Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ is1 ม2

แผนการจัดการเรียนรู้ is1 ม2

Published by วิโรจน์ วรรณชัย, 2021-06-20 06:03:51

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ is1 ม2

Search

Read the Text Version

100 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 30 เร่ืองสถติ ิเบื้องต้น(ค่ำร้อยละ)ทใี่ ช้ในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ข้นั นำ เด็กชายประยทุ ธ์ มีเงิน 100 บาท ครูมีเงิน 1,000 บาท เด็กชายประยทุ ธ์มีเงินคิดเป็นร้อยละ เท่าไรของครู ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบ ข้นั สอน นกั เรียนแต่ละคนศึกษาใบเรียนรู้ที่ 11 เร่ืองสถิติเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ ขอ้ มูล และทาใบงานที่ 21 เรื่องสถิติเบ้ืองตน้ (ค่าร้อยละ)ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล ข้นั สรุป สุ่มนกั เรียน 2 – 3 คน ใหน้ าเสนอผลงานจากการทาใบงานที่ 21 ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป กจิ กรรมกำรเรียนรู้ชั่วโมงที่ 31 - 32 (งำนกล่มุ คร้ังท่ี 8) เร่ืองสถิตเิ บื้องต้นทใี่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล ข้นั นำ ทบทวนความรู้เดิมดว้ ยการสุ่มถามนกั เรียน 2 – 3 คน คา่ กลางคืออะไร ร้อยละคืออะไร ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้นั สอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แตล่ ะกลุ่มศึกษาใบงานลาดบั ท่ี 22 (งานกลุ่ม คร้ังท่ี 8) เร่ืองสถิติ เบ้ืองตน้ ที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มูล ข้ันสรุป สุ่มตวั แทนนกั เรียน 2 – 3 กลุ่ม ใหน้ าเสนอค่าสถิติจากประเด็นปัญหา(เร่ืองที่ศึกษา) ของ กลุ่มตน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป kruwirot wannachai satreesiriket school

101 ภำคผนวก หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 2 ค้นคว้ำหำคำตอบ kruwirot wannachai satreesiriket school

102 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนรำยบุคคล เลขที่ ช่ือ สกุล ควำมต้งั ใจ ควำม กำรตรง ควำม ผลสำเร็จ รวม ในกำร รับผดิ ชอบ ต่อเวลำ สะอำด ของงำน 20 ทำงำน เรียบร้อย คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชื่อ........................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

103 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนกล่มุ ชื่อกล่มุ ........................................................................................................ช้นั ................................................ ลำดบั รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน รวม 4321 1 การแบง่ หนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมือในการทางาน 3 การนาเสนอ 4 การรับฟังและแสดงความคิดเห็น 5 ความมีน้าใจ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

104 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน ม่งุ มนั่ ต้งั ใจทำงำน เลขที่ ช่ือ สกลุ ปฏิบตั ติ ำม แสวงหำ สรุปควำมรู้ มคี วำมต้งั ใจ ควำมอดทน รวม ข้อตกลง ข้อมูลจำก ได้อย่ำงมี ทำงำน ไม่ท้อแท้ 20 แหล่งเรียนรู้ เหตผุ ล คะแนน 43214321432143214321 ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

105 แบบบันทกึ หลงั กำรสอน หน่วยเรียนรู้ที่ 2 ค้นคว้ำหำคำตอบ ครูผสู้ อน.............................................................................................หอ้ งท่ีสอน............................ 1. เวลาในการสอน  ตรงตามแผน  นอ้ ยกวา่ แผน  มากกวา่ แผน บนั ทึกเพม่ิ เติม...................................................................................................................................... 2. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ......................... 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 3. ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ......................... 4. ดา้ นสมรรถนะที่สาคญั  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... บนั ทึกเพม่ิ เติม.......................................................................................................................... 3. การใชส้ ื่อ/แหลง่ เรียนรู้  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ.......................................................................................................... บนั ทึกเพิ่มเติม.............................................................................................................................. 4. การวดั และประเมินผล  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ............................................................................................................ บนั ทึกเพิม่ เติม................................................................................................................................ 5. ปัญหา/อุปสรรค์ ....................................................................................................................................................... 6. แนวทางแกไ้ ข ....................................................................................................................................................... ลงช่ือ..................................................ครูผสู้ อน ลงชื่อ....................................................รองฯกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ (.......................................................) (............................................................) ลงช่ือ.......................................................ผอู้ านวยการ (.............................................................) kruwirot wannachai satreesiriket school

106 หมายถึงกระบวนการคน้ หาคาตอบท่ีอยากรู้อยา่ งเป็ นข้นั เป็ นตอน และ คาตอบน้นั ตอ้ งเชื่อถือได้ ไม่ใช่การคาดเดาหรือคิดสรุปเอาเองโดยใชค้ วามรู้สึก เช่น ถา้ ตอ้ งการทราบวา่ นกั เรียนช้นั ม. 2 โรงเรียนสตริสิริเกศ ชอบอ่านหนงั สือประเภทใด จะคาดเดาคาตอบเอาเอง หรือจะไป สอบถามนกั เรียนเพยี งหน่ึงหรือสองคน แลว้ นามาสรุปเป็ นคาตอบของนกั เรียน ช้นั ม. 2 ท้งั โรงเรียนสตรี สิริเกศ อยา่ งน้ีไมเ่ หมาะสมถือเป็นคาตอบท่ีไม่น่าเช่ือถืออยา่ งยงิ่ แต่ถา้ ทาเป็นแบบสอบถามหรือสมั ภาษณ์ นกั เรียน ช้นั ม. 2 ท้งั โรงเรียนสตรีสิริเกศหรือในจานวนท่ีมากพอ แลว้ นาคาตอบท่ีไดม้ าสรุป เช่นน้ีจึง น่าเช่ือถือ เป็นตน้ ประโยชน์ของกำรวจิ ัย/กำรศึกษำ 1. การวจิ ยั ทาใหเ้ กิดความรู้ทางวชิ าการใหมๆ่ 2. การวจิ ยั ทาใหเ้ กิดนวตั กรรม สิ่งประดิษฐ์ แนวคิดใหมๆ่ 3. การวจิ ยั ช่วยตอบคาถามท่ีอยากรู้ ใหเ้ ขา้ ใจปัญหาและช่วยแกป้ ัญหา 4. การวจิ ยั ช่วยในการวางแผนและตดั สินใจ 5. การวจิ ยั ช่วยใหท้ ราบผลและขอ้ บกพร่องจากการดาเนินงาน การคน้ หาความรู้ ความจริงและตรวจสอบความถูกตอ้ งของชาร์ล ดาร์วลิ (Charles Darwin) ซ่ึง ปัจจุบนั เรียกวา่ วธิ ีกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ (Scientific Method) เป็นวธิ ีการหาความรู้ความจริงที่น่าเชื่อถือ ท่ีสุด การวจิ ยั จึงไดน้ าเอาวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์น้ีมาประยกุ ตเ์ ป็นกระบวนการวจิ ยั ซ่ึงประกอบดว้ ย 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี 1. ข้นั ปัญหา (Problem) เป็นข้นั ตอนท่ีเราสังเกตพบปัญหา มีเหตุหรือปัจจยั อะไรที่ทาใหเ้ กิด เหตุการณ์หรือสภาพการณ์น้นั 2. ข้นั ต้งั สมมติฐาน (Hypothesis) ในข้นั ตอนน้ีเราจะตอ้ งศึกษา ทบทวนความรู้เดิมมาประกอบ การ พจิ ารณาวา่ คาตอบของปัญหาในข้นั ท่ี 1 น้นั จะเป็นอยา่ งไร (คาดเดาคาตอบไวล้ ่วงหนา้ ) ซ่ึงเรียกวา่ “การ ต้งั สมมติฐาน” ซ่ึงจะใชเ้ ป็ นแนวทางในการตรวจสอบวา่ สมมติฐานที่ต้งั ไวน้ ้นั เป็นความจริงหรือไม่ kruwirot wannachai satreesiriket school

107 3. ข้นั รวบรวมขอ้ มูล (Gathering Data) ในข้นั น้ีเราจะทาการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งไวอ้ ยา่ ง เพยี งพอและตรงกบั สิ่งท่ีตอ้ งการจะศึกษา 4. ข้นั วเิ คราะห์ขอ้ มูล (Analysis) ในข้นั น้ีจะเป็นการนาขอ้ มูลท่ีรวบรวมมาทาการวิเคราะห์ เพอื่ หา ลกั ษณะร่วมหรือความสอดคลอ้ งกนั ของขอ้ มูลเหล่าน้นั และพจิ ารณาวา่ ขอ้ มูลเหล่าน้นั มีกี่ลกั ษณะแตกตา่ ง กนั อยา่ งไร เป็ นตน้ 5. ข้นั สรุป (Conclusion) ในข้นั ตอนน้ี จะนาผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลมาแปรผล ตีความ สรุปเป็น ผลการวจิ ยั kruwirot wannachai satreesiriket school

108 คำส่ัง ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มตอบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมือท่ีอ่านง่าย 1. ใหอ้ ธิบายความหมายของการวจิ ยั /การศึกษาคน้ ควา้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. การวจิ ยั /การศึกษาคน้ ควา้ มีประโยชน์ อยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. การวจิ ยั ไดน้ าเอาวธิ ีทางวทิ ยาศาสตร์(Scientific Method)มาประยกุ ตใ์ ช้ มีกี่ข้นั ตอนอะไรบา้ ง ใหอ้ ธิบาย .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

109 4. จากประเด็นปัญหาของกลุ่มตน ใหเ้ ขียน โครงร่างของการศึกษาคน้ ควา้ ดงั น้ี 1. ชื่อเรื่อง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ช่ือผ้จู ัดทำ (กลุ่ม) .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. ช่ือครูทป่ี รึกษำ .......................................................................................................................................................................... 4. ทม่ี ำและควำมสำคญั .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5. วตั ถุประสงค์ของกำรศึกษำค้นคว้ำ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 6. สมมตฐิ ำน .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

110 ควำมหมำยของแหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ หมายถึง แหล่งขอ้ มูล ข่าวสาร ความรู้และประสบการณ์ท้งั หลายท่ีสามารถ ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง จากการคิดเอง ปฏิบตั ิเองและสรุปสร้างเป็นองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง ควำมสำคัญของแหล่งเรียนรู้ 1. เป็นแหล่งการศึกษาตามอธั ยาศยั และเรียนรู้ตลอดชีวติ เป็นแหล่งที่รวมขององคค์ วามรู้ อนั หลากหลายพร้อมท่ีจะใหผ้ เู้ รียนเขา้ ไปศึกษา คน้ ควา้ ดว้ ยกระบวนการจดั การเรียนรู้ที่แตกตา่ งกนั ของแต่ ละบุคคล และเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต 2. เป็นแหล่งเชื่อมโยงระหวา่ งสถานศึกษากบั ชุมชนใหม้ ีความใกลช้ ิดกนั ทาใหค้ นใน ชุมชนมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาแก่บุตรหลานของตน 3. เป็นแหล่งที่ทาใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้อยา่ งมีความสุข สนุกสนานและมีความสนใจที่ จะเรียน ไมเ่ กิดความเบื่อหน่ายในการเรียน ทาใหผ้ ูเ้ รียนเกิดการเรียนรู้จากการไดค้ ิดเอง ปฏิบตั ิเองและสรุป องคค์ วามรู้ดว้ ยตนเอง ขณะเดียวกนั ก็สามารถเขา้ ร่วมกิจกรรมและทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืนได้ ทาใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับ การปลูกฝังใหร้ ู้และรักทอ้ งถ่ินของตน มองเห็นคุณค่าและตระหนกั ถึงปัญหาในชุมชนของตน พร้อมที่จะ เป็ นสมาชิกท่ีดีของชุมชน ประเภทของแหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้แบง่ ตามประเภท แบง่ ได้ 4 ประเภท 1. แหล่งเรียนรู้ประเภทบุคคล ไดแ้ ก่ บุคคลทว่ั ไปที่อยใู่ นชุมชนซ่ึงสามารถถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ใหก้ บั ผเู้ รียนได้ เช่น ชาวนา ชาวสวน ช่างฝีมือ นกั ธุรกิจ ขา้ ราชการ พระภิกษุสงฆ์ ศิลปิ น นกั กีฬา ฯลฯ 2. แหล่งเรียนรู้ประเภทสิ่งท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น สถานที่สาคญั ทางประวติ ิศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ สถานท่ีราชการ สถาบนั ทางศาสนา หอ้ งสมุด ถนน สะพาน เขื่อน ฝายทดน้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา โรงเรียน ฯลฯ 3. แหล่งเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ เช่น ภูเขา ป่ าไม้ ตน้ ไม้ ดิน หิน แร่ ทะเล เกาะ หว้ ย หนอง คลอง บึง ฯลฯ kruwirot wannachai satreesiriket school

111 4. แหล่งเรียนรู้ประเภทกิจกรรมทางสงั คม ประเพณี ความเชื่อ เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณี การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้นื บา้ น วรรณกรรมทอ้ งถิ่น ศิลปะพ้นื บา้ น ดนตรีพ้ืนบา้ น วถิ ีชีวติ ความ เป็ นอยู่ แหล่งเรียนรู้ แบง่ ตามสถานที่ต้งั แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1. แหล่งเรียนรู้ในสถานศึกษา ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดโรงเรียน ห้องสมุดเคลื่อนท่ี มุมหนงั สือ หอ้ ง พิพิธภณั ฑ์ หอ้ งมลั ติมีเดีย หอ้ งคอมพวิ เตอร์ ศูนยว์ ชิ าการ ศูนยโ์ สตทศั นศึกษา หอ้ งศูนยส์ ่ือการเรียน สวน พฤกษศาสตร์ สวนวรรณคดี สวนสมุนไพร สวนธรรมะ ฯลฯ 2. แหล่งการเรียนรู้ในชุมชน ไดแ้ ก่ หอ้ งสมุดประชาชน หอศิลป์ สวนสัตว์ สวน พฤกษศาสตร์ หอ้ งพพิ ธิ ภณั ฑ์ อุทยานวทิ ยาศาสตร์ ศูนยก์ ีฬา ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน สถานประกอบการ องคก์ ร ภาครัฐ องคก์ รภาคเอกชน ฯลฯ กำรอ้ำงองิ ทำงบรรณำนุกรม หมายถึง รายการเอกสาร สิ่งพมิ พ์ หรือสื่ออ่ืนใด ท่ีผผู้ ลิตผลงานทางวชิ าการใชอ้ า้ งอิงในเอกสาร ผลงานของตน การแสดงรายการทางบรรณานุกรมไวใ้ นผลงาน จึงเป็นการใหค้ วามเคารพผลงานทางปัญญา ที่ผอู้ ่ืนไดแ้ สดงไว้ อีกท้งั ยงั มีประโยชน์ในการแสดงท่ีมาที่ไปขององคค์ วามรู้ในเรื่องน้นั ๆ ทาใหผ้ สู้ นใจ สามารถติดตามพฒั นาการของเร่ืองน้นั ได้ กำรแสดงรำยกำรทำงบรรณำนุกรม สามารถทาไดห้ ลายรูปแบบ หลกั สาคญั ในการเลือกรูปแบบการลงรายการคือ การเลือกใชร้ ูปแบบที่ เป็นที่นิยมในแตล่ ะสาขาวชิ า หรือสถาบนั การเลือกใชร้ ูปแบบใดรูปแบบหน่ึงน้นั ผเู้ ลือกใชต้ อ้ งเลือกใชเ้ พียง แบบหน่ึงเทา่ น้นั ไมค่ วรนามาผสมกนั หรือประยกุ ตใ์ ชป้ นกนั กำรเขยี นอ้ำงองิ แหล่งทมี่ ำของเอกสำร สิ่งสาคญั ประการหน่ึงท่ีบ่งบอกถึงการเป็นผลงานทางวชิ าการคือ งานเขียนน้นั จะตอ้ งมีการอา้ งอิง ดงั น้นั ผวู้ ิจยั จะตอ้ งทาการบนั ทึกรายการเอกสารท่ีอา้ งอิงไวท้ ุกคร้ัง ซ่ึงมีรูปแบบ ดงั น้ี กำรอ้ำงองิ จำกบทควำมในวำรสำร ผแู้ ตง่ .//(ปี ที่พมิ พ)์ .//ช่ือบทความ.//ชื่อวารสาร,//ปี ที่(ฉบบั ที่),//เลขหนา้ kruwirot wannachai satreesiriket school

112 ตวั อยา่ ง ชยั เสฏฐ์ พรมศรี. (2549). การเป็นผนู้ าท่ีมีจริยธรรม. นกั บริหาร, 26(3), 20-25. Dubeck, L. (1990). Science fiction aids science teaching. Physics Teacher, 28, 316-318. (รายการตวั อยา่ งน้ีไม่มีขอ้ มูลฉบบั ท่ี จึงไมม่ ีปรากฏในรายการ) กำรอ้ำงองิ จำกบทควำมในหนังสือพมิ พ์ ผแู้ ต่ง.//(ปี ,/เดือน/วนั ).//ชื่อบทความ.//ช่ือหนงั สือพมิ พ.์ /หนา้ . ตวั อยา่ ง อธิชยั ตน้ กนั ยา. (2549, เมษายน 25). ขา้ มพรมแดนไทย-พมา่ -จีน สารวจเส้นทางส่ีเหลี่ยม เศรษฐกิจ หาลู่ทางการคา้ ท่องเที่ยว. มติชน, น.34. สุชาติ เผอื กสกนธ์. (2549, มิถุนายน 9). ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง. ผจู้ ดั การรายวนั , น.13. กำรอ้ำงองิ จำกหนังสือ ผแู้ ต่ง.//(ปี ).//ช่ือเร่ือง.//สถานท่ีพิมพ:์ สานกั พมิ พ.์ ตวั อยา่ ง เพชรยพุ า บูรณ์สิริจรุงรัฐ. (2544). อยากเป็นหมอ. กรุงเทพมหานคร: สุดสัปดาห์. ศิริกาญจน์ โกสุมภ์ และดารณี คาวจั นงั . (2545). สอนเด็กใหเ้ ป็น (พิมพค์ ร้ังท่ี 3). กรุงเทพมหานคร: เมธิทิปส์. สังวร ปัญญาดิลก, วลยั ชวลิตธารง และสุมนตรา ปิ ยะเกศิน. (2535). เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ (พิมพ์ คร้ังท่ี 3). กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . กำรอ้ำงองิ จำกเวบ็ ไซต์ เวบ็ เพจ็ มีผเู้ ขียนหรือหน่วยงานรับผดิ ชอบ ผแู้ ต่ง.//(ปี ).//ช่ือเร่ือง.//เขา้ ถึงไดจ้ าก://URL//(วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล:/วนั /เดือน//ปี ). ตวั อยา่ ง ชวนะ ภวกานนท.์ (2548). ธุรกิจสปาไทยจะกา้ วไปกวา่ น้ี. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.businessgai.co.th/ (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มูล: 25 ธนั วาคม 2548). kruwirot wannachai satreesiriket school

113 คำสั่ง ใหต้ อบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมือท่ีอ่านง่ายและเป็นระเบียบ 1. แหล่งเรียนรู้ หมายถึง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ใหอ้ ธิบายถึงความสาคญั ของแหล่งเรียนรู้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. แหล่งเรียนรู้แบง่ ตามประเภทไดก้ ี่ประเภท อะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 4. แหล่งเรียนรู้แบ่งตามสถานท่ีต้งั ไดก้ ี่ประเภท อะไรบา้ ง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5. ถา้ ตอ้ งการหาความรู้ เร่ืองโรคไขเ้ ลือดออก นกั เรียนจะมีแหล่งเรียนรู้ใดบา้ ง และจะอา้ งอิงอยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

114 แนวคดิ ( Concept ) หมายถึง ความคิดที่มีแนวทางปฏิบตั ิ ซ่ึงเป็นการกล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหน่ึงโดยใชค้ วามเช่ือ ความรู้สึก ทศั นคติ แง่คิด ความรู้และประสบการณ์ แนวคิดอาจจะถูกหรือผดิ กไ็ ด้ แนวความคิดเกิดข้ึนไดม้ ีองคป์ ระกอบดงั น้ี คือ 1. การสงั เกต 2. การเปรียบเทียบความคลา้ ยและความแตกตา่ ง 3. จดั แยกประเภทและรวมเป็ นหมวดหมู่ 4. สร้างความหมายเฉพาะเพ่ือความเขา้ ใจของตนเอง ทฤษฎี ( theory) หมายถึง ความเห็น ความเห็นดว้ ยลกั ษณะที่คาดเอาตามหลกั วชิ า เพอื่ เสริมเหตุผลและรากฐานใหแ้ ก่ ปรากฏการณ์ หรือขอ้ มูลในภาคปฏิบตั ิ ซ่ึงเกิดข้ึนอยา่ งมีระเบียบ นอกจากน้ี นกั วชิ าการหลายท่านไดใ้ ห้ ความหมาย ดงั น้ี 1. Good : ทฤษฎี คือ ขอ้ สมมติต่าง ๆ(Assumption) หรือขอ้ สรุปเป็ นกฎเกณฑ์ (Generalization) ซ่ึง ไดร้ ับการสนบั สนุนจากขอ้ สมมติทางปรัชญาและหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ เพ่ือใชเ้ ป็นเสมือนพ้นื ฐานของ การปฏิบตั ิ ขอ้ สมมติซ่ึงมาจากการสารวจทางวทิ ยาศาสตร์ การคน้ พบต่าง ๆ จะไดร้ ับการประเมินผล เพอ่ื ให้ มีความเที่ยงตรงตามหลกั วทิ ยาศาสตร์ และขอ้ สมมติทางปรัชญา อนั ถือไดว้ า่ เป็นสัญลกั ษณ์ของการสร้าง (Construction) 2. Kneller : ไดใ้ หค้ วามหมายของทฤษฎีไว้ 2 ความหมาย คือ 2.1 ขอ้ สมมติฐานต่าง ๆ (Hypothesis) ซ่ึงไดก้ ลน่ั กรองแลว้ จากการสังเกตหรือทดลอง เช่น ในเรื่องความโนม้ ถ่วงของโลก 2.2 ระบบขอความคิดตา่ ง ๆ ท่ีนามาปะติดปะต่อกนั (Coherent) 3. Feigl : ทฤษฎีเป็นขอ้ สมมติตา่ ง ๆ ซ่ึงมาจากกระบวนการทางตรรกวทิ ยา และคณิตศาสตร์ ทาให้ เกิด กฎเกณฑท์ ่ีไดม้ าจากการสังเกตและการทดลอง 4. ธงชยั สนั ติวงษ์ : ทฤษฎีหมายถึงความรู้ที่เกิดข้ึนจากการรวบรวมแนวความคิดและหลกั การตา่ งๆ kruwirot wannachai satreesiriket school

115 ใหเ้ ป็นกลุ่มกอ้ นและสร้างเป็ นทฤษฎีข้ึน ทฤษฎีใด ๆ ก็ตามที่ต้งั ข้ึนมาน้นั เพื่อรวบรวมหลกั การและ แนวความคิดประเภทเดียวกนั เอาไวอ้ ยา่ งเป็นหมวดหมู่ 5. เมธี ปิ ลนั ธนานนท์ : ไดก้ ล่าวถึงหนา้ ที่หลกั ของทฤษฎี มี 3 ประการ คือ การพรรณนา (Description) การอธิบาย (Explanation) และการพยากรณ์ (Prediction) จำกควำมหมำยดังกล่ำวข้ำงต้น สรุปว่ำ ทฤษฎี หมายถึง ขอ้ สมมติฐานหรือขอ้ สนั นิษฐานต่างๆ ท่ี ไดม้ าจากการสงั เกต คน้ ควา้ ทดลอง ผา่ นการยอมรับแลว้ จากวธิ ีทางวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ตรรกวทิ ยา และหลกั การต่างๆ ทาใหไ้ ดข้ อ้ สรุปเป็ น กฎเกณฑ์ เช่น ทฤษฎีสามเหล่ียมมุมฉากของปิ กาทอรัส kruwirot wannachai satreesiriket school

116 คำส่ัง ใหต้ อบคาถามต่อไปน้ีดว้ ยลายมือท่ีอา่ นง่ายและเป็นระเบียบ ร่วมกนั คดิ ร่วมกนั แก้ปัญหำ กำรศึกษำไทย โดย ดร.บัณฑติ นิจถำวร ระยะน้ีมีบทความท้งั ใน และต่างประเทศท่ีเขียนถึงระบบการศึกษาข้นั พ้นื ฐานของไทย ท่ี นกั เรียนในระดบั มธั ยมศึกษาของเรา มีความรู้ ความสามารถ จากการเรียนการสอนต่ากวา่ มาตรฐาน ท้งั ใน ระดบั ประเทศ (โอเน็ต) และในระดบั ขอ้ สอบมาตรฐานระหวา่ งประเทศ (PISA TEST) ทาใหม้ ีความห่วงใย วา่ ถา้ คุณภาพการศึกษาของประเทศอ่อนแอแบบน้ี อนาคตประเทศจะเป็ นอยา่ งไร ขอ้ เทจ็ จริงล่าสุดเกี่ยวกบั ความรู้ ความสามารถของนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาของไทย ท่ีได้ จากระบบการศึกษาข้นั พ้ืนฐานปัจจุบนั เท่าท่ีประมวลได้ มีดงั น้ี 1. ผลทดสอบการศึกษาพ้นื ฐาน หรือ โอเน็ต ของนกั เรียนระดบั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6 ทว่ั ประเทศ ประจาปี การศึกษา 2554 ผลคะแนนออกมาต่ากวา่ คร่ึงท้งั หา้ วชิ าหลกั ท่ีทดสอบ 2. คะแนนสอบของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 ของไทย (อายเุ ฉล่ีย 15 ปี ) ในปี 2009 วดั จากขอ้ สอบมาตรฐานระหวา่ งประเทศ หรือ PISA TEST ของ OBEC ในดา้ นการอา่ น คณิตศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ คะแนนนกั เรียนจากไทยในท้งั สามวชิ า ส่วนใหญจ่ ะอยใู่ นระดบั ต่ากวา่ บรรทดั ฐาน มีคะแนน รวม 421 จาก 1000 เป็ นอนั ดบั ท่ี 50 ใน 65 ประเทศที่ส่งนกั เรียนเขา้ ทดสอบ และคะแนนของไทยอยหู่ ่าง จากนกั เรียนเอเชียอื่นๆ ท่ีไดค้ ะแนนสูง เช่น จากจีน (เซ่ียงไฮ)้ เกาหลี ญี่ป่ ุน ฮ่องกง สิงคโปรมาก เช่น ใน กรณีการอา่ น คะแนนของนกั เรียนไทยจะห่างจากประเทศเหล่าน้ีเทียบไดเ้ ท่ากบั 2.5 kruwirot wannachai satreesiriket school

117 จากบทความขา้ งตน้ หากนกั เรียนตอ้ งการจะศึกษาและแกไ้ ขปัญหาดงั กล่าว นกั เรียนควรจะศึกษา แนวคิด ทฤษฏี และงานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ งในประเดน็ ใดบา้ ง พร้อมท้งั ระบุแหล่งอา้ งอิง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

118 คำสั่ง จากประเดน็ ปัญหาของกลุ่มตน ใหน้ าประเดน็ ดงั กล่าวมาสืบคน้ แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่ เกี่ยวขอ้ ง 7. แนวคิด ทฤษฎแี ละงำนวจิ ัยทเี่ กีย่ วข้อง ............................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

119 ข้อมูล (Data) หมายถึงขอ้ เทจ็ จริงหรือเรื่องราวที่เก่ียวขอ้ งกบั สิ่งตา่ งๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานท่ี ฯลฯ โดย อยใู่ นรูปแบบที่เหมาะสมต่อการส่ือสาร การแปลความหมายและการประมวลผล ซ่ึงขอ้ มูลอาจจะไดม้ าจาก การสังเกต การรวบรวม การวดั ขอ้ มูลเป็นไดท้ ้งั ขอ้ มูลตวั เลขหรือสญั ลกั ษณ์ใดๆ ที่สาคญั จะตอ้ งมีความ เป็นจริงและตอ่ เน่ือง ตวั อยา่ งของขอ้ มูล เช่น คะแนนสอบ ชื่อนกั เรียน เพศ อายุ เป็ นตน้ สำรสนเทศ (Information) หมายถึงขอ้ มูลท่ีไดผ้ า่ นกระบวนการประมวลผลแลว้ อาจใชว้ ธิ ีง่าย ๆ เช่น การหาค่าเฉล่ียหรือใช้ เทคนิคข้นั สูง เช่น การวิจยั เป็นตน้ เพ่อื เปลี่ยนแปลงสภาพขอ้ มูลทวั่ ไปใหอ้ ยใู่ นรูปแบบที่มีความสัมพนั ธ์ หรือมีความเก่ียวขอ้ งกนั เพอ่ื นาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการตดั สินใจหรือตอบปัญหาตา่ ง ๆ ได้ ข้อมูลมีประโยชน์มำกมำยดงั นี้ 1. ดา้ นการเรียน เช่น ขอ้ มูลท่ีไดจ้ าก โทรทศั น์ วทิ ยุ หนงั สือพิมพ์ เพื่อนามาใชป้ ระโยชนใ์ นการ เรียนได้ เป็นขอ้ มูลหรือความรู้เพิ่มเติม 2. ดา้ นการติดต่อส่ือสาร เช่น ถา้ เรามีขอ้ มูล เราสามารถท่ีจะสนทนาพูดคุย หรือบอกเรื่องตา่ ง ๆ ใหก้ บั ผอู้ ื่นได้ 3. ดา้ นการตดั สินใจ เป็นการใชช้ ่วยใหเ้ ราตดั สินใจตา่ ง ๆ ไดด้ ีข้ึน เช่น การเลือกซ้ือของเล่น ถา้ เราทราบราคาของเล่นในแต่ละร้าน จะทาใหเ้ ราเลือกซ้ือของเล่นท่ีเหมือนกนั ไดใ้ นราคาท่ีถูกท่ีสุด ประเภทของข้อมูล 1. แบง่ ตามคุณสมบตั ิของค่าที่วดั ได้ 1.1 ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ เป็นขอ้ มูลที่ค่าออกมาในรูปของประเภท หรือชนิด เช่น เพศ อาชีพ ระดบั การศึกษา kruwirot wannachai satreesiriket school

120 1.2 ขอ้ มูลเชิงปริมาณ เป็นขอ้ มูลที่วดั ค่าออกมาในรูปของจานวน หรือขนาด โดยสามารถ บอกปริมาณความมาก นอ้ ยได้ เช่น คะแนนสอบ จานวนเงินที่เป็นรายได้ เงินเดือน 2. แบ่งตามแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล แบง่ ได้ 2 ชนิด 2.1 ขอ้ มูลปฐมภูมิ (primary data) หมายถึงขอ้ มูลที่ผใู้ ชเ้ ก็บรวบรวมข้ึนเอง เช่น การเกบ็ ขอ้ มูลจากแบบสอบถาม การเก็บขอ้ มูลจากการทดลอง การเกบ็ ขอ้ มูลจากทดสอบ 2.2 ขอ้ มูลทุติยภูมิ (secondary data) หมายถึงขอ้ มูลท่ีผใู้ ชน้ ามาจากหน่วยงานอ่ืน หรือเป็น ขอ้ มูลที่ผใู้ ชไ้ ดเ้ ก็บรวบรวมไวแ้ ลว้ ในอดีต เช่น รายงานประจาปี ขอ้ มูลทอ้ งถ่ิน วธิ ีกำรตรวจสอบคุณภำพของข้อมูล 1. ตรวจสอบความครบถว้ นของขอ้ มูล เป็นการตรวจสอบรายการต่างๆ วา่ ไดม้ ีการบนั ทึกครบถว้ น ทุกรายการท่ีกาหนดไวห้ รือไม่ 2. ตรวจสอบความถูกตอ้ งและความแนบนยั ของขอ้ มูล เป็ นการตรวจสอบวา่ มีการบนั ทึกถูกตอ้ ง แนบนยั กนั หรือไม่ ดงั น้ี 2.1 การตรวจสอบความแนบนยั ภายใน (internal consistency) คือ การตรวจสอบวา่ ขอ้ มูลมี ความสมั พนั ธ์กนั มีความสอดคลอ้ งกนั หรือไม่ 2.2 การตรวจสอบความแนบนยั ภายนอก (external consistency) คือ การตรวจสอบความ ถูกตอ้ งของขอ้ มูล โดยอาศยั ความรู้ ความชานาญ หรือสถานการณ์ภายนอกมาช่วยในการพจิ ารณา ตวั อย่ำง การสารวจประชากรในชนบท มีขอ้ มูล ดงั น้ี 1. ช่ือ สกลุ ............นายดี มากหลาย...................................................................................... 2. เพศ  ชาย  หญิง 3. อาย.ุ .......14...........ปี 4. การศึกษา...........ปริญญาตรี.............................................................................................. 5. อาชีพหลกั .........ทานา....................................................................................................... 6. เน้ือที่ครอบครองทาการเกษตร..............10.............ไร่ ไดผ้ ลผลิต.......20.......เกวยี น 7. รายไดจ้ ากการประกอบอาชีพหลกั ในปี ท่ีผา่ นมา............5,000..............................บาท จำกตวั อย่ำงแบบสำรวจข้ำงต้นจะต้องตรวจสอบว่ำ kruwirot wannachai satreesiriket school

121 - การตรวจสอบการครบถว้ นของขอ้ มูล ตอ้ งตรวจสอบวา่ บนั ทีกรายการครบถว้ นหรือไม่ ในกรณี ตวั อยา่ งน้ีถา้ ผทู้ ี่ถูกสารวจมีอาชีพรับราชการ ก็ไมต่ อ้ งบนั ทึกขอ้ 6 ขา้ มไปบนั ทึกในขอ้ 7 แตถ่ า้ ผตู้ อบมีอาชีพ ทาการเกษตร ก็ตอ้ งบนั ทึกขอ้ มูลในขอ้ 6 เน้ือท่ีครอบครองทาการเกษตรดว้ ย ฉะน้นั ในการตรวจสอบความ ครบถว้ นผตู้ รวจสอบจะตอ้ งดูทุกรายการวา่ มีการบนั ทึกไวห้ รือไม่อยา่ งไร - การตรวจสอบความถูกตอ้ งและความแนบนยั ของขอ้ มูล จะตอ้ งตรวจสอบวา่ ขอ้ มูลท่ีไดม้ าน้นั มี ความถูกตอ้ ง สัมพนั ธ์กนั หรือไม่ เม่ือตรวจสอบแบบสอบถามขา้ งตน้ แลว้ จะพบความผดิ ในการบนั ทึก รายการ ดงั น้ี 1. ขอ้ 2 การบนั ทึกเคร่ืองหมายท้งั เพศชายและเพศหญิง ไม่ถูกตอ้ ง ท่ีถูกตอ้ งเป็ นเพศชายอยา่ งเดียว 2. อายุ 14 ปี จบการศึกษาปริญญาตรี ไมน่ ่าจะเป็ นไปได้ จะเห็นวา่ การบนั ทึกในขอ้ 3 และขอ้ 4 ไม่ แนบนยั กนั 3. บนั ทึกในขอ้ 6 มีท่ีนา 10 ไร่ ไดผ้ ลผลิตขา้ ว 20 เกวยี น (เทา่ กบั 2,000 ถงั ) ไมน่ ่าจะเป็นไปได้ เพราะ เฉล่ีย ผลผลิตต่อไร่ เทา่ กบั 2,000 ถงั หรือเทา่ กบั 200 ถงั ต่อไร่ ซ่ึงสูงผดิ ปกติ ฉะน้นั การบนั ทึก 10 ขอ้ มูลอาจจะผิดที่จานวนที่นา หรือจานวนผลผลิต กไ็ ด้ kruwirot wannachai satreesiriket school

122 คำส่ัง ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มตรวจสอบความน่าเช่ือถือของขอ้ มูลตามประเดน็ ท่ีตอ้ งการศึกษาของกลุ่มตน 1. ชื่อประเด็นปัญหา .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการคน้ ควา้ ลาดบั วนั เดือน ปี ขอ้ มูลท่ีได้ แหล่งท่ีมา 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 kruwirot wannachai satreesiriket school

123 3. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของขอ้ มูลและแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและแหล่งขอ้ มูล ขอ้ มูลในลาดบั ท่ี 1  น่าเชื่อถือ เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไม่น่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ที่ 2  น่าเชื่อถือ เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไมน่ ่าเชื่อถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ที่ 3  น่าเชื่อถือ เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไมน่ ่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. kruwirot wannachai satreesiriket school

124 ขอ้ มูลในลาดบั ท่ี 4  น่าเชื่อถือ เพราะ........................................................................................................... ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไมน่ ่าเชื่อถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ที่ 5  น่าเช่ือถือ เพราะ........................................................................................................... ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไม่น่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอ้ มูลในลาดบั ท่ี 6  น่าเชื่อถือ เพราะ............................................................................................................ ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................  ไมน่ ่าเช่ือถือ เพราะ....................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. kruwirot wannachai satreesiriket school

125 ค่ำกลำง คา่ กลางเป็นตวั แทนของขอ้ มูลท้งั หมดเพือ่ ความสะดวกในการสรุปเรื่องราวเกี่ยวกบั ขอ้ มูล น้นั ๆ จะช่วยทาใหเ้ กิดการวเิ คราะห์ขอ้ มูลถูกตอ้ งดีข้ึน ตวั อยา่ ง เช่น สปั ดาห์น้ีนกั เรียนไดเ้ งินจากผปู้ กครอง ดงั น้ี วนั จนั ทร์ 60 บ. วนั องั คาร 50 บ. วนั พธุ 60 บ. วนั พฤหสั บดี 70 บ. วนั ศุกร์ 80 บ. วนั เสาร์ 60 บ. วนั อาทิตย์ 50 บ. คุณครูถามนกั เรียนวา่ ไดเ้ งินจากผปู้ กครองวนั ละกี่บาท นกั เรียนจะตอบอยา่ งไร เพราะในแต่ ละวนั ไดเ้ งินไม่เทา่ กนั ดังน้ันกำรหำค่ำกลำงของข้อมูลจึงเป็ นคำตอบทนี่ ักเรียนควรใช้ในกำรตอบคุณครู การหาคา่ กลางของขอ้ มูลมีวิธีหาหลายวธิ ี แต่ละวธิ ีมีขอ้ ดีและขอ้ เสีย และมีความเหมาะสมในการนาไปใชไ้ ม่ เหมือนกนั ข้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะขอ้ มูล และวตั ถุประสงคข์ องผใู้ ชข้ อ้ มูล คา่ กลางของขอ้ มูลท่ีสาคญั มี 3 ชนิด คือ 1. ค่าเฉล่ียเลขคณิต (Arithmetic mean) 2. มธั ยฐาน (Median) 3. ฐานนิยม (Mode) กรณีที่ 1 ไม่แจกแจงควำมถ่ี ค่ำเฉลย่ี เลขคณติ (Arithmetic mean) คือจานวนท่ีไดจ้ ากผลรวมของขอ้ มูลท้งั หมดแลว้ หารดว้ ยจานวนชุดของขอ้ มูล ค่าเฉลี่ยเลขคณิตเขียนแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์ X หลกั ในการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต 1. นาขอ้ มูลท้งั หมดมารวมกนั 2. นาผลรวมท้งั หมดหารดว้ ยจานวนขอ้ มูลท้งั หมด สูตร X   X เมื่อ N คือ จานวนขอ้ มูล N kruwirot wannachai satreesiriket school

126 ตวั อยา่ งท่ี 1 จงหาค่าเฉล่ียเลขคณิตของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วธิ ีทา X   X N X  37866 5 X 6 คา่ เฉลี่ยเลขคณิตของขอ้ มูล คือ 6 มธั ยฐำน (Median) คือคา่ ท่ีอยใู่ นตาแหน่งก่ึงกลางของขอ้ มูลท้งั หมด หลกั ในการหาคา่ มธั ยฐาน 1. โดยเรียงลาดบั ของขอ้ มูลจากนอ้ ยไปหามาก หรือจากมากไปหานอ้ ย 2. หาตาแหน่งก่ึงกลางของขอ้ มูล ดงั น้ี ตาแหน่งก่ึงกลาง  n 1 , ( n คือ จานวนขอ้ มูลท้งั หมด ) 2 ตวั อยา่ งท่ี 2 จงหาคา่ มธั ยฐานของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วธิ ีทา นาขอ้ มูลมาเรียงลาดบั ใหมจ่ ากนอ้ ยไปหามาก ดงั น้ี 3 , 6 , 6 , 7 , 8 มีขอ้ มูลท้งั หมด 5 ตวั ตวั ท่ีอยูต่ รงกลางคือตาแหน่งท่ี 3 (มาจาก 5 1 ) 2 มธั ยฐานของขอ้ มูล คือ 6 (เพราะ 6 อยใู่ นตาแหน่งท่ี 3 ซ่ึงอยกู่ ่ึงกลาง) ตวั อยา่ งท่ี 3 จงหาคา่ มธั ยฐานของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 , 9 นาขอ้ มูลมาเรียงลาดบั ใหมจ่ ากนอ้ ยไปหามาก ดงั น้ี 3 , 6 , 6 , 7 , 8 , 9 มีขอ้ มูลท้งั หมด 6 ตวั ตวั ที่อยูต่ รงกลางคือตาแหน่งที่ 3 , 4 (มาจาก 6 1 ) 2 มธั ยฐานของขอ้ มูล คือ 6.5 (มาจาก 6  7 ) 2 ฐำนนิยม (Mode) คือ ขอ้ มูลที่มีความถ่ีสูงสุด ตวั อยา่ งท่ี 4 จงหาฐานนิยมของขอ้ มูล 3 , 7 , 8 , 6 , 6 วธิ ีทา 3 มีความถี่ 1 คร้ัง 7 มีความถ่ี 1 คร้ัง 8 มีความถี่ 1 คร้ัง 6 มีความถี่ 2 คร้ัง ฐานนิยมของขอ้ มูล คือ 6 kruwirot wannachai satreesiriket school

127 ตวั อยา่ งท่ี 5 จงหาคา่ เฉล่ียเลขคณิต , มธั ยฐาน และฐานนิยม ของน้าหนกั ตวั ของนกั เรียน ชายจานวน 8 คน ดงั น้ี 42 กก. , 52 กก. , 48 กก. , 44 กก. , 54 กก. , 52 กก. , 42 กก. และ 63 กก. วธิ ีทา ค่าเฉล่ียเลขคณิต X X N X  42  52  48  44  54  52  42  63 8 X  49.625 ค่าเฉล่ียเลขคณิตของขอ้ มูล คือ 46.625 มธั ยฐาน เรียงขอ้ มูลจากนอ้ ยไปมาก 42 , 42 , 44 , 48 , 52 , 52 , 54 , 63 ขอ้ มูล 8 ตวั ขอ้ มูลที่อยตู่ รงกลาง คือ ตวั ที่ 4 คือ 48 กบั ตวั ที่ 5 คือ 52 ขอ้ มูลที่อยตู่ รงกลางระหวา่ ง 48 ถึง 52 คือ 50 ดงั น้ี 48 , 49 , 50 , 51 , 52 มธั ยฐานของขอ้ มูล คือ 50 ฐานนิยม 42 มีความถี่ 2 คร้ัง44 มีความถ่ี 1 คร้ัง 48 มีความถ่ี 1 คร้ัง 52 มีความถี่ 2 คร้ัง 54 มีความถ่ี 1 คร้ัง 63 มีความถ่ี 1 คร้ัง ขอ้ มูลที่มีความถ่ีมากที่สุด คือ 42 กบั 52 ฐานนิยมของขอ้ มูล คือ 42 กบั 52 กรณที ่ี 2 แจกแจงควำมถ่ี ค่ำเฉลยี่ เลขคณติ ท่ีมีการแจกแจงความถ่ี หาไดด้ งั น้ี X   fX เมื่อ f คือ ความถี่ , N คือ จานวนขอ้ มูล N kruwirot wannachai satreesiriket school

128 ตวั อยา่ งท่ี 6 จงหาอายเุ ฉล่ียของหลอดไฟฟ้าจานวน 40 หลอด จากตารางขา้ งล่างน้ี อายกุ ารใชง้ าน(ชว่ั โมง) จานวน(หลอด) 118-122 2 123-127 8 128-132 15 133-137 11 138-142 3 143-147 1 วธิ ีทา อายกุ ารใชง้ าน(ชว่ั โมง) จุดก่ึงกลาง(x) จานวน(f) fx 118-122 120 2 240 123-127 125 8 1000 128-132 130 15 1950 133-137 135 11 1485 138-142 140 3 420 143-147 145 1 145 รวม X   fX  f = N = 40  fX =5240 N X  5240 40 X  131 อายเุ ฉล่ียของหลอดไฟฟ้า คือ 131 ชวั่ โมง kruwirot wannachai satreesiriket school

129 คำสั่ง ใหเ้ ขียนคาตอบดว้ ยลายมือที่อ่านง่ายและเป็นระเบียบ 1. นกั เรียนไดร้ ับเงินจากผูป้ กครองมาใชจ้ ่ายที่โรงเรียน ดงั น้ี วนั จนั ทร์ 60 บาท วนั องั คาร 50 บาท วนั พุธ 80 บาท วนั พฤหสั บดี 70 บาท วนั ศุกร์ 60 บาท และวนั เสาร์ 70 บาท ใหแ้ สดงการคานวณวา่ นกั เรียนได้ เงินจากผปู้ กครองมาใชจ้ ่ายที่โรงเรียนวนั ละเป็นเงินก่ีบาท จากคา่ กลางต่อไปน้ี ค่าเฉล่ียเลขคณิต , มธั ยฐาน และฐานนิยม .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

130 2. จากการสารวจความส่วนสูงของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 2/1 ปรากฏดงั ตารางขา้ งล่างน้ี ใหแ้ สดง การคานวณวา่ โดยเฉล่ียแลว้ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 2/1 มีความสูงเฉลี่ยเทา่ ไร ตารางสารวจส่วนสูงของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 2/1 ส่วนสูง(เซนติเมตร) จานวนนกั เรียน(คน) 120 – 129 3 130 -139 7 140 -149 10 150 -159 0 160 -169 8 170 -179 2 .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

131 ร้อยละ(Percentage) เขียนแทนดว้ ยสัญลกั ษณ์(%) เป็นการเปรียบเทียบจานวนใดจานวนหน่ึงกบั จานวนเตม็ 100 เช่นร้อยละ 80 หรือ 80% หรือ 80:100 หรือ 80 เป็นตน้ ร้อยละนิยมใชก้ นั มากในงานวจิ ยั เพราะเป็นตวั เลขท่ี 100 เขา้ ใจไดง้ ่าย ตวั อยา่ งเช่น กลุ่มตวั อยา่ งของผตู้ อบแบบสอบถาม เก่ียวกบั สภาพการจดั การเรียนการสอน วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ปรากฏดงั ตาราง ตาราง แสดงลกั ษณะของกลุ่มตวั อยา่ งผตู้ อบแบบสอบถามสภาพการจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ คุณลกั ษณะ จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 189 32.10 หญิง 399 67.90 ระดบั กำรศึกษำ ต่ากวา่ ปริญญาตรี 11 1.90 ปริญญาตรี 522 88.80 สูงกวา่ ปริญญาตรี 55 9.40 วชิ ำเอก วทิ ยาศาสตร์และท่ีเกี่ยวขอ้ ง 323 54.90 ไม่ใช่วทิ ยาศาสตร์ 265 45.10 จากตาราง ผตู้ อบแบบสอบถามประมาณ 2 ใน 3 เป็นผูห้ ญิง และผตู้ อบแบบสอบถามส่วน ใหญ่ ร้อยละ88.80 จบการศึกษาระดบั ปริญญาตรี ครูผสู้ อนวทิ ยาศาสตร์มีคุณวุฒิวชิ าเอกทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และสาขาที่เก่ียวขอ้ ง เช่น เกษตร คณิตศาสตร์ สูงกวา่ ไมใ่ ช่วชิ าเอกวทิ ยาศาสตร์เล็กนอ้ ย kruwirot wannachai satreesiriket school

132 คำสั่ง ใหน้ กั เรียนเขียนตอบดว้ ยลายมือท่ีอ่านง่ายและเป็นระเบียบ สถานภาพส่วนตวั ของผูต้ อบแบบสอบถาม ซ่ึงไดจ้ ากการสอบถามของครูผสู้ อนใน สถานศึกษาท่ีเป็นกลุ่มตวั อยา่ ง จานวน 140 สถานศึกษาๆละ 3 คน รวมท้งั สิ้น 420 คน ดงั ตาราง ตาราง แสดงจานวนครูที่ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกบั สถานภาพส่วนตวั สถำนภำพส่ วนตัว จำนวน ร้อยละ เพศ 159 ………….. ชาย 261 ………….. หญิง 20 ………….. อำยุ 48 ………….. 20 – 29 ปี 270 …………... 30 – 39 ปี ………… …………… 40 – 49 ปี 50 ปี ข้ึนไป 12 …………… ………… ……………. ระดบั กำรศึกษำ ……………. ต่ากวา่ ปริญญาตรี 18 ระดบั ปริญญาตรี …………… สูงกวา่ ปริญญาตรี 144 …………… 201 …………… ขนำดสถำนศึกษำ 75 ขนาดเลก็ (นกั เรียนต่ากวา่ 120 คน) ขนาดกลาง (นกั เรียน 121 – 300 คน) ขนาดใหญ่ (นกั เรียน 301 คนข้ึนไป) kruwirot wannachai satreesiriket school

133 จากตาราง พบวา่ สถานภาพส่วนตวั ของผตู้ อบแบบสอบถามท่ีเป็นกลุ่มตวั อยา่ ง ส่วนใหญ่เป็น เพศหญิง จานวน 261 คน คิดเป็นร้อยละ.............. มีอายรุ ะหวา่ ง 40 – 49 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ................ ระดบั การศึกษา มีการศึกษาอยใู่ นระดบั ปริญญาตรีมากที่สุด คิดเป็ นร้อยละ ................ และขนาดของสถานศึกษาเป็ นสถานศึกษาขนาดกลางมากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ.................. kruwirot wannachai satreesiriket school

134 คำส่ัง จากประเดน็ การศึกษาในกลุ่มตน ใหด้ าเนินการคานวณหาค่าสถิติท่ีเหมาะสม 8. วธิ ีดำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำ .............................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 9. ผลของกำรศึกษำค้นคว้ำ .............................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

135 แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 รอบรู้และเห็นคุณค่ำ กำรศึกษำค้นคว้ำและสร้ำงองค์ควำมรู้ (IS1) รหสั วชิ ำ I20201 รำยวชิ ำเพมิ่ เตมิ ช้ันมธั ยมศึกษำปี ที่ 2 ภำคเรียนท่ี 1 จำนวน 1 หน่วยกติ เวลำ 6 ช่ัวโมง สำระสำคัญ การวเิ คราะห์ , สงั เคราะห์และสรุปองคค์ วามรู้จากประเด็นปัญหาที่สนใจ(การศึกษา) จะช่วยใหไ้ ด้ ขอ้ สรุป แนวคิด การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบจากองคค์ วามรู้ที่คน้ พบ เป็นประโยชน์และมีคุณคา่ ต่อตนเอง ครอบครัว และชุมชน สำระกำรเรียนรู้ 1. การวเิ คราะห์ การสงั เคราะห์ และการสรุปองคค์ วามรู้ 2. ประโยชนแ์ ละคุณค่าของการศึกษาคน้ ควา้ ผลกำรเรียนรู้ 7. วเิ ครำะห์ สังเครำะห์ข้อมูล สรุปองค์ควำมรู้ ด้วยกระบวนกำรกล่มุ อภปิ รำย วพิ ำกษ์ และ แลกเปลย่ี นควำมคดิ เห็นองค์ควำมรู้ทไ่ี ด้จำกกำรค้นพบ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ สรุปองคค์ วามรู้ดว้ ยการวเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูลได้ ทกั ษะ/กระบวนกำร 1. ใชก้ ระบวนการกลุ่มวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ มูลสรุปองคค์ วามรู้ได้ 2. กระบวนการกลุ่ม 3. กระบวนการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ kruwirot wannachai satreesiriket school

136 คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ 1. ใฝ่ รู้ใฝ่ เรียน 2. มุง่ มน่ั ต้งั ใจทางาน สมรรถนะ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3. ความสามารถในการสื่อสาร 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ภำระงำน 1. ใบงานที่ 23 เร่ืองการวิเคราะห์ สงั เคราะห์และสรุปองคค์ วามรู้ 2. ใบงานท่ี 24 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 9) เรื่ององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ 8. เหน็ คุณค่ำของกำรศึกษำค้นคว้ำด้วยตนเอง ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ แสดงความคิดเห็นถึงคุณค่าของการศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองได้ ทกั ษะ/กระบวนกำร 1.ใชก้ ระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ร่วมสรุปความคิดเห็นถึงคุณค่า ของ การศึกษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเองได้ 2. กระบวนการกลุ่ม 3. กระบวนการแกป้ ัญหา คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. ใฝ่ รู้ใฝ่ เรียน 2. มุง่ มนั่ ต้งั ใจทางาน kruwirot wannachai satreesiriket school

137 สมรรถนะ 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3. ความสามารถในการส่ือสาร 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ภำระงำน ใบงานท่ี 25 (งานกลุ่ม คร้ังท่ี 10) เรื่องเห็นคุณคา่ ขององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ สื่อกำรเรียนรู้/แหล่งเรียนรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ ใบเรียนรู้ ใบเรียนรู้ท่ี 12 เร่ืองการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ ใบงำน 1. ใบงานที่ 23 เร่ืองการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ 2. ใบงานท่ี 24 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 9) เร่ืององคค์ วามรู้ท่ีคน้ พบ 3. ใบงานที่ 25 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 10) เรื่องเห็นคุณคา่ ขององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ แหล่งเรียนรู้ - หอ้ งสมุด , ผูเ้ ช่ียวชาญ , สถานท่ีสาคญั ตา่ งๆ - อินเตอร์เน็ต เช่น WWW.GOOGLE.COM , gg.gg/kruwirot-wannachai ฯลฯ กำรวดั ผล/ประเมนิ ผล งำนบุคคล (ความรู้ ความเขา้ ใจ และคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค)์ - ตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ที่ 23 - แบบประเมินคุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ kruwirot wannachai satreesiriket school

138 งำนกล่มุ (การทางานกลุ่ม การแกป้ ัญหา) - การนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน - การตรวจผลงานจากการทาใบงานลาดบั ท่ี 24 และ 25 กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ชั่วโมงที่ 33 เรื่องกำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์และสรุปองค์ควำมรู้ ข้นั สอน นาเสนอคาวา่ Body Of Knowledge บนกระดานดา และใหน้ กั เรียนคน้ หาความหมาย โดย ใชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความหมาย ข้นั สอน นกั เรียนแต่ละคนศึกษาใบความรู้ลาดบั ที่ 12 เรื่องการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองค์ ความรู้แลว้ ทาใบงานลาดบั ที่ 23 เร่ืองการวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปองคค์ วามรู้ แลว้ นาเสนอผลงานของ ตน ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปคาตอบท่ีถูกตอ้ งของใบงานลาดบั ที่ 23 และเปิ ดโอกาสให้ นกั เรียนท่ีมีผลงานแตกตา่ งกนั ไดน้ าเสนอผลงานของตน กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 34 - 35 เรื่องกำรวเิ ครำะห์ สังเครำะห์และสรุปองค์ควำมรู้ ข้นั นำ สุ่มตวั แทนนกั เรียน 1 – 2 กลุ่ม ใหน้ าเสนอประเด็นปัญหา(เร่ืองท่ีศึกษา) ของกลุ่มตน ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้นั สอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั แสดงความคิดเห็น ในการทาใบงานลาดบั ท่ี 24 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 9) เร่ืององคค์ วามรู้ที่คน้ พบ โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมแสดงความเห็น ใชเ้ ทคโนโลยใี นการ สืบคน้ ขอ้ มูล เก่ียวกบั ความรู้ท่ีกลุ่มของตนไดค้ น้ พบ แลว้ นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพือ่ รับการวพิ ากษ์ kruwirot wannachai satreesiriket school

139 ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวพิ ากษ์ ความรู้ท่ีแต่ละกลุ่มคน้ พบ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 36 - 38 เรื่องเห็นคุณค่ำขององค์ควำมรู้ทคี่ ้นพบ ข้นั นำ สุ่มตวั แทนนกั เรียน 1 – 2 กลุ่ม ใหน้ าเสนอความรู้ท่ีกลุ่มตนคน้ พบ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุป ข้นั สอน นกั เรียนเขา้ กลุ่มเดิม แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั แสดงความคิดเห็น ในการทาใบงานลาดบั ที่ 25 (งานกลุ่ม คร้ังที่ 10) เร่ืองเห็นคุณคา่ ขององคค์ วามรู้ท่ีคน้ พบ โดยสมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมแสดงความเห็น ใช้ เทคโนโลยใี นการสืบคน้ ขอ้ มูล เกี่ยวกบั ประโยชน์ คุณค่าของความรู้ท่ีกลุ่มของตนไดค้ น้ พบ แลว้ นาเสนอ หนา้ ช้นั เรียนเพ่ือรับการวพิ ากษ์ ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปและวพิ ากษถ์ ึงประโยชน์ คุณคา่ ของความรู้ที่แตล่ ะกลุ่มได้ คน้ พบ kruwirot wannachai satreesiriket school

140 ภำคผนวก หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 3 รอบรู้และเห็นคุณค่ำ kruwirot wannachai satreesiriket school

141 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนรำยบุคคล เลขที่ ช่ือ สกุล ควำมต้งั ใจ ควำม กำรตรง ควำม ผลสำเร็จ รวม ในกำร รับผดิ ชอบ ต่อเวลำ สะอำด ของงำน 20 ทำงำน เรียบร้อย คะแนน 43214321432143214321 เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงชื่อ........................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

142 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนกล่มุ ชื่อกล่มุ ........................................................................................................ช้นั ................................................ ลำดบั รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน รวม 4321 1 การแบง่ หนา้ ท่ีอยา่ งเหมาะสม 2 ความร่วมมือในการทางาน 3 การนาเสนอ 4 การรับฟังและแสดงความคิดเห็น 5 ความมีน้าใจ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

143 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน ม่งุ มนั่ ต้งั ใจทำงำน เลขที่ ช่ือ สกลุ ปฏิบตั ติ ำม แสวงหำ สรุปควำมรู้ มคี วำมต้งั ใจ ควำมอดทน รวม ข้อตกลง ข้อมูลจำก ได้อย่ำงมี ทำงำน ไม่ท้อแท้ 20 แหล่งเรียนรู้ เหตผุ ล คะแนน 43214321432143214321 ลงชื่อ.................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้ัง ดี พอใช้ เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ตอ้ งปรับปรุง 18 – 20 คะแนน ระดบั คุณภาพ 14 – 17 คะแนน ระดบั คุณภาพ 10 – 13 คะแนน ระดบั คุณภาพ ต่ากวา่ 10 คะแนน ระดบั คุณภาพ kruwirot wannachai satreesiriket school

144 แบบบันทกึ หลงั กำรสอน หน่วยเรียนรู้ท่ี 1 ประเดน็ ทฉ่ี ันสนใจ ครูผสู้ อน.............................................................................................หอ้ งท่ีสอน............................ 1. เวลาในการสอน  ตรงตามแผน  นอ้ ยกวา่ แผน  มากกวา่ แผน บนั ทึกเพม่ิ เติม...................................................................................................................................... 2. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ......................... 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 3. ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... 4. ดา้ นสมรรถนะท่ีสาคญั  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ......................... บนั ทึกเพ่ิมเติม.......................................................................................................................... 3. การใชส้ ่ือ/แหลง่ เรียนรู้  ตรงตามแผน  ไม่ตรงตามแผน เพราะ.......................................................................................................... บนั ทึกเพม่ิ เติม.............................................................................................................................. 4. การวดั และประเมินผล  ตรงตามแผน  ไมต่ รงตามแผน เพราะ............................................................................................................ บนั ทึกเพม่ิ เติม................................................................................................................................ 5. ปัญหา/อุปสรรค์ ....................................................................................................................................................... 6. แนวทางแกไ้ ข ....................................................................................................................................................... ลงชื่อ..................................................ครูผสู้ อน ลงช่ือ....................................................รองฯกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ (.......................................................) (............................................................) ลงชื่อ.......................................................ผอู้ านวยการ (.............................................................) kruwirot wannachai satreesiriket school

145 องค์ควำมรู้ (Body Of Knowledge) เป็นความรู้ท่ีเกิดข้ึนจากเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง ซ่ึงอาจเกิดข้ึนจากการถ่ายทอดจากประสบการณ์ หรือจาก การวเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูล โดยความรู้ท่ีเกิดข้ึนน้นั ผูร้ ับสามารถนาไปใชไ้ ดโ้ ดยตรง หรือนาไปปรับใช้ เพื่อใหเ้ หมาะสมกบั สถานการณ์ หรืองานที่ทาอยู่ แหล่งกำเนิดขององค์ควำมรู้ 1. ความรู้ท่ีไดร้ ับการถ่ายทอดจากบุคคลอื่น 2. ความรู้ท่ีเกิดจากประสบการณ์ในการทางาน 3. ความรู้ที่ไดจ้ ากการวจิ ยั 4. ความรู้จากการประดิษฐค์ ิดคน้ ส่ิงใหมๆ่ 5. ความรู้ท่ีมีปรากฏอยใู่ นแหล่งความรู้ภายนอกองคก์ ร ประเภทขององค์ควำมรู้ 1. องคค์ วามรู้ท่ีสามารถอธิบายได้ เป็นองคค์ วามรู้ซ่ึงทาความเขา้ ใจไดจ้ ากการฟัง การอธิบาย การ อา่ น และการนาไปใช้ 2. องคค์ วามรู้ท่ีไม่สามารถอธิบายได้ หรืออธิบายไดย้ าก เป็ นองคค์ วามรู้ที่อธิบายไดย้ าก หรือ บางคร้ังไม่สามารถอธิบายไดว้ า่ กดั ความรู้เหล่าน้นั ไดอ้ ยา่ งไร ไม่มีแบบแผนโครงสร้างที่แน่ชดั มกั เกิด ข้ึนกบั ตวั บุคคล กำรจัดกำรองค์ควำมรู้ หมายถึงการรวบรวมองคค์ วามรู้ท่ีมีอยซู่ ่ึงกระจดั กระจายอยใู่ นตวั บุคคลหรือเอกสารมาพฒั นาให้ เป็นระบบ เพ่ือใหท้ ุกคนสามารถเขา้ ถึงองคค์ วามรู้ และพฒั นาตนเองใหเ้ ป็นผรู้ ู้ รวมท้งั ปฏิบตั ิงานไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ อนั จะส่งเสริมใหอ้ งคก์ รมีความสามารถในเชิงแขง่ ขนั kruwirot wannachai satreesiriket school

146 เครื่องมือในกำรจัดกำรองค์ควำมรู้ การจดั การองคค์ วามรู้ ประกอบดว้ ยกระบวนการหลกั ๆ ไดแ้ ก่ การคน้ หาความรู้ การสร้างและ แสวงหาความรู้ใหม่ การจดั การความรู้ใหเ้ ป็นระบบ การประมวลผลและกลน่ั กรองความรู้ การแบง่ ปัน แลกเปลี่ยนองคค์ วามรู้ และการนาความรู้ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด กำรวเิ ครำะห์ (Analysis) หมายถึง การแยกแยะทางความคิด หรือทางวตั ถุส่ิงใดส่ิงหน่ึง หรือเรื่องใดเรื่องหน่ึง เพอ่ื ใหเ้ ห็น องคป์ ระกอบ เพ่ือศึกษาแตล่ ะองคป์ ระกอบ หรือวา่ แยกแยะเพื่อใหเ้ ห็นความสัมพนั ธ์ขององคป์ ระกอบตา่ งๆ ที่ทาใหเ้ กิดส่ิงน้นั หรือเรื่องน้นั ตวั อยา่ งการวเิ คราะห์ เช่น การอ่านหนงั สือ หรือบทความต่างๆ แลว้ นามา แยกแยะเน้ือหาของหนงั สือ หรือบทความ ออกเป็นส่วนๆวา่ แตล่ ะส่วนมีความสัมพนั ธ์กนั อยา่ งไร วธิ ีคดิ เชิงวเิ ครำะห์ 1. กาหนดขอบเขตหรือนิยามสิ่งที่เราจะวเิ คราะห์ใหช้ ดั เจน 2. กาหนดจุดมุง่ หมายวา่ จะวิเคราะห์เพื่ออะไร 3. พิจารณาหลกั ความรู้หรือทฤษฎีท่ีเก่ียวขอ้ งวา่ จะใชห้ ลกั ใดในการวเิ คราะห์ 4. ใชห้ ลกั ความรู้น้นั ให้ตรงกบั เรื่องที่จะวเิ คราะห์เป็นกรณีๆไปและตอ้ งรู้วา่ ควรจะ วเิ คราะห์อยา่ งไร 5. สรุปและรายงานผลใหเ้ ป็ นระเบียบ กำรสังเครำะห์(Synthesis) หมายถึงกระบวนการ หรือผลของการนาเอาปัจจยั สองอยา่ งหรือมากกวา่ ท่ีแยกกนั (โดยเฉพาะ ความคิด) นามารวมกนั เขา้ เป็ นหน่ึง ก่อใหเ้ กิดส่ิงใหม่ข้ึนเป็นความรู้ใหม่ เคร่ืองมือใหมท่ างความคิด เช่นการ รวมกนั ใหเ้ ป็ นทฤษฎี ตวั อยา่ งการสังเคราะห์ เช่น การรวบรวมขอ้ มูลตา่ งๆ ที่ผา่ นการวิเคราะห์มาแลว้ มา สงั เคราะห์ใหเ้ หลือเพยี งสิ่งท่ีสาคญั ที่สุด เพียง 1 เดียวเท่าน้นั ข้นั ตอนกำรสังเครำะห์ 1. กาหนดหวั เรื่องและจุดประสงคท์ ี่จะสงั เคราะห์ใหช้ ดั เจนวา่ ตอ้ งการสังเคราะห์เพื่อให้ เกิดบูรณาภาพหรือปรากฏการณ์ใหมใ่ นรูปแบบใด เช่นเพ่ือใหเ้ กิดผลผลิต เพ่ือใหเ้ กิดขอ้ สรุป หรือ เพื่อให้ เกิดการทานายเหตุการณ์ในอนาคตโดยกาหนดวตั ถุประสงคใ์ หช้ ดั เจนดว้ ยวา่ จะสังเคราะห์เพ่ือนาผลการ สงั เคราะห์ที่ไดไ้ ปดาเนินการในสิ่งใดต่อ 2. จดั เตรียมปัจจยั และองคป์ ระกอบต่างๆที่จะนาเขา้ สู่กระบวนการสังเคราะห์ซ่ึงอาจเป็ น kruwirot wannachai satreesiriket school

147 คน สตั ว์ ส่ิงของ หรือเป็นประเด็นนามธรรมต่างๆ คดั กรอง คดั เลือกใหไ้ ดข้ อ้ มูลหรือปัจจยั วตั ถุดิบตา่ งๆท่ีมี คุณภาพเพอ่ื นาสู่กระบวนการสงั เคราะห์ 3. สงั เคราะห์ปัจจยั และองคป์ ระกอบตา่ งๆที่เตรียมไวต้ ามจุดประสงคท์ ่ีกาหนด โดยให้ กระบวนการสังเคราะห์มุ่งท่ีการนาปรากฏการใหม่หรือบูรณาภาพท่ีไดจ้ ากการสังเคราะห์ไปใชใ้ หเ้ กิด ประโยชนต์ ามท่ีไดก้ าหนดไวใ้ นวตั ถุประสงคข์ องการสงั เคราะห์. 4. ตรวจสอบและประเมินผลการสงั เคราะห์ที่ไดว้ า่ น่าจะมีความแมน่ ยา ความเที่ยง และ ความเป็นไปไดม้ ากนอ้ ยเพียงใดเพือ่ เตรียมนาไปใชต้ ามวตั ถุประสงค์ 4.1 ผลการสงั เคราะห์ท่ีมีคุณภาพ มีความแม่นยาน่าเชื่อถือและมีความเป็นไปได้ สูง สามารถนาผลของการสังเคราะห์ดาเนินการนาไปใชใ้ นข้นั ตอ่ ไปไดต้ ามวตั ถุประสงค์ 4.2 ผลของการสังเคราะห์ที่ไมม่ ีคุณภาพ ใหน้ าผลของการสงั เคราะห์น้นั เขา้ สู่ กระบวนการวิเคราะห์เพอ่ื ดาเนินการแยกแยะตรวจสอบหาที่มาของปัจจยั และองคป์ ระกอบต่างๆท่ีไดน้ าเขา้ สู่กระบวนการสังเคราะห์ รวมท้งั ตรวจสอบคุณภาพของผทู้ าการสงั เคราะห์เพือ่ สืบคน้ หาท่ีมาและเหตุปัจจยั ท่ีทาใหผ้ ลของการการสังเคราะห์เป็นผลการสงั เคราะห์ที่ไม่มีคุณภาพ และเมื่อวิเคราะห์หาเหตุปัจจยั ต่างๆ น้นั ไดแ้ ลว้ ใหแ้ กไ้ ขปรับปรุงหรือเปล่ียนแปลงเพ่อื พฒั นาขอ้ มูลหรือองคป์ ระกอบปัจจยั ตา่ งๆน้นั ใหม้ ีคุณภาพ ต่อไปเพ่ือนาเขา้ สู่กระบวนการสังเคราะห์ใหม่อีกคร้ังหน่ึง 5.นาผลการสังเคราะห์ไปใชป้ ระโยชน์ตามจุดมุง่ หมายโดยจะนาเสนอตอ่ สาธารณะหรือ เกบ็ เป็นขอ้ มูลสังเคราะห์ส่วนตวั ก็แลว้ แต่จุดประสงคข์ องผทู้ าการสงั เคราะห์ เช่น สังเคราะห์สถานการณ์ ปัจจุบนั เพ่ือนาไปใชป้ ระกอบการคาดเดาโอกาสของเหตุการณ์ท่ีอาจจะเกิดข้ึนไดใ้ นอนาคต kruwirot wannachai satreesiriket school

148 คำส่ัง ใหเ้ ขียนคาตอบดว้ ยลายมือท่ีอา่ นไดง้ ่ายและเป็นระเบียบ 1. ใหอ้ ธิบายความหมายขององคค์ วามรู้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ใหบ้ อกถึงแหล่งกาเนิดขององคค์ วามรู้ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. การจดั การองคค์ วามรู้ หมายถึง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school

149 4. การจดั การองคค์ วามรู้ ประกอบดว้ ย กระบวนการหลกั ๆไดแ้ ก่ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 5. การวเิ คราะห์ต่างจากการสงั เคราะห์อยา่ งไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 6. ใหบ้ อกข้นั ตอนในการสังเคราะห์ .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... kruwirot wannachai satreesiriket school


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook