หรอื ผสู้ อนอาจ จดั กจิ กรรมตามรูปแบบทฤษฎกี ารเรียนร้/ู วธิ สี อน /กระบวนการจดั การ เรียนรู้/เทคนิคการสอน/เทคนิคการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม ซึ่งวธิ กี ารดังกลา่ วนนั้ สามารถทาให้ผู้เรยี นบรรลมุ าตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวช้วี ดั ที่กาหนดไว้) 2.6.9 สอ่ื และแหลง่ เรียนรู้ 2.6.10 เวลำเรียน / จำนวนชว่ั โมง (เวลาการจัดกิจกรรมการเรียนรใู้ นแต่ละหน่วยการเรียนรู้ จะตอ้ งวิเคราะหค์ วาม เหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับจานวนมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัดที่ปรากฏใน หนว่ ยการเรยี นรู้จากโครงสร้างรายวชิ า) หมำยเหตุ ถ้าหน่วยการเรยี นรู้เป็นรายวชิ าเพิ่มเตมิ (มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด) จะเป็นผล การเรียนรู้
44 ก่อนนาหนว่ ยการเรียนรูไ้ ปจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้ ควรมกี ารประเมนิ คุณภาพของ หนว่ ยการเรยี นรู้เพอื่ ให้ครอบคลุมและมีความสอดคลอ้ งแตล่ ะองคป์ ระกอบ ครผู ้สู อนอาจใช้ ตวั อย่างแบบประเมนิ หน่วยการเรียนรู้ ดังตอ่ ไปน้เี ป็นแนวทาง ตัวอยำ่ งแบบประเมนิ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่……..….เรือ่ ง………………………….…….รหสั วชิ า…………………..วิชา……………………. ผสู้ อน………………………………………………………………………………….…………………………………………... คำชี้แจง โปรดเขียนเคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั การประเมิน ระดับการประเมนิ 5 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมมากทส่ี ุด 4 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสมมาก 3 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชอื่ มโยง/เหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมน้อย 1 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสมนอ้ ยท่ีสดุ ที่ รำยกำรประเมิน ระดบั กำรประเมนิ 54321 1 ชือ่ หน่วยการเรียนร้นู ่าสนใจกะทดั รัดชัดเจนครอบคลุมเนอื้ หาสาระ 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ัดหรอื ผลการเรยี นรู้สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคุณลักษณะอันพึงประสงค์มีความเช่ือมโยงกนั อย่าง เหมาะสม 3 ความสอดคล้องของสาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนรู้ / ตวั ชี้วัดหรอื ผลการเรียนรู้ 4 ความสอดคลอ้ งของสาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอดกบั สาระการ เรยี นรู้ 5 ความเช่อื มโยงสัมพนั ธ์กันระหว่างชือ่ หน่วยการเรยี นร้มู าตรฐานการ เรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั หรือผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ / ความคดิ รวบยอด สาระการเรยี นรแู้ ละกจิ กรรมการเรยี นรู้ 6 กิจกรรมการเรยี นรู้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ัด หรือผลการเรยี นรู้และสาระการเรยี นรู้
45 ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั กำรประเมนิ 54321 7 กิจกรรมการเรยี นร้มู ีความครอบคลุมในการพฒั นาผู้เรยี นให้มี ความรู้ ทักษะ / กระบวนการ สมรรถนะผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 8 กิจกรรมการเรยี นรู้มีความเหมาะสมสามารถนาผลการเรียนไปสู่ การสร้างชนิ้ งาน / ภาระงาน 9 การประเมนิ ผลตามสภาพจริงและสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการ เรียนรู้ / ตัวชี้วดั หรือ ผลการเรียนรู้/กจิ กรรมการเรียนรู้ 10 ประเดน็ และเกณฑก์ ารประเมินสามารถสะท้อนคุณภาพผู้เรียนตาม มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั หรือผลการเรียนรู้ 11 สอ่ื การเรียนรู้ในแตล่ ะกิจกรรมมีความเหมาะสมและนาไป ประยุกตใ์ ช้ได้จรงิ 12 กาหนดเวลาให้เหมาะสมกับกจิ กรรมและสามารถนาไปปฏบิ ตั จิ รงิ รวม รวม/สรปุ ผลไดร้ ะดบั คุณภาพ …….../ระดบั ……… การแปลความหมาย 54-60 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดีมาก 48-53 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดี 47-52 คะแนน ระดบั คุณภาพ ปานกลาง 41-46 คะแนน ระดับคณุ ภาพ พอใช้ 35-40 คะแนน ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ................................................ลงช่ือผปู้ ระเมนิ (.................................................) ........../............/.........
46 2.7 กำรจัดทำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ 2.7.1 กำรเลอื กกจิ กรรม รปู แบบ วธิ กี ำร ท่สี ง่ เสริมกระบวนการเรียนรูแ้ บบ Active Learning เพ่อื บรู ณการในแผนการเรยี นร้สู าหรบั ผเู้ รียน โดยใช้ สือ่ เทคโนโลยีและแหลง่ เรยี นที่ หลากหลาย เพื่อกระตนุ้ ผ้เู รยี นอยา่ งเหมาะสม รูปแบบ วธิ ีการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ - การจัดการเรยี นรู้ท่ีเนน้ บทบาทและการมีส่วนร่วมของผเู้ รียน (Active Learning) ครอบคลุมวธิ กี ารจัดการเรียนรหู้ ลากหลายวธิ ี เชน่ - การเรยี นรโู้ ดยใชก้ ิจกรรมเป็นฐาน (Activity-Based Learning) - การเรยี นรู้เชิงประสบการณ์ (Experiential Learning) - การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning) - การเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงานเปน็ ฐาน (Project-Based Learning) - การเรียนรู้ทีเ่ น้นทกั ษะกระบวนการคิด (Thinking Based Learning) - การเรยี นรู้การบริการ (Service Learning) - การเรียนรู้จากการสบื ค้น (Inquiry-Based Learning) - การเรยี นรู้ด้วยการคน้ พบ (Discovery Learning) เป็นตน้ 2.7.2 กำรเสริมสร้ำงสมรรถนะและทักษะ ที่จาเป็นสาหรับผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ได้แก่ ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ผู้เรียนสามารถคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ขอ้ มูลสารสนเทศต่าง ๆ สามารถประเมินผลและประยุกต์ใช้ข้อมลู สารสนเทศและความรูต้ ่าง ๆ ได้ อยา่ งมีเหตุมผี ล 1) ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill) ผเู้ รียนสามารถทางานรว่ มกับ ผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข มีความเป็นผู้นา เป็นผู้ตาม สามารถแสดงความคิดเห็นและยอมรับความ คิดเห็นของผู้อ่ืนได้อย่างเหมาะสม ทาให้งานของส่วนรวมประสบความสาเร็จ บรรลุเป้าหมายท่ี กาหนดไว้ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 2) ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) ผู้เรียนสามารถส่ือสารกับเพ่ือน ครูผู้สอน และบุคคล อ่ืน ๆ ในการทางานร่วมกัน การสื่อสารเพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความ คิดเห็นระหว่างกันได้ รวมถึงสามารถอธิบาย และนาเสนอข้อมูลขา่ วสารให้ผู้อนื่ รับรโู้ ดยใช้ภาษาที่ ถูกต้องและสอ่ื สารได้อยา่ งชัดเจน เขา้ ใจได้ง่าย
47 3) ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) ผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 ต้อง มคี วามคิดสร้างสรรค์ในการทางาน ในการเรยี นรู้ การประยกุ ต์ความรู้ไปใชอ้ ย่างสร้างสรรค์ รวมถึง สามารถสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ ส่ิงประดิษฐ์ เทคนิค วิธีการ และ/หรือกระบวนการต่าง ๆ ท่ีเป็น ประโยชน์ต่อตนเองและสงั คมได้ 4) ทักษะทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Skill) ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ต้องมี ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการค้นคว้า การเรียนรู้ การแลกเปล่ียน และการแบ่งปัน ความรูร้ ่วมกับผู้อ่นื ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม สามารถคัดกรองข้อมลู วิเคราะห์ สงั เคราะห์ ประเมิน ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม สามารถแก้ปญั หาท่เี ก่ยี วกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มจี ริยธรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ไมท่ าผดิ กฎหมายเกีย่ วกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร 5) ทักษะทางอาชพี และการใช้ชีวิต (Career Skill & Life Skill) ได้แก่รจู้ ักปรับตัว เพ่ือรบั กับการเปล่ียนแปลงท้ังบทบาทหน้าที่ บริบท สภาพแวดล้อม และสถานภาพที่ได้รับมคี วาม ยืดหยุ่นในการทางานและการดารงชีวิตมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นผู้นามีความเป็นตัวของ ตัวเองที่มีศักยภาพและความสามารถหลากหลาย สามารถทางานได้หลายหน้าที่ และจัดสรรแบ่ง เวลาได้เหมาะสมระหว่างการทางานและการใช้ชีวิต รวมถึงสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ในท่ี ทางานและในการใชช้ วี ติ ไดอ้ ยา่ งมีเหตุมีผลทางานร่วมกับผอู้ ื่นได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2.8 องค์ประกอบของแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ 2.8.1 มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชี้วัดหรอื ผลกำรเรยี นรู้ - มาตรฐานการเรียนรู้ เขยี นขอ้ ความท้งั หมด - ตัวช้ีวดั เขยี นขอ้ ความทง้ั หมด 2.8.2 สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด ต้องวิเคราะห์หาคาสาคญั ในตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้ ว่าต้องการให้ผู้เรยี นรอู้ ะไรทา อะไรได้ แลว้ ทาการสงั เคราะห์เปน็ แกน่ ความรู้/ เรียกว่า(สาระสาคัญ) 2.8.3 จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ - การเขียนจดุ ประสงคก์ ารเรียนรตู้ ้องมาจากตวั ช้วี ดั หรือผลการเรียนรู้ - การเขียนจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ระบพุ ฤตกิ รรมชัดเจน สามารถวดั ได้ 2.8.4 สำระกำรเรียนรู้ - สาระแกนกลาง - สาระท้องถ่ิน
48 2.8.5 สมรรถนะสำคญั - เลอื กสมรรถนะทีส่ อดคล้องกับตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ 2.8.6 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (เลอื กคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ที่สอดคลอ้ งกับกจิ กรรมได้ออกแบบให้ผู้เรียนมี ซึง่ อาจไม่ครบทั้ง 8 ประการ ) 2.8.7 กระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ - กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยกจิ กรรมนาสกู่ ารเรียน (ข้ันนา) กิจกรรม พัฒนาการเรียนรู้ (ขั้นสอน) และกิจกรรมรวบยอด (ขั้นสรุป) หรือผสู้ อนอาจ จัดกจิ กรรมตาม รูปแบบทฤษฎีการเรียนรู้/ วธิ สี อน /กระบวนการจดั การเรียนรู้/เทคนิคการสอน/เทคนิคการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม ซึ่งวิธกี ารดังกล่าวน้ันสามารถทาให้ผู้เรียน บรรลมุ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้ีวดั ทก่ี าหนดไว้) - การออกแบบการเรยี นรู้เพือ่ ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ ตามเป้าหมายการเรยี นรู้ สามารถสร้างชิ้นงาน/ภาระงานตามท่กี าหนด ซ่ึงเปน็ ขน้ั ตอนสาคญั ทีจ่ ะนาผเู้ รียนให้บรรลุ เปา้ หมาย และสะทอ้ นให้เหน็ ว่าผเู้ รียนเกิดคุณภาพที่กาหนดไวต้ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 - ท้งั นกี้ ารออกแบบกจิ กรรมเปน็ การพัฒนาคณุ ลกั ษณะตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานกาหนด สมรรถนะสาคัญ และมีคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ดว้ ย 2.8.8 กำรวัดและประเมนิ ผล (ประกอบดว้ ยการประเมนิ ผลชิ้นงาน ภาระงานรวบยอด การประเมินระหว่างการ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้และการประเมนิ ตนเองของผู้เรียน) - การวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการประเมินเพ่ือ การพัฒนา ซึ่งผู้สอนประเมินผลการเรียนรู้ตามตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ที่กาหนดเป็นเป้าหมายในแต่ ละหน่วยการเรียนรู้ด้วยวิธกี ารต่างๆ เชน่ การซักถาม การสงั เกต การตรวจการบา้ น การแสดงออก ในการปฏบิ ตั ผิ ลงาน การแสดงกิริยาอาการตา่ งๆ ของผู้เรยี นโดยมี เกณฑ์ตา่ งๆทใี่ ช้ในพัฒนา 2.8.9 วัสดุ อปุ กรณ์ ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ - การกาหนดวัสดุ อปุ กรณ์ สือ่ และแหล่งเรียนรู้ที่สอดคล้องกบั ตวั ชว้ี ดั และ กิจกรรมการเรียนรู้
49 2.8.10 บันทกึ หลงั กำรจดั กำรเรียนรู้ ประกอบด้วย 3 ส่วน - ผลการจัดกจิ กรรม - ปัญหาทพี่ บ - ข้อเสนอแนะและแนวทาการแก้ปัญหา 2.8.11 ควำมคดิ เห็นของผ้บู ริหำร เป็นผู้อานวยการโรงเรียน หรือรองผู้อานวยการกลุ่มบริหารวิชาการ หรือ มอบหมายให้หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการจัดการเรียนรู้ของ ครูผูส้ อน หมำยเหตุ ใบกิจกรรมท่ี 3-4 อยใู่ นภาคผนวก
50 หลงั จากท่ีมกี ารจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรตู้ อ้ งมีการประเมินแผนการจัดการ เรียนรู้ เพอ่ื เพอื่ ให้ครอบคลุมและมีความสอดคล้องแต่ละองคป์ ระกอบ ครผู ู้สอนอาจใชต้ ัวอย่าง แบบประเมนิ แผนจัดการจัดการเรยี นรู้ ดงั ต่อไปนเี้ ป็นแนวทาง ตัวอยำ่ งแบบประเมนิ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่........เรื่อง…………………..…….รหสั วิชา………..วชิ า…………………………………. ผสู้ อน……………………………………………………………………………………….……………………………………… คำชีแ้ จง โปรดเขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดบั การประเมิน ระดบั การประเมนิ 5 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/เหมาะสมมากท่สี ดุ 4 หมายถงึ มคี วามสอดคล้อง/เชอ่ื มโยง/เหมาะสมมาก 3 หมายถึง มคี วามสอดคล้อง/เชอื่ มโยง/เหมาะสมปานกลาง 2 หมายถงึ มคี วามสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถงึ มีความสอดคล้อง/เช่อื มโยง/เหมาะสมนอ้ ยทส่ี ดุ ท่ี รายการประเมนิ ระดับการประเมิน 54321 1 แผนการจัดการเรียนรสู้ อดคล้องสัมพันธก์ ับหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี กาหนดไว้ 2 แผนการจัดการเรียนร้มู ีองค์ประกอบสาคัญครบถ้วนร้อยรัด สัมพันธ์กัน 3 ความสอดคล้องของสาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอดกับมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั หรือผลการเรียนรู้ 4 ตัวชีว้ ัดหรือผลการเรียนรูค้ รอบคลมุ สาระการเรียนรู้ พฒั นา ผู้เรยี นเกิด K P A 5 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรพู้ ัฒนาผเู้ รียนครอบคลมุ ดา้ น K P A 6 สาระการเรยี นรู้ เหมาะสมกับเวลาและตัวชว้ี ดั หรือผลการเรยี นรู้
51 ที่ รายการประเมิน ระดับการประเมนิ 54321 7 กิจกรรมการเรียนรูแ้ บ่งเป็นข้นั ตอนตามความเหมาะสม 8 กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชัน้ ผเู้ รยี น 9 กจิ กรรมการเรียนรมู้ คี วามหลากหลายและสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้จริง 10 กจิ กรรมการเรยี นรู้สามารถพฒั นาครอบคลุมด้านองคค์ วามรู้ กระบวนการและเจตคติ 11 กิจกรรมการเรยี นรู้เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสริมกระบวนการคิดของ ผเู้ รียน 12 กจิ กรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมและคุณลักษณะ ทพี่ งึ ประสงค์ 13 กจิ กรรมเน้นใหผ้ ู้เรยี นปฏิบัตจิ รงิ 14 แผนการจดั การเรียนร้กู าหนดวสั ดุอุปกรณ์ สอื่ และแหล่งเรียนรทู้ ี่ หลากหลายเหมาะสม 15 แผนการจัดการเรียนรู้ สอดคลอ้ งกบั สาระการเรียนรู้และกจิ กรรม การเรียนรู้ 16 ผูเ้ รียนใช้สอื่ และแหลง่ เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 17 แผนการจดั การเรียนรกู้ าหนดชน้ิ งาน / ภาระงานอย่างเหมาะสม 18 การทาชิน้ งานไดใ้ ชค้ วามรู้ ความคดิ มากกวา่ การทาตามท่ีครู กาหนดหรอื การทาแบบฝึกหัดทวั่ ไป 19 การวัดและประเมนิ ผลสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด หรอื ผลการเรยี นรู้ 20 ผเู้ รยี นไดม้ สี ว่ นรว่ มในการวดั และประเมินผล รวม รวม/สรปุ ผลไดร้ ะดบั คณุ ภาพ …….../ระดับ………
52 การแปลความหมาย 90-100 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ดมี าก 80-89 คะแนน ระดบั คุณภาพ ดี 70-79 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปานกลาง 60-69 คะแนน ระดบั คุณภาพ พอใช้ 50-59 คะแนน ระดับคณุ ภาพ ปรับปรงุ ข้อเสนอแนะ .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ....................................................ลงช่อื ผู้ประเมิน (.................................................) ........../............/.........
53 ส่วนที่ 3 ขั้นตอนกำรจดั ทำโครงงำนคณุ ธรรม โครงงานคุณธรรมน้ันเป็นกิจกรรมที่จะต้องคิดและดาเนินการอย่างต่อเน่ือง ควบคู่ไปกับ การเรียนรู้และการพัฒนาคุณธรรม โดยอาศัยผู้รู้ทางศาสนา ครู หรือ ผู้บริหารให้การสนับสนุน ต้ังแต่เริ่มต้นไปจนเสร็จส้ินโครงงาน ในการให้คาปรึกษา เสริมสร้างพลังและแรงบันดาลใจ สนับสนุนปัจจัยทรัพยากรข้อมูลและองค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่ผู้ดาเนินการโครงงานอย่างใกล้ชิด ในทุกขัน้ ตอนของการทาโครงงาน ซ่ึงมี 6 ขนั้ ตอนสาคญั ดังนี้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การตระหนกั คดิ และเลือกหัวเรือ่ งทจ่ี ะทาโครงงาน ขั้นตอนที่ 2 การศึกษารวบรวมเอกสารและองค์ความรทู้ เ่ี ก่ียวขอ้ ง ขั้นตอนท่ี 3 การจัดทาเค้าโครงของโครงงาน ขั้นตอนท่ี 4 การดาเนนิ งานโครงงาน ขัน้ ตอนที่ 5 การสรุปประเมนิ ผลและเขยี นรายงาน ขน้ั ตอนที่ 6 การนาเสนอโครงงาน ขั้นตอนท่ี 1 กำรตระหนกั คดิ และเลือกหัวเรอื่ งทจี่ ะทำโครงงำน ข้ันตอนนี้เป็นการตระหนักคิดและเลือกหัวข้อในการจัดทาโครงงาน ซ่ึงเป็นขั้นตอนที่ สาคัญท่ีสุดและยากท่ีสุด ท่ีต้องอาศัยภาวะการตระหนักคิดในสถานการณ์หรือสภาพปัญหาด้วย สติปัญญา หรือภาวะท่ีมีแรงบันดาลใจท่ีจะทาสิ่งดีงามอะไรบางอย่างที่เป็นความฝันหรืออุดมคติ ซ่งึ อาจจะเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องตา่ งๆ ของผู้เรยี นเองโดยตรง จากการอ่านหนังสือ เอกสาร บทความ หรือการสังเกตจากปรากฏการณ์ต่างๆ รอบๆข้างหัวข้อโครงงาน ต้องเป็น เรือ่ งเฉพาะเจาะจงและชดั เจนวา่ โครงงานนี้ทาอะไร เนน้ เร่ืองใกลต้ ัวที่กระตุน้ ให้ผู้เรยี นเกิดความ ตระหนักรู้หรือแรงบันดาลใจข้ึนก็ได้ การสร้างความตระหนักน้ันเป็นขั้นตอนที่ยาก เพราะ โดยท่ัวไปสภาพการณ์ท่ีเป็นปญั หาต่างๆ น้ันมักจะเกิดข้นึ อยู่แล้ว แต่มกั จะถูกละเลยมองข้าม หรือ ชาชินเคยชนิ จนมองไม่เห็นปัญหา หรือไม่รสู้ ึกว่าตนเองมีสว่ นเกีย่ วข้องกับปญั หา จึงต้องอาศยั เหตุ ปัจจัยภายนอก จากผู้สนับสนุนท่ีกระตุ้นปัจจัยภายในใจของผู้เรียนได้ถูกตรงกับนิสัย ในเงื่อนไข สถานการณ์แวดล้อม และจังหวะเวลาที่พอเหมาะพอดี จนเกิดการรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อดาเนินการ
54 โครงงาน ข้อควรคานึงถึงเก่ียวกับการเลือกหัวข้อเร่ืองท่ีจะทาโครงงาน ได้แก่ เหมาะสมกับระดับ ความสามารถของผู้เรียน วัสดุอุปกรณ์ท่ีจาเป็นต้องใช้ งบประมาณเพียงพอ ระยะเวลาที่ใช้ทา โครงงาน มีครทู ี่ปรึกษา หรือพระภิกษุทปี่ รึกษา ความปลอดภยั มีแหล่งความรู้หรือเอกสารเพยี ง พอทีจ่ ะค้นคว้า ข้ันตอนท่ี 2 กำรศึกษำรวบรวมเอกสำรและองคค์ วำมรูท้ ่เี กี่ยวข้อง เป็นขั้นตอนต่อจากข้ันตอนที่ 1 ที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มเห็นพ้องกันและตัดสินใจเลือก ประเดน็ ปญั หาหรอื หัวเรอ่ื งไดแ้ ลว้ และได้รบั ความเหน็ ชอบจากทป่ี รกึ ษาแล้ว ก็จะเปน็ ข้ันตอนนีจ้ ะ ทาให้เกิดความรู้และเข้าใจในรายละเอียดต่างๆของเน้ือหาท่ีเก่ียวข้องเพ่ิมมากข้ึน รวมท้ังเห็นถึง ขอบข่ายภาระงานท่ีจะดาเนินการของโครงงาน จะช่วยทาให้ได้แนวคิดในการกาหนดเค้าโครง เรือ่ งทจี ะศกึ ษาชดั เจนวา่ จะทาอะไร ทาไมต้องทา ตอ้ งการให้เกดิ อะไร ทาอย่างไร ใชท้ รพั ยากร อะไร ทากับใคร เสนอผลอยา่ งไร โดยการระดมความคิดวางแผนงานในเบอ้ื งตน้ โดยเร่ิมจากการ ร่วมกันพิจารณาวิเคราะห์สภาพปัญหาแล้วสืบสาวไปหาสาเหตุและปัจจัยร่วมต่างๆ การ วางเป้าหมายและวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งจะพบว่ายังมีข้อมูลของสภาพปัญหาและปัจจัยต่างๆ ท่ี เกี่ยวข้องไม่เพียงพอหรือยังมีรายละเอียดท่ีไม่ชัดเจน ตัวแปรสนับสนุนและองค์ความรู้ต่างๆ ท่ีจะ นามาใช้ในการวางแผนแก้ปัญหาก็ยังมีไม่ครบถ้วนหรือยังไม่ชัดเจนเป็นต้น จึงต้องมีการรวบรวม ข้อมูลและองค์ความรู้เพิ่มเติม (ซ่ึงอาจจะได้มาจากการสารวจโดยละเอียดหรือประมาณการโดย ครา่ วๆก็ได้) จากการพบปะสนทนาขอความร่วมมอื จากบุคคลต่างๆ และจากการค้นควา้ หาความรู้ จากหนังสือตาราและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ผู้เรียนจะต้องมีความรู้ความชานาญในการใช้แหล่งเรียนรู้ ต่างๆอย่างเหมาะสม ซึ่งท่ีปรึกษาโครงงานจะต้องให้คาแนะนาเก่ียวกับเทคนิคและวิธีการในการ ค้นคว้าข้อมูลอย่างถูกต้อง จากน้ันผู้เรียนนาข้อมูลท่ีรวบรวมได้ทั้งหมดมาประมวลเพ่ือจัดเตรียม สาหรบั คิดวางแผนทาเค้าโครงของโครงงานต่อไป ข้นั ตอนท่ี 3 กำรจดั ทำเคำ้ โครงของโครงงำน ขัน้ ตอนนี้เป็นการสร้างแผนที่ความคิด เป็นการนาเอาภาพของงาน และความสาเร็จของ โครงงานที่วิเคราะห์ไว้มาจัดทารายละเอียดเพื่อแสดงแนวคิด แผน ข้ันตอนการทาโครงงาน ในข้ันตอนนี้อาจใช้การระดมสมอง ให้สมาชิกในกลุ่มมองเห็นภาระงานภาพรวมท้ังหมดตั้งแต่ต้น
55 จนเสร็จส้ิน รวมท้ังได้ทราบถึงบทบาทและระยะเวลาในการดาเนินงาน โดยนาข้อมูลที่รวบรวม และประมวลได้ท้ังหมดนั้นมาเรียบเรียงและจัดทาเป็นเอกสารร่างโครงงาน ท่ีมีหัวข้อต่างๆ ตามท่ี กาหนดไว้ (1) ชื่อโครงงำน ช่ือโครงงานเป็นภาษาไทยอาจมีภาษาอังกฤษด้วยก็ได้ ควรเป็น ข้อความท่ีกระทัดรัด ชัดเจน สื่อความหมายตรงและมีความเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไรกับ ใครและเพอื่ อะไร (2) ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงงำน แสดงชอื่ กลมุ่ รายชอ่ื สมาชิกในกลุม่ (3) ที่ปรึกษำโครงงำน ครูหรือพระภิกษุผู้ทาหน้าทเี่ ป็นที่ปรึกษาควบคุมการทาโครงงาน ของผู้เรียนระบุ ชือ่ -นามสกุล ตาแหน่ง โทรศัพทแ์ ละ E-mail (กรณีเป็นพระภิกษุให้ระบฉุ ายาและ ชื่อวดั ดว้ ย) (4) วัตถุประสงค์ เป็นส่ิงที่ต้องการให้เกิดข้ึนเม่ือสิ้นสุดโครงงานท้ังในเชิงกระบวนการ และผลผลิตวัตถุประสงค์ไมค่ วรต้ังมากข้อเกนิ ไป เพราะจะทาให้ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ ไม่มีความชัดเจน (5) สถำนที่และกำหนดระยะเวลำดำเนินกำร พ้ืนที่ที่เลือกดาเนินการจะเป็นภายในหรือ ภายนอกสถานศึกษาก็ได้ ส่วนกาหนดระยะเวลา ส่วนระยะเวลาในการดาเนินโครงงานระบุต้ังแต่ เรมิ่ ตน้ จนสน้ิ สุดโครงงาน (6) ผังมโนทัศน์ สรุปภาพรวมของรา่ งโครงงานท้ังหมดเปน็ ผังมโนทศั น์ ใน 1 หนา้ กระดาษ (7) สำระสำคัญของโครงงำน (คาอธิบายสาระสาคญั ของโครงงานโดยย่อ 5 - 10 บรรทัด) (8) กำรศึกษำวิเครำะห์ (8.1) ปัญหาและสาเหตุ (ประมวลข้อมูลสภาพปัญหา แล้ววิเคราะห์สืบสาวหาสาเหตุ และปัจจัย ต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับปัญหา เพื่อให้เห็นท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน) อธิบาย เหตผุ ลวา่ ทาไมถึงเลอื กทาโครงงานนี้ โครงงานมคี วามสาคัญอย่างไร (8.2) เป้าหมาย (วางเป้าหมายของการแกป้ ัญหาทัง้ เชิงปริมาณและคณุ ภาพ) (8.3)หลักการหรือทฤษฎีอะไรท่ีเก่ียวข้อง เรื่องท่ีทาเป็นเร่ืองใหม่หรือผู้อื่นได้เคย ศึกษาเรื่องแบบนี้ไว้บา้ งแล้ว ถ้ามีผลเปน็ อย่างไร เร่ืองที่ทาได้ขยายเพ่ิมเติมหรือปรับปรงุ จากเรื่อง ที่ผู้อ่ืนทาอย่างไร หรือเป็นการทาซ้าเพื่อตรวจสอบผล โดยต้องนาเสนอให้กะทัดรัดและชัดเจน ตลอดจนหลักธรรมหรือคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนที่นามาใช้ (แสดงหลักธรรมหรือแนว พระราชดาริ หรือหลักวิชาการต่างๆ ท่ีนามาใช้ พร้อมอธิบายความหมายโดยย่อ แล้วอธิบาย เช่ือมโยงกบั การดาเนินการโครงงาน อย่างสอดคลอ้ งเปน็ เหตุเปน็ ผล)
56 (9) วิธกี ำรดำเนนิ งำน (แสดงวิธกี ารดาเนินงานเป็นข้อๆ หรือเปน็ แผนผงั ทม่ี ีคาอธบิ ายท่ี ชดั เจน) (9.1) วัสดุ อุปกรณ์ท่ีต้องใช้ ระบุว่าวัสดุอุปกรณ์ท่ีจาเป็นมีอะไรบ้าง จะได้วัสดุ เหลา่ นน้ั มาจากท่ไี หน อะไรบา้ งทีต่ อ้ งจัดซอ้ื จัดทาขน้ั เองหรอื ทข่ี อยืมได้ (9.2) แนวการศึกษาค้นควา้ อธิบายว่าจะออกแบบการทดลองอะไรอย่างไร จะสร้าง อะไร ประดิษฐ์อะไรอย่างไร เกบ็ ข้อมูลอย่างไรและเม่ือไรบา้ ง (9.3) แผนปฏิบัติการ อธิบายเก่ียวกับกาหนดเวลาเร่ิมต้นและส้ินสุดของการทางาน ในแต่ละขนั้ ตอน (10) งบประมำณและแหล่งที่มำของงบประมำณ (แสดงงบประมาณโครงงานและ แหล่งท่ีมา หากมกี ารระดมทุนเพิม่ ให้บอกแผนงานหรอื วธิ กี ารระดมทนุ ดว้ ย) (11) ผลท่ีคำดว่ำจะได้รับ เป็นสภาพของผลท่ีต้องการใช้เกิด ทั้งที่เป็นผลผลิต กระบวนการและผลกระทบต่อเน่อื งออกไป (12) เอกสำรอ้ำงอิง เป็นช่ือเอกสาร ข้อมูลท่ีได้จากแหล่งต่างๆ ที่นามาใช้ในแผนการ ดาเนนิ งาน ข้ันตอนท่ี 4 กำรดำเนินงำนโครงงำน ขัน้ ตอนนเ้ี ป็นดาเนินงานหลงั จากไดร้ ับความเหน็ จากทป่ี รึกษาโครงงานแล้ว ผู้เรียนนาร่าง โครงงานมาปฏิบัติจริงไปตามลาดับขั้นตอนและวิธีการดาเนินงาน ซึ่งจะมีท้ังในส่วนที่แบ่งงานและ ดาเนินงานกันในระหว่างสมาชิกในกลุ่มผู้รบั ผดิ ชอบโครงงาน และงานในสว่ นท่ีสร้างการมีสว่ นร่วม ให้กับเพ่ือนผู้เรียนอ่ืนหรือบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาช่วยทางานในด้านต่างๆ ตลอดจนการจัดกิจกรรม รณรงค์ขยายการมีส่วนร่วมออกไปสู่ชุมชน การดาเนินงานในช่วงน้ีอาจมีข้อมูลย้อนกลับมาที่เป็น เรื่องใหม่ที่เพิ่งทราบ หรือคลาดเคล่ือนไปจากท่ีคาดการณ์ไว้ หรือเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งยากเป็น อุปสรรคข้อขัดข้องหรือข้อขัดแย้งให้ต้องเผชิญหน้าและแก้ปัญหาอยู่เสมอๆ อันอาจจะนามาซึ่ง ความอ่อนล้า ความเหน่ือยหน่ายท้อแท้ ได้บ่อยๆ ซึ่งท้ังหมดนี้ล้วนเป็นแบบฝึกหัดสาคัญของการ เรียนรู้และพฒั นาคุณธรรม ของผรู้ ับผดิ ชอบโครงงานและผู้มาช่วยงานท้ังสน้ิ และจาเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องมีการติดตาม สนับสนุน ดูแล ให้ความช่วยเหลือทั้งทางทรัพยากรภายนอกและทางจิตใจ จากคณะท่ปี รกึ ษาอยา่ งใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาดาเนินการโครงงานทั้ง 2 ชว่ ง
57 ผู้รับผิดชอบโครงงานพึงระลึกไว้ว่า การทางานจริงอาจมีหลายส่ิงท่ีไม่เป็นไปตามที่ คาดการณ์และระบุไว้ในร่างโครงงาน และหลายครั้งอาจต้องมีการปรับเปล่ียนแผนงานไปจากเดิม ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจว่าเพราะอะไร สามารถอธิบายได้ถึงเหตุผลของการที่ผิดพลาดไปจาก แผนงานท่ีวางไว้ได้ อย่าทางานเพียงเพ่ือให้ได้ผลตามร่างโครงงานท่ีวางแผนไว้เท่านั้น แต่ทางาน เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาคุณธรรมของตนเองและทุกคนท่ีเก่ียวข้องเป็นหลัก ทาแล้ว คณุ ธรรมความดีต้องเพิ่มขนึ้ และควรมีความสุขจากการทาความดนี ้ัน ทาโครงงานและความดีไม่ใช่ การแข่งขันเพ่อื ล่ารางวลั ข้ันตอนที่ 5 กำรสรุปประเมนิ ผลและเขยี นรำยงำน จากการดาเนินงาน ในขั้นตอนที่ 4 น้ันให้กลมุ่ สมาชิกไดท้ าการประเมินผลและสรุปผลการ ดาเนินงาน เพ่ือนามาใชจ้ ัดทาเป็น เอกสารและสอื่ การนาเสนอโครงงาน 5 หรือ 6 รายการ ดงั นี้ (1) รำยงำนโครงงำน (20–50 หน้ากระดาษขนาด A4 ไม่รวมปก) เพ่ือให้ผู้อ่ืนได้ทราบ แนวคิด วิธีการดาเนินงาน ผลท่ีได้รับตลอดจนข้อสรุป ข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน การเขียนรายงานท่ีเข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบครอบประเด็นสาคัญๆของโครงงานท่ี ดาเนนิ การ ซ่ึงอาจประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้ บทคัดย่อ บทนา เอกสารทีเ่ ก่ียวข้อง วธิ ีการ ดาเนนิ งาน ผลการศกึ ษา สรุปและอภปิ รายผล ขอ้ เสนอแนะ และตารางท่ีเกีย่ วขอ้ ง (2) สรปุ ยอ่ โครงงำนใน 1 หน้ำกระดำษ (1 หนา้ กระดาษขนาด A4) (3) แผ่นพับนำเสนอโครงงำน (1 แผ่นกระดาษขนาด A4 หน้า-หลัง) มีรายละเอียดหัวข้อ ทส่ี าคญั เช่น ช่ือโครงงาน ผู้จดั ทาโครงงาน ที่ปรกึ ษาโครงงาน วัตถปุ ระสงค์ วิธีการดาเนินงาน ผลท่ไี ด้รับ ตารางข้อมูลทเี่ กีย่ วขอ้ ง รูปประกอบโครงงาน เปน็ ต้น (4) สือ่ Presentation เชน่ Powerpoint หรือ VCD (เวลาไม่เกนิ 5 - 7 นาที) ถา้ มี (5) แผ่นป้ำยโครงงำน อาจมีรายละเอียดหัวข้อท่ีสาคัญ เช่น ชื่อโครงงาน ผู้จัดทา โครงงาน ท่ีปรึกษาโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้รับ ตารางขอ้ มูลท่ีเกี่ยวข้อง รูปประกอบโครงงาน เป็นตน้ (6) เวบเพจ เฟสบุ๊ค ยูทปู นาเสนอโครงงานผา่ นทางอินเตอร์เนต เป็นการเผยแพร่สสู่ าธารณะ
58 ข้ันตอนท่ี 6 กำรนำเสนอโครงงำน การนาเสนอโครงงาน เป็นข้ันตอนสุดท้ายของการทาโครงงาน เป็นทักษะสาคัญของ ผู้รับผิดชอบโครงงานทุกคนที่จะต้องทาหน้าท่ีส่ือสารและถ่ายทอดความดีงามจากโครงงานของ ตนเองออกสู่การรับรู้ของบุคคลอ่ืนและสาธารณะ สมาชิกทุกคนในกลุ่มควรทาความเข้าใจใน รายละเอียดและภาพรวมของโครงงานท้ังหมด แล้วซักซอ้ มการนาเสนอในประเด็นสาคัญๆ ไว้เพ่ือ เตรียมตัวสาหรับการนาเสนอบนเวที การสัมภาษณ์ซักถาม และการนาเสนอหน้าแผ่นป้าย นิทรรศการโครงงาน ให้คณะกรรมการและผู้มาชมนิทรรศการโครงงานสามารถเข้าใจได้ใน ระยะเวลาอนั จากดั ผลงานท่ีควรจะจัดใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ สาคัญ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ช่ือโครงงาน ซื่อผู้ทาโครงงาน ซอื่ ท่ปี รกึ ษาโครงงาน (๒) อธบิ ายยอ่ ๆ ถงึ เหตุจงู ใจในการทาโครงงานและความสาคัญของโครงงาน (๓) วธิ กี ารดาเนินงาน โดยเลือกเฉพาะขน้ั ตอนทเ่ี ด่นและสาคญั (๔) การสาธติ หรือแสดงผลงานทีไ่ ด้จากการทาโครงงาน (๕) ผลการสังเกตหรือขอ้ มลู เดน่ ๆท่ีได้จากการทาโครงงาน
59 แบบทดสอบควำมรู้หลังศึกษำคู่มือ คำอธบิ ำย จงเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งทีส่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว 1. ขอ้ ใดไม่ใช่แนวการเรียนรโู้ ดยใชโ้ ครงงานคณุ ธรรมเปน็ ฐาน ก. พัฒนาวิธกี ารเรยี นรู้ทางปัญญาเพื่อเกือ้ หนนุ ใหผ้ ้เู รียนเข้าถึงตวั ความรู้ ข. เพิม่ ความชานาญทางดา้ นทกั ษะในสิง่ ท่เี รยี น ค. ครเู ป็นที่ปรึกษาใหค้ าแนะนาในการเรยี นรู้ของผู้เรยี นได้อยา่ งเต็มศักยภาพ ง. ครูมคี วามรู้เฉพาะดา้ นตรงกับความสนใจของผู้เรียน 2. ข้อใดถกู ตอ้ งทสี่ ุดเกยี่ วกบั การจดั การเรยี นรู้โดยใช้โครงงานคุณธรรมเป็นฐาน ก. เปน็ กิจกรรมการเรียนรูท้ ่ีครูผสู้ อนให้ผู้เรียนเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ข. ครูผู้สอนคอยกากับการเรียนรขู้ องผ้เู รียน ค. ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมดว้ ยตนเอง ค้นหาปัญหาและแกไ้ ขปญั หา ง. ผ้เู รียนปฏบิ ัติตามคาแนะนาของครู 3. ขอ้ ใดเปน็ ข้ันตอนแรกของการจัดการเรยี นรูโ้ ดยใชโ้ ครงงานคณุ ธรรมเปน็ ฐาน ก. กระตนุ้ ความสนใจ (Motivate) ข. จัดกลุม่ ร่วมมือ (Cooperative) ค. ใหค้ วามรู้พ้นื ฐาน (Knowledge) ง. วางแผน (Plan) 4. ขนั้ ตอนใดท่ีเปน็ ขนั้ ทสี่ รา้ งความสนใจในการเรยี นรโู้ ดยใช้โครงงานคุณธรรมเปน็ ฐาน ก. กระตุ้นความสนใจ (Motivate) ข. ลงมอื ปฏิบตั ิหรอื แก้ปัญหา (Do) ค. ใหค้ วามรูพ้ น้ื ฐาน (Knowledge) ง. วางแผน (Plan)
60 5. ขนั้ ตอนใดที่ครผู ู้สอนให้ผู้เรยี นได้เขียนโครงงานคุณธรรมตามหัวข้อสาคญั ต่างๆ ก. ใหค้ วามรพู้ ืน้ ฐาน (Knowledge) ข. กระต้นุ ความสนใจ (Motivate) ค. ลงมอื ปฏิบัตหิ รอื แก้ปญั หา (Do) ง. วางแผน (Plan) 6. ขัน้ ตอนใดทคี่ รผู ูส้ อนและผู้เรยี นมีสว่ นร่วมในการขน้ั การจดั การเรียนรโู้ ดยใช้โครงงานคุณธรรม มากทีส่ ุด ก. ให้ความรู้พน้ื ฐาน (Knowledge) ข. ประเมินผลระวา่ งปฏบิ ัติโครงงาน (Evaluation) ค. วางแผน (Plan) ง. ลงมือปฏบิ ัติหรอื แก้ปญั หา (Do) 7. ข้อใด คือ บทบาทของครใู นการจดั การเรียนรูโ้ ดยใชโ้ ครงงานคุณธรรมเป็นฐาน ก. ผอู้ านวยความสะดวก ข. ผนู้ า ค. ผู้คอยชแ้ี นะ ง. ผู้ออกคาส่ัง 8. บทบาทสาคัญของผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงงานคุณธรรมเป็นฐาน ก. สามารถเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ข. มีความเช่ียวชาญในเทคโนโลยี ค. มีภาวะผู้นาสูง ง. มีทักษะที่ดีในการสร้าง การออกแบบ 9. ขอ้ ใดกล่าวถงึ โครงงานคณุ ธรรมไดถ้ ูกต้องท่ีสุด ก. ไม่สามารถนาไปใช้ได้จรงิ ในชีวติ ประจาวัน ข. ผ้ทู าโครงงานไมม่ ีสทิ ธิเ์ ลือกหวั ขอ้ โครงงานคุณธรรมของตนเอง ค. ผู้ทาโครงงานสามารถเลือกดาเนินการได้ตามความสนใจและความต้องการแกไ้ ข พฤติกรรมท่ีไม่พงึ ประสงค์ ง. เป็นส่ิงทชี่ ่วยสร้างความสมั พันธ์อนั ดีระหวา่ งผเู้ รยี นกบั ครูท่ปี รกึ ษาโครงงาน
61 10. ขอ้ ใดไมใ่ ช่โครงงานคุณธรรม ก. โครงงานทแี่ กไ้ ขปัญหาดา้ นพฤตกิ รรมไมพ่ ึงประสงคข์ องผู้เรียน ข. โครงงานความดีเชงิ รกุ ไดค้ ิดและปฏบิ ตั ิจรงิ เพอื่ แก้ไขปญั หาความเสือ่ มทาง จริยธรรม ค. โครงงานทมี่ ุง่ แข่งขนั และประกวดเพอ่ื ให้ได้รบั การยกยอ่ งว่าเปน็ โครงงานเสริมสร้าง ความดี ง. โครงงานของผู้เรียนทมี่ ีการสอดแทรกคุณธรรม ในการแก้ปญั หาเชงิ พฤตกิ รรมทีไ่ ม่ พงึ ประสงค์ 11. ข้อใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องโครงงานคณุ ธรรมท่ีผูเ้ รียนจะได้รบั จากการทาโครงงาน ก. มคี วามสุขและสนกุ กับการทางานควบคไู่ ปกบั การส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมใหก้ ับ ผ้เู รยี น ข. พฒั นาความทกั ษะกระบวนการคิด การแกป้ ัญหา และความคิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ ค. สามารถนาไปพฒั นาและใชไ้ ด้จริงในชีวิตประจาวนั และปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมเชงิ บวก ให้กบั ผเู้ รียน ง. นาไปพฒั นาสร้างรายได้จานวนมากให้กบั ผู้เรยี น 12. ขอ้ ใดอยใู่ นข้นั ตอนการวางแผนการทาโครงงาน ก. การเลอื กหัวเร่ืองโครงงาน ข. การศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวข้อง ค. การจดั ทาเค้าโครงงาน ง. ประเมินผลการจัดทาโครงงาน 13. การเลอื กหวั ข้อโครงงานคุณธรรมควรพิจารณาสิ่งใดเปน็ ลาดบั แรก ก. เคยมผี ู้ทาแลว้ ข. ใชท้ รัพยากรหรือทนุ ทรัพย์นอ้ ย ค. ความสามารถของตน ง. สามารถเผยแพรไ่ ด้ในวงกว้าง
62 14. การไดห้ ัวเรื่องโครงงานคณุ ธรรมอาจจะได้มาจากการทากิจกรรมใด ก. การศกึ ษาดงู าน ข. การศึกษาเอกสาร วารสาร ค. การศึกษาค้นคว้าจากอนิ เตอรเ์ นต็ ง. ถกู ทกุ ขอ้ 15. ส่งิ ใดสาคัญท่ีสุดในการทาจดั โครงงานคุณธรรม ก. งบประมาณ ข. ความปลอดภยั ค. ความสวยงาม ง. การใชง้ านไดจ้ รงิ 16. สง่ิ ใดสาคัญในการคดิ หัวขอ้ โครงงานคณุ ธรรม ก. ความคิดสร้างสรรค์ ข. การอยากทดลอง ค. ความตอ้ งการของครู ง. เวลาในการทาโครงงาน 17. ขอ้ ใดไม่เกี่ยวข้องกบั การดาเนนิ การจดั ทาโครงงานคณุ ธรรม ก. เนน้ การปฏบิ ตั ิใช้เทคโนโลยสี มัยใหม่ ข. เนน้ การแสวงหาความรดู้ ว้ ยวิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ค. เนน้ การคดิ เปน็ ทาเป็น แก้ปญั หาไดด้ ว้ ยตนเอง ง. เนน้ การแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง 18. ข้อใดเปน็ ความสาคัญอันดับแรกของการจัดทาโครงงานคณุ ธรรม ก. ทาให้ทราบประโยชน์ของโครงงาน ข. เพื่อเป็นการเลอื กหวั เรื่องทจี่ ะทาโครงงานคณุ ธรรม ค. เปน็ การศกึ ษาความเป็นไปไดข้ องการทาโครงงาน ง. ได้กรอบแนวคิดและแผนการพัฒนาโครงงานทกุ ข้ันตอน
63 19. ข้อใดไม่ใช่ความสาคัญของการนาเสนอโครงงาน ก. การเผยแพรผ่ ลการศึกษาให้ทกุ ฝา่ ยยอมรับ ข. ความเหมาะสมกบั เน้ือหาท่จี ัดแสดง ค. นาเสนอโครงงานให้ครบทกุ หัวข้อ ง. อธบิ ายหลักการและขอ้ ความอย่างถูกตอ้ ง 20. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับคากล่าวท่ีว่าการทาโครงงานคุณธรรมสามารถทาได้ทุก รายวิชา ก. เห็นด้วย เพราะตามความต้องการของผู้เรียน ข. เห็นด้วย เพราะทุกสาระการเรียนรู้สามารถนามาประยุกต์เป็นการเรียนแบบโครงงานได้ ค. ไม่เห็นด้วย เพราะตามความต้องการของผู้สอน ง. ไม่เห็นด้วย เพราะทุกสาระการเรียนรู้ไม่สามารถนามาประยุกต์เป็นการเรียนแบบ โครงงานได้
64 เฉลยแบบทดสอบควำมรู้หลงั ศกึ ษำค่มู ือ ข้อ คำตอบ ขอ้ คำตอบ 1 ก 11 ง 2 ค 12 ค 3 ค 13 ค 4 ก 14 ง 5 ง 15 ง 6 ข 16 ก 7 ก 17 ก 8 ก 18 ข 9 ค 19 ค 10 ค 20 ข
65 เอกสำรอำ้ งองิ กลุ่มงานหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานและปฏิรูปการเรียนรู้ กลุ่มนิเทศติดตาม ตรวจสอบและ ประเมินผลการจัดการศึกษา สานักงานพ้ืนท่ีการศึกษานนทบุรี เขต 1 .เอกสำร ประกอบกำรอบรมโครงกำรขับเคลื่อนหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน พทุ ธศักรำช 2551 และ กระบวนกำรคดิ . พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตว์โส.(2559) คู่มือโครงงำนคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ. พิมพ์คร้ังที่ 5. กรุงเทพฯ : กลุ่มกัลยาณมติ รเพอ่ื เครอื ข่ายวธิ พี ทุ ธ (กคพ.) มูลนธิ โิ รงเรียนรุ่งอรุณ. ดุษฎี โยเหลาและคณะ. (2557) การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (PROJECT- BASED LEARNING) ตอนท่ี 1. สืบค้น 21 พฤษภาคม 2563, จาก http://candmbsri.wordpress.com. สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้ื น ฐ า น . เ อ ก ส ำ ร ป ร ะ ก อ บ ห ลั ก สู ต ร แ ก น ก ล ำ ง ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ข้ั น พ้ื น ฐ ำ น พุทธศักรำช 2551. สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้ื น ฐ า น . ( 2 5 5 3 ) แ น ว แ น ว ท ำ ง ก ำ ร จั ด ก ำ ร เ รี ย น รู้ ต ำ ม ห ลั ก สู ต ร แ ก น ก ล ำ ง กำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 พิมพ์คร้ังที่ 2 : โรงพิมพ์ชุมชน สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. Anderson, L W, & Krathwohl D R. (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman. Bloom B S. (1956). Taxonomy of Educational Objectives, the classification of educational goals – Handbook I: Cognitive Domain. New York:McKay.
66 ภำคผนวก - ตัวอยำ่ งหนว่ ยกำรเรยี นรู้ - ตวั อยำ่ งแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ - ใบกิจกรรมที่ 1 กำรวเิ ครำะห์มำตรฐำนกำรเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ในกำรจัดกำรเรียนรโู้ ดยใช้โครงงำนคณุ ธรรม เปน็ ฐำน - ใบกิจกรรมที่ 2 กำรออกแบบกำรเรียนรู้ - ใบกจิ กรรมท่ี 3 เขยี นหน่วยกำรเรียนรู้ - ใบกจิ กรรมที่ 4 เขยี นแผนกำรจัดกำรเรียนรู้
67 ตวั อย่ำงหนว่ ยกำรเรียนรู้ หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ 1 เร่อื ง เรำจะเปน็ พลเมืองดีตำมวิถีประชำธิปไตย รหสั วิชำ ส22101 รำยวชิ ำ สังคมศึกษำ 4 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 2 เวลำเรียน 4 ชั่วโมง ___________________________________________________________________________ 1. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั 1.1 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ิตนตามหน้าทข่ี องการเป็นพลเมืองดีมคี า่ นยิ มที่ดงี าม และธารงรักษาประเพณี และวัฒนธรรมไทย ดารงชวี ติ อยรู่ ว่ มกันในสงั คมไทย และสังคมโลกอย่างสันตสิ ุข 1.2 ตวั ช้วี ัด 2.1 ม.2/2 เห็นคุณคา่ ในการปฏบิ ตั งิ านตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรภี าพ หน้าทใ่ี นฐานะ พลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย 2. สำระสำคญั / ควำมคิดรวบยอด การปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ เป็นหน้าท่ีของพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ทาให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าในการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ เป็นหน้าที่ของพลเมืองดีตาม วิถปี ระชาธิปไตย 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 สถานภาพ บทบาท สทิ ธเิ สรภี าพ หน้าทใ่ี นฐานะพลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธิปไตย 3.2 แนวทางส่งเสรมิ ให้ปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 4.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 5.1 มีวินยั 5.2 ใฝเ่ รยี นรู้ 5.3 มงุ่ มั่นในการทางาน
68 6. คุณธรรมที่สอดคล้อง (คุณธรรมพืน้ ฐำน คณุ ลักษณะสจุ ริต หรอื คณุ ธรรมอตั ลักษณข์ องโรงเรยี น) 6.1 มวี ินัย (คณุ ธรรมพ้ืนฐาน) 6.2 มีความรับผิดชอบ(คุณลักษณะสุจริต) 7. ช้นิ งำน / ภำระงำน 7.2 ใบงานท่ี 1 เรื่อง พลเมืองดี 7.2 ใบงานที่ 2 เร่อื ง เคา้ โครงของโครงงานคณุ ธรรม 7.3 โครงงานคุณธรรม 8. กำรวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมอื เกณฑ์ 8.1 กำรวดั และประเมนิ ผลก่อนเรยี น 6 คะแนนข้ึนไปผ่านเกณฑ์ วธิ กี ำร เกณฑ์ ทดสอบ แบบทดสอบกอ่ นเรียน 5 คะแนนขึ้นไปผา่ นเกณฑ์ 8.2 กำรวดั และประเมินผลระหวำ่ งเรียน วธิ ีกำร เคร่อื งมือ ตรวจใบงาน ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง พลเมอื งดี ประเมนิ การอภิปราย แบบประเมนิ การอภปิ ราย คณุ ภาพระดับ 2 ผ่านเกณฑ์ ประเมินการนาเสนอ ตรวจและประเมินเคา้ โครง แบบประเมนิ การนาเสนอ คุณภาพระดบั 2 ผ่านเกณฑ์ ของโครงงานคุณธรรม - ใบงานที่ 2 เคา้ โครงของโครงงาน คณุ ภาพระดบั 2 ผา่ นเกณฑ์ การประเมินกระบวนการ คุณธรรม จดั ทาโครงงานคุณธรรม - แบบประเมนิ เค้าโครงของโครงงาน สังเกตพฤติกรรมการทางาน คณุ ธรรม กล่มุ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน คุณภาพระดบั 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน คณุ ภาพระดบั 2 ผ่านเกณฑ์ กล่มุ
69 8.3 กำรวดั และประเมนิ ผลหลังเรยี น เคร่ืองมือ เกณฑ์ วิธกี ำร 6 คะแนนข้นึ ไปผ่านเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ทดสอบ แบบทดสอบหลงั เรยี น ประเมนิ แบบประเมนิ สมรรถนะสาคัญและ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ผู้เรียน 9. กจิ กรรมกำรจัดกำรเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 ข้ันที่ 1 ใหค้ วำมรู้พื้นฐำน (Knowledge) - สนทนาร่วมกันเกี่ยวกับเก่ียวกับการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ี ของตนเองในฐานะพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย ขัน้ ท่ี 2 กระตุน้ ควำมสนใจ (Motivate) - ดูคลปิ วดิ ีโอ เกยี่ วกับการเปน็ พลเมืองดี และให้ผเู้ รียนรว่ มอภปิ รายรว่ มกัน - แบง่ กล่มุ อภิปรายเกย่ี วกับคลปิ วดิ โี อดงั กล่าว - ร่วมกนั สรปุ การอภิปรายคลปิ วดี โี อดังกลา่ ว - แบ่งกลุ่มสมาชิก สบื คน้ ข่าว หรอื ขอ้ มลู และวิเคราะห์ - ตัวแทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอข่าวทกี่ ลุ่มนามาวเิ คราะห์ - สรุปการวเิ คราะหข์ า่ วและแนวทางการส่งเสริมการเปน็ พลเมืองดรี ่วมกัน - ศกึ ษาความรู้เกีย่ วกับโครงงานคุณธรรม - สรุปความรู้เพ่มิ เติมเก่ียวกับโครงงานคุณธรรมเพื่อการจัดทาโครงงานคุณธรรมของผู้เรียนต่อไป - แบ่งกลุ่มสมาชิก เพ่ือร่วมกันคิดหัวข้อการโครงงานคุณธรรม โดยครูให้คาข้อแนะนาและ คาปรึกษา - สรปุ หวั ข้อปญั หาท่ีจะจดั ทาโครงงานคณุ ธรรม - ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมจากหัวข้อโครงงานคุณธรรม เพ่ือนาไปเขียนเค้าโครงของโครงงาน คุณธรรม ชว่ั โมงที่ 2 ขน้ั ท่ี 3 วำงแผน (Plan) - ปฏิบัติกจิ กรรม สติเป็นฐาน/เปา่ ลมหายเข้า-ออก เพื่อให้ผเู้ รยี นมีสติในการเรียนรู้ - ทบทวนในส่งิ ที่ผูเ้ รยี นไดเ้ รียนรชู้ ว่ั โมงทผี่ า่ นมา - แตล่ ะกลุม่ ทบทวนการเขยี นเคา้ โครงของโครงงาน
70 ขัน้ ท่ี 4 จดั กลมุ่ รว่ มมือ (Cooperative) - แบ่งสมาชิกในกลุ่มท่ีรับผิดขอบตามหัวข้อโครงงานคุณธรรม และทบทวนหน้าท่ีและความ รับผดิ ชอบผูเ้ รยี นแตล่ ะกลุ่ม - แบ่งหน้าทก่ี ันทางานโครงงานใหช้ ดั เจน โดยใหก้ าหนดวา่ แตล่ ะในกล่มุ มีหนา้ ทอี่ ะไรบ้าง - สอบถามหัวข้อและการแสวงหาความรู้ กิจกรรมตามหัวขอ้ ที่ได้รับมอบหมาย ผู้เรียนปฏิบัติตาม กระบวนการการทางานโครงงานคณุ ธรรม - ร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทีต่ อ้ งดาเนนิ การของแต่ละกลุม่ เพ่ือนาไปสู่ขั้นการตรวจสอบของโครงงาน คณุ ธรรมตอ่ ไป ชั่วโมงที่ 3 ขน้ั ที่ 5 ลงมือแก้ปญั หำ (Do) - ทบทวนส่งิ ทเี่ รียนรูใ้ นช่ัวโมงท่ีแล้ว ซ่งึ แตล่ ะกลมุ่ ไดว้ างแผนและจดั ทาเค้าโครงของโครงงาน คุณธรรม - ตรวจสอบความถูกต้องของหัวข้อโครงงานท่ีผู้เรียนจะนาไปปฏิบัติและปัญหาตาม กระบวนการการทางานของโครงงาน - ดาเนนิ การปฏิบตั ิหรอื แกไ้ ขปญั หาตามแผนทกี่ าหนด ขั้นท่ี 6 ประเมินผลระหวำ่ งปฏิบัตโิ ครงงำน ( Evaluation) - รายงานความกา้ วหน้าและตรวจสอบขอ้ มูลความถกู ตอ้ งเป็นระยะ - ประเมินผลโครงงาน วา่ ตอ้ งมกี ารแกไ้ ขหรอื ไม่ มปี ัญหาหรอื วิธกี ารแกไ้ ขอย่างไร - แนะนา/ให้คาปรกึ ษา ตลอดระยะเวลาการทาโครงงาน - สรุปความรู้ร่วมกันจากสิ่งท่ีได้ดาเนินการจัดทาโครงงานคุณธรรม การปรับปรุงพัฒนาก่อน การนาเสนอโครงงานคณุ ธรรมในช่ัวโมงหนา้ ชั่วโมงที่ 4 ขน้ั ท่ี 7 นำเสนอผลงำน (Presentation) - ครใู หผ้ เู้ รยี นจัดเตรยี มการนาเสนอโครงงานตามหัวขอ้ ของตนเอง - จดั เตรียมสถานทีน่ าเสนอโครงงานคณุ ธรรมภายในชั้นเรยี น - นาเสนอโครงงานตามหวั ขอ้ ของตนเอง - ประเมินการนาเสนอผลงาน ตามกระบวนการการทางานของโครงงานคุณธรรม - เปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นกลุ่มอ่นื ซักถามข้อสงสยั - แลกเปลย่ี นเรยี นรู้กับผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ เพ่อื เชอ่ื มโยงเก่ยี วกบั ส่ิงที่ผเู้ รียนได้ปฏบิ ตั ิกิจกรรม - ร่วมกันสรุปสิ่งที่ผู้เรียนจัดทาโครงงาน กระบวนการจัดทาโครงงานคุณธรรม และประโยชน์ที่ ได้รับ นาไปเชอื่ มโยงกับชีวิตประจาวนั ของผู้เรียน
71 10. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ 10.1 ส่ือกำรเรียนรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานสงั คมศึกษา ระดับข้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 2) ใบความรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ความรู้เกีย่ วกบั โครงงานคุณธรรม 3) ใบความร้ทู ี่ 2 เรื่อง ข้นั ตอนการจัดทาโครงงานคุณธรรม 4) ใบงานท่ี 1 เรื่อง พลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย 5) ใบงานท่ี 2 เร่ือง เค้าโครงของโครงงานคุณธรรม 6) คลิปวดิ โี อ https://www.youtube.com/watch?v=6olmV8AgBSY 10.2 แหล่งเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ โรงเรยี น 2) เว็บไซต์แหลง่ ข่าวท่เี ก่ียวขอ้ ง
72 แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ ลำดบั ช่ือ – สกลุ กำรแบง่ ควำมรว่ มมือ กำรแสดง กำรรบั ฟงั ควำมมีนำ้ ใจ รวม ที่ ของผรู้ ับกำร หน้ำท่กี นั กันทำ ควำมคิดเห็น ควำมคิดเห็น ช่วยเหลือกัน 20 กิจกรรม คะแนน ประเมนิ อยำ่ ง เหมำะสม 43214321432143214321 เกณฑ์กำรให้คะแนน 4 ลงชอ่ื ..............................................................................ผู้ประเมิน ดมี าก = 3 ......................./.........................../........................ ดี = 2 พอใช้ = 1 เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ ปรบั ปรงุ = ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ 18-20 ดีมาก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรบั ปรุง
73 แบบประเมนิ สมรรถนะสำคัญและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี น กลมุ่ ท.ี่ .............ชอื่ กลมุ่ ...................................................................................จานวน...............คน สงั เกตพฤติกรรมตัง้ แต่วนั ที่...................เดอื น...........................พ.ศ....................... สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เลขที่ ช่ือ-สกุล ควำมสำมำรถในกำรคิด รวม (2) (12) ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ (2) ควำมสำมำรถในกำรใ ้ชทักษะ ีช ิวต (2) ีม ิวนัย (2) ใ ่ฝเรียนรู้ (2) ุ่มง ั่มนในกำรทำงำน (2) เกณฑก์ ำรประเมินในกำรสงั เกตพฤติกรรม มดี ังนี้ คะแนน 9 – 10 ดมี าก คะแนน 6 – 8 ดี คะแนน 3 – 5 พอใช้ คะแนน 1 – 2 ควรปรับปรุง
74 ตวั อยำ่ งแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท่ี 1 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ สังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม รำยวิชำ สังคมศกึ ษำ 2 รหัสวชิ ำ ส 22101 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง เรำจะเป็นพลเมืองดีตำมวถิ ีประชำธิปไตย เวลำเรยี น 1 ช่วั โมง ___________________________________________________________________________ 1. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั 1.1 มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ส 2.1 เข้าใจและปฏิบตั ิตนตามหนา้ ที่ของการเป็นพลเมืองดีมคี ่านยิ มทด่ี งี าม และธารงรกั ษาประเพณี และวฒั นธรรมไทย ดารงชวี ติ อยู่รว่ มกันในสงั คมไทย และสังคมโลกอย่างสันติสุข 1.2 ตวั ช้ีวดั 2.1 ม.2/2 เห็นคุณคา่ ในการปฏบิ ตั ิงานตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิเสรภี าพ หนา้ ท่ใี นฐานะ พลเมอื งดีตามวถิ ีประชาธิปไตย 2. สำระสำคัญ / ควำมคิดรวบยอด การปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ เป็นหน้าที่ของพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ทาให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าในการปฏิบัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ เป็นหน้าท่ีของพลเมืองดีตาม วิถปี ระชาธิปไตย 3. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 3.1 วิเคราะหก์ ารปฏบิ ัติตนและผลของการเป็นพลเมืองดีตามสถานภาพ บทบาท สิทธเิ สรภี าพ และ หน้าทไ่ี ด้ 3.2 อภปิ รายการปฏิบัติตนเปน็ พลเมอื งดีตามสถานภาพ บทบาท สิทธเิ สรภี าพ และหน้าทไี่ ด้ 3.3 เหน็ คณุ คา่ ในการปฏบิ ัติตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ เป็นหนา้ ท่ขี องพลเมืองดีตาม วิถปี ระชาธปิ ไตย 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 สถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ หนา้ ทีใ่ นฐานะพลเมืองดตี ามวิถีประชาธปิ ไตย 4.2 แนวทางสง่ เสริมให้ปฏิบัตติ นเป็นพลเมืองดตี ามวถิ ปี ระชาธิปไตย
75 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 5.1 ความสามารถในการคดิ 5.2 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 มวี นิ ัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มงุ่ มั่นในการทางาน 7. คณุ ธรรมที่สอดคล้อง (คุณธรรมพ้นื ฐำน คุณลักษณะสุจริต หรือคุณธรรมอัตลกั ษณข์ องโรงเรยี น) 7.1 มวี ินัย 7.2 มีความรบั ผิดชอบ 8. กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ กจิ กรรมนำสูก่ ำรเรียน ครูใหผ้ ้เู รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 1 เรือ่ ง เราจะเปน็ พลเมืองดีตามวิถีประชาธปิ ไตย ขัน้ ที่ 1 ใหค้ วำมรู้พนื้ ฐำน (Knowledge) - ครูสนทนาร่วมกับผู้เรียนเกี่ยวกับเก่ียวกับการปฏิบัตติ นตามสถานภาพ บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ีของตนเองในฐานะพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย ผู้เรียนจะปฏิบัติตนเองอย่างไรจึงเหมาะสม แนว คาตอบ การปฏิบตั ติ นเป็นผู้เรียนท่ดี ี ลกู ทีด่ ีของพ่อแม่ เคารพสทิ ธิ เสรีภาพผอู้ ื่น ข้ันท่ี 2 กระตุ้นควำมสนใจ (Motivate) - ครูให้ผู้เรียนดูคลิปวิดีโอ เกี่ยวกับการเป็นพลเมืองดี และให้ผู้เรียนร่วมอภิปรายว่า “หาก ผ้เู รียนเปน็ ผ้ชู ายในคลปิ วดี ีโอ ผูเ้ รยี นจะปฏิบัติเช่นน้นั หรอื ไม่” เพราะเหตุใด - ผเู้ รยี นแบง่ กลมุ่ อภปิ รายเก่ียวกบั คลปิ วดิ โี อดังกลา่ ว - ครูและผเู้ รียนรว่ มกนั สรปุ การอภปิ รายคลปิ วดี โี อดังกลา่ ว กิจกรรมพฒั นำกำรเรยี นรู้ - ผู้เรียนแบ่งกลุ่มสมาชิก 5 คน โดยให้ผู้เรียนสืบค้นข่าว หรือข้อมูลเกี่ยวกับการกระทาของ บุคคลที่แสดงวา่ เป็นพลเมืองดมี าวิเคราะห์ ลงในใบงานที่ 1 เร่อื ง พลเมืองดี แลว้ ตอบคาถามตามที่กาหนด - ตัวแทนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอขา่ วทีก่ ลุ่มนามาวเิ คราะห์ - ครูและผูเ้ รียนร่วมกันสรปุ การวเิ คราะห์ขา่ วและแนวทางการสง่ เสริมการเป็นพลเมืองดีรว่ มกนั
76 - ผู้เรียนศึกษาเก่ียวกับโครงงานคุณธรรมจากใบความรู้ที่ 1 เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ โครงงานคุณธรรม - ครูสรุปความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงงานคุณธรรมเพื่อการจัดทาโครงงานคุณธรรมของผู้เรียน ต่อไป - ผู้เรียนแบง่ กลุ่มสมาชิก 4-5 คน เพื่อร่วมกนั คิดหัวขอ้ การโครงงานคณุ ธรรมทมี่ ี แรงบนั ดาลใจ จากคลปิ วดี โี อดงั กลา่ ว - ครูให้ข้อแนะนาว่า โครงงานคุณธรรมที่ผู้เรียนจัดทาเป็นโครงงานคุณธรรม เพื่ออาจเป็นการ ปรบั พฤตกิ รรมที่ไม่พึงประสงค์ในหอ้ งเรียนของผเู้ รยี น โดยใช้โครงงานคุณธรรมในการแก้ปญั หาพฤตกิ รรมท่ไี ม่ พึงประสงคน์ ้นั กิจกรรมรวบยอด - ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่มสรปุ หัวข้อปัญหาทจี่ ะจัดทาโครงงานคณุ ธรรม - ครูให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากหัวข้อโครงงานคุณธรรม เพื่อนาไปเขียนเค้าโครงของโครงงาน ใบงานท่ี 2 เร่ือง เรื่อง เค้าโครงของโครงงานคุณธรรม โดยศึกษาจากใบความรู้ที่ 2 เร่ือง ข้ันตอนการจัดทา โครงงานคุณธรรม (ผู้เรียนเตรียมเค้าโครงโครงงานคุณธรรมมาล่วงหน้าเพื่อนาเสนอในคาบเรียนต่อไป ระหว่างนี้ผเู้ รยี นสามารถปรกึ ษาครูผูส้ อนได้) 9. กำรวดั และประเมินผล รำยกำร วิธีกำร เครือ่ งมือ เกณฑ์ ทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 1 ทาแบบทดสอบ เรอื่ ง แบบทดสอบหนว่ ยที่ 1 6 คะแนนขึ้นไป เรอ่ื ง เราจะเปน็ พลเมืองดี เราจะเปน็ พลเมืองดตี าม เรอื่ ง พฤติกรรมผู้บรโิ ภค ผ่านเกณฑ์ ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย วิถีประชาธปิ ไตย วิเคราะหก์ ารปฏบิ ัตติ นและ ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง พลเมือง ใบงานที่ 1 เรอ่ื ง พลเมืองดี 5 คะแนนขน้ึ ไป ผลของการเป็นพลเมืองดี ดี ผ่านเกณฑ์ ตามสถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรภี าพ และหน้าที่ได้ อภปิ รายการปฏบิ ัติตนเปน็ ประเมนิ การอภปิ ราย แบบประเมินการอภิปราย ระดับคุณภาพ 2 พลเมืองดตี ามสถานภาพ ผา่ นเกณฑ์ บทบาท สิทธิเสรภี าพ และ หนา้ ที่ได้
77 รำยกำร วิธกี ำร เครื่องมอื เกณฑ์ เห็นคุณค่าในการปฏบิ ัติตน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ตามสถานภาพ บทบาท รายบคุ คล รายบคุ คล ผ่านเกณฑ์ สทิ ธิเสรีภาพ เป็นหน้าที่ของ พลเมืองดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตย นาเสนอผลงาน ประเมินการนาเสนอ แบบประเมินการนาเสนอ ระดับคุณภาพ 2 ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์ 10. วสั ดุ อุปกรณ์ สื่อและแหลง่ เรยี นรู้ 10.1 วสั ดุ อปุ กรณ์ ส่ือและกำรเรียนรู้ - หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานสังคมศึกษา ระดบั ข้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 - ใบความร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง ความร้เู ก่ยี วกับโครงงานคุณธรรม - ใบความรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง ขนั้ ตอนการจัดทาโครงงานคุณธรรม - ใบงานท่ี 1 เรื่อง พลเมืองดี - ใบงานที่ 2 เรื่อง เคา้ โครงของโครงงานคณุ ธรรม - คลิปวดิ โี อ https://www.youtube.com/watch?v=6olmV8AgBSY 10.2 แหล่งเรยี นรู้ - ห้องสมุดโรงเรียน - เว็บไซต์ข่าวทีเ่ กี่ยวข้อง 11. บันทกึ หลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ 11.1 ผลการจดั กจิ กรรม .................................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... ....................................................................................... 11.2 ปญั หาทพี่ บ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 11.3 ข้อเสนอแนะและแนวทางการแกป้ ัญหา .................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................... ..................................................................................... ลงชอ่ื ............................................................. ครูผสู้ อน (................................................)
78 ควำมคิดเหน็ ของผู้บรหิ ำร ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................... ......................................... ........................................................................................ ...................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ ............................................................. (................................................) ตาแหนง่ ..................................................
79 แบบประเมนิ กำรนำเสนอผลงำน กลมุ่ ท่ี .......... ม.2/......... สมำชิกกลุ่ม 1. ชอ่ื -สกลุ ...........................................................................................เลขที่........ 2. ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................เลขที่........ 3. ช่อื -สกลุ ...........................................................................................เลขที่........ 4. ช่อื -สกลุ ...........................................................................................เลขท.่ี ....... 5. ชอื่ -สกุล...........................................................................................เลขที่........ ลำดับที่ รำยกำรประเมิน คุณภำพกำรปฏิบัติ 4321 1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วธิ กี ารนาเสนอ 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชอื่ ..............................................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชดั เจน / /...................... ........................... ........................ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมค่อนขา้ งสมบูรณ์ ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเปน็ บางสว่ น ให้ 4 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องมาก ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์กำรตดั สนิ คณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภำพ 18-20 ดมี าก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ปรับปรงุ ต่ากวา่ 10
80 แบบประเมนิ กำรอภิปรำย กลุ่มที่ .......... ม.2/......... สมำชิกกลุ่ม 1. ชือ่ -สกลุ ...........................................................................................เลขท.ี่ ....... 2. ชอ่ื -สกุล...........................................................................................เลขที่........ 3. ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................เลขท่.ี ....... 4. ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................เลขท.ี่ ....... 5. ชือ่ -สกุล...........................................................................................เลขท่.ี ....... ลำดบั ที่ รำยกำรประเมิน คุณภำพกำรปฏิบตั ิ 321 1 การแสดงความคิดเห็น 2 ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อืน่ รวม 3 ตรงประเดน็ 4 มีความเชอ่ื มัน่ ในการแสดงออก เกณฑก์ ำรประเมนิ ผล ลงชอ่ื ..............................................................................ผู้ประเมนิ ระดับคะแนน / /...................... ........................... ........................ 9 – 12 คะแนน 5 – 8 คะแนน เกณฑ์ 1 – 4 คะแนน ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
81 เกณฑ์กำรประเมนิ กำรอภปิ รำย หวั ข้อกำรประเมนิ เกณฑ์กำรให้คะแนน การแสดงความคดิ เหน็ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1) ยอมรบั ฟังความคิดเห็น ของผู้อ่นื แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเหน็ ได้ แสดงความคิดเหน็ ได้ ตรงประเด็น อย่างชดั เจนและถกู ต้อง อย่างถูกต้อง บางสว่ น มคี วามเชอ่ื มัน่ ในการ แสดงออก เหมาะสม ยอมรบั ฟังความคดิ เห็น ยอมรับฟังความคิดเหน็ ไม่ยอมรับฟังความ ของเพอ่ื นทกุ คนในกลุ่ม ของเพ่ือนบางคนในกลมุ่ คดิ เห็นของเพื่อนในกลมุ่ ตา่ งคนต่างมคี วามเห็น เปน็ ของตนเอง อภปิ รายได้ตรงประเด็น อภปิ รายไดต้ รงประเด็น อภปิ รายได้ตรงประเด็น ชดั เจน เพยี งบางสว่ น มีความเชอ่ื ม่นั ในการ มคี วามเชอื่ ม่ันในการ มีความเชอื่ มนั่ ในการ แสดงออกได้อย่าง แสดงออกได้อย่าง แสดงออกค่อนขา้ งนอ้ ย ถูกต้องเหมาะสม เหมาะสม เกณฑ์กำรประเมนิ ผล เกณฑ์ ระดบั คะแนน ดี 9 – 12 คะแนน 5 – 8 คะแนน พอใช้ 1 – 4 คะแนน ควรปรบั ปรุง
82 เกณฑก์ ำรประเมินใบงำนที่ 1 เร่อื ง พลเมืองดี หัวข้อกำรประเมิน เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) บุคคลในข่าวปฏบิ ัตติ นเปน็ วิเคราะห์การปฏิบัติตน วิเคราะห์การปฏบิ ตั ิตน วิเคราะห์การปฏบิ ัติตน พลเมอื งดอี ยา่ งไรบา้ ง ของบุคคลในขา่ วได้อยา่ ง ของบุคคลในข่าวได้อยา่ ง ของบุคคลในขา่ วได้ ถกู ต้องชัดเจน ถูกต้อง บางสว่ น การปฏิบตั ติ นของบุคคล มี วเิ คราะห์การปฏิบัติตน วิเคราะห์การปฏบิ ตั ิตน วิเคราะห์การปฏิบตั ติ น ผลดีต่อตนเอง สงั คม และ ของบุคคล มีผลดีต่อ ของบุคคล มผี ลดีต่อ ของบุคคล มผี ลดตี ่อ ประเทศชาติอยา่ งไร ตนเอง สงั คม และ ตนเอง สงั คม และ ตนเอง สังคม และ ประเทศชาติได้อยา่ ง ประเทศชาติได้อย่าง ประเทศชาติไดเ้ พยี ง ถกู ต้องชดั เจน ถูกต้อง บางส่วนทถ่ี กู ต้อง ผเู้ รยี นสามารถนาแนว ผเู้ รยี นสามารถนาแนว ผู้เรียนสามารถนาแนว ผเู้ รียนสามารถนาแนว ทางการปฏบิ ัติตนของ ทางการปฏิบัติตนของ ทางการปฏบิ ัติตนของ ทางการปฏบิ ัตติ นของ บุคคลในขา่ วไปประยุกต์ บุคคลในขา่ วไปประยุกต์ บุคคลในขา่ วไปประยุกต์ บคุ คลในข่าวไปประยุกต์ ในการปฏิบตั ิตนอย่างไร ในการปฏบิ ัตติ นได้อย่าง ในการปฏบิ ตั ติ นได้อยา่ ง ในการปฏบิ ตั ติ นได้บา้ ง บ้าง ถูกต้องชดั เจน ถูกต้อง บางสว่ น เกณฑก์ ำรประเมินผล เกณฑ์ ระดบั คะแนน ดี 7 – 9 คะแนน 4 – 6 คะแนน พอใช้ 1 – 3 คะแนน ควรปรบั ปรุง
83 แบบสังเกตพฤติกรรมรำยบคุ คล ลำดบั ชอ่ื – สกลุ ควำมรว่ มมือ กำรแสดง กำรรบั ฟัง ควำมมีน้ำใจ มคี วำม รวม ท่ี ของผู้รับกำร ในกำรปฏบิ ตั ิ ควำมคิดเห็น ควำมคิดเห็น ช่วยเหลือ รบั ผดิ ชอบ 20 คะแนน ประเมิน กจิ กรรม 4321 4321 4321 4321 4321 เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 4 ลงชือ่ ..............................................................................ผปู้ ระเมิน ดมี าก = 3 ......................./.........................../........................ ดี = 2 พอใช้ = 1 เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ ปรับปรุง = ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 18-20 ดมี าก 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรับปรุง
84 ใบควำมรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ควำมรเู้ ก่ียวกับโครงงำนคุณธรรม 1. ควำมหมำยของโครงงำนคณุ ธรรม โครงงานคณุ ธรรม หรอื โครงงานความดี เปน็ นวตั กรรมการเรียนร้ทู ี่สง่ เสริมการทาความดีมี คุณธรรม แบบเชิงรุก โดยให้ผู้เรียนที่เป็นเด็กและเยาวชนเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของกิจกรรมการเรียนรู้ นี้เอง ผ่าน เทคนคิ วิธีการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Approach) โดยประเด็นท่ีเลือกทาโครงงาน นั้นเกิดขึ้นมาจาก ความสนใจและความคิดริเร่ิมของผเู้ รียนเอง เนน้ การเรียนรู้ผ่านกระบวนการกลุ่มท่ี ลงมือปฏิบตั ิงานจริง ด้วย ความพากเพียรพยายามอย่างจดจ่อต่อเน่ืองในชว่ งระยะเวลาทีย่ าวนานพอสมควร (ต้องทางานจริงไมน่ ้อยกว่า 2 เดือน) ในลักษณะวิจัยปฏิบัติการ (action research) นาไปสู่ การแก้ไขปัญหาด้านความเสื่อมทรามทาง ศลี ธรรม และส่งเสรมิ การบ่มเพาะความดีมคี ุณธรรมอย่าง เป็นรูปธรรมและเปน็ ระบบ รวมทั้งการขยายความมี สว่ นร่วมไปสูบ่ คุ คลตา่ งๆ ในสถานศกึ ษาและ ชุมชนของตนเองหรือชมุ ชนอ่นื ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 2. ควำมสำคญั ของโครงงำนคณุ ธรรม มีความสาคัญในการจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนสามารถบูรณาการ เข้ากับทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยนาคุณธรรม มาเป็นแนวทางในการพัฒนา แก้ไขปัญหาภายในชุมชน และส่งเสริมการทาความดีโดยมีส่วน ร่วมและทุกฝ่ายก็ได้รับประโยชน์สุขร่วมกันหมด กล่าวคือ ปัญหาต่างๆ ในโรงเรียนชุมชนได้รับการพิจารณา แก้ไขเด็กและเยาวชนได้รับการปลูกฝ่ังบ่มเพาะซึมซบั และเรียนรูค้ ุณธรรมต่างๆ ด้วยความรสู้ ึกเป็นเจ้าของเด็ก และเยาวชนได้รับการปลูกฝ่ังบ่มเพาะซึมซับและเรียนรู้คุณธรรมความดีงามต่างๆ ด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ เดก็ และเยาวชนไดฝ้ ึกฝนและพฒั นาทักษะการคดิ วเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ คดิ แก้ปญั หาคิดเชงิ ระบบคดิ ประเมิน ค่า ฯลฯ ผ่านการทาโครงงานอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เด็กและเยาวชนได้รับการฝึกทักษะการทางานจริ ง การ ทางานเป็นระบบ ความรับผิดชอบต่องาน และได้รับการฝึกทักษะทางสังคมผ่านกระบวนการทางานเป็นกลุ่ม ใหญ่ในระยะเวลายาวนานพอสมควร และเมอ่ื โครงงานน้ันๆ ไดม้ ีการขยายผลไปถึงการแก้ปัญหาในครอบครัว สถานท่ีสาคัญทางศาสนา ชุมชน พ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้นาทางศาสนา และคนในชุมชนก็จะได้รับอานิสงส์แห่ง ประโยชนส์ ุขน้นั ด้วย ผูบ้ ริหารและคณะครกู ็จะเบาใจสบายไม่ต้องกังวลเครียดกับปญั หาที่ส่ังสมไว้มากมายโดย ไม่มกี ารแก้ไข 3. ประเภทของโครงงำน แบ่งตามหลกั ลักษณะการเรียนรขู้ องหลักสตู รการศึกษา เป็น 2 ประเภท 3.1 โครงงำนตำมกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ เป็นการบูรณาการความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และ คา่ นิยมของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ เป็นพน้ื ฐานในการกาหนดโครงงานปฏิบตั ิ
85 3.2 โครงงำนตำมควำมสนใจ หรอื โครงงำนอิสระ เป็นโครงงานที่ผู้เรียนกาหนดข้ันตอนตามความ ถนัด ความสนใจ ตามความต้องการ โดยนาทักษะ คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมในกลุ่มสาระต่าง ๆ มา บรู ณาการเปน็ โครงงานการปฏบิ ัติ ************************************************** ท่มี า : https://sites.google.com/site/krutermsaksuwan/home/keiyw-kab-khru-teim- sakdi/khwam-ru-reuxng/khwam-hmay-khxng-khorng-ngan/prayochn-khxng-khorng- ngan/watthuprasngkh-kar-reiyn-ru-baeb-khorng-ngan/prapheth-khxng
86 ใบควำมรทู้ ี่ 2 เรอื่ ง ขนั้ ตอนกำรจัดทำโครงงำนคุณธรรม ขน้ั ตอนที่ 1 กำรตระหนกั คดิ และเลือกหัวเร่อื งทจี่ ะทำโครงงำน ขน้ั ตอนน้ีเป็นการตระหนักคิดและเลือกหวั ข้อในการจัดทาโครงงาน ซ่ึงเป็นข้ันตอนท่ีสาคัญท่ีสุดและ ยากที่สุด ท่ีต้องอาศัยภาวะการตระหนักคิดในสถานการณ์หรือสภาพปัญหาด้วยสติปัญญา หรือภาวะท่ีมีแรง บนั ดาลใจที่จะทาสิ่งดีงามอะไรบางอย่างที่เป็นความฝันหรืออุดมคติ ซ่ึงอาจจะเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น ในเร่ืองต่างๆ ของผเู้ รียนเองโดยตรง จากการอ่านหนงั สอื เอกสาร บทความ หรือการสงั เกตจากปรากฏการณ์ ต่างๆ รอบๆข้างหัวขอ้ โครงงาน ต้องเป็นเร่อื งเฉพาะเจาะจงและชดั เจนวา่ โครงงานนี้ทาอะไร เนน้ เรื่องใกล้ ตัวท่ีกระตนุ้ ให้ผเู้ รยี นเกดิ ความตระหนักรหู้ รือแรงบนั ดาลใจขน้ึ ก็ได้ ขนั้ ตอนท่ี 2 กำรศกึ ษำรวบรวมเอกสำรและองคค์ วำมรู้ท่ีเกี่ยวข้อง เป็นขั้นตอนต่อจากข้ันตอนที่ 1 ที่สมาชิกทุกคนในกลุ่มเห็นพ้องกันและตัดสินใจเลือกประเด็นปัญหา หรือหวั เร่ืองได้แล้ว และได้รบั ความเห็นชอบจากทีป่ รกึ ษาแลว้ ก็จะเป็นขั้นตอนนี้จะทาให้เกิดความรแู้ ละเข้าใจ ในรายละเอียดต่างๆของเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากข้ึน รวมท้ังเห็นถึงขอบข่ายภาระงานที่จะดาเนินการของ โครงงาน จะช่วยทาให้ได้แนวคิดในการกาหนดเค้าโครงเรื่องทีจะศึกษาชัดเจนว่า จะทาอะไร ทาไมต้องทา ต้องการให้เกิดอะไร ทาอย่างไร ใช้ทรัพยากรอะไร ทากับใคร เสนอผลอย่างไร โดยการระดมควา มคิด วางแผนงานในเบ้ืองต้น โดยเริ่มจากการร่วมกันพิจารณาวิเคราะห์สภาพปัญหาแล้วสืบสาวไปหาสาเหตุและ ปจั จัยร่วมต่างๆ การวางเป้าหมายและวิธกี ารแกป้ ัญหา ซ่ึงจะพบว่ายังมขี ้อมูลของสภาพปญั หาและปจั จัยต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องไม่เพียงพอหรือยังมีรายละเอียดท่ีไม่ชัดเจน ตัวแปรสนับสนุนและองค์ความรู้ต่างๆ ที่จะนามาใช้ใน การวางแผนแก้ปัญหาก็ยังมีไม่ครบถ้วนหรือยังไม่ชัดเจนเป็นต้น จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลและองค์ความรู้ เพิ่มเติม (ซ่ึงอาจจะได้มาจากการสารวจโดยละเอียดหรือประมาณการโดยคร่าวๆก็ได้) จากการพบปะสนทนา ขอความร่วมมือจากบุคคลต่างๆ และจากการค้นควา้ หาความรู้จากหนงั สือตาราและแหล่งเรียนร้ตู ่างๆ ผู้เรยี น จะต้องมีความรู้ความชานาญในการใช้แหล่งเรียนรู้ต่างๆอย่างเหมาะสม ซ่ึงท่ีปรึกษาโครงงานจะต้องให้ คาแนะนาเก่ียวกับเทคนิคและวิธีการในการค้นคว้าข้อมูลอย่างถูกต้อง จากนั้นผู้เรียนนาข้อมูลท่ีรวบรวมไ ด้ ทั้งหมดมาประมวลเพือ่ จัดเตรียมสาหรบั คดิ วางแผนทาเค้าโครงของโครงงานต่อไป ขั้นตอนที่ 3 กำรจดั ทำเคำ้ โครงของโครงงำน ข้ันตอนน้ีเป็นการสร้างแผนที่ความคิด เป็นการนาเอาภาพของงาน และความสาเร็จของโครงงานท่ี วเิ คราะห์ไว้มาจดั ทารายละเอยี ดเพ่อื แสดงแนวคิด แผน ข้ันตอนการทาโครงงาน ในข้ันตอนน้อี าจใช้การระดม สมอง ให้สมาชิกในกลุ่มมองเห็นภาระงานภาพรวมทงั้ หมดต้ังแต่ต้นจนเสร็จส้ิน รวมทั้งไดท้ ราบถึงบทบาทและ
87 ระยะเวลาในการดาเนินงาน โดยนาข้อมูลท่ีรวบรวมและประมวลได้ท้ังหมดน้ันมาเรียบเรียงและจัดทาเป็น เอกสารรา่ งโครงงาน ทม่ี ีหัวข้อต่างๆ ตามทกี่ าหนดไว้ (1) ช่ือโครงงำน ช่ือโครงงานเป็นภาษาไทยอาจมีภาษาอังกฤษด้วยก็ได้ ควรเป็นข้อความท่ี กระทดั รดั ชัดเจน สือ่ ความหมายตรงและมคี วามเฉพาะเจาะจงว่าจะศึกษาอะไรกบั ใครและเพ่ืออะไร (2) ผู้รบั ผดิ ชอบโครงงำน แสดงช่ือกลุม่ รายชือ่ สมาชิกในกลุม่ (3) ที่ปรึกษำโครงงำน ครูหรือพระภิกษุ ผู้นาทางศาสนาที่ผู้เรียนนับถือ ผู้ทาหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ควบคุมการทาโครงงานของผู้เรียนระบุ ชื่อ-นามสกุล ตาแหน่ง โทรศัพท์และ E-mail (กรณีเป็นพระภิกษุให้ ระบฉุ ายาและชอ่ื วัดดว้ ย) (4) วัตถุประสงค์ เป็นสิ่งท่ีต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อส้ินสุดโครงงานท้ังในเชิงกระบวนการและผลผลิต วัตถุประสงคไ์ ม่ควรตงั้ มากขอ้ เกินไป เพราะจะทาให้ผลที่เกิดขนึ้ ไมม่ ีความชดั เจน (5) สถำนท่ีและกำหนดระยะเวลำดำเนินกำร พ้ืนท่ีท่ีเลือกดาเนินการจะเป็นภายในหรือภายนอก สถานศึกษาก็ได้ ส่วนกาหนดระยะเวลา ส่วนระยะเวลาในการดาเนินโครงงานระบุตั้งแต่เริ่มต้นจนส้ินสุด โครงงาน (6) ผงั มโนทศั น์ สรปุ ภาพรวมของร่างโครงงานทั้งหมดเปน็ ผังมโนทศั น์ ใน 1 หนา้ กระดาษ (7) สำระสำคัญของโครงงำน (คาอธบิ ายสาระสาคัญของโครงงานโดยยอ่ 5 - 10 บรรทดั ) (8) กำรศึกษำวิเครำะห์ (8.1) ปัญหาและสาเหตุ (ประมวลขอ้ มูลสภาพปัญหา แล้ววิเคราะห์สบื สาวหาสาเหตุและปัจจัย ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เพ่ือให้เห็นที่มาและความสาคัญของโครงงาน) อธิบายเหตุผลว่าทาไมถึงเลือกทา โครงงานน้ี โครงงานมีความสาคญั อยา่ งไร (8.2) เปา้ หมาย (วางเปา้ หมายของการแก้ปญั หาท้ังเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ) (8.3) หลักการหรือทฤษฎีอะไรท่ีเกี่ยวข้อง เร่ืองท่ีทาเป็นเร่ืองใหม่หรือผู้อ่ืนได้เคยศึกษาเร่ือง แบบน้ไี ว้บา้ งแลว้ ถ้ามีผลเป็นอย่างไร เรื่องที่ทาได้ขยายเพิ่มเติมหรือปรบั ปรุงจากเร่ืองท่ีผู้อ่ืนทาอย่างไร หรือ เป็นการทาซ้าเพ่ือตรวจสอบผล โดยต้องนาเสนอให้กะทัดรัดและชัดเจน ตลอดจนหลักธรรมหรือ คุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนที่นามาใช้ (แสดงหลักธรรมหรือแนวพระราชดาริ หรือหลักวิชาการต่างๆ ท่ี นามาใช้ พร้อมอธิบายความหมายโดยยอ่ แลว้ อธิบายเช่อื มโยงกับการดาเนนิ การโครงงาน อย่างสอดคล้องเป็น เหตุเปน็ ผล) (9) วิธกี ำรดำเนินงำน (แสดงวิธกี ารดาเนินงานเปน็ ข้อๆ หรือเปน็ แผนผงั ที่มีคาอธบิ ายท่ีชดั เจน) (9.1) วสั ดุ อุปกรณท์ ่ตี ้องใช้ ระบวุ ่าวัสดอุ ุปกรณ์ท่ีจาเป็นมีอะไรบา้ ง จะไดว้ ัสดุเหล่านนั้ มาจากท่ี ไหน อะไรบ้างท่ีต้องจดั ซอื้ จัดทาขั้นเองหรือทขี่ อยมื ได้ (9.2) แนวการศึกษาค้นคว้าอธิบายว่าจะออกแบบการทดลองอะไรอย่างไรจะสร้างอะไร ประดิษฐ์อะไรอยา่ งไร เก็บข้อมลู อยา่ งไรและเมือ่ ไรบา้ ง (9.3) แผนปฏิบัติการอธิบายเก่ียวกับกาหนดเวลาเริ่มต้นและส้ินสุดของการทางานในแต่ละ ข้นั ตอน
88 (10) งบประมำณและแหล่งท่มี ำของงบประมำณ (แสดงงบประมาณโครงงานและแหล่งทีม่ า หากมี การระดมทนุ เพ่มิ ให้บอกแผนงานหรอื วิธกี ารระดมทุนดว้ ย) (11) ผลที่คำดว่ำจะได้รับ เป็นสภาพของผลที่ต้องการใช้เกิด ท้ังท่ีเป็นผลผลิต กระบวนการและ ผลกระทบต่อเนอ่ื งออกไป (12) เอกสำรอ้ำงอิง เป็นชื่อเอกสาร ขอ้ มูลท่ีได้จากแหลง่ ตา่ งๆ ที่นามาใช้ในแผนการดาเนนิ งาน ขัน้ ตอนท่ี 4 กำรดำเนนิ งำนโครงงำน ข้นั ตอนนเ้ี ป็นดาเนินงานหลังจากได้รบั ความเหน็ จากท่ีปรึกษาโครงงานแล้ว ผู้เรยี นนาร่างโครงงานมา ปฏบิ ัติจริงไปตามลาดบั ข้นั ตอนและวิธีการดาเนินงาน ซึ่งจะมีท้ังในสว่ นท่ีแบง่ งานและดาเนินงานกนั ในระหวา่ ง สมาชิกในกลุ่มผู้รับผิดชอบโครงงาน และงานในส่วนทส่ี ร้างการมีส่วนร่วมให้กบั เพอื่ นผู้เรียนอ่ืนหรอื บคุ คลต่างๆ ท่ีเข้ามาช่วยทางานในด้านต่างๆ ตลอดจนการจัดกิจกรรมรณรงค์ขยายการมีส่วนร่วมออกไปสู่ชุมชน การ ดาเนินงานในช่วงน้ีอาจมีข้อมูลย้อนกลับมาท่ีเป็นเร่ืองใหม่ที่เพ่ิงทราบ หรือคลาดเคลื่อนไปจากท่ีคาดการณ์ไว้ หรือเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งยากเป็นอุปสรรคข้อขัดข้องหรือข้อขัดแย้งให้ต้องเผชิญหน้าและแก้ปัญหาอยู่เสมอๆ อันอาจจะนามาซึ่งความอ่อนล้า ความเหนื่อยหน่ายท้อแท้ ได้บ่อยๆ ซ่ึงท้ังหมดนี้ล้วนเป็นแบบฝึกหัดสาคัญ ของการเรียนรู้และพัฒนาคุณธรรม ของผู้รับผิดชอบโครงงานและผู้มาช่วยงานทั้งส้ิน และจาเป็นอย่างย่ิงที่ จะต้องมีการติดตาม สนับสนุน ดูแล ให้ความช่วยเหลือทั้งทางทรัพยากรภายนอกและทางจิตใจ จากคณะที่ ปรกึ ษาอยา่ งใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาดาเนนิ การโครงงานทงั้ 2 ช่วง ผ้รู ับผิดชอบโครงงานพึงระลึกไว้ว่า การทางานจริงอาจมหี ลายส่ิงท่ีไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์และระบุ ไว้ในร่างโครงงาน และหลายคร้ังอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนงานไปจากเดิม ก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าใจว่า เพราะอะไร สามารถอธิบายได้ถึงเหตุผลของการท่ีผิดพลาดไปจากแผนงานท่ีวางไว้ได้ อย่าทางานเพียงเพ่ือให้ ได้ผลตามร่างโครงงานท่ีวางแผนไว้เท่าน้ัน แต่ทางานเพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาคุณธรรมของตนเอง และทุกคนที่เก่ียวข้องเป็นหลัก ทาแล้วคุณธรรมความดีต้องเพ่ิมขึ้นและควรมีความสุขจากการทาความดีนั้น ทาโครงงานและความดไี มใ่ ชก่ ารแขง่ ขนั เพอื่ ล่ารางวลั ขัน้ ตอนที่ 5 กำรสรปุ ประเมินผลและเขยี นรำยงำน จากการดาเนินงาน ในขั้นตอนที่ 4 น้ันให้กลุม่ สมาชิกได้ทาการประเมินผลและสรปุ ผลการดาเนินงาน เพื่อนามาใชจ้ ัดทาเปน็ เอกสารและสื่อการนาเสนอโครงงาน 5 หรือ 6 รายการ ดังน้ี (1) รำยงำนโครงงำน (20–50 หน้ากระดาษขนาด A4 ไม่รวมปก) เพอื่ ให้ผู้อนื่ ไดท้ ราบแนวคิด วธิ กี าร ดาเนินงาน ผลที่ได้รับตลอดจนข้อสรุป ข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงาน การเขียนรายงานที่เข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน และครอบคลุมประเด็นสาคัญๆของโครงงานที่ดาเนินการ ซ่ึงอาจประกอบด้วยหัวข้อต่าง ๆ
89 ดังนี้ บทคัดย่อ บทนา เอกสารที่เก่ียวข้อง วิธีการดาเนินงาน ผลการศึกษา สรุปและอภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ และตารางท่ีเก่ยี วข้อง (2) สรปุ ยอ่ โครงงำนใน 1 หนำ้ กระดำษ (1 หน้ากระดาษขนาด A4) (3) แผ่นพับนำเสนอโครงงำน (1 แผ่นกระดาษขนาด A4 หน้า-หลัง) มีรายละเอียดหัวข้อที่สาคัญ เช่น ช่ือโครงงาน ผู้จัดทาโครงงาน ท่ีปรึกษาโครงงาน วัตถุประสงค์ วิธีการดาเนินงาน ผลที่ได้รับ ตารางขอ้ มลู ท่ีเกยี่ วข้อง รูปประกอบโครงงาน เป็นตน้ (4) สือ่ Presentation เชน่ Powerpoint หรือ VCD (เวลาไม่เกิน 5 - 7 นาท)ี ถ้ามี (5) แผ่นป้ำยโครงงำน อาจมีรายละเอยี ดหัวข้อทสี่ าคัญ เช่น ช่ือโครงงาน ผู้จดั ทาโครงงาน ท่ีปรึกษา โครงงาน วัตถปุ ระสงค์ วิธกี ารดาเนนิ งาน ผลท่ีไดร้ ับ ตารางขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง รปู ประกอบโครงงาน เปน็ ต้น (6) เวบเพจ เฟสบุ๊ค ยูทปู นาเสนอโครงงานผ่านทางอินเตอร์เน็ต เปน็ การเผยแพร่ส่สู าธารณะ ขั้นตอนท่ี 6 กำรนำเสนอโครงงำน การนาเสนอโครงงาน เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทาโครงงาน เป็นทักษะสาคัญของผู้รับผิดชอบ โครงงานทุกคนที่จะต้องทาหน้าที่ส่ือสารและถ่ายทอดความดีงามจากโครงงานของตนเองออกสู่การรับรู้ของ บุคคลอื่นและสาธารณะ สมาชิกทุกคนในกลุ่มควรทาความเข้าใจในรายละเอียดและภาพรวมของโครงงาน ท้งั หมด แล้วซักซ้อมการนาเสนอในประเดน็ สาคัญๆ ไวเ้ พอื่ เตรียมตวั สาหรับการนาเสนอบนเวที การสัมภาษณ์ ซักถาม และการนาเสนอหน้าแผ่นป้ายนิทรรศการโครงงาน ให้คณะกรรมการและผู้มาชมนิทรรศการโครงงาน สามารถเข้าใจได้ในระยะเวลาอันจากดั ผลงานทีค่ วรจะจดั ใหค้ รอบคลมุ ประเด็นสาคัญ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ชื่อโครงงาน ซ่ือผู้ทาโครงงาน ซือ่ ท่ปี รกึ ษาโครงงาน (๒) อธิบายยอ่ ๆ ถงึ เหตจุ ูงใจในการทาโครงงานและความสาคญั ของโครงงาน (๓) วธิ กี ารดาเนินงาน โดยเลอื กเฉพาะข้นั ตอนทเ่ี ดน่ และสาคัญ (๔) การสาธิตหรือแสดงผลงานทีไ่ ดจ้ ากการทาโครงงาน (๕) ผลการสังเกตหรือข้อมูลเดน่ ๆทไ่ี ดจ้ ากการทาโครงงาน *************************** ทม่ี า : คมู่ อื โครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกยี รติ “เยาวชนไทย ทาดีถวายในหลวง” https://www.vitheebuddha.com/files/news/0ffbbca8d7a830c4a55e356cc43e10950.pdf
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134