๕๐ ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์5 คาอธิบายรายวิชา ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 กลมุ่ สาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สืบค๎นข๎อมูล และสรุปความเป็นมาของท๎องถิ่นโดยใช๎หลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ ขอ๎ มลู จากแหลํงตาํ งๆเพ่ือตอบคาถามทางประวัติศาสตร์อยํางมีเหตุผล ความแตกตาํ งระหวํางความ จริงกับข๎อเท็จจริงเก่ียวกับเรื่องราวในท๎องถ่ิน อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียและจีนท่ีมีตํอไทยและเอเชีย ตะวนั ออกเฉียงใต๎ อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมตํางชาติท่ีมีตํอสังคมไทยปัจจุบัน พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยาและ ธนบุรี ปัจจัยทส่ี ํงเสรมิ ความเจรญิ รํงุ เรืองทางเศรษฐกิจและการปกครองของอาณาจักรอยุธยา บอกประวัติและ ผลงานของบคุ คล และภมู ิปัญญาไทยที่สาคัญสมัยอยุธยาและธนบุรีท่ีนําภาคภูมิใจ และควรคําแกํการอนุรักษ์ไว๎ โดยใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ กระบวนการกลุํม การสืบค๎นข๎อมูล กระบวนการปฏิบัติจริง กระบวนการคิด การใชโ๎ ปรแกรม Google Earth เพอ่ื ให๎มีความร๎ูความเข๎าใจเก่ยี วกับความเป็นมาและเร่ืองราว ของท๎องถิ่น อทิ ธิพลของอารยธรรมอินเดีย และจีน วฒั นธรรมของตํางชาติ พัฒนาการของอยุธยา ธนบรุ ี ผลงาน บคุ คลสาคัญ ภมู ปิ ัญญาทอ๎ งถ่นิ ประยุกต์ความสามารถในการสื่อสาร การนาเสนอ การคิด การแก๎ปัญหา การใช๎ ทักษะชีวิต การใช๎เทคโนโลยเี พอ่ื ใหด๎ ารงชีวิตอยํางมคี วามสขุ เห็นความสาคัญของการรวมกลุํมอาเซียน และการ เป็นพลเมอื งอาเซยี น ตระหนักในคุณคํา ภาคภูมิใจและหวงแหนในความเป็นชาติไทย มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซ่ือสัตย์ สจุ ริต มวี ินัย ใฝุเรียนรู๎ มงุํ มน่ั ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ และปรับตัวเข๎าสูํประชาคมอาเซียน เขา๎ ใจในความสัมพันธ์ ยอมรบั ในความแตกตาํ งทางวฒั นธรรม และอยรํู วํ มกนั ได๎อยาํ งสนั ติสุข รหัสตัวช้ีวัด ส๔.1 ป5/1,ป5/2,ป5/3 ส๔.2 ป5/1,ป5/2 ส๔.๓ ป5/1,ป5/2,ป5/3,ป5/4 รวมทงั้ หมด ๙ ตวั ชวี้ ดั
๕๑ ส ๑๖๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์๖ คาอธบิ ายรายวชิ า ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เวลา ๔๐ ช่ัวโมง ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ อธิบาย และสรุปความหมาย ความสาคัญของวิธีการทางประวัติศาสตร์ใน การศกึ ษาเร่อื งราวในทอ๎ งถ่ิน การนาเสนอขอ๎ มูลทงั้ ความจรงิ และข๎อเทจ็ จรงิ จากหลักฐานทห่ี ลากหลายในการทา ความเขา๎ ใจเร่อื งราวสาคญั ในอดีต สภาพสงั คม เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศเพ่ือนบ๎านในปัจจุบัน โดยใช๎ แผนท่ีแสดงทต่ี งั้ และอาณาเขตของประเทศตาํ งๆในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต๎ ตัวอยํางความเหมือน ความ แตกตาํ งระหวาํ งประเทศเทศไทยกบั ประเทศเพ่อื นบา๎ น ความสมั พนั ธข์ องกลํุมอาเซียน พัฒนาการของ ไทยสมัย รัตนโกสินทร์ ปัจจัยทสี่ ํงเสรมิ ความเจริญรงํุ เรอื งทางเศรษฐกิจ การปกครองของไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ ยกตวั อยาํ ง ผลงานของบุคคลสาคญั ทางด๎านตํางๆ และภูมปิ ัญญาไทยทสี่ าคัญสมัยรตั นโกสนิ ทร์ท่ีนําภาคภูมิใจ และควรคําแกํ การอนุรักษไ์ ว๎ โดยใช๎วิธีการทางประวัติศาสตร์ กระบวนการกลุํม การสืบค๎นข๎อมูล กระบวนการปฏิบัติจริง กระบวนการคิด การใช๎โปรแกรม Google Earth เพ่ือให๎มีความร๎ูความเข๎าใจเก่ียวกับความเป็นมาและ ความสาคัญของวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ สภาพสงั คม เศรษฐกิจ การเมืองของประเทศเพื่อนบ๎าน ความสัมพันธ์ ของกลุํมอาเซียน พัฒนาการของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ ผลงานบุคคลสาคัญ ภูมิปัญญาท๎องถ่ิน ประยุกต์ ความสามารถในการสื่อสาร การนาเสนอ การคิด การแก๎ปัญหา การใช๎ทักษะชีวิต การใช๎เทคโนโลยีเพื่อให๎ ดารงชีวติ อยํางมคี วามสุข ตระหนกั ในคณุ คาํ ภาคภมู ใิ จและหวงแหนในความเปน็ ชาติไทย มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ บรรพบุรุษ วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความซ่ือสตั ยส์ ุจริต มวี นิ ัย ใฝุเรียนรู๎ มํุงม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และมีจิต สาธารณะ ปรับตัวเข๎าสํูประชาคมอาเซียน เข๎าใจความสัมพันธ์ของกลํุมอาเซียน ยอมรับความแตกตํางทาง วัฒนธรรม และอยรํู วํ มกนั ได๎อยาํ งสันตสิ ขุ รหสั ตัวชีว้ ดั ส4.1 ป6/1,ป6/2 ส4.2 ป6/1,ป6/2 ส4.3 ป6/1,ป6/2,ป6/3,ป6/4 รวมทง้ั หมด 8 ตวั ชี้วัด
๕๒ พ11101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา1 คาอธิบายรายวิชา ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุม่ สาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา เวลา 40 ชัว่ โมง ศึกษาลักษณะ หนา๎ ท่ี และการดูแลรกั ษา อวัยวะภายนอก ตา หู คอ จมูก ผม มือ เท๎า เล็บ ผิวหนัง อวยั วะภายในชํองปากท่มี กี ารเจริญเตบิ โตและพัฒนาการไปตามวัย สมาชกิ และความรักความผูกพันของสมาชิก ในครอบครัว จดุ เดํน จดุ ด๎อยของตนเอง ลักษณะความแตกตํางของเพศชาย และเพศหญิง ธรรมชาติของการ เคลอื่ นไหวราํ งกายในชีวติ ประจาวันแบบอยกูํ ับที่ แบบเคลือ่ นท่ี แบบใชอ๎ ุปกรณ์ประกอบ และกิจกรรมทางกาย ท่ใี ชก๎ ารเคล่อื นไหวตามธรรมชาติ เชนํ การเลนํ เกมเบด็ เตล็ด การออกกาลังกาย การเลํนเกมเบ็ดเตล็ดและการ ปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ า ข๎อตกลงในการเลํนเกมเบด็ เตลด็ การปฏบิ ตั ติ นตามหลกั สุขบัญญัตแิ หํงชาติ การบอกลกั ษณะอาการเจ็บปวุ ยและวิธปี ฏบิ ัตติ นเม่ือมีอาการเจ็บปุวยเกิดขึ้นกับตนเอง การ ระบุส่งิ ทที่ าใหเ๎ กิดอนั ตรายทบี่ ๎าน โรงเรยี นและวิธีการปอู งกัน การบอกสาเหตุท่ีทาให๎เกิดอันตรายจากการเลํน และการปอู งกัน การแสดงคาพดู หรอื ทําทางขอความชํวยเหลือจากบุคคลทีค่ วรขอความชวํ ยเหลอื เม่อื เกดิ เหตุรา๎ ย ทบี่ ๎านและโรงเรยี น โดยใชท๎ กั ษะกระบวนการ คดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ อภิปรายสรุปเพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ และ สามารถนาไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน ตลอดจนทาใหม๎ ีทักษะในด๎านการเคลอ่ื นไหวอยํางสมดุล เพื่อให๎เหน็ คุณคาํ ของการรักษาสขุ ภาพ ใฝเุ รียนรู๎ มคี วามซ่อื สัตยต์ ํอกฎ กติกาตํางๆ มีวินัยในตนเองใน การดูแลรกั ษาสุขภาพ ตลอดจนรักความเปน็ ไทยโดยเขา๎ รวํ มกจิ กรรมทางกายและกีฬาท่ีเหมาะสมกับเพศและวัย ตามประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย มีน้าใจเป็นนักกีฬา อยูํรวํ มกบั ผ๎ูอื่นได๎อยํางมีความสุข รหัสตัวชว้ี ดั พ1.1 ป.1/1, ป.1/2, พ2.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, พ3.1 ป.1/1, ป.1/2, พ3.2 ป.1/1,, ป.1/2, พ4.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, พ5.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, รวมท้งั หมด 16 ตวั ชว้ี ัด
๕๓ พ12101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา2 คาอธบิ ายรายวชิ า ช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา เวลา 40 ช่วั โมง ศึกษาลักษณะหน๎าที่และการดูแลรักษาอวัยวะภายใน เชํน สมอง หัวใจ ตับ ไต ปอด กระเพาะ อาหาร ลาไส๎ ที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการไปตามวัย การระบุบทบาทหน๎าท่ีของตนเองและสมาชิก ใน ครอบครวั ความสาคัญของเพอื่ น การระบพุ ฤติกรรมทเี่ หมาะสมกับเพศ ความภาคภูมใิ จในตนเอง (ในความเป็น เพศหญิงหรือเพศชาย) การควบคุมการเคลื่อนไหวรํางกายแบบอยูํกับที่ แบบเคล่ือนที่ และแบบใช๎อุปกรณ์ ประกอบการเลนํ เกมเบ็ดเตลด็ และเขา๎ รํวมกจิ กรรมทางกาย ทีว่ ิธเี ลนํ อาศยั การเคล่ือนไหวเบื้องต๎นทั้งแบบอยูกํ บั ที่ เคลอ่ื นที่ และใชอ๎ ปุ กรณป์ ระกอบ การบอกลกั ษณะของการมสี ุขภาพดี การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ การ ระบุของใช๎และของเลํนท่ีมีผลเสียตํอสุขภาพ การอธิบายอาการ และวิธีปูองกัน ตลอดจนการปฏิบัติตาม คาแนะนาเม่ือมีอาการเจ็บปุวยและบาดเจ็บ สาเหตุและวิธีปูองกันอุบัติเหตุทางน้าและทางบก ชื่อยาสามัญ ประจาบา๎ น และการใช๎ยาตามความจาเปน็ และตามลกั ษณะอาการ การระบโุ ทษของสารเสพตดิ และสารอันตราย ใกลต๎ วั และวธิ ีปูองกนั สัญลกั ษณ์ ปาู ยเตือน และความหมายของสัญลักษณ์ ปูายเตอื นของส่ิงของหรือสถานที่ท่ี เป็นอนั ตราย การระบสุ าเหตุ อันตราย และวิธีปูองกันอันตรายจากอคั คภี ัย โดยใช๎ทักษะกระบวนการ คิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ อภิปราย ปรับปรุง แก๎ไข เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ และสามารถนาไปปฏบิ ตั ติ นในการดูแลรกั ษาสขุ ภาพไดอ๎ ยํางถูกต๎อง เพือ่ ให๎เห็นความสาคญั ของการดแู ลรกั ษาสุขภาพ ใฝเุ รียนรู๎ มีวินยั ในตนเอง เข๎ารํวมกิจกรรมทางกาย และกีฬารํวมกับผ๎อู นื่ ไดอ๎ ยาํ งมีความสขุ รหัสตัวชวี้ ัด พ1.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, พ2.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, พ3.1 ป.2/1, ป.2/2, พ3.2 ป.2/1, ป.2/2, พ4.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, พ5.1 ป.2/1, ป.2/2, ป.2/3, ป.2/4, ป.2/5, รวมทั้งหมด 21 ตัวชว้ี ดั
๕๔ พ13101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา3 คาอธบิ ายรายวชิ า ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา เวลา 40 ชวั่ โมง ศกึ ษาการเจรญิ เติบโตของรํางกาย ความแตกตํางระหวํางบุคคล เกณฑ์มาตรฐาน และปัจจัยที่มีผลตํอ การเจริญเติบโต อาหาร การออกกาลังกาย การพักผํอน ความสาคัญและความแตกตําง วิธีการสร๎าง สมั พนั ธภาพในครอบครัวและกลุํมเพ่อื น การปอู งกันตนจากการลวํ งละเมิดทางเพศ การเคล่อื นไหวแบบอยูกํ บั ที่ เคล่ือนที่ ควบคุมการเคล่อื นไหวราํ งกายแบบตํางๆ อยาํ งมีทิศทาง การเลนํ เกมเบด็ เตลด็ แนวทางการเลือกออก กาลังกาย การละเลํนพืน้ เมอื ง การเลํนเกมที่เหมาะสม การใช๎ข๎อมูลเพม่ิ ทกั ษะกลไก ระเบียบ กฎ กติกา ในการ เขา๎ รํวมกิจกรรมการออกกาลงั กาย การเลนํ เกมและการละเลนํ พ้นื เมอื ง การติดตํอและวิธีปูองกนั การแพรกํ ระจาย ของโรค อาหารหลัก 5 หมูํ การแปรงฟนั สรา๎ งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย เพื่อสขุ ภาพ วิธีปฏิบัติตนเพื่อความ ปลอดภัยจากอุบตั ิเหตใุ นบ๎าน โรงเรียน การเดนิ ทาง การขอความชวํ ยเหลือจากบคุ คลและแหลงํ ตํางๆ เม่ือเกิด เหตุร๎ายหรืออุบัติเหตุการบาดเจ็บจากการเลํนและวิธีการปฐมพยาบาล โดยใช๎ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ อภปิ ราย ปรับปรุง แก๎ไข เพ่อื ใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ และสามารถนาไปปฏิบตั ิตนในการดแู ลรักษา สขุ ภาพได๎อยาํ งถกู ต๎อง เห็นคุณคําของการเรียนร๎ูสุขศึกษา ใฝุเรียนรู๎ในการแสวงหาความร๎ู มีความ ซื่อสัตย์สุจริตตํอกฎ ระเบียบ กติกา ตํางๆ มีวนิ ัยในการปฏิบัติตนในการดูแลรักษา สุขภาพอยํางสม่าเสมอ ตลอดจนรักความเป็น ไทยในการเข๎ารวํ มกิจกรรมทางกายและกฬี าที่เหมาะสมกับเพศและวัยตามวัฒนธรรมไทย มีน้าใจเป็นนักกีฬา และสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมทางกายและกีฬารํวมกบั ผู๎อ่ืนอยาํ งมคี วามสขุ รหสั ตวั ชว้ี ัด พ1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, พ2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 , พ3.1 ป.3/1, ป.3/2, พ4.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 ป.3/4, ป.3/5, พ5.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3, รวมทง้ั หมด 16 ตวั ชีว้ ดั
๕๕ พ14101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา4 คาอธิบายรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา เวลา 80 ชั่วโมง การศกึ ษาการเจรญิ เตบิ โตและการพฒั นาการของรํางกายและจิตใจตามวัย ความสาคัญ วิธีดูแลรักษา กล๎ามเน้ือกระดูก และข๎อ ที่มีผลตํอสุขภาพการเจริญเติบโต และพัฒนาการให๎ทางานอยํางมีประสิทธิภาพ คณุ ลักษณะของความเป็นเพ่ือนและสมาชิกที่ดีของครอบครัว การมีพฤติกรรมท่ีเหมาะสมกับเพศของตนตาม วฒั นธรรมไทย วิธีการปฏิเสธการกระทาที่เป็นอันตรายและไมํเหมาะสมในเร่ืองเพศ การเคลื่อนไหวรํางกาย แบบผสมผสานท้งั แบบอยูกํ บั ที่ แบบเคลื่อนท่แี ละการใชอ๎ ปุ กรณป์ ระกอบ การบรหิ ารทาํ มอื เปลําประกอบจงั หวะ เกมเลยี นแบบและกิจกรรมแบบผลดั กีฬาพ้นื ฐาน การออกกาลังกาย เลํนเกมตามความชอบของตนเองและเลํน กฬี าพ้นื ฐานรํวมกบั ผอู๎ ืน่ การวเิ คราะห์ผลพัฒนาการของตนเองในการออกกาลังกาย เลํนเกมและเลํนกีฬาตาม ตวั อยาํ ง และแบบปฏิบตั ิของผูอ๎ ื่น คุณคําของการออกกาลงั กาย เลํนเกมและเลนํ กีฬาทมี่ ีตํอสุขภาพ การปฏิบัติ ตามกฎ กติกาการเลํน กีฬาพื้นฐานตามชนิดกีฬาท่ีเลํน ความสัมพันธ์ระหวํางสิ่งแวดล๎อมกับสุขภาพ การจัด ส่งิ แวดลอ๎ มทถี่ ูกสขุ ลกั ษณะ และเอ้ือตํอสุขภาพ สภาวะ อารมณ์ และความร๎ูสึก ผลท่ีมีตํอสุขภาพในทางบวก และทางลบ การวิเคราะหข์ อ๎ มลู บนฉลากอาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพ การทดสอบการปรับปรุงสมรรถภาพทาง กายตามผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ความสาคัญ หลักการใชย๎ า วธิ ีปฐมพยาบาล ผลเสยี ของการสบู บุหรี่ การดม่ื สุรา และวธิ ีการปอู งกนั โดยใช๎ทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ อภิปราย ปรับปรุง แก๎ไข เพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความเข๎าใจ สามารถส่ือสารส่งิ ที่เรยี นร๎ู และมีความสามารถในด๎านทักษะการเคลือ่ นไหวอยํางสมดุล เหน็ คุณคาํ ของการเรยี นรู๎สุขศกึ ษา ใฝุเรยี นรู๎ในการแสวงหาความร๎ู มีความซ่ือสัตย์สุจริตตํอกฎระเบียบ กตกิ า ตาํ งๆ มวี นิ ัยในการปฏิบัติตนในการดูแลรกั ษาสขุ ภาพอยาํ งสม่าเสมอ ตลอดจนรักความเป็นไทยในการเข๎า รํวมกิจกรรมทางกายและกีฬาท่ีเหมาะสมกับเพศและวัยตามวัฒนธรรมไทย มีน้าใจเป็นนักกีฬา และสามารถ ปฏิบตั ิกจิ กรรมทางกายและกฬี ารํวมกับผอ๎ู ื่นอยาํ งมคี วามสขุ รหสั ตวั ช้ีวัด พ1.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, พ2.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3 , พ3.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, ป.4/4, พ3.2 ป.4/1, ป.4/2 พ4.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3ป.4/4, , พ5.1 ป.4/1, ป.4/2, ป.4/3, รวมท้ังหมด 19 ตัวชว้ี ดั
๕๖ พ15101 สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา5 คาอธิบายรายวชิ า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา เวลา 80 ชั่วโมง ศึกษารวบรวมความรู๎ โครงสร๎างหน๎าท่ี ความสาคัญ การดูแลระบบยํอยอาหารและระบบขับถําย การ เปลีย่ นแปลงทางเพศ ครอบครัวที่อบอํุน ลักษณะของพฤติกรรมทพ่ี งิ ประสงค์และไมํพึงประสงค์ในการแก๎ปัญหา ความขดั แยง๎ ในครอบครัว การเคลื่อนไหวแบบผสมผสาน ร๎ูและเข๎าใจ ในหลักการของกิจกรรมนันทนาการ กฎ กตกิ าในการเลํนเกมกฬี า สุขบัญญัติแหงํ ชาติ การสรา๎ งเสรมิ สุขภาพ วิเคราะห์ส่ือโฆษณาในการตัดสินใจเลือกซ้ือ อาหารและผลติ ภัณฑส์ ุขภาพ วเิ คราะห์ปัจจยั ที่มีอทิ ธพิ ลตอํ การใชส๎ ารเสพตดิ ผลกระทบของการใช๎ยาและสารเสพ ติดทม่ี ีผลตํอราํ งกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คมและสตปิ ัญญา ปฏิบัติตนได๎ถูกต๎อง เหมาะสมในการดูแลระบบยํอยอาหารและระบบขับถําย การรักษาความสะอาด อวัยวะเพศ การแสดงบทบาทหน๎าที่และพฤติกรรมท่ีพึงประสงค์ของสมาชิกในครอบครัว จัดรูปแบบการ เคล่ือนไหวรํางกายแบบผสมผสาน แบบอยูํกับที่ แบบเคลื่อนที่และใช๎อุปกรณ์ประกอบเลํนเกมท่ีนาไปสูํกีฬา กิจกรรมแบบผลดั เชํน การเข่ยี รบั -สํง สิง่ ของ ขว๎าง วิ่ง การขับแรง การใช๎แรง กีฬาไทย กีฬาสากล ปฏิบัติตน ตามสิทธิของตน ไมํละเมิดสิทธิผ๎ูอื่นและยอมรับความแตกตํางระหวํางบุคคล ปฏิบัติตามหลักสูตรสุขบัญญัติ แหงํ ชาติ ทดสอบสมรรถภาพทางกาย ปฏบิ ตั ิตนใหป๎ ลอดภยั จากการใช๎ยา สารเสพตดิ และการเลํนกฬี า มีวินัยในการดแู ลระบบยอํ ยอาหารและระบบขบั ถําย เห็นคณุ คําของความเป็นเพศหญิง เพศชาย รักษา วัฒนธรรมไทย รักและภูมิใจในความเป็นไทย มีความซื่อสัตย์ สุจริตตํอสมาชิกในครอบครัว และมีคํานิยมที่ เหมาะสม รหัสตัวช้วี ัด พ.1.1 ป.5/1 , ป.5/2 พ.2.1 ป.5/1, ป.5/2 , ป.5/3 พ.3.1 ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 , ป.5/6 พ.3.2 ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 พ.4.1 ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 พ.5.1 ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 รวมท้ังหมด 24 ตวั ชีว้ ดั
๕๗ พ16101 สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา6 คาอธบิ ายรายวชิ า ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษา เวลา 80 ชว่ั โมง ศกึ ษาเกย่ี วกับความสาคญั ของระบบสืบพันธรุ์ ะบบไหลเวยี นโลหิตและระบบหายใจท่ีมีผลตอํ สขุ ภาพการ เจริญเตบิ โต และพฒั นาการดแู ลรักษาระบบสืบพนั ธ์ุการสรา๎ งและรักษาสัมพันธ์ภาพกับผู๎อ่ืน ปัจจัยท่ีชํวยให๎การ ทางานกลมํุ ประสบความสาเร็จความสามารถสํวนบุคคลหน๎าท่ีของสมาชิกในกลุํมการยอมรับความคิดเห็นความ แตกตาํ งระหวาํ งบุคคล ความรบั ผิดชอบพฤตกิ รรมเสยี่ งนาไปสํูการมีเพศสัมพันธ์การติดเชื้อเอดส์ การตงั้ ครรภ์กํอน วัยอันควรการเคล่ือนไหวรวํ มกบั ผอู๎ ่นื แบบผลดั ในลกั ษณะผสมผสานในการรํวมกจิ กรรมทางกาย การเคลอ่ื นไหวใน เรือ่ งการรับแรงการใช๎แรงและความสมดุลกับการเสริมทกั ษะการเคลอ่ื นไหวในการเลํนเกมและกีฬาการเลํนกีฬา ไทยกีฬาสากลประเภทบคุ คลและประเภททีม การใชข๎ ๎อมูลดา๎ นทกั ษะกลไกเพอ่ื ปรับปรงุ และเพิม่ พูนความสามารถ ในการปฏิบัติกิจกรรมทางกายและเลนํ กฬี าการนาความร๎ูและหลักการของกิจกรรมนันทนาการไปใช๎เป็นพื้นฐาน การศึกษาหาความรู๎ ประโยชน์และหลักการออกกาลังกายเพื่อสุขภาพสมรรถภาพทางกายและการสร๎างเสริม บุคลกิ ภาพ การเลนํ เกมท่ีใช๎ทักษะการวางแผนการเพิ่มพูนทักษะออกกาลังกายและการเคลือ่ นไหวอยาํ งเปน็ ระบบ การเลนํ กฬี าประเภทบุคคลและประเภททมี ทช่ี ่นื ชอบการประเมินทักษะการเลํนกีฬาของตนกฎกติกาในการเลํน กีฬาไทยกฬี าสากลตามชนิดกฬี าท่ีเลนํ ความสาคัญของส่ิงแวดลอ๎ มท่มี ผี ลตํอสุขภาพปัญหาของสิ่งแวดล๎อมที่มีผล ตอํ สุขภาพการปอู งกันและแก๎ปัญหาสง่ิ แวดลอ๎ มท่มี ีผลตํอสุขภาพโรคตดิ ตํอสาคัญท่รี ะบาดในปัจจุบันผลกระทบท่ี เกิดจากการระบาดของโรคการปูองกนั การระบาดของโรคพฤติกรรมทแี่ สดงออกถงึ ความรบั ผิดชอบตอํ สุขภาพของ สํวนรวมวิธีทดสอบสมรรถภาพทางกายการสร๎างเสริมและปรับปรุงสมรรถภาพทางกายตามผลการทดสอบ สมรรถภาพทางกาย ภัยธรรมชาติลักษณะของภัยธรรมชาติผลกระทบจากความรุนแรงของภัยธรรมชาติท่ีมีตํอ ราํ งกายจติ ใจและสังคมการปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยจากธรรมชาติสาเหตุของการติดสารเสพติดทักษะการ ส่อื สารใหผ๎ อู๎ ืน่ หลีกเลีย่ งสารเสพติด โดยใช๎ทักษะกระบวนการคิด วิเคราะห์ อภิปรายปรับปรุง แก๎ไขเพื่อให๎เกิดความรู๎ความเข๎าใจสามารถ สื่อสารส่ิงที่เรียนร๎แู ละมคี วามสามารถในด๎านทักษะการเคลอื่ นไหวอยาํ งสมดลุ เหน็ คณุ คําของการเรยี นรูส๎ ุขศึกษา ใฝุเรียนร๎ูในการแสวงหาความรู๎ มีความซ่ือสัตย์สุจริตตํอกฎระเบียบ กติกา ตํางๆมีวินยั ในการปฏบิ ตั ติ นในการดแู ลรักษาสุขภาพอยํางสม่าเสมอ ตลอดจนรักความเป็นไทยในการเข๎า รํวมกิจกรรมทางกายและกีฬาที่เหมาะสมกับเพศและวัยตามวัฒนธรรมไทย มีน้าใจเป็นนักกีฬา และสามารถ ปฏิบัติกจิ กรรมทางกายและกฬี ารวํ มกับผอ๎ู น่ื อยาํ งมคี วามสขุ รหัสตวั ชวี้ ัด พ1.1 ป.6/1, ป.6/2, พ2.1 ป.6/1, ป.6/2, , พ3.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4,, ป.6/5, พ3.2 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, ป.6/5, ป.6/6, พ4.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3, ป.6/4, พ5.1 ป.6/1, ป.6/2, ป.6/3 รวมตวั ชี้วัด 22 ตวั ชี้วัด
๕๘ ศ11101 ศลิ ปะ1 คาอธิบายรายวชิ า ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ เวลา ๔0 ชั่วโมง ศึกษาและเรียนร๎ูการสร๎างงานทัศนศิลป์เก่ียวกับรูปรํางลักษณะ ขนาดของส่ิง ตํางๆ รอบตัวใน ธรรมชาติและสิง่ แวดล๎อม อภปิ รายเกี่ยวกบั รปู รํางลักษณะขนาดของส่งิ ตาํ งๆ รอบตวั ในธรรมชาติและส่ิงที่มนุษย์ สร๎างขนึ้ บอกความรส๎ู กึ ท่มี ีตํอธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมรอบตัว มีทักษะพ้ืนฐานในการใช๎วัสดุ อุปกรณ์ในการ สร๎างงานทัศนศลิ ป์ สร๎างงานทัศนศิลป์ ศึกษาสิ่งตํางๆ ท่ีสามารถกํอกาเนิดเสียง ลักษณะของเสียงดัง – เบา ความชา๎ – เร็วของจงั หวะ ความเก่ียวข๎องของบทกลอน เพลงงํายๆ ร๎ูส่ิงตํางๆ ท่ีสามารถกํอกาเนิดเสียง บอก ลักษณะของเสียง ดงั - เบา ความชา๎ เรว็ ของจังหวะ ทอํ งบทกลอน ร๎องเพลงงาํ ยๆ เลําถงึ เพลงในท๎องถิ่น เขา๎ ใจ และแสดงการเคลื่อนไหว ทําทางงํายๆ เพื่อสื่อความหมาย แทนคาพูด สิ่งที่ตนเองชอบจากการดูหรือรํวมการ แสดง การละเลํนของเดก็ ไทย สง่ิ ทตี่ นเองชอบในการแสดงนาฏศลิ ป์ โดยการสังเกต ฝกึ ปฏบิ ตั งิ านทศั นศลิ ป์ด๎วยเทคนิคงํายๆ วาดภาพระบายสีภาพธรรมชาติตามความรู๎สึก ของตนเอง การเลยี นแบบ แสดง บอก ระบุและเลํน เพ่ือให๎เห็นคุณคําของความสวยงามตามธรรมชาติ ปลูกฝังความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความซื่อสัตย์ สุจริต และความมีวินัย เกิดความร๎ูสึกช่ืนชมธรรมชาติ สามารถคิดและแสดงความรู๎สึกจากการรับรู๎ความงาม ความเพลดิ เพลิน เกิดความมัน่ ใจในตนเองในการสร๎างงานทัศนศิลป์ รักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม ใฝุเรียนรู๎ อยูํอยํางพอเพียง รักความเป็นไทย มีความมงุํ มัน่ การทางาน ถาํ ยทอดความร๎ูสกึ ความคดิ ตอํ งานศิลปะอยํางอิสระ เพอื่ ใหม๎ ีความร๎ู ความเข๎าใจเหน็ ความสาคัญของเพลงไทย เกดิ ความรู๎สึกชื่นชมเพลงไทย เพื่อความเพลิดเพลิน และเหน็ คุณคําของนาฏศิลป์ไทย เกิดความชื่นชมนาฏศิลป์ไทย มีจิตสาธารณะสร๎างความเพลิดเพลินแกํตนเอง และผู๎อน่ื ตัวชี้วดั ศ 1.1 ป.1 , ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3 , ป.1/4 , ป.1/5 ศ 1.2 ป.1 , ป.1/1 ศ 2.1 ป.1 , ป.1/1 , ป.1/2, ป.1/3 , ป.1/4 , ป.1/5 ศ 2.2 ป.1 , ป.1/1 , ป.1/2 ศ 3.1 ป.1 , ป.1/1 , ป.1/2, ป.1/3 ศ 3.2 ป.1 , ป.1/1 , ป.1/2 รวมท้งั หมด 18 ตวั ช้ีวัด
๕๙ ศ12101 ศิลปะ2 คาอธบิ ายรายวชิ า ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ศิลปะ เวลา ๔0 ช่ัวโมง ศกึ ษา สังเกต รูปรําง รปู ทรง ทศั นธาตุและสิ่งแวดลอ๎ มในการสร๎างงานทัศนศิลป์ในรูปแบบตํางๆ ศึกษา สังเกต แหลํงกาเนิดและคุณสมบัติของเสียง ความหมายและความสาคัญของเพลงที่ได๎ยิน ร๎องเพลง งาํ ยๆ ทีเ่ หมาะสมกับวัย จาแนกแหลํงกาเนดิ ของเสยี งทไี่ ด๎ยิน คุณสมบตั ิของของเสยี ง สงู – ตา่ ดัง - เบา ยาว - สัน้ ของดนตรี เคาะจงั หวะหรือเคลือ่ นไหวราํ งกายให๎สอดคลอ๎ งกบั เนอ้ื หาของเพลง รอ๎ งเพลงงาํ ยๆ ท่ีเหมาะสม กบั วัย บอกความหมายความสาคญั ของเพลง แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั เสยี งดนตรี เสียงขบั รอ๎ งของตนเองและ ผู๎อื่น นาดนตรไี ปใชใ๎ นชีวิตประจาวันหรอื โอกาสตํางๆเข๎าใจและแสดงการเคลื่อนไหวขณะอยํูกับท่ีและเคล่ือนท่ี การเคลื่อนไหวที่สะท๎อนอารมณ์ของตนเองอยํางอิสระ ทําทาง เพ่ือส่ือความหมายแทนคาพูด แสดงทําทาง ประกอบจังหวะอยํางสรา๎ งสรรค์เรียนร๎ูมารยาทในการชมการแสดงการละเลํนพ้ืนบ๎าน เช่ือมโยงส่ิงที่พบเห็นใน การละเลนํ พ้ืนบา๎ นกบั สิ่งทพี่ บเหน็ ในการดารงชีวติ ของคนไทย โดยการสงั เกต บรรยาย รปู ราํ ง รปู ทรงในธรรมชาติ สง่ิ แวดล๎อม ระบทุ ัศนธาตทุ อ่ี ยูใํ นส่งิ แวดล๎อมของ งานทัศนศิลป์ ฝึกปฏิบัติการสร๎างงานทัศนศิลป์ตํางๆ โดยใช๎ทัศนธาตุที่เน๎น สี รูปรํางและรูปภาพ มีทักษะ พนื้ ฐานในการใชว๎ ัสดุ อุปกรณ์ สร๎างงานทัศนศิลป์ 3 มิติ สร๎างภาพปะติดโดยการตัดหรือฉีกกระดาษ วาด ภาพเพ่อื ถํายทอดเร่อื งราวเกย่ี วกบั ครอบครวั ของตนเองและเพื่อนบา๎ นเลือกงานทัศนศิลป์ บรรยายสิ่งท่ีมองเห็น เนื้อหา เรอื่ งราวและสร๎างสรรค์งานทัศนศิลปเ์ ป็นรปู แบบงานโครงสร๎าง การเคลื่อนไหว โดยการแสดง บอก ระบุและเลํนทางดนตรี นาฎศลิ ป์ เพอ่ื ให๎เห็นคณุ คําของความสวยงามตามธรรมชาติ ปลูกฝังความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความซ่ือสัตย์ สุจริต และความมีวินัย เกิดความรู๎สึกช่ืนชมธรรมชาติ สามารถคิดและแสดงความรู๎สึกจากการรับร๎ูความงาม ความเพลิดเพลนิ เกดิ ความมัน่ ใจใจตนเองในการสร๎างงานทัศนศลิ ป์และรักษธ์ รรมชาตแิ ละสิ่งแวดล๎อม ใฝุเรียนรู๎ อยูํอยํางพอเพียง รกั ความเปน็ ไทย มคี วามมงํุ มนั่ การทางาน ถาํ ยทอดความร๎ูสกึ เห็นความสาคญั และคุณคําของ เพลงไทย เพลงสากลและนากิจกรรมการฟงั เพลง การร๎องเพลงไปใชใ๎ นชีวติ ประจาวนั ดว๎ ยความเพลิดเพลนิ และ เห็นคณุ คําของนาฏศลิ ปไ์ ทย เกิดความชนื่ ชมนาฏศลิ ป์ไทย มีจิตสาธารณะสร๎างความเพลิดเพลินแกํตนเองและ ผูอ๎ ่ืน รหสั ตัวช้วี ดั ศ 1.1 ป.2 ,ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 ,ป.2/6 , ป.2/7 ,ป.2/8 ศ 1.2 ป.2 ,ป.2/1 ป.2/2 ศ 2.1 ป.2 ,ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 ศ 2.2 ป.2 ,ป.2/1 , ป.2/2 ศ 3.1 ป.2 ,ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 , ป.2/4 , ป.2/5 ศ. 3.2 ป.2 ,ป.2/1 , ป.2/2 , ป.2/3 รวมทัง้ หมด 25 ตวั ชีว้ ดั
๖๐ ศ13101 ศลิ ปะ 3 คาอธบิ ายรายวชิ า ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ เวลา ๔0 ช่ัวโมง ศกึ ษา สังเกต รูปรําง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม วัสดุอุปกรณ์ที่ใช๎สร๎างผลงานเม่ือชมงาน ทัศนศิลป์ ทศั นธาตุของส่งิ ตํางๆ ในธรรมชาติ ส่ิงแวดล๎อม ทัศนศิลป์เน๎นเร่ืองเส๎น สี รูปรําง ศึกษา สังเกต รูปรํางลักษณะของเคร่ืองดนตรีที่เห็น ได๎ยินในชีวิตประจาวัน รูปภาพหรือสัญลักษณ์แทนเสียง ความหมาย ความสาคัญของเพลงทไ่ี ดย๎ นิ ขับร๎องบรรเลงดนตรีงํายๆ เคลื่อนไหวทําทาง เข๎าใจและแสดงการเคลื่อนไหวใน รูปแบบตาํ งๆ ในสถานการณ์สัน้ ๆ แสดงทําทางประกอบเพลงตามรปู แบบนาฏศิลป์ เข๎าใจบทบาทหน๎าที่ของผู๎ แสดงและผชู๎ มกิจกรรมการแสดงที่เหมาะสมกับวัยประโยชน์ของการแสดงนาฏศิลป์ในชีวิตประจาวันการแสดง นาฏศิลปท์ เี่ คยเห็นในทอ๎ งถิน่ ส่งิ ท่ีเป็นลักษณะเดํนและเอกลักษณ์ของการแสดงนาฏศิลป์ บอกความสาคัญของ การแสดงนาฏศลิ ป์ โดยการสังเกต ฝึกปฏิบัติ บรรยายรูปรําง รูปทรงธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม ระบุวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช๎สร๎าง ผลงานเมอื่ ชมงานทัศนศิลป์ จาแนกทัศนศลิ ปข์ องส่งิ ตาํ งๆ ในธรรมชาติ สิ่งแวดลอ๎ ม โดยเนน๎ เรื่องเสน๎ สี รูปรําง รปู ทรงและพนื้ ผวิ ระบอุ ุปกรณท์ ี่ใชส๎ รา๎ งผลงานเมื่อชมงานทัศนศลิ ป์ วาดภาพระบายสสี งิ่ ท่ีอยํูรอบตัว ถํายทอด ความคิด ความรู๎สกึ จากเหตุการณ์จริงโดยใช๎เส๎น รูปรําง รูปทรง สีและพื้นผิว สร๎างสรรค์งานทัศนศิลป์เป็น รูปแบบงานโครงสร๎างเคลอ่ื นไหว โดยการสงั เกต ฝึกปฏิบัติ บรรยายระบุรูปรํางลักษณะของเคร่ืองดนตรีที่เห็น ได๎ยิน ในชวี ติ ประจาวนั ใชร๎ ปู ภาพหรือสัญลกั ษณ์แทนเสียง และเคาะจงั หวะ บอกบทบาทหนา๎ ท่ขี องเพลงทไี่ ด๎ยนิ ขับรอ๎ งและบรรเลงดนตรีงาํ ยๆ เคล่ือนไหวทาํ ทางสอดคลอ๎ งกบั อารมณข์ องเพลงท่ีฟัง แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ เสยี งดนตรเี สียงขบั ร๎องของตนเองและผ๎ูอื่นโดยการสร๎างสรรค์ แสดง เปรียบเทยี บ รํวมกิจกรรม บอก เลํา ระบแุ ละอธบิ าย เพอื่ ใหเ๎ ห็นคุณคําของความสวยงามตามธรรมชาติ ปลกู ฝงั ความรกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ความ ซอ่ื สัตย์สุจริต และความมีวินยั รัก ช่นื ชมเกดิ ความรูส๎ ึกชื่นชมธรรมชาติ สามารถคิดและแสดงความร๎ูสึกจากการ รับร๎ูความงาม ความเพลิดเพลิน เกิดความม่ันใจใจตนเองในการสร๎างงานทัศนศิลป์ และรักษ์ธรรมชาติและ สิ่งแวดล๎อม ใฝุเรียนร๎ู อยํูอยํางพอเพียง รักความเป็นไทย มีความมุํงม่ันการทางาน นาดนตรีไปใช๎ใน ชวี ิตประจาวนั หรือโอกาสตาํ งๆ ได๎อยํางเหมาะสม เพ่ือเหน็ คุณคาํ ของนาฏศลิ ปไ์ ทย เกิดความชนื่ ชมนาฏศิลปไ์ ทย มีจิตสาธารณะสามารถนากิจกรรมของนาฏศลิ ป์ไปใช๎แสดงในโอกาสตํางๆ เพ่ือความเพลิดเพลินแกํตนเองและ ผ๎อู น่ื รหัสตวั ชว้ี ดั ศ 1.1 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 ,ป.3/6 , ป.3/7,ป.3/8 , ป.3/9 ,ป.3/10 ศ 1.2 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2 ศ 2.1 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 ,ป.3/6 , ป.3/7 ศ 2.2 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2 ศ 3.1 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4 , ป.3/5 ศ 3.2 ป.3 , ป.3/1 , ป.3/2, ป.3/3 รวมทง้ั หมด 29 ตวั ช้ีวดั
๖๑ ศ14101 ศลิ ปะ4 คาอธิบายรายวชิ า ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษา สังเกต ลักษณะของรูปรําง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อมงานทัศนศิลป์ อิทธิพลของสี วรรณะอํนุ วรรณะเย็นท่ีมีตํออารมณ์ของมนุษย์ ศึกษาเพลง เน้ือเพลงอยํางงําย เคร่ืองดนตรีที่ใช๎ในเพลงท่ีฟัง ทศิ ทางการเคลอ่ื นที่ข้ึน – ลง งํายๆ ของทานอง รูปแบบจังหวะและความเร็วของจังหวะเพลงท่ีฟัง ศึกษาโน๎ต ดนตรไี ทยและสากล ทกั ษะพื้นฐานทางนาฏศลิ ป์และการละครที่ใช๎สื่อความหมายและอารมณ์ ภาษาทําและนาฏย ศัพท์หรือศัพท์ทางการละครงํายๆ ในการถํายทอดเร่ืองราว การเคล่ือนไหวในจังหวะตํางๆ ตามความคิดของตน การแสดงนาฏศิลป์เป็นคูํ และหมูํ ชื่นชอบในการแสดงโดยเน๎นจุดสาคัญของเรื่องและลักษณะเดํนของตัวละคร ประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์ หรอื ชุดการแสดงอยาํ งงํายๆการแสดงนาฏศิลป์กับการแสดงท่ีมาจากวัฒนธรรม อื่นความสาคัญของการแสดงความเคารพในการเรียนและการแสดงนาฏศิลป์เหตุผลที่ควรรักษา และสืบทอดการ แสดงนาฏศิลป์ โดยเปรยี บเทียบ รปู ลักษณะของรปู รําง รูปทรงในธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อมและงานทัศนศิลป์ อภิปราย เก่ียวกบั อทิ ธิพลของสีวรรณะอุนํ และสวี รรณะเย็นท่ีมีตํออารมณ์ของมนุษย์ ปฏิบัติงานทัศนศิลป์จากการศึกษา บอกประโยคของเพลงอยํางงาํ ย จาแนกประเภทของเครอ่ื งดนตรีทใี่ ชใ๎ นเพลงท่ีฟงั ระบุทิศทางการเคล่อื นท่ีข้นึ – ลง ตํางๆ ของทานอง รูปแบบจังหวะและความเร็วของจังหวะในเพลงท่ีได๎ฟัง อําน เขียนโน๎ตดนตรีไทยและ สากล ร๎องเพลงโดยใช๎ชํองเสียงท่เี หมาะสมกบั ตนเอง การสร๎างสรรค์ แสดง เปรยี บเทียบ รํวมกจิ กรรม บอก เลํา ระบุและอธิบาย เพอื่ ใหเ๎ ขา๎ ใจเหน็ คณุ คําของความงามของธรรมชาติ ปลูกฝงั ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ความซื่อสตั ย์ สจุ รติ และความมวี ินัย รัก ช่ืนชมศลิ ปะของไทย ศิลปะท๎องถ่ิน ศิลปะสากล เกดิ ความรส๎ู กึ ชืน่ ชมในความงามของ ธรรมชาตแิ ละภาคภูมิใจในความงาม ใฝเุ รียนร๎ู อยํอู ยาํ งพอเพยี ง รกั ความเป็นไทย มีความมงํุ ม่ันการทางาน ตระหนกั และชื่นชมความประณีตในศิลปะของไทย ศลิ ปะทอ๎ งถิ่น มองเห็นความแตกตาํ งของศลิ ปะไทย ศิลปะ สากล ชืน่ ชมภูมใิ จรกั ษาศลิ ปะไทยไว๎และยอมรบั คาตชิ มและแกไ๎ ขขอ๎ บกพรอํ ง เห็นความสาคัญและคุณคาํ ของ เพลงไทย เพลงสากล เข๎าใจในอารมณเ์ พลง สามารถแสดงความรส๎ู กึ จากการรบั ร๎ูความไพเราะของเพลง กิจกรรมการฟงั เพลงไปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั ไดด๎ ว๎ ยความเพลดิ เพลนิ เหน็ คณุ คาํ ของนาฏศลิ ป์ไทย เกิดความช่ืน ชมนาฏศิลป์ไทย มจี ติ สาธารณะสามารถนากจิ กรรมของนาฏศิลปไ์ ปใชแ๎ สดงในโอกาสตํางๆ เพือ่ ความ เพลิดเพลนิ แกตํ นเองและผูอ๎ นื่ รหัสตัวชี้วัด ศ 1.1 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 , ป.4/5 ,ป.4/6 , ป.4/7 ,ป.4/8 , ป.4/9 ศ 1.2 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 ศ 2.1 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 , ป.4/5 ,ป.4/6 , ป.4/7 ศ 2.2 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 ศ 3.1 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 , ป.4/5 ศ 3.2 ป.4 ,ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 รวมทง้ั หมด 29 ตัวช้วี ัด
๖๒ คาอธิบายรายวิชา ศ15101 ศลิ ปะ5 กลุม่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 40 ชั่วโมง ศึกษาสังเกต เก่ียวกับจังหวะตาแหนํงของสิ่งตํางๆ ท่ีปรากฏในส่ิงแวดล๎อมและงานทัศนศิลป์ความ แตกตํางระหวํางงานทัศนศิลป์ที่สร๎างสรรค์ด๎วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีท่ีตํางกันวาดภาพโดยใช๎เทคนิคของแสงเงา นา้ หนัก และวรรณะสีงานปนั้ จากดินน้ามนั หรือดินเหนียวงานพิมพ์ภาพการจัดวางตาแหนํงของส่ิงตํางๆ ในภาพ ศึกษาสงั เกต องค์ประกอบดนตรีในเพลงทีใ่ ชใ๎ นการสอ่ื อารมณล์ ักษณะของเสียงขับร๎องและเครอ่ื งดนตรที อี่ ยํู ในวง ดนตรีประเภทตํางๆ ศกึ ษาโนต๎ ดนตรไี ทยและสากล5ระดบั เสยี งเคร่ืองดนตรีทที่ าจงั หวะและทานอง เพลงไทยหรอื เพลงสากลที่เหมาะสมกับวัยองค์ประกอบนาฏศิลป์ ทําทางประกอบเพลงหรือเรื่องราวตามความคิดของตน นาฏศลิ ป์ โดยเนน๎ การใชภ๎ าษาทาํ และนาฏยศพั ท์ในการสือ่ ความหมายและการแสดงออก การเขียนเค๎าโครงเร่ือง หรอื บทละครสนั้ ๆการแสดงนาฏศิลปช์ ดุ ตํางๆ ประโยชนท์ ี่ไดร๎ ับจากการชมการแสดง การแสดงประเภทตาํ งๆ ของ ไทย ในแตํละท๎องถน่ิ นาฏศลิ ป์ นาฏศลิ ป์พื้นบา๎ นท่สี ะทอ๎ นถึงวฒั นธรรมและประเพณี โดยบรรยายเปรียบเทยี บเก่ยี วกบั จงั หวะตาแหนงํ ของสง่ิ ตาํ งๆ ทีป่ รากฏในส่ิงแวดล๎อมและงานทัศนศิลป์ เปรยี บเทียบความแตกตาํ งระหวํางงานทศั นศิลป์ท่สี ร๎างสรรคด์ ๎วยวัสดอุ ปุ กรณ์และวิธกี ารท่ีแตกตํางกันปฏิบัติงาน ทัศนศิลป์การวาดภาพโดยใช๎เทคนิคของแสงเงาน้าหนักและวรรณะสีสร๎างสรรค์งานป้ันจากดินน้ามันหรือดิน เหนียวเน๎นการถาํ ยทอดจินตนาการงานพิมพ์ภาพเนน๎ การจดั วางตาแหนํงของสงิ่ ตํางๆ ในภาพระบุปัญหาในการจดั องคป์ ระกอบศลิ ป์ และการสอ่ื ความหมายในงานทัศนศิลปข์ องตนเองและบอกวธิ ีการปรบั ปรงุ งานให๎ดขี ้นึ บรรยาย ประโยชน์ของคุณคาํ ของงานทศั นศลิ ป์ทมี่ ีผลตํอชีวิตของคนในสังคมระบอุ งค์ประกอบดนตรีในเพลงที่ใช๎ในการสื่อ อารมณจ์ าแนกลักษณะของเสยี งขบั ร๎องและเคร่ืองดนตรีที่อยูํในวงดนตรีประเภทตํางๆอําน เขียนโน๎ตดนตรีไทย และสากล5ระดับใช๎เคร่ืองดนตรีบรรเลงจังหวะและทานองร๎องเพลงไทยหรือเพลงสากลหรือเพลงไทยสากลที่ เหมาะสมกับวัยด๎นสดงํายๆ โดยใช๎ประโยคเพลงแบบถามตอบใช๎ดนตรีรํวมกับกิจกรรมในการแ สดงออกตาม จินตนาการอธิบายความสมั พันธร์ ะหวาํ งดนตรีกบั ประเพณใี นวฒั นธรรมตํางๆคณุ คาํ ของดนตรีท่ีมาจากวัฒนธรรม ทตี่ ํางกนั เพอื่ ใหเ๎ ขา๎ ใจเหน็ คณุ คาํ ของความงามของธรรมชาติปลูกฝังความรกั ชาตศิ าสน์ กษัตริย์ ความซ่ือสัตย์สุจริต และความมีวินยั รกั ชืน่ ชมศลิ ปะของไทยศิลปะท๎องถ่ินศลิ ปะสากลเกิดความรู๎สึกช่ืนชมในความงามของธรรมชาติ และภาคภมู ใิ จในความงามใฝเุ รยี นร๎อู ยอํู ยาํ งพอเพยี งรักความเปน็ ไทย มีความมุํงม่นั การทางานตระหนักและชื่นชม ในความประณตี ของศิลปะไทยศลิ ปะท๎องถิ่นมองเห็นความแตกตํางของศิลปะไทยศิลปะสากลชื่นชมภูมิใจรักษา ศิลปะไทยไว๎และยอมรับคาติชมและแก๎ไขข๎อบกพรํองเห็นความสาคัญและคุณคําของเพลงไทยเพลงสากลเกิด ความชน่ื ชมในการร๎องเพลง ฟงั เพลงมจี ิตสาธารณะ โดยนากิจกรรมการฟงั เพลงและการร๎องเพลงไปใช๎ในชวี ติ ประจาวนั ดว๎ ยความเพลิดเพลินตํอตนเองและ ผู๎อื่นเห็นคุณคําของนาฏศิลป์ไทยเกิดความชื่นชมนาฏศิ ลป์ไทยสามารถประยุกต์นาฏศิลป์และละครของไทยให๎ เหมาะสมกับสภาพปจั จบุ ันและดารงรกั ษาไว๎ซ่งึ เอกลักษณ์ไทย รหัสตัวช้วี ดั ศ 1.1 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 ,ป.5/6 , ป.5/7 ศ 1.2 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 ศ 2.1 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 ,ป.5/6 , ป.5/7 ศ 2.2 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 ศ 3.1 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 ,ป.5/6 ศ 3.2 ป.5 ,ป.5/1 , ป.5/2 รวมท้งั หมด 26 ตวั ชว้ี ัด
๖๓ คาอธิบายรายวชิ า ศ16101 ศลิ ปะ6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลา 40 ช่วั โมง ศึกษาสังเกต สคี ตํู รงขา๎ ม การใช๎สคี ํูตรงขา๎ มหลักการจัดขนาดสัดสวํ นความสมดุลในการสรา๎ งงานทศั นศลิ ป์ จากรูปแบบ 2 มติ ิ เป็น 3 มิติ ศกึ ษาสังเกต เพลงที่ฟังโดยอาศัยองค์ประกอบทางดนตรีและศัพท์สังคีตประเภท บทบาทหน๎าท่ีเครอื่ งดนตรีไทยและเครื่องดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมตํางๆ โน๎ตดนตรีไทยและสากลทานองงํายๆ เครื่องดนตรีบรรเลงประกอบการร๎องเพลงด๎นสดที่มีจังหวะและทานองงํายๆ ศึกษาเร่ืองของวงดนตรีไทยใน ประวตั ิศาสตรจ์ ากยคุ สมัยตํางกนั และอทิ ธิพลของวัฒนธรรมดนตรีไทยการเคลื่อนไหวและการแสดงโดยเน๎นการ ถํายทอดลีลาหรืออารมณ์เคร่ืองแตํงกาย หรืออุปกรณ์ประกอบการแสดงอยํางงํายๆนาฏศิลป์และละครงํายๆ ความร๎ูสึกของตนเองท่ีมีตํองานนาฏศิลป์และการละครอยํางสร๎างสรรค์ การชมการแสดงความสัมพันธ์ระหวําง นาฏศิลป์และการละครกับส่ิงท่ีประสบในชีวิตประจาวัน ส่ิงท่ีมีความสา คัญตํอการแสดงนาฏศิลป์และ ละคร ประโยชนท์ ีไ่ ดร๎ ับจากการแสดงหรอื การชมการแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละละคร ปฏิบัติงานทัศนศิลป์โดยใช๎หลักการแสงเงาและระบุสีคูํตรงข๎าม อภิปรายเกี่ยวกับการใช๎สีคํูตรงข๎าม อธบิ ายหลกั การจดั สัดสวํ นความสมดุลสรา๎ งสรรคง์ านทศั นศิลป์จากรปู แบบ2มิติเป็น3มิติโดยใช๎หลักการของแสง เงาและน้าหนักสีคูํตรงขา๎ มหลกั การจัดขนาดสดั สวํ นและความสมดลุ สรา๎ งงานทศั นศลิ ป์เป็นแผนภาพแผนผังและ ภาพประกอบเพ่ือถํายทอดความคิดเรอื่ งราวเกย่ี วกบั เหตกุ ารณ์ตาํ งๆ งานปั้นใชห๎ ลักการเพ่ิมและลด การบรรยาย เพลงที่ฟงั โดยอาศัยองค์ประกอบดนตรีและศัพท์สังคีต จาแนกประเภทและบทบาทหน๎าที่เคร่ืองดนตรีไทยและ เครื่องดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมตํางๆอํานเขียนโน๎ตไทยและโน๎ตสากลทานองงํายๆใช๎เคร่ืองดนตรีบรรเลง ประกอบการร๎องเพลงด๎นสด ท่ีมีจังหวะและทานองงํายๆ บรรยายความรู๎สึกท่ีมีตํอดนตรี แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับทานองจังหวะการประสานเสียงและคุณภาพเสียงของเพลงท่ีฟัง อธิบายเรื่องราวของดนตรีไทยใน ประวัติศาสตร์อภิปรายอิทธิพลของวัฒนธรรมตํอดนตรีในท๎องถ่ินการสร๎างสรรค์แสดงออกแบบ บรรยายแสดง ความคิดเห็นเปรียบเทยี บระบแุ ละอธิบาย เพื่อใหเ๎ ขา๎ ใจเห็นคณุ คําของความงามของธรรมชาตปิ ลกู ฝงั ความรกั ชาติศาสน์ กษัตริย์ ความซ่อื สตั ย์สุจรติ และความมีวินัยรัก ช่ืนชมในศลิ ปะของไทยศิลปะทอ๎ งถน่ิ ศิลปะสากลเกดิ ความรสู๎ ึกช่นื ชมในความงามของธรรมชาติ และภาคภูมใิ จในความงามใฝเุ รียนรูอ๎ ยอํู ยาํ งพอเพยี งรักความเปน็ ไทย มีความมงํุ ม่นั การทางานตระหนักและช่ืนชม ในความประณีตศิลปะของไทยศลิ ปะทอ๎ งถิน่ มองเหน็ ความแตกตํางของศิลปะไทยศิลปะสากลชืน่ ชมภมู ใิ จรกั ษา ศลิ ปะไทยไวแ๎ ละยอมรบั คาตชิ มและแกไ๎ ขขอ๎ บกพรอํ ง เหน็ ความสาคัญและคุณคําของเพลงไทยเพลงสากลเกิด ความชน่ื ชมในการรอ๎ งเพลง มีจิตสาธารณะนากจิ กรรมการฟังเพลงและการรอ๎ งเพลงไปใช๎ในชวี ติ ประจาวันดว๎ ยความเพลดิ เพลนิ ท้งั ตํอ ตนเองและผ๎อู ืน่ เห็นคณุ คาํ ของนาฏศลิ ป์ไทยเกิดความช่ืนชมนาฏศลิ ป์ไทยสามารถประยกุ ตน์ าฏศิลปแ์ ละละครของ ไทยให๎เหมาะสมกับสภาพปัจจบุ นั และดารงรกั ษาไวซ๎ ึ่งเอกลักษณ์ไทย รหสั ตัวชว้ี ัด ศ 1.1 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 ,ป.6/6 , ป.6/7 ศ 1.2 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 ศ 2.1 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 ,ป.6/6 , ป.6/7 ศ 2.2 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 ศ 3.1 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 ,ป.6/6 ศ 3.2 ป.6 ,ป.6/1 , ป.6/2 รวมท้งั หมด 27 ตัวชีว้ ัด
๖๔ ง11101 การงานอาชพี ๑ คาอธบิ ายรายวิชา ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ เวลา 40 ช่ัวโมง ศึกษา เกยี่ วกับ การแตงํ กาย การเก็บของใช๎ และของใช๎สํวนตัว การจัดโต๏ะ ตู๎ การใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมอื งํายๆ การบารงุ รกั ษาตน๎ ไม๎ การพบั กระดาษเป็นของเลนํ โดยใช๎กระบวนการกลํุม การทางาน การสังเกต การปฏิบัติ และการแสวงหาความรู๎ เพื่อให๎เกิด ความร๎คู วามเขา๎ ใจ มีความคดิ รเิ รมิ่ สรา๎ งสรรค์ สื่อสารส่งิ ท่ีเรียนร๎ูไดด๎ ี มีทกั ษะในการใชเ๎ คร่อื งมือ มือ เคร่ืองใช๎ ในการทางานอยํางปลอดภัย สามารถทางานตามขนั้ ตอนกระบวนการทางาน เห็นคุณคําของการนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน รักการทางาน ทางานด๎วยความ กระตอื รอื รน๎ และตรงเวลา มีเจตคติท่ีดตี อํ การทางาน มีลักษณะนสิ ัยการทางานที่เหมาะสม มีคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีวินัย ใฝุเรยี นร๎ู อยูํอยาํ งพอเพยี ง มงํุ มน่ั ในการทางาน มจี ิตสาธารณะ รหสั ตวั ชว้ี ดั ง 1.1 ป.1/1 , ป.1/2 , ป.1/3 รวมทั้งหมด 3 ตัวช้ีวดั
๖๕ ง 12101 การงานอาชีพ ๒ คาอธิบายรายวิชา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ เวลา 40 ชัว่ โมง ศึกษา วิเคราะห์วิธีการทางานเพ่ือชํวยเหลือตนเอง ครอบครัว และสํวนรวม เลือกใช๎วัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช๎ในการทางานได๎อยํางเหมาะสมกับงาน โดยการสาธิต ทดลองปฏิบัติและนาผลมาอภิปราย กาหนดแนวทางในการทางาน ฝึกการทางาน โดยเน๎นข้ันตอนกระบวนการและนิสัยการทางาน สังเกตการณ์ ปฏบิ ตั ิงานและผลงาน แลว๎ นามาอภิปรายหาข๎อบกพรํองและวธิ ีแกไ๎ ข เพ่ือให๎มีความร๎ูความเข๎าใจ ทักษะเบื้องต๎น และทางานรวํ มกบั สมาชกิ ในครอบครวั ได๎ ปรับปรงุ งานอยูํเสมอ เห็นคณุ คําของการทางานและมนี ิสยั รักการทางาน โดยใชก๎ ระบวนการทางาน กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิดวิเคราะห์ และกระบวนการทางานกลํุม เพ่ือใหเ๎ กดิ ความร๎ู ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถสอื่ สารสงิ่ ท่ีเรยี นร๎แู ละเห็นคุณคาํ ของการทางานและนาความรู๎ที่ เรียนไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวัน มีความสามารถในการตัดสินใจ มีจริยธรรม คุณธรรม คํานิยมที่เหมาะสม และมีจติ สานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม ตวั ชว้ี ัด ง 1.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 รวม 3 ตัวช้ีวัด
๖๖ ง13101 การงานอาชพี ๓ คาอธิบายรายวชิ า ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี เวลา 40 ช่ัวโมง ศึกษา ปฎิบัติ การทางานชํวยเหลือตนเอง ครอบครัว และสํวนรวม เลือกใช๎เสื้อผ๎า และการดูแล รักษาเสอ้ื ผา๎ การทาความสะอาดบา๎ น และตกแตํงห๎องเรียน การใช๎วัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือในการทางาน ตํางๆ การปลูกพชื ผกั สวนครัว การบารุงรกั ษาของเลํน การซอํ มแซมของใช๎สํวนตัว การประดิษฐ์ของใช๎โดยใช๎ วัสดุ และวัสดเุ หลือใชใ๎ นทอ๎ งถ่นิ การประดิษฐ์ของเลํน หรือของใช๎อยํางงําย ด๎วยการกาหนดปัญหา หรือความ ต๎องการ ออกแบบ การถํายทอดความคิดเป็นภาพรําง 2 มิติ สร๎างชิ้นงาน และประเมินผลงาน การใช๎ เทคโนโลยี ท่ีเป็นภูมิปัญญาท๎องถ่ินในการสร๎างงานตํางๆ การเลือกใช๎ส่ิงของเคร่ืองใช๎ในชีวิตประจาวัน การ สารวจ ค๎นหา และรวบรวมขอ๎ มูลจากแหลงํ ขอ๎ มลู ในทอ๎ งถนิ่ และแหลงํ ข๎อมลู ทเ่ี ช่อื ถอื ได๎ การพจิ ารณาและสรุปผล การนาเสนอข๎อมูล วธิ ีดแู ลและรกั ษาอุปกรณเ์ ทคโนโลยี สารสนเทศ โดยใช๎กระบวนกลุํม คิดวิเคราะห์ ในการทางาน การทางานรํวมกัน กระบวนการแก๎ปัญหา กระบวนการเทคโนโลยี สารสนเทศ ปฏบิ ตั ิ และการแสวงหาความร๎ู เพื่อใหเ๎ กิดความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถ ทางานตามขั้นตอนกระบวนการทางาน มีทกั ษะในการเลือกใช๎วัสดุ อุปกรณ์และเคร่ืองมือ ตรงกับลักษณะงาน สามารถออกแบบและสร๎างช้ินงานตามความคิดสร๎างสรรค์และกระบวนการเทคโนโลยี ถํายทอดความคิดและ สื่อสารส่งิ ท่ีเรียนรู๎ได๎ สามารถค๎นหาข๎อมลู ท่ีตอ๎ งการอยํางมีข้ันตอนและนาเสนอข๎อมูลได๎อยํางหลากหลาย ดูแล และรักษาอุปกรณเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศได๎ถูกวธิ ี เหน็ คุณคาํ และประโยชนข์ องการทางาน ของแหลงํ ข๎อมลู ใกลต๎ วั มีความคดิ ริเร่มิ สร๎างสรรค์ ทางาน รํวมกับผู๎อื่นอยํางรู๎หน๎าที่ มีการปรับปรุงการทางานอยูํเสมอ สามารถนาความรู๎ไปประยุกต์ใช๎ใน ใน ชีวิตประจาวัน มีจิตสานึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล๎อม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝุ เรียนร๎ู อยํูอยาํ งพอเพยี ง มุงํ ม่ันในการทางาน มีจิตสาธารณะ รหัสตวั ชี้วดั ง 1.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 ง 2.1 ป.3/1 , ป.3/2 , ป.3/3 ง 3.1 ป.3/1 , ป.3/2 รวมทัง้ หมด 8 ตัวชวี้ ดั
๖๗ ง14101 การงานอาชีพ ๔ คาอธิบายรายวิชา ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เวลา 40 ชวั่ โมง ศกึ ษา สงั เกต ฝกึ ปฏบิ ัติ และอภิปรายสรุปเกยี่ วกบั การทางาน การดูแลรกั ษาของใช๎สํวนตัว การจัด ต๎ูเส้ือผ๎า และกระเป๋านักเรียน การปลูกไม๎ดอกไม๎ประดับ การซํอมแซมวัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือ การ ประดิษฐ์ของใช๎ ของตกแตํงจากใบตอง และกระดาษ การจัดเก็บเอกสารสํวนตัว มารยาทในการรับประทาน อาหาร การใช๎ห๎องเรียน ห๎องน้าและหอ๎ งส๎วม ความหมาย และความสาคัญของอาชีพในท๎องถ่ิน โดยใช๎กระบวนการทางาน กระบวนการแก๎ปัญหา การฝึกปฏิบัติ การอภิปราย และการแสวงหา ความรู๎ เพอื่ ใหเ๎ กดิ ความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถทางานได๎ตามข้นั ตอนกระบวนการทางานจนบรรลุเปูาหมายที่ วางไว๎ สามารถอธิบายเหตุผลในการทางานให๎บรรลเุ ปาู หมาย ถาํ ยทอดความคดิ และสือ่ สารส่งิ ทีเ่ รียนร๎ไู ด๎ดี เหน็ คณุ คําของการทางาน และทางานรํวมกบั ผ๎อู น่ื อยาํ งรหู๎ นา๎ ที่ มมี ารยาทในการทางาน ปรบั ปรุงการทางานอยูํเสมอ สามารถนาความรู๎ความเข๎าใจไปประยุกต์ใช๎ ในชีวิต ประจาวัน ใช๎พลังงานและทรัพยากรอยํางประ หยัดและ คุ๎มคํา มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรม และลกั ษณะนิสยั การทางานท่ีเหมาะสม รักการทางาน มีเจตคติท่ีดีตํอการทางาน และอาชีพสจุ รติ รหัสตวั ช้วี ัด ง 1.1 ป.4/1 , ป.4/2 , ป.4/3 , ป.4/4 ง 2.1 ป.4/1 รวมทง้ั หมด 5 ตัวช้วี ดั
๖๘ ง15101 การงานอาชพี ๕ คาอธบิ ายรายวชิ าพ้นื ฐาน ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 5 กลุม่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชพี เวลา 40 ช่ัวโมง ศึกษาการทางานแตํละข้ันตอนถูกต๎องตามกระบวนการทางานการใช๎ทักษะการจัดการในการ ทางาน อยาํ งเป็นระบบ การปฏบิ ตั ติ นอยํางมีมารยาทในการทางาน การใช๎พลังงานและทรัพยากรอยาํ งประหยัด ความหมายและวิวัฒนาการของ การสรา๎ งสง่ิ ของเครอ่ื งใช๎ตาม ความสนใจอยาํ งปลอดภัย การนาความร๎แู ละทกั ษะการสร๎างช้ินงานไปประยุกตใ์ นการสร๎างสงิ่ ของเครื่องใช๎. การมีความคิด สร๎างสรรค์ ในการแก๎ปัญหา และมีการจัดการสิง่ ของเคร่ืองใช๎ด๎วยการแปรรูป แล๎วนากลับมาใช๎ใหมํ การค๎นหา รวบรวมข๎อมูลท่ีสนใจ และเป็นประโยชน์จากแหลํงข๎อมูลตําง การสร๎างงานเอกสารเพื่อใช๎ประโยชน์ใน ชีวติ ประจาวันการสารวจข๎อมลู ท่เี กย่ี วกบั อาชพี ตาํ ง ๆ ในชมุ ชนการระบคุ วามแตกตํางของอาชพี โดยทางานแตลํ ะขน้ั ตอนถกู ต๎องตามกระบวนการทางานใช๎ทักษะการจัดการในการทางาน อยําง เปน็ ระบบ ปฏบิ ัตติ นอยํางมีมารยาทในการทางาน ใช๎พลังงานและทรพั ยากรอยํางประหยัด สร๎างสิ่งของเคร่ืองใช๎ ตาม ความสนใจอยํางปลอดภยั นาความร๎ูและทักษะการสร๎างช้ินงานไปประยุกต์ในการสร๎างสิ่งของเคร่ืองใช๎ ใน การแก๎ปญั หา และมีการจัดการสิ่งของเคร่ืองใช๎ด๎วยการแปรรูป แล๎วนากลับมาใช๎ใหมํค๎นหา รวบรวมข๎อมูลท่ี สนใจ และเปน็ ประโยชน์จากแหลํงข๎อมูลตํางสร๎างงานเอกสารเพื่อใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน สารวจข๎อมูลที่ เกยี่ วกบั อาชีพตาํ ง ๆ ในชุมชนระบุความแตกตํางของอาชพี มีความคิดสร๎างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทางาน ทักษะ การจัดการ ทักษะกระบวนการ แก๎ปญั หา ทกั ษะการทางานรํวมกนั และทกั ษะ การแสวงหาความรู๎ มคี ุณธรรม และลักษณะนิสยั ในการทางาน มีจติ สานกึ ในการใชพ๎ ลังงาน ทรพั ยากร และส่ิงแวดล๎อม เหน็ คณุ คาํ รหสั ตวั ช้ีวดั ง. 1.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 ง. 4.1 ป.5/1 ป.5/2 รวมทั้งหมด 6 ตวั ช้วี ดั
๖๙ ง16101 การงานอาชีพ ๖ คาอธบิ ายรายวชิ า ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี เวลา 80 ชวั่ โมง ศกึ ษาสังเกตปฎบิ ัติและอภิปรายแนวทางในการทางานดูแลรักษาสมบัติภายในบ๎าน การปลูกไม๎ดอกไม๎ ประดับ หรอื เลี้ยงปลาสวยงามการบันทกึ รายรบั – รายจําย ของห๎องเรยี นการจดั เกบ็ เอกสารการเงนิ การจัดการใน การทางานเก่ียวกบั การเตรียม ประกอบ จัดอาหารให๎สมาชิกในครอบครัวการประดิษฐ์ของใช๎ ของตกแตํงจาก วัสดุในท๎องถ่ินให๎สมาชิกในครอบครัว ในโอกาสตํางๆการปฏิบัติตนอยํางมีมารยาทในการทางานกับสมาชิกใน ครอบครวั และผูอ๎ นื่ สํวนประกอบของระบบเทคโนโลยีประกอบด๎วย ตัวปอู น (Input) กระบวนการ (Process) และ ผลลพั ธ์ (Output)การสร๎างสงิ่ ของเคร่อื งใช๎ตามความสนใจ กาหนดปญั หา หรือความต๎องการรวบรวมข๎อมูลเลือก วิธีการออกแบบเป็นภาพราํ ง 3 มติ ิ หรอื แผนทีค่ วามคดิ สร๎างชนิ้ งาน และประเมินผลงานการนาความรู๎และทักษะ การสร๎างช้นิ งานไปประยกุ ต์ใช๎ ในการส่งิ ของเครื่องใชท๎ ีเ่ กี่ยวขอ๎ งกบั ช้นิ งานอ่นื อกี เชนํ กลไกและการควบคมุ ไฟฟูา - อิเล็กทรอนิกส์การสารวจตนเองเก่ียวกับความสนใจ ความสามารถดยใช๎กระบวนการทางานการจัดการการ ทางานรวํ มกันกระบวนการแกป๎ ญั หา กระบวนการปฏบิ ตั ิการอภิปราย และการแสวงหาความร๎ูเพื่อให๎เกิดความรู๎ ความเขา๎ ใจและมคี วามสามารถทางานตามขัน้ ตอนกระบวนการทางานมที กั ษะการจัดการในงานตํางๆ เป็นระบบ ใช๎ความร๎ูและทักษะการสร๎างช้ินงานไปประยุกต์ใช๎ในงานอื่น ใช๎อุปกรณ์ และเครื่องมือได๎อยํางคลํองแคลํว ปลอดภัย ออกแบบและสร๎างช้ินงานตามความคิดสร๎างสรรค์และกระบวนการเทคโนโลยีร๎ูวิธีที่จะได๎ข๎อมูลเป็น ขน้ั ตอนถํายทอดความคิดและสือ่ สารสิ่งทเ่ี รยี นรไู๎ ดด๎ ี เหน็ คุณคําของการทางานทางานรํวมกับผ๎ูอ่ืนอยํางร๎ูหน๎าท่ีมี มารยาทในการทางาน นาความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจไปประยุกต์ใชใ๎ นการทางานในชีวิตประจาวันมีจิตสานึกใน การใชพ๎ ลังงานและทรพั ยากรอยํางประหยดั และคุ๎มคําลักษณะนิสัยการทางานเหมาะสมรกั การทางานมีเจตคติที่ดี ตํอการทางานมคี ณุ ธรรมที่สมั พนั ธ์กับอาชพี ศกึ ษาวเิ คราะห์ หลกั การเบื้องต๎นของการแก๎ปญั หา โดยการพิจารณาปัญหา การวางแผนแก๎ปัญหา การ แก๎ปญั หา การตรวจสอบและปรบั ปรุงการใช๎คอมพิวเตอรใ์ นการคน๎ หาขอ๎ มลู การเก็บรกั ษาข๎อมลู แบบสาเนาถาวร ที่เป็นเอกสารในสื่อบันทึกรูปแบบตํางๆการจัดทาข๎อมูลเพ่ือการนาเสนอ การเลือกซอฟต์ แวร์ประยุกต์ในการ นาเสนอการใช๎คอมพวิ เตอร์ชํวยสรา๎ งชิ้นงานจากจินตนาการหรืองานที่ทาในชีวติ ประจาวนั การอา๎ งองิ แหลงํ ข๎อมลู โดยใชก๎ ระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศการสืบค๎นขอ๎ มลู กระบวนการแก๎ปัญหาการเรยี นร๎ูการฝึกปฏิบัติ และการอภิปรายเพือ่ ใหเ๎ กิดความรคู๎ วามเขา๎ ใจ และสามารถสอ่ื สารหลักการเบ้ืองตน๎ ของการแกป๎ ัญหามที กั ษะการ ใช๎คอมพิวเตอร์ในการค๎นหาข๎อมูล และเก็บรักษาข๎อมูลในรูปแบบตํางๆสามารถใช๎ซอฟต์แวร์ประยุกต์ในการ นาเสนอข๎อมูลในรูปแบบท่ีเหมาะสมเห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์ในการทางานใช๎ คอมพวิ เตอร์สรา๎ งช้นิ งานได๎อยาํ งเปน็ ขัน้ ตอน และมปี ระสิทธิภาพมีจิตสานึก และรับผิดชอบในการใช๎เทคโนโลยี โดยใชท๎ รพั ยากรอยาํ งค๎มุ คํามีคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ซื่อสัตย์สุจริตมีวินัยใฝุเรียนร๎ูอยํูอยํางพอเพียง มุํงม่ันใน การทางาน มีจิตสาธารณะ รหัสตวั ช้ีวดั ง 1.1 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 ง 2.1 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 ง 3.1 ป.6/1 , ป.6/2 , ป.6/3 , ป.6/4 , ป.6/5 ง 4.1 ป.6/1 , ป.6/2 รวมทง้ั หมด 13 ตัวช้วี ดั
๗๐ คาอธบิ ายรายวิชา อ ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๑๒๐ ชัว่ โมง ปฏบิ ัติตาม คาสั่งงํายๆ ทีฟ่ ัง ตวั อักษรและเสียง และสะกดคางาํ ย ๆ ถูกต๎องตามหลักการอําน ภาพตรง ตามความหมายของคาและกลมุํ คาที่ฟงั เร่ืองใกลต๎ ัว คาสั้น ๆ งําย ๆ ในการส่ือสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟัง คาส่ังงําย ๆ ตามแบบท่ีฟัง ความต๎องการงํายๆของตนเองตามแบบท่ีฟัง การขอและให๎ข๎อมูลงํายๆ เกี่ยวกับ ตนเองตามแบบทีฟ่ ัง ขอ๎ มูลงํายๆ เกย่ี วกับตนเองและเรอ่ื งใกล๎ตัว ตามวฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา ชอื่ และคาศัพท์ เก่ียวกบั เทศกาลสาคญั ของเจา๎ ของภาษา การเข๎ารวํ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทเ่ี หมาะสมกบั วัย การระบุ ตวั อกั ษรและเสยี งอกั ษรของภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย คาศัพท์ที่เกี่ยวข๎องกับกลํุมสาระการ เรียนรู๎อื่น การฟงั /พดู ในสถานการณ์งาํ ยๆท่เี กิดขึ้นในห๎องเรยี น การใชภ๎ าษาตํางประเทศ(ภาษาองั กฤษ)เพื่อรวบรวม คาศพั ท์ทีเ่ กีย่ วขอ๎ งใกล๎ตัว โดยการปฏิบัติตาม ระบุ อํานออกเสียง เลือกภาพ ตอบคาถาม พูดโต๎ตอบ ใช๎ บอก พูดขอ ให๎ข๎อมูล ทาทําประกอบ เข๎ารํวม ฟัง/พูด เพื่อให๎ผู๎เรียนมีความร๎ูความเข๎าใจและนาไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวัน เกิด สมรรถนะตามความตอ๎ งการของหลกั สตู ร มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ขน้ึ ในตวั ของผู๎เรียน และสามารถอยรํู ํวมกับ ผู๎อน่ื ในสงั คมได๎อยาํ งมคี วามสุข สามารถนาความรไ๎ู ปใชใ๎ หเ๎ กดิ ประโยชนโ์ ดยใช๎หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช๎กับชีวิตประจาวนั ได๎อยาํ งถูกต๎องเหมาะสม รหัสตวั ชว้ี ดั ต ๑.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๒ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓, ป.๑/๔ ต ๑.๓ ป.๑/๑ ต ๒.๑ ป.๑/๑, ป.๑/๒, ป.๑/๓ ต ๒.๒ ป.๑/๑ ต ๓.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๑ ป.๑/๑ ต ๔.๒ ป.๑/๑ รวม ๑๖ ตวั ชีว้ ัด
๗๑ อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน ๒ คาอธิบายรายวิชา ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๒ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา ๑๒๐ ชัว่ โมง ปฏบิ ัตติ ามคาส่ังงํายๆ และคาขอร๎องงาํ ยๆ ทีฟ่ งั ระบุตวั อักษรและเสยี ง อาํ นออกเสียงคา สะกดคา และ อาํ นประโยคงาํ ยๆ ถกู ต๎องตามหลักการอําน เลือกภาพตรงตามความหมายของคาและกลํุมคาท่ีฟัง ตอบคาถาม จากการฟงั ประโยค บทสนทนาหรือนิทานงําย ๆ ที่มีภาพประกอบ พูดโต๎ตอบด๎วยคาสั้นๆ งําย ๆในการส่ือสาร ระหวํางบคุ คลตามแบบท่ฟี งั ใช๎คาส่ังและคาขอร๎องงาํ ย ๆ ตามแบบท่ฟี งั บอกความตอ๎ งการงาํ ยๆของตนเองตาม แบบท่ฟี ัง พูดขอและให๎ข๎อมูลงํายๆ เกี่ยวกับตนเองตามแบบท่ีฟัง พูดให๎ข๎อมูล เก่ียวกับตนเองและเร่ืองใกล๎ตัว พูดและทาทําทางประกอบตามวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา บอกช่ือและคาศัพท์เกี่ยวกับเทศกาลสาคัญของ เจา๎ ของภาษา การเขา๎ รวํ มกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมท่ีเหมาะสมกับวัย ระบุตัวอักษรและเสียงอักษรของ ภาษาตาํ งประเทศ(ภาษาองั กฤษ)และภาษาไทย บอกคาศัพท์ที่เกี่ยวข๎องกับกลุํมสาระการเรียนร๎ูอ่ืน ฟัง/พูดใน สถานการณ์งาํ ยๆทเ่ี กิดขึน้ ในหอ๎ งเรยี น ใช๎ภาษาตํางประเทศ(ภาษาองั กฤษ)เพ่อื รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี กย่ี วข๎องใกลต๎ วั โดยการระบุ อํานออกเสียง เลือก ตอบคาถาม พูดโต๎ตอบ ใช๎ บอก ทาทําทาง เข๎ารํวม ฟัง เพ่ือให๎ ผ๎เู รยี นมคี วามรคู๎ วามเขา๎ ใจและนาไปประยกุ ตใ์ ช๎ในชวี ิตประจาวัน เกดิ สมรรถนะตามความต๎องการของหลักสูตร มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ข้ึนในตัวของผู๎เรียน และสามารถอยูํรํวมกับผ๎ูอ่ืนในสังคมได๎อยํางมีความสุข สามารถนาความรไ๎ู ปใช๎ใหเ๎ กิดประโยชน์โดยใชห๎ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและสามารถนาไปประยุกต์ใช๎กับ ชีวติ ประจาวันได๎อยาํ งถูกตอ๎ งเหมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ต ๑.๑ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ ต ๑.๒ ป.๒/๑ , ป.๒/๒ , ป.๒/๓ , ป.๒/๔ ต ๑.๓ ป.๒/๑ , ป.๒/๑ ต ๒.๑ ป.๒/๒ , ป.๒/๓ ต ๒.๒ ป.๒/๑ ต ๓.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๑ ป.๒/๑ ต ๔.๒ ป.๒/๑ รวม ๑๖ ตัวชว้ี ัด
๗๒ คาอธิบายรายวชิ า อ ๑๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษพื้นฐาน ๓ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาตา่ งประเทศ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๑๒๐ ชวั่ โมง ปฏิบตั ติ ามคาส่งั และคาขอร๎องที่ฟังหรืออําน คา สะกดคา อํานกลํุมคาประโยค และบทพูดเข๎าจังหวะ (chant)งําย ๆ ถูกตอ๎ งตามหลักการอาํ น ภาพหรือสัญลักษณต์ รงตามความหมายของคากลมํุ คาและประโยคท่ีฟัง จากการฟงั หรืออาํ นประโยค บทสนทนา หรือนทิ านงํายๆ คาส้ันๆ งาํ ย ๆในการส่ือสารระหวํางบุคคลตามแบบที่ ฟงั คาสงั่ และคาขอรอ๎ งงาํ ย ๆ ตามแบบท่ีฟัง ความตอ๎ งการงํายๆของตนเองตามแบบทฟี่ งั ขอและให๎ขอ๎ มูลงาํ ยๆ เก่ียวกับตนเองและเพอ่ื นตามแบบทีฟ่ งั ความรู๎สกึ ของตนเองเก่ยี วกับสงิ่ ตํางๆ ใกลต๎ วั หรือกจิ กรรมตํางๆ ตามแบบ ที่ฟัง ใหข๎ อ๎ มลู งํายๆ เก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกล๎ตัว คาตามประเภทของ บุคคล สัตว์ และสิ่งของตามท่ีฟังหรือ อาํ น มารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจา๎ ของภาษา ชอ่ื และคาศพั ท์งาํ ยๆเกยี่ วกับเทศกาล/วันสาคญั /งานฉลองและ ชีวติ ความเป็นอยูขํ องเจา๎ ของภาษา กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมทีเ่ หมาะสมกับวยั ความแตกตํางของเสียง ตัว อกั ษร คา กลุํมคา และประโยคงาํ ยๆ ของภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย คาศพั ท์ท่ีเกี่ยวขอ๎ ง กับกลุํมสาระการเรียนรู๎อ่ืน สถานการณ์งํายๆท่ีเกิดขึ้นในห๎องเรียน ภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)เพื่อ รวบรวมคาศพั ท์ทีเ่ ก่ียวขอ๎ งใกลต๎ ัว โดยการอํานออกเสยี ง สะกดคา ฟัง พดู เลอื ก/ระบุ ตอบคาถาม พูดโต๎ตอบ ใช๎ บอก จัดหมวดหมํู ทาทําประกอบ เข๎ารํวมกิจกรรม เพื่อให๎มีความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถนาความรู๎ไปปฏิบัติให๎เกิด ประโยชน์ตอํ ตนเองและสังคม มีคณุ ธรรม จริยธรรม สามารถนาความรูไ๎ ปใช๎ให๎เกิดประโยชน์โดยใช๎หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยุกต์ใชก๎ ับชวี ิตประจาวนั ไดอ๎ ยาํ งถูกตอ๎ งเหมาะสม รหัสตัวชวี้ ดั ต ๑.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ ต ๑.๒ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ , ป.๓/๔ , ป.๓/๕ ต ๑.๓ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ ต ๒.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ต ๒.๒ ป.๓/๑ ต ๓.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๑ ป.๓/๑ ต ๔.๒ ป.๓/๑ รวม ๑๘ ตัวชวี้ ัด
๗๓ อ ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน ๔ คาอธบิ ายรายวิชา ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ เวลา 12๐ ชั่วโมง ปฏบิ ัตติ ามคาสั่ง คาขอร๎อง และคาแนะนา (instructions)งาํ ย ๆทฟี่ ังหรอื อาํ น อํานออกเสียงคา สะกด คา อํานกลมํุ คา ประโยค ข๎อความงํายๆ และบทพูดเข๎าจังหวะ ถูกต๎องตามหลักการอําน เลือก/ระบุภาพหรือ สญั ลกั ษณ์ หรอื เคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยคและขอ๎ ความสัน้ ๆที่ฟังหรอื อาํ น ตอบคาถามจากการ ฟังหรืออํานประโยค บทสนทนา หรือนิทานงํายๆ พูด/เขียนโต๎ตอบในการส่ือสารระหวํางบุคคล ใช๎คาส่ัง คา ขอร๎อง และคาขออนุญาตงําย ๆ พูด/เขียนแสดงความต๎องการของตนเองตามและขอความชํวยเหลือใน สถานการณ์งํายๆ พดู /เขียนเพือ่ ขอและให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเองเพื่อน และครอบครัว พูดแสดงความรู๎สึกของ ตนเองเกีย่ วกับเร่ืองตาํ งๆ ใกล๎ตวั หรือกิจกรรมตาํ งๆ ตามแบบทฟ่ี งั พดู /เขียนให๎ขอ๎ มูลงํายๆ เก่ียวกับตนเองและ เรื่องใกล๎ตัว พูด/วาดภาพแสดงความสัมพันธ์ของส่ิงตํางๆใกล๎ตัวท่ีฟังหรืออําน พูดแสดงความคิดเห็นงํายๆ เกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกล๎ตัว พูดและทาทําประกอบอยํางสุภาพตามมารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ๎าของ ภาษา ตอบคาถามเก่ยี วกับเทศกาล/วนั สาคัญ/งานฉลองและชีวิตความเป็นอยํูงํายๆของเจ๎าของภาษา การเข๎า รํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมที่เหมาะสมกับวัย บอกความแตกตํางของเสียงตัว อักษร คา กลํุมคา ประโยค และข๎อความ ของภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย บอกความเหมือน/ความแตกตําง ระหวํางเทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรม ของเจ๎าของภาษากบั ของไทย ค๎นคว๎ารวบรวม คาศัพท์ที่เกี่ยวข๎อง กบั กลุํมสาระการเรียนรอ๎ู น่ื และนาเสนอด๎วยการพูด/การเขียน ฟงั /พูดในสถานการณ์ที่เกิดข้ึนในห๎องเรียนและ สถานศึกษา ใช๎ภาษาตาํ งประเทศ(ภาษาองั กฤษ)ในการสบื ค๎นและรวบรวมขอ๎ มลู ตํางๆ โดยการฟัง พดู อําน เขยี น ระบุ อํานออกเสียง เลอื ก ตอบคาถาม พูดโต๎ตอบ ใช๎ บอก ทาทําทาง เข๎า รวํ ม เพื่อให๎ผู๎เรียนมคี วามร๎ูความเขา๎ ใจและนาไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวัน เกิดสมรรถนะตามความต๎องการ ของหลักสูตร มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ขึ้นในตัวของผ๎ูเรียน และสามารถอยํูรํวมกับผู๎อื่นในสังคมได๎อยํางมี ความสุข สามารถนาความร๎ูไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์โดยใช๎หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยุกต์ใช๎กับชีวิตประจาวันไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ งเหมาะสม รหัสตัวชีว้ ัด ต ๑.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป๔/๔ ต ๑.๒ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ , ป๔/๔ , ป๔/๕ ต ๑.๓ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ต ๒.๑ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ , ป.๔/๓ ต ๒.๒ ป.๔/๑ , ป.๔/๒ ต ๓.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๑ ป.๔/๑ ต ๔.๒ ป.๔/๑ รวม ๒๐ ตวั ชี้วัด
๗๔ อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน ๕ คาอธิบายรายวชิ า ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ เวลา 12๐ ช่วั โมง ปฏิบัติตามคาสั่ง คาขอร๎อง และคาแนะนา ท่ีฟังหรืออําน อํานออกเสียง ประโยค ข๎อความ และบท กลอนส้ันๆ ถกู ตอ๎ งตามหลกั การอาํ น ระบ/ุ วาดภาพสัญลกั ษณ์ หรือเครอื่ งหมายตรงตามความหมายของประโยค และขอ๎ ความส้ันๆท่ฟี ังหรืออาํ น บอกใจความสาคัญและตอบคาถามจากการฟังหรืออํานบทสนทนา และนิทาน งํายๆหรือเร่ืองส้ันๆ พูด/เขียนโต๎ตอบในการสื่อสารระหวํางบุคคล ใช๎คาส่ัง คาขอร๎อง คาขออนุญาตและให๎ คาแนะนางาํ ย ๆ พูด/เขียนแสดงความตอ๎ งการของตนเองตาม ขอความชํวยเหลือ ตอบรบั และปฏเิ สธการให๎ความ ชํวยเหลอื ในสถานการณ์งาํ ยๆ พูด/เขียนเพือ่ ขอและใหข๎ อ๎ มูล เกี่ยวกับตนเองเพื่อน ครอบครัว และเรื่องใกล๎ตัว พดู แสดงความรส๎ู ึกของตนเองเกย่ี วกับเรอื่ งตํางๆ ใกลต๎ ัว หรอื กจิ กรรมตาํ งๆพร๎อมท้ังให๎เหตุผลสัน้ ๆประกอบ พูด/ เขยี นใหข๎ อ๎ มูลงํายๆ เกี่ยวกับตนเองและเร่ืองใกล๎ตัว เขียนภาพ แผนผัง และแผนภูมิแสดงข๎อมูลตํางๆตามที่ฟัง หรอื อําน พูดแสดงความคิดเห็น เก่ียวกับเร่ืองตํางๆใกล๎ตัว ใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง และกิริยาทําทางอยํางสุภาพตาม มารยาทสังคม/วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา ตอบคาถาม/บอกความสาคัญของเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลองและ ชวี ติ ความเปน็ อยงูํ าํ ยๆของเจ๎าของภาษา การเขา๎ รวํ มกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ บอกความ เหมือน/ความแตกตาํ งระหวํางการออกเสียงประโยคชนิดตํางๆ การใช๎เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดับคา (order)ตามโครงสร๎างของประโยคของภาษาตาํ งประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย บอกความเหมือน/ความ แตกตาํ งระหวํางเทศกาลและงานฉลองตามวัฒนธรรม ของเจ๎าของภาษากับของไทย ค๎นคว๎ารวบรวม คาศัพท์ท่ี เก่ยี วข๎องกับกลมุํ สาระการเรียนรูอ๎ ่ืน และนาเสนอด๎วยการพูด/การเขียน ฟัง พูด และอําน/เขียนในสถานการณ์ ตาํ งๆท่ีเกิดขนึ้ ในห๎องเรียนและสถานศึกษา ใช๎ภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)ในการสืบค๎นและรวบรวมข๎อมูล ตํางๆ โดยการฟงั พูด อําน เขยี น ระบุ อํานออกเสียง เลือก ตอบคาถาม พูดโตต๎ อบ ใช๎ บอก ทาทําทาง เข๎า รํวม เพ่อื ใหผ๎ ๎เู รยี นมีความร๎ูความเขา๎ ใจและนาไปประยุกตใ์ ชใ๎ นชวี ิตประจาวัน เกดิ สมรรถนะตามความต๎องการ ของหลักสูตร มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ขึ้นในตัวของผู๎เรียน และสามารถอยํูรํวมกับผู๎อ่ืนในสังคมได๎อยํางมี ความสุข สามารถนาความร๎ูไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์โดยใช๎หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไป ประยุกต์ใช๎กับชวี ติ ประจาวนั ไดอ๎ ยํางถกู ต๎องเหมาะสม รหัสตวั ช้วี ัด ต ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ ต ๑.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ ต ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ ต ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒ ต ๓.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๑ ป.๕/๑ ต ๔.๒ ป.๕/๑ รวม ๒๐ ตวั ชว้ี ดั
๗๕ คาอธิบายรายวชิ า อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ๖ กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา 12๐ ช่ัวโมง ปฏบิ ัติตามคาสงั่ คาขอรอ๎ ง และคาแนะนา ทีฟ่ งั และอาํ น อาํ นออกเสียง ข๎อความ นิทาน และบทกลอน สน้ั ๆ ถูกตอ๎ งตามหลกั การอําน เลือก/ระบปุ ระโยค หรอื ขอ๎ ความสั้นๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรอื เครอ่ื งหมาย ท่อี ําน บอกใจความสาคัญ และตอบคาถามจากการฟังหรอื อาํ น บทสนทนา หรือนิทานงํายๆและเรื่องเลํา พูด/ เขียนโต๎ตอบในการส่ือสารระหวํางบุคคล ใช๎คาส่ัง คาขอร๎อง และคาขออนุญาตและให๎คาแนะนา พูด/เขียน แสดงความตอ๎ งการ ขอความชํวยเหลอื ตอบรับและปฏเิ สธการใหค๎ วามชวํ ยเหลอื ในสถานการณง์ าํ ยๆ พูด/เขียน เพื่อขอและให๎ข๎อมูล เกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน ครอบครัว และเรื่องใกล๎ตัว พูด/เขียนแสดงความรู๎สึกของตนเอง เกี่ยวกับเรอื่ งตาํ งๆ ใกล๎ตวั หรอื กิจกรรมตํางๆ พร๎อมทงั้ ให๎เหตุผลสนั้ ๆประกอบ พดู /เขียนให๎ขอ๎ มลู เกยี่ วกับตนเอง เพอื่ น และสิง่ แวดลอ๎ มใกลต๎ วั เขยี นภาพ แผนผงั และแผนภูมแิ สดงขอ๎ มลู ตาํ งๆตามที่ฟังหรืออําน พูดเขียนแสดง ความคดิ เห็น เกย่ี วกับเรอ่ื งตาํ งๆ ใกล๎ตวั ใชถ๎ ๎อยคา น้าเสยี ง และกิริยาทาํ ทางอยาํ งสภุ าพ เหมาะสมตามมารยาท สังคมและวัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับเทศกาล/วันสาคัญ/งานฉลอง/ชีวิตความเป็นอยูํของ เจ๎าของภาษา การเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ บอกความเหมือน/ความแตกตําง ระหวาํ งการออกเสยี งประโยคชนดิ ตาํ งๆ การใชเ๎ ครอื่ งหมายวรรคตอน และการลาดบั คา ตามโครงสร๎าง ประโยค ของภาษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)และภาษาไทย เปรยี บเทียบความเหมอื น/ความแตกตาํ งระหวํางเทศกาลงาน ฉลอง และประเพณีของเจา๎ ของภาษากบั ของไทย ค๎นควา๎ รวบรวม คาศพั ทท์ ี่เก่ียวข๎องกับกลํุมสาระการเรียนร๎ูอื่น จากแหลงํ การเรยี นร๎ู และนาเสนอดว๎ ยการพูด/การเขยี น ใช๎ภาษาสอ่ื สารในสถานการณ์ตํางๆทเ่ี กดิ ขึน้ ในหอ๎ งเรียน และสถานศกึ ษา ใชภ๎ าษาตํางประเทศ(ภาษาอังกฤษ)ในการสืบค๎นและรวบรวมข๎อมูลตาํ งๆ โดยการฟัง พูด อําน เขียน ระบุ อาํ นออกเสยี ง เลือก ตอบคาถาม พดู โตต๎ อบ เข๎ารํวม เปรียบเทียบ คน๎ ควา๎ ใช๎ บอก เพ่ือให๎ผ๎ูเรียนมีความร๎ูความเข๎าใจและนาไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวัน เกิดสมรรถนะตามความ ต๎องการของหลักสูตร มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ขึ้นในตัวของผ๎ูเรียน และสามารถอยํูรํวมกับผู๎อ่ืนในสังคมได๎ อยาํ งมีความสุข สามารถนาความรู๎ไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์โดยใช๎หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถ นาไปประยกุ ต์ใช๎กบั ชีวติ ประจาวนั ไดอ๎ ยาํ งถกู ตอ๎ งเหมาะสม รหัสตวั ช้วี ดั ต ๑.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔ ต ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕ ต ๑.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓ ต ๒.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒ ต ๓.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๑ ป.๖/๑ ต ๔.๒ ป.๖/๑ รวม ๒๐ ตัวชีว้ ดั
๗๖ คาอธิบายรายวชิ าเพม่ิ เติม อ ๑๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพื่อการสือ่ สาร ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง เขา๎ ใจคาสงั่ และใชค๎ าสง่ั ในห๎องเรยี น คาขอร๎อง ตัวอักษร เสยี งตัวอักษร สระ การสะกดคา การอํานออก เสียง คา กลมํุ คา ประโยคที่มีความหมายสัมพันธ์กับส่ิงตํางๆใกล๎ตัว อาหาร เคร่ืองดื่ม บทอําน บทสนทนาด๎วย ภาษางํายๆ ประโยค นิทานงํายๆ ท่ีมีภาพประกอบ การเลํานิทานประกอบทําทาง ให๎ข๎อมูลและความต๎องการ เกี่ยวกบั ตนเองสัน้ ๆ เชํน การพูดแนะนา ตนเอง ขอบคณุ ขอโทษ เรียน ร๎คู า ศพั ทเ์ กย่ี วกับเทศกาลขนบธรรมเนียม ประเพณี เทศกาล งานฉลอง เหน็ ประโยชนใ์ นการเรียนร๎ูภาษาอังกฤษ โดยสนใจเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและ วัฒนธรรม และแสวงหาความรู๎ ความเพลิดเพลินจากภาษาอังกฤษ การร๎องเพลง เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจ สามารถสอ่ื สารส่งิ ท่ีเรยี นร๎ู และนาความรู๎ไปใช๎ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรียนรู้ ๑. ปฏบิ ัติตามคาสั่ง คาขอร๎องท่ีฟงั ได๎ ๒. อํานออกเสยี งตวั อักษร คา กลุํมคา ประโยคงาํ ยๆ และบทพดู เข๎าจงั หวะงาํ ยๆ ตามหลกั การอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลุํมคาทีฟ่ งั ตรงตามความหมาย ตอบคาถามการฟังท่มี ภี าพประกอบ หรืออํานประโยคบทสนทนาหรอื นทิ านงาํ ยๆได๎ ๔. พูดโตต๎ อบดว๎ ยคาส้ันๆ งํายๆ ในการสอื่ สารระหวํางบุคคลตามแบบที่ฟงั ใชค๎ าสง่ั และคาขอรอ๎ งงาํ ยๆ บอกความต๎องการและความรสู๎ ึกของตนเอง พูดขอและให๎ขอ๎ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเพอื่ นได๎ ๕. สามารถพดู และทาทาํ ประกอบตามมารยาทสงั คม วัฒนธรรมของเจ๎าของภาษา เขา๎ รํวมกจิ กรรมทาง ภาษา และวฒั นธรรมทเี่ หมาะสมกบั วัย รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
๗๗ คาอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เตมิ อ ๑๒๒๐1 ภาษาองั กฤษเพ่อื การสื่อสาร ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง ใชค๎ าสงั่ ทใี่ ชใ๎ นห๎องเรยี น ตัวอกั ษร เสยี งตัวอกั ษร สระ การสะกดคา การอาํ นออกเสียงคา กลํุมคาบทอําน บทสนทนา ประโยค ใหข๎ อ๎ มลู เก่ียวกบั ตนเองคา ประโยคบทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูล เก่ียวกับตนเอง ขอ๎ ความที่ใช๎ในการพูดให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง และเร่ืองใกล๎ตัว คาท่ีมีความหมายสัมพันธ์กับ ส่ิงตํางๆ ใกล๎ตัว อาหาร เคร่ืองดื่มวัฒนธรรมเจ๎าของภาษาแสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูดแนะนาตนเอง กิจกรรมทาง ภาษาการร๎องเพลง การใช๎ภาษาในการฟัง พูด อํานในสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในห๎องเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบ เสาะหาความรก๎ู ารสืบคน๎ ขอ๎ มลู และมีทกั ษะทางสงั คม มวี ิถีของระบอบ ประชาธปิ ไตย ซือ่ สัตย์ใฝุเรียนร๎ูแสดงออก ถึงความเป็นไทย เพ่ือให๎เกิดความร๎ูความเข๎าใจสามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู๎และ นาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ตั ติ ามคาสั่ง คาขอรอ๎ งท่ีฟังได๎ ๒. อาํ นออกเสียงตัวอกั ษร คา กลุํมคา ประโยคงํายๆ และบทพดู เข๎าจงั หวะงํายๆ ตามหลักการอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลุมํ คาที่ฟังตรงตามความหมายตอบคาถามการฟังที่มีภาพประกอบ หรือ อาํ นประโยคบทสนทนาหรอื นทิ านงํายๆได๎ ๔. พดู โตต๎ อบด๎วยคาสน้ั ๆ งํายๆ ในการสื่อสารระหวาํ งบุคคลตามแบบทีฟ่ ัง ใช๎คาส่ังและ คาขอร๎องงํายๆ บอกความต๎องการและความร๎สู ึกของตนเอง พดู ขอและให๎ขอ๎ มลู เกย่ี วกบั ตนเองและเพอื่ นได๎ ๕. สามารถพูดและทาทาํ ประกอบตามมารยาทสงั คม วฒั นธรรมของเจา๎ ของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรม ทาง ภาษา และวฒั นธรรมทเี่ หมาะสมกบั วัย รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
๗๘ คาอธิบายรายวิชาเพ่มิ เตมิ อ ๑๓๒๐1 ภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอ่ื สาร ๓ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๘๐ ช่ัวโมง ปฏบิ ัติตามคาสงั่ คาขอรอ๎ ง ฟงั และอํานตวั อกั ษร เสยี งตัวอกั ษร สระ การสะกดคา การอํานออก เสยี งคา กลํมุ คา บทอาํ น บทสนทนา ประโยค ให๎ข๎อมูลเกย่ี วกบั ตนเอง คา ประโยค บทอําน บทสนทนา ประโยค ให๎ขอ๎ มูล เกี่ยวกับตนเอง ขอ๎ ความทใี่ ชใ๎ นการพดู ให๎ข๎อมูลเก่ยี วกับตนเอง และเรือ่ งใกล๎ตัว คา ทมี่ ี ความหมายสัมพันธ์กับส่ิง ตาํ งๆ ใกลต๎ ัว เวลา สถานที่ อาหาร เคร่ืองด่ืม วัฒนธรรมเจ๎าของภาษา แสดงกิริยา การขอบคุณ ขอโทษ การพูด แนะนาตนเอง กิจกรรมทางภาษา การร๎องเพลง การใช๎ภาษาในการฟัง พูด อําน ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน ห๎องเรียน โดยใช๎กระบวนการสืบเสาะหาความร๎ูการสืบค๎นข๎อมูลและมีทักษะ ทางสังคม มีวิถีของระบอบ ประชาธปิ ไตย ซื่อสัตย์ ใฝุเรียนรู๎แสดงออกถึงความเป็นไทยเพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่ เรยี นร๎แู ละนาความร๎ูไปใช๎ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. ปฏบิ ัติตามคาสงั่ คาขอร๎องท่ีฟังได๎ ๒. อาํ นออกเสียงตัวอกั ษร คา กลุํมคา ประโยคงํายๆ และบทพดู เข๎าจงั หวะงาํ ยๆ ตามหลกั การอาํ นได๎ ๓. บอกความหมายของคาและกลมํุ คาที่ฟังตรงตามความหมายตอบคาถามการฟังท่ีมีภาพประกอบ หรือ อาํ นประโยคบทสนทนาหรอื นทิ านงาํ ยๆได๎ ๔. พดู โต๎ตอบดว๎ ยคาสน้ั ๆ งาํ ยๆ ในการส่อื สารระหวาํ งบุคคลตามแบบทีฟ่ ัง ใช๎คาส่ังและ คาขอร๎องงํายๆ บอกความตอ๎ งการและความรส๎ู กึ ของตนเอง พูดขอและให๎ขอ๎ มูลเก่ยี วกบั ตนเองและเพ่ือนได๎ ๕. สามารถพดู และทาทําประกอบตามมารยาทสงั คม วฒั นธรรมของเจ๎าของภาษา เข๎ารํวมกิจกรรม ทาง ภาษา และวฒั นธรรมทีเ่ หมาะสมกบั วัย รวมท้ังหมด 5 ผลการเรยี นรู้
๗๙ คาอธบิ ายรายวิชาเพิม่ เตมิ อ ๑๔๒๐1 ภาษาอังกฤษเพ่ือการสือ่ สาร ๔ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๔๐ ช่วั โมง เข๎าใจคาสงั่ คาขอรอ๎ ง รูปประโยคและโครงสร๎างประโยค คา กลมํุ คา และประโยค การถํายโอนเป็นภาพ สัญลักษณ์ เรื่องราว บทอําน สนทนา เร่ืองส้ัน เรื่องเลํา นิทาน บทกลอนส้ันๆ การใช๎ถ๎อยคา สานวนท่ีใช๎ใน เทศกาล ในเรอื่ งเสยี งสระ พยัญชนะ คา วลี ประโยค และข๎อความท่ซี ับซ๎อน ประโยคเด่ียว และประโยคผสม อาํ น ออกเสยี งคา กลํุมคา ประโยค ข๎อความ บทอํานได๎ถูกต๎องตามหลักการออกเสียงและการใช๎ถ๎อยคา น้าเสียง การ พูด เขียน โต๎ตอบในการส่ือสารระหวํางบุคคล ใช๎คาสั่ง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดงความต๎องการแสดง ความรูส๎ ึก แสดงความชวํ ยเหลอื ตอบรับและปฏิเสธ ในสถานการณ์งํายๆ พูดเขียนเพ่ือขอและให๎ข๎อมูลเก่ียวกับ ตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรื่องใกล๎ตวั ซงึ่ อยูํในทอ๎ งถิ่นของตน มที กั ษะการใชภ๎ าษาตํางประเทศ(เนน๎ การฟัง พูด อําน เขียน) สนกุ สนานและเพลิดเพลนิ จากกจิ กรรมภาษาตาํ งประเทศ เห็นประโยชน์การเรียนภาษาตํางประเทศ ในการแสวงหาความรู๎ ความบันเทิง และสนใจเข๎ารํวมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรม มีความขยัน ซ่ือสัตย์ อดทน เสียสละและมีสัมมาคารวะ สามารถนาความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวันตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. เข๎าใจและปฏิบัตติ ามคาสง่ั คาขอร๎อง และคาแนะนา งํายๆ ตามท่ีฟงั และอาํ นไดถ๎ กู ต๎อง ๒. รจ๎ู กั ชนดิ ของคา ศัพท์ รปู ประโยค และการลาดบั คา (order) ตามโครงสรา๎ งประโยค สามารถ นาไปใช๎พดู หรอื เขียนในสถานการณ์ตาํ งๆ ได๎ถกู ตอ๎ งตามหลกั ไวยากรณท์ างภาษา ๓. สามารถพูด/อาํ นออกเสียงคา วลี ประโยค ขอ๎ ความสัน้ ๆ บทสนทนาไดถ๎ กู ตอ๎ งตามหลกั การออกเสยี ง ๔. สามารถพดู /เขียนคา วลี ประโยคถาม - ตอบ แลกเปลย่ี นข๎อมลู ส่ือสารสรา๎ งสัมพันธ์ระหวํางบุคคลใน สถานการณต์ าํ งๆ ไดถ๎ กู ตอ๎ งตามหลักโครงสร๎างไวยากรณแ์ ละโครงสร๎างของกาล (Tense) ๕. สามารถฟงั /อํานคา วลี ขอ๎ ความสนั้ ๆ บทสนทนาแล๎วสามารถบอกความหมาย สรุปความหมายและ ตอบคาถามจากการฟงั หรอื อํานไดถ๎ กู ต๎อง รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
๘๐ คาอธบิ ายรายวชิ าเพ่มิ เตมิ อ๑๕๒๐1 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สาร ๕ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ชั่วโมง เข๎าใจคาส่ัง คาขอร๎อง รปู ประโยคและโครงสรา๎ งประโยค คา กลํุมคา และประโยค การถํายโอนเปน็ ภาพ สัญลักษณ์ เร่ืองราว บทอําน บทสนทนา เรื่องส้ัน เรื่องเลํา นิทาน บทกลอนส้ันๆ การใช๎ประโยคเด่ียว แ ละ ประโยคผสม อํานออกเสียงคา กลํุมคา ประโยค ข๎อความ บทอํานได๎ถูกต๎องตามหลักการออกเสียง และการใช๎ ถอ๎ ยคา น้าเสยี ง การพดู เขียน โต๎ตอบในการสื่อสารระหวํางบุคคล ใช๎คาสั่ง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดง ความต๎องการ แสดงความร๎ูสกึ ขอความชวํ ยเหลอื ตอบรับ และปฏเิ สธ ในสถานการณง์ าํ ยๆ พดู เขยี น เพ่ือขอและ ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัว และเร่ืองใกล๎ตัวซ่ึงอยูํในท๎องถิ่นของตน มีทักษะการใช๎ ภาษาตาํ งประเทศ (เน๎นการฟัง พูด อําน เขียน) สนุกสนานและเพลิดเพลินจากกิจกรรมทางภาษาตํางประเทศ เหน็ ประโยชนข์ องการเรยี นร๎ภู าษาตาํ งประเทศ ในการแสวงหาความรูค๎ วามบันเทิง และสนใจเข๎ารวํ มกิจกรรมทาง ภาษาและวัฒนธรรม มีความขยัน ซื่อสัตย์อดทน เสียสละ และมีสัมมาคารวะ สามารถนาความรู๎ท่ีได๎ไปใช๎ ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ ๑. เขา๎ ใจและปฏิบตั ิตามคาสง่ั คาขอรอ๎ ง และคาแนะนางาํ ยๆตามทีฟ่ งั และอาํ นไดถ๎ กู ต๎อง ๒. ร๎จู กั ชนิดของคาศพั ทร์ ูปประโยคและการลาดบั คา (order) ตามโครงสรา๎ งประโยค สามารถ นาไปใช๎ พูดหรอื เขยี นในสถานการณต์ าํ งๆ ได๎ถูกต๎องตามหลกั ไวยากรณท์ างภาษา ๓. สามารถพูด/อาํ นออกเสยี งคา วลปี ระโยคข๎อความสน้ั ๆ บทสนทนาได๎ถกู ต๎องตามหลกั การออกเสียง ๔. สามารถพูด/เขยี นคา วลปี ระโยคถาม-ตอบ แลกเปลี่ยนขอ๎ มูล สอ่ื สารสร๎างสัมพนั ธร์ ะหวํางบคุ คล ใน สถานการณ์ตํางๆ ไดถ๎ ูกต๎องตามหลักโครงสร๎างไวยากรณแ์ ละโครงสรา๎ งของกาล (Tense) ๕. สามารถฟงั /อาํ นคา วลขี อ๎ ความสนั้ ๆ บทสนทนาแลว๎ สามารถบอกความหมาย สรุปความหมาย และ ตอบคาถามจากการฟงั หรืออํานได๎ถกู ตอ๎ ง รวมทงั้ หมด ๕ ผลการเรยี นรู้
๘๑ คาอธบิ ายรายวิชาเพม่ิ เตมิ อ๑๖๒๐1 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สาร ๖ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาตา่ งประเทศ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๔๐ ชั่วโมง เข๎าใจคาสงั่ คาขอร๎อง รูปประโยคและโครงสร๎างประโยค คา กลุมํ คา และประโยค การถาํ ยโอนเปน็ ภาพ สญั ลกั ษณ์เรอื่ งราว บทอําน บทสนทนา เร่ืองส้ัน เร่ืองเลํา นิทาน บทกลอนส้ันๆ การใช๎ถ๎อยคา สานวน ท่ีใช๎ใน เทศกาล ในเรื่องเสยี ง สระ พยญั ชนะ คา วลีประโยค และข๎อความท่ซี ับซ๎อนประโยคเด่ียวและประโยคผสม อําน ออกเสียงคา กลมุํ คา ประโยค ขอ๎ ความ บทอาํ นไดถ๎ ูกตอ๎ งตามหลักการออกเสียง และการใช๎ถ๎อยคาน้าเสียง การ พดู เขียน โตต๎ อบในการสื่อสารระหวํางบุคคล ใช๎คาส่ัง คาขอร๎อง และให๎คาแนะนา แสดงความต๎องการ แสดง ความรู๎สึก ขอความชวํ ยเหลือ ตอบรบั และปฏเิ สธในสถานการณ์งํายๆ พูด เขียน เพ่ือขอ และ ให๎ข๎อมูลเกี่ยวกับ ตนเอง เพื่อน ครอบครวั และเรอ่ื งใกลต๎ ัวซง่ึ อยํูในทอ๎ งถน่ิ ของตน มที กั ษะการใช๎ภาษาตํางประเทศ (เนน๎ การฟัง พดู อาํ น เขียน) สนุกสนานและเพลิดเพลินจากกิจกรรมทางภาษาตํางประเทศ เห็นประโยชน์ของการเรียนร๎ูภาษา ตาํ งประเทศ ในการแสวงหาความรูค๎ วามบนั เทงิ และสนใจเข๎ารวํ มกจิ กรรมทางภาษา และวฒั นธรรม มคี วาม ขยัน ซือ่ สตั ยอ์ ดทน เสยี สละ และมสี ัมมาคารวะ สามารถนาความรไ๎ู ปใช๎ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันตามหลกั ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ ๑. สามารถฟงั พดู อาํ น เขียน และ บอกความหมายของคา ประโยค ขอ๎ ความ บทสนทนา ๒. อธบิ ายประเภทของคา และนาไปใช๎ในประโยคตํางๆได๎ ๓. เขา๎ ใจโครงสร๎างประโยคตามหลักไวยากรณ์(Tense) ๔. เขียนประโยคคาสงั่ คาขอรอ๎ ง การขออนญุ าต ประโยคบอกเลํา ประโยคคาถาม ประโยคปฏเิ สธ ตาม โครงสร๎างประโยคได๎ ๕. อํานและตอบคาถามจากเร่ืองได๎ รวมท้ังหมด ๕ ผลการเรยี นรู้
๘๒ กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน โรงเรยี นบา๎ นแพะ ไดจ๎ ดั กิจกรรมพัฒนาผเู๎ รยี นโดยมํุงใหผ๎ เ๎ู รียนเกิดการเรยี นรจ๎ู ากประสบการณ์ตรง ได๎ฝกึ ปฏบิ ตั ิจรงิ และค๎นพบความถนัดของตนเอง สามารถค๎นควา๎ หาความร๎ูเพ่ิมเติมตามความสนใจจากแหลํงเรียนรู๎ที่ หลากหลาย บาเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม มีทักษะในการดาเนินงาน สํงเสริมให๎มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม ใหผ๎ ๎ูเรยี นร๎ูจักและเขา๎ ใจตนเอง สามารถวางแผนชีวติ และอาชีพได๎อยํางเหมาะสม กิจกรรมพฒั นาผเ๎ู รียนเป็นกิจกรรมทีม่ ุงํ ใหผ๎ ๎เู รยี นพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาการเรียนรู๎อยํางรอบ ด๎านเพ่ือความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังรํางกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร๎างให๎เป็นผู๎มีศีลธรรม จริยธรรม มรี ะเบียบวนิ ยั ปลกู ฝงั ใหส๎ รา๎ งจิตสานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม สามรถจักการตนเองได๎และอยํู รวํ มกบั ผูอ๎ น่ื อยาํ งมคี วามสุข โรงเรียนบา๎ นแพะไดจ๎ ัดกจิ กรรมพฒั นาผเ๎ู รยี น โดยแบงํ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดงั นี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เปน็ กิจกรรมที่สงํ เสรมิ และพฒั นาผเู๎ รียนใหร๎ ๎ูจักตนเอง ร๎รู ักษ์ส่งิ แวดลอ๎ ม สามารถ ตัดสินใจ คิดแก๎ปัญหา กาหนดเปูาหมาย วางแผนชีวิตท้ังด๎านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได๎อยําง เหมาะสม นอกจากน้ียังชํวยให๎ครูรู๎จักและเข๎าใจผ๎ูเรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ชํวยเหลือและให๎คาปรึกษาแกํ ผ๎ูปกครองในการมีสํวนรํวมพัฒนาผู๎เรียน โดยนักเรียนทุกคนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ชั่วโมงตํอปี การศึกษา
๘๓ คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คาอธบิ ายรายวชิ า บอกชอื่ และหนา๎ ที่ของสํวนตาํ ง ๆ ของรํางกายตนเองไดถ๎ ูกตอ๎ ง ระบสุ ํวนตําง ๆ ของราํ งกายทตี่ นเองพอใจ พร๎อมเหตผุ ล และรบั ร๎ใู นสวํ นของรํางกายทเี่ พ่ือนพอใจ ดแู ลรักษาสํวนตําง ๆ ของรํางกายทั้งของตนเองและเพ่อื น ให๎ปลอดภัย บอกอารมณ์และความร๎ูสึกของตนเองได๎ รบั รู๎ความแตกตาํ งทางด๎านรํางกายของตนเองและเพ่ือน ยอมรับ ความแตกตํางทางด๎านรํางกายของตนเองและเพื่อน ระบุงานและกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนท่ีชอบและไมํชอบ รวมท้งั การรบั ร๎ูความชอบและไมํชอบของเพอื่ นในชั้นเรียน บอกอาชีพของพอํ แมํ บอกความหมายของเครอ่ื งหมาย สัญลักษณท์ แ่ี สดงถึงคุณภาพด๎านการเรียนของ ตน ดูแลตัวเองในการปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน ร๎ูจักสังเกต ตั้งคาถาม และแสวงหาคาตอบ ร๎ูเทําทันอารมณ์ของ ตนเอง และเป็นผฟู๎ งั ทด่ี ี ผลการเรียนรู้ 1. เรียกชอ่ื สํวนตําง ๆ ของราํ งกายได๎ถูกตอ๎ ง ๒. ระบสุ วํ นตําง ๆ ของราํ งกายทตี่ นเองพอใจพรอ๎ มเหตุผล และรับรูใ๎ นสวํ นของราํ งกายทีเ่ พือ่ นพอใจ ๓. ดูแลสวํ นตาํ ง ๆ ของราํ งกายทง้ั ของตนเองและเพอ่ื นให๎ปลอดภยั ๔. บอกอารมณแ์ ละความรู๎สึกของตนเองได๎ ๕. รบั ร๎ูความแตกตาํ งทางดา๎ นรํางกายของตนเองและเพอ่ื น ๖. ยอมรับความแตกตาํ งทางดา๎ นราํ งกายของตนเองและเพื่อน ๗. ระบุงานและกิจกรรมเก่ียวกับการเรียนที่ชอบและไมํชอบ รวมทั้งการรับรู๎ความชอบและไมํชอบ ของเพื่อนในชั้นเรยี น ๘. บอกอาชีพของพํอแมํ ๙. บอกความหมายของเครอื่ งหมาย สัญลกั ษณท์ แ่ี สดงถึงคณุ ภาพด๎านการเรยี นของตน ๑๐. ดแู ลตวั เองในการปฏบิ ัตกิ ิจวัตรประจาวนั ๑๑. รจ๎ู ักสังเกต ตงั้ คาถาม และแสวงหาคาตอบ ๑๒. รเ๎ู ทาํ ทนั อารมณ์ ๑๓. เป็นผฟ๎ู ังทีด่ ี รวมทงั้ หมด ๑๓ ผลการเรียนรู้
๘๔ คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คาอธบิ ายรายวิชา อธบิ ายหน๎าท่ีของสํวนตําง ๆ ของรํางกายได๎ถูกต๎อง ดูแลรักษาสํวนตําง ๆ ของรํางกายท้ังของตนเอง และเพื่อใหป๎ ลอดภัย บอกอารมณ์ ความร๎ูสึกของตนและรับร๎ูอารมณ์ความรู๎สึกของครู เพื่อนในห๎องเรียนและสมาชิกใน ครอบครวั รับรู๎อารมณ์ความรู๎สึกของตนเองและเพื่อน ยอมรับความแตกตํางด๎านอารมณ์ จิตใจของตนเองและ เพือ่ น บอกอาชพี ในชุมชน บอกความหมายผลการเรียนของตน ระบุวิชาท่ีมีผลการเรียนอยํูในระดับดีและท่ี ต๎องปรบั ปรงุ แสดงพฤติกรรมทแ่ี สดงถงึ ความมเี มตตา แบงํ ปนั ของกนิ ของใช๎ วิเคราะหค์ วามนาํ เชอ่ื ถอื ของข๎อมูลขําวสาร ไดส๎ มเหตสุ มผล ควบคุมอารมณข์ องตนเองได๎ และใชภ๎ าษาและกริ ยิ าที่เหมาะสมในการส่ือสาร ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายหน๎าที่ของสํวนตาํ ง ๆ ของราํ งกายไดถ๎ กู ต๎อง ๒. ดแู ลรักษาสํวนตาํ ง ๆ ของราํ งกายท้งั ของตนเองและเพอ่ื ใหป๎ ลอดภัย ๓. บอกอารมณ์ ความรู๎สึกของตนและรับร๎ูอารมณ์ความร๎ูสึกของครู เพ่ือนในห๎องเรียนและสมาชิกใน ครอบครวั ๔. รบั รอ๎ู ารมณ์ความรูส๎ กึ ของตนเองและเพอ่ื น ๕. ยอมรับความแตกตํางด๎านอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพือ่ น ๖. บอกอาชีพในชมุ ชน ๗. บอกความหมายผลการเรียนของตน ๘. ระบวุ ิชาที่มีผลการเรยี นอยูํในระดับดแี ละทต่ี อ๎ งปรบั ปรุง ๙. แสดงพฤติกรรมท่แี สดงถึงความมีเมตตา แบงํ ปนั ของกินของใช๎ ๑๐. วเิ คราะหค์ วามนาํ เช่ือถอื ของข๎อมลู ขาํ วสารได๎สมเหตุสมผล ๑๑. ควบคุมอารมณ์ของตนเองได๎ ๑๒. ใชภ๎ าษาและกิรยิ าท่เี หมาะสมในการส่ือสาร รวมท้ังหมด ๑๒ ผลการเรียนรู้
๘๕ คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คาอธิบายรายวชิ า บอกประโยชน์ของสํวนตําง ๆ ของราํ งกายได๎ถูกต๎อง รบั รก๎ู ารเปล่ยี นแปลงของรํางกายตามวัย ยอมรบั การเปลยี่ นแปลงของราํ งกายตามวยั ระบุสาเหตขุ องการเกิดอารมณ์ความร๎สู กึ ของตนเองและเพ่ือน ยอมรับความแตกตาํ งด๎านอารมณ์ จิตใจ ของตนเองและเพือ่ น รับร๎ูอารมณ์ ความร๎สู ึกของครู เพ่ือนตาํ งหอ๎ งเรียน และสมาชิกในครอบครัว แสดงความคิด และแสดงออกด๎านอารมณ์ท่ีมีตํอสถานการณ์ตําง ๆ ได๎อยํางเหมาะสม รู๎จักเอาใจเขามาใสํใจเรา คานึงถึง ความรูส๎ กึ ของผอ๎ู ่นื ในการส่อื สาร ระบุความสนใจ ความถนัด ความสามารถดา๎ นการเรยี นของตนเองพร๎อมเหตุผล รับร๎ูความสนใจ ความถนัด ความสามารถด๎านการเรียนของเพื่อนพร๎อมเหตุผล ยอมรับความแตกตํางด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนของตนเองและเพื่อน ยอมรบั ความแตกตํางด๎านบุคลกิ ภาพของตนเองและเพ่อื น บอกอาชพี ทห่ี ลากหลาย บอกพฤติกรรมของตนเองท่ีชํวยให๎ผลการเรียนดี ระบุพฤติกรรมที่จะนามาใช๎ ในการปรับตัวดา๎ นการเรยี นใหม๎ ผี ลการเรยี นระดบั ดขี ้นึ ไป และมคี วามพรอ๎ มสาหรบั การประเมนิ ระดบั ชาติ รวมทั้ง ประเมินสถานการณแ์ ละนาไปประยุกต์ใช๎ในชีวิตประจาวนั ผลการเรยี นรู้ 1. บอกประโยชนข์ องสวํ นตําง ๆ ของรํางกายไดถ๎ กู ต๎อง ๒. รับรก๎ู ารเปลี่ยนแปลงของราํ งกายตามวยั ๓. ยอมรบั การเปล่ยี นแปลงของราํ งกายตามวัย ๔. ระบุสาเหตขุ องการเกดิ อารมณ์ความรสู๎ ึกของตนเองและเพอื่ น ๕. ยอมรับความแตกตํางดา๎ นอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพอื่ น ๖. รบั รอู๎ ารมณ์ ความรสู๎ กึ ของครู เพือ่ นตํางห๎องเรียน และสมาชกิ ในครอบครวั ๗. แสดงความคดิ และแสดงออกด๎านอารมณท์ ม่ี ตี อํ สถานการณ์ตําง ๆ ได๎อยํางเหมาะสม ๘. รูจ๎ ักเอาใจเขามาใสใํ จเรา ๙. คานงึ ถงึ ความร๎ูสกึ ของผ๎ูอนื่ ในการสอื่ สาร ๑๐. ระบคุ วามสนใจ ความถนัด ความสามารถดา๎ นการเรียนของตนเองพรอ๎ มเหตผุ ล ๑๑. รบั รค๎ู วามสนใจ ความถนดั ความสามารถด๎านการเรยี นของเพือ่ นพร๎อมเหตุผล ๑๒. ยอมรับความแตกตาํ งด๎านความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียนของตนเองและเพอื่ น ๑๓. ยอมรบั ความแตกตํางดา๎ นบุคลกิ ภาพของตนเองและเพอ่ื น ๑๔. บอกอาชีพท่หี ลากหลาย ๑๕. บอกพฤติกรรมของตนเองท่ชี วํ ยให๎ผลการเรยี นดี ๑๖. ระบุพฤติกรรมที่จะนามาใช๎ในการปรับตัวด๎านการเรียนให๎มีผลการเรียนระดับดีข้ึนไป และมีความ พร๎อมสาหรบั การประเมนิ ระดับชาติ ๑๗. ประเมินสถานการณแ์ ละนาไปประยุกตใ์ ช๎ในชวี ติ ประจาวนั รวมท้ังหมด ๑๗ ผลการเรยี นรู้
๘๖ คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง คาอธบิ ายรายวชิ า รับร๎ูการเปลี่ยนแปลงของราํ งกายตามวยั บอกความคิด ความรู๎สกึ อารมณข์ องตนและรับรูค๎ วามคดิ ความรู๎สึก อารมณข์ องครู เพอ่ื น และสมาชกิ ในครอบครวั จาแนกความคดิ ความร๎สู ึก อารมณท์ ดี่ แี ละไมดํ ีของ ตนเองและผอู๎ ื่น อธบิ ายบคุ ลกิ ภาพของตนเองและรบั รู๎บคุ ลกิ ภาพของเพื่อน รับได๎กับบคุ ลกิ ภาพของตนเอง ยอมรับในสิ่ง ท่ผี ูอ๎ ่นื เปน็ ดา๎ นบุคลิกภาพ พอใจในส่ิงที่ดีของตนเองด๎านรํางกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ชื่นชมสิ่งที่ดีของ ผ๎ูอ่ืน ด๎านรํางกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ยอมรับสิ่งที่ตนเองมีในด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถ ทางการเรียน เข๎าใจผูอ๎ ่ืนในดา๎ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรยี น บอกลักษณะของอาชีพท่ีสนใจ บอกคุณลกั ษณะของตนเองทสี่ อดคล๎องกบั อาชีพทส่ี นใจ วิเคราะห์ผลการเรียน ของตนแตลํ ะรายวิชา และระบวุ ธิ ีการพัฒนารายวิชาทผี่ ลการเรยี นยงั ไมํเปน็ ทพี่ อใจ มีจินตนาการและมีความสามารถในการคิดเช่ือมโยง มีวิธีผํอนคลายอารมณ์และความเครียดให๎กับ ตนเอง รจ๎ู ักแสดงความคดิ ความรู๎สึกชืน่ ชมการกระทาท่ดี งี ามให๎ผ๎ูอนื่ รับร๎ู มีมารยาทในการส่ือสารกับผ๎ูอ่ืน ชื่นชมความสาเร็จ ความสามารถและการกระทาที่ดีงามของผู๎อื่น ดว๎ ยคาพูด ภาษากาย และสัญลกั ษณ์ ควบคมุ ความคดิ และอารมณ์ของตนเองได๎ และมีวิธีสร๎างความม่ันคงในอารมณ์ ของตนเองได๎อยาํ งเหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. รับรู๎การเปล่ียนแปลงของราํ งกายตามวัย ๒. บอกความคดิ ความร๎ูสึก อารมณข์ องตนและรบั รูค๎ วามคดิ ความรูส๎ กึ อารมณ์ของครู เพ่อื น และสมาชกิ ในครอบครัว ๓. จาแนกความคิด ความรูส๎ กึ อารมณท์ ีด่ ีและไมดํ ีของตนเองและผ๎ูอน่ื ๔. อธบิ ายบคุ ลกิ ภาพของตนเองและรบั รู๎บุคลิกภาพของเพ่ือน ๕. รับได๎กบั บคุ ลกิ ภาพของตนเอง ๖. ยอมรับในส่งิ ท่ผี ูอ๎ ่นื เปน็ ด๎านบคุ ลิกภาพ ๗. พอใจในสิง่ ทีด่ ีของตนเองด๎านรํางกาย ความคดิ อารมณ์ และจิตใจ ๘. ช่นื ชมสิง่ ทด่ี ขี องผ๎อู ืน่ ด๎านรํางกาย ความคดิ อารมณ์ และจิตใจ ๙. ยอมรับส่งิ ทต่ี นเองมใี นดา๎ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน ๑๐. เข๎าใจผู๎อ่ืนในด๎านความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียน ๑๑. บอกลักษณะของอาชีพท่ีสนใจ ๑๒. บอกคณุ ลักษณะของตนเองทสี่ อดคลอ๎ งกบั อาชพี ที่สนใจ ๑๓. วเิ คราะหผ์ ลการเรยี นของตนแตลํ ะรายวชิ า ๑๔. ระบวุ ธิ ีการพฒั นารายวิชาทผี่ ลการเรยี นยังไมเํ ป็นท่พี อใจ ๑๕. มจี นิ ตนาการและมคี วามสามารถในการคดิ เชื่อมโยง ๑๖. มวี ิธผี อํ นคลายอารมณ์และความเครยี ดให๎กับตนเอง
๘๗ ๑๗. รูจ๎ ักแสดงความคิด ความร๎สู กึ ชื่นชมการกระทาทด่ี ีงามให๎ผอ๎ู ื่นรบั รู๎ ๑๘. มีมารยาทในการสอ่ื สารกบั ผู๎อ่ืน ๑๙. ชน่ื ชมความสาเรจ็ ความสามารถและการกระทาที่ดงี ามของผอู๎ ่ืนด๎วยคาพูด ภาษากาย และสญั ลักษณ์ ๒๐. ควบคมุ ความคิดและอารมณข์ องตนเองได๎ ๒๑. มีวิธีสรา๎ งความมั่นคงในอารมณข์ องตนเองไดอ๎ ยํางเหมาะสม รวมท้งั หมด ๒๑ ผลการเรียนรู้
๘๘ คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คาอธบิ ายรายวิชา รบั รก๎ู ารเปลี่ยนแปลงของราํ งกายตามวัย ระบบุ ุคลกิ ภาพที่ดแี ละไมํดีของตนเองและรับร๎ูบุคลิกภาพที่ดี และไมดํ ขี องเพอ่ื น ภมู ิใจในบคุ ลกิ ภาพด๎านดีของตน ช่ืนชมบคุ ลกิ ภาพด๎านดขี องผูอ๎ ื่น แสดงออกถึงความม่นั ใจในสิง่ ท่ีดขี องตนเอง ด๎านราํ งกาย ความคดิ อารมณ์ และจติ ใจ ร๎ูเทาํ ทันความคิด และอารมณข์ องตนเอง จดั การกับความคิดและอารมณ์ของตนเองได๎อยํางเหมาะสม บอกวชิ าทต่ี นเองถนัดอยาํ งมเี หตผุ ล รบั ร๎ูวชิ าที่เพ่อื นถนดั พรอ๎ มเหตผุ ล ภูมใิ จในคุณคาํ ของตนเองในดา๎ น ความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี น และอาชีพ ชื่นชมในคุณคําของผู๎อื่นในด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และอาชีพ บอกอาชีพท่ีตนสนใจ บอกคุณสมบัติของบุคคลที่ประกอบอาชีพ ศึกษาข๎อมูลด๎านอาชีพท่ีกว๎างและ ลกึ ซงึ้ มากขึ้น รบั รคู๎ วามคิด ความรสู๎ ึก อารมณข์ องผท๎ู ่ีตนคบหาสมาคม วิเคราะหผ์ ลการเรยี นของตนแตํละรายวชิ า และปรับปรงุ พฤตกิ รรมการเรยี นในรายวิชาทม่ี ผี ลการเรียนไมํเปน็ ท่ีพอใจ วพิ ากษ์ วิจารณ์ บนพน้ื ฐานของข๎อมูลสารสนเทศที่ถูกต๎อง การยุติข๎อขัดแย๎งในกลํุมเพื่อนด๎วยสันติวิธี อาสาทางานเพอ่ื สวํ นรวมและสงั คม รู๎จักปฏิเสธ ตอํ รอง และรอ๎ งขอความชวํ ยเหลือในสถานการณ์เส่ยี ง แสดงออก ถงึ พฤตกิ รรมทีด่ ใี นการอยํรู ํวมกบั ผ๎ูอนื่ ตลอดจนรับฟังและยอมรบั ความคดิ เหน็ ซ่งึ กนั และกนั ผลการเรียนรู้ 1. รับร๎กู ารเปล่ยี นแปลงของรํางกายตามวัย ๒. ระบุบคุ ลิกภาพทด่ี ีและไมดํ ีของตนเองและรับรู๎บคุ ลิกภาพท่ีดีและไมํดีของเพอ่ื น ๓. ภูมิใจในบุคลกิ ภาพดา๎ นดขี องตน ๔. ชืน่ ชมบคุ ลกิ ภาพดา๎ นดีของผ๎ูอนื่ ๕. แสดงออกถงึ ความม่ันใจในส่ิงทดี่ ีของตนเอง ดา๎ นรํางกาย ความคดิ อารมณ์ และจิตใจ ๖. รูเ๎ ทาํ ทนั ความคดิ และอารมณข์ องตนเอง ๗. จัดการกบั ความคดิ และอารมณข์ องตนเองไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม ๘. บอกวชิ าทีต่ นเองถนดั อยาํ งมีเหตุผล ๙. รับรวู๎ ิชาทเี่ พ่ือนถนดั พรอ๎ มเหตผุ ล ๑๐. ภูมิใจในคณุ คาํ ของตนเองในด๎านความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียน และอาชีพ ๑๑. ช่ืนชมในคุณคาํ ของผอู๎ นื่ ในด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี น และอาชีพ ๑๒. บอกอาชีพที่ตนสนใจ ๑๓. บอกคณุ สมบัติของบุคคลทีป่ ระกอบอาชพี ๑๔. ศึกษาข๎อมูลด๎านอาชพี ทีก่ ว๎างและลกึ ซึง้ มากข้นึ ๑๕. รบั รู๎ความคิด ความรส๎ู กึ อารมณข์ องผทู๎ ต่ี นคบหาสมาคม ๑๖. วเิ คราะหผ์ ลการเรียนของตนแตํละรายวิชาและปรบั ปรุงพฤตกิ รรมการเรยี นในรายวชิ าทมี่ ีผลการเรยี น ไมเํ ป็นทีพ่ อใจ ๑๗. วพิ ากษ์ วิจารณ์ บนพื้นฐานของขอ๎ มูลสารสนเทศทีถ่ ูกตอ๎ ง
๘๙ ๑๘. ยุติข๎อขัดแย๎งในกลุํมเพือ่ นดว๎ ยสนั ติวิธี ๑๙. อาสาทางานเพ่ือสวํ นรวมและสงั คม ๒๐. รู๎จักปฏเิ สธ ตอํ รอง และร๎องขอความชวํ ยเหลอื ในสถานการณเ์ ส่ยี ง ๒๑. แสดงออกถงึ พฤติกรรมที่ดีในการอยํูรวํ มกบั ผูอ๎ ื่น ๒๒. รับฟงั และยอมรับความคิดเห็นซึ่งกนั และกัน รวมทั้งหมด ๒๒ ผลการเรยี นรู้
๙๐ คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คาอธิบายรายวิชา รับรู๎ความคิด ความร๎ูสึก อารมณ์ของคูํสนทนา แสดงออกถึงความมั่นใจในคุณคําของตนเอง ด๎านความ สนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ เช่ือม่ันในคุณคําของผ๎ูอ่ืนด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ แสดงออกถึงความม่ันใจในบุคลิกภาพด๎านดีของตนเอง รวมทั้งเช่ือมั่นใน คุณคําของผอู๎ ื่นด๎านบคุ ลกิ ภาพ มีข๎อมูลโลกกว๎างทางด๎านการศึกษา มีแนวทางในการเลือกศึกษาตอํ พิจารณาความเหมาะสมของตน กับอาชีพที่สนใจ ระบุอาชีพท่ีตนเองสนใจ วิเคราะห์ผลการเรียนของตนแตํละรายวิชา โดยเฉพาะวิชาท่ีต๎องใช๎ ประเมนิ ระดบั ชาติ และการเรยี นตอํ ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน๎ และเรียนรเ๎ู พ่มิ เตมิ เพ่ือความพรอ๎ มในการเขา๎ เรียนตอํ ปฏิบัติตามกฎ กติกา และระเบียบของสังคม ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว โรงเรียน และ ประเทศชาติ มีวธิ สี ร๎างความมั่นคงในอารมณข์ องตนเองได๎อยาํ งเหมาะสม มีคุณธรรมท่ีเหมาะสมกับวัย เชํน ซ่ือสัตย์ กตญั ญูกตเวที เอือ้ เฟ้อื เผอื่ แผํ มีน้าใจ มจี ิตสานกึ เพือ่ สํวนรวม สามัคคี ฯลฯ มีจติ อาสา และทากิจกรรมทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ตํอสํวนรวม ร๎ูจกั วิธกี ารตัดสนิ ใจและแกป๎ ญั หาทถี่ กู ต๎อง ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทีท่ าแลว๎ มคี วามสขุ ผอ๎ู ่ืนไมเํ ดือดรอ๎ น ตลอดถงึ ใหค๎ วามรํวมมอื และทางานรํวมกับผ๎ูอืน่ ได๎อยาํ งสร๎างสรรค์ ผลการเรยี นรู้ 1. รบั รูค๎ วามคดิ ความรส๎ู กึ อารมณข์ องคํสู นทนา ๒. แสดงออกถงึ ความมั่นใจในคุณคําของตนเอง ด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และอาชีพ ๓. เชอ่ื ม่ันในคุณคาํ ของผู๎อนื่ ด๎านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนและอาชพี ๔. แสดงออกถึงความม่นั ใจในบุคลกิ ภาพด๎านดขี องตนเอง ๕. เชอ่ื มน่ั ในคุณคําของผู๎อ่ืนดา๎ นบุคลกิ ภาพ ๖. มขี ๎อมูลโลกกว๎างทางดา๎ นการศึกษา ๗. มแี นวทางในการเลอื กศึกษาตํอ ๘. พจิ ารณาความเหมาะสมของตนกับอาชีพที่สนใจ ๙. ระบอุ าชพี ทต่ี นเองสนใจ ๑๐. วิเคราะหผ์ ลการเรยี นของตนแตลํ ะรายวชิ า โดยเฉพาะวชิ าทต่ี อ๎ งใช๎ประเมนิ ระดบั ชาติ และการเรยี นตอํ ระดับมัธยมศึกษาตอนต๎น ๑๑. เรียนรูเ๎ พิ่มเติมเพ่อื ความพร๎อมในการเข๎าเรียนตํอ ๑๒. ปฏบิ ัตติ ามกฎ กตกิ า และระเบียบของสังคม ๑๓. ปฏบิ ัตติ นเปน็ สมาชกิ ทด่ี ีของครอบครวั โรงเรียน และประเทศชาติ ๑๔. มีวธิ สี รา๎ งความม่นั คงในอารมณ์ของตนเองไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม ๑๕. มีคุณธรรมที่เหมาะสมกับวัย เชํน ซ่ือสัตย์ กตัญญูกตเวที เอื้อเฟื้อเผ่ือแผํ มีน้าใจ มีจิตสานึกเพื่อ สํวนรวม สามัคคี ฯลฯ
๙๑ ๑๖. มีจิตอาสา และทากจิ กรรมทเี่ ปน็ ประโยชน์ตอํ สํวนรวม ๑๗. ร๎ูจกั วธิ กี ารตดั สนิ ใจและแกป๎ ญั หาท่ีถกู ต๎อง ๑๘. ปฏิบตั ิกิจกรรมทที่ าแลว๎ มคี วามสขุ ผ๎อู ื่นไมํเดือดร๎อน ๑๙. ใหค๎ วามรํวมมอื และทางานรํวมกบั ผอ๎ู น่ื ไดอ๎ ยาํ งสรา๎ งสรรค์ รวมท้ังหมด ๑๙ ผลการเรียนรู้
๙๒ กจิ กรรมแนะแนว วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ผ๎ูเรียนคน๎ พบความถนดั ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักและเห็นคุณคําในตนเองและ ผ๎ูอ่นื ๒. เพอ่ื ให๎ผู๎เรียนแสวงหาความรจ๎ู ากขอ๎ มลู ขาํ วสาร แหลํงเรยี นร๎ู ทงั้ ด๎านการศึกษา อาชพี สํวนตัว สังคม เพื่อนาไปใช๎ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได๎อยํางเหมาะสมสอดคล๎องกับศักยภาพ ของตนเอง ๓. เพอื่ ใหผ๎ เ๎ู รยี นไดพ๎ ฒั นาบุคลกิ ภาพ และรับตัวอยใํู นสังคมได๎อยํางมีความสขุ ๔. เพอื่ ใหผ๎ ู๎เรียนมีความรู๎ มที กั ษะ มคี วามคดิ สรา๎ งสรรค์ ในงานอาชพี และมเี จตคติท่ดี ตี ํออาชพี สุจรติ ๕. เพ่ือให๎ผู๎เรียนมคี าํ นิยมท่ีดีงามในการดาเนินชวี ติ สรา๎ งเสริมวินัย คุณธรรมและจริยธรรมแกนํ กั เรียน ๖. เพอ่ื ใหผ๎ ๎ูเรยี นมีจติ สานึกในการรบั ผิดชอบตอํ ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ แนวการจดั กจิ กรรม โรงเรยี นบา๎ นแพะ ได๎จัดกิจกรรมแนะแนวเพือ่ ชํวยเหลอื และพฒั นาผ๎ูเรยี น ดังน้ี ๑. จัดกิจกรรมเพ่ือให๎ครูได๎ร๎ูจักและชํวยเหลือผู๎เรียนมากข้ึน โดยใช๎กระบวนการทางจิตวิทยา การ จัดบริการสนเทศ โดยให๎มีเอกสารเพ่ือใช๎ในการสารวจข๎อมูลเกี่ยวกับตัวผู๎เรียน ด๎วยการสังเกต สมั ภาษณ์ การใช๎แบบสอบถาม การเขียนประวัติ การพบผู๎ปกครองกํอนและระหวํางเรียน การ เย่ียมบ๎านนักเรียน การให๎ความชํวยเหลือผู๎เรียนเร่ืองสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทาระเบียน สะสม สมดุ รายงานประจาตัวนกั เรยี น และบตั รสุขภาพ ๒. การจดั กิจกรรมพฒั นาวุฒภิ าวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพอ่ื รจ๎ู ักและเข๎าใจตนเอง มีทักษะ ในการตัดสนิ ใจ การปรบั ตวั การวางแผนเพอ่ื เลอื กศึกษาตํอ เลือกอาชีพ ๓. การจัดบริการให๎คาปรึกษาแกํผ๎ูเรียนรายบุคคล และรายกลํุม ในด๎านการศึกษา อาชีพ และ สวํ นตวั โดยมีผ๎ูให๎คาปรึกษาทม่ี คี ุณวุฒิ และมคี วามเชี่ยวชาญในเร่ืองการให๎คาปรึกษา ตลอดจนมี หอ๎ งใหค๎ าปรึกษาทีเ่ หมาะสม ๓.๑ ชวํ ยเหลือผู๎เรียนท่ีประสบปัญหาดา๎ นการเงิน โดยการให๎ทนุ การศกึ ษาแกํผเ๎ู รยี น ๓.๒ ติดตามเกบ็ ข๎อมูลของนักเรยี นทีส่ าเรจ็ การศกึ ษา ๒. กิจกรรมนกั เรียน เปน็ กิจกรรมท่ีมงํุ พัฒนาระเบียบวินัย ความเป็นผู๎นา ผ๎ูตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทางานรํวมกนั รจ๎ู ักแกป๎ ญั หา การตัดสนิ ใจที่เหมาะสม ความมีเหตผุ ล การชํวยเหลือแบํงปันเอ้ืออาทรและ สมานฉนั ท์ โดยจดั ให๎สอดคลอ๎ งกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู๎เรียน ให๎ไดป๎ ฏบิ ตั ดิ ๎วยตนเอง ในทุกขั้นตอน ได๎แกํ การศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผนประเมินและปรับปรุงการทางานเน๎นการ ทางานรวมกนั เป็นกลมํุ ตามความเหมาะสมและสอดคลอ๎ งกับวฒุ ภิ าวะของผ๎ูเรียนและบริบทของสถานศึกษาและ ทอ๎ งถิน่ กจิ กรรมนกั เรยี น ประกอบด๎วย 2.1 กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี นกั เรียนทุกคนตอ๎ งเขา๎ รํวม กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ๓๐ ชั่วโมงตอํ ปีการศึกษา
๙๓ คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เตรยี มลกู เสือสารองและลกู เสอื สารอง (ดาวดวงที่ ๑) กิจกรรมนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เวลา ๓๐ ชัว่ โมง คาอธบิ ายรายวชิ า เปิดประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสอื และจดั กิจกรรมโดยให๎ศกึ ษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นร๎ู โดยเน๎นระบบหมํู และปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามคาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื สารอง เรยี นรู๎จากการคิดและปฏิบตั จิ ริง ใช๎สญั ลกั ษณ์สมาชกิ ลกู เสอื สารองทม่ี ีความเปน็ เอกลกั ษณ์รวํ มกัน ศึกษา ธรรมชาตใิ นชุมชนดว๎ ยความสนใจ ใฝุรู๎ ตามวิถเี ศรษฐกจิ พอเพยี ง สรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ปิดประชุมกอง ใน เรอ่ื งตํอไปนี้ 1. เตรียมลกู เสอื สารอง นิยายเมาคลี ประวตั ิการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมํู (แกรนด์ฮาวล์) การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจบั มือซ๎าย ระเบยี บแถวเบ้อื งตน๎ คาปฏญิ าณ กฎและคติพจน์ของลกู เสอื สารอง 2. ลูกเสอื สารองดาวดวงท่ี 1 อนามัย ความสามารถเชิงทกั ษะ การสารวจ การค๎นหาธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศตาํ ง ๆ การฝมี ือ กิจกรรมกลางแจ๎ง การบนั เทิง การผกู เงื่อน คาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื สารอง เพือ่ ให๎มีความร๎ู ความเขา๎ ใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ 1 สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลูกเสอื สารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพึ่งตนเอง มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผู๎อืน่ รูจ๎ กั บาเพญ็ ตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ รจู๎ กั ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมตําง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและสํงเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมั่นคงของ ชาติ และสามารถ ประยุกตใ์ ชป๎ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มีนสิ ยั ในการสังเกต จดจา เช่ือฟงั และพง่ึ พาตนเองได๎ 2. มคี วามซอ่ื สัตย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บวินัยและเหน็ อกเห็นใจผอ๎ู น่ื 3. บาเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนการทากิจกรรมตาํ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รกั ษาและสํงเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาทอ๎ งถ่นิ และความมั่นคงของชาติ 6. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ๎ ม ลดภาวะโลกรอ๎ น และสามารถประยกุ ต์ใชป๎ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได๎ รวมทงั้ หมด ๖ ผลการเรยี นรู้
๙๔ คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ลูกเสือสารอง (ดาวดวงท่ี ๒) กิจกรรมนักเรียน ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๓๐ ช่วั โมง คาอธิบายรายวชิ า เปดิ ประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นร๎ู โดยเนน๎ ระบบหมํู และปฏิบตั ติ ามคาปฏิญาณ คตพิ จน์ และกฎของลูกเสอื สารอง เรียนร๎ูจากการคิดและปฏิบัติจริง ใช๎สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองที่มีความเป็นเอกลักษณ์รํวมกัน ศึกษา ธรรมชาติในชุมชนดว๎ ยความสนใจ ใฝรุ ๎ู ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ใน เรื่องตอํ ไปนี้ ลกู เสอื สารองดาวดวงที่ 2 นิยายเมาคลี ประวัติการเรม่ิ กิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมูํ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ๎าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสารอง อนามยั ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การคน๎ หาธรรมชาติ การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรในชุมชนทอ๎ งถน่ิ ความปลอดภัย บริการ การผกู เงื่อน ธงและประเทศตําง ๆ การฝีมือทใ่ี ช๎วสั ดเุ หลอื ใช๎ในทอ๎ งถิ่น กจิ กรรมกลางแจ๎ง การบนั เทงิ ท่ีสงํ เสริม สขุ ภาพกาย สุขภาพจิต และอนรุ ักษ์ภมู ิปญั ญาท๎องถ่ิน อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอ๎ ม ลดภาวะโลกร๎อน เพอ่ื ให๎มคี วามรู๎ ความเขา๎ ใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ 2 สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคตพิ จน์ของลกู เสอื สารอง มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟัง และพง่ึ ตนเอง มีความซอื่ สตั ย์สุจรติ มีระเบยี บวนิ ัย และเหน็ อกเห็นใจ รจ๎ู ักบาเพญ็ ตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ร๎จู กั ทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมตําง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและสงํ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดล๎อม ความม่นั คงของชาติ และสามารถประยกุ ตใ์ ช๎ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ 1. มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพงึ่ พาตนเองได๎ 2. มคี วามซือ่ สัตย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บวินยั และเห็นอกเห็นใจผอ๎ู ่นื 3. บาเพญ็ ตนเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมอื และฝกึ ฝนการทากิจกรรมตําง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รกั ษาและสงํ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ๎ งถนิ่ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ๎ ม ลดภาวะโลกรอ๎ น และสามารถประยกุ ตใ์ ชป๎ รชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได๎ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้
๙๕ คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ลูกเสือสารอง (ดาวดวงที่ ๓) กจิ กรรมนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ เวลา ๓๐ ชว่ั โมง คาอธิบายรายวชิ า เปดิ ประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นร๎ู โดยเนน๎ ระบบหมํู และปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณ คตพิ จน์ และกฎของลูกเสอื สารอง เรียนร๎ูจากการคิดและปฏิบัติจริง ใช๎สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสารองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์รํวมกัน ศึกษา ธรรมชาติในชุมชนดว๎ ยความสนใจ ใฝุร๎ู ตามวถิ เี ศรษฐกจิ พอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ใน เรื่องตอํ ไปน้ี ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ นิยายเมาคลี ประวัตกิ ารเร่มิ กิจการลูกเสอื การทาความเคารพหมํู (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ๎าย ระเบียบแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสารอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ การค๎นหาธรรมชาติ การอนรุ ักษ์ทรพั ยากรในชุมชนทอ๎ งถนิ่ ความปลอดภัย บริการ การผกู เงื่อน ธงและประเทศตําง ๆ การฝีมอื ทใี่ ชว๎ สั ดุเหลอื ใช๎ในทอ๎ งถน่ิ กิจกรรมกลางแจง๎ การบันเทิงทส่ี งํ เสริม สขุ ภาพกาย สุขภาพจิต และอนรุ ักษ์ภมู ิปญั ญาท๎องถน่ิ อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิง่ แวดลอ๎ ม ลดภาวะโลกรอ๎ น เพอ่ื ให๎มคี วามร๎ู ความเขา๎ ใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคตพิ จนข์ องลกู เสอื สารอง มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟัง และพึง่ ตนเอง มีความซ่อื สัตยส์ จุ รติ มรี ะเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจ รจ๎ู ักบาเพญ็ ตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ รจ๎ู กั ทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมตําง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและสงํ เสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท๎องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล๎อม ความม่นั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ชป๎ รัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ 1. มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชื่อฟงั และพงึ่ พาตนเองได๎ 2. มคี วามซือ่ สัตย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจผอ๎ู ืน่ 3. บาเพญ็ ตนเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนการทากจิ กรรมตาํ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รกั ษาและสํงเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ๎ งถิน่ และความม่นั คงของชาติ 6. อนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล๎อม ลดภาวะโลกร๎อน และสามารถประยกุ ต์ใชป๎ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได๎ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้
๙๖ คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ลูกเสือสามัญ (ลูกเสือตร)ี กจิ กรรมนกั เรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๓๐ ชัว่ โมง อธิบายรายวชิ า เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู๎ โดยเน๎นระบบหมํู และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลกู เสือสามญั เรียนร๎จู ากการคดิ และปฏิบตั ิจรงิ ใช๎สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์รํวมกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชมุ ชนด๎วยความสนใจ ใฝุรู๎ ตามวถิ เี ศรษฐกจิ พอเพยี ง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปดิ ประชมุ กอง ในเรอ่ื งตํอไปนี้ ความรเู๎ ก่ียวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวตั สิ งั เขปของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล๎าเจ๎าอยํูหัว วิวัฒนาการของกระบวนการลูกเสือไทยและ ลูกเสอื โลก การทาความเคารพ การแสดงรหสั การจับมอื ซา๎ ย กิจกรรมกลางแจ๎ง ระเบียบแถว ทํามือเปลํา ทําถือ ไมพ๎ ลอง การใช๎สัญญาณมอื และนกหวีด การตั้งแถวและการเรียกแถว การใชท๎ ักษะในทางวชิ าลกู เสอื การรจู๎ กั ดแู ล ตนเอง การชํวยเหลือผอ๎ู ่นื การเดินทางไปยงั สถานทต่ี ําง ๆ การทางานอดเิ รกและเร่อื งทส่ี นใจ เพอื่ ให๎มีความรู๎ ความเขา๎ ใจในกจิ กรรมลกู เสอื สามญั สามารถปฏบิ ตั ติ ามคาปฏิญาณ กฎ และคตพิ จน์ของ ลกู เสือสามญั มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพงึ่ ตนเอง มคี วามซ่อื สัตยส์ จุ รติ มีระเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจ ผ๎ูอ่ืน บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมตําง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและสํงเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของชาติ และ สามารถประยกุ ตใ์ ช๎ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ 1. มีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟังและพง่ึ พาตนเองได๎ 2. มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต มรี ะเบียบวนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผอ๎ู น่ื 3. บาเพ็ญตนเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนการทากิจกรรมตาํ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสงํ เสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาท๎องถน่ิ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล๎อม ลดภาวะโลกร๎อน และสามารถประยกุ ตใ์ ชป๎ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงได๎ รวมทั้งหมด ๖ ผลการเรียนรู้
๙๗ ลกู เสอื สามัญ (ลูกเสือโท) คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ กจิ กรรมนกั เรยี น เวลา ๓๐ ชว่ั โมง คาอธิบายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนร๎ู โดยเน๎นระบบหมํู และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลกู เสอื สามญั เรียนรจ๎ู ากการคดิ และปฏบิ ตั จิ รงิ ใช๎สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์รํวมกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชมุ ชนด๎วยความสนใจ ใฝุรู๎ ตามวถิ เี ศรษฐกิจพอเพยี ง สรุปผลและปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ปิดประชุมกอง ในเรื่องตอํ ไปน้ี ความร๎เู ก่ียวกบั กระบวนการลูกเสือ ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวัติสังเขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล๎าเจา๎ อยหํู วั ววิ ัฒนาการของกระบวนการลูกเสือไทยและ ลกู เสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจับมอื ซา๎ ย กจิ กรรมกลางแจ๎ง ระเบยี บแถว ทํามือเปลํา ทําถือ ไมพ๎ ลอง การใช๎สญั ญาณมอื และนกหวีด การต้งั แถวและการเรียกแถว การใช๎ทกั ษะในทางวิชาลกู เสอื การรูจ๎ ักดูแล ตนเอง การชวํ ยเหลือผ๎ูอ่ืน การเดนิ ทางไปยังสถานที่ตาํ ง ๆ การทางานอดิเรกและเรือ่ งท่ีสนใจ เพอ่ื ให๎มีความรู๎ ความเข๎าใจในกจิ กรรมลูกเสอื สามัญ สามารถปฏบิ ตั ิตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสอื สามัญ มนี สิ ยั ในการสงั เกต จดจา เช่ือฟงั และพึ่งตนเอง มคี วามซ่ือสัตยส์ ุจริต มรี ะเบียบวินยั และเหน็ อกเห็นใจ ผู๎อ่ืน บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมตําง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและสํงเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของชาติ และ สามารถประยุกต์ใชป๎ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟงั และพง่ึ พาตนเองได๎ 2. มคี วามซื่อสัตย์ สจุ รติ มรี ะเบียบวินัยและเหน็ อกเห็นใจผอ๎ู ่ืน 3. บาเพญ็ ตนเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝมี ือและฝกึ ฝนการทากจิ กรรมตาํ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รกั ษาและสํงเสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาทอ๎ งถ่นิ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล๎อม ลดภาวะโลกรอ๎ น และสามารถประยกุ ต์ใชป๎ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงได๎ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้
๙๘ คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ลกู เสือสามัญ (ลกู เสือเอก) กจิ กรรมนกั เรียน ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๓๐ ช่ัวโมง คาอธิบายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู๎ โดยเน๎นระบบหมูํ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลกู เสือสามัญ เรยี นร๎จู ากการคิดและปฏบิ ตั จิ รงิ ใช๎สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์รํวมกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชมุ ชนด๎วยความสนใจ ใฝุรู๎ ตามวถิ ีเศรษฐกจิ พอเพยี ง สรุปผลและปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ปิดประชมุ กอง ในเรอื่ งตอํ ไปน้ี ความร๎ูเกยี่ วกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวตั สิ งั เขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล๎าเจา๎ อยหํู วั ววิ ัฒนาการของกระบวนการลูกเสือไทยและ ลกู เสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหสั การจับมือซ๎าย กิจกรรมกลางแจ๎ง ระเบียบแถว ทํามือเปลํา ทําถือ ไมพ๎ ลอง การใชส๎ ัญญาณมือและนกหวีด การตง้ั แถวและการเรยี กแถว การใช๎ทกั ษะในทางวิชาลกู เสอื การรูจ๎ กั ดูแล ตนเอง การชวํ ยเหลือผ๎ูอนื่ การเดินทางไปยังสถานท่ตี าํ ง ๆ การทางานอดเิ รกและเร่ืองท่สี นใจ เพื่อให๎มีความร๎ู ความเขา๎ ใจในกจิ กรรมลูกเสอื สามญั สามารถปฏิบัตติ ามคาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ ลูกเสอื สามญั มีนิสยั ในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพ่งึ ตนเอง มีความซือ่ สัตย์สจุ รติ มีระเบยี บวินัย และเห็นอกเห็นใจ ผ๎ูอื่น บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมตําง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและสํงเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคงของชาติ และ สามารถประยุกต์ใช๎ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรียนรู้ 1. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจา เช่ือฟงั และพงึ่ พาตนเองได๎ 2. มีความซื่อสตั ย์ สจุ รติ มรี ะเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผอู๎ ่ืน 3. บาเพ็ญตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝมี ือและฝกึ ฝนการทากิจกรรมตําง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสงํ เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ๎ งถิน่ และความมั่นคงของชาติ 6. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ๎ ม ลดภาวะโลกร๎อน และสามารถประยกุ ตใ์ ชป๎ รัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได๎ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้
๙๙ กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ผ๎ูเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑-๖ ทุกคน ได๎ฝึกอบรมวิชาลูกเสือ เนตรนารี เพื่อสํงเสริม หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สํงเสริมความสามั คคี มีวินัย และ บาเพ็ญประโยชนต์ อํ สังคม โดยดาเนนิ การจดั กจิ กรรมตามขอ๎ กาหนดของคณะกรรมการลูกเสอื แหํงชาติ วัตถุประสงค์ พระราชบญั ญัตลิ กู เสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได๎กาหนดวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม เพ่ือพัฒนา ลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรมให๎เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชํวยสร๎างสรรค์ สังคม เพ่ือใหเ๎ กดิ ความสามคั คี และความเจริญกา๎ วหน๎า ท้งั น้เี พ่อื ความสงบสขุ และความม่ังคงของประเทศชาติ ตามแนวทางดงั ตํอไปน้ี ๑. ใหม๎ ีนสิ ยั ในการสังเกต จดจา เชือ่ ฟงั และพง่ึ ตนเอง ๒. ใหม๎ คี วามซอ่ื สัตยส์ ุจรติ มีระเบยี บวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ๎อู ่ืน ๓. ใหร๎ ู๎จักบาเพญ็ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์ ๔. ให๎รู๎จกั ทาการฝีมอื และฝึกฝนการทากจิ กรรมตํางๆตามความเหมาะสม ๕. ใหร๎ จ๎ู ักรกั ษาและสํงเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม และความม่ังคงชองชาติ แนวการจัดกิจกรรม กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๓ เปิดประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบานการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให๎ศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน๎นระบบหมํู สรุปผลการปฏิบตั กิ จิ กรรม ปิดประชมุ กอง โดยให๎ผเ๎ู รยี นศกึ ษา และฝึกปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑. เตรยี มลกู เสอื สารอง นิยายเรอื่ งเมาคลี ประวตั กิ ารเริ่มกจิ กรรมลกู เสอื สารอง การทาความเคารพ เป็นหมูํ (แกรนด์ฮาวล)์ การทาความเคารพเปน็ รายบุคคล การจบั มือซ๎าย ระเบยี บแถวเบอื้ งตน๎ คา ปฏิญาณ กฎ และคตพิ จน์ของลกู เสือสารอง ๒. ลูกเสอื สารองดาวดวงท่ี ๑ , ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การค๎นหา ธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธง และประเทศตํางๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ๎ง การ บันเทิง การผูกเง่ือน คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือสารองโดยใช๎กระบานการทางาน กระบวนการแก๎ปญั หา กระบวนการกลํุม กระบวนการจัดการ กระบวนการคิดริเริ่ม สร๎างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติ ทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิปัญญาท๎องถิ่นได๎อยําง เหมาะสม เพื่อใหม๎ ีความร๎ู ความเข๎าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสอื สารอง มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟงั และพึง่ ตนเอง ซือ่ สัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอก เห็นใจผอู๎ น่ื บาเพ็ญตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ ร๎ูจักทาการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ท้ังน้ีโดยไมํ เกีย่ วขอ๎ งกับลัทธทิ างการเมืองใดๆ สนใจและอนุรกั ษธ์ รรมชาติและสง่ิ แวดลอ๎ ม นาไปใชใ๎ นชีวิตประจาวนั ไดอ๎ ยําง มปี ระสทิ ธิภาพ กิจกรรมลกู เสอื - เนตรนารี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔-๖ เปดิ ประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสอื และจัดกจิ กรรมให๎ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเนน๎ ระบบหมํู สรปุ การปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให๎ผ๎ูเรียนศึกษา และปฏิบัตใิ นเร่อื ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115