Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์ ป.6 เล่ม1 ร่างกายของเรา

วิทยาศาสตร์ ป.6 เล่ม1 ร่างกายของเรา

Published by moungpok207, 2020-05-02 05:43:37

Description: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.6 เล่ม1 หน่วย2_ร่างกายของเรา

Search

Read the Text Version

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เล่ม 1 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 Slide PowerPoint_ส่อื ประกอบการสอน บริษัท อักษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทร./แฟกซ์. : 0 2622 2999 (อตั โนมตั ิ 20 คูส่ ำย) [email protected] / www.aksorn.com

2หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ร่างกายของเรา ตวั ชวี้ ัด • ระบสุ ำรอำหำรและบอกประโยชนข์ องสำรอำหำรแต่ละประเภทจำกอำหำรที่ตนเองรบั ประทำน • บอกแนวทำงในกำรเลอื กรับประทำนอำหำรให้ไดส้ ำรอำหำรครบถว้ น ในสดั ส่วนทเี่ หมำะสมกับเพศและวยั รวมท้ังควำมปลอดภยั ตอ่ สุขภำพ • ตระหนกั ถึงควำมสำคญั ของสำรอำหำร โดยกำรเลือกรับประทำนอำหำรทม่ี สี ำรอำหำรครบถ้วนในสดั สว่ นท่เี หมำะสมกบั เพศและวยั รวมทัง้ ปลอดภยั ต่อสขุ ภำพ • สร้ำงแบบจำลองระบบยอ่ ยอำหำร และบรรยำยหนำ้ ท่ีของอวัยวะในระบบยอ่ ยอำหำร รวมทง้ั อธบิ ำยกำรยอ่ ยอำหำรและกำรดูดซึมสำรอำหำร • ตระหนักถงึ ควำมสำคัญของระบบย่อยอำหำร โดยกำรบอกแนวทำงในกำรดแู ลรักษำอวยั วะในระบบยอ่ ยอำหำรใหท้ ำงำนเปน็ ปกติ

ทาไมนกั เรียน จึงควรเลือกรบั ประทานอาหารใหไ้ ด้รบั สารอาหารครบถว้ น ? ในปรมิ าณที่เหมาะสมกับเพศและวัยของตนเอง

การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายมนุษย์ วยั ทารก วัยก่อนเรยี น วยั เรียน วยั ร่นุ วัยหนุ่มสาว วยั กลางคน วัยสงู อายุ 0 − 1 ปี 1 − 6 ปี 7 − 12 ปี 13 − 19 ปี 20 − 39 ปี 40 − 59 ปี 60 ปขี ึ้นไป วัยเด็ก วยั ร่นุ วัยผู้ใหญ่

วยั ทารก วยั เด็ก ช่วงอายุ ฟันนา้ นมเร่มิ ข้ึนเม่ืออายปุ ระมาณ 5 – 6 เดอื น ผวิ หนังออ่ นน่มุ ส่วนใหญ่มสี ชี มพู 0 − 1 ปี มีกลา้ มเนอื้ น้อย แขนและขางออยู่เกอื บตลอด

วัยก่อนเรียน วยั เด็ก ชว่ งอายุ รปู รา่ งค่อยๆ ยืดตวั ออก ใบหน้าและศรี ษะจะ เล็กลง เมื่อเทียบกบั ขนาดตวั 1 − 6 ปี ความสูงเฉลย่ี เพ่มิ ข้นึ ประมาณปลี ะ 7.5 เซนตเิ มตร แขน ขา ลาตวั และคอเรียวยาวขนึ้ อกและไหล่ กวา้ งขึน้ มือกบั เท้าใหญแ่ ละแข็งแรงขน้ึ

วยั เรยี น วยั เด็ก ชว่ งอายุ ฟันนา้ นมเริ่มหลดุ มฟี นั แทง้ อกข้นึ มาแทนที่ สว่ นสูงเพิ่มข้นึ ประมาณ 4 - 5 เซนตเิ มตรตอ่ ปี 7 − 12 ปี น้าหนกั ตัวเพ่มิ ข้ึนประมาณ 2 – 3 กโิ ลกรัม

วยั รนุ่ วยั รุ่น ชว่ งอายุ เพศชายเรม่ิ มีหนวดเครา เสียงห้าว ช่วงแรกเพศหญงิ จะมนี ้าหนกั และสว่ นสงู 13 − 19 ปี มากกวา่ เพศชาย เพศหญิงเรม่ิ มปี ระจาเดอื น แขน ขา เร่มิ ยาวขน้ึ

วยั หนมุ่ สาว วยั ผู้ใหญ่ ชว่ งอายุ เพศชายไหล่กวา้ ง ขนาดของตน้ แขนเพ่มิ ข้ึน เพศชายและเพศหญิง มพี ฒั นาการของรา่ งกาย 20 − 39 ปี อย่างเตม็ ที่ เพศหญงิ เต้านมและสะโพกเจรญิ เตม็ ท่ี

วัยกลางคน วยั ผใู้ หญ่ ชว่ งอายุ ผวิ เรม่ิ ไม่เตง่ ตึง เคล่อื นไหวเร่มิ ช้าลง นา้ หนกั ตวั เพ่มิ ข้ึน 40 − 59 ปี สายตาเริ่มยาว หเู ริ่มตงึ เส้นผมเริม่ หงอก

วัยสูงอายุ วยั ผู้ใหญ่ ช่วงอายุ ผิวหนงั แตกแหง้ และเหี่ยวยน่ ผมเร่มิ เปล่ยี นเปน็ สีขาวและหลุดรว่ ง 60 ปีขึ้นไป สมองเริม่ เสอ่ื ม กลา้ มเนอ้ื ลบี กระดูกเปราะ

วิธีการตดิ ตามการเจริญเติบโตของตนเอง ช่ังนา้ หนกั และวดั ส่วนสูงของตนเองสมา่ เสมอ อย่างน้อยปีละ 2 ครงั้ สารวจและจดบนั ทกึ การเปล่ียนแปลงทางร่างกายตนเอง และนามาเปรียบเทียบกับเกณฑม์ าตรฐาน สังเกตหรอื สอบถามเพื่อนในวยั เดียวกัน เพือ่ เปรียบเทียบการ เจรญิ เตบิ โตของตนเองกบั เพอื่ น ควรเขา้ รบั การตรวจสขุ ภาพประจาปี

สารอาหารท่จี าเปน็ ตอ่ การเจรญิ เติบโตของรา่ งกาย แกงจดื เต้าหูห้ มสู บั ยาวนุ้ เส้น ปลาทอด อาหาร หมายถึง สง่ิ ที่เรารับประทาน เขา้ ไปในร่างกายได้อยา่ งปลอดภัย และมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกาย ต้มยากุ้ง ผัดผักรวมมติ ร ตม้ ข่าไก่ น้าพริก-ปลาทู ขา้ วผัด แกงเขียวหวานไก่

อาหารหลกั 1หมู่ท่ี 2หมทู่ ี่ เน้อื สัตว์ นม ไข่ ถั่วชนดิ ตา่ งๆ ข้าว แปง้ เผอื ก มนั น้าตาล และอาหารแปรรูปจากแป้ง 3หมู่ท่ี 5หมทู่ ่ี พชื ผกั ชนดิ ต่างๆ ไขมันและน้ามนั จากพชื หรอื สัตว์ 4หมู่ที่ ผลไม้ชนดิ ตา่ ง ๆ หมู่

สารอาหารมี 6 ประเภท ไดแ้ ก่ น้า เกลือแร่ โปรตีน วิตามิน คาร์โบไฮเดรต เนย ไขมนั



สารอาหารประเภท คารโ์ บไฮเดรต ใหพ้ ลังงาน ประโยชน์ ให้พลังงานแก่ร่างกายในการทากิจกรรมตา่ งๆ ให้ความอบอนุ่ แกร่ ่างกาย ใหพ้ ลังงานเพอ่ื ทากิจกรรม

สารอาหารประเภท โปรตีน ให้พลังงาน ประโยชน์ สร้างเซลลก์ ลา้ มเน้ือและเนื้อเยอ่ื กระดูก ซ่อมแซมสว่ นที่สกึ หรอ ช่วยเสรมิ สรา้ งภูมิต้านทานให้ร่างกาย สรา้ งภมู ิตา้ นทานตอ่ เช้อื โรค

สารอาหารประเภท ไขมนั ให้พลังงาน ประโยชน์ ให้ความอบอนุ่ แกร่ า่ งกาย เป็นตัวทาละลายวติ ามิน A D E และ K โทษของไขมนั หากรา่ งกายไดร้ บั ไขมันมากเกนิ ไป อาจจะทาให้เกดิ ภาวะโรคอ้วน

สารอาหารประเภท วติ ามิน ไมใ่ หพ้ ลังงาน ประโยชน์ ช่วยควบคุมการทางานของรา่ งกายใหป้ กติ ช่วยสรา้ งภมู ิต้านทานโรคตา่ งๆ ชว่ ยให้ร่างกายเจรญิ เตบิ โตและมีสุขภาพดี ช่วยให้รา่ งกายทางานไดเ้ ปน็ ปกติ

ช่วยทำให้กล้ำมเน้อื ทำงำนได้ดแี ละ B1 A ช่วยบำรงุ สำยตำและช่วยบำรงุ ช่วยปอ้ งกนั โรคเหน็บชำ ประเภทของวิตามิน D และผิวพรรณ หากขาดจะทาให้เป็นโรคเหนบ็ ชา B2 วติ ามิน วติ ามนิ หากขาดจะทาให้ผมร่วง ผวิ หนังแหง้ เป็นสะเกด็ ชว่ ยป้องกนั โรคปำกนกกระจอกและ ที่ละลาย ท่ลี ะลาย ช่วยป้องกันกำรอกั เสบที่ตำและปำก ช่วยให้กระดูกและฟันแขง็ แรงและ หากขาดจะทาใหร้ มิ ฝปี ากแห้ง ในนา้ ในไขมัน E ทำใหเ้ ปน็ โรคกระดูกอ่อน ลนิ้ แตก ตามัว CK หากขาดจะทาใหร้ า่ งกาย เจริญเติบโตช้า ช่วยป้องกันโรคเลอื ดออกตำมไรฟนั และ ทำใหร้ ะบบขับถ่ำยทำงำนไดด้ ี ชว่ ยควบคุมกำรทำงำนของระบบ หากขาดจะทาให้เลอื ดออกตามไรฟัน สืบพันธุ์ เหงือกบวม หากขาดอาจทาให้เปน็ หมัน และ มีบุตรยาก ชว่ ยทำให้เลือดแขง็ ตัว เพอ่ื ห้ำมเลือด ท่ีไหลออกจำกบำดแผล หากขาดจะทาใหเ้ ลือดแข็งตวั ชา้ เมอ่ื มแี ผล

สารอาหารประเภท เกลือแร่ ไม่ใหพ้ ลงั งาน ประโยชน์ ช่วยควบคมุ การทางานของรา่ งกายใหป้ กติ ช่วยชะลอความเส่ือมของรา่ งกาย ชว่ ยให้รา่ งกายเจริญเตบิ โตและมสี ุขภาพดี ชว่ ยชะลอความเสอื่ มของรา่ งกาย

เกลอื แร่ทค่ี วรรจู้ กั ประโยชน์ ผลจากการขาด แคลเซยี มCa • เสริมสรา้ งกระดกู และฟันใหแ้ ข็งแรง • ทาใหเ้ ปน็ โรคกระดูกออ่ น • ช่วยในการทางานของกลา้ มเน้อื และ กระดกู เปราะและหักงา่ ย ประสาท ฟนั ผุ P ฟอสฟอรสั ประโยชน์ ผลจากการขาด • ทาหน้าท่รี ่วมกับแคลเซียมในการ • มอี าการต่างๆ คลา้ ยกบั สรา้ งกระดกู และฟนั การขาดแคลเซยี ม เหลก็ ประโยชน์ ผลจากการขาด Fe • เปน็ ส่วนประกอบสาคญั ของสาร • ทาใหเ้ ป็นโรคโลหติ จาง เฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ออ่ นเพลียและเหนอ่ื ยงา่ ย

เกลือแร่ท่ีควรรู้จัก ไอโอดีน ประโยชน์ ผลจากการขาด I • ควบคมุ การเผาผลาญอาหารใหเ้ กดิ • ทาใหเ้ ป็นโรคคอพอก พลังงาน ประโยชน์ ผลจากการขาด โซเดียมNa • ควบคุมความสมดลุ ของน้าภายใน • ทาให้รา่ งกายออ่ นเพลยี และภายนอกเซลล์ ความดันโลหติ ต่าและเปน็ ตะคริวงา่ ย F ฟลอู อไรด์ ประโยชน์ ผลจากการขาด • เปน็ สารเคลอื บฟันป้องกันฟนั ผุ • ทาให้ฟันผุงา่ ย

สารอาหารประเภท นา้ ไมใ่ ห้พลังงาน ประโยชน์ ช่วยในการขับถา่ ยของเสยี เป็นส่วนประกอบของอวัยวะและสว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย ช่วยลาเลียงสารในร่างกาย ควบคมุ อณุ หภูมิร่างกายให้คงท่ี ช่วยให้การขับถ่ายของเสียดขี ้ึน

สัดส่วนอาหารและพลังงานทร่ี ่างกายต้องการ แผนภูมแิ ทง่ แสดงความต้องการพลงั งานที่ควรได้รับใน 1 วัน (สาหรับคนไทย) กิโลแคลอรี (Kcal) 2500 − อายุ (ป)ี 2400 − 2300 − 2200 − 2100 − 2000 − 1900 − 1800 − 1700 − 1600 − 1500 − 1400 − 1300 − 1200 − 1000 − 13 45 68 9 12 13 15 16 18 9 12 13 15 16 18 19 30 31 50 51 70 71 ปีขน้ึ ไป 19 30 31 50 51 70 71 ปีขน้ึ ไป เด็กเล็ก วยั รุน่ ชาย วยั รุน่ หญงิ เพศชาย เพศหญงิ

เมอ่ื เราได้รับพลงั งานนอ้ ยหรอื มากเกินไป พลงั งานทีไ่ ด้รบั นอ้ ยกว่าพลังงานทต่ี ้องการ พลงั งานทไ่ี ด้รบั มากกว่าพลังงานที่ตอ้ งการ ปริมาณพลงั งาน ปรมิ าณพลังงาน ท่ีร่างกายตอ้ งการ ทร่ี า่ งกายไดร้ บั ปริมาณพลังงาน ปรมิ าณพลงั งาน ท่รี า่ งกายได้รบั ที่รา่ งกายตอ้ งการ พลงั งานท่ีนอ้ ยกว่าความตอ้ งการของร่างกายจะ พลังงานท่ีมากเกินความต้องการของร่างกายจะถูก ทาให้รสู้ กึ ออ่ นเพลีย มึนงง ไมส่ ดชนื่ และไม่มแี รง สะสมในรปู ของไขมนั ซึ่งเป็นสาเหตขุ องโรคอ้วน

ธงโภชนาการ กลมุ่ ข้าว แป้ง ควรรับประทานปริมาณมากที่สดุ 8-12 ทพั พีต่อวัน กล่มุ ผกั และผลไม้ ใหส้ ารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต ซงึ่ เปน็ แหล่ง กล่มุ เนอื้ สัตว์ ถ่ัว ไข่ และนม พลังงานหลกั กลุม่ นา้ มนั น้าตาล และเกลือ มีใยอาหารและให้สารอาหารประเภทวติ ามินและเกลอื แร่ นา้ ควรรับประทานปรมิ าณรองลงมา โดยรบั ประทานผัก 4-6 ทัพพตี อ่ วนั รบั ประทานผลไม้ 3-5 สว่ นต่อวัน ให้สารอาหารประเภทโปรตีนและเกลือแร่ ควรรับประทานปริมาณท่ี พอเหมาะ โดยรับประทานเนื้อสัตว์ 6-12 ช้อนโต๊ะต่อวัน ส่วนนมด่ืมได้ วันละ 1-2 แก้ว ให้สารอาหารประเภทไขมันและเกลือแร่ ควรรับประทานในปริมาณน้อยที่สุด เท่าที่จาเป็น นอกจากสารอาหารในธงโภชนาการแล้ว น้าก็เป็นสารอาหารหน่ึงที่ ร่างกายขาดไม่ได้ โดยน้าช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทางานได้ เป็นปกติ เราควรดื่มนา้ สะอาดอยา่ งน้อยวันละ 6-8 แก้ว

ตวั อยา่ งการเปรียบเทียบสดั ส่วนอาหาร กลมุ่ ข้าว-แปง้ ขา้ วสกุ 1 ทพั พี บะหม่ี 1 กอ้ น ขนมจีน 1 จับ ขนมปัง 1 แผ่น ผักคะน้าสกุ 1 ทัพพี แตงกวาดิบ 2 ผล กลุ่มผัก ผักบุ้งจนี สุก 1 ทัพพี ฟกั ทองสุก 1 ทัพพี มะละกอสุก 6 − 8 ชิ้น กลุ่มผลไม้ เงาะ 4 ผล กล้วยนา้ ว้า 1 ผล อง่นุ 6 − 8 ผล เตา้ หูแ้ ขง็ 1 ชิ้น เนื้อหมสู กุ 1 ช้อนโตะ๊ (1 สว่ น) ปลาทู 1 ช้อนโตะ๊ ไข่ไก่ 1 ฟอง 4 นมสด 1 แก้ว โยเกิร์ต 1 ถ้วย 2 กลุ่มเนื้อสตั ว์ นมพรอ่ งมันเนย 1 แก้ว กลุ่มนม

จากตารางตัวอยา่ งการเปรยี บเทยี บสัดสว่ นอาหาร เราจะพบวา่ การตวงนบั ปรมิ าณอาหารจะใชห้ นว่ ยแบบครัวเรือนไทย ซงึ่ มีตวั อยา่ ง ดังนี้ ทพั พี ช้อนโตะ๊ หรือชอ้ นกินขา้ ว ส่วน แกว้ ใช้ตวงปริมาณอาหารกลุ่มของขา้ ว ใชต้ วงปริมาณอาหารกล่มุ เนอ้ื สัตว์ ใชต้ วงปริมาณอาหารกลุม่ ผลไม้ ใชต้ วงปริมาณอาหารกลุ่มนม เช่น แปง้ ผกั เช่น คือ ผลไม้ 1 สว่ น เช่น • ข้าว 1 ทัพพี หรือ 1 ถ้วยตวง • เนื้อหมสู กุ 1 ชอ้ นโตะ๊ ประมาณ 15 • สาหรบั ผลไมท้ ี่เป็นผล เชน่ กลว้ ยนา้ วา้ • นมสด 1 แกว้ ประมาณ 200 มลิ ลลิ ติ ร 2 กรัม ประมาณ 60 กรมั 1 ผล เงาะ 4 ผล หรือ 200 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร หรือ ซีซี • ไข่ไก่ 1 ฟอง ประมาณ 25 กรมั (cc) 2 • ผักสกุ 1 ทพั พี หรอื 1 ถว้ ยตวง • สาหรับผลไม้ท่ีห่นั เป็นชนิ้ เชน่ มะละกอ 2 ประมาณ 40 กรมั สุก สบั ปะรด หรอื แตงโม 6 − 8 ชนิ้ • โยเกริ ์ต 1 ถ้วย ประมาณ 150 กรัม ประมาณ 70 − 120 กรมั • ขนมปงั 1 แผ่น ประมาณ 30 กรัม

การรับประทานอาหารในแตล่ ะมอื้ ควรคานึงปริมาณและคณุ คา่ สารอาหารที่ได้รบั ให้เหมาะสม กับเพศ วยั และสภาพแวดล้อมของแต่ละบคุ คล เช่น วยั เด็ก ต้องการโปรตีนสงู กวา่ ปกติ เพราะเปน็ วยั ท่รี ่างกายกาลังเจรญิ เติบโต วัยผใู้ หญ่ ตอ้ งการโปรตนี คาร์โบไฮเดรต และไขมนั สูงกวา่ วัยสงู อายุ เพราะเป็นวัยทต่ี อ้ งใช้พลงั งานในการทางานสงู วัยสงู อายุ ตอ้ งการคาร์โบไฮเดรตและไขมันน้อยลง แตต่ ้องการโปรตนี วติ ามนิ เกลอื แร่ เพอื่ นาไปซ่อมแซมและชะลอความเสอ่ื มของร่างกาย สตรมี ีครรภ์ ตอ้ งการสารอาหารทุกประเภทสงู กวา่ ทุกๆ วยั เพราะอาหาร บางสว่ นถกู นาไปใช้เลีย้ งทารกในครรภแ์ ละนาไปผลติ นา้ นม

ตัวอยา่ งปรมิ าณอาหารสาหรับคนในวยั ตา่ งๆ ทค่ี วรรับประทานใน 1 วนั ชนดิ ของอาหาร วัยกอ่ นวยั เรยี น วัยเรียน วัยหน่มุ สาว วัยผ้ใู หญ่ ไข่ 1 ฟอง 1 ฟอง 1 ฟอง 1 − 1 ฟอง นม 2 2−4 ขา้ วทห่ี ุงสกุ แล้ว 3−4 3−4 0−1 เนอ้ื สัตว์และ แก้ว เครอ่ื งในสตั ว์ แก้ว แกว้ แกว้ 1 − 3 ถ้วยตวง ไขมนั หรอื น้ามัน 4 − 5 ถ้วยตวง 5 − 6 ถ้วยตวง 3 − 6 ถว้ ยตวง 2 ผกั ใบเขยี ว ประมาณ 180 กรัม ประมาณ 200 กรมั ประมาณ 150 กรมั 3 − 4 ชอ้ นโตะ๊ (≈ 1 ถ้วยตวง) (≈ 3 ถ้วยตวง) ผลไม้ (≈ 3 − 1 ถ้วยตวง) 2 ช้อนโตะ๊ 4 4 4 − 8 ชอ้ นโตะ๊ ม้อื ละ 3 ผล 2 1 − 3 ชอ้ นโต๊ะ 2 1 − 3 ช้อนโต๊ะ 2 1 − 4 ชอ้ นโต๊ะ 2 2 2 4 1 − 1 ถ้วยตวง 1 − 2 ถว้ ยตวง 1 − 2 ถ้วยตวง 2 มอื้ ละ 1 − 1 ผล มื้อละ 1 − 1 ผล มือ้ ละ 1 − 1 ผล 2 2 2

วัตถุเจอื ปนอาหาร คอื สารเคมที ี่ชว่ ยเสริมหรอื ชว่ ยเพิ่มสมบตั บิ างอย่างให้กับอาหาร เชน่ วตั ถุปรุงแต่งรสอาหาร วตั ถใุ หค้ วามหวานแทนน้าตาล สารควบคุมความเป็นกรด สารควบคมุ ความเปน็ กรด สารใหค้ วามข้นเหนียว สารแต่งกล่นิ สังเคราะห์ สารแตง่ กล่นิ เลียนแบบธรรมชาติ สีสังเคราะห์

หลกั โภชนบญั ญัติ 5 ดื่มนมให้เหมาะสมตามวยั 1 กนิ อาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหม่ใู ห้ ประการ 6 กนิ อาหารที่มีไขมนั แตพ่ อสมควร หลากหลาย และหมน่ั ดแู ลน้าหนกั ตัว 7 หลีกเล่ียงการกินอาหารทีห่ วานจดั 2 กนิ ขา้ วเปน็ หลกั สลับกบั อาหารประเภท และเคม็ จัด แป้งบางมอ้ื 8 กินอาหารทส่ี ะอาด ปราศจากการ 3 กนิ พชื ผักให้มากและกินผลไม้เป็น ปนเปื้อน ประจา 9 งดหรือลดเครือ่ งดื่มทม่ี ีแอลกอฮอล์ 4 กินปลา เนื้อสตั ว์ไม่ตดิ มนั ไข่ และถ่ัวเมล็ดแห้งเป็นประจา

ทาไมนักเรยี น ? สรปุ เพราะอาหารช่วยให้ จึงควรเลือกรบั ประทานอาหารใหไ้ ดร้ บั สารอาหารครบถ้วน รา่ งกายเจริญเตบิ โต ในปริมาณท่ีเหมาะสมกบั เพศและวัยของตนเอง เพราะอาหารช่วยให้ เพราะอาหารช่วยให้ ร่างกายแข็งแรง และมี พลังงานแกร่ ่างกาย ในการทากิจกรรมตา่ งๆ สุขภาพดี

ระบบย่อยอาหาร สาคญั กบั ร่างกายของเราอยา่ งไร ?

นพร้ไู หมว่า ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบย่อยอาหาร ทาหน้าที่ย่อยอาหาร มีหน้าที่อย่างไร ที่เรารับประทานเข้าไปให้เป็นสารอาหาร ขนาดเล็ก จนร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ มีหน้าท่อี ย่างไร หลอดเลือดและถูกลาเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ หรอครบั ของรา่ งกาย

ระบบย่อยอาหาร ประกอบดว้ ยอวัยวะทเี่ ป็นทางเดนิ อาหารและอวยั วะท่ีชว่ ยสรา้ งน้าดีและเอนไซม์สาหรบั การยอ่ ยอาหาร ดังน้ี ปาก (ฟัน ลิ้น ต่อมน้าลาย) ตบั หลอดอาหาร ตบั ออ่ น กระเพาะอาหาร ลาไส้เลก็ ลาไสใ้ หญ่ ทวารหนัก

การทางานของอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร การย่อยอาหารเป็นการเปลยี่ นแปลงโมเลกุลของ สารอาหารใหม้ ีขนาดเล็กลง จนร่างกายสามารถดดู ซึมไปใชป้ ระโยชน์ได้ 1.การย่อยเชิงกล แบ่งการยอ่ ยออกเปน็ 2 ประเภท คอื 2.การยอ่ ยเชิงเคมี เป็นการย่อยอาหารโดยไมใ่ ช้เอนไซม์ ได้แก่ เปน็ การยอ่ ยอาหารโดยใชเ้ อนไซมย์ อ่ ยสลาย การบดเค้ียวอาหารในปาก สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตนี และ การบบี ตัวของทางเดนิ อาหาร ไขมนั ซ่งึ พบได้ที่บรเิ วณปาก กระเพาะอาหาร ซ่ึงจะพบในหลอดอาหาร และลาไสเ้ ล็ก กระเพาะอาหาร และลาไส้เล็ก

ข้นั ตอน เมื่อเรารบั ประทานอาหารเขา้ ไปภายในปากจะมีฟนั เค้ียวอาหาร ลน้ิ ชว่ ย 1 คลกุ เคลา้ อาหาร และต่อมนา้ ลายจะขับน้าลายที่มเี อนไซมอ์ ะไมเลสออกมา ทางานร่วมกนั ย่อยสารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต ของอวยั วะตา่ งๆ ในระบบยอ่ ยอาหาร หด 2 เมอื่ อาหารเรม่ิ เคลอ่ื นทผ่ี า่ นคอหอยเข้าสู่หลอดอาหาร กล้ามเน้ือหลอดอาหารจะ คลาย หดและคลายตัว เพือ่ บีบให้อาหารเคล่ือนที่ไปยงั กระเพาะอาหาร กลา้ มเนอื้ กระเพาะอาหารหดและคลายตวั เพือ่ คลกุ เคล้าอาหารและจะผลติ 3 เอนไซมเ์ พปซินออกมาย่อยอาหารประเภทโปรตนี ให้มขี นาดเล็กลง แลว้ ส่ง ต่อไปสู่ลาไส้เลก็ ลาไส้เลก็ รับนา้ ดที ีส่ ่งมาจากตับ เอนไซม์จากตับอ่อน และเอนไซมท์ ่ผี ลิตข้ึนที่ 4 ลาไสเ้ ล็กเองเพื่อย่อยสารอาหารทุกประเภทใหม้ ขี นาดเล็กจนเซลลส์ ามารถดดู ซึม ผ่านผนังลาไส้เลก็ เข้าสกู่ ระแสเลอื ด สง่ ไปยงั สว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย กากอาหารท่เี หลือจากการยอ่ ยและสว่ นทย่ี ่อยไมไ่ ดจ้ ะถกู สง่ จากลาไสเ้ ลก็ ตอ่ ไปยัง 5 ลาไสใ้ หญ่ ซงึ่ ทาหน้าท่ดี ูดน้า วิตามินและเกลือแร่บางส่วน กลับเข้าสรู่ ่างกาย ส่วนกากอาหารถูกขบั ถา่ ยเปน็ อุจจาระออกจากรา่ งกายผ่านทวารหนัก



หน้าทข่ี องอวัยวะต่างๆ ในส่วนทีเ่ ป็นทางเดินอาหาร 1. ปาก (Mouth) ล้ิน (Tongue) เปน็ จดุ เรม่ิ ต้นของทางเดินอาหาร ทาหน้าท่ี คลกุ เคล้ำอำหำร ประกอบด้วย 3 สว่ น ได้แก่ ช่วยกำรกลนื และรบั รสชำติอำหำร ฟนั (Tooth) ตอ่ มน้าลาย (Salivary gland) ทาหน้าที่ ตัด ฉีก บด และเค้ยี วอำหำร มี 3 คู่ อยู่บรเิ วณใต้ขำกรรไกรใตล้ น้ิ ใหม้ ขี นำดเลก็ ลงกอ่ นจะกลืน และข้ำงกกหู ทาหนา้ ที่ สร้ำงนำ้ ลำยท่ีประกอบด้วยน้ำ สำรเมอื ก และเอนไซม์ (นำ้ ย่อย) ที่ใชย้ อ่ ยคำรโ์ บไฮเดรต

หนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ งๆ ในส่วนทีเ่ ปน็ ทางเดนิ อาหาร 2. หลอดอาหาร (Esophagus) มีลกั ษณะเปน็ ทอ่ ตรงยาวประมาณ 25 เซนตเิ มตร อยู่บริเวณหลงั ทอ่ ลม มีกล้ามเนือ้ ที่ สามารถหดและคลายตวั ได้ หลอดอาหาร ทาหน้าที่ ลำเลียงและส่ง อำหำรไปยงั บรเิ วณกระเพำะอำหำร โดยกลำ้ มเนอื้ จะบบี ตวั ทำใหอ้ ำหำร เคลื่อนทผ่ี ่ำนไปได้

ขนั้ ตอนการกลืนอาหาร 1 ขณะเค้ยี วอาหาร ฝาปดิ กล่องเสียง และการลาเลยี งอาหาร ยกตวั สงู กลา้ มเน้อื หูรดู ท่ีอยู่บรเิ วณ หลอดอาหารหดตวั ลงสู่กระเพาะอาหาร 2 ขณะกลืนอาหาร ฝาปิดกล่องเสียง เล่ือนลงมาปิดกล่องเสียง กล้ามเน้ือ หูรูดท่ีอยู่บริเวณหลอดอาหารมีการ คลายตัว 3 กล้ามเนื้อหลอดอาหารหดตัวและ คลายตัว เพื่อชว่ ยลาเลียงอาหารลงไป ยังกระเพาะอาหาร

หน้าทข่ี องอวยั วะต่างๆ ในสว่ นท่ีเปน็ ทางเดินอาหาร 3. กระเพาะอาหาร (Stomach) กระเพาะอาหารประกอบดว้ ยเซลล์ 3 ชนดิ ทาหน้าทีต่ า่ งกัน ดังน้ี อย่ใู นช่องทอ้ งคอ่ นไปทำงฝง่ั ซำ้ ยมอื มกี ล้ำมเนื้อหนำ แขง็ แรง และยืดหย่นุ ไดด้ ี 1. สร้ำงสำรเมอื ก เพอ่ื ปอ้ งกันไม่ให้น้ำยอ่ ยต่ำง ๆ ยอ่ ยเนอ้ื เยื่อของกระเพำะอำหำร นอกจากนี้ ยังมเี อนไซม์ เรนนิ (นา้ ย่อย) เพื่อใช้ 2. สร้ำงกรดไฮโดรคลอรกิ ทำให้กระเพำะอำหำร ยอ่ ยโปรตนี ในนา้ นม มีสภำพเป็นกรด 3. สรำ้ งเอนไซม์เพปซิน (น้ำยอ่ ย) เพอ่ื ย่อย สำรอำหำรประเภทโปรตีนให้มีขนำดเล็ก แล้วส่งตอ่ ไปยังลำไสเ้ ลก็

หน้าทข่ี องอวยั วะต่างๆ ในส่วนท่เี ป็นทางเดนิ อาหาร 4. ลาไส้เล็ก (Small intestine) ลาไสเ้ ลก็ ทาหน้าที่ ย่อยอำหำรและดดู ซมึ สำรอำหำรมำกทสี่ ดุ ในทำงเดินอำหำร เป็นอวัยวะทีร่ ับอำหำรตอ่ มำจำกกระเพำะอำหำร โดยจะสรำ้ งเอนไซม์ (นำ้ ยอ่ ย) หลำยชนดิ มีลักษณะเปน็ ทอ่ ยำวประมำณ 6 − 7 เมตร และกว้ำงประมำณ 2.5 เซนติเมตร รวมท้งั รับนำ้ ดีจำกตบั ท่สี รำ้ งแลว้ มำเกบ็ ไว้ มว้ นขดอยู่ภำยในช่องท้อง ในถุงนำ้ ดี และเอนไซม์ (นำ้ ย่อย) จำกตบั อ่อน เพ่ือย่อยสำรอำหำรทุกประเภท

หนา้ ทข่ี องอวยั วะตา่ งๆ ในสว่ นท่เี ป็นทางเดนิ อาหาร 5. ลาไส้ใหญ่ (Large intestine) ลาไส้ใหญ่ ทาหน้าที่ • ดูดซึมน้ำ วิตำมิน และเกลือแร่ที่เหลือ เปน็ ท่อทีต่ อ่ จำกลำไส้เล็ก มคี วำมยำวประมำณ 1.5 เมตร บำงส่วน จำกกำกอำหำรที่ไม่มีกำรย่อย กวำ้ งประมำณ 6 เซนติเมตร แลว้ กลับคืนสู่กระแสเลอื ด โดยผนงั ด้ำนในของลำไส้ใหญ่จะทำหนำ้ ท่ี ดูดซมึ สำรต่ำงๆ ท่ียงั เหลืออย่ใู นกำกอำหำร • กำกอำหำรที่ถกู ดูดซึมแล้วจะมีลักษณะ เหนียวข้น หำกไม่มีกำรถ่ำยอุจจำระ ทีถ่ ูกสง่ มำจำกลำไส้เลก็ หลำยวันจะแข็งตัว เนื่องจำกลำไส้ใหญ่ จ ะ ดู ด น้ ำ อ อ ก จ ำ ก ก ำ ก อ ำ ห ำ ร ม ำ ก เกินไป

หนา้ ท่ขี องอวยั วะต่างๆ ในส่วนท่เี ป็นทางเดินอาหาร 6. ทวารหนัก (Anus) ทาหน้าท่ี ขบั กำกอำหำรที่สะสมและรวมกัน อยู่ในลำไสต้ รงใหอ้ อกจำกร่ำงกำย ในรปู ของอุจจำระ

หนา้ ท่ีของอวัยวะในสว่ นทชี่ ่วยสรา้ งน้าดแี ละเอนไซม์สาหรับการยอ่ ยอาหาร ตบั (Liver) ตับอ่อน (Pancreas) ทาหนา้ ท่ี สรำ้ งน้ำดที ม่ี ีสีเขียวเขม้ และมกี ลิ่นฉนุ ทาหนา้ ที่ สร้ำงเอนไซมห์ ลำยชนดิ ที่ใช้สำหรบั แลว้ ส่งไปเกบ็ ท่ีถงุ นำ้ ดี กำรยอ่ ยสำรอำหำร จำกนน้ั จะส่งไปท่ลี ำไส้เล็ก นำ้ ดจี ะถกู สง่ เขำ้ สู่ลำไสเ้ ลก็ เพือ่ ชว่ ยย่อยไขมัน เอนไซมค์ ืออะไร ? โดยท่อสง่ น้ำดีของตับ และท่อส่งเอนไซมท์ มี่ ำจำก ตบั ออ่ นจะเปดิ ท่บี รเิ วณลำไส้เล็กส่วนต้นเม่ือมี กำรยอ่ ยอำหำรเกดิ ขนึ้ ถงุ เกบ็ นา้ ดี (Gallbladder) ทาหนา้ ที่ เก็บน้ำดที ่ีผลิตจำกตับ แล้วส่งตอ่ ไปที่ลำไส้เลก็ ส่วนต้น ดังนัน้ ถงุ น้ำดีจึงไมไ่ ด้ทำหน้ำทผ่ี ลิตน้ำดี

เอนไซม์ เป็นสารอินทรีย์ประเภทโปรตีนทส่ี ร้างขน้ึ โดยเซลลข์ องสิ่งมีชีวิต ทาหน้าท่ี เป็นตัวเร่งอตั ราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีท่ีเกิดขึ้นภายในเซลล์ของสง่ิ มีชวี ติ ตา่ งๆ เอนไซมม์ คี วามสาคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในรา่ งกายของเรา เช่น เอนไซมท์ ่ี ทาหน้าทใ่ี นการย่อยอาหาร เราเรียกวา่ นา้ ยอ่ ย เอนไซม์ อาหาร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook