Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

Published by KrupisBio class, 2021-11-14 07:15:20

Description: การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

Search

Read the Text Version

การสบื พนั ธแุ์ ละการเจรญิ เติบโตของสัต์์ ผลการเรยี นรู้ • สบื คน้ ขอ้ มูล อธบิ าย และยกตัวอยา่ งการสืบพันธุ์แบบไม่อาศยั เพศและการสบื พันธุ์แบบอาศัยเพศในสตั ว์ • สืบค้นขอ้ มลู อธิบายโครงสร้างและหนา้ ทขี่ องอวยั วะในระบบสืบพันธ์เุ พศชายและระบบสบื พนั ธ์เุ พศหญงิ • อธิบายกระบวนการสรา้ งสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ และการปฏิสนธใิ นมนษุ ย์ • อธบิ ายการเจรญิ เติบโตระยะเอม็ บริโอและระยะหลงั เอม็ บริโอของกบ ไก่ และมนุษย์

เพราะเหตุใดสงิ่ มชี ์ี ติ ต้องมีการสืบพนั ธุ์ และหากไมม่ ีจะสง่ ผลอยา่ งไร ?

การสบื พันธ์ุ การสืบพันธุแ์ บ่งเปน็ กป่ี ระเภท แตล่ ะประเภทแตกตา่ งกันอย่างไร ?

การสืบพนั ธ์ุ การสืบพนั ธแุ์ บบอาศัยเพศ การสบื พนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ • อาศยั เซลลส์ ืบพนั ธ์ุ • มกี ารปฏสิ นธิระหวา่ งสเปิรม์ กบั เซลล์ไข่ • ไมต่ อ้ งอาศยั เซลลส์ บื พันธ์ุ • สง่ิ มชี ีวิตตัวใหมจ่ ะมลี กั ษณะบางประการแตกต่างกัน • ใชเ้ ซลล์รา่ งกายหรือส่วนใดสว่ นหนง่ึ ของร่างกาย • พบในสงิ่ มีชวี ิตเซลลเ์ ดยี วบางชนดิ และสงิ่ มีชวี ิตหลายเซลล์ เพ่มิ จานวน • สิ่งมชี ีวติ ตวั ใหมท่ ีเ่ กิดข้นึ มีลักษณะเหมือนสิง่ มชี วี ิต ตัวเดิมทุกประการ • พบในสิ่งมีชวี ิตท่ียงั ไม่เป็นเซลล์ ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดยี ว และส่งิ มีชีวิตหลายเซลล์

การสบื พนั ธุ์ของสตั ์์ การแตกหนอ่ (budding) การสืบพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศของสัต์์ • สงิ่ มชี ีวติ ตัวใหม่งอกออกจากสง่ิ มีชีวติ ตัวเดิม การงอกใหม่ (regeneration) • พบในไฮดรา หนอนตัวแบน ฟองนา้ • ส่วนทขี่ าดจะงอกเป็นสิ่งมชี วี ิตตวั ใหม่ • พบในพลานาเรยี ไส้เดือนดิน ดาวทะเล ปลิงนา้ จืด หน่อ

การสืบพนั ธ์ุของสัต์์ พารท์ โี นเจเนซสิ (parthenogenesis) การสืบพันธ์แุ บบไม่อาศัยเพศของสัต์์ • เพศเมียผลิตไขโ่ ดยไมต่ อ้ งไดร้ บั การปฏิสนธิ การหักเป็นท่อน (fragmentation) • พบในตก๊ั แตนกงิ่ ไม้และเพล้ยี (ไขฟ่ กั เป็นเพศผู้หรือเพศเมีย) • สว่ นของรา่ งกายหลดุ เปน็ ทอ่ น แลว้ เจริญเป็นสงิ่ มีชีวิต ส่วนผึ้ง มด ต่อ แตน (ไขฟ่ กั เป็นเพศผ้เู ทา่ นน้ั ) ตวั ใหม่ • พบในหนอนตวั แบน สาหร่ายทะเล สาหรา่ ยไฟ

การสบื พันธ์ขุ องสตั ์์ ไส้เดอื นดนิ การสบื พนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศของสัต์์ • มี 2 เพศในตัวเดียวกนั แตป่ ฏิสนธิขา้ มตัว พลานาเรยี • ไสเ้ ดือนดิน 2 ตัว จับคใู่ ชด้ ้านทอ้ งแนบกันและสลับหัว • มี 2 เพศในตวั เดียวกนั แต่ปฏสิ นธขิ ้ามตวั สลบั หาง เพ่ือแลกเปล่ียนสเปริ ม์ และเก็บไวท้ ี่ถุงเก็บสเปิรม์ • พลานาเรีย 2 ตัวจับคแู่ ลกเปล่ยี นสเปริ ์ม แลว้ สเปริ ์ม • เมอ่ื ไสเ้ ดือนดินเคลอ่ื นที่ ถุงห้มุ เซลลไ์ ขจ่ ะเคล่ือนที่ เคล่ือนไปตามทอ่ นาไขเ่ พ่อื ปฏิสนธกิ บั เซลลไ์ ข่ ไปรบั สเปิร์ม แล้วเกดิ การปฏิสนธิของเซลลไ์ ขก่ บั สเปิร์ม รังไข่ ไคลเทลลมั ช่องสบื พนั ธเ์ุ พศผู้ ท่อนาไข่ อัณฑะ ชอ่ งรบั สเปิร์ม องคชาต ชอ่ งสืบพันธเ์ุ พศเมีย ชอ่ งสบื พนั ธ์ุ

การสบื พันธข์ุ องสัต์์ การสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศของสัต์์ แมลง • แยกเพศผแู้ ละเพศเมีย • ปฏิสนธิภายในร่างกาย • สเปริ ม์ ถูกหล่งั จากองคชาตไปปฏสิ นธกิ ับเซลลไ์ ข่ทท่ี อ่ นาไข่ ทอ่ นาไข่ • แมลงเพศเมียบางชนดิ มีสเปอรม์ าทีกาเพอ่ื เกบ็ สเปริ ม์ รังไข่ อณั ฑะ สเปอรม์ าทกี า ต่อมสรา้ งน้าเลย้ี ง สเปริ ม์ มดลกู ช่องคลอด หลอดนาสเปิรม์

การสบื พนั ธุ์ของมนุษย์ ตอ่ มสร้างนา้ เลีย้ งสเปริ ์ม (seminal vesicle) • สรา้ งนา้ เล้ยี งสเปริ ม์ ทม่ี ีสภาพเปน็ เบส อ์ยั ์ะในระบบสืบพนั ธ์ุเพศชาย • มีน้า กรดอะมิโน น้าตาลฟรักโทส และสารเมอื กเป็นองค์ประกอบ อัณฑะ (testis) ตอ่ มลกู หมาก (prostate gland) • อยู่ภายในถงุ อณั ฑะ • หล่ังสารทีม่ สี ภาพเปน็ เบสเพื่อลดความเปน็ กรดในชอ่ งคลอดของเพศหญงิ • ผลติ สเปริ ์มและฮอรโ์ มนเพศชาย ตอ่ มคา์เปอร์ (Cowper’s gland) • สร้างสารหล่อลนื่ ทม่ี สี ภาพเป็นเบสชว่ ยให้สเปิร์มเคลอ่ื นทไ่ี ด้เร็วขน้ึ และลดความเป็นกรดในท่อปัสสาวะ หลอดนาสเปริ ์ม (vas deferens) • มีลักษณะเปน็ ทอ่ เป็นทางผ่านของสเปริ ม์ ทส่ี รา้ งจากอณั ฑะ ถงุ อณั ฑะ (scrotum) หลอดเกบ็ สเปิรม์ (epididymis) • หอ่ หุ้มอณั ฑะและปรบั อุณหภูมิ • อย่ดู า้ นหลงั อัณฑะ • เกบ็ สเปิร์มท่สี รา้ งมาจากอัณฑะจนกวา่ สเปิร์มจะเจรญิ เต็มที่ องคชาต (penis) • อวยั วะสืบพนั ธภุ์ ายนอกร่างกาย • เป็นทางผ่านของปสั สาวะและสเปิร์ม ของอณั ฑะใหต้ า่ กว่าอุณหภูมิปกติร่างกาย ประมาณ 3 องศาเซลเซยี ส

การสืบพันธุข์ องมนุษย์ อ์ัย์ะในระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญิง รงั ไข่ (ovary) • มี 2 อัน คนละข้างของมดลูก • ลกั ษณะคล้ายเม็ดมะม่วงหมิ พานต์ • ทาหนา้ ท่ผี ลติ เซลล์ไขแ่ ละฮอร์โมนเพศหญิง ทอ่ นาไข่ (oviduct) • ทางเช่ือมต่อระหว่างรงั ไข่ทง้ั 2 ขา้ งกบั มดลกู • เป็นทางผา่ นของเซลล์ไขท่ ี่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูก และเป็นบริเวณท่ีสเปิร์ม ปฏิสนธิกบั เซลล์ไข่ มดลูก (uterus) • มีรูปรา่ งคลา้ ยผลชมพ่หู ัวกลบั • อย่บู รเิ วณองุ้ เชงิ กรานระหวา่ งกระเพาะปัสสาวะกบั ทวารหนกั • เป็นที่ฝงั ตวั ของเซลลไ์ ข่ท่ไี ด้รบั การปฏิสนธแิ ละเปน็ ท่ีเจริญเตบิ โตของทารกในครรภ์ ช่องคลอด (vagina) • ผนงั ชอ่ งคลอดประกอบด้วยกล้ามเนื้อเรียบตามขวางที่ยืดหยุ่นได้ และมีหลอดเลือด และเสน้ ประสาทมาหลอ่ เลยี้ งจานวนมาก • เปน็ ทางผา่ นของสเปริ ม์ เข้าสูม่ ดลูกและเป็นทางออกของทารกเมอื่ ครบกาหนดคลอด

กระบ์นการสร้างเซลล์ไข่ โอโอไซต์ระยะแรก (2n) คอรป์ สั ลูเทยี ม โอโอไซต์ระยะสอง (n) โอโอโกเนยี ม (2n) โอโอทิด (n) ไมโทซสิ โอ์มั (n) ไมโอซิส ������ โพลาร์บอดี (n) ไมโอซสิ ������������ โพลาร์บอดี (n) โอโอไซต์ระยะสอง (n)

การปฏสิ นธิและการต้งั ครรภ์ 4 1. โอโอไซตร์ ะยะท่ีสองหลดุ เข้าสทู่ ่อนาไข่ 3 2. สเปริ ม์ เคลอ่ื นที่เขา้ หาเซลล์ไข่ เม่อื เซลล์ไข่ 2 ถกู กระตุ้นจากการเจาะของสเปริ ์ม โอโอไซต์ ระยะทสี่ องจะแบง่ เซลล์แบบไมโอซิส II ไดโ้ อโอทิด 1 เซลล์ ซ่ึงจะเจรญิ เป็นโอวัม และโพลารบ์ อดี 1 เซลล์ 3. นิวเคลียสของสเปริ ์มผสมกับนวิ เคลยี ส 5 ของเซลล์ไขเ่ กดิ การปฏิสนธิไดเ้ ปน็ ไซโกต 4. ไซโกตแบง่ เซลล์เพ่ิมจานวนจนเป็นเอ็มบริโอ 1 5. เอ็มบริโอเขา้ ฝังตวั ที่ผนงั มดลกู ชน้ั เอนโดมเี ทรยี ม สว่ นคอร์ปสั ลูเทียมจะสร้างโพรเจสเทอโรนซึ่งทางานรว่ มกันกบั อีสโทรเจน ทาให้เยื่อบุผนังชนั้ ในของมดลกู หนาข้นึ และมหี ลอดเลอื ดฝอยมาหล่อเลย้ี งระหวา่ งการตัง้ ครรภม์ ากขึน้

การเจรญิ เตบิ โตของสัต์์ สตั ์แ์ ต่ละชนิดมีการเจริญเตบิ โต เหมอื นหรือแตกต่างกนั อย่างไร ?

การเจรญิ เติบโตของส่งิ มชี ์ี ิต 1 การแบ่งเซลล์ (cell division) 2 การเพิ่มขนาดเซลล์หรอื การเตบิ โต (growth) 3 การเปลี่ยนแปลงเป็นเซลลท์ ม่ี ีลักษณะเฉพาะ (cell differentiation) 4 การพฒั นาเปล่ียนแปลงรปู ร่างเปน็ อ์ัย์ะ (morphogenesis)

การเจรญิ เตบิ โตและการพัฒนาของไซโกต แบ่งตามปริมาณของไขแ่ ดง (amount of yolk) ชนดิ อะเลซทิ ลั ชนดิ ไมโครเลซทิ ัล ชนดิ มีโซเลซิทัล ชนดิ พอลเิ ลซิทลั (alecithal egg) (microlecithal egg) (mesolecithal egg) (polylecithal egg) • มไี ขแ่ ดงสะสมอย่นู อ้ ยมากหรอื ไม่มีเลย • มีไขแ่ ดงสะสมอยเู่ ล็กน้อย • มไี ข่แดงสะสมอยู่ปานกลาง • มไี ขแ่ ดงสะสมอยเู่ ปน็ จานวนมาก • ไขข่ องสตั ว์เล้ียงลกู ดว้ ยน้านม • ไขข่ องดาวทะเล เมน่ ทะเล • ไดแ้ ก่ ไข่ของสตั ว์สะเทนิ น้าสะเทินบก • ไดแ้ ก่ ไขข่ องปลากระดูกออ่ น และแอมฟอิ อกซสั สตั ว์เลอ้ื ยคลาย และสัตว์ปกี แบง่ ตามการกระจายของไข่แดง (distribution of yolk) ชนดิ ไอโซเลซิทลั ชนิดเทโลเลซทิ ลั ชนดิ เซนโทรเลซทิ ลั (isolecithal egg) (telolecithal egg) (centrolecithal egg) • ไขแ่ ดงกระจายในในไซโทพลาซึม • ไข่แดงรวมกนั อยู่ดา้ นใดด้านหน่ึง • มีไข่แดงรวมกันเปน็ กลุ่มอยตู่ รงกลาง อยา่ งสมา่ เสมอ หรือกระจายในไซโทพลาซมึ อย่างสม่าเสมอ และมไี ซโทพลาซมึ ล้อมรอบ • ไขข่ องดาวทะเลและเม่นทะเล • ไขข่ องสตั วส์ ะเทนิ น้าสะเทินบก • ไขข่ องแมลง สตั วเ์ ล้อื ยคลาน และสัตว์ปกี

การเจริญเตบิ โตและพัฒนาของไซโกต ไซโกต คลีเ์จ (cleavage) 2 เซลล์ 4 เซลล์ • ไซโกตแบง่ เซลล์แบบไมโทซิสทาใหไ้ ด้เอม็ บรโิ อทม่ี จี านวนเซลลเ์ พม่ิ ขึ้น 8 เซลล์ แต่ขนาดของเซลล์จะเลก็ ลงตามลาดับ มอรูลา • ได้เอ็มบรโิ อระยะมอรูลา (morula) มลี ักษณะคลา้ ยผลนอ้ ยหนา่ บลาสทูลา บลาสโทซลี บลาสทเู ลชนั (blastulation) บลาสทูลาเม่ือผา่ ตามข์าง • เซลลจ์ ัดเรยี งตัวใหม่โดยแยกจากกนั ไปเรยี งตวั บรเิ วณผวิ ช้ันนอกเกดิ ช่องบลาสโทซีล (blastocoel) • ชน้ั ของเซลล์ที่ลอ้ มรอบบลาสโทซลี เรียกวา่ บลาสโทเมยี ร์ (blastomere) • เรยี กเอ็มบรโิ อระยะนวี้ ่า บลาสทลู า (blastula)

การเจริญเติบโตและพัฒนาของไซโกต แกสทรลู า เอนโดเดริ ม์ บลาสทูลา เมโซเดิรม์ บลาสโทซลี เอก็ โทเดิรม์ แกสทรเู ลชัน (gastrulation) ออร์แกโนเจเนซิส (organogenesis) • เซลลเ์ คลื่อนท่แี ละจัดเรียงตวั เปน็ ช้ันเนอื้ เยื่อ • เนอ้ื เย่ือท้ัง 3 ชัน้ ของเอม็ บริโอพฒั นาการเป็นอวัยวะตา่ ง ๆ ดังน้ี โดยเคลอ่ื นที่ในลักษณะต่าง ๆ เช่น การบมุ่ ตัว การคลมุ ตวั - เอก็ โทเดิร์ม (ectoderm) เจริญเปน็ ระบบประสาท การม้วนตวั การแยกตัว และระบบหอ่ หมุ้ ร่างกาย • เอม็ บริโอประกอบดว้ ยเนือ้ เย่อื 3 ชัน้ ได้แก่ เอ็กโทเดริ ์ม - เมโซเดิรม์ (mesoderm) เจริญเปน็ ระบบต่าง ๆ เมโซเดริ ์ม และเอนโดเดริ ์ม และเกิดชอ่ งแกสโทรซีล เชน่ ระบบสืบพนั ธ์ุ ระบบกล้ามเนอ้ื ระบบหมนุ เวียนเลือด (gastrocoel) ระบบกระดูก • เรียกเอ็มบริโอระยะน้ีว่า แกสทรูลา (gastrula) - เอนโดเดริ ม์ (endoderm) เจรญิ เปน็ ระบบหายใจ ระบบยอ่ ยอาหารและตอ่ มต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกบั ระบบย่อยอาหาร

การเจรญิ เติบโตของกบ • ปฏสิ นธิภายนอกร่างกาย • ไข่มปี ริมาณไข่แดงปานกลาง ลกั ษณะกลมลอยอยูใ่ นนา้ เปน็ แพ ไม่มเี ปลือกหอ่ หุม้ แตม่ วี ุ้นห่อหุ้มอยโู่ ดยรอบ คลเี ์จ บลาสทเู ลชนั แกสทรเู ลชนั • ไซโกตแบง่ เซลลแ์ บบไมโทซสิ • เซลลด์ ้านในเคลอื่ นทแ่ี ยกออกจากกนั • เซลล์ดา้ นบนแบง่ เซลลเ์ รว็ กวา่ จึงเคลอื่ นลงมาคลมุ จนได้เอม็ บรโิ อแบบมอรูลา เกดิ ช่องบลาสโทซีลท่คี ่อนไปทางด้านบน และดันเซลลด์ ้านลา่ งใหบ้ ๋มุ เขา้ ไปข้างใน สเปิรม์ บลาสโทซลี • เซลล์ดา้ นบนเคลอื่ นทีต่ าม เกิดเน้อื เยื่อ 3 ชน้ั เซลล์ไข่ และเกดิ ช่องแกสโทรซลี บลาสโทพอร์ เอ็กโทเดิรม์ • ปากของชอ่ งแกสโทรซีลเกดิ เปน็ บลาสโทพอร์ เมโซเดิร์ม เอนโดเดิร์ม ออรแ์ กโนเจเนซสิ • บลาสโทพอรเ์ จรญิ เปน็ ทางเดินอาหาร และเกิดเปน็ ทวารหนัก • สว่ นตรงข้ามกับบลาสโทพอรเ์ จริญเปน็ ปาก

การเจริญเติบโตของไก่ • ปฏสิ นธิภายในร่างกาย • เอม็ บริโอเจริญและพัฒนาเช่นเดียวกับกบ • หลงั ฟกั จากไข่ไมม่ เี มทามอร์โฟซสิ ไขแ่ ดง (yolk) อาหารของเอ็มบรโิ อ ไข่ขา์ (albumen) ป้องกนั อนั ตรายและการสูญเสยี นา้ ของเซลล์ไข่ ถงุ น้าคร่า (amnion) ถุงชั้นในทีม่ ีของเหลวบรรจุอยู่ ป้องกนั การกระทบกระเทือนและปอ้ งกนั ไมใ่ หเ้ อม็ บรโิ อแห้ง คอเรียน (chorion) ถงุ ช้นั นอกทอ่ี ยใู่ กล้เปลอื กไข่ ทาหน้าทแี่ ลกเปลี่ยนแก๊ส ถุงแอลแลนทอยส์ (allantois) แลกเปลีย่ นแก๊สกับภายนอก เก็บของเสียประเภทกรดยรู กิ สะสมไวจ้ นกระทัง่ ฟกั ออกจากไข่

การเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์ ระยะค์เี ์จ เอ็มบริโอแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสจนเปน็ เอ็มบรโิ อ ในระยะมอรลู า เซลลไ์ ขป่ ฏสิ นธกิ ับสเปริ ์มบริเวณท่อนาไข่ จนไดเ้ ปน็ ไซโกต และจะพฒั นาตอ่ เปน็ เอ็มบริโอ ์นั ท่ี 7 เอ็มบรโิ อระยะบลาสทูลา ฝงั ตัวทผี่ นงั มดลูกชัน้ เอนโดมีเทรยี ม

การเจรญิ เตบิ โตของมนุษย์ สายสะดอื ถงุ น้าครา่ รก อายุ 2 สัปดาห์ เอม็ บรโิ อเขา้ ส่รู ะยะแกสทรลู า เกิดเนอ้ื เยือ่ 3 ชน้ั ผนงั มดลูก อายุ 3 สัปดาห์ ปรากฏรอ่ งรอยของอวยั วะ ไดแ้ ก่ หวั ใจและระบบประสาท อายุ 4 สปั ดาห์ อวยั วะต่าง ๆ เรม่ิ เจริญอยา่ งชัดเจน เช่น แขน ขา อายุ 8 สปั ดาห์ มอี วัยวะเจรญิ ครบซ่ึงเปน็ ระยะสน้ิ สดุ ของเอ็มบริโอ หลังจากนเี้ รยี กว่า ฟีตัส อายุ 3 เดือน สามารถแยกเพศได้ เหน็ นว้ิ มือน้วิ เท้าชดั เจน อายุ 6 เดือน ผิวหนังมีรอยเห่ียวยน่ และบางใส ศีรษะโต มขี นคิ้วและขนตา ลืมตาและหลบั ตาได้ 3 เดอื น สดุ ท้ายก่อนคลอด ฟตี ัสมขี นาดโตขึ้นมากและระบบประสาทเจรญิ มาก อายุ 9 เดือน คลอดออกมาเปน็ ทารก

การเจริญเติบโตของมนษุ ย์ การเจรญิ เตบิ โตหลงั จากคลอดเปน็ การเพิม่ น้าหนกั และค์ามสูง ซึ่งส์่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายจะมกี ารเจริญเติบโตแตกตา่ งกัน เปรยี บเทยี บการเจรญิ เตบิ โตของค์ามยา์ของศรี ษะ ลาตั์ และขา แรกเกิด 2 12 ปี 5 ปี 15 ปี 20 ปี

การเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์ เปรยี บเทยี บการเพ่มิ ขนาดของอ์ัย์ะและเนอื้ เย่ือบางชนิด เนือ้ เยือ่ ท่ีสรา้ งเซลลเ์ ม็ดเลือดขา์ สมองและศรี ษะ อ์ยั ์ะสบื พนั ธุ์ ขนาดของรา่ งกาย

สรปุ การสบื พันธข์ุ องสตั ์์ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท การสบื พันธ์แุ บบไม่อาศยั เพศ • การสืบพนั ธ์ุที่ไม่ต้องอาศยั เซลล์สบื พนั ธุ์ • สตั ว์ตัวใหมม่ ีลักษณะเหมือนสัตว์ตวั เดมิ ทุกประการ • เชน่ การงอกใหม่ พบในพลานาเรีย ไสเ้ ดอื นดิน และดาวทะเล การแตกหน่อ พบในไฮดรา หนอนตวั แบน และฟองนา้ การหักเป็นทอ่ น พบในหนอนตวั แบน สาหรา่ ยทะเล และสาหรา่ ยไฟ พาร์ทีโนเจเนซสิ พบในแมลง การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ • อาศยั เซลล์สบื พนั ธเุ์ พศผู้ คือ สเปริ ม์ และเซลลส์ ืบพนั ธ์ุเพศเมีย คอื เซลล์ไข่ มาปฏสิ นธกิ นั เป็นไซโกต เจริญและพัฒนาเป็นเอ็มบรโิ อ และตวั เต็มวยั ตอ่ ไป • แบง่ ออกเปน็ การสบื พนั ธ์ุของสัตว์ท่ีมี 2 เพศในตัวเดยี วกัน พบในพลานาเรยี และไส้เดือนดนิ การสบื พนั ธ์ขุ องสตั วท์ มี่ เี พศผู้และเพศเมียแยกกนั เชน่ ปลา แมลง

สรปุ ต่อมสร้าง ระบบสืบพันธุ์เพศชาย น้าเลย้ี งสเปิร์ม กระบ์นการสร้างสเปิร์ม เกิดภายในผนังของหลอดสรา้ งสเปิรม์ ท่อี ย่ใู นอณั ฑะ เร่ิมจาก การสบื พนั ธข์ุ องมนุษย์ เซลลส์ เปอร์มาโทโกเนียมแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสไดส้ เปอร์มาโทโกเนียมจานวนมาก ตอ่ มลกู หมาก บางเซลล์พฒั นาเป็นเซลล์สเปอร์มาโทไซต์ระยะแรก (2n) และแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิส I หลอดนาสเปิรม์ ตอ่ มคาวเปอร์ ไดส้ เปอรม์ าโทไซต์ระยะท่สี อง 2 เซลล์ (n) และแบ่งเซลล์แบบไมโอซสิ II ไดส้ เปอร์มาทิด องคชาต 4 เซลล์ (n) ซงึ่ จะเปล่ยี นแปลงรปู รา่ งและพฒั นาเป็นสเปอร์มาโทซวั หรอื สเปิรม์ หลอดเก็บสเปิร์ม รังไข่ ระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ อัณฑะ ชอ่ งคลอด กระบ์นการสรา้ งเซลลไ์ ข่ เกิดภายในรงั ไข่ เร่มิ จากโอโอโกเนยี ม (n) ท่อี ย่ใู นรังไข่ตัง้ แต่ เปน็ ทารกในครรภ์แบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิสไดเ้ ซลลใ์ หมจ่ านวนมาก เซลล์สว่ นหนึง่ พัฒนาเป็น ท่อนาไข่ โอโอไซตร์ ะยะแรก (n) ทถี่ กู ลอ้ มรอบด้วยฟอลลเิ คิล เมอ่ื เข้าสวู่ ัยเจรญิ พันธุ์ แต่ละรอบเดอื น มดลกู โอโอไซตร์ ะยะแรกบางเซลลจ์ ะถูกกระต้นุ ให้แบ่งเซลลแ์ บบไมโอซสิ I ได้เปน็ โอโอไซตร์ ะยะ ทีส่ อง 1 เซลล์ (n) และโพลารบ์ อดี 1 เซลล์ (n) จากน้นั โอโอไซตร์ ะยะที่สองถกู กระตุ้นใหต้ ก เขา้ สูท่ ่อนาไข่ และฟอลลิเคิลจะเจรญิ เป็นคอรป์ ัสลูเทียม

สรปุ การเจริญเตบิ โตของสัต์์ ประกอบดว้ ย 4 ระยะ คลเี ์จ ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจนได้เอ็มบริโอทปี่ ระกอบดว้ ยกลุม่ เซลล์จานวนมาก เรยี กวา่ มอรูลา บลาสทเู ลชัน เซลล์จดั เรียงตัวใหมโ่ ดยแยกจากกนั ไปเรียงตัวบรเิ วณผวิ รอบนอก แกสทรูเลชัน เซลลเ์ คล่ือนที่และจัดเรยี งตวั เปน็ เน้ือเยือ่ 3 ชน้ั ออรแ์ กโนเจเนซิส เน้ือเย่ือทั้ง 3 ชั้นพฒั นาเป็นอวยั วะตา่ ง ๆ สเปิรม์ การเจรญิ เตบิ โตของกบ หลงั การปฏิสนธิ ไซโกตจะแบง่ เซลล์เพม่ิ จานวนกลายเปน็ มอรลู า ในระยะบลาสทเู ลชนั เซลลด์ า้ นในเคลอื่ นที่ เซลลไ์ ข่ แยกจากกันทาให้เกดิ ชอ่ งว่าง (ค่อนไปทางด้านบน) ในระยะแกสทรเู ลชนั เซลลท์ ีอ่ ยดู่ า้ นบนแบ่งตวั เรว็ กว่าด้านล่าง จึงเคลอื่ นท่ลี งมาคลมุ และดันเซลลด์ า้ นลา่ งไปข้างใน และเกิดเน้ือเยือ่ 3 ชน้ั เมอ่ื ตัวอ่อนฟักเป็นตวั จะเกิดการ เปล่ยี นแปลงแบบเมทามอร์โฟซิส ถงุ น้าครา่ การเจริญเติบโตของไก่ ถุงแอลแลนทอยส์ ไก่มีการเจริญเติบโตคลา้ ยกบ แต่เอ็มบริโอของไกถ่ ูกหอ่ หมุ้ ด้วยถุงน้าครา่ ชว่ ยปอ้ งกนั การกระทบกระเทอื น เอม็ บรโิ อ และถุงคอเรียนช่วยแลกเปลี่ยนแกส๊ และมีการสร้างถงุ แอลแลนทอยส์สาหรับแลกเปลีย่ นแกส๊ และเก็บของเสยี ถุงไขแ่ ดง เมอ่ื ตวั ออ่ นฟกั เปน็ ตัวจะไม่เกดิ การเปลีย่ นแปลงแบบเมทามอร์โฟซิส คอเรยี น ไข่ขาว

สรุป การเจรญิ เตบิ โตของมนษุ ย์ หลงั การปฏสิ นธทิ ่ีทอ่ นาไข่ ไซโกตจะแบง่ เซลลเ์ พม่ิ จานวนและพัฒนาเป็นเอม็ บรโิ อ และมีการพัฒนา ดงั น้ี ์ันท่ี 7 เอ็มบริโอระยะบลาสทลู าฝังตวั ท่ผี นงั มดลูก อายุ 2 สัปดาห์ เอม็ บริโอเขา้ ส่รู ะยะแกสทรูลา เกดิ เน้ือเยอื่ 3 ชั้น อายุ 3 สัปดาห์ ปรากฏรอ่ งรอยของอวยั วะ ไดแ้ ก่ หวั ใจและระบบประสาท อายุ 8 สัปดาห์ มอี วยั วะเจริญครบซง่ึ เปน็ ระยะสน้ิ สุดของเอม็ บรโิ อ หลงั จากนีเ้ รียกวา่ ฟตี ัส อายุ 3 เดือน สามารถแยกเพศได้ เห็นนว้ิ มือและนว้ิ เท้าชดั เจน อายุ 6 เดอื น ผวิ หนงั มรี อยเหย่ี วย่นและบางใส ศรี ษะโต มีขนคิ้วและขนตา ลมื ตาและหลบั ตาได้ 3 เดอื นสุดท้ายกอ่ นคลอด ฟตี สั มขี นาดโตขึน้ มากและระบบประสาทเจริญมาก อายุ 9 เดอื น คลอดออกมาเปน็ ทารก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook