Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 2 พืชและสัตว์

หน่วยที่ 2 พืชและสัตว์

Published by ชฎาภรณ์ นันตา, 2020-08-15 23:06:39

Description: ใบความรู้ เรื่อง พืชและสัตว์

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 2 พืชและสตั ว์ ครชู ฎาภรณ์ นนั ตา โรงเรียนเทศบาลสนั ป่ายางหน่อม

ใบความรู้ เรอ่ื ง พืชและสัตว์ พชื สวน คือ พชื ทป่ี ลกู ในพนื้ ทีไ่ ม่มากหรอื มาก ๆ กไ็ ด้ แตต่ ้องปฏิบัติดูแล รกั ษาอยา่ งประณีต สว่ นมากอายยุ ืน สามารถเกบ็ เกย่ี วได้เปน็ เวลาหลายปตี ิดตอ่ กนั แบ่งออกไดเ้ ป็นหลายแขนง คือ 1. พืชผกั หมายถึง พชื พวกทใ่ี ชใ้ บ ผล ราก ดอก หวั หรอื ลาต้นเป็นอาหาร สว่ นใหญ่เปน็ พชื ทม่ี ีอายสุ ้นั เพยี งฤดูเดียว เช่น ผักกาดขาว กวางต้งุ คะน้า มะเขือเทศ พริก แครอท สะระแหน่ กะหล่าปลี ผักกาดหวั กะหลา่ ดอก และผักบางชนิดอาจมีอายมุ ากกวา่ 1 ปี เช่น ผกั กระเฉด ขิง ขา่ ตะไคร้ เปน็ ตน้ 2. ไม้ผล หมายถึง ไมย้ ืนตน้ ที่มอี ายุหลายปี จงึ จะใหผ้ ลผลิต การ ทาสวนผลไม้ ชาวสวนจะตอ้ งศกึ ษาหาความรู้ ความชานาญ ความขยนั หมนั่ เพยี รและ ปฏิบตั ิดแู ลรักษาอยู่ตลอดเวลา เพราะการทาสวนผลไมต้ อ้ งอาศัยเงินทุน และระยะเวลา นานพอสมควรที่จะใหผ้ ลผลติ ออกจาหนา่ ยได้ พชื ทจ่ี ัดว่าเปน็ ไม้ผล ได้แก่ มะมว่ ง ทเุ รียน มะขาม มงั คดุ ลาไย มะพร้าว ขนุน ชมพู่ ส้มตา่ งๆ เป็นตน้ 3. ไม้ดอกไมป้ ระดบั หมายถงึ พืชทป่ี ลกู แล้วสามารถให้ดอกท่ี สวยงาม หรือบางชนิดก็ให้ใบ ทรงต้น ทรงพมุ่ สวยงาม ซงึ่ สามารถใช้ตกแต่งสถานท่ี ให้สวยงามได้ แบง่ ออกเปน็ 3.1 ไม้ดอก คอื พืชทป่ี ลูกเพอ่ื ต้องการดอกนาไปใชป้ ระโยชน์ แบง่ ออกเปน็

