๑๐๐ ๑. ลูกเสือตรี ความร๎ูเกี่ยวกับขบวนการลูกเสือ คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรม กลางแจ๎ง ระเบยี บแถว ๒. ลูกเสอื โท การรจู๎ ักดูแลตนเอง การชํวยเหลือผูอ๎ ืน่ การเดนิ ทางไปยงั สถานท่ตี ํางๆ ทกั ษะทางวชิ า ลูกเสอื งานอดิเรกและเรอื่ ทน่ี ําสนใจ คาปฏิญาณ และกฎของลกู เสือ ระเบียบแถว ๓. ลูกเสอื เอก การพ่งึ พาตนเอง การบรกิ าร การผจญภัย วชิ าการของลกู เสอื ระเบยี บแถว โดยใช๎ กระบวนการทางาน กระบวนการแกป๎ ญั หา ระบวนการกลํมุ กระบวนการจัดการ กระบวนการ คิดริเร่ิม สร๎างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิ ปัญญาทอ๎ งถิ่นไดอ๎ ยํางเหมาะสม เพื่อให๎มีความร๎ูความเข๎าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสอื สามัญ มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชื่อฟงั และพ่งึ ตนเอง ซ่ือสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอก เห็นใจผ๎อู น่ื บาเพญ็ ตนเพือ่ สารธารณประโยชน์ รจู๎ ักทาการฝมี ือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ทั้งนี้โดยไมํ เก่ียวข๎องกบั ลทั ธิทางการเมอื งใดๆ สนใจและอนุรกั ษ์ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ๎ ม และนาไปใช๎ในชีวิตประจาวันได๎ อยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ หมายเหตุ ผ๎เู รยี นได๎ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม และผาํ นการทดสอบแล๎ว จะได๎รับเคร่ืองหมายลูกเสือตรี ลูกเสือโท และลกู เสือเอก กจิ กรรมชุมนุม นกั เรียนทกุ คนตอ๎ งเขา๎ รวํ มกจิ กรรม ชุมนมุ ๔๐ ช่วั โมงตํอปกี ารศึกษา แนวการจดั กจิ กรรมชุมนมุ กิจกรรมชมุ นุม หมายถงึ การจัดกจิ กรรมเพอ่ื พฒั นาความถนดั ความสนใจ ตามความตอ๎ งการของผู๎เรียน เป็นกจิ กรรมทมี่ งํุ เน๎นการเตมิ เตม็ ความรู๎ ความชานาญและประสบการณ์ของผเ๎ู รยี นให๎กว๎างขวางยงิ่ ขน้ึ เพอ่ื การ คน๎ พบความถนัดความสนใจของตนเอง และพัฒนาตนเองใหเ๎ ตม็ ศักยภาพ ตลอดจนการพฒั นาทกั ษะของสังคม และปลกู ฝงั จิตสานึกของการทาประโยชนเ์ พื่อสงั คม หลกั การ การจัดกจิ กรรมชุมนมุ มหี ลกั การทสี่ าคญั คอื 1. เป็นกจิ กรรมทเ่ี กิดจากความสมคั รใจของผเ๎ู รียน โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา 2. เปน็ กิจกรรมทผี่ ๎เู รียนชํวยกนั คิด ชวํ ยกนั ทา และชํวยกนั แก๎ปัญหา 3. เปน็ กิจกรรมทีพ่ ฒั นาผู๎เรียนตามสาระทก่ี าหนดนอกเหนือจากการเรยี นการสอน 4. เปน็ กจิ กรรมทส่ี งํ เสรมิ และพฒั นาศกั ยภาพของผเ๎ู รยี น 5. เปน็ กจิ กรรมทเี่ หมาะสมกับสภาพ วัตถปุ ระสงค์ 1. พัฒนาความรู๎ ความสามารถ ดา๎ นการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ เพอ่ื ใหเ๎ กดิ ทกั ษะ ประสบการณ์ ท้ังวิชาการ และวชิ าชีพตามศกั ยภาพ 2. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรมและคํานิยมทพี่ งึ ประสงค์ 3. มีสุขภาพและบุคลกิ ภาพทางดา๎ นราํ งกายและจิตใจทดี่ ี 4. ใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ กดิ ประโยชน์ตํอตนเอง ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ 5. มมี นษุ ยสมั พนั ธใ์ นการทางานรวํ มกบั ผอู๎ น่ื ในระบอบประชาธิปไตยของสถานศกึ ษา หรอื ทอ๎ งถ่ิน
๑๐๑ พฤติกรรมบง่ ช้ีและเปา้ หมาย จากวตั ถปุ ระสงค์ดงั กลาํ ว สามารถกาหนดพฤตกิ รรมบํงชห้ี รอื ตัวชีว้ ดั และเปูาหมายการจดั กจิ กรรมได๎ ดังตํอไปนี้ วตั ถุประสงค์ พฤตกิ รรมบ่งช้ี/ตัวช้ีวัด เป้าหมายการจัดกจิ กรรม 1. พฒั นาความรู๎ 1.1 มีการจัดทาโครงงาน/ ผลงาน/ชิน้ งาน ผูเ๎ รียนไดพ๎ ัฒนาความร๎ู ความสามารถ ดา๎ นการคดิ 1.2 เกดิ ทักษะการคิด การตดั สนิ ใจ และการแกป๎ ัญหา และทักษะจนเกิดเปน็ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ เพอ่ื ให๎ 1.3 มที กั ษะการวางแผนและการจดั การ โครงงาน ผลงาน ช้ินงาน เกิดทกั ษะ ทง้ั ประสบการณ์ 1.4 รู๎เข๎าใจความสนใจความถนัดและศักยภาพของตน ตามศักยภาพของแตํละ และวิชาชีพตามศักยภาพ 1.5 ใชภ๎ าษาในการสอื่ สารได๎ถูกต๎อง บคุ คล 1.6 มจี ินตนาการความคดิ รเิ รมิ่ สรา๎ งสรรค์ 2. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และ 2.1 มีกิริยามารยาททีด่ ี ผู๎เรยี นมีคุณธรรม คาํ นิยมที่พึงประสงค์ 2.2 มีระเบียบวนิ ัย จริยธรรมและคํานิยม ท่ี 2.3 มคี วามเออ้ื เฟอ้ื เผ่ือแผํ พงึ ประสงคเ์ ปน็ แบบอยําง 2.4 มีความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ แกํผู๎อ่ืนได๎ 2.5 มีสมั มาคารวะอํอนนอ๎ มถํอมตน 2.6 มคี วามสามคั คี 2.6 มนี ้าใจตอํ ครู เพอ่ื นและผู๎อน่ื 2.7 รับผดิ ชอบตอํ งานท่ไี ดร๎ บั มอบหมาย 2.8 ตรงตํอเวลา 2.9 อนรุ ักษ์ พฒั นาและรกั ษาสมบตั ขิ องโรงเรียน 3. มีสขุ ภาพและบคุ ลิกภาพ 3.1 รจ๎ู กั การรักษาสุขภาพสํวนตัว ผู๎เรยี นมสี ขุ ภาพกายและ ดา๎ นรํางกายและจติ ใจทีด่ ี 3.2 รําเรงิ แจมํ ใส มีความม่นั คงทางอารมณ์ สุขภาพจติ ดี และ 3.3 อดทน อดกลั้นตอํ สิ่งยวั่ ยุ ดารงชวี ิตอยาํ งมคี วามสขุ 3.4 มสี มาธิตอํ การทางาน 3.5 มสี นุ ทรยี ภาพทางอารมณ์ 4. ใช๎เวลาวํางใหเ๎ กดิ 4.1 บาเพญ็ ประโยชนต์ ํอสวํ นรวม ผู๎เรยี นใช๎เวลาวาํ งใหเ๎ กดิ ประโยชน์ตอํ ตนเอง ชมุ ชน 4.2 ใชเ๎ วลาทีม่ ใี หเ๎ กดิ ประโยชน์ ประโยชน์ตอํ ตนเองและ สงั คม และประเทศชาติ สํวนรวม 5. มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ในการ 5.1 มคี วามเปน็ ผูน๎ าและผู๎ตามท่ีดี ผเ๎ู รยี นสามารทางานและ ทางานรํวมกบั ผ๎ูอนื่ ในระบอบ 5.2 สามารถทางานรํวมกบั ผ๎ูอื่นได๎ อยํูรวํ มกับผอู๎ น่ื ไดอ๎ ยาํ งมี ประชาธปิ ไตย 5.3 เคารพในกฎ กตกิ าของกลุมํ และสงั คม ความสุข 5.4 รับฟงั และเคารพความคิดเหน็ ของผ๎ูอ่ืน แนวการจัดกจิ กรรมชุมนมุ การบริหารงานการจัดกิจกรรมชุมนุม ใหม๎ ีประสทิ ธิภาพและบรรลเุ ปูาหมายของหลกั สตู ร มแี นวทางการ ดาเนนิ งานดังนี้ ประเภทของกจิ กรรมชมุ นมุ การจดั การกจิ กรรมชุมนมุ แบงํ ออกเปน็ 5 ประเภท ดงั นี้
๑๐๒ ก. กิจกรรมชมุ นุมเชิงวิชาการ เพอ่ื สนับสนุนการเรียนรกู๎ ลมํุ สาระการเรยี นรู๎ใน 8 กลมํุ สาระ เป็นกจิ กรรม ท่มี ํงุ สํงเสริมความร๎ู ความเขา๎ ใจ ดา๎ นวชิ าการในรายวชิ าตาํ ง ๆ ท้ังในหอ๎ งเรียน และเสรมิ บทเรียน เพือ่ ใหเ๎ กดิ ประโยชนแ์ ละคณุ คาํ ในชีวิตประจาวนั เชนํ ชุมนมุ ภาษาไทย ชุมนมุ ภาษาอังกฤษ ข. กจิ กรรมชมุ นมุ เพื่อพัฒนาสงั คม และจิตใจ เป็นกจิ กรรมทม่ี งุํ สร๎างเสรมิ นสิ ยั การทาประโยชน์เพือ่ สงั คม เพือ่ ชวํ ยใหผ๎ เ๎ู รียนร๎ูจกั และเข๎าใจตนเอง ปลูกฝงั คณุ ลกั ษณะนิสยั ท่ีเอ้ือตอํ การทาประโยชนเ์ พอ่ื สังคม เหน็ แนวทางท่ี จะทาประโยชนใ์ หก๎ บั สงั คม และสามารถนาไปปฏบิ ัตใิ นชวี ติ ประจาวันได๎ ตัวอยํางชมุ นุมทีจ่ ัดตง้ั ขึน้ เชํน ชมุ นมุ นาฏศลิ ป์ ชุมนุมดนตรี ชุมนมุ สงํ เสริมสขุ ภาพอนามยั ค. กิจกรรมชุมนุมเพ่ือการสํงเสริมการประกอบอาชพี เป็นกจิ กรรมท่สี งํ เสรมิ ประสบการณ์ การใช๎เวลาวําง ให๎เปน็ ประโยชน์ รูจ๎ ักชํวยเหลอื ผอ๎ู น่ื และเข๎าใจกระบวนการประกอบอาชพี ในระหวํางเรยี นเพอ่ื นาไปเปน็ ประโยชน์ตํอตนเองและสํวนรวม เชํน ชมุ นุม การงานเพอื่ อาชพี ง. กจิ กรรมชมุ นุมเพ่อื สงํ เสริมการอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล๎อม เพอ่ื ใหน๎ กั เรียนตระหนักถึงการรกั ษา สํงเสรมิ คุณภาพส่ิงแวดลอ๎ ม นกั เรียนรจ๎ู ักแลกเปลีย่ น เผยแพรํ และเสริมสรา๎ งความร๎ูความคดิ ประสบการณ์ในการอนรุ ักษ์ สง่ิ แวดล๎อม รวมทงั้ การชวํ ยเหลือหรือในการให๎ความรํวมมอื ในกิจกรรมขององค์การภายในและภายนอก โรงเรยี น ทางด๎านสง่ิ แวดล๎อม เชนํ ชมุ นมุ สงิ่ แวดลอ๎ ม จ. กจิ กรรมชมุ นมุ เพื่อสงํ เสรมิ อนรุ ักษ์ศิลปวฒั นธรรมไทย เพอ่ื สํงเสริมใหน๎ ักเรียนเกิดความภมู ิใจในความ เป็นไทยอนั มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตระหนกั ถึงความสาคญั และความเป็นมาของชาติไทย และมสี ํวนรํวม ในการอนรุ กั ษศ์ ลิ ปวฒั นธรรมอันดีงามของชาติ เชนํ ชุมนุมมารยาทไทย หน้าทขี่ องครูท่ีปรึกษาชมุ นมุ ครทู ุกคนต๎องเปน็ ครูทีป่ รกึ ษาชมุ นุมตามคาขอของผเ๎ู รียนหรอื ตามทีโ่ รงเรียนมอบหมาย ซ่งึ จะตอ๎ งมี บทบาทดงั ตํอไปนี้ 1 ปฐมนเิ ทศ ปฐมนิเทศใหน๎ กั เรียนเข๎าใจเปาู หมายและวธิ กี ารดาเนินการจดั กจิ กรรมชมุ นมุ 2 เลอื กต้ังคณะกรรมการ จดั ให๎นักเรยี นเลือกตั้งคณะกรรมการดาเนินกิจกรรมชุมนมุ 3 ส่งเสรมิ การจัดทาแผนงาน/โครงการ สํงเสรมิ ให๎นกั เรยี นทเ่ี ปน็ สมาชิกของกจิ กรรมรํวมแสดงความ คดิ เหน็ ในการจดั ทาแผนงาน/โครงการและปฏิทินการปฏิบตั งิ านอยาํ งอสิ ระ 4 ประสานงาน ประสานงานและอานวยความสะดวกในด๎านทรพั ยากรตามความเหมาะสม 5 ให้คาปรกึ ษา ให๎คาปรกึ ษา ดูแล ติดตามการจดั กจิ กรรมของนกั เรียนใหเ๎ ปน็ ไปตามแผน งานด๎วยความเรียบรอ๎ ยและปลอดภยั 6 ประเมนิ ผล ประเมนิ ผลการเข๎ารํวมและการปฏบิ ัติกจิ กรรมของนกั เรียน 7 สรุปและรายงานผล สรปุ และรายงานผลการจัดกิจกรรมตํอหวั หนา๎ กจิ กรรมพัฒนาผูเ๎ รียน การประเมนิ ผล การประเมินผลการจดั กจิ กรรมชมุ นมุ เป็นเงอื่ นไขสาคัญประการหนง่ึ สาหรบั การผาํ นชํวงชัน้ หรอื จบ หลกั สตู ร นกั เรยี นตอ๎ งเข๎ารวํ มและปฏบิ ตั ิกจิ กรรมชุมนมุ ตลอดจนผํานการประเมนิ ตามเกณฑท์ โี่ รงเรยี นกาหนด ตามแนวประเมนิ ดังนี้ 1. ประเมนิ การรวํ มกจิ กรรมชุมนุมตามวัตถปุ ระสงค์ของชุมนุม ด๎วยวธิ ีการท่ีหลากหลาย ตามสภาพจรงิ ใหไ๎ ด๎ผลการประเมนิ ท่ถี กู ตอ๎ ง ครบถ๎วน 2. ครูทปี่ รกึ ษากิจกรรมชมุ นุม และนกั เรยี นจะมบี ทบาทในการประเมนิ ดงั นี้ 2.1 ครูทปี่ รกึ ษากิจกรรมชมุ นุม
๑๐๓ (1) ต๎องดแู ลและพฒั นานกั เรยี นใหเ๎ กดิ คุณลกั ษณะตามวัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม (2) ตอ๎ งรายงานเวลา และพฤตกิ รรมการเขา๎ รํวมกจิ กรรมของนักเรียน (3) ต๎องศึกษาติดตาม และพฒั นานักเรียนในทก่ี รณนี ักเรียนไมํเข๎ารวํ มกจิ กรรม 2.2 นกั เรยี น (1) ปฏิบัติกจิ กรรมให๎บรรลผุ ลตามวัตถปุ ระสงค์ (2) มหี ลกั ฐานแสดงการเข๎ารํวมกจิ กรรมไมนํ อ๎ ยกวาํ ร๎อยละ80 ของเวลาเรยี นทง้ั หมด พรอ๎ มท้งั แสดงผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และพฒั นาการด๎านตํางๆ (3) ถ๎าไมเํ กดิ คุณลักษณะตามวัตถปุ ระสงค์ ต๎องปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเพมิ่ เตมิ ตามท่คี รูที่ ปรกึ ษากจิ กรรมมอบหมาย 3. เกณฑ์การผาํ นกจิ กรรมชุมนมุ 3.1 นกั เรียนเข๎ารํวมกจิ กรรมชมุ นมุ ไมํนอ๎ ยกวํา รอ๎ ยละ 80 ของเวลาเรียนท้ังหมด 3.2 นกั เรียนผาํ นจดุ ประสงคท์ ่สี าคัญของแตลํ ะกิจกรรม 3.3 นักเรยี นต๎องผาํ นเกณฑป์ ระเมนิ ตามข๎อ 3.1 และ 3.2 จงึ ไดผ๎ ลการเรียน “ผ” ในกจิ กรรม ชมุ นุม ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีสํงเสริมให๎ผู๎เรียนบาเพ็ญตนให๎เป็นประโยชน์ตํอ สงั คม ชุมชนและท๎องถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมคั ร เพือ่ แสดงถงึ ความรับผิดชอบ ความดีงาม ความ เสยี สละการมีจติ สาธารณะ เชํน กิจกรรมอาสาพัฒนาตาํ งๆ กิจกรรมสร๎างสรรค์สังคม นักเรียนทุกคนต๎องเข๎า รํวมกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ช่ัวโมงตํอปกี ารศึกษา วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือใหผ๎ ๎เู รียนบาเพญ็ ตนใหเ๎ ปน็ ประโยชนต์ ํอครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน และประเทศชาติ ๒. เพอ่ื ให๎ผเ๎ู รียนออกแบบกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อยํางสร๎างสรรค์ตามความถนัดและ ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร ๓. เพ่อื ให๎ผูเ๎ รียนพฒั นาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนไ์ ดอ๎ ยาํ งมปี ระสิทธิภาพ ๔. เพื่อให๎ผู๎เรียนปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๕. เพื่อใหผ๎ ๎ูเรียนมจี ิตสาธารณะและใช๎เวลาวาํ งให๎เกดิ ประโยชน์ แนวการจัดกจิ กรรม การจดั กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีสํงเสริมให๎ผู๎เรียนได๎ทาประโยชน์ ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละตํอสังคม มีจิตใจมุํงทาประโยชน์ตํอครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสาคัญ ได๎แกํ กิจกรรม บาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสรา๎ งสรรคส์ ังคม กิจกรรมดารงรักษา สบื สาน ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม กิจกรรม พฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยี เวลาเรียนสาหรับกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ในสํวนกิจกรรมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ จดั สรรเวลาให๎ผเู๎ รียนระดับประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชวั่ โมง(เฉลย่ี ปลี ะ ๑๐ ช่ัวโมง) การจดั กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ในระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ เป็นการจัดกจิ กรรม ภายในเวลาเรยี น โดยให๎ผู๎เรียนรายงานแสดงการเข๎ารํวมกจิ กรรมลงในสมุดบันทึก และมีผ๎ูรับรองผลการเข๎ารํวม กจิ กรรมทกุ คร้ัง
๑๐๔ คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ เวลา ๑๐ ชว่ั โมง ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ คาอธบิ ายรายวิชา ฝึกปฏิบัติกจิ กรรมด๎วยความสมคั รใจผาํ นกจิ กรรมที่หลากหลาย ฝึกการทางานที่สอดคล๎องกับชีวิตจริง ตลอดจนสะท๎อนความร๎ู ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช๎ข๎อมูลประกอบการวางแผนอยํางเป็นระบบ เน๎นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช๎ความคดิ สร๎างสรรค์ การบริการดา๎ นตาํ ง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ตํอตนเองและสํวนรวม เสริมสร๎างความมีน้าใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบตํอตนเอง ครอบครัว และสังคม คิดออกแบบกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพื่อแสดงความรับผิดชอบตํอสังคม ตามแนวทางวถิ ีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให๎ผู๎เรียนบาเพ็ญตนให๎เป็นประโยชน์ตํอครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนอ์ ยาํ งสร๎างสรรค์ ตามความถนัดและความสนใจ ในลักษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได๎อยําง มี ประสทิ ธภิ าพ เพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มี จิตสาธารณะ และใช๎เวลาวาํ งให๎เกดิ ประโยชน์ และสามารถประยกุ ตใ์ ช๎หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได๎ ผลการเรยี นรู้ 1. บาเพญ็ ตนให๎เปน็ ประโยชนต์ ํอครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ 2. ออกแบบการจดั กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์อยาํ งสรา๎ งสรรค์ ตามความถนัดและความสนใจ ในลักษณะอาสาสมคั ร 3. สามารถพฒั นาศักยภาพในการจดั กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชนไ์ ด๎อยํางมปี ระสทิ ธภิ าพ 4. ปฏิบตั ิกิจการเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ตามคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 5. สามารถประยกุ ต์ใชห๎ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได๎ รวมทัง้ หมด ๕ ผลการเรียนรู้ แนวทางการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน โรงเรียนบ๎านแพะกาหนดแนวทางในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรยี นดังนี้ ๑. การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นรายกิจกรรม มีแนวทางปฏบิ ตั ดิ งั น้ี ๑.๑ การตรวจสอบเวลาเขา๎ รวํ มกจิ กรรมของผเ๎ู รียน ไมนํ ๎อยกวาํ ร๎อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนตลอด ปีการศึกษา ๑.๒ ประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู๎ รยี นจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและผลงาน/ชิน้ งานของผู๎เรียน ผู๎เรียน ตอ๎ งได๎รบั การประเมนิ ทุกผลการเรยี นรู๎ และผาํ นทุกผลการเรียนรู๎ โดยแตลํ ะผลการเรยี นรู๎ผาํ นไมนํ ๎อยกลําร๎อยละ ๕๐ หรือมีคุณภาพในระดบั ๑ ขึน้ ไป ๑.๓ ผู๎เรียนมีเวลาเขา๎ รํวมกจิ กรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู๎เรียนตามเกณฑ์ ข๎อ ๑.๑ และข๎อ ๑.๒ ถือวําผ๎ูเรียนมีผลการเรียน “ผ” ผํานการประเมินกิจกรรมและนาผลการประเมินไป บนั ทึกในระเบียนแสดงผลการเรยี น ๑.๔ ผ๎ูเรียนมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไมํเป็นไปตาม เกณฑ์ ข๎อ ๑.๑ และข๎อ ๑.๒ ถือวําผ๎ูเรียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต๎องจัดซํอมเสริมให๎ผู๎เรียนทา
๑๐๕ กจิ กรรมในสวํ นที่ผูเ๎ รยี นไมไํ ด๎เขา๎ รวํ มหรือไมไํ ดท๎ าจนครบถว๎ น แลว๎ จึงเปล่ยี นผลการเรยี นจาก “มผ” เป็น “ผ” และนาผลการประเมนิ ไปบนั ทึกในระเบยี นแสดงผลการเรยี น ๒. การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนเพ่ือการตัดสิน มีแนวปฏบิ ตั ดิ งั นี้ ๒.๑ กาหนดให๎ผรู๎ บั ผดิ ชอบในการรวบรวมขอ๎ มูลเกย่ี วกับการรวํ มกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนของผ๎ูเรียน ทุกคนตลอดระดบั การศกึ ษา ๒.๒ ผ๎ูรบั ผิดชอบสรปุ และตดั สนิ การรวํ มกจิ กรรมพฒั นาผเ๎ู รยี นของผเ๎ู รียนเปน็ รายบุคคลตามเกณฑ์ ทีโ่ รงเรียนกาหนด ผ๎เู รยี นจะตอ๎ งผํานกิจกรรม ๓ กิจกรรมสาคัญดงั นี้ ๒.๒.๑ กิจกรรมแนะแนว ๒.๒.๒ กจิ กรรมนกั เรยี น ไดแ๎ กํ ๑. กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ๒. กจิ กรรมชุมนุม ๒.๒.๓ กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ การนาเสนอผลการประเมินตํอคณะกรรมการกลํมุ สาระการเรยี นรแู๎ ละกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรยี น ๒.๔ เสนอผ๎บู รหิ ารโรงเรียนพิจารณาอนุมัตผิ ลการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผ๎ูเรยี นผาํ นเกณฑ์การจบ แตลํ ะระดบั การศึกษา เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสูตรโรงเรียนบ๎านแพะ พุทธศักราช ๒๕๖1 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดเกณฑส์ าหรบั การจบการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา ดังนี้ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา ๑. ผูเ๎ รียนเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน จานวน ๘๔๐ ชั่วโมง และรายวิชาเพ่ิมเติมจานวน ๘๐ ช่ัวโมง และมี ผลการประเมินรายวชิ าพ้นื ฐานผาํ นทกุ รายวิชา ๒. ผ๎เู รยี นต๎องมผี ลการประเมินการอําน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ระดบั “ผาํ น” ขึ้นไป ๓. ผเ๎ู รียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั “ผําน” ขน้ึ ไป ๔. ผูเ๎ รียนต๎องเขา๎ รํวมกิจกรรมพฒั นาผเู๎ รียนและไดร๎ ับการตดั สินผลการเรยี น “ผําน” ทกุ กิจกรรม การจัดการเรยี นรู้ การจัดการเรียนรูเ๎ ปน็ กระบวนการสาคัญในการนาหลักสตู รสูํการปฏิบัติ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน เป็นหลกั สตู รทมี่ มี าตรฐานการเรียนร๎ู สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู๎เรียน เป็น เปูาหมายสาหรบั พัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพฒั นาผู๎เรียนให๎มีคุณสมบัติตามเปูาหมายหลักสูตร ผ๎ูสอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนร๎ู จดั การเรยี นรโู๎ ดยชวํ ยใหผ๎ ๎ูเรียนเรียนร๎ูผาํ นสาระท่ีกาหนดไว๎ในหลักสูตร ๘ กลํุมสาระการเรียนร๎ู รวมทั้งปลูกฝัง เสริมสรา๎ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทกั ษะตํางๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคญั ใหผ๎ ู๎เรียนบรรลตุ ามเปูาหมาย ๑. หลกั การจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นร๎เู พ่ือใหผ๎ เู๎ รียนมคี วามร๎คู วามสามารถตามมาตรฐานการเรียนร๎ู สมรรถนะสาคัญ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว๎ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยยึดหลักวํา ผ๎ูเรียนมี ความสาคัญท่ีสุด เชื่อวําทุกคนมีความสามารถเรียนรู๎และพัฒนาตนเองได๎ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผ๎ูเรียน
๑๐๖ กระบวนการจัดการเรยี นรตู๎ ๎องสงํ เสรมิ ใหผ๎ ๎ูเรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานงึ ถงึ ความ แตกตํางระหวํางบุคคลและพัฒนาการทางสมองเน๎นใหค๎ วามสาคญั ท้ังความร๎ู และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรียนรู้ การจัดการเรยี นรู๎ทเี่ นน๎ ผ๎เู รยี นเปน็ สาคัญ ผ๎ูเรียนจะต๎องอาศัยกระบวนการเรียนรู๎ท่ีหลากหลาย เป็น เคร่ืองมือท่ีจะนาพาตนเองไปสูํเปูาหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนร๎ูที่จาเป็นสาหรับผ๎ูเรียน อาทิ กระบวนการเรียนร๎ูแบบบรู ณาการ กระบวนการสร๎างความรู๎ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสังคม กระบวนการ เผชิญสถานการณ์และแก๎ปัญหา กระบวนการเรียนร๎ูจากประสบการณ์จริง ก ระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวจิ ยั กระบวนการเรียนร๎กู ารเรียนรข๎ู องตนเอง กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนิสยั กระบวนการเหลําน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู๎ที่ผ๎ูเรียนควรได๎รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถชํวยใหผ๎ เ๎ู รยี นเกิดการเรยี นร๎ไู ด๎ดี บรรลเุ ปาู หมายของหลกั สตู ร ดังนั้น ผ๎ูสอน จงึ จาเป็นตอ๎ งศกึ ษาทาความ เขา๎ ใจในกระบวนการเรียนรูต๎ ําง ๆ เพ่อื ใหส๎ ามารถเลอื กใชใ๎ นการจดั กระบวนการเรยี นรไู๎ ดอ๎ ยํางมปี ระสทิ ธภิ าพ ๓. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ ผสู๎ อนตอ๎ งศกึ ษาหลักสตู รสถานศกึ ษาให๎เขา๎ ใจถึงมาตรฐานการเรียนร๎ู ตัวช้วี ดั สมรรถนะสาคัญของ ผ๎ูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนร๎ูท่ีเหมาะสมกับผู๎เรียน แล๎วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรยี นร๎โู ดยเลือกใชว๎ ธิ ีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหลํงเรียนรู๎ การวัดและประเมินผล เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนได๎ พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพและบรรลุตามเปาู หมายท่กี าหนด ๔. บทบาทของผู้สอนและผู้เรยี น การจัดการเรียนร๎ูเพื่อให๎ผู๎เรียนมีคุณภาพตามเปูาหมายของหลักสูตร ท้ังผ๎ูสอนและผ๎ูเรียนควรมี บทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศกึ ษาวิเคราะห์ผู๎เรียนเป็นรายบคุ คล แลว๎ นาขอ๎ มลู มาใช๎ในการวางแผนการจดั การเรียนรู๎ ท่ี ท๎าทความสามารถของผ๎เู รียน ๒) กาหนดเปาู หมายทต่ี ๎องการให๎เกิดขึ้นกับผู๎เรียน ด๎านความรู๎และทักษะกระบวนการ ที่เป็น ความคิดรวบยอด หลักการ และความสัมพนั ธ์ รวมทง้ั คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู๎และจัดการเรียนร๎ูท่ีตอบสนองความแตกตํางระหวํางบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพื่อนาผเู๎ รียนไปสเูํ ปาู หมาย ๔) จดั บรรยากาศท่เี ออ้ื ตํอการเรียนรู๎ และดแู ลชวํ ยเหลอื ผ๎เู รยี นให๎เกดิ การเรียนรู๎ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช๎ส่ือให๎เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท๎องถ่ิน เทคโนโลยีที่ เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ๎ นการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมินความก๎าวหน๎าของผเ๎ู รียนดว๎ ยวิธีการทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของวิชา และระดบั พัฒนาการของผเ๎ู รียน ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใชใ๎ นการซอํ มเสริมและพฒั นาผ๎เู รียน รวมทงั้ ปรับปรุงการจัดการ เรยี นการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผู้เรียน ๑) กาหนดเปูาหมาย วางแผน และรับผดิ ชอบการเรียนรู๎ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความร๎ู เข๎าถึงแหลํงการเรียนร๎ู วิเคราะห์ สังเคราะห์ข๎อความรู๎ ตั้งคาถาม คิดหา คาตอบหรือหาแนวทางแก๎ปัญหาด๎วยวธิ ีการตาํ งๆ
๑๐๗ ๓) ลงมือปฏบิ ตั ิจริง สรปุ สง่ิ ที่ไดเ๎ รียนรดู๎ ๎วยตนเอง และนาความรู๎ไปประยกุ ต์ใช๎ในสถานการณ์ตํางๆ ๔) มีปฏิสัมพนั ธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรวํ มกับกลมุํ และครู ๕) ประเมินและพัฒนากระบวนการเรียนรูข๎ องตนเองอยํางตํอเน่ือง สอ่ื การเรยี นรู้ สื่อการเรียนร๎ูเป็นเคร่ืองมือสํงเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนร๎ู ให๎ผู๎เรียนเข๎ าถึงความร๎ู ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได๎อยํางมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู๎มี หลากหลายประเภท ทง้ั สื่อธรรมชาติ สอ่ื สิ่งพิมพ์ สอ่ื เทคโนโลยี และเครือขาํ ย การเรยี นรู๎ตํางๆ ที่มีในท๎องถ่ิน การ เลอื กใช๎สอื่ ควรเลือกใหม๎ ีความเหมาะสมกับระดบั พฒั นาการ และลีลาการเรยี นรูท๎ ่หี ลากหลายของผ๎ูเรียน การจัดหาสอ่ื การเรียนร๎ู ผ๎ูเรยี นและผสู๎ อนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช๎อยํางมี คุณภาพจากสื่อตํางๆ ท่ีมีอยํูรอบตัวเพื่อนามาใช๎ประกอบในการจัดการเรียนร๎ูท่ีสามารถสํงเสริมและส่ือสารให๎ ผเ๎ู รียนเกดิ การเรยี นรู๎ โดยสถานศกึ ษาควรจดั ให๎มีอยาํ งพอเพยี ง เพื่อพัฒนาให๎ผู๎เรียน เกิดการเรียนร๎ูอยํางแท๎จริง สถานศกึ ษา เขตพน้ื ที่การศึกษา หนํวยงานท่เี กีย่ วข๎องและผูม๎ ีหน๎าที่จดั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ควรดาเนนิ การดังน้ี ๑. จัดให๎มีแหลํงการเรียนร๎ู ศูนย์สื่อการเรียนรู๎ ระบบสารสนเทศการเรียนร๎ู และเครือขําย การเรียนรู๎ทีม่ ีประสทิ ธิภาพทั้งในสถานศกึ ษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาคน๎ คว๎าและการแลกเปล่ียนประสบการณ์ การเรียนรู๎ ระหวํางสถานศึกษา ท๎องถิน่ ชมุ ชน สังคมโลก ๒. จดั ทาและจดั หาสื่อการเรยี นรูส๎ าหรบั การศึกษาคน๎ คว๎าของผ๎ูเรยี น เสรมิ ความรูใ๎ ห๎ผส๎ู อน รวมท้ังจัดหา ส่งิ ท่ีมอี ยูํในทอ๎ งถิน่ มาประยกุ ตใ์ ชเ๎ ปน็ ส่ือการเรยี นรู๎ ๓. เลือกและใช๎ส่ือการเรียนรู๎ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล๎อง กับวิธีการ เรยี นร๎ู ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี นรู๎ และความแตกตาํ งระหวํางบุคคลของผู๎เรียน ๔. ประเมนิ คุณภาพของสอ่ื การเรยี นรู๎ที่เลือกใช๎อยาํ งเป็นระบบ ๕. ศึกษาคน๎ คว๎า วิจัย เพือ่ พัฒนาสื่อการเรยี นรูใ๎ หส๎ อดคล๎องกบั กระบวนการเรยี นรูข๎ องผูเ๎ รียน ๖. จัดให๎มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับส่ือและการใช๎ส่ือ การเรยี นรเู๎ ปน็ ระยะๆ และสมา่ เสมอ ในการจดั ทา การเลือกใช๎ และการประเมินคุณภาพส่อื การเรียนรูท๎ ี่ใชใ๎ นสถานศึกษา ควรคานึงถงึ หลกั การ สาคัญของส่ือการเรียนรู๎ เชํน ความสอดคล๎องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู๎ การออกแบบกิจกรรมการ เรยี นร๎ู การจดั ประสบการณ์ให๎ผูเ๎ รยี น เน้อื หามคี วามถกู ต๎องและทนั สมัย ไมกํ ระทบความมน่ั คงของชาติ ไมํขัดตํอ ศลี ธรรม มีการใชภ๎ าษาที่ถูกต๎อง รปู แบบการนาเสนอท่ีเข๎าใจงาํ ย และนาํ สนใจ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลการเรียนร๎ขู องผเู๎ รียนต๎องอยํูบนหลักการพื้นฐานสองประการ คอื การประเมินเพ่อื พัฒนาผู๎เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนร๎ูของผู๎เรียน ให๎ประสบผลสาเร็จนั้น ผู๎เรยี นจะต๎องไดร๎ ับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให๎บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู๎ สะท๎อนสมรรถนะ สาคญั และคุณลักษณะอนั พึงประสงคข์ องผู๎เรยี นซ่ึงเป็นเปูาหมายหลกั ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู๎ในทุก ระดับไมํวําจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู๎ เปน็ กระบวนการพัฒนาคุณภาพผ๎ูเรียนโดยใช๎ผลการประเมินเป็นข๎อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพฒั นาการ ความก๎าวหน๎า และความสาเรจ็ ทางการเรียนของผู๎เรยี น ตลอดจนขอ๎ มลู ท่ีเป็นประโยชน์ตํอการ สํงเสรมิ ใหผ๎ เู๎ รียนเกดิ การพัฒนาและเรียนรู๎อยํางเตม็ ตามศักยภาพ
๑๐๘ การวดั และประเมินผลการเรียนรู๎ แบํงออกเป็น ๔ ระดับ ได๎แกํ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา และระดบั ชาติ มีรายละเอียด ดังน้ี ๑. การประเมนิ ระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยํูในกระบวนการจัดการเรียนร๎ู ผู๎สอน ดาเนินการเปน็ ปกตแิ ละสมา่ เสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใชเ๎ ทคนคิ การประเมินอยํางหลากหลาย เชํน การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ๎าน การประเมนิ โครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟมู สะสมงาน การ ใช๎แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผ๎ูสอนเป็นผ๎ูประเมินเองหรือเปิดโอกาสให๎ผู๎เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพ่ือน ผ๎ปู กครองรวํ มประเมนิ ในกรณีทีไ่ มํผาํ นตัวช้ีวดั ให๎มีการสอนซํอมเสริม การประเมินระดบั ช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบวํา ผ๎ูเรยี นมีพัฒนาการความก๎าวหน๎าในการเรียนรู๎ อัน เป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไมํ และมากน๎อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต๎องได๎รับการพัฒนา ปรบั ปรุงและสํงเสริมในดา๎ นใด นอกจากน้ียังเป็นขอ๎ มลู ให๎ผูส๎ อนใช๎ปรับปรงุ การเรียนการสอนของตนดว๎ ย ทัง้ นีโ้ ดย สอดคลอ๎ งกับมาตรฐานการเรียนร๎ูและตวั ชี้วดั ๒. การประเมินระดบั สถานศกึ ษา เปน็ การประเมนิ ท่ีสถานศึกษาดาเนนิ การเพอื่ ตัดสินผล การเรยี นของ ผ๎ูเรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอําน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียน นอกจากน้ีเพื่อให๎ได๎ข๎อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา วําสํงผลตํอการ เรียนรู๎ของผเู๎ รยี นตามเปาู หมายหรอื ไมํ ผเู๎ รียนมีจุดพัฒนาในด๎านใด รวมท้งั สามารถนาผลการเรียนของผู๎เรียนใน สถานศึกษาเปรยี บเทียบกบั เกณฑ์ระดบั ชาติ ผลการประเมินระดบั สถานศึกษาจะเป็นข๎อมูลและสารสนเทศเพ่ือ การปรับปรงุ นโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทาแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัด การศกึ ษาตํอคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน ผ๎ูปกครองและชมุ ชน ๓. การประเมนิ ระดบั เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู๎เรียนในระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรู๎ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพื่อใช๎เป็นข๎อมูลพื้นฐานในการพัฒนา คุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผลสมั ฤทธ์ขิ องผูเ๎ รยี นด๎วยขอ๎ สอบมาตรฐานทจี่ ดั ทาและดาเนนิ การโดยเขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือด๎วยความรํวมมือ กับหนวํ ยงานตน๎ สังกัด ในการดาเนนิ การจดั สอบ นอกจากนยี้ ังไดจ๎ ากการตรวจสอบทบทวนข๎อมลู จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพืน้ ที่การศึกษา ๔. การประเมนิ ระดับชาติ เปน็ การประเมินคณุ ภาพผ๎เู รียนในระดบั ชาติตามมาตรฐานการเรียนร๎ตู าม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน สถานศึกษาตอ๎ งจัดให๎ผู๎เรียนทกุ คนที่เรียน ในชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๓ ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เขา๎ รบั การประเมนิ ผลจากการประเมินใช๎เป็นขอ๎ มลู ในการเทียบเคยี งคุณภาพการศึกษาใน ระดับตาํ ง ๆ เพอื่ นาไปใช๎ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจดั การศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ขอ๎ มูลสนบั สนนุ การ ตัดสนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ ข๎อมูลการประเมินในระดบั ตํางๆ ข๎างต๎น เป็นประโยชน์ตํอสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู๎เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะต๎องจัดระบบดูแลชํวยเหลือ ปรับปรุงแก๎ไข สํงเสริมสนบั สนุนเพอ่ื ให๎ผูเ๎ รยี นได๎พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกตํางระหวํางบุคคลที่จาแนกตาม สภาพปัญหาและความต๎องการ ได๎แกํ กลุํมผ๎ูเรียนท่ัวไป กลุํมผู๎เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ กลํุมผ๎ูเรียนที่มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่า กลํุมผู๎เรียนที่มีปัญหาด๎านวินัยและพฤติกรรม กลุํมผู๎เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลํุม ผ๎เู รยี นท่ีมปี ญั หาทางเศรษฐกจิ และสังคม กลํมุ พกิ ารทางรํางกายและสตปิ ญั ญา เป็นต๎น ขอ๎ มลู จากการประเมินจึง เป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนนิ การชํวยเหลอื ผเ๎ู รยี นไดท๎ ันทวํ งที ปดิ โอกาสใหผ๎ ๎เู รียนได๎รับการพัฒนาและ ประสบความสาเร็จในการเรยี น
๑๐๙ สถานศกึ ษาในฐานะผ๎ูรับผิดชอบจัดการศึกษา จะต๎องจัดทาระเบียบวําด๎วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให๎สอดคล๎องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเ ป็นข๎อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน เพื่อให๎บคุ ลากรที่เก่ียวขอ๎ งทกุ ฝุายถอื ปฏบิ ตั ริ ํวมกัน เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ๑. การตัดสิน การให้ระดบั และการรายงานผลการเรียน ๑.๑ การตดั สินผลการเรยี น ในการตดั สินผลการเรยี นของกลมุํ สาระการเรียนร๎ู การอาํ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู๎ รียนนนั้ ผสู๎ อนตอ๎ งคานงึ ถงึ การพฒั นาผ๎ูเรียนแตํละคนเปน็ หลกั และตอ๎ งเกบ็ ขอ๎ มูลของผเู๎ รียนทุกด๎านอยาํ งสมา่ เสมอและตํอเนอื่ งในแตลํ ะภาคเรียน รวมทง้ั สอนซํอมเสริมผเ๎ู รียนใหพ๎ ัฒนาจนเตม็ ตามศักยภาพ ระดับประถมศกึ ษา (๑) ผ๎ูเรยี นตอ๎ งมีเวลาเรียนไมนํ ๎อยกวําร๎อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด (๒) ผู๎เรียนต๎องไดร๎ บั การประเมินทกุ ตวั ชว้ี ดั และผาํ นตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด (๓) ผ๎ูเรยี นตอ๎ งได๎รบั การตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวชิ า (๔) ผเู๎ รยี นต๎องไดร๎ บั การประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผํานตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด ใน การอาํ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู๎ รยี น การพิจารณาเลื่อนช้ัน ถ๎าผู๎เรียนมีข๎อบกพรํองเพียงเล็กน๎อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นวํา สามารถพฒั นาและสอนซํอมเสรมิ ได๎ ให๎อยูํในดุลพินจิ ของสถานศึกษาทีจ่ ะผอํ นผันให๎เลือ่ นชน้ั ได๎ แตํหากผู๎เรียนไมํ ผํานรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน๎มวําจะเป็นปัญหาตํอการเรียนในระดับชั้นท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจตั้ง คณะกรรมการพิจารณาใหเ๎ รยี นซ้าช้นั ได๎ ท้ังนีใ้ หค๎ านงึ ถึงวฒุ ภิ าวะและความรูค๎ วามสามารถของผเ๎ู รียนเปน็ สาคัญ ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน ระดบั ประถมศึกษา ในการตัดสินเพื่อให๎ระดบั ผลการเรียนรายวิชา สถานศกึ ษาสามารถให๎ระดับผล การเรียนหรือระดบั คณุ ภาพการปฏบิ ัตขิ องผเ๎ู รยี น เป็นระบบตวั เลข ระบบตัวอกั ษร ระบบร๎อยละ และระบบทีใ่ ช๎ คาสาคัญสะท๎อนมาตรฐาน การประเมินการอําน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให๎ระดับผล การ ประเมินเปน็ ดีเยย่ี ม ดี และผําน การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผ๎ูเรยี น จะต๎องพิจารณาทง้ั เวลาการเข๎ารํวมกจิ กรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผ๎เู รยี น ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด และใหผ๎ ลการเข๎ารวํ มกจิ กรรมเปน็ ผาํ น และไมผํ าํ น ๑.๓ การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรยี นเปน็ การส่ือสารให๎ผ๎ูปกครองและผู๎เรียนทราบความก๎าวหน๎าในการเรียนรู๎ ของผูเ๎ รียน ซง่ึ สถานศกึ ษาต๎องสรปุ ผลการประเมนิ และจัดทาเอกสารรายงานให๎ผู๎ปกครองทราบเป็นระยะๆ หรือ อยํางนอ๎ ยภาคเรยี นละ ๑ คร้ัง การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเป็นระดบั คณุ ภาพการปฏบิ ัตขิ องผเู๎ รยี นทีส่ ะทอ๎ นมาตรฐาน การเรียนรกู๎ ลมํุ สาระการเรยี นร๎ู ๒. เกณฑ์การจบระดับประถมศึกษา (๑) ผู๎เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร๎างเวลาเรียนท่ี หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐานกาหนด
๑๑๐ (๒) ผ๎ูเรียนต๎องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผํานเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศึกษา กาหนด (๓) ผู๎เรยี นมผี ลการประเมนิ การอาํ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นในระดบั ผาํ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่สถานศึกษากาหนด (๔) ผ๎ูเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผํานเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด (๕) ผ๎ูเรียนเข๎ารํวมกิจกรรมพัฒนาผ๎ูเรียนและมีผลการประเมินผํานเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลํุมเปูาหมายเฉพาะ เชํน การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู๎มี ความสามารถพเิ ศษ การศกึ ษาทางเลอื ก การศกึ ษาสาหรับผู๎ดอ๎ ยโอกาส การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ให๎คณะกรรมการ ของสถานศึกษา เขตพนื้ ที่การศกึ ษา และผูท๎ ี่เกี่ยวข๎อง ดาเนินการวัดและประเมนิ ผล การเรียนร๎ูตามหลักเกณฑ์ใน แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู๎ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานสาหรับกลุํมเปูาหมาย เฉพาะ เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เปน็ เอกสารสาคญั ที่บันทกึ ผลการเรียน ข๎อมูลและสารสนเทศท่ีเกี่ยวข๎องกับ พฒั นาการของผ๎ูเรียนในดา๎ นตาํ ง ๆ แบํงออกเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาทกี่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู๎เรยี นตามรายวิชา ผลการประเมินการอําน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น ผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ อง สถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู๎เรียน สถานศึกษาจะต๎องบันทึกข๎อมูลและออกเอก สารน้ีให๎ ผ๎เู รียนเปน็ รายบุคคล เมอื่ ผู๎เรยี นจบการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา (ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖) ๑.๓ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อและ ขอ๎ มลู ของผู๎จบการศึกษาระดบั ประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาที่สถานศึกษากาหนด เปน็ เอกสารทสี่ ถานศกึ ษาจัดทาขน้ึ เพอื่ บนั ทึกพฒั นาการ ผลการเรียนร๎ู และขอ๎ มูลสาคัญ เกี่ยวกับผู๎เรียน เชนํ แบบรายงานประจาตัวนกั เรยี น แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอ่ืนๆ ตามวัตถุประสงคข์ องการนาเอกสารไปใช๎
[พิมพค์ ำ๑อ๑ำ้ ง๑อิงจำก เอกสำรหรือขอ้ มูลสรุป ของประเดน็ ท่ีน่ำสนใจ คุณสำมำรถวำงกล่อง ภาคผนวก
๑๑๒ คาส่งั โรงเรยี นบา้ นแพะ ที่ 24/๒๕65 เร่อื ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการปรบั ปรุงและพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖5) …………………………………………………………………………… ตามท่ีกระทรวงศกึ ษาธกิ ารได๎ออกคาสัง่ ท่ี สพฐ.๑๒๓๔/๒๕๖๐ เร่ืองการใช๎มาตรฐานการเรียนรู๎ และ ตัวช้วี ดั กลํุมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลํุมสาระการเรียนร๎ูสังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๐ เพ่ือให๎การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานสอดคล๎องกับการ เปลีย่ นแปลงทาง เศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม สภาพแวดลอ๎ มและความกา๎ วหนา๎ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปน็ การเสรมิ สร๎าง ศักยภาพคนของชาติ ยกระดับคุณภาพการศึกษาในระดับสากลสอดคล๎องกับประเทศไทย ๔.๐ โลกในศตวรรษที่ ๒๑ และทัดเทียมกับนานาชาติ ผ๎ูเรียนมีศักยภาพในการแขํงขันและดารงชีวิตอยําง สร๎างสรรคใ์ นประชาคมโลกตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกาหนดใหท๎ กุ โรงเรียนใชห๎ ลกั สูตรนี้ ให๎ครบทกุ ระดับ ชั้นในปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ นัน้ เพื่อใหโ๎ รงเรยี นบา๎ นแพะสามารถใช๎หลักสูตรสถานศึกษาที่ สอดคล๎องกับหลักสูตร แกนกลางดงั กลําว จึงแตงํ ต้ังคณะกรรมการปรับปรงุ หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับ ปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖5) ของโรงเรยี นบา๎ นแพะ ดงั ตอํ ไปนี้ คณะกรรมการอานวยการมีหน๎าท่ี ให๎คาปรึกษา อานวยความสะดวกและแก๎ปัญหาในการ ปฏิบตั ิงานของฝาุ ยตําง ๆ ประกอบดว๎ ย ๑.๑ นายโชคอนันต์ อนันตสิทธโิ ชติ ประธานกรรมการ ๑.๒ นางสาววลยั พร พรมจนิ า กรรมการ ๑.๓ นางปทมุ พร ไพรพนาพฤกษ์ กรรมการ ๑.๔ นางสาวจนิ ดา เครืออินตา กรรมการ ๑.๕ นางสาวรักษฺณา สวุ าท กรรมการ 1.6 นางสาวแวววรรณ ถอื สตั ย์ กรรมการ 1.7 นางสาววารุณี ธรรมขนั ท์ กรรมการ 1.8 นางสาวชรินดา วังมูล กรรมการ 1.9 นายทิวัตถ์ แสนปัญญา กรรมการ ๑.10 นางแววดาว ขดั ธะสมี า กรรมการและเลขานุการ ๑.11 นางสาวมทั นา กาละ กรรมการและผช๎ู ํวยเลขานกุ าร ๑. คณะกรรมการดาเนนิ งาน มหี นา๎ ท่ี วางแผน ดาเนนิ การปรบั ปรงุ หลกั สตู รสถานศึกษา และดาเนนิ การปรับปรงุ หลกั สตู รสถานศึกษา ระเบียบวดั และประเมินผลใหส๎ อดคลอ๎ งกบั หลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖5) จัดพมิ พ์ และจดั ทารปู เลมํ รายงานผลการ ปฏิบัตงิ าน การปรับปรงุ หลักสูตรของสถานศกึ ษาตํอโรงเรยี น ตํอคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและ
๑๑๓ งานวิชาการตํอคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐาน และผมู๎ สี วํ นเกยี่ วข๎อง ดังน้ี กรรมการกลมุํ สาระการเรียนรภ๎ู าษาไทย นางสาวจนิ ดา เครืออินตา กรรมการ กรรมการกลมุํ สาระการเรยี นร๎ูคณิตศาสตร์ นางสาวรักษณิ า สวุ าท กรรมการ คณะกรรมการกลํมุ สาระการเรยี นร๎ูวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นางแววดาว ขัดธะสมี า กรรมการ คณะกรรมการกลุํมสาระการเรยี นรสู๎ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม นางสาวชรนิ ดา วังมูล กรรมการ คณะกรรมการกลมํุ สาระการเรียนรสู๎ ุขศึกษาและพลศึกษา นายทวิ ตั ถ์ แสนปัญญา กรรมการ คณะกรรมการกลุํมสาระการเรียนรู๎ศลิ ปะ นายทิวัตถ์ แสนปัญญา กรรมการ คณะกรรมการกลํมุ สาระการเรียนร๎ูการงานอาชพี นางปทุมพร ไพรพนาพฤกษ์ กรรมการ คณะกรรมการกลมํุ สาระการเรียนรู๎ภาษาตํางประเทศ นางสาวแวววรรณ ถอื สัตย์ กรรมการ ขอใหผ๎ ูท๎ ่ีได๎รบั การแตงํ ตงั้ ได๎ปฏบิ ตั ิหน๎าท่อี ยาํ งเครํงครดั และเต็มความสามารถ ท้ังนี้ ตั้งแตบํ ดั นีเ้ ปน็ ตน๎ ไป ส่ัง ณ วนั ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖5 (นายโชคอนนั ต์ อนันตสิทธโิ ชต)ิ ผ๎ูอานวยการโรงเรียนบา๎ นแพะ
๑๑๔ ประกาศโรงเรียนบา้ นแพะ เร่อื ง ใหใ้ ช้หลักสูตรโรงเรียนบ้านแพะ พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พุทธศักราช 2560) …………………………………………………………………………………………………. ดว๎ ยกระทรวงศึกษาธิการได๎มีคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ สพฐ.1239/2560 ลงวันท่ี 7 สิงหาคม ๒๕๖0 เรื่องให๎ใช๎มาตรฐานการเรียนรู๎และตัวช้ีวัด กลํุมสาระการเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระ ภูมิศาสตรใ์ นกลมํุ สาระการเรียนรส๎ู งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และสพฐ.ไดม๎ ีคาส่งั ที่ 30/2561 ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เรอื่ งให๎เปลย่ี นแปลงมาตรฐานการเรยี นรูแ๎ ละตวั ชีว้ ัด กลมํุ สาระการเรยี นรู๎คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร(์ ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) อกี ทัง้ สพฐ.มีประกาศ เร่อื งการบรหิ ารจัดการหลักสูตรสถานศึกษากลุํมสารระตัวชี้วัด กลุํมสาระ การเรียนรู๎คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ คาสั่งสพฐ. ที่ 921/2561 ลงวันท่ี 3 พฤษภาคม ๒๕๖๑ เร่ืองยกเลิกมาตรฐานตัวชี้วัด สาระท่ี 2 การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในกลมุํ สาระการงาน อาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเปล่ียนช่ือกลํุมสาระ การเรียนร๎ู สพฐ.ได๎มีคาสั่งที่ 922/2561 ลงวนั ที่ 3 พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรื่อง การปรบั ปรงุ โครงสรา๎ งเวลาเรียน ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรียนบ๎านแพะ จึงได๎ปรับปรุงหลักสูตร โรงเรียนบา๎ นแพะ พุทธศักราช ๒๕6๓ (ฉบับปรับปรุง) เพ่ือให๎สอดคล๎องกับประกาศและคาส่ังของ สพฐ.ท่ีได๎ กลําวมาแลว๎ ข๎างต๎น โดยเริม่ ใช๎หลักสตู รดังกลําวกับนกั เรยี นทุกระดับชนั้ ในปีการศกึ ษา ๒๕6๓ เป็นต๎นไป ทัง้ นหี้ ลักสูตรโรงเรยี นบ๎านแพะ ไดร๎ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ครัง้ ท่ี 4/2565 จึงประกาศให๎ใช๎หลักสูตรโรงเรียนต้งั แตบํ ัดนเี้ ป็นตน๎ ไป ประกาศ ณ วันที่ 17 เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5 (นายโชคอนนั ต์ อนนั ตสทิ ธิโชติ) ผู๎อานวยการโรงเรียนบ๎านแพะ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115