3.1.1 ไม้ตดั ดอก คือ ไมด้ อกที่ปลกู เพอื่ ตัดดอกจากตน้ นามาใช้ประโยชน์ เช่น ดอกกุหลาบ เบญจมาศ เยอบรี า่ เป็นตน้ 3.2.2 ไม้ดอกตดิ กบั ต้น หมายถงึ พนั ธไ์ุ มด้ อกทไี่ มน่ ยิ ม ตัดดอก เน่ืองจากดอกไมม่ ีความคงทน เหีย่ วเฉาง่าย เชน่ ชบา ทองอไุ ร ผกากรอง เฟือ้ งฟ้า เป็นต้น 3.2 ไมป้ ระดับ คอื พนั ธไุ์ มท้ ่ี ปลกู เพอื่ ประดับอาคารตา่ ง ๆ โดยไม่คานึ่งถึงดอกของ มนั แต่คานกึ ถงึ ความสวยงามของรปู ทรงลาต้น ใบ ทรงพุม่ เป็นสว่ นสาคัญ แบง่ ออกได้ 3.3.1 ไม้ใบ คือ พันธไ์ุ มท้ ่มี รี ปู ร่างลกั ษณะของใบ สวยงามมีสีสันดี เช่น บอน เฟริ ์น โกสน ปรกิ หางกระรอก เป็นต้น 3.3.2 ไม้กระถาง คอื พนั ธไ์ุ ม้ประดับท่สี ามารถนามา ปลกู ใหเ้ จริญเตบิ โตไดด้ ีในกระถาง ไดแ้ ก่ สาวนอ้ ยประแป้ง เขยี วหมนื่ ปี หมาก เขียว หมากเหลอื ง ตะบองเพชร เปน็ ต้น 3.3.3 ไม้ดดั และไมแ้ คระ คอื ไม้ประดับทีม่ คี วาม สวยงามของทรงลาต้น กิง่ ใบ ดอก หรือผล โดยคอยตดั แตง่ ดแู ลเอาใสเ่ ปน็ พเิ ศษ ใช้ศิลปและเวลาในการตกแต่งมาก พนั ธ์ุไมด้ ดั ไมแ้ คระ ไดแ้ ก่ ชาดัด ขอ่ ย ตะโก โมก มะสัง เปน็ ต้น 3.3.4 การจดั สวนและการตกแตง่ สถานท่ี คือ การวางผัง ปรบั ปรุงพ้ืนทเ่ี พ่ือปลกู ไมด้ อกไมป้ ระดบั ตกแตง่ ใหบ้ ริเวณสถานทนี่ ัน้ สวยงามนา่ อยนู่ า่ อาศยั ตัวอย่างการจัดสวน เชน่ สวนสาธารณต่าง ๆ สวนหลวง ร. 9 สวนจตจุ กั ร เป็นตน้

สตั ว์ สัตวแ์ ต่ละ ชนดิ ท่อี าศัยอย่ตู ามธรรมชาติ มลี ักษณะโครงสร้างภายนอกและภายในแตกต่างกนั ทาให้ เราสามารถจาแนกประเภทของสัตวอ์ อกเปน็ 2 พวกใหญ่ ๆ คือสตั วท์ ่มี กี ระดูกสันหลัง และสัตวท์ ่ีไมม่ ีกระดูกสันหลังสัตว์เปน็ สิ่งมชี วี ิตเพราะเคลอ่ื นที่ได้ กนิ อาหารได้ หายใจได้ ขัยถ่ายได้ และสามารถขยายพันธอ์ุ อกลูกออกหลานได้ ทาใหส้ ตั ว์มีจานวนเพ่ิมมากข้นึ ใน โลกของเรามีสัตว์จานวนมากมายหลายชนิด สัตวแ์ ต่ละชนิดมีธรรมชาติและมกี าร ดารงชีวติ แตกตา่ งกันไป ข้ึนอยกู่ บั ลักษณะโครงสรา้ งภายนอกและลักษณะโครงสรา้ ง ภายในของสตั ว์นั้น ประเภทของสตั ว์ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทคือ เปน็ สตั ว์ท่ีมีกระดูกต่อกนั เปน็ ข้อ ๆ กระดกู เหลา่ น้ีทาหนา้ ทเ่ี ป็นแกนของร่างกาย ตัวอย่างสัตว์มีกระดกุ สนั หลงั ปลา เปน็ สัตว์น้า อาศัยอย่ทู ั้งในน้าจดื และนา้ เค็ม ปลามรี ปู รา่ งเรยี วยาว เพ่อื ให้สะดวก ในการเคลอ่ื นทีใ่ นน้า ลาตวั ของปลามีเกล็ดหรอื เมือกปกคลุม ปลายหายใจโดยใช้เหงอื ก

ปลาส่วนใหญ่ออกลูกเปน็ ไข่ เช่น ปลาดุก ปลาช่อน ปลานิล ปลาตะเพยี น ปลาทู เปน็ ต้น แต่ปลาบางชนิดออกลกู เปน็ ตัวเชน่ ปลาหางนกยงู ปลาเขม็ ปลาสอด ปลาฉลาม (บางพนั ธุ์) ครีบหางและครบี ขา้ งลาตวั ปลาชว่ ยให้ปลาเคลื่อนที่ไปในแนวต่าง ๆ ได้ กบ อง่ึ อ่า คางคก เขียด เป็นสัตว์ คร่ึงนา้ คร่งึ บก ตอนเปน็ ไขอ่ ยู่ในนา้ ต่อมาไข่ เจรญิ เติบโตเป็นตัวออ่ นท่เี รียกว่า “ลกู ออ๊ ด” ซึ่งอาศยั อยู่ในน้าและหายใจโดยใช้เหงือก ขณะลกู ออ๊ ดอยู่ในน้าเคล่อื นทโ่ี ดยใช้หางวา่ ยนา้ เม่ือลกู ออ๊ ดเจรญิ เติบโตขนึ้ สว่ นหางจะ หายไปและมขี า 4 ขา เกดิ ขนึ้ รปู ร่างเหมอื นตวั แมโ่ ดยทั่วไป แตม่ ีขนาดเล็กและขึ้นมา อาศัยบนบก สตั ว์ครง่ึ นา้ คร่งึ บกเม่ือเติบโตเตม็ ทแี่ ล้วจะหายใจโดยใช้ปอดและผิวหนัง จระเข้ เตา่ งู จงิ้ จก เปน็ สัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยบู่ นบก มหี นังปกคลมุ ลาตัวเปน็ เกล็ด แข็งและแหง้ หายใจโดยใชป้ อด สตั ว์เหล่าน้อี อกลกู เปน็ ไข่ ซึงมเี ปลอื กแขง็ หรอื เปลอื ก เหนียวนิ่มหุ้ม นก เปด็ ไก่ ห่าน เปน็ สตั ว์ปีก อาศัยอยูบ่ นบก มีขา 2 ขา และมีปกี 2 ปกี เพอ่ื ใหบ้ นิ ลาตวั ปกคลมุ ด้วยขนที่มีกา้ นหายใจโดยใชป้ อด สตั ว์เหลา่ นีอ้ อกลกู เปน็ ไข่ ท่ี มเี ปลอื กแขง็ หุ้ม มนษุ ย์ ลิง สุนัข คา้ งคาว วาฬ โลมา เปน็ สัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนม เพราะสัตว์ตวั เมยี จะมี ตอ่ มสรา้ งน้านม สาหรับเลี้ยงลกู ลาตัวปกคลุมด้วยขนทเ่ี ปน็ เสน้ หายใจโดยใช้ปอด สตั ว์เหล่าน้ีออกลูกเป็นตัว ลกั ษณะโครงกระดกู ของลิง คล้ายโครงกระดกุ ของมนุษย์ สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นสตั วไ์ ม่มกี ระดกู เปน็ แกนของรา่ งกาย สัตวบ์ างชนดิ จึงสรา้ งเปลอื กแข็งขนึ้ มาหอ่ หมุ้ รา่ งกาย เพื่อปอ้ งกันอนั ตราย ตัวอยา่ งสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลังคือ พยาธิ เป็นสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สนั หลงั ท่ีมีลาตวั ยาวรปู ร่าง กลม หรือ แบน

พยาธสิ ว่ นใหญ่จะอาศัยอยใู่ นร่างกายมนุษย์หรือสตั ว์ตา่ ง ๆ และดูดเลือดจากสัตว์ เหลา่ นนั้ เปน็ อาหาร กุ้ง กงั้ ปู เป็นสตั วไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั ทีม่ ีสารเป็นเปลือกแขง็ หุม้ ลาตัว ลาตัวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนหวั และส่วนท้อง ทส่ี ่วนหวั มีตา 1 คู่ มีขนาดมสี ว่ น ทอ้ ง มีขาที่มีลกั ษณะต่อกันเปน็ ข้อสาหรบั ใชดิน ว่ายนา้ หรอื ช่วยในการกินอาหาร แมลง เป็นสัตว์ไม่มกี ระดกู สนั หลังที่มีสารเป็นเปลอื กแขง็ หุ้มลาตัว เช่นเดียวกบั พวกก้งุ กั้ง ปู แต่ลาตัวของแมลงแบ่งเป็น 3 สว่ น คอื ส่วนหวั สว่ นอก และส่วนท้อง ที่สว่ นหัวมตี า 1 คู่ มหี นวดท่สี ว่ นอกมขี าตอ่ กันเปน็ ขอ้ ๆ จานวน 3 คู่ (6 ขา) สาหรบั เดิน วงิ่ กระโดด หรือจับอาหารกนิ หอย จัดเป็นสตั วไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั ท่มี ีลาตัวออ่ นนม่ิ มีสารจาพวกหนิ ปูน เป็นเปลอื กแขง็ หมุ้ ลาตวั หอยสว่ นใหญอ่ าศัย อย่ใู นน้า หอยที่ อาศัยอยู่ในนา้ จดื เช่น หอยกาบ หอยโข่ง หอยขม หอยทีอ่ าศัยอยใู่ นนา้ เค็ม เชน่ หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยกะพง เป็นต้นส่วนหอยบางชนิดอาศัยอย่บู นบก เชน่ หอยทาก ปลาหมกึ ทะเล เป็นสัตว์ไมม่ กี ระดูกสนั หลัง ท่ีมลี าตัว ออ่ นนมุ่ รูปรา่ งเรยี ว ยาว ส่วนทา้ ยของลาตวั มหี นวดสาหรับวา่ ยน้า ในลาตวั ของหมกึ ทะเล อาจมีแผ่นแข็ง ๆ เรียกว่าล้ินทะเล ทาหนา้ ท่ีเปน็ โครงสรา้ งของร่างกายหมกึ ล้ินทะเลคอื กระดองหมึกชนิดหน่งึ สาหรบั ใช้ทายาขัดสง่ิ ของ สัตวใ์ นโลกแบง่ เปน็ สัตว์มกี ระดกู สันหลงั และสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลัง สตั วื เหลา่ น้ีอาศัยอย่ใู นแหลง่ ที่อยู่อาศัยแตกต่างกันสตั วบ์ างชนดิ อาศยั อยใู่ นน้า สัตว์บางชนดิ อาศัยอยบู่ นบก สตั ว์บางชนดิ อาศัยอย่ไู ด้ทัง้ บนบกและในนา้ สตั วเ์ หลา่ นเี้ ม่ือเกดิ และมี ชีวิตอยู่ในปา่ หรือในน้าอยา่ งอสิ ระตามธรรมชาติ เราจัดเป็น สตั วป์ ่า สว่ นสัตว์บ้านหรือ สัตว์ปา่ ทีค่ นนามาเลี้ยงจนเชือ่ ง เราเรียกวา่ สตั ว์เลี้ยง สตั ว์เล้ียงมหี ลายชนดิ สตั ว์แตล่ ะชนดิ มีประโยชนต์ อ่ มนุษย์หลายดา้ น

แตกต่างกันไป เราสามารถจาแนกสตั ว์ต่างๆ โดยใชป้ ระโยชนข์ องสัตว์เป็นเกณฑ์ คอื 1.สัตว์เลี้ยงสาหรับใช้แรงงาน เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย 2.สตั ว์เล้ียงทใี่ ชเ้ น้อื เปน็ อาหาร เชน่ หมู เป็ด ไก่ กงุ้ ปลา มา้ เป็นสัตวท์ ี่แข็งแรง สะอาด และสามารถเจาะเลอื ดได้ที่ละมาก ๆ ดังนน้ั เราจงึ ใชร้ า่ งกายของมา้ สรา้ งเซรุ่มแก้พษิ งไู ด้ สตั ว์เล้ียงเพอ่ื ความสวยงามและความเพลดิ เพลนิ เชน่ นก ปลา สุนขั กระตา่ ย สตั วเ์ ล้ียงเพ่ือใชใ้ นการทดลองวิทยาศาสตร์ เชน่ หนู กระต่าย งู มา้ การปฏบิ ัติตอ่ สัตว์เล้ยี ง 1.จัดท่อี ยูใ่ หเ้ หมาะสมกบั สภาพของสัตว์ และคอยดแู ลและทาความสะอาดทอ่ี ยขู่ องสัตว์ อยา่ งสมา่ เสมอ 2.ใหน้ ้าสะอาดและอาหารที่เหมาะสมกับธรรมชาตขิ องสตั ว์ 3.เมอื่ สัตว์มอี าการผิดปกติ เช่น ซมึ เบอ่ื อาหาร สง่ เสยี งร้องผิดปกตติ ้องรบี ดูแล และ ให้การรกั ษาพยาบาลทันที ถา้ สัตวม์ ีอาการผิดปกตมิ าก ตอ้ งรบี ให้สัตวแพทย์ดแู ลรักษา สัตวเ์ ลยี้ งด้วยความรักและเมตตา ประโยชน์ของสตั ว์ สตั ว์เลย้ี งและสัตวป์ า่ มีประโยชน์ต่อมนุษย์คือ 1.ดา้ นการเกษตร ใช้แรงงานจากสตั ว์ในการทาการเกษตร เช่น วัว ควายใชไ้ ถนา ช้างใช้ลากซุง ลิง เกบ็ มะพรา้ ว ใชเ้ ป็นพาหนะ โดยเฉพาะในชนบททห่ี ่างไกลจากเส้นทางคมนาคมจะใช้สตั ว์เป็นพาหนะ

เชน่ วัว ควาย ใชเ้ ทยี มเกวียนบรรทุกของ ช้างม้าใช้ข่ี ชว่ ยในการผสมเกสรดอกไม้ ทาใหเ้ กดิ เป็นผลใชร้ บั ประทานและช่วยแพรพ่ นั ธพุ์ ืช เช่น ผเี สื้อ ผ้งึ มม้ิ ต่อ แตน ใช้ทาปยุ๋ เชน่ ปยุ๋ ดอกไมม้ าจากมลู ของสัตวซ์ งึ่ จดั เป็นปยุ๋ ธรรมชาตชิ ่วยบารงุ ดิน ทาให้ ตน้ ไมเ้ จริญงอกงาม 2.ด้านการแพทย์ ใช้ศกึ ษาโครงสรา้ งระบบการทางานของอวัยวะภายในรา่ งกายสงิ่ มชี ีวิต เชน่ ปลา กบ หนู กระตา่ ย ลงิ ใชผ้ ลิตวัคซีน เซรุ่ม เพื่อสรา้ งภูมิตา้ นทานโรค เช่นม้า งู ใช้เปน็ สตั วท์ ดลองเพอื่ ดกู ารเปลี่ยนแปลงของรา่ งกาย เมอื่ ไดร้ บั วัคซนี เซร่มุ หรือสารอื่น ๆ ท่ีผลิตขึ้นมาใหม่ เชน่ หนู กระต่าย ลิง 3.ด้านการบริโภคและอปุ โภค ใช้เป็นอาหารเชน่ หมู วัว ควาย เป็ด ไก่ ปลา กงุ้ หอย ใช้ทาเคร่อื งนุ่งหม่ เชน่ หนงั ของสัตวบ์ างชนดิ เราสามารถนามาทาเปน็ เคร่ืองน่งุ หม่ หรอื เครื่องใช้ เช่น กระเป๋า เข็มขัด ถงุ มอื รองเท้า ใช้ทาเครือ่ งใช้ โดยเอาส่วนต่าง ๆ ของสตั วม์ าทา เช่น เขาควาย ใชท้ าดา้ มมีด สตั วม์ ปี ระโยชน์ต่อมนษุ ยม์ ากมาย แต่ขระเดยี วกันกม็ สี ตั วบ์ างชนดิ ทีเ่ ป็นโทษแกม่ นุษย์ และส่งิ มีชีวติ อืน่ ๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตั ว์ ทเี่ ปน็ พาหนะใน การนาโรคติดตอ่ เช่น ยุง แมลงวนั หรือสตั วบ์ างชนดิ กม็ พี ิษทส่ี ามารถทาอันตรายจนถึงแกช่ วี ติ ได้ เชน่ งู แมงป่อง ตะขาบ ดงั นน้ั เราจึงต้องระมัดระวังไม่เขา้ ใกล้สตั ว์มีพษิ เหลา่ นน้ั

การคมุ้ ครองและสงวนรักษาพนั ธ์สุ ตั ว์ การทาลายสัตว์ก่อให้เกดิ ผลเสียอย่างมากมาย ปจั จบุ นั รฐั บาลจึงได้ออกกฎหมาย เมือ่ คุ้มครองสัตว์ป่า เรยี กว่า พระราชบญั ญัตสิ งวนและคมุ้ ครองสตั ว์ป่า พ.ศ.2535 และมีผล บังคับ ใชต้ ั้งแตว่ ันที่ 29 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2535 สัตว์ป่า หมายถงึ สตั วท์ ุกชนดิ ไมว่ ่าจะเป็นสัตว์บกสตั วน์ า้ สัตว์ปีก แมลงหรอื แมง ซึ่ง เกิดและดารงชีวิตอย่ใู นปา่ หรือในนา้ รวมทั้งไข่ของสัตว์ปา่ สตั วป์ ่าสงวน หมายถึง สตั วป์ ่าที่หายากมีจานวน 15 ชนิด 1.นกเจา้ ฟา้ หญงิ สริ ินธร ลาตวั สดี า มีเหลอื งสนี า้ เงนิ เข้ม สะโพกขาวหางสัน้ กลม 2.แรด เปน็ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดใหญ่ ตาเลก็ หูตง้ั หนงั หนา ประสาทดมกลน่ิ และการได้ยนิ ดมี าก 3.กระซู่ เป็นสตั ว์เลย้ี งลูกด้วยนมขนาดใหญ่ มีพับหนังข้ามตรงส่วนหลังของไหล่เพียงพบั เดยี ว ผิวหนงั ไม่มเี มด็ นูน มีขนลาตวั ตวั ผมู้ เี ขาขนาดใหญ่ 4.กปู รี หรือโคไพร เป็นววั ป่าขนาดใหญ่ ตัวสดี า ตัวผมู้ ีเขาขนาดใหญ่ สว่ นปลายเขา บดิ ชข้ี ้ึนขา้ งบน ปลายแตกเป็นเสน้ ๆ มองเห็นเป็นพู่ ส่วนตัวเมียมเี ขาเล็กกว่า ปลาย ไม่แตกเปน็ พู่ 5.ควายป่า ลักษณะเหมือนควายบ้านแตม่ ขี นาดใหญ่ เขายาว โคนเขาหนา วงเขากวา้ ง เท้าทัง้ สม่ี มี ีขาวคล้ายใสถ่ ุงเทา้ ใตค้ อมีลายขาวเป็นตัววี 6.ละอง หรอื ละม่ัง เป็นกวางขนาดกลาง ตวั สนี ้าตาลออ่ น คอยาวกว่า กวางชนดิ อื่น ตวั ผเู้ ขาโคง้ ปลายช้มี าด้านขา้ ง ตวั เมยี ไมม่ เี ขา 7.สมนั หรือเนื้อสมนั เป็นสตั วเ์ คย้ี วเอือ้ งชนิดหน่ึงมขี นาดเล็กกว่ากวางปา่ ขนสีน้าตาล หางสัน้ เขาแตกแขนงมากกวา่ กวางชนดิ อนื่ 8.เลียงผา เป็นสตั ว์เคย้ี วเอ้ืองชนิดหนึง่ รูปร่างคลา้ ย แพะ ขนสดี า ขายาวและแขง็ แรง มีต่อมนา้ มนั ตรงสว่ นหน้าของตาทั้ง 2 ขา้ ง มีเขาทงั้ ตัวผแู้ ละตวั เมีย

9. กวางผา เป็นสตั วเ์ คี้ยวเออ้ื งชนดิ หนงึ่ สนี า้ ตาลแกมเทาแกมแดง 10. นกแต้วแล้วทองดา เป็นนกทีม่ ีลักษณะลาตัวอว้ นปอ้ ม คอสนั้ มขี าและจะงอยปากที่ แขง็ แรง บินได้เกง่ แตไ่ มช่ อบบนิ ตวั ผูม้ หี ัวสดี า และท้ายทอยสีนา้ เงินแกมฟา้ ตัวเมีย มีหวั สนี ้าตาลแกมเหลอื ง 11.นกกระเรยี น เป็นนกขนาดใหญม่ ีคอยาวปกี กวา้ ง หางกว้างแต่ส้ัน 12.แมวลายหินอ่อน เป็นสตั ว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวโตกวา่ แมวบ้านลายคล้ายเสอื ลายเมฆ แตเ่ ปน็ ร้วิ ถ่ที ี่หางมลี ายเปน็ จดุ ดา ๆ 13.สมเสรจ็ เปน็ สัตว์เลีย้ งลูกดว้ ยนม ลาตัวตอนกลางสีขาว ส่วนหวั และทา้ ยสดี า ขอบหู สีขาว จมูกและริมฝีปากบนยน่ื ยาวออกมาคล้ายงวงยดื หดเขา้ ออกได้หางสนั้ 14. เก้งหมอ้ เปน็ สัตวเ์ คี้ยวเอ้ือง ขนสนี ้าตาลแก่เกอื บดา ทหี่ ัวมีขนลกั ษณะคลา้ ยจกุ สี เหลืองแซมดา 15.พะยูน หรอื หมนู า้ หรอื ดุหยง เป็นสตั ว์เลีย้ งลุกด้วยนม ลาตัวอว้ นกลม มขี นเฉพาะท่ี บรเิ วณใกลป้ าก มีรยางคห์ น้า 1 คู่ เปน็ แผ่นคล้ายใบพาย หางแผ่เปน็ แฉกกกว้างแบน ลง สตั ว์ป่าสงวน 15 ชนิด ของไทย บางชนิดสญู พันธ์ุไปแล้ว เช่นสมนั บางชนิดกม็ อี ยู่ นอ้ ยมาก ดังน้ันพวกเราทุกคนตอ้ งชว่ ยกนั สงวนรักษาไวเ้ พ่อื ให้สตั วเ์ หล่านม้ี ชี ีวติ อยูร่ อด และแพร่พนั ธ์ุเพมิ่ จานวนมากข้นึ สตั ว์ปา่ คมุ้ ครอง หมายถึง สตั วป์ ่าตามทกี่ ฎกระทรวงกาหนดให้เปน็ สตั ว์ปา่ คุม้ ครอง จากพระราชบัญญัตสิ งวนและคุ้มครองสตั ว์ปา่ พ.ศ.2535หา้ มมิให้ผ้ใู ดลา่ และมี ไว้ในครอบครองทงั้ สัตวป์ า่ สงวนและสัตวป์ า่ คมุ้ ครอง ยกเวน้ 1.เพ่อื การสารวจ 2.เพอื่ การศึกษา และการวิจัยทางวชิ าการ 3.เพ่ือการเพาะพนั ธุ์

4.เพ่ือการสงวนสาธารณะของทางราชการ และต้องได้รบั อนุญาตจากอธบิ ดี กรมปา่ ไม้ หรอื ถา้ เกี่ยวกบั สัตว์นา้ ต้องไดร้ บั อนญุ าตจากอธบิ ดีกรมประมง นอกจากน้ี ยงั ห้าม เพาะพนั ธุ์สัตวป์ ่าสงวนหรือสัตวป์ า่ คุ้มครองท่ีได้รับอนญุ าตในการจัดตงั้ และดาเนินการสวน สตั ว์สาธารณะแตต่ อ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตให้เพาะพันธจ์ุ ากอธบิ ดกี รมป่าไม้ เกรด็ น่ารู้ จดจา สตั ว์ท่ีกนิ เนื้อเปน็ อาหารจะมลี าไสส้ ั้น แต่สตั ว์ทก่ี ินหญา้ เป็นอาหารจะมลี าไสย้ าว ผทู้ ดลองผสมเทียมไดส้ าเรจ็ เป็นคนแรก คือ สปอลลาชานี นักวิทยาศาสตรช์ าวอิตาลี โดยเขาได้ผสมเทียมสนุ ัขจนสาเรจ็ สตั วท์ สี่ ายตาสน้ั แต่ดรุ า้ ยทีส่ ดุ ในโลก คือแรด ผู้ตั้งทฤษฎีววิ ัฒนาการวา่ ด้วยการสืบพนั ธุต์ ามธรรมชาติ คอื ชารล์ ดารว์ ิน นกั ชีววิทยา ชาวอังกฤษ สัตว์บกทว่ี ิ่งเร็วทีส่ ุดในโลกคอื เสือชตี า้ นกที่บนิ ไดเ้ รว็ ท่สี ดุ ในโลกคือ นกอนิ ทรี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